Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore edu-class01

edu-class01

Published by Phrapradaeng District Public Library, 2019-05-14 10:28:17

Description: edu-class01

Search

Read the Text Version

47 ช่ือเร่ือง…………………………………………..………………………… โชคและชัยเป็นฝาแฝดกัน คนมักจะจาผิดตัวอยู่เสมอ วันหน่ึงโชคแอบขโมยมะมว่ งของปา้ เตยี ง ……………………………………………………………………………………………………………………………..……………………… ………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………… ……………………………..……………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………..…………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………….………………………………… ………………………………………………………………………………………………………….………………………………………… ขอ้ คดิ ทไ่ี ด้จากเรือ่ ง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

48 ตัวอยา่ งกจิ กรรมท่ี 19 1. ชอ่ื กจิ กรรม การแสดงทางวิทยาศาสตร์ 2. เวลาทใี่ ช้ ๓ ชั่วโมง ๓. วัตถุประสงค์ ๑. นกั เรียนปฏบิ ตั ิกิจกรรมการแสดงทางวทิ ยาศาสตร์ได้ ๒. เพื่อให้นักเรียนมีความพงึ พอใจต่อการเขา้ ร่วมกิจกรรมการแสดงทางวทิ ยาศาสตร์ 4. กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครสู าธติ การแสดงทางวิทยาศาสตร์ใหน้ ักเรียนดู 2. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั สนทนาเกย่ี วกบั การแสดงทางวิทยาศาสตรท์ ่ีได้ดู 3. ให้แต่ละกลุ่มศกึ ษาตัวอย่างรปู แบบกิจกรรมการแสดงทางวิทยาศาสตรร์ ปู แบบต่าง ๆ 4. แต่ละกลุ่มวางแผน จัดเตรียมอุปกรณ์ และร่วมฝึกซ้อมการแสดงทางวิทยาศาสตร์ตามความ สนใจ 5. นักเรียนออกมาแสดงทางวิทยาศาสตร์ทไ่ี ดฝ้ ึกซ้อมไวแ้ ละให้เพอื่ นสมาชิกกล่มุ อ่นื แสดงความคิดเห็น 6. นักเรียนร่วมกันสรุปส่ิงที่ได้จากการแสดงทางวิทยาศาสตร์และการนาความรู้ไปใช้ให้เกิด ประโยชนต์ อ่ ตนเองและผอู้ นื่ 7. นักเรียนเกบ็ ดูแลรักษา อุปกรณ์ที่นามาใชใ้ ห้พรอ้ มสาหรบั ใชง้ านในคร้งั ต่อไป และร่วมกันทา ความสะอาดบริเวณท่ีใช้ทากิจกรรมให้เรียบรอ้ ย 5. สือ่ การเรยี นรูแ้ ละแหลง่ การเรียนรู้ 1. ตัวอย่างรูปแบบกจิ กรรมการแสดงทางวิทยาศาสตร์ 2. วสั ดุ อุปกรณใ์ นการแสดงทางวทิ ยาศาสตร์ 6. การวดั และการประเมินผล 1. สังเกตพฤติกรรมนักเรียนในเรอื่ งต่อไปน้ี 1.1 สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นขณะปฏิบตั ิกิจกรรม 1.2 สังเกตความสาเรจ็ ของผลงาน ในการปฏบิ ตั ิกิจกรรม 2. แบบสอบถามความพึงพอใจตอ่ การเขา้ รว่ มกจิ กรรมของนักเรียน  นอ้ ยทส่ี ุด น้อย ปานกลาง มาก มากทส่ี ุด

49 7. ภาพประกอบ 8. อ้างอิงแหลง่ ที่มาของขอ้ มลู http://www.incitymag.net http://lpsci.nfe.go.th

50 ใบความรเู้ รือ่ ง “ความรเู้ ก่ียวกบั Science Show” ความหมายของ Science Show กิจกรรม Science Show หรือภาษาไทยใช้คาว่ากิจกรรมการแสดงทางวิทยาศาสตร์ เป็นการ นาเสนอในรูปแบบการสาธิตการทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่ตนื่ เต้นเรา้ ใจโดยยึดหลักการทางวิทยาศาสตร์มา ผสมผสานกับการนาเสนอที่สนุกสนานและสร้างความฉงนให้ผู้ชมเกิดความคิดเกิดความสงสัยอยากร้อู ยาก หาคาตอบเพ่ือดึงดูดความสนใจและให้เกิดความรสู้ ึกว่าวิทยาศาสตร์เป็นเร่ืองท่ีทุกคนสามารถเข้าใจได้และ สนกุ สนานท่จี ะเรยี นร้อู ยากกลบั ไปศกึ ษาค้นคว้าจากการอ่านหนังสอื วทิ ยาศาสตรแ์ ล้วทาการทดลอง ในรปู แบบท่ีแตกตา่ งกันตอ่ ไป ลักษณะของ Science Show ๑. เปน็ การทดลองท่ีสนกุ สนานต่ืนเตน้ และเร้าใจผชู้ ม ๒. เวลาในการทดลองแต่ละการทดลองควรสัน้ ๓. เปน็ การทดลองทเ่ี หน็ ผลรวดเร็วทนั ใจ ๔. เป็นการทดลองที่ไม่ยาก ไม่เกินความสามารถทน่ี กั เรียนจะทาได้ ๕. เปน็ การทดลองท่ตี ้องปลอดภัย ๖. เปน็ การทดลองท่ีอธิบายไดด้ ว้ ยหลกั การทางวทิ ยาศาสตร์หรือกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ๗. ตอ้ งเป็นการแสดงท่ีผชู้ มสามารถมองเหน็ ไดท้ ่วั ถงึ และชดั เจน หลกั ในการดาเนนิ กิจกรรม Science Show 1. การแสดงควรมลี กั ษณะใหผ้ ชู้ มได้สงั เกตไดค้ ิดคาตอบลว่ งหนา้ หรือตั้งสมมตฐิ าน ก่อนท่ีแสดงการทดลองเพอ่ื หาคาตอบ ๒. ผู้แสดงควรใชค้ าถามใหผ้ ู้ชมสังเกตกอ่ นไมค่ วรบอกหมดทุกอยา่ งโดยผชู้ มไมม่ โี อกาสคิด ๓. หลีกเลี่ยงการบอกเล่าหรือบรรยาย เพราะเป็นการทาลายกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่ รา้ ยแรงที่สดุ ใหแ้ สดงมากกว่าพูด การจัดเตรียม Science Show การแสดง Science Show จะประสบผลสาเร็จตามเป้าหมายท่ีต้ังไว้เพียงใดข้ึนอยู่กับการสร้าง ความเข้าใจการเตรียมวางแผนการแสดงตลอดจนการเตรยี มการต่าง ๆ ดังนี้ 1. Science Show น้ันควรจะช่วยพัฒนาทักษะเจตคติและความรู้ความเข้าใจในหลักการทาง วทิ ยาศาสตรต์ ามจุดประสงค์ทว่ี างไว้ 2. กลไกในการแสดง Science Show ไม่ควรยงุ่ ยากซับซ้อนเกนิ ความสามารถของผู้แสดง

51 3. คาแนะนาในการแสดง Science Show ควรเข้าใจง่ายสามารถปฏิบัตติ ามได้ 4. Science Show ทจี่ ะใชใ้ นการแสดงจะตอ้ งจัดใหเ้ หมาะสมกบั สถานทท่ี จ่ี ะแสดง ถ้ากิจกรรมใดท่ีจาเป็นต้องใช้เสียงประกอบหรือต้องการเนื้อท่ีกว้างไม่ควรจัดให้แสดงในห้องเรียนค วรให้ แสดงในที่ท่ีไม่รบกวนนกั เรียนหอ้ งข้างเคยี ง 5. ถา้ มีเวลาจากัดควรจดั Science Show ทีส่ ามารถแสดงได้จบในระยะสัน้ ๆ ขอ้ ควรตระหนักในการแสดง Science Show 1. ตัวอุปกรณ์ Science Show จะตอ้ งทาสีให้ดงึ ดูดความสนใจมคี วามประณตี และสีสันสวยงาม 2. บรรยากาศในการแสดงจะตอ้ งทาใหแ้ จ่มใสไมค่ วรใหน้ ักเรยี นเกิดความกลัวและ เครยี ดควรใหน้ กั เรยี นรูส้ ึกสนกุ สนานและเรยี นรูโ้ ดยไม่รสู้ กึ ตัว 3. ครูควรปลกู ฝังระเบยี บวินยั และคณุ ธรรมจรยิ ธรรมในระหว่างการเล่นด้วย เช่น ไม่ควรแยง่ ชิงกัน เล่นปฏิบัติตามกติกาไม่ขโมยอปุ กรณ์และเก็บรักษาอุปกรณ์เขา้ ทใ่ี ห้เรยี บร้อยซึ่งจะเป็นการฝกึ จิตวิทยาใหก้ ับ นกั เรยี นได้อกี ด้วย คณุ สมบัตขิ องผ้แู สดง Science Show ผู้แสดง Science Show ควรเป็นผู้ที่มีอารมณ์ดีใจเย็นมีความรู้ความเข้าใจในหลักการทาง วิทยาศาสตร์ในเรื่องที่จะต้องแสดงคล่องแคล่วว่องไวมีไหวพริบในการแก้ปัญหาซ่ึงอาจจะเกิดขึ้นในขณะท่ี แสดงมีทักษะในการส่ือความหมายพูดจาชัดเจนทาให้ผู้ชมเข้าใจง่ายมีการจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ให้เป็น ระบบเพื่อจะได้ไม่เกิดความสับสนขณะแสดงฝึกทักษะในการแสดงให้เกิดความชานาญจะได้ไม่เกิดความ ผิดพลาดจัดแบ่งหน้าท่ีกันให้ชัดเจนให้ทุกคนมีส่วนร่วมแต่ละคนจะต้องรู้จังหวะของการแสดงสาหรับการแต่ง กายในการแสดงควรใช้เคร่ืองแบบของโรงเรียนเป็นพื้นฐานถ้าต้องมีการตกแต่งเพิ่มเติมก็ควรเป็นไปด้วย ความประหยัดเช่นสวมหมวกทรงสูงแบบมายากลที่ประดิษฐ์เองใส่เสื้อกราวใส่เสื้อก๊ักสวมเส้ือสะท้อนแสง แบบนักมายากลหรือนาถุงพลาสติกมาประดิษฐ์ตกแต่งเป็นเครื่องแต่งกายการแสดง Science Show จะ ประสบผลสาเร็จตามเป้าหมายมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับผู้แสดงซึ่งมีได้ต้ังแต่ ๑ คนหรือมากกว่าตามความ เหมาะสมเพราะผู้แสดง คือส่ือกลางท่ีจะสร้างบรรยากาศการแสดงให้น่าทึ่งชวนฉงนและสนุกสนานได้ที่ สาคญั กค็ ือการใหค้ วามรูห้ ลักการทางวิทยาศาสตร์ต่อผชู้ มจนเกิดความเข้าใจอยา่ งชดั แจ้งในเร่ืองแสดงนน้ั ๆ

52 อปุ กรณก์ ารแสดง อุปกรณ์การแสดงเพื่อใช้ทดลองสาธิตควรเป็นวัสดุท่ีหาได้ง่ายมีกระบวนการผลิตท่ีไม่ซับซ้อน ควร คานึงถึงความปลอดภัยความสะดวกทั้งในด้านการแสดงและความเหมาะสมข องสถานที่ที่ใช้ในการแสดง ด้วยผู้แสดงควรเลือกใช้วัสดุท่ีราคาไม่แพงจนเกินไปเพ่ือจะได้จัดเตรียมให้เพียงพอกับการสาธิตและการให้ ผู้ชมได้มีส่วนร่วมในการทดลองด้วยนอกจากนี้ผู้แสดงควรเปิดเผยหลักการทางานต่าง ๆ ของอุปกรณ์ ท้ังหมดเพื่อใหผ้ ู้ชมสามารถประยุกต์ใช้ประโยชนใ์ นการจดั กจิ กรรมการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ได้ตอ่ ไป จากบทความทางวิชาการ : การแสดงทางวิทยาศาสตร์ (Science Show) อีกหนึ่งเทคนิคการจัดการ เรยี นรู้วิทยาศาสตรท์ ี่เน้นนกั เรยี นเปน็ สาคญั สาหรับครูในศตวรรษที่ 21 แหลง่ ทม่ี าของบทความ : http://61.19.248.138/~udon4/doc_rome/rung_2556_2.pdf แหลง่ ที่มา :http://www.baanrimtai.ac.th แหลง่ ทม่ี า :http://www.oknation.net

53 หมวดท่ี ๓ สร้างเสรมิ คุณลักษณะและค่านยิ ม กลมุ่ กจิ กรรมที่ ๙ ปลกู ฝงั คา่ นิยมและจติ สานกึ การทาประโยชนต์ ่อสังคม มจี ิตสาธารณะและ การให้บรกิ ารด้านตา่ ง ๆ ทัง้ ทเี่ ป็นประโยชน์ตอ่ ตนเองและตอ่ ส่วนรวม ตวั อยา่ งกิจกรรมท่ี 1 ๑. ชอ่ื กิจกรรม การทาเหรยี ญโปรยทาน ๒. เวลาท่ีใช้ ๕ ชว่ั โมง ๓. วตั ถุประสงค์ ๑. มคี วามร้แู ละสามารถเรยี นรู้วธิ ีการทาริบบ้นิ หอ่ เหรียญไดอ้ ย่างถกู ต้อง ๒. สามารถห่อเหรยี ญรบิ บน้ิ โปรยทานงานบวชหรือรบั จา้ งทาเพื่อเป็นรายได้ ๔. กิจกรรมการเรยี นรู้ ใหน้ กั เรยี นปฏิบัตติ ามขนั้ ตอนดังนี้ ๑. สนทนาเกีย่ วกบั การทาเหรยี ญโปรยทานและประโยชนข์ องการทา พร้อมรูปแบบ ๒. นกั เรยี นแบ่งกลมุ่ ตามความสนใจ เพอ่ื ไปปฏบิ ัติตามขนั้ ตอน ๓. นกั เรยี นตดั รบิ บนิ้ ความยาว ๑๒ นวิ้ จานวน ๔ เสน้ ๔. พับคร่ึงรบิ บิ้น ทัง้ ๔ เส้น ๕. นารบิ บ้ิน เส้นท่ี ๒ มาคลอ้ งเสน้ ที่ ๑ ๖. จากนน้ั นาเสน้ ที่ ๓ มาคลอ้ งเส้นท่ี ๒

54 ๗. จากนน้ั นาเสน้ ท่ี ๔ มาคล้องเส้นท่ี ๓ สอดปลายที่ชอ่ งของเสน้ ที่ ๑ จากน้นั ดงึ ใหก้ ระชบั ๘. วางเหรยี ญ ๒ บาทตรงกลาง แลว้ พบั ริบบิ้น วนไปทวนเข็มนาฬิกา ๙. พับไปจนถึงเสน้ สุดท้าย แล้วให้สอดปลายทเ่ี ส้นแรก ๑๐.ดงึ ปลายรบิ บิ้นและเสน้ ให้กระชับ ๑๑.พลิกฐานกลบั ด้าน แล้วพับสามเหลี่ยมไปด้านหลัง

55 ๑๒.สอดปลายจากชอ่ งทางขวาไปทางซา้ ย จะได้ ๑ กลบี ๑๓.กลบี ดอกบัวชั้นใน ให้สอดปลายไปชอ่ งทางขวา จะได้กลบี บวั ช้ันใน ๑๔.ทาเหมอื นเดมิ อีก ๓ กลบี ท้ังช้นั ในและชนั้ นอก ๑๕.ดึงปลายแต่ละเส้นใหก้ ระชบั เทา่ ๆ กัน ๑๖.ตดั ปลายริบบ้ินออก เปน็ อนั เสรจ็ เรยี บรอ้ ย ๑๗.นกั เรียนร่วมชืน่ ชมผลงานของแต่ละคนหาจุดเด่น จุดด้อยของชนิ้ งาน 18. นักเรียนเกบ็ ดแู ลรักษา อุปกรณ์ที่นามาใช้ให้พร้อมสาหรับใช้งานในคร้ังต่อไป และ ทาความสะอาด บรเิ วณทใ่ี ชท้ ากจิ กรรมใหเ้ รยี บรอ้ ยร่วมกนั ๕. ส่ือการเรียนรูแ้ ละแหลง่ เรยี นรู้ ๑. เอกสาร / ใบความรู้ / VCD DVD ๒. แหลง่ เรยี นรูใ้ นชุมชน / วทิ ยากร

๖. การวัดและการประเมนิ ผล 56 ๑. สงั เกตพฤติกรรมนกั เรียนในเรอ่ื งต่อไปนี้ ๑.๑ สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นขณะปฏบิ ัติกิจกรรม  ๑.๒ สังเกตความสาเรจ็ ของผลงาน ในการปฏบิ ตั ิกิจกรรม ๒. แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการเข้ารว่ มกิจกรรมของนกั เรียน มากท่สี ุด     นอ้ ยทส่ี ุด น้อย ปานกลาง มาก ๗. ภาพประกอบ ๘. อ้างอิงแหลง่ ทีม่ าของขอ้ มลู เอกสาร รปู ภาพ วีดิทัศน์ สื่อการเรยี นรู้ แหลง่ เรียนรู้ http://www.horonumber.com/w65/ https://sajee1234.wordpress.com/เหรียญโปรยทาน/เหรยี ญโปรยทานดอกบัว

57 ตวั อยา่ งกจิ กรรมที่ 2 ๑. ช่อื กจิ กรรม มอื ปราบขยะพิทักษโ์ ลก ๒. เวลาท่ีใช้ ๕ ช่วั โมง ๓. วตั ถปุ ระสงค์ ๑. สารวจพฤตกิ รรมของมนษุ ยท์ ีส่ ง่ ผลต่อส่ิงแวดลอ้ มและทรัพยากรธรรมชาติ ๒. วางแผนในการรกั ษา ดูแลส่งิ แวดล้อม และการใช้ทรัพยากรธรรมชาตอิ ยา่ งยั่งยนื ๓. มสี ว่ นร่วมในการดแู ลรกั ษาสงิ่ แวดล้อมในโรงเรียน ๔. พฒั นาความคดิ รเิ รมิ่ สร้างสรรค์ ความมีเหตุมีผล และใชท้ กั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ในการแก้ไขปญั หา ๔. กจิ กรรมการเรียนรู้ ๑. ให้นักเรียนดูการ์ตูนแอนิเมช่ัน เร่ือง ปังปอนด์ลดโลกร้อน ตอน มือปราบขยะพิทักษ์โลก จาก https://www.youtube.com/watch?v=UuWjLIlOhQA และสนทนาร่วมกันว่าทราบหรือไม่ว่าขยะมา จากไหน และจานวนขยะที่มากข้ึนสง่ ผลกระทบตอ่ มนษุ ยแ์ ละสงิ่ แวดลอ้ มท่อี ยู่รอบตวั อย่างไร ๒. ต้ังคาถามให้นักเรียนค้นหาคาตอบในหัวข้อ การแยกขยะ โดยสืบค้นข้อมูลจากแหล่งการเรียนรู้ ตา่ ง ๆ เชน่ อินเทอร์เน็ต สอบถามจากคนในชุมชน ๓. ให้นักเรียนนาข้อมูลท่ีได้จากการสารวจมาอภิปรายร่วมกันและสรุปว่า เราสามารถแยกขยะได้ เป็น ๔ ประเภทใหญ่ ๆ คือ ขยะอินทรีย์ หรือท่ีรู้จักกันในนาม“ขยะเปียก” คือ ขยะท่ีสามารถย่อยสลายได้ เชน่ เศษอาหาร เศษใบไม้ “ขยะรีไซเคิล” คือ ขยะที่สามารถนาไปเข้าสู่กระบวนการผลิต ได้เป็นผลิตภัณฑ์ มาใช้ใหม่ เช่น อลูมิเนียม แก้ว พลาสติก ที่สามารถนามารีไซเคิลได้ “ขยะที่รีไซเคิลไม่ได้” หรือรีไซเคิลได้ ยาก คือ ขยะท่ีไม่สามารถนาไปเข้าสู่กระบวนการผลิต หรือมีการปนเป้ือนจนทาให้ไม่สามารถนาไปเข้าสู่ กระบวนการผลิตได้ เช่น รองเท้า หนงั ยาง ถุงพลาสตกิ เป้ือนอาหาร เสื้อผ้า “ขยะอนั ตราย”หรือ“ขยะพิษ” คือ ขยะที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อคนหรือสิ่งแวดล้อม อันได้แก่ ขยะที่ปนเป้ือนสารพิษ สารเคมี ส่ิงของท่ี สามารถระเบดิ ได้ เชน่ กระปอ๋ งสเปรย์ หลอดไฟ ถ่านไฟฉาย หรือขยะติดเช้ือจากโรงพยาบาล ๔. ให้นกั เรียนเล่นเกม มือปราบขยะ โดยแบ่งนักเรยี นออกเป็น ๒ ทีม นาแผน่ ป้ายรปู ขยะวางไว้บน พื้น แล้วจะให้เวลาแต่ละกลุ่มมายืนดูว่ามีขยะอะไรบ้าง และปรึกษากันว่า รูปไหนจัดอยู่ในขยะประเภทใด โดยให้เวลา ๕ นาทีเม่ือแต่ละกลุ่มปรึกษากันเรียบร้อยแล้วให้ออกมายืนเรียงเป็นแถวตอนลึกเม่ือได้ยินสี นกหวีดแล้วคนแรก (หัวแถว) วงิ่ ไปหยิบขยะ ๑ ชนิด และนาไปติดไวต้ ามประเภทของขยะทีมไหนแยกขยะ ได้ถูกหรือผิด หากติดถูกจะได้ป้ายละ ๑ คะแนน ติดผิดโดนหัก ๑ คะแนน ใครได้คะแนนมากกว่าเป็นฝ่าย ชนะ และให้นักเรยี นสรุปสงิ่ ทไ่ี ดจ้ ากการเล่นเกมมอื ปราบขยะ

58 ๕. นักเรียนร่วมกันอภิปรายสิ่งที่ได้รับจากการร่วมกิจกรรมมือปราบขยะพิทักษ์โลก และการนา ความรูแ้ ละประสบการณ์ทไี่ ด้รบั ไปใช้ให้เกดิ ประโยชน์กบั ตนเองและประโยชน์ตอ่ ผอู้ น่ื ไดอ้ ยา่ งไร ๕. สอื่ การเรียนรแู้ ละแหลง่ การเรียนรู้ ๑. ภาพความสมั พนั ธ์ของมนุษยก์ ับนา้ ๒. การ์ตูนแอนิเมชั่น เร่ือง ปังปอนด์ลดโลกร้อน ตอน มือปราบขยะพิทักษ์โลก และ เรื่อง ดนิ เสือ่ ม ๓. แหล่งน้าในชมุ ชน ๔. ค่มู อื นักสืบสายน้า ๕. หอ้ งสมดุ ๖. หอ้ งปฏิบตั ิการคอมพิวเตอร์ ๖. การวดั และการประเมินผล ๑. สงั เกตพฤตกิ รรมนกั เรียนในเร่ืองต่อไปน้ี ๑.๑ สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนขณะปฏบิ ตั ิกจิ กรรม ๑.๒ สงั เกตความสาเรจ็ ของผลงาน ในการปฏิบัตกิ ิจกรรม ๒. แบบสอบถามความพงึ พอใจต่อการเข้าร่วมกิจกรรมของนกั เรยี น   น้อยทสี่ ดุ น้อย ปานกลาง มาก มากทสี่ ุด 7. อา้ งอิงแหล่งท่ีมาของขอ้ มูล https://www.youtube.com/watch?v=UuWjLIlOhQA

59 กลุ่มกจิ กรรมที่ ๑๐ ปลูกฝงั ความรกั ชาติ ศาสนา และพระมหากษตั รยิ ์ ตัวอยา่ งกจิ กรรมท่ี 1 ๑. ช่อื กจิ กรรม ตามรอยพอ่ ๒. เวลาทใี่ ช้ ๓ ช่วั โมง ๓. วัตถุประสงค์ ๑. นักเรียนศกึ ษาคน้ ควา้ พระราชดารัสในพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั ฯ ๒. นักเรียนสามารถวิเคราะห์ อภิปราย แนวทางการนาพระราชดารัสในพระบาทสมเด็จ พระเจา้ อย่หู ัวฯ มาประยกุ ต์ใช้ในชีวติ ประจาวัน ๓. นกั เรยี นสามารถสรปุ แนวทาง หรือผลการนาพระราชดารสั มาใชใ้ นชวี ิตประจาวนั ๔. กิจกรรมการเรยี นรู้ ชวั่ โมงที่ ๑ ๑. ครูสนทนากับนักเรียนเก่ียวกับพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ หรือที่ ประชาชนทั่วไปแทนพระนามว่า “ในหลวง” หรือ “พ่อหลวง” โดยยกตัวอย่างพระราชกรณียกิจ และ พระราชดารัสของพระองค์ ๒. นักเรียนแบ่งกลุ่ม ๔ – ๕ คน (หรือตามความเหมาะสม) ศึกษาค้นคว้า พระราชดารัสของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ว่าทรงตรัสอย่างไร ในโอกาสใด โดยอาจค้นคว้าจากหนังสือในห้องสมุด หรอื จาก อินเทอรเ์ นต็ ตามความสนใจของนักเรียน ภายใน ๓๐ นาที ใหไ้ ดอ้ ย่างน้อย ๒ – ๓ พระราชดารัส ๓. แตล่ ะกลุ่มนาเสนอผลการค้นควา้ ถงึ พระราชดารัส สถานท่ี และโอกาส ท่ที รงมีพระราชดารัส ช่วั โมงที่ ๒ ๑. ทบทวนพระราชดารัสทน่ี กั เรยี นสืบค้น และรายงานในครงั้ ที่แลว้ ๒. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มเลอื กพระราชดารัสท่ีนักเรียนชอบที่สดุ จากการสืบคน้ และร่วมกันวิเคราะห์ อภิปรายถึงความสาคัญ และแนวทางการนาไปปรับใช้ในชีวิตประจาวัน หรือยกตัวอย่างบุคคลท่ีนาพระราช ดารสั นั้นมาใช้ในชวี ิตประจาวนั ๓. นักเรียนร่วมกันสรุปแนวทางการนาพระราชดารัสมาใช้ในชีวิตประจาวัน และครูอธิบาย เพิ่มเติมหากยงั เหน็ ว่าไมส่ มบรู ณ์

60 ช่ัวโมงที่ ๓ ๑. นักเรยี นในแตล่ ะกลุม่ รับตวั อยา่ งพระราชดารัสทไ่ี มซ่ า้ กบั ที่นักเรยี นสืบค้น ๒. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันวิเคราะห์ อภิปราย กาหนดแนวทางการนามาใช้ในชีวิตประจาวัน โดย สรปุ เป็นแผนท่คี วามคิด ๓. นักเรียนแต่ละกลมุ่ นาเสนอผลงาน แผนทค่ี วามคดิ และจดั ปา้ ยนเิ ทศ ๔. นักเรยี นรว่ มกนั ประเมนิ แผนที่ความคดิ และแนวทางการนาไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั ๕. นกั เรยี นสนทนาแนวคิด ท่ไี ดจ้ ากพระราชดารัสไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวัน ๕. ส่อื การเรียนรู้ ๑. หนังสอื ในหอ้ งสมุดโรงเรยี น ๒. อนิ เทอรเ์ น็ต ๓. กระดาษโปสเตอร์ หรอื กระดาษบรฟุ๊ สีเมจิก ฯลฯ ๖. การวดั และการประเมินผล ๑. สงั เกตพฤติกรรมนกั เรียนในเรื่องต่อไปนี้ ๑.๑ สงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นขณะปฏิบัติกิจกรรม ๑.๒ สังเกตความสาเรจ็ ของผลงาน ในการปฏบิ ัติกิจกรรม ๒. แบบสอบถามความพงึ พอใจต่อการเข้าร่วมกิจกรรมของนักเรียน  น้อยทสี่ ดุ นอ้ ย ปานกลาง มาก มากทส่ี ดุ ๗. ภาพประกอบ อา้ งอิงแหล่งที่มาของขอ้ มลู หนงั สอื ประมวลพระบรมราโชวาทและพระราชดารัส “คาพอ่ สอน” [ระบบออนไลน์]. แหล่งทม่ี า http://library.cmu.ac.th/digital_collection/sufficiency/index.php?bookid=๑๕

61 ตวั อยา่ งกจิ กรรมท่ี 2 ๑. ช่อื กจิ กรรม เรียนร้ปู ระวัตศิ าสตรจ์ ากละครส้ัน ๒. เวลาท่ีใช้ ๕ ช่ัวโมง ๓. วัตถปุ ระสงค์ ๑. เพื่อใหน้ ักเรียนตระหนักถงึ เหตกุ ารณ์ความเสยี สละ ความกลา้ หาญ และการทาเพ่อื สว่ นรวม ผ่านกระบวนการคิดวเิ คราะห์และกิจกรรม ๒. เพื่อพฒั นากระบวนการเรยี นรู้ของนกั เรียนให้ร้จู ักการอยู่ร่วมกับผู้อ่นื อย่างมคี วามสุข ๓. เพอื่ พัฒนาใหน้ ักเรียนมีคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ตามที่หลักสตู รกาหนด ๔. เพื่อให้นกั เรียนสามารถเช่ือมโยงสาระและคุณค่าความดตี ่างๆ เข้ากับวิถีชีวติ โดยผ่านการเรียนรู้ และการทากิจกรรมต่างๆ ทค่ี รแู ละนักเรยี นสนใจ ๔. กิจกรรมการเรียนรู้ ๑. ครูถามนกั เรียนว่ารจู้ กั การกูช้ าติ กู้เอกราชหรอื ไม่ ครยู กตัวอย่างเหตุการณ์ ๒. แบ่งนักเรียนเป็น ๖ กลุ่ม ครูแจกเหตุการณ์กู้ชาติกู้เอกราชให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม (อาจจะให้ นักเรียนเลือกเรอื่ งที่ชื่นชอบหรอื ครเู ลอื กให้กไ็ ด้) ๓. เมื่อได้รบั เหตกุ ารณก์ ูช้ าติก้เู อกราชเรียบร้อย ให้นักเรียนตอบคาถามตอ่ ไปนี้ - นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ รู้สกึ อย่างไรกับเหตกุ ารณ์ทไี่ ดร้ บั - นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มคิดวา่ เหตุการณท์ ี่ได้รบั ตรงกบั คณุ ค่าความดใี ดบ้าง ๔. นักเรยี นนาเสนอผลงาน ๕. ครูสรุปกิจกรรมวา่ เหตกุ ารณก์ ู้ชาติกูเ้ อกราชต่าง ๆ เปน็ การเสียสละของบุคคลหรอื กลุ่มบุคคลที่ ทาเพ่ือประเทศชาติ ทาเพ่ือส่วนรวมซึ่งต้องเสียสละและมีความกล้าหาญที่จะต่อสู้กับความไม่ถูกต้อง ซ่งึ นักเรยี นสามารถทาเพอ่ื สังคมไดเ้ ช่นกัน ๖. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มแสดงละครส้ันตามเหตุการณ์ที่กลุ่มชื่นชอบ และคิดบทจากเค้าโครง รายละเอียดเหตกุ ารณ์ท่กี ลุ่มชื่นชอบเพมิ่ เตมิ (โดยอาจจะให้คน้ ควา้ เพิ่มเตมิ ) โดยร่วมกนั คิดวา่ ก. เหตกุ ารณเ์ ก่ียวข้องกบั อะไรบา้ ง ข. การดาเนินเรือ่ งเปน็ อย่างไร (บทละคร) ค. มตี ัวแสดงอะไรบา้ ง ง. แต่ละบทบาทสะทอ้ นคุณคา่ อะไรบา้ ง ๗. นักเรียนแต่ละกลุ่มจัดเตรียมอุปกรณ์ในการแสดงละครสั้น พร้อมคัดเลือกตัวแสดงของแต่ละ กลุ่มทาการซอ้ มบทละครทไี่ ด้รบั มอบหมาย

62 ๘. การแสดงละครสั้นแต่ละกลุ่มจะต้องสรุปตอนท้ายละครส้ันถึงเหตุผลที่สนใจเหตุการณ์ดังกล่าว ในประเด็นต่อไปน้ี ก. เกดิ เหตกุ ารณอ์ ะไรข้นึ บา้ ง ข. รูส้ กึ อย่างไรกับเหตุการณ์เหลา่ นน้ั ค. ไดเ้ รยี นรู้อะไรบ้างจากเหตุการณ์น้ัน ๙. ครูให้นักเรียนช่วยกันกาหนดเงื่อนไขและกติกาในการแสดงละครสั้น เช่นเวลาท่ีใช้ในการแสดง มารยาทระหวา่ งการแสดงจดบันทึกกลุ่มอ่ืนการแลกเปล่ยี นความคิดเห็น เป็นต้น ๑๐. ครใู ห้นักเรียนแสดงละครส้ันตามเงื่อนไขและกติกาท่กี าหนด ๑๑. ครูสรุปกิจกรรมเหตุการณ์กู้ชาติกู้เอกราชต่างๆ เป็นการเสียสละของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลท่ี ทาเพื่อประเทศชาติ ทาเพื่อส่วนรวมซึ่งต้องเสียสละและมคี วามกล้าหาญที่จะต่อสกู้ ับความไม่ถูกต้อง ถ้าเรา สามารถทาในส่งิ ทีด่ ตี ่างๆ ไดจ้ ะทาใหส้ งั คมน่าอยู่ ๕. ส่ือการเรยี นรู้ เรือ่ งราวเหตกุ ารณ์กชู้ าตกิ เู้ อกราช จานวน ๓ เรื่อง ๖. การวดั และการประเมินผล ๑. สงั เกตพฤติกรรมนกั เรียนในเรื่องต่อไปนี้ ๑.๑ สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นขณะปฏิบัติกจิ กรรม ๑.๒ สงั เกตความสาเร็จของผลงาน ในการปฏบิ ัติกิจกรรม ๒. แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการเข้าร่วมกจิ กรรมของนักเรียน  น้อยท่สี ุด นอ้ ย ปานกลาง มาก มากท่ีสุด

63 ๗. ภาพประกอบ การกู้เอกราชของกรุงศรอี ยุธยา สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ในปี พ.ศ. ๒๑๑๒ การเสียกรุงศรีอยุธยาคร้ังท่ี ๑ ให้แก่พม่า (หงสาวดี) ทาให้กรุงศรีอยุธยา หรือ อโยธยาตกอยู่ในฐานะประเทศราช แม้พม่า สถาปนาสมเด็จพระมหาธรรมราชาครองกรุงศรีอยุธยา แต่ก็นาตัวพระนเรศวร ซ่ึงเป็นพระราชโอรสไปเป็นตัวประกันด้วย พระนเรศวรทรงใช้ความอดทนอด กลั้นในการประทับอยู่ที่หงสาวดีเป็นเวลา ๘ ปี ก่อนจะเสด็จกลับมากรุงศรี อยุธยา และเป็นมหาอุปราชไปปกครองเมืองพิษณุโลก ทรงปกครองบ้านเมือง ด้วยความเสียสละและกลา้ หาญเพ่ือสร้างความเป็นธรรมและกอบกู้เอกราชจาก พมา่ คนื มา สาเหตุของสงครามการประกาศเอกราชของพระนเรศวรเน่ืองจากพระเจ้าหงสาวดี นันทบุเรงทรงระแวงว่าพระนเรศวรจะก่อการกบฏจึงคิดจะกาจัดเสีย แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นเช่นน้ัน พระ นเรศวรทรงทราบข่าวน้ีจึงประกาศตัดสัมพันธไมตรีกับหงสาวดี และประกาศอิสรภาพ เม่ือ พ.ศ. ๒๑๒๗ เหตุการณ์น้ีนาไปสู่สงครามระหว่างกรุงศรีอยุธยาและหงสาวดี โดยพระนเรศวรเป็นผู้นาทัพเข้าต่อสู้ด้วย ความกล้าหาญ เช่น การทายทุ ธหตั ถี ทรงเสียสละเพอ่ื ชาตบิ า้ นเมอื งและกระทาสงคราม เพือ่ ปกปอ้ งบา้ นเมืองโดยมิได้ว่างเว้น ทรงได้รบั การเฉลิมพระเกียรติ “สมเด็จพระนเรศวรมหาราช” การสร้างกรงุ ธนบุรี สมเด็จพระเจ้าตากสนิ มหาราช การกอบกู้เอกราชของพระเจ้าตากสินจากพม่าหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาคร้ังท่ี ๒ อันมี สาเหตุมาจากการแตกความสามัคคีและเห็นแก่ตัวของบรรดาขุนนางในราชสานัก ทาให้บ้านเมืองอ่อนแอ และแตกพา่ ยในทีส่ ุด หลังจากกรุงศรีอยุธยาแตก ด้วย ความกล้าหาญและเสียสละ พระเจ้าตากสินเริ่ม ร ว บ ร ว ม ไพ ร่ พ ล ที่ เห ลื อ จ า ก ก รุ ง ศ รี อ ยุ ธ ย า แ ล ะ สถานที่ต่างๆ เดินทัพผ่าน ปราจีนบุรี นครนายก ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง และเข้ายึดเมืองจันทบุรี เป็นฐานท่ีม่ันในการสะสมกาลังพล ก่อนที่จะเข้ายึด เมืองจนั ทบุรี พระองค์ได้รับสั่งให้เหล่าทหารทุบหม้อ ข้าวและภาชนะท้ังหมดเพื่อสร้างความมุ่งม่ันและ ม่นั ใจในการเข้าตเี มอื งจันทบรุ ีให้ไดโ้ ดยเร็วท่ีสุด เม่ือไพร่พล กาลังพล และอาวุธ ต่างๆ พร้อมสาหรับการกอบกู้เอกราชจึงรับส่ังให้ เคลื่อนทัพจากเมืองจันทบุรีเข้ามาทางปากแม่น้าเจ้าพระยาแล้ว เข้าโจมตีพม่าท่ีตั้งค่ายอยู่เมืองธนบุรี และ ทรงกอบกู้กรุงศรีอยุธยากลับคืนมา แต่สภาพกรุงศรีอยุธยาในขณะน้ัน ยากที่จะบูรณะให้ดีดังเดิมและยาก แกก่ ารปอ้ งกนั จากข้าศึก จึงทรงยา้ ยราชธานีมาต้ังอยู่ที่กรงุ ธนบุรี

64 ความเสียสละของชาวบ้านบางระจัน ในปีพ.ศ.๒๓๐๘ พระเจ้ามังระ ทรง วางแผนบุกตีพระนครศรีอยุธยา จงึ ส่งกองทัพซง่ึ มเี นเมียว สีหบดี และมังมหานรธาเป็นแม่ทัพในส่วนของอโยธยา พระเจ้าเอกทัศน์ เสด็จขึ้นครองราชย์ต่อจาก พระอนุชา ของพระบิดาคือ สมเด็จพระเจ้าบรมโกศ ซ่ึงทรงมีพระ ราชดารัสไว้ว่า“เจ้าฟ้ากรมขุนอนุรักษ์มนตร(พระเจ้าเอก ทัศน์ หรือ ขนุ หลวงข้ีเร้อื น) เป็นคนโฉดเขลา ไรส้ ติปัญญา ถ้าได้ครองแผ่นดินจะทาให้แผ่นดินเกิดภัยพิบัติ”ขณะท่ี กองทัพพม่าบอกมานั้น เม่ือมาถึงเมืองวิเศษชัยชาญ มีคน ไทยช่ือนายแท่น นายโชติ นายอิน นายเมือง นาย ดอก (บ้านกลับ) นายทองแก้ว (บ้านโพธิ์ทะเล) ได้รวมตัวกันต่อสู้กับพม่าและฆ่าพม่าตายไป ๒๐ คนก่อน หนมี าทบ่ี ้านบางระจันจากนั้น ท้ังหมดร่วมกบั ชาวบ้านบางระจนั นิมนตพ์ ระสงฆ์พระอาจารย์ธรรมโชติ (วัด เขานางบวช) มาปลุกเสกคาถาอาคมให้หนังเหนียว มีกาลังใจสู้ศึกกับพม่าชาวบ้านรวมกันได้ประมาณ ๔๐๐ คน มีหัวหน้าคือ ขุนสรรค์ พันเรือง นายทองเหม็น นายจันทร์หนวดเข้ียว และนายทองแสงใหญ่ และ สามารถต่อสู้กับพม่าที่ยกทัพมาถึง ๗ คร้ังกระทั่งเมื่อพม่ามีชาวมอญช่ือสุกี้ ซ่ึง เป็นมอญที่อาศัยอยู่ในไทย ได้อาสากองทัพพม่ารบกับไทย สุก้ีจึงเปล่ียนกลุยทธ์ โดยใช้วิธีต้ังทัพอยู่เฉยๆ เพราะรู้ว่าชาวบ้านใจร้อนเม่ือ ถูกยุทธวธิ รี บแบบยดื เย้ือ ชาวบ้านกม็ ีใบบอกไปถึงกรงุ ศรอี ยธุ ยาเพื่อขอปืนใหญ่ ขณะทกี่ องทพั พมา่ บอกมานัน้ เม่ือมาถงึ เมืองวเิ ศษชยั ชาญ มีคนไทยช่ือนายแท่น นายโชติ นายอนิ นายเมอื ง นายดอก (บา้ นกลบั ) นายทองแก้ว(บา้ นโพธิ์ทะเล) ไดร้ วมตวั กันตอ่ สู้กบั พม่าและฆา่ พม่า ตายไป ๒๐ คนก่อนหนีมาที่บ้านบางระจันจากน้ัน ทั้งหมดร่วมกับชาวบ้านบางระจัน นิมนต์พระสงฆ์พระ อาจารย์ธรรมโชติ(วัดเขานางบวช) มาปลุกเสกคาถาอาคมให้หนังเหนียว มีกาลังใจสู้ศึกกับพม่าชาวบ้าน รวมกันได้ประมาณ ๔๐๐ คน มีหัวหน้าคือ ขุนสรรค์ พันเรือง นายทองเหม็น นายจันทร์หนวดเข้ียว และ นายทองแสงใหญ่ และสามารถต่อสู้กับพม่าท่ียกทัพมาถึง ๗ ครั้งกระทั่งเมื่อพม่ามีชาวมอญช่ือสุกี้ ซ่ึง เป็น มอญทอี่ าศัยอยใู่ นไทย ได้อาสากองทพั พม่ารบกับไทย สุกจี้ งึ เปลยี่ นกลุยทธ์ โดยใช้วิธีต้งั ทัพอยู่เฉยๆ เพราะรู้ ว่าชาวบ้านใจร้อนเม่ือถูกยุทธวิธีรบแบบยืดเย้ือ ชาวบ้านก็มีใบบอกไปถึงกรุงศรีอยุธยาเพื่อขอปืนใหญ่และ กระสุนมาต่อสู้กับพม่า แต่ได้รับการปฏิเสธ โดยกรุงศรีฯส่งมาแต่นายกองมาช่วยดู ชาวบ้านจึงช่วยกันนา เศษทองเหลืองที่เร่ียไรมาได้ หล่อเป็นปืนใหญ่ ๒ กระบอก แต่ปืนร้าว ใช้งานไม่ได้สุกี้รู้แล้ว ว่ากองทัพ ชาวบ้าน ไม่ไดร้ บั การสนบั สนุนจากพระนคร จึงมั่นใจว่าชาวบ้านบางระจันเร่มิ อ่อนแอ จึงส่ังให้ขุดอุโมงค์เข้า ไปใกล้ค่ายบางระจัน แล้วเอาปืนใหญ่ต้ังหอสูงระดมยิงใส่ค่ายจนค่ายแตก ทาให้ไทยต้องเสียค่ายบางระจัน แกพ่ ม่าประวตั ิศาสตร์บันทึกวา่ คา่ ยบางระจัน ถูกพม่าตีแตกในวันจนั ทร์ เดอื น ๘ แรม ๒ ค่า ปีจอ พ.ศ.๒๓๐๙ รวมระยะเวลาท่ีวรี ชนชาวบางระจันต่อส้กู บั พมา่ นานถงึ ๕ เดอื น

65 ๘. อ้างอิงแหลง่ ที่มาของข้อมูล สานกั การศกึ ษา .หลักสูตร “โตไปไมโ่ กง”ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖. กรุงเทพมหานคร: ศูนย์สาธารณประโยชน์และประชาสังคม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหาร ศาสตรแ์ ละองค์กร เพอ่ื ความโปรง่ ใสในประเทศไทย.๒๕๕๔ , “ชาวบา้ นบางระจนั .” ๒๕๕๓. [ระบบออนไลน์]. แหลง่ ท่มี า http://iseehistory.socita.com (๒๓ กนั ยายน ๒๕๕๘). “ศกึ บางระจนั .” ๒๕๕๓. [ระบบออนไลน์]. แหล่งท่ีมา https://wangderm.wordpress.com (๒๓ กันยายน ๒๕๕๘).

66 ตวั อยา่ งกิจกรรมท่ี 3 ๑. ชอ่ื กจิ กรรม เกษตรอนิ ทรยี ์วิถธี รรมชาติ (ปุ๋ยหมัก) ๒. เวลาท่ใี ช้ ๑๐ ชัว่ โมง ๓. วัตถปุ ระสงค์ ๑. นักเรียนสามารถอธบิ ายความหมายของคาวา่ ปยุ๋ หมกั ได้ ๒. นักเรียนสามารถบอกประเภทและความสาคัญของปุ๋ยหมักได้ ๓. นักเรยี นสามารถบอกวัตถุประสงค์ในการใช้ปุ๋ยหมักได้ ๔. นกั เรียนตระหนักเหน็ คณุ ค่าหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง ๔. กิจกรรมการเรียนรู้ ชว่ั โมงท่ี ๑ - ๒ ๑. ครูและนักเรียนทบทวนความรูเ้ ดมิ เกย่ี วกับการดาเนนิ ชีวติ พอเพียงตามวิถธี รรมชาติ ๒. ครูนาเข้าสู่บทเรยี นโดยให้นักเรียนดรู ูปภาพปยุ๋ หมกั และสนทนาเกยี่ วกบั ปุย๋ หมัก ๓. ครูและนกั เรยี นสนทนาผลการเรียนรทู้ คี่ าดหวงั ร่วมกัน ๔. นักเรยี นแบ่งกล่มุ โดยคละความสามารถแตล่ ะกล่มุ ทาการเลือกประธานและเลขาฯ ของกลุ่ม ๕. นกั เรยี นแต่ละคนภายในกลุ่มศึกษาจากหนังสือเรอื่ งป๋ยุ หมัก ชวั่ โมงที่ ๓ – ๕ ๑. นกั เรยี นแต่ละกล่มุ ออกสารวจสถานทท่ี ่จี ะทาปยุ๋ หมัก ๒. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ สนทนาสว่ นประกอบของป๋ยุ หมกั ๓. นักเรยี นแต่ละกลุ่มใชอ้ ปุ กรณ์เตรียมสถานท่ีเพ่ือทาปุ๋ยหมกั ๔. นักเรยี นแต่ละกลุ่มแบ่งหน้าทเ่ี ตรยี มอุปกรณ์ส่วนผสมท่จี ะทาปุ๋ยหมัก ๕. สรปุ อภิปรายกลุ่มหาขอ้ ดี-ขอ้ บกพร่อง ในการเตรียมการ ช่วั โมงที่ ๖ - ๑๐ ๑. วิทยากรในชมุ ชนร่วมกจิ กรรมที่ เสนอแนะ วธิ กี าร ลาดบั ขนั้ ตอนในการทา ๒. วทิ ยากรและนักเรยี นร่วมกนั ทาตามลาดับข้ันตอน ๓. กาหนดวนั ท่ตี อ้ งรดนา้ และกลับกองปุ๋ย ๔. สังเกตการเปลยี่ นแปลงและจดบันทึก การเปลีย่ นแปลง ๕. เม่ือการเปลี่ยนแปลง เปน็ ปุ๋ยพร้อมใช้ แต่ละกลุ่มนาเสนอผลงานที่ทาเปรยี บเทยี บผลงานแต่ละ กลุม่ บอกสาเหตุทเ่ี กิดขน้ึ ตามขั้นตอน เพราะอะไรวทิ ยากรในชมุ ชนรว่ มสนทนา

67 ๕. ส่อื การเรยี นรู้และแหลง่ การเรยี นรู้ ๑. แผน่ พบั วีดิทศั น์ ห้องคอมฯ ๒. อปุ กรณ์ การเกษตร เชน่ มีด จอบ บวั รดน้า พลั่ว ฯลฯ ๓. อปุ กรณ์ สว่ นประกอบ ของปยุ๋ หมกั เช่น มลู สัตว์ ใบไมแ้ หง้ ขยะทีส่ ามารถย่อยสลายได้ ดิน ๖. การวัดและการประเมินผล ๑. สงั เกตพฤติกรรมนักเรียนในเรอื่ งต่อไปน้ี ๑.๑ สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นขณะปฏบิ ตั ิกิจกรรม ๑.๒ สังเกตความสาเรจ็ ของผลงาน ในการปฏิบตั ิกิจกรรม ๒. แบบสอบถามความพงึ พอใจต่อการเข้ารว่ มกจิ กรรมของนักเรียน  นอ้ ยท่ีสุด นอ้ ย ปานกลาง มาก มากท่สี ดุ ๗. ภาพประกอบ เศษใบไมแ้ หง้ มูลสตั ว์

68 ตวั อย่างกจิ กรรมที่ 4 ๑. ช่อื กจิ กรรม ดดู มี ีสาระ ๒. เวลาทใ่ี ช้ ๑ ชว่ั โมง ๓๐ นาที ๓. วตั ถปุ ระสงค์ ๑. ตอบคาถาม/แสดงความคิดเหน็ /แสดงความร้สู กึ จากเรอื่ งทดี่ ู ๒. ปลกู ฝงั ความรักชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ ๓. ปลูกฝังความมจี ิตอาสา ๔. มีความมงุ่ มัน่ ในการทางาน ๕. มีความสุขในการเขา้ รว่ มกิจกรรม ๔. กจิ กรรมการเรียนรู้ ๑. กจิ กรรม Brain Gym ๒. นักเรียนดูคลิป (โฆษณากระทิงแดง คลิปโฆษณาซ้ึง ๆ เก่ียวกับจิตอาสา คลิปโฆษณาไทย ประกนั “ทาไมตอ้ งยนื ตรง เมอ่ื ได้ยนิ เพลง สรรเสริญพระบารม)ี แลว้ ตัง้ ประเดน็ คาถาม - คลปิ น้เี ป็นเร่ืองเก่ียวกับอะไร - ประทบั ใจอะไรจากคลิปนี้ - นกั เรยี นมคี วามรสู้ ึกอย่างไร - คิดอะไรเกี่ยวกบั คลิปน้ี 3. นักเรียนเขา้ กลมุ่ ๆ ละ ๓ - ๔ คน รบั อุปกรณ์ (ภาพ สีเมจิก กระดาษชารท์ กระดาษบรู๊ฟ คาชีแ้ จง) 4. คาชีแ้ จง ๑. นักเรียนดูคลปิ วดี โิ อ ๒. ดูคลปิ แล้ว บอกสิ่งทเ่ี ห็น เขยี นความรสู้ กึ และความประทับใจแนวคิดท่ีได้ ๓. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มส่งตัวแทนนาเสนอหน้าช้นั เรียน 4. ครูท่ีปรึกษาเดินดูการทางานของนักเรียน โดยไม่แทรกแซงแนวคิด แต่คอยกระตุ้นให้ นักเรียนคดิ และเขยี นแสดงความคดิ เห็น 5. แตล่ ะกลมุ่ นาเสนอผลงาน เพื่อน ๆ ชว่ ยกนั สังเกต การวเิ คราะห์คลปิ ทด่ี ู 6. เม่อื นาเสนอเสร็จ แตล่ ะกลุ่มติดผลงานเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 7. รบั สต๊กิ เกอร์ ดาว ละ ๑ แผ่น เพ่ือประเมินผลงานแตล่ ะกลุม่ โดยใช้การเขียนดาวไปติด ทผี่ ลงานกล่มุ ทีป่ ระทับใจและนาเสนอไดด้ ที ี่สุด 8. สถานการณ์

69 สถานการณ์ นักเรยี นเลือกคลปิ ที่ประทับใจแลว้ นามาให้เพอื่ นๆช่วยกนั เขียนแสดงความคิดเหน็ ความรู้สกึ ขอ้ คิด แนวทางไปประยุกต์ใช้ 9. นกั เรียนชว่ ยกันสบื คน้ คลปิ จากอินเทอร์เน็ต แล้วนามาให้เพ่อื น ๆ น้อง ๆ ดู ๑0. จัดกิจกรรมชมคลิป ที่ประทับใจ (เช่นคลิปวันแม่ คลิปจิตสาธารณะ คลิปท่ีส่งเสริม ความรักชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์) ๑1. นกั เรียนจัดการประกวดการทาคลปิ สัน้ ๆ ๑2. นักเรียนจัดเก็บ ดูแลรักษา อุปกรณ์ท่ีนามาใช้ให้พร้อมสาหรับใช้งานในครั้งต่อไป และทาความสะอาดบรเิ วณท่ใี ช้ทากจิ กรรมให้เรียบร้อยร่วมกัน ๕. สือ่ การเรียนรู้และแหล่งการเรยี นรู้ ๑. คลิปโฆษณาที่ดูแล้วซ้ึง ให้ข้อคดิ เช่น โฆษณากระทงิ แดง โฆษณาจิตอาสาอิชิตนั ฯลฯ ๒. กระดาษชาร์ท ๓. สีเมจิก ๔. สต๊กิ เกอร์ ๖. การวัดและการประเมินผล ๑. สังเกตพฤติกรรมนักเรียนในเร่ืองต่อไปน้ี ๑.๑ สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นขณะปฏิบัติกิจกรรม ๑.๒ สงั เกตความสาเรจ็ ของผลงาน ในการปฏิบัตกิ ิจกรรม ๒. แบบสอบถามความพงึ พอใจต่อการเขา้ รว่ มกิจกรรมของนกั เรียน  น้อยท่ีสุด นอ้ ย ปานกลาง มาก มากทส่ี ุด

70 กลมุ่ กิจกรรมท่ี ๑๑ ปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม (มีวินยั ซ่ือสัตย์ สจุ ริต เสยี สละ อดทน มุง่ ม่ันในการทางาน กตญั ญ)ู ตวั อย่างกิจกรรมท่ี 1 ๑. ช่อื กจิ กรรม นิทานสรา้ งคนดี ๒. เวลาท่ีใช้ ๕ ชัว่ โมง ๓. วตั ถุประสงค์ ๑. เพ่ือให้นักเรยี นมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเกยี่ วกับการสร้างนิทานโดยใช้หนังสือเล่มเลก็ ๒. เพอื่ พฒั นากระบวนการเรียนร้ขู องนักเรียนใหร้ ู้จกั การอยู่ร่วมกบั ผู้อื่นอยา่ งมีความสุข ๓. เพอ่ื พัฒนาใหน้ ักเรยี นมคี ุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามทห่ี ลกั สตู รกาหนด ๔. เพ่ือให้นักเรียนสามารถเชื่อมโยงสาระและคุณค่าความดีต่างๆ เข้ากับวิถชี ีวติ โดยผ่านการเรยี นรู้ และการทากจิ กรรมตา่ ง ๆ ท่คี รแู ละนกั เรยี นสนใจ ๔. กจิ กรรมการเรียนรู้ ๑. ครูและนักเรียนสนทนาเก่ียวกับความสนใจในการอานหนังสือนิทาน สารวจวานักเรียนชอบฟัง นิทานหรือไม่ เคยฟังเรื่องอะไร หรือต้องการฟังนิทานเก่ียวกับอะไร นิทานนั้น ๆ ว่ามีข้อคิดหรือคติเตือนใจ เกี่ยวกบั อะไรบาง ๒. ครูนาหนังสอื นทิ านคณุ ธรรมมาใหน้ ักเรียนไดเ้ ลือกอา่ นตามความสนใจของนักเรียน ๓. ครูใหค้ วามรแู้ ก่นักเรยี นในเรื่องการจดั ทาหนงั สือเลม่ เล็กดว้ ยตนเอง ซงึ่ ขนั้ ตอนในการจัดทาดงั น้ี - อ่านนิทานคณุ ธรรมเรอ่ื งที่นกั เรียนสนใจ - นาเรือ่ งทีอ่ ่านมาจดั ทาเปน็ แผนผงั ความคดิ (Mind Map) - ออกแบบการเขียนเรอ่ื ง - ออกแบบตัวละครประกอบเน้อื เร่อื ง - วาดภาพระบายสีใหส้ วยงาม - สอนวิธกี ารจัดทารูปเล่มหนงั สือเลม่ เล็ก และส่วนประกอบของหนังสือเลม่ เล็ก ๔. แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ ๕ คน ให้แต่ละกลุ่มออกแบบหนังสือเล่มเล็กด้วยตนเองโดยใส่ สง่ิ ต่างๆ ลงไปดงั นี้ - ใส่ใจในเรือ่ งการเขียนให้ถูกต้อง - เน้อื เร่อื งน่าสนใจ ตัวละครน่าสนใจ - จัดทาทีละข้ันตอน และทุกขั้นตอนต้องนามาให้ครูตรวจก่อนท่ีจะทาขั้นตอนต่อไป และ ปฏิบตั กิ จิ กรรมถงึ ขน้ั ตอนจดั ทาเปน็ รูปเล่ม

71 ๕. ใหน้ ักเรยี นเขียนรายงานประกอบการทาหนงั สือเล่มเล็ก โดยประกอบไปด้วยเร่ืองต่างๆ ดงั ต่อไปน้ี - สาเหตทุ ี่นักเรยี นเลือกเร่อื งน้มี าจดั ทาหนงั สือเลม่ เล็ก - วัตถปุ ระสงคใ์ นการจัดทา - บรรณานกุ รมของหนงั สือท่ีนักเรยี นศึกษาค้นควา้ และนามาอ้างอิง - วเิ คราะหแ์ ละวางแผนในการจัดทา - วิธีการตัดกระดาษและตวั ละคร - ข้นั ตอนในการจัดทาทุกขน้ั ตอน - วัสดุอุปกรณ์ในการจดั ทา - ปัญหาและอปุ สรรคในการทาหนังสือเลม่ เลก็ - ประโยชนท์ น่ี กั เรยี นได้รับจากการทาหนงั สอื เล่มเล็ก - ขอ้ เสนอแนะในการจดั ทาหนงั สือเล่มเล็ก 6. สรุปการเรยี นการสอนโดยครูเปดิ โอกาสให้นักเรยี นได้ซกั ถามทกุ เรื่องท่ีนักเรยี นมีปัญหา ใหค้ าเสนอแนะเม่อื นักเรยี นสงสัย 7. จดั ประกวดหนังสือเล่มเล็กของนักเรียนแต่ละกลุ่ม เพ่ือมอบรางวัลและเกียรติบัตรให้นักเรยี นท่ี ทาได้ดที ีส่ ดุ และสวยงาม ๕. ส่อื การเรยี นรู้ ๑. หนงั สอื นิทานคุณธรรม ๒. อปุ กรณใ์ นการทาหนังสือเล่มเลก็ ไดแ้ ก่ กระดาษ ๓. กระดาษเยอื่ กาว กาว รูปภาพประกอบ กรรไกร สี ๖. การวดั และการประเมินผล ๑. สงั เกตพฤติกรรมนักเรยี นในเรื่องต่อไปนี้ ๑.๑ สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นขณะปฏิบตั ิกจิ กรรม ๑.๒ สงั เกตความสาเรจ็ ของผลงาน ในการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม ๒. แบบสอบถามความพึงพอใจตอ่ การเขา้ รว่ มกจิ กรรมของนักเรียน  น้อยที่สดุ น้อย ปานกลาง มาก มากที่สดุ

72 ๗. ภาพประกอบ ๘. อ้างอิงแหลง่ ท่มี าของขอ้ มูล กฤษณา มาเลศิ . คมู่ อื การทาหนังสอื เล่มเล็ก. โรงเรียนบา้ นหนองปรอื สานกั งานเขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษา นครราชสีมา เขต ๕ สานักการศึกษา .หลกั สตู ร “โตไปไมโ่ กง”ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๔. กรุงเทพมหานคร: ศูนย์ สาธารณประโยชน์และประชาสังคม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์และองค์กรเพ่ือความ โปร่งใสในประเทศไทย , ๒๕๕๔ “แผนการจัดกจิ กรรมการเรียนรบู้ รู ณาการกบั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง.” ๒๕๕๓. [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา http://kroobannok.com/blog/๓๘๘๑๓ (๑๘ กันยายน ๒๕๕๘). กนกอร หมน่ื เจริญ. ๒๕๕๗ “โครงงานการทาสมดุ เล่มเลก็ .” [ระบบออนไลน์]. แหล่งท่ีมา http://deejajar.blogspot.com/๒๐๑๔/๑๑/blog- post.html (๑๘ กันยายน ๒๕๕๘). ศากุน ศิริพานชิ .๒๕๕๔ หนังสือเลม่ เลก็ “สรา้ งเดก็ รักการอา่ น.เขียน-” [ระบบออนไลน์ แหล่งที่มา .[http://www.obec.go.th/news/๓๓๗๘) ๑๘ กันยายน ๒๕๕๘).

73 ตัวอยา่ งกิจกรรมที่ 2 ๑. ช่ือกจิ กรรม ละครเพ่อื การเปลี่ยนแปลง ๒. เวลาทใ่ี ช้ ๕ ชั่วโมง ๓. วัตถปุ ระสงค์ ๑. เพ่อื ให้นกั เรยี นมคี วามรู้ ความเขา้ ใจในเรื่องต่าง ๆ เกีย่ วกับบทบาทสมมติท่ีตนแสดง ๒. เพ่อื พฒั นากระบวนการเรยี นรู้ของนักเรยี นให้รู้จักการอยรู่ ่วมกับผู้อนื่ อย่างมคี วามสุข ๓. เพอื่ พฒั นาใหน้ กั เรยี นมีคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ตามทห่ี ลักสตู รกาหนด ๔. เพ่ือให้นักเรียนสามารถเช่ือมโยงสาระและคณุ ค่าความดตี ่างๆ เข้ากับวิถีชีวิตโดยผ่านการเรยี นรู้ และการทากจิ กรรมต่างๆ ทค่ี รแู ละนกั เรยี นสนใจ ๔. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ๑. ครเู ปดิ วดี ิทัศนเ์ กย่ี วกบั การละครคณุ ธรรมส้นั ๆ ใหน้ ักเรยี นไดศ้ กึ ษา ๒. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั สนทนาเก่ียวกบั ละครคณุ ธรรมจากวดี ิทัศน์ทไี่ ด้ศึกษา ๓. ครเู ปดิ วดี ิทัศน์เก่ียวกบั การแสดงบทบาทสมมตใิ หน้ ักเรยี นไดศ้ ึกษา ๔. ครูและนักเรียนรว่ มกันสนทนาเก่ียวกับการแสดงบทบาทสมมตจิ ากวดี ิทัศน์ที่ไดศ้ กึ ษา ๕. แบง่ กลุม่ นักเรยี นเปน็ ๕ กล่มุ ให้แต่ละกลุม่ ศึกษาใบความรเู้ ร่ือง “บทบาทสมมติ” ๖. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สนทนาเก่ียวกับเน้อื หาจากใบความรู้ ๗. ครกู าหนดสถานการณส์ มมติใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มไดแ้ สดงบทบาทสมมตุ ิในกจิ กรรม “ละครเพ่ือ การเปลี่ยนแปลง” ให้แต่ละกลุ่มจับสลากเพื่อให้แสดงตามเง่ือนไขท่ีกาหนดในสถานการณ์สมมติ ภายใน เวลา ๑๕ นาที ๘. แต่ละกลมุ่ วางแผนและจดั เตรียมอุปกรณ์การแสดงบทบาทสมมติ กจิ กรรม “ละครเพือ่ การเปล่ยี นแปลง” ๙. แต่ละกล่มุ ฝึกซอ้ มการแสดงเพือ่ จัดแสดงใหก้ บั เพื่อนนักเรยี น ๑๐. นกั เรียนออกมาแสดงไดฝ้ ึกซอ้ มไวแ้ ละให้เพอ่ื นสมาชกิ กลมุ่ อื่นแสดงความคิดเหน็ ๑๑. นักเรียนรว่ มกันสรปุ สิ่งท่ีได้จากการแสดงและการนาความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชนต์ ่อตนเองและผอู้ ื่น ๑๒. แต่ละกลุ่มนาเสนองานที่ไดจ้ ากการสรปุ งาน ๕. ส่ือการเรยี นรู้ ๑. วดี ิทัศน์ละครคุณธรรม ๒. วีดิทัศน์การแสดงบทบาทสมมติ ๓. ใบความรู้ เร่อื ง “บทบาทสมมติ” ๔. สถานการณ์สมมติ กิจกรรม”ละครเพอ่ื การเปล่ียนแปลง”

๖. การวดั และการประเมินผล 74 ๑. สังเกตพฤติกรรมนกั เรียนในเรื่องต่อไปน้ี ๑.๑ สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนขณะปฏบิ ตั ิกจิ กรรม  ๑.๒ สังเกตความสาเร็จของผลงาน ในการปฏิบตั กิ จิ กรรม ๒. แบบสอบถามความพงึ พอใจตอ่ การเขา้ ร่วมกิจกรรมของนักเรยี น มากท่สี ดุ     น้อยทส่ี ุด น้อย ปานกลาง มาก ๗. ภาพประกอบ

75 ใบความรู้ เรอ่ื ง “การแสดงบทบาทสมมติ” การแสดงบทบาทสมมติ เปน็ การแสดงออกด้วยท่าทางโดยไมม่ ีบทพดู ผแู้ สดงจะต้องมีความเชอ่ื ม่ัน ตอ่ บทบาทท่แี สดง คือ เชอ่ื ว่าบทบาทที่ตนเองแสดงเป็นเร่ืองจรงิ ผแู้ สดงจะต้องมีความพร้อมท่จี ะใช้ ร่างกาย อารมณ์ ความคดิ และจติ ใจ หรอื มคี วามพร้อมท่จี ะนาประสาทสัมผสั ทัง้ ๕ มาใช้ในการแสดงให้ ประเภทการแสดงบทบาทสมมติ ๑) การแสดงอบบาทสมมติแบบเตรยี มบทบาทแลว้ ๒) การแสดงบทบาทสมมตโิ ดยฉับพลนั ๓) การแสดงบทบาทสมมติจากสถานการณ์ท่ีกาหนดข้นึ การสมมุตเิ ปน็ กระบวนการสาคัญทผี่ แู้ สดงต้องสรา้ งอารมณ์ใหส้ ะท้อนถงึ ความเปน็ ตวั ละครได้อย่าง สมจรงิ โดยผู้แสดงตอ้ งสมมติว่าถา้ ตนเองเปน็ ตัวละครทส่ี วมบทบาทอยนู่ ัน้ จะทาอยา่ งไรตอ่ สถานการณ์ท่ีตน กาลงั เผชญิ อยู่ หลักการแสดงบทบาทสมมติ ๑) การสมมติ คือ การทผ่ี แู้ สดงจะต้องถา่ ยทอดบุคลกิ และนิสัยใจคอของตัวละครออกมาให้สมจรงิ มากทส่ี ุด โดยสมมติว่าถ้าผ้แู สดงเปน็ ตัวละครตวั นั้นแล้ว จะทาอย่างไรต่อสถานการณ์จาลองท่ีกาหนดขึ้น ๒) สถานการณ์จาลอง ผูแ้ สดงจะตอ้ งเขา้ ใจสถานการณ์จาลองวา่ ถา้ เกิดเหตุการณ์หรอื สถานการณ์ อย่างนีแ้ ลว้ ตัวละครต้องทาอะไร และมเี หตุผลอยา่ งไร ๓) จนิ ตนาการ ผแู้ สดงตอ้ งใช้จินตนาการใหถ้ ูกตอ้ ง โดยฝึกจากการสงั เกตพฤติกรรมของผคู้ นทอ่ี ยู่ รอบ ๆ ขา้ งในชีวติ ประจาวันและเปรยี บเทยี บสง่ิ ตา่ ง ๆ ทีเ่ กิดขนึ้ รอบ ๆ ตวั ๔) การสรา้ งความเชอ่ื ผู้แสดงจะต้องทาให้คนดเู ชอื่ ว่า การแสดงทป่ี รากฏอย่ตู อ่ หน้าสมจรงิ ๕) การส่อื สารกับผู้อ่ืน ผู้แสดงจะตอ้ งทาให้คนดูเข้าใจความหมายและเหตผุ ลของตวั ละคร ทีส่ วมบทบาทอยู่นั้นและมีความรสู้ ึกรว่ มกบั การแสดง ๖) การสร้างสมาธิ ผแู้ สดงต้องไม่ประหม่าและต้องทาตัวสบาย ๆ เหมือนไม่มใี ครมาสนใจ แตไ่ ม่ได้ หมายความวา่ ผแู้ สดงไม่สนใจคน

76 ชอ่ื กิจกรรม ละครเพื่อการเปล่ียนแปลง สถานการณ์ที่ ๑ หวั ข้อเรอ่ื ง ความซอื่ สตั ย์ ๑. กาหนดสถานที่ คือ สถานรี ถไฟ ๒. ตัวละคร คือ แม่คา้ นักวิศวกร ๓. สิ่งของ คือ แทปเลต็ ช่ือกจิ กรรม ละครเพ่ือการเปลีย่ นแปลง สถานการณท์ ่ี ๒ หวั ขอ้ เร่ือง มวี นิ ัย ๑. กาหนดสถานท่ี คอื โรงพยาบาล พยาบาล คนไข้ ๒. ตัวละคร คือ ยา ๓. ส่ิงของ คือ ชื่อกิจกรรม ละครเพื่อการเปลยี่ นแปลง สถานการณ์ท่ี ๓ หวั ขอ้ เรอ่ื ง อย่อู ย่างพอเพียง ๑. กาหนดสถานที่ คือ ตลาด ๒. ตัวละคร คือ คนขายปลา วนิ มอเตอรไ์ ซด์ ๓. ส่งิ ของ คือ กระเปา๋ เงิน ชื่อกจิ กรรม ละครเพ่ือการเปล่ียนแปลง สถานการณ์ที่ ๔ หัวขอ้ เรอื่ ง อนรุ กั ษ์วัฒนธรรม ๑. กาหนดสถานที่ คือ พพิ ิธภณั ฑ์ ๒. ตวั ละคร คือ นักเรียน คุณครู ๓. ส่งิ ของ คือ ตะเกยี งโบราณ ชื่อกิจกรรม ละครเพื่อการเปลยี่ นแปลง สถานการณ์ท่ี ๕ หัวขอ้ เรื่อง มจี ิตสาธารณะ ๑. กาหนดสถานที่ คือ น้าตก ๒. ตวั ละคร คือ นกั ท่องเทย่ี ว เจ้าหนา้ ที่อุทยาน ๓. สง่ิ ของ คือ ดอกไม้

77 ๘. อา้ งอิงแหลง่ ทม่ี าของข้อมูล ทิศนา แขมมณ.ี (๒๕๕๐). ศาสตร์การสอน: องคค์ วามรู้เพ่ือการจัดการกระบวนการเรยี นรู้ ท่มี ปี ระสิทธิภาพ. (พมิ พค์ ร้งั ท่ี ๕). กรงุ เทพฯ : สานกั พมิ พแ์ หง่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั ทิศนา แขมมณี. (๒๕๕๐). รูปแบบการเรียนการสอน: ทางเลือกท่ีหลากหลาย. (พิมพ์คร้ังท่ี ๖).กรุงเทพฯ: สานักพิมพ์แหง่ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย. สานกั การศกึ ษา .หลักสูตร “โตไปไมโ่ กง”ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๔. กรุงเทพมหานคร: ศนู ย์ สาธารณประโยชน์และประชาสังคม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์และองค์กรเพ่ือ ความโปร่งใสในประเทศไทยเอกรินทร์ สีมหาศาล และคณะ๒๕๕๔ ,. ศิลปะ ป.๓. พิมพ์ ครงั้ ท่ี ๒. กรุงเทพฯ .อักษรเจริญทัศน์ : เอกรินทร์ สมี หาศาล และคณะ .ศิลปะ ป.๓. พิมพ์ครงั้ ที่ ๒. กรุงเทพฯ .อักษรเจรญิ ทศั น์ : “การแสดงบทบาทสมมตุ .ิ ” ๒๕๕๒.[ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มา http://www.trueplookpanya.com (๑๘ กนั ยายน ๒๕๕๘). “การสอนโดยการแสดงบทบาทสมมุติ role play.” ๒๕๕๗.[ระบบออนไลน์]. แหล่งท่มี า https://www.youtube.com/watch?v=๗๓N๖qFrDzYc (๑๘ กนั ยายน ๒๕๕๘). “ซ้อมการแสดงบทบาทสมมติระบบสรุ ิยะ.” ๒๕๕๔. [ระบบออนไลน์]. แหล่งท่ีมา https://www.youtube.com/watch?v=UTgmIfgDMKI (๑๘ กันยายน ๒๕๕๘).

78 ตัวอยา่ งกจิ กรรมที่ 3 ๑. ชอื่ กิจกรรม งานแกะสลกั ผกั - ผลไม้ ๒. เวลาท่ใี ช้ ๒๐ ชั่วโมง ๓. วตั ถุประสงค์ ๑. นกั เรียนมคี วามรพู้ ้นื ฐานเก่ยี วกบั การแกะสลักผักผลไม้ ๒. นกั เรียนสามารถแกะสลกั ผกั - ผลไม้ เปน็ ดอกรกั เร่ได้ ๓. นักเรียนสามารถแกะสลกั ผัก - ผลไม้ เปน็ ดอกบานชนื่ ได้ ๔. นกั เรียนสามารถแกะสลักผัก - ผลไม้ เป็นดอกกุหลาบได้ ๕. นกั เรยี นสามารถแกะสลกั ผกั - ผลไม้ โดยประยุกตล์ ายใหม่ได้ ๔. กจิ กรรมการเรียนรู้ ๑. ความรูพ้ ้ืนฐานเก่ยี วกับงานแกะสลกั ผักผลไม้ จานวน ๔ ชั่วโมง - สร้างแรงจูงใจ ให้กับนักเรยี น โดยเปดิ วีดทิ ัศน์ ผลงานการแกะสลักผกั ผลไม้ www.youtube.com/watch?v=GpdstIwUQTM - แนะนาเคร่ืองมือวธิ กี าร และเทคนคิ ในการแกะสลกั ผกั ผลไม้ - ฝกึ ปฏบิ ตั ิเทคนิคเบ้อื งต้น ของการแกะสลกั ผักผลไม้ การปอก การจัก การกรีด การเซาะ และการเกลา ๒. แกะสลักผัก-ผลไม้ เป็นดอกรักเร่ จานวน ๔ ชวั่ โมง - นักเรียน ดูวีดทิ ศั น์ การแกะสลกั ฟักทอง ลายดอกรกั เร่ https://www.youtube.com/watch?v=CAH๘Crumgu๐ - นักเรยี นเตรียม มะละกอท่มี เี นื้อหนา(หรือผัก-ผลไม้ ทมี่ เี นอื้ แน่น และหางา่ ยในท้องถิน่ ) - นกั เรยี นตัดชน้ิ เนอ้ื มะละกอ เปน็ สี่เหลี่ยมจัตุรสั จากน้ันเกลาให้เปน็ ครึ่งทรงกลม (จากน้ีเราจะเรียกวา่ “หลงั เต่า” ) - แกะสลักเกสร โดยหาจุดศูนย์กลาง วาดวงกลมให้มีความยาวของเส้นผ่าศูนย์กลาง เท่ากับ คร่งึ ของเส้นผา่ ศูนยก์ ลางใชม้ ีดปกั ๙๐ องศา และปาดเน้อื ในออก - แบ่งระยะกลบี ปาดเนื้อกลางกลีบใหเ้ ปน็ รอ่ ง และแกะสลกั กลีบให้ปลายแหลม - ดอกรักเร่กลบี ดา้ นขา้ ง จากโค้งเล็กนอ้ ย มปี ลายแหลม ปาดเนอ้ื ใตก้ ลีบออกทกุ ครั้ง กลีบจึงจะเด่น - แกะสลกั กลีบชัน้ ต่อไป ให้สบั หว่าง เช่นนจ้ี นจบ

79 ๓. แกะสลกั ผัก-ผลไม้ เป็นดอกบานช่นื จานวน ๔ ชั่วโมง - นักเรียน ดูวีดิทศั น์ การแกะสลกั แตงโม ลายดอกบานชื่น https://www.youtube.com/watch?v=vUF๔SulIhhs - นกั เรยี นเตรยี ม มะละกอทีม่ เี น้ือหนา (หรือผัก ผลไม้ ทมี่ เี นื้อแนน่ และหาง่ายในทอ้ งถน่ิ ) - นักเรียนตัดช้ินเนื้อมะละกอ เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส จากน้ันเกลาให้เป็นคร่ึงทรงกลม (จากนี้ เราจะเรียกว่า “หลงั เต่า”) - แกะสลักเกสร โดยหาจุดศูนย์กลาง วาดวงกลมให้มีความยาวของเส้นผ่าศูนย์กลาง เท่ากับ คร่งึ ของเส้นผ่าศูนยก์ ลาง ใชม้ ีดปกั ๙๐ องศา และปาดเนอื้ ในออก - ทาเกสรโดยใช้ปลายมีดกรีดเป็นครึ่งวงกลม ปาดเน้ือรอบ ๆ ออก กรีดเป็นกลีบโค้ง ปาดเนอื้ ใต้กลีบออก กลบี ตอ่ ๆ ไปให้สับหวา่ งและซ้อนกนั เลก็ น้อย - แบ่งกลีบดอกออกเป็น ๕ กลีบใช้ปลายมีดแกะสลักกรีดเป็นกลีบให้ปลายกลีบ เปน็ คลื่น เลก็ น้อย ทาจนครบทุกกลบี ปาดเนื้อใตก้ ลบี ออก - กลีบชั้นท่ี ๒ - ๔ ให้กลีบดอกสับหว่างกับกลีบช้ันแรก และให้แต่ละกลีบซ้อนกัน เล็กน้อย - ทาดอกตูมรอบๆ โดยใช้ปลายมีดกรีดเป็นกลีบปลายแหลม ปาดเนื้อใต้กลีบออกเพ่ือให้ เห็นกลีบดอกชดั ใช้ปลายมีดกรดี บางๆ เซาะเนือ้ ใตก้ ลีบออก แกะสลักอีกด้านสลบั กันภายในหนง่ึ ดอก จนถึง ปลายดอกทาเสน้ รอบดอกตมู ปาดเน้อื ออกเลก็ นอ้ ยบากใหเ้ ปน็ ร่องโดยรอบ ๔. แกะสลกั ผกั - ผลไม้ เป็นดอกกุหลาบ จานวน ๔ ชว่ั โมง - นกั เรียน ดูวีดิทศั น์ การแกะสลกั ฟักทอง ลายดอกกุหลาบ https://www.youtube.com/watch?v=mEPz๒C๖XacY - นักเรยี นเตรียม มะละกอที่มีเนอื้ หนา (หรอื ผัก-ผลไม้ ทมี่ เี นือ้ แนน่ และหาง่ายในทอ้ งถ่ิน) - นักเรียนตัดช้ินเนื้อมะละกอ เป็นส่ีเหลี่ยมจัตุรัส จากน้ันเกลาให้เป็นคร่ึงทรงกลม (จากน้ี เราจะเรยี กวา่ “หลังเต่า”) - แกะสลักเกสร โดยหาจุดศูนย์กลาง วาดวงกลมให้มีความยาวของเส้นผ่าศูนย์กลาง เทา่ กบั ครง่ึ ของเส้นผ่าศูนยก์ ลาง ใช้มีดปกั ๙๐ องศา และปาดเนือ้ ด้านนอกออก - เกลาวงเกสรใหก้ ลม แกะสลักกลีบ กหุ ลาบช้ันใน - เซาะกลีบกุหลาบให้ต้งั ปาดเนอ้ื ขา้ งกลีบออก ขา้ งกลีบจะซอ้ นเยือ้ งกัน - กลีบชนั้ สองจะสับหวา่ งช้ันแรก และปลายกลีบต่าเล็กนอ้ ย - แกะสลักกลีบวงนอก เซาะเน้ือมะละกอให้เป็นร่องลึกโค้งกลีบให้ยาวตามร่องเดิม ปลายกลีบซอ้ นทบั กัน - แกะสลักวงนอกเนื้อมะละกอให้เป็นร่องลกึ โคง้ กลบี - ปาดเน้อื ใต้กลีบออก กลีบจะตง้ั ข้นึ - กลบี รอบนอกจะบาน ตดั เน้ือใตก้ ลบี ออกใหห้ มด - กหุ ลาบ เมือ่ แกะสลักเสรจ็ แลว้ กลบี ชน้ั ในตง้ั ชนั้ นอกบานออก

80 ๕. แกะสลักผัก-ผลไม้ ตามจินตนาการ จานวน ๔ ชว่ั โมง - นักเรียนสร้างสรรค์ลวดลายตามจนิ ตนาการ โดยการวาดภาพ - นกั เรยี นเลอื กวัสดุ (ผกั - ผลไม้) ทีเ่ หมาะสมกบั ลวดลาย และทต่ี นเองถนดั - นกั เรยี นลงมอื แกะสลกั ผกั -ผลไม้ ตามลวดลายท่ีตนเองสรา้ งสรรคข์ ึ้น ๕. สอ่ื การเรียนรู้และแหล่งเรียนรู้ ๑. ใบความรู้ ๒. วีดทิ ศั น์ ๓. อนิ เทอรเ์ นต็ ๖. การวัดและการประเมนิ ผล 1. สงั เกตพฤติกรรมนักเรียนในเรื่องต่อไปน้ี 1.1 สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนขณะปฏบิ ัติกจิ กรรม 1.2 สังเกตความสาเรจ็ ของผลงาน ในการปฏิบตั ิกิจกรรม ๒. แบบสอบถามความพึงพอใจตอ่ การเขา้ ร่วมกิจกรรมของนักเรยี น  นอ้ ยที่สุด น้อย ปานกลาง มาก มากท่สี ดุ

81 ๗. ภาพประกอบ ๘. อา้ งองิ แหลง่ ทีม่ าของข้อมูล เอกสาร รูปภาพ วีดิทศั น์ สอ่ื การเรียนรู้ แหล่งเรียนรู้ E-Leaning วชิ าศิลปะงานใบตองและการแกะสลักhttp://elearningcvc.freetzi.com/index.php รวมผลงานแกะสลักของ อ.มนัส บญุ เหมือน www.youtube.com/watch?v=GpdstIwUQTM การแกะสลกั ผัก-ผลไมh้ ttp://bbt.ac.th/carved/How/how%๒๐to.htm การแกะสลกั ลายกหุ ลาบ www.youtube.com/watch?v=Tjjtb๒VnJJw การแกะสลักลาย กุหลาบ https://www.youtube.com/watch?v=mEPz๒C๖XacY การแกะสลกั ลายกหุ ลาบมอญ https://www.youtube.com/watch?v=s๑sIIvR๒๙VM การแกะสลกั ลายรกั เร่ https://www.youtube.com/watch?v=CAH๘Crumgu๐ การแกะสลกั ลายรกั เร่ https://www.youtube.com/watch?v=CSXBohQYQE๔ การแกะสลกั ลายบานชน่ื https://www.youtube.com/watch?v=vUF๔SulIhhs

82 ตัวอยา่ งกจิ กรรมท่ี 4 ๑. ชื่อกิจกรรม งานรอ้ ยมาลยั ๒. เวลาที่ใช้ ๒๐ ชั่วโมง ๓. วตั ถปุ ระสงค์ ๑. นกั เรียนปฏิบัตกิ จิ กรรมการรอ้ ยมาลัยได้ ๒. สามารถบอกวัสดทุ ีน่ ามาร้อยมาลัยได้ ๓. สามารถเลือกดอกไม้ มาร้อยมาลัยได้ ๔. สามารถบอกประเภทงานรอ้ ยมาลยั ได้ ๕. นักเรียนมคี วามพงึ พอใจต่อการปฏิบตั ิกจิ กรรมการรอ้ ยมาลัย ๔. กิจกรรมการเรยี นรู้ ๑. ขนั้ ตระหนกั ในปัญหาและความจาเป็น - ครูและนักเรยี นร่วมกันสนทนาซักถามเก่ียวกับเร่ืองมาลยั วา่ นักเรียนเคยเห็นมาลัยที่ไหนและ ในงานอะไร นกั เรียนเคยรอ้ ยมาลยั แบบใดมาบ้าง เคยใช้ดอกไมอ้ ะไรร้อยมาลัย นกั เรยี นรว่ มกันอภปิ ราย - ใหน้ กั เรียนดภู าพมาลยั แบบต่าง ๆ และถามวา่ จะใชว้ ัสดุอะไรมารอ้ ยมาลัยบา้ ง ๒. ข้นั คดิ วิเคราะหว์ จิ ารณ์ - ครูให้นักเรียนร่วมกันคิดว่าจะใช้วัสดุอะไรมาร้อยมาลัยแทนดอกไม้ได้บ้าง และนักเรียน สงั เกตความแตกตา่ งกนั อยา่ งไรและอะไรทีเ่ ป็นสาเหตุทีใ่ หก้ ารร้อยมาลัยมีความแตกต่างกัน รว่ มกันอภปิ ราย ๓. สรา้ งทางเลอื กท่ีหลากหลาย - ให้นักเรียนร่วมกันคิดและสรุปความรู้เก่ียวกบั งานรอ้ ยมาลัย วัสดุการร้อยมาลัย วิธกี ารเลือก ดอกไมร้ ้อยมาลัย และประเภทของมาลยั มอี ะไรบา้ ง แล้วใหจ้ ดบันทกึ ไว้เป็นขอ้ สรุปของกลมุ่ - ให้แตล่ ะกลุ่มสง่ ตัวแทนเสนอรายงานทห่ี น้าช้นั ครูเขียนขอ้ สรุปของทกุ กลุ่มบนกระดาน ๔. ขั้นประเมินและเลือกทางเลือก - ให้นักเรียนร่วมกันพิจารณาและศึกษาเกี่ยวกับความรู้เกี่ยวกับงานร้อยมาลัย ประเภทของ การร้อยมาลัย ข้อดี ข้อเสียในการเลือกดอกไม้ วัสดอุ ุปกรณ์ท่ีจะนามาร้อยมาลยั จากข้อสรุปของแต่ละกลุ่ม บนกระดาน แลว้ ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั สรปุ เป็นขอ้ ปฏิบัตติ อ่ ไป ๕. ขนั้ กาหนดขน้ั ตอนการปฏิบตั ิ - ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาค้นคว้าจากใบความรู้ และอภิปราย เก่ียวกับความหมายของ งานร้อยมาลัย ประเภทของมาลยั ชนิดต่าง ๆ เชน่ มาลยั กลม มาลยั ตมุ้ มาลัยซีก ท่มี กั พบในชีวติ ประจาวัน

83 ๖. ขน้ั ปฏิบัตดิ ว้ นความช่นื ชม - ครูแจกใบงานแต่ละกลุ่มร่วมกันสรุปความหมาย ประเภทของมาลัย ที่ได้ศึกษาจากใบ ความรู้ โดยให้นักเรียนทกุ คนได้ร่วมกิจกรรม โดยแบ่งให้รว่ มกันศึกษาจากใบความรู้ โดยแบ่งให้ศกึ ษาคนละ หวั ขอ้ แล้วนามาสรุปลงในใบงานของกลุ่ม ๗. ข้ันประเมนิ ผลระหวา่ งปฏบิ ตั ิ - ระหว่างปฏิบัติกิจกรรม ให้นักเรียนสังเกตพฤติกรรมของเพ่ือนในกลุ่ม เมื่อจบกิจกรรม นักเรียนร่วมกันเสนอแนะ ข้อคิดเห็นจากการนาใบไม้ ดอกไม้ วัสดุที่มีอยู่ในบริเวณโรงเรียน และเพิ่มเติม จากขอ้ สงั เกตในการปฏบิ ตั ิงานของเพ่ือน ๘. ขนั้ ปรับปรงุ ผลระหวา่ งปฏิบัติ - สาหรับนักเรยี นที่ไม่ได้รว่ มกิจกรรม และไดร้ บั คาเสนอแนะจากเพอื่ นๆ ก็ให้ปรบั ปรงุ ตนเอง ในการทางานร่วมกบั กลุม่ โดยแต่ละกลุม่ จะต้องแบ่งงานกันทาทกุ หนา้ ที่ ๙. ประเมนิ ผลรวมให้เกดิ ความภมู ใิ จ - ครูและนักเรียนร่วมกันพิจารณาตัดสินผลงานของแต่ละกลุ่มจากใบงานของการปฏิบัติได้ ถูกต้อง มีการร่วมมือกันภายในกลุ่มดี และผลสาเรจ็ ของงานดี ครใู ห้คายกย่องชมเชยสาหรับทุกกลุ่ม และให้ กาลังใจ สรา้ งความภาคภมู ิใจซึง่ จะเป็นแนวทางในการปฏบิ ัตติ ่อไปให้ดขี ้นึ - ครูให้นกั เรียนเตรียมวสั ดอุ ุปกรณ์ในการใช้ร้อยมาลัยให้หาจากแหล่งอ่ืนมาเพื่อเลือกดอกไม้ ใบไม้ และวัสดุตกแต่งในคาบต่อไป ซึ่งให้แต่ละกลุ่มแบ่งงานกันเองว่าจะรับผิดชอบอะไรท่ีนามาปฏิบัติใน ครงั้ ตอ่ ไป หมายเหตุ : ทกุ คร้ังทม่ี ีการทากิจกรรม นกั เรียนต้องเก็บ ดูแลรักษา อปุ กรณท์ ่ีนามาใชใ้ หเ้ รยี บร้อย พร้อมสาหรบั ใชง้ านในครัง้ ตอ่ ไป และทาความสะอาดบริเวณทีใ่ ชท้ ากจิ กรรมให้เรียบร้อยรว่ มกนั ๕. สอื่ การเรียนร้แู ละแหล่งการเรียนรู้ ๑. ใบความรเู้ ร่อื งมาลัยชนิดต่างๆ ๒. ใบงาน เร่อื ง การนาดอกไม้ ใบไม้ วสั ดุที่จะนามาร้อยมาลัย ๓. อุปกรณต์ า่ งๆ ในการรอ้ ยมาลัย ๔. รปู ภาพงานร้อยมาลยั ๖. การวดั และการประเมนิ ผล 1. สังเกตพฤติกรรมนกั เรียนในเรือ่ งต่อไปนี้ 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนขณะปฏิบตั ิกิจกรรม 1.2 สงั เกตความสาเร็จของผลงาน ในการปฏิบตั กิ จิ กรรม

84 ๒. แบบสอบถามความพงึ พอใจต่อการเขา้ ร่วมกิจกรรมของนกั เรยี น  น้อยท่สี ุด นอ้ ย ปานกลาง มาก มากที่สุด ๗. ภาพประกอบ ๘. อา้ งอิงแหล่งทม่ี าของขอ้ มูล เอกสาร รปู ภาพ วีดทิ ัศน์ สอ่ื การเรยี นรู้ แหลง่ เรยี นรู้ http://mutita๒.igetweb.com/articles/๓๔๓๒๓๖/เอกสารประกอบการสอน.html http://www.kroobannok.com/blog/๕๒๐๐๘ http://krongkaewkinja.exteen.com/images/m๒.๑.๒.jpg http://img.tarad.com/shop/k/krudang/img-lib/spd_๒๐๑๒๐๑๓๑๒๒๑๒๔๑_b.jpg http://www.khjflorist.com/upload/images/Image http://img.tarad.com/shop/k/krudang/img-lib/spd_๒๐๑๒๐๑๓๐๑๖๕๔๒๔_b.jpg http://malai.๖te.net/๙๒.jpg

85 กลมุ่ กจิ กรรมที่ ๑๒ ปลกู ฝงั ความรักความภาคภูมิใจในความเป็นไทย และหวงแหนสมบัติของชาติ ตัวอย่างกจิ กรรมที่ 1 ๑. ช่ือกิจกรรม ภูมใิ จในถ่ินเกดิ ๒. เวลาท่ใี ช้ ๔ ชวั่ โมง ๓. วตั ถปุ ระสงค์ ๑. นกั เรยี นไดเ้ รยี นรู้เรือ่ งราวของชุมชนและท้องถิ่นจังหวดั ของตนเอง ๒. นักเรียนมีจิตสานึกรักและภาคภูมิใจในท้องถ่ิน ร่วมกิจกรรมตามขนบธรรมเนียมประเพณี อนั ดีงามของท้องถน่ิ ๔. กจิ กรรมการเรยี นรู้ กจิ กรรมบรู ณาการ แยกเป็น ๔ กลุ่มการเรียนรู้ ตามความสนใจของนักเรียน กลุม่ การเรยี นรู้ที่ ๑ อา่ น เขยี น เรยี นรู้ กลมุ่ การเรยี นร้ทู ี่ ๒ เชิดชวู ฒั นธรรม กลุ่มการเรียนรู้ที่ ๓ เลศิ ลา้ ภาษา กลมุ่ การเรยี นรู้ที่ ๔ ภูมิปัญญาพารน่ื รมย์ กล่มุ การเรียนรู้ท่ี ๑ อา่ น เขยี น เรยี นรู้ ชั่วโมงที่ ๑ ๑. นกั เรียนดูวดี ิทัศนเ์ กย่ี วกบั ประวตั ิศาสตร์ เกีย่ วกับจังหวดั ของตนเอง ๒. ครแู ละนักเรยี นอภิปรายรว่ มกนั เก่ียวกบั เรอ่ื งราวที่น่าสนใจในจังหวดั ของตนเอง ชั่วโมงที่ ๒ – ๔ ๑. แบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็นกลุ่มๆ ละ ๕ – ๗ คน แต่ละกลุ่มประกอบด้วยนักเรียนที่มี ความสามารถคละกัน สมาชิกในกลุ่มเลือกประธาน เลขานุการ และแบง่ หน้าทีก่ ารทางานภายในกลุ่มตาม ความสามารถของแต่ละบคุ คล ๒. นักเรียนศึกษา เกี่ยวกับจังหวัดของตนเอง เช่น เร่ืองสถานที่ท่องเท่ียว อาหาร คาขวัญ ประจาจังหวัด คาขวญั ประจาอาเภอ สถานที่สาคญั จากบุคคล ภูมิปัญญาทอ้ งถิ่น หรอื อินเทอรเ์ น็ต ๓. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันจัดทาหนังสือเล่มเล็กจากเน้ือเรื่องท่ีแต่งข้ึน ซ่ึงอาจเป็น ความเรียง หรือ บทกลอน ท่ีเกี่ยวข้องกับจังหวัดของตนเอง เพ่ือเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์และให้ นักเรียนได้รจู้ กั จังหวดั ของตนเองมากข้นึ

86 กลุม่ การเรยี นรู้ที่ ๒ เชิดชวู ฒั นธรรม ชั่วโมงท่ี ๑ ๑. นกั เรยี นดวู ีดิทัศน์เกี่ยวกับประวัตศิ าสตร์ เกย่ี วกบั จังหวัดของตนเอง ๒. ครูและนกั เรยี นอภิปรายรว่ มกัน เก่ียวกับเร่อื งราวทีน่ ่าสนใจในจังหวัดของตนเอง ชั่วโมงท่ี ๒ ๑. แบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็นกลุ่มๆ ละ ๕ – ๗ คน แต่ละกลุ่มประกอบด้วยนักเรียนท่ีมี ความสามารถคละกัน สมาชกิ ในกลุ่มเลอื กประธาน เลขานกุ าร และแบง่ หนา้ ทก่ี ารทางานภายในกลุ่มตาม ความสามารถของแตล่ ะบคุ คล ๒. นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาเกย่ี วกับแผนทจี่ งั หวัด พรอ้ มท้ังวาดภาพระบายสีอาเภอตา่ งๆ ในจังหวัด ชั่วโมงที่ ๓ – ๔ ๑. นกั เรียนฝกึ ร้องเพลงมารช์ จังหวัดพร้อมกนั พร้อมทง้ั สนทนาความหมายในเนอ้ื หา ๒. นักเรียนฝึกปฏิบัติการร้องเพลงมาร์ชจังหวัด โดยคิดท่ากายบริหาร ท่ารา หรือเล่น ดนตรีประกอบ โดยครูคอยให้การช้ีแนะให้แต่ละกลุ่มทางานตามความถนัดเฉพาะบุคคล ให้มีส่วนร่วมใน การทางานกลมุ่ ๓. แสดงผลงานตามที่แตล่ ะกลุ่มปฏิบัติ ร่วมกันแสดงความคิดเหน็ กลุ่มการเรยี นรู้ที่ ๓ เลิศล้าภาษา (ภาษาองั กฤษ, ภาษาพื้นบา้ น, ภาษาประเทศเพอ่ื นบา้ น) ชั่วโมงที่ ๑ ๑. นกั เรียนดูวีดที ศั นเ์ กี่ยวกบั ประวัติศาสตร์ เกยี่ วกบั จงั หวัดของตนเอง ๒. ครแู ละนักเรียนอภิปรายร่วมกนั เกีย่ วกับเรอ่ื งราวทน่ี ่าสนใจในจงั หวัดของตนเอง ช่ัวโมงที่ ๒ – ๔ ๑. แบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็นกลุ่ม ๆ ละ ๕ – ๗ คน แต่ละกลุ่มประกอบด้วยนักเรียน ที่มีความสามารถคละกัน สมาชิกในกลุ่มเลือกประธาน เลขานุการ และแบ่งหน้าท่ีการทางานภายในกลุ่ม ตามความสามารถของแตล่ ะบุคคล ๒. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันฝึกอ่านออกเสียงคาศัพท์ให้คล่อง ภายในเวลา ๕ นาที โดยการช่วยเหลอื ซ่ึงกันและกันในกลุ่มถ้ากลุ่มใดไม่มั่นใจ/ไม่สามารถออกเสียงได้ให้ปรึกษาครู ที่คอยสังเกต พฤติกรรมและให้ความช่วยเหลอื นกั เรียนอย่างใกลช้ ิด ๓. นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับหัวข้อต่างๆที่เก่ียวข้องกับจังหวัดเพ่ือเป็นการ เผยแพร่ประชาสัมพันธ์และให้นักเรียนได้รู้จักจังหวัดของตนเองมากขึ้น มาจัดทาเป็น เอกสาร ประชาสัมพันธ์ (แผ่นพับ) บัตรคาประกอบรูปภาพ หรือ หนังสือเล่มเล็ก โดยมีหัวข้อดังต่อไปนี้ Food, Tradition, Tourist Attractive, Trade, Vehicle ๔. แสดงผลงานตามทีแ่ ตล่ ะกลมุ่ ปฏิบตั ิ รว่ มกันแสดงความคดิ เห็น

87 กล่มุ การเรยี นรูท้ ่ี ๔ ภูมิปัญญาพาร่ืนรมย์ ชั่วโมงที่ ๑ ๑. นักเรยี นดวู ีดิทัศนเ์ กย่ี วกับประวัติศาสตร์ เกย่ี วกับจังหวดั ของตนเอง ๒. ครแู ละนกั เรียนอภปิ รายร่วมกนั เก่ียวกับเรื่องราวทน่ี า่ สนใจในจังหวัดของตนเอง ช่ัวโมงท่ี ๒ – ๔ ๑. แบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็นกลุ่ม ๆ ละ ๕ – ๗ คน แต่ละกลุ่มประกอบด้วยนักเรียนที่มี ความสามารถคละกัน สมาชิกในกลุ่มเลือกประธาน เลขานุการ และแบ่งหน้าที่การทางานภายในกลุ่มตาม ความสามารถของแต่ละบุคคล ๒. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับอาชีพ และภูมิปัญญาท้องถิ่น ในจังหวัด ของตัวเอง ๓. นักเรียนศึกษารายละเอียด สอบถามจากบุคคล ภูมิปัญญาท้องถิ่น หรือค้นคว้าจาก อินเตอร์เน็ต และร่วมกันนาเสนอผลงาน โดยจัดป้ายนิเทศ, แผ่นประชาสัมพันธ์, แผนท่ีความคิด หรือ หนงั สือเลม่ เล็ก ตามความถนัดและความสนใจของนักเรยี นในแตล่ ะกลุ่ม ๔. แสดงผลงานตามทแี่ ตล่ ะกลุ่มปฏบิ ัติ รว่ มกนั แสดงความคิดเห็น ๕. ส่ือการเรยี นรู้ ๑. เอกสารประกอบการเรยี น วีดิทศั น์ ๒. อุปกรณ์การวาดภาพ ดนิ สอ ปากกา สี ยางลบ ไมบ้ รรทัด ๓. เพลงมารช์ จังหวัด ๔. แผนทจ่ี งั หวัด ๖. การวดั และประเมินผล 1. สังเกตพฤติกรรมนักเรียนในเร่ืองต่อไปน้ี 1.1 สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนขณะปฏบิ ตั ิกจิ กรรม 1.2 สงั เกตความสาเร็จของผลงาน ในการปฏิบัติกิจกรรม ๒. แบบสอบถามความพงึ พอใจต่อการเข้าร่วมกิจกรรมของนักเรยี น  น้อยท่สี ุด นอ้ ย ปานกลาง มาก มากท่สี ุด

88 ๗. ภาพประกอบ ๘. อ้างองิ แหลง่ ท่ีมาของขอ้ มลู โรงเรียนบ้านห้วยม่วง สังกัด สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต ๒ จังหวดั ตาก

89 ตัวอยา่ งกิจกรรมท่ี 2 ๑. ชื่อกิจกรรม นาฏลีลาพาเพลิน ๒. เวลาทใ่ี ช้ ๒๐ ชวั่ โมง ๓. วัตถปุ ระสงค์ ๑. นักเรียนบอกความสาคญั ของนาฏศลิ ปไ์ ทยท่ีเปน็ มรดกทางวฒั นธรรมไทยได้ (K) ๒. นกั เรียนเกิดทักษะ มคี วามสามารถด้านนาฏศิลปแ์ ละแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ (P) ๓. นักเรยี นเกดิ เจตคตทิ ่ดี ี เหน็ คุณคา่ ของนาฎศิลปไ์ ทย วา่ เปน็ วัฒนธรรมทคี่ วรอนุรักษ์ไว้ (A) ๔. นักเรยี นเกดิ ความภาคภูมิใจในตนเอง (A) ๔. กิจกรรมการเรยี นรู้ ๑. ครูสนทนากับนักเรียนถึงความสาคัญของนาฏศิลป์ไทยและการจัดกิจกรรมการเรียนรู้นาฏลีลา พาเพลินว่าเป็นกิจกรรมเกี่ยวกับนาฏศิลป์ไทยซ่ึงเป็นศิลปะการร้องราทาเพลงที่สร้างสรรค์ขึ้นถ่ายทอดผ่าน วฒั นธรรมการแต่งกาย ภาษา และลีลาท่าราท่ีประณตี และมีแบบแผนสวยงาม แสดงออกด้วยอริ ิยาบถกริ ิยา อาการและท่าทีท่ีแสดงอารมณ์ภายในตามความหมายและอารมณ์เพลง ซ่ึงมีทั้งเพลงบรรเลงและเพลงที่มี บทร้องเพื่อแสดงออกให้ผู้ชมเกิดสุนทรียภาพในการรับชมเป็นกิจกรรมที่เน้นนักเรยี นเป็นสาคัญ โดยมุ่งเน้น ให้นักเรียนท่ีรักในการแสดงออก มีความสนใจและมีความสามารถด้านนาฏศิลป์ได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ และกล้าแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ มีมนุษยสัมพันธ์ท่ีดี สามารถร่วมงานกับผู้อ่ืนได้อย่างปกติสุข มีความ เช่ือม่ันในตนเอง เกิดประสบการณ์ตรง มีเจตคติที่ดีและภาคภูมิใจในเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมไทยด้านนาฏศิลป์ ซ่ึงกระบวนการในการจัดกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ ส่งผลให้นักเรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามหลักสูตร และค่านิยม ๑๒ ประการ เป็นกจิ กรรมท่ีสง่ เสริมพฒั นาการด้านรา่ งกาย อารมณ์ สงั คม และสตปิ ัญญา ๒. ครูและนักเรียนอภิปรายรว่ มกันว่านาฏศิลป์เป็นศิลปะการร้องราทาเพลงทีถ่ ูกสร้างสรรค์ขึ้นโดย มนุษย์อย่างประณีตและมีแบบแผนท่ีสวยงามซึ่งมีหลายประเภท ซึ่งจาเป็นท่ีต้องเรียนรู้เร่ืองความรู้พื้นฐาน ของนาฎศลิ ปไ์ ทย ดงั น้ี ๑. กจิ กรรมการเรียนรู้ประเภทของนาฎศลิ ปไ์ ทย ๑.๑ โขน โขน (อังกฤษ: Khon) เป็นศิลปะการแสดงชั้นสูงของไทยที่มีความสง่างาม อลังการ และอ่อนช้อย การแสดงประเภทหน่ึงที่ใช้ท่าราตามแบบละครใน แตกต่างเพียงท่าราท่ีมีการเพิ่มตัวแสดง เปลี่ยนทานองเพลงที่ใช้ในการดาเนินเร่ืองไม่ให้เหมือนกับละคร แสดงเป็นเร่ืองราวโดยลาดับก่อนหลัง เหมือนละครทกุ ประการ ซ่งึ ไม่เรยี กการแสดงเหล่าน้ีว่าละครแตเ่ รียกวา่ โขนแทน

90 ๑.๒ ละคร ละคร เป็นการแสดงที่เล่นเป็นเร่ืองราว มีแนวคิด โครงเรื่อง ตัวละครและ บทละคร อันจะแตกต่างจากการแสดงนาฏศิลป์ไทย ในรูปแบบ ระบา ราฟ้อน หรือพื้นเมืองละครแต่ละ ประเภทก็จะมหี ลกั การ และองค์ประกอบในการแสดงที่แตกต่างกัน ๑.3 นาฏศลิ ป์พน้ื เมอื ง การแสดงท่ีเกิดข้ึนตามท้องถิ่นและตามพื้นท่ีต่างๆ ของแต่ละภูมิภาค โดยอาจมี การพัฒนา ดัดแปลงมาจากการละเล่นพืน้ เมืองของท้องถ่ินนั้นๆการแสดงพ้ืนเมือง เป็นมรดกทางวฒั นธรรม อันล้าค่า ท่ีบรรพบุรุษไทยได้สั่งสม สร้างสรรค์ และสืบทอดไว้เป็นเอกลักษณ์ประจาชาติ เพ่ือให้รุ่นลูก รุ่นหลานได้เรียนรู้และรกั ในคุณค่าในศิลปะไทยในแขนงนี้ เกิดความภาคภมู ิใจในความเป็นไทย และพรอ้ มที่ จะช่วยสบื ทอด จรรโลง และธารงไว้เป็นสมบตั ขิ องชาติสบื ไป การแสดงพ้นื เมอื ง เป็นการแสดงเพื่อกอ่ ให้เกิด ความสนุกสนานเพลิดเพลิน และความบันเทิงในรูปแบบต่างๆ ซ่ึงจะมีลักษณะแตกต่างกันตามสภาพ ภูมิประเทศ สังคม วัฒนธรรม แต่ละท้องถิ่น ดังน้ันการแบ่งประเภทของการแสดงพ้ืนเมืองของไทย โดยทัว่ ไปจะแบง่ ตามส่วนภูมภิ าค ดังน้ี ๑. การแสดงพืน้ เมอื งของภาคเหนือ ๒. การแสดงพ้นื เมืองของภาคกลาง ๓. การแสดงพน้ื เมอื งของอีสาน ๔. การแสดงพนื้ เมืองของใต้ ๒. กจิ กรรมการเรยี นร้เู รื่ององคป์ ระกอบของการแสดงนาฏศิลป์ ๒.๑ ลลี าท่ารา (นาฏยศัพท์ ) นาฏยศัพท์ หมายถึง ศัพท์ท่ีใช้เก่ียวกับลักษณะท่ารา ที่ใช้ในการฝึกหัดเพ่ือแสดงโขน ละคร เป็นคาทใ่ี ชใ้ นวงการนาฏศิลป์ไทย สามารถสื่อความหมายกนั ได้ทุกฝา่ ยในการแสดงต่าง ๆ ประเภทของนาฏยศพั ทแ์ บ่งออกเปน็ ๒ ประเภท คือ ๑. นามศัพท์ หมายถึง ศัพท์ที่เรืยกช่ือท่ารา หรือชื่อท่าท่ีบอกอาการการกระทาของผู้น้ัน เช่น วง จีบ สลัดมือ ม้วนมือ คลายมือ กรายมือ ฉายมือ ปาดมือ กระทบ กระดก ยกเท้า ก้าวเท้า ประเท้า ตบเท้า กระทุ้ง กระเทาะ จรดเท้า แตะเท้า ซอยเท้า ขย่ันเท้า ฉายเท้า สะดุดเท้า รวมเท้า โย้ตัว ยักตัว ตไี หล่ กล่อมไหล่ ๒. กริ ิยาศัพท์ หมายถึงศัพทท์ ี่ใชเ้ รยี กในการปฏิบัตบิ อกอาการกริ ยิ า แบง่ ออกเปน็ ๒.๑ ศัพท์เสริม หมายถึง ศัพท์ท่ีใช้เรียกเพ่ือปรับปรุงท่าทีให้ถูกต้องสวยงาม เช่น กันวง ลดวง ส่งมือ ดึงมือ หักข้อ หลบศอก เปิดคาง กดคาง ทรงตัว เผ่นตัว ตึงไหล่ กดไหล่ ดึงเอว กด เกลียวขา้ ง ทับตัว หลบเข่า ถบี เข่า แขง็ เขา่ เปดิ ส้น ชกั ส้น ๒.๒ ศัพท์เสื่อม หมายถึง ศัพท์ที่ใช้เรียกชื่อท่าราหรือท่วงทีของผู้ราที่ไม่ถูกต้อง ตามมาตรฐาน เพ่ือให้ผู้รารู้ตัวและแก้ไขท่าทีของตนให้ดี เช่น วงล้า วงคว่า วงเหยียด วงหัก วงล้น คอดื่ม คางไก่ ฟาดคอ เกร็งคอ หอบไหล่ ทรุดตัว ขย่มตัว เหลี่ยมล้า ราแอ้ ราลน ราเลื้อย ราล้าจังหวะ ราหน่วง จงั หวะ

91 ๒.๓ นาฏยศัพท์เบ็ดเตล็ด หมายถึง ศัพท์ต่างๆ ท่ีใช้เรียกในภาษานาฏศิลป์ นอกเหนอื จากนามศพั ท์ และกิริยาศพั ท์ เช่น จบี ยาว จีบสั้น ลักคอ เดินมือ เอียงทางวง คืนตัว อ่อน เหลย่ี ม เหลี่ยมล่าง แม่ท่า ท่า-ที ข้ึนท่า ยืนเข่า ทลายท่า นายโรง พระใหญ่-พระน้อย นางกษัตริย์ นางตลาด ผู้เมีย ยนื เครอื่ ง ศัพทแ์ ทน ๒.๒ ภาษาทา่ ทางนาฏศลิ ป์ ภาษาท่านาฏศิลป์ เป็นการนาท่าทางต่าง ๆ และสีหน้าที่มีอยู่ตามธรรมชาติ เช่น คาพูด กริยา อาการ อารมณ์ ความรู้สึก มาปฏิบัติเป็นท่าทางนาฏศิลป์ไทยที่มีความหมายแทนคาพูด ให้สอดคล้องกับ จังหวะเพลงและการขับร้อง การฝึกปฏิบัติ การฝึกหัดภาษาท่าจะต้องฝึกให้ถูกต้องตามแบบแผนเพื่อจาได้ สือ่ ความหมายได้ โดยตรง ซ่งึ จะทาใหผ้ ชู้ มเข้าใจความหมายทผ่ี ู้แสดงต้องการสื่อความหมายมากขึน้ ที่มาของภาษาทา่ ท่ีใชใ้ นการแสดงนาฏศลิ ป์ แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท ๑. ภาษาท่าท่ีมาจากธรรมชาติ เป็นท่าทางท่ีดัดแปลงมาจากท่าทางตามธรรมชาติของคนเรา แต่ ปรับปรุงให้ดูสวยงามอ่อนช้อยมากยิ่งข้ึน โดยใช้ลักษณะการร่ายราเบื้องต้นมาผสมผสาน เช่น ท่าย้ิม ท่าเรียก ท่าปฏิเสธ ทา่ ร้องไห้ ท่าดใี จ ท่าเสียใจ ทา่ โกรธ ๒. ภาษาท่าท่ีมาจากการประดิษฐ์โดยตรง เป็นท่าทางที่ประดิษฐ์ ข้ึนเพ่ือให้เพียงพอใช้กับคาร้อง หรือคาบรรยาย ท่ีจะต้องแสดงออกเป็นท่ารา เช่น สอดสร้อยมาลา เป็นต้น ภาษาท่าเป็นสิ่งสาคัญที่ใช้ ความหมายระหว่างผู้แสดงและผู้ชม ในการแสดงนาฏศิลป์ เพราะทาให้ผู้ชมทราบว่าผู้แสดงกาลังส่ืออะไร หรือกาลงั มอี ารมณ์อยา่ งไร ภาษาท่าสามารถแบง่ ไดเ้ ป็น ๓ ลกั ษณะ คือ ๑. ภาษาทา่ ที่ใชแ้ ทนคาพดู ๒. ภาษาทา่ ทีใ่ ช้แทนกริ ิยาอาการตา่ งๆ ๓. ภาษาทา่ ทีใ่ ช้แสดงอารมณ์ ความรู้สึกภายใน ๒.๓ การตีบท (การตีบทตามเพลงบรรเลง การตบี ทตามเพลงที่มีเนอ้ื ร้อง) กระบวนการอ่านออกเสียงที่สอดแทรกอารมณ์ความรู้สึก ตลอดจนอากัปกิริยา บางอย่าง ให้สอดคล้อง สมั พันธ์กับบทท่ีกาลังอ่าน เพื่อถ่ายทอดความรู้ ความคิด ความต้องการ อารมณ์ หรือความรู้สึกต่าง ๆ ไปสู่ ผู้ชมหรือผู้ฟังตามบทท่ีผ่านการตีความมาแล้ว นักวิชาการบางคนถือว่า การตีบทเป็นส่วนหนึ่งของการ ตคี วาม การตบี ทใชไ้ ด้ท้ังการแสดงละคร และการอา่ น ๓. กจิ กรรมการเรยี นรูเ้ รอื่ งเครือ่ งแต่งกายและเครอื่ งประดับในการแสดงนาฏศลิ ปไ์ ทย ๓.๑ ราวงมาตรฐาน ศลิ ปะแห่งการฟ้อนราให้เข้ากับจังหวะหนา้ ทับ ใช้ท่าราท่ีเป็นแบบฉบับมาตรฐานโดยราเป็นวงกลม หันหน้าทวนเข็มนาฬิกา การราวงมาตรฐานเป็นการราที่ประดิษฐ์ข้ึนใหม่โดยการดูแลของกรมศิลปากร ร่วมกับ กรมประชาสัมพันธ์ช่วยกันจัดทาข้ึน เพ่ือให้เป็นแบบแผนในการใช้ท่าราให้งดงามถูกต้องตามหลัก นาฏศิลปไ์ ทย ราวงมาตรฐานเป็นศิลปะทตี่ อ้ งศกึ ษาและควรราให้เป็น สาหรับการแต่งกายนัน้ ผแู้ สดง

92 ราวงมาตรฐานสามารถแยกได้ ๔ แบบ(ตามกรมศิลปากร) ดังนี้ แบบท่ี ๑ แบบชาวบ้าน แบบท่ี ๒ แบบ รชั กาลที่ ๕ แบบที่ ๓ แบบสากลนยิ มและแบบท่ี ๔ แบบราตรสี โมสร ๓.๒ นาฏศลิ ป์ไทยประยุกตห์ รอื นาฏศลิ ปไ์ ทยสร้างสรรค์ การสร้างสรรคท์ ่าราทางนาฏศิลป์ไทย หมายถึง การประดิษฐ์ ดดั แปลง หรือ ปรับปรุงท่าราขน้ึ ใหม่ ให้มีความสวยงามและถูกต้องตามหลักนาฏศิลป์ไทย ซ่ึงสิ่งสาคัญในการสร้างสรรค์ท่าราทางนาฏศิลป์ไทย คือ ผู้สร้างสรรค์จะต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของท่าราพ้ืนฐานและสามารถปฏิบัติท่าราพ้ืนฐานได้ และมีความเข้าใจหลักในการสร้างสรรค์ท่าราทางนาฏศิลป์ไทย คือ การใช้ท่าราที่ง่าย ไม่ซับซ้อน มีจังหวะ เพลงไมย่ าว เน้ือเพลงทีไ่ มย่ าว และท่าราทีส่ รา้ งสรรคข์ ึ้นกไ็ ม่ควรซา้ ท่ากันมากเกินไป ๔. กิจกรรมการเรยี นรู้การฝึกปฏบิ ัตินาฏศิลปไ์ ทย ประเภทต่าง ๆ (อาจปรับเปล่ียนให้เหมาะสมกับ สภาพบรบิ ทและความพรอ้ มของแตล่ ะสถานศกึ ษา) ดงั นี้ ๔.๑ นาฏศิลป์ไทยประเภท ราวงมาตรฐาน ๔.๒ นาฏศลิ ป์ไทยอนรุ กั ษ์ ราอวยพร นาฏศิลป์ไทยประยุกต์ หรือนาฏศิลป์ไทยสร้างสรรค์ (เป็นนาฏศิลป์ท่ีสร้างสรรค์จาก บทเพลง หรือเพลงบรรเลงเพ่ือใช้ให้เหมาะสมในแต่ละโอกาสในการแสดง) เช่น การแสดงนาฏศิลป์ไทย ประกอบเพลงของคนไทย ลา้ นนาไทย รากไทย ดอยตงุ พระเจา้ พรหมมหาราช ฯลฯ ฝกึ ปฏิบัตนิ าฏศลิ ป์ไทย โดยครเู ปิดชุดการแสดงนาฏศิลป์ไทย แต่ละประเภท ใหน้ ักเรียนดู และศกึ ษา โดยเปดิ เพลงทใ่ี ช้ประกอบการแสดงเพ่ือวเิ คราะห์เนื้อเพลง และฝึกปฏิบัตติ ามเพลงท่นี ามารา

93 จากน้ันครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถาม แสดงความคิดเห็น และเสนอแนะการฝึกซ้อม โดยครูฝึกซ้อม นกั เรยี น ดแู ลการฝึกซ้อม แก้ไขปรับปรุงพฤติกรรมการฝึกของนักเรียน จนสาเร็จ จากนั้นคัดเลือกนักเรียน ทีมีความสามารถราและแสดงได้ดี ราให้สมาชิกในกลุ่มดู และจัดกิจกรรมการแสดงนาฏศิลป์สู่เพ่ือน ผ้ปู กครอง และชมุ ชนในโอกาสตา่ ง ๆ ตอ่ ไป ๕. สื่อการเรยี นรู้ ๑. วดี ิทัศนก์ ารแสดงนาฏศิลป์ไทยอนรุ ักษ์ นาฏศลิ ปไ์ ทยสรา้ งสรรคต์ า่ ง ๆ ๒. เครื่องเลน่ CD VCD VDO ๓. รูปภาพประกอบนาฏยศัพทน์ าฏศิลปไ์ ทย ๔. รูปภาพเครอื่ งแต่งกายและเครอื่ งประดบั ของนาฏศลิ ป์ไทย ๕. บทเพลง หรอื เพลงบรรเลงท่ีนามาประกอบการแสดงนาฏศิลป์ไทย ๖. การวดั ผลประเมนิ ผล ๖. การวดั และการประเมนิ ผล 1. สงั เกตพฤติกรรมนักเรียนในเร่ืองต่อไปนี้ ๑.1 สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนขณะปฏิบตั ิกิจกรรม 1.2 สงั เกตความสาเรจ็ ของผลงาน ในการปฏิบตั ิกจิ กรรม ๒. แบบสอบถามความพงึ พอใจต่อการเข้ารว่ มกิจกรรมของนกั เรยี น  นอ้ ยที่สุด นอ้ ย ปานกลาง มาก มากที่สดุ

94 ๗. ภาพประกอบ ๘. อา้ งองิ แหลง่ ท่ีมาของขอ้ มูล โรงเรียนบ้านเวยี งพาน. ชมรมอนุรักษ์วัฒนธรรมและสงิ่ แวดล้อมล้อม .เชียงราย กิจกรรมพัฒนา:นักเรยี น, ๒๕๕๘ .ความหมายของโขน“” ๒๕๕๘. [ระบบออนไลน์ แหล่งท่ีมา .[https://th.wikipedia.org/wiki/%E๐%B๙%๘๒%E๐%B๘%๘๒% E๐%B๘) ๙๙%๒๑ กนั ยายน ๒๕๕๘). .ใบความรู้เร่ืองละครไทย“” ๒๕๕๕. [ระบบออนไลน์ แหล่งทีม่ า .[https://sites.google.com/site/ajanthus/lakhr-thiy (๒๑ กันยายน ๒๕๕๘). “ราวงมาตรฐาน.” ๒๕๕๕. ล่งทมี่ [ระบบออนไลน์]. แหา http://www.bloggang.com/m/mainblog.php?id= pornmaihom&month=๑๗-๐๑-๒๐๑๒&group=๒&gblog=๖ (๒๑ กนั ยายน ๒๕๕๘). ทัศพร ศรเกตุ .๒๕๕๕“ .นาฏศลิ ป์ไทย.” [ระบบออนไลน์แหลง่ ทม่ี .[า http://www.silpathai.com/nat/r๑.html (๒๑ กันยายน ๒๕๕๘). “ ความหมายของภาษาทา่ นาฏศลิ ป์.” ๒๕๕๗. [ระบบออนไลน์แหล่งท่ีม .[า https://sites.google.com/site/tenlalita/khwam-hmay-khxng- phasa-tha-natsilp (๒๑ กนั ยายน ๒๕๕๘). “ราวงมาตรฐาน ”.๒๕๕๗. ที่ม[ระบบออนไลน์]. แหล่งา https://sites.google.com/site/ajanthus/rawng-matrthan (๒๑ กนั ยายน ๒๕๕๘).

95 ตัวอย่างกจิ กรรมท่ี 3 ๑. ชอ่ื กจิ กรรม งานใบตอง ๒. เวลาทใ่ี ช้ ๑๐ ช่ัวโมง ๓. วัตถปุ ระสงค์ ๑. บอกความเป็นมาและประโยชน์ของใบตองพร้อมท้ังเลือกใบตองตามทก่ี าหนดให้ได้ ๒. เตรียมวัสดอุ ุปกรณแ์ ละเลอื กใชใ้ หเ้ หมาะสมกับงานใบตองได้ ๓. บอกวธิ เี ก็บรกั ษางานใบตองระหว่างประดิษฐ์ และหลงั ประดษิ ฐ์ได้ ๔. นกั เรียนสามารถพบั กลีบใบตองแบบตา่ งๆ ไดอ้ ยา่ งน้อย ๕ แบบ ๕. นกั เรียนสามารถประดิษฐก์ ระทงลอยไดอ้ ยา่ งสวยงาม ๔. กิจกรรมการเรยี นรู้ ๑. นกั เรียนแลกเปลี่ยนเรยี นร้ถู ึงความเป็นมาและความสาคญั ของงานใบตอง ครูรวบรวมข้อมูลสรุป และอธิบายเพ่มิ เติม ๒. ครูอธิบายและสาธิตวิธีการเลือกใบตองนักเรียนฝึกปฏิบัติเลือกใบตองตามท่ีกาหนด ครูสังเกต ตรวจสอบ ประเมนิ ผลการปฏิบัติ ๓. ครูสาธิตวิธีการทาความสะอาดใบตอง นักเรียนฝึกปฏิบัติทาความสะอาดใบตองตามที่กาหนด ครสู งั เกต ตรวจสอบ ประเมินผลการปฏบิ ตั ิ ๔. ครูบรรยายประกอบตัวอย่างของจริงเร่ืองวัสดุอุปกรณ์ท่ีใช้ในงานใบตอง นักเรียนสังเกต สอบถาม และบันทกึ การเรยี นรู้ ทากิจกรรมตามทกี่ าหนด ครูสงั เกตการณม์ สี ว่ นร่วม ประเมนิ ผลการปฏบิ ัติ ๕. ครูใหด้ ูตัวอยา่ งของจรงิ กลีบใบตองทพ่ี ับเปน็ ช่ือเรียกต่างๆ และสาธิตการพับ ๖. นกั เรียนฝกึ ปฏิบัติพบั กลีบใบตองแบบตา่ งๆ อยา่ งนอ้ ย ๕ แบบ ๗. ครใู ห้ดูตวั อย่างกระทงลอยของจรงิ และจากรูปภาพ พร้อมแนะนาวิธีการประดิษฐ์ ๘. นกั เรียนฝึกปฏิบตั ิประดษิ ฐก์ ระทงลอยและตกแตง่ ดว้ ยดอกไม้ ธปู เทยี น ๙. นักเรยี นรว่ มช่นื ชมผลงานของกันและกัน ๑๐. นักเรยี นเก็บ ดแู ลรักษา อปุ กรณ์ท่นี ามาใชใ้ หพ้ ร้อมสาหรบั ใชง้ านในครงั้ ต่อไป และ ทาความ สะอาดบริเวณที่ใชท้ ากจิ กรรมใหเ้ รยี บรอ้ ยร่วมกนั

96 ๕. สอ่ื การเรยี นรู้และแหลง่ การเรียนรู้ ๑. รูปภาพ ๒. ใบความรู้ ๓. วัสด/ุ อปุ กรณ์ท่ใี ช้ในการฝกึ ปฏิบัติ ๔. ตัวอย่างช้นิ งานที่สาเรจ็ แลว้ ๕. วิทยากรภายนอก ๖. เวบ็ ไซท์เกยี่ วกับงานใบตอง - https://sites.google.com/site/milknuchanok/ngan-bitxng - http://elearningcvc.freetzi.com/page๒.php - http://teen.mthai.com/variety/๘๒๑๕๔.html - http://www.sookjai.com/index.php?topic=๑๔๒๓.๐ ๗. วดี ที ัศน์สาธิตการพับใบตอง - https://www.youtube.com/watch?v=Ng๔๔MF๓eCdQ - https://www.youtube.com/watch?v=f๔vevVjqI๗A - https://www.youtube.com/watch?v=DGGLLTDSlL๔ &list=PLAdp๐ ๘ u๒ _๔ XO- nolmV๓EeaHigQRywrJ๘B - https://www.youtube.com/watch?v=B๒iCyc๘RPJc&list=PLCXfUXkfqAm๔X๒ ๘. หนังสอื - เศรษฐมันตรก์ าญจนกุล.พบั จบั จีบ กลีบใบตอง. บคุ๊ ไทม.์ ๒๕๕๔. - พรยพุ รรณ พรสขุ สวัสด์ิ. พับกลบี ประดษิ ฐใ์ บตอง. บริษัทศรสี ยามการพิมพ์ จากัด. ๒๕๕๑. - จกั รพนั ธ์ รปู งาม. กระทงลอยวจิ ติ ร. โครงการหนงั สอื อนรุ กั ษแ์ ละสง่ เสรมิ ศิลปวฒั นธรรมไทย. บริษัท วาดศิลป์ จากดั . ๒๕๔๖. ๖. การวดั และการประเมนิ ผล ๑. สังเกตพฤติกรรมนกั เรยี นในเรือ่ งต่อไปน้ี ๑.๑ สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม ๑.๒ สังเกตความสาเรจ็ ของผลงาน ในการปฏิบตั กิ จิ กรรม ๒. แบบสอบถามความพึงพอใจตอ่ การเขา้ รว่ มกิจกรรมของนักเรียน  น้อยที่สุด นอ้ ย ปานกลาง มาก มากท่ีสดุ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook