Facebook : กล่มุ งานวจิ ยั การใช้สารป้ องกนั กาํ จดั ศัตรพู ชื ประโยชน์ของการตัดแตง่ กง่ิ การตดั แต่งกิ่งกาแฟมปี ระโยชน์ ดังน้ี 1. ช่วยรักษาระดับปริมาณผลผลิตให้สม�่ำเสมอทุกปี ไม่เกิดปัญหาการให้ผลผลิต แบบปีเวน้ ปี เนื่องจากเกิดความสมดลุ ระหวา่ งการเจริญเตบิ โตของกิ่ง ก้าน ใบ และการสร้างดอก ออกผล ทำ� ให้ตน้ กาแฟแขง็ แรงสมบรู ณ์ 2. ช่วยควบคุมปริมาณโรคและแมลงในสวนกาแฟ อันเนื่องมาจากการตัดแต่งและ จัดทรงต้นใหต้ น้ กาแฟโปร่ง แสงแดดสอ่ งทว่ั ถึง การระบายอากาศดี ท�ำใหโ้ อกาสการเป็นโรคและ การสะสมของแมลงลดลง 3. ชว่ ยทำ� ให้การเกบ็ เก่ียวผลผลิตสะดวกขน้ึ เน่ืองจากผลกาแฟไม่อยูส่ งู เกนิ ไป ทำ� ให้ ลดเวลาในการเก็บเก่ียวและป้องกันกิ่งหักเสียหายจากการโน้มก่ิงให้ต�่ำเพ่ือเก็บผลผลิต รวมทั้ง สามารถเลอื กเก็บเฉพาะผลทสี่ กุ เหมาะสมได้งา่ ยข้นึ 4. ช่วยท�ำให้ต้นกาแฟเกิดต้นหรือก่ิงใหม่ที่เป็นหนุ่มเป็นสาวและพร้อมให้ผลผลิต สูงสม่�ำเสมอ สามารถยืดอายกุ ารใหผ้ ลผลติ ไดย้ าวนานขนึ้ ระบบการตดั แตง่ กิ่งกาแฟ การตัดแตง่ กิ่งกาแฟ ทนี่ ยิ มปฏบิ ัติกนั มีอยู่ 2 ระบบ คอื 1. การตัดแต่งกง่ิ แบบต้นเดย่ี ว การตัดแต่งก่ิงแบบต้นเด่ียว คือ การตัดแต่งแบบให้ต้นกาแฟมีเพียงล�ำต้นเดียว โดยจะปล่อยให้ต้นกาแฟเจริญเติบโตอยู่ในระดับความสูงท่ีต้องการ จึงท�ำการตัดยอด ดังน้ัน การเจริญเติบโตของต้นกาแฟจะขยายไปทางกิ่งนอนหรือกิ่งให้ผล เร่ิมจากก่ิงนอนที่ 1 ก่ิงนอนท่ี 2 ก่ิงนอนท่ี 3 จนถึงกิ่งนอนท่ี 4 ตามล�ำดับ และเม่ือต้นกาแฟเร่ิมให้ผลผลิตลดลง (อายุประมาณ 8 – 10 ปี) จึงปล่อยให้ยอดแตกข้ึนมาใหม่จากส่วนยอดให้เจริญเติบโต ทางความสงู เมอ่ื ถงึ ระดบั ทตี่ อ้ งการกจ็ ะตดั ยอดจำ� กดั ความสงู อกี ครง้ั หนอ่ หรอื กงิ่ ตง้ั ทแี่ ตกออกจาก ลำ� ต้นส่วนอ่นื ๆ จะตอ้ งปลิดทิ้งอย่างสม�ำ่ เสมอ มกั ใช้กบั กาแฟท่ีปลูกใต้ร่มเงา หรือปลกู ในบรเิ วณ ท่ีมีน้�ำค้างแข็ง หรือในบางประเทศที่เก็บเก่ียวผลกาแฟด้วยเครื่องจักร ส่วนประเทศไทยนิยม ตดั แต่งก่งิ แบบนี้ในกาแฟอาราบิกา้ 2. การตดั แตง่ แบบหลายกิ่งหลกั การตัดแต่งแบบหลายก่ิงหลัก คือ การตัดแต่งแบบให้ต้นกาแฟมีก่ิงตั้งหลายกิ่ง โดยท่ัวไปประมาณ 3– 5 ก่ิง ซ่ึงกิ่งหลักแต่ละก่ิงจะเจริญเติบโตให้ก่ิงนอนหรือก่ิงให้ผล เริ่มจากกิ่งนอนที่ 1 กิ่งนอนท่ี 2 กิ่งนอนท่ี 3 จนถึงกิ่งนอนที่ 4 ตามล�ำดับ ท�ำให้ต้นกาแฟ การเพิม่ ประสิทธภิ าพการผลิตกาแฟ 45
Facebook : กลุ่มงานวจิ ยั การใช้สารป้ องกนั กําจดั ศัตรพู ชื มีกิ่งให้ผลมากกว่าการตัดแต่งกิ่งแบบลำ� ต้นเด่ียว จึงให้ผลผลิตสูงกว่าในช่วงปีแรกๆ ประเทศไทย นิยมตดั แตง่ กง่ิ แบบนี้ในกาแฟโรบสั ตา้ การตดั แตง่ กงิ่ กาแฟโรบัสต้าแบบหลายก่งิ หลัก วธิ กี ารตดั แต่งทรงตน้ กาแฟในชว่ งทยี่ งั ไม่ให้ผลผลติ 1. เม่ือเล้ียงต้นกาแฟจนมีใบ 5 – 6 คู่แรก และใบคล่ีโตเต็มท่ีแล้ว หรือมีความสูง ประมาณ 50 – 70 เซนตเิ มตร ตดั ยอดใหเ้ หลือต้นสงู ประมาณ 30 – 50 เซนตเิ มตร 2. ประมาณ 1 – 2 เดือน ต้นกาแฟจะสร้างก่ิงแขนงท่ีเป็นกิ่งตั้งออกมาจำ� นวนมาก ให้เลือกก่ิงทแี่ ข็งแรงและไม่เบียดกัน เว้นระยะห่างกนั และอยู่ตรงขา้ มกนั 3 – 5 กง่ิ 3. ใช้กรรไกรตดั แต่งกง่ิ หรอื มดี คมๆ ตัดกิ่งอืน่ ๆ ท่ีไมต่ ้องการทิ้งเสีย ไม่ควรใช้มือดงึ รอยแผลที่ตัดทกุ รอย ควรมีหนา้ ตดั เอียงเล็กนอ้ ย เพื่อไมใ่ ห้นำ�้ ขงั ตรงรอยแผล อาจทำ� ให้กิ่งเนา่ ได้ 4. ถ้ารอยแผลใหญ่ มีเส้นผ่าศนู ยก์ ลางมากกว่า 2 – 2.5 เซนตเิ มตร หรือประมาณ 1 นิว้ ควรทาปูนแดงหรอื สกี ็ได้ 5. สว่ นในปีที่ 2 และ 3 ดแู ลกงิ่ หลัก 3 – 5 กงิ่ ใหส้ มบรู ณแ์ ขง็ แรง ไมม่ โี รคแมลงรบกวน และตัดแต่งกิ่งท่ีไม่ต้องการออก เช่น ก่ิงแขนง กิ่งท่ีแน่นทึบ ก่ิงอ่อนแอ ก่ิงที่มีโรคแมลงท�ำลาย ก่งิ ดำ� กิ่งนอนทีย่ าวระพนื้ กงิ่ ไขว้ กงิ่ ท่อี ย่ผู ิดที่ ก่งิ ชเ้ี ขา้ ในพ่มุ ตน้ เปน็ ตน้ วิธีการตดั แต่งกิง่ กาแฟในชว่ งท่ีให้ผลผลติ แล้ว ต้นกาแฟสว่ นใหญ่จะเริ่มให้ผลผลติ เมอื่ อายุ 2 ปคี รึ่ง – 3 ปี หลังปลูก อายตุ ้นกาแฟ ที่สมควรตัดแต่งก่ิงหลัก ควรดูว่าก่ิงหลักให้ผลผลิตดีอยู่นานก่ีปี โดยท่ัวไปประมาณ 2 – 3 ปี ผลผลิตจะลดลง โดยมีผลกระจุกเฉพาะตรงส่วนปลายยอด ดังน้ัน การตัดแต่งก่ิงหลักจะเริ่ม อย่างเร็วท่ีสุดเมื่อสิ้นปีท่ี 5 หลังปลูก แต่หากต้นได้รับการบ�ำรุงรักษาอย่างดี อาจเลื่อนเวลาการ ตัดแต่งก่ิงออกไป ขึ้นอยู่กับว่าผลผลิตไม่ลดลงและกิ่งไม่ยาวจนเกินไป โดยมีหลักการง่ายๆ คือ ในแตล่ ะปตี ดั กง่ิ หลัก 1 กง่ิ และไว้กิ่งหลกั ใหม่ทดแทน 1 ก่งิ ก่อนที่จะท�ำการตัดแต่งกิ่ง ควรพิจารณาทรงพุ่มโดยรวม เลือกก่ิงหลักที่แก่และ ใหผ้ ลผลติ น้อยทสี่ ดุ เพ่อื ตัดไว้ 1 กิ่ง เลอื กก่ิงหลักใหมท่ ีแ่ ข็งแรงเลยี้ งไว้ 1 กง่ิ ตรงจุดทจ่ี ะตัดกงิ่ แก่ กิ่งแขนงอ่ืนตัดออกให้หมด แล้วท�ำการตัดแต่งกิ่งที่ไม่ต้องการตามปกติ รอจนเก็บเกี่ยวแล้วจึง ตดั ก่งิ แกท่ เ่ี ลอื กไว้ออก สว่ นกง่ิ ท่ไี ม่เปน็ ประโยชน์ เช่น กิ่งแขนง กง่ิ ทแ่ี น่นทบึ เพื่อใหแ้ สงแดดผ่าน กิง่ ออ่ นแอ กง่ิ ทม่ี ีโรคแมลงทำ� ลาย กง่ิ ด�ำ กิง่ นอนทย่ี าวระพน้ื กิ่งไขว้ กิง่ ทอ่ี ยู่ผิดที่ กิ่งชี้เขา้ ในพุ่มตน้ เปน็ ต้น ตัดทิ้งตามปกติ ปีต่อๆไป เล้ยี งก่ิงหลักใหม่เพมิ่ 1 กิง่ ตัดกง่ิ แกอ่ อก 1 ก่งิ ทำ� เร่อื ยไปเช่นนี้ เกษตรกรกจ็ ะมีผลผลติ เก็บเก่ยี วไดส้ มำ�่ เสมอทกุ ปี 46 การเพ่ิมประสทิ ธิภาพการผลิตกาแฟ
Facebook : กลุ่มงานวจิ ยั การใช้สารป้ องกนั กําจัดศัตรพู ชื ปุ๋ยและการจัดการ ธาตุอาหารอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ ความสำ� คญั ของการจดั การธาตุอาหารในดิน การที่ต้นกาแฟจะแข็งแรงสมบูรณ์ได้น้ัน ปัจจัยส�ำคัญคือสภาพของดิน เช่น ความ อดุ มสมบูรณแ์ ละความสมดลุ ของธาตอุ าหารในดิน ความเป็นกรด – ด่าง โครงสรา้ งของดิน เปน็ ตน้ ดังน้ัน การให้ธาตุอาหารท่ีจำ� เป็นควบคู่กับการปรับปรุงสภาพดินให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโต ของกาแฟจึงมคี วามสำ� คัญมาก ส่วนใหญ่ธาตอุ าหารในดินจะสญู เสยี ไปได้หลายทาง เชน่ ติดไปกบั ผลผลติ ทเี่ กบ็ เกย่ี ว ถกู ชะลา้ งไปกบั ดนิ และนำ�้ หรอื การระเหย เกษตรกรจงึ จำ� เปน็ ตอ้ งใหธ้ าตอุ าหาร ทดแทนสว่ นทสี่ ญู เสียไปดว้ ยการใส่ป๋ยุ อย่างไรก็ตาม ปุ๋ยเป็นต้นทุนการผลิตที่ส�ำคัญของเกษตรกรในปัจจุบัน รองลงมาจากค่า แรงงาน การใส่ปุ๋ยจึงควรใช้อย่างมีประสิทธิภาพ เพ่ือช่วยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร การใส่ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินและค่ามาตรฐานวิเคราะห์ดินเป็นวิธีที่ดีท่ีสุดและทำ� ให้ได้กำ� ไรสูงสุด เน่ืองจากผลวิเคราะห์สามารถช่วยในการตัดสินใจการใส่ปุ๋ยได้ถูกต้อง ลดการใส่ปุ๋ยท่ีเกินความ ต้องการของกาแฟ มผี ลท�ำให้คา่ ใชจ้ ่ายเร่ืองปยุ๋ ลดลง และตน้ ทนุ การผลิตตอ่ ไรล่ ดลง ความต้องการธาตุอาหารของกาแฟ ธาตุอาหารท่ีจ�ำเป็นต่อการเจริญเติบโตและให้ผลผลิตของกาแฟ มีจ�ำนวน 16 ธาตุ ประกอบด้วย ธาตุอาหารที่ได้จากอากาศและน้�ำเพ่ือใช้ในการสังเคราะห์แสง 3 ธาตุ ซึ่งมักมี ปริมาณมากและไม่ขาดแคลน ได้แก่ ธาตุคาร์บอน (C) ธาตุไฮโดรเจน (H) และธาตุออกซเิ จน (O) ส่วนธาตุอาหารอีก 13 ธาตุ จะได้จากปุ๋ยที่ใส่ให้แก่กาแฟ และจากปูนทางการเกษตรที่ใช้ในการ ปรบั ปรุงดนิ เชน่ ปนู ขาว ปนู โดโลไมต์ ปูนยปิ ซมั่ เปน็ ตน้ การเพ่ิมประสทิ ธภิ าพการผลิตกาแฟ 47
Facebook : กลมุ่ งานวจิ ยั การใช้สารป้ องกันกาํ จัดศัตรพู ชื ธาตุอาหาร 13 ธาตุ กาแฟต้องการในปริมาณมากนอ้ ยตา่ งกัน แบง่ เปน็ 3 กลุม่ ไดแ้ ก่ 1. ธาตุอาหารหลัก หมายถึง ธาตุอาหารที่กาแฟต้องการในปริมาณมากและไม่ค่อย เพียงพอต่อความตอ้ งการ ไดแ้ ก่ ไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรสั (P) และโพแทสเซียม (K) 2. ธาตุอาหารรอง หมายถึง ธาตุอาหารที่กาแฟต้องการในปริมาณมากรองลงมา โดยทัว่ ไปมักมเี พียงพอกับความตอ้ งการ ไดแ้ ก่ แคลเซียม (Ca) แมกนีเซยี ม (Mg) และกำ� มะถนั (S) 3. จุลธาตุ หมายถึง ธาตุอาหารที่กาแฟต้องการในปริมาณน้อย แต่มีความส�ำคัญ ไมน่ ้อยกวา่ ธาตหุ ลัก ไดแ้ ก่ แมงกานีส (Mn) สังกะสี (Zn) โบรอน (B) เหล็ก (Fe) คลอรนี (Cl) ทองแดง (Cu) และโมลบิ ดินมั (Mo) บทบาทของธาตุอาหารที่มตี อ่ กาแฟ ไนโตรเจน : ช่วยในการเจริญเติบโตของก่ิง ก้าน ต้น ใบ ทำ� ให้ต้นกาแฟต้ังตัวได้เร็ว ชว่ ยควบคุมการออกดอก ท�ำใหด้ อกสมบรู ณ์ และเพ่ิมผลผลติ ฟอสฟอรัส : ช่วยในการเจริญเติบโตของราก และเพ่ิมประสิทธิภาพในการดูดธาตุ โพแทสเซียม ช่วยกระตุน้ การออกดอก สรา้ งเมลด็ เพิ่มความตา้ นทานตอ่ โรคและแมลง โพแทสเซยี ม : ชว่ ยให้ผลเติบโต มีคุณภาพดี และตน้ แขง็ แรง ทนทานต่อโรค ส่วนธาตุอาหารรอง และจุลธาตุ ต่างก็มีบทบาทส�ำคัญต่อการเจริญเติบโตของกาแฟ เช่นกัน หากต้นกาแฟขาดธาตุอาหารท่ีจำ� เป็นจะเกิดอาการผิดปกติ โดยต้นกาแฟขาดธาตุอาหาร ชนิดใด สามารถพจิ ารณาจากใบกาแฟได้ ขาดฟอสฟอรัส ขาดสังกะสี ขาดแมกนีเซยี ม ขาดโพแทสเซยี ม ขาดไนโตรเจน 48 การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตกาแฟ
Facebook : กล่มุ งานวจิ ยั การใช้สารป้ องกันกําจดั ศัตรพู ชื อาการผดิ ปกติทางใบทเี่ กิดจากการขาดธาตุอาหาร อาการเกิดทใ่ี บแก่ ใบเหลอื ง ใบไหม/้ แห้ง เหลืองท้งั ใบ ขาดไนโตรเจน ขาดโพแทสเซยี ม ไหม้ท่ีปลายและขอบใบ มสี เี หลอื ง แดง ม่วง ขาดฟอสฟอรสั ขาดแมกนเี ซียม ไหม้ระหวา่ งเส้นใบ ปรากฏระหวา่ งเสน้ ใบ ขอบใบเหลอื ง ขาดแมกนเี ซยี ม กลางใบเขยี ว เปน็ รูปหัวลูกศร เหลอื งระหวา่ งเสน้ ใบ ขาดแมงกานีส อาการเกดิ ทใี่ บอ่อนและใบยอด ใบเหลือง ขาดเหลก็ ใบไหม/้ แหง้ รูปร่างใบผิดปกติ เหลืองทง้ั ใบ ก�ำมะถัน ขาดแคลเซยี ม ขาดแคลเซียม โบรอน โมลบิ ดนิ มั ทองแดง เหลอื งระหวา่ งเส้นใบ ขาดแมงกานสี ใบขนาดปกติ เหลืองระหวา่ งเส้นใบ ขาดสงั กะสี ใบขนาดเลก็ กว่าปกติ การเพมิ่ ประสิทธภิ าพการผลิตกาแฟ 49
Facebook : กลุ่มงานวจิ ยั การใช้สารป้ องกนั กาํ จดั ศัตรพู ชื หลกั การใหธ้ าตุอาหารแก่กาแฟ กาแฟเปน็ พชื ทม่ี ผี ลอยบู่ นตน้ นานประมาณ 9 – 11 เดอื นตอ่ ปี ตง้ั แตเ่ ดอื นธนั วาคม – ตลุ าคม ต้นกาแฟต้องการธาตุอาหารสูงมากตลอดช่วงที่ติดผล เพื่อช่วยในการเจริญเติบโตและการ สะสมนำ�้ หนักแหง้ ของผล ดงั นน้ั จงึ ตอ้ งใส่ปุ๋ยอย่างสม่ำ� เสมอ และเม่ือเก็บเกีย่ วแล้ว ตอ้ งใส่ปุ๋ยบ�ำรงุ ต้นเพื่อใหต้ น้ แข็งแรง และมอี าหารสะสมไวเ้ พอ่ื สรา้ งผลผลิตทด่ี ีในปถี ัดไป การใหธ้ าตอุ าหารแกก่ าแฟอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ควรดำ� เนินการท้งั 3 ขอ้ ร่วมกนั ดงั น้ี 1. การวเิ คราะห์ตวั อย่างดิน 2. การปรับสภาพความเปน็ กรดเป็นดา่ งของดนิ 3. การใส่ปุ๋ยตามสภาพดินและความต้องการพชื กาแฟ 1. การวิเคราะหต์ ัวอยา่ งดนิ ประโยชนข์ องการวเิ คราะห์ตัวอยา่ งดิน ● เพอื่ ใหท้ ราบถงึ ความอดุ มสมบรู ณ์ และปญั หาของดนิ ในแปลงปลกู กาแฟทถ่ี กู เกบ็ ตวั อย่างดินของเกษตรกร ● เพอ่ื ให้ทราบคำ� แนะน�ำในการแกไ้ ข ปรับปรุง บำ� รงุ ดนิ ที่เหมาะสมสำ� หรับแปลง กาแฟแปลงน้ัน เช่น การใช้ปุ๋ย การใช้วัสดุปรับปรุงดินกรดหรือดินเปร้ียวจัด หรืออื่นๆ ตามความจ�ำเป็น เพื่อให้สามารถปลูกกาแฟ ได้ผลผลิตเพ่ิมมากข้ึน และมคี ุณภาพดขี ้นึ ข้อควรค�ำนึงกอ่ นเก็บตัวอยา่ งดิน ● การเก็บตัวอย่างดินควรเก็บให้กระจายทั่วท้ังแปลง เพ่ือให้ได้ค่าวิเคราะห์ และ คำ� แนะนำ� ในการแกไ้ ขปรบั ปรงุ บำ� รงุ ดนิ ทถ่ี กู ตอ้ ง สำ� หรบั แปลงปลกู กาแฟแปลงนน้ั ● ควรเกบ็ ตวั อยา่ งดนิ หลงั การเกบ็ เกยี่ ว หรอื กอ่ นการบ�ำรงุ รกั ษาตน้ กาแฟฤดกู าลตอ่ ไป ● ควรเก็บตวั อย่างดินหลังการใส่ปยุ๋ หรือปนู อยา่ งนอ้ ย 30 วัน ● เก็บตัวอยา่ งดนิ ในขณะดินมคี วามชืน้ เลก็ น้อย จะทำ� ใหข้ ุดและเกบ็ ไดง้ า่ ยขนึ้ ● จุดที่เก็บตัวอย่างดินควรอยู่ห่างไกลจากที่อยู่อาศัย คอกสัตว์ จอมปลวก และ บริเวณจุดทีม่ ีปยุ๋ ตกคา้ งอยู่ ● อุปกรณ์เก็บตัวอย่างดินต้องสะอาด ไม่เปื้อนดิน ปุ๋ย สารป้องกันก�ำจัดศัตรูพืช และสารเคมีอื่นๆ ● ในกรณเี กบ็ ตวั อยา่ งดนิ เพอ่ื ตดิ ตามการเปลย่ี นแปลงของธาตอุ าหารในดนิ ใหเ้ กบ็ ตัวอย่างดนิ บริเวณตน้ กาแฟเดมิ ทกุ คร้ัง 50 การเพิ่มประสิทธิภาพการผลติ กาแฟ
Facebook : กลุ่มงานวจิ ยั การใช้สารป้ องกนั กําจัดศัตรพู ชื วิธกี ารเกบ็ ตวั อยา่ งดนิ ● เตรยี มอุปกรณท์ ่ีจ�ำเป็น ได้แก่ เครือ่ งมือสำ� หรบั ขุดหรือเจาะเก็บดิน (เชน่ พล่วั จอบ และเสยี ม) ภาชนะใส่ดิน เชน่ ถงั พลาสติก กล่องกระดาษแข็ง ผ้ายางหรือ ผ้าพลาสตกิ ฯลฯ และถงุ พลาสตกิ สำ� หรบั ใส่ตวั อยา่ งดนิ สง่ ไปตรวจวิเคราะห์ ● ก่อนขุดดินเพ่ือเก็บตัวอย่าง จะต้องถากหญ้า กวาดเศษพืช หรือวัสดุที่อยู่ ผวิ หน้าดนิ ออกเสยี ก่อน (อย่าแซะหรอื ปาดหน้าดนิ ออก) ● ใช้จอบ เสียม หรือพล่ัวขุดหลมุ เป็นรูป V ให้ลกึ 20-30 เซนติเมตร เก็บเฉพาะ ส่วนที่อยู่ตรงกลางของพลัว่ เสียมหรือจอบใสภ่ าชนะ ● สุ่มเก็บตัวอย่างดนิ ให้กระจายคลอบคลมุ ทั่วทั้งแปลง โดยเก็บดินบริเวณทรงพุ่ม ต้นกาแฟ ต้นละ 2 จุด เลือกจุดเก็บตัวอย่างตรงด้านท่ีอยู่ตรงข้ามกัน ส�ำหรับ พนื้ ทีท่ ม่ี คี วามลาดเทให้เกบ็ ดินขา้ งทรงพมุ่ ดา้ นบน และด้านลา่ ง (แปลงส่งเสริม การเพ่ิมประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตกาแฟ ในโครงการปรับโครงสร้าง สนิ คา้ กาแฟ ขนาดพื้นท่ี 1 ไร่ แนะนำ� ใหเ้ ก็บจำ� นวน 10 ตน้ ตน้ ละ 2 จดุ รวม ท้งั แปลง 20 จุด) ● น�ำตัวอย่างดินมาผ่ึงให้แห้งในที่ร่ม โดยเทดินลงบนแผ่นผ้ายางหรือผ้าพลาสติก เกล่ียดินให้กระจายออกจากกัน ดินที่เป็นก้อนให้ใช้มือบิ หรือใช้ไม้ทุบให้เป็น ก้อนเล็กๆ แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากันจนทั่ว ผึ่งจนแห้ง (ใช้เวลาประมาณ 3 วนั - 2 สัปดาห์ แลว้ แต่สภาพอากาศ และสภาพความชืน้ ของดนิ ทเี่ กบ็ ) ● หลังตัวอย่างดินแห้ง คลุกเคล้าดินให้เข้ากัน จากน้ันเก็บตัวอย่างดินประมาณ ครึ่งกิโลกรัม ใส่ถุงพลาสติกที่สะอาด แนบแบบฟอร์มบันทึกรายละเอียด ตวั อย่างดิน ปดิ ปากถงุ ใหแ้ นน่ เพ่อื ส่งไปตรวจวิเคราะห์ ● แบบฟอร์มบันทึกรายละเอียด ควรแยกใส่ถุงพลาสติกต่างหาก เพ่ือป้องกันการเปียกช้ืน ซึ่งจะ ทำ� ใหร้ ายละเอยี ดเลอื นหายไปได้ การเพิ่มประสทิ ธิภาพการผลิตกาแฟ 51
Facebook : กลมุ่ งานวจิ ยั การใช้สารป้ องกนั กําจดั ศัตรพู ชื ตัวอยา่ งใบบนั ทกึ รายละเอยี ดส่งตัวอย่างดิน 1. ชอ่ื ผสู้ ง่ ตวั อยา่ ง............................................................................................................................. ที่อยู่เลขที่................................................หมู่........................................ตำ� บล............................ อำ� เภอ...............................................................................จังหวัด.............................................. 2. ตวั อยา่ งดนิ ท.่ี ...............................................................................รหสั ตวั อยา่ ง............................. สถานท่ีเกบ็ ตัวอยา่ ง หมู่................................................................ต�ำบล.................................. อำ� เภอ........................จงั หวัด..........................................................เนือ้ ที.่ ............ไร่ จดุ พกิ ัดทเี่ กบ็ ตัวอย่างดิน.......................................................................................... ลักษณะของพื้นที.่ ...............................................................ท่ีราบ............................. ทล่ี าดเท............................................ทสี่ ูงๆ ตำ่� ๆ......................................ที่ภเู ขา................ เกบ็ ตัวอย่างเมอ่ื วันที.่ .............เดือน........................................พ.ศ............................ ชน้ั ความลกึ ของดนิ ทเ่ี ก็บ...........................(0-15 ซม.)...........................(15-30 ซม.) เนื้อดนิ /สีดินท่คี วามลึก 0-15 ซม. ............................................................................................ เน้อื ดนิ /สดี ินที่ความลกึ 15-30 ซม. .......................................................................................... สภาพพน้ื ท.่ี ...........................................................ความลาดชนั ................................เปอรเ์ ซน็ ต์ การระบายนำ�้ ของดนิ : ดนิ บน........................................ดินลา่ ง................................................ การท่วมขงั ของน้�ำ (ระดบั ความลึก ระยะเวลา ความบอ่ ยครัง้ ) ................................................ ความสูงจากระดับน้ำ� ทะเล...................................................เมตร 3. เคยปลกู พืช.....................................................................ผลผลติ ต่อไร่....................................... ใส่ปุ๋ยเคมสี ตู ร...................................................................อตั รา................................................. ใส่ปุย๋ อินทรยี ์....................................................................อตั รา................................................. ใสป่ ูนคร้ังสุดทา้ ยเมอื่ เดอื น............................................. พ.ศ. ................................................. ชนดิ ปนู ............................................................................อตั รา................................................. ใส่วสั ดุอ่ืน.........................................................................อัตรา................................................. ปญั หาทเ่ี กดิ ................................................................................................................................ พืน้ ทีต่ ้องการจะปลกู .................................................................................................................. ปญั หาน�้ำเพอื่ การเกษตร............................................................................................................ 4. ปญั หาเฉพาะทตี่ ้องการคำ� แนะน�ำ.............................................................................................. ................................................................................................................................................... 5. ช่ือเจ้าของท่ีดิน (ถา้ ทราบ)......................................................................................................... 52 การเพ่มิ ประสิทธิภาพการผลิตกาแฟ
Facebook : กลุ่มงานวจิ ยั การใช้สารป้ องกันกําจัดศัตรพู ชื การบันทึกรายละเอียดตัวอย่างดนิ เกษตรกรควรบันทึกรายละเอียดตัวอย่างดินให้มากท่ีสุด เพ่ือเป็นประโยชน์ต่อการ ใหค้ �ำแนะนำ� การจดั การดินให้ถกู ตอ้ งท่สี ุด รายละเอยี ดตัวอยา่ งดนิ ควรประกอบดว้ ย 1. ขอ้ มลู ผูส้ ่งตัวอย่างดนิ เชน่ ชื่อผสู้ ง่ หรอื ชื่อเกษตรกรเจา้ ของแปลง ทอี่ ยู่ ฯลฯ 2. ข้อมูลตัวอย่างดิน เช่น สถานที่เก็บตัวอย่างดิน เนื้อที่ จุดพิกัดที่เก็บตัวอย่างดิน ลกั ษณะพื้นที่ (เชน่ ทีร่ าบ ทลี่ าดเท ทสี่ ูงๆต�่ำๆ ที่ภเู ขา ฯลฯ) วนั ที่เกบ็ ตวั อยา่ ง ชน้ั ความลึกของดิน ทเี่ กบ็ ตัวอยา่ ง เนอื้ ดนิ /สีดนิ ความลาดชนั การระบายน้ำ� การท่วมขังของน�ำ้ ฯลฯ 3. ข้อมูลการปฏิบัติดูแลกาแฟและพืชอื่นๆในแปลง เช่น พืชที่เคยปลูกในแปลง ผลผลิตกาแฟท่ีได้ต่อไร่ สูตรปุ๋ยเคมีและอัตราท่ีใส่ ชนิดปุ๋ยอินทรีย์และอัตราท่ีใส่ ชนิดปูน อัตราการใส่ และวันท่ีใส่ปูนครั้งสุดท้าย วัสดุอื่นๆที่ใส่ ปัญหาท่ีเกิดขึ้น พืชที่ต้องการจะปลูก ปญั หาน้�ำเพือ่ การเกษตร 4. ขอ้ มลู ปญั หาเฉพาะทต่ี อ้ งการคำ� แนะนำ� ฯลฯ สถานท่ีให้บรกิ ารตรวจวิเคราะหต์ ัวอย่างดิน ปัจจุบันมีหน่วยงานท่ีให้บริการตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างดิน ทั้งที่เป็นหน่วยงานราชการ และหนว่ ยงานเอกชน ซงึ่ อาจใชเ้ วลาในการตรวจวิเคราะห์มากน้อยตา่ งกัน ฉะนั้น หากเกษตรกร เก็บตวั อยา่ งดินส่งตรวจ ควรเผื่อเวลาสำ� หรบั รอผลการตรวจวเิ คราะห์ดว้ ย ตวั อย่างหน่วยงานราชการท่ีให้บริการตรวจวิเคราะหต์ วั อย่างดิน ไดแ้ ก่ กรมพัฒนาท่ีดิน : สถานีพัฒนาท่ีดิน ส�ำนักงานพัฒนาท่ีดินเขต หรือส�ำนักวิทยาศาสตร์ เพื่อการพัฒนาทีด่ ิน โทรศพั ท์ 02-561-4179 (สายตรง) หรอื 02-562-5100 ต่อ 3120 กรมวิชาการเกษตร : ส�ำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขต หรือส�ำนักวิจัยพัฒนาปัจจัย การผลิตทางการเกษตร โทรศพั ท์ 02-579-8600 ต่อ 201 มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ : ภาควชิ าปฐพวี ทิ ยา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โทรศัพท์ 02-942-8104-5 การแปลผลวเิ คราะหต์ ัวอย่างดนิ การวเิ คราะหต์ วั อยา่ งดนิ ในหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร สามารถวเิ คราะหล์ กั ษณะและคณุ สมบตั ขิ องดนิ ได้หลายประการ และใหค้ ่าท่ลี ะเอยี ด แตต่ ้องใช้เวลานาน และเสยี ค่าใชจ้ า่ ยมากกวา่ การวเิ คราะห์ ดินด้วยชุดตรวจสอบดินอย่างง่าย ซึ่งเกษตรกรสามารถใช้ทดสอบตัวอย่างดินได้ด้วยตัวเอง และสามารถทราบผลได้ทันที ชุดตรวจสอบตัวอย่างดินอย่างง่าย ในปัจจุบันมีวางจ�ำหน่ายท่ัวไป เชน่ ทภี่ าควชิ าปฐพวี ทิ ยา คณะเกษตร มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ หรอื ผปู้ ระกอบการเอกชนตา่ งๆ โดยปกติจะสามารถทดสอบและประมาณการข้อมูลดินท่ีจ�ำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช เช่น ความเปน็ กรด –ด่างของดนิ ปรมิ าณธาตไุ นโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม การเพ่มิ ประสทิ ธิภาพการผลิตกาแฟ 53
Facebook : กลุม่ งานวจิ ยั การใช้สารป้ องกันกาํ จัดศัตรพู ชื เม่ือทราบผลการวิเคราะห์แล้ว เกษตรกรสามารถประเมินค่าความเป็นกรด–ด่าง ระดับ ธาตุอาหารแต่ละชนิดได้ด้วยตนเอง ว่ามีระดับสูง ปานกลาง หรือตำ�่ จากค่ามาตรฐานที่ได้มีการ ก�ำหนดไวเ้ ป็นเกณฑ์กลาง การส่งตัวอย่างดินเพ่ือตรวจวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ โดยทั่วไปจะให้ผลการวิเคราะห์ ขอ้ มูลตัวอย่างดิน ดังน้ี 1. ความเป็นกรดเป็นด่างของดิน หรือค่าพีเอช (pH) หมายถึง ค่าที่บอกความเป็น กรดเป็นด่างของดิน มีค่าตั้งแต่ 0 จนถึง 14 และมีค่าเป็นกลาง อยู่ที่ 7 โดยค่าพีเอชย่ิงน้อย แสดงว่าเป็นกรดมาก ค่าพีเอชยิ่งมาก แสดงว่าเป็นด่างมาก เช่น 0 คือเป็นกรดอย่างแรง และ 14 คอื เป็นดา่ งอย่างแรง ระดับความเปน็ กรดเปน็ ด่างของดนิ ไม่ไดม้ ผี ลโดยตรงตอ่ การเจรญิ เตบิ โต ของพืช แต่เป็นตัวควบคุมการละลายของธาตุอาหารพืช และการละลายของสารอ่ืนๆ ให้อยู่ใน รปู ทพี่ ชื จะดดู ไปใชป้ ระโยชนไ์ ด้ บางครง้ั ดนิ มธี าตอุ าหารเพยี งพอตอ่ การเจรญิ เตบิ โตของพชื แตพ่ ชื ยงั แสดงอาการขาดธาตุได้ แสดงวา่ ดนิ อาจเปน็ กรดหรอื เปน็ ด่างมากเกินไป หรอื ระบบรากเสียหาย 2. อินทรียวัตถุในดิน (OM) หมายถึง อินทรียสารทุกชนิดท่ีมีอยู่ในดิน ซึ่งได้จาก ซากพืช ซากสัตว์ และสิ่งมีชีวิตต่างๆ ท่ีอาศัยอยู่ในดิน ส่ิงขับถ่ายของมนุษย์และสัตว์ เกิดการสลายตัวทับถม อยู่ในดิน รวมถึงอินทรียสารท่ีรากพืชปลดปล่อย ออกมา และท่ีจลุ นิ ทรยี ์สงั เคราะห์ขนึ้ ซ่ึงอินทรยี วัตถุ ในดินจะสลายตัวโดยจุลินทรีย์ดินจนได้เป็นฮิวมัส ที่เป็นของแข็งอนุภาคละเอียดมาก มีบทบาท ส�ำคัญในการดูดยึดธาตุอาหารพืชท่ีมีประจุบวก 54 การเพมิ่ ประสทิ ธภิ าพการผลติ กาแฟ
Facebook : กลุม่ งานวจิ ยั การใช้สารป้ องกันกําจัดศัตรพู ชื สามารถดูดซับน�้ำได้ดี รวมท้ังการเกาะยึดกันของอนุภาคดินเป็นเม็ด โดยมีค่ามาตรฐาน ปริมาณอนิ ทรียว์ ัตถใุ นดิน ดงั น้ี ระดับ ปริมาณอนิ ทรยี วตั ถุในดนิ (รอ้ ยละ) ต�่ำมาก ‹ 0.5 ต�่ำ 0.5 - 1.0 คอ่ นข้างตำ่� 1.0 – 1.5 ปานกลาง 1.5 – 2.5 ค่อนขา้ งสงู 2.5 – 3.5 สูง 3.5 – 4.5 สงู มาก › 4.5 3. ความเค็มของดิน (EC) หมายถึง ความเข้มขน้ ของสารละลายเกลอื ในดนิ ดนิ ท่ีมคี วาม เคม็ มากจะทำ� ใหร้ ากพชื ไมส่ ามารถดดู นำ�้ และอาหาร หรอื ดดู ไปใชไ้ ดน้ อ้ ย ความเคม็ ของดนิ สามารถ ตรวจสอบได้โดยการวัดความสามารถในการนำ� ไฟฟา้ ของดนิ โดยมคี ่ามาตรฐาน ดงั นี้ คา่ การนำ� ไฟฟา้ ของดิน ระดบั ความเค็ม ผลกระทบตอ่ กลุ่มพืช (dS/m) 0–2 ไม่เค็ม ไมก่ ระทบตอ่ การปลกู พชื ทกุ ชนิด 2-‹4 เค็มนอ้ ย พชื ทไ่ี วตอ่ ความเคม็ มกี ารเจรญิ เตบิ โตลดลงบา้ ง 4–8 เคม็ ปานกลาง พืชทนเค็มเทา่ น้นั ทเ่ี จรญิ เตบิ โตได้ดี 8 – 16 เคม็ มาก พชื ทนเค็มบางชนิดเทา่ นนั้ ทเ่ี จริญเติบโตไดด้ ี › 16 เคม็ มากท่สี ุด พืชทุกชนดิ ไม่สามารถเจริญเตบิ โตไดเ้ ลย 4. ธาตอุ าหารพชื หมายถงึ ปรมิ าณธาตอุ าหารส�ำคญั ของพชื ทม่ี อี ยใู่ นดนิ ขอ้ มลู ธาตอุ าหาร พชื ทน่ี ยิ มวเิ คราะห์โดยทวั่ ไป ไดแ้ ก่ ไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรัส (P) โพแทสเซียม (K) แคลเซยี ม (Ca) และแมกนเี ซยี ม (Mg) ทเ่ี ปน็ ประโยชนต์ อ่ พชื ซงึ่ พชื แตล่ ะชนดิ จะมปี รมิ าณความตอ้ งการธาตอุ าหาร แตล่ ะชนดิ มากนอ้ ยแตกตา่ งกนั การใสป่ ยุ๋ ปรบั ปรงุ บ�ำรงุ ดนิ จงึ ควรพจิ ารณาขอ้ มลู ความตอ้ งการธาตุ อาหารของพชื แตล่ ะชนดิ ควบคกู่ บั ขอ้ มลู ปรมิ าณธาตอุ าหารพชื ทอี่ ยใู่ นดนิ ทไี่ ดจ้ ากผลตรวจวเิ คราะห์ การจดั การตามผลวิเคราะห์ดนิ เมื่อได้รับผลวิเคราะห์ดินแล้วพบว่า ดินมีความเป็นกรดเป็นด่างมากเกินไป หรือมี อนิ ทรียวตั ถุ ธาตอุ าหารพชื เช่น ไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรัส (P) โพแทสเซยี ม (K) ตำ�่ ควรมกี ารแกไ้ ข การเพิ่มประสทิ ธภิ าพการผลิตกาแฟ 55
Facebook : กลุม่ งานวจิ ยั การใช้สารป้ องกนั กําจดั ศัตรพู ชื ปรบั ปรงุ ดนิ ดว้ ยวธิ กี ารตา่ งๆ ตามสภาพปญั หาของดนิ เชน่ การใสป่ นู เพอ่ื ปรบั สภาพความเปน็ กรด หรือเพิ่มคา่ พเี อชของดิน การใสป่ ุ๋ยเพ่อื เพ่ิมธาตอุ าหารพืช อนิ ทรยี วตั ถุ และปรับปรงุ โครงสร้างดิน รวมท้ังวิธีอ่นื ๆ เพ่ือปรบั ปรงุ ดนิ ใหส้ ามารถใช้ในการปลูกกาแฟให้ได้ผลผลติ คุ้มคา่ ตอ่ การลงทุน 2. การปรับสภาพความเป็นกรดเป็นด่างของดนิ คา่ ความเปน็ กรดเป็นดา่ งทเี่ หมาะสมสำ� หรับกาแฟ ดนิ ทท่ี ำ� การเพาะปลกู มานานในบา้ นเรา สว่ นใหญเ่ ปน็ ดนิ กรด เนอ่ื งจากอยใู่ นเขตทม่ี ฝี นตก มาก ฝนจะชะเอาธาตแุ คลเซยี ม แมกนเี ซียม โซเดยี ม และโพแทสเซยี มออกจากดิน เหลอื สัดส่วน ธาตุที่เป็นกรดไว้มากกว่าเดิม ส�ำหรับกาแฟชอบดินท่ีเป็นกรดเล็กน้อย ค่าพีเอชท่ีเหมาะสม คือ 5.5 – 6.0 ดินที่ปลูกกาแฟโรบัสต้าในภาคใต้ที่วิเคราะห์ได้ มักพบว่าเป็นกรดรุนแรง ค่าพีเอช ประมาณ 4.0 – 4.5 ซึ่งไม่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของกาแฟ จึงจ�ำเป็นต้องปรับให้ค่า พีเอชสูงขนึ้ ด้วยการใส่ปูน การเลอื กใช้ชนิดปนู ส�ำหรับปรบั สภาพดนิ “ปูน” ในการเกษตร หมายถึง สารท่ีใส่ลงไปในดินแล้วสามารถลดปริมาณกรดในดินได้ ที่ใช้ทั่วๆ ไป ไดแ้ ก่ หนิ ปนู บด ปูนขาว ปนู มารล์ ปนู โดโลไมท์ แมกนีเซยี มซลั เฟต เป็นต้น การใสป่ ูนในสวนกาแฟ แบง่ ออกไดเ้ ปน็ 2 กรณี ดงั น้ี 1. กรณมี ีผลตรวจวิเคราะหด์ นิ การเลอื กใช้ปนู ชนดิ ไหน ใหด้ ูที่คา่ แคลเซียมและแมกนีเซียมในผลวิเคราะหด์ ิน ดังนี้ ผลวเิ คราะห์ดนิ เทียบกบั คา่ มาตรฐาน ชนิดปูนท่ีต้องใช้ ดินมคี ่าแคลเซยี มและแมกนเี ซียมตำ�่ ปูนโดโลไมต์ ปูนขาว ดนิ มีคา่ แคลเซยี มต่�ำอย่างเดยี ว ดนิ มีค่าแมกนเี ซยี มต่�ำอย่างเดยี ว แมกนีเซยี มซัลเฟต 2. กรณีไม่มผี ลตรวจวิเคราะห์ดิน ควรเลือกปนู ท่ีหาได้งา่ ยและราคาถกู โดยเทยี บจากปริมาณความตอ้ งการปนู ดังนี้ ปริมาณความต้องการปูน 100 กิโลกรัม = หินปูนบด 105 กิโลกรัม = ปูนขาว 78 กโิ ลกรมั = ปูนมารล์ 120 กโิ ลกรมั = ปนู โดโลไมท์ 109 กิโลกรมั วิธกี ารใส่ปนู ควรใส่ปูนแล้วจึงพรวนดิน หรือหว่านเป็นผิวบางๆ ให้ทั่วบริเวณใต้ทรงพุ่มจนถึง ชายพุ่ม โดยให้ดินมีความชื้น การใส่ต้องพยายามให้ปูนนั้นสัมผัสกับดินให้มากท่ีสุด เพ่ือให้ปูน 56 การเพิม่ ประสิทธภิ าพการผลิตกาแฟ
Facebook : กล่มุ งานวจิ ยั การใช้สารป้ องกันกําจดั ศัตรพู ชื ได้ผสมคลุกเคล้าเข้ากับดินได้อย่างทั่วถึง หากมีการใส่ปุ๋ยคอก ให้กับดินด้วย สามารถผสมปนู รวมกบั ปุ๋ยคอกได้ ระยะเวลาการใสป่ นู ● ควรใสป่ ูน ก่อนการใสป่ ยุ๋ เคมีอยา่ งนอ้ ย 2 สัปดาห์ หรอื ถา้ ใหด้ ีควรกอ่ นอยา่ งนอ้ ย1เดอื นเพอื่ ใหป้ นู ไดม้ ี เวลาในการปรบั สภาพความเปน็ กรดของดนิ ใหล้ ดลง ก่อนทีจ่ ะใสป่ ยุ๋ เคมี ● ใสป่ ูน 1 – 2 คร้งั ตอ่ ปี ครัง้ ละ 0.5 – 1.0 กโิ ลกรมั ต่อต้น ในดินที่เป็นกรดจัด แนะน�ำให้แบ่งปูนเป็น 2 สว่ น ใส่ 2 ครงั้ ● ผลของการใส่ปูนปรับพีเอชไม่ได้อยู่ถาวร ดังนั้น ควรตรวจพีเอชของดินเป็นประจ�ำอย่างน้อย ทกุ 3 – 4 ปี ปจั จยั ท่เี กีย่ วข้องกับการใสป่ ูน การปรับพีเอชดินได้ผลเร็วหรือช้า ขึ้นกับชนิดของดิน และอินทรยี ์วัตถุในดนิ ดงั นี้ ● ดินเหนียว ตอ้ งการปูนสูง และเม่ือใสป่ ูนแล้วจะมผี ลอยู่ได้นาน ● ดนิ ทราย ต้องการปูนน้อยกว่า และเมอ่ื ใส่ปูนแลว้ จะมีผลอยูไ่ ม่นาน ● ดนิ ท่มี ีอินทรีย์วัตถมุ าก ต้องการปูนมากกวา่ ดินทม่ี อี ินทรยี ว์ ตั ถนุ อ้ ย 3. การใส่ปุ๋ยตามสภาพดินและความตอ้ งการพืชกาแฟ ชนดิ ของปุ๋ย “ปุ๋ย” คือสารอินทรีย์หรือสารอนินทรีย์ท่ีเกิดขึ้นตามธรรมชาติหรือสังเคราะห์ข้ึน ท่ใี ส่ลงไปในดินแล้วเป็นธาตอุ าหารพชื ได้แก่ 1. ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยเคมีเป็นสารประกอบที่ให้ธาตุอาหารพืชโดยผ่านกระบวนการผลิตทางเคมี พืชสามารถดูดไปใช้ประโยชน์ได้ทันที และมีธาตุอาหารพืชมากกว่าปุ๋ยอินทรีย์ โดยทั่วไปให้ ธาตุอาหารหลัก ดงั นี้ ● ไนโตรเจน (N: เอ็น) – ปุ๋ยตัวหน้า ช่วยในการเจริญเติบโตของก่ิง ก้าน ต้น ใบ ชว่ ยในการสงั เคราะหแ์ สง ● ฟอสฟอรัส (P: พี) – ปุ๋ยตัวกลาง ช่วยในการเติบโตของราก การออกดอก การสุกของผล การเพม่ิ ประสิทธิภาพการผลติ กาแฟ 57
Facebook : กลมุ่ งานวจิ ยั การใช้สารป้ องกันกาํ จัดศัตรพู ชื ● โพแทสเซยี ม (K: เค) – ปุ๋ยตัวท้าย ช่วยให้ผลเติบโต มีคณุ ภาพดี และต้นแข็งแรง ทนทานตอ่ โรค ปุย๋ เคมีแบง่ ออกเปน็ 1.1 ปุ๋ยทีใ่ ห้ธาตอุ าหารหลกั ได้แก่ ไนโตรเจน (N) ฟอสฟอรัส (P) และโพแทสเซยี ม (K) มีทั้งแม่ปุ๋ยท่ีให้ธาตุอาหารเพียงธาตุเดียว หรือ 2 ธาตุ เช่น 15-0-0, 21-0-0, 46-0-0, 18-46-0, 0-0-50, 0-0-60 และปุ๋ยผสมที่ให้ธาตุอาหารหลักครบท้ัง 3 ธาตุ เช่น 15-15-15, 16-16-16 1.2 ปุ๋ยทใ่ี หธ้ าตอุ าหารรอง ได้แก่ แคลเซียม (Ca) แมกนเี ซียม (Mg) และกำ� มะถัน (S) ส่วนใหญ่อยู่ในรูปของปูนที่ใช้ทางการเกษตร เช่น ปูนขาว ปูนโดโลไมท์ ปูนยิปซ่ัม เป็นต้น 1.3 ปยุ๋ ทใ่ี หธ้ าตอุ าหารเสรมิ หรอื จลุ ธาตุ ได้แก่ แมงกานีส (Mn) สงั กะสี (Zn) โบรอน (B) เหลก็ (Fe) คลอรนี (Cl) ทองแดง (Cu) และโมลบิ ดนิ มั (Mo) โดยปกติควรให้ทางดนิ อยา่ งนอ้ ย ปีละคร้ัง หรือพ่นทางใบทุกคร้ังที่มีการแตกใบอ่อน เกษตรกรอาจเลือกใช้ปุ๋ยจุลธาตุรวม หรือ จุลธาตุเด่ียวก็ได้ จุลธาตุรวมท่ีมีขายโดยทั่วไปมักเป็นปุ๋ยพ่นทางใบ เช่น ยูนิเลท นิคสเปรย์ เฟตรลิ อน สำ� หรับจลุ ธาตเุ ด่ียวจะมีขายในรปู ของเกลอื ซัลเฟตเปน็ สว่ นใหญ่ 2. ป๋ยุ อนิ ทรีย์ ปุ๋ยอินทรีย์เป็นสารประกอบท่ีได้มาจากส่ิงที่มีชีวิต ที่ผ่านกระบวนการผลิตตามธรรมชาติ ได้แก่ ปุ๋ยคอกจาก มูลสัตว์ ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยพืชสด และวัสดุเหลือใช้จากโรงงาน อตุ สาหกรรม โดยมีปริมาณธาตอุ าหารพชื มากนอ้ ยแตกตา่ ง กนั ไปตามวสั ดทุ ใ่ี ชท้ ำ� ปยุ๋ โดยปกตปิ ยุ๋ อนิ ทรยี จ์ ะมธี าตอุ าหาร น้อยเม่ือเทียบกับปุ๋ยเคมี แต่มีคุณสมบัติท่ีช่วยให้ดินโปร่ง และร่วนซยุ ทำ� ใหด้ ินมกี ารระบายน้ำ� ดี การถ่ายเทอากาศดี ชว่ ยในการดดู ซบั นำ้� และธาตอุ าหารไดม้ ากขนึ้ เหมาะแกก่ าร เจริญของรากพืช เมื่ออินทรียวัตถุย่อยสลายตัวจะให้ ธาตุอาหารพชื รวมทัง้ ธาตอุ าหารรองและจุลธาตุ 3. ปยุ๋ ชวี ภาพ ปุ๋ยชีวภาพเป็นปุ๋ยท่ีมีจุลินทรีย์ที่ยังมีชีวิต ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของรากพืช โดย อาศัยอยู่บริเวณรากหรือในรากพืช ช่วยเพิ่มพื้นท่ีผิวในการดูดน�้ำและธาตุอาหาร และช่วยให้ พืชทนทานต่อโรครากเนา่ ได้ เช่น ป๋ยุ ชีวภาพไมโคไรซ่ากาแฟของกรมวิชาการเกษตร โดยใชเ้ พียง 1 ช้อนโต๊ะ โรยรอบโคนต้นขณะที่ดินช้ืน เช้ือไมโคไรซ่าจะเจริญเติบโต และเพิ่มประสิทธิภาพ การดดู ธาตอุ าหารในดนิ ของต้นกาแฟ ท�ำให้ต้นทุนการใช้ปยุ๋ เคมลี ดลงได้ 58 การเพ่มิ ประสทิ ธภิ าพการผลติ กาแฟ
Facebook : กล่มุ งานวจิ ยั การใช้สารป้ องกนั กาํ จดั ศัตรพู ชื 4. ปยุ๋ อนิ ทรียช์ ีวภาพ ปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพเป็นปุ๋ยอินทรีย์ท่ีผ่านกระบวนการความร้อนเพื่อฆ่าส่ิงท่ีมีชีวิตก่อน แลว้ นำ� เชอื้ จลุ นิ ทรยี ท์ เี่ ปน็ ปยุ๋ ชวี ภาพมาผสม แลว้ ทำ� การหมกั ตอ่ ไป จนกระทงั่ จลุ นิ ทรยี เ์ จรญิ เตบิ โต เต็มท่กี อ่ นนำ� ไปใช้ 5. น�้ำหมักชีวภาพ น้�ำหมักชีวภาพเป็นน�้ำหมักท่ีได้จากการหมักเศษช้ินส่วนของพืชและสัตว์ กากน้�ำตาล และนำ�้ โดยใชจ้ ลุ นิ ทรยี เ์ ปน็ ตวั ยอ่ ยสลาย นำ้� หมกั ชวี ภาพจะมธี าตอุ าหารพชื มากหรอื นอ้ ยขนึ้ อยกู่ บั วสั ดทุ ีน่ �ำมาใช้หมกั น้�ำหมักชีวภาพท่ีผลติ จากสตั ว์จะมีธาตอุ าหารพืชมากกวา่ ผลติ จากพชื ข้อควรพจิ ารณาในการให้ปยุ๋ ในการให้ปุย๋ กาแฟ ควรคำ� นงึ ถงึ ปจั จยั ต่อไปนี้ อายุของต้นกาแฟ ความต้องการปุ๋ยของต้นกาแฟที่ให้ผลผลิตแล้ว จะมากกว่าต้นที่ยัง ไม่ให้ผล ส�ำหรับต้นกาแฟที่ให้ผลแล้ว ช่วงที่ต้องการปุ๋ยมากท่ีสุดหรือท่ีเรียกว่าช่วงวิกฤต คือ ช่วงท่ีผลขยายตัวอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ผลขยายตัวได้มากท่ีสุดและมีผลร่วงน้อยท่ีสุด ช่วงที่สำ� คัญ รองลงมาคือ ชว่ งกอ่ นเกบ็ เกี่ยวผล 2 – 3 เดือน ซ่ึงจะท�ำใหผ้ ลมีคณุ ภาพและน้�ำหนักดี ถ้าในชว่ งน้ี ธาตอุ าหารไมเ่ พียงพอ ผลจะเหลือง ผลร่วง ใบเหลือง และอาจมกี ่ิงแหง้ ตายเป็นจ�ำนวนมาก ความเป็นกรด – ด่างของดิน (pH) ดนิ ท่สี ามารถปลูกกาแฟได้มีค่าความเปน็ กรด – ด่าง อย่รู ะหวา่ ง 4.5 – 6.5 แต่ค่าความเปน็ กรด – ดา่ งทเี่ หมาะสมต่อการเจรญิ เติบโตของกาแฟ คอื 5.5 – 6.0 เพราะจะควบคุมความเป็นประโยชน์ของธาตุอาหารในดินให้อยู่ในรูปท่ีพืชสามารถ น�ำไปใช้ได้ ความอุดมสมบูรณ์ของดิน ดินท่ีมีความอุดมสมบูรณ์ต�่ำจ�ำเป็นต้องให้ปุ๋ยในปริมาณที่ เหมาะสม ต้องมีผลค่าวิเคราะห์ดินเพ่ือวางแผนการให้ปุ๋ย ในการใส่ปุ๋ยทุกครั้งต้องแน่ใจว่าดิน มีความชื้นเพียงพอ หรือมิฉะนั้นต้องให้นำ้� ตามทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใส่ปุ๋ยยูเรีย ไม่เช่นน้ัน จะท�ำให้ใบไหม้ และยงั มโี อกาสท่ธี าตอุ าหารจะสญู เสียไปในอากาศ นอกจากนก้ี ารให้ปุ๋ยทถ่ี ูกตอ้ ง ยงั ช่วยใหต้ ้นกาแฟมคี วามทนทานต่อโรคและแมลงได้ดีขนึ้ ดว้ ย ความลาดชันของพื้นท่ี เพื่อป้องกันการสูญเสียของปุ๋ย ในการใส่ปุ๋ยกาแฟท่ีปลูกบน พืน้ ทล่ี าดชัน ควรขุดหลุมหรอื ขดุ รอ่ งบริเวณชายพ่มุ เพอ่ื ฝังป๋ยุ การเพิ่มประสิทธภิ าพการผลิตกาแฟ 59
Facebook : กลุม่ งานวจิ ยั การใช้สารป้ องกันกาํ จดั ศัตรพู ชื การใส่ปุ๋ยในสวนกาแฟ การใส่ปุ๋ย เพ่ือให้ได้ประโยชน์สูงสุด และมีต้นทุนตำ�่ สุด เกษตรกรควรใส่ปุ๋ยเคมี ร่วมกับ ปยุ๋ อินทรยี ์ และปุย๋ ชวี ภาพ เพอ่ื ให้ไดป้ ระโยชน์ท้งั การเพ่มิ ธาตุอาหารในดิน การปรับปรุงโครงสร้าง ดนิ และการเพมิ่ ประสิทธภิ าพการดูดน�ำ้ และธาตุอาหารของรากต้นกาแฟ การใสป่ ๋ยุ ในสวนกาแฟ แบ่งออกได้เป็น 2 กรณี ดังนี้ 1. กรณีมีผลตรวจวเิ คราะห์ดนิ เกษตรกรควรใส่ปุ๋ยตามค�ำแนะน�ำ ท่ีได้รับจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรม พัฒนาที่ดิน กรมวิชาการเกษตร เป็นต้น หรือ อาจประเมินการใส่ปุ๋ยด้วยตัวเอง จากผลการ ตรวจวเิ คราะหด์ นิ ของเกษตรกร และคา่ มาตรฐาน ความต้องการของกาแฟ เช่น ต้นกาแฟต้องการ ค่า pH 5.5 อนิ ทรยี วตั ถุ 2.5 – 3.0% ฟอสฟอรสั 30 – 40 มิลลิกรัม/กิโลกรัม โพแทสเซียม 100 – 130 มิลลิกรัม/กิโลกรัม แคลเซียม 800 – 1,000 มิลลิกรัม/กิโลกรัม แมกนีเซียม 100 – 130 มิลลิกรัม/กิโลกรัม หากดินมีธาตุ อาหารชนิดใดต่�ำ ให้ใส่ปุ๋ยเฉพาะท่ีมีธาตุอาหาร น้ัน ไม่จ�ำเป็นต้องใส่ปุ๋ยที่มีธาตุอาหารไนโตรเจน ฟอสฟอรสั และโพแทสเซียม ครบทกุ ชนิด ซึ่งจะ ท�ำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายการใส่ปุ๋ยท่ีเกินความ จ�ำเปน็ ลงได้ ดังนั้น เกษตรกรไม่ควรใช้ปุ๋ยสูตรเสมอ เช่น 15-15-15 แต่ควรใช้ปุ๋ยเชิงเดี่ยว โดยใส่ เฉพาะธาตุอาหารที่ขาด เชน่ ขาดไนโตรเจน ใชป้ ๋ยุ 46-0-0 ขาดฟอสฟอรสั ใช้ปุ๋ย 18-46-0 , 0-46-0 ขาดโพแทสเซยี ม ใช้ปยุ๋ 0-0-60,0-0-50 และควร ใสป่ ยุ๋ อินทรีย์ และปุย๋ ชีวภาพร่วมด้วย 60 การเพมิ่ ประสิทธิภาพการผลติ กาแฟ
Facebook : กลุ่มงานวจิ ยั การใช้สารป้ องกันกาํ จัดศัตรพู ชื ตวั อยา่ งรายงานผลการวิเคราะห์ตัวอย่างดิน และค�ำแนะนำ� การปรับปรงุ บำ� รุงดิน ของกรมพฒั นาทด่ี ิน โครงการปรบั โครงสรา้ งการผลิตสนิ คา้ กาแฟแบบครบวงจร ผลการวเิ คราะห์ดนิ ของเกษตรกรเขา้ รว่ มโครงการ ขอ้ มูลดิน ผลการตรวจวิเคราะห์ คา่ ประเมิน อนิ ทรีย์วัตถใุ นดิน - - ธาตุอาหารพืชไนโตรเจน - - ธาตอุ าหารพชื ฟอสฟอรัส ธาตุอาหารพชื โพแทสเซียม 1 มลิ ลิกรัม/กิโลกรัม ตำ�่ มาก ธาตอุ าหารพืชแคลเซยี ม 37 มลิ ลิกรัม/กิโลกรัม ปานกลาง ธาตอุ าหารพืชแมกนเี ซียม 86 มิลลิกรมั /กโิ ลกรัม คา่ ความเปน็ กรดเป็นด่างของดนิ (pH) ต่�ำ - - 4.4 กรดรุนแรง ค�ำแนะน�ำการปรบั ปรงุ บำ� รุงดนิ การใสป่ นู : ปริมาณ “ความตอ้ งการปนู ” ในการปรบั สภาพความเป็นกรดในดนิ = 1,440 ก โิ ลก รมั CaCหOร3ือ/ปไรนู ่ เบทดา่ ก2บั,16ป0นู ขกาโิ ลวก1ร,1ัม2/ไ3ร่ กิโลกรัม/ไร่ หรือปูนมาร์ล 1,728 กิโลกรมั /ไร่ หรือปนู โดโลไมท์ 1,570 กโิ ลกรัม/ไร่ (เลอื กใชต้ ามความจำ� เป็นชนดิ ใดชนดิ หนงึ่ เพยี งอยา่ งเดยี ว) การใสป่ ุ๋ยอินทรีย์ : เช่น ปยุ๋ หมกั ปุ๋ยคอก อตั รา 15-20 กิโลกรมั /ตน้ การใสป่ ยุ๋ เคมี : พชื กาแฟ ต้องการธาตอุ าหาร ● N 420 กรมั /ต้น/ปี สูตรปยุ๋ ท่แี นะนำ� ใหใ้ ช้ 46-0-0 อตั รา 615 กรัม/ต้น/ปี อัตร●●าป ยุ๋ ทPK่ีแ22นOOะ53น35ำ� 50จ0ากกกรผรัมลมั /ก/ตตาน้ น้ร/ว/ปิเปคี ี ร าะสสหตูตู ด์ รรนิปปนุ๋ยยุ๋ ท้ีท:ี่แแี่ นนะะนนำ� ำ� ใใหห้ใ้ใชช้ ้108--04-64-60ออตั ตั รราา 760 กรมั /ต้น/ปี 583 กรัม/ตน้ /ปี 1. สำ� หรับพืชกาแฟ อายุต้ังแต่ 5 ปีขึ้นไป ถ้าเป็นพืชกาแฟท่ีเร่ิมปลูก หรืออายุน้อยกว่า 5 ปี ใหล้ ดปรมิ าณปยุ๋ ลงตามส่วนของแตล่ ะปี เชน่ แนะนำ� ใหใ้ สป่ ยุ๋ 1 กิโลกรมั (10 ขีด) ถา้ เปน็ พชื กาแฟเรม่ิ ปลูก ปีแรกให้ใส่เพียง 2 ขดี /ต้น/ปี ถ้าพชื กาแฟอายุ 3 ปี ให้ใส่ 6 ขดี /ต้น/ปี 2. เป็นปริมาณปุ๋ยเคมีที่ใช้ส�ำหรับดินและพืชกาแฟท่ีคาดว่าจะให้ผลผลิตสูงสุด ดังน้ัน การใช้จริงๆ จะต้องค�ำนึงถึงผลก�ำไร ซึ่งข้ึนอยู่กับราคาผลผลิต ราคาปุ๋ย และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในการผลิต ถ้าราคากาแฟต�่ำหรือต้นทุนการผลิตสูง ก็ลดปริมาณปุ๋ยที่จะใช้ลง แต่ปริมาณ ป๋ยุ เคมที ใ่ี ชไ้ ม่ควรต่ำ� กวา่ 60% ของปริมาณท่ีแนะนำ� ไวน้ ตี้ ิดตอ่ กนั 3-4 ปี ตอ่ จากน้นั อีก 2-3 ปี ต่อไป ให้ลดปริมาณปุ๋ยลงเหลือเพียง 2/3 – 1/2 ส่วน ควรเก็บตัวอย่างดินส่งไปตรวจใหม่ ทกุ 3-4 ปี จะทำ� ใหก้ ารใชป้ ๋ยุ และการปรับปรุงดินได้ถกู ต้องยงิ่ ข้ึน การเพิ่มประสิทธภิ าพการผลติ กาแฟ 61
Facebook : กลมุ่ งานวจิ ยั การใช้สารป้ องกันกาํ จดั ศัตรพู ชื 2. กรณีไมม่ ผี ลตรวจวิเคราะห์ดิน 2.1 การใสป่ ยุ๋ กาแฟอาราบกิ ้า ปที ี่ ปุย๋ ปริมาณปยุ๋ พฤษภาคม สิงหาคม ตลุ าคม (กรมั /ต้น/ป)ี (กรัม/ตน้ ) (กรมั /ตน้ ) (กรมั /ตน้ ) 15-15-15 100 100 1 46-0-0 100 50 - - 50 - 2 46-0-0 150 50 50 50 46-0-0 150 50 100 - 3 13-13-21 100 50 50 - 0-0-60 50 - - 50 46-0-0 200 100 100 - 4 13-13-21 150 50 100 - 0-0-60 50 - - 50 46-0-0 200 100 100 - 5 13-13-21 150 - 100 50 0-0-60 150 - 50 100 46-0-0 200 100 100 - 6 13-13-21 200 50 100 50 0-0-60 150 - 100 50 46-0-0 200 100 100 - 7 13-13-21 250 100 100 50 0-0-60 150 - 100 50 46-0-0 200 100 100 - 8 13-13-21 300 50 100 150 0-0-60 150 - 100 50 62 การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตกาแฟ
Facebook : กล่มุ งานวจิ ยั การใช้สารป้ องกันกาํ จัดศัตรพู ชื 2.2 การใส่ปุ๋ยกาแฟโรบสั ต้า โดยทั่วไปแล้วเกษตรกรมักใส่ปุ๋ยยูเรีย (46-0-0) ปุ๋ยสูตร 15-15-15 และ 13-13-21 ซ่ึงไม่สอดคล้องกับความต้องการธาตุอาหารหลักของกาแฟ เน่ืองจากความต้องการธาตุอาหาร ของต้นกาแฟที่ให้ผลผลิตแล้ว จะมีความต้องการธาตุไนโตรเจน และโพแทสเซียมสูงมาก แต่ต้องการฟอสฟอรัสตำ�่ จงึ ควรใส่แม่ปุ๋ย เชน่ ยูเรีย , 18-46-0 , 0-0-60 เพื่อให้ได้ธาตุอาหาร ที่จ�ำเป็นต่อระยะการเจริญเติบโตของพืช และเป็นการลดต้นทนุ การผลิต ระยะยงั ไม่ใหผ้ ลผลิต ปีท่ี 1 ปุ๋ยทีใ่ ช้ หลงั ปลกู ฟน้ื ตวั แลว้ จงึ เรมิ่ ใหป้ ยุ๋ และ ●ยเู รยี :18-46-0:0-0-60อตั รา1:1:1ผสมกนั ใหค้ รงั้ ละ ใหท้ กุ 1-2 เดอื น ในชว่ งทยี่ งั มีฝน 25 – 30 กรมั ตอ่ ตน้ (กรณใี ชป้ ยุ๋ สตู รเสมอใช้ 15-15-15 อัตรา 100-300 กรมั /ตน้ /ปี) ● ปุ๋ยอินทรยี ์ 1 – 2 กิโลกรมั ต่อต้น ใส่ 1 ครั้งต่อปี ให้ ช่วงไหนกไ็ ด้ ปีที่ 2 ปุ๋ยทใ่ี ช้ เรมิ่ ใหเ้ มอื่ มฝี นครง้ั แรก และใหท้ กุ 1-2 ● ยเู รีย : 18-46-0 : 0-0-60 อตั รา 1 : 1 : 1 ผสมกนั ให้ เดอื น ชว่ งทีย่ ังมฝี น คร้ังละ 30 – 50 กรัม ต่อต้น (กรณีใช้ปุ๋ยสูตรเสมอ ใช้ 15-15-15 อัตรา 100-300 กรมั /ตน้ /ป)ี ) ● ปยุ๋ อินทรีย์ 1 – 2 กิโลกรมั ต่อต้น ใส่ 1 ครั้งตอ่ ปี ให้ ช่วงไหนก็ได้ ระยะใหผ้ ลผลิตแล้ว ปที ี่ 3 เปน็ ตน้ ไป ระยะการเจริญเตบิ โต ชนิดและปริมาณปยุ๋ ตอ่ ตน้ กมุ ภาพนั ธ์ – มนี าคม หลังเก็บเกี่ยว และตัด ● ปุ๋ยอนิ ทรยี ์ เชน่ ขไ้ี กแ่ ห้ง ขี้ววั 2 – 5 กิโลกรัม แต่งกิ่งแลว้ ● ยูเรยี 75 – 100 กรัม ● แอมโมเนียมฟอสเฟต หรอื ไดแอมโมเนียม ฟอสเฟต (เชน่ สตู ร 18-46-0) 20 – 30 กรมั (เฉพาะดนิ ท่ไี มม่ ีฟอสฟอรัสสะสม) พฤษภาคม–มถิ นุ ายน ผลขยายตวั อยา่ งรวดเรว็ ● ยเู รีย 100 – 150 กรมั (หรอื เม่ือเรม่ิ มฝี น) เปลี่ยนจากเม็ดลักษณะ ● แอมโมเนียมฟอสเฟต หรือไดแอมโมเนียม แบบพริกไทยใหญข๋ ึ้นๆ ฟอสเฟต (เชน่ สตู ร 18-46-0) 20 – 30 กรมั ● โพแทสเซียมคลอไรด์ (0-0-60) 150 - 200 กรัม ● ปยุ๋ อนิ ทรีย์ เช่น ขี้ไกแ่ ห้ง ขว้ี ัว 2 – 5 กโิ ลกรมั การเพม่ิ ประสทิ ธิภาพการผลิตกาแฟ 63
Facebook : กล่มุ งานวจิ ยั การใช้สารป้ องกนั กาํ จดั ศัตรพู ชื สิงหาคม ชว่ งผลสะสมนำ�้ หนกั หรอื ● ยเู รยี 75 – 100 กรัม หลังจากใส่ช่วงผลขยาย ● โพแทสเซยี มคลอไรด์ (0-0-60) 75 - 100 กรมั ตวั ประมาณ 2 เดอื น กนั ยายน – ตุลาคม กอ่ นเกบ็ เกยี่ วผลประมาณ ● ยูเรยี 50 – 100 กรมั 2 เดือน ● โพแทสเซียมคลอไรด์ (0-0-60) 75 - 100 กรัม หมายเหตุ : 1. ปีท่ี 1 ถ้าดนิ มคี วามอุดมสมบรู ณ์ตำ่� ให้ใส่เพ่มิ ไดถ้ งึ 50 กรมั ตอ่ ต้นต่อคร้ัง 2. ควรใส่ปุ๋ยชีวภาพของกรมวิชาการเกษตรร่วมด้วย ต้นละ 1 ช้อนโต๊ะ ใส่เพียงคร้ังเดียว โรยรอบต้นขณะดนิ ชื้น 3. ถา้ ใช้ปุ๋ยชนิดอนื่ ๆ ใหค้ ำ� นวณปรมิ าณธาตไุ นโตรเจน ฟอสฟอรสั โพแทสเซยี ม เทา่ กบั ปรมิ าณ ทบี่ อกไวใ้ นตารางข้างบน วิธกี ารใส่ปุ๋ย ปุ๋ยเคมี n หลักการใส่ปยุ๋ เคมี ควรใส่เม่ือดินช้ืน แต่ไม่แฉะ หรือหลังจากฝนตกไปแล้ว 1-2 วัน ควรให้ปริมาณน้อย แตบ่ อ่ ยครงั้ ดกี วา่ การใหใ้ นปรมิ าณมากแตน่ อ้ ยครง้ั (ใสป่ ยุ๋ ถกู ชนดิ ในปรมิ าณเหมาะสม อยา่ งถกู วธิ )ี n พนื้ ทรี่ าบ ● ปุย๋ 18-46-0 หว่านใตท้ รงพ่มุ ให้ท่ัวจนถงึ ชายพุ่ม ● ปยุ๋ ยเู รยี และปยุ๋ 0-0-60 ซงึ่ สญู เสยี งา่ ย ใหใ้ สเ่ ปน็ วงรอบชายพมุ่ ตน้ โดยพรวนดนิ เปน็ แถบแคบๆ ใสป่ ุ๋ยเคมีแล้วกลบดว้ ยปยุ๋ อนิ ทรีย์หรือดิน n พน้ื ท่ลี าดชนั ● ปยุ๋ ยเู รีย ป๋ยุ 0-0-46 และปยุ๋ 18-46-0 ใหใ้ สป่ ยุ๋ ทชี่ ายพมุ่ ตน้ กาแฟด้านที่ไหล่สงู โดยขดุ หลมุ ลกึ 5-10 เซนติเมตร จำ� นวน 2-3 จุด หรือพรวนดนิ เปน็ แถบแคบๆ คร่งึ ทรงพ่มุ ดา้ นบน ใส่ปุย๋ แล้วกลบดนิ ให้แนน่ ขอ้ สังเกตในการใสป่ ๋ยุ เคมี พืชจะตอบสนองต่อธาตุอาหารที่ใส่เมื่อดินขาดธาตุน้ัน หรือมีธาตุน้ันไม่พอเพียง เช่น ใบเขียวมากขึ้น ถ้าใส่ปุ๋ยตามที่ควรใส่ให้แล้ว พืชไม่ตอบสนอง แสดงว่า อาจขาดธาตุตัวอื่น (ไม่ใช่ตัวท่ีใส่) หรือธาตุตัวที่ใส่ให้มีพอแล้วในดิน แต่รากพืชดูเอาไปใช้ไม่ได้ หรืออาจเกิดจากค่า ความเป็นกรดเป็นดา่ งในดนิ ไมเ่ หมาะสม หรอื ระบบรากของพืชเสียหาย 64 การเพ่ิมประสทิ ธภิ าพการผลติ กาแฟ
Facebook : กลุ่มงานวจิ ยั การใช้สารป้ องกนั กําจัดศัตรพู ชื ปุย๋ อินทรีย์ n หลักการใสป่ ุย๋ อินทรยี ์ ใสห่ า่ งจากต้นกาแฟประมาณ 30 เซนตเิ มตร ใส่เปน็ วงรอบโคนต้น พรวนใหเ้ ข้ากับดนิ ขอ้ ควรระวงั ในการใส่ปุย๋ อินทรีย์ ● ปยุ๋ คอกสด : ไมค่ วรใสถ่ กู ตน้ โดยตรง เพราะอาจทำ� ใหต้ น้ กาแฟเลก็ ไหมต้ ายได้ และ มขี อ้ เสียทอ่ี าจมเี มลด็ วชั พืชตดิ มาแพรใ่ นสวนได้ ● แกลบกาแฟ : ถา้ โรยหนาเกนิ ไปและใกล้โคนต้น จะทำ� ใหร้ อ้ น ต้นอาจตายได้ ● วิธีที่ดีท่ีสุด คือ เอาแกลบกาแฟและปุ๋ยคอกมาท�ำปุ๋ยหมักก่อนน�ำไปใช้ ในการ ท�ำปุ๋ยหมัก กองปุ๋ยจะเกิดความร้อน ช่วยฆ่าเช้ือโรคและเมล็ดวัชพืชได้ นอกจากน้ีการท�ำปุ๋ยหมักยังเป็นการช่วยก�ำจัดสิ่งเหลือใช้ เช่น หญ้า ใบไม้ และเศษพืชตา่ งๆ ดว้ ย การทำ� ปยุ๋ หมกั แกลบกาแฟ เปลือกกาแฟแห้งท่ีได้มาจากการสีผลกาแฟที่ตากแห้งแล้ว หรือท่ีชาวบ้านเรียกกันว่า “แกลบกาแฟ” สามารถใช้เป็นวัสดุอินทรีย์และใช้ทำ� ปุ๋ยหมักได้ดี ใช้บ�ำรุงดิน ช่วยท�ำให้พืชปลูก มีการเจริญเติบโตดี เนื่องจากมีธาตุโพแทสเซียมสูง ซ่ึงเป็นธาตุท่ีส�ำคัญต่อการให้ผลผลิต ของกาแฟ อย่างไรก็ตาม ไม่ควรใช้แกลบกาแฟใส่โดยตรง เพราะอาจจะมีความเส่ียงต่อการแพร่ ของเช้ือราบางชนิดได้ เนื่องจากพบว่ามีเชื้อราในส่วนของเปลือกผลมากกว่าส่วนอื่นๆ ของผล จึงควรใช้ปุ๋ยหมักจากแกลบกาแฟจะปลอดภัยกว่า เน่ืองจากเช้ือโรครวมท้ังไข่แมลง และ เศษวัชพืชเกือบท้ังหมด จะถูกท�ำลายในกระบวนการหมัก ซ่ึงมีความร้อนเกิดข้ึนถึง 50 – 75 องศาเซลเซียส ปยุ๋ หมกั แกลบกาแฟ คอื ปยุ๋ หมกั ทไี่ ดจ้ ากแกลบกาแฟ หรอื เปลอื กกาแฟแหง้ รวมกบั มลู สตั ว์ เอามากองรวมกนั เกิดการยอ่ ยสลายตวั ผพุ ังจากการกระท�ำของจุลนิ ทรีย์ จนไดเ้ ปน็ ปุย๋ หมัก และ ฮวิ มสั ทงั้ น้ี ควรมกี ารวางแผนดำ� เนนิ การทำ� ปยุ๋ หมกั ตงั้ แตเ่ นนิ่ ๆ เพราะการหมกั กนิ เวลาไมน่ อ้ ยกวา่ 4 เดอื น เพือ่ ใหไ้ ดป้ ๋ยุ หมักจากแกลบกาแฟไวใ้ ช้ตามความตอ้ งการ สถานทที่ ำ� ปุ๋ยหมัก ● ควรอยู่ใกล้ทจ่ี ะน�ำปุ๋ยหมักไปใช้ และควรหา่ งบ้านพักอาศยั ไม่นอ้ ยกว่า 15 เมตร ● ควรเป็นพน้ื เรยี บ ไมเ่ ป็นหลุมเปน็ บ่อ น้ำ� ไมข่ งั ● ควรเป็นพ้ืนที่ยาวไม่น้อยกว่า 4 เมตร กว้างประมาณ 4-6 เมตร เพ่ือเป็นท่ี กองป๋ยุ หมกั และเป็นทวี่ ่างเพ่ือวางกองปุย๋ เม่ือกลบั กองปุย๋ ดว้ ย การเพิ่มประสิทธิภาพการผลติ กาแฟ 65
Facebook : กลุ่มงานวจิ ยั การใช้สารป้ องกนั กาํ จดั ศัตรพู ชื วัสดุอปุ กรณ์ 1. เชื้อเรง่ ป๋ยุ หมกั ของกรมวิชาการเกษตร หรือกรมพัฒนาท่ีดนิ 1 ซอง 2. ปุย๋ คอก หรอื มูลสัตว์ 200 กโิ ลกรมั 3. ยูเรยี 2 กิโลกรัม 4. แกลบกาแฟ 1,000 กิโลกรัม 5. น้�ำ และพลั่ว 6. ผา้ พลาสตกิ หรือถุงปุ๋ย ทางมะพร้าวแห้ง ใช้เปน็ วสั ดุปดิ คลุมกอง วิธกี ารท�ำป๋ยุ หมักแกลบกาแฟ 1. เตรียมแกลบกาแฟใหช้ นื้ ดว้ ยการรดน�ำ้ และคลุกเคลา้ ให้ทวั่ ถงึ ควรท�ำ 1-2 วัน ก่อนทำ� กองปุ๋ยหมกั 2. ใส่เช้ือเรง่ ปยุ๋ หมักลงในถงั นำ้� ใสน่ ้�ำ 20 ลติ ร กวนและทิง้ ไว้ 10-15 นาที 3. นำ� แกลบกาแฟทเี่ ตรยี มไว้มากอง ใหก้ ว้าง 2 เมตร ยาวประมาณ 2-3 เมตร ย่�ำใหแ้ น่น พอสูง 30-40 เซนติเมตร โรยปยุ๋ คอก หรือมลู สตั วใ์ ห้ทั่วบนพน้ื ผิว ถ้าปุ๋ยคอกแหง้ ควรรดนำ้� ใหช้ ้นื ทวั่ ถึง โรยยูเรยี แลว้ ราดนำ�้ ละลายสารเร่งให้ทวั่ ผวิ หนา้ กอง 66 การเพ่มิ ประสทิ ธิภาพการผลติ กาแฟ
Facebook : กลุ่มงานวจิ ยั การใช้สารป้ องกันกําจดั ศัตรพู ชื 4. ท�ำซ�้ำขอ้ 3 จนไดค้ รบ 4-5 ชนั้ หรือสงู 1-1.5 เมตร 5. ช้ันบนสุดใหป้ ดิ ทับดว้ ยแกลบกาแฟ หรือดิน เพือ่ กกั ความช้ืน 6. คลุมผา้ พลาสตกิ เพอ่ื รักษาความชนื้ และกนั ฝนชะล้าง 7. กลับกองปุ๋ยทุก 7-10 วัน ในช่วงเดือนแรก และกลับเมื่อครบ 2 และ 3 เดือน รวมแล้วกลับไม่น้อยกว่า 5 คร้ัง เนื่องจากกองปุ๋ยมีความร้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 8 – 50 วนั แรก จงึ ควรกลบั กองเพอื่ เปน็ การเพม่ิ อากาศ กระจายความรอ้ น และกระจายเชอ้ื จลุ นิ ทรยี ์ ใหส้ ม่�ำเสมอทวั่ กอง โดยกลบั นอกกองเข้าในกอง 8. ถ้ากองปุ๋ยแห้งเกินไป ให้รดน�้ำด้วยขณะกลับกอง กองปุ๋ยควรชื้น 50-60% โดยน�้ำหนัก เมื่อเริ่มท�ำกองปุ๋ยหมัก หากปุ๋ยหมักแห้งเกินไป ปุ๋ยจะไม่ย่อยสลายหรือย่อยสลาย ชา้ มาก แต่หากปุ๋ยหมักแฉะเกนิ ไป อากาศไมพ่ อ ปยุ๋ ไมย่ ่อยสลาย ทำ� ใหไ้ ด้ปุย๋ คณุ ภาพต่�ำ 9. ปุ๋ยหมักแกลบกาแฟจะใช้ได้ต่อเมื่อปุ๋ยยุ่ย ไม่เหม็น ไม่ร้อน และไม่ยุบตัวอีกแล้ว โดยท่วั ไปการหมักกนิ เวลาไมน่ อ้ ยกว่า 4 เดอื น ธาตุอาหารในป๋ยุ หมกั แกลบกาแฟ ไนโตรเจน : เกือบทั้งหมดอยู่ในรูปสารอินทรีย์ ส่วนที่อยู่ในรูปแอมโมเนียและไนเตรท มีนอ้ ยมาก ดงั นน้ั ไนโตรเจนจะถูกปลดปลอ่ ยอยา่ งชา้ ๆ ฟอสฟอรัสและโพแทสเซียม : อยู่ในรูปที่พืชน�ำไปใช้ได้ โดยเฉพาะแกลบกาแฟเป็น แหล่งโพแทสเซียมทดี่ ี ธาตุรองและจลุ ธาตุ : อย่ใู นรปู ทจ่ี ะปลดปล่อยธาตอุ าหารออกมาอย่างช้าๆ พเี อชของปยุ๋ หมกั พเี อชของป๋ยุ หมกั อยูร่ ะหวา่ ง 6.7-8.1 ประโยชน์ของปยุ๋ หมกั ● ช่วยปรับโครงสร้างดินให้ดีข้ึนช่วยในการระบายน้�ำ และถ่ายเทอากาศในดิน สง่ เสริมใหร้ ากพชื เตบิ โตดี ดดู นำ้� และอาหารไดม้ ากขึ้น ● ชว่ ยเพ่มิ ชนิดและปรมิ าณจุลินทรีย์ในดนิ เพ่มิ จำ� นวนไสเ้ ดอื น ● ลดความรนุ แรงของโรคพชื บางชนดิ เช่น โรครากเนา่ คอดนิ ข้อดขี องปยุ๋ หมักแกลบกาแฟ ● ปุ๋ยหมักแกลบกาแฟมีธาตุโพแทสเซียมสูง สามารถใช้ทดแทนปุ๋ยเคมีท่ีให้ ธาตโุ พแทสเซยี มได้ ท�ำใหเ้ กษตรกรประหยดั ค่าปยุ๋ ลงได้ ● มีราคาถูก เน่อื งจากต้นทนุ ในการท�ำปยุ๋ หมักแกลบกาแฟต่�ำ ● เป็นปยุ๋ อินทรียท์ ส่ี ะอาด เพราะเมลด็ วชั พืชและเชอ้ื โรคถกู ท�ำลายด้วยความร้อน ในกระบวนการหมกั การเพ่มิ ประสทิ ธิภาพการผลิตกาแฟ 67
Facebook : กล่มุ งานวจิ ยั การใช้สารป้ องกันกาํ จดั ศัตรพู ชื ปริมาณการใช้ป๋ยุ หมักแกลบกาแฟ ใช้ปริมาณ 3-5 กโิ ลกรัมต่อต้น ใส่ใหต้ น้ กาแฟปีละคร้ัง ไม่ควรใส่มากกวา่ นี้ เพราะจะท�ำให้ มธี าตโุ พแทสเซยี มตกคา้ งอยใู่ นดนิ มากเกนิ ไป อาจมผี ลตอ่ การดดู ใชธ้ าตอุ าหารอน่ื ๆ ได้ อาจใชเ้ พยี ง ทดแทนปุ๋ยอินทรยี ์บางส่วนเพ่อื ลดต้นทุนค่าปยุ๋ อินทรีย์ ข้อควรระวงั ปุ๋ยที่หมักได้ที่แล้ว ควรรีบน�ำไปใช้ มิฉะน้ันอาจเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของด้วงบางชนิด เช่น ดว้ งแรดมะพร้าว การจดั การดินและนำ�้ ในพื้นท่ลี าดชนั ปัจจบุ นั กาแฟท่ีปลูกในภาคเหนอื และภาคใต้ ส่วนใหญ่จะอยู่บนพื้นท่ีลาดชัน จำ� เป็นต้องมี การจัดการที่แตกตา่ งจากพื้นราบ ทง้ั น้เี พื่อลดการสญู เสียหน้าดิน มใิ หถ้ กู น้ำ� ชะลา้ งพดั พาไป และ ช่วยคงความอุดมสมบูรณข์ องดินไว้ไดน้ าน รวมท้ังการรกั ษาน�้ำในดินและบนผวิ ดินใหค้ งอยู่ วธิ ีการจดั การหนา้ ดนิ และน�้ำ 1. ไมเ่ ปิดผิวดิน และรบกวนดินให้น้อยทส่ี ดุ 1.1 ไม่ใช้ยาฆ่าหญ้าหรือใช้ให้น้อยที่สุด เพราะเม่ือหญ้าแห้งตาย ผิวดินจะเปิดโล่ง เมื่อเม็ดฝนตกกระทบผิวหน้าดิน เม็ดดินกระจายและถูกน้�ำพัดพาไป ผิวหน้าดินท่ีอุดมสมบูรณ์ จะหมดไป 1.2 ปลูกพืชคลุมดิน เช่น ถัว่ พนิ โต หรือใช้วสั ดุคลมุ ดินระหว่างตน้ กาแฟ เช่น ฟางขา้ ว เศษหญ้า เพ่ือลดการกัดเซาะหน้าดิน เมล็ดฝนตกกระทบถูกใบพืชหรือวัสดุแล้วซึมลงสู่ดิน จงึ ไม่ท�ำใหเ้ มด็ ดินกระเดน็ หลุดไป 1.3 ถ้าไม่ปลูกพืชคลุมดิน ควรปล่อยให้หญ้าข้ึนคลุมพื้นที่ระหว่างต้นกาแฟบ้าง โดยเฉพาะหน้าฝนไม่ควรตัดหญ้าให้เตียน ส่วนใต้พุ่มต้นควรถอนหญ้าแล้ววางคลุมดินรอบพุ่มต้น เพอ่ื เปน็ อนิ ทรีย์วตั ถุแก่ดินต่อไป 2. ปรบั พืน้ ที่ปลูกเป็นแบบขน้ั บนั ได 2.1 ถา้ ยงั ไม่ได้ปลกู ตน้ กาแฟ ● ให้หาแนวระดับหรือคอนทัวร์ แล้วขุดข้ันบันไดกว้าง 1 เมตร ขุดจาก ด้านนอกเข้าด้านใน ให้ขอบนอกสูงกว่าด้านในเล็กน้อย ปลูกหญ้าแฝก ที่ขอบนอก และปลูกกาแฟที่ระยะ 50 เซนติเมตร เข้าไปจากขอบ ถ้ามีนำ�้ ขังทโ่ี คนต้น ใหเ้ จาะชั้นดนิ ดานให้ทะลุเพอ่ื ระบายนำ�้ ด้วย 68 การเพมิ่ ประสทิ ธภิ าพการผลติ กาแฟ
Facebook : กลุ่มงานวจิ ยั การใช้สารป้ องกนั กําจดั ศัตรพู ชื ● ต้นกาแฟท่ีปลูกบนคอนทัวร์ถัดไป ควรปลูกสับหว่างกับต้นท่ีปลูกบน คอนทัวรก์ อ่ นเสมอ 2.2 ถ้าปลูกตน้ กาแฟไปแล้วโดยไมไ่ ดท้ ำ� แนวระดบั ● ปลกู แถวหญ้าแฝกระหว่างแถวกาแฟ เพือ่ ให้หญ้าแฝกเกบ็ กกั ตะกอนดิน เกิดเป็นขั้นบันไดอย่างช้าๆ หรือปลูกหญ้าแฝกเป็นรูปครึ่งวงกลมท่ี โคนตน้ กาแฟ ห่างจากโคนต้น 0.5 – 1.5 เมตร ขึ้นกบั ขนาดของพุ่มต้น 3. การยกร่องปลูกพชื ในพ้นื ทมี่ ีความลาดชนั ไมม่ ากนกั ใหย้ กร่องตามแนวระดบั ขวางทางลาดเท แตห่ ากความ ลาดชันมาก ควรยกร่องปิดหัวท้าย หรือสองทิศทาง คือ กลุ่มหน่ึงยกร่องไปทางความลาดเท อีก กลุ่มหนึ่งยกร่องในแนวตั้งฉากกับความลาดเท ท�ำให้เกิดเป็นรูปส่ีเหล่ียมผืนผ้าเล็กๆ เต็มพ้ืนที่ ช่วยเพิ่มการกกั เกบ็ น้�ำ ลดปริมาณน้ำ� ไหลบ่า และลดการชะล้างพงั ทลายของดนิ 4. ทำ� รอ่ งตามแนวระดับเพอ่ื ระบายนำ้� ขุดร่องขวางความลาดเทของพ้ืนที่ ความลึกของร่องนำ�้ อยู่ระหว่าง 25 – 40 เซนติเมตร ข้ึนอยู่กับเน้ือดิน ส่วนระยะห่างของร่องน้�ำขึ้นกับความลาดเทของพ้ืนที่และปริมาณน้�ำไหลบ่า เพ่ือรับน�้ำและระบายน�้ำออกจากพื้นท่ี ควรปลูกหญ้าแฝกชะลอความเร็วน้�ำในร่องน�้ำ โดยปลูก ชดิ ขอบรอ่ งทั้งสองดา้ น 5. ทำ� ฝายชะลอความเร็วของน้�ำ ถ้ารอ่ งระบายน้ำ� ยงั ไม่สามารถแกไ้ ขปัญหาได้ ควรท�ำฝายก้ันน�ำ้ เพอื่ ชะลอความเร็วของน�ำ้ การท�ำฝายสามารถทำ� ได้หลากหลายแบบ ข้ึนกบั สถานการณ์และวัสดทุ ่ีใช้ 6. การปลกู พืชเพื่ออนุรกั ษด์ นิ และนำ้� เป็นวิธีการเพิ่มความหนาแน่นของพืช การคลุมดินป้องกันเม็ดฝนตกกระทบผิวดิน ตลอดจนการปรบั ปรงุ บำ� รงุ ดนิ โดยการปลกู พชื ตระกลู ถว่ั บำ� รงุ ดนิ หญา้ เลยี้ งสตั ว์ หรอื หญา้ ธรรมชาติ ขวางความลาดเทของพื้นท่ี หรือปลูกพืชรวมทั้งใช้เศษวัสดุอื่นๆ คลุมดิน หรือการใช้ระบบการ ปลูกพืชแบบผสมผสาน เช่น ปลูกพืชแซม พืชหมุนเวียน ไม้บงั ลม เป็นตน้ การปลกู และบ�ำรงุ รกั ษาหญ้าแฝก ● หน่อหญ้าแฝกช�ำถุงพลาสติกที่มีรากแล้ว สามารถถอดถุงออกแล้วน�ำลงปลูก ไดเ้ ลย หากเปน็ กอหญา้ แฝกทขี่ ดุ ขนึ้ จากดนิ น�ำมาตดั ใบเหลอื 20 – 30 เซนตเิ มตร ตดั รากเหลอื 5 เซนติเมตร แยกทลี ะ 1 – 3 หนอ่ ลอกกาบแห้งและใบแก่ออก ล้างนำ�้ และมัดรวมกันเปน็ มัดๆ พักไว้ประมาณ 3 – 4 วัน ในทร่ี ม่ โดยใหโ้ คน แชน่ �ำ้ ไว้ จนมีป่มุ รากเล็กๆ จงึ นำ� ไปปลกู ได้ การเพ่มิ ประสิทธิภาพการผลิตกาแฟ 69
Facebook : กลุ่มงานวจิ ยั การใช้สารป้ องกนั กาํ จดั ศัตรพู ชื ● ถ้าดินไม่ดี ลงก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอก 1 ก�ำมือ และหลังปลูก 1 – 2 เดือน ให้ปุ๋ย 15-15-15 จ�ำนวน 1 ชอ้ นชาตอ่ ต้น ● ควรปลูกกอ่ นหนา้ ฝน 3 เดอื น ปลกู เมื่อดินชน้ื และไมป่ ลกู ลึก ● หลังปลูกหญ้าแฝกแลว้ 3 – 4 เดอื น ควรตัดใบให้แตกหน่อ และตัดสม�่ำเสมอ 1 – 2 เดอื น/คร้ัง และใบหญ้าแฝกทตี่ ดั แลว้ ควรใชเ้ ปน็ วัสดคุ ลุมดิน ● ถ้ามีต้นตายต้องรีบซ่อม เพราะจุดนั้นจะมีน้�ำไหลแรง และเกิดการกัดเซาะ เป็นร่องนำ้� ได้ ● หญ้าแฝกพันธุ์ที่เหมาะสมส�ำหรับภาคใต้ ควรใช้พันธุ์สงขลา 3 และพันธุ์ สุราษฎรธ์ านี 70 การเพ่มิ ประสิทธิภาพการผลิตกาแฟ
Facebook : กลุ่มงานวจิ ยั การใช้สารป้ องกันกาํ จัดศัตรพู ชื โรคแมลง ศัตรูกาแฟ โรคและแมลงศัตรูมีความส�ำคัญมากต่อระบบการผลิตกาแฟในเชิงการค้า เน่ืองจาก ทำ� ใหผ้ ลผลิตลดลงกวา่ ภาวะทไ่ี ม่มีการทำ� ลายของโรคแมลงอยา่ งมาก ความรนุ แรงจากการท�ำลาย ของโรคและแมลงศัตรูกาแฟข้ึนกับสภาพแวดล้อม ระบบการปลูก และการดูแลรักษา หากมีการ เฝ้าระวังและการจัดการอย่างถูกต้องเหมาะสม จะสามารถควบคุมการระบาดได้ในระดับที่ ไมท่ ำ� ความเสยี หายทางเศรษฐกิจ โรคกาแฟ โรคใบจดุ ตากบ เช้ือสาเหตุ : เช้ือรา Cercospora spp. อาการทำ� ลาย : เรม่ิ แรกใบกาแฟจะมี จุดกลมสีน�้ำตาล ต่อมาจุดน้ีจะกลายเป็นสีเทา หรอื เทาอ่อน จนถงึ สขี าวตรงก่งึ กลางของแผล ขอบแผลจะมสี ีนำ้� ตาลแดง ถูกลอ้ มรอบด้วยวง สเี หลอื ง สว่ นตรงกลางของแผลทมี่ สี เี ทาจะเหน็ เป็นจุดเล็กๆ สีดำ� กระจายอยู่ทั่วไป จุดเล็กๆ เหล่านี้ คือ สปอร์ของเช้ือรา เช้ือราชนิดน้ีสามารถ ท�ำให้เกิดโรคกับผลกาแฟได้ ในระยะรุนแรงผลกาแฟจะมีสีด�ำและเห่ียวย่น ท�ำให้ผลร่วงก่อนสุก ในบางครัง้ โรคนี้ระบาดทกุ ฤดู แต่จะพบมากในฤดแู ลง้ ระบาดท่ัวไปทกุ ระยะ โดยเฉพาะอย่างย่งิ ในระยะกล้าท่ีปลูกในเรอื นเพาะช�ำท่ขี าดการดูแลรักษาอย่างถกู ต้อง การเพม่ิ ประสิทธภิ าพการผลติ กาแฟ 71
Facebook : กลุ่มงานวจิ ยั การใช้สารป้ องกนั กาํ จัดศัตรพู ชื การปอ้ งกันกำ� จดั 1. เรือนเพาะชำ� ควรมีรม่ เงาประมาณ 50% วางต้นให้ห่างกัน เพื่อใหม้ กี ารระบายอากาศ 2. แปลงกาแฟควรมีร่มเงาเพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแปลงกาแฟท่ีปลูกใหม่ เพ่ือ หลกี เลยี่ งความรนุ แรงของโรค 3. ใหป้ ๋ยุ ไนโตรเจนและโพแทสเซยี มเพียงพอ จะช่วยลดความรุนแรงของโรคได้ โรคราสนิม เช้อื สาเหตุ : เชอ้ื รา Hemilia vastatrix อาการท�ำลาย : เร่ิมแรกจะเห็น จุดสีเหลืองเล็กๆ ใต้ใบ แผลเหล่านี้จะขยาย ใหญ่ข้ึน และเปลยี่ นเป็นสีสม้ ผงสีส้มคือสปอร์ ของเชื้อรา บนใบท่ีอยู่ตรงข้ามกับจุดท่ีเป็น แผลจะมีลักษณะแห้งเป็นสีน้�ำตาล เม่ือเชื้อ เจริญเต็มท่ี สีส้มจะเปล่ียนเป็นสีเหลือง และ อาจเป็นจุดสนิมแต้มไปหมดทั้งใบ ส่งผลให้ ใบรว่ ง ผลรว่ ง กง่ิ แหง้ ผลออ่ นไมส่ กุ และเปลยี่ น เป็นสีดำ� การปอ้ งกันกำ� จัด 1. หลีกเลี่ยงการปลูกกาแฟโรบัสต้า พนั ธท์ุ มี่ ลี กั ษณะใบเลก็ เรยี วยาว ควรเลอื กปลกู เฉพาะพันธุ์ที่มีใบใหญ่ซึ่งมีความทนทานต่อ โรคราสนมิ มากกวา่ 2. ก�ำจัดวัชพืช เพ่ือลดความชื้นใน แปลง 3. ให้ปุ๋ยพอเหมาะ เพ่ือเสริมความ แขง็ แรงให้ต้นกาแฟ 4. ตัดแต่งก่งิ ให้โปร่ง เพ่ือใหต้ น้ แข็งแรง และลดความชนื้ ในทรงพ่มุ 5. หากระบาดรุนแรง พ่นสารป้องกันก�ำจัดเช้ือรา เช่น คูปราวิท ออกซีคาร์บอกซิน โปรพโิ คนาโซล เปน็ ต้น 72 การเพ่ิมประสิทธภิ าพการผลติ กาแฟ
Facebook : กลุ่มงานวจิ ยั การใช้สารป้ องกันกําจดั ศัตรพู ชื โรคใบไหม้สีนำ�้ ตาล เชือ้ สาเหตุ : เชื้อรา Colletotrichum coffeanum Noack. อาการท�ำลาย : เริ่มแรกจะเกิดจุดกลมสีนำ�้ ตาล แล้วขยายใหญ่ข้ึน เนื้อเยื่อกลางแผล จะตาย มีสีน้�ำตาลไหม้ เม่ือแผลแต่ละจุดขยายจนติดกัน จะมีอาการเหมือนใบไหม้ โรคน้ี จะพบเห็นได้ท่ัวไปในสภาพแห้งแล้งติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน หรือเกิดจากพืชได้รับบาดแผล เนอื่ งจากปจั จยั อ่ืนๆ ท�ำใหเ้ ปน็ ช่องทางของเช้ือในการเข้าทำ� ลาย การป้องกันกำ� จดั 1. ตดั แตง่ กิ่งท่ีเปน็ โรคเผาท�ำลาย เพอ่ื ลดการแพรร่ ะบาดของโรค 2. หากระบาดรุนแรง พ่นด้วยสารเคมีแคปตาโฟล แมนโคเซบ หรือสารเคมีท่ีมีทองแดง เป็นสว่ นประกอบ เพอ่ื ลดการแพรร่ ะบาดของโรค โรคผลเน่า (แอนแทรคโนสทผ่ี ล) เชอ้ื สาเหตุ : เชอื้ รา Colletotrichum coffeanum Noack. และ C. gloeosporioides (Penz.) and Sacc. อาการทำ� ลาย : เร่มิ แรกจะเหน็ เป็น จุดสีน�้ำตาลเข้มบนด้านใดด้านหนึ่งของผล จุดแผลเหล่านี้จะขยายใหญ่ขึ้นและติดกัน เป็นแผลท่ีมีรูปร่างไม่แน่นอน และมีอาการ เน้ือเย่ือยุบ ต่อมาผลจะหยุดการเจริญเติบโต และเปลย่ี นเปน็ สดี ำ� แตผ่ ลยงั ตดิ อยบู่ นกง่ิ กาแฟ การปอ้ งกนั ก�ำจัด 1. เก็บผลและตัดแต่งก่ิงที่เป็นโรคเผา ท�ำลาย 2. หลังเก็บเกี่ยวกาแฟ ควรตัดแต่งกิ่ง และใสป่ ๋ยุ เพิ่มความแข็งแรงให้กับตน้ พืช 3. หากระบาดรุนแรง พน่ ดว้ ยสารเคมี แคปตาโฟล แมนโคเซบ หรอื สารเคมที ม่ี ที องแดง เปน็ สว่ นประกอบ เพอื่ ลดการแพรร่ ะบาดของโรค การเพิม่ ประสทิ ธภิ าพการผลิตกาแฟ 73
Facebook : กล่มุ งานวจิ ยั การใช้สารป้ องกนั กาํ จดั ศัตรพู ชื โรคกง่ิ แหง้ เชอ้ื สาเหตุ : เชอื้ รา Colletotrichum coffeanum Noack. และ C. gloeosporioides (Penz.) and Sacc. ลักษณะอาการ : มอี าการไหมบ้ นก่งิ สีเขียว ข้อและปล้องของต้นมีสีเหลืองซีด เน่ืองจากเน้ือเยื่อถูกท�ำลายและขยายไปตาม ปลายก่ิง ใบเหลืองและร่วงในเวลาต่อมา ก่ิง จะเหีย่ วและแห้ง ตาดอกเหยี่ ว แผลเร่ิมต้นอาจ เกิดจากใบไหม้เพราะแดด หรือเกิดจากแมลง หรือเกิดจากสาเหตุอื่นๆ ที่ท�ำให้พืชอ่อนแอ เหมาะต่อการเข้าท�ำลายของเชื้อ เช่น สภาพ อากาศแล้งมาเป็นเวลายาวนาน หรือการ ขาดรม่ เงา เป็นตน้ การปอ้ งกันกำ� จัด 1. ตัดแต่งกิง่ ทีเ่ ปน็ โรคออก และพ่นสารบอร์โดมิกซ์เจอร์ หรือแมนโคเซบ 2. รกั ษาระดบั รม่ เงาให้เหมาะสม และคลุมดินใต้ทรงพมุ่ เพอื่ รักษาระดับความช้นื ในดิน 3. บ�ำรุงตน้ พชื ให้แขง็ แรง เพอ่ื ป้องกนั การเข้าท�ำลายของเชอ้ื โรคเนา่ คอดิน เช้ือสาเหตุ : เชอ้ื รา Pitium spp. อาการท�ำลาย : ตรงคอตน้ เนา่ ตน้ ออ่ นคอพบั และเน่าตาย พบในตน้ กล้าในแปลงเพาะ ทง้ั หลังจากงอกแลว้ จนถึงระยะกอ่ นยา้ ยปลูก การป้องกนั กำ� จัด 1. อย่าใช้ดนิ เก่าจากแปลงเพาะหรือถงุ เพาะ เพราะจะตดิ เชอื้ โรคได้ ควรใชด้ ินใหม่ 2. อย่ารดนำ�้ มากเกนิ ไปจนแฉะ 3. อยา่ เพาะกล้าแนน่ เกนิ ไป 4. ใช้สารป้องกันก�ำจัดเช้ือรา เช่น เบนเลท แคพแทน คลุกเมล็ดก่อนน�ำลงเพาะ อัตรา ใชต้ ามฉลากแนะนำ� 74 การเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพการผลติ กาแฟ
Facebook : กลมุ่ งานวจิ ยั การใช้สารป้ องกนั กาํ จดั ศัตรพู ชื โรครากขาว เชื้อสาเหตุ : เช้ือรา Rigidoporus liginosis (Klotz.) lmazeki อาการท�ำลาย : ใบกาแฟจะแสดง อาการเหลอื งและเห่ยี วกอ่ นยืนตน้ ตาย เมือ่ ขดุ ดูรากของต้นท่ีเป็นโรคจะเห็นเส้นใยสีขาวของ เช้ือราท่ีบริเวณผิวรากท่ีถูกย่อยสลาย ภายใต้ สภาพแวดล้อมท่ีมีความช้ืนสูง การแพร่ระบาดของโรคเกิดจากการที่รากกาแฟเป็นโรคไปสัมผัส กบั รากกาแฟปกติ การป้องกนั กำ� จดั 1. กำ� จดั แหล่งสะสมของเช้อื โรคให้หมด โดยการถอนและกำ� จดั รากตน้ กาแฟทเ่ี ปน็ โรค 2. ตากหลมุ ปลูกกาแฟทีเ่ ป็นโรคเป็นเวลา 2 – 3 เดอื น กอ่ นปลูกตน้ ใหม่แทน 3. ขุดแนวรอบๆ หลมุ ปลูกกาแฟ เพ่อื กันรากเจรญิ สัมผสั กัน 4. ถ้าพบว่ารากกาแฟเร่ิมเป็นโรค ให้ราดด้วยสารโปรพิโคนาโซล หรือไตรอะดิมีนอล บรเิ วณโคนต้น เพอื่ ป้องกนั โรคและการระบาดไปยงั ตน้ อ่ืน โรครากเน่าแหง้ เชอื้ สาเหตุ : เช้อื รา Fusarium spp. อาการท�ำลาย : ตน้ กาแฟมีใบเหลอื งและเหย่ี ว ตอ่ มาใบจะรว่ ง กิ่งทอ่ี ยู่เหนือดนิ แห้งตาย สามารถถอนต้นกาแฟขึ้นจากดินได้ง่าย เพราะรากเน่าและแห้งตาย เมื่อปาดเปลือกของรากและ โคนตน้ กาแฟทอ่ี ยใู่ ตด้ นิ จะเหน็ เนอ้ื ไมเ้ ปน็ สนี ำ�้ ตาล หรอื นำ�้ ตาลเทา รากสว่ นใหญจ่ ะแหง้ โรคนที้ ำ� ให้ ต้นกาแฟตายในระยะเวลาอันสั้น ระบาดรุนแรง ถ้าอุณหภูมิสูงสุดและอุณหภูมิตำ�่ สุดของอากาศ แตกต่างกันมาก การปลูกกาแฟกลางแจ้ง และการปลูกกาแฟในดินท่ีขาดความอุดมสมบูรณ์ ถา้ รากหรอื โคนตน้ ทีอ่ ยใู่ ตผ้ วิ ดินเกิดแผล จะทำ� ใหเ้ ช้ือราเขา้ ทางแผล การปอ้ งกนั กำ� จัด 1. ถอนต้นกาแฟทีเ่ ปน็ โรครากเนา่ แห้งเผาไฟ เพ่ือทำ� ลายแหลง่ เพาะเช้ือ 2. ควรปลกู ไม้บังรม่ ในแหล่งท่ีมโี รครากเนา่ ระบาด 3. ในกรณีพบโรครากเนา่ แหง้ และดินทปี่ ลูกกาแฟมีคา่ ความเป็นกรด – ด่างต่�ำกวา่ 5.5 ควรใสป่ ูนขาวเพือ่ ปรับสภาพดิน การเพ่มิ ประสิทธิภาพการผลิตกาแฟ 75
Facebook : กลุ่มงานวจิ ยั การใช้สารป้ องกนั กําจดั ศัตรพู ชื แมลงศัตรกู าแฟ หนอนเจาะลำ� ตน้ กาแฟ (Red Branch) ชื่อวทิ ยาศาสตร์ : Zeuzera coffeae Nietn. รูปร่างลักษณะและวงจรชีวิต : ตัว หนอนสแี ดงหรอื นำ้� ตาลแดง มลี ายวงแหวนสเี หลอื ง ที่ส่วนหัว มีขนสีขาวบนส่วนท้อง ตัวเต็มวัยเป็น ผเี ส้ือกลางคืน ขนาดปานกลาง ตวั สขี าวนวล มจี ดุ ประสีด�ำอยู่เต็มบริเวณปีกคู่หน้า หลังจากผีเส้ือตัว เมียได้รับการผสมพันธุ์จะวางไข่ติดไว้กับก่ิงและ ล�ำต้นกาแฟ ไข่จะฟักออกมาเป็นตัวหนอนใน เวลาประมาณ 10 วัน โดยมีใยปกคลุมตัวไว้ใน ระยะแรก ต่อมาตัวหนอนจะกัดเจาะผิวเปลือก ตรงบริเวณซอกก่ิงและล�ำต้นจนเข้าไปอยู่ในกิ่ง หรือล�ำต้นเป็นช่องยาว หนอนจะกัดกินจนมีรู ทะลุเปลือกแล้วถ่ายมูลออกมาภายนอกเป็นขุย คล้ายขี้เล่ือยกองอยู่แถวๆ บริเวณโคนต้นและ ปากรู เมื่อหนอนมีอายุ 2 – 3 เดือน ซึ่งโตเต็มที่ จะกัดเจาะเปลือกจนเป็นรูกลมมองเห็นได้จาก ภายนอก แล้วตัวหนอนจะเจริญเป็นดักแด้ตรง ปากรูนั้น ใช้เวลาเป็นดักแด้ประมาณ 3 สัปดาห์ – 1 เดือน ก็จะเข้าระยะตัวเต็มวัยเป็นผีเส้ือ อกี คร้ังหน่งึ อาการท�ำลาย : ต้นหรือกิ่งกาแฟที่ถูก หนอนเจาะจะเปราะ หักโค่นง่าย ยอดแห้งและ กิง่ หักตรงบริเวณท่หี นอนกดั เจาะ ถา้ ต้นมีขนาดเล็ก อาจตายได้ 76 การเพิม่ ประสทิ ธิภาพการผลติ กาแฟ
Facebook : กลุ่มงานวจิ ยั การใช้สารป้ องกนั กาํ จดั ศัตรพู ชื การป้องกนั กำ� จัด 1. รักษาบริเวณแหล่งปลูกให้สะอาด ท�ำลายพืชอาศัยในบริเวณรอบๆ สวนกาแฟ เพือ่ ไมใ่ ห้เปน็ ท่อี าศยั ขยายพนั ธ์ุ 2. หม่ันตรวจดูต้นกาแฟ โกโก้ ส้ม ลองกอง และไม้ป่าอื่นๆ ซึ่งเป็นพืชอาศัยของแมลง ชนดิ นี้ ถ้าพบกง่ิ ที่มีไขห่ รอื หนอน ให้เกบ็ เผาท�ำลาย 3. หากพบรอยท่ีหนอนเจาะเข้าท�ำลาย ให้ตัดกิ่งที่มีหนอนออก แล้วเผาท�ำลาย หรือใช้ สารคลอไพริฟอสฉดี อดั เขา้ ไปในรูตรงบรเิ วณที่หนอนเจาะ 4. นก แตนเบียน และตั๊กแตนต�ำข้าวเข้าท�ำลายขณะหนอนชนิดน้ีออกจากไข่ได้ดี จึงควรรักษาแมลงศตั รูธรรมชาตเิ หล่านไ้ี ว้ และควรใชส้ ารเคมเี ท่าทีจ่ �ำเปน็ มอดเจาะกงิ่ กาแฟ (Twig Borer) ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ : Xyleborus morstatti Hag. รูปร่างลักษณะและวงจรชีวิต : ตัวเต็มวัยเป็นด้วงปีกแข็ง ขนาดเล็กกว่าหัวหมุด สีน�้ำตาลหรือสีด�ำ มีการขยายพันธุ์ด้วยการวางไข่ และเจริญเติบโตอยู่ภายในก่ิงกาแฟ โดยมีการ บุผนังโพรงด้วยเส้นใยรา เพ่ือไว้เล้ียงตัวหนอน เมื่อผ่ากิ่งดูจะเห็นโพรงเล็กๆ มากมาย มีท้ัง ตวั หนอนสีขาว และตวั ดักแด้ ระบาดช่วงหน้าฝนและลดลงชว่ งหนา้ แล้ง อาการท�ำลาย : เจาะเข้าไปท�ำลายในก่ิงแขนง ก่ิงย่อย กิ่งขนาดเล็ก จนเกิดเป็น โพรง ท�ำให้ต้นกาแฟอ่อนแอ ก่ิงส่วนที่เหนือรอยเจาะเห่ียวและแห้งตาย รวมท้ังเป็นสาเหตุท�ำให้ เชือ้ โรคเข้าทำ� ลายในระยะต่อมา การป้องกนั กำ� จัด 1. ตัดกิ่งแขนงท่ไี ม่ต้องการท้ิง โดยเฉพาะก่อนเขา้ หน้าแล้ง 2. บำ� รุงรักษาตน้ พชื ให้แข็งแรง เพอ่ื ลดการเขา้ ท�ำลายของแมลง 3. อย่าให้สวนร่มเกินไป เพราะท�ำให้มีความชื้นสูง เป็นการส่งเสริมการเจริญเติบโต ของราที่เปน็ อาหารของตวั หนอน 4. ตัดแต่งก่ิงท่ีถูกเจาะท�ำลายและกิ่งแห้งเผาท�ำลาย เพ่ือไม่ให้เป็นแหล่งสะสมของมอด ควรตัดตำ่� กวา่ รอยเจาะ 5 – 8 เซนตเิ มตร และท�ำทันทเี มือ่ พบกิ่งเร่ิมเห่ียว 5. ถา้ ระบาดรนุ แรง ฉดี พ่นดว้ ยสารก�ำจดั แมลงดลี ดรินผสมกับสารป้องกันก�ำจดั เช้อื รา การเพิ่มประสิทธภิ าพการผลิตกาแฟ 77
Facebook : กลมุ่ งานวจิ ยั การใช้สารป้ องกันกาํ จดั ศัตรพู ชื มอดเจาะผลกาแฟ (Coffee Berry Borer) ช่ือวิทยาศาสตร์ : Hypothenemus hampei รปู รา่ งลกั ษณะและวงจรชวี ติ : ตวั เตม็ วยั เปน็ ดว้ งปกี แขง็ สดี ำ� ลกั ษณะคลา้ ยมอดขา้ วสาร แต่ตัวเล็กกว่า ตัวเมียจะเจาะปลายผลกาแฟ ตั้งแต่ระยะผลอ่อน ผลสุก จนกระท่ังผลที่เก็บเก่ียว แล้ว เข้าไปถึงส่วนของเน้ือเมล็ด เมื่อวางไข่และขยายพันธุ์ ตัวหนอนจะกัดกินเนื้อเย่ือเป็นอาหาร และเจรญิ เตบิ โตอยภู่ ายในผล ตวั เตม็ วยั สามารถอาศยั อยใู่ นผลกาแฟแหง้ สดี �ำทต่ี ดิ คา้ งหลงเหลอื อยู่ บนต้นหลังเกบ็ เกยี่ วกาแฟ รวมทั้งผลที่หล่นอยูใ่ ตท้ รงพุม่ ดว้ ย สามารถมีชวี ติ ได้นานอาจถงึ 5 เดอื น อาการทำ� ลาย : มอดเจาะผลกาแฟ เปน็ ศตั รทู ส่ี �ำคญั ของกาแฟ ผลกาแฟทถี่ กู แมลง เจาะท�ำลายอาจรว่ งก่อนถึงเวลาเก็บเกี่ยว หรอื อาจพัฒนาจนผลสกุ ได้ แต่เนื้อสารกาแฟจะถูก ทำ� ลายไป โดยท่ตี วั เต็มวัยและตัวหนอนชอนไช จนเกิดเปน็ รพู รุนอยภู่ ายในเมล็ด ทำ� ใหป้ ริมาณ ผลผลิตลดลง นอกจากนั้นคุณภาพทั้งทาง กายภาพและการชงดืม่ จะเสยี ไป การป้องกันกำ� จดั 1. รดู ผลกาแฟใหห้ มดตน้ เมอื่ เกบ็ เกยี่ วผลรนุ่ สดุ ทา้ ย และตรวจเก็บผลออ่ น ผลดำ� บนต้น และผลหลน่ ตามพน้ื ดิน ให้หมด อย่าปล่อยเหลือท้ิงไว้ แล้วน�ำไปเผาท�ำลาย เพื่อ ไม่ให้มีมอดอาศัยในช่วงแล้ง และป้องกันการอาศัยอยู่ข้าม ฤดขู องมอด ชว่ ยลดการระบาดไดด้ ีท่สี ดุ 2. ตัดแต่งให้ต้นโปรง่ รักษาระดับความสูงของตน้ กาแฟไม่ใหส้ งู มาก เพื่อให้เกบ็ เก่ียวงา่ ย ทำ� ให้ไม่มีผลค้างอยูบ่ นก่ิง และไม่มีร่มเงามากเกนิ ไป ส�ำหรับเปน็ ทอ่ี ย่อู าศัยของมอดกาแฟ 3. ควรใช้กระสอบใหม่ ถา้ เปน็ กระสอบเก่า กอ่ นน�ำมาใช้ควรอบดว้ ยสารกำ� จดั แมลง 4. ตากเมล็ดกาแฟให้แห้ง ความช้ืนไมเ่ กิน 12% ก่อนนำ� ไปเกบ็ รกั ษา 5. ทำ� กบั ดกั ลอ่ ตวั มอด โดยใชส้ าร “CMU – C1” ซงึ่ เปน็ สารเลยี นแบบฟโี รโมนรวมกลมุ่ ของ ตวั มอด ทภ่ี าควชิ ากฏี วทิ ยาและโรคพชื คณะเกษตรศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ คดิ คน้ ขน้ึ (สนใจ ตดิ ตอ่ ภาควชิ ากฏี วิทยาและโรคพืช คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่ โทร 053-944025) 78 การเพมิ่ ประสิทธิภาพการผลติ กาแฟ
Facebook : กลมุ่ งานวจิ ยั การใช้สารป้ องกันกาํ จัดศัตรพู ชื หรือใช้เมธิลแอลกอฮอล์ผสมกบั เอทธิลแอลกอฮอล์ อัตราส่วน 1:1 ซ่ึงเป็นวิธีที่เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ ในภาคใตน้ ิยมใช้ เปน็ สารล่อ วธิ ใี ช้ ใสส่ ารลอ่ แมลง ในภาชนะ เชน่ ขวดพลาสตกิ เลก็ ๆ (ควรมฝี าปดิ เพอ่ื ป้องกันการระเหยเร็วเกนิ ควร) หรือเอาส�ำลชี ุบสาร ล่อใส่ถุงพลาสติกเล็กๆ รัดปากถุง เป็นต้น เจาะรู ท่ีขวดหรือถุงพลาสติกท่ีใส่สารล่อ เพ่ือให้กล่ินของ สารลอ่ ดงึ ดดู ตวั มอด จากนน้ั น�ำขวดพลาสตกิ ทใ่ี หญ่ กว่าครอบขวดหรือถุงที่ใส่สารล่อ เจาะรูหรือช่อง เล็กๆ ที่ขวด 2 ขา้ ง เพอื่ ใหแ้ มลงบินเขา้ ไปในขวดได้ ท่ีก้นขวดเติมน้�ำเปล่า ถ้าให้ดีควรผสมสารลดแรง ตึงผิวลงไป เพ่ือไมใ่ ห้แมลงทีต่ กลงไปบินหนีออกไป ได้ หลังจากติดต้ังสารล่อไว้ในกับดักเรียบร้อยแล้ว นำ� ไปแขวนไวบ้ นตน้ กาแฟ สงู จากพน้ื 1 – 1.5 เมตร ซ่ึงเป็นระยะที่แมลงบิน แขวนกระจายให้ท่ัวสวน (1 ไร่ ประมาณ 20 จุด) หมั่นเติมสารล่อในขวด และท�ำความสะอาดขวดทกุ เดอื น 6. เชื้อรา Beauveria bassiana ท�ำให้เกิดโรคกับมอดกาแฟภายใต้สภาพอากาศ ที่ร้อนและชื้น โดยมีการพัฒนาการใช้เชื้อน้ีใน เอเชีย เช่น ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ในประเทศไทยมีการพบเช้ือรานี้ในธรรมชาติ ปัจจบุ นั ศนู ย์วิจัยพชื สวนชมุ พร กรมวิชาการเกษตร ได้ท�ำการทดสอบและพัฒนาการใช้เช้ือราชนิดนี้ เพอ่ื ควบคมุ มอดกาแฟในสวนเกษตรกร เพลย้ี แปง้ ช่อื วทิ ยาศาสตร์ : Pseudococcus spp. รูปร่างลักษณะและวงจรชีวิต : ตัวออ่ นและตวั เต็มวยั มีลำ� ตวั นม่ิ เปน็ ข้อปลอ้ ง รูปร่าง กลมหรือยาวรี สีเหลืองอ่อน มีผงสีขาวปกคลุม ปากเป็นแบบดูดกิน เพลี้ยแป้งจะระบาดในช่วง แล้ง และมักระบาดรุนแรงในสวนที่ใช้สารก�ำจัดแมลงมาก โดยเฉพาะสารพวกออแกโนฟอสเฟต การเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพการผลติ กาแฟ 79
Facebook : กลุม่ งานวจิ ยั การใช้สารป้ องกันกําจดั ศัตรพู ชื ซึง่ ฆ่าแมลงเกือบทกุ ชนิด นอกจากน้ีมดยงั มสี ว่ นสำ� คญั ตอ่ การระบาดดว้ ย เนอ่ื งจากมดชว่ ยปกปอ้ ง เพลย้ี แป้ง ฆา่ ตวั ห้�ำของเพล้ยี และคอยทำ� ความสะอาด โดยเก็บซากเพลี้ยทีต่ ายไปทิง้ จึงตอ้ งกำ� จดั มดกอ่ น อาการท�ำลาย : มักพบเป็นกลุ่มอยู่ด้านใต้ใบ ใบอ่อน ยอดอ่อน ก่ิงรอบๆ ผล และ แม้แต่รากแขนงใหญ่ๆ ตัวเพลี้ยดูดกินน้�ำเล้ียง ท�ำให้ใบเหลือง ตาดอกร่วง ผลร่วง มักมีราด�ำ และมีมดรว่ มด้วย การปอ้ งกันกำ� จัด 1. พ่นสารคลอไพริฟอสรอบโคนต้นเพื่อฆ่ามด หรือใช้มาลาไธออน และคาบาริล อัตรา ทีใ่ ช้ตามฉลากแนะน�ำ หรือใช้เหยอ่ื พษิ ลอ่ 2. ตดั แตง่ กิ่งทรี่ ะพื้น หรือก่ิงท่ีจรดกนั ระหวา่ งตน้ ออก ตัดแตง่ กงิ่ อยา่ ใหส้ วนรม่ เกนิ ไป 3. ด้วงเต่า แมลงช้างปีกใส และแตนเบียนบางชนิด สามารถเข้าท�ำลายเพลี้ยแป้งได้ ดงั นนั้ ควรลดการใชส้ ารเคมี และใช้เท่าท่ีจำ� เป็น เพลย้ี หอย ชือ่ วิทยาศาสตร์ : Coccus viridis รปู รา่ งลกั ษณะและวงจรชวี ติ : เปน็ แมลงปากดดู ขนาดเลก็ ลำ� ตวั นมิ่ ตวั เพลย้ี เตม็ วยั 1 ตวั สามารถใหล้ กู ไดถ้ ึง 500 ตวั ไข่ฟกั เปน็ ตวั ภายในไมก่ ช่ี วั่ โมง ระยะตวั ออ่ นนาน 4 – 6 สปั ดาห์ ตัวเต็มวัยมอี ายุนาน 2 – 5 เดอื น อาการท�ำลาย : ดดู กินน้�ำเลยี้ งบรเิ วณยอดอ่อน ใบอ่อน เปน็ เหตุให้ยอดและใบหงกิ งอ ผิดปกติ ใบร่วง ถา้ ระบาดขณะกาแฟก�ำลงั ติดผล ทำ� ใหผ้ ลอ่อนมีขนาดเล็กลง เมลด็ ลบี และผลร่วง ผลผลิตลดลง ต้นกาแฟจะโทรมนาน นอกจากนี้เพล้ียหอยยังขับถ่ายน้�ำหวานข้ึนคลุมผิวใบ เป็นผลใหพ้ น้ื ทีส่ ังเคราะห์แสงลดลง ต้นกาแฟชะงักการเจริญเตบิ โต การปอ้ งกนั กำ� จดั 1. คอยริดก่ิงแขนงทไี่ มต่ อ้ งการออก ไมใ่ ห้เป็นทีอ่ าศัยของเพลยี้ 2. แมลงหางหนบี แมลงปอ ตก๊ั แตนตำ� ขา้ ว ดว้ งเตา่ และแมลงชา้ งปกี ใส สามารถเขา้ ทำ� ลาย เพลี้ยหอยได้ ดังนั้น ควรลดการใช้สารเคมี และใช้เท่าท่ีจำ� เปน็ 3. ใชย้ าเสน้ กลนิ่ ฉนุ 1 กโิ ลกรัม ใสน่ �้ำ 2 ลติ ร แชค่ า้ งไว้ 2 คนื เอาใบยาออก เติมผงซกั ฟอก ½ กิโลกรัม และเติมน้�ำจนได้ 20 ลิตร ฉีดพ่นทุกสัปดาห์จนกระท่ังหาย หรือใช้น้�ำยาล้างจาน ผสมนำ�้ อตั รา 1:4 ฉดี พน่ ต้นกาแฟท่มี กี ารระบาด 80 การเพ่ิมประสทิ ธภิ าพการผลติ กาแฟ
Facebook : กลุ่มงานวจิ ยั การใช้สารป้ องกนั กําจดั ศัตรพู ชื การปรบั ปรงุ สวนกาแฟเสือ่ มโทรม การปรบั ปรงุ สวนกาแฟเสื่อมโทรม สวนท่ีต้นกาแฟมีสภาพไม่แข็งแรงสมบูรณ์และให้ผลผลิตน้อย จนไม่คุ้มค่ากับการลงทุน หรือที่เรียกว่าสวนกาแฟเสื่อมโทรม อาจเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย เช่น การขาดการบำ� รุงรักษา การท�ำลายของโรคแมลง ภัยธรรมชาติ รวมทั้งอายุของต้นกาแฟ ซ่ึงสามารถปรับปรุงสวนกาแฟ ใหม้ ีสภาพสมบรู ณแ์ ละมผี ลผลิตดขี ึ้นได้ การปรบั ปรุงสวนกาแฟเสือ่ มโทรมใหไ้ ด้ผลผลิตสงู โดยท่ัวไปมีข้อพิจารณา ดังน้ี 1. กรณกี งิ่ กาแฟเสอ่ื มโทรมเปน็ บางกงิ่ เชน่ กงิ่ ฉกี หกั จากการเกบ็ เกย่ี ว กง่ิ ทโี่ ดนแมลงท�ำลาย เฉพาะกิง่ เป็นต้น ควรใชว้ ธิ ีการตัดแตง่ เฉพาะกงิ่ ท่ีเสื่อมโทรมแล้วเลีย้ งกงิ่ ใหม่ทดแทน 2. กรณีก่ิงหลักเสื่อมโทรมหมดท้ังต้น หรือเกือบหมดท้ังต้น แต่ระบบรากและโคนต้นยัง แขง็ แรงสมบรู ณด์ ี เชน่ ตน้ กาแฟทอ่ี ายมุ าก เปน็ ตน้ ควรใชว้ ธิ กี ารตดั ฟน้ื ตน้ หรอื ทเี่ รยี กวา่ ตดั ท�ำสาว แทนการตัดแต่งกิ่ง เพื่อให้ต้นกาแฟเกิดล�ำต้นและก่ิงก้านที่เป็นทรงพุ่มใหม่ทั้งหมด และให้ ผลผลิตทสี่ งู ขึน้ กว่าเดมิ 3. กรณตี น้ กาแฟเสอื่ มโทรมหมดทง้ั ตน้ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ระบบรากและโคนตน้ ถกู ท�ำลาย เสียหาย เช่น ต้นที่โดนปลวกเจาะ หรือโรคแมลงอ่ืนท�ำลายทั้งต้น ควรใช้วิธีปลูกกาแฟพันธุ์ดี ตน้ ใหมท่ ดแทนในสวนเดมิ 4. กรณตี อ้ งการเปลยี่ นพนั ธต์ุ น้ กาแฟในสวนเดมิ ใหเ้ ปน็ พนั ธด์ุ ี สามารถใชว้ ธิ ปี ลกู กาแฟพนั ธด์ุ ี ต้นใหม่ทดแทนต้นเดิม หรือใช้วิธีเปลี่ยนยอดพันธุ์ดีบนต้นกาแฟต้นเดิม ซ่ึงสามารถท�ำได้หลัง การตัดฟื้นต้น การเปล่ียนยอดพันธุ์ดีบนต้นกาแฟต้นเดิมจะให้ผลผลิตเร็วกว่า โดยจะให้ผลผลิต การเพ่ิมประสิทธิภาพการผลติ กาแฟ 81
Facebook : กลุม่ งานวจิ ยั การใช้สารป้ องกนั กาํ จดั ศัตรพู ชื ในปีถัดไป แต่ต้องการการดูแลเอาใจใส่มากกว่าการปลูกใหม่ เนื่องจากต้องคอยหม่ันริดกิ่งแขนง ของต้นตอไม่ให้ข้ึนปะปนกบั กง่ิ พนั ธด์ุ ี การปรับปรุงสวนกาแฟทุกวิธีดังกล่าว ควรท�ำควบคู่กับการปรับปรุงบ�ำรุงดินและใส่ปุ๋ย บำ� รงุ ใหต้ น้ กาแฟแขง็ แรงสมบรู ณข์ น้ึ มาใหม่ เพอื่ ใหไ้ ดผ้ ลผลติ เพมิ่ สงู ขนึ้ และมคี ณุ ภาพดขี น้ึ กวา่ เดมิ สำ� หรบั การปลกู กาแฟ และการตดั แต่งกงิ่ ไดก้ ลา่ วถงึ ในบทก่อนหนา้ น้ีแลว้ ดังน้ัน ในบทนี้ จะกล่าวถึงเฉพาะการตดั ฟน้ื ต้นกาแฟ และการเปลีย่ นยอดพันธุ์ดหี ลังการตัดฟ้นื ต้น ความสำ� คญั ของการตดั ฟ้นื ตน้ สวนกาแฟโรบัสต้าของประเทศไทยในปัจจุบัน ส่วนใหญ่มีอายุมากกว่า 15 ปี ขึ้นไป ไม่มีการตัดปลายยอด ต้นกาแฟจะสูงไปเรื่อยๆ ตามอายุของต้น และมีผลกระจุกแต่เฉพาะ ปลายก่ิงหรือปลายยอด ท�ำให้ได้ผลผลิตน้อยหรือแทบจะไม่ได้เลย จึงมีความจ�ำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะตอ้ งท�ำการตัดฟื้นต้น การตัดฟื้นต้นกาแฟเป็นการตัดต้นกาแฟออกหมดหรือเกือบหมดท้ังพุ่ม เพื่อกระตุ้นให้ ตน้ กาแฟมกี ารเตบิ โตสรา้ งระบบกงิ่ กา้ นใหม่ วธิ กี ารนเ้ี ปน็ การปฏบิ ตั ทิ ยี่ อมรบั กนั ทว่ั โลกในการฟน้ื ตน้ กาแฟทม่ี อี ายมุ าก และเปน็ วธิ ที ไ่ี ดเ้ ปรยี บกวา่ การปลกู ตน้ ใหม่ เนอ่ื งจากใหผ้ ลผลติ จากตน้ ใหมเ่ รว็ กวา่ โดยเวน้ ชว่ งไมใ่ หผ้ ลผลติ เพยี งแคป่ เี ดยี ว เพราะตน้ เดมิ มรี ะบบรากสมบรู ณอ์ ยแู่ ลว้ ท�ำใหม้ กี ารสรา้ ง กิ่งก้านสาขาใหม่ได้เร็วกว่าการปลูกใหม่ นอกจากนี้ หากต้องการเปล่ียนพันธุ์ต้นกาแฟเดิมให้ เป็นพันธุ์ที่ดีขึ้น สามารถทำ� ได้โดยการเปลี่ยนยอดหลังจากการตัดฟื้นต้นประมาณ 1 – 2 เดือน 82 การเพมิ่ ประสทิ ธภิ าพการผลติ กาแฟ
Facebook : กลมุ่ งานวจิ ยั การใช้สารป้ องกันกาํ จัดศัตรพู ชื ตน้ กาแฟที่มอี ายมุ าก และตน้ กาแฟที่ตดั ฟ้นื ตน้ มีทรงพุม่ ใหม่ การเพิ่มประสทิ ธภิ าพการผลิตกาแฟ 83
Facebook : กลมุ่ งานวจิ ยั การใช้สารป้ องกนั กาํ จดั ศัตรพู ชื ส่วนก่ิงกาแฟท่ีตัดออก สามารถน�ำไปเป็นเชื้อเพลิงน�้ำส้มควันไม้ หรือท�ำเป็นถ่านเพ่ือใช้ใน ครวั เรอื น หรือน�ำไปจำ� หน่ายได้ อย่างไรก็ตาม หากพบว่าระบบรากของต้นกาแฟหรือโคนต้นถูกท�ำลายเสียหายหนัก เช่น โดนปลวกเจาะท�ำลาย หรือต้นกาแฟมีอายุมากเกินไปจนไม่สามารถฟื้นฟูข้ึนมาใหม่ได้แล้ว ควรใช้วิธีปลูกต้นใหม่ทดแทนจะให้ผลดีกว่า ทั้งนี้ อายุต้นกาแฟที่สมควรปลูกต้นใหม่ทดแทน ต้นเดิมยังไม่มีการระบุแน่ชัด ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติดูแลรักษาต้นกาแฟของเกษตรกรด้วย ต้นที่ แข็งแรงสมบูรณ์และมีการปฏิบัติดูแลรักษาอย่างเหมาะสม จะให้ผลผลิตได้ยาวนานสม่�ำเสมอ โดยท่วั ไปอายุการใหผ้ ลผลิตเชงิ เศรษฐกจิ ของต้นกาแฟไม่ต่�ำกว่า 25 ปี อายทุ เี่ หมาะสมในการตัดฟ้ืนต้นกาแฟ อายุทีเ่ หมาะสมในการตัดฟืน้ ต้นกาแฟ มหี ลักการพิจารณา ดังน้ี ● เมื่อต้นมีอายุมาก ต้ังแต่ 8 ปี ขึ้นไป หรือให้ผลผลิตติดต่อกันเกิน 5 ปี ต้นสูงมาก มีจ�ำนวนก่ิงให้ผลน้อย โคนต้นโล่ง ใบและผลกระจุกกันอยู่ที่ ปลายก่ิงหรือปลายยอด ท�ำให้ส้ินเปลืองแรงงานและค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา รวมท้ังไม่สะดวกในการปฏิบัติงาน เช่น การพ่นสารป้องกันก�ำจัดศัตรูพืช การตดั แต่งก่งิ การเก็บเกี่ยว เปน็ ต้น ● เมอื่ ผลผลิตลดลงมาก ไมค่ มุ้ กบั คา่ ใชจ้ ่าย ● เมอื่ ตน้ เสยี หายอยา่ งมาก เชน่ จากพายหุ รอื ภยั ธรรมชาตติ า่ งๆ จากการเกบ็ เกยี่ ว หรือจากการท�ำลายของโรคและแมลง ชว่ งเวลาท่เี หมาะสมในการตัดฟน้ื ต้น ควรท�ำการตัดฟื้นต้นเม่ือย่างเข้าฤดูฝน เพ่ือให้มีน้�ำเพียงพอท่ีจะกระตุ้นการเจริญเติบโต ของกง่ิ ทแ่ี ตกยอดใหม่ แตส่ วนทมี่ รี ะบบการใหน้ ำ�้ อาจทำ� การตดั ฟน้ื ตน้ ในชว่ งใดของปกี ไ็ ด้ เกษตรกร ไมค่ วรตัดฟ้นื ต้นทเี ดียวพร้อมกันท้งั สวน เพราะจะท�ำให้ขาดรายได้จากกาแฟ เนอ่ื งจากต้นทถ่ี กู ตัด ฟื้นต้นจะไม่ได้ผลผลิตในปีท่ีตัด แต่จะเริ่มให้ผลผลิตในปีถัดไป ดังนั้น จึงควรแบ่งพื้นที่ตัดฟื้นต้น ทลี ะส่วน แตล่ ะส่วนควรมพี นื้ ท่ปี ระมาณรอ้ ยละ 20 – 25 ของพ้ืนท่ที ้งั หมด ตดั ฟ้นื ต้นตอ่ เนื่องไป 4 – 5 ปี เรอ่ื ยไปจนครบทง้ั สวน เชน่ มตี น้ กาแฟอยู่ 12 ไร่ อาจจะทยอยตดั ปลี ะ 3 – 4 ไร่ ทกุ ปี จนกวา่ จะหมด การทำ� เชน่ นจี้ ะทำ� ใหผ้ ลผลติ ในแตล่ ะปไี มล่ ดลงมากและรายไดไ้ มข่ าดหายไปมากนกั 84 การเพมิ่ ประสิทธิภาพการผลิตกาแฟ
Facebook : กลุ่มงานวจิ ยั การใช้สารป้ องกันกําจดั ศัตรพู ชื วธิ ีการตดั ฟ้นื ตน้ 1. การตัดแบบหมดต้น การตัดวิธีนี้จะตัดทุกก่ิงหลักให้เหลือ แต่ตอ โดยตัดสูงจากพื้นดินประมาณ 50 เซนติเมตร ไมค่ วรตำ่� กวา่ น้ี เพราะจะทำ� ใหจ้ ำ� นวนตาทจี่ ะแตกแขนง มีน้อยเกินไป 2. การตัดแบบไวก้ ิง่ พเ่ี ล้ียง การตัดวธิ ีน้ี ตัดกง่ิ ทีร่ ะดบั 50 เซนตเิ มตร เช่นกัน แต่จะไม่ตัดหมดต้น เหลือกิ่งพ่ีเลี้ยงไว้ 1 กิ่ง ก่ิงพี่เล้ียงควรเป็นก่ิงต้ังหรือกิ่งกระโดง รอจนกิ่งใหม่ เติบโตดีแล้ว ค่อยตัดกิ่งพี่เล้ียงออก วิธีนี้เหมาะกับ ตน้ โทรม ไมแ่ ข็งแรง หรอื พื้นท่ที ่แี ลง้ ฝนมาไมแ่ น่นอน ข้นั ตอนการตัดฟืน้ ตน้ กาแฟ 1. ตัดโคนกิ่งแต่ละกิ่งด้วยเลื่อยมือที่ความ สูงเหนือพ้ืนดินประมาณ 50 เซนติเมตร รอยตัด เอยี งท�ำมมุ 30 – 45 องศา เพอ่ื ไมใ่ หน้ �้ำขงั ตรงรอยแผล 2. ถ้าต้องการไว้ก่ิงพี่เลี้ยง เลือกกิ่งหลักท่ีอยู่ นอกพุ่มท่ีสุด 1 ก่ิง ท้ิงไว้ให้เป็นก่ิงพี่เล้ียง ส่วนก่ิงอ่ืน ตดั ให้หมด 3. หากตัดเปน็ จ�ำนวนมาก อาจใชเ้ ล่อื ยไฟฟา้ ขนาดเลก็ แทนเลือ่ ยมอื แต่ควรระวงั อยา่ ให้ ตน้ โยกคลอน ระบบรากจะเสียหาย และอาจทำ� ใหต้ น้ กาแฟตายได้ 4. ทาสหี รอื ปนู แดงตรงรอยแผลทต่ี ดั เพอื่ ปอ้ งกนั โรค ถา้ มตี อผตุ อ้ งตดั แตง่ ใหแ้ ผลเรยี บดว้ ย 5. ประมาณ 1 – 2 เดือน ต้นจะสร้างกง่ิ แขนงออกมาเป็นจ�ำนวนมาก เม่ือก่ิงแขนงใหม่ ยาวประมาณ 10 เซนติเมตร เลือกกิ่งท่ีแข็งแรงและไม่เบียดกัน เว้นระยะห่างกันและอยู่ ตรงขา้ มกนั 3 – 5 กิ่ง ไวเ้ ปน็ ก่ิงหลกั 6. กำ� จัดก่ิงแขนงท่ไี ม่ต้องการออกทุกเดอื น โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ ในชว่ ง 3 เดอื นแรก 7. ควรสังเกต หากก่ิงพ่ีเลี้ยงบังร่มกิ่งที่เกิดใหม่ ต้องโน้มก่ิงพี่เล้ียงออกห่าง หรือตัดก่ิง พี่เลยี้ งทง้ิ ไป การเพม่ิ ประสทิ ธิภาพการผลติ กาแฟ 85
Facebook : กลุ่มงานวจิ ยั การใช้สารป้ องกันกาํ จัดศัตรพู ชื การดแู ลตน้ กาแฟหลงั การตดั ฟ้นื ตน้ ตน้ กาแฟตอ้ งไดร้ บั การปฏบิ ัติดแู ลท่ีดีหลงั การตัดฟน้ื ต้น มฉิ ะนัน้ ตน้ อาจตายได้ การปฏบิ ัติ ดแู ลมดี งั น้ี 1. ตดั หรอื ถอนวัชพชื รอบโคนตน้ บ่อยๆ 2. ถา้ ดนิ มคี ่าความเปน็ กรดเปน็ ด่าง (pH) ต่�ำกวา่ 5.5 ใหใ้ ช้โดโลไมตห์ รือปนู ขาว 0.5 – 1 กิโลกรัมต่อต้น หว่านบางๆ ให้ทั่วใต้บริเวณทรงพุ่มต้นในขณะท่ีดินมีความชื้น และต้องให้ปูน ก่อนใสป่ ๋ยุ เคมอี ยา่ งน้อย 15 – 30 วนั 3. ใส่ปุย๋ คอกหรอื ปยุ๋ หมกั 3 – 5 กโิ ลกรัม ตอ่ ต้น 4. ใหป้ ุ๋ยครบสูตร เช่น 15-15-15 50 – 100 กรัม ต่อตน้ หรอื ยูเรียผสมกบั 18-46-0 และ 0-0-60 ในอัตราส่วน 1:1:1 คลุกเคล้าให้เข้ากันดี ใส่ 30-50 กรัม/ต้น ทุก 1 – 2 เดือน โดย พรวนดินเป็นวงรัศมีห่างจากโคนต้น 30 – 50 เซนติเมตร รอบต้น ใส่ปุ๋ยแล้วกลบดินด้วยดิน หรือปุ๋ยคอก/ป๋ยุ หมกั 5. หากมโี รคแมลงรบกวน ควรทำ� การป้องกันกำ� จัดดว้ ยหลังจากตดั ฟ้นื ต้น ต้นใหผ้ ลผลติ แลว้ 5 ปี ขึน้ ไป หรอื ทกุ ๆ 5 – 7 ปี ควรทำ� การตดั ฟืน้ ตน้ ท้ังน้ีควรพจิ ารณา ถึงความอุดมสมบูรณ์ของต้นและการให้ผลผลิตเป็นส�ำคัญ หากผลผลิตเริ่มลดลงจนไม่คุ้มค่า ควรทำ� การตัดฟน้ื ตน้ ใหมอ่ กี คร้ังตามวิธีการข้างตน้ 86 การเพมิ่ ประสทิ ธภิ าพการผลิตกาแฟ
Facebook : กล่มุ งานวจิ ยั การใช้สารป้ องกนั กาํ จัดศัตรพู ชื การเปล่ยี นยอดเป็นพนั ธ์ดุ ีพรอ้ มตัดฟนื้ ต้น หากต้นกาแฟท่ีท�ำการตัดฟื้นต้นเป็นพันธุ์กาแฟไม่ดี หรือต้องการเปล่ียนยอดให้เป็นพันธุ์ ทด่ี ขี น้ึ เกษตรกรสามารถเปลยี่ นยอดตน้ กาแฟทไี่ ดท้ ำ� การตดั ฟน้ื ตน้ แลว้ ใหเ้ ปน็ พนั ธท์ุ ต่ี อ้ งการไดเ้ ลย ต้นท่ีเปลี่ยนยอดจะให้ผลผลิตตรงตามพันธุ์ท่ีต้องการ แต่เน่ืองจากกาแฟโรบัสต้าเป็นพืชผสม ข้ามต้น จึงควรปลูกกาแฟโรบัสต้าในสวนเดยี วกนั อย่างนอ้ ย 3 สายพันธุ์ โดยเปลีย่ นยอดเป็นแถว เรียงสลับกันไป ควรเปลี่ยนยอดแต่ละต้นด้วยพันธุ์ดีเพียงพันธุ์เดียว และเปลี่ยนเป็นพันธุ์เดียวกัน ทง้ั แถวในแตล่ ะแถว เพื่อจะไดส้ ะดวกในการท�ำงาน วิธีการเปลีย่ นยอดพนั ธุด์ ีหลงั ตัดฟื้นต้น 1. หลงั ตดั ฟน้ื ตน้ เลอื กกง่ิ แขนงทสี่ มบรู ณ์ 3 – 5 กง่ิ รอบตอ ไว้ เปน็ กง่ิ หลกั และอกี 1 – 2 กง่ิ ไวเ้ ปน็ กง่ิ ใหร้ ม่ กงิ่ ทเี่ หลอื รดิ ออกใหห้ มด 2. ให้ปุ๋ย กำ� จัดวัชพชื รอบโคนตน้ กาแฟให้เตยี น ดูแลไม่ใหม้ ี โรคแมลงรบกวน 3. รอจนโคนกิ่งแขนงที่เลือกไว้มีขนาดเท่าแท่งดินสอ โคนก่ิงกลม ผิวมีสีเขียว จนถึงเร่ิมเปลี่ยนเป็นสีน้�ำตาล ซ่ึงเป็น ระยะท่ีเหมาะสมในการเปลี่ยนยอด ให้ตัดก่ิงแขนงบนต้นตอ ต้งั ฉากห่างจากโคนกงิ่ 4 – 6 นิว้ หลงั จากนนั้ ใช้มีดผ่าก่งึ กลางกิง่ ลึก ประมาณ 1 นว้ิ 4. นำ� ก่ิงพันธ์ุดที เี่ ฉือนปลายเป็นปากฉลามทง้ั 2 ด้าน ไปเสียบ บนรอยแผลของต้นตอ โดยใช้มีดน�ำร่องเปิดรอยแผล ดูให้รอยแผล ระหวา่ งกงิ่ พนั ธุ์ดีและตน้ ตอแนบสนิทอย่างน้อย 1 ด้าน (รายละเอยี ด การเตรียมกง่ิ พันธด์ุ ี ได้กลา่ วถงึ แล้วในหัวขอ้ “การเสียบยอด”) 5. ผกู เชือกพนั ใหแ้ นน่ ตรงรอยแผล 6. ใช้ถุงพลาสติกคลุม อย่าให้กิ่งแตะถูกด้านในของถุง แล้ว ผกู เชอื กฟางให้แน่น อยา่ ใหอ้ ากาศเขา้ 7. พรางแสงดว้ ยการเล้ยี งก่งิ บนตน้ ตอ เพ่อื ไว้เปน็ กงิ่ ใหร้ ม่ เงา หรือใช้วัสดุอื่นๆ เช่น ถุงปุ๋ย กระดาษหนังสือพิมพ์ ใบมะพร้าวแห้ง เป็นต้น ทำ� เปน็ โครงคมุ ไว้ 8. ควรทาสีขาวบริเวณรอยต่อหรือเหนือรอยต่อก่ิงเพื่อเป็น จุดสังเกต หากมีกิ่งแขนงเกิดจากส่วนของต้นตอ หรือส่วนใต้บริเวณ สีขาว ให้ริดออกให้หมด เพื่อไม่ให้กิ่งของต้นตอปะปนกับก่ิงพันธุ์ดี เม่ือเปล่ียนยอดพันธุ์ดีหลังตัดฟื้นต้นแล้ว ต้นกาแฟจะให้ผลผลิตที่มี คณุ ลกั ษณะตรงตามความต้องการ และพร้อมเก็บเกีย่ วไดใ้ นปีถดั ไป การเพิม่ ประสิทธิภาพการผลิตกาแฟ 87
Facebook : กล่มุ งานวจิ ยั การใช้สารป้ องกนั กาํ จัดศัตรพู ชื ต้นกาแฟที่ตัดฟืน้ ตน้ แลว้ 88 การเพิ่มประสทิ ธภิ าพการผลติ กาแฟ
Facebook : กลุม่ งานวจิ ยั การใช้สารป้ องกันกําจดั ศัตรพู ชื การเก็บเก่ียว และวทิ ยาการหลงั การเก็บเกย่ี ว การเก็บเก่ียว ระยะเก็บเกี่ยวทเ่ี หมาะสม โดยปกตกิ าแฟจะใหผ้ ลผลติ หลงั ปลกู ประมาณ 3 ปี ในประเทศไทยผลกาแฟจะสกุ ประมาณ เดอื นตลุ าคม – เมษายน ผลกาแฟจะทยอยสกุ ไมพ่ รอ้ มกนั จงึ ควรแบง่ รอบการเกบ็ อยา่ งนอ้ ย 3 ครง้ั แต่ละครั้งห่างกันประมาณ 2 – 3 สัปดาห์ ควรเก็บเกี่ยวผลกาแฟที่มีความสุกแก่เหมาะสม โดย เกบ็ เก่ยี วผลกาแฟท่ีมีสีแดง หรือสเี หลือง หรือสีส้มแดง (ขน้ึ กับพันธ์)ุ ไม่น้อยกวา่ 90 เปอรเ์ ซน็ ต์ ของพ้ืนท่ีผิวทั้งผล ไม่ควรเก็บผลอ่อนที่มีสีเขียว ผลร่วง หรือผลที่สุกเกินไป ยกเว้นการเก็บเกี่ยว ครั้งสุดท้าย ให้เก็บผลกาแฟสุกที่เหลือและผล ตกค้างทั้งหมด ซ่ึงจะมีท้ังผลสุก ผลอ่อน และ ผลด�ำปะปนกันมา แล้วคัดเฉพาะผลสุกแยกไป แปรรูปต่างหาก เพ่ือให้ได้สารกาแฟท่ีมีคุณภาพ แต่ถ้าน�ำมาแปรรูปรวมกัน แนะน�ำให้แปรรูป เป็นสารกาแฟด้วยกระบวนการแบบแห้ง ซ่ึงเป็น วิธีที่ง่ายและต้นทุนต่�ำ แล้วเก็บรักษา และบรรจุ แยกจากการเก็บเกี่ยวคร้งั อื่นๆ วิธกี ารเก็บเกีย่ ว 1. วางแผนการเก็บเกี่ยว โดยพิจารณา ก�ำลังความสามารถในการผลิตเมล็ดกาแฟด้วย การเพม่ิ ประสิทธิภาพการผลติ กาแฟ 89
Facebook : กลุม่ งานวจิ ยั การใช้สารป้ องกนั กาํ จดั ศัตรพู ชื เน่ืองจากการผลิตเมล็ดกาแฟควรท�ำในวันท่ีเก็บเก่ียว ทนั ที ผลกาแฟทเ่ี กบ็ เกย่ี วในรอบการเกบ็ เกยี่ ว หรอื แปลง ทตี่ า่ งกนั ถอื เปน็ คนละรนุ่ การปฏบิ ตั หิ ลงั การเกบ็ เกย่ี ว ต้องแยกจากกนั 2. กำ� จดั วัชพชื กงิ่ ไม้ และผลกาแฟที่รว่ งใต้ตน้ ก่อนเกบ็ เก่ยี ว 3. ควรหาวัสดุทเี่ หมาะสม เช่น ผา้ ใบ ปูใตต้ น้ กาแฟ เพอื่ ปอ้ งกันผลกาแฟทเ่ี ก็บเก่ยี วใหม่ ปนเปอ้ื นกับผลกาแฟสกุ เกา่ ทหี่ ลน่ ใต้ต้น 4. ใชม้ อื ปลดิ ผลกาแฟทสี่ กุ แกเ่ หมาะสมใสภ่ าชนะ เชน่ ถงุ ตาขา่ ยไนลอ่ น หรอื กระสอบปา่ น ทสี่ ะอาด และเกบ็ ผลกาแฟสกุ ท่รี ว่ งลงบนสงิ่ ปรู อง 5. ไม่ควรเกบ็ ผลกาแฟสุกทรี่ ว่ งบนพื้นดินเกนิ 1 วัน เนือ่ งจากผลกาแฟอาจปนเป้อื นเชอ้ื รา 6. น�ำผลกาแฟไปคัดเลือกและเข้าสู่กระบวนการผลิตเมล็ดกาแฟโดยเร็ว หรืออย่างช้า ไม่เกนิ 24 ช่ัวโมง การจดั การในแปลงปลกู ภายหลงั การเก็บเกี่ยว ควรท�ำความสะอาดแปลงปลูกภายหลังการเก็บเก่ียว โดยก�ำจัดผลกาแฟสุก หรือผลแห้ง ทตี่ ดิ คา้ งบนกง่ิ หรอื รว่ งหลน่ ใตต้ น้ เพอ่ื ปอ้ งกนั การระบาดของมอดเจาะผลกาแฟ รวมทง้ั ตดั แตง่ กงิ่ ที่ไมต่ ้องการออก เพ่อื ให้ทรงพุ่มโปรง่ ตน้ กาแฟแขง็ แรงสมบรู ณ์ พรอ้ มใหผ้ ลผลติ ในปีต่อไป การผลติ เมล็ดกาแฟและกาแฟกะลา ผลผลิตกาแฟ มีการซ้ือขาย 2 แบบ ดังนี้ เมล็ดกาแฟ (Green Coffee Bean) หรือที่เรียกท่ัวไปว่า กาแฟสาร หมายถึง เมล็ดกาแฟแห้งท่ีได้จากผลกาแฟสุก ที่เอาส่วนของเปลือกชั้นนอก เนื้อ และกะลา ออกแลว้ 90 การเพ่มิ ประสิทธิภาพการผลิตกาแฟ
Facebook : กลมุ่ งานวจิ ยั การใช้สารป้ องกันกาํ จัดศัตรพู ชื กาแฟกะลา (Parchment Coffee) หมายถึง เมล็ดกาแฟแห้ง ท่ีได้จากผลกาแฟสุกที่เอาส่วนของเปลือก ชนั้ นอก และเนื้อออก แตย่ งั คงมกี ะลาตดิ อยู่ กระบวนการผลติ เมลด็ กาแฟ โดยทวั่ ไป มี 2 แบบ คอื 1. กระบวนการแบบแห้ง (Dry Process) กระบวนการนี้นิยมใช้กับกาแฟ โรบสั ต้า ผลผลิตที่ไดจ้ ากกระบวนการ คือ เมลด็ กาแฟ มีข้ันตอน ดังน้ี 1.1 การคดั เลอื กผลกาแฟสด เทผลกาแฟสดลงในภาชนะที่บรรจุน้�ำสะอาด คัดผลกาแฟที่ลอยน้�ำทิ้ง และ/หรือ คัดเลือกผลกาแฟที่สุกไม่เหมาะสม หรือผลกาแฟสดท่ีมีร่องรอยการเข้าท�ำลายของมอดเจาะ ผลกาแฟออก เมอ่ื คดั แยกแลว้ ควรน�ำผลกาแฟไปตากและสแี ยกกนั ท�ำใหค้ ณุ ภาพของกาแฟสงู ขน้ึ และลดต้นทนุ ค่าแรงงานในการคดั แยกเมล็ดกาแฟในภายหลงั 1.2 การตาก 1.2.1 น�ำผลกาแฟสดที่ผ่านการคัดเลือกไปตากบนลานตาก เช่น ลานซีเมนต์ หรือ แครไ่ มไ้ ผ่ ท่ีสะอาด และควรมีวัสดปุ ูรอง เช่น ตาขา่ ยไนลอ่ น เพ่ือสะดวกในการเก็บถ้ามีฝนตก 1.2.2 สถานที่ตากผลกาแฟต้องสะอาด มีอากาศถ่ายเทได้ดี มีแสงแดดตลอด ทั้งวัน ห่างไกลจากแหล่งปนเปื้อน ควรมีระบบการป้องกันและเฝ้าระวังการระบาดของมอด เจาะผลกาแฟและศตั รพู ชื อนื่ ๆ โดยการตดิ กบั ดกั กาวเหนยี วรอบๆ ลานตาก นอกจากนค้ี วรปอ้ งกนั ไมใ่ ห้สัตว์เขา้ มาในลานตาก 1.2.3 ควรเกลยี่ ผลกาแฟใหม้ คี วามหนาไมเ่ กนิ 5 เซนตเิ มตร หรอื มปี รมิ าณผลกาแฟไมเ่ กนิ 30 กิโลกรัม ต่อตารางเมตร และพลิกกลับผลกาแฟอย่าง สมำ�่ เสมอวนั ละ 4 ครงั้ แต่ถ้า ไม่สามารถปฏิบัติได้ ให้ ลดความหนาของการตาก ผลกาแฟ เพ่ือป้องกันไม่ ให้ผลกาแฟที่อยู่ด้านล่าง เกิดเช้ือรา การเพม่ิ ประสิทธิภาพการผลติ กาแฟ 91
Facebook : กลมุ่ งานวจิ ยั การใช้สารป้ องกันกาํ จดั ศัตรพู ชื 1.2.4 ช่วงแรกท่ีตากผลกาแฟยังคงมีความชื้นสูงอยู่ ควรนำ� ผลกาแฟเข้าที่ร่มในตอน เยน็ แตไ่ มต่ อ้ งคลมุ ดว้ ยผา้ พลาสตกิ เพอ่ื ปอ้ งกนั การควบแนน่ ของหยดน�้ำ ซงึ่ จะทำ� ใหผ้ ลกาแฟเปยี ก หลงั จากตากโดยไดร้ บั แสงแดดเตม็ ท่ี 5-7 วนั ระวงั อยา่ ใหผ้ ลกาแฟเปยี กฝนหรอื นำ้� คา้ ง ตอ้ งเกบ็ ผล กาแฟเขา้ ท่รี ่ม และ/หรือคลมุ ด้วยผา้ พลาสติกในเวลากลางคนื หรอื เม่อื ฝนตก 1.2.5 ผลกาแฟจะแหง้ เหมาะสมเมอื่ ไดร้ บั แสงแดดเตม็ ทปี่ ระมาณ 15 วนั ไมค่ วรตากผล กาแฟจนแห้งเกนิ ไป จนเมลด็ กาแฟมีความชนื้ ตำ�่ กวา่ 9 เปอรเ์ ซ็นต์ เมลด็ กาแฟควรมคี วามชน้ื ตาม ขอ้ ก�ำหนดในมาตรฐานสนิ คา้ เกษตร มกษ. 5700 เร่อื งเมล็ดกาแฟโรบัสต้า หรอื มกษ.5701 เร่ือง เมลด็ กาแฟอาราบิกา้ ดังนี ้ ● เมล็ดกาแฟท่ีไม่ต้องเก็บรักษา และ/หรือขนส่งเป็นระยะเวลาไม่นาน ต้องมี ความช้นื ไม่เกินรอ้ ยละ 13 (สดั ส่วนโดยน�้ำหนกั ) ● เมล็ดกาแฟหรือกาแฟกะลาท่ีต้องเก็บรักษา และ/หรือขนส่งเป็นระยะเวลา นาน ต้องมคี วามชืน้ ไมเ่ กินร้อยละ 12.5 (สัดสว่ นโดยนำ้� หนกั ) 1.2.6 วัดความชื้นของเมล็ดกาแฟ โดยสุ่มตัวอย่างผลกาแฟแห้งในต�ำแหน่งต่างๆ ของแตล่ ะรนุ่ น�ำมาสเี ปลือกออก และวดั ดว้ ยเครื่องวดั ความช้ืน หรือเกษตรกรสามารถตรวจสอบ เบื้องต้น โดยก�ำผลกาแฟแห้งแล้วเขย่า จะเกิดเสียงจากการกระทบของเมล็ดและเปลือกกาแฟ หรอื แกะกะลาออกแลว้ ใชเ้ ลบ็ จกิ จะไมเ่ ขา้ หรอื ถา้ ลองใชฟ้ นั กดั เมลด็ กาแฟทย่ี งั ไมแ่ หง้ จะรสู้ กึ เหนยี ว 1.3 การสผี ลกาแฟแห้ง เกษตรกรควรให้ความส�ำคัญกับการสีด้วยเคร่ืองสีผลกาแฟแห้งที่มีคุณภาพดี และ หากยังไม่ต้องการสีเปลือก ควรเก็บผลกาแฟแห้งตามค�ำแนะน�ำในการเก็บรักษา อย่างไรก็ตาม หากต้องการเก็บรักษาเป็นเวลานาน ควรเก็บรักษาในรูปเมล็ดกาแฟดิบหรือกาแฟกะลามากกว่า ผลกาแฟ เพราะจะคงคุณภาพได้นานกวา่ 2. กระบวนการแบบเปียก (Wet Process) นิยมใช้กับกาแฟอาราบิก้า ผลผลิต ท่ีได้จากกระบวนการ คอื กาแฟกะลา หรอื เมลด็ กาแฟ มีขนั้ ตอน ดงั นี้ 2.1 การคดั เลอื กผลกาแฟสด เทผลกาแฟสดลงในภาชนะที่บรรจุน้�ำสะอาด คัดผลกาแฟท่ีลอยน�้ำท้ิง และ/หรือ คัดเลือกผลกาแฟท่ีสุกไม่เหมาะสม หรือผลกาแฟสดท่ีมีร่องรอยการเข้าท�ำลายของมอดเจาะ ผลกาแฟออก เมอื่ คดั แยกแล้วควรนำ� ผลกาแฟไปตากและสแี ยกกนั ทำ� ใหค้ ุณภาพของกาแฟสงู ข้นึ และลดต้นทุนค่าแรงงานในการคัดแยกเมล็ดกาแฟในภายหลัง 2.2 การสีสด 2.2.1 น�ำผลกาแฟสดที่ผ่านการคดั เลือกมาสแี ยกเปลือกดว้ ยเครื่องสผี ลสด โดยใช้น้�ำ เปน็ ตัวช่วยในการสภี ายใน 24 ชัว่ โมง ไมค่ วรเก็บผลกาแฟไวก้ ่อนสีเกนิ 24 ชวั่ โมง เนือ่ งจากจะเกดิ การหมัก ซ่ึงส่งผลให้เมล็ดกาแฟเสื่อมคุณภาพ นอกจากน้ีควรสุ่มตรวจประสิทธิภาพของเครื่อง สผี ลสดอย่างสมำ�่ เสมอดว้ ย 92 การเพ่มิ ประสิทธภิ าพการผลิตกาแฟ
Facebook : กลุม่ งานวจิ ยั การใช้สารป้ องกนั กาํ จัดศัตรพู ชื 2.2.2 น�ำกาแฟกะลา ที่ได้ไปก�ำจัดเมือกท่ีติดอยู่ออกไป โดยหมักธรรมชาติในน้�ำสะอาด เป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง ในบ่อ ซีเมนต์ท่ีมีรูระบายน�้ำด้านล่าง โดย ใ ห ้ ร ะ ดั บ น�้ ำ สู ง ก ว ่ า ก า แ ฟ ก ะ ล า หากหมักเกนิ 24 ชั่วโมง ควรเปลยี่ น น�้ำเมื่อเกิน 24 ช่ัวโมง จากน้ัน ปล่อยน้�ำทิ้ง แล้วน�ำกาแฟกะลา มาล้างน้�ำใหส้ ะอาด และขัดอกี คร้ังในตะกร้าตาถีท่ มี่ ีปากตะกร้ากวา้ งและก้นไม่ลึกมาก เม่อื ขัดแลว้ กาแฟกะลาจะไม่ลื่น จากน้นั ล้างด้วยนำ�้ สะอาดอกี คร้งั กอ่ นนำ� ไปตาก 2.3 การตาก 2.3.1 น�ำกาแฟกะลาที่ผ่านการสีสดไปตากบนลานซีเมนต์ หรือแคร่ไม้ไผ่ ที่สะอาด และมวี สั ดุปรู อง เช่น ตาข่ายไนลอ่ น เพอ่ื สะดวกในการเกบ็ ถ้ามีฝนตก 2.3.2 สถานท่ีตากกาแฟกะลาต้องสะอาด มีอากาศถ่ายเทได้ดี ได้รับแสงแดดตลอด ท้ังวัน ห่างไกลจากแหล่งปนเปื้อน ควรมีระบบการป้องกันและเฝ้าระวังการระบาดของมอดเจาะ ผลกาแฟ และศัตรูอน่ื ๆ เชน่ การติดกับดกั กาวเหนียวรอบๆ ลานตาก นอกจากน้ีควรป้องกันไมใ่ ห้ สัตว์เขา้ มาในลานตาก การเพม่ิ ประสิทธิภาพการผลติ กาแฟ 93
Facebook : กลุม่ งานวจิ ยั การใช้สารป้ องกนั กาํ จัดศัตรพู ชื 2.3.3 ควรเกลี่ยกาแฟกะลาให้มี ความหนาไม่เกิน 5 เซนติเมตรหรือมีปริมาณ ผลผลิตไม่เกิน 30 กิโลกรัม ต่อตารางเมตร และพลกิ กลบั ผลกาแฟอยา่ งสม่�ำเสมอวนั ละ 4 ครงั้ แต่ถ้าไม่สามารถปฏิบัติได้ ให้ลดความหนาของ การตากกาแฟกะลา เพ่อื ปอ้ งกันไม่ให้กาแฟกะลา ท่ีอยู่ด้านล่างเกดิ เชอื้ รา 2.3.4 ช่วงแรกท่ีตากกาแฟกะลา ยังคงมีความชื้นสูงอยู่ ควรน�ำกาแฟกะลาเข้าท่ีร่มในตอนเย็น แต่ไม่ต้องคลุมด้วยผ้าพลาสติก เพ่ือป้องกันการควบแน่นของหยดน�้ำ ซ่งึ จะท�ำใหก้ าแฟกะลาเปยี ก หลังจากตากโดยไดร้ ับแสงแดด เตม็ ที่ 5-7 วนั ระวงั อยา่ ให้กาแฟกะลาเปยี กฝนหรอื นำ้� คา้ ง ตอ้ งเกบ็ กาแฟกะลาเขา้ ท่ีรม่ และ/หรือ คลุมดว้ ยผา้ พลาสติกในเวลากลางคืน หรือเม่ือฝนตก 2.3.5 กาแฟกะลาจะแห้งเหมาะสมเมื่อไดร้ ับแสงแดดเต็มทป่ี ระมาณ 15 วัน ไม่ควร ตากกาแฟกะลาจนแห้งเกินไป จนกาแฟกะลามีความช้ืนต่�ำกว่า 9 เปอร์เซ็นต์ กาแฟกะลาควรมี ความชนื้ ตามข้อก�ำหนดในมาตรฐานสินค้าเกษตร มกษ. 5700 เรอ่ื งเมลด็ กาแฟโรบสั ต้า หรอื มกษ. 5701 เรื่องเมลด็ กาแฟอาราบิกา้ ดังน้ี ● เมลด็ กาแฟทไ่ี มต่ อ้ งเกบ็ รกั ษา และ/หรอื ขนสง่ เปน็ ระยะเวลาไมน่ าน ตอ้ งมคี วาม ชืน้ ไม่เกนิ รอ้ ยละ 13 (สัดสว่ นโดยนำ�้ หนัก) ● เมล็ดกาแฟหรือกาแฟกะลาทีต่ ้องเกบ็ รักษา และ/หรือขนสง่ เป็นระยะเวลานาน ต้องมีความชื้นไม่เกนิ รอ้ ยละ 12.5 (สัดสว่ นโดยนำ้� หนัก) 2.3.6 วัดความช้ืนของกาแฟกะลา โดยสุ่มตัวอย่างผลกาแฟแห้งในต�ำแหน่งต่างๆ ของกาแฟกะลาในลานตากแต่ละรุ่น น�ำมาสีกะลาออก และวัดด้วยเคร่ืองวัดความช้ืน หรือ ตรวจสอบเบือ้ งต้นโดยวิธชี ง่ั นำ้� หนกั กาแฟกะลาท่ีอย่รู ะหว่างการตาก 2.4 การสกี าแฟกะลา เกษตรกรควรให้ความส�ำคัญกับการสีกาแฟกะลาด้วยเคร่ืองสีท่ีมีคุณภาพ มิฉะน้ัน จะท�ำใหเ้ กดิ ความเสียหายแกเ่ มล็ดกาแฟ เช่น เมลด็ แตก หรอื เกิดแผลขึน้ บนเมลด็ กาแฟ และหาก ยงั ไม่ตอ้ งการสี ควรเกบ็ กาแฟกะลาแหง้ ตามคำ� แนะนำ� ในการเกบ็ รักษา 94 การเพิ่มประสทิ ธิภาพการผลติ กาแฟ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152