Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore _การดำเนินงานศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพชนเผ่าพื้นเมือง_และกลุ่มชาติพันธุ์

_การดำเนินงานศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพชนเผ่าพื้นเมือง_และกลุ่มชาติพันธุ์

Published by Phrapradaeng District Public Library, 2019-09-19 12:17:48

Description: _การดำเนินงานศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพชนเผ่าพื้นเมือง_และกลุ่มชาติพันธุ์

Search

Read the Text Version

คมู่ อื การด�าเนนิ งาน ศนู ย์ประสานงานหลกั ประกนั สขุ ภาพ ชนเผ่าพื้นเมอื งและกลุม่ ชาติพนั ธุ์ โครงการพัฒนาระบบและบรกิ ารสุขภาพชนเผ่าพน้ื เมือง และกลมุ่ ชาติพนั ธทุ์ ม่ี ปี ัญหาสถานะและสิทธิ มลู นิธิพฒั นาชนกลมุ่ น้อยและชาติพนั ธ์ุ (พชช.)



คูม่ อื การดา� เนินงาน ศนู ยป์ ระสานงานหลกั ประกันสุขภาพ ชนเผา่ พื้นเมืองและกลมุ่ ชาตพิ ันธ์ุ จัดทำ�โดย โครงการพัฒนาระบบและบริการสุขภาพชนเผ่าพนื้ เมืองและกลุม่ ชาตพิ ันธ์ทุ ำี่มีปญั หาสถานะและสทิ ำธิ มลู นธิ พิ ัฒนาชนกลุม่ นอ้ ยและชาติพันธ์ุ (พชช.) คณะทำ่ปี รกึ ษา 1. ภรณี ภูป่ ระเสริฐ 2. อนุสรณ์ อ�พนั ธ์ศรี 3. สมุ ิตรชัย หัตถสาร 4. ประกาศิต กายะสทิ ำธิ์ 5. ดร.เคน แคมป์ 6. ศักด์ดิ า แสนม่ี 7. อรพิน วมิ ลภษู ติ 8. สรุ รี ตั น์ ตรมี รรคา 9. สภุ าพร ถิ่นวัฒนากลุ เรียบเรียง วิวฒั น์ ตามี่ ออกแบบปกและรปู เล่ม ดอกไม้ สตดู ิโอ พมิ พ์ครัง้ ทำ่ี 1 เมษายน 2560 จ�นวนพมิ พ์ 500 เลม่ สนับสนนุ โดย ส�นกั สุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ (ส�นกั 9) ส�นักงานกองทำนุ สนบั สนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ติดตอ่ มูลนธิ พิ ัฒนาชนกลุ่มน้อยและชาตพิ นั ธุ์ (พชช.) เลขทำ่ี 76/52 หมบู่ ้านค�หยาดฟ้า ต�บลสุเทำพ อ�เภอเมอื ง จงั หวัดเชียงใหม่ 50200 E-mail : [email protected] [email protected] โทำรศัพทำ/์ โทำรสาร : + 66 (0) 5206 0119 มอื ถือ : + 66 (0)8 8252 4790

คา� นา� คู่มือศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพชนเผ่าพื้นเมือง และกลุ่มชาติพันธุ์เล่มนี้ ถือเป็นคู่มือในการจัดต้ังและกระบวนการ ท�างานของศนู ยป์ ระสานงานหลกั ประกันสขุ ภาพ จดั ท�าขึ้นภายใต้การ สนบั สนนุ ของโครงการพฒั นาระบบและบรกิ ารสขุ ภาพชนเผา่ พนื้ เมอื ง และกลมุ่ ชาตพิ นั ธท์ุ ม่ี ปี ญั หาสถานะและสทิ ธิ มลู นธิ พิ ฒั นาชนกลมุ่ นอ้ ย และชาติพันธุ์ (พชช.) โดยได้รับการสนับสนุนจากส�านักสนับสนุน สุขภาวะกลุ่มประชากรเฉพาะ (สา� นัก 9) ส�านักงานกองทุนสนับสนุน การสรา้ งเสริมสขุ ภาพ (สสส.) คมู่ อื นไ้ี ดจ้ ดั แบง่ เนอื้ หาออกเปน็ 5 บท และในแตล่ ะบทจะลา� ดบั เน้อื หาเปน็ หวั ขอ้ ย่อย เพื่อใหง้ ่ายตอ่ การท�าความเขา้ ใจ สามารถนา� ไป ปฏบิ ตั ใิ ชไ้ ดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง ซงึ่ มเี นอื้ หาโดยสงั เขปดงั นี้ บทท่ี 1 วา่ ดว้ ยเรอื่ ง สทิ ธขิ องประชาชน ตาม พ.ร.บ.หลกั ประกนั สขุ ภาพแหง่ ชาติ พ.ศ.2545 และตอ่ มาในบทที่ 2 ได้บอกเลา่ ถงึ ความเปน็ มาของศูนย์ประสานงาน หลักประกันสุขภาพ บทท่ี 3 มารู้จักศูนย์ประสานงานหลักประกัน สขุ ภาพชนเผา่ พน้ื เมอื งและกลมุ่ ชาตพิ นั ธว์ุ า่ เปน็ อยา่ งไร มบี ทบาทและ กรอบการท�างานอย่างไรบ้าง ซ่ึงจะต่อเนื่องสู่บทที่ 4 ท่ีกล่าวถึง

มาตรฐานการด�าเนินงานและการ ผู้เรียบเรียงขอขอบคุณคณะ ประเมินผล “ศูนย์ประสานงานหลัก ผู้ทรงคุณวุฒิที่ให้ค�าปรึกษา แนะน�า ประกันสุขภาพภาคประชาชน” ว่า การเขียนและเรียบเรียงคู่มือฉบับนี้ ควรเปน็ อยา่ งไร และสดุ ทา้ ยในบทที่ 5 ขอขอบคุณส�านักสนับสนุนสุขภาวะ จะแนะน�าถึงขั้นตอนการด�าเนินงาน กลมุ่ ประชากรเฉพาะ (สา� นกั 9) สา� นกั - รับเร่ืองร้องเรียนและการแก้ไขปัญหา งานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริม โดยมีแบบฟอร์มต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง สุขภาพ (สสส.) ที่ให้การสนับสนุน ในการรับเรื่องร้องเรียนและร้องทุกข์ งบประมาณการจดั ทา� โครงการฯ และ เชน่ แบบฟอรม์ เขยี นคา� รอ้ งขออทุ ธรณ์ การผลิตสื่อต่างๆ เพื่อใช้ประโยชน์ใน กรณีไม่ผ่านการพิจารณา การขอรับ งานสร้างเสริมสุขภาพชนเผ่าพ้ืนเมือง การช่วยเหลือในระดับอนุกรรมการ และกลุ่มชาติพันธุ์มาอย่างต่อเนื่อง พิจารณาเงินช่วยเหลือเบ้ืองต้นฯ ด้วยความเขา้ ใจ ม.41รวมถงึ หมายเลขตดิ ตอ่ HOTLINE สายด่วน ปรึกษาข้อมูลด้านสิทธิ- นายววิ ัฒน์ ตาม่ี ประโยชน์ การบริการสุขภาพกรณี มลู นธิ ิพฒั นาชนกลุม่ นอ้ ย ฉุกเฉินไว้ในภาคผนวก และชาติพันธุ์ (พชช.) 27 มีนาคม 2560

สารบญั บทำทำี่ 1 7 สทิ ำธขิ องประชาชนตาม พ.รบ.หลักประกนั สขุ ภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 8 1. หลักการและเจตนารมณ์ 8 2. สิทำธิของผรู้ บั บรกิ ารในระบบหลักประกันสุขภาพแหง่ ชาติ 10 3. สิทำธิในการร้องเรียนเม่อื ได้รับบรกิ ารสาธารณสขุ ทำี่ไมไ่ ด้มาตรฐาน 10 หรือเกิดความเสยี หายการเขา้ รับบริการสาธารณสขุ 4. สิทำธิในการไดร้ ับการชว่ ยเหลอื เบ้ืองต้น กรณผี ู้รับบรกิ ารไดร้ บั ความเสียหายจากการรักษาพยาบาล บทำทำี่ 2 35 ความเปน็ มาของศนู ยป์ ระสานงานหลกั ประกนั สขุ ภาพ 1. ศูนยป์ ระสานงานหลกั ประกันสขุ ภาพในหน่วยบรกิ าร 36 2. ความเปน็ มาของศูนยป์ ระสานงานหลกั ประกนั สขุ ภาพภาคประชาชน 37 3. วัตถปุ ระสงค์การจดั ต้งั ศนู ยป์ ระสานงานหลกั ประกันสขุ ภาพ 39 4. กรอบแนวทำางการด�เนนิ งาน 41 บทำทำ่ี 3 43 ศูนย์ประสานงานหลักประกนั สขุ ภาพชนเผ่าพื้นเมอื งและกล่มุ ชาตพิ ันธ์ุ 1. ความส�คญั 44 2. เปา้ หมาย 45 3. วัตถปุ ระสงค์ 46 4. บทำบาทำภารกิจของศูนยป์ ระสานงานฯ 46 5. ขอบเขตการด�เนนิ งานศนู ยป์ ระสานงานหลกั ประกันสุขภาพประชาชน 47 6. ลกั ษณะโครงสร้างของศนู ย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพประชาชน 47 7. เกณฑ์การคัดเลอื กศูนย์ประสานงานหลกั ประกนั สขุ ภาพประชาชน 48 8. แนวทำางการด�เนนิ งานในพ้ืนทำ่ี 49 9. การตดิ ตามประเมินผลศูนย์ประสานงานหลักประกนั สขุ ภาพประชาชน 55

บทำทำ่ี 4 57 มาตรฐานการด�เนินงานและการประเมินผล “ศูนย์ประสานงานหลกั ประกนั สุขภาพภาคประชาชน” 58 59 1. ค�นิยาม ค�วา่ “มาตรฐานการด�เนินงาน” 59 2. มาตรฐานการด�เนินงานและวธิ กี ารใช้ประโยชน์ 3. การประเมนิ ผลและพฒั นายกระดบั คณุ ภาพมาตรฐาน บทำทำี่ 5 69 ข้นั ตอนการด�เนนิ งานรบั เร่อื งรอ้ งเรยี นและการแกไ้ ขปญั หา 1. Work Flow ขัน้ ตอนการด�เนนิ งานแก้ไขปัญหาเรื่องรอ้ งเรียน 70 2. ระยะเวลาในการแกไ้ ขปญั หาเรื่องรอ้ งเรียน 71 3. ประเภทำบริการ 71 ภาคผนวก 75 1. แบบค�ขอจัดต้งั ศนู ย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพชนเผา่ พ้นื เมือง 76 และกลมุ่ ชาติพนั ธ์ุ 78 80 2. แบบบนั ทำกึ เร่ืองร้องเรยี น 81 3. บนั ทำึกการใหค้ �แนะน�ปรกึ ษา 83 4. รายงานผลการให้บริการของศูนยบ์ ริการหลกั ประกนั สุขภาพ 84 5. หนังสอื มอบอ�นาจ 86 6. แบบฟอร์มหนังสอื ศนู ย์ประสานงานหลกั ประกนั สุขภาพเครอื ขา่ ย 88 7. แบบบนั ทำกึ : ขอรับเงนิ ชดเชยคา่ เสยี หายเบอื้ งต้นตามกฎหมาย 90 90 หลักประกนั สุขภาพแหง่ ชาติ 94 8. แบบบันทำึก : ขออทุ ำธรณ์ผลการวนิ ิจฉัยค�ร้อง ขอรบั เงนิ ช่วยเหลือเบ้ืองต้น 9. ช่องทำางการรับเรือ่ งรอ้ งเรยี นเพ่ือใหป้ ระชาชนเขา้ ถึง สามารถร้องเรยี นไดโ้ ดยสะดวก 10. HOTLINE 11. เอกสารอ้างองิ



บทำทำ่ี 1 สิทำธิของประชาชนตาม พ.ร.บ. หลกั ประกันสขุ ภาพ แหง่ ชาติ พ.ศ.2545

1. หลกั การและเจตนารมณ์ รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พ.ศ.2550 ในขอ้ 51 ระบวุ า่ “บคุ คลยอ่ ม มีสิทธิเสมอกันในการได้รับบริการสาธารณสุขท่ีเหมาะสมและได้มาตรฐาน และผู้ ยากไร้มีสิทธิได้รับบริการรักษาพยาบาลจากสถานบริการสาธารณสุขของรัฐโดยไม่ เสียค่าใช้จ่าย และบุคคลย่อมมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขจากรัฐซึ่งต้องเป็นไป อยา่ งทั่วถงึ และมีประสทิ ธิภาพ\" ธรรมนญู วา่ ดว้ ยระบบสขุ ภาพแหง่ ชาติ พ.ศ.2552 ขอ้ 16 ระบวุ า่ \"หลกั ประกนั สุขภาพและความคุ้มครองด้านสุขภาพ จะต้องครอบคลุมประชาชนทุกคนท่ีอยู่บน ผนื แผน่ ดนิ ไทย โดยไมม่ กี ารแบง่ แยกตามฐานะเศรษฐกจิ สงั คม สถานภาพทางกาย ความพิการ อายุ ถ่ินท่ีอยู่ เช้ือชาติ สัญชาติ ศาสนา วัฒนธรรม ความเชื่อและ อุดมการณ์ทางการเมือง\" และพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 มาตรา 5 บุคคลทุกคนมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขที่มีมาตรฐานและมี ประสทิ ธิภาพตามท่กี �าหนดโดยพระราชบญั ญตั ินี้ 2. สทิ ธิของผู้รับบรกิ ารในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 2.1 สทิ ธิเขา้ รบั การบรกิ ารสาธารณสขุ ที่ไดม้ าตรฐานและมีคณุ ภาพ ประชาชนชาวไทยมสี ทิ ธเิ สมอกนั ในการรบั บรกิ ารสาธารณสขุ ทไี่ ดม้ าตรฐาน (ม.5, 6, 7, 8, 18 (10), (13)) และผยู้ ากไรม้ สี ทิ ธิได้รับการรักษาพยาบาลจากสถาน บริการสาธารณสุขของรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายตามท่ีกฎหมายบัญญัติ (ม.26(7), ม.50(5), (8), (9)) 2.2 สทิ ธเิ ลือกหน่วยบรกิ ารประจา� ตัวทมี่ มี าตรฐานและสะดวกในการเข้ารบั บริการ ในมาตรา 6 ระบุวา่ บุคคลใดประสงคจ์ ะใช้สิทธติ ามมาตรา 5 ใหย้ น่ื ค�าขอลง ทะเบยี นตอ่ สา� นกั งานหรอื หนว่ ยงานทสี่ �านกั งานกา� หนด เพอ่ื เลอื กหนว่ ยบรกิ ารเปน็ หน่วยบริการประจ�า การขอเปล่ียนแปลงหน่วยบริการประจ�าและหน้าท่ีของหน่วย บริการประจ�าท่ีพึงมีต่อผู้รับบริการ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเง่ือนไขท่ี 8

คณะกรรมการก�าหนด โดยค�านึงถึง เว้นแต่กรณีท่ีเหตุสมควร หรือกรณี ความสะดวกและความจา� เปน็ ของบคุ คล อุบัติเหตุหรือกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินให้ เปน็ สา� คัญ บุ ค ค ล นั้ น มี สิ ท ธิ เ ข ้ า รั บ บ ริ ก า ร จ า ก สถานบริการอื่นได้ ทั้งน้ีตามท่ีคณะ 2.3 สิทธิท่ีได้รับบริการสาธารณสุข กรรมการก�าหนดโดยค�านึงถึงความ ในกรณีฉุกเฉินท่ีสถานบริการอื่นๆ สะดวกและความจ�าเป็นของผู้ใช้สิทธิ ได้นอกเหนือจากหน่วยบริการท่ีลง บริการ ทะเบียนเปน็ หนว่ ยบริการประจ�าตัว ตามมาตรา 7 บุคคลที่ได้ลง ทะเบียนแล้ว ให้ใช้สิทธิรับบริการ สาธารณสุขได้จากหน่วยบริการประจ�า ของตน หรือหน่วยบริการปฐมภูมิใน เครือข่ายหน่วยบริการท่ีเกี่ยวข้อง หรือ จากหน่วยบริการประจ�าของตน หรือ เครือข่ายบริการท่ีเกี่ยวข้องหรือส่งต่อ 9

3. สทิ ธใิ นการร้องเรยี นเมอ่ื ได้รบั บริการสาธารณสขุ ทีไ่ มไ่ ด้มาตรฐาน หรอื เกิดความเสียหายการเขา้ รับบรกิ ารสาธารณสุข ประชาชนเข้ารับบริการสาธารณสขุ แลว้ ไม่ไดร้ ับบรกิ ารท่ีดี หรอื ถกู ละเมิดใน ระบบหลักประกนั สุขภาพ ประชาชนสามารถรอ้ งเรียนได้ การร้องเรียน หมายถึง การร้องเรียนตามมาตรา 57,59 แห่ง พ.ร.บ.หลัก ประกนั สขุ ภาพแหง่ ชาติ พ.ศ.2545 ไดแ้ ก่ เรอื่ งทหี่ นว่ ยบรกิ ารไมป่ ฏบิ ตั ติ ามมาตรฐาน ผู้รับบริการไม่ได้รับความสะดวกตามสมควร ไม่ได้รับบริการตามสิทธิ ถูกเรียกเก็บ เงินโดยไมม่ สี ทิ ธิจะเรยี กเก็บ ถูกเรียกเกบ็ เงินเกนิ กว่าอตั ราทคี่ ณะกรรมการกา� หนด เรือ่ งรอ้ งทุกข์ หมายถงึ เรือ่ งที่ประชาชนเดือดรอ้ น เรอ่ื งขอความชว่ ยเหลอื อืน่ ๆ ทีไ่ ม่ใช่รอ้ งเรียนตาม พ.ร.บ. เชน่ การลงทะเบยี นและออกบัตร สทิ ธิไมต่ รงตาม จริง (สิทธิซ้�าซ้อน) เร่ืองขอความอนุเคราะห์ ขอความช่วยเหลือ เป็นต้น สิ่งเหล่าน้ี ประชาชนย่อมสามารถใช้สิทธิในการร้องเรียน ร้องทุกข์เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหา ได้ 4. สิทธใิ นการได้รับการช่วยเหลือเบอ้ื งตน้ กรณผี รู้ ับบรกิ ารไดร้ บั ความเสียหายจากการรกั ษาพยาบาล แนวคดิ สา� คญั ของการไดร้ บั การชว่ ยเหลอื เยยี วยาเมอ่ื ไดร้ บั ความเสยี หายจาก การเข้ารับบริการสาธารณสุข คือ เป็นการช่วยเหลือเบ้ืองต้นเมื่อเกิดความเสียหาย ซ่ึงเป็นความเสียหายท่ีมีผู้กระท�าผิด หรืออาจไม่มีผู้กระท�าผิดก็ได้ หรือเหตุสุดวิสัย เปา้ หมายเพอ่ื ลดปญั หาการฟอ้ งรอ้ งทไี่ มจ่ า� เปน็ และแนวคดิ ในอกี ดา้ นคอื มกี ลไกใน การประสานการให้ความช่วยเหลือท้ังที่อยู่ในระบบและที่เป็นอิสระจากผู้ให้บริการ ท่จี ะต้องเขา้ ถึงไดง้ า่ ยและมีประสิทธิภาพในการให้ความชว่ ยเหลือ 10

4.1 ข้นั ตอนการพจิ ารณาคา� รอ้ งขอรับเงินช่วยเหลอื เบื้องต้น (สปสช.,2560, หนา้ 11-12) เป็นผมู้ สี ิทธิตาม พรบ.หลักประกันสขุ ภาพฯ หรือไม่ เงื่อนไขการขอเงนิ ชว่ ยเหลอื มีสิทธิขอรบั เงินชว่ ยเหลอื ตามทก่ี ฎหมายกา� หนดหรือไม่ เบอ้ื งต้น หรือไม่ ย่นื ขอภายใน 1 ปี นับแตท่ ราบความเสยี หายหรอื ไม่ เปน็ หนว่ ยบรกิ าร ตาม พรบ.หลักประกนั สุขภาพหรอื ไม่ ความเสียหายเข้าเกณฑ์ ความเสยี หายคืออะไร จา่ ยเงนิ ชว่ ยเหลอื หรือไม่ ควรจ่ายเงนิ ช่วยเหลือ ความเสียหายเกิดจาก เข้าเกณฑ์ รกั ษาพยาบาล หรอื ไม่เขา้ เกณฑ์ เบอ้ื งตน้ เท่าไหร่ เหตุสุดวสิ ัย หรือพยาธิสภาพ เปน็ ความเสียหายประเภทใด ตามขอ้ 6 ของขอ้ บงั คับฯ ความเสียหายสมั พันธ์ กับการรักษาพยาบาลเพยี งใด ผลกระทบต่อผูเ้ สียหาย

ในมาตรา 411 แหง่ พ.ร.บ.หลกั ประกนั สขุ ภาพแหง่ ชาติ พ.ศ.2545 ไดส้ ร้าง กลไกประสานสัมพันธ์และเจรจาไกล่เกล่ียระหว่างผู้ให้บริการกับผู้รับบริการ ด้วย การจัดระบบช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายจากการรักษาพยาบาลในการเข้ารับ บริการตามโครงการหลักประกนั สุขภาพถ้วนหน้านัน้ มีความเปน็ ไปได้ที่ผูร้ บั บรกิ าร อาจไดร้ บั ความเสยี หายจากการรบั บรกิ ารจากผใู้ หบ้ รกิ าร (แพทย,์ พยาบาล)ได้ ทงั้ น้ี อาจจะมีผู้กระท�าผิด หรือเป็นความเสียหายที่ไม่มีผู้กระท�าผิด แต่เป็นเหตุสุดวิสัย ในการรักษาตามข้อบังคับฯ ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจ่ายเงิน ชว่ ยเหลือเบอ้ื งตน้ คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้ออกข้อบังคับก�าหนดหลัก เกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้น กรณีผู้รับบริการได้รับ ความเสียหายจากการรักษาพยาบาล โดยก�าหนดให้ “เงินช่วยเหลือเบ้ืองต้น” หมายความวา่ เงนิ ทจี่ า่ ยใหผ้ รู้ บั บรกิ าร หรอื ทายาท หรอื ผอู้ ปุ การะ เพอื่ บรรเทาความ เดอื ดรอ้ น ในกรณที ผี่ รู้ บั บรกิ ารไดร้ บั ความเสยี หายทเ่ี กดิ จากการรกั ษาพยาบาลของ หน่วยบริการ โดยมิต้องรอพิสจู นถ์ ูกผดิ จะเห็นว่าตามบทบัญญัติในมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติหลักประกัน สขุ ภาพแหง่ ชาติ พ.ศ.2545 และหลกั เกณฑท์ คี่ ณะกรรมการหลกั ประกนั สขุ ภาพแหง่ ชาติก�าหนดดังกล่าว มีเจตนารมณ์ท่ีจะช่วยให้ผู้ที่ได้รับความเสียหาย หรือทายาท ไดร้ บั การชว่ ยเหลอื ในเบอื้ งตน้ ทรี่ วดเรว็ เปน็ มาตรฐานทางศลี ธรรม ซงึ่ ไมต่ อ้ งรอการ พิสูจน์ถูกผิด และยังมีความมุ่งหวังในการลดความขัดแย้ง เพ่ือการรักษาความ สัมพันธ์ทีด่ รี ะหว่างผ้รู บั บริการและผ้ใู ห้บริการคงอยู่ตอ่ ไป (สปสช., 2560 หนา้ 2,3) เม่ือพิจารณามาตรา 41 และมาตรา 3 แห่ง พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่ง ชาติ พ.ศ.2545 ประกอบกบั ข้อบังคบั วา่ ดว้ ยหลักเกณฑ์ วิธกี ารและเง่อื นไขการจา่ ย เงินช่วยเหลือเบื้องต้นกรณีผู้รับบริการได้รับความเสียหายจากการรักษาพยาบาลฯ ข้อ 4 ขอ้ 5 ข้อ 6 และขอ้ 7 แลว้ แบง่ การพจิ ารณาออกเปน็ 3 ข้ันตอน ดงั น้ี 1. มาตรา 41 ระบุว่า ให้คณะกรรมการกันจ�านวนไม่เกินร้อยละหนึ่งของเงินที่จะจ่าย ให้หน่วยบริการไว้เป็นเงินช่วยเหลือ เบอ้ื งตน้ ใหแ้ กผ่ รู้ บั บรกิ าร ในกรณที ผ่ี รู้ บั บรกิ ารไดร้ บั ความเสยี หายทเ่ี กดิ จากการรกั ษาพยาบาลของหนว่ ยบรกิ ารโดยหาผกู้ ระทา� ผิดมไิ ด้ หรอื หาผู้กระทา� ผิดได้ แต่ยังไม่ไดร้ ับคา่ เสียหายภายในระยะเวลาอนั สมควร ทัง้ นีต้ ามหลกั เกณฑ์ วธิ ีการและเง่อื นไข ทคี่ ณะกรรมการกา� หนด 12

1. พจิ ารณาวา่ การยนื่ ขอรบั เงินช่วยเหลอื เบ้ืองตน้ น้ี เปน็ ไปตามเงือ่ นไขท่ีกฎหมาย กา� หนดหรือไม่ มีประเดน็ พิจารณาดงั น้ี 1.1 ผู้รบั ความเสยี เปน็ ผู้รบั บริการทม่ี สี ิทธิตาม พ.ร.บ.หลักประกนั สุขภาพ แหง่ ชาติ พ.ศ.2545 หรอื ไม่ 1.2 เป็นผู้มีสทิ ธิย่นื ค�ารอ้ งขอรับเงินชว่ ยเหลือเบอ้ื งต้นหรอื ไม่ 1.3 ผยู้ น่ื คา� รอ้ งไดย้ น่ื คา� รอ้ งภายในระยะเวลา 1 ปนี บั แตท่ ราบความเสยี หาย หรอื ไม่ 1.4 หนว่ ยบรกิ ารทใี่ หบ้ รกิ ารเปน็ เหตแุ หง่ การรอ้ งขอเงนิ ชว่ ยเหลอื นน้ั เปน็ หนว่ ยบรกิ ารตาม พ.ร.บ.หลกั ประกนั สขุ ภาพแหง่ ชาติ พ.ศ.2545 หรอื ไม่ 2. พจิ ารณาวา่ ความเสยี หายนนั้ เขา้ หลกั เกณฑท์ จ่ี ะไดร้ บั เงนิ ชว่ ยเหลอื เบอ้ื งตน้ ตาม ข้อบังคับคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ว่าด้วยหลักเกณฑ์วิธีการและ เงื่อนไขการจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้น กรณีผู้รับบริการได้รับความเสียหายจากการ รกั ษาพยาบาลฯหรอื ไม่ มปี ระเดน็ พจิ ารณาดงั น้ี 2.1 ความเสยี หายทเี่ ปน็ ประเดน็ แหง่ การรอ้ งขอรบั เงนิ ชว่ ยเหลอื เบอ้ื งตน้ คอื อะไร 2.2 ความเสียหายนั้น เป็นความเสียหายที่เกิดจากการรักษาพยาบาล หรือ เปน็ เหตสุ ดุ วสิ ยั ในระบบการรกั ษาพยาบาล หรอื เปน็ ความเสยี หายทเ่ี กดิ จากการดา� เนนิ ไปตามพยาธสิ ภาพ หรือเหตุแทรกซ้อนของโรค ท่ีเปน็ ไป ตามสภาพปกติธรรมดาของโรคนัน้ อย่แู ล้ว 3. พิจารณาชี้ขาดวา่ ควรใหเ้ งินชว่ ยเหลือเบ้อื งต้นเท่าไร มีประเดน็ พจิ ารณา ดงั นี้ 3.1 เป็นความเสียหายประเภทใด ตามข้อ 6 ของข้อบังคบั 3.2 ความเสยี หายนน้ั มคี วามสมั พนั ธก์ บั การรกั ษาพยาบาลมากนอ้ ยเพยี งใด 3.3 ผลกระทบจากความเสียหายท่ีไดร้ บั มีมากน้อยเพียงไร 13

14

4.2 ขั้นตอนและแนวทางประกอบการพิจารณา ได้น�าแนวคิดวินิจฉัยที่น่าสนใจของคณะกรรมการควบคุมคุณภาพและ มาตรฐานบรกิ ารสาธารณสุข เพื่อเป็นแนวทางประกอบการพิจารณาดังตอ่ ไปนี้ เขา้ เง่อื นไขการขอเงินช่วยเหลอื ตามที่ ขั้นตอนทำ่ี 1 ย่ืนค�ร้องตาม กฎหมายกา� หนดหรอื ไม่ เงอ่ื นไขทำก่ี ฎหมายก�หนดหรอื ไม่ เป็นผู้มีสทิ ธติ าม มสี ทิ ธิ UC ขณะเข้ารบั บริการ พ.ร.บ.หลักประกนั สุขภาพฯ หรือไม่ ผ้เู สยี หาย มสี ิทธขิ อรับเงินช่วยเหลอื ทายาท เบื้องตน้ หรอื ไม่ ผู้อุปการะ มีสทิ ธิขอรับเงนิ ช่วยเหลือ หลกั การนับ 1 ปี เบอื้ งต้นหรือไม่ วันทีร่ ับร้คู วามเสยี หาย เปน็ หนว่ ยบริการตาม ขนึ้ ทะเบียน UC พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพฯหรือไม่ 15

การใช้สิทธิขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้น ต้องเข้าเง่ือนไขตามท่ี พ.ร.บ.หลัก ประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 และข้อบังคับว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการและ เง่อื นไขในการจา่ ยเงนิ ช่วยเหลือเบอ้ื งตน้ ฯ ก�าหนด จึงมปี ระเด็นที่ต้องพจิ ารณาดงั น้ี ประเด็นที่ 1 : เป็นผ้รู บั บรกิ ารตามมาตรา 41 หรอื ไม่ ผู้รับบริการที่ได้รับความเสียหาย ซึ่งจะเรียกร้องเงินช่วยเหลือเบ้ืองต้นตาม มาตรา 41 แหง่ พระราชบญั ญตั นิ ไ้ี ด้ ตอ้ งเปน็ ผมู้ สี ทิ ธติ ามพระราชบญั ญตั หิ ลกั ประกนั สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 และรวมถึงพนักงานหรือลูกจ้างขององค์กรปกครอง ส่วนท้องถ่ินและครอบครัว ซึ่งเป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาท่ีก�าหนดให้ใช้สิทธิตาม พระราชบัญญตั นิ ้ี ต้งั แต่วันท่ี 1 ตุลาคม 2556 เปน็ ต้นไป แต่ไมค่ รอบคลุมถงึ บคุ คล ตอ่ ไปนี้ (1) ผู้ใช้สิทธิรกั ษาพยาบาลตามกฎหมายว่าดว้ ยประกันสงั คม (เฉพาะตัว) (2) ขา้ ราชการหรือลกู จา้ งของส่วนราชการ (3) พนกั งานหรือลกู จา้ งของรฐั วสิ าหกิจ หรือผู้ซงึ่ ปฏบิ ตั ิงานให้แก่หนว่ ยงาน อ่ืนของรัฐ หรอื บคุ คลอื่นใดท่มี สี ิทธิไดร้ บั การรักษาพยาบาลโดยใชจ้ า่ ย จากเงนิ งบประมาณ (4) บดิ ามารดา คสู่ มรส บตุ ร หรอื บคุ คลอน่ื ใด ทไ่ี ดร้ บั สวสั ดกิ ารรกั ษาพยาบาล โดยอาศยั สทิ ธิของบุคคลตาม (2) และ(3) ประเดน็ ท่ี 2 : เป็นผมู้ ีสทิ ธยิ นื่ คา� ร้องขอรับเงินช่วยเหลอื เบ้อื งตน้ หรือไม่ ข้อบังคับว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการเง่ือนไขในการจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้น ขอ้ 7 กา� หนดให้ ผู้มสี ทิ ธิยืน่ ค�าร้องขอรบั เงนิ ช่วยเหลอื เบือ้ งต้น คือ ผู้รับบริการทไ่ี ด้ รับความเสียหาย ทายาท หรือผู้อุปการะ (ผู้ให้ความช่วยเหลือเก้ือกูลหรือดูแลผู้รับ บรกิ ารอนื่ เขา้ รบั การรกั ษาพยาบาลอยา่ งตอ่ เนอื่ งเปน็ เวลานานพอสมควร) หรอื หนว่ ย บรกิ ารที่ให้บรกิ าร แต่ในการจา่ ยเงินชว่ ยเหลอื เบอ้ื งตน้ แม้หน่วยบริการจะมีสทิ ธิยน่ื ค�าร้อง แต่ก็เป็นการยื่นค�าร้องแทนผู้รับบริการ หรือทายาท หรือผู้อุปการะ หน่วย บริการจึงไมม่ สี ทิ ธไิ ดร้ ับเงนิ ช่วยเหลอื เบอ้ื งต้น 16

ประเด็นท่ี 3 : ยื่นค�ารอ้ งภายในระยะเวลา 1 ปี นบั แตท่ ราบ ความเสยี หายหรอื ไม่ ข้อบังคับว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการเง่ือนไขในการจ่ายเงินช่วยเหลือเบ้ืองต้น กรณีผรู้ ับบรกิ ารได้รับความเสยี หายจากการรักษาพยาบาล ฯ ข้อ 7 ก�าหนดให้ผ้รู ับ บรกิ ารท่ไี ดร้ บั ความเสยี หาย ทายาท หรอื ผู้อุปการะ หรอื หน่วยบริการทีใ่ หบ้ ริการที่ ใหบ้ รกิ ารมสี ทิ ธยิ น่ื คา� รอ้ งขอรบั เงนิ ชว่ ยเหลอื เบอื้ งตน้ โดยตอ้ งยน่ื คา� รอ้ งภายใน 1 ปี นบั ตง้ั แต่วนั ท่ีได้รบั ทราบความเสยี หาย กรณนี จ้ี งึ มปี ระเดน็ ทตี่ อ้ งพจิ ารณา 2 ประเดน็ คอื (1) หลกั เกณฑก์ ารนบั เวลา 1 ปี และ (2) การกา� หนดว่า วนั ใดเปน็ วนั ทผี่ ู้ย่นื ค�ารอ้ งรบั ทราบความเสยี หาย 21 ประเดน็ ที่ 4 : เปน็ ความเสยี หายจากการรบั บรกิ ารในหนว่ ยบรกิ ารหรอื ไม่ เปน็ การพจิ ารณาตามขอ้ บงั คบั ฯ วา่ ดว้ ยหลกั เกณฑ์ วธิ กี ารเงอ่ื นไขในการจา่ ย เงินช่วยเหลือเบื้องต้น ข้อ 4 ท่ีก�าหนดว่า “หน่วยบริการ” ที่ให้บริการอันเป็นเหตุ แห่งการร้องขอเงินช่วยเหลือเบื้องต้น ต้องเป็นหน่วยบริการท่ีได้ขึ้นทะเบียนตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 หากไม่ใช่ ก็ไม่มีสิทธิขอรับเงิน ช่วยเหลือเบ้ืองต้นตามมาตรา 41 แห่งพระราบัญญัติน้ีได้ โดยประเด็นน้ีคณะ กรรมการกฤษฎกี าไดเ้ คยให้ความเหน็ ไว้ 32 ขนั้ ตอนทำี่ 2 : ความเสียหายเข้าหลกั เกณฑ์การจา่ ยเงินชว่ ยเหลอื เบอ้ื งตน้ หรือไม่ จากขอ้ บงั คบั ฯ วา่ ดว้ ยหลกั เกณฑ์ วธิ กี ารและเงอ่ื นไขในการจา่ ยเงนิ ชว่ ยเหลอื เบอื้ งตน้ ฯ ขอ้ 4 กา� หนดความหมายของการรกั ษาพยาบาลและหนว่ ยบรกิ าร ไวด้ งั นี้ “การรักษาพยาบาล” ที่ท�าให้เกิดความเสียหายนั้น ให้หมายถึง “บริการ สาธารณสุข” ตามมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 2. (รายละเอียดใน สปสช., 2560 :หนังสอื แนวทางการพิจารณาจา่ ยเงินช่วยเหลือเบ้ืองตน้ ตามมาตรา 41 หนา้ 18,19) 3. (รายละเอียดใน สปสช., 2560 :หนังสือแนวทางการพิจารณาจ่ายเงนิ ชว่ ยเหลอื เบอื้ งต้น ตามมาตรา 41 หนา้ 22) 17

พ.ศ.2545 อันได้แก่ บริการด้านการแพทย์และสาธารณสุข ซึ่งให้โดยตรงแก่บุคคล เพอื่ สรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ การปอ้ งกนั โรค การตรวจวนิ จิ ฉยั โรค การรกั ษาพยาบาล และ การฟน้ื ฟสู มรรถภาพทจี่ า� เปน็ ตอ่ สขุ ภาพและการดา� รงชวี ติ ทง้ั นใ้ี หร้ วมถงึ การบรกิ าร การแพทยแ์ ผนไทยและแพทยท์ างเลอื กตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการประกอบโรคศลิ ปะ ดว้ ย ขั้นตอนท่ี 1 : ข้ันตอนและกระบวนการพิจารณา (สปสช.,2560, หน้า 26) ความเสยี หายเข้าเกณฑ์ จา่ ยเงนิ ชว่ ยเหลือหรอื ไม่ ความเสยี คืออะไร ส่งผลรนุ แรงท่สี ุด ขอพิจารณา สาเหตุของความเสียหาย ย่ืนขอคร้ังเดยี ว ใหม่ พยาธิสภาพ รกั ษาพยาบาล เขา้ เกณฑ์ เหตสุ ุดวิสัย รกั ษาพยาบาล + พยาธสิ ภาพ หรือ เหตสุ ุดวสิ ยั + พยาธสิ ภาพ ไมเ่ ขา้ เกณฑ์

“หนว่ ยบรกิ าร” ทใี่ หบ้ รกิ ารอนั เปน็ เหตแุ หง่ การ รอ้ งขอเงินชว่ ยเหลือเบอ้ื งต้นนน้ั ต้องเป็นหน่วยบรกิ าร ตามมาตรา 3 แหง่ กฎหมายวา่ ดว้ ยหลกั ประกนั สขุ ภาพ แห่งชาติ ซึ่งก็คือสถานบริการที่ได้ข้ึนทะเบียนตาม กฎหมายหลกั ประกนั สุขภาพแห่งชาติแลว้ ดังน้ันความเสียหายท่ีจะเข้าเกณฑ์ การจ่ายเงินช่วยเหลือเบ้ืองต้นหรือไม่ จึงต้อง พจิ ารณาประเดน็ ข้อเท็จจรงิ กอ่ นวา่ ความเสยี ท่ี ผู้ย่ืนค�าร้องกล่าวอ้างเป็นความเสียหายท่ีเกิด จากการรกั ษาพยาบาลของหน่วยบรกิ ารหรือไม่ นอกจากน้ี ขอ้ บงั คบั ฯวา่ ดว้ ยหลกั เกณฑ์ วธิ กี าร และเงอ่ื นไขในการจา่ ยเงนิ ชว่ ยเหลอื เบอื้ งตน้ ฯ ขอ้ 5 ยงั กา� หนดเงอื่ นไขในการพจิ ารณาวา่ ความเสยี หายทเี่ กดิ จากการรักษาพยาบาลของหนว่ ยบริการ ทจ่ี ะเป็นเหตุ ให้ได้รับเงินช่วยเหลือเบ้ืองต้นตามข้อบังคับนี้ ให้รวม ถึงเหตุสุดวิสัยในระบบการรักษาพยาบาล แต่มิใช่ ความเสยี หายทเี่ กดิ จากการดา� เนนิ ไปตามพยาธสิ ภาพ หรือเหตุแทรกซ้อนของโรคท่ีเป็นไปตามสภาพปกติ ธรรมดาของโรคนนั้ อยู่แล้ว ดังนั้นจึงมีประเด็นพิจารณา รวมทั้งหลักการ และแนวค�าวินิจฉัยท่ีน่าสนใจของคณะกรรมการ ควบคุมคุณภาพฯ ในแตล่ ะประเด็นดงั น้ี 19

ประเดน็ ท่ี 1 : ความเสยี หายท่เี ป็นประเด็นแหง่ การรอ้ งขอรบั เงนิ ช่วยเหลือเบื้องตน้ คอื อะไร ผู้ยื่นค�าร้องบางรายเขียนค�าร้อง ระบุความเสียหายไม่ชัดเจน คณะ อนุกรรมการจงึ ต้องพจิ ารณาว่า อะไรคอื ความเสยี หายทรี่ ้องขอรบั เงนิ ช่วยเหลอื เหตทุ ่ีเข้ารับบริการ บรกิ ารท่ีไดร้ บั ผลเสียหายทเี่ กดิ ข้นึ ตอ้ งการคุมก�าเนดิ ถาวร ผ่าตัดทา� หมนั ตงั้ ครรภ์หลังทา� หมัน มีเนื้องอกที่มดลกู ผ่าตัดมดลูก มีอาการปัสสาวะไหลออก เจ็บครรภ์คลอด จากชอ่ งคลอดหลังผา่ ตดั ปวดเข่า เข้ารับบริการคลอด ทารก ทารกขยับและยกแขน มีภาวะตดิ ไหล่ นาน 4 นาที ไม่ได้ ฉีดยาแก้ปวด ขาออ่ นแรง ประเดน็ ท่ี 2 : พจิ ารณาวา่ สาเหตุของความเสียหายเข้าเกณฑ์ การจ่ายเงนิ ช่วยเหลอื เบ้อื งตน้ หรือไม่ การพิจารณาประเด็นน้ี จ�าเป็นต้องใช้ความรู้และประสบการณ์ทางวิชาชีพ ของผเู้ ชย่ี วชาญในการใหค้ วามเหน็ ประกอบการตดั สนิ วา่ ความเสยี หายนน้ั เปน็ ความ เสียหายท่ีเกิดจากการรักษาพยาบาล หรือเหตุสุดวิสัยในระบบการรักษาพยาบาล หรือเป็นความเสียหายที่เกิดจากการด�าเนินไปตามพยาธิสภาพ หรือเหตุแทรกซ้อน ของโรคทเ่ี ปน็ ไปตามสภาพปกตธิ รรมดาของโรคนนั้ อยแู่ ลว้ การจะจา่ ยเงนิ ชว่ ยเหลอื เบอื้ งต้นได้ตอ้ งเข้าลกั ษณะขอ้ ใดข้อหนึง่ ต่อไปน้ี ก. เปน็ ความเสยี หายทเ่ี กิดจากการรกั ษาพยาบาล ข. เป็นเหตุสุดวสิ ยั ในระบบการรักษาพยาบาล 20

ค. เปน็ ความเสยี หายทีเ่ กิดจากการรักษาพยาบาล หรือเหตสุ ดุ วิสัยในระบบ การรกั ษาพยาบาลรว่ มกบั การดา� เนนิ ไปตามพยาธสิ ภาพ หรอื เหตแุ ทรกซอ้ น ของโรคทเ่ี ปน็ ไปตามสภาพปกตธิ รรมดาของโรคนนั้ แตห่ ากเปน็ ความเสยี หาย น้ันเป็นความเสียหายที่เกิดจากการด�าเนินไปตามพยาธิสภาพ หรือเหตุ แทรกซอ้ นของโรค ทเี่ ปน็ ไปตามสภาพปกตธิ รรมดาของโรคนน้ั อยแู่ ลว้ กไ็ มม่ ี สทิ ธไิ ด้รับเงินช่วยเหลือเบ้อื งตน้ ขนั้ ตอนที่ 2 : ขน้ั ตอนและกระบวนการพจิ ารณาจา่ ยเงนิ (สปสช.,2560, หนา้ 45) 6(1) ตาย เป็นความเสียหาย ประเภทใด 6(2) พิการ ตามข้อ 6 ของขอ้ บงั คับ 6(3) เจ็บปว่ ย ความเสียหายสัมพนั ธก์ ับ โดยตรง แนวทาง การรกั ษาพยาบาลเพยี งใด ทั้งรักษา พิจารณา พยาบาลและโรค (ยี่ต๊อก) มสี ว่ นนอ้ ย ผลกระทบตอ่ ผ้เู สยี หาย มาก ปานกลาง 21 น้อย

เม่ือพิจารณาตามขั้นตอนท่ี 2 ข้างต้นแล้วเห็นว่า ความเสียหาย นั้นเข้าเกณฑ์ท่ีจะได้รับเงินช่วยเหลือเบื้องต้น ตามข้อ 5 ของข้อบังคับฯ แลว้ การวนิ จิ ฉยั วา่ จะจา่ ยเงนิ ชว่ ยเหลอื เบอื้ งตน้ มากนอ้ ยเพยี งไร ตอ้ งจดั ประเภทของความเสยี หายทไ่ี ดร้ บั และกา� หนดอตั ราการจา่ ยเงนิ ชว่ ยเหลอื เบื้องต้นใหอ้ ยู่ในประเภทความเสียหายนน้ั ตามขอ้ 6 ของขอ้ บังคับ ฯ ซ่งึ มีรายละเอียดประเภทความเสียหายและอัตราการจ่ายเงินช่วยเหลือ เบอื้ งตน้ ดังน้ี 1. “เสยี ชีวติ หรอื ทุพพลภาพอยา่ งถาวร” หรอื เจบ็ ปว่ ยเรอื้ รงั ท่ี ตอ้ งไดร้ บั การรกั ษาตลอดชวี ติ และมผี ลกระทบอยา่ งรนุ แรงตอ่ การด�ารงชีวิต จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้น ได้ตั้งแต่ 240,000 บาท แต่ไมเ่ กนิ 400,000 บาท 2. สูญเสียอวัยวะหรือพิการ ที่มีผลกระทบต่อการด�าเนินชีวิต จา่ ยเงินช่วยเหลอื เบอ้ื งต้น ไดต้ ง้ั แต่ 100,000 บาท แต่ไมเ่ กนิ 240,000 บาท 3. บาดเจ็บหรือเจ็บป่วยต่อเน่ือง จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นได้ ไมเ่ กิน 100,000 บาท 22

กรณีท่ีมีการฝากครรภ์อย่างสม�่าเสมอ ต่อเนื่อง และได้รับการดูแล ตามมาตรฐานฝากครรภ์จนอายุครรภ์ต้ังแต่ 37 สัปดาห์ข้ึนไป และทารก เสียชีวิตในครรภ์ระหว่างการดูแลในหน่วยบริการ ให้จ่ายเงินช่วยเหลือ เบื้องต้นได้เท่ากับอัตราที่ก�าหนดในวรรคหน่ึง (1) และหากมารดาได้รับ ความเสียหายอื่นด้วย ก็ให้ได้รับเงินช่วยเหลือได้อีกตามประเภทความ เสียหายท่ไี ด้รบั น้นั กรณคี วามเสยี หายไมอ่ าจจดั ประเภทใดประเภทหนง่ึ ตามวรรคหนงึ่ (1) (2) และ(3) ได้ ใหเ้ ปน็ อา� นาจของคณะกรรมการควบคมุ คณุ ภาพฯ ทจ่ี ะ พิจารณาเทียบเคียงกับประเภทความเสียหายท่ีก�าหนดไว้ได้ตามความ เหมาะสม กรณที ค่ี วามเสยี หายทเี่ กดิ จากการรกั ษาพยาบาลของหนว่ ยบรกิ าร ไมอ่ าจจดั เปน็ ความเสยี หายประเภทใดประเภทหนงึ่ ใน 3 ประเภททก่ี า� หนด ตามข้อ 6 ของข้อบังคับฯ ข้างต้นได้ ให้ส่งข้อ เท็จจริงของความเสียหายซึ่งเป็นที่ยุติแล้ว ขอ ความเห็นจากคณะกรรมการควบคุมคุณภาพ และมาตรฐานบรกิ ารสาธารณสขุ เพอ่ื ใชอ้ า� นาจ พจิ ารณาเทยี บเคยี งกบั ประเภทความเสยี หายท่ี กา� หนดไวต้ ามความเหมาะสม เพอ่ื เปน็ แนวทาง ปฏิบัติต่อไป 23

ประเด็นพจิ ารณาที่ 3.1 : เป็นความเสยี หายประเภทใด ตามขอ้ 6 ของข้อบงั คับฯ คณะอนกุ รรมการ มาตรา 41 ตอ้ งพิจารณาวา่ ความเสยี หายน้นั เป็นความ เสยี หายประเภทใด ตามขอ้ 6(1) (2) หรอื (3) ของขอ้ บงั คบั ฯ โดยจา� เปน็ ตอ้ งใชค้ วาม รูแ้ ละประสบการณท์ างวิชาชพี ของผูเ้ ชี่ยวชาญมาประกอบการพิจารณา ประเด็นพจิ ารณาท่ี 3.2 : ความสัมพนั ธข์ องความเสียหาย กับการรักษาพยาบาล เมื่อพิจารณาความเสียหายท่ีเป็นเหตุให้ขอรับเงินช่วยเหลือเบ้ืองต้นนั้น มัก พบวา่ เปน็ ความเสยี หายทเี่ กดิ ขนึ้ รว่ มกนั ระหวา่ งการรกั ษาพยาบาล หรอื เหตสุ ดุ วสิ ยั ในระหว่างการรักษาพยาบาลและพยาธิสภาพ หรืออาการแทรกซ้อนของโรคท่ีเป็น อยแู่ ล้ว ดังน้นั เพื่อความเปน็ ธรรมในการพจิ ารณาจ่ายเงนิ ชว่ ยเหลอื เบอ้ื งต้นใหแ้ ก่ผู้ ได้รับความเสียหาย จึงต้องพิจารณาว่า ความเสียหายนั้นมีความสัมพันธ์กับการ รักษาพยาบาลมากนอ้ ยเพยี งใด การจา่ ยเงนิ ชว่ ยเหลอื เบอื้ งตน้ จะจา่ ยใหม้ ากนอ้ ยเทา่ ไร ขนึ้ อยกู่ บั ระดบั ความ สมั พนั ธ์ระหวา่ งความเสยี หายนนั้ กบั การรักษาพยาบาล ซึ่งมอี ยู่ 4 ระดบั คือ ระดบั ที่ 1 ความเสยี หายสมั พนั ธก์ บั การรกั ษาพยาบาล และไมส่ มั พนั ธก์ บั โรค ท่ีเจบ็ ปว่ ย ตวั อยา่ ง กรณี  ผ้ปู ่วยไขเ้ ลอื ดออก แต่ออกจากโรงพยาบาลดว้ ยถูกตดั ขา เน่ืองจาก รถส่งประสบอุบตั ิเหตขุ ณะส่งตัวไปรักษาต่อ  ทารกแรกเกดิ ไดร้ บั บาดเจบ็ จากระเปา๋ นา�้ รอ้ นลวกขณะใหค้ วามอบอนุ่ แก่ ร่างกาย  ผู้ป่วยติดเชอ้ื จากก๊อซตกค้างหลงั คลอด  ผปู้ ว่ ยออ่ นแรงจากการฉดี ยาเขา้ สะโพก 24

ระดับที่ 2 ความเสียหายสัมพันธ์กับรักษาพยาบาล และสัมพันธ์กับโรคที่ เจบ็ ปว่ ย ตัวอย่างกรณี  ผูป้ ว่ ยมอี าการแพย้ าเดิมทเ่ี คยได้รบั เปน็ ประจ�าอยู่แลว้  ทารกแขนผดิ ปกตจิ ากภาวะคลอดตดิ ไหล่ เนอ่ื งจากเดก็ ตวั โต  กรณมี ารดาตกเลือดหลงั คลอด  ผู้ปว่ ยเกดิ ติดเชื้อหลงั ผา่ ตัดตอ้ กระจก  ผูป้ ่วยเกิดท่อปสั สาวะรว่ั หลงั ผ่าตัดมดลูก ระดับที่ 3 ความเสียหายบางส่วน(สว่ นนอ้ ย) สมั พันธก์ ับการรักษาพยาบาล ตวั อยา่ งกรณี  ทารกเสยี ชวี ิตจากภาวะรกลอกตัวกอ่ นก�าหนด  กรณที า� หมันแลว้ ตงั้ ครรภ์  กรณีน�า้ ครา่� อดุ กั้นในปอดหลงั คลอด  กรณเี สยี ชวี ติ จากอาการไขไ้ มท่ ราบสาเหตแุ ละอาการทรดุ ลงอยา่ งรวดเรว็  กรณีผูป้ ว่ ยเบาหวานมบี าดแผลขนาดใหญจ่ ากอบุ ัตเิ หตุและหลงั เขา้ รบั บรกิ ารแผลลกุ ลามรุนแรงขึ้น ระดบั ท่ี 4 เปน็ ความเสยี หายทเ่ี กดิ จากพยาธสิ ภาพหรอื อาการแทรกซอ้ นของ โรคท่เี ปน็ อยู่แลว้ และไมเ่ กยี่ วข้องกับการรกั ษาพยาบาล กรณตี วั อย่าง  ผู้ป่วยมอี าการแขนขาลบี จากโรคทางพนั ธุกรรม  ผู้ปว่ ยปวดท้อง ตรวจพบมะเร็งทีต่ ับ อาการทรดุ ลงรวดเรว็ และเสียชีวิต ในที่สุด  ทารกมอี าการเหนอื่ ยหอบ ตวั เขยี ว หยดุ หายใจ ตรวจพบภาวะหวั ใจพกิ าร แตก่ �าเนดิ 25

ประเดน็ พิจารณาท่ี 3 : ผลกระทบของความเสียหายทีไ่ ด้รบั การพิจารณาความเสียหายจากท่ีกล่าวมาแล้วข้างต้น เป็นการพิจารณา วนิ จิ ฉยั โดยใชค้ วามรแู้ ละประสบการณท์ างวชิ าชพี พจิ ารณาถงึ สาเหตคุ วามเสยี หาย หากความเสยี หายทไี่ ดร้ บั นน้ั เกดิ จากการรกั ษาพยาบาล ซง่ึ เขา้ เกณฑท์ จ่ี ะไดร้ บั เงนิ ชว่ ยเหลอื เบอ้ื งตน้ แลว้ ประเดน็ ตอ่ ไปทต่ี อ้ งพจิ ารณา คอื ผลกระทบจากความเสยี หาย ทไ่ี ดร้ บั ซง่ึ เปน็ การพจิ ารณาจาการขอ้ เทจ็ จรงิ ทเ่ี กดิ ขนึ้ กบั ผรู้ บั บรกิ าร หรอื ทายาท หรอื ผอู้ ปุ การะวา่ ไดร้ บั ผลกระทบจากความเสยี หายนน้ั มคี วามรนุ แรงมากนอ้ ยเพยี งใด วิธีจ�าแนกระดับความรุนแรงของผลกระทบที่ผู้เสียหาย (รวมถึงทายาทและ ผอู้ ุปการะ)ได้รบั ในแต่ละประเภทความเสยี หาย ตามขอ้ 6 ของข้อบังคบั ฯ มี ดงั นี้ ประเภทความเสียหายตาม ข้อ 6(1) จ�าแนกระดับความรุนแรงของ ผลกระทบออกเปน็ 3 ระดับ ตามลกั ษณะความเสียหาย คือ 1. เสยี ชวี ิต 2. ทพุ พลภาพอยา่ งถาวร 3. เจบ็ ปว่ ยเรอ้ื รงั ทตี่ อ้ งไดร้ บั การรกั ษาตลอดชวี ติ และมผี ลประทบอยา่ งรนุ แรง ต่อการด�ารงชวี ติ ประเภทความเสียหายตาม ข้อ 6(2) สูญเสียอวัยวะหรือพิการท่ีมีผล กระทบตอ่ การดา� เนนิ ชวี ติ จา� แนกระดบั ความรนุ แรงของผลกระทบออกเปน็ 3 ระดบั 1. ระดบั มาก 2. ระดบั ปานกลาง 3. ระดับน้อย โดยการพิจารณาความรุนแรงดังกล่าว อาจพิจารณาจากความสามารถใน การประกอบอาชพี การด�าเนินชีวิตประจา� วนั ความทุกข์ทรมาน การเป็นภาระดูแล ของคนรอบขา้ ง คา่ ใชจ้ า่ ยในการรักษา เป็นตน้ 26

ประเภทความเสยี หายตาม ขอ้ 6(3) บาดเจบ็ หรอื เจบ็ ปว่ ยตอ่ เนอ่ื ง จา� แนก ระดับความรุนแรงของผลกระทบ ออกเปน็ 3 ระดบั 1. ระดับมาก 2. ระดับปานกลาง 3. ระดบั นอ้ ย โดยการพิจารณาความรุนแรงดังกล่าว อาจพิจารณาจากระยะเวลาและค่า ใช้จ่ายในการรักษาและฟื้นฟูอาการเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บนั้น การเสียโอกาสในการ ประกอบอาชพี เปน็ ตน้ ประเด็นพจิ ารณาที่ 4 : การก�าหนดจา� นวนเงินชว่ ยเหลือเบื้องต้น การก�าหนดจ�านวนเงินช่วยเหลือเบ้ืองต้นตามข้อ 6 ของข้อบังคับฯ เป็นการ ใชด้ ลุ พนิ จิ ในการกา� หนดจา� นวนเงนิ ซงึ่ อาจมคี วามแตกตา่ งกนั ในแตล่ ะจงั หวดั หรอื ในแต่ละกรณี ดังนั้นเพ่ือให้การพิจารณาจ่ายเงินช่วยเหลือเบ้ืองต้นไม่แตกต่างกัน มากนกั คณะกรรมการควบคุมคณุ ภาพฯ จงึ ไดว้ างแนวทางการพจิ ารณา (ยีต่ อ๊ ก 41) จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้น ในแต่ละความเสียหายแต่ละประเภทตามความสัมพันธ์ ระหว่างความเสียหายกับการรักษาพยาบาล และตามระดับความรุนแรงของผล กระทบที่ได้รบั ดงั นี้ 4. ยกิ ตอ๊ ก หรอื ยตี่ อ๊ ก หมายถงึ หลกั เกณฑก์ ารกา� หนดอตั ราโทษและจา� นวนเงนิ หรอื ตวั เลขคาดหมายทจ่ี ะจา่ ยตามโทษทเี่ กดิ ขนึ้ ซงึ่ เปน็ การ ก�าหนดขน้ึ มาเพ่อื ไม่ให้อนุกรรมการฯควบคมุ คุณภาพและมาตรฐานบริการด้านสาธารณสุขลงโทษโดยไม่มเี กณฑ์ 27

4.1 ประเภทความเสยี หายตามขอ้ 6(1) ของขอ้ บังคับฯ เสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวร หรือเจ็บป่วยเร้ือรังท่ี ต้องได้รับการรักษาตลอดชีวิต และมีผลกระทบอย่างรุนแรง ต่อการด�ารงชีวิต จ่ายเงินช่วยเหลือได้ต้ังแต่ 240,000 บาท แต่ไมเ่ กิน 400,000 บาท ประเภท 1 เสียชีวติ หรอื ทพุ พลภาพถาวร หรอื เจ็บปว่ ยเรือ้ รังท่ตี ้องไดร้ ับ การรักษาตลอดชีวิต และมผี ลกระทบอย่างรนุ แรงต่อการดา� รงชีวติ จา่ ยเงินชว่ ยเหลือเบ้อื งตน้ ได้ต้งั แต่ 240,000 บาท แตไ่ มเ่ กนิ 400,000 บาท ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง ระดับความรุนแรง ความเสยี หาย ของผลกระทบต่อผู้เสยี หาย กบั การรกั ษาพยาบาล เร้อื รังรนุ แรง ตาย ทุพพลภาพ พึง่ พาตลอด ความเสยี หายสัมพนั ธก์ บั การรกั ษาพยาบาล เวลา และไมส่ มั พันธก์ ับโรคที่เจบ็ ปว่ ย 400,000 400,000 320,000 ความเสยี หายสัมพันธ์กบั - การรกั ษาพยาบาล 360,000 และสมั พันธ์กบั โรคทเี่ จบ็ ป่วย ความเสียหายบางส่วนสมั พนั ธ์กับ 360,000 320,000 280,000 - การรกั ษาพยาบาล 320,000 280,000 - 320,000 240,000 320,000 - 280,000 28

4.2 ประเภทความเสียหายตามขอ้ 6(2) ของขอ้ บังคบั ฯ สูญเสียอวัยวะหรือพิการท่ีมีผลกระทบต่อการด�าเนิน ชีวิต จ่ายเงินช่วยเหลือเบ้ืองต้นได้ ต้ังแต่ 100,000 บาท แต่ ไมเ่ กนิ 240,000 บาท ประเภท 2 สญู เสียอวยั วะ หรอื พกิ าร ที่มผี ลกระทบต่อการด�าเนนิ ชวี ติ จา่ ยเงินชว่ ยเหลอื เบอ้ื งตน้ ได้ ต้ังแต่ 100,000 บาทท แตไ่ ม่เกนิ 240,000 บาท ความสมั พันธ์ระหว่าง ระดบั ความรุนแรง ความเสียหาย ของผลกระทบต่อผูเ้ สียหาย มาก ปานกลาง น้อย กบั การรักษาพยาบาล และคไวมาก่สมาัมเรสพรยีกัันหษธา์กายพับสยโัมราคพบทนัาีเ่ ลธจ์กบ็ ับป่วย 240,000 221406-,,000000 120106-,,000000 แลคะวสากัมมาพเรสรนั ียักธหษ์กาาบั ยพโสรยคัมาทพบี่เันาจลธ็บก์ ปับ่วย สัมพคันวาธมก์ ับเสกยี าหรารยักบษาางพสย่วานบาล 216,000 129162-,,000000 119020-,,000000 192,000 119682-,,000000 110680-,,000000 29

4.3 ประเภทความเสยี หายตามขอ้ 6(3) ของข้อบงั คบั ฯ บาดเจบ็ หรอื เจบ็ ปว่ ยตอ่ เนอ่ื ง จา่ ยเงนิ ชว่ ยเหลอื เบอ้ื งตน้ ไมเ่ กนิ 100,000 บาท ประเภท 3 บาดเจบ็ หรอื เจ็บป่วยต่อเนอ่ื ง จา่ ยเงนิ ชว่ ยเหลอื เบือ้ งตน้ ไมเ่ กนิ 100,000 ความสัมพันธ์ระหว่าง ระดับความรุนแรง ความเสียหาย ของผลกระทบตอ่ ผู้เสยี หาย กบั การรกั ษาพยาบาล มาก ปานกลาง น้อย และคไวมาก่สมาัมเรสพรยีกันั หษธาก์ายพับสยโมัราคพบทันาเี่ ลธจก์บ็ บั ปว่ ย 100,000 19000,-0,00000 8ไ0ม,เ่ 0ก0ิน0 แลคะวสากมัมาพเรสรันยีักธหษ์กาาับยพโสรยคมั าทพบ่ีเนัาจลธบ็ ก์ ปบั ว่ ย 90,000 8900,,-000000 7ไ0ม,่เ0ก0นิ 0 สมั พคนัวาธมก์ ับเสกยี าหรารยักบษาางพสยว่ านบาล 80,000 8700,,-000000 6ไ0ม,เ่0ก0นิ 0 30

4.4 ความเสยี หายกรณีทารกเสียชวี ิตในครรภ์ ตามหนงั สือส�านักงานหลกั ประกนั สขุ ภาพแห่งชาติ ที่ สปสช. 03/ว 1022 ลงวนั ที่ 28 กนั ยายน 2555 แจง้ ถงึ แนวทางการ พิจารณากรณีทารกเสียชีวิตในครรภ์ว่า การเข้ารับ บริการในกรณีคลอดบุตรและทารกเสียชีวิตใน ครรภ์ หลักเกณฑ์การพิจารณาเดิมในกรณีนี้ เห็นว่า มารดาเป็นผู้เสียหายและทารกใน ครรภย์ งั ไมม่ สี ภาพบคุ คล การพจิ ารณาจา่ ย เงินช่วยเหลือ จึงพิจารณาเป็นกรณีผู้รับ บริการรายเดียว แต่ต่อมาคณะกรรมการ หลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้มีมติในการ ประชมุ ครงั้ ท่ี 6/2555 เมอ่ื วนั ท่ี 14 พฤษภาคม 2555 เห็นชอบให้ ขยายความครอบคลุม กรณีทม่ี ีการฝากครรภ์ ตั้งแต่ 37 สัปดาห์ข้ึน ไป และทารกเสยี ชวี ติ ในครรภร์ ะหวา่ งการดแู ล ของหน่วยบริการ ให้จ่ายเงินช่วยเหลือเบ้ืองต้นได้ เทา่ กบั อัตราทก่ี า� หนดในประเภทความเสียหาย กรณีเสยี ชีวติ และเม่ือได้มีการแก้ไขเพ่ิมเติมอัตราและประเภทความเสียหาย คณะ กรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จึงได้ยกเลิกข้อบังคับเดิม (พ.ศ.2549) และ ออกขอ้ บงั คบั ฉบบั ใหม่ (พ.ศ.2555) จงึ ไดน้ า� หลกั เกณฑก์ ารพจิ ารณากรณคี ลอดบตุ ร และทารกเสียชีวติ ในครรภต์ ามท่ีมีมตไิ วแ้ ลว้ ระบไุ ว้ในข้อบังคบั 31

จากการออกขอ้ บงั คบั ดงั กลา่ ว คณะกรรมการควบคมุ คณุ ภาพและมาตรฐาน บริการสาธารณสุข จึงได้มีมติในการประชุมคร้ังที่ 9/2555 เม่ือวันท่ี 20 กันยายน 2555 กา� หนดแนวทางเพอื่ พจิ ารณากรณที ารกเสยี ชวี ติ ในครรภใ์ หม้ คี วามชดั เจนมาก ยิ่งขนึ้ ดงั ต่อไปน้ี 1. เกณฑ์การฝากครรภ์สม�่าเสมอต่อเนื่องและดูแลตามมาตรฐานการฝาก ครรภ์พจิ ารณาจาก 1.1 มกี ารละเลยการฝากครรภ์ตามนัดจนมีผลต่อทารกในครรภห์ รอื ไม่ 1.2 มกี ารฝากครรภอ์ ย่างน้อย 4 คร้ัง ตามเกณฑม์ าตรฐานของกระทรวง สาธารณสุขและมีการบันทึกยกเว้น กรณีเหตุสุดวิสัยด้านระบบการ แพทย์ท่ีไม่สามารถเข้าถึงการฝากครรภ์ได้ ให้พิจารณาตามความ เหมาะสมเป็นกรณๆี ไป 2. เสียชีวติ ในครรภร์ ะหว่างการดแู ลในหนว่ ยบรกิ าร หมายถงึ ขณะเข้ารับ บรกิ ารทารกยงั มชี วี ติ อยู่ และเสยี ชวี ติ ในระหวา่ งรบั บรกิ ารในหนว่ ยบรกิ าร 3. กรณที ารกเสยี ชวี ติ ในครรภ์ และมารดาเสยี ชวี ติ หลงั คลอด ไดพ้ จิ ารณจา่ ย ให้มารดาตามข้อบังคับเดิมไปแล้ว เม่ือมีข้อบังคับใหม่ ไม่ควรน�ากรณี ทารกเสียชีวิตในครรภ์มาพิจารณาอีก 4. หลกั ฐานกรณีทารกเสียชวี ติ ในครรภ์ พิจารณาจากสทิ ธิในการรักษา พยาบาลของมารดาเปน็ หลกั และหลกั ฐานการฝากครรภแ์ ละเวชระเบยี น ของมารดา 5. กรณที ารกเสยี ชวี ติ ในครรภเ์ ปน็ ความเสยี หายทเ่ี กดิ แกม่ ารดา ซงึ่ เปน็ ผรู้ บั บรกิ าร หากทารกในครรภเ์ ปน็ เดก็ แฝด การพจิ ารณาจา่ ยเงนิ ชว่ ยเหลอื จงึ ถอื เป็นหนง่ึ กรณเี ท่าน้ัน 32

4.5 ความเสยี หายกรณคี มุ ก�าเนิดแล้วต้ังครรภ์ ตามหนังสอื สา� นักงานหลกั ประกันสขุ ภาพแหง่ ชาติ ท่ี สปสช.003/ว 1243 ลงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2555 และหนังสือส�านักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ท่ี สปสช.03/ว 0185 ลงวันท่ี 11 กนั ยายน 2558 แจ้งแนวทางการพจิ ารณาจ่ายเงนิ ช่วยเหลือเบ้ืองต้น กรณีคุมก�าเนิดแล้วตั้งครรภ์ ตามมติคณะกรรมการควบคุม คณุ ภาพและมาตรฐานบรกิ ารสาธารณสขุ โดยถอื วา่ เปน็ ความเสยี หายกรณบี าดเจบ็ หรือเจ็บป่วยต่อเน่ือง เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาค�าร้องขอรับเงินช่วยเหลือเบื้อง- ตน้ ของคณะอนกุ รรมการพิจารณาวินจิ ฉยั คา� รอ้ งขอรบั เงินชว่ ยเหลอื เบอ้ื งตน้ ตารางสรปุ การจา่ ยเงนิ ชว่ ยเหลอื เบอื้ งตน้ ขอ้ พจิ ารณา ทา� หมัน คมุ ก�าเนดิ ชัว่ คราว เหตสุ ุดวสิ ยั 60,000 บาท 30,000 บาท ยตุ กิ ารต้งั ครรภ์ 30,000 บาท 15,000 บาท พจิ ารณาจากผลกระทบ จ่ายเพิ่มไมเ่ กิน จา่ ยเพิม่ ไม่เกิน ต่อรา่ งกายและเศรษฐานะ 40,000 บาท 20,000 บาท (ดลุ พนิ ิจ) 33



บทำทำ่ี 2 ความเปน็ มาของศนู ยป์ ระสานงานหลกั ประกนั สขุ ภาพ

1. ศนู ย์ประสานงานหลักประกนั สขุ ภาพในหนว่ ยบริการ พ.ร.บ.หลกั ประกนั สขุ ภาพ พ.ศ.2545 กลา่ วถงึ เรอ่ื งการใหค้ วามคมุ้ ครองสทิ ธิ แก่ประชาชนไว้ในมาตรา 50(5) ให้อ�านาจคณะกรรมการควบคุมคุณภาพและ มาตรฐานบรกิ ารสาธารณสุข กา� หนดหลกั เกณฑ์วิธกี ารและเง่อื นไขในการรอ้ งเรยี น ของผ้ถู ูกละเมิดสทิ ธิจากการใชบ้ รกิ าร วิธีการพิจารณา รวมทัง้ หลักเกณฑ์วิธกี ารให้ ความช่วยเหลือแก่ผู้ซึ่งถูกละเมิดสิทธิจากการใช้บริการ และก�าหนดหน่วยรับร้อง- เรยี นเพอื่ ใหป้ ระชาชนสามารถแจง้ เรอ่ื งรอ้ งเรยี น เพอ่ื ใหป้ ระชาชนสามารถเสนอเรอ่ื ง รอ้ งเรียนได้โดยสะดวกและเป็นอสิ ระจากผถู้ ูกร้องเรียน ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มลู เรอื่ งรอ้ งเรยี นทเี่ ขา้ มายงั สา� นกั งานหลกั ประกนั สขุ ภาพ แหง่ ชาติ พบวา่ จา� นวนเรอื่ งทเ่ี ปน็ การละเมดิ สทิ ธแิ ละเขา้ ขา่ ยความผดิ ตามพระราช- บัญญัตินั้นมีจ�านวนไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นเร่ืองของความไม่เข้าใจกัน สาเหตุ จากความคลาดเคลื่อนของข้อมูลที่มีการเปล่ียนแปลง ความไม่เข้าใจกันระหว่าง บุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล หรือเจ้าหนา้ ทผี่ ้ใู ห้บริการกับผรู้ ับบรกิ ารหรอื ญาติ จากการส่ือสารภาษาทางการแพทย์ และความคาดหวังท่ีไม่ตรงกัน ส่งผลกระทบ ท�าให้เจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลมีภาระงานที่เพิ่มขึ้น จนท�าให้เหนื่อยล้า ซ่ึงปัญหา ดงั กลา่ วเกิดขึน้ ในสถานบรกิ ารหรอื โรงพยาบาล 36

สา� นกั งานหลกั ประกนั สขุ ภาพแหง่ ชาตจิ งึ เหน็ วา่ หากพฒั นาใหม้ ศี นู ยป์ ระสาน งานหลักประกันสุขภาพข้ึนในหน่วยบริการ ท�าหน้าท่ีคอยให้ข้อมูล ค�าแนะน�า ให้ ความช่วยเหลือ และคลี่คลายปัญหาความกังวลใจให้แก่ประชาชนผู้รับบริการ จะ ทา� ใหป้ ระชาชนสามารถเขา้ ถงึ ขอ้ มลู ขา่ วสาร การสอื่ สารทา� ความเขา้ ใจและขอความ ช่วยเหลือได้ง่ายกรณีเกิดปัญหาจากการให้บริการ ซ่ึงสามารถลดปัญหาความ ขดั แย้งระหวา่ งผู้ใหบ้ ริการและผู้รับบรกิ ารได้ ปี พ.ศ.2549 ส�านักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จึงให้การ สนับสนุนการพัฒนาศูนย์บริการหลักประกันสุขภาพในโรงพยาบาล น�าร่อง 6 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลนครพิงค์ จังหวัดเชียงใหม่, โรงพยาบาลพุทธชินราช จังหวัด พิษณุโลก, โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา โรงพยาบาลขอนแก่น โรงพยาบาล อุดรธานี และโรงพยาบาลสงขลานครนิ ทร์ จงั หวดั สงขลา ต้งั แต่ปี 2552 เป็นต้นมา ไดข้ ยายการสนับสนนุ ไปยงั รพ.ชมุ ชน (ขนาด 30 เตียงข้ึนไป) จนถึงปัจจุบันมีศูนย์บริการหลักประกันสุขภาพทั้งหมดมากกว่า 800 แห่ง 2. ความเปน็ มาของศูนยป์ ระสานงานหลักประกนั สุขภาพภาคประชาชน สา� นกั สนบั สนนุ การมสี ว่ นรว่ ม สา� นกั งานหลกั ประกนั สขุ ภาพแหง่ ชาติ (สปสช.) ไดด้ า� เนนิ การสรา้ งการมสี ว่ นรว่ มของภาคประชาชนในรปู แบบตา่ งๆ ตง้ั แตป่ ี 2547 โดย สนับสนุนให้มีส่วนร่วมการสร้างหลักประกันสุขภาพ ในรูปแบบศูนย์ประสานงาน หลักประกันสุขภาพประชาชน เพ่ือเป็นกลไกในการให้ความรู้ ข้อมูลข่าวสารเร่ือง หลกั ประกนั สขุ ภาพ รบั เรอื่ งรอ้ งทกุ ขป์ ญั หาของประชาชนในระบบหลกั ประกนั สขุ ภาพ แหง่ ชาติ และประสานงาน ทา� ความเขา้ ใจ แกไ้ ข หรอื สง่ ตอ่ ปญั หาใหก้ บั หนว่ ยงานที่ เกยี่ วขอ้ ง รวมทง้ั การสง่ เสรมิ ใหอ้ งคก์ รชมุ ชน องคก์ รประชาชน องคก์ รเอกชน เขา้ มามี บทบาทในการสนบั สนนุ การดา� เนนิ งาน และมสี ว่ นรว่ มในการคมุ้ ครองสทิ ธปิ ระชาชน และพฒั นาระบบหลกั ประกนั สขุ ภาพแหง่ ชาติ โดยมมี ลู นธิ คิ มุ้ ครองผบู้ รโิ ภคและมลู นธิ ิ เขา้ ถงึ เอดส์ เปน็ กลไกสนบั สนนุ กระบวนการทา� งานและพฒั นาศกั ยภาพ 37

ในปี พ.ศ.2547 สา� นกั สนบั สนนุ การมสี ว่ นรว่ ม สา� นกั งานหลกั ประกนั สขุ ภาพ แห่งชาติ ได้ด�าเนินการสนับสนุนจัดตั้งศูนย์ประสานงานฯ 29 ศูนย์ ใน 21 จังหวัด และในปัจจุบันมีศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพภาคประชาชนท่ัวประเทศ จ�านวน 146 ศูนย์ ครอบคลุมใน 77 จงั หวดั (ข้อมูล ณ วันท่ี 21 มกราคม พ.ศ.2558) การด�าเนินงานท่ีผ่านมาสามารถช่วยให้ประชาชนเข้าถึงรับรู้ถึงสิทธิหน้าที่ และการรับเร่ืองร้องเรียน/ร้องทกุ ข์ ในการเข้ารบั บรกิ ารในระบบหลกั ประกนั สขุ ภาพ ในพน้ื ทไ่ี ดท้ ง้ั เชงิ รกุ และการตง้ั รบั เปน็ การดา� เนนิ งานทมี่ กี ระบวนการทา� งานอยา่ งมี ส่วนร่วมของประชาชนอยา่ งแทจ้ รงิ เพื่อการเผยแพร่ขอ้ มูล สร้างความรู้ความเข้าใจ โดยประชาชนสู่ชุมชนด้วยกันเอง รับเร่ืองร้องทุกข์ แก้ไขปัญหาเบื้องต้น เกิดความ สัมพนั ธท์ ่ีดกี บั ผใู้ หบ้ รกิ าร 38

ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมคือ กลไกเครือข่ายประชาชนมีศักยภาพ เกิดความ เข้มแข็ง สามารถเข้าร่วมเป็นกรรมการในการร่วมก�าหนดนโยบายระดับประเทศ ระดับเขตและระดับจังหวัด รวมถึงการสร้างองค์ความรู้และประสบการณ์ในระบบ หลักประกันสุขภาพ ส่งผลให้เกิดแกนน�า ผู้แทนภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม บรหิ ารกองทนุ หลกั ประกนั สขุ ภาพในระดบั ทอ้ งถนิ่ หรอื พนื้ ท่ี (อบต./เทศบาล) ตลอด จนการผลกั ดนั สทิ ธปิ ระโยชน์ เชน่ โรคไต หวั ใจ จติ เวช ปลกู ถา่ ยหวั ใจ และการผา่ ตดั ปลกู ถ่ายตับในเดก็ อายุไมเ่ กนิ 18 ปี (นพ.วนิ ยั สวสั ดวิ ร, 2556) สิง่ ที่ต้องดา� เนนิ การต่อไปคือ การพัฒนาศักยภาพเครอื ข่ายประชาชนกลมุ่ ท่ี ยงั เขา้ ไมถ่ งึ ระบบหลกั ประกนั สขุ ภาพ เพอ่ื ใหเ้ ขา้ มสี ว่ นรว่ มพฒั นาระบบหลกั ประกนั สุขภาพอย่างเข้มแข็ง สร้างกลไกให้เกิดการพัฒนาการมีส่วนร่วมในระดับนโยบาย ระดับเขต ระดบั จงั หวัดและระดับพน้ื ท่ี สนบั สนุนการมสี ว่ นร่วม เน้นการตอบสนอง การดแู ลสขุ ภาพระดบั บคุ คล ชมุ ชนทอ้ งถิ่น ใหส้ ามารถดูแลสขุ ภาพด้วยตนเอง โดย กลไกสง่ เสริมสุขภาพ ป้องกนั โรคในชมุ ชนท้องถิ่น สรา้ งความรว่ มมอื ในการพฒั นา ระบบหลกั ประกนั สขุ ภาพแหง่ ชาติ ทงั้ ประชาชน วชิ าชพี องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ รว่ มกนั โดยเชอ่ื มโยงแผนงานและงบประมาณในระดับทอ้ งถิน่ (สุภาพร ถ่ินวัฒนา, 24 ก.พ.2556 : ประชาไท ออนไลน์) 3. วัตถปุ ระสงค์ของการจัดต้ังศนู ย์ประสานงานหลักประกันสขุ ภาพ 1. พฒั นารปู แบบการใหบ้ รกิ ารขอ้ มลู สทิ ธปิ ระโยชน์ ใหค้ า� แนะนา� ในการใชบ้ รกิ ารรบั เรอื่ งรอ้ งเรยี น ประสานงานแกไ้ ขปญั หาและคมุ้ ครองสทิ ธใิ หแ้ กผ่ รู้ บั บรกิ าร 2. ใหห้ นว่ ยบรกิ ารปรบั ระบบการใหบ้ รกิ าร เพอ่ื ใหป้ ระชาชนไดร้ บั สทิ ธปิ ระโยชนแ์ ละ บรกิ ารทเี่ หมาะสม สามารถสรา้ งความพงึ พอใจและลดปญั หาเรอ่ื งรอ้ งเรยี นลดลง 3. สรา้ งความรว่ มมอื และประสานงานกนั ภายในหนว่ ยบรกิ ารเพอ่ื ปอ้ งกนั และแกไ้ ข ปญั หาเรอื่ งรอ้ งเรยี นตา่ งๆ 4. พฒั นางานแกไ้ ขปญั หาเรอ่ื งรอ้ งเรยี นและคมุ้ ครองสทิ ธใิ นหนว่ ยบรกิ ารใหม้ ี มาตรฐาน ทา� ใหป้ ระชาชนสามารถเขา้ ถงึ ดว้ ยความมนั่ ใจ 39

40

4. กรอบแนวทางการด�าเนนิ งาน 1. จัดต้ัง “ศนู ย์บรกิ ารหลักประกันสขุ ภาพ” ในบรเิ วณ OPD หรอื บริเวณที่ประชาชน สามารถไปรบั บรกิ ารไดโ้ ดยสะดวก กรณกี ารจดั ตง้ั ศนู ยป์ ระสานงานหลกั ประกนั สุขภาพภาคประชาชนน้ัน จัดต้ังที่ไหนก็ได้ที่มีสถานท่ีตั้งชัดเจน พื้นท่ีเพียงพอ ส�าหรับด�าเนินงานบริการ โดยมีการตั้งป้ายช่ือศูนย์ประสานงานฯ และมีป้าย ประชาสมั พันธก์ ารบริการทชี่ ัดเจน 2. มาตรฐานการด�าเนินงานศูนย์บรกิ ารหลกั ประกันสุขภาพ เป็นข้อกา� หนดพ้นื ฐาน ดงั น้ี (1) ดา้ นกายภาพ (2) ดา้ นบุคลากร (3) ด้านการดา� เนนิ งานแกป้ ัญหา (4) ด้านระบบขอ้ มูล (5) ดา้ นการพฒั นางานบริการเชิงรุก โดยเรม่ิ ตน้ จะตอ้ งผา่ นเกณฑป์ ระเมนิ ตามมาตรฐาน อยา่ งนอ้ ย 4 ดา้ น ไดแ้ ก่ ดา้ นที่ 1 - 4 และมกี ารพัฒนาอย่างตอ่ เนือ่ ง จนผา่ นเกณฑ์ประเมนิ ตามมาตรฐานฯ ทัง้ 5 ดา้ น (กรณขี องหนว่ ยบริการ) 3. การประเมินผล (กรณีศนู ยบ์ ริการหลักประกันสุขภาพของหน่วยบริการ)  มกี ารประเมินผลสา� เร็จการด�าเนนิ งานโดยตอ้ งผา่ นเกณฑ์มาตรฐาน  มีการประเมินสรุปบทเรียน เพื่อน�าไปพัฒนางานโดยประเมินผลการแก้ ปัญหาเรื่องร้องเรียน ความคิดเห็นและความพึงพอใจของผู้ท่ีเกี่ยวข้อง ทง้ั ผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ และผรู้ ับบรกิ าร 41



บทำทำี่ 3 ศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพชนเผ่าพ้ืนเมือง และกล่มุ ชาติพนั ธุ์

1. ความสา� คญั ศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพชนเผ่าพ้ืนเมืองและกลุ่มชาติพันธุ์นั้น เป็นศูนยป์ ระสานงานหลักประกันสขุ ภาพภาคประชาชนเชิงประเด็น จดั ตงั้ แห่งแรก เม่ือปี พ.ศ.2547 ในชื่อ ศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพประชาชน (ชนเผ่า พื้นเมืองและชาติพันธุ์) โดยศูนย์ประสานงานองค์กรเอกชนพัฒนาชาวไทยภูเขา (ศอข.) ตอ่ มาประสบปญั หาการบรหิ ารจดั การ จงึ สง่ มอบใหเ้ ครอื ขา่ ยสขุ ภาพชาตพิ นั ธ์ุ บนพืน้ ทีส่ งู (คชส.) บรหิ ารจดั การตงั้ แตป่ ี พ.ศ.2551 จนถงึ ปจั จุบัน ปจั จบุ นั มศี นู ยป์ ระสานงานหลกั ประกนั สขุ ภาพชนเผา่ พนื้ เมอื งและชาตพิ นั ธ์ุ ทเ่ี ปน็ ทางการ จา� นวน 5 แหง่ 5 มหี นว่ ยรบั เรอื่ งเรยี นอน่ื ทเี่ ปน็ อสิ ระจากผถู้ กู รอ้ งเรยี น ตามมาตรา 50(5) 1 แหง่ 26 ไดจ้ ัดต้งั ศนู ย์ฯและผ่านกระบวนฝกึ อบรมแลว้ และอยู่ ในระหวา่ งพฒั นาศักยภาพการด�าเนินงาน จ�านวน 11 แหง่ จดั ตง้ั ปี พ.ศ.2558 และ จะจัดตั้งข้ึนมาใหม่เป็นศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพในระดับอ�าเภอ อีก 8 แห่ง ในปี พ.ศ.2560 5. ศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพประชาชน (ชนเผ่าพ้ืนเมืองและชาติพันธุ์) อ.แม่สาย, ศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพ ประชาชน (ชนเผา่ พ้นื เมอื งและชาตพิ ันธุ์) อ.ขุนยวม, ศนู ยป์ ระสานงานหลกั ประกนั สขุ ภาพภาคประชาชน-ชาติพันธุ์ อ.เมือง เชยี งใหม่, ศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพประชาชน (ชนเผ่าพ้ืนเมืองและชาติพันธุ์) อ.ปางมะผ้า แม่ฮ่องสอน และศูนย์ประสานงานหลัก ประกันสุขภาพประชาชน (ชนเผา่ พ้ืนเมืองและชาตพิ ันธ์ุ) อ.เมืองเชยี งราย (มูลนธิ ิพฒั นาชมุ ชนและเขตภเู ขา) 6. ศนู ยป์ ระสานงานหลักประกันสุขภาพภาคประชาชน-ชาติพนั ธ์ุ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 44

การด�าเนินการขอจัดต้ังขยายศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพชนเผ่า พืน้ เมอื งและกลุม่ ชาตพิ นั ธุ์ในระยะตอ่ ไป กลไกสนบั สนนุ และประสานงานหลกั คอื โครงการพฒั นาระบบและบรกิ ารสขุ ภาพชนเผา่ พนื้ เมอื งและกลมุ่ ชาตพิ นั ธท์ุ ม่ี ปี ญั หา สถานะและสทิ ธิ มลู นธิ พิ ฒั นาชนกลมุ่ นอ้ ยและชาตพิ นั ธ์ุ (พชช.) โดยดา� เนนิ งานผา่ น ภาคีโครงการย่อย สมาคมศูนย์รวมการศึกษาและวัฒนธรรมของชาวไทยภูเขาใน ประเทศไทย (ศวท./IMPECT) ท�าหน้าท่ีเป็นแม่ข่ายในการจัดตั้งและพัฒนาศูนย์ ประสานงานหลักประกันสุขภาพชนเผ่าพ้ืนเมืองและกลุ่มชาติพันธุ์ และมีศูนย์ ประสานงานหลักประกันสุขภาพภาคประชาชน-ชาติพันธุ์ และกลไกศูนย์ประสาน งานหลักประกันสุขภาพกลไกภาค ท�าหน้าท่ีเป็นพี่เล้ียงในการพัฒนายกระดับ ศักยภาพในการดา� เนนิ งาน 2. เป้าหมาย ชนเผา่ พนื้ เมอื งและกลมุ่ ชาตพิ นั ธม์ุ คี วามเขา้ ใจเรอ่ื งระบบหลกั ประกนั สขุ ภาพ แห่งชาติ มีองค์ความรู้ สามารถด�าเนินการรับเรื่องราว ร้องทุกข์ ประสานงาน เพื่อ แก้ไขปัญหาเบื้องต้น และกรณีส่งต่อ สามารถด�าเนินกิจกรรมเผยแพร่ข้อมูล และ ถ่ายทอดความรู้ให้กับประชาชนต่อในระดับพ้ืนท่ี ประสานความร่วมมือกับศูนย์ ประสานฯ ระดบั จงั หวดั สปสช. สาขาจงั หวดั และเครือข่ายองคก์ ร ภาคอี ืน่ ในระดับ พื้นที่ รวมทั้งสนับสนุนการมีส่วนร่วมขององค์กรชุมชน องค์กรประชาชน ในระบบ หลกั ประกนั สขุ ภาพแห่งชาติ ซ่งึ จะทา� ใหเ้ กดิ ประโยชนส์ ูงสุดตอ่ ประชาชนต่อไป 45

3. วัตถุประสงค์ 3.1 เพื่อเผยแพร่ข้อมูล ความรู้ความเข้าใจระบบหลักประกันสุขภาพ รวมถึง น�าข้อมูลความคืบหน้าที่เกี่ยวข้องกับระบบหลักประกันสุขภาพไป ถ่ายทอดต่อในระดบั พืน้ ท่ี ตามแผนกจิ กรรมการดา� เนนิ งานของโครงการ ที่เสนอ 3.2 ประสานความร่วมมือกับเครือข่ายองค์กร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคอี น่ื ในระดบั พนื้ ท่ี และ สปสช. สว่ นกลาง/สาขาเขตพน้ื ท/่ี สาขาจงั หวดั 3.3 ดา� เนนิ การรบั เรอ่ื งราวรอ้ งทกุ ข์ ประสานงานเพอ่ื แกไ้ ขปญั หาเบอ้ื งตน้ และ กรณสี ่งต่อ 3.4 สนับสนนุ การมีสว่ นร่วมขององค์กรชุมชน องคก์ รประชาชนในระบบหลกั ประกนั สุขภาพและผลักดันเชิงนโยบาย 3.5 พฒั นาระบบฐานขอ้ มลู จดั ทา� ขอ้ เสนอและความเหน็ ตอ่ การพฒั นาระบบ หลักประกันสุขภาพ ร่วมผลักดันเชิงนโยบาย ระบบบริการที่มีคุณภาพ และมาตรฐาน 4. บทบาทภารกิจของศูนยป์ ระสานงานฯ 4.1 เผยแพรข่ อ้ มูล ความรู้ สร้างความเขา้ ใจ เรอื่ งหลกั ประกันสขุ ภาพ 4.2 รบั เรือ่ งรอ้ งทกุ ข์ ให้คา� แนะนา� ปรกึ ษา ประสานงานแก้ไขปัญหา 4.3 ติดตามและพัฒนาคณุ ภาพบรกิ ารในระดับพื้นท่ี 4.4 สนับสนุนการมีส่วนร่วมขององค์กรชุมชน/องค์กรประชาชนในการจัด กจิ กรรมทเ่ี กยี่ วขอ้ ง 4.5 จดั ท�าขอ้ เสนอและความคิดเหน็ ต่อการพัฒนาระบบหลักประกันสขุ ภาพ 4.6 สนับสนุนการมีส่วนร่วมและเชื่อมร้อยเครือข่ายประชาชน 9 ด้าน ตาม พ.ร.บ.หลักประกนั สุขภาพแหง่ ชาติ พ.ศ. 2545 4.7 รายงานผลการทา� กจิ กรรมตามกรอบ ระยะเวลา และเงอ่ื นไข ตามทสี่ ญั ญา กา� หนด 46

5. ขอบเขตการดา� เนินงานศูนยป์ ระสานงาน หลักประกนั สขุ ภาพประชาชน 5.1 เผยแพรข่ อ้ มลู ความรู้ สรา้ งความเขา้ ใจ ระบบหลกั ประกนั สขุ ภาพ รวมถงึ น�าข้อมูลความคืบหน้าท่ีเกี่ยวข้องกับระบบหลักประกันสุขภาพไป ถ่ายทอดตอ่ ไปในระดบั พืน้ ท่ดี ้วยการจัดกจิ กรรมตามโครงการทเ่ี สนอ 5.2 รับเร่ืองร้องทุกข์ ให้ค�าแนะน�าปรึกษา ประสานงานแก้ไขปัญหาจากการ ใชบ้ รกิ ารและตดิ ตามและพัฒนาคุณภาพบรกิ ารในระดบั พนื้ ที่ 5.3 สนับสนุนการมีส่วนร่วมขององค์กรชุมชน/องค์กรประชาชน ในการเช่ือม ร้อยเครอื ข่ายในระดับพืน้ ทที่ ่เี ก่ยี วข้องในระบบหลักประกนั สขุ ภาพ 5.4 พฒั นาศักยภาพยกระดับการดา� เนินกิจกรรมจากประสบการณ์ที่ผ่านมา 5.5 จดั ท�าขอ้ เสนอและความคิดเห็นต่อการพัฒนาระบบหลักประกันสขุ ภาพ 6. ลกั ษณะโครงสรา้ งของศูนย์ประสานงาน หลกั ประกนั สขุ ภาพประชาชน 6.1 เป็นศูนย์ที่ด�าเนินการโดยภาคประชาชน ไม่อยู่ในหน่วยบริการ โรง- พยาบาล สถานีอนามัย หรือหน่วยงานของภาครัฐทุกประเภท และอาจ เป็นศูนย์ที่ด�าเนินกิจกรรมต่อเน่ืองจากกิจกรรมท่ีด�าเนินอยู่เดิม หรือเป็น ศูนย์ที่ก่อต้ังใหม่ โดยมลี กั ษณะดงั นี้ 6.2 มีสถานทห่ี รอื ทต่ี งั้ ชดั เจน 6.3 มีการจัดต้ังคณะกรรมการบริหารศูนย์ประสานงาน โดยมีองค์ประกอบ ดังน้ี 1) ประธานกรรมการ 2) รองประธาน (มหี รอื ไม่มีกไ็ ด้) 3) เหรัญญกิ 4) เลขานุการ 47

5) กรรมการ 6) เจ้าหน้าทด่ี �าเนนิ งานประสานงานและรับเรื่องร้องเรียน ประกอบด้วย 6.1) ผปู้ ระสานงานศนู ย์ประสานงาน 6.2) ฝา่ ยขอ้ มลู และวิชาการ 6.3) อน่ื ๆ ตามความจา� เปน็ และตามศกั ยภาพของ ศูนย์ประสานงาน 6.4 มีบคุ ลากรหรอื องค์กรท่มี ีผูร้ บั ผดิ ชอบอยา่ งชดั เจน 6.5 บคุ ลากรท่ดี �าเนินงานมคี วามรูใ้ นเรือ่ งหลกั ประกนั สุขภาพ 6.6 มรี ะบบบรหิ ารการจดั การทม่ี ีประสทิ ธภิ าพ โปร่งใส ตรวจสอบได้ 7. เกณฑ์การคดั เลือกศนู ยป์ ระสานงานหลักประกนั สุขภาพประชาชน 7.1 มีความพรอ้ ม มีความรูค้ วามเข้าใจ และอยากจัดต้ังศูนยป์ ระสานงาน 7.2 มสี ถานทหี่ รอื ทตี่ งั้ ชดั เจน ทป่ี ระชาชนทว่ั ไปสามารถเขา้ ไปใชบ้ รกิ ารไดโ้ ดย สะดวก 7.3 มโี ครงสรา้ งของการดา� เนนิ งานในรปู ของคณะกรรมการ มิใช่การดา� เนิน- การโดยคนใดคนหน่ึง เพียงคนเดียว 7.4 มปี ระสบการณ์ หรอื เคยจดั กจิ กรรมในเรอ่ื งเกยี่ วกบั การดแู ลสขุ ภาพ หรอื กจิ กรรมอน่ื ๆ ทมี่ ลี กั ษณะเออื้ ตอ่ การดา� เนนิ กจิ กรรมศนู ยฯ์ อยา่ งนอ้ ย 1 ปี 7.5 ผรู้ บั ผดิ ชอบดา� เนนิ การศนู ยเ์ ปน็ ทย่ี อมรบั ของหนว่ ยบรกิ ารและประชาชน ผรู้ บั บริการในพ้นื ที่ 7.6 ด�าเนินการโดยประชาชนในชุมชน หรือผู้ที่พักอาศัยอยู่ในชุมชนและมี ความผูกพนั กับชมุ ชนหรือองค์กรเอกชน (NGO) 48