93 GRP ต่อ GDP ของภูมิภาคตะวันออกที่มีสัดส่วนสูงขึ้นเรื่อยๆ จนทาให้วันนี้พื้นที่ในชายฝั่งทะเล ตะวันออกกลายเป็นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรมหลักของประเทศถือได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนสาคัญของ ประเทศไทยในการก้าวขน้ึ มาเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ ( Newly industrialized country, NIC) อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงของสภาพสังคม การเมือง เศรษฐกิจและรวมไปถึงโครงสร้าง ประชากรของประเทศไทยที่มีอัตราการเกิดลดลงทาให้ภาคแรงงานมีกาลังลดลงไปตามเวลาจนส่งผล กระทบต่อ Demand ในประเทศลดลง ประกอบกับค่าจ้างแรงงานที่สูงขึ้น แรงงานขาดทักษะ ประกอบ กับสภาวะความไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองของประเทศไทยนักลงทุนจึงมีความกังวลและชะลอการ ลงทุน5 แผนภาพท่ี 13 แสดงภาพรวมการขยายตวั ทางเศรษฐกจิ และการลงทุนของไทยหลังเกิด ESB ถึง EEC ท่ีมา: ธนาคารออมสิน, EEC ภาคตอ่ Eastern Seaboard ก้าวสำคญั การลงทนุ ไทย, (ออนไลน์) https://www.gsb.or.th/getattachment/a7529f4e-ae04-44cd-9d50- e2bf9588bd7f/14MC_hotissue_internet_EEC_ex.aspx จากช่วง 20 ปีที่ผ่านมา (ปี 2541-2560) GDP และการลงทุนเฉลี่ยขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 3.5 และ 1.7 ตามลาดับ ส่งผลให้การลงทุนมีสัดส่วนต่อ GDP ลดลงอยู่ที่ร้อยละ 25 จากเดิมที่เคยมีสัดส่วน ถึงร้อยละ 43 นอกจากนี้การที่ภาวะเศรษฐกิจไทยขยายตัวอยู่ในระดับต่าเวลานานทาให้ไทยต้องติดกับ ดักรายได้ปานกลาง (Middle Income Trap) 1/ มา 30 ปี นับต้งั แต่ปี 2531 ทีไ่ ทยได้ถูกเลื่อนฐานะเป็น ประเทศรายได้ปานกลาง (Lower-Middle Income) และในปี 2554 ไทยถูกเลื่อนฐานะเป็นประเทศ รายได้ปานกลางระดับสูง (Upper-Middle Income) ทั้งนี้ เกณฑ์การจาแนกประเทศตามระดับรายได้ นั้นถูกกาหนดโดยธนาคารโลกซึ่งมีการทบทวนเกณฑ์แบ่งกลุ่มทุกปี โดยปัจจุบันรายได้ประชากรต่อหัว 5 ธนาคารออมสิน, EEC ภาคต่อ Eastern Seaboard ก้าวสาคญั การลงทุนไทย, (ออนไลน์) https://www.gsb.or.th/getattachment/a7529f4e-ae04-44cd-9d50- e2bf9588bd7f/14MC_hotissue_internet_EEC_ex.aspx
94 (GNI per capita) ของไทยในปี 2560 อยู่ที่ 5,960 ดอลลาร์6 ปัจจุบันรายได้ประชากรต่อหัว ในปี 2562 อย่ทู ี่ 6,610 ดอลลาร์7 ด้วยความมุ่งหวังที่จะสร้างการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยให้ ก้าวกระโดดและท าให้ ประเทศไทยก้าวพ้นกับดักรายได้ปานกลางให้เร็วขึ้น รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงได้ออก คาสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 2/2560 เรื่องการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาค ตะวันออก ลงวันที่ 17 มกราคม 2560 เพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนและการอานวยความสะดวกในการ ประกอบกิจการอันเป็นปัจจัยสาคัญต่อการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และเพ่ือ กระจายการพฒั นาไปยังพนื้ ท่ตี ่างๆ เพอ่ื ตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาระเบียงเขตเศรษฐกิจ ภาคตะวันออก (EEC: Eastern Economic Corridor) ที่ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และ ระยอง และเขตจงั หวัดอื่นท่ตี ดิ ต่อหรือเกี่ยวข้อง8 และไดด้ าเนนิ การเรื่อยมาจนกระทง่ั ในปี 2561 การดาเนินการจัดสร้างพื้นที่ใหม่ทางเศรษฐกิจตามนโยบายมีการวางกรอบกฎหมายโดยอาศัย การตราพระราชบัญญตั ิเขตพฒั นาพิเศษภาคตะวนั ออก พ.ศ.2561 (Eastern Economic Corridor Act : EEC Act) เพื่อดาเนินการพัฒนาพื้นที่ภาคตะวันออกให้เป็นระบบและสอดคล้องกับหลักพัฒนาอย่าง ยั่งยืนโดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมการประกอบพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีสูง ทันสมัย สร้างนวัตกรรมและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม9 และเพื่อลดและปรับปรุงกฎหมายที่เป็นอุปสรรค หรือพัฒนากฎหมายใหม่ให้การพัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกมีประสิทธิภาพมากข้ึน ภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 12 (พ.ศ. 2560 - 2564) โดยมีกระบวนการจัดทา รา่ งพระราชบญั ญัติ ดงั ภาพ10 6 เรื่องเดยี วกนั 7 World Bank, 2019, Thailand Data Set, https://data.worldbank.org/country/thailand 8 คาสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ท่ี 2/2560 เรื่อง การพัฒนาระเบยี งเศรษฐกิจพเิ ศษภาคตะวันออก ลงวนั ที่ 17 มกราคม 2560, หน้า 1 9 พระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ.2561,หน้า 1 10EEC, พระราชบัญญตั ิเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ.2561(ออนไลน์) http://pvnweb.dpt.go.th/rayong/images/pdf/eec1.PDF
95 แผนภาพท่ี 14 แสดงการจดั ทารา่ งพระราชบญั ญตั เิ ขตพฒั นาพเิ ศษภาคตะวันออก พ.ศ. 2561 แผนภาพที่ 14 แสดงการจดั ทาร่างพระราชบัญญัตเิ ขตพฒั นาพเิ ศษภาคตะวันออก พ.ศ. 2561 (ต่อ) ทง้ั นี้ พระราชบัญญัตเิ ขตพฒั นาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ.2561 มีเป้าหมายสูงสดุ ในการเป็นเขต เศรษฐกิจพิเศษที่ดีที่สุดและทันสมัยที่สุดในภูมิภาคอาเซียนและจะยกระดับประเทศไทยให้เป็นประเทศ รายได้สูงหรือประเทศที่พัฒนาแล้วภายในปี 2575 ตามเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ11 และได้มีการ ประกาศเขตส่งเสริมใน 5 พนื้ ที่ ประกอบดว้ ย12 11 ณัชพล จรูญพิพัฒนก์ ุล,โครงการ EEC : ความหวงั ใหม่ในการพลกิ ฟ้ืนวัฎจักรการลงทุน, FAQ Focused and Quick เล่มท่ี 155, 1 กรกฎาคม 2562,ธนาคารแห่งประเทศไทย (2562), หน้า4 12 EEC, ความก้าวหน้า, https://www.eeco.or.th/ภาพรวมการพัฒนา/ความก้าวหน้า
96 1) เขตส่งเสริมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก: เมืองการบินภาคตะวันออก (Special EEC Zone: Eastern Airport City) ตั้งอยู่บนพื้นที่ 6,500 ไร่ บริเวณ สนามบนิ นานาชาติอู่ตะเภาเพ่ือยกระดับสนามบินอ่ตู ะเภาให้เป็นศนู ย์กลางการบิน เพ่ิม ขีดความสามารถในการรองรับผโู้ ดยสารในอีก 5 ปขี า้ งหน้าทีค่ าดวา่ จะมีมากถึง 15 ลา้ น คน/ปี และจะเพิ่มความสามารถในการรองรับเป็น 35 ล้านคน/ปี ในอีก 10 ปี และ 60 ล้านคน/ปีในอีก 15 ปีขา้ งหน้า 2) เขตส่งเสริมนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor of Innovation: EECi) ตั้งอยู่ในบริเวณวังจันทร์วัลเล่ย์ จ.ระยอง พื้นที่ 3,000 ไร่ และบริเวณอุทยานรังสรรค์นวัตกรรมอวกาศ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ครอบคลุม พ้นื ที่ 120 ไรเ่ พอื่ ยกระดบั อตุ สาหกรรมและชมุ ชนดว้ ยการพฒั นาวิจยั และนวตั กรรม 3) เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (Digital ParkThailand: EECd) ตั้งอยู่ที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี บนพื้นที่ 709 ไร่ เพื่อขยายและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ด้านดจิ ทิ ลั รองรบั การเป็นศูนยก์ ลางข้อมลู (Data Hub) ของอาเซียน 4) นคิ มอุตสาหกรรม Smart Park อยู่ท่จี .ระยอง ครอบคลมุ พ้ืนที่ 1,466 ไร่ 5) นิคมอุตสาหกรรมเหมราช อีสเทิร์นซีบอร์ด 4 อยู่ที่ จ.ระยอง ครอบคลุมพื้นที่ 1,900 ไร่ นอกจากนี้ยังได้มีการอนุมัติโครงการพัฒนาโครงสร้างพ้ืนฐานด้านคมนาคมขนส่งท่ีสาคัญ ได้แก่ การศกึ ษาระบบราง (รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออก แอรพ์ อร์ต เรลลิงก์ สว่ นปัจจุบันและส่วนต่อขยาย และรถไฟฟ้าสายสีแดง) เพื่อเชื่อมโยง 3 สนามบิน ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง อู่ตะเภา13 และมีการ พฒั นาท่าเรือนา้ ลึกหลัก 3 แหง่ ไดแ้ ก่ ทา่ เรือแหลมฉบังระยะท่ี 3 ท่าเรือมาบตาพุดระยะท่ี 3 และท่าเรือ พาณิชย์สัตหีบ ทั้งยังมีการการพัฒนาโครงข่ายรถไฟเชื่อมโยง 3 ท่าเรือ และพัฒนาระบบการจัดการ ขนส่งแบบบูรณาการทั้งรถไฟและท่าเรือแบบไร้รอยต่อ (Seamless Operation) ซึ่งเป็นโครงการหลัก ของ อีอซี ี ทตี่ ้องการยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์การทางเศรษฐกิจระดับโลก 13 EEC, 2562, โครงการรถไฟความเรว็ สูง เช่ือม 3 สนามบิน แบบไร้รอยต่อ, https://www.eeco.or.th/โครงการ/การพัฒนา โครงสรา้ งพ้ืนฐาน/โครงการรถไฟความเร็วสูง-เช่อื ม-3-สนามบิน-แบบไร้รอยตอ่
97 ภาพที่ 11 แสดงแนวเสน้ ทางโครงการรถไฟความเรว็ สูงเชือ่ มสามสนามบิน โดยให้เอกชนเข้ารว่ มทุน ทม่ี า: EEC, 2562, https://www.eeco.or.th/โครงการ/การพฒั นาโครงสรา้ งพน้ื ฐาน/โครงการรถไฟความเร็วสูง-เช่อื ม- 3-สนามบิน-แบบไรร้ อยต่อ เมื่อได้มีการกรอบการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในเขตเศรษฐกิจตะวันออกแล้วตาม พระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ.2561 ที่ตราขึ้นมีการกาหนดสิทธิพิเศษเพื่อเกิดการ ส่งเสริมและการดึงดูดการลงทุน ทั้งนี้โดยสรุปสิทธิพิเศษตามพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาค ตะวนั ออก ที่ใหแ้ กน่ กั ลงทุนนกั ธรุ กิจทเ่ี ขา้ ไปลงทนุ ประกอบด้วย14 1. ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสาหรับบางกิจกรรมได้นานสูงสุด 13 ปี (อาศัยอานาจตาม พ.ร.บ. สง่ เสรมิ การลงทุน) 2. ยกเว้นอากรขาเข้าสาหรับเคร่ืองจักรวัตถดุ ิบที่นาเข้ามาผลิตเพ่ือส่งออกและของท่ีนาเข้ามา เพื่อการวจิ ัยและพัฒนา 3. เงินสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการลงทุนการวิจัยและพัฒนาการส่งเสริมนวัตกรรมหรือการ พฒั นาบุคลากรเฉพาะดา้ นของกิจการในอุตสาหกรรมเป้าหมาย15 14 eeco.or.th/การลงทุนอุตสาหกรรม/สิทธิประโยชน์ 15 10 อตุ สาหกรรมเปา้ หมาย ประกอบไปด้วย 1.อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต 2.อุตสาหกรรมอิเลกทรอนกิ สอ์ ัจฉรยิ ะ 3. อตุ สาหกรรมการเกษตรและเทคโนโลยชี ีวภาพ 4. อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร 5.อุตสาหกรรมทอ่ งเท่ียวกลุ่มรายไดด้ ีและ การ ทอ่ งเทยี่ วเชงิ สุขภาพ 6.อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ 7.อุตสาหกรรมการบินและโลจิสตกิ ส์ 8. อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร 9. อุตสาหกรรมเช้ือเพลงิ ชีวภาพและเคมีชวี ภาพ และ 10.อตุ สาหกรรมดิจิทัล ทั้งน้ีสามารถอ่านรายละเอยี ดเพม่ิ เติมไดท้ ่ี https://www.eeco.or.th/การลงทุน/อุตสาหกรรมท่ีไดร้ ับการสง่ เสริม
98 4. อนญุ าตให้ถอื กรรมสิทธิ์ทดี่ ินเพื่อประกอบกิจการที่ได้รับการส่งเสริม 5. สิทธิ์การเช่าที่ดินราชพัสดุ ถึง 50 ปี และสามารถพิจารณาต่ออายุอีก 49 ปี รวมเป็นระยะ ยาว 99 ปี 6. อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 17% ต่าสุดในอาเซียนสาหรับผู้บริหาร ผู้เชี่ยวชาญ หรือ นักวิจัยที่มีคุณสมบัติตามที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกาหนดในกิจการที่ได้รับการ ส่งเสริมตามกฎหมายว่าด้วยการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสาหรับ อตุ สาหกรรมเป้าหมายหรือกฎหมายวา่ ดว้ ยการส่งเสริมการลงทุน 7. ระบบ One-stop Service อานวยความสะดวกให้กับนักลงทุนให้บริการข้อมูลข่าวสารการ ขออนญุ าตทเ่ี ก่ียวข้องกบั การประกอบการการค้าการสง่ ออกนาเข้าในจดุ เดียว 8. วซี ่าทางาน 5 ปี เพอื่ ดึงดูดนักลงทุนผูเ้ ชี่ยวชาญและนักวทิ ยาศาสตร์จากทัว่ โลก โดยภาพรวมกรอบนโยบายและกฎหมายในการดาเนินโครงการเขตเศรษฐกิจตะวันออกน่าจะ เป็นส่วนทาใหเ้ กิดการลดอุปสรรคต่อการลงทุนและการทาธรุ กิจในพื้นท่ี EEC เป็นอย่างมากเพราะได้รับ ยกเวน้ ข้อกาหนดที่ขาดประสิทธิภาพและล่าช้าท่ธี ุรกิจโดยทวั่ ไปต้องประสบ การตราพระราชบัญญัติเขต พฒั นาพเิ ศษภาคตะวันออก พ.ศ.2561 สรา้ งให้เกดิ การลดอุปสรรคในการทาธุรกิจอย่างรวดเรว็ และสร้าง One stop service ในการดาเนินการทาการขออนุญาตนาเข้าส่งออกและประกอบธุรกิจทาให้ธุรกิจไม่ ต้องประสบปัญหาในการขออนุญาตเป็นเวลานานและในบางกรณีอาจจะต้องจ่ายค่าน้าชาให้แก่ส่วนงาน ทีม่ ีอานาจอนญุ าต โดยรวมการตราพระราชบัญญัตเิ ขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ.2561 จึงเปน็ การ ลดอปุ สรรคในการทาธุรกิจและการลงทุน หากแต่ทว่าในการตราพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ.2561 ก็ยังขาดการ พิจารณาผลกระทบจากกฎหมายท่ีจะก่อใหเ้ กิดปัญหาแก่เศรษฐกิจและสังคมชุมชนในพื้นท่ี ดว้ ยเหตุนี้ทา ให้เกิดประเด็นการต่อต้านการประกาศพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ.2561 อัน นาไปสู่การใช้พน้ื ท่โี ดยขาดการพิจารณาผลกระทบในระยะยาวทีจ่ ะเกิดขึ้นท้ังในเชงิ สังคมและสิ่งแวดล้อม เนื่องจากพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ.2561 นาไปสู่การจัดทาผังเมืองใหม่และ สร้างปัญหาในการที่จะต้องย้ายถิ่นฐานของคนในพื้นที่จาก เวทีเสวนาสภาที่ 3 ณ.พื้นที่หมู่ที่ 7 ตำบล เขาดินอำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม 2562 และการโทรศัพท์ สัมภาษณ์ ท่านธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง16 มีประเด็นปัญหา จากกฎหมายทเ่ี กิดขึ้นอนั ประกอบด้วย - การเร่งตรากฎหมายและสร้างให้เกิดผังเมืองใหม่ในระยะเวลารวดเร็วขาดการ พจิ ารณารอบด้านจากชมุ ชนและมกี ารเปลี่ยนพื้นท่ีเกษตรเปน็ พ้นื ท่ีอุตสาหกรรม 16 โทรศัพท์สัมภาษณ์วนั ที่ 18 ตุลาคม 2562
99 - การตรากฎหมายให้เกดิ พืน้ ท่ี EEC อาจสรา้ งใหเ้ กดิ ปัญหาแกเ่ จ้าของท่ีดินและผู้เช่า ที่ดินเดิมซึ่งจาเป็นต้องมีการตรวจสอบเอกสารสิทธิทางที่ดินก่อนดาเนินการตาม กฎหมายทตี่ ราขึน้ - การตรากฎหมายและใช้เป็นพื้นที่อุตสาหกรรมแต่รวมกับพื้นที่เกษตรอาจจะสร้าง ปัญหาต่อเกษตรกรรมในพื้นที่ในอนาคตบางพื้นที่ในเขต EEC ตามกฎหมายมีการ ดาเนินการเกษตร - ปัญหาแยกพื้นที่การเกษตรออกจากภาคอุตสาหกรรมเพราะกิจการอุตสาหกรรม และการเกษตรในทุกประเทศที่พัฒนาแล้วและถูกต้องเหมาะสมจะต้องมีการแยก ส่วนกันอย่างชัดเจนปรัชญาและวิธีการของเศรษฐกิจพอเพียงและมีความ หลากหลายของพนั ธ์สุ ตั ว์น้า - กฎหมายเอื้อประโยชน์ให้นายทุนโดยตามกรอบข้อกาหนดจะสร้างการยกเวน้ ภาษี และสิทธิประโยชน์ให้กับบริษัทหรือกิจกรรมต่างประเทศที่มีวงเงินไม่ต่ากว่า 200,000 ลา้ นบาท อนั นาไปสูค่ วามเหลื่อมล้าทางเศรษฐกจิ โดยรวม - กฎหมายทต่ี ราข้ึนเน้นไปที่การเตบิ โตของ GDP แตข่ าดการพิจารณาถึงผลผลิตทาง การเกษตรมาและประโยชน์ทางสังคมอืน่ ๆ นอกจากนี้ข้อมูลจากครือข่ายเพื่อนตะวันออก วาระเปลี่ยนตะวันออก ได้ชี้ให้เห็นว่าการตรา กฎหมายพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ.2561 ที่เร่งรัดการพั ฒนาพื้นที่เขต เศรษฐกิจขาดการรับฟังความคิดเห็นอย่างรอบด้าน โดย สานักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนา พิเศษภาคตะวันออก ร่วมกับ กรมโยธาธิการและผังเมือง มิได้ผลการรับฟงั ความคิดเห็นของชุมชนในพ้นื ที่ว่าด้วยการจัดการผังเมืองทาให้ขาดการคานึงถึงการจัดการผังเมืองก่อปัญหากับการดารงชีวิตของ ประชาชนในพื้นที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์ในที่ดิน และแผนผังโครงสร้างพื้นฐาน17 อันเชื่อมโยงกับ ความเหลื่อมล้าในที่ดินของประเทศไทยที่นาไปสู่การถือครองที่ดินกับกลุ่มคนบางกลุ่ม เป็นสังคมและ ก่อให้เกิดความขัดแย้งในด้านทีด่ นิ และด้านการใช้ประโยชน์ที่ดนิ ซ่ึงการดาเนนิ การตามกรอบ EEC สร้าง ให้เกิดกลุ่มอิทธิพลที่เข้าครองครองมรดกของชาติโดยมิชอบ การตักตวงผลตอบแทนทางเศรษฐกิจจาก ทีด่ ินต้นทุนทางสังคมโดยกลมุ่ ธุรกิจไม่ก่รี าย18 จากประเด็นดังกล่าวข้างต้นจาเป็นที่จะต้องมีการทบทวนและแก้กฎหมาย EEC ที่ขัดและแย้ง กับกฎหมายอื่นเพราะกฎหมายได้ให้อานาจคณะกรรมการ EEC และภายใต้โครงสร้างคณะกรรมการ ดังกล่าว เน้นแต่เพียงกลไกภาครัฐเป็นกรรมการและไม่มีตัวแทนภาคประชาชนหรือผู้มีส่วนได้เสียร่วม 17 นายกัญจน์ ทัตตยิ กุล 2563 คาชแ้ี จงกรณีสรปุ ผลการรับฟงั ความคิดเห็นต่อ (รา่ ง) แผนผงั การใชป้ ระโยชนท์ ่ีดิน เขตพัฒนา พเิ ศษภาคตะวันออก เครือขา่ ยเพอ่ื นตะวันออก วาระเปลี่ยนตะวันออก (จดหมายเรยี น ลงวนั ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2563 ประธาน คณะกรรมาธิการท่ีดิน ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดล้อม) 18 ผศ.ดร.ปนายุ ไชยรตั นานนท์ 2563 ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเก่ยี วกับแผนผงั การพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (จดหมายเรยี น ลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2563 ประธานคณะกรรมมาธิการการท่ดี ิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม)
100 เป็นกรรมการ ซึ่งมีความจาเป็นอย่างมากที่จะต้องมีการทบทวนและศึกษาและสร้างระบบป้องกันมิให้ การสร้างเขต EEC นาไปสู่ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตามโครงการมาบตาพุดที่เคยเกิดขึ้น รวมถึงการต้ัง เขต EEC จะต้องเน้นให้มีเขตกันชน (Buffer zone) ระหว่างเขตอุตสาหกรรมและเขตเกษตรกรรมตาม หลักการเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อมิให้อุตสาหกรรมต่างๆ สร้างปัญหาแก่การเกษตรกรรมโดยในการจัดการ กบั พืน้ ทใ่ี น EEC และพ้นื ท่ีติดต่อจะต้องเปิดโอกาสให้ตัวแทนชาวบ้าน ภาคธรุ กิจและรฐั ได้ร่วมหารือและ แสดงความคิดเห็น รวมถึงควรตั้งคณะกรรมการมาร่วมตรวจสอบและโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ EEC โดยเฉพาะการใชป้ ระโยชน์ของทด่ี ิน19 ในส่วนของบทที่ 5 ของงานวิจัยมุ่งศึกษากรณีที่เกิดขึ้นจริง จากประเด็นการมีอยู่ของกฎหมาย และขาดการปรับใช้ การวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายอย่างแท้จริง ในกรณีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ยังคงกฎหมายข้อบังคับที่กาหนดให้มีการขออนุญาตและยังขาดการปรับใช้การวิเคราะห์ผลกระทบจาก กฎหมายเพื่อลดอุปสรรคและประเด็นการใช้อานาจรัฐโดยมิชอบแก่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในส่วนของ กรณี EEC ภาครัฐเองท่ีเคยกาหนดนโยบายการพิจารณาผลกระทบจากกฎหมายก็ขาดซ่ึงการตระหนักถึง การพิจารณาผลกระทบจากกฎหมายที่จะก่อให้เกิดปัญหาแก่ชุมชนและสิ่งแวดล้อม กรณีศึกษาจึง ชี้ให้เห็นว่าภาครัฐไทยแม้จะมีการตรากฎหมายให้มีการดาเนินการปรับใช้การวิเคราะห์ผลกระทบจาก กฎหมาย แตก่ ไ็ ม่สามารถปฏบิ ตั ิได้จริงตามกรอบกฎหมายว่าด้วยการวิเคราะหผ์ ลกระทบจากกฎหมาย 19 สยามรฐั , ธีระชยั ภูวนาถนรานุบาล , eecประเด็นที่จะต้องขับเคลือ่ นและต่อยอด, <https://siamrath.co.th/n/97852>
101 บทท่ี 6 การวิเคราะห์เปรียบเทียบและข้อเสนอแนะ ในบทที่ 6 ของงานวจิ ัยจะเป็นการอภิปรายและสงั เคราะห์การวิเคราะห์กระทบทางกฎหมายกับ การลดอปุ สรรคในการประกอบธรุ กจิ จากการศึกษาท้ัง 3 ประเทศ เพือ่ ใหเ้ กิดความชดั เจนในการทาความ เข้าใจงานวจิ ยั ในบทท่ี 6 จะแบง่ การนาเสนอออกเปน็ 3 หัวข้อหลกั ประกอบดว้ ย 1) การเปรียบเทียบการพิจารณาผลกระทบจากกฎหมายกับการลดอุปสรรคในการประกอบ ธรุ กิจในประเทศไทย สิงคโปรแ์ ละมาเลเซีย 2) ความท้าทายการพิจารณาผลกระทบทางกฎหมายกับการลดอุปสรรคในการดาเนินธุรกิจ ในประเทศไทย 3) ข้อเสนอเพื่อการพัฒนาการพิจารณาผลกระทบจากกฎหมายกับการลดอุปสรรคในการ ประกอบธุรกจิ ในประเทศไทย 6.1 การเปรียบเทียบการพิจารณาผลกระทบจากกฎหมายกับการลดอุปสรรคในการ ประกอบธุรกิจในประเทศไทย สิงคโปรแ์ ละมาเลเซีย จากการเก็บข้อมูลโดยเริ่มจากการศึกษาแนวความคิดและงานวิจัยที่ผ่านมาเกี่ยวกับการ วิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายในบทที่ 2 การศึกษาเชิงเอกสารในบทที่ 3 และการศึกษาเชิงการ สัมภาษณ์จากผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้ข้อมูลในแนวปฏิบัติ ในบทที่ 4 สามารถนาไปสู่ข้อเปรียบเทียบการ วเิ คราะห์ผลกระทบจากกฎหมาย การลดอปุ สรรคในการดาเนินธุรกิจจาก 3 ประเทศได้ใน 4 ประเด็น คือ (1) ช่วงระยะเวลาในการดาเนินการพัฒนาและปรับใช้ (2) กฎหมายและนโยบายหลักที่นาไปสูก่ ารปรับใช้ การวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมาย (3) หน่วยงานที่ดาเนินการด้านการพิจารณาผลกระทบจาก กฎหมายเพื่อลดอุปสรรคในการดาเนินธุรกิจ (4) ความเป็นมืออาชีพของเจ้าหน้าท่ีรัฐในการพิจารณา ผลกระทบของกฎหมาย (1) ช่วงระยะเวลาในการดำเนนิ การพัฒนาและปรับใช้ จากการศึกษาทั้งสามประเทศจะเห็นได้ว่าประเทศสิงคโปร์ได้ริเริ่มดาเนินการเกี่ยวกับการ พจิ ารณาผลกระทบทางกฎหมายเป็นประเทศแรกซ่ึงรเิ ริ่มอย่างเป็นรูปธรรมนับแตป่ ี 2000 อันนาไปสู่การ ยกระดบั การปรบั ปรุงและปฏริ ูปกฎหมายใหม้ ีความทันสมัยและมีประสิทธภิ าพอันนาไปสู่แนวคิดหลักใน ปัจจุบันคือ Smart Regulation ประเทศที่ริเริ่มการดาเนินการการพิจารณาผลกระทบทางกฎหมายถัด มาคือประเทศมาเลเซียซึ่งมีการริเริ่มวางแผนและเริ่มการใช้การพิจารณาผลกระทบทางกฎหมายในปี
102 2006-2010 ที่เน้นการตั้งให้มีคณะกรรมการร่วมรัฐเอกชนในการพิจารณากฎหมายและเริ่มมีแผน รูปธรรมในด้านการพิจารณาผลกระทบทางกฎหมายในปี 2011-2018 ทาให้การดาเนินการด้านการ พิจารณาผลกระทบทางกฎหมายมีความต่อเนื่องของชว่ งเวลาและสามารถนาไปสู่การพัฒนาและปรับปรุง กฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อธุรกิจอย่างเปน็ ระบบ แม้ว่าจะไม่สามารถแก้ไขปญั หากฎหมายที่เป็นอุปสรรค ได้ทั้งหมดแต่ก็สามารถลดและเลิกกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการดาเนินธุรกิจเป็นจานวนมาก ส่วน ประเทศไทยนั้นถือว่าเป็นประเทศที่เริ่มดาเนินการด้านการพิจารณาผลกระทบทางกฎหมายหลังสุดจาก สามประเทศ โดยเริ่มมีการศึกษาเกี่ยวกับการการพิจารณาผลกระทบทางกฎหมายและมีการริเริ่มพูดคุย เกี่ยวกับการพิจารณาผลกระทบทางกฎหมายในช่วงปี 2556 (2013) แต่ได้มีการริเริ่มวางกรอบการ ดาเนินเกี่ยวกับการพิจารณาผลกระทบทางกฎหมายอย่างจริงจังในช่วงปี 2558 (2015) และมีการตรา กรอบข้อกาหนดเก่ียวกับการพิจารณาผลกระทบทางกฎหมายจริงในปี 2562 (2019) หากดจู ากภาพรวม เรอ่ื งเวลาในการพัฒนาและปรับใช้การพิจารณาผลกระทบทางกฎหมายจะเห็นวา่ ประเทศไทยยังตามหลัง สามประเทศและแม้ว่าจะมวี างกรอบหรือแผนเพ่ือให้มีการใชก้ ารพิจารณาผลกระทบทางกฎหมายแต่ก็ยัง ไมเ่ หน็ การดาเนนิ การอย่างเปน็ รูปธรรมเมื่อเทยี บกับ ประเทศสงิ คโปร์และมาเลเซีย ประเทศ ช่วงเวลา หมายเหตุ สงิ คโปร์ เริ่มตงั้ แตช่ ว่ งปี 2000 จนปจั จุบนั มีการปรับปรุงระบบราชการและระบบกฎหมาย โดยเน้น ที่การดาเนนิ การวา่ ด้วย Smart Regulation มาเลเซีย เร่มิ ตน้ ช่วงปี 2006 จนถงึ ปจั จบุ นั มีการออกนโยบายของรัฐว่าด้วยการใช้ RIA เน้นการลด และปรับกฎหมายทเ่ี ปน็ อุปสรรคต่อการดาเนินธุรกจิ ประเทศไทย แม้ว่าจะมีการกล่าวถึงตั้งแต่ช่วงปี 1994 แต่เริ่มมี มีการออกนโยบายของรัฐว่าด้วยการใช้ RIA เน้นการลด การศึกษาอย่างจริงจังปี 2013 และพยายามปรับใช้ และปรับกฎหมายทีแ่ ต่มิได้เน้นเฉพาะเจาะจงไปทีก่ ารลด ในปี 2015 มกี ารตรากฎหมายเฉพาะปี 2018 อปุ สรรคตอ่ การดาเนนิ ธรุ กจิ ตารางท่ี 5 แสดงการเปรยี บเทยี บระยะเวลาในการเรม่ิ ดาเนนิ การเกย่ี วกบั การวิเคราะหผ์ ลกระทบจากกฎหมาย (2) กฎหมายและนโยบายหลักท่ีนำไปสกู่ ารปรับใช้การวเิ คราะห์ผลกระทบจากกฎหมาย มาเลเซียไม่ได้มีกฎหมายเฉพาะที่กาหนดบังคับให้ต้องมีการดาเนินการการวิเคราะห์ผลกระทบ จากกฎหมายแต่มีการวางกรอบนโยบายในการดาเนินการจากภาครัฐและภาครัฐกาหนดให้ดาเนินการ หนว่ ยงานภาครัฐต่างๆ จึงดาเนนิ การตามนโยบายในประเทศสงิ คโปร์เช่นเดยี วกับประเทศมาเลเซียที่มิได้ มีกฎหมายเฉพาะเพื่อกาหนดให้มีการดาเนินการว่าด้วยการวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายแต่มีการ สร้างกรอบธรรมมาภิบาลทางกฎหมายเพื่อให้กฎหมายไม่เป็นอุปสรรคต่อการดาเนินธุรกิจและนวัตกรรม ใหม่ๆ นอกจากนี้ประเทศสิงคโปร์จะเน้นที่การลดต้นทุนทางกฎหมายให้แก่ธุรกิจและเปิดโอกาสในการ จัดการของธุรกิจโดยการพูดคุยกันเอง นอกจากนี้ยังพยายามสร้างกฎหมายที่สามารถปรับได้ทันต่อการ เปล่ียนแปลงได้ทันภายใต้ระบบราชการสิงคโปร์ที่เน้นความเป็นมืออาชีพ จะเห็นได้ว่าประเทศไทยต่าง กับประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ที่เน้นการออกข้อกาหนดหรือกฎหมายเฉพาะเพื่อสร้างให้เกิดการ พจิ ารณาผลกระทบจากกฎหมายจากการนาเสนอข้อมลู ในบทท่ี 3 ของงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าประเทศ
103 ไทยมีการตรา พรฎ.การทบทวนความเหมาะสมของกฎหมาย พ.ศ. 2558 เพื่อกาหนดให้หน่วยงานรัฐ ต่างๆ รายงานข้อมูลการพิจารณากฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่างๆ ที่จาต้องปรับปรุงและเสนอวิธีการแก้ไข ปรับปรุงให้แก่สานักงานคณะกรรมการกฤษฎีการวมถึงประเทศไทยได้มีการตรา พรบ.หลักเกณฑ์การ จัดทาร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 เพื่อกาหนดให้มีการพิจารณา ผลกระทบของร่างกฎหมายก่อน แต่ทว่าการกาหนดกฎหมายเฉพาะไม่ได้สร้างให้เกิดผลในทางปฏิบัติ เหมือนในประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ที่พยายามมุ่งไปที่การลดอุปสรรคทางการดาเนินธุรกิจ ประเทศ ไทยแม้ว่าจะมีกฎหมายเฉพาะว่าด้วยการวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายกลับเป็นกฎหมายโดยรวม ไม่ได้มุ่งเฉพาะเจาะจงให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อการลดอุปสรรคในการดาเนินธุรกิจ ทว่าอาจมองได้ว่า การตรากฎหมายของประเทศไทยสร้างกรอบบัญญัติแม่บทในการดาเนินการเกี่ยวกับการวิเคราะห์ ผลกระทบจากกฎหมายโดยรวม แต่ในสภาวการณจ์ รงิ ไม่สามารถสร้างการใช้การวิเคราะห์ผลกระทบจาก กฎหมายเพอ่ื ลดอุปสรรคในการดาเนนิ ธุรกจิ ได้อย่างแท้จริง ประเทศ กฎหมายและนโยบาย หมายเหตุ สิงคโปร์ มีนโยบายการปฏิร ูปกฎหมายและ ตั้ ง เน้นที่การลดอุปสรรคทางธุรกิจเพื่อการพัฒนาโดยรวมของ คณะกรรมการวิเคราะห์กฎหมายและใน เศรษฐกจิ และสังคม ขณะเดยี วกันก็ปฏิรปู ระบบราชการ มีผลในเชิงปฏิบัติที่สามารถพัฒนากรอบกฎหมายที่เอื้อต่อ การลดอปุ สรรคในการดาเนอนธรุ กิจ มาเลเซีย มีการวางนโยบายการวิเคราะห์ผลกระทบทาง นโยบายเน้นที่การลดและปรับปรุงกฎหมายไม่ให้เป็น กฎหมาย และมีการตั้งคณะกรรมการร่วมรัฐ อุปสรรคต่อการดาเนินธุรกิจโดยมุ่งเพื่อใหม้ าเลเซียสามารถ เอกขนเพื่อดาเนนิ การตามนโยบาย ยกระดบั ขัน้ ของ World Ease of Doing Business ผลในเชิงปฏบิ ัติทสี่ ามารถพัฒนากรอบกฎหมายท่ีเอ้ือต่อการ ลดอุปสรรคในการดาเนอนธุรกิจ ประเทศไทย การตรากฎหมายเฉพาะว่าด้วยการวิเคราะห์ เนน้ ภาพรวมในการลดอุปสรรคท่กี ฎหมายสร้างขึ้นแต่ไม่ได้มี ผลกระทบจากฎหมาย เป้าหมายชัดเจนในการลดอุปสรรคตอ่ การดาเนินธรุ กิจ และ ขาดผลในเชงิ ปฏิบตั ิจากกฎหมาย ตารางที่ 6 แสดงการเปรียบเทยี บกฎหมายและนโยบายหลักท่ีนาไปส่กู ารปรบั ใช้การวิเคราะหผ์ ลกระทบจากกฎหมาย (3) หน่วยงานที่ดำเนินการด้านการพจิ ารณาผลกระทบจากกฎหมายเพื่อลดอุปสรรคในการ ดำเนนิ ธุรกจิ ในส่วนของหนว่ ยงานที่ดาเนินการเกี่ยวกับการพิจารณาผลกระทบจากกฎหมายเพ่ือลดอุปสรรค ในการดาเนินธุรกิจจะเห็นได้ว่ามีความแตกต่างกันจากทั้ง 3 ประเทศ ประเทศสิงคโปร์ไม่ได้มีหน่วยงาน เฉพาะที่ดาเนินการพิจารณาผลกระทบจากกฎหมายเพื่อลดอุปสรรคในการดาเนินธุรกิจ แต่จะเน้นการ วางรากฐานให้ทุกหน่วยงานคานึงถึงผลกรทบทางกฎหมายที่จะเกิดขึ้นกับการดาเนินธุรกิจและใน ประเทศสิงคโปร์จะมี Enterprise Singapore ที่เป็นหน่วยงานสนับสนุนการพัฒนาธุรกิจในสิงคโปร์ ซึ่ง Enterprise Singapore สามารถประสานกับรัฐบาลสิงคโปร์ในการปรับแก้หรือปรับปรุงกฎหมายท่ีสร้าง อุปสรรคต่อการดาเนินธุรกิจในประเทศสิงคโปร์ ในประเทศมาเลเซียจะต่างกับประเทศสิงคโปร์ที่มี
104 หน่วยงาน MyCorp ที่เป็นหน่วยงานขับเคลื่อนการรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมาย และ เป็นหน่วยงานร่วมเจรจาและหาทางแก้ไขอุปสรรคในการดาเนินธุรกิจที่เกิดขึ้นจากกฎหมายทาให้มีการ พัฒนากฎหมายที่เกี่ยวข้องและหน่วยงานภาครัฐในประเทศมาเลเซียสามารถที่จะขอคาแนะนาจาก MyCorp ในการดาเนินการจัดทาการวิเคราะห์ผลกระทบทางกฎหมายเพื่อลดอุปสรรคทางธุรกิจของ หน่วยงานตนได้ ในสว่ นของประเทศไทยหน่วยงานที่ทาหน้าที่ขับเคล่ือนเก่ียวกับการพิจารณาผลกระทบ จากกฎหมายคือ สานักงานคณะกรรมการกฤษฎกี ารทที่ าหน้าท่เี ป็นหนว่ ยงานกลั่นกรองกฎหมาย แตท่ ว่า สานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจะพิจารณาผลกระทบจากกฎหมายในเชิงภาพรวมไม่ได้เน้นที่การลด อุปสรรคต่อการดาเนินธุรกิจซึ่งในประเทศไทยไม่ได้มีหน่วยงานโดยตรงที่มุ่งเน้นการพิจารณาผลกระทบ ทางกฎหมายเพ่ือลดอุปสรรคการดาเนินธุรกิจต่างกับประเทศมาเลเซียที่มหี น่วยงานโดยตรง ท้ังนี้อาจจะ มองได้ว่าสานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาสามารถพิจารณากฎหมายกับการลดอุปสรรคการดาเนิน ธรุ กิจได้แต่ด้วยบริบทการดาเนินการของสานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาท่ีเน้นการกลั่นกรองกฎหมาย เป็นหลักนา่ จะไม่เห็นสามารถมุ่งเน้นไปที่การลดอปุ สรรคการดาเนินธรุ กิจ ประเทศ หนว่ ยงานเฉพาะ การดำเนินการของหน่วยงาน สิงคโปร์ Enterprise Singapore เป็นหน่วยงานที่มุ่งเน้นสนับสนุนธุรกิจในประเทศ สิงคโปร์และเป็น หน่วยงานเชื่อมข้อมลู ให้กบั หนว่ ยงานอื่นเพื่อให้มีการปรับปรุงกฎหมายท่ี สรา้ งอุปสรรคตอ่ การดาเนนิ ธุรกิจ มาเลเซีย MyCorp เปน็ หนว่ ยงานทมี่ ุ่งเนน้ สนับสนุนธุรกิจในประเทศ เพอ่ื ให้มาเลเซียสามารถ ยกระดบั ข้ันของ World Ease of Doing Business เป็นหน่วยงานประสานขอผลรายงาน เกี่ยวกับ RIA จากหน่วยงานรัฐอื่นๆ และ รว่ มมือกับหนว่ ยงานรัฐอืน่ ในการช่วยให้มีการปรบั แก้กฎหมายท่ีเป็น อปุ สรรคตอ่ การดาเนินการทางธุรกิจ ประเทศไทย สานักงานคณะกรรมการ เป็นหน่วยงานที่เน้นการทางานในการตรวจร่างกฎหมาย และเน้นการ กฤษฎกี า พัฒนากฎหมาย แต่ไม่ได้มีการมุ่งเน้นที่การดาเนนิ การลดอุปสรรคต่อการ ดาเนนิ การทางธรุ กจิ เน้นภาพรวมในการลดอุปสรรคที่กฎหมายสร้างขึ้นแต่ไม่ได้มีเป้าหมาย ชัดเจนในการลดอปุ สรรคต่อการดาเนินธุรกจิ และขาดผลในเชิงปฏิบัติจาก กฎหมาย ตารางที่ 7 แสดงการเปรียบเทียบหน่วยงานทด่ี าเนนิ การด้านการพิจารณาผลกระทบจากกฎหมายเพ่ือลดอุปสรรค ในการดาเนินธุรกจิ (4) ความเป็นมืออาชีพของเจ้าหน้าทร่ี ัฐในการพจิ ารณาผลกระทบของกฎหมาย การดาเนินการในส่วนของการใช้อานาจ การปรบั ปรุงและพัฒนากฎหมายมหี ัวใจสาคัญจากการ ที่เจ้าหน้าที่รัฐที่ทาหน้าใช้กฎหมายหรือปรับปรุงกฎหมายต้องเข้าใจประเด็นปัญหาที่กฎหมายอาจจะ ก่อใหเ้ กิดอุปสรรคต่อการดาเนินธุรกิจ ในประเทศสงิ คโปร์จากทั้งข้อมลู การสัมภาษณ์และจากการพัฒนา ระบบราชการของประเทศ เจา้ หนา้ ท่ีของรัฐในประเทศสิงคโปร์จะมีความเปน็ มืออาชีพและยึดหลักการท่ี
105 ต้องดาเนินการตามกฎหมายรวมถึงสามารถที่จะพิจารณาผลกระทบจากกฎหมายที่ตนจะต้องใช้อานาจ ตามกฎหมายได้ทาให้เจ้าหน้าที่รัฐสิงคโปร์จึงต้องดาเนินการโดยไม่สร้างให้เกิดอุปสรรคต่อธุรกิจจนเกิน ควร รวมถึงการที่ระบบราชการมีการตรวจสอบเพื่อความโปร่งใสและสามารถลดการทุจริตได้อย่างสูงทา ให้ในการดาเนินการการใชอ้ านาจของเจ้าหน้าจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการดาเนินการทางธุรกิจและผู้ดาเนิน ธุรกิจสามารถคาดการณ์ได้ว่าผู้ดาเนินการจะไม่ต้องประสบปัญหาที่ต้องจ่ายเงินทุจริต รวมถึงสามารถ คาดการณก์ ารอนุญาตหรืออนุมัตใิ ห้ดาเนินการธุรกิจต่างๆ จากเจ้าหนา้ ทรี่ ัฐไดโ้ ดยง่าย ธรุ กิจจึงปราศจาก อปุ สรรคและมีความคล่องตัวจากการดาเนินการที่เปน็ มืออาชีพของเจ้าหน้าทรี่ ัฐ ในประเทศมาเลเซียก็ได้ มีการปรับปรุงเจ้าหน้าที่รัฐให้มีความตระหนักถึงการดาเนินการทางกฎหมายที่อาจสร้างผลกระทบต่อ การดาเนินธรุ กิจ โดยหลักทั่วไปเจ้าหน้าที่รัฐจะต้องพิจารณาว่ากฎหมายหรือการดาเนินการตามกฎหมายใดจะ สร้างอปุ สรรคต่อธรุ กิจมากน้อยเพียงใดและระบบราชการของประเทศมาเลเซียมีการปรับปรุงให้ทันสมัย สามารถด าเนินการได้อย่างสะดวกและธุรกิจสามารถที่จะคาดการณ์ได้ว่าจะ ต้องเจออุปสรรคทาง กฎหมายใดบ้าง แม้ว่าจะมีการทุจริตของเจ้าหน้าที่อันนาไปสู่อุปสรรคในการดาเนินธุรกิจแต่ประเทศ มาเลเซียก็มีการพัฒนาระบบตรวจสอบรวมถึงใช้กระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ในการลดขั้นตอนและ สร้างความโปร่งใสท าให้เกิดการลดอุปสรรคจากกฎหมายต่อธุรกิจในประเทศมาเล เซียซึ่งจะต่างกับ ประเทศไทยที่แม้จะมีความพยายามปฏิรูปและปรับปรุงระบบราชการแต่การดาเนินการก็ยังอยู่ใน รูปแบบรวมศูนย์ทั้งตัวกฎหมายและเจ้าหน้าที่ที่มอี านาจในการใช้กฎหมาย ในภาพรวมเจ้าหน้าที่ของรัฐ ในประเทศไทยยังขาดองค์ความรู้และหลักการการดาเนินการอย่างมืออาชีพเพ่ือให้เกิดการลดอุปสรรค ต่อการดาเนินธุรกิจในประเทศไทย เจ้าหน้าที่รัฐในบางกรณีพยายามยึดถือตัวบทกฎหมายและใชอ้ านาจ ตามที่กฎหมายกาหนดเพื่อป้องกันผลกระทบที่จะเกิดกับข้าราชการเองซึ่งการดาเนินการของเจ้าหน้าท่ี รัฐของประเทศไทยจะอยู่ในรูปแบบในการดาเนินการที่ขาดประสิทธิภาพ พยายามเรียกรับผลประโยชน์ เน้นการดาเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายแต่ไม่มุ่งเน้นผลลัพธ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐไทยยังขาดความ เข้าใจในส่วนของผลกระทบหรืออุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้อานาจตามกฎหมายของตน ทั้งในการ ใช้อานาจเพื่อประโยชน์สาธารณะหรือการใช้อานาจเพื่อเรียกเงินธุรกิจซึ่งในส่วนของการเป็นมืออาชีพ ของเจ้าหน้าที่รัฐในการพจิ ารณาผลกระทบจากกฎหมาย ประเทศไทยดูจะยังไม่สามารถพัฒนาความเป็น มืออาชีพในการดาเนินการลดอุปสรรคต่อธุรกิจเมื่อเปรียบเทียบกับการดาเนินการในประเทศสิงคโปร์ และมาเลเซยี นอกจากนี้การที่ รัฐธรรมนูญ มาตรา 77 กาหนดว่าให้หน่วยงานรัฐตรากฎหมายเท่าที่จาเป็น เป็นการเขียนข้อกาหนดโดยกว้างเพื่อมุ่งหวังให้พิจารณาผลกระทบของกฎหมายก่อนที่จะมีการตรา กฎหมาย แต่การระบุว่าต้องตรากฎหมายเท่าที่จำเป็น ยังไม่ชัดเจนว่าในลักษณะใดถึงมีความจาเป็นทา ให้การตรากฎหมายส่วนใหญ่ระบุในกฎหมายเกือบทุกฉบับว่ามีความจาเป็นจึงมีการตรากฎหมายข้ึน หากแต่ทว่าในกระบวนการตราไม่ได้มีการพิจารณาอย่างรอบคอบถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นของกฎหมาย
106 ดงั นน้ั จึงจาเปน็ ต้องการกลไกทางนโยบายและการดาเนินการของภาครัฐในการทจี่ ะช้ีบ่งให้ไดว้ ่ากฎหมาย มคี วามจาเปน็ อย่างไรและจะมีผลกระทบหรือผลลัพธ์ต่อธรุ กิจ เศรษฐกจิ การเมืองและสงั คมอย่างไร และ มกี ลไกอ่ืนทไี่ ม่ใช่การตรากฎหมายในการแก้ไขปัญหาหรือไม่ ประเทศ ความเปน็ มืออาชีพในการวเิ คราะห์ผลกระทบทางกฎหมายกบั การลดอุปสรรคในการดำเนินธรุ กิจ สิงคโปร์ - เจา้ หน้าที่รัฐมุ่งเน้นการดาเนินการใชอ้ านาจตามกฎหมายเพื่อลดอุปสรรคต่อการดาเนนิ การธุรกจิ - เนน้ การสรา้ งคามเป็นเจา้ หน้าทรี่ ฐั ท่ีคานงึ ถงึ ผลกระทบจากการใชก้ ฎหมาย - มแี นวคดิ ในการพฒั นาเพือ่ ลดอุปสรรคเก่ียวกับการดาเนนิ ธรุ กิจ มาเลเซีย - มีการปรับปรุงการดาเนนิ งานราชการใหเ้ นน้ การพจิ ารณาผลกระทบจากกฎหมาย - มีการกระจายอานาจในแต่ละรัฐเพือ่ สร้างกรอบการใชอ้ านาจทางกฎหมายของเจ้าหนา้ ทแี่ ตล่ ะ หนว่ ยงาน - เจา้ หน้าทีต่ ามหนว่ ยงานจะมคี วามคดิ ในการปรบั ปรุงงานของตนและพยายามให้ ลดอปุ สรรค เกย่ี วกับการดาเนนิ ธุรกจิ ประเทศไทย - หน่วยงานราชการสว่ นใหญ่ทราบเกีย่ วกบั การพิจารณาผลกระทบจากฎหมาย - เจา้ หน้าขาดการคานึงถึงการพิจารณาผลกระทบจากกฎหมาย - เจ้าหนา้ ขาดการคานึงถึงอปุ สรรคทางกฎหมายท่ีเกดิ ขึน้ ตอ่ ผู้ประกอบการ ตารางที่ 8 แสดงความเป็นมืออาชีพของเจา้ หน้าทรี ฐั ในการพจิ ารณาผลกระทบของกฎหมาย 6.2 ความท้าทายการพิจารณาผลกระทบทางกฎหมายกับการลดอุปสรรคในการดำเนิน ธุรกจิ ในประเทศไทย 6.2.1 มีกฎหมายแต่ขาดการปฏิบตั ิเกย่ี วกับการวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมาย ตามที่ได้นาเสนอในบทที่ 3 ของงานวิจัยที่ประเทศไทยมีการตรากฎหมายเพื่อเป็นกรอบ สนับสนุนให้กับการดาเนินการด้านการวเิ คราะห์ผลกระทบจากกฎหมายซึ่งต่างกับประเทศมาเลเซียและ สิงคโปร์ที่มีการดาเนินการโดยปราศจากการต้องมีกรอบกฎหมายหลัก โดยทั้งสองประเทศดาเนินการ ภายใตน้ โยบายจากภาครฐั ซ่ึงต่างกับประเทศไทยที่มีกรอบกฎหมายหลักแต่ในเชิงนโยบายกลับไม่มีความ ชดั เจนในการปฏิบัติตามกรอบกฎหมาย การที่ประเทศไทยเน้นไปที่การพยายามลดปริมาณกฎหมายเพื่อ ลดอุปสรรค แต่กลับตรากฎหมายว่าด้วยการวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายเพิ่มขึ้นโดยไม่ได้พิจารณา ว่ากฎหมายดังกล่าวจะสามารถมีผลในเชิงปฏิบัติได้หรือไม่ เท่ากับว่าเป็นการดาเนินการเกี่ยวกับการ วิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายที่ดูผิดทางและขัดกับเจตนารมย์ในการลดกฎหมายเพื่อลดอุปสรรคใน การดาเนินธุรกิจ ส่วนที่สาคัญคือการที่กฎหมายที่เกี่ยวกับการวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายไม่ สามารถปฏิบัติได้จริงเนื่องมาจากการไม่เข้าใจในการดาเนินการทางกฎหมายอย่างแท้จริง รัฐไทยเม่ือ เปรยี บเทยี บกับสิงคโปร์และมาเลเซียพยายามมองกฎหมายผ่านการสั่งการโดยไม่แน่ชดั ในเชิงปฏิบตั ิ การ มีกรอบกฎหมายว่าด้วยการวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายจึงไม่ได้หมายความว่าจะมีการปฏิบัติตาม กฎหมายอย่างแท้จริง หน่วยงานหลักโดยสานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและหน่วยงานรัฐทุก
107 หน่วยงานที่ถืออานาจตามกฎหมายยังขาดความรู้ความเข้าใจในการดาเนินการตามกรอบการวิเคราะห์ ผลกระทบจากกฎหมายเพื่อใหเ้ กิดการลดอุปสรรคต่อการดาเนินธรุ กจิ นอกจากนี้กรอบการวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายก็เป็นในเชิงการกาหนดโดยภาพรวม ไม่ เฉพาะเจาะจงประเด็นซ่ึงสร้างให้เกิดการดาเนินการแบบเหมารวมแต่มิได้สร้างการปรับปรุงในเชิงปฏิบัติ ต่อกฎหมายใดกฎหมายหนึ่งเป็นการเฉพาะจึงทาให้เห็นได้ว่าความท้าทายที่สาคัญในการดาเนินการ เกยี่ วกบั การวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายในประเทศไทยคือการเน้นเฉพาะการปรับปรุงกฎหมายและ การตรากฎหมายเพื่อใหเ้ กิดการวิเคราะหผ์ ลกระทบจากกฎหมาย แต่ขาดแนวทางการดาเนนิ การท่ชี ัดเจน และเกดิ ผลในเชิงปฏบิ ัติขององค์กรขับเคล่ือน ในขณะที่ประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์จะเน้นท่ีการใช้การ วิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายแก้ปั ญหารายประเด็นและเมื่อพิจารณาถึงการใช ้การวิเคร าะห์ ผลกระทบทางกฎหมายที่มุ่งไปที่การลดอปุ สรรคในการดาเนินธุรกิจ ประเทศไทยยังขาดการปฏิบัติได้จริง แม้วา่ จะมีการตรากฎหมายขึ้นมาแล้วก็ตาม 6.2.2 ประเดน็ ทา้ ทายการลดอำนาจหน่วยงานรัฐตามการลดหรือปรับปรุงกฎหมาย จากการท่ีการวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายเม่ือนาไปปรับใช้แล้วนน้ั จะนาไปสู่การลดอานาจ และลดขั้นตอนตามกฎหมายที่มีอยู่ทาใหเ้ กิดความง่ายตอ่ การดาเนนิ ธุรกิจ การที่จะทาให้หน่วยงานยอม ลดอานาจของตนโดยการปรับปรุงกฎหมายจึงเป็นไปดว้ ยความยากลาบากและเป็นเรื่องท้าทายอย่างมาก แมว้ า่ รฐั ไทยจะมกี ารตราพระราชกฤษฎกี าการทบทวนความเหมาะสมของกฎหมายตามที่ได้นาเสนอไว้ใน บทที่ 3 โดยให้คณะกรรมการพัฒนากฎหมายหน้าที่หลักที่จะพิจารณาทบทวนความเหมาะสมของ กฎหมายแทนรัฐมนตรีแต่ละกระทรวงคณะกรรมการพัฒนากฎหมายจะขอให้รัฐมนตรีผู้รักษาการสั่งให้ หน่วยงานในสังกัดส่งข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมายต่างๆ รวมทั้งสามารถร้องขอให้แต่ละกระทรวงใช้ งบประมาณของกระทรวงตนในการพิจารณาและส่งข้อมูลกฎหมายแก่คณะกรรมการพัฒนากฎหมาย การดาเนินการในรูปแบบนี้ดูเสมือนจะเป็นการเริ่มต้นที่ดีในการพยายามปรับใช้การวิเคราะห์ผลกระทบ จากกฎหมาย โดยให้หน่วยงานรัฐต่างๆ พิจารณาส่งข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมายที่เป็นปัญหาของหน่วยงาน ตน หากทว่าในความเป็นจริงหนว่ ยงานรัฐในประเทศไทยจะพยายามรักษาอานาจตามกฎหมายของตนไม่ ยอมให้มีการลดอานาจหรือขั้นตอนตามกฎหมายที่ตนต้องปฏิบัติอยู่แต่เดิม ตัวอย่างกรณีที่เห็นได้ชัดคอื กรณีศึกษาตัวอย่างเกี่ยวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่นาเสนอในบทที่ 5 ของงานวิจัย โดยผู้ประกอบการ จาเป็นต้องดาเนินการขออนุญาตและปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมายเป็นจานวนมากเป็นช่องทางให้แก่ เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติในการรับเงินสินบนและประกอบการทุจริต หากให้หน่วยงานแต่ละหน่วยงานเป็น ผูด้ าเนินการส่งประเด็นทางกฎหมายท่สี ่งผลต่อการทางานและผลประโยชน์ของหนว่ ยงาน หนว่ ยงานอาจ เลอื กที่จะไม่ส่งข้อมลู หรือส่งข้อมูลที่ไม่เป็นผลกระทบต่ออานาจตามกฎหมายของหน่วยงาน การจัดให้มี การรายงานตามพระราชกฤษฎีกาการทบทวนความเหมาะสมของกฎหมายจึงดูเสมือนเป็นประโยชน์ต่อ การขับเคลื่อนการใช้การวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายแต่ในทางปฏิบัติอาจไม่ก่อให้เกิดการแก้ไข
108 ปรับปรุงกฎหมายที่สร้างอุปสรรคต่อการดาเนินธุรกิจเนื่องจากหน่วยงานไม่ได้มีความประสงค์ในการลด อานาจหรือลดข้นั ตอนตามกฎหมายที่ตนต้องปฏิบัติ นอกจากนี้หากศึกษาในทางปฏิบัติเพ่ิมเติมจะพบว่าหน่วยงานพยายามที่จะแบ่งการรายงานการ ปรับปรุงกฎหมายเพื่อตอบตัวชี้วัดที่ถูกกาหนดมา การดาเนินการดังกล่าวในบางกรณีสร้างปัญหาจาก กฎหมายมากกว่าลดปัญหาจากกฎหมายซึ่งเบื้องหลังการแก้ไขกฎหมายพัฒนาประเทศมีประเด็นท่ี หน่วยงานไม่ได้พิจารณาการปรับปรุงกฎหมายเพื่อสร้างประสิทธิภาพโดยรวมแต่พยายามส่งข้อมูลเพ่ือ ปรับแก้กฎหมายเพื่อตอบสนองตัวชี้วัดของรัฐบาล โดย ปกรณ์ นิลประพันธ์ (2562) ได้เสนอ ประสบการณ์ที่ได้ดาเนินการเกี่ยวกับ การพัฒนากฎหมายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของ ประเทศไวว้ า่ “บางทหี น่วยงานท่เี กี่ยวข้องเสนอแก้กฎหมายฉบับเดียวกันถึงสามส่คี รง้ั ในปีเดยี ว พอถามว่า ทำไมไม่เสนอมาเสียในคราวเดียว จะได้ลดต้นทุนและเวลาในการจัดทำและตรวจพิจารณา ร่างกฎหมาย ก็ได้คำตอบว่าบางเรื่องยังไม่สะเด็ดน้ำหรือยังไม่เป็นที่ยุติว่าจะเอาอย่างไรแน่ เกรงวา่ ถ้าเสนอมาพรอ้ มกนั ในคราวเดียวแล้วจะพากันตกไปหมด เมื่อถามต่อว่าบรรดาประเด็นที่เสนอแก้มานั้นสะเด็ดน้ำแล้วหรือยัง หน่วยงานที่รับผิดชอบ กลับตอบว่าบางประเด็นนัน้ หน่วยงานที่เก่ียวข้องยงั เห็นไม่ตรงกันก็มี ซึ่งก็ไมร่ ู้วา่ จะเสนอมา ทำไมกัน ประหลาดกว่านั้นคือในช่วงท่ีรัฐบาลมีนโยบายให้หน่วยงานของรัฐพัฒนากฎหมายที่อยู่ใน ความรับผดิ ชอบอยา่ งต่อเนื่อง และถอื เปน็ หนึง่ ในตัวชี้วดั การปฏบิ ตั ริ าชการของส่วนราชการ ปรากฏว่าบางหน่วยงานเสนอแก้กฎหมายฉบับเดียวกันปีละประเด็นประเด็นละมาตรา รวม สามปสี ามมาตรา พอกรรมการกฤษฎีกาถามแบบเดิมว่าทำไมไม่เสนอมาเสียในคราวเดียวละพ่อคุณ จะได้ลด ตน้ ทุนและเวลาในการจัดทำและตรวจพิจารณาร่างกฎหมาย และแกป้ ญั หาได้เสยี ทีเดียวเลย ท่านผู้แทนตอบมาหน้าตาเฉยว่าก็การเสนอปรับปรุงแก้ไขกฎหมายนั้นเขามีคะแนนการ พัฒนากฎหมายของส่วนราชการทุกปี ถ้าหน่วยงานของผมเสนอมาครั้งเดียวก็ได้คะแนนปี เดียวสคิ รบั ”1 การที่ให้หน่วยงานรัฐที่มีอานาจตามกฎหมายพิจารณาจัดทารายงานประเด็นเกี่ยวกับกฎหมาย และให้นาไปสู่การวิเคราะห์ผลกระทบทางกฎหมายจึงน่าจะยังขาดประสิทธิภาพในเชิงการให้ข้อมูลและ โดยสภาพแท้จริงของระบบราชการไทยแล้วหน่วยงานรัฐเป็นจานวนน้อยมากที่จะเสนอแก้ไขปรับปรุง กฎหมายเพื่อลดอานาจของตนจนมีอานาจในการกากับมากขึ้นเป็นส่วนใหญ่ ในรูปแบบการรายงานผล ทางกฎหมาย พระราชกฤษฎีกาการทบทวนความเหมาะสมของกฎหมายในรูปแบบที่ปฏิบัติอยู่จึงน่าจะ 1 ปกรณ์ นิลประพนั ธ์ (2562) เล่าเบือ้ งหลงั การแกไ้ ขกฎหมายพัฒนาประเทศ, เนช่ันสุดสัปดาห์, <https://www.nationweekend.com/content/detail/1760>
109 เป็นเรื่องท้าทายอย่างมากในการพยายามจัดให้มีการวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายที่มีประสิทธิภาพ เพ่ือกอ่ ให้เกดิ การลดอปุ สรรคในการดาเนินธุรกิจ 6.2.3 กฎหมายกบั การจำกัดโดยกลุ่มผลประโยชน์ (Regulatory Capture) จากแนวคิดในบทที่ 2 ของงานวิจัยว่าด้วยกฎหมายกับการจากัดโดยกลุ่มผลประโยชน์ (Regulatory Capture) การที่กฎหมายมีขึ้นหรือไม่มีเพื่อสร้างประโยชน์ให้แก่กลุ่มธุรกิจบางกลุ่มที่ สามารถกากับการตัดสินใจตรากฎหมายและระเบียบต่าง รวมถึงจากกรณีศึกษาในบทที่ 5 ว่าด้วย อุปสรรคในการด าเนินธุรกิจที่ชี้ว่ารัฐบาลไทยมุ่งเน้นการลดอุปสรรคที่รวดเร็ วเพื่อให้เกิดการสร้าง ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออกโดยมีกลุ่มทุนใหญ่ที่จะได้ประโยชน์จากการเข้าไปดาเนินธุรกิจ และในกรณี ธรุ กิจขนาดกลางและขนาดเล็กในภาคอสังหารมิ ทรัพย์ท่ยี ังต้องเผชิญกับอปุ สรรคทางกฎหมายและการใช้ อานาจตามกฎหมายนของเจ้าหน้าทร่ี ัฐ งานวจิ ยั น้จี ึงสามารถช้ีได้เบ้ืองตน้ ว่าทุนหรือธุรกิจขนาดใหญ่สามารถที่จะกากับการลดอุปสรรค ทางกฎหมายตา่ งๆ ทม่ี ีแก่กลุ่มธรุ กิจของตน ในขณะท่ีแตห่ ากเป็นกลุ่มธุรกิจทุนขนาดกลางและขนาดเล็ก กลับต้องเผชิญกับอุปสรรคทางกฎหมายแม้ว่าจะได้มีความพยายามแจ้งประเด็นปัญหาต่อภาครัฐ การท่ี เป็นเช่นนี้เท่ากับมีการเลือกปฏิบัติในการใช้การวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมาย กล่าวคือพยายามใช้ การวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายอันนาไปสู่การลดอุปสรรคต่อการดาเนินธุรกิจให้แก่กลุ่มทุนบาง กลุ่มและรัฐเองแม้จะพยายามให้เกิดปรับใช้การวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายแต่ก็จะเลือกยกประเด็น กฎหมายทเี่ ป็นอุปสรรคต่อกลมุ่ ทุนขนาดใหญ่เป็นหลัก การดาเนนิ การการใชก้ ารวเิ คราะห์ผลกระทบจาก กฎหมายในลักษณะนี้จึงถือเป็นการเลือกปฏิบัติทางกฎหมายที่ไม่เท่าเทียมซึ่งมีหลากหลายกฎหมาย ณ ปัจจุบันที่สร้างกรอบสถานการณ์ดาเนินธุรกิจให้กลุ่มทุนและไม่เปิดตลาดให้แก่ธุรกิจรายกลางและราย เล็กในการเข้ามาแข่งขันในตลาด2 หากเมื่อพิจารณาโดยภาพรวมจากประเทศสิงคโปร์และมาเลเซียจะ เห็นว่าแม้ว่ารัฐของทั้งสองประเทศยังคงพยายามสนับสนุนกลุ่มทุนใหญ่ในประเทศตนแต่ก็เปิดโอกาส ให้แก่กลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้สามารถเติบโตและดาเนินการทางธุรกิจโดยไม่มีอุปสรรค จากกฎหมายอันเกินควรในลักษณะนี้ทาให้เกิดความท้าทายในการปรับใช้การวิเคราะห์ผลกระทบจาก กฎหมายในประเทศไทยที่ยังขาดการคานึงถึงความเสมอภาคและความเป็นประโยชน์อย่างเท่าเทียมกัน แกท่ า่ มกลางธุรกิจ 2 ตัวอย่าง ท่ี ประกาศกระทรวงการคลงั เร่ือง วธิ กี ารบริหารงานสรุ า พ.ศ. ๒๕๔๓ ซึ่งประกาศกาหนดให้ ขอ้ ๒.๑ การขอ อนุญาตทาและขายสง่ สรุ ากลั่นประเภทวสิ ก้ี บรน่ั ดี และยนิ ผ้ขู ออนญุ าตตอ้ งเสนอโครงการลงทุนกอ่ สรา้ งโรงงานสรุ า มี ขนาดกาลงั การผลิตคดิ เทยี บเป็นนา้ สุราที่มีแรงแอลกอฮอล์ ๒๘ ดกี รี ขั้นต่าวนั ละ ๓๐,๐๐๐ ลติ ร จะต้องมีพนื้ ทไี่ ม่นอ้ ยกว่า ๒๐๐ ไร่ – การประกาศกาหนดในลักษณะน้ไี มเ่ ปิดกาศให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กเลย
110 6.2.4 การดำเนินการปรบั ใช้การวิเคราะห์ผลกระทบทางกฎหมายโดยรวม ประเด็นท้าทายที่สาคัญอีกด้านหนึ่งคือการที่ประเทศไทยพยายามปรับใช้การวิเคราะห์ ผลกระทบทางกฎหมายในเชิงภาพรวมแต่ไม่ได้เน้นให้เกิดผลที่เห็นได้ชัดเจนในรายประเด็น มีการวาง นโยบายและกรอบกฎหมายให้มีการดาเนินการเกี่ยวกับการวิเคราะห์ผลกระทบทางกฎหมายเพื่อให้เกิด การลดอุปสรรคต่อการดาเนินธุรกิจแต่การวางกรอบกฎหมายและนโยบายเป็นเพียงการวางกรอบ โดยท่วั ไปไมส่ ามารถนาสู่การแกไ้ ขปัญหารายประเดน็ ไม่เฉพาะเจาะจงภาคสว่ นใดหรือสว่ นของธุรกิจใดที่ จาเป็นต้องปรับปรุงกฎหมายเพื่อลดอุปสรรค การดาเนินการในลักษณะภาพรวมมักจะเป็นการสร้างให้ เกิดกรอบกว้างในการทางานของภาครัฐในปัจจุบัน แต่กรอบกว้างดังกล่าวไม่สามารถชี้ให้เห็นผลหรือไม่ สามารถนาเสนอตวั อย่างท่ีเป็นรูปธรรมได้ ตวั อยา่ งเช่นรัฐพยายามออกนโยบาย การเรง่ ปรับลดกฎหมาย ที่ไม่มีคุณภาพ (Regulatory Guillotine) ในการตัดกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาโดยมอง ภาพรวมแต่ไม่ได้เน้นสร้างผลลัพธ์ในภาคส่วนใดภาคส่วนหนึ่ง การประกาศนโยบายแบบภาพรวมของรัฐ แต่ไม่ได้สร้างการดาเนินการจึงไม่ได้สร้างการพัฒนาในเชิงการวิเคราะห์ผลกระทบทางกฎหมายเพื่อลด อปุ สรรคตอ่ การดาเนินธุรกจิ มากไปกว่านั้นรัฐไทยเองในช่วงที่ผ่านมาแม้จะประกาศนโยบาย การเร่งปรับลดกฎหมายที่ไม่มี คุณภาพ (Regulatory Guillotine) ก็ยังคงเร่งตรากฎหมายเพื่อใช้ในการควบคุมกากับ การเร่งตรา กฎหมายหลายฉบับส่งผลให้เกิดการเพิ่มข้ึนของอุปสรรคในการดาเนินธุรกิจและมีจานวนกฎหมายไม่เอื้อ ตอ่ การดาเนินธุรกิจเพิม่ ขนึ้ เปน็ จานวนมาก แม้วา่ จะมีความพยายามในการใช้การวเิ คราะห์ผลกระทบจาก กฎหมายตามนโยบายที่ประกาศไว้โดยรวม แต่ในทางปฏิบัติการดาเนินการโดยรวมไม่สามารถให้เกิดผล ตามที่คาดหวังได้เพราะมีบริบททางการเมืองและระบบราชการที่ดาเนินการใช้การวิเคราะห์ผลกระทบ ทางกฎหมายโดยไม่ตรงเป้าหมายและใชก้ ารวเิ คราะหผ์ ลกระทบทางกฎหมายแต่เพียงภาพรวมไม่มีผลใน เชิงปฏิบัติรายกรณีที่สามารถนาไปสู่การปรับปรุงกฎหมายเพื่อลดอุปสรรคในการดาเนินธุรกิจ การ ดาเนินการแบบภาพรวมจึงถือเป็นความท้าทายหนึ่งที่จะต้องเร่งให้มีการดาเนินการปรับการใช้การ วิเคราะห์ผลกระทบทางกฎหมายเพื่อที่จะก่อให้เกิดความเป็นไปได้ในการลดอุปสรรคในการดาเนินธุรกิจ รวมถงึ อปุ สรรคทางสงั คม 6.3 ข้อเสนอแนะเพื่อการพัฒนาการพิจารณาผลกระทบจากกฎหมายกับการลดอุปสรรค ในการประกอบธรุ กิจในประเทศไทย จากการศึกษาในส่วนบทที่ 1-5 และในส่วนต้นของบทที่ 6 นี้จะเห็นได้ว่าประเทศไทยยัง ตามหลังประเทศสิงคโปร์และมาเลเซียในการดาเนินการเกี่ยวกับการวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมาย รวมถึงประเทศไทยยังประสบกับความท้าทายในการปรับใช้การวิเคราะห์กระทบจากกฎหมายเพื่อสร้าง ประสิทธิภาพทางกฎหมายอันจะเอื้อให้เกิดการลดอุปสรรคทางธุรกิจในประเทศไทย ด้วยเหตุนี้ในส่วน
111 สดุ ท้ายของงานวิจัยจะพยายามนาเสนอข้อเสนอแนะเพ่ือพัฒนาการพิจารณาผลกระทบจากกฎหมายอัน มุ่งท่ีการลดอุปสรรคในการดาเนินธุรกิจข้อเสนอแนะประกอบดว้ ย (1) การใหห้ น่วยงานหรือกระทรวงใดกระทรวงเป็นหน่วยการดำเนินการหลกั งานวิจัยเสนอให้มีการกาหนดหน่วยงานหรือกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งเป็นเป็นหน่วยการ ดาเนินการหลักและเริ่มปรับหน่วยงานของกระทรวง ทั้งนี้จะต่างกับการดาเนินการในปัจจุบันที่รัฐ กาหนดให้สานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นหน่วยงานหลักในการพิจารณาผลกระทบจากกฎหมาย หากแต่ทว่าสานักคณะกรรมการกฤษฎีกาเน้นทาหน้าที่ที่สาคัญคือกลั่นกรองกฎหมาย แต่ไม่ได้มีอานาจ ในการดาเนินการปรบั แก้กฎหมายทีเ่ ก่ียวข้องกับแต่ละภาคส่วน งานวิจยั ชิ้นนจ้ี ากการศึกษาเปรียบเทียบ ระหว่างประเทศ สิงคโปร์ มาเลเซียและไทย เสนอให้ รัฐบาลไทยดาเนินการปรับใช้ การพิจารณา ผลกระทบจากกฎหมาย โดยกาหนดให้กระทรวงหรือกรมใดกรมหนึ่งเป็นผ้ดู าเนนิ การหลักในช่วงแรกและ ใหก้ ระทรวงหรือกรมท่ีกาหนดต้องเร่มิ การใช้ การพิจารณาผลกระทบจากกฎหมายเพื่อปรบั อานาจหน้าท่ี ของกระทรวงหรือกรมของตนก่อน ตัวอย่างเช่น รัฐบาลอาจเสนอให้กระทรวงอุตสาหกรรมดาเนินการ การพิจารณาผลกระทบจากกฎหมายเป็นกระทรวงแรกและต้องให้มีการเริ่มใช้พัฒนาการพิจารณา ผลกระทบจากกฎหมายที่เป็นอานาจหน้าที่ของกระทรวง แล้วพิจารณาปรับลดหรือปรับปรุงกฎหมาย ตามภารกิจของกระทรวงทาให้เกิดการลดอุปสรรคต่อธุรกิจอุตสาหกรรมซึ่งในการดาเนินของกระทรวง อุตสาหกรรมจาเป็นต้องมีภาคเอกชนอุตสาหกรรมเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นในการใช้การพิจารณา ผลกระทบจากกฎหมายเพื่อลดอุปสรรคในการดาเนินธุรกิจและอุตสาหกรรมด้วยเช่นกันซึ่งหากริเริ่ม ดาเนนิ การไดใ้ นกระทรวงหนงึ่ แล้วก็น่าจะสามารถดาเนินการต่อไปที่กระทรวงอน่ื ๆ ตอ่ ไปในระยะยาว ในงานศึกษาของ OECD เกย่ี วกบั การปรับใช้การวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายได้นาเสนอให้ มีการตั้งหน่วยงานที่มีหน้าที่หลักในการสนับสนุนการใช้การวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายซึ่ง หน่วยงานที่ตั้งขึ้นจะต้องเป็นหน่วยงานที่กากับและให้ข้อเสนอกับการปรับปรุงการใช้3 การวิเคราะห์ ผลกระทบจากกฎหมายเพ่ือนาไปสู่การปรับปรุงกฎระเบียบอันนาไปสู่การลดอุปสรรคทางธุรกิจและด้าน อ่นื ๆ ในงานศึกษา OECD ยังไดเ้ พิม่ เติมอีกว่าหนว่ ยงานทที่ าหน้าท่ีสนับสนนุ การวิเคราะห์ผลกระทบจาก กฎหมายไม่ได้เป็นเพียงหน่วยงานดูแลข้อมูล (Gate Keeping) ที่ส่งมาจากภาคส่วนงานรัฐต่างๆ แต่ จะต้องมีหน้าที่หลักในการให้ความรู้และสามารถเข้าไปช่วยสร้าง4 ศักยภาพในการดาเนินการด้านการ วิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายตามหน่วยงานต่างๆ ได้ เมื่อพิจารณาถึงหลักการที่ให้สานักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อน การวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายใน ประเทศไทยจึงเสมือนให้สานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นผู้ดูแลข้อมูลมากกว่าแต่มิได้ทาหน้าที่ให้ 3 Ladegaard, P., Lundkvist, P., and Kamkhaji J, (2018) , Giving Sisyphus a Helping Hand Pathways for Sustainable RIA Systems in Developing Countries, World Bank, Policy Research Working Paper 8367, <http://documents.worldbank.org/curated/en/691961521463875777/pdf/WPS8367.pdf> 4 อ้างแลว้
112 คาแนะนาและช่วยพัฒนาสมรรถนะของหน่วยงานรัฐในการดาเนินการเกี่ยวกับการวิเคราะห์ผลกระทบ จากกฎหมาย ประเทศไทยจึงต้องหันมาสนใจในการกาหนดหรือสร้างหน่วยงานที่มีความสามารถในการ พิจารณาข้อมูล สร้างข้อแนะนาและสนับสนุนการพัฒนาการวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายในเชิง ปฏิบัติ (2) การสรา้ งความเขา้ ใจการวเิ คราะหผ์ ลกระทบจากกฎหมาย จากการท่ีประเทศไทยเพิ่งริเริ่มการปรบั ใช้การวิเคราะหผ์ ลกระทบจากกฎหมายเพ่ือลดอุปสรรค ธุรกิจแต่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ การวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายยังเป็นในเชิงแคบเฉพาะแต่ หน่วยงานรัฐทางกฎหมายและหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง แต่การปรับใช้การวิเคราะห์ผลกระทบจาก กฎหมายไม่ได้จากัดที่วงแคบ จึงเสนอให้มีการสร้างการแนะนา (Advocacy) เพื่อให้เกิดการเรียนรู้และ ตระหนักเกี่ยวกับการวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายทั้งในส่วนภาครัฐและธุรกิจเอกชนที่เกี่ยวข้อง ตัวอย่างที่เห็นไดช้ ดั คือในบทท่ี 3 และ 4 ของงงานวิจัยที่นาเสนอการทางานของประเทศมาเลเซียในการ จัดทาคู่มือที่พัฒนาขึ้นเป็นรายปี รวมถึงมีการจัดทารายงานผลการดาเนินการการวิเคราะห์ผลกระทบ จากกฎหมายที่นาไปสู่การลดอุปสรรคทางธุรกิจ ทาให้เกิดความเข้าใจต่อหน่วยงานและภาคเอกชนใน ประเทศมาเลเซียเกี่ยวกับการวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมาย หน่วยงานรัฐมาเลเซียก็สามารถที่จะ เข้าใจประโยชน์ของการวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมาย ภาคเอกชนเองก็สามาถใช้หลักการการ วิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายในการร้องขอให้ภาครัฐและหน่วยงานในประเทศมมาเลเซียปรับปรุง แก้ไขกฎหมาย การมีการสร้างการแนะนา (Advocacy) จึงมีความจาเป็นอย่างมากและหากพิจารณาถึง ประเทศไทยเองจาเป็นต้องสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมาย ทาให้เกิดการ พยายามปรับใช้การวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายมากขึ้น ซึ่งในการให้คาแนะนางานวิจัยเสนอให้มี การให้ข้อมูลที่ประกอบด้วย 1) การอธิบายรายละเอียดและการทาความเข้าใจการวิเคราะห์ผลกระทบ จากกฎหมาย 2) การอธิบายผลท่ีได้รับจากการวเิ คราะห์ผลกระทบจากกฎหมายไปปฏิบัต5ิ ในการอธิบายรายละเอียดและการทาความเข้าใจการวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายจะช่วย ส่งเสริมให้หน่วยงานรัฐและภาคเอกชนเข้าใจในเนื้อหาและหลักการของการวิเคราะห์ผลกระทบจาก กฎหมายอันจะสร้างให้เกิดการร่วมกันปรับใช้การวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายได้อย่างถูกต้องและ เป็นประโยชน์ต่อการลดอุปสรรคในการดาเนินธุรกิจ โดยการให้ข้อมูลโดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐจะทา ให้หน่วยงานภายในเข้าใจประเด็นทางกฎหมายและสามารถมองสภาพของกฎหมายและการใช้กฎหมาย ผา่ นเลนส์ของการวเิ คราะห์ผลกระทบจากกฎหมายได้ ในส่วนของการอธบิ ายผลที่ไดร้ ับจากการวิเคราะห์ ผลกระทบจากกฎหมายไปปฏิบัติจะทาให้หน่วยงานรัฐและเอกชนเห็นภาพการดาเนินการและเห็ น เปา้ หมายหรือผลของการดาเนนิ การสามารถนาไปปรับใช้กบั สภาวการณ์ของหนว่ ยงานและเอกชนได้และ เมื่อคานึงถึงจุดมุ่งหมายของงานวิจัยนี้ งานวิจัยเสนอให้มีการนาเสนอผลว่าด้วยการวิเคราะห์ผลกระทบ 5 OECD, 2008, Building an Institutional Framework for Regulatory Impact Analysis (RIA): Guidance for Policy Makers, <http://www.oecd.org/regreform/regulatory-policy/40984990.pdf>
113 จากกฎหมายท่ีเอ้ือให้เกิดการลดอปุ สรรคในการทาธุรกิจโดยอาจจะเสนอผลในรายธรุ กจิ ที่ได้มีการปรับใช้ การวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายแล้วสร้างให้เกิดการลดขั้นตอนตามกฎหมายและเพิ่มประสิทธิภาพ แก่การดาเนินธุรกจิ (3) การกระจายอำนาจการใชก้ ารพจิ ารณาผลกระทบจากกฎหมาย รายงานวิจัย เสนอวา่ ในระยะยาวอาจจะต้องพจิ ารณาให้มีการกระจายอานาจในการปรับใช้การ พิจารณาผลกระทบจากกฎหมายแก่หน่วยงานท้องถิ่นเพ่ือใหเ้ กิดความคล่องตัวในการปรับแก้กฎหมายที่ สรา้ งอุปสรรคในแตล่ ะท้องถิ่นและสร้างให้เกิดความยืดหยุ่นทางกฎหมายอันเอ้ือให้เกดิ การลดอปุ สรรคใน การดาเนินธุรกิจในแต่ละท้องถิ่น ทั้งนี้เนื่องจากหน่วยงานท้องถิ่นจะมีความรู้ความเข้าใจในประเด็น ปัญหาทางธุรกจิ เศรษฐกิจและสังคมในเขตพื้นท่ที ้องถ่นิ ได้ดีกว่าการตัดสินใจจากสว่ นกลางราขการที่รวม อานาจไว้ ตวั อยา่ งจากกงานศึกษาวจิ ัยนี้คือ ประเทศสิงคโปร์ที่มีความคล่องตวั ในการพิจารณาผลกระทบ จากกฎหมายเพื่อลดอุปสรรคในการดาเนินธุรกิจเกิดจากการดาเนินการราชการที่มีโครงสร้างขนาดเล็ก ทาให้สามารถปรับเปลี่ยนกฎหมายได้ทนั ต่อการเปลย่ี นแปลงและไม่สร้างอุปสรรคต่อการดาเนินธรุ กิจ ใน ประเทศมาเลเซียก็เช่นกันที่จะมีการกาหนดกฎหมายที่กระจายไปแต่ละมลรัฐมาเลเซีย หน่วยงานแต่ละ มลรัฐจึงเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทในการพิจารณาผลกระทบจากกฎหมายที่ตรงต่อการดาเนินการธุรกิจ ในพื้นที่ของตนรัฐบาลมาเลเซียเป็นเพียงผู้ชี้กาหนดนโยบายและให้แต่ละมลรัฐแต่ละหน่วยงานไปริเริ่ม ดาเนินการการพิจารณาผลกระทบจากกฎหมายในแต่ละส่วนเอง ประเทศไทยจึงจะต้องมีการวางกรอบ การกระจายอานาจมิให้เกิดการรวมศูนย์การพิจารณาผลกระทบจากกฎหมายอยู่ที่รัฐบาลส่วนกลางแต่ สว่ นเดียว (4) การดำเนนิ การทดสอบความเป็นไปไดห้ ากยกเลกิ หรือปรับปรุงกฎหมาย งานวิจัยเสนอให้มีการจัดทากรอบการวิเคราะหผ์ ลกระทบทางกฎหมายและให้เกิดการกากับโดย การทดสอบ (Test Based Governance) เน้นไปที่การทดลองก่อนที่จะมีการปรับปรุงหรือปรับลด กฎหมาย ตัวอย่างในประเทศสิงคโปร์ที่สนับสนุนให้ผู้ประกอบธุรกิจร่วมพูดคุยกับภาครัฐกันและวาง กรอบมาตรฐานในการดาเนินธุรกิจ (Code of Practice) ก่อนที่จะมีการปรับปรุงกฎหมายทาให้เกิดการ เรียนรู้ทางกฎหมายและการทาความเข้าใจกฎหมายก่อนที่จะมีการปรับปรุงกฎหมายจากการที่ได้ ดาเนินการการวิเคราะห์ผลกระทบทางกฎหมายในการดาเนินการในรูปแบบนี้อาจเป็นในเชิงการสร้าง กะบะทรายทางกฎหมาย (Regulatory Sandbox) ให้มีการริเริ่มทาและดาเนินการทางธุรกิจก่อนที่จะมี การกากับตามกฎหมายจริง6 ในการดาเนินการรูปแบบน้ีทาให้รัฐหรือหนว่ ยงานของรฐั สามารถสนับสนุน การดาเนินธุรกิจโดยไม่จาเป็นต้องเข้าไปจัดการธุรกิจและการที่โลกธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว 6 สุทธิชัย งามช่ืนสวุ รรณ, 10 สงิ หาคม 2561, Regulatory Sandbox : เมื่อกฎหมายสรา้ งกระบะทราย !, กรุงเทพธรุ กจิ , <https://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/645267>
114 (Disruption) ทาใหท้ งั้ ภาครฐั และเอกชนเองไม่เข้าใจหากจะต้องมีการกาหนดข้อบังคับ การใช้การกากับ โดยการทดสอบโดยพิจารณาเริ่มต้นจากการวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายจะช่วยสร้างสภาวะทาง กฎหมายที่เอื้อต่อการลดอุปสรรคทางกฎหมายแกธุรกิจนาไปสู่การเติบโตของภาคธุรกิจใหม่ๆ ตัวอย่าง การดาเนินการเป็นไปตามแผนภาพท่ี 16 การปรับใช้ RIA ตอ่ กฎหมายและ การจดั สร้าง Regulagory การลดอปุ สรรคทางกฎหมายและ ธุรกิจ Sandbox สร้างสภาวะท่ีเออื ้ ตอ่ การดาเนิน ธุรกิจและ แผนภาพท่ี 16 แสดงการปรบั ใช้ RIA ต่อกฎหมายและธุรกจิ (5) การสร้างความร่วมมือกับเอกชนในการเขา้ ใจปญั หาทเ่ี กิดจากกฎหมาย การดาเนินการ การวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายที่เกี่ยวกับการลดอุปสรรคในการดาเนิน ธุรกจิ ส่วนใหญน่ ั้นจะเป็นภาครฐั เป็นหลักซ่ึงภาครฐั ไทยยังติดกับสภาวการณ์การมองปัญหาทางกฎหมาย ที่ไม่ชัดเจนและในบางกรณีการปรับปรุงหรือปรับแก้กฎหมาย การดาเนินการว่าด้วยการวิเคราะห์ ผลกระทบทางกฎหมายเพ่ือสร้างกฎหมายท่ีเอื้อต่อการดาเนินธรุ กิจจึงจาเปน็ ต้องสร้างจากการสร้างภาคี เครอื ขา่ ยรัฐและเอกชน โดยตัวอย่างท่ีเห็นไดช้ ัดคือ ประเทศมาเลเซียท่ีได้มีการนาเสนอในบทที่ 3 และ 4 ว่าด้วยการจัดตั้งคณะทางานพิเศษเพื่อสนับสนุนการดาเนินธุรกิจในประเทศ (PEMUDAH- ‘Pasukan Petugas Khas Pemudahcara Perniagaan’- Special Taskforce to Facilitate Business) ทป่ี ระกอบ ไปด้วยคณะกรรมการร่วมทั้งภาครัฐและเอกชนทาให้มีการพูดคุยถึงผลกระทบจากกฎหมายและมีการ ปรับใช้การวเิ คราะหผ์ ลกระทบจากกฎหมายในการดาเนนิ ธุรกิจ จากการที่มีกรรมการร่วมทาให้สามารถระบุปัญหาที่เกิดขึ้นจากกฎหมายได้ชัดเจนและมีการ ปรับใช้การวิเคราะห์ผลกระทบทางกฎหมายได้อย่างตรงเป้าประสงค์อันนาไปสู่การปรับปรุงกฎหมายและ ขนั้ ตอนทางกฎหมายทาให้ง่ายต่อการดาเนนิ ธุรกิจในประเทศมาเลเซีย งานวิจัยนีจ้ ึงเสนอให้ประเทศไทย ตั้งคณะทางานที่เกิดจากการร่วมกันระหว่างรัฐและธุรกิจในการปรับใช้การวิเคราะห์ผลกระทบทาง กฎหมายในประเด็นอุปสรรคที่กฎหมายสร้างขึ้นต่อธุรกิจ ซึ่งหากมีคณะกรรมการร่วมในลักษณะนี้ได้จะ สร้างให้เกิดการพัฒนาเชิงกฎหมายเพื่อลดอุปสรรคทางธุรกิจและยกระดับเศรษฐกิจของประเทศไทยได้ ในอนาคต ทว่างานวิจัยนี้เสนอให้มีการกาหนดคณะกรรมการร่วมจากภาคธุรกิจที่ต้องสะท้อนถึงปัญหา
115 เชิงโครงสร้างธุรกิจที่มีอานาจควบคุมระบบเศรษฐกิจ การมีกรรมการภาคเอกชนจึงต้องให้มาจาก ภาคเอกชนที่หลากหลายและไม่เอื้อต่อกลุ่มทุนใหญ่หรือกลุ่มทุนรายใดรายหนึ่งอันนาไปสู่การใช้การ วิเคราะห์ผลกระทบทางกฎหมายเป็นเครื่องมือให้เอื้อต่อการทาธุรกิจใหญ่แต่ขาดการตระหนักถึงการ พฒั นาธุรกจิ Start up รายเล็กรายกลางและรายใหญ่อย่างยตุ ิธรรม (6) การใช้ประเด็นอุปสรรคในการทำธุรกิจจากกฎหมายเป็นตัวตั้งมิใช่การใช้กฎหมายเป็น ตัวตั้ง จากการที่ประเทศไทยเน้นสร้างให้เกิดการปรับใช้การวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายโดยรวม โดยพจิ ารณาวา่ กฎหมายสร้างให้เกิดอุปสรรคและต้องอาศัยกลไกการวิเคราะหผ์ ลกระทบจากกฎหมายใน การชบ้ี ่งประเดน็ หรือปัญหาเพื่อท่จี ะได้มีการแก้ไขประเด็นหรือปัญหาทางกฎหมายดังกล่าว ทว่างานวิจัย นี้เสนอใหม้ ีการพิจารณาใหม่ในการต้งั ประเด็นการใชก้ ารวิเคราะหผ์ ลกระทบจากกฎหมายโดยให้คานึงถึง ประเด็นอุปสรรคในการทาธุรกิจเป็นขั้นต้นแล้วจึงนาไปสู่การรวบรวมกฎหมายที่เกี่ยวข้องและมีการใช้ เครื่องมือการวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมาย ทั้งนี้เนื่องจากประเทศไทยเน้นการดาเนินการวิเคราะห์ ผลกระทบจากกฎหมายโดยภาพรวมและมองกฎหมายเป็นตัวตั้งซึ่งไม่อาจจะทาให้เกิดการแก้ปัญหาราย ประเด็นได้ งานวิจัยชิ้นนี้เสนอว่าต้องมีการปรับแนวทางในการปรับใช้การวิเคราะห์ผลกระทบจาก กฎหมายโดยให้มีการตั้งประเด็นที่เป็นอุปสรรคในการดาเนินธุรกิจที่เกิดจากฎหมาย แล้วจึงนาการ วิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์รายประเด็นธุรกิจดังกล่าว การปรับ แนวทางในรูปแบบนี้จะช่วยสร้างให้เกิดการดาเนินการที่เป็นรูปธรรมในการปรับใช้การวิเคราะห์ ผลกระทบจากกฎหมายกับประเด็นอุปสรรคทางธุรกิจ ตัวอย่างเช่นแต่เดิมประเทศไทยเน้นให้มีการ ปรับปรุงกฎหมายโดยใช้การวิเคราะห์ผลกระทบทางกฎหมายโดยภาพรวมและเน้นไปที่ตัวกฎหมาย ประเทศไทยควรเน้นไปที่ปัญหาเฉพาะที่เกิดขึ้นจากกฎหมายแล้วจึงใช้การวิเคราะห์ผลกระทบจาก กฎหมายไปสังเคราะห์แนวทางการแก้ไขปัญหาเฉพาะของแต่ละธรุ กิจ (7) การจดั ทำ Pilot Project การใช้การวเิ คราะห์ผลกระทบทางกฎหมายกับกลุ่มธรุ กิจ รายงานวิจัยนี้เสนอให้มีการดาเนินการ การปรับใช้การวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายผ่าน โครงการนาร่องในภาคธุรกิจที่มีความเป็นไปไดท้ ่ีจะทาลดปรับปรุงกฎหมายเพ่ือลดอุปสรรคในการดาเนิน ธุรกิจสาเร็จ ทั้งในประเทศสิงคโปร์และมาเลเซียที่สามารถปรับใช้ การวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมาย ได้สาเร็จนั้นเนื่องจากมีการริเริ่มการใช้เป็นรายประเด็นธุรกิจที่สาคัญ อาทิ การแก้ไขขั้นตอนของ กฎหมายในการออกใบอนุญาตรถขนส่งพาณิชย์ในประเทศมาเลเซียที่ได้นาเสนอในบทที่ 3 ของรายงาน วิจัย จากการที่มีการริเริ่มในประเด็นเล็กๆ ทาให้เกิดการดาเนินการเกีย่ วกบั การวเิ คราะห์ผลกระทบจาก กฎหมายในภาคธุรกิจเกี่ยวกับการขนส่งและนาไปสู่การดาเนินการภาคธุรกิจอื่นตามมา ในส่วนของ ประเทศสิงคโปร์ก็พยายามปรับใช้หลักคิดเกี่ยวกับกฎหมายเพื่อให้เกิดการลดอุปสรรคในการทาธุรกิจใน รายประเด็นเช่นการเปิดให้มีการแข่งขันของธุรกิจรถแท็กซี่จากการปรับเปลี่ยนระบบของธุรกิจ แอพพลิเคชั่นที่เข้ามาใหม่ทาให้เกิดการพัฒนาธุรกิจโดยรวม หากคานึงถึงประเทศไทยแล้วรายงานวิจัย
116 ชิ้นนี้เสนอให้ ประเทศไทยริเริ่มการดาเนินการโดยเลือกกลุ่มธุรกิจเป้าหมายที่คาดว่าจะสามารถ ดาเนินการในการใช้การวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายและนาไปสู่การปรับปรุงกฎหมายเพื่อลด อุปสรรคในการดาเนินธุรกิจได้สาเร็จ ตัวอย่างเช่นประเทศไทยอาจจะชูประเด็นปัญหากฎหมายและ กระบวนการทางกฎหมายเกี่ยวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ได้นาเสนอในกรณีศึกษาในบทที่ 5 ของ งานวิจัย แล้วให้มีการใช้เครื่องมือการวิเคราะห์ผลกระทบทางกฎหมายเพื่อชี้ปัญหาของกฎหมายและ ผลเสียของกฎหมายที่สร้างอุปสรรคและเอื้อต่อการทุจริตรับสินบนของเจ้าหน้าที่ ซึ่งในการดาเนินการน้ี จะต้องให้หน่วยงานหลักที่ดูแลสนับสนุนการวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายร่วมมือกับภาคเอกชน ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หน่วยงานที่ดินและหน่วยงานท้องถิ่นให้เข้ามาร่วมจัดทาการวิเคราะห์ผลกระทบ จากกฎหมายแล้วตั้งเป้าให้เกิดการปรับปรุงกฎหมายและขั้นตอนทางกฎหมายทาให้เกิดการลดขั้นตอน และอุปสรรคในการดาเนนิ ธรุ กิจอสังหารมิ ทรัพย์ ในการปรบั ใชก้ ารวิเคราะห์ผลกระทบทางกฎหมายผ่านโครงการนาร่องในภาคธรุ กิจจะชว่ ยสร้าง ให้เกิดตัวแบบหรือตัวอย่างเบื้องต้นให้หน่วยงานทั้งรัฐและเอกชนในประเทศไทยได้น าไปป ฏิบัติต่อ เพิ่มเติมในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับภาคธุรกิจของตนต่อไป ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละภาคธุรกิจมีความแตกต่าง กันทั้งในเชิงการดาเนินธุรกิจและกฎหมายที่กากับควบคุมแต่หากได้มีการริเริ่มโครงการนาร่องให้ได้มี ตัวอย่างการดาเนินการในประเทศไทยก็จะมีการดาเนินการตามตัวอย่างของโครงการนาร่องที่เป็น ตวั อยา่ งทสี่ าคญั ในการปรบั ใช้การวิเคราะหผ์ ลกระทบจากกฎหมาย 6.4 บทสรุปงานวจิ ยั ความมุ่งหมายของงานวิจัยชิ้นนี้พยายามศึกษาและสะท้อนให้เห็นถึงการวิเคราะห์ผลกระทบ จากกฎหมายอันเชื่อมโยงกับการลดอุปสรรคในการดาเนินธุรกิจในประเทศ ไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ โดยทาการศึกษาเชิงเปรียบเทียบจากการศึกษาเอกสารและการสัมภาษณ์ข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญ ในบทที่ 2 ของงานวิจัยมีการอธิบายถึงแนวคิดและงานศึกษาต่างๆ เก่ียวกับการวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมาย กับการขจัดอุปสรรคในการดาเนินธรุ กิจ บทท่ี 2 เปน็ การทาความเข้าใจแสดงกรอบเบื้องต้นเก่ียวกับช่อง ว่างงานศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายกับการขจัดอุปสรรคในการดาเนินธุรกิจ ในส่วนบทที่ 3 นาเสนอข้อมูลการศึกษาเอกสาร โดยอธิบายที่มาของการวิเคราะห์ผลกระทบจาก กฎหมายและการปรับใช้การวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายในทั้งสามประเทศและชี้ให้เห็นเบื้องต้นวา่ ประเทศไทยมีการดาเนินการปรับใช้การวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายเพื่อขจัดอุปสรรคในการดาเนิน ธรุ กจิ แต่ยังขาดการปฏบิ ตั ิท่ีแท้จริงเนื่องจากขาดการตระหนักและรัฐไทยเองยงั ติดอยู่ในรูปแบบของการ ตรากฎหมายเพื่อกากับแบบเดิม โดยประเทศไทยไม่มีความพยายามลดกฎหมายและมิได้คานึงถึงวิธีการ การบริหารภาครัฐอื่นในการขับเคลื่อนงานโดยเฉพาะการลดอุปสรรคในการดาเนินธุรกิจแก่ภาคเอกชน ซึ่งต่างจากประเทศสิงคโปร์และมาเลเซียที่มิได้มีการตรากฎหมายเฉพาะแต่กลับสามารถสร้างใหเ้ กิดการ วิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายกับการขจดั อปุ สรรคในการดาเนินธรุ กิจ ในบทที่ 4 ของงานวิจัยนาเสนอ
117 ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญในสามประเทศ ซึ่งโดยรวมพบว่าประเทศไทยยังขาดประสิทธิภาพและการ ปฏิบัติได้จริงในส่วนของการวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายเพื่อลดอุปสรรคในการดาเนินธุรกิจ ใน ประเทศมาเลเซียทั้งกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงาน MyCorp สามารถที่จะขับเคลื่อนการนาไปสู่การ ปฏบิ ตั ิวา่ การวเิ คราะห์ผลกระทบจากกฎหมาย ในประเทศสงิ คโปรม์ ีการวางหลักการ Smart Regulation และ พยายามลดและสร้างกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการซึ่งรัฐสงิ คโปร์จะพิจารณาก่อนที่จะ ตราหรือดาเนินการทางกฎหมายก่อนว่าการตราหรือการดาเนินการจะสร้างภาระหรือผลใดต่อธุรกิจ เศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมหรือไม่ ทาให้ประเทศสิงคโปร์สามารถที่จะยกระดับประเทศของตนได้ บทที่ 4 ซึ่งเสนอให้เห็นข้อบกพร่องว่าด้วย การวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายในประเทศไทยเมื่อนา เทียบกับประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ ประเทศไทยขาดการทาความความเข้าใจ ความตระหนักรวมถึง การนาไปปฏิบัติว่าด้วยการวเคราะห์ผลกระทบของกฎหมาย ในส่วนของบทที่ 5 เป็นการเชื่อมโยงการ เปรียบเทียบงานศึกษาเอกสารและข้อมูลการสัมภาษณ์เข้าสู่กรณีศึกษาในประเทศไทยว่าด้วย ธุรกิจ อสังหารมิ ทรัพย์และโครงการ EEC ท่ีเกย่ี วข้องกับการลงทุนขนาดใหญ่ กรณศี กึ ษาทั้งสองกรณีสะท้อนให้ เห็นถึงสภาวะการณ์ที่แท้จริงในประเทศไทยที่แม้ว่าจะกาหนดให้มีการขับเคลื่อนการวิเคราะห์ผลกระทบ จากกฎหมายกบั การขจัดอุปสรรคในการดาเนินธุรกิจแต่ก็ไม่สามารถนาไปสู่การปฏิบัติได้จริง ซ่ึงการที่รัฐ ไทยไม่ปรับใช้การวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายก็เท่ากับเป็นการคงไว้ซึ่งปัญหาของกฎหมายกับ ผลกระทบต่อธุรกจิ ชุมชนและสง่ิ แวดลอ้ ม สง่ ผลตอ่ การพัฒนาประเทศโดยรวม ในสว่ นบทที่ 6 นน้ี าเสนอ ข้อมูลวิเคราะห์เปรียบเทียบและความท้าทายในการปรับใช้การวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายใน ประเทศไทยเนื่องจากเป็นการการลดอานาจกากับของหน่วยงานภาครัฐที่อาจจะเชื่อมโยงกับกลุ่ม ผลประโยชน์ต่างๆ รวมถึงการดาเนินการว่าด้วยการลดผลกระทบจากกฎหมายแบบภาพรวมแต่ไม่ได้มุ่ง เป้ากลุ่มธุรกิจหรือภาคเศรษฐกิจทาให้การขับเคลื่อนการวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมายเป็นไปได้ยาก นอกจากนี้ในบทที่ 6 ได้มีข้อเสนอแนะที่พอจะเป็นทางออกของประเด็นปัญหาการวิเคราะห์ผลกระทบ จากกฎหมาย อาทิ การดาเนินการว่าด้วย Test Based Regulation การจัดทาความร่วมมือภาครัฐและ เอกชนว่าด้วยการวิเคราะห์ผลกระทบจากกฎหมาย การใช้ประเด็นอุปสรรคในการทาธุรกิจจากกฎหมาย เป็นตัวต้ังมิใช่การใช้กฎหมายเปน็ ตัวตง้ั และการจัดทา Pilot Project ว่าด้วยการวเิ คราะห์ผลกระทบจาก กฎหมายกบั การลดอุปสรรคในการดาเนินธุรกจิ สุดท้ายนี้ผู้วิจัยหวังเป็นอย่างยิ่งว่างานวิจัยชิ้นนี้จะเป็นประโยชน์ต่อวงวิชากการกฎหมาย เศรษฐศาสตร์และการเมือง รวมถึงเป็นประโยชน์ในทางปฏิบัติว่าด้วยการวิเคราะห์ผลกระทบจาก กฎหมายกับการลดอุปสรรคในการดาเนินธรุ กจิ เพื่อยกระดับการพัฒนาประเทศไทยต่อไป
118 บรรณานุกรม เอกสารภาษาองั กฤษ “Eighth Malaysia Plan 2001-2005 Chapter 11” https://policy.asiapacificenergy.org/node/1281 Abdul Latif Bin Haji Abu Semam, et al., Regulatory Coherence: The Contrasting Cases of Malaysia and Singapore, in THE DEVELOPMENT OF REGULATORY MANAGEMENT SYSTEMS IN EAST ASIA: COUNTRY STUDIES (Derek Gill & Ponciano Intal eds.) 2016. Alketa Peci & Filipe Sobral, \"Regulatory Impact Assessment: How political and organizational forces influence its diffusion in a developing country,\" REGULATION & GOVERNANCE, 5 (2011). An Economic History of Singapore: 1965-2065*\" - Keynote Address by Mr Ravi Menon, Managing Director, Monetary Authority of Singapore, at the Singapore Economic Review Conference 2015 on 5 August 2015, http://www.mas.gov.sg/News-and- Publications/Speeches-and-Monetary-Policy-Statements/Speeches/2015/An-Economic- History-of-Singapore.aspx Australia Productivity Commission, Regulatory Impact Analysis:Benchmarking Report. (2012).< https://www.pc.gov.au/inquiries/completed/regulatory-impact-analysis- benchmarking/report> Camilla Adelle, et al., New development: Regulatory impact assessment in developing countries—tales from the road to good governance, 35 PUBLIC MONEY & MANAGEMENT. 2015. Colin Kirkpatrick & David Parker, Regulatory impact assessment and regulatory governance in developing countries, 24 PUBLIC ADMINISTRATION AND DEVELOPMENT. 2004. Connie Carter, The clonability of the Singapore model of law and development: the case of Suzhou, China, in LAW AND DEVELOPMENT IN EAST AND SOUTHEAST ASIA (Christoph Antons ed. 2003). Dato' Seri Haji Abdullah bin Haji Ahmad Badaw, Speech on Ninth Malaysian Plan, 31 March 2006, https://www.parlimen.gov.my/news/eng-ucapan_rmk9.pdf
119 David Kennedy, Law and Developments in Joh Hatchard & Amada Perry-Kessaris, Law and Developments Facing Complexity in 21 Century; Essays in Hounour Peter Slinn ,2003, Cavendish Publishing,USA <http://policydialogue.org/files/events/Kennedy_law_development.pdf > David Parker, “Economic Regulation: A Review of Issues,” Annals of Public and Cooperative Economics (2002) cited in Colin Kirkpatrick and David Parker, “Regulatory Impact Assessment: An Overview,” p. 3. Delia Rodrigo, Regulatory Impact Analysis in OECD Countries Challenges for developing countries (OECD 2005).<https://www.oecd.org/gov/regulatory-policy/35258511.pdf > Douglass C. North, Economic Performance Through Time, 84 THE AMERICAN ECONOMIC REVIEW (1994).,360. Eighth Malaysia Plan 2001-2005 Chapter 13 page 376, 384 http://unpan1.un.org/intradoc/groups/public/documents/APCITY/UNPAN017514.pdf Eleventh Malaysia Plan 20016-2020 page 1-1 Ernesto Dal BÓ, “Regulatory Capture a Review” Oxford Review of Economic Policy 2(22),2006. European Commission, “Better Regulation “toolbox, Tool#50: Stakeholder Consultation Tools, สบื ค้นเมอื่ วนั ท่ี 16 มิถุนายน 2562. http://ec.europa.eu/smart- regulation/guidelines/docs/br_toolbox_en.pdf, p. 300–336 George J. Stigler, The Theory of Economic Regulation, 2 THE BELL JOURNAL OF ECONOMICS AND MANAGEMENT SCIENCE (1971).. Global Indicators of Regulatory Governance: Worldwide Practices of Regulatory Impact Assessments. (2017). Goh Chor Boon, S. Gopinathan. \"The Development of Education in Singapore since 1965.\" Semantic Scholar. accessed September 19,2019. https://pdfs.semanticscholar.org/c528/f7851df53fc7ac210eaec0a8042946f43663.pdf Jamal Ibrahim Haidar, The impact of business regulatory reforms on economic growth, 26 JOURNAL OF THE JAPANESE AND INTERNATIONAL ECONOMIES (2012). Kamal Hassan, Regulatory Impact Analysis in Legal Research: Way Forward for Malaysian Legislation, 6 MEDITERRANEAN JOURNAL OF SOCIAL SCIENCES 520(2015). Ladegaard, P., Lundkvist, P., and Kamkhaji J, (2018) , Giving Sisyphus a Helping Hand Pathways for Sustainable RIA Systems in Developing Countries, World Bank, Policy Research
120 Working Paper 8367, <http://documents.worldbank.org/curated/en/691961521463875777/pdf/WPS8367.pdf > Lin Lin & Michael Ewing-Chow, The Doing Business Index on Minority Investor Protection: The Case of Singapore, 46 SINGAPORE JOURNAL OF LEGAL STUDY (2016). Linda Hantrais, Comparative Research Methods, 1995, Department of Sociology, University of Surrey < http://sru.soc.surrey.ac.uk/SRU13.html > Mid-Term Review of the Eleventh Malaysia Plan 1-12 Chapter 1: Strengthening Macroeconomic Resilience for Sustained Growth, https://www.talentcorp.com.my/clients/TalentCorp_2016_7A6571AE-D9D0-4175-B35D- 99EC514F2D24/contentms/img/publication/Mid- Term%20Review%20of%2011th%20Malaysia%20Plan.pdf , page 1-13 Mohd Alamin Rehan (Senior Consultant, MPC), Presentation for the 2nd Asian Public Governance Forum on Public Innovation, Hanoi, Vietnam 9 – 10 September 2015 MPC, 2019, Smart Regulation, http://www.mpc.gov.my/smart-regulation/# MPC, Annual Report 2013, page 11 http://www.mpc.gov.my/wp- content/uploads/2016/04/Annual-Report-MPC-2013.pdf MPC, Smart Regulation- Annual report on Modernization of Regulation, http://www.mpc.gov.my/smart-regulation/ National Library Board of Singapore, 2019, Singapore separated from Malaysia and become an independent, http://eresources.nlb.gov.sg/history/events/dc1efe7a-8159-40b2-9244- cdb078755013 OECD, “Glossary of Statistical Terms,” Retrieved on June 3, 2019, from https://stats.oecd.org/ glossary/detail.asp?ID=3295. OECD, “Regulatory Impact Analysis,” Retrieved on June 3, 2019, from http://www.oecd.org/gov/regulatory-policy/ria.htm OECD, 2008, Building an Institutional Framework for Regulatory Impact Analysis (RIA): Guidance for Policy Makers, <http://www.oecd.org/regreform/regulatory-policy/40984990.pdf> OECD, Implementing Good Regulatory Practice in Malaysia. (2015). OECD, Regulatory Impact Analysis(2018), available at http://www.oecd.org/gov/regulatory- policy/ria.htm.
121 P. Selnick, Focusing Operational Research on Regualtion, in REGULATORY POLICY AND THE SOCIAL SCIENCES (Roger G. Noll ed. 1985). PEMUDAH, 2019, Background, http://www.mpc.gov.my/pemudah/background/ PEMUDAH, 2019, PEMUDAH Members, http://www.mpc.gov.my/pemudah/background/ Pradumna Bickram Rana and Chia-yi Lee, 2015, Economic Legacy of Lee Kuan Yew: Lessons for Aspiring Countries, https://www.rsis.edu.sg/wp-content/uploads/2015/03/CO15073.pdf Pradumna Bickram Rana and Chia-yi Lee, 2015, Economic Legacy of Lee Kuan Yew: Lessons for Aspiring Countries, https://www.rsis.edu.sg/wp-content/uploads/2015/03/CO15073.pdf Regulatory Policy in Perspective: A Reader's Companion to the OECD Regulatory Policy Outlook 2015. (2015). Richard A Posner, Theories of Economic Regulation, 5 THE BELL JOURNAL OF ECONOMICS AND MANAGEMENT SCIENCE (1974).. ROBERT BALDWIN, et al., A READER ON REGULATION (Oxford University Press. 1998). p 4. Rowland Atkinson & John Flin, Snowball Sampling in Michael S. Lewis-Beck & Alan Bryman & Tim Futing Liao, The SAGE Encyclopedia of Social Science Research Methods 2004, SAGE Publications, Inc. RSM Strategic Business Advisors Sdn. Bhd, 2010, A Summary of The 10th Malaysia Plan, http://www.vodppl.upm.edu.my/uploads/docs/The%2010th%20Malaysia%20Plan%20 2_Summary.pdf S. Jacobs “Regulatory Impact Assessment and the Economic Transition to Markets,” Public Money & Management, 24, 5 (2004): 287 quoted in Colin Kirkpatrick and David Parker, “Regulatory Impact Assessment: An Overview”, p. 3. Sam Peltzman, Constituent Interest and Congressional Voting, 27 JOURNAL OF LAW AND ECONOMICS (1984);Sam Peltzman, Pricing in Public and Private Enterprises: Electric Utilities in the United States, 14 JOURNAL OF LAW AND ECONOMICS (1971).. Sam Peltzman, Toward a More General Theory of Regulation, 19 JOURNAL OF LAW AND ECONOMICS (1976).
122 Scott Jacobs of Jacobs, Cordova & Associates , 2016 Final Report on Good Regulatory Practices in APEC Economies, APEC , <https://www.apec.org/- /media/APEC/Publications/2017/8/2016-Final-Report-on-Good-Regulatory-Practices-in- APEC-Economies/217_CTI_2016-Final-Report-on-GRP-in-APEC-> Scott Jacobs of Jacobs, Cordova & Associates , 2016 Final Report on Good Regulatory Practices in APEC Economies, APEC , <https://www.apec.org/- /media/APEC/Publications/2017/8/2016-Final-Report-on-Good-Regulatory-Practices-in- APEC-Economies/217_CTI_2016-Final-Report-on-GRP-in-APEC-> Scott Jacobs, Regulatory Impact Assessment and the Economic Transition to Markets, 24 PUBLIC MONEY & MANAGEMENT (2004). Sumet Ongkittikul & Nichamon Thongphat, Regulatory Coherence: The Case of Thailand, in THE DEVELOPMENT OF REGULATORY MANAGEMENT SYSTEMS IN EAST ASIA: COUNTRY STUDIES (Derek Gill & Ponciano Intal eds., 2016). Tenth Malaysia Plan 20011-2015, Creating Private-Led Economy page 72 The ASEAN Secretariat. ASEAN Economic Blueprint 2025. Jakarta: The ASEAN Secretariat, 2015. The Ease of Doing Business in APEC The Impact of Regulatory Reforms (2009). UNITED NATIONS ECONOMIC AND SOCIAL COMMISSION FOR ASIA AND PACIFIC, THE ECONOMIC REGULATION OF TRANSPORT INFRASTRUCTURE FACILITIES AND SERVICES PRINCIPLES AND ISSUES (UN. 2001).,1. World Bank, 2007, Judiciary-led reforms in Singapore : framework, strategies, and lessons, http://documents.worldbank.org/curated/en/641511468300664743/Judiciary-led- reforms-in-Singapore-framework-strategies-and-lessons World Bank, 2018, <http://www.doingbusiness.org/rankings> World bank, 2019, GDP per capita (current US$), https://data.worldbank.org/indicator/NY.GDP.PCAP.CD World Bank, 2019, Thailand Data Set, https://data.worldbank.org/country/thailand Yin-Fang Zhang & Margo Thomas, Regulatory reform and governance: A survey of selected developing and transition economies, 29 see อ้างแลว้ at (2009). Zarina Hussain, 2015, How Lee Kuan Yew engineered Singapore's economic miracle, BBC News 24 March 2015, https://www.bbc.com/news/business-32028693 ; Quah, Jon S.T. \"Good Governance, Accountability and Administrative Reform in Singapore.\" American Journal of Chinese Studies 15, no. 1 (2008): 17-34. http://www.jstor.org/stable/44288863.
123 เอกสารภาษาไทย เพลินตา ตันรังสรรค์, การวิเคราะหผ์ ลกระทบในการออกกฎหมาย (Regulatory Impact Analysis : RIA) จลุ นติ ิ กค-สค 2557 โสภณ พรโชคชัย. “พ.ร.บ.อีอซี ี กับศักราชใหม่ของการขายชาติ.” ประชาไท. สืบคน้ เมื่อวนั ท่ี 19 กันยายน 2562. https://prachatai.com/journal/2018/05/76952. ไทยพับลกิ า้ . “30 ปี โครงการอีสเทริ ์นซบี อร์ด : การพฒั นาท่ยี ่งั ยืน?.” สบื คน้ เม่ือวันท่ี 19 กันยายน 2562. https://thaipublica.org/2012/11/30-years-eastern-seaboard-development/ โครงการอินเทอร์เนต็ เพ่ือกฎหมายประชาชน. “กฎหมายฮาเฮ: ระวัง! จับไมโครโฟนอย่าพูด \"ฮลั โหล เทสต\"์ .” สบื คน้ เม่อื วันที่ 19 กนั ยายน 2562. https://ilaw.or.th/node/4305 สานักงานคณะกรรมการพฒั นาระบบราชการ. “การหารือระหว่างสานักงาน ก.พ.ร. และคณะทางาน โครงการ Regulatory Guillotine.” สืบคน้ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2562. http://www4.opdc.go.th/page.php?url=tab_view&cat=N&id=828 คณพล จันทน์หอม และ โชติกา วทิ ยาวรากุล. โครงการการนำเครื่องมือการวเิ คราะห์ผลกระทบในการออก กฎหมายมาใชใ้ นประเทศไทย (กรงุ เทพฯ: สานักงานกิจการยตุ ธิ รรม กระทรวงยตุ ิธรรม). 2559. คณะกรรมการดาเนนิ การปฏริ ปู กฎหมายในระยะเร่งดว่ น. “คปก.เรง่ ด่วนเสนอแนวทางลด ละ เลิก ใบอนญุ าตที่ ไมจ่ าเป็น เอ้ือประชาชนประกอบธรุ กจิ ง่ายขึ้น.” สบื คน้ เม่ือวนั ที่ 19 กันยายน 2562. http://www.thailawreform.go.th/th/?p=4334 ณัชพล จรูญพพิ ัฒน์กุล,โครงการ EEC : ความหวงั ใหม่ในการพลกิ ฟนื้ วัฎจักรการลงทนุ , FAQ Focused and Quick เลม่ ที่ 155, 1 กรกฎาคม 2562,ธนาคารแห่งประเทศไทย (2562), หนา้ 4 ธนาคารออมสนิ . “EEC ภาคต่อ Eastern Seaboard กา้ วสาคญั การลงทนุ ไทย.” สืบค้นเม่ือวันท่ี 19 กนั ยายน 2562. https://www.gsb.or.th/getattachment/a7529f4e-ae04-44cd-9d50- e2bf9588bd7f/14MC_hotissue_internet_EEC_ex.aspx ไทยพับลิกก้า. ““บรรยง พงษ์พานชิ ” กบั การปฏิรปู เชิงสถาบนั แก้กฎหมายกว่า 1 แสนฉบบั “เกา่ – เกิน – ไม่ ค้มุ ต้นทุน – 2 มาตรฐาน.” สืบค้นเมื่อวนั ที่ 19 กนั ยายน 2562. https://thaipublica.org/2016/08/banyong-kk-25-8-2559/ เนชน่ั สดุ สัปดาห์ออนไลน.์ “\"ปกรณ์ นลิ ประพันธ์\" เล่าเบอ้ื งหลังการแก้ไขกฎหมายพัฒนาประเทศ.” สบื คน้ เมื่อ วันที่ 19 กันยายน 2562. https://www.nationweekend.com/content/detail/1760 ปกรณ์ นิลประพันธ์. “การพัฒนากฎหมายเพอื่ เพมิ่ ขีดความสามารถในการแขง่ ขันของประเทศ,” ในการสัมมนา แนวทางการดาเนนิ การตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย, จดั โดยสานักเลขาธิการ คณะรฐั มนตรี กรงุ เทพมหานคร, 2560: น. 23–24.
124 ประชาชาติธุรกจิ . “4 ปี สนช.ออโต้โหวต รดู ปรื๊ด กม. 300 ฉบบั ตตี ั๋ว “บิก๊ ตู่” อยูต่ ่อ.” สบื คน้ เม่ือวนั ที่ 19 กนั ยายน 2562. https://www.prachachat.net/politics/news-196999. โครงการอินเทอร์เนต็ เพ่ือกฎหมายประชาชน. “จับตากฎหมายจาก สนช.” สืบค้นเม่ือวันที่ 19 กนั ยายน 2562. https://ilaw.or.th/NLAWatch ปยิ ศักดิ์ มานะสันต์. “เศรษฐกิจโลก 2020: ไม่แตก ไม่ตาย ไม่โต.” สบื คน้ เม่ือวันที่ 28 กันยายน 2562. https://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/647920 มติชนออนไลน์. “ไกอ่ ู แจง ม.44หา้ มนง่ั กระบะ-เข้มคาดเบลล์ เพื่อลดสญู เสีย ยนั เตือนก่อน ยังไม่จบั ตอนนี้.” สบื คน้ เมอ่ื วนั ท่ี 28 กันยายน 2562. https://www.matichon.co.th/politics/news_520915 สถาบนั วิจัยเพือ่ การพัฒนาประเทศไทย. รายงานฉบบั สมบูรณ์โครงการศึกษาวิจยั เร่อื ง การวเิ คราะหผ์ ลกระทบ ในการออกกฎหมาย (Regulatory Impact Analysis). (กรุงเทพฯ: สานกั งานคณะกรรมการ กฤษฎีกา). 2557. สถาพร ปญั ญาดี. “การประเมินผลกระทบในการออกกฎหมาย: ศกึ ษาเฉพาะกรณีการจดั ทารา่ ง พระราชบัญญัติ” นิตศิ าสตรมหาบณั ฑิต สาขาวิชานติ ิศาสตร์ คณะนติ ศิ าสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลยั , 2555. สยามรัฐ. “ธีระชัย ภวู นาถนรานุบาล ชี้ 12 ประเด็นทบทวนโครงการEEC.”สบื คน้ เม่ือวันที่ 28 กนั ยายน 2562. https://siamrath.co.th/n/97852 สานกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกา, พระราชบัญญัติ/พระราชกาหนด, สบื ค้นเมื่อวันท่ี 28 กันยายน 2562. http://www.krisdika.go.th/wps/portal/general/!ut/p/c5/04_SB8K8xLLM9MSSzPy8xBz9CP 0os3g_A2czQ0cTQ89ApyAnA0__EIOAQGdXA4MAM6B8JG55dzMCuv088nNT9QtyI8oBuBk Upg!!/dl3/d3/L3dDb0EvUU5RTGtBISEvWUZSdndBISEvNl9OMEM2MUE0MUlRQlJCMElPVD BQUUNFMDBQNg!!/ สานักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพฒั นาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.), “โครงการรถไฟความเร็วสงู เชือ่ ม 3 สนามบิน แบบไรร้ อยต่อ.” สืบค้นเมอ่ื วนั ท่ี 19 กันยายน 2562. https://www.eeco.or.th/โครงการ/ การพัฒนาโครงสร้างพ้นื ฐาน/โครงการรถไฟความเรว็ สงู -เชอื่ ม-3-สนามบิน-แบบไร้รอยต่อ. สานักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพฒั นาพเิ ศษภาคตะวันออก (สกพอ.). “ความก้าวหน้า.” สบื ค้นเมือ่ วันท่ี 19 กนั ยายน 2562. https://www.eeco.or.th/ภาพรวมการพฒั นา/ความกา้ วหน้า. สานักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.). “พระราชบญั ญตั ิเขตพัฒนาพิเศษ ภาคตะวนั ออก พ.ศ.2561.” สบื ค้นเม่อื วันท่ี 19 กนั ยายน 2562. http://pvnweb.dpt.go.th/rayong/images/pdf/eec1.PDF.
125 สานักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย, รายงานพเิ ศษ: 5 ปี “คปก.” พร้อมเดนิ หน้ายกระดบั ปฏิรูปกม.ด้วย RIA “ดร.วิษณ”ุ แนะส่วนราชการเตรียมพรอ้ มภารกิจ “วิเคราะห์ผลกระทบกม.” ตามรธน.ม. 77, สบื ค้นเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2562. http://www.lrct.go.th/th/?p=19777 สานักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาติ, 2018, รา่ งยทุ ธศาสตรช์ าติ ระยะ 20 ปี (พ.ศ.2560-2579). สืบค้นเมื่อวนั ที่ 28 กันยายน 2562. http://www.nesdb.go.th/download/documentรา่ งยุทธศาสตร์ชาติ%20ระยะ%2020%20ปี% 20(พ.ศ2560%20-%202579).pdf สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ. การพัฒนาระบบการประเมินผลกระทบการ ออกกฎระเบยี บและกฎหมายของไทย . สบื ค้นเม่ือวันท่ี 28 กนั ยายน 2562. http://www.nesdb.go.th/download/RIA/Development%20of%20Regulatory%20.pdf. สุทธิชัย งามช่ืนสวุ รรณ. “Regulatory Sandbox : เม่ือกฎหมายสรา้ งกระบะทราย !”กรุงเทพธุรกิจ.สบื คน้ เม่ือ วนั ที่ 28 กันยายน 2562. https://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/645267
126 ภาคผนวก
ภาคผนวก 1 แบบฟอร์ม การแจ้งข้อมูลกฎหมาย ตามพระราชกฤษฎกี าการทบทวนความเหมาะสมของกฎหมาย พ.ศ. ๒๕๕๘ แบบฟอร์มน้ีจัดทำข้ึนโดยคณะกรรมการพัฒนากฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบของรัฐมนตรีผู้รักษาการ สำหรับจัดทำข้อมูลการทบทวนความเหมาะสมของกฎหมาย ท้ังนี้ ตามความในมาตรา ๑๓ วรรคหน่ึง แห่งพระราชกฤษฎีกาการทบทวนความเหมาะสมของกฎหมาย พ.ศ. ๒๕๕๘ คาํ ชี้แจง ๑. ให้กรอกข้อมูลลงในโปรแกรม MS Word ในแบบฟอร์ม “การแจ้งข้อมูลกฎหมาย ตามพระราชกฤษฎีกาการทบทวนความเหมาะสมของกฎหมาย” ซึ่งสามารถ Download ได้จาก www.krisdika.go.th และส่งไฟล์ข้อมูลข้างต้นทางอีเมล์ [email protected] ภายในวันท่ี ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ ๒. โปรดกรอกข้อมูลในแบบฟอร์มให้ครบถ้วน โดยให้เพิ่มจำนวนช่องของตารางให้ตรงตาม จำนวนกฎหมายลำดับรองท่ีออกตามความในกฎหมายแม่บทนั้น และกรอกข้อความตามรายละเอียด ดงั ต่อไปน้ี ก. ลำดับท่ี .. พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ/ประมวลกฎหมาย/พระราชบัญญัติ/ พระราชกำหนด - ใส่ลำดับที่และระบุช่ือกฎหมาย ซึ่งหมายถึง กฎหมายระดับพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ ประมวลกฎหมาย หรือพระราชกำหนด ที่จะทำการทบทวน ความเหมาะสม โดยกรณีมีกฎหมายในความรับผิดชอบหลายฉบับให้กรอกข้อมูลแบบฟอร์มละ ๑ กฎหมาย ข. หนว่ ยงานผู้รับผิดชอบ - ใหร้ ะบชุ ือ่ หน่วยงานผ้รู ับผิดชอบกฎหมายตาม ก. ในระดับกระทรวง และกรม ค. ขอ้ มลู ณ วนั ท่ี - ให้ระบุวันท่ีผู้ท่ีได้รับมอบหมายให้จัดทำข้อมูลหรือผู้ประสานงานกรอกข้อมูล ในแบบฟอร์ม ท้ังนี้ เพ่อื ประโยชนใ์ นการติดตามขอ้ มูลเกยี่ วกับสถานะของกฎหมายตอ่ ไป
๒ ง. ขอ้ มูลผู้ประสานงาน - ให้ระบุชื่อและข้อมูลของเจ้าหน้าท่ีท่ีได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ประสานงานกับ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎกี า ทัง้ น้ี ควรเป็นผทู้ ีส่ ามารถให้ขอ้ มูลท่ีเกีย่ วข้องไดอ้ ย่างครบถ้วน (๑) กฎหมายและผรู้ กั ษาการ (๑.๑) ช่ือกฎหมาย ให้ระบุชื่อกฎหมายระดับพระราชบัญญัติและกฎหมายลำดับรอง ซึ่งได้แก่ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ ประมวลกฎหมาย พระราชกำหนด และกฎตามกฎหมายว่าด้วยวธิ ีปฏบิ ัติราชการทางปกครอง ในกรณีที่กฎหมายฉบับน้ันมีการแก้ไขเพิ่มเติม ให้ระบุชื่อและฉบับท่ีแก้ไข เพม่ิ เตมิ ครง้ั ล่าสดุ ไว้ทา้ ยชือ่ กฎหมายนั้นด้วย (๑.๒) ผู้รักษาการ ให้ระบุรัฐมนตรีผู้รักษาการตามท่ีกฎหมายบัญญัติ โดยหมายถึง รฐั มนตรีหรอื ผู้ดำรงตำแหน่งอ่ืนซึ่งกฎหมายกำหนดให้เป็นผู้รักษาการตามกฎหมายนั้น ๆ และในกรณี กฎตามกฎหมายวา่ ดว้ ยวิธีปฏบิ ัตริ าชการทางปกครอง ให้หมายความถึง ผ้มู อี ำนาจออกกฎดังกล่าว (๒) วันใชบ้ งั คับ ใหร้ ะบุวนั เดือน ปี ทก่ี ฎหมายตาม (๑.๑) มผี ลใช้บังคับ ในกรณีท่ีกฎหมายฉบบั น้ันมีการแก้ไขเพ่ิมเติม ใหร้ ะบวุ ันใช้บงั คับของกฎหมายฉบบั ที่มี การแก้ไขเพิ่มเติมครั้งล่าสุด ทั้งน้ี การแก้ไขเพ่ิมเติมกฎหมายอันเน่ืองจากเหตุดังต่อไปน้ี ไม่ถือว่า เปน็ การแก้ไขเพิ่มเตมิ กฎหมายเพอ่ื ทบทวนความเหมาะสมของกฎหมายตามพระราชกฤษฎกี าน้ี - การปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม - การโอนและการปรับปรงุ อำนาจหนา้ ทร่ี ะหว่างหน่วยงาน หรอื - การเปล่ียนชือ่ หน่วยงาน (๓) กำหนดเวลาทจ่ี ะทบทวน แบ่งเป็น ๒ กรณี คือ (๓.๑) กรณีกฎหมายท่ีใช้บังคับกอ่ นหรือใช้บังคับในวันที่ ๙ ก.ย. ๕๓ (กฎหมายที่ใช้ บงั คบั เกินหา้ ปีนับถึงวนั ที่พระราชกฤษฎกี าน้ีใช้บงั คบั ) ให้แจ้งว่าจะดำเนินการทบทวนความเหมาะสมของกฎหมายในปีใด โดยให้ใส่ เคร่ืองหมาย √ ในช่องปีที่ผู้รักษาการกฎหมายประสงค์จะทบทวน ท้ังนี้ การทบทวนความเหมาะสม จะต้องทำใหแ้ ล้วเสรจ็ ภายใน ๕ ปี นับแต่วันทพ่ี ระราชกฤษฎกี านใี้ ชบ้ ังคบั (ภายในวันที่ ๙ ก.ย. ๒๕๖๓) (๓.๒) กรณีกฎหมายใช้บังคับหลังวันท่ี ๙ ก.ย. ๕๓ (กฎหมายที่ใช้บังคับยังไมถ่ ึงห้าปี นบั ถึงวนั ทพี่ ระราชกฤษฎีกาน้ีใช้บงั คับ) ให้ระบุวัน เดือน ปี ที่ต้องดำเนินการทบทวนซึ่งคำนวณจากระยะเวลา ๕ ปี ของวนั ใชบ้ งั คับตาม (๒)
๓ (๔) สถานะการแกไ้ ขปรบั ปรุงกฎหมาย (ถา้ ม)ี ให้กรอกข้อมูลส่วนนี้เฉพาะกรณีที่มีข้อเท็จจริงว่ากฎหมายนั้นอยู่ในระหว่างการแก้ไข ปรับปรงุ โดยใหใ้ ส่เคร่ืองหมาย ก, ข, ค หรอื ง ในช่อง ๑, ๒, ๓ หรือ ๔ ตามสถานะการแก้ไขปรบั ปรุง กฎหมาย ดังนี้ ๑. การเสนอรา่ งกฎหมายของหน่วยงาน ไดแ้ ก่ ก. กรณีหน่วยงานจัดทำร่างกฎหมายแล้วเสร็จ และมีการเสนอไปยังสำนัก เลขาธกิ ารคณะรฐั มนตรแี ลว้ ข. กรณีอยู่ระหว่างรอการบรรจุเรือ่ งเข้าวาระคณะรฐั มนตรี หรอื ค. กรณีคณะรัฐมนตรอี นุมัติหลกั การแล้ว ๒. การตรวจพิจารณารา่ งกฎหมายภายในฝา่ ยบรหิ าร ได้แก่ ก. กรณอี ยู่ระหวา่ งการพจิ ารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ข. กรณอี ยู่ระหวา่ งการยนื ยนั รา่ งกฎหมายของหน่วยงาน ค. กรณอี ยรู่ ะหว่างการเสนอเรอื่ งไปยงั คณะรฐั มนตรี ง. กรณคี ณะรฐั มนตรเี ห็นชอบร่างกฎหมายแลว้ ๓. การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (กรณีกฎหมายระดับพระราชบัญญัติ) ไดแ้ ก่ ก. กรณอี ยูร่ ะหวา่ งการพจิ ารณาของวปิ รัฐบาล ข. กรณอี ยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานติ ิบัญญตั ิแหง่ ชาติทกุ วาระ ๔. รอการประกาศใชเ้ ปน็ กฎหมาย ไดแ้ ก่ ก. กรณีกฎหมายระดับพระราชบัญญัติ คือ ขั้นตอนการทูลเกล้าฯ เสนอ ร่างกฎหมาย หรือรอการประกาศในราชกิจจานุเบกษา ข. กรณีกฎหมายลำดับรอง กรณีกฎหมายลำดับรอง คือ ขั้นตอนรอการ ประกาศใชเ้ ป็นกฎหมาย (๕) ขอ้ มูลอื่น ๆ (ถา้ มี) ให้กรอกขอ้ มลู อ่นื ๆ ท่เี กีย่ วขอ้ ง เช่น อย่รู ะหว่างการโอนอำนาจหน้าท่ีตามกฎหมาย ไปยงั หนว่ ยงานอืน่ เปน็ ตน้
กระทภราวคงผน ก. ลำดบั ท่ี .. พระราชบญั ญตั ิประกอบรัฐธรรมนญู /พระราชบญั ญัติ/ประม (ให้กรอกขอ้ มูลแบบฟอร์มละ ๑ กฎหมาย) ข. หน่วยงานผู้รับผดิ ชอบ ค. ขอ้ มลู ณ วนั ท่ี ง. ขอ้ มลู ผปู้ ระสานงาน ชือ่ -สกลุ สำนัก/กอง E-mail (๑) กฎหมายและผรู้ กั ษาการ (๒) วนั ใชบ้ งั คบั (ระบเุ ปน็ ว/ด/ป) (๑.๑) ช่ือกฎหมาย (๑.๒) ผ้รู กั ษาการ (๓.๑) บงั (โป ๒๕๕๙ ระดบั พระราชบัญญตั ิ กฎหมายลำดบั รอง (ก) พระราชกฤษฎกี า (ก.๑) (ก.๒)
นวก 1 โปรดอ่านคาํ ชีแ้ จงก่อนกรอกข้อมูล มวลกฎหมาย/พระราชกำหนด ตำแหนง่ โทรศัพท์ (๓) (๔) (๕) กำหนดเวลาที่จะทบทวน สถานะการแก้ไขปรบั ปรุง ข้อมลู อื่น ๆ (ถา้ ม)ี ) กรณีใชบ้ งั คบั กอ่ นหรอื ใช้ (๓.๒) กรณใี ช้บงั คบั กฎหมาย (ถ้ามี งคบั ในวนั ที่ ๙ ก.ย. ๕๓ หลังวันท่ี ๙ ก.ย. ๕๓ โปรดระบสุ ถานะ ก,ข,ค,ง) ปรดทำเคร่ืองหมาย √) (ระบุเปน็ ว/ด/ป) ๑๒๓๔ ๒๕๖๐ ๒๕๖๑ ๒๕๖๒ ๒๕๖๓
(๑) กฎหมายและผู้รักษาการ (๒) ๒ วันใช้บงั คบั (๓.๑) (ระบเุ ปน็ บงั ว/ด/ป) (โป (๑.๑) ชือ่ กฎหมาย (๑.๒) ผู้รกั ษาการ ๒๕๕๙ (ข) กฎกระทรวง (ข.๑) (ข.๒) (ค) ประกาศ (ค.๑) (ค.๒) (ง) ขอ้ บัญญตั ิ (ง.๑) (ง.๒) (จ) ระเบียบ (จ.๑) (จ.๒) (ฉ) ข้อบังคับ (ฉ.๑) (ฉ.๒)
๒ (๓) (๔) (๕) กำหนดเวลาที่จะทบทวน สถานะการแก้ไขปรบั ปรุง ข้อมูลอ่ืน ๆ (ถา้ ม)ี ) กรณีใชบ้ งั คับกอ่ นหรือใช้ (๓.๒) กรณีใชบ้ งั คบั กฎหมาย (ถ้ามี งคับในวนั ท่ี ๙ ก.ย. ๕๓ หลังวันที่ ๙ ก.ย. ๕๓ โปรดระบสุ ถานะ ก,ข,ค,ง) ปรดทำเครือ่ งหมาย √) (ระบุเป็น ว/ด/ป) ๑๒๓๔ ๒๕๖๐ ๒๕๖๑ ๒๕๖๒ ๒๕๖๓
กระทรวง ก. ลำดับท่ี ๑ พระราชบญั ญตั ิการคา้ น้ำมนั เชอื้ เพลิง พ.ศ. ๒๕๔๓ ข. หน่วยงานผรู้ บั ผิดชอบ กระทรวงพลงั งาน (กรมธุรกจิ พลังงาน) ค. ข้อมลู ณ วนั ที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ ง. ข้อมลู ผปู้ ระสานงาน ชอ่ื -สกุล สำนกั /กอง E-mail (๑) กฎหมายและผรู้ ักษาการ (๒) วันใช้บังคับ (ระบเุ ปน็ ว/ด/ป) (๑.๑) ชื่อกฎหมาย (๑.๒) ผู้รกั ษาการ (๓.๑) บงั ค (โป ๒๕๕๙ ระดบั พระราชบัญญัติ รฐั มนตรีว่าการกระทรวง ๑๗/ต.ค./๕๐ พลังงาน - พระราชบัญญตั ิการค้านำ้ มันเช้ือเพลิง พ.ศ. ๒๕๔๓ (แก้ไขเพ่มิ เตมิ โดยพระราชบญั ญัติการค้า
งพลงั งาน ตัวอยา่ ง ตำแหนง่ โทรศพั ท์ (๓) (๔) (๕) กำหนดเวลาทีจ่ ะทบทวน สถานะการแก้ไขปรบั ปรุง ข้อมลู อน่ื ๆ (ถา้ ม)ี กรณีใช้บังคบั ก่อนหรือใช้ (๓.๒) กรณีใชบ้ งั คับ กฎหมาย (ถ้ามี คับในวนั ที่ ๙ ก.ย. ๕๓ หลงั วนั ที่ ๙ ก.ย. ๕๓ โปรดระบสุ ถานะ ก,ข,ค,ง) ปรดทำเครอื่ งหมาย √) (ระบเุ ปน็ ว/ด/ป) ๑๒๓๔ ๒๕๖๐ ๒๕๖๑ ๒๕๖๒ ๒๕๖๓ √
(๑) กฎหมายและผรู้ กั ษาการ (๒) วันใช้บงั คบั ๒ (ระบุเป็น ว/ด/ป) (๓.๑) บงั ค (๑.๑) ช่อื กฎหมาย (๑.๒) ผู้รกั ษาการ (โป ๒๕๕๙ นำ้ มนั เชือ้ เพลงิ (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐) รฐั มนตรีวา่ การกระทรวง ๒๘/ม.ค./๕๗ กฎหมายลำดบั รอง พลงั งาน ๗/มี.ค./๕๖ (ก) พระราชกฤษฎีกา รฐั มนตรีว่าการกระทรวง (ก.๑) (ก.๒) (ข) กฎกระทรวง (ข.๑) กฎกระทรวงกำหนดคณุ สมบตั ิ และหลักเกณฑ์ วิธกี ารขอ การออก ใบอนญุ าต และค่าธรรมเนยี มเปน็ ผูร้ ับ ใบอนญุ าตคา้ นำ้ มันเฉพาะเพ่อื การนำเขา้ และส่งออกไปนอกราชอาณาจกั รในเขต ปลอดอากรหรอื ระหว่างเขตปลอดอากร ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยศลุ กากร พ.ศ. ๒๕๔๗ (ข.๒) กฎกระทรวงกำหนด
๒ (๓) (๔) (๕) กำหนดเวลาทจ่ี ะทบทวน สถานะการแกไ้ ขปรับปรงุ ข้อมลู อ่นื ๆ (ถา้ ม)ี กรณีใช้บงั คบั กอ่ นหรือใช้ (๓.๒) กรณีใชบ้ งั คับ กฎหมาย (ถ้ามี คับในวันท่ี ๙ ก.ย. ๕๓ หลังวันที่ ๙ ก.ย. ๕๓ โปรดระบสุ ถานะ ก,ข,ค,ง) ปรดทำเครอ่ื งหมาย √) (ระบุเปน็ ว/ด/ป) ๑๒๓๔ ๒๕๖๐ ๒๕๖๑ ๒๕๖๒ ๒๕๖๓ ๑/ม.ค./๖๒ √
(๑) กฎหมายและผ้รู ักษาการ (๒) วนั ใช้บงั คับ ๓ (ระบเุ ปน็ ว/ด/ป) (๓.๑) บงั ค (๑.๑) ชือ่ กฎหมาย (๑.๒) ผู้รักษาการ (โป ๒๕๕๙ หลักเกณฑแ์ ละวิธกี ารย่ืนขอกำหนด พลังงาน ๓/พ.ย./๔๕ √ หรือเปลย่ี นแปลงปริมาณการคา้ ประจำปี รัฐมนตรวี า่ การกระทรวง ๑/ม.ค./๕๗ พ.ศ. ๒๕๔๖ พลงั งาน (ข.๓) กฎกระทรวงกำหนด อธิบดกี รมธรุ กจิ พลงั งาน ค่าธรรมเนยี ม คา่ ธรรมเนยี มรายปี และ หลกั เกณฑแ์ ละวิธกี ารชำระคา่ ธรรมเนียม รายปสี ำหรับผู้คา้ น้ำมนั และผูข้ นส่งน้ำมัน พ.ศ. ๒๕๔๕ (ค) ประกาศ (ค.๑) ประกาศกรมธุรกิจพลงั งาน เรือ่ ง กำหนดลกั ษณะและคุณภาพของ น้ำมันดีเซล พ.ศ. ๒๕๕๖ (ค.๒) (ง) ข้อบญั ญตั ิ
๓ (๓) (๔) (๕) กำหนดเวลาทจี่ ะทบทวน สถานะการแก้ไขปรบั ปรุง ขอ้ มลู อื่น ๆ (ถ้ามี) กรณีใช้บังคับกอ่ นหรือใช้ (๓.๒) กรณใี ช้บงั คับ กฎหมาย (ถ้ามี คับในวนั ที่ ๙ ก.ย. ๕๓ หลงั วันที่ ๙ ก.ย. ๕๓ โปรดระบสุ ถานะ ก,ข,ค,ง) ปรดทำเคร่ืองหมาย √) (ระบเุ ปน็ ว/ด/ป) ๑๒๓๔ ๒๕๖๐ ๒๕๖๑ ๒๕๖๒ ๒๕๖๓ ค ๑/ม.ค./๖๐ ข
(๑) กฎหมายและผูร้ กั ษาการ (๒) วันใช้บงั คับ ๔ (ระบุเปน็ ว/ด/ป) (๓.๑) บงั ค (๑.๑) ช่ือกฎหมาย (๑.๒) ผ้รู กั ษาการ (โป ๒๕๕๙ (ง.๑) (ง.๒) (จ) ระเบียบ (จ.๑) (จ.๒) (ฉ) ข้อบังคบั (ฉ.๑) (ฉ.๒)
๔ (๓) (๔) (๕) กำหนดเวลาที่จะทบทวน สถานะการแกไ้ ขปรบั ปรงุ ข้อมลู อ่ืน ๆ (ถา้ ม)ี กรณีใช้บังคับกอ่ นหรือใช้ (๓.๒) กรณใี ช้บังคับ กฎหมาย (ถ้ามี คบั ในวนั ท่ี ๙ ก.ย. ๕๓ หลังวันที่ ๙ ก.ย. ๕๓ โปรดระบุสถานะ ก,ข,ค,ง) ปรดทำเคร่อื งหมาย √) (ระบุเป็น ว/ด/ป) ๑๒๓๔ ๒๕๖๐ ๒๕๖๑ ๒๕๖๒ ๒๕๖๓
๕ กระทรวง ก. ลำดับท่ี ๒ พระราชบญั ญตั ิการส่งเสริมการอนุรกั ษ์พลงั งาน พ.ศ. ข. หน่วยงานผูร้ บั ผิดชอบ กระทรวงพลังงาน (กรมพฒั นาพลังงานท ค. ข้อมูล ณ วนั ที่ ๑๕ ธนั วาคม ๒๕๕๘ ง. ข้อมูลผปู้ ระสานงาน ชอื่ -สกลุ สำนกั /กอง E-mail (๑) กฎหมายและผู้รักษาการ (๒) วนั ใช้บังคบั (ระบุเป็น ว/ด/ป) (๑.๑) ชอื่ กฎหมาย (๑.๒) ผู้รกั ษาการ (๓.๑) บังค (โป ๒๕๕๙ ระดับพระราชบญั ญัติ - นายกรฐั มนตรี ๓/ม.ิ ย./๕๒ - รัฐมนตรวี า่ การกระทรวง (๑) พระราชบญั ญัติการส่งเสรมิ การ อนุรกั ษ์พลงั งาน พ.ศ. ๒๕๓๕
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168