Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สวทช คิดค้นชุมชนเข้มแข็ง-

สวทช คิดค้นชุมชนเข้มแข็ง-

Published by Phrapradaeng District Public Library, 2019-05-13 10:15:42

Description: สวทช คิดค้นชุมชนเข้มแข็ง-

Search

Read the Text Version

สวทช. คิดค้น ชมุ ชนเข้มแขง็ บรรณาธิการ ศ.เกียรติคุณ ดร.มรกต ตันติเจรญิ นักเขียน วชั ราภรณ์ สนทนา กองบรรณาธกิ าร จุมพล เหมะคีรินทร์ จีราภา ปาระวนิชย์ รกั ฉตั ร เวทวี ฒุ าจารย์ ปริทศั น์ เทยี นทอง ฝา่ ยภาพ โสภณ ชาตทิ อง อาทติ ย์ ลมลู ปลงั่ วนั สรร จารธุ นศักดิก์ รู ออกแบบปก ฉัตรทพิ ย์ สุรยิ ะ ออกแบบรูปเล่ม บรษิ ทั ไทยเอฟเฟคทส์ ตดู ิโอ จ�ำ กดั ISBN 978-616-12-0265-1 พิมพ์ครั้งแรก 2,000 เล่ม ราคา 200 บาท สงวนลขิ สิทธ์ิ พ.ศ. 2553 ตาม พ.ร.บ. ลขิ สิทธ์ิ พ.ศ. 2537 โดย ส�ำ นักงานพัฒนาวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีแหง่ ชาติ (สวทช.) กระทรวงวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ไมอ่ นญุ าตให้คัดลอก ท�ำ ซ้ำ� และดัดแปลง สว่ นใดส่วนหน่งึ ของหนงั สอื ฉบับนี้ นอกจากไดร้ บั อนุญาตเปน็ ลายลักษณอ์ ักษรจากเจา้ ของสิทธ์ินีเ้ ท่านั้น Copyright @ 2010 By National Science and Technology Development Agency Ministry of Science and Technology 111 Thailand Science Park, Phahonyothin Road, Klong 1, Klong Luang, Pathumthani 12120, THAILAND Tel. +66 2564 6500 Fax +66 2564 7002-5 สวทช. คิดคน้ ชุมชนเขม้ แข็ง/ สำ�นักงานพฒั นาวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีแหง่ ชาติ -- ปทุมธานี : สำ�นกั งานพัฒนาวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยแี ห่งชาต,ิ 2556. 100 หนา้ : ภาพประกอบ ISBN: 978-616-12-0265-1 1. การพฒั นาชุมชน 2. ชมุ ชน I. สำ�นักงานพฒั นาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยแี หง่ ชาติ II. ชอ่ื เรอ่ื ง HN49.C6 307.14 จัดท�ำ โดย สำ�นักพฒั นาก�ำ ลงั คนทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ส�ำ นักงานพฒั นาวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยแี ห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 111 อุทยานวทิ ยาศาสตร์ประเทศไทย ถนนพหลโยธนิ ตำ�บลคลองหน่ึง อ�ำ เภอคลองหลวง จงั หวัดปทมุ ธานี 12120 โทรศพั ท์0 2564 7000 โทรสาร 0 2564 7002-5 เวบ็ ไซต์ : http://www.nstda.or.th/

บทบรรณาธกิ าร หลายท่านคงเคยได้ยินคำ�กล่าวที่ว่า “ความเข้มแข็งของชุมชนชนบทเป็นกลไกสำ�คัญของการพัฒนาเศรษฐกิจและ สงั คมของประเทศอย่างยัง่ ยนื ” ชุมชนชนบททเี่ ข้มแข็งมักสะทอ้ นภาพของความม่ันคงทางเศรษฐกจิ พง่ึ พาตนเองได้ มีการ แลกเปล่ยี นเรียนรู้ รู้จักใช้ รจู้ ักรกั ษาและอยู่รว่ มกับทรพั ยากรในพื้นทไี่ ด้อย่างยงั่ ยืน หนังสือ “สวทช. คิดค้น ชุมชนเข้มแข็ง” ฉบับน้ี สะท้อนเร่ืองราวของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกับการพัฒนา ชมุ ชนชนบทใหเ้ ขม้ แขง็ ภายใตก้ ารด�ำ เนนิ งานของส�ำ นกั งานพฒั นาวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยแี หง่ ชาติ (สวทช.) และพนั ธมติ ร เครือข่ายผ่านประสบการณ์ใน 4 พ้ืนท่ี ท่ีได้รับคัดเลือกเป็นหมู่บ้านแม่ข่ายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในแต่ละพื้นที่มี เรื่องราวและวิถีชุมชนที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว การนำ�วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้าไปในพ้ืนท่ี จำ�เป็นต้องคำ�นึงถึง ฐานเดิม ปจั จัยทอี่ ยแู่ วดลอ้ ม และความตอ่ เนอ่ื งในการทำ�งาน “บา้ นผาคบั จงั หวดั นา่ น” พน้ื ทีส่ งู ทา่ มกลางหบุ เขา ได้รบั การถา่ ยทอดเทคโนโลยปี ลูกขา้ วสาลีเพ่อื เป็นอาชพี หลงั การทำ�นา สร้างรายได้เสริม และกระตุ้นให้คนในชุมชนนำ�ความรู้วิทยาศาสตร์ฯ ไปใช้ “บ้านบ่อเหมืองน้อย-ห้วยนำ้�ผัก จังหวดั เลย” พ้นื ที่ติดชายแดนไทย-ลาวทไ่ี ดร้ ับการสง่ เสริมปลูกพชื เมอื งหนาว สตรอว์เบอรร์ ี่และมะคาเดเมยี จนยกระดับ เปน็ ผลติ ภณั ฑช์ มุ ชนทไ่ี ดม้ าตรฐาน สรา้ งรายไดใ้ หค้ นในชมุ ชนและสง่ เสรมิ การทอ่ งเทยี่ วในพน้ื ที่ “บา้ นอดุ ม-สมบรู ณ์ จงั หวดั สุรินทร์” พ้ืนที่แดนอีสาน มีป่าหัวไร่ปลายนาเป็นแหล่งอาหารและพลังงานของชุมชน การสร้างจิตสำ�นึกรักษ์และรู้จักใช้ พลังงานที่เหมาะสมย่อมทำ�ให้ป่ามีความยั่งยืน และ “บ้านบาลา-เจ๊ะเด็ง จังหวัดนราธิวาส” พ้ืนที่ชายแดนใต้ติดผืนป่า ฮาลา-บาลา มคี วามหลากหลายของพนั ธพุ์ ชื และสตั วป์ า่ งานอนรุ กั ษแ์ ละใชป้ ระโยชนจ์ ากทรพั ยากรในพนื้ ทเี่ ปน็ ภาพสะทอ้ น ของการท�ำ งานรว่ มกันระหวา่ งนกั วชิ าการ คนในชมุ ชน เดก็ และเยาวชน โดยมงุ่ หวงั ให้เกดิ การถา่ ยทอดความรจู้ ากร่นุ สู่รุ่น นอกจากน้ใี นช่วงท้ายเล่มยังมเี สยี งสะทอ้ นจากเกษตรกร บา้ นหนองมัง จังหวัดอุบลราชธานี มาบอกเล่าความส�ำ เรจ็ ของ หมู่บ้านเกษตรอินทรยี ์ หลงั จาก สวทช. น�ำ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยเี ข้าไปถ่ายทอดในชมุ ชน สดุ ทา้ ยนพ้ี วกเราหวงั วา่ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยจี ะเปน็ เครอ่ื งมอื ส�ำ คญั ในการสรา้ งความเขม้ แขง็ ใหก้ บั ชมุ ชนชนบท ด้วยพลงั การท�ำ งานร่วมกันจากทุกฝา่ ยอยา่ งจรงิ จังและตอ่ เน่ือง ศ.เกยี รติคณุ ดร.มรกต ตนั ติเจริญ

“วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อสังคม” การนำ�วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์มิได้จำ�กัดเฉพาะเพื่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ เพยี งดา้ นเดยี ว แตย่ งั รวมถงึ การพฒั นาภาคชมุ ชนชนบทใหเ้ ตบิ โตอยา่ งยง่ั ยนื เพอ่ื เปน็ รากฐานทม่ี น่ั คงใหป้ ระเทศ องคค์ วามรู้ ด้านวิทยาศาสตร์หลากหลายสาขาถูกนำ�มาประยุกต์ใช้เพ่ือส่งเสริมให้คนในชุมชนมีอาชีพเลี้ยงตัวเอง มีสุขอนามัยท่ีดี มีความมั่นคงปลอดภัยในการดำ�เนินชีวิต รู้จักใช้ประโยชน์จากทรัพยากรในท้องถ่ินอย่างยั่งยืน นอกจากน้ีวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยียังเป็นเครื่องมือช่วยให้ชุมชนชนบทเข้าถึงองค์ความรู้และข้อมูลข่าวสาร รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลก มีกระบวนการคิดบนหลักของเหตุและผล และสร้างกระบวนการเรียนรู้ท่ีเป็นประโยชน์ต่อการดำ�เนินชีวิตอย่างเหมาะสม การผลกั ดนั ประเทศไทยไปสสู่ งั คมวทิ ยาศาสตร์ สงั คมทเ่ี หน็ ความส�ำ คญั และรจู้ กั น�ำ วทิ ยาศาสตรม์ าใชป้ ระโยชนต์ อ้ งท�ำ ตง้ั แต่ ระดับนโยบายจนถงึ ระดับปฏิบตั ิ อาศยั การท�ำ งานทสี่ อดประสานและขบั เคลือ่ นไปในทิศทางเดยี วกัน เร่ืองราวการทำ�งานกบั ชุมชนท่นี �ำ เสนอในหนังสือเลม่ นี้ สะท้อนใหเ้ หน็ ประสบการณ์ทผี่ ่านมากว่า 10 ปี ของ สวทช. นับเป็นบทเรียนที่ดี และเป็นการทำ�งานร่วมกับพันธมิตรที่ให้การสนับสนุนด้วยดีมาโดยตลอด ซ่ึงต้องขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ อาทิ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบรุ ี มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา มลู นธิ พิ ฒั นาอสี าน สมาคมเทคโนโลยีทเ่ี หมาะสม กรมอุทยานแห่งชาติ สตั ว์ปา่ และพันธ์พุ ชื เปน็ ต้น ดร.ทวศี ักด์ิ กออนนั ตกลู ผู้อ�ำ นวยการ สำ�นักงานพัฒนาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยแี ห่งชาติ

“รว่ มเรยี นรู้ รว่ มคดิ ร่วมมอื ร่วมทำ�” ประเทศจะเข้มแข็งได้ต้องมีความพร้อมในโครงสร้างพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ มีการสร้าง ความร้อู ยา่ งเพยี งพอ มกี ารพัฒนาเทคโนโลยเี พ่ือความสามารถในการแขง่ ขัน และทำ�ให้ประชากร มีชีวิตความเป็นอยู่ท่ีดี ชุมชนเข้มแข็งและมีความสุข วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นส่ิงจำ�เป็น แต่ไม่เพียงพอที่จะทำ�ให้ประเทศชาติและชุมชนเข้มแข็ง เทคโนโลยีเป็นเคร่ืองมือท่ีจำ�เป็น แต่เป็น ดาบสองคมที่สังคมตอ้ งรู้จกั วธิ กี ารใชบ้ นฐานความรู้ ความเหมาะสมและพอเพียง หนง่ึ ในบทบาทหนา้ ทขี่ องคลสั เตอรท์ รพั ยากร ชมุ ชนชนบทและผดู้ อ้ ยโอกาส คอื การสง่ เสรมิ พฒั นาเครอื ขา่ ยและสนบั สนนุ ใหเ้ ทคโนโลยมี คี วามเหมาะสมและเขา้ ถงึ ชมุ ชนชนบทและผดู้ อ้ ยโอกาส ซง่ึ หมายรวมถงึ ความสอดคลอ้ งกบั วถิ ชี วี ติ ของชมุ ชน การแลกเปลย่ี นและรว่ มเรยี นรจู้ งึ มคี วามส�ำ คญั ยง่ิ การเลือกโจทย์ท่ีเหมาะสม การดำ�เนินการคัดเลือกและพัฒนาเทคโนโลยี และทำ�การปรับแต่งให้ เหมาะสม ใช้การได้ ต้องผสมผสานความเข้าใจในเทคโนโลยี สภาพความเป็นจริงในท้องถ่ิน และ บริบททแี่ วดล้อมชมุ ชน เปา้ หมายทเี่ หมาะสม คอื การพฒั นาชมุ ชนใหส้ ามารถพฒั นาตวั เองตอ่ ไปได้ การพฒั นาผนู้ �ำ หรือคนรุ่นใหม่เพ่ือช่วยขับเคล่ือน จัดระบบและสานต่องานพัฒนาชุมชนชนบทให้เกิดความย่ังยืน มีความส�ำ คัญอยา่ งยงิ่ จึงจ�ำ เปน็ ต้องร่วมเรียนรู้ ร่วมคดิ รว่ มมือ ร่วมทำ�ไปด้วยกัน รศ.ดร.ศักรนิ ทร์ ภมู ริ ัตน ประธานคลัสเตอรท์ รพั ยากร ชมุ ชนชนบทและผู้ดอ้ ยโอกาส

ปลกู ฝงั ปัญญา พฒั นาชมุ ชน ด้วยวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี 10 สวทช. กบั การพัฒนาชุมชนชนบท ด้วยวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี “ชมขุนเขา ทงุ่ ข้าวสาลี” หมูบ่ า้ นผาคับ จงั หวัดนา่ น 16 “ทุ่งข้าวสีทอง” เมลด็ พนั ธ”์ุ แหง่ “ผาคับ” 25 “เพาะเห็ด” จากซังข้าวโพด 26 ท่องเท่ียวรมิ ทาง: วิถีเมอื งน่าน 27 แนะนำ�การเดินทาง: หมบู่ า้ นผาคบั จังหวัดนา่ น “เก็บสตรอว์เบอรร์ ี่ ชิมมะคาเดเมีย” หมู่บ้านบ่อเหมืองน้อยและห้วยน้ำ�ผัก จังหวัดเลย 30 “นาแห้ว” ผืนดินแห่งความหวัง 45 ศนู ยก์ ารเรยี นรู้สำ�หรับเยาวชน 46 ท่องเทีย่ วรมิ ทาง: “อุทยานแห่งชาติภสู วนทราย” โอเอซสิ แดนอสี าน 47 แนะนำ�การเดนิ ทาง: หมู่บา้ นบ่อเหมืองนอ้ ยและหว้ ยน้ำ�ผัก จังหวัดเลย

สารบญั“สวทช. คดิ คน้ ชมุ ชนเขม้ แข็ง” ท่องป่าแดนอีสาน ชมหมูบ่ ้านพลังงาน “อดุ ม-สมบูรณ์” จงั หวัดสรุ ินทร์ 50 รกั ษ์ปา่ รักษพ์ ลงั งาน ท่ีหมูบ่ ้านอดุ ม-สมบรู ณ์ 68 ทอ่ งเทย่ี วริมทาง: “ศูนยค์ ชศกึ ษาบ้านตากลาง” 69 แนะนำ�การเดนิ ทาง: หมบู่ า้ นอุดม-สมบรู ณ์ จังหวดั สุรินทร์ บกุ พงไพรแห่งบาลา ชม “หมบู่ ้านดาหลา” บ้านบาลาและเจะ๊ เดง็ จงั หวัดนราธิวาส 72 “ชืน่ ไอปา่ ชมิ ดาหลา” ทีฮ่ าลา-บาลา 87 “เล้ียงเป็ด” อนรุ กั ษ์ “ปา่ สาคู” 90 เรอ่ื งเลา่ ของอามีน 92 ทอ่ งเทยี่ วรมิ ทาง: เขตรกั ษาพันธุ์สัตว์ปา่ ฮาลา-บาลา 93 แนะนำ�การเดนิ ทาง: เขตรกั ษาพันธ์สุ ตั ว์ปา่ ฮาลา-บาลา จังหวัดนราธวิ าส เสยี งสะทอ้ นความสำ�เร็จ 96 เกษตรกรผูก้ ลา้ แห่ง “บ้านหนองมงั ” 100 บทเพลงโนนกลาง



ปลกู ฝังปัญญา พฒั นาชุมชน ด้วยวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

สวทช. กับการพัฒนาชุมชนชนบท ด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สวทช. เป็นองค์กรหน่ึงท่ีมีส่วนร่วมในการเพ่ิมขีดความสามารถในการแข่งขันให้ประเทศ ด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สร้างและพัฒนาองค์ความรู้จากการวิจัย รวมทั้งนวัตกรรมท่ีเป็น ประโยชนต์ อ่ ภาคการผลติ และบรกิ าร และใหค้ วามส�ำ คญั กบั การน�ำ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยไี ปสรา้ ง ความเข้มแขง็ และการพฒั นาอยา่ งยัง่ ยนื ใหช้ ุมชนชนบท การด�ำ เนนิ งานพฒั นาชมุ ชนชนบทของ สวทช. ด�ำ เนนิ การโดยฝา่ ยตา่ งๆ ในสงั กดั สวทช. และ ศูนย์แห่งชาติ อาทิ หน่วยบริการเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาชนบท ฝ่ายชุมชนและผู้ด้อยโอกาส สำ�นักงานประสานงานโครงการตามพระราชดำ�ริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นต้น และมี “คลัสเตอร์ทรัพยากร ชุมชนชนบทและผู้ด้อยโอกาส” เป็นกลไกกำ�หนดทิศทางการ ดำ�เนินงานพัฒนาชุมชนชนบท สนับสนุนงบประมาณให้หน่วยงานภายใน สวทช. และหน่วยงาน ภายนอก สวทช. ท่ีเป็นพนั ธมิตรร่วมด�ำ เนนิ การ คลสั เตอรท์ รพั ยากร ชมุ ชนชนบทและผดู้ อ้ ยโอกาส คลสั เตอรท์ รพั ยากร ชมุ ชนชนบทฯ ใหค้ วามส�ำ คญั กบั “การบรหิ ารจดั การทรพั ยากรชวี ภาพและ ใช้ประโยชน์” มุ่งเน้นการสร้างองค์ความรู้ใหม่ท่ีเช่ือมกับระบบนิเวศ และผลกระทบของโลกร้อนต่อ ความหลากหลายทางชวี ภาพ เสรมิ สรา้ งการมสี ว่ นรว่ มของชมุ ชนในการก�ำ หนดมาตรการอนรุ กั ษแ์ ละ จดั การทรพั ยากรชวี ภาพใหเ้ กดิ การใชป้ ระโยชนอ์ ยา่ งเปน็ รปู ธรรม สง่ เสรมิ ใหช้ มุ ชนมรี ายไดจ้ ากการใช้ ทรัพยากรในพ้ืนที่อย่างย่ังยืน ป่าได้รับการฟ้ืนฟู เกิดความร่วมมือด้านการจัดการทรัพยากรระหว่าง หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนในพ้ืนที่ รวมท้ังพัฒนาฐานข้อมูลทรัพยากรสิ่งมีชีวิตของ ประเทศ ส่งเสริมการศึกษาวิจัยเพ่ือการประยุกต์ใช้จุลินทรีย์จากฐานข้อมูล สร้างมูลค่าเพิ่มให้ อตุ สาหกรรมเทคโนโลยีชวี ภาพ ลดการน�ำ เขา้ จุลินทรีย์และผลิตภัณฑจ์ ากจุลินทรีย์ตา่ งประเทศ ดา้ น “การพฒั นาชุมชนชนบท” สวทช. ให้ความสำ�คญั กับการถ่ายทอดเทคโนโลยีเพือ่ พัฒนา คณุ ภาพชวี ติ ของเกษตรกรในพนื้ ทเ่ี ปา้ หมาย สนบั สนนุ ใหช้ มุ ชนเกดิ ความเขม้ แขง็ โดยการรวมกลมุ่ เปน็ วสิ าหกิจชุมชน ยกระดบั การผลติ และแปรรปู ท่เี พ่ิมปรมิ าณและมีคณุ ภาพทไี่ ดม้ าตรฐาน สรา้ งและต่อ ยอดอาชพี บนฐานของเทคโนโลยที ไ่ี ดร้ บั การถา่ ยทอด สรา้ งชมุ ชนวทิ ยาศาสตรต์ น้ แบบทบี่ รหิ ารจดั การ และพ่ึงพาตนเองจากทรัพยากรในชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นตัวอย่างการเรียนรู้ให้ชุมชนอื่นๆ และน�ำ ไปสกู่ ารเปน็ “หมบู่ า้ นวทิ ยาศาสตร”์ สง่ เสรมิ การเรยี นรรู้ ว่ มกนั ระหวา่ งนกั วชิ าการ ชมุ ชน และ โรงเรียน โดยตั้งเป้าหมายให้เกิดศูนย์การเรียนรู้ชุมชนท่ีมีโรงเรียนเข้าร่วมดำ�เนินการ มีการอบรมครู ผลิตสื่อการเรียนรู้ หลกั สูตรท้องถิ่น โดยมีเกษตรกรและนักเรยี นเขา้ ใชป้ ระโยชน์ในการเรยี นรู้ 10

ในปี พ.ศ.2553 สวทช. คัดเลอื กหมบู่ ้านตน้ แบบจ�ำ นวน 11 หมบู่ า้ น ท่มี ีการใชว้ ทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยีในการพัฒนาชุมชน สร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างคุณภาพชีวิตให้ดีข้ึน จนเป็น ต้นแบบให้กับชุมชนอ่ืนได้เข้าร่วม “โครงการหมู่บ้านแม่ข่ายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี” ของกระทรวงวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ดงั น้ี หมูบ่ า้ นผาคบั และหมูบ่ า้ นผาสุก จ.นา่ น ตน้ แบบการใช้ประโยชนจ์ ากการผลิตพืชหลังนา และการเพิม่ ผลผลิตขา้ วไร่ หมู่บ้านบ่อเหมอื งน้อยและห้วยน้ำ�ผกั จ.เลย ตน้ แบบการผลติ สตรอวเ์ บอรร์ ี่ และแปรรปู ผลผลติ ทางการเกษตร หมู่บ้านนางอย จ.สกลนคร ต้นแบบการผลติ ข้าวแบบครบวงจร และการยกระดับการผลติ ของกล่มุ วิสาหกิจชุมชน หมูบ่ ้านหนองมัง จ.อุบลราชธานี ต้นแบบเกษตรอินทรีย์ และการยกระดับมูลค่า ผลติ ภณั ฑแ์ บบครบวงจร หมู่บา้ นโพนสูง จ.อุดรธานี ตน้ แบบการฟนื้ ฟดู นิ เค็ม จนท�ำ การเกษตรได้ หมูบ่ า้ นอุดมและหมู่บา้ นสมบูรณ์ จ.สุรินทร์ ต้นแบบการประหยัดพลังงาน อนุรักษ์และใช้ประโยชน์ จากปา่ หวั ไร่ปลายนา หมู่บ้านบาลาและหมู่บ้านเจ๊ะเดง็ จ.นราธิวาส ต้นแบบการพึ่งพาตนเองจากทรัพยากรในทอ้ งถิ่น 11

การด�ำ เนนิ กจิ กรรมพฒั นาชมุ ชนชนบทของสวทช. สวทช. น�ำ องคค์ วามรตู้ ามสาขาวทิ ยาการหลกั ทแี่ ตล่ ะศนู ยแ์ หง่ ชาตมิ คี วามเชยี่ วชาญ อาทิ เทคโนโลย-ี ชีวภาพ เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ เป็นต้น ช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนชนบท สนบั สนนุ ใหช้ มุ ชนชนบทพงึ่ พาตนเองได้ ยกระดบั คณุ ภาพชวี ติ ใหด้ ขี นึ้ มกี ารประยกุ ตใ์ ชเ้ ทคโนโลยใี หเ้ หมาะ สมกบั บริบทของแต่ละพ้ืนที่ โดยสรปุ แนวทางด�ำ เนินงาน ดงั นี้ การถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารเกษตรและพฒั นาวสิ าหกจิ ชมุ ชน เพื่อสร้างความเข้มแข็งด้านการกินดีอยู่ดี ส่งเสริมการรวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชน ช่วยยกระดับ ชีวิตความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน ตัวอย่างการถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชน อาทิ ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี “สายพันธุ์ข้าวหอมชลสิทธิ์” ซึ่งเป็นข้าวที่มี กลิ่นหอม ปลูกได้ทั้งปี และทนอยู่ใต้น้ำ�ได้นานถึง 2 สัปดาห์ สู่สมาชิกของสหกรณ์การเกษตรรวม 7 แห่ง ใน 3 จังหวัดเขตพื้นที่ภาคกลาง สนับสนุนให้สหกรณ์การเกษตรผักไห่ดำ�เนินธุรกิจข้าวได้ครบวงจร ภายใต้โครงการสหกรณ์ไทยสร้างสรรค์ ของกระทรวงพาณิชย์ ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตเมล็ดพันธุ์ ข้าวเหนียว กข 6 ต้านทานโรคไหม้ ซึ่งได้รับพระราชทานชื่อพันธุ์ข้าว “ธัญสิริน” จากสมเด็จพระเทพ- รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สู่ชุมชนและโรงเรียนพระปริยัติธรรม ในจังหวัดน่าน ลำ�ปาง เชียงราย และเชียงใหม่ เพื่อให้เกษตรกรในชุมชนผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวไว้ใช้เอง จำ�หน่ายในชุมชนเพื่อเป็นรายได้เสริม และสนับสนุนให้โรงเรียนมีข้าวเพียงพอต่อการบริโภค ด้านการส่งเสรมิ วสิ าหกจิ ชุมชน สวทช. ร่วมกบั หนว่ ยงานพันธมติ ร ด�ำ เนนิ โครงการวิสาหกจิ ชุมชน- โรงงานหลวงอาหารส�ำ เรจ็ รปู ทอี่ �ำ เภอเตา่ งอย จงั หวดั สกลนคร สง่ เสรมิ ใหเ้ กษตรกรในพน้ื ทพ่ี ง่ึ พาตนเองได้ โดยสนบั สนนุ ใหเ้ กดิ การรวมกลมุ่ เปน็ วสิ าหกจิ ชมุ ชน สรา้ งเครอื ขา่ ยการท�ำ งานระดบั ชมุ ชนและศนู ยก์ ารเรยี นรู้ ชุมชนเต่างอย ซึ่งเป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีท่ีส่งเสริมการพึ่งพาตนเองของคนใน ชมุ ชน มสี ่วนรว่ มในการถา่ ยทอดเทคโนโลยสี ู่ชุมชนผ่านโครงการต้นกล้าอาชีพ ตัวอยา่ งเทคโนโลยที ี่น�ำ ไป เผยแพร่ อาทิ เทคโนโลยีการผลิตเมล็ดพันธ์ุข้าวคุณภาพดี เทคโนโลยีการผลิตแก๊สชีวภาพจากมูลสัตว์ เทคโนโลยีสารชีวนิ ทรียป์ อ้ งกนั ศัตรพู ชื เปน็ ตน้ การพฒั นาระบบความปลอดภยั และคณุ ภาพอาหารเพอ่ื ชมุ ชน เพอ่ื ยกระดบั ผลติ ภณั ฑช์ มุ ชนดา้ นความปลอดภยั ของอาหาร ถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ระบวนการแปรรปู อาหารเบ้ืองต้นและสุขลักษณะที่ดีในการผลิตอาหาร สร้างวิทยากรท้องถ่ินในทุกภูมิภาคของประเทศเพื่อ ทำ�หน้าที่ถ่ายทอดความรู้ด้านกระบวนการแปรรูปอาหารเบื้องต้น และด้านสุขลักษณะที่ดีในการแปรรูป อาหารใหก้ ลุ่มผ้ผู ลติ อาหารระดบั วิสาหกจิ ชมุ ชน สวทช. เชื่อมโยงการทำ�งานกับกลุ่มโรงเรียนผ่านโครงการ “ความร่วมมือนำ�ร่องโครงงาน (เชิง) วทิ ยาศาสตรเ์ พอ่ื สขุ ภาพทดี่ กี วา่ ” จดั อบรมใหค้ วามรแู้ กค่ รเู กยี่ วกบั การท�ำ โครงงานวทิ ยาศาสตรส์ ขุ ภาพ และ สง่ เสรมิ ใหเ้ ด็กและเยาวชนทำ�โครงงานเพ่อื ยกระดับสขุ อนามยั ของโรงเรียน การสง่ เสรมิ วทิ ยาศาสตรใ์ นโรงเรยี น เพอ่ื สง่ เสรมิ การเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยใี หก้ บั ครแู ละนกั เรยี นในโรงเรยี นชนบท โดยพฒั นา คุณภาพครูวิทยาศาสตร์ ส่งเสริมศักยภาพการเรียนรู้ของนักเรียน พัฒนาแหล่งเรียนรู้ สร้างเครือข่ายและ เสรมิ สรา้ งความเขม้ แขง็ ของโรงเรยี น ส�ำ หรบั กลมุ่ โรงเรยี นในถนิ่ ทรุ กนั ดารและโรงเรยี นพระปรยิ ตั ธิ รรม สวทช. เนน้ การสรา้ งกระบวนการเรียนรู้ ส่งเสรมิ กระบวนการคิดแบบวิทยาศาสตรบ์ นหลักของเหตแุ ละผล การทำ� โครงงานวิทยาศาสตร์ และสง่ เสริมใหร้ ู้จกั น�ำ ความรู้ด้านวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีไปใช้ในชวี ติ ประจ�ำ วนั 12

การถา่ ยทอดเทคโนโลยสี กู่ ารสรา้ งอาชพี สวทช. น�ำ เทคโนโลยขี อง สวทช. หรอื จากหนว่ ยงานพนั ธมติ รทม่ี คี วามพรอ้ มทจี่ ะประยุกตเ์ ข้ากบั วถิ ชี วี ติ ของ ชมุ ชนไปถา่ ยทอดผ่านหลกั สูตรการอบรมตา่ งๆ เพอ่ื สร้างอาชพี สร้างรายได้ และการลงทุนในภาคธุรกิจและชมุ ชน ตัวอย่างหลักสูตร อาทิ หลักสูตรเพาะเล้ียงไรนำ้�นางฟ้า โรงเรือนพลาสติกคัดเลือกแสง เพาะเลี้ยงเน้ือเยื่อพืช การผลิตน�ำ้ หมกั ชวี ภาพเพือ่ การบรโิ ภค เป็นตน้ สวทช. มคี วามรว่ มมือกับกระทรวงวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในการดำ�เนิน “โครงการวทิ ย์เทคโนสญั จร” เพ่ือส่งเสริมการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้ครู นักเรยี น ประชาชนท่ัวไป เพม่ิ โอกาสและชอ่ งทางในการ เข้าถึงความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยตนเองตลอดชีวิต กิจกรรมท่ีจัดขึ้น อาทิ กจิ กรรมการทดลอง การเผยแพรส่ ่ือการเรียนการสอน โมเดล เกมประกอบบทเรียน เป็นต้น มพี ้นื ท่ีจัดกิจกรรมใน จังหวัดท่ีมีหมู่บ้านเทคโนโลยีเฉลิมพระเกียรติ และจังหวัดที่มีหมู่บ้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อาทิ จังหวัด สกลนคร อบุ ลราชธานี สุรนิ ทร์ นราธิวาส เป็นตน้ การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศเพอ่ื สง่ เสรมิ การเรยี นรู้ สวทช. น�ำ เทคโนโลยสี ารสนเทศมาใชเ้ ปน็ เครอ่ื งมอื ในการพฒั นาคณุ ภาพและเพมิ่ ประสทิ ธภิ าพในการจดั การ ศึกษา น�ำ เทคโนโลยสี ารสนเทศมาใชใ้ นการจดั การเรียนการสอน เพิ่มโอกาสให้นกั เรียนในพ้ืนท่ีห่างไกลไดม้ ีโอกาส เรียนรแู้ ละพฒั นาทกั ษะการใช้คอมพิวเตอร์ พัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศให้ครูเพอ่ื เพิม่ ความสามารถใน การนำ�เทคโนโลยีสารสนเทศมาช่วยในการถ่ายทอดความรู้ให้นักเรียน นอกจากน้ีนำ�เนื้อหาของการศึกษาทางไกล ผ่านดาวเทียมมาจัดทำ�ในรูปแบบ e-learning เผยแพร่ให้โรงเรียนในพื้นท่ีห่างไกลและขาดแคลนครูนำ�ไปสอน เสริมให้นักเรียนใช้ทบทวนบทเรียนภายในโรงเรียนแบบ offline รวมท้ังมีการเผยแพร่แบบ online ให้ครู นักเรียน นำ�ไปใชป้ ระโยชนเ์ พ่อื การศกึ ษา ภายใต้ “โครงการเทคโนโลยสี ารสนเทศเพอื่ การศึกษาของโรงเรียนในชนบท”  13

14

ชมขนุ เขา ทุ่งขา้ วสาลี อำ�เภอบแอ่ หเกง่ ลหอื มจู่บา้ังนหผาวคดั ับน่าน 15

“เมทล็ดุ่งพขัน้าธวุ์แสห่างล“ีสผีทาอคังบ”” ความชุ่มฉ่ำ�ของผืนป่าและไอเย็นของม่านหมอกเคียงภูผา ไม่เพียงเป็นมนต์เสน่ห์ของเมืองน่านที่ชวนให้ผู้คนหลงใหล ทว่าเมืองอันแสนสงบแห่งนี้ยังมี “ทุ่งข้าวสาลี สีทองอร่าม” และ ผลไมแ้ สนหวานอยา่ ง “สตรอวเ์ บอรร์ ”่ี กบั “มะเขอื เทศสแนค็ สลมิ ” ผลผลิตของชาวบ้านที่งอกงามอยู่ท่ามกลาง “ผาคับ” หมู่บ้านเล็กๆ ที่แทรกตัวอยู่ใจกลางหุบเขา จากอำ�เภอสันติสุข ไปตามทางหลวง ผาคบั เดมิ มาจาก “หว้ ยผาคบั ” มเี รอ่ื ง หมายเลข 1256 ที่คดเค้ียวเข้าไปยังใจกลาง เล่าต่อกันมาว่าทางทิศตะวันออกของหมู่บา้ น อำ�เภอบ่อเกลือ สีเขียวเข้มของผืนป่าตลอด มีต้นกำ�เนดิ ของหว้ ยเลก็ ๆ บนหน้าผา แตม่ ีน�้ำ สองขา้ งทางไมเ่ พยี งชวนใหผ้ อ่ นคลายสบายตา ไหลออกมาน้อยเพราะมีก้อนหินก้อนใหญ่ แต่หอบเอาความชุ่มช้ืนและไอเย็นมาปะทะ 2 ก้อนปดิ ทับทางน้ำ�ไว้ ชาวบา้ นเชอ่ื วา่ สาเหตุ ใบหนา้ ให้ชื่นฉ่ำ�ด้วย ไม่นานนักรถวิ่งลัดเลาะ ทนี่ �้ำ ในหว้ ยไหลนอ้ ย เพราะผามคี วามคบั แคบ ตดั ผา่ นพน้ หบุ เขา ตน้ ไมเ้ ขยี วสงู ครมึ้ เบยี ดเสยี ด “ผาคับ” จึงถูกใช้เรียกขานแทนผาต้นน้ำ�และ แนน่ ขนดั คอ่ ยๆ คลอ่ี อก เผยใหเ้ หน็ หมบู่ า้ นเลก็ ๆ หม่บู า้ นนับแตน่ ้ันมา ชื่อวา่ “ผาคบั ” ทถี่ ูกโอบล้อมด้วยทุง่ ข้าวสาลี สที อง 16

“รอยทาง” ทุ่งข้าวสีทอง สายลมพัดเอื่อยๆ กับแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา (มทร.ล้านนา) ขับสีทองของรวงข้าวสาลีให้เปล่งประกายไม่ต่างจากแววตา เข้ามาช่วยเหลือด้วยการส่งเสริมอาชีพหลังการทำ�นา ที่เปีย่ มไปด้วยความหวังของคนทนี่ ่ี ภายใต้ “โครงการถา่ ยทอดเทคโนโลยีสูช่ มุ ชน” “เมอื่ กอ่ นไมเ่ ปน็ แบบนหี้ รอก หมดนากก็ ลายเปน็ ทด่ี นิ ดร.ปัทมา ศิริธัญญา นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย รา้ งว่างเปลา่ ” ส�ำ ราญ สอนลาว ชายหนุ่มร่างเล็กวัย 41 ปี เทคโนโลยรี าชมงคลลา้ นนา หรือ มทร.ล้านนา เล่าถงึ เมื่อ เกษตรกรเจ้าของทุ่งข้าวสาลี เล่าย้อนความไปเม่ือสมัยอดตี คราวลงสำ�รวจพ้ืนท่ีบ้านผาคับร่วมกับ สวทช. ครั้งแรกว่า เกษตรจังหวัดน่านได้ประสานขอความช่วยเหลือจากหน่วย ดว้ ยสภาพภมู ปิ ระเทศเปน็ ภเู ขาสงู สลบั ซบั ซอ้ น ท�ำ ให้ งานตา่ งๆ ให้เขา้ ไปช่วยเหลอื เกษตรกร เน่อื งจากมผี ลผลิต พื้นที่ราบเพื่อทำ�การเกษตรมีไม่มากนัก ข้าวที่เป็นผลผลิต จำ�นวนมากขายไม่ได้ เบ้ืองต้นเราพยายามติดต่อหาตลาด ปลกู ไวก้ นิ มากกวา่ ขาย เมอื่ หมดฤดทู �ำ นา ชาวบา้ นขาดอาชพี รบั ซือ้ ผลผลติ แตพ่ อเข้าไปในพนื้ ท่จี รงิ ๆ พบวา่ ผลผลติ ทมี่ ี ไม่มีรายได้ ผู้ชายเข้าเมืองขายแรงงาน เหลือแต่ผู้หญิงกับ อยู่เสียหายแทบขายไม่ได้เลย เกษตรกรใช้วิธีการเก็บเมล็ด คนแกท่ อี่ ยบู่ า้ น อาศยั เขา้ ปา่ หาหนอ่ ไม้ หาเหด็ มาท�ำ อาหาร พนั ธด์ุ ว้ ยการใสก่ ระสอบธรรมดาๆ วางรวมกนั ไวใ้ นฉางรวม ประทังชีวิตเป็นม้ือๆ สำ�ราญ หน่ึงในชาวบ้านผาคับท่ี แต่ด้วยผาคับต้ังอยู่บนพื้นที่สูงซึ่งมีความช้ืนมาก จึงเกิด ทง้ิ บา้ น เขา้ เมอื งเพอ่ื ขายแรงงานหารายไดม้ าจนุ เจอื ครอบครวั ปัญหาแมลงเข้ากัดกินทำ�ลาย เรียกได้ว่าผลผลิตเสียหาย เกอื บหมด “เข้ากรุงเทพฯ ทำ�ก่อสร้าง ได้เงินวันละ 100 บาท มันไมพ่ อหรอก แตด่ ีกวา่ ไม่มีอะไรเลย” สำ�ราญบอก “จากครง้ั นัน้ ทุกคนเห็นพอ้ งกันว่าตอ้ งช่วยเขา ต้อง ใหค้ วามรวู้ า่ การปลกู ขา้ วสาลใี หไ้ ดผ้ ลผลติ มคี ณุ ภาพตอ้ งท�ำ ไม่นานนักเกษตรอำ�เภอยื่นมือเข้ามาช่วยด้วยการ อย่างไร เก็บรักษาผลผลิตทำ�อย่างไร และถ้าขายต้องขาย นำ�พันธุ์ข้าวบาร์เล่ย์และข้าวสาลีมาส่งเสริมให้ปลูกหลังการ ที่ไหน” วิศรา ไชยสาลี หรอื หนงึ่ ผูจ้ ัดการพ้ืนทนี่ ่าน จาก ทำ�นา แต่ผลผลิตมีคุณภาพไม่ดีพอ ทำ�ให้ขาดตลาดรับซื้อ หน่วยบริการเทคโนโลยีเพ่ือการพัฒนาชนบท ไบโอเทค การปลูกข้าวบาร์เล่ย์และข้าวสาลีของชาวบ้านผาคับกลาย สวทช. กล่าวเสริมถึงโจทยใ์ หญ่ในการถา่ ยทอดเทคโนโลยสี ู่ เปน็ ความหวังทค่ี ่อยๆ ริบหรล่ี ง ชาวบา้ น และนนั่ คอื จดุ เรมิ่ ตน้ การเดนิ ทางของเมลด็ พนั ธข์ุ า้ ว สาลแี ห่งผาคบั ในปี พ.ศ.2547 ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยี ชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำ�นักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยแี หง่ ชาติ (สวทช.) รว่ มกบั หน่วยงานพันธมติ ร อาทิ ศนู ย์ภูฟ้าพฒั นา สำ�นักงานการเกษตรอำ�เภอบอ่ เกลอื มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) และ 17

ทุ่งนาแห่ง “ความหวัง” การเข้ามาส่งเสริมการปลูกข้าวสาลี ไม่เพียงนำ� “อาจารย์ปัทมาสอนหลายอย่างเลยนะ เช่น พันธุ์ข้าวและปุ๋ยมาให้อย่างที่ชาวบ้านเคยได้เหมือน การหว่านข้าว เดิมเราหว่านแน่นๆ ไว้ก่อนตามประสา ที่ผ่านมา สิ่งสำ�คัญคือ พวกเขานำ� “องค์ความรู้” มาให้ ชาวบ้าน อยากให้มีผลผลิตเยอะๆ (หัวเราะ) แต่อาจารย์ ชาวบ้าน “รว่ มเรยี นร”ู้ ดว้ ย ปัทมาบอกให้ลองใหม่ ให้ปลูกเปรียบเทียบกัน แปลงหน่ึง หว่านแน่น อีกแปลงหว่านบางแล้วให้สังเกต เก็บผลผลิต ดร.ปทั มา เลา่ วา่ ในปแี รกเขา้ ไปสง่ เสรมิ เรอ่ื งการตลาด มาชั่ง นับเองเลย” ส�ำ ราญเลา่ กอ่ นเพอ่ื ใหผ้ ลผลติ ทป่ี ลกู ขายได้ เมอ่ื มตี ลาดรบั ซอ้ื ทแ่ี นน่ อน จงึ เรม่ิ หนั มาถา่ ยทอดความรู้ โดยตง้ั ตน้ จากปญั หาแรกทพ่ี บ “ตอ้ งใหเ้ ขาเรยี นรดู้ ว้ ยตวั เองวา่ ถา้ เขาหวา่ นในจ�ำ นวน คอื การเกบ็ เมลด็ พนั ธ์ุ ดว้ ยการถา่ ยทอดเทคโนโลยหี ลงั การ เมลด็ พนั ธม์ุ ากๆ กบั จ�ำ นวนเมลด็ พนั ธท์ุ เ่ี หมาะสม ผลผลติ ท่ี เกบ็ เกย่ี ว ตง้ั แตก่ ารเกบ็ นวด ท�ำ ความสะอาด และการตาก ได้เป็นอย่างไร ย่ิงหว่านเยอะย่ิงดีจริงอย่างท่ีคิดหรือไม่ เมลด็ พนั ธใ์ุ หแ้ หง้ หรอื มคี วามชน้ื ไมเ่ กนิ รอ้ ยละ 12 ซง่ึ แนน่ อน เขาตอ้ งทดลองและเกบ็ ตัวเลขเอง” ดร.ปัทมากล่าวเสรมิ ว่าเกษตรกรไม่มีเคร่ืองมือวัดความช้ืนหรอก เราสอนวิธี บ้านๆ เลย เอาข้าวมากัดให้ดูว่าถ้าเมล็ดมีลักษณะแบบน้ี “พอลองท�ำ เหน็ ความแตกตา่ งเลยนะ” ส�ำ ราญเอย่ ขนึ้ เมอ่ื น�ำ ไปวดั ในเครอ่ื งวดั ความชน้ื มคี วามชน้ื เทา่ ใด และเล่าต่อว่า แปลงที่หว่านเมล็ดข้าวสาลีในปริมาณมาก ผ่านไป 7 วนั 10 วนั ดเู ขียวคร้ึมแนน่ ขนดั ต่างจากแปลง วธิ ีการเกบ็ เมล็ดพันธ์ุ เราแนะน�ำ ว่าควรเกบ็ ใหม้ ิดชิด ทหี่ วา่ นบางซง่ึ มองเหน็ ตน้ ขา้ วสาลขี นึ้ หา่ งกนั จนเหน็ ชอ่ งวา่ ง ไมค่ วรใสก่ ระสอบ แตใ่ หใ้ ชถ้ งั พลาสตกิ เมลด็ พนั ธไ์ุ มค่ วรวาง แตพ่ อถงึ ระยะแตกกอ แปลงทหี่ วา่ นแนน่ กลบั แตกกอไดน้ อ้ ย บนพ้ืน ต้องมีแคร่ยกระดับให้ระบายความร้อนได้ เพราะ กวา่ แปลงที่หวา่ นบางมาก รูส้ ึกแปลกใจมากตอนนัน้ เมล็ดพันธ์ุมีการหายใจให้ความร้อน สิ่งเหล่านี้เป็นความรู้ ทางวิทยาศาสตร์ ฟังแล้วเข้าใจยาก แต่เวลาสอนค่อยๆ “การใช้เมล็ดพันธ์ุท่ีเยอะใช่ว่าจะได้ผลผลิตเยอะ อธิบาย ฝึกให้ทดลอง ปฏิบัติจนเกิดความเข้าใจ จากนั้น เสมอไป เราจึงฝึกให้เขาเห็นด้วยตัวเอง จากน้ันฝึกให้เขา คอ่ ยๆ เสรมิ ความรใู้ นเรอ่ื งเทคโนโลยกี ารเพม่ิ ผลผลติ การใช้ คอ่ ยๆ ลดเมลด็ พนั ธุ์ จาก 25 กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่ มาเปน็ 20 และ เมล็ดพันธุ์เพื่อลดต้นทุน เทคโนโลยีการคัดพันธ์ุ การเก็บ เหลือเพียง 15 กโิ ลกรมั ต่อไร่ ตน้ ทุนเมล็ดพันธุ์ทลี่ ดลงตอ่ ไร่ รักษาสายพันธุ์ รวมถึงการทำ�เมล็ดพันธุ์ไว้ใช้ด้วยตนเอง คือ 10 กโิ ลกรมั ถา้ เมล็ดพนั ธกุ์ โิ ลกรัมละ 25 บาท ต้นทนุ ก็ ท้ังหมดมุ่งเน้นการเรียนรู้อย่างมีส่วนร่วมและผลักดันให้ ลดไปแล้ว 250 บาทต่อไร่ เมล็ดพันธ์ุท่ีเหลือยังนำ�มาขาย ชาวบา้ นเปน็ “นกั วิจยั ชมุ ชน” ได้เงินเพ่ิมข้ึน สิ่งนี้คือตัวอย่างหนึ่งของเทคโนโลยีการใช้ เมล็ดพันธ”ุ์ ดร.ปทั มาอธบิ าย 18

นอกจากการใช้เมลด็ พันธุ์อยา่ งเหมาะสมแลว้ เกษตรกรผาคบั ยงั เรียน อยา่ งไรกต็ ามการไดผ้ ลผลติ ตอ่ ไรส่ งู รู้เทคโนโลยกี ระบวนการคัดพันธ์ุ เพ่ือหาสายพันธุ์ท่เี หมาะสมด้วยตนเอง ยงั ไมใ่ ช่คำ�ตอบท่ีดีท่สี ดุ เม่ือพจิ ารณารว่ ม กบั ปจั จยั อน่ื ๆ ในทสี่ ดุ สายพนั ธทุ์ ไ่ี ดร้ บั คดั “เดิมเขาเอาสายพันธ์ุอะไรมาให้ เราก็ปลูกแบบนั้น แต่ครั้งนี้อาจารย์ เลือกให้เป็นเมล็ดพันธุ์ในการปลูกครั้งถัด ปทั มาน�ำ พันธข์ุ า้ วสาลหี ลายๆ พันธมุ์ าใหท้ ดลองปลูกกอ่ น มีหลายพนั ธ์มุ าก ไปคือ ลำ�ปาง 2 ดร.ปัทมาใหเ้ หตุผลวา่ แม้ ทัง้ ฝาง 60 ลำ�ปาง 1 ล�ำ ปาง 2 ล�ำ ปาง 3 ลำ�ปาง 4 ผมปลกู 5 ไร่ 3 ไร่ เป็น ข้าวสาลีพนั ธุฝ์ าง 60 ใหผ้ ลผลติ สงู กวา่ แต่ พนั ธฝุ์ าง 60 อีก 2 ไร่ เปน็ แปลงทดลอง โดยในแปลงทดลองปลกู 3 สายพันธ์ุ แปรรปู ได้น้อยกว่าสายพนั ธล์ุ ำ�ปาง 2 ทีน่ ำ� คอื ล�ำ ปาง 1 ล�ำ ปาง 2 ล�ำ ปาง 3 สว่ นแปลงของคนอน่ื ๆ กแ็ บง่ ท�ำ แปลงทดลอง มาทำ�ได้ท้ัง ชา ขนมปัง เคก้ บะหมี่ รวมถึง ด้วยเหมือนกัน เพ่อื นำ�ผลผลิตมาเปรียบเทียบกัน จะได้ร้วู ่าพันธ์ุไหนปลูกท่ี บะหมีก่ งึ่ สำ�เร็จรูป จึงมีตลาดรองรบั กวา้ ง ผาคบั แลว้ ให้ผลผลติ ดี” ส�ำ ราญเลา่ พร้อมท้ังบอกวา่ ระหวา่ งท�ำ แปลงทดลอง เพาะปลูก เพ่อื ให้มัน่ ใจว่าไดเ้ มลด็ พนั ธ์ทุ ่ดี ี ตอ้ งอาศัยการเก็บขอ้ มลู ร่วมดว้ ย เมอ่ื ไดเ้ มลด็ พนั ธทุ์ เ่ี หมาะสมส�ำ หรบั พื้นที่ และมีผลผลิตกวา่ 300 ตนั จากผืน “ตอนนนั้ ต้องจดเลยนะ มีสมุดเป็นเล่มเลย อาจารยท์ ำ�แปลงสเ่ี หลย่ี ม นากว่า 100 ไร่ โจทย์ใหญ่ในล�ำ ดับถดั มา มาให้เราสุ่มวางลงไปแล้วนับเลยมีก่ีต้น แต่ละต้นสูงเท่าไหร่ แตกกอเท่าไหร่ คอื “จะขายใคร” พอโตออกรวง ให้นับรวง แล้วเก่ียวรวงข้าวสาลีมา เอามามดั น�ำ มาชงั่ วา่ ไดก้ ี่ กิโลกรัม จากน้ันเอารวงที่เก่ียวมาใส่ถุงแล้วบุบให้เมล็ดออกมาเพื่อนับเมล็ด วศิ รา เลา่ วา่ “ตอนนน้ั วง่ิ วนุ่ กนั มาก รวงหนงึ่ มกี เ่ี มลด็ กขี่ ดี ใสถ่ งุ ไว้ แยกเปน็ พนั ธๆุ์ เลย ผมชว่ ยกนั กบั แฟนสองคน กับอาจารย์ปทั มาและทีมวจิ ยั เม่ือผลผลิต ไม่เคยท�ำ มากอ่ นเลย” มากขึ้นต้องหาตลาดใหม่เพ่ิมขึ้น เราเรียน รู้เลยว่าการส่งเสริมให้ปลูกพืชอะไรได้แค่ แมข้ ั้นตอนจะยุ่งยาก แต่ ลอย สอนลาว ภรรยาของส�ำ ราญ พอใจท่ีได้ นั้นไม่พอ การหาตลาดและฝึกให้ชาว เรียนรู้วิธีใหม่ๆ ท�ำ ใหผ้ ลผลติ เพิ่มขึน้ บ้านทำ�การตลาดด้วยตนเอง คือหัวใจ สำ�คัญ ในช่วงสองปีแรก เขายังไม่กล้า “ลนุ้ นะ วา่ สดุ ทา้ ยผลผลติ จะไดเ้ ทา่ ไหร่ ปรากฏวา่ พนั ธฝ์ุ าง 60 เกบ็ เกย่ี ว เราใช้วิธีพาเขาเดิน ให้รู้จักตลาด พูดคุย ได้ 500 กโิ ลกรมั ต่อไร่ พันธุ์ลำ�ปาง 2 ได้ 300 กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่ ขนาดหวา่ นหา่ ง ติดต่อประสานงาน พอปีท่ีสามเราปล่อย เดมิ เคยปลกู ขา้ วบารเ์ ลย่ ไ์ ด้แค่ 180 กโิ ลกรัมตอ่ ไรเ่ ทา่ นัน้ เอง” ใหเ้ ขาเดนิ เอง ตดิ ต่อเอง ลองหาตลาดเอง ซึง่ เขาท�ำ ได้ เม่ือปลกู ได้ ขายไดด้ ้วยตนเอง นี่แหละ คือ หนทางท่ยี ง่ั ยืน” ปัจจุบันเมล็ดพันธุ์ข้าวสาลีจากชาว บา้ นผาคบั มปี ลายทางอยทู่ โ่ี รงงานแปรรปู เปน็ อาหารสขุ ภาพในบรษิ ทั แปซฟิ กิ ฟลาว มลิ ล์ ในชว่ งปแี รกๆ และบริษทั แด่ชีวติ ใน ช่วงตอ่ มา “ตอนน้ีปลูกข้าวสาลีได้ 6 ปีแล้ว ครับ ลงทุนเอง ผลผลิตเพ่ิมข้ึนเรื่อยๆ เพราะความรู้ท่ีอาจารย์ปัทมาช่วยสอนให้ ราคาขายได้เพิ่มขึ้นจากปีแรกได้ราคา กิโลกรมั ละ 6 บาท ตอนน้รี าคาดขี นึ้ มาก เพมิ่ เป็น 9 บาท 15 บาท 20 บาท ปที แ่ี ล้ว 23 บาทต่อกิโลกรัม ดีใจมาก ไม่ต้องท้ิง บา้ นออกไปหางานขา้ งนอก มรี ายได้ มเี งนิ เก็บให้ลกู ” ส�ำ ราญกล่าวอย่างภาคภมู ิใจ 19

จิบชาร้อน “ชาต้นอ่อนข้าวสาลี” บ่ายคล้อยเต็มที เราเดินหลบ เร่ิมแรกคณะนักวิจัยนำ�ทีมโดย หนึง่ ใช้เวลานวดเกอื บคร่งึ วัน ที่สำ�คญั แสงอาทิตย์มาบริเวณหน้าหมู่บ้าน อาจารยป์ ทั มา เขา้ มาสอนวธิ แี ปรรปู ชา เวลาตัดต้นอ่อนชามาแล้วต้องนวดให้ ที่มีโรงเรือนหลังเล็กๆ ช้นั เดียวสีขาว ต้นอ่อนข้าวสาลีให้ชาวบ้าน เม่ือชาว เสร็จภายในวันน้ันเลย เพราะเด๋ียว ภายนอกดูเงียบเหงา เมื่อเข้าไปกลับ บา้ นทำ�ได้ จึงแนะนำ�ให้คนท่ีสนใจมา คุณค่าทางอาหารหายไป” วราภรณ์ สมั ผสั ถงึ บรรยากาศอนั แสนอบอนุ่ และ ลงชอ่ื เพอื่ รวมกลมุ่ กนั ท�ำ ในนาม “กลมุ่ เขอื่ นเมอื ง หนง่ึ ในสมาชกิ กลมุ่ เลา่ เสรมิ ผอ่ นคลาย อาจเพราะกลน่ิ หอมอบอวล กิจกรรมแปรรูปข้าวสาลี” ในช่วง ของใบชาที่คละเคล้าไปด้วยรอยย้ิม เรมิ่ ตน้ มสี มาชกิ เพยี ง 6 คน มี ศรจี นั ทร์ ด้วยความมุ่งม่ันและไม่ย่อท้อ และเสียงหัวเราะของบรรดาสาวๆ กุลาฝน หรือ แม่ยอด เป็นประธาน ของชาวบา้ น หลายหนว่ ยงานจงึ เขา้ มา ท่ีกำ�ลังช่วยกันนำ�ใบชาใส่ซองเล็กๆ กลมุ่ กิจกรรมแปรรูปข้าวสาลี ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุน โดย กอ่ นหนั มายม้ิ ทกั ทายอยา่ งเปน็ กนั เอง หน่วยทหารพัฒนาเคล่ือนท่ีจังหวัด แม่ยอด เล่าว่า สมัยก่อนไม่มี นา่ น หรือ นพค.31 มอบทนุ สนับสนุน “ยินดีต้อนรับสู่โรงชาต้นอ่อน โรงเรือนอย่างท่ีเห็นทุกวันน้ี อาศัยทำ� การกอ่ สรา้ งโรงเรอื นชาขา้ วสาลจี �ำ นวน ข้าวสาลีผาคับเจ้า” กันที่บ้าน เงินทุนเร่ิมต้นยืมจากกลุ่ม 450,000 บาท ข้าวสาลี 10,000 บาท ใช้ซื้ออุปกรณ์ “นงั่ กอ่ นๆ” หญงิ สาวคนหนงึ่ สง่ พวกเตาแก๊ส กระทะ มาทดลองทำ�กนั “ตอนนมี้ โี รงชาแลว้ มเี ตาอบชา เสยี งเชอ้ื เชญิ ใหเ้ รานง่ั จากนน้ั จงึ หนั ไป ส่วนเมล็ดพันธุ์ข้าวสาลีทางโครงการ ด้วย” นางจนั ทร์ ล�ำ นัย หรอื แม่ศรี ชงชาต้นอ่อนข้าวสาลีร้อนๆ มาเสิร์ฟ ปลูกข้าวสาลีของไบโอเทคสนับสนุน เอย่ ขนึ้ กอ่ นเออื้ มมอื ไปหยบิ ถงุ ชาซอง ใหด้ บั กระหาย ไอรอ้ นที่คอ่ ยๆ ระเหย รวมท้งั เกษตรอ�ำ เภอเข้ามาช่วยดแู ล เลก็ ๆ ในตเู้ กบ็ ชาสขี าวทต่ี งั้ อยดู่ า้ นขา้ ง จากน้ำ�ชาสีเขียวอ่อนผสมเหลืองนวล ของหอ้ งยืน่ ให้ดูเป็นตัวอย่าง สง่ กลน่ิ หอมจนอดไมไ่ ดท้ จ่ี ะลม้ิ ลอง ชา ขน้ั ตอนการท�ำ แมย่ อดบอกวา่ อุ่นๆ กล่ินหอมละมุนช่วยผ่อนคลาย เรม่ิ จากเพาะตน้ กล้าข้าวสาลีก่อน เมอื่ “หอมมยั้ ชานเี้ ปน็ ผลติ ภณั ฑต์ วั ความเมอ่ื ยลา้ จากการเดนิ ทางไดอ้ ยา่ งดี ตน้ อ่อนมีอายุ 10-12 วนั ตัดออกมา ใหม่ ทีพ่ วกเราลองทำ�ขน้ึ จากเดิมทีม่ ี เลือกใบท่ีสมบูรณ์ล้างน้ำ�ให้สะอาด แต่ใบชา ครัง้ นเี้ รานำ�เมล็ดขา้ วสาลมี า วศิ รา บอกวา่ ดว้ ยขอ้ จ�ำ กดั ของ พกั ใหส้ ะเดด็ น�้ำ หนั่ ใบชาใหม้ คี วามยาว ค่ัวและบดใส่ลงไปด้วย เวลาชงหอม สภาพพื้นท่ีที่เป็นภูเขา ทำ�ให้พ้ืนท่ีทำ� ประมาณ 1-2 เซนตเิ มตร น�ำ ไปนวดใน มาก” แมศ่ รีกลา่ วอย่างภาคภมู ิใจ นามีน้อยไม่เพียงพอกับชาวบ้านทุก กระทะดว้ ยมอื ใชไ้ ฟออ่ นๆ จนแหง้ ผงึ่ ครัวเรือน เพ่ือสร้างรายได้ให้ชาวบ้าน ใหเ้ ยน็ แลว้ บรรจใุ นภาชนะทบึ แสงทนั ที ทไี่ ม่มพี ืน้ ทป่ี ลกู ขา้ วสาลี ไบโอเทคและ คณะวิจัยจาก มทร.ล้านนา จึงนำ� “เทคนคิ อยทู่ กี่ ารนวด ตอ้ งใชม้ อื เทคโนโลยีการแปรรูปชามาเปล่ียน นวดบนกระทะ ตง้ั ความรอ้ นใหพ้ อดๆี เมลด็ ขา้ วสาลีสู่ผลิตภณั ฑ์ “ชาตน้ อ่อน นวดแตล่ ะครง้ั ตอ้ งสองคนชว่ ยกนั นวด ข้าวสาล”ี ไปเรอื่ ยๆ จนกวา่ จะแหง้ กรอบ กระทะ 20

“ชาต้นอ่อนข้าวสาลีผาคับไม่ได้ ปจั จบุ นั กลมุ่ กจิ กรรมแปรรปู ขา้ ว ทุ ก วั น นี้ ช า ต้ น อ่ อ น ข้ า ว ส า ลี มีดีแค่หอม แต่มคี ณุ คา่ ทางสารอาหาร สาลีมีสมาชิก 20 คน เทคโนโลยีการ กลายเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ข้ึนช่ือของ ครบถ้วน” ดร.ปัทมากล่าวเสริมและ แปรรูปชาท่ี สวทช. นำ�มาถ่ายทอดให้ บ้านผาคับ และเป็นผลิตภัณฑ์ท่ีมีแห่ง อธิบายต่อว่า “ได้นำ�ชาไปวิเคราะห์ หมู่บา้ นผาคบั ไม่เพียงสรา้ งรายได้เสรมิ เดียวในประเทศไทย “ถ้ามาเท่ียวน่าน คุณค่าทางโภชนาการพบว่า มวี ติ ามนิ เฉลย่ี ครอบครวั ละ 12,000-13,000 บาท อยากให้ลองแวะมาชิม ถ้าไม่ได้มาเรา สงู มาก เชน่ วติ ามนิ เอ บี ซี อี และเค ต่อปี แตน่ �ำ ความสุขมาให้คนท่ีน่ดี ว้ ย มจี ำ�หน่ายท่ีโครงการภฟู ้า และเลมอน นอกจากนม้ี คี ลอโรฟิลล์ และโปรตีนสงู ฟาร์มจ้ะ” แม่ยอดบอกพร้อมรอยยิ้ม มากด้วย ท่ีสำ�คัญมีเบต้าทูจีไอวีและ “ชาขา้ วสาลที �ำ ใหเ้ รามรี ายได้ ไม่ กอ่ นทิง้ ท้ายวา่ เบตา้ กลแู คน ทด่ี ีตอ่ สขุ ภาพ เรยี กได้วา่ ตอ้ งเขา้ เมอื งหางาน ไดอ้ ยบู่ า้ น อยกู่ บั ลกู ชาข้าวสาลีหนึ่งแก้วมีประโยชน์เทียบ มีความสุข แล้วเวลาเราเข้ามาทำ�ชาได้ “ ข อ ง ดี ต้ อ ง ข า ย ห น่ อ ย น ะ ” เท่ากับดื่มนมหน่ึงแก้วเลยนะ แถมยัง เจอเพอ่ื น ท�ำ ไปคยุ ไป บางทมี ปี ญั หามา บทสนทนาสดุ ท้ายท�ำ ใหโ้ รงเรอื นเลก็ ๆ ช่วยต้านโรคเบาหวาน ความดัน และ เล่าสู่กัน ช่วยกันคิด ช่วยกันแก้” เตม็ ไปดว้ ยเสยี งหวั เราะอกี ครง้ั กอ่ นเรา มะเรง็ ล�ำ ไส้ด้วย” แมศ่ รเี ลา่ ลากลบั ไปพกั ผอ่ นเอาแรง ศหูน้อยง์กเราียรนเกรียลนารงูท้บุ่ง้านนาผ.า..คับ พหขนกผกตัฒุค่นนขหอรเห้า้อัวสวึ้นยะากน”ม้อนอาียดเนเจาูปท่บนมงยเงเตชทาสหี๋ล่าไ่ร้้าาน์ื้กอดักีขผู้ดแงนัว็กกนเ้รษกา้าเล้า”ผหิจรับวีภ้ิจยนะะากา็ดเวคกดกาัยงวะครจ่าวพมรา้ิาทาขรับางารรนวมีอวกยเกมมบชปาเเิสงจาซสทพทนังดเลศรกังหนคคีื่่ฝไผอ้า่าาขรดลับใโงี่มาใเสร้าจนป่า้เสกกนมวตือรจเโรล็นาีโยมยรวาเลรพร้ยทพ์นกิาทายคเรดาุว่งเครื้นยีร์เวยวนชูย้กอละกมทาาชนลาาาดื่อาศถวี่เนวทไทรับรนชาึงกชมเียผี่เิกนพสมทกคนานลกิจตบ่ือื้นีา่ขยจิตรากอรรอ้าชำฐ�ใู้สรอทร์ชสบนาหงาเำ�ราร้เำำ�วห�ผรนนหมปหียงบมหาุ่นใ่าราส็นานหค้าใรยยับนารหโนรับับ้เนสสนกเขยู้อ้คเยแเรัตตอดหสายวาลา้าว์วังงัม็นาชาเวะงหเ์ชปมพวีดพแรชหกนุ่น็นาชร้วลนั็นบขมูย้เยยนกะอแธพผู่บไนกกิจล์รงลด้าื่อับติกจะเคะนผ้แชสก์รอหแคนลใล่นรรรนัตวกนใิตะ้ามรน่าลวโใงตทมกน“งนคช้เอั้งคเาคามิดชุ“มราเรงียรปงัตใุมชีชยเกอนงาริ็นีพชนนากนบียกมกนรภารนคาศีกเอรกบาู้กรกรริลาตงาย้จาัูวั้นษบรปท่อรนใัดแนอตเหนุวนะทผลพำ�รกงชจุ่นกาำะ�ผาจหุมาคิจคยลเะร้อกรชศกับนงเนิก่มงหสนราูนใตเากรคนี็นเดรยกรทม์ิจอึกียผแช์ปกากียัตคนลลุมรารรนัิตกะทโสชะรรนฝภไเก่เงนี่ชมขปรเึกมอัณ่วทสียียดทยบัตรีฑ่จนน้วำ�ิมิ ัด์ยรู้ 21

ชิม “สตรอว์เบอรŠรี่” & “มะเขือเทศสแน็คสลิม” อากาศเย็นสบายในยามเชา้ ที่บ้านผาคบั แม้ไมอ่ ยากลกุ จากท่นี อน แตด่ ้วยนัดหมายทวี่ ่า เช้าน้ีเรา จะเขา้ สวนชิมสตรอว์เบอร์รี่และมะเขอื เทศสดๆ จงึ เป็นแรงจงู ใจใหท้ ุกคนตื่นข้ึนอย่างพรอ้ มเพรยี ง “เมือ่ ก่อนมาน่าน ไมม่ สี ตรอว์เบอร์รใ่ี หก้ นิ นะ” วิศราเอย่ ขึ้นขณะพาเราชมแปลงปลกู สตรอวเ์ บอรร์ ่ี “ตอนนั้นมองว่านอกจากข้าว มีเทคโนโลยีการผลติ ไหลคณุ ภาพดี จึง สวนสตรอว์เบอร์รี่ และมะเขือเทศ สาลแี ลว้ ควรสง่ เสรมิ การปลกู พชื หลงั นา รว่ มกบั มจธ. ท�ำ แปลงสาธติ ปลกู สตรอว์ - สแน็คสลิมแห่งบ้านผาคับเล่าถึงความ ชนิดอ่ืนๆ ด้วย อยากให้เป็นเกษตร เบอร์ร่ี รวมท้งั มะเขือเทศสแน็คสลิม รสู้ ึกเม่อื ตัดสนิ ใจทดลองปลกู ผสมผสานมากกว่าพืชเชิงเด่ียว จึงจัด ดว้ ย” วศิ ราตอบ ทำ�โครงการนำ�ร่องเพ่ือศึกษาศักยภาพ “ตื่นเช้ามา ต้องเข้าสวนรดน้ำ� พชื ทางเลอื กทม่ี คี วามเหมาะสมหลงั ฤดู การปลูกสตรอว์เบอร์ร่ี ดูเป็น วนั ละครั้ง ถอนหญา้ ริดเอาใบแกอ่ อก การท�ำ นา เพอื่ สรา้ งรายไดใ้ หเ้ กษตรกร เร่ืองยากและไกลตัว สำ�หรับชาวบ้าน จากนน้ั ตดั ไหลออกทกุ วนั เพราะวา่ ไหล ต อ น นั้ น เ อ า ม า ท้ั ง ข้ า ว โ พ ด ห ว า น ผาคบั ซง่ึ คนุ้ เคยกบั การปลกู ขา้ วทอ่ี าศยั เจริญเติบโตออกมาตลอด หนึ่งไหล หอมปอ้ ม (ผกั ชเี มอื ง) ผกั กาดเขยี วหรอื เพยี งการหวา่ นไถ ใสน่ �ำ้ แลว้ รอเกบ็ เกย่ี ว เจรญิ ออกมาสถ่ี งึ หา้ ตน้ เราตอ้ งตดั ไหล ผกั กาดจอ้ น (เมลด็ เปน็ เรปซดี ชนดิ หนง่ึ ผลผลติ แตด่ ว้ ยความขยนั และตง้ั ใจของ ทง่ี อกใหมท่ งิ้ ใหเ้ หลอื ไหลแรกไหลเดยี ว สกัดน้ำ�มันได้) แต่ที่ดูเป็นของใหม่ เกษตรกร ประกอบกบั ทมี พเ่ี ลย้ี งนกั วจิ ยั ถ้าไม่ตัดออก มันไม่ออกดอกออกผล ส�ำ หรบั ชาวบา้ นคอื สตรอวเ์ บอรร์ ่ี และ จาก มจธ. น�ำ โดย ดร.ทศพร ทองเทย่ี ง แต่ไหลออกเร็วมาก วันแรกตัดแปลง มะเขอื เทศ” ทค่ี อยมาดแู ล ใหค้ วามรเู้ รอ่ื งการเพาะ แรกเสร็จ วันท่ีสองตัดแปลงที่สอง ปลูกอย่างใกล้ชิด ทำ�ให้ชาวบ้านมี แปลงแรกไหลกอ็ อกมาอกี แลว้ ตดั ตาม ค�ำ ถามถดั มา ผาคบั เปน็ หมบู่ า้ น ก�ำ ลงั ใจ กลา้ ลองจนประสบความส�ำ เรจ็ ไหลไมท่ นั ไหลสมชอื่ เลย (หวั เราะ) ตา่ ง บนพืน้ ที่สงู สภาพอากาศค่อนขา้ งเย็น กับมะเขือเทศนะดูแลงา่ ยหน่อย เพาะ ตลอดปี น่าจะปลูกสตรอว์เบอร์ร่ีได้ “คร้ังแรก อาจารย์บอกว่า ถ้า เมลด็ ใหเ้ ปน็ ตน้ กลา้ กอ่ น แลว้ คอ่ ยยา้ ย ท�ำ ไมคนที่นี่ถึงไมม่ ีใครปลูกกนั ปลูกต้องดูแลย่ิงกว่าลูกอีกนะ ในใจ ลงปลูก จากน้ันทำ�ค้างไว้ รอให้ต้นโต ลังเลเหมือนกัน แต่คิดว่าไม่ลองไม่รู้ ขนึ้ มาพนั คา้ ง สองถงึ สามวนั คอ่ ยเขา้ ไป “สมัยก่อนชาวบ้านไม่คิดปลูก มันยากขนาดไหนกนั เชียว พอปลูกมนั รดนำ้�ดูแลทีหน่ึง” แม่หมอนถ่ายทอด เพราะมันยาก อีกอย่างไม่รู้ไปหาไหล กย็ ากจริงๆ (หัวเราะ)” แม่หมอน หรือ ประสบการณแ์ ปลกใหม่ท่ีได้รับ สตรอวเ์ บอรร์ ท่ี ไ่ี หน พอดที าง ไบโอเทค หมอน พรมเปียง เกษตรกรเจ้าของ 22

คา้ ง คอื อะไร? การปลูกพันธุ์ไม้ที่ทอดยอด หรือพันธุ์เล้ือย เช่น มะเขือเทศ บวบ ตอ้ งมกี ารปกั ไมบ้ นแปลงปลกู ทเ่ี รยี กวา่ “ค้าง” การปักค้างใช้ไม้ไผ่ปักระหว่าง หลุมท้ัง 2 ฝ่ัง เอนปลายไม้เข้าหากัน ใช้เชอื กผกู เปน็ กระโจม จากนนั้ ใชไ้ มไ้ ผ่ พาดตามยาวระหว่างค้างแต่ละหลุม ใช้ลวดขึง เพื่อให้ค้างแข็งแรงและ ต้นมะเขือเทศเล้ือยข้ึนได้สะดวก 23

จากแปลงสาธติ ในพน้ื ท่ี 2 งาน ดร.ถาวร โกวิทยากร เป็นผ้วู ิจยั คิดค้น อาชพี หลงั การท�ำ นา เชน่ การปลกู ภายใต้ความร่วมมือของ สวทช. และ ขึ้นมาเอง นอกจากรสชาติดี เน้ือหวาน ขา้ วสาลี สตรอว์เบอรร์ ี่ และมะเขอื เทศ มจธ. ไดก้ ลายเปน็ พ้ืนทีแ่ หง่ การเรยี นรู้ กรอบแล้ว ยังมีรูปร่างหน้าตาน่ารัก ไม่เพียงสร้างรายได้อย่างงดงามให้ และบ่มเพาะให้ผาคับกลายเป็นแหล่ง เหมอื นมะละกอลูกเล็กๆ ทส่ี ำ�คัญชาว เกษตรกรชาวผาคบั แตท่ กุ เมลด็ พนั ธยุ์ งั เพาะปลกู สตรอวเ์ บอรร์ ี่ และมะเขอื เทศ บา้ นปลกู แบบปลอดสาร ใชข้ ไี้ กแ่ ทนปยุ๋ สอนให้พวกเขาเรยี นรู้ น�ำ ส่ิงทไ่ี ด้รบั ไป พนั ธ์ุใหมท่ ่ชี ่อื สแนค็ สลิม อนั เลอ่ื งช่ือ เคมี ไมใ่ ชส้ ารเคมเี ลย ทางเลมอนฟารม์ ปรับใช้ในพื้นท่ีอย่างเหมาะสม ทำ�ให้ ในต�ำ บลบอ่ เกลอื ใต้ไดส้ ำ�เร็จ ชอบมาก รบั ซอ้ื หมด ตอนนมี้ ะเขอื เทศ หมบู่ า้ นผาคบั ไดร้ บั การคดั เลอื กใหเ้ ปน็ ส แ น็ ค ส ลิ ม ถื อ เ ป็ น สิ น ค้ า ใ ห ม่ ข อ ง หนง่ึ ใน “หมบู่ า้ นแมข่ า่ ยวทิ ยาศาสตร์ “ลุ้นมากเลยนะตอนทำ� พอได้ ทางร้าน ได้รับความนิยมมากทีเดียว” และเทคโนโลยี” ของกระทรวง เห็นสตรอว์เบอร์ร่ีลูกแดงๆ เต็มแปลง วศิ รากลา่ วเสรมิ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชุมชน ไปหมด มะเขือเทศก็ออกผลงามมาก ต้ น แ บ บ ท่ี นำ � ค ว า ม รู้ ม า ใ ช้ พั ฒ น า ดใี จจนบอกไม่ถูก” แมห่ มอนเล่า “พดู อยา่ งเดยี วไมไ่ ด้ ตอ้ งลองชมิ คณุ ภาพชวี ติ ของคนในชมุ ชนและน�ำ ไป ดนู ะ ลกู อาจยงั ไมใ่ หญม่ าก แตร่ บั ประกนั สคู่ วามย่งั ยืนในอนาคต “ผลผลิตดีเกินคาดนะ คร้ังแรก วา่ หวานแนน่ อน” แมห่ มอนเอย่ แทรกขน้ึ ปลกู ได้ถงึ 200 กโิ ลกรัม สตรอว์เบอร์รี่ พร้อมเอ้อื มมือไปเด็ดลูกสตรอว์เบอร์ร่ี ถึงวันนี้ผืนนาบ้านผาคับท่ีเคย ที่ไดห้ วานมาก ตอนน้ผี ลติ ได้ 300 กวา่ สแี ดงสดจากแปลงยน่ื มาใหช้ มิ รกร้างว่างเปลา่ ได้ผลิดอกออกผลเปน็ กโิ ลกรมั ขายกโิ ลกรมั ละ 130 บาท รายได้ รวงข้าวสีทองเหลืองอร่ามสร้างความ เพิ่มขึ้นมาประมาณ 40,000 บาทต่อ “กินสดๆ เลย สตรอว์เบอร์ร่ี งดงามท่ามกลางหุบเขา บ้านผาคับที่ หน่ึงฤดูกาลผลิตเลยทีเดียว ส่วน บา้ นผาคบั นอกจากรสชาตหิ วานแลว้ ยงั เคยเงียบเหงา แปรเปล่ียนเป็นเสียง มะเขือเทศไม่แพ้กัน เป็นพันธุ์ใหม่ ปลอดสารเคมี 100%” แมห่ มอนบอก หั ว เ ร า ะ แ ล ะ ร อ ย ย้ิ ม ท่ี ส ร้ า ง ค ว า ม ท่ีไบโอเทคได้รับสายพันธ์ุมา ซ่ึง ด้วยน้�ำ เสียงภมู ใิ จ ประทบั ใจใหผ้ มู้ าเย่ียมเยอื นเสมอ  ของดีชุมชน: หมู่บ้านผาคับ ชาต้นอ่อนข้าวสาลี เมล็ดข้าวสาลี ผลติ และจ�ำ หน่ายโดย: สตรอว์เบอร์รี่ กลมุ่ แปรรปู ขา้ วสาลี เลขที่ 52 หมู่ 2 มะเขือเทศพันธุ์สแน็คสลิม บ้านผาคบั ตำ�บลบอ่ เกลือใต้ อำ�เภอบ่อเกลือ จงั หวัดน่าน โทรศัพท์: 08 8499 4575 และ 08 3324 0395 24

“ ”เพาะเหด็ “ปัญหาก้อนเช้ือเห็ดท่ีผาคับ นอกจากเน่าเสียและ เหด็ ไมอ่ อกดอกแลว้ เราพบวา่ ขเี้ ลอ่ื ยทนี่ �ำ มาใชผ้ ลติ มรี าคา จากซงั ข้าวโพด แพงมาก ตนั ละ 7,000-8,000 บาท เนอ่ื งจากตอ้ งขนสง่ จาก ภาคใต้เป็นระยะทางที่ไกลมาก ช่วงน้ันทีมวิจัยมองว่า ใน ด้วยพ้ืนที่อำ�เภอบ่อเกลือ มีสภาพภูมิประเทศ เป็น พน้ื ทนี่ า่ นมกี ารปลกู ขา้ วโพดจ�ำ นวนมาก มซี งั ขา้ วโพดถกู ทง้ิ ภเู ขาสงู สลบั ซบั ซ้อน การเลย้ี งสตั วท์ �ำ ไดค้ อ่ นขา้ งยาก ตน้ ทนุ ข้างทางเต็มไปหมด ซ่ึงนำ�มาใช้ผลิตก้อนเชื้อเห็ดได้ ก่อน อาหารสตั วม์ รี าคาสงู อีกทั้งอยไู่ กลจากตวั เมืองมาก อาหาร หนา้ นภ้ี าคเหนือทดลองใชก้ นั อยูบ่ า้ ง ทมี งานจงึ หารอื ร่วม ทน่ี �ำ ขนึ้ มาขายมรี าคาสงู กวา่ ทอ้ งตลาด ชาวบา้ นจงึ ไมค่ อ่ ยได้ กบั ชาวบา้ นทดลองน�ำ ซงั ขา้ วโพดมาผลติ กอ้ นเหด็ มกี ารน�ำ บริโภคเน้อื สัตว์หรือโปรตีนมากนัก ไบโอเทค สวทช. นำ� เครื่องบดเศษวัชพืชทำ�ปุ๋ยจากศูนย์ภูฟ้าพัฒนามาใช้บด เทคโนโลยีการเพาะเห็ดลงไปถ่ายทอดให้แก่เกษตรกรใน ซังข้าวโพด โดยต้องบดให้ละเอียดเพราะหากไม่ละเอียด หมู่บ้านผาคับ เพื่อเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพดีของคนใน ซังข้าวโพดท่ีแข็งจะแทงถุงพลาสติกจนฉีกขาด ทำ�ให้เกิด ชมุ ชน การปนเปอ้ื นได้ จากการทดลองพบวา่ ประสบความส�ำ เรจ็ ดี เหด็ ออกดอกไมต่ า่ งจากการใช้ข้ีเล่อื ยมากนกั และที่ส�ำ คัญ เสริมศิริ เมธีวรกุล ทีมวิจัยจากห้องปฏิบัติการ ต้นทนุ การผลิตลดลง เทคโนโลยีการหมัก ไบโอเทค กล่าวว่า ชาวบ้านผาคับมี ความรเู้ รอ่ื งการเพาะเหด็ เปน็ ทนุ เดมิ เนอื่ งจากในอดตี หนว่ ย การเพาะเห็ดเพ่ือผลิตอาหารโปรตีนในชุมชน บญั ชาการทหารพฒั นา เคยสง่ เสรมิ การเพาะเหด็ ในพน้ื ที่ แต่ นอกจากลดรายจ่ายค่าอาหารแล้ว ยังเป็นช่องทางสร้าง การเพาะเห็ดต้องอาศัยการดูแลอย่างใกล้ชิด และมีราย รายไดเ้ สรมิ ใหช้ าวบา้ นอกี ทางหนึง่ ” เสริมศริ กิ ล่าว ละเอยี ดมาก จงึ ไมป่ ระสบความส�ำ เรจ็ เทา่ ทคี่ วร ไบโอเทคจงึ เข้าไปเสริมความรใู้ ห้ชาวบ้านมากข้ึน มกี ารประยกุ ต์ใช้ “ซัง นอกจากการเพาะเหด็ ไบโอเทคยงั ชว่ ยพฒั นาระบบ ข้าวโพด” ท่ีเป็นเศษวัสดุเหลือใชท้ างการเกษตรในพืน้ ท่ี มา การเล้ียงและการจัดการฟาร์มไก่ไข่แบบธรรมชาติ ปรับใช้ เป็นวตั ถุดบิ ในการผลิตก้อนเชือ้ เหด็ แทน “ขเี้ ลื่อย” วัสดใุ นท้องถน่ิ จัดท�ำ โรงเรือน คอก เล้า และผลติ อาหารไก่ นำ�ความรู้ทางวิชาการมาประยุกต์ใช้กับภูมิปัญญาท้องถ่ิน สามารถเล้ียงไก่ไข่ให้มีสุขภาพแข็งแรง ให้ผลผลิตดี เกิด รายไดเ้ สริมเฉลย่ี สุทธปิ ระมาณ 7,000-10,000 บาทต่อปี 25

ทว่อิถงีเมเทอื ีย่งนวรา่ ิมนทาง: ชม “บอ่ เกลอื ” บนขนุ เขา ภายในศนู ยเ์ รยี นรฯู้ มกี ารจดั แสดงบา้ นเรอื นทอ่ี ยอู่ าศยั ของชาวมละบริ 5 ยุค แต่ละยุคแตกต่างกันไปตามวิถีชีวิต ใครทค่ี ดิ วา่ เกลอื เมอื งไทยผลติ ไดเ้ ฉพาะจงั หวดั แถบ ถัดเข้าไปด้านในเป็นหมู่บ้านของชนเผ่ามละบริ มีประชากร ชายทะเล อาจตอ้ งเปลี่ยนความคิดเสียแลว้ เพราะขุนเขา จ�ำ นวน 12 ครอบครัว 61 คน สามารถแวะทกั ทาย สัมผัสวิถี แห่งจังหวดั น่าน คือหนงึ่ ในแหล่งผลิตเกลอื จากบอ่ เกลือ ชวี ติ ชมหตั ถกรรมพ้ืนบ้าน อาทิ ถงุ ย่าม ทำ�จากเถาวัลยย์ อ้ ม สินเธาว์ เก่าแก่ท่ีสุดในประวัติศาสตร์ บ่อเกลือโบราณ สสี นั จากเปลอื กไม้ แตล่ ะใบมเี อกลกั ษณเ์ ฉพาะตวั ทโี่ ดดเดน่ ไม่ แหง่ นย้ี งั คงเปน็ แหลง่ ผลติ เกลอื ทส่ี �ำ คญั ของคนจงั หวดั นา่ น เหมอื นใคร ปมู ภาชนะใส่ของสานดว้ ยไม้ไผร่ อบในและหวาย ชาวบา้ นจะตกั น�ำ้ ซง่ึ ละลายแรธ่ าตตุ า่ งๆ จากชน้ั ดนิ ภายใน รอบนอก ข้างในระหว่างไม้ไผ่และหวายบุด้วยใบตองกันชื้น บอ่ เกลอื ขน้ึ มาตม้ ในกระทะใบบวั ขนาดใหญจ่ นนำ้�เริ่มงวด ใครชน่ื ชอบหรอื สนใจซอ้ื ตดิ ไมต้ ดิ มอื กลบั ไปเปน็ ของทร่ี ะลกึ ได้ ไดผ้ ลกึ เกลอื สขี าวแวววาว ตกั ใสภ่ าชนะทสี่ านดว้ ยไมไ้ ผ่ พกั ท้งิ ไว้ ผสมไอโอดีน ก่อนบรรจลุ งหอ่ นบั เปน็ ของฝากชัน้ ดี ศูนยภ์ ูฟ้าพฒั นา สมชื่ออ�ำ เภอบอ่ เกลือ ก่อนเดินทางกลับอย่าลืมเก็บภาพทิวทัศน์อันงดงาม ทกั ทาย “ชนเผ่ามละบริ” ณ จุดชมวิว ศูนย์ภูฟ้าพัฒนา ศูนย์ต้นแบบการพัฒนาและ ถ่ายทอดความรสู้ ู่พนื้ ท่ี ภายในมหี อ้ งนิทรรศการและห้องสมุด หลงั จากเทย่ี วชมทงุ่ ขา้ วสาลสี ที องแหง่ หมบู่ า้ นผาคบั ที่รอให้เข้าไปศึกษาหาความรู้มากมาย มีเส้นทางการศึกษา แลว้ ไมค่ วรพลาดแวะเวยี นเรยี นรวู้ ถิ ชี วี ติ ของชนเผา่ มละบริ ธรรมชาติ ทีส่ �ำ คญั คือ พระต�ำ หนกั ภูฟา้ ทส่ี วยงาม ทีป่ ระทับ กลมุ่ ชาตพิ นั ธท์ุ ม่ี ปี ระชากรเหลอื อยไู่ มม่ ากแลว้ ในประเทศไทย ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ ศนู ย์เรยี นรชู้ ีวิตและวฒั นธรรมชนเผา่ มละบริ นอกจากนมี้ ผี ลติ ภณั ฑฝ์ มี อื ชาวบา้ นน�ำ มาจดั จ�ำ หนา่ ยใหเ้ ลอื ก ซอื้ กนั มากมาย ทง้ั หตั ถกรรม ผลติ ภณั ฑท์ างการเกษตร อาหาร 26 แปรรปู เครอ่ื งด่มื และมที ีพ่ ักส�ำ หรบั นักทอ่ งเทยี่ วท่ีสนใจ

แบน้านะนผÓากคาบั รเดอินÓเทภาองบ่อเกลอื จงั หวัดนา่ น ภาพถา่ ยดาวเทียมจาก http://www.google.com/earth/index.html หมู่บ้านผาคับ ตั้งอยู่ที่ หมู่ 2 ต�ำ บลบอ่ เกลือใต้ อ�ำ เภอ บ่อเกลือ จังหวัดน่าน อยู่ห่าง จากอำ�เภอบ่อเกลือ 3.5 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากตัว จงั หวดั นา่ น 113 กโิ ลเมตร สภาพ พ้ืนท่ีมีความสูงเฉล่ียจากระดับ น้ำ�ทะเล ประมาณ 600 เมตร พนื้ ทเี่ ปน็ ทรี่ าบระหวา่ งเขา โอบ ลอ้ มไปดว้ ยปา่ ไมส้ เี ขยี ว มลี �ำ น�ำ้ มาง ซง่ึ เปน็ สาขาของล�ำ น�้ำ นา่ น ไหลผ่านด้านทิศตะวันตกของ หมู่บ้าน สภาพพ้ืนท่ีส่วนใหญ่ เปน็ ทีร่ าบ มคี วามอดุ มสมบรู ณ์ ด้วยแหล่งนำ้�และป่าซึ่งเหมาะ กบั การท�ำ เกษตร การเดินทาง รถยนต์ จากกรงุ เทพฯ ใชท้ างหลวงหมายเลข 32 ถงึ จงั หวดั นครสวรรค์ จากนน้ั ใชท้ างหลวงหมายเลข 117 ถงึ จงั หวดั พษิ ณโุ ลกและใช้ ทางหลวงหมายเลข 11 ผา่ นจงั หวดั อตุ รดติ ถ์ และอ�ำ เภอเดน่ ชยั (จงั หวดั แพร)่ จากเดน่ ชยั ใชท้ างหลวงหมายเลข 101 ผา่ นจงั หวดั แพรไ่ ปถงึ ตวั จงั หวดั นา่ น รวมระยะทางประมาณ 668 กโิ ลเมตร เมอ่ื เขา้ ตวั จงั หวดั นา่ น ขบั รถไปทางอ�ำ เภอปวั จากนน้ั ใชถ้ นน สาย 1256 มงุ่ หนา้ อทุ ยานแหง่ ชาตดิ อยภคู า แลว้ ขบั ตอ่ ไปตาม เสน้ ทางมงุ่ สอู่ �ำ เภอบอ่ เกลอื หรอื ใชถ้ นนสาย 1169 ไปยงั อ�ำ เภอ สนั ตสิ ขุ แลว้ ใชเ้ สน้ ทาง 1257 เพอ่ื เขา้ สอู่ �ำ เภอบอ่ เกลอื รถโดยสาร อา้ งอิงขอ้ มลู : ศูนย์ขอ้ มลู กลางทางวัฒนธรรม: รถประจ�ำ ทางปรบั อากาศสายกรงุ เทพฯ-นา่ น หรอื กรุ งเทพฯ- http://www.m-culture.in.th/moc_new/tag/บ้านผาคบั ทุ่งช้าง ออกจากสถานีขนส่งสายเหนือ (หมอชิต 2) ถนน ก�ำ แพงเพชร 2 ทกุ วนั วนั ละหลายเทย่ี ว ทง้ั รถโดยสารแบบ 27 ธรรมดาและปรบั อากาศ ใชเ้ วลาเดนิ ทางประมาณ 9-10 ชว่ั โมง และนง่ั รถประจ�ำ ทางหรอื รถรบั จา้ งจากอ�ำ เภอเมอื ง หรอื อ�ำ เภอ ปวั ตอ่ ไป อ�ำ เภอบอ่ เกลอื อยหู่ า่ งจากตวั เมอื งนา่ น ประมาณ 80 กโิ ลเมตร

28

“เกบ็ สตรอวเ์ บอรร์ ช่ี มิ มะคาเดเมยี ” พชื เมอื งหนาวแห่งแดนอีสาน ณ หมู่บา้ นบ่อเหมืองน้อยและหว้ ยน�้ำ ผกั จังหวัดเลยอ�ำ เภอนาแห้ว 29

“นาแห้ว” ผืนดินแห่งความหวัง ท่ามกลางการโอบล้อมของภูเขาสูงชัน ผืนพรมสีเขียวที่ทอดตัวอยู่ นอกจากข้าวและพืชไร่แล้ว ยังมีไม้ล้มลุกอีกชนิดหนึ่งที่ปลูกเรียงรายเป็นแถว เมื่อมองผ่านใบสีเขียวเข้มขนาดเกือบเท่าฝ่ามือ คือ ผลสีแดงสดที่หลายคนอาจ ไม่เชื่อว่าจะมาเห็น ณ ที่แห่งนี้ เอ่ยถึงไร่สตรอว์เบอร์รี่ ถ้าไม่จินตนาการไปไกลถึง หมบู่ า้ นชายแดนน้ี แมไ้ รซ้ ึ่งแสงสแี ละความทันสมยั ประเทศญป่ี นุ่ คงคดิ ถงึ ดอยสงู ในจงั หวดั ทางภาคเหนอื นอ้ ย แตเ่ ปย่ี มไปดว้ ยเสนห่ ท์ ม่ี าจากความเรยี บงา่ ยของวถิ ชี นบท คนนักที่รู้ว่ามีสตรอว์เบอร์ร่ีหอมหวานอยู่ที่หมู่บ้าน ผสมกลมกลืนกับสีสันอันแปลกตาของผลไม้หัวนอกอย่าง บ่อเหมืองน้อยและบ้านห้วยน้ำ�ผัก อำ�เภอนาแห้ว สตรอว์เบอร์รี่และมะคาเดเมียท่ีถูกพัฒนาขึ้นจากนำ้�พัก- จงั หวดั เลย น้ำ�แรงของคนที่น่ี 30

จากสมรภูมิสู่ขุมทรัพย์บนดิน เส้นทางคดเคี้ยวชวนหวาดเสียว นรรถพร สุโพธ์ิ หรอื “พ่ยี ิ่ง” หนึง่ พาเราเดินทางเข้าสู่หมู่บ้านเล็กๆ ที่ถูก ในสมาชิกต้ังแต่เริ่มตั้งหมู่บ้านห้วยนำ้�ผัก โอบล้อมด้วยหุบเขา ระหว่างทางลาดชัน เลา่ ใหฟ้ งั ระหวา่ งเดนิ ทางเขา้ ทพ่ี กั หรอื โฮม- ท่ีรถตู้ค่อยๆ ขับลงไปน้ัน เรามองเห็น สเตย์ของเกษตรกรภสู วนทรายวา่ มีหลาย บ้านไม้ชั้นเดียวและสองช้ันมุงด้วยหลังคา หน่วยงานที่เข้ามาสมัยนั้น กรมส่งเสริม- หลากสีสันอิงแอบแนบชิดอยู่ท่ามกลาง การเกษตร เข้ามาส่งเสริมการปลูกพืช ธรรมชาติ มีเด็กน้อยสองสามคนวิ่ง ตอนน้ันมีท้ัง มะคาเดเมีย เสาวรส เล่นไล่จับอย่างสนุกสนานอยู่ริมคันนา สตรอว์เบอร์รี่ อะโวคาโด พลับ กาแฟ ภาพอันแสนอบอุ่นท่ีแทบไม่น่าเชื่อว่า อาราบิกา พืชทุกตัวเป็นพืชเมืองหนาวก็ หากยอ้ นไปกวา่ 20 ปกี อ่ น พนื้ ทแี่ หง่ นี้ คอื ลองปลูกหมด แต่ด้วยความที่เราและชาว พ้ืนที่ที่เป็นผลกระทบสืบเนื่องจากสมรภูมิ บ้านไม่รู้ว่าผลผลิตหน้าตาเป็นอย่างไร บ้านร่มเกล้า อันเน่ืองมาจากกรณีพิพาท สร้างรายได้จริงหรือเปล่า จึงไม่สนใจดูแล ดา้ นพรมแดนระหวา่ งไทยกับลาว กนั มากนัก ก า ร สู้ ร บ อั น ยื ด เ ยื้ อ สิ้ น สุ ด เ มื่ อ “บางบา้ นเขาตดั ทง้ิ เลยนะชว่ งปแี รก วันที่19 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2531 โครงการ เพราะเขาไมเ่ ชือ่ คดิ วา่ ทหารข้โี ม้ (หัวเราะ) พฒั นาเพอ่ื ความมน่ั คงพนื้ ทรี่ บั ผดิ ชอบโดย เอาอะไรมาใหป้ ลกู ไมร่ ู้ แตก่ ป็ ลกู นะ เพราะ กองทพั ภาคท่ี 2 และ 3 จดั ประชาชนอาสา ทหารเขา้ มาคอยดูแล ถ้าเห็นวา่ ให้มาแลว้ เข้าไปอาศัยตั้งเป็นหมู่บ้านชุมชนใหม่ตาม ไม่ปลูกเขาจะตำ�หนิได้ บางคนเอาไป แนวชายแดนไทย-ลาว เป็นจดุ เร่ิมต้นของ เขย่าดินออก หอบไป 50 ตน้ ปลกู ทเี ดยี ว หมู่บ้านบ่อเหมืองน้อยและห้วยนำ้�ผัก ต้นไหนแข็งแรงสุดก็รอด แต่หลาย ตำ�บลแสงภา อ�ำ เภอนาแหว้ จังหวัดเลย ครอบครัวปลกู อยา่ งดี ดูแลอย่างด”ี หมู่บ้านแห่งน้ีต้ังอยู่ใจกลางป่าทึบ นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าท่ีเกษตร และภเู ขาสงู ชนั สงู จากระดบั น�้ำ ทะเล 750- ภสู วนทรายน�ำ สตรอวเ์ บอรร์ ม่ี าใหล้ องปลกู 1,200 เมตร ภูมิอากาศหนาวเย็น แต่ละ แต่หลังจากได้ผลผลิตแล้ว กลับไม่มีช่อง หมบู่ า้ นมีจ�ำ นวน 75 ครอบครัว รวม 150 ทางในการจำ�หน่าย ทำ�ให้ชาวบ้านส่วน ครัวเรือน มีชาวบ้านประมาณ 208 คน ใหญท่ ้งิ ผลผลติ และเลกิ ปลูกไป ในช่วงเร่ิมต้นทหารได้จัดสรรบ้านและ พื้นที่ทำ�กินให้ชาวบ้านจำ�นวน 10 ไร่ ต่อ กระท่ังปี พ.ศ.2538 ร้อยเอก ครอบครวั อรรฐพร โบสุวรรณ (ปัจจุบันยศพลตรี) มองว่าถ้าวันหนึ่งทหารถอนตัวออกมา ชาวบ้านส่วนใหญ่ปลูกข้าวไร่ไว้ ชาวบา้ นจะอยไู่ มไ่ ด้ จงึ ตดิ ตอ่ ไปทศ่ี นู ยพ์ นั ธ-ุ บริโภคในครวั เรือน ปลูกข้าวโพดเล้ยี งสตั ว์ วศิ วกรรมและเทคโนโลยชี วี ภาพแหง่ ชาติ เพ่ือจำ�หน่าย แต่รายได้ไม่พอสำ�หรับการ (ไบโอเทค) ส�ำ นกั งานพฒั นาวทิ ยาศาสตร์ ใช้จ่าย ต้องอาศัยหาของป่า และขาย และเทคโนโลยแี หง่ ชาติ (สวทช.) เพื่อนำ� แรงงานรบั จา้ งท่วั ไป กองทัพภาคที่ 2 จึง ความรู้มาช่วยสร้างอาชีพให้ชาวบ้าน นับ ประสานงานกับหน่วยงานราชการทั้งใน แต่น้ันมาที่ดินที่เคยเป็นสมรภูมิรกร้างว่าง พ้ืนที่และนอกพื้นที่เข้ามาส่งเสริมอาชีพ เปล่าได้กลายเป็นขุมทรัพย์ที่ให้ทั้งรายได้ ใหช้ าวบ้าน และชวี ติ ความเปน็ อยทู่ ่ดี ขี ึ้น 31

หมู่บ้านสตรอว์เบอรŠรี่แห่งภาคอีสาน แปลงสตรอว์เบอร์ร่ีสีแดงสดที่ปกคลุมทั่วเนินเขาหมู่บ้านบ่อเหมืองน้อยและห้วยนำ้�ผัก แม้ไม่เป็นที่รู้จัก มากนกั แตใ่ ครทเ่ี คยผา่ นไปแถวอ�ำ เภอนาแหว้ ไดเ้ หน็ และชมิ สตรอวเ์ บอรร์ อ่ี สี าน ตา่ งออกปากรบั ประกนั วา่ รสชาติ หวานกรอบไม่แพ้ท่ีไหน แต่กว่าจะประสบความสำ�เร็จอย่างท่ีเห็น ชาวบ้านและพี่เลี้ยงจากหลายหน่วยงานต้อง ฝ่าฟันอปุ สรรคมาไมน่ ้อย ศักดิ์ชัย วัฒนศรีรังกุล หรือ “เม้ง” นักวิเคราะห์ หลังจากนั้นในปี พ.ศ.2539 ไบโอเทค สวทช. โครงการจาก สวทช. เล่าให้ฟังว่า หลังจากร้อยเอก ร่วมกับ มจธ. เข้าไปถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต อรรฐพร โบสุวรรณ ติดต่อมา ไบโอเทค สวทช. ร่วมกับ สตรอว์เบอร์รี่ให้ชาวบ้าน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) เข้าไปดูพื้นที่ทันที ปยิ ทศั น์ ทองไตรภพ หรอื “ป”ิ นกั วจิ ยั จากศนู ยว์ จิ ยั และบริการอุตสาหกรรมการเกษตรและอุตสาหกรรม ตอนนั้นโจทย์ที่ สวทช. ตั้งไว้คือ ทำ�อย่างไรให้ ชีวเคมี สำ�นักวิจัยและบริการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชาวบ้านประกอบอาชีพได้ โดยใช้ทรัพยากรในพื้นที่ ไม่มี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี พระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) การย้ายถิ่นฐาน เป็นการดำ�เนินการบนหลักการที่ว่าทำ� เล่าว่า ในช่วงแรก สมศักดิ์ พลอยพานิชเจริญ นักวิชาการ อย่างไรให้คนอยู่ร่วมกับป่าได้ จาก ไบโอเทค สวทช. และ ทศพร ทองเที่ยง นักวิชาการ จาก มจธ. เข้าไปทำ�แปลงทดลอง พาชาวบ้านมาอบรมวิธี “ไบโอเทค มองว่าพื้นที่อยู่ห่างไกลจากตัวเมืองมาก การปลูก จากนั้นนำ�สตรอว์เบอร์รี่เข้าไปส่งเสริม เอาไหล การคมนาคมไม่สะดวก ถ้าปลูกข้าวโพด ถั่วฝักยาวจะไม่ สตรอว์เบอร์รี่ไปให้ชาวบ้านทดลองปลูกบ้านละ 2,000- คุ้มค่า พืชที่ปลูกควรเป็นพืชมูลค่าสูงๆ ที่เหมาะกับสภาพ 3,000 ต้น ทั้ง 2 หมู่บ้านประมาณ 150 ครัวเรือน ภูมิอากาศที่หนาวเย็น เนื่องจากทั้งสองหมู่บ้านตั้งอยู่ที่ ระดับความสูง 750-1,200 เมตร ประกอบกับช่วงนั้น “ความรู้และเทคโนโลยีที่ถ่ายทอดให้ชาวบ้าน เริ่ม ไบโอเทค มีงานวิจัยเรื่องสตรอว์เบอร์รี่กับโครงการหลวง อบรมตั้งแต่การเตรียมแปลง การปลูก การดูแล จนถึงการ ที่อำ�เภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ พวกเรามองว่าคนอยู่ เก็บเกี่ยว ช่วงนั้นต้องขึ้นนาแห้วทุกเดือนเลย เดือนละ บนดอยปลกู สตรอวเ์ บอรร์ เ่ี ปน็ อาชพี ไดใ้ นพน้ื ทท่ี จ่ี �ำ กดั ดงั นน้ั ประมาณ 15 วัน เข้าแปลงกับเขา ดูว่ามีปัญหาอะไร สตรอว์เบอร์รี่จึงเป็นพืชที่เหมาะสมกับพื้นที่นี้มากที่สุด” ปลูกแล้วเป็นอย่างไร ทำ�ไมไม่โต มีโรคอะไร ใช้ยาอะไรพ่น 32

“อยากเรียนรู้และปลูกให้ดีที่สุดอยากเอาสตรอว์เบอร์รี่ มาพลิกฟื้นหมู่บ้านห้วยน้Óผัก ให้เป็นหมู่บ้านสตรอว์เบอร์รี่ เป็นตลาดสตรอว์เบอร์รี่ที่ ใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน” ดูแลอย่างไร เราใช้กลไกการติดตาม ต้องปลูกสองแถว ให้ต้นไหลหันเข้าหา เ มื่ อ ไ ม่ ท้ อ ต้ อ ง มี ก้ า ว ต่ อ ไ ป ตลอด พูดง่ายๆ ผมปลูกไม่เป็นก็ต้อง กัน ปลูกเสร็จแล้ว 7 วันแรกต้องรดน้ำ� พัฒนาการอีกขั้นของชาวไร่สตรอว์- ปลูกเป็นเลย (หัวเราะ) แทบจะจับมือ ตลอดไม่ให้แห้ง” เบอร์รี่ที่นี่คือ การใช้ระบบน้ำ�หยด เขาปลูกเลย ผลผลิตต้องเก็บอย่างไร ปิยทัศน์แนะนำ�ให้มีการติดตั้งบน ช่วยดูตลอด” สตรอว์เบอร์รี่เป็นพืชชนิดใหม่ เนื้อที่ 10 ไร่ ที่เป็นแปลงผลิตกลาง ที่ชาวบ้านไม่มีความรู้มาก่อน ช่วงแรก ของทั้งสองหมู่บ้าน ข้อดีของระบบน้ำ� “การปลูกสตรอว์เบอร์รี่ดูแล จึงอาศัยความทุ่มเทและอดทน เมื่อ หยดคือ ลดปัญหาโรคแอนแทรคโนส ยากกว่าพืชชนิดอื่นเยอะ” นายสง่า เรียนรู้และมีประสบการณ์พอควร ที่เป็นศัตรูสำ�คัญของสตรอว์เบอร์รี่ได้ บุญธรรม หรือ “พ่ีสงา่ ” ผู้ใหญบ่ ้าน พี่สง่าตัดสินใจทดลองปลูกปีแรก ห้ ว ย น้ำ � ผั ก แ ล ะ เ ก ษ ต ร ก ร เ จ้ า ข อ ง ประมาณ 3,000 ตน้ ในเนือ้ ทีป่ ระมาณ ระบบน้ำ�หยดให้ผลเป็นที่น่า แปลงสตรอว์เบอร์ร่ีเอ่ยขึ้น ต้องดูแล งานกว่าๆ พอใจ เพราะนอกจากต้นสมบูรณ์ ทุกวัน ดูว่าแปลงปลูกแห้ง หรือมีหญ้า ดีแล้ว ผลผลิตเพิ่มมากขึ้น ขึ้นหรือไม่ หากใบทึบต้องแต่งใบ “ผลผลิตปีแรกดี แต่ไม่มาก นอกจากน้ีต้องคอยระวังโรคพืชชนิด เพราะมือใหม่ แล้วเจอโรคด้วย “ปีแรกปลูก 3,000 ต้น ได้ ตา่ งๆ โดยเฉพาะเชอ้ื รา ตอนนัน้ คดิ วา่ ไมค่ ุม้ หรอก แตไ่ มท่ อ้ นะ ผลผลิต 500 กิโลกรัม ปีที่สองผลผลิต พยายามปลูกใหม่ อยากปรับปรุงใหม่ ไม่ต่างกันเท่าไหร่ พอมาถึงปีที่สามที่ “ทำ�แปลงต้องทำ�สูง เพราะ ทุกปี ปลูกแล้วทำ�ยังไงให้ขึ้นทุกต้น มีระบบน้ำ�หยด ได้ผลผลิตเฉลี่ย 1.2 แปลงต่ำ� ความชื้นมีเยอะ เวลาปลูก มีดอกมีผลทุกต้น“ 33

ตันต่อไร่ ดีใจมากนะ มีกำ�ลังใจ อยาก ปิยทัศน์ ยกตัวอย่างกรณีวัสดุ มาจากประเทศอิสราเอล แต่เนอ่ื งจาก ปลูกไปทุกปี” พี่สง่าเล่า คลุมแปลงว่า ภาคเหนือใช้ใบตองตึง สภาพอากาศที่ต่างกัน ทำ�ให้ต้น คลุมดินเพื่อไม่ให้หญ้าข้ึน ใบตองตึง เสยี หาย ตอ้ งหาวธิ ีการใหม่ ใช่ว่านักวิชาการ คือผู้ถ่ายทอด 1 ไพล ยาว 1 เมตร ซอ้ื มาแลว้ ใช้วางได้ ความรแู้ ละเทคโนโลยใี หช้ าวบา้ นเพยี ง เลย แต่ 1 ไพล ตอนน้ีราคา 3 บาท “ปกติแปลงสตรอว์เบอร์รี่จะ อย่างเดียว หลายคร้ังการแลกเปลี่ยน ถือเป็นตน้ ทุนที่เพ่ิมขึ้น พวกเราจึงมอง ยกร่องเป็นเนินเหมือนภูเขา แล้วเรา เรยี นรู้ ระหวา่ งนักวิชาการกับชาวบา้ น หาทางเลือกอืน่ เชน่ ฟางขา้ ว นำ�พลาสติกมาคลุมท้ังเนิน ด้านบน ทำ�ให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ๆ ได้ผลผลิต ส่วนที่ปลูกสตรอว์เบอร์ร่ีเจาะรูไว้ แต่ ดขี ึ้น “พอใช้ฟางข้าวไปสักพัก พบว่า บ้านเราอากาศร้อน เลยอบไป ต้น ฟางขา้ วพอถกู น�ำ้ เมลด็ ขา้ วทหี่ ลงเหลอื สตรอว์เบอร์ร่ีเสียหาย ผมจึงลองใหม่ อยงู่ อกขน้ึ มา เสยี เวลาไปถอน ฟางขา้ ว ปลกู สตรอวเ์ บอรร์ ใ่ี หเ้ สรจ็ กอ่ น แลว้ เอา เม่ือถูกน้ำ�มากๆ ย่อยสลายเร็วมาก หญ้าคามาคลุมทับบนผิวดินด้านบนท่ี ผลตามมา คือ ฟางข้าวเร่ิมเน่า ปลูกสตรอว์เบอร์ร่ี ส่วนเนินดินที่ สตรอว์เบอรร์ ี่เน่าตามไปด้วย เลยลอง ลาดลงพน้ื ดา้ นขา้ งทง้ั สองฝง่ั เอาพลาสตกิ เปลี่ยนมาเป็นหญ้าคาเพราะเป็นวัสดุ มาคลุม ปรากฏว่าได้ผลดี ดินบริเวณ ท่ีมีอยู่แล้ว ได้ผลดีนะ หญ้าคาไม่ ดา้ นขา้ ง หญ้าไม่ขน้ึ สว่ นดนิ ด้านบนก็ ย่อยสลาย ต้นทุนลดไปอีก” พ่ีสง่าให้ ไมร่ อ้ นเพราะเป็นหญา้ คาคลมุ อยู”่ ข้อมลู เสริม น่ีคือการเรียนรู้ที่ได้จากการ เมื่อชาวบ้านเริ่มเลี้ยงวัวควาย สังเกต ปิยทัศน์บอกว่าเทคนิคตรงนี้ มากข้ึน หญ้าคาเริ่มหายาก พลาสติก สอนไม่ได้ เช่น การใส่ปุ๋ย เราบอกให้ เป็นวัสดุใหม่ท่ีนำ�มาใช้โดยได้แนวคิด เจาะหลมุ ขา้ งทรงพมุ่ หยบิ ปยุ๋ 1 หยบิ มอื 34

ใส่หลุมแล้วกลบปิด ชาวบ้านบอกว่า ปีไหนไหลคุณภาพไม่ดีนัก ผลผลิต “ อ ย า ก เ รี ย น รู้ แ ล ะ ป ลู ก ใ ห้ ดี วิธีน้ีดีแต่เสียเวลา เขาโรยเอา ตอน อาจไมค่ ่อยดเี ท่าไหร พอปี พ.ศ. 2553 ท่ีสุด อยากเอาสตรอว์เบอร์ร่ีมาพลิก รดนำ�้ ระวังไม่ใหโ้ ดนป๋ยุ เขาเรียนรู้จาก เริ่มมีความคิดอยากผลิตต้นไหลที่ ฟื้นหมู่บ้านห้วยนำ้�ผัก ให้เป็นหมู่บ้าน ค ว า ม รู้ ที่ เ ร า ส อ น ทั้ ง ห ลั ก ก า ร ท า ง นาแหว้ ” สตรอวเ์ บอรร์ ่ี เป็นตลาดสตรอว์เบอรร์ ี่ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเกษตร แตป่ ระยกุ ตใ์ ห้ ทใ่ี หญท่ ส่ี ดุ ในภาคอสี าน ฝนั ไวอ้ ยา่ งนน้ั เหมาะกับพ้ืนท่ีและการทำ�งานของเขา เกษตรกรคนแรกที่ยกมือขอมี นะ ในฐานะผใู้ หญ่บา้ น อยากให้ไปถงึ พบวา่ ไมไ่ ดเ้ สยี หายและไดผ้ ลผลติ พอๆ ส่วนร่วมในการทดลองทำ�ไหล คือ วันนั้น คนในหมู่บ้านมีรายได้ ไม่ต้อง กบั ทเี่ ราทำ�” พี่สง่า บอกวา่ อยากลองทำ�เอง เพราะ จากท้องถิ่นไปไหน อยากให้เวลา คิดวา่ ช่วยลดตน้ ทนุ ลงได้ ใครพูดถึงบ้านห้วยนำ้�ผัก ก็นึกถึง ห ลั ง จ า ก ที่ มี ค ว า ม พ ร้ อ ม ทั้ ง สตรอว์เบอร์ร่”ี ความรู้ เทคโนโลยีและประสบการณ์ “ท�ำ ไหลยากกวา่ ปลกู อกี (หวั เราะ) ไร่สตรอว์เบอร์รี่ท่ีชาวบ้าน ประคบ ทำ � ไ ห ล ต้ อ ง เ ต รี ย ม ต้ น แ ม่ ไ ว้ ตั้ ง แ ต่ ทุกวันนี้หมู่บ้านห้วยนำ้�ผักและ ประหงมมาหลายปี ให้ผลผลิตเพิ่มข้ึน ตอนปลูกเอาลูกเลย ต้องเด็ดเอาดอก บ่อเหมืองน้อย มีแปลงสตรอว์เบอร์ร่ี จากเดิมถึง 3 เทา่ แตไ่ มไ่ ด้หมายความ ออกเพ่ือเอาต้นแม่อย่างเดียว ไม่เอา รวมกันกว่า 10 ไร่ มีนักท่องเท่ียว ว่าทางขา้ งหน้าไมม่ ีอุปสรรค ผล ครั้งแรกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ แวะเวียนเข้ามาเย่ียมชมอยู่เสมอ พยายามอยู่เร่ือยๆ ไหลท่ีเตรียมเอง นอกจากรายไดแ้ ลว้ ถอื เปน็ ความภมู ใิ จ ปิยทัศน์ ขยายความถึงปัญหา เอามาปลูกได้ผลผลิตดีนะ แต่ว่ายังไม่ ท่ีคุ้มค่ากับความเหน็ดเหนื่อยตลอด อีกประการหนึง่ คอื ไหล หรอื ต้นกลา้ แขง็ แรงเทา่ ไหร่ ตอ้ งเรียนรูแ้ ละทดลอง หลายปีท่ผี ่านมา ทีใ่ ช้สำ�หรบั ปลกู สตรอวเ์ บอรร์ ่ี ไปเร่ือยๆ ทำ�มาได้ 2 ปแี ลว้ ปีนี้เปน็ ปี ทส่ี อง คุณภาพก็ด”ี “เดมิ ใชไ้ หลจากเชยี งใหม่ ถามวา่ ดมี ั้ย บางปีดี บางปไี มด่ ีเท่าไหร่ เพราะ ในความคิดของพ่ีสง่า หากไหล เชียงใหม่ปลูกซ้ำ�ท่ีเดิม ใช้ต้นพันธ์ุเดิม ราคาถูกลง ชาวบ้านจะหันมาปลูก มีปัญหาเรื่องโรค เหมือนเรายกต้นท่ี สตรอวเ์ บอรร์ ม่ี ากขนึ้ โดยเฉพาะในชว่ ง ปลูกที่เชียงใหม่ มาปลูกที่นาแห้ว มา ห น้ า แ ล้ ง ไ ม่ ต้ อ ง ไ ป ข า ย แ ร ง ง า น ที่ เปน็ โรคต่อ ปีไหนได้ไหลดี ได้ผลผลติ ดี กรงุ เทพฯ 35

เกษตรกรยุคใหม่ “ปลูกเอง ขายเอง” สตรอว์เบอร์รี่สีแดงสดที่ออกผลกระจายอยู่ท่ัว สองหมู่บ้าน คือผลผลิตที่แลกมาด้วยการลงทุนลงแรง ของชาวบ้านและเจ้าหน้าท่ีกว่า 10 ปี แม้ผลผลิตท่ีได้ เพ่มิ ขึน้ อยา่ งนา่ พอใจ คำ�ถามท่ีตามมาและดเู หมือนส�ำ คญั ขน้ึ เรอ่ื ยๆ คอื “ปลกู แลว้ จะขายใคร” ปิยทัศน์ เล่าว่า เม่ือก่อนการตลาดเป็นโจทย์ ยากสำ�หรับคนทำ�งาน แต่พอเห็นศักยภาพของ พี่ย่ิง (นางนรรถพร สุโพธ์ิ) ทำ�ให้เริม่ เหน็ ล่ทู างมากขน้ึ “คนท�ำ การตลาดได้ หนึง่ ใจสู้ สองกลา้ เสยี่ ง สามตอ้ ง พรอ้ มเสยี อะไรบางอยา่ งไปกอ่ น เกษตรกรเอาผลผลติ ไปขาย เขาขอชมิ ไมใ่ หช้ มิ แต่พี่ย่ิงใส่กระเชา้ ไวเ้ ลย ชมิ เลย พยี่ ง่ิ กล้า คุยกับนกั ทอ่ งเทย่ี ว กลา้ คุยกับลูกคา้ บางคนเขามาถาม ย้ิม ไม่ตอบ พ่ียิ่งมีทั้ง 3 อย่าง เวลาออกไปขาย 50 กิโลกรัม กนั ไว้เลย 10 กิโลกรัม เอาไว้ให้ชมิ ” พ่ยี ่งิ คือเกษตรกรอีกคนท่ที ดลองปลูกสตรอว์เบอร์รี่ ต้ังแต่แรกเริ่มเล่าว่า ตอนเกษตรภูเรือมาส่งเสริมปลูก สตรอวเ์ บอรร์ ่ี ชาวบา้ นปลกู กนั งามมาก แตไ่ มม่ ใี ครท�ำ ตลาด ไม่มคี นซอื้ หลายคนจึงปล่อยท้งิ ตัวเองคดิ ว่าสตรอวเ์ บอรร์ ่ี เป็นส่ิงมีค่า พอได้ผลผลิตจึงเก็บมาแพ็คไปขายที่ตลาด ด่านซ้าย “จำ�ได้เลยไปขายสตรอว์เบอร์รี่ครั้งแรกได้เงิน 600 บาท ดีใจ กำ�แล้วกำ�อีก ตอนนั้นนึกในใจ ถ้าขายได้วันละ 600 บาท เดือนนึงได้เท่าไรนะ คิดว่าเออ…ถ้าสองวัน ออกที กไ็ ดว้ ันละ 300 เดอื นนงึ เกือบหมืน่ เยอะนะ” หลงั จากนำ�ร่องปลูกเองขายเองไดป้ ระมาณ 3 ปี พ.ศ.2538 นกั วชิ าการจาก สวทช. จงึ ไดป้ รกึ ษากบั นกั ขาย มือทองให้ช่วยทำ�การตลาด โดยพี่ยิ่งตกลงรับซ้ือ สตรอวเ์ บอร์ร่ีจากชาวบ้านในราคากิโลกรัมละ 30 บาท “แรกๆ ไปน่งั เชา่ ทว่ี างขาย ตอนหลังเริม่ หาคนรับ ฝากขาย เอาของมาให้ทุกอยา่ ง ใหเ้ ขาแพ็คละ 5 บาท ถา้ ขายได้ ถา้ ขายไมห่ มดพร่ี บั คนื เขากเ็ อา ตอนหลงั เลยเอา ไปส่งแทนไปนั่งขายเอง ต้ังแต่ตลาดด่านซ้าย ไปตลาด ภูเรือ ตลาดเมืองเลย ถ้าเปน็ คนทเ่ี ราไม่รู้จกั ขายไปเลย แพค็ ละ 20 บาท เอาไปลองขาย ถา้ ขายไมห่ มด รอบหนา้ เอามาคืนได้ แต่วันน้ันซ้ือขาดไปก่อน ในที่สุดก็ไม่ต้อง เปน็ แม่คา้ นั่งขาย วง่ิ สง่ อยา่ งเดยี ว” 36

37

หลังจากได้รูปแบบการขายท่ี ระยะสนั้ ไมม่ พี ชื ตวั ไหนใหผ้ ลผลติ สงู สดุ “ตอนแรกมีการรวมกลุ่มกัน ช่วยให้กระจายสินค้าได้มากขึ้น พ่ียิ่ง เท่าสตรอว์เบอร์ร”่ี หลวมๆ พอปี พ.ศ.2546 ไบโอเทค พยายามหาวิธีควบคุมคุณภาพสินค้า แนะนำ�ว่าควรต้ังกลุ่มให้ถูกต้องเข้ามา ด้ ว ย ก า ร นำ � ผ ล ผ ลิ ต ที่ รั บ ซื้ อ ม า คั ด ไมเ่ พยี งผลสดเทา่ นนั้ ทท่ี �ำ รายได้ ถ่ายทอดความรู้ในการทำ�ผลิตภัณฑ์ แยกเกรด เปน็ 3 เกรด เกรดเอ (ดีทีส่ ุด) เปน็ ทน่ี า่ พอใจ ผลติ ภณั ฑแ์ ปรรปู ตา่ งๆ ให้ได้คุณภาพได้มาตรฐาน จนตั้งกลุ่ม ใส่กล่องส่งให้กับพ่อค้าประจำ�ในราคา ไม่ว่า น้ำ�สตรอว์เบอร์รี่ หรือแยม แ ป ร รู ป ขึ้ น แ ล ะ จ ด ท ะ เ บี ย น ใ น รู ป กล่องละ 100 บาท รองลงไปเป็น สตรอว์เบอรร์ ี่ ทำ�รายไดด้ ีเช่นเดียวกัน วิสาหกิจชุมชนชื่อว่า “กลุ่มแปรรูป เกรดบี กลอ่ งละประมาณ 80 บาท และ ผลผลิตทางการเกษตรบ้านบ่อ- เกรดซี ขนาดเล็กสุดใส่ถาดโฟม ขาย ปิยทัศน์ เล่าว่า ช่วงแรกกลุ่ม เหมอื งน้อย” พย่ี ิ่งกล่าวเสริม กโิ ลกรมั ละ 50 บาท สตรอวเ์ บอร์รี่ลูก แปรรปู เกดิ ขน้ึ เพอื่ รองรบั สตรอวเ์ บอรร์ ่ี เล็กๆ ท่ีขายไม่ได้นำ�มาแปรรูปเป็น ท่ีเหลือจากการขายผลสด มีประมาณ เรี ย ก ไ ด้ ว่ า เ ม่ื อ ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ ผลิตภัณฑ์อนื่ ๆ 30 ครวั เรอื น ไบโอเทค สวทช. เขา้ มา คุณภาพมาเจอกับนักการตลาดฝีมือดี อบรมให้ความรู้เก่ียวกับการแปรรูป นาแห้วแห่งน้ีกลายเป็นโมเดลความ “ตลาดสตรอวเ์ บอรร์ ห่ี ลกั ๆ มที งั้ จัดหาวัตถุดิบจำ�เป็น รวมถึงการ ส�ำ เรจ็ ของเกษตรกรยคุ ใหมอ่ ยา่ งแทจ้ รงิ ในเขตอำ�เภอนาแห้ว ตลาดในจังหวัด ถ่ายทอดความรู้ด้านการแปรรูปและ เลย เพชรบูรณ์ อุดรธานี และที่ สุขลักษณะท่ีดีในการผลิตอาหารเพื่อ กรุงเทพฯ ปีน้ีขายให้นักท่องเท่ียว ยกระดับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้ได้ กนั เองดว้ ย ส�ำ หรบั ทนี่ บ่ี อกไดเ้ ลยวา่ ใน มาตรฐานและปลอดภัย “โบฮ้ามนสกเตลยา์”งหภุบูสเขวนา…ทราย เเรมชวนอิยงีหม้ียุทเเนกจตกังยอขานษวัเดิานน้ึสวธัทกเตนนเทปยาอัน่ีมยนมรส�้ำแ่ีมพาน็กวจือจีกัคภหศาักจทสชัดดุงทา้ายัร่งาเเี่นมหทงกพปชถ่อลกแชับภ�ำานาเออื่็นงกขาททงตูเเสางาาบง็วทขเี่ย่พีวิภชนตกรบ้าาห่ยีวเอ่ืูสักนา็ุนนา้พรวชอศใวรทนเใไอืทนามบัาลนเหมไ์ทะยส่ีถทแแ่วนรท้ช้สปนี่น็นน่ิคอ้มปิานรอลกี่สใออมงค่าวล้ำง�จกูาบยสียบะะงชตหรผตาพนาไบค้้ันานักรลดยนดินงิ้ารืชือโตไ้ตแอกติเผใมหทวีดลลนาโอ่บลา่เ้า่อฮเรอวม้หสรลกมทมงสดอืสำ�สมใ้อียาเสคชรป�ำงวสู่งบมเอหราหทกี้นตสด้าอตฤงนรชายนทต้วทยดิดบัรา.ไ์ยรหาาีหูีพ่เวสไวปอธกงดก้ว้ตนถกัเลเรวษยใส้ช้อดาไารกอ์เง่ตนน่ดนิวบมนนลดเร้ท้ำ�อสทชอรศชส้สผี่ราบัที่าดิึตรกกาเมิักกตล์นรอ่อรรษาแอาี่พิแืออรกังงิาศลาอลทเแวกษทิธทชหะะะอเ์อ่เแร่อบพีบย่ีกนโสบรงนงวอว็บก่อวาเมธเน่คททรวานผเนรชอาหร์ร่ียเร่ยีัผกกัายี่โทนมมวมวลแดตทน็ อ่เชือะลไนชิอ่มงมาคงะไงิภองเาตดน้เาเทผเกามกกมิเท้ต้อลยี่ยดจจษือาย่ีายไวา-ในตงกมมวนกร้ ภสู วนทราย โทรศพั ท์ 08 9841 1374 38

เปิดตลาด มะคาเดเมียไทย บนผืนแผ่นดนิ นาแห้ว นอกจาก ไปได้ 2-3 ปี ชาวบา้ นเหน็ วา่ ยงั ไมอ่ อก จากลุ่มผู้ปลูกบ้านบ่อเหมืองน้อยเป็น สตรอวเ์ บอรร์ ท่ี ช่ี ว่ ยเพม่ิ ความหอมหวาน ผลจงึ ตดั ทง้ิ หนั มาปลกู ขา้ วโพดเหมอื น คร้ังแรกเมื่อปี พ.ศ.2546 พ่ยี ิง่ บอกว่า ใ ห้ กั บ ห มู่ บ้ า น ท่ี เ ค ย แ ห้ ง แ ล้ ง แ ล้ ว เดิม มะคาเดเมียเป็นพืชท่ีต้องใช้เวลา “ขาดทนุ ยอ่ ยยบั ” เพราะอบเปน็ จ�ำ นวน มะคาเดเมยี คอื ผลไมห้ ัวนอกอีกชนิด 6-7 ปี จงึ จะไดผ้ ลผลติ หลายคนถอดใจ มากขายไมห่ มด ทำ�ให้เหมน็ หนื ทีส่ ร้างมลู คา่ เพม่ิ ให้เกษตรกรที่นี่ มีบ้างที่เฝ้าฟูมฟักจนผ่านมาถึงปีที่ 10 มะคาเดเมยี แดนอสี านจงึ เรม่ิ แนะน�ำ ตวั “นักวิชาการคอยแนะนำ�ให้คำ� ในช่วงเวลาของการจัดตั้งกลุ่ม กับผู้บริโภคเป็นครั้งแรก เม่ือปี พ.ศ. ปรึกษาตลอด หรือแม้แต่คนซื้อเองยัง แปรรูปผลผลิตทางการเกษตรบ้านบ่อ 2546 ชว่ ยแนะน�ำ ด้วย เหมือนเขาอยากชว่ ย เหมืองน้อย มะคาเดเมยี ท่ีกรมส่งเสรมิ เรานะ เขาเอาของเมืองนอกมาให้ชิม การเกษตรเคยส่งเสริมให้ปลูกเริ่มออก “ไปขายคร้ังแรกในงาน ธกส. พอชิมแล้วรู้สึกว่ามันต่างกัน ของ ผล แม้สร้างความต่ืนเต้นให้ชาวบ้าน ครบ 36 ปี ทอ่ี ิมแพค ไปออกบูท เพอื่ น เมืองนอกเหมือนมีเนยผสม ไปถาม แต่ผลไม้เปลือกแข็งนี้มาพร้อมโจทย์ ท่ีขายกระชายดำ�ถามว่ามีมะคาเดเมีย นกั วชิ าการ เขาบอกวา่ ของตา่ งประเทศ ยากสองข้อ คือ ตลาดและวิธีกะเทาะ ไปขายด้วยม้ัย เป็นคร้ังแรกท่ีไปขายท่ี ใส่เนยขาว เนยกับมะคาเดเมียมี เปลอื ก กรงุ เทพฯ ทกุ คนมารมุ มะคาเดเมียกนั ปฏิกิริยาต่อกัน ทำ�ให้มะคาเดเมียนุ่ม ใหญ่เลย” ตอนอบ คนสว่ นใหญไ่ มร่ ู้ เพราะวา่ กลนิ่ ปิยทศั น์ เลา่ วา่ ตอนนั้นน่งั มอง เนยกบั กลิ่นมะคาเดเมยี เหมือนกนั ” กั น ว่ า จ ะ ก ะ เ ท า ะ เ ป ลื อ ก มั น ยั ง ไ ง ด้วยบรรจุภัณฑ์หน้าตาธรรมดา สุดท้ายเป็นความบังเอิญ คนขับรถตู้ วธิ อี บแบบบา้ นๆ ทบุ กบั กอ้ นหนิ แลว้ ใส่ ด้วยความมุ่งม่ันท่ีจะพัฒนา ของเรา แรกๆ เอามะคาเดเมียมาน่ัง หมอ้ อบโรยเกลือ ขายถุงละ 200 บาท มะคาเดเมียไทยให้มีคุณภาพดี แต่ยัง เลน่ หมากเกบ็ ตอ่ มาเขาคดิ วา่ ท�ำ ใหม้ นั ปรากฏว่าขายหมดเกลย้ี ง รักษาเอกลักษณ์ของตัวเอง พ่ีย่ิงเลือก แตกได้ จงึ เอาคอ้ นมาทุบ พอแตกแลว้ ไม่ใส่เนย แต่ใช้จุดแข็งเรื่องราคาและ เขากก็ นิ บอกวา่ อรอ่ ย จากนนั้ จงึ มาหา “เป็นครั้งแรกท่ีขายมะคาเดเมีย ประโยชนต์ อ่ สขุ ภาพ เนอ่ื งจากมะคาเด- วิธีแปรรปู กนั แลว้ เหน็ เงนิ แสน กลบั มาเลยคดิ วา่ ตอ้ ง เมยี ไรเ้ นยไมม่ คี อเลสเตอรอล และชว่ ย ต้ังกลุ่มเพ่อื เอาไปขายข้างนอกให้ได”้ ลดไขมนั ในเส้นเลือด กว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์อย่างที่ เห็นในปัจจุบัน พี่ยิ่งบอกว่าต้องแก้ เ ส้ น ท า ง ใ ช่ ว่ า โ ร ย ด้ ว ย ก ลี บ ปัญหาสารพัด เร่ิมตงั้ แตก่ ารปลกู ผา่ น กุหลาบ หลังจากเริ่มรบั ซือ้ มะคาเดเมีย 39

“ผลิตภัณฑ์แรกเป็นมะคาเดเมีย (Good Manufacturing Practice ) และ ผม จนในทส่ี ดุ มะคาเดเมยี อบเกลอื ผา่ น อบเกลือ แต่ตอนน้ีแบบไม่ได้กะเทาะ GSP (Good Sanitation Practice) มาตรฐานสำ�นักงานคณะกรรมการ เปลอื กหรือทเ่ี รยี กว่า กะลา ขายดีมาก อาหารและยา ไดร้ บั เครือ่ งหมาย อย. เพราะว่าหอม” “คณุ ชายกร สนิ ธสุ ยั นกั วชิ าการ และได้ตรามาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน จากไบโอเทค สวทช. มาจดั อบรมบอ่ ยๆ หรอื มผช.” หลังจากลองผิดลองถูกจนได้ ในมุมของการจัดการความสะอาด ผลิตภัณฑ์เป็นท่ียอมรับของตลาด สขุ อนามยั เขา้ มาตอนตง้ั กลมุ่ เปน็ เรอื่ ง ศักดิ์ชัย อธิบายว่า ไบโอเทค ปยิ ทศั น์ เลา่ วา่ สงิ่ ทต่ี อ้ งคดิ ล�ำ ดบั ถดั มา เป็นราวแล้ว มาดูเรื่องความสะอาด สวทช. ทำ�หน้าท่ีเป็นกองหนุนในเร่ือง คือ ทำ�อย่างไรให้ได้มาตรฐาน GMP แสงสว่าง ต้องใส่ถุงมือ ใส่หมวกคลุม ข้อมูล ดูว่าทำ�อย่างไรให้การพัฒนา อบแหง้ “มะคาเดเมีย” ด้วยพลังงานจาก “เปลือกมะคาเดเมีย” การแปรรปู มะคาเดเมยี ในหมบู่ า้ นบอ่ เหมอื งนอ้ ยและบา้ นหว้ ยน�้ำ ผกั แตล่ ะปมี มี ากถงึ 35 ตนั มคี า่ ใชจ้ า่ ย ใช้แก๊สแอลพีจี เป็นแหล่งให้พลังงานความร้อนในการอบสูงถึง 200,000 บาท ด้วยเหตุน้ี สวทช.สนับสนุน สถาบันพัฒนาและฝึกอบรมโรงงานต้นแบบ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี พัฒนา เครื่องอบ แห้งมะคาเดเมียโดยใชก้ ะลามะคาเดเมยี แทนการใช้แกส๊ แอลพีจี เนอื่ งจากเล็งเห็นว่า กะลามะคาเดเมีย เมื่อน�ำ มาเผา ให้ความรอ้ นประมาณ 20 เมกะจลู ต่อกิโลกรัมเปลอื ก จงึ เชื่อว่าเปน็ พลงั งานทดแทนได้ เคร่อื งอบแห้งมะคาเดเมยี ทพี่ ัฒนาขึ้นมหี ลักการคอื นำ�กะลามะคาเดเมียมาเปน็ เชื้อเพลงิ ในการตม้ น้ำ� ให้ร้อนที่อุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียส เพ่ือเป็นแหล่งความร้อน น้ำ�ร้อนถูกปั๊มผ่านเข้าไปในชุดแลกเปลี่ยน ความร้อน จากนั้นพัดลมจะดูดอากาศผ่านชุดแลกเปล่ียนความร้อน ทำ�ให้อากาศมีอุณหภูมิสูงข้ึนและถูกส่ง เข้าไปในถังอบมะคาเดเมีย ส่วนนำ้�ในท่อไหลวนกลับมายังถังน้ำ�ร้อนเพ่ือรับความร้อนจากเตาใหม่อีกครั้ง นับเป็นนวตั กรรมท่ไี ม่เพยี งลดค่าใชจ้ ่ายดา้ นพลงั งาน จาก 200,000 บาท เหลือเพยี ง 15,000 บาท ตอ่ ปีแล้ว ยังน�ำ วสั ดเุ หลอื ทิง้ ทางการเกษตรมาใช้ประโยชน์ได้ดว้ ย 40

คุณภาพผลิตภัณฑ์และการลดต้นทุน มากมายหลายรปู แบบ อาทิ อบเกลอื ที่มอบให้กับ นางนรรถพร สุโพธิ์ การผลิตเดินค่กู นั ไป อบธรรมชาติ อบเนย เคลือบ ร า ง วั ล ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ ห น่ึ ง ตำ � บ ล ห นึ่ ง ช็อกโกแลต มะคาเดเมียแก้วที่ทำ� ผลิตภัณฑ์ หรือโอทอป 5 ดาวระดับ “ล่าสุดท่ี สวทช. เข้าไปช่วยคือ เหมือนถ่วั ตดั นอกจากนัน้ ยังทำ�น้�ำ มัน ประเทศ รวมถึงการได้รับการคัดเลือก ก า ร อ อ ก แ บ บ เ ต า อ บ ม ะ ค า เ ด เ มี ย มะคาแดเมียด้วย ใหเ้ ปน็ “หมบู่ า้ นแมข่ า่ ยวทิ ยาศาสตร์ ประหยัดพลังงาน จากเดิมพ่ีย่ิงใช้แก๊ส และเทคโนโลยี” ของกระทรวง ในการอบ ปีหนึ่งต้องเสียค่าแก๊สถึง “ทุกวันนี้ผลผลิตทางการเกษตร วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 200,000 กว่าบาท สวทช. เข้าไปดู บา้ นบอ่ เหมอื งนอ้ ยและบา้ นหว้ ยน�้ำ ผกั และพบว่าเปลือกมะคาเดเมียมีค่า สร้างเงินหมุนเวียนภายในชุมชนอย่าง ท้ังหมดน้ีคือ เร่ืองราวการเดิน ความร้อนสูง เหลือทิ้งไม่ได้เอาไปทำ� มาก ปี พ.ศ.2554-2555 ท่ีผ่านมา ทางของสองหมบู่ า้ นเลก็ ๆ จากหมบู่ า้ น อะไรเลย ควรนำ�กลับมาทำ�เช้ือเพลิง มี เ งิ น ห มุ น เ วี ย น จ า ก ก า ร จำ � ห น่ า ย อันแสนสงบที่เคยเงียบสงัดเพราะมี สวทช. จึงสนับสนนุ ทุนวิจัยให้ มาโนช ผลิตภัณฑ์จำ�นวน 6 ล้านบาท สร้าง เพียงชาวบ้านไม่กี่ครัวเรือนท่ีอาสาเข้า อมรมงคล นกั วจิ ยั มจธ. ผลติ เครอ่ื งอบ รายได้ให้สมาชิกกลุ่มแปรรูป และ มาอาศัยอยู่เพื่อปกป้องแผ่นดิน วันนี้ มะคาเดเมีย โดยใช้เปลอื กมะคาเดเมีย เกษตรกรนอกกลุ่มแปรรูปได้ดีทีเดียว” ผืนดินแห่งนี้กลับคลาคล่ำ�ไปด้วยนัก เปน็ เชอื้ เพลงิ พบวา่ ปหี นง่ึ ลดคา่ ใชจ้ า่ ย ศักดชิ์ ยั ให้ขอ้ มูล ท่องเที่ยวจำ�นวนมากท่ีแวะเวียนมา การใชแ้ ก๊สแอลพีจี ประมาณ 200,000 สัมผัสความหนาวใต้เงาธรรมชาติ บาท” อย่างไรก็ตามผลิตภัณฑ์เหล่าน้ี ชิมไม้ผลเมืองหนาวเล่ืองชื่อแห่งภาค ไม่เพียงนำ�มาซึ่งชีวิตความเป็นอยู่ท่ีดี อสี านทงี่ อกงามดว้ ยภมู ปิ ญั ญาและการ สำ�หรับผลิตภัณฑ์มะคาเดเมีย ขึ้น แต่นำ�ความภาคภูมิใจมาให้คนท่ีนี่ ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของ ข อ ง ก ลุ่ ม แ ป ร รู ป ผ ล ผ ลิ ต ท า ง ก า ร ทั้งรางวัลโครงการเกษตรกรก้าวหน้า คนในชมุ ชน  เกษตรบ้านบ่อเหมืองน้อย ใช้ชื่อว่า ระดบั ประเทศ และรางวลั โครงการรกั ษ์ “เกษตรภูสวนทราย” ปัจจุบันมี บา้ นเกดิ ระดบั ประเทศ เมอ่ื ปี พ.ศ. 2553 มะคาเดเมีย…พืชเคี้ยวมัน ไร้ไขมัน มะคาเดเมยี (Macadamia) มชี อื่ วทิ ยาศาสตร์ว่า Macadamia tetraphylla มถี นิ่ ก�ำ เนดิ อยใู่ นประเทศออสเตรเลยี เปน็ ไมย้ นื ตน้ ขนาด ใหญ่ มดี อกทรงกลม ออกดอกเปน็ ชอ่ เปลอื กนอกสเี ขยี ว ใบเขยี วตลอดปี ผล ภายในเป็นกะลาแขง็ หอ่ หุม้ เนื้อในสีขาวนวล เน้อื ในมะคาเดเมยี มรี สชาติมนั กรอบอร่อย มะคาเดเมียเป็นถั่วให้พลังงานสูง ไม่มีคอเลสเตอรอล อุดมด้วยไขมันชนิดไม่อิ่มตัว เฉลย่ี ถงึ 76% เชน่ เดยี วกบั น�้ำ มนั มะกอกและคาโนลา แตก่ รดไขมนั ชนดิ ไมอ่ มิ่ ตวั ในมะคาเดเมยี มสี งู กวา่ ในน�ำ้ มนั มะกอก กรดไขมนั ไมอ่ ม่ิ ตวั นชี้ ว่ ยลดระดบั คอเลสเตอรอลในเลอื ด ตน้ เหตโุ รค หัวใจ หลอดเลือดอุดตัน โดยมีการทดลองพบว่า หากบริโภคมะคาเดเมียในปริมาณท่ี เหมาะสม (6-20 เม็ดตอ่ วนั ) สม่ำ�เสมอ ภายใน 4 สปั ดาห์ สามารถลดปรมิ าณคอเลสเตอรอล ในกระแสเลือดได้ 7% อกี ทง้ั ยังมีผลวิจัยพบว่าช่วยลดการเกิดมะเรง็ เต้านมดว้ ย นอกจากมะคาเดเมียมีรสชาติดีแล้ว ยังอุดมไปด้วยคุณค่าทางสารอาหารมากมาย ทั้งโปรตีน โพแทสเซยี ม ไวตามนิ เอ ไทอะมนี ไรโบฟลาวนี ไนอะซิน สงั กะสี ซีลีเนียม และ แรธ่ าตุอื่นๆ อกี มากมาย 41

นรรถพร สุโพธิ์ เกษตรกรบ้านบ่อ ไปขายแล้วคนมารุมซ้ือรู้สึกดี พอเขา เหมืองนอ้ ย อ�ำ เภอนาแหว้ ถามว่าบ้านเราปลูกเองได้เหรอ มัน ตื้นตันใจนะ “จากที่เคยอยู่กระต๊อบเล็กๆ วนั นเ้ี รามกี นิ มอี ยู่ ภมู ใิ จวา่ สง่ิ ทเ่ี ราท�ำ ได้ ถา้ อยากเปน็ เกษตรกรครบวงจร ชว่ ยเหลอื เกอ้ื กลู คนในหมบู่ า้ นเดยี วกนั ต้องปลูกเป็น แปรรูปเป็น ขายเป็น เป้าหมายอยากขายให้คนไทย ให้รู้ว่า ท�ำ ใหไ้ ดเ้ ปรยี บคนอน่ื เราไดเ้ ปน็ เจา้ ของ ของทเ่ี มอื งนอกนิยมว่ามนั ดี แห่กันซ้อื ผลิตภัณฑ์ทเ่ี ราสรา้ งมา” ตามห้างแพงๆ เราทำ�ได้ แล้วเราขาย ราคาคนไทยได้ เป็นความภูมิใจ เวลา 42

ปยิ ทศั น์ ทองไตรภพ มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) “13 ปีท่ีแล้วเห็นชัดเลย จากคร้ังแรกท่ีเข้ามา ทั้งหมดต้องขอบคุณ ศ.เกียรติคุณ ดร.มรกต เคยเข้าไปคุยกับหน่วยงานในท้องท่ี ทุกคนส่ายหัว ตนั ตเิ จรญิ และ รศ.ดร.ศกั รนิ ทร์ ภมู ริ ตั น เพราะสองหมบู่ า้ นน้ี บอกเสียงเดียวกันว่า คิดให้ดีนะอาจารย์มาทำ�งานสอง ท่านไม่เคยทง้ิ เลย ทา่ นพูดเสมอว่า เคยมีค�ำ ถามว่านาแหว้ หมู่บ้านนี้ ขนาดผมเองผมยังไม่เข้าเลย เป็นหมู่บ้านท่ีไม่มี ท�ำ ไปไม่ไดม้ ีอะไรดีขึน้ คนก็ปลูกเท่าเดิม แตค่ นเทา่ นี้ ถ้าเขา ใครสนใจ หนว่ ยงานในพน้ื ทไ่ี มส่ นใจเลย มนั กด็ ใี จนะ ไดเ้ หน็ มรี ายไดก้ ลบั เขา้ ครวั เรอื นทกุ ปี มคี วามเปน็ อยดู่ ขี น้ึ แลว้ ถาม พัฒนาการของชุมชนเลก็ ๆ แห่งหน่ึง ชาวบ้านสว่ นหนงึ่ กา้ ว กลับว่าถ้าไม่ทำ� อะไรจะเกิดข้ึน อาจารย์ไม่เคยพูดคำ�ว่า ไปไกลแล้ว เพราะเขามีอาชีพเสริม รายได้จากอาชีพเสริม เลิกเถอะ ความหวังเราคือ 75 ครัวเรือน ถ้าไม่ถึงก็ทำ�ให้ สูงกวา่ อาชีพหลกั ดที ส่ี ดุ ” 43

ศักดิ์ชัย วัฒนศรีรังกลุ สำ�นักงานพฒั นา วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยแี หง่ ชาติ (สวทช.) “ส่ิงที่เราเห็น คือ เกษตรกรส่วนหนึ่งมีอาชีพ มีรายได้ และเรม่ิ เกดิ ความกระตอื รอื รน้ เรมิ่ มกี ระบวนการคดิ สว่ นหนงึ่ เขาอาจ เคยชินจากการที่เราไปกระตุ้นให้เขาคิดตลอด เช่น เกิดโรค ควรทำ� อย่างไร สังเกตมากขน้ึ ไม่ใช่เกิดโรคแลว้ ปลอ่ ยให้ตายไป เกดิ แล้วทำ� อยา่ งไร ดแู ลอย่างไร อีกสิง่ หนง่ึ คือ การรวมกลุ่มกันทำ�งาน อย่างนอ้ ยท�ำ ใหเ้ ขาเดนิ เข้ามาหาเรา จากวนั แรกทเี่ ราเดินไปหาเขา เหมอื นเขาเรม่ิ เรียนรู้เรื่อง กระบวนการ ไม่ไดม้ องว่าวทิ ยาศาสตร์เปน็ เรือ่ งไกลตัวอีกตอ่ ไป จดุ บอดสองพ้นื ทน่ี ้ี คอื ไม่มสี ญั ญาณโทรศัพท์ ไม่มีรถประจำ� ทาง ท�ำ ใหก้ ารพฒั นาอาชีพเปน็ ไปได้ช้า ไมม่ ีรถขนสง่ ผลผลติ เปน็ ข้อ จำ�กัด ถ้าไม่สร้างนักการตลาดอย่างพี่ยิ่ง ผลผลิตออกไปสู่ข้างนอก ไมไ่ ดเ้ ลย พส่ี งา่ คอื ตวั แทนเกษตรกรหวั กา้ วหนา้ ทชี่ ว่ ยแกป้ ญั หาเรอื่ ง องค์ความรู้ เพราะเป็นคนชา่ งคดิ ชา่ งทำ� ชอบเรียนรู้ ปจั จบุ ันได้รับ การยอมรับจากคนในชมุ ชนจนไดร้ บั ตำ�แหน่งผใู้ หญ่บา้ น แนน่ อนว่าการท�ำ งานชนบท อาจเห็นผลช้า แตเ่ มอื่ ใดกต็ ามที่ เรากลบั ไปเหน็ การเปลีย่ นแปลง ก็รสู้ ึกชืน่ ใจนะ” แขลอะงดบีช้าุมนชนห:้วยบน้าน้Óผบัก่อเหจมังหืองวนัด้อเลยย สตรอว์เบอร์รี่ นÓ้สตรอว์เบอร์รี่ มะคาเดเมียอบเกลือ แยมสตรอว์เบอร์รี่ ผลติ และจ�ำ หนา่ ยโดย: กลมุ่ แปรรูปผลผลิตทางการเกษตร บา้ นบ่อเหมอื งนอ้ ยและห้วยนำ้�ผัก อ�ำ เภอนาแหว้ จงั หวดั เลย โทรศพั ท:์ 08 9841 1374 44

ศูนย์การเรียนรู้สÓหรับเยาวชน...บ้านบ่อเหมืองน้อย และบ้านห้วยนÓ้ผัก อÓเภอนาแห้ว จังหวัดเลย ศนู ยก์ ารเรยี นรสู้ �ำ หรบั เยาวชน ร่วมจดั การขยะท่ีดภี ายในชมุ ชน ต้งั แต่ จัดต้ังข้ึนภายใต้แนวคิด “ส่งเสริม รวบรวมขยะ คัดแยกขยะ และจัดการ กระบวนการเรียนรู้ด้วยวิธีการทาง ขยะอย่างถูกวิธี เยาวชนจัดตั้งกลุ่ม วิทยาศาสตร์ โดยใช้ทรัพยากรภายใน จัดการขยะขึ้น นำ�ขยะท่ีนำ�กลับมาใช้ ชุมชนเป็นแหล่งเรียนรู้” เน้นกิจกรรม ใหม่ได้ขายให้ธนาคารขยะเพื่อสร้าง หลัก 3 ดา้ น รายได้ ประดิษฐ์ส่ิงของจากขยะหรือ วสั ดุเหลอื ใช้ ทำ�โครงงานวิทยาศาสตร์ ห้องสมุด...แหล่งเรียนรู้ใน เกีย่ วกบั การจดั การขยะภายในชมุ ชน พ้ืนที่ ศูนย์การเรียนรู้ได้รับบริจาค หนังสือจากหลายหน่วยงาน มีการ ยุ ว เ ก ษ ต ร ก ร . . . เ รี ย น รู้ จดั หาอปุ กรณ์ สอื่ สง่ เสรมิ การเรยี นรู้ ชดุ วิทยาศาสตร์ผ่านวิถีเกษตร เยาวชน การทดลอง เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ เพอื่ ให้ ได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์ผ่านวิถีเกษตรท่ี เยาวชนเข้ามาค้นคว้าหาความรู้ ฝึก เป็นอาชีพหลักของคนในพ้ืนที่ เพื่อ อ่าน ฝึกเขยี น ทำ�กจิ กรรมการทดลอง สรา้ งทัศนคติทีด่ ตี ่ออาชพี เกษตร สรา้ ง และโครงงานวิทยาศาสตร์จากส่ิงที่อยู่ ผู้สืบทอดอาชีพจากรุ่นพ่อแม่ กระตุ้น รอบตัว โดยมี อรพรรณ พาคำ� หรือ ให้รู้จักใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี “พ่ีอ้อย” เปน็ พ่ีเลย้ี งประจำ�ศูนย์ฯ เป็นเคร่ืองมือในการเพิ่มประสิทธิภาพ ตวั อยา่ งกจิ กรรม อาทิ ปลกู ผกั สวนครวั ธนาคารขยะ...ร่วมแรงร่วมใจ เลย้ี งปลาดกุ ในบอ่ พลาสตกิ เลย้ี งกบใน รักษ์ส่ิงแวดล้อม เพื่อกระตุ้นให้ บ่อซีเมนต์ ทดลองปลูกสตรอว์เบอร์รี่ เยาวชนได้เรียนรู้และสร้างการมีส่วน เปน็ ตน้ อรพรรณ พาคÓ...พี่สาวใจดี อรพรรณ หรอื พอ่ี อ้ ย พส่ี าวใจดขี องเดก็ ๆ ทศ่ี นู ยก์ ารเรยี นรู้ พอี่ อ้ ยเปน็ คนจงั หวดั เลย ยา้ ยมาอยู่ ทบี่ า้ นบอ่ เหมอื งนอ้ ยตง้ั แต่ ปี พ.ศ.2549 ด้วยแต่งงานกับหนุ่มบ้านบ่อเหมืองน้อย พี่อ้อยได้รับโอกาสให้มาทำ�งานในศูนย์การเรียนรู้รับหน้าท่ีเป็น พ่เี ลย้ี งเด็ก คอยดูแล จดั กจิ กรรมเสริมความรู้ดา้ นตา่ งๆ ใหก้ ับ เดก็ ในหมบู่ า้ นชว่ งหลงั เลกิ เรยี น และวนั หยดุ พอี่ อ้ ยท�ำ หนา้ ทที่ ง้ั พี่เล้ียงเด็ก เจ้าหน้าที่ประสานงานโครงการให้กับมหาวิทยาลัย เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และช่วยดูแลศูนย์การเรียนรู้ที่ บ้านห้วยน�ำ้ ผกั ประสบการณ์ 5 ปเี ตม็ กับการทำ�งานทศ่ี นู ย์การ เรยี นรู้ ท�ำ ใหพ้ อ่ี อ้ ยเปน็ ก�ำ ลงั ส�ำ คญั ในการสง่ เสรมิ การเรยี นรดู้ า้ น วทิ ยาศาสตรใ์ ห้เดก็ ๆ ในพ้ืนท่ี กระตนุ้ ใหเ้ ดก็ เรยี นรู้จากสิง่ ท่อี ยู่ รอบๆ ตัว เพื่อให้พวกเขาเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่รู้จักใช้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยพี ฒั นาหมบู่ า้ นแห่งน้ี 45

“อทุ โยอาเนทอแซอ่ หงิสง่ เชทแาย่ีตดภวินรสูอมิวีสนทาทานงราย” จากอำ�เภอนาแห้ว หา่ งออกไปไมถ่ ึง 15 กิโลเมตร มี ไทย-ลาว มองเหน็ เทอื กเขาสงู ชนั สลบั ซบั ซ้อน สเี ขยี วชุ่มชน้ื สถานที่ท่องเท่ียวแห่งหน่ึงที่งดงามต้ังอยู่ในระดับความสูง ตลอดท้งั ผืนอยเู่ บอ้ื งหน้า ทส่ี ดุ ในภาคอสี าน เปน็ จดุ ชมพระอาทิตย์ข้ึนทีส่ วยทีส่ ดุ แห่ง หน่ึงของภาคอีสาน...อุทยานแห่งชาติภูสวนทราย หลาย นอกจากน้ีมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะทาง 4-5 คนอาจไม่คุ้นกับชื่อน้ี เพราะเป็นชื่อใหม่ประกาศใช้เมื่อปี กิโลเมตร ขึ้นไปทางภูเขาสูงตั้งอยู่ด้านหลังบริเวณท่ีทำ�การ พ.ศ.2549 แทนชอื่ เดมิ คือ “อุทยานแหง่ ชาตนิ าแห้ว” อุทยานฯ มีพืชพรรณธรรมชาติให้พบเห็น อาทิ กระโถน พระฤๅษี พบในชว่ งฤดูหนาว กลว้ ยไมส้ งิ โตสยามช่วงเดอื น อุทยานแห่งชาติภูสวนทราย เป็นอุทยานแห่งชาติ ตุลาคม-มกราคม สิงโตก้านหลอด ออกดอกราวเดือน ล�ำ ดับที่ 79 ของประเทศไทย มีพนื้ ทีค่ รอบคลมุ 3 ต�ำ บล คอื มกราคม-มีนาคม หากมาในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ต�ำ บลนาแหว้ ต�ำ บลแสงภา และต�ำ บลเหลา่ กอหก ในอ�ำ เภอ มีโอกาสได้ยลโฉม เอื้องเงิน หนึ่งในตระกูลกล้วยไม้ป่า นาแห้ว จังหวัดเลย ลักษณะเป็นขุนเขาสลับซับซ้อนท่ี หายาก อีกดว้ ย ค่อนขา้ งสูงชัน จดุ สงู ทสี่ ุดเรยี กวา่ ภูตีนสวนทราย หรอื เนนิ 1408 สูงจากระดับน�ำ้ ทะเล 1,408 เมตร ท�ำ ใหบ้ รเิ วณนเี้ ป็น หากมีโอกาสขึ้นไปยามเช้า ระหว่างทางแวะ ลานกางเต็นทท์ ีส่ ูงทีส่ ดุ ในภาคอสี าน สภาพอากาศบรเิ วณนี้ “ก่องเบิก” จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามมาก ก่อนเดิน เย็นสบายตลอดปี ฤดูหนาวอากาศหนาวเย็นมาก จนเกิด ตอ่ ไปสกั การะบชู า “หนิ สท่ี ศิ ” หนิ 4 กอ้ น ทวี่ างอยใู่ นบรเิ วณ น�้ำ คา้ งแข็งเกาะยอดหญา้ หรอื “แม่คะน้ิง” เดยี วกนั ในรปู แบบสเี่ หลยี่ มจตั รุ สั เปน็ สถานทเ่ี ชงิ สญั ลกั ษณ์ ทช่ี าวบ้านใช้ประกอบพิธีบญุ ภใู หญห่ รือบุญสวนเมีย่ ง หรอื ไฮไลต์ของอุทยานฯ คือ น�ำ้ ตกตาดเหือง ที่เปรียบ การกราบไหว้บรรพบุรษุ ทกุ ๆ 3 ปี เดนิ จากจุดนีม้ าตามทาง กนั วา่ สวยงามพอๆ กบั น�ำ้ ตกเหวสวุ ตั ถอื เปน็ สญั ลกั ษณแ์ ทน เลก็ ๆ ไม่ไกลนักพบกับความชมุ่ ช้ืนท่ีแอบอยใู่ นป่าใหญ่ คอื เสน้ แบง่ เขตแดนไทย-ลาว น้ำ�ตกสงู ประมาณ 50 เมตร กว้าง “ตาด-เลียงผา” สายน้ำ�ตกที่ไหลลดหลน่ั สวยงาม เคยเปน็ 30 เมตร หากเดินเท้าข้ึนไปอีก 200 เมตร บริเวณหน่วย ที่อย่อู าศยั ของเลยี งผา สตั ว์ป่าสงวนใกล้สญู พนั ธ์ุมาก่อน พทิ กั ษอ์ ทุ ยานฯ ท่ี 1 เปน็ ทต่ี ง้ั ของ “ภหู วั หอ้ ม” เปน็ จดุ ชมววิ 46

แนะนÓการเดนิ ทาง บา้ นบอ่ เหมอื งนอ้ ยและบา้ นหว้ ยนÓ้ ผกั อÓเภอนาแหว้ จงั หวดั เลย สภาพพนื้ ทสี่ ว่ นใหญ่ เป็นภูเขา มพี ื้นราบเปน็ บาง สว่ น สว่ นใหญอ่ ยู่ในเขตปา่ สงวนแห่งชาติ มีสภาพ อากาศหนาวเยน็ ฝนตกตอ้ ง ตามฤดกู าล ภาพถา่ ยดาวเทียมจาก http://www.google.com/earth/index.html การเดนิ ทาง รถยนต์ จากกรงุ เทพฯ ใชท้ างหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธนิ ) ผา่ นตวั เมอื งสระบรุ ี ตรง เขา้ ทางหลวงหมายเลข 21 ผา่ นจงั หวดั เพชรบรู ณ์ ตรงเขา้ ทางหลวงหมายเลข 203 ผา่ นอ�ำ เภอหลม่ สกั หลม่ เกา่ เขา้ สเู่ ขตจงั หวดั เลย ทอ่ี �ำ เภอดา่ นซา้ ย อ�ำ เภอภเู รอื ถงึ ตวั จงั หวดั เลยใชเ้ วลาเดนิ ทางประมาณ 7-8 ชว่ั โมง จากตวั จงั หวดั เลย เดนิ ทางตามทางหลวงหมายเลข 203 ถงึ ทางแยกบา้ นโคกงาม เลย้ี วขวาตามทางหลวงหมายเลข 2013 ถงึ อ�ำ เภอดา่ นซา้ ย แลว้ เลย้ี วขวา ตามทางหลวงหมายเลข 2113 ถงึ อ�ำ เภอนาแหว้ รถโดยสาร บรษิ ทั ขนสง่ จ�ำ กดั มรี ถโดยสารประจ�ำ ทางวง่ิ ระหวา่ งกรงุ เทพฯ-เลย ทกุ วนั ทง้ั รถธรรมดาและรถปรบั อากาศ ใชเ้ วลาประมาณ 10 ชว่ั โมง รายละเอยี ด สอบถามท่ีสถานีขนส่งสายอีสาน ถนนกำ�แพงเพชร 2 (หมอชิต 2) โทร. 0 2936 0667 0 2936 0657 ในตวั จงั หวดั เลยมรี ถชนดิ ตา่ งๆ ใหบ้ รกิ ารหลายรปู แบบตามความเหมาะสม รถสองแถว วง่ิ บรกิ ารจากสถานขี นสง่ ไปทต่ี า่ งๆ ในตวั เมอื ง อาจเหมารถ สองแถวไปในเมอื งและตา่ งอ�ำ เภอ ราคาขน้ึ อยกู่ บั ระยะทางและการตอ่ รอง รถสามลอ้ เครอ่ื งและมอเตอรไ์ ซคร์ บั จา้ ง จอดอยตู่ ามจดุ ตา่ งๆ ในจงั หวดั อ้างอิงข้อมูล: ศนู ย์ขอ้ มลู กลางทางวัฒนธรรม: เชน่ หนา้ ตลาดเทศบาล หนา้ สถานขี นสง่ http://www.m-culture.in.th/moc_new/tag/บา้ นผาคับ 47

48

ท่องป่าแดนอสี าน ชมหมบู่ า้ นพลังงาน อำ�เภอจอ“มพอรดุ ะมจ-สงั มหบวรู ดัณส์”ุรินทร์ 49

ท“รี่หัมกู่บษ้า์ปน่าอรุดักมษ-ส์พมลบังงูราณน”์ ถ้าซูเปอร์มาร์เก็ตเป็นแหล่งอาหารและข้าวของเคร่ืองใช้สำ�หรับคนเมือง “ป่าหัวไร่ ปลายนา” คือซูเปอร์มาร์เก็ตของคนในหมู่บ้านอุดม-สมบูรณ์ หย่อมป่าเล็กๆ ที่พลิกฟื้นผืนดินที่เคยแห้งแล้งให้อุดมด้วยพืชพรรณนานาชนิด ทั้ง เห็ด มัน กลอย กระเจียว กระทือ สะเดา สมุนไพร ไม้ฟืน รวมถึงพืชพลังงาน ผลผลิต ที่ไม่ต้องซื้อหา ทว่าเลี้ยงปากท้องของคนทั้งตำ�บล ฐานทรัพยากรที่ผลิดอก ออกผลจากจิตสำ�นึกรักษ์ของคนในชุมชน อรุณนี้ที่ “ป่าหัวไร่ปลายนา” “เห็นขา้ วขนึ้ เขียวๆ แตแ่ ลง้ นะ เพราะปนี ้ี ฝนแล้ง ชาวนาใช้วิธปี ลกู ขา้ วด้วยการปกั ด�ำ กลา้ เมอ่ื ไดร้ บั ค�ำ เอย่ ชวนว่า “ไปเทย่ี วปา่ เก็บเหด็ ทีส่ รุ นิ ทรก์ ันม้ยั ” กัน” เสียงดังฟังชัดของชายวัยกลางคน รูปร่าง ทำ�ให้อดคิดไม่ได้ว่า หูฝาดไปหรือเปล่า เพราะอีสานข้ึนช่ือว่า “ร้อน เลก็ ผวิ คล�ำ้ หรอื ด�ำ เกงิ มงุ่ ดี เจา้ ของศนู ยเ์ รยี นรู้ แล้ง” แล้วจะมีป่า มเี หด็ ได้อย่างไร แต่เป็นโอกาสดที ่ไี ดไ้ ปเย่ยี มเยือน การพฒั นาทดี่ ินตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง การเดินทางคร้ังน้ีเราเลือกโดยสารขบวนรถไฟตู้นอน เพื่อได้พัก เป็นคำ�อธิบายท่ีเราเองไม่แปลกใจนัก และไม่เสียเวลามากนัก กว่าแปดชั่วโมงกับการนอนแกว่งไกวบนขบวน พน้ื ทอี่ สี านขนึ้ ชอ่ื วา่ “ดนิ แดนแหง่ ความแหง้ แลง้ ” รถไฟ ในที่สุดก็ถึงจงั หวดั สุรนิ ทร์ แตน่ นั่ คงไม่ใช่จดุ หมายปลายทาง เรา แต่ชาวบ้านยังปลูกข้าวเล้ียงโคกระบือมาเป็น นง่ั รถตเู้ ดนิ ทางตอ่ จากสถานรี ถไฟมงุ่ หนา้ ไปตามเสน้ ทางคลา้ ยก�ำ ลงั แขง่ เวลาอันยาวนาน กับพระอาทิตย์ท่ีค่อยๆ เคล่ือนพ้นขอบฟ้า เพียงหน่ึงชั่วโมงเศษ รถ คอ่ ยๆ เลยี้ วขวาเบยี่ งจากถนนคอนกรตี สถู่ นนดนิ แดง พรมแดงทน่ี �ำ ทาง “มาๆ น่ังพกั กนิ น้ำ� กินทา่ ที่ศูนย์เรยี นรฯู้ เราไปถึงยังหมบู่ า้ นเลก็ ๆ ทีช่ ือ่ วา่ “อุดม-สมบูรณ์” ก่อน เด๋ียวผมขอเข้าป่าไปเก็บดอกกระเจียวมา ทำ�กับขา้ วเช้าน้ีตรงดา้ นโนน้ สกั หนอ่ ย” พ่ีด�ำ เกงิ หมู่บ้านอุดม-สมบูรณ์ หมู่บ้านเล็กๆ ที่โอบล้อมด้วยทุ่งนา กล่าวพร้อมช้ีมือไปยังป่า ทันทีท่ีหันมองตาม ใบสเี ขยี วเรยี วยาวของตน้ ขา้ วทก่ี �ำ ลงั ลลู่ มพลวิ้ ไหวคลา้ ยระลอกคลน่ื ชวน ภาพรกคร้ึมของต้นไม้ใหญ่ที่เกาะกลุ่มพลิ้วไหว ให้ผ่อนคลายความเม่ือยล้าเพ่ือรับเช้าวันใหม่ แต่เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆ ไปมาอยไู่ กลๆ ชา่ งดมู ชี วี ติ ชวี าราวกบั ปา่ ตอ้ งลม พบว่าผนื นาแหง่ น้ยี งั คงเปน็ ดินท่แี ห้งแตกระแหง รบั ฝนแรกไมผ่ ิดเพยี้ น 50


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook