97
98 แผนการจัดการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีรายวชิ า พื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ วิทยาศาสตรก์ ายภาย(ฟสิ ิกส)์ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 5 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่อง ปรากฏการณ์ของคลื่นกล เวลา 5 ชั่วโมง 1.มาตรฐานการเรยี นร้/ู ตัวชี้วัด มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ที่ เก่ยี วขอ้ งกับเสยี ง แสง และคลื่นแมเ่ หลก็ ไฟฟ้ารวมทัง้ นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ 2.ตวั ช้วี ดั ตวั ชี้วัด ม. 5/3 สงั เกตและอธบิ ายการสะท้อนการหักเหการเลี้ยวเบนและการรวมคล่ืน ตัวช้ีวัด ม. 5/4 สงั เกตและอธบิ ายความถ่ีธรรมชาตกิ ารส่นั พอ้ งและผลท่ีเกดิ ข้ึนจากการส่นั พ้อง 3.จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 3.1 ด้านพุทธพิ สิ ัย (K) 1. นักเรียนสามารถอธิบายส่วนประกอบของคลื่น ความแตกต่างของคลื่นตามยาวและคลื่นตาม ขวาง การสะทอ้ นของคล่นื การหกั เหของคลน่ื การเล้ยี วเบนของคลน่ื และการรวมคลนื่ ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง (K) 2. นกั เรียนอธบิ ายอธิบายความถ่ธี รรมชาติ ส่ันพอ้ ง และผลทเ่ี กิดขึ้นจากการสน่ั พ้องได้อย่างถูกต้อง (K) 3.2 ด้านทกั ษะพิสยั (P) 1. นักเรียนสามารถอภิปรายการสะท้อนการหักเหการเลี้ยวเบนและการรวมคลื่น ได้อย่างถูกต้อง (P) 2. นักเรียนอภิปรายความถี่ธรรมชาตกิ ารส่ันพ้องและผลท่เี กิดข้นึ จากการส่ันพ้องอย่างถูกตอ้ ง (P) 3.3 ดา้ นเจตพสิ ัย (A) 1.นกั เรยี นเล็งเห็นถงึ ความสำคัญของการสะทอ้ น การหกั -เห การเลีย้ วเบน และการรวมคล่นื (A) 2.นกั เรยี นเล็งเห็นถงึ ความสำคญั ความถ่ธี รรมชาตกิ ารสนั่ พอ้ งและผลท่เี กดิ ข้นึ จากการสัน่ พอ้ ง(A)
99 4.สาระสำคญั คลน่ื อยรู่ อบตัวมนษุ ย์ ท้งั ทม่ี องเหน็ และมองไม่เห็น การศึกษาธรรมชาติของคลนื่ จึงมคี วามจำเป็น เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ประโยชน์จากคลื่นต่อไป คลื่นกลเป็นคลื่นที่มีความเกี่ยวข้องในชีวติ ประจำวัน ซึ่งเป็น คลื่นที่อาศัยตัวกลางในการถ่ายโอนพลังงาน คลื่นกลมีปริมาณที่เกี่ยวข้องคือ แอมพลิจูดความยาวคล่ื น ความถี่และคาบ สามารถแบ่งตามทิศทางการส่ันของอนุภาคตัวกลางกบั ทิศการเคลือ่ นที่ของคลื่น เป็นคลื่น ตามขวางและคลน่ื ตามยาว คล่ืนกลมพี ฤติกรรมตา่ งๆ ไดแ้ ก่ การสะท้อน การหักเห การเลย้ี วเบน และการรวมคลื่นการสะท้อน ของคล่นื เกิดขน้ึ เมื่อคล่ืนเคลื่อนที่ไปตกกระทบส่งิ กีดขวางและเคลื่อนท่ีกลับมาในตวั กลางเดิม การหักเหของคลื่นเกิดขึ้นเมื่อคลื่นเคลื่อนที่ผ่านรอยต่อระหว่างตัวกลางที่มีสมบัติต่างกันอัตราเร็ว คลนื่ และความยาวคลน่ื จะเปลีย่ นไปและอาจทำใหท้ ศิ การเคล่ือนที่เปล่ยี นไปจากเดมิ การเลยี้ วเบนของคลน่ื เกิดขน้ึ เม่ือคล่นื เคลื่อนท่ีไปพบขอบสิ่งกีดขวางหรือช่องเปิด คลื่นส่วนหน่ึงจะ สามารถอ้อมไปดา้ นหลังของสงิ่ กีดขวางหรืออ้อมขอบช่องเปิดได้ การรวมคลื่นเกิดขึ้นเมื่อคลื่นสองขบวนมาพบกันเกิดการรวมการกระจัดในตำแหน่งที่คลื่นพบกัน เกิดรูปร่างของคลื่นรวมโดยอาจเป็นการรวมแบบเสริมหรือแบบหักล้าง หลังจากที่คลื่นทั้งสองเคลื่อนทีผ่ า่ น กนั ไปแล้วแต่ละคลื่นจะกลับมามีรปู รา่ งแบบเดมิ และเคลือ่ นท่ีในทศิ ทางเดิม เมื่อปล่อยให้วัตถสุ ั่นหรือแกว่งอย่างอิสระ วัตถุจะสั่นด้วยความถี่ค่าหนึ่ง เรียกว่า ความถี่ธรรมชาติ ซึ่งมีค่าขึ้นกับสมบัติบางประการของวัตถุการกระตุ้นวัตถุด้วยความถี่ที่ตรงกับความถี่ธรรมชาติ วัตถุจะ สั่น แรงขนึ้ เรียกวา่ การสั่นพ้องของวตั ถซุ ่ึงอาจทำให้วตั ถทุ ี่เกิดการสนั่ พอ้ งชำรุดเสียหายได้ 5.สาระการเรยี นรู้ เม่ือคลนื่ เคลอ่ื นทไ่ี ปพบส่ิงกีดขวาง จะเกดิ การสะท้อน เมือ่ คลืน่ เคล่อื นท่ีผ่านรอยตอ่ ระหวา่ ง ตวั กลางทต่ี า่ งกนั จะเกดิ การหกั เห เมื่อคลนื่ เคลื่อนท่ีไปพบขอบสิ่งกีดขวางจะเกิดการเลี้ยวเบนเมื่อคล่ืนสอง ขบวนมาพบกันจะเกิดการรวมคลื่นเกิดรูปรา่ งของคลื่นรวม หลังจากคลืน่ ท้ังสองเคลื่อนทีผ่ ่านพ้นกันแล้วจะ แยกกนั โดยแต่ละคล่ืนยงั คงมรี ปู รา่ งและทิศทางเดิม เมื่อกระตุ้นให้วัตถุสั่นแล้วหยุดกระตุ้น วัตถุจะสั่นด้วยความถี่ที่เรียกว่า ความถี่ธรรมชาติ ถ้ามีแรง กระตุ้นวัตถุท่ีกำลังสัน่ ดว้ ยความถี่ของการออกแรงตรงกับความถี่ธรรมชาตขิ องวตั ถุนั้นจะทำให้วัตถุส่นั ด้วย แอมพลิจูดมากขึ้น เรียกว่าการสั่นพ้อง เช่น การสั่นพ้องของอาคารสูงการสั่นพ้องของสะพาน การสั่นพ้อง ของเสียงในเครอื่ งดนตรปี ระเภทเปา่ 6.สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน ความสามารถในการส่ือสาร ความสามารถในการคิด
100 ความสามารถในการแก้ปญั หา ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ทกั ษะของผ้เู รยี นในศตวรรษที่ 21 (3R 8C + 2L) (จุดเนน้ สกู่ ารพัฒนาคุณภาพผเู้ รียน) ทักษะการอา่ น (Reading) ทกั ษะการ เขียน (Writing) ทกั ษะการ คิดคำนวณ (Arithmetic) ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving) ทักษะด้านการสร้างสรรคแ์ ละนวตั กรรม (Creativity and innovation) ทักษะดา้ นความรว่ มมือ การทำงานเปน็ ทีม และภาวะผูน้ ำ (Collaboration , teamwork and leadership) ทกั ษะดา้ นความเขา้ ใจตา่ งวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) ทกั ษะดา้ น การสอ่ื สาร สารสนเทศ และรเู้ ท่าทันสือ่ (Communication information and media literacy) ทกั ษะด้านคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สาร (Computing) ทักษะอาชพี และทักษะการเรยี นรู้ (Career and learning self-reliance, change) ทักษะการเปลี่ยนแปลง (Change) ทักษะการเรยี นรู้ (Learning Skills) ภาวะผู้นำ (Leadership) 7. ช้นิ งานหรือภาระงาน ( หลกั ฐาน / รอ่ งรอยแสดงความรู้ ) 7.1 แบบฝึกหัดที่ 4.1 เรือ่ ง คลนื่ กล 7.2 แบบฝึกหัดท่ี 4.2 เรื่อง พฤติกรรมของคลน่ื 7.3 แบบฝกึ หัดที่ 4.3 เรอ่ื ง ความถีธ่ รรมชาติ และการสั่นพอ้ ง 7.4 แบบฝกึ หัดทา้ ยบทท่ี 4 เรอ่ื ง ปรากฏการณข์ องคล่ืนกล
101 8. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ หน่วยย่อยท่ี 1 เรอ่ื ง คลื่นกล ชว่ั โมงท่ี 1 (ใช้รูปแบบการเรียนรู้ 5E ) ขั้นตอนท่ี 1 ขน้ั สร้างความสนใจ (Engagement) ครูนำเข้าสบู่ ทเรยี นโดยให้นักเรยี นสงั เกตภาพในหนงั สอื เรยี น จะเห็นภาพคลนื่ น้ำทะเลที่นักเรียน คนุ้ เคย ครตู ้งั คำถามว่าลักษณะของคล่ืนน้ำทะเลท่ีสงั เกตไดเ้ ปน็ อย่างไร ขั้นตอนที่ 2 ขน้ั สาํ รวจและคน้ หา (Exploration) 2.1 นักเรยี นศึกษา เรือ่ ง คลนื่ กล จากหนงั สือเรียนรายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 เลม่ ที่ 2 2.2 นักเรียนศกึ ษา เร่ือง คลื่นกล จากส่อื การสอน PowerPoint ขั้นตอนท่ี 3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) ครูอธิบายเกี่ยวกับประสิทธิภาพของเซลล์สุริยะ และหลักการทำงานของเซลล์สุริยะ แล้วอภิปราย ร่วมกนั จนไดข้ ้อสรุปว่า ครูตั้งคำถามว่าคลื่นมีองค์ประกอบอะไรบ้าง ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อทบทวน ส่วนประกอบของคลื่นจนได้ข้อสรุปว่ามี แอมพลิจูด ความยาวคลื่นความถี่ และคาบ ตามรายละเอียด หนงั สอื เรยี น ขั้นตอนท่ี 4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) ครใู หน้ ักเรยี นทำแบบฝึกหัด 4.1 เร่อื งคลนื่ กล ข้ันตอนที่ 5 ขั้นประเมิน (Evaluation) ครูตรวจแบบฝึกหัดท่ี 4.1 เรอ่ื งคลน่ื กล เพอื่ ประเมินความเข้าใจของนักเรียน หนว่ ยยอ่ ยที่ 2 เรอ่ื ง พฤตกิ รรมของคลน่ื ช่ัวโมงท่ี 2 (ใชร้ ูปแบบการเรยี นรู้ 5E ) ขน้ั ตอนที่ 1 ขั้นสรา้ งความสนใจ (Engagement) ครูตั้งคำถามเกี่ยวข้องกับการสะท้อนคลื่นในชีวิตประจำวัน เช่น นักเรียนเคยสังเกตคลื่นน้ำที่ตก กระทบสิง่ กีดขวาง เช่น ท่าเรือ ตลง่ิ ฝง่ั น้ำ ขอนไม้ จะมีลกั ษณะอยา่ งไร ข้นั ตอนที่ 2 ขน้ั สาํ รวจและคน้ หา (Exploration) 2.1 นักเรียนศึกษา เรื่อง พฤติกรรมของคลื่น จากหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ (ฉบับ ปรบั ปรุงพ.ศ.2560) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 เลม่ ท่ี 2 2.2 นกั เรียนศกึ ษา เร่ือง พฤตกิ รรมของคลน่ื จากส่อื การสอน PowerPoint
102 ขั้นตอนที่ 3 ขน้ั อธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) ครอู ธบิ ายเกี่ยวกับการสะท้อนของคล่ืน และครนู ำภาพหรอื คลปิ วีดทิ ัศน์คลนื่ บรเิ วณท่าเรือ คลื่นน้ำ กระทบสิ่งกีดขวาง เช่น เขื่อน ให้นักเรียนสังเกตและแสดงความคิดเห็น ต่อมาครูใช้คำถามว่าคลื่นกลทุก ชนดิ เม่ือพบสง่ิ กีดขวางจะมพี ฤติกรรมเหมือนหรอื ตา่ งจากคลืน่ น้ำอย่างไร ขน้ั ตอนท่ี 4 ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration) ครูให้นักเรียนทำกิจกรรมที่ 4.1 การสะท้อนของคลื่นบนขดลวดสปริงโดยให้นักเรียนสังเกต พฤตกิ รรมคลน่ื ภายหลงั กระทบส่งิ กดี ขวาง และกิจกรรมท่ี 4.2 การสะท้อนของคลื่นผิวนำ้ ขนั้ ตอนท่ี 5 ขน้ั ประเมิน (Evaluation) ครูสังเกตการทำกิจกรรมที่ 4.1 การสะท้อนของคลื่นบนขดลวดสปริงโดยให้นักเรียนสังเกต พฤตกิ รรมคลนื่ ภายหลังกระทบสิ่งกีดขวาง และกิจกรรมที่ 4.2 การสะท้อนของคลนื่ ผิวน้ำเพ่ือประเมินความ เข้าใจของนักเรยี น ชว่ั โมงท่ี 3-4 (ใช้รปู แบบการเรยี นรู้ 5E ) ขน้ั ตอนที่ 1 ขน้ั สรา้ งความสนใจ (Engagement) ครูนำเข้าสู่บทเรียนโดยถามว่าเคยสังเกตคลื่นน้ำทะเลจากน้ำลึกเคลื่อนทีเ่ ข้าหาชายฝัง่ ทีเ่ ป็นน้ำตน้ื หรือไม่ จากนั้นนำภาพและคลิปวีดิทัศน์ประกอบคำถามให้นักเรียนสังเกต และตั้งคำถามว่าเมื่อคลื่น เคลือ่ นทเ่ี ขา้ หาฝง่ั มคี วามแตกตา่ งจากคลืน่ บรเิ วณนำ้ ลกึ อย่างไร ครตู ั้งคำถามว่าเคยสงั เกตคลืน่ นำ้ ตามแหล่งน้ำธรรมชาติ เมือ่ เคลอื่ นท่ีไปพบขอบส่งิ กีดขวางเช่นเสา สะพาน โขดหิน และชอ่ งเปดิ คลืน่ จะเคลื่อนท่ีผ่านส่ิงกดี ขวางเหล่านี้อยา่ งไร ครูแสดงภาพหรือคลิปวีดิทัศน์ การเลี้ยวเบนของคลื่นน้ำ เช่นกรณีประตูระบายน้ำ คลื่นผิวน้ำจะเคลื่อนที่อ้อมขอบช่องเปิดได้หรือไม่ มี ลกั ษณะอย่างไร ครูนำเข้าสู่บทเรียนโดยเปิดคลิปวีดิทัศน์กิจกรรมการสะบัดขดลวดสปริงทั้งสองด้านพร้อมกันไป ทศิ ทางเดียวกนั และสะบัดในทศิ ทางตรงขา้ มกนั โดยให้คลน่ื เคล่ือนท่เี ข้าหากนั แลว้ หยุดคลปิ วดี ทิ ัศน์ไวก้ ่อน คลื่นพบกัน จากนั้นครูตั้งคำถามว่า ขณะที่คลื่นทั้งสองมาพบกันนักเรียนคิดว่าจะเกิดคลื่นลักษณะอย่างไร กรณีสนั คล่ืนพบสนั คล่ืนและกรณสี ันคลื่นพบท้องคลน่ื ข้ันตอนท่ี 2 ขั้นสาํ รวจและคน้ หา (Exploration) 2.1 นักเรียนศึกษา เรื่อง พฤติกรรมของคลื่น จากหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ (ฉบับ ปรับปรุงพ.ศ.2560) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 เลม่ ที่ 2 2.2 นกั เรยี นศึกษา เร่อื ง พฤติกรรมของคลนื่ จากสื่อการสอน PowerPoint ขน้ั ตอนท่ี 3 ข้นั อธบิ ายและลงข้อสรปุ (Explanation) ครูอธิบายเนื้อหาเรื่อง พฤติกรรมของคลื่น เมื่อคลื่นตกกระทบที่ปลายสุดของสปริงที่ถูกตรึงไว้ จะ เกิดคลืน่ สะท้อนมีทิศตรงกนั ขา้ มกบั คลนื่ ตกกระทบ กรณคี ลนื่ นำ้ ในถาดคลนื่ เม่ือมคี ลืน่ หน้าตรงไปตกกระทบ
103 กับที่กั้นแนวเส้นตรงจะเกิดคลื่นหน้าตรงสะท้อนออกจากแผ่นก้ัน ซึ่งมีทิศตรงข้ามกับคลื่นน้ำที่ตกกระทบ แผ่นกั้นและเมื่อเปลี่ยนมุมแผ่นกั้น ทำให้คลื่นตกกระทบในทิศทำมุมใดๆกับแผ่นกั้น จะมีคลื่นสะท้อนออก จากแผ่นกั้นทำมุมนั้นๆที่ไม่ได้อยู่ในแนวเดิมกับคลื่นตกกระทบ ว่าเมื่อคลื่นเคลื่อนที่จากแหล่งกำเนิดไป กระทบสิ่งกีดขวาง เรียกคลื่นที่เคลื่อนที่ไปกระทบแผ่นกั้นว่าคลื่นตกกระทบ หลังการกระทบคลื่นจะ เคลือ่ นท่กี ลับมาในตัวกลางเดิม เรียกว่า การสะทอ้ นของคล่ืน และเรยี กคลื่นท่เี คล่ือนที่กลบั ออกมาจากแผ่น กั้นวา่ คล่ืนสะทอ้ น นนั่ คือ เม่อื คลื่นตกกระทบส่ิงกดี ขวางจะเกดิ คล่ืนสะท้อนข้นึ ขั้นตอนท่ี 4 ข้นั ขยายความรู้ (Elaboration) ครูให้นักเรียนทำกิจกรรมที่ 4.1 การสะท้อนของคลื่นบนขดลวดสปริง กิจกรรมที่ 4.2 การสะท้อน ของคลื่นผิวน้ำ กิจกรรมท่ี 4.3 การหักเหของคลื่น และกิจกรรมที่ 4.4 การเลี้ยวเบนของคลื่นผิวน้ำ พร้อม ทำแบบฝกึ หดั ที่ 4.2 พฤติกรรมของคล่ืน ขั้นตอนท่ี 5 ขั้นประเมนิ (Evaluation) ครูสังเกตการทำกิจกรรมที่ 4.1 การสะท้อนของคลื่นบนขดลวดสปริง กิจกรรมที่ 4.2 การสะท้อน ของคลื่นผิวน้ำ กิจกรรมท่ี 4.3 การหักเหของคลื่น และกิจกรรมท่ี 4.4 การเลี้ยวเบนของคลื่นผิวน้ำเพื่อ ประเมนิ ของนกั เรยี น หน่วยย่อยท่ี 2 เร่ือง ความถ่ีธรรมชาติ และการส่ันพ้อง ชัว่ โมงท่ี 5 (ใชร้ ูปแบบการเรียนรู้ 5E ) ขน้ั ตอนที่ 1 ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) ครูนำเข้าสู่บทเรียนโดยตั้งคำถามว่านักเรียนเคยแกว่งชิงช้าหรือแกว่งวัตถุที่แขวนอยู่หรือไม่ชิงช้า หรือวตั ถุมีลกั ษณะการแกวง่ อย่างไร ขั้นตอนที่ 2 ขั้นสาํ รวจและค้นหา (Exploration) 2.1 นักเรียนศึกษา เรื่อง ความถี่ธรรมชาติ และการสั่นพ้อง จากหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ.2560) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 เล่ม ที่ 2 2.2 นกั เรยี นศึกษา เร่อื ง ความถธี่ รรมชาติ และการสน่ั พอ้ ง จากสอ่ื การสอน PowerPoint ขน้ั ตอนท่ี 3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) ครูสาธิตการนำนอต 1 ตัว มาผูกเชือกยาว 80 เซนติเมตร แล้วแขวนไว้ให้แกว่งได้อย่างอิสระ จากนั้นออกแรงผลักนอตเพียงหน่ึงครัง้ หรืออาจใช้ภาพประกอบในหนังสือเรยี นประกอบการให้ความรูเ้ ร่อื ง คาบของการแกวง่ และความถี่ของการแกวง่ ตามรายละเอยี ดในหนงั สอื เรยี น ครูชี้แจงกับนักเรียนว่าท่ีความ ยาวเชือก 80 เซนติเมตร จะมีความถี่การแกว่งเป็นเท่าใดจะได้ศึกษาในกิจกรรมต่อไป และถามต่อว่าถ้า เปล่ียนความยาวเชือกท่แี ขวนและเปล่ียนมวลท่ีแขวน ความถกี่ ารแกวง่ ของวัตถจุ ะแตกต่างจากเดิมหรอื ไม่
104 ขน้ั ตอนท่ี 4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) ครูให้นักเรียนทำกิจกรรมที่ 4.6 ความถี่ธรรมชาติของลูกตุ้ม แบบฝึกหัดที่ 4.3 ความถี่ธรรมชาติ และการสนั่ พอ้ ง และแบบฝกึ หดั ทา้ ยบทท่ี 4 เรอ่ื ง ปรากฏการณ์ของคลืน่ กล ขน้ั ตอนท่ี 5 ขั้นประเมนิ (Evaluation) ครูตรวจสอบความถูกต้องของคำตอบแบบฝึกหัดที่ 4.3 ความถี่ธรรมชาติ และการสั่นพ้อง และ แบบฝึกหัดทา้ ยบทท่ี 4 เรอื่ ง ปรากฏการณ์ของคลน่ื กล ของนักเรียน 9. สอ่ื การสอน 9.1 หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ตามหลักสูตรแกนกลาง การศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 เลม่ ท่ี 2 9.2 สื่อการสอน PowerPoint ของครผู ู้สอน 10. แหลง่ เรียนรูใ้ นหรือนอกสถานที่ 10.1 สอื่ การสอนอนิ เตอรเ์ นต็ 11. การวดั และประเมนิ ผล ชน้ิ งาน/ภาระงาน วิธีวัด เครื่องมือ เ ก ณ ฑ ์ ก า ร ใ ห้ เกณฑก์ ารประเมนิ 1. แบบฝึกหดั ท่ี 4.1 เรอ่ื ง คล่นื กล ตรวจ วดั คะแนน แบบฝกึ หัด แบบฝึกหัด ตอบถูกต้องตาม คะแนน 16-20 = ดมี าก 2. แ บ บ ฝ ึ ก ห ั ด ท ี ่ 4.2 เ ร ื ่ อ ง ตรวจ แบบฝึกหัดท่ีให้ทำ คะแนน 11-15 = ดี คะแนน 6-10 = พอใช้ พฤตกิ รรมของคล่ืน แบบฝกึ หัด คะแนน 0-5 = ปรับปรงุ ผา่ นเกณฑ์ในระดับดีข้นึ ไป 3.แบบฝึกหัดที่ 4.3 เรื่อง ความถี่ ตรวจ แบบฝึกหัด ตอบถูกต้องตาม คะแนน 16-20 = ดมี าก ธรรมชาติ และการสั่นพอ้ ง แบบฝึกหดั แบบฝึกหดั ทีใ่ หท้ ำ คะแนน 11-15 = ดี คะแนน 6-10 = พอใช้ คะแนน 0-5 = ปรบั ปรุง ผา่ นเกณฑใ์ นระดบั ดขี นึ้ ไป แบบฝกึ หดั ตอบถูกต้องตาม คะแนน 16-20 = ดีมาก แบบฝึกหัดท่ใี ห้ทำ คะแนน 11-15 = ดี คะแนน 6-10 = พอใช้
105 4.แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 4 เรื่อง ตรวจ คะแนน 0-5 = ปรับปรงุ ผา่ นเกณฑใ์ นระดบั ดีขึ้นไป ปรากฏการณข์ องคลื่นกล แบบฝกึ หดั แบบฝกึ หัด ตอบถูกต้องตาม คะแนน 16-20 = ดีมาก แบบฝกึ หดั ทใ่ี หท้ ำ คะแนน 11-15 = ดี คะแนน 6-10 = พอใช้ คะแนน 0-5 = ปรับปรุง ผ่านเกณฑใ์ นระดบั ดขี ้นึ ไป สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น วิธวี ัด เคร่อื งมอื วดั เกณฑ ์ การให้ เกณฑ์การประเมิน คะแนน 1. ความสามารถในการสื่อสาร ป ร ะ เ ม ิ น จ า ก แ บ บ ป ร ะ เ มิ น ตารางเกณฑก์ ารให้ 4= ดีมาก พฤต ิ กรรมของ คุณลักษณะอันพึง ค ะ แ น น 3= ดี ผู้เรยี น ป ร ะ ส ง ค์ คุณลักษณะอันพึง 2= พอใช้ 1= ควรปรับปรงุ (รายบคุ คล) ประสงค์ 2. ความสามารถในการคดิ ป ร ะ เ ม ิ น จ า ก แ บ บ ป ร ะ เ มิ น ตารางเกณฑ์การให้ 4= ดมี าก พฤต ิ กรรมของ คุณลักษณะอันพึง ค ะ แ น น 3= ดี ผู้เรยี น ป ร ะ ส ง ค์ คุณลักษณะอันพึง 2= พอใช้ 1= ควรปรบั ปรุง (รายบุคคล) ประสงค์ 3. ความสามารถในการใช้ทักษะ ป ร ะ เ ม ิ น จ า ก แ บ บ ป ร ะ เ มิ น ตารางเกณฑก์ ารให้ 4= ดีมาก ชีวติ พฤต ิ กรรมของ คุณลักษณะอันพึง ค ะ แ น น 3= ดี ผ้เู รียน ป ร ะ ส ง ค์ คุณลักษณะอันพึง 2= พอใช้ 1= ควรปรบั ปรุง (รายบคุ คล) ประสงค์
106 แบบประเมินการปฏิบัตกิ าร คำชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินการปฏิบัติการของนักเรียนตามรายการที่กำหนด แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ตรง กบั ระดับคะแนน ลำดบั ที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 4 3 21 1 การปฏิบตั กิ ารทดลอง 2 ความคลอ่ งแคล่วในขณะปฏบิ ัตกิ าร 3 การนำเสนอ 4 การจะจดั เก็บอปุ กรณ์ใหเ้ ปน็ ระเบียบ ลงชอื่ ................................................... ผปู้ ระเมนิ ................../................/............... เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 4 คะแนน ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้งั ให้ 1 คะแนน ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมบางคร้งั ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมนอ้ ยคร้งั หรอื ไมเ่ คยปฏิบัตเิ ลย เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ 0-7 คะแนน ระดับคุณภาพ 1 หมายถึง ปรับปรุง 8-10 คะแนน ระดับคุณภาพ 2 หมายถึง พอใช้ 11-13 คะแนน ระดับคุณภาพ 3 หมายถึง ดี 14-16 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 4 หมายถึง ดีมาก
107 แบบประเมินคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ คำคำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงใน ชอ่ งทตี่ รงกบั ระดบั คะแนน คุณลักษณะอันพึง รายการประเมิน ระดับคะแนน ประสงค์ 1234 1. ซอ่ื สตั ย์ สุจริต 1.1ใหข้ ้อมลู ที่ถกู ต้องและเปน็ จริง 2. มีวินัยรบั ผดิ ชอบ 3. ใฝ่เรียนรู้ 1.2ปฏิบัตใิ นส่ิงท่ถี กู ตอ้ ง 5. มุง่ ม่ันในการทำงาน 2.1ปฏิบตั ติ ามข้อตกลงกฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบงั คับของครอบครัว 6. มีจติ สาธารณะ 2.2มคี วามตรงตอ่ เวลาในการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมต่าง ๆในชีวติ ประจำวัน 3.1รจู้ กั ใช้เวลาวา่ งใหเ้ ปน็ ประโยชนแ์ ละนำไปปฏิบตั ไิ ด้ 3.2รู้จกั จดั สรรเวลาใหเ้ หมาะสม 3.3เชอื่ ฟงั คำสง่ั สอนของบิดา-มารดาโดยไมโ่ ตแ้ ย้ง 3.4ตง้ั ใจเรยี น 5.1มีความต้ังใจและพยายามในการทำงานท่ไี ดร้ ับมอบหมาย 5.2มคี วามอดทนและไม่ทอ้ แทต้ อ่ อุปสรรคเพือ่ ใหง้ านสำเร็จ 6.1รู้จกั ชว่ ยเหลอื เพอื่ นและครู 6.2รู้จกั การดูแลรักษาทรัพยส์ มบตั แิ ละสิ่งแวดล้อมของห้องเรียนและโรงเรยี น ลงชือ่ ................................................... ผูป้ ระเมิน ................../.............../............... เกณฑ์การให้คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบอ่ ยครั้ง ให้ 3 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครัง้ หรอื ไม่เคยปฏบิ ตั ิเลย ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ 0-6 คะแนน ระดับคุณภาพ 1 หมายถงึ ปรบั ปรงุ 7-12 คะแนน ระดับคุณภาพ 2 หมายถึง พอใช้ 13-18 คะแนน ระดบั คุณภาพ 3 หมายถึง ดี 19-24 คะแนน ระดับคุณภาพ 4 หมายถงึ ดีมาก
108 แบบประเมินพฤติกรรมการเรียนและการมีส่วนรว่ มในชนั้ เรยี น คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมและการมีส่วนร่วมในชั้นเรียนของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอก เวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในชอ่ งทตี่ รงกับระดับคะแนน ลำดับที่ รายการประเมนิ ระดับคะแนน 21 43 1 การแสดงความคิดเหน็ 2 การยอมรบั ฟังความคิดเห็นของผอู้ ื่น 3 การทำงานตามหน้าทที่ ี่ได้รบั มอบหมาย 4 ความมนี ำ้ ใจ 5 การตรงตอ่ เวลา ลงชือ่ ................................................... ผู้ประเมนิ ................../................/............... เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 4 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครง้ั ให้ 1 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครัง้ ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมน้อยคร้งั หรือไม่เคยปฏบิ ตั เิ ลย เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ 0-7 คะแนน ระดับคุณภาพ 1 หมายถงึ ปรบั ปรุง 8-10 คะแนน ระดับคณุ ภาพ 2 หมายถึง พอใช้ 11-13 คะแนน ระดับคุณภาพ 3 หมายถึง ดี 14-15 คะแนน ระดบั คณุ ภาพ 4 หมายถึง ดีมาก
109 12. กจิ กรรมเสนอแนะ .................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................... 13. บันทึกผลหลงั การสอน สรปุ ผลการเรียนการสอน นักเรียนทงั้ หมดจำนวน.....................คน จุดประสงค์การเรียนรู้ จำนวนนักเรยี นที่ผ่าน จำนวนนักเรยี นทไ่ี มผ่ า่ น ขอ้ ท่ี จำนวนคน ร้อยละ จำนวนคน รอ้ ยละ 1 2 3 15. ปญั หา/อปุ สรรค/แนวทางแก้ไข ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... 16. ข้อเสนอแนะ ............................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................ ลงช่ือ.................................................................................... (....................................................................................) ตำแหนง่ ครู วิทยฐานะ ลงชื่อ.................................................................................... (....................................................................................) หวั หน้ากลุม่ สาระการเรยี นรู้ ลงชอ่ื .................................................................................... (....................................................................................) รองผอู้ ำนวยการกลุม่ บรหิ ารวิชาการ
110 17. ความเห็นของหัวหน้าสถานศกึ ษา ได้ทำการตรวจแผนการเรยี นร้ขู อง....................................................แล้วมคี วามคิดเห็นดังนี้ 10. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ดีมาก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง 11. การจดั กจิ กรรมไดน้ ำเอากระบวนการเรียนรู้ เน้นผเู้ รียนเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนได้อยา่ งเหมาะสม ยงั ไมเ่ นน้ ผู้เรยี นเปน็ สำคัญ ควรปรับปรงุ พัฒนาต่อไป 12. ขอ้ เสนอแนะอ่นื ๆ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................ ลงชอ่ื .................................................................................... (....................................................................................) ผ้อู ำนวยการโรงเรียน…………………………………………………………..
111 แบบฝึกหัดท่ี 4.1 เรื่อง เซลล์สุรยิ ะ แนวคำตอบตรวจสอบความเข้าใจ 4.1.1 1. จากรูปคล่นื ขบวนนมี้ ีคลนื่ กล่ี ูกคลื่น ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………..……… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ถ้าคล่ืนขบวนนีเ้ คลื่อนทีไ่ ด้ตามรูป ในเวลา 1 วนิ าที คลน่ื ขบวนน้ีมีความถเ่ี ท่าใด ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………..……… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. คาบในการเคล่ือนท่ีของคลนื่ ขบวนนี้ มคี ่าเท่าใด ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………..……… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
112 แบบฝกึ หัดที่ 4.2 เรื่อง พฤติกรรมของคล่ืน 1. คลืน่ ทะเลท่ีเคลื่อนท่ีเขา้ หาชายฝั่ง คลน่ื ทะเลแสดงพฤติกรรมใด อธบิ าย ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………..……… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………..……… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………..……… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. คลน่ื นำ้ จากแหลง่ กำเนิดคล่ืนท้งั สาม เมอ่ื เคลื่อนทม่ี าพบกนั จะแสดงพฤติกรรมใด อธิบาย ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………..……… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………..……… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………..………
113 แบบฝกึ หัดที่ 4.3 เร่ือง ความถธ่ี รรมชาติ และการสนั่ พ้อง 1. เม่ือเคาะระฆัง 1 ครัง้ ความถ่เี สยี งที่ไดย้ นิ เปน็ ความถธ่ี รรมชาตขิ องระฆังหรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 2. ถ้าตอ้ งการช่วยเพื่อนที่เลน่ ชงิ ชา้ อยใู่ หแ้ กวง่ ไดแ้ อมพลิจดู มากขึ้น ต้องช่วยแกวง่ ชิงชา้ ให้มคี วามถ่ี น้อยกว่า มากกว่า หรอื เท่ากับความถ่กี ารแกวง่ เดมิ ของชิงชา้ เพราะเหตุใด ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 3. ถา้ เพม่ิ ความยาวเชือกทแ่ี ขวนนอตจำนวน 3 ตัว จาก 80 เซนติเมตร เป็น 120 เซนติเมตรความถี่ ธรรมชาตใิ นการแกวง่ ของลูกตมุ้ เปลี่ยนไปหรือไม่ อยา่ งไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 4. สปรงิ บอรด์ กระโดดนำ้ มปี ระโยชนต์ ่อนกั กฬี ากระโดดน้ำอย่างไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………
114 แบบฝกึ หัดท้ายบทที่ 4 เรื่อง ปรากฏการณ์ของคลนื่ กล 1. จากรูปคล่นื ผิวน้ำดังตอ่ ไปนี้ ใหร้ ะบพุ ฤติกรรมของคล่นื และระบุบริเวณท่คี ล่ืนแสดงพฤติกรรมนน้ั 1.1 …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 1.2 …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
115 1.3 …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 2. จากรปู คล่นื สองคล่ืนกำลงั เคลอ่ื นที่เขา้ หากนั ให้นักเรยี นวาดรปู คล่ืนรวมเมื่อคลื่นสองคลนื่ มาพบกัน ในขณะการกระจัดสูงสดุ ของคล่นื ทง้ั สองอยใู่ นแนวเส้นประและวาดรปู คล่ืนเม่ือคลน่ื ทั้งสองเคล่ือนทผี่ ่านกนั แล้ว …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…
116 3. ในการเดนิ ขบวนพาเหรดของกลมุ่ คนท่มี ีการลงนำ้ หนักเทา้ อย่างเป็นจงั หวะพรอ้ มเพรียงกนั แต่เม่ือเดนิ ขึน้ สะพานทกุ คนจะเปลี่ยนเป็นเดนิ อย่างอิสระไมเ่ ปน็ จงั หวะพร้อมเพรยี งกนั เพ่ือวัตถปุ ระสงค์ใด …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 4. จากรปู เม่ือคลื่นสองคล่นื กำลงั เคลอ่ื นท่ีมาพบกนั ให้นักเรยี นวาดรูปคล่นื รวมเมื่อคลื่นท้ัง สองเคล่อื นท่ีมาพบและซ้อนทับกนั พอดี …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 5. ลกู ตมุ้ A มีมวลมากกว่าลกู ตุม้ B ซ่งึ แขวนไวด้ ว้ ยเชอื กความยาวเทา่ กนั เม่ือกระตุ้นลูกตุม้ A ให้แกว่ง อิสระ ลูกตมุ้ B จะเกดิ การแกว่งแบบสนั่ พ้องกับลูกตุ้ม A หรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด …………………………………………………………………………………………………………………………………………………..… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
117
118 แผนการจดั การเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ วิทยศาสตร์และเทคโนโลยีรายวิชา พื้นฐานวิทยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์กายภาย(ฟิสกิ ส์) ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2564 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 5 เรอื่ ง เสียง เวลา 5 ชั่วโมง 1.มาตรฐานการเรียนร้/ู ตัวชี้วดั มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ท่ี เกี่ยวขอ้ งกับเสยี ง แสง และคลืน่ แมเ่ หล็กไฟฟา้ รวมท้ังนำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ 2.ตวั ช้วี ดั ตัวชี้วัด ม. 5/5 สังเกตและอธิบายการสะท้อนการหักเหการเลี้ยวเบนและการรวมคลื่นของคลื่น เสียง ตวั ชวี้ ัด ม. 5/6 สบื ค้นขอ้ มูลและอธิบายความสมั พันธ์ระหว่างความเข้มเสียงกบั ระดับเสียงและผล ของความถ่ีกบั ระดบั เสยี งที่มีต่อการไดย้ นิ เสียง ตัวชี้วัด ม. 5/7 สังเกตและอธิบายการเกิดเสียงสะท้อนกลับบีต ดอปเพลอร์และการสั่นพ้องของ เสียง ตัวชี้วัด ม. 5/8 สืบค้นข้อมูลและยกตัวอย่างการนำความรู้เกี่ยวกับเสียงไปใช้ประโยชน์ใน ชีวติ ประจำวนั 3.จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 3.1 ด้านพุทธิพสิ ยั (K) 1. นักเรียนสามารถอธิบายการสะท้อนของเสียง การหักเหของเสียง การเลี้ยวเบนของเสียง และ การรวมคลน่ื ของคล่ืนเสยี งได้อยา่ งถูกต้อง (K) 2. นักเรียนสามารถอธิบายความเข้มเสียง กำลังเสียง ระดับเสียง ความสัมพันธ์ระหว่างความเข้ม เสียงและระดบั เสียง และผลของความถี่และระดับเสียงท่มี ตี ่อการไดย้ นิ เสียงได้อยา่ งถูกต้อง (K) 3. นักเรียนสามารถอธิบายการเกิดเสียงสะท้อนกลับ บีต การสั่นพ้องของเสียง และดอปเพลอร์ได้ อย่างถกู ต้อง (K) 4. นักเรียนสามารถอธิบายและยกตัวอย่างการนำความรู้เกี่ยวกับเสียงไปใช้ประโยชน์ใน ชีวติ ประจำวันได(้ K)
119 3.2 ดา้ นทกั ษะพสิ ยั (P) 1. นักเรียนสามารถอภิปรายการสะท้อนการหักเหการเลี้ยวเบนและการรวมคลื่นของคลื่นเสียงได้ อยา่ งถกู ตอ้ ง (P) 2. นักเรียนสามารถอภิปรายการสะท้อนการหักเหการเลี้ยวเบนและการรวมคลื่นของคลื่นเสียงได้ อย่างถกู ตอ้ ง (P) 3. นักเรียนสามารถอภิปรายการการเกิดเสียงสะท้อนกลบั บีต ดอปเพลอร์และการส่นั พ้องของเสียง ไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง (P) 4. นกั เรียนสามารถอภิปรายการนำความรู้เกยี่ วกบั เสยี งไปใช้ประโยชนใ์ นชีวิตประจำวันได้ (P) 3.3 ด้านเจตพิสัย (A) 1. นกั เรยี นเลง็ เหน็ ถึงความสำคัญของการสะท้อนการหักเหการเล้ียวเบนและการรวมคล่ืนของคล่ืน เสียง(A) 2. นักเรียนเล็งเห็นถึงความสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างความเข้มเสียงกับระดับเสียงและผล ของความถกี่ ับระดบั เสียงทม่ี ตี ่อการไดย้ นิ เสยี ง(A) 3. นักเรยี นเล็งเห็นถึงความสำคัญของการเกิดเสยี งสะท้อนกลับบีต ดอปเพลอรแ์ ละการสน่ั พ้องของ เสยี ง(A) 4. นกั เรียนเลง็ เห็นถงึ ความสำคญั ของความรเู้ กยี่ วกบั เสียงไปใช้ประโยชนใ์ นชีวติ ประจำวัน(A) 4.สาระสำคญั เสียงเปน็ คล่ืนกลชนดิ หน่ึง บทน้ีจะไดศ้ ึกษาพฤตกิ รรมการสะท้อน การหักเห การเลี้ยวเบน และ การรวมคลืน่ เสยี ง การสะทอ้ นของเสียงเกดิ ขึ้นเมอื่ เสียงไปกระทบกับส่ิงกดี ขวาง เสียงจะเคลอ่ื นท่ีสะทอ้ นกลับมา ได้ การหักเหของเสียงเกิดข้นึ เมื่อเสยี งเดินทางผ่านอากาศท่มี ีอณุ หภูมติ ่างกัน ทำให้เสียงเดนิ ทางด้วย อัตราเร็วเปลยี่ นไปจึงเกดิ การหกั เหเปลย่ี นทศิ ทางของเสียง การเล้ยี วเบนของเสยี งเกดิ ข้ึนเม่ือเสยี งเดนิ ทางไปพบวัตถุสิ่งกดี ขวาง เสียงสามารถเคล่ือนทอ่ี ้อม ขอบวตั ถไุ ปยงั ด้านหลงั ได้ การรวมกนั ของคลน่ื เสียงเกิดข้ึนเมอ่ื คลนื่ เสียงต้งั แต่ 2 คล่นื ขนึ้ ไปมาพบกนั สามารถรวมกนั ได้ การรวมคลืน่ แบบเสริมเสยี งจะดังขึ้น การรวมคลื่นแบบหักลา้ งเสียงจะเบาลง เสยี งที่เราไดย้ นิ ทงั้ เสยี งดัง-เสยี งค่อยมีผลมาจากกำลังเสยี งของแหลง่ กำเนิดเสยี งและระยะทาง ของผ้ฟู ัง กำลังเสยี งทีส่ ่งพลังงานเสยี งออกไปตกตั้งฉากลงบนหนงึ่ หนว่ ยพ้นื ท่ีคือ ความเขม้ เสยี ง โดย ความเข้มเสียงทผี่ ฟู้ งั ได้รบั มชี ่วงกวา้ งมาก เราจงึ บอกความดงั ดว้ ยระดบั เสยี งซงึ่ คนทว่ั ไปไดย้ ินอย่ใู น ช่วง 0-120 เดซเิ บล
120 มนษุ ย์ทั่วไปสามารถได้ยินเสียงทีค่ วามถ่ี 20-20000 เฮิรตซ์ สำหรับการได้ยินเสียงของมนษุ ย์ เมือ่ พิจารณาความถร่ี ว่ มกบั ระดบั เสยี ง พบวา่ เสยี งท่ีอยนู่ อกเหนอื ช่วง 20-20000 เฮิรตซ์ ถ้ามีความถี่ ที่เหมาะสม ก็สามารถไดย้ ินเสยี งได้ ศึกษาปรากฏการณต์ า่ งๆของเสยี งทพ่ี บในชีวิตประจำวัน เสยี งสะทอ้ นกลับ การสน่ั พ้องของ เสียง บตี และปรากฏการณด์ อปเพลอร์ ตวั อยา่ งประโยชนข์ องเสียงในด้านต่างๆ เชน่ ดา้ นการเดินเรือ และการประมงด้านการแพทย์ เปน็ ต้น 5.สาระการเรียนรู้ เสยี งมีการสะท้อน การหักเห การเล้ยี วเบนและการรวมคล่ืนเช่นเดยี วกับคลื่นอ่ืน ๆ ความถี่ของคลื่นเสียงเป็นปริมาณที่ใช้บอเสียงสูงเสียงต่ำ โดยความถี่ที่คนได้ยินมีค่าอยู่ระหว่าง20- 20,000 เฮิรตซ์ ระดบั เสียงเป็นปริมาณที่ใช้บอกความดังของเสียงซึ่งขึน้ กับความเข้มเสียงโดยความเข้มเสียง เป็นพลงั งานเสยี งท่ตี กต้ังฉากบนพืน้ ทีห่ นง่ึ หน่วยในหน่ึงหนว่ ยเวลา เสยี งท่ีมีความดังมากเกินไปเป็นอันตราย ตอ่ หู เมอื่ เสยี งจากแหล่งกำเนิดเดินทางไปกระทบวัตถุแลว้ สะท้อนกลบั มายังผฟู้ งั ถ้าผู้ฟังได้ยนิ เสียง ท่อี อกจากแหล่งกำเนดิ และเสียงท่ีสะท้อนกลบั มา แยกจากกัน เสยี งทไี่ ดย้ นิ น้เี ปน็ เสยี งสะทอ้ นกลับ เมอ่ื คลน่ื เสยี งสองขบวนทีม่ ีความถีใ่ กลเ้ คียงกนั มารวมกนั จะเกิดบีต เมื่อแหล่งกำเนิดเสียงเคลื่อนที่ ผู้ฟังเคลื่อนที่ หรือทั้งแหล่งกำเนิดและผู้ฟังเคลื่อนที่ ผู้ฟังจะได้ยิน เสยี งท่ีมีความถเี่ ปลี่ยนไป เรยี กว่า ปรากฏ- การณ์ดอปเพลอร์ ถ้าอากาศในท่อถูกกระตุ้นด้วยคล่ืนเสียงที่มคี วามถีเ่ ท่ากับความถ่ีธรรมชาติของอากาศในท่อน้ันจะ เกิดการสนั่ พ้องของเสยี ง ความรู้เกี่ยวกับเสียงนำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆเช่น คลื่นเหนือเสียงหรืออัลตราซาวนด์ใช้ ในทางการแพทย์ บีตของเสียงในการปรับเทียบเสียงของเครื่องดนตรี การสั่นพ้องของเสียงใช้ในการ ออกแบบเครือ่ งดนตรีและอธบิ ายการเปล่งเสียงของมนษุ ย์ 6.สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น ความสามารถในการสอื่ สาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแก้ปัญหา ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
121 ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษท่ี 21 (3R 8C + 2L) (จดุ เนน้ สูก่ ารพฒั นาคณุ ภาพผ้เู รยี น) ทกั ษะการอ่าน (Reading) ทกั ษะการ เขยี น (Writing) ทกั ษะการ คิดคำนวณ (Arithmetic) ทักษะด้านการคดิ อย่างมวี ิจารณญาณและทักษะในการแกป้ ญั หา (Critical thinking and problem solving) ทกั ษะดา้ นการสรา้ งสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) ทกั ษะดา้ นความรว่ มมอื การทำงานเปน็ ทีม และภาวะผู้นำ (Collaboration , teamwork and leadership) ทกั ษะดา้ นความเขา้ ใจต่างวฒั นธรรม ต่างกระบวนทศั น์ (Cross-cultural understanding) ทกั ษะด้าน การสื่อสาร สารสนเทศ และรู้เท่าทนั ส่ือ (Communication information and media literacy) ทกั ษะด้านคอมพวิ เตอร์ และเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร (Computing) ทกั ษะอาชีพและทกั ษะการเรยี นรู้ (Career and learning self-reliance, change) ทักษะการเปลี่ยนแปลง (Change) ทกั ษะการเรยี นรู้ (Learning Skills) ภาวะผู้นำ (Leadership) 7. ช้นิ งานหรือภาระงาน ( หลักฐาน / รอ่ งรอยแสดงความรู้ ) 7.1 แบบฝึกหดั ท่ี 5.1 เรอื่ ง พฤตกิ รรมของเสยี ง 7.2 แบบฝึกหัดท่ี 5.2 เรอ่ื ง การไดย้ ินเสยี ง 7.3 แบบฝึกหดั ท่ี 5.3 เร่อื ง ปรากฏการณ์อ่นื ๆของเสียง 7.4 แบบฝกึ หดั ท่ี 5.4 เรื่อง ประโยชน์ของเสยี งในด้านต่างๆ 7.5 แบบฝึกหดั ทา้ ยบทท่ี 5 เร่ือง เสยี ง 8. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ หน่วยย่อยท่ี 1-2 เรื่อง พฤติกรรมของเสียง ชว่ั โมงที่ 1 (ใช้รปู แบบการเรียนรู้ 5E ) ขั้นตอนท่ี 1 ขั้นสรา้ งความสนใจ (Engagement) ครูนำเข้าสู่บทเรียนโดยทบทวนการสะทอ้ นของคลื่นบนขดลวดสปรงิ และคลื่นน้ำ และตั้งคำถามวา่ เสยี งซง่ึ เปน็ คลนื่ กลเมอ่ื เสียงเคลื่อนทมี่ าพบส่ิงกดี ขวาง เสียงจะแสดงพฤตกิ รรมการสะทอ้ นไดห้ รอื ไม่
122 ข้ันตอนที่ 2 ขั้นสาํ รวจและค้นหา (Exploration) 2.1 นักเรียนศึกษา เรื่อง พฤติกรรมของเสียง จากหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ (ฉบับ ปรบั ปรุงพ.ศ.2560) ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 เล่มท่ี 2 2.2 นักเรียนศึกษา เรอื่ ง คลืน่ กล จากส่อื การสอน PowerPoint ขน้ั ตอนท่ี 3 ขนั้ อธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation) ครูทบทวนการหักเหของคลื่นกลวา่ เมอื่ คลน่ื กลเดนิ ทางผ่านตัวกลางที่ต่างกันจะเกิดการหักเห โดย อาจเปลี่ยนทิศทางการเคลอื่ นทข่ี องคลืน่ หรือไม่กไ็ ด้ แลว้ ต้งั คำถามเก่ยี วกบั ปรากฏการณก์ ารหักเหของ เสยี งเชน่ นักเรยี นเคยเหน็ ฟ้าแลบแต่ไม่ได้ยนิ เสยี งฟา้ ร้องหรอื ไม่ คดิ ว่าเปน็ เพราะเหตใุ ด ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันอภิปราย รายเกี่ยวกบั การเคลื่อนที่ของเสียงผ่านอากาศที่ระดับความสูงต่าง ๆ เหนือพื้นดิน จนได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการหักเหของเสียงที่ทำให้บางครั้งเราเห็นฟ้าแลบแต่ไม่ได้ยินเสียงฟ้า ร้องดังนี้ เสียงจากตำแหน่งที่เกิดฟ้าแลบเดินทางสู่ด้านล่างผ่านอากาศที่มีอุณหภูมิต่างกัน โดยอากาศ ด้านบนอุณหภูมิต่ำกว่าด้านล่าง ทำให้เสียงเดินทางจากด้านบนสู่ด้านล่างด้วยอัตราเร็วเพิ่มขึ้นทีละน้อย ตลอดเส้นทาง เสียงเกิดการเปลี่ยนทิศทางทีละน้อยจนในที่สุดไม่สามารถเดินทางมาถึงตัวเรา แสดงว่าเกิด การหกั เหของเสียงเมื่อผ่านตวั กลางตา่ งกนั ครูตั้งคำถามว่าเมื่อเสียงเดินทางไปพบสิ่งกีดขวางนอกจากการสะท้อนของเสียงแล้ว เสียงยัง สามารถเคล่ือนทอ่ี อ้ มส่งิ กดี ขวางไปไดห้ รือไม่ ใหน้ ักเรียนตอบอย่างอิสระ ครูยกตวั อย่างสถานการณใ์ นชีวิต ประจำวนั เชน่ เม่อื มีคนยืนคุยกันอยูท่ ี่มุมตึกดา้ นหน่ึงแล้วนักเรียนยืนอยู่อกี ดา้ นของมุมตึก หรือนักเรียนยืน ใกล้ประตู-หน้าต่างที่มีคนคุยกันในห้อง โดยทั้งสองกรณีนีม้ องไม่เห็นผูท้ ี่คุยกนั นักเรียนจะได้ยินเสยี งคนคยุ กันหรือไม่ ขน้ั ตอนที่ 4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) ครูใหน้ กั เรยี นทำกิจกรรมที่ 5.1 การสะท้อนของเสยี ง กิจกรรม 5.2 การเลย้ี วเบนของเสยี ง กจิ กรรม 5.3 การรวมกันของเสยี ง พรอ้ มตอบคำถามทา้ บกิจกรรม และแบบฝึกหดั 5.1 เรือ่ ง พฤตกิ รรมของ เสยี ง ข้นั ตอนท่ี 5 ขนั้ ประเมนิ (Evaluation) ครสู งั เกตการทำกจิ กรรมท่ี 5.1 การสะท้อนของเสยี ง กิจกรรม 5.2 การเล้ยี วเบนของเสยี ง กิจกรรม 5.3 การรวมกันของเสียง แบบฝึกหดั 5.1 เรอื่ ง พฤตกิ รรมของเสยี ง และตรวจสอบคำถามทา้ ยกจิ กรรมเพ่ือ ประเมินความเขา้ ใจของนักเรียน
123 หนว่ ยย่อยท่ี 2 เร่ือง การได้ยนิ เสยี ง ชั่วโมงที่ 3 (ใช้รปู แบบการเรยี นรู้ 5E ) ขน้ั ตอนท่ี 1 ข้ันสร้างความสนใจ (Engagement) ครูนำเข้าสู่บทเรียนโดยทบทวนการสะท้อนของคลื่นบนขดลวดสปริงและคลื่นน้ำ และตั้งคำถามว่า เสียงซึง่ เปน็ คล่ืนกลเมือ่ เสยี งเคลอ่ื นท่ีมาพบส่ิงกดี ขวาง เสยี งจะแสดงพฤติกรรมการสะท้อนได้หรือไม่ ขัน้ ตอนที่ 2 ขนั้ สาํ รวจและค้นหา (Exploration) 2.1 นักเรียนศึกษา เรื่อง การได้ยินเสียง จากหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ (ฉบับ ปรบั ปรุงพ.ศ.2560) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 เลม่ ที่ 2 2.2 นักเรียนศกึ ษา เร่อื ง การไดย้ ินเสยี ง จากส่อื การสอน PowerPoint ขั้นตอนท่ี 3 ข้ันอธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) ครูให้ความรู้เกี่ยวกับความเข้มเสียงโดยอธิบายเพิ่มเติมว่าเสียงสามารถแผ่พลังงานเสียงออกไปได้ ทุกทิศทุกทางเป็นลักษณะทรงกลมโดยกำลังเสียงที่ตกตั้งฉากลงบนหนึ่งหน่วยพื้นที่ คือความเข้มเสียง โดย พิจารณาภาพประกอบในบทเรียนร่วมด้วย และร่วมกันอภิปรายจนได้ข้อสรุปว่าเมื่อระยะทางจาก แหล่งกำเนิดเสียงมากขึ้น พื้นที่รับเสียงจะมากขึ้นส่งผลให้ความเข้มเสียงลดลง ให้ความรู้เพิ่มเติมว่าความ เข้มเสียงที่มนุษย์สามารถรับรู้ได้ในรูปของเสียงดัง-ค่อย มีช่วงกว้างมากเพื่อความสะดวกจึงวัดเป็นระดับ เสียง มีหน่วยเป็นเดซิเบล ให้ความรู้เพิ่มเติม ตามรายละเอียดในบทเรียนครูนำอภิปรายโดยชี้ใหเ้ ห็นว่า คน ปกติจะเริ่มได้ยินเสียงท่ีความเข้ม 10-12 W/m2 และเริม่ เจ็บปวดท่ีความเข้ม 1 W/m2 ซึ่งมีความเข้มเสียง ต่างกันเป็นล้านล้านเท่า นั่นคือมีช่วงกว้างมาก เพื่อความสะดวกในการบอกค่าในช่วงที่ไม่กว้างมาก จึงวัด เปน็ ระดบั เสยี ง มีหนว่ ยเปน็ เดซิเบล โดยให้ค่าความเขม้ เสียง 10-12 W/m2 เป็นระดับเสียง 0 เดซเิ บล ขนั้ ตอนท่ี 4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) ครใู หน้ กั เรยี นทำแบบฝกึ หัด 5.2 เรือ่ ง การได้ยินเสยี ง ขั้นตอนที่ 5 ข้นั ประเมนิ (Evaluation) ครตู รวจความถูกต้องของแบบฝึกหดั 5.2 เร่ือง การได้ยนิ เสียง เพ่ือประเมินความเข้าใจของนกั เรียน หน่วยย่อยที่ 3 เร่อื ง ปรากฏการณ์อื่นๆของเสยี ง ชั่วโมงท่ี 4 (ใชร้ ูปแบบการเรยี นรู้ 5E ) ขน้ั ตอนท่ี 1 ข้นั สร้างความสนใจ (Engagement) ครูนำเข้าส่บู ทเรียน โดยให้นักเรยี นบอกเล่าประสบการณ์ หรือ ชมวดี ทิ ศั น์ เกย่ี วกับการไดย้ ิน เสียงสะท้อนกลบั ในบริเวณที่มพี ้นื ท่ีกว้างๆ เช่น บรเิ วณภเู ขา หอ้ งประชุมหรือหอ้ งกีฬาในร่ม ขน้ั ตอนที่ 2 ขนั้ สํารวจและค้นหา (Exploration) 2.1 นกั เรียนศึกษา เร่ือง ปรากฏการณ์อน่ื ๆของเสียง จากหนังสือเรียนรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุงพ.ศ.2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เล่มที่ 2
124 2.2 นกั เรียนศกึ ษา เรอื่ ง ปรากฏการณ์อ่ืนๆของเสียง จากสื่อการสอน PowerPoint ขั้นตอนท่ี 3 ขนั้ อธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) ครอู ธบิ ายเน้ือหาเรื่อง ปรากฏการณ์อ่ืนๆของเสยี ง เมอื่ เสียงพบส่ิงกดี ขวาง ถ้าเสียงใช้เวลาเดินทาง มากกว่า 1/10 วินาทีจะได้ยินเสียงสะท้อนกลับ แต่ถ้าเสียงใช้เวลาเดินทางน้อยกว่า 1/10 วินาที จะเกิด เสียงก้อง ตามรายละเอียดในบทเรียนจากนั้นครูยกตัวอย่างสถานที่ต่าง ๆ ที่มีการออกแบบให้ลดการเกิด เสียงสะทอ้ นกลับและลดเสียงก้อง แล้วต้ังคำถามเก่ียวกับแนวทางการลดเสยี งสะท้อนกลบั และลดเสียงก้อง ร่วมกันอภิปรายจนได้ข้อสรุปว่า ออกแบบห้องให้มีพื้นผิวขรุขระไม่ราบเรียบ และอาจใช้วัสดุอ่อนนุ่มเช่น พรมผ้ามา่ น ขน้ั ตอนท่ี 4 ข้นั ขยายความรู้ (Elaboration) ครใู หน้ ักเรยี นทำแบบฝกึ หดั ที่ 5.3 เรื่อง การปรากฏการณอ์ ่ืนๆของเสยี ง ข้ันตอนท่ี 5 ขั้นประเมิน (Evaluation) ครตู ราจแบบฝึกหัดที่ 5.3 เรือ่ ง การปรากฏการณ์อ่นื ๆของเสยี ง เพ่อื ประเมินของนักเรียน หน่วยยอ่ ยที่ 4 เร่ือง ประโยชน์ของเสยี งในดา้ นตา่ งๆ ชวั่ โมงท่ี 5 (ใชร้ ปู แบบการเรียนรู้ 5E ) ขน้ั ตอนท่ี 1 ขน้ั สรา้ งความสนใจ (Engagement) ครูนำเข้าสู่บทเรียนโดยให้นักเรียนทำกิจกรรม เช่น เปิดเพลงที่มีท่วงทำนองและจังหวะที่แตกต่าง กันให้นักเรียนฟัง แล้วตั้งคำถามให้นักเรียนอภิปรายเกี่ยวกับ ความรู้สึกที่ได้จากการฟังเพลง และความ เหมาะสมของเพลงทีไ่ ด้ยินกับการนำไปเปิดในสถานที่ต่าง ๆ ตั้งคำถามว่า นอกจากเสียงจะช่วยสร้างให้เกดิ ความรู้สึกตา่ ง ๆ แลว้ ความรู้เก่ียวกับเสยี งสามารถนำไปใชป้ ระโยชนใ์ นดา้ นใดไดอ้ ีกบ้าง ข้นั ตอนท่ี 2 ขั้นสาํ รวจและค้นหา (Exploration) 2.1 นักเรียนศึกษา เรื่อง ประโยชน์ของเสียงในด้านต่างๆ จากหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ (ฉบบั ปรับปรุงพ.ศ.2560) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 เล่ม ท่ี 2 2.2 นกั เรียนศึกษา เร่อื ง ประโยชนข์ องเสียงในด้านตา่ งๆ จากสื่อการสอน PowerPoint ขั้นตอนท่ี 3 ขน้ั อธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) ครูเกี่ยวกับการนำความรู้เรือ่ งเสียงมาใชป้ ระโยชน์ในด้านต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันเช่น การเดินเรอื และการประมง ด้านการแพทย์ การเกษตร การสั่นพ้องของเสียงในการออกแบบเครื่องดนตรี ออกแบบ อาคารสถานที่ เป็นต้น จากนั้นให้นักเรียนนำเสนอ ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายจนได้ข้อสรุปเกี่ยวกับ การนำความรู้เกี่ยวกับเสียงไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน เช่น การเดินเรือและการประมงใช้คลื่นเสียง ความถีส่ ูงจากเคร่อื งโซนารใ์ นการระบตุ ำแหน่งวตั ถทุ ่ีอยใู่ ตน้ ้ำ
125 ขั้นตอนที่ 4 ข้ันขยายความรู้ (Elaboration) ครูใหน้ ักเรียนทำแบบฝกึ หัดท่ี 5.4 เร่ือง ประโยชน์ของเสยี งในด้านตา่ งๆ ขนั้ ตอนที่ 5 ขั้นประเมนิ (Evaluation) ครูตรวจสอบความถกู ตอ้ งของคำตอบแบบฝกึ หดั ท่ี 5.4 เรื่อง ประโยชน์ของเสียงในดา้ นตา่ งๆ เพอื่ ประเมินความเขา้ ใจของนักเรียน 9. ส่ือการสอน 9.1 หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ตามหลักสูตรแกนกลาง การศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 เล่มท่ี 2 9.2 สื่อการสอน PowerPoint ของครผู สู้ อน 10. แหล่งเรยี นร้ใู นหรอื นอกสถานที่ 10.1 สือ่ การสอนอนิ เตอรเ์ นต็ 11. การวัดและประเมินผล ช้ินงาน/ภาระงาน วิธีวดั เครอ่ื งมอื เกณฑก์ ารให้ เกณฑ์การประเมนิ วดั คะแนน 1. แบบฝกึ หดั ท่ี 5.1 เรอื่ ง ตรวจ คะแนน 16-20 = ดมี าก พฤติกรรมของเสยี ง แบบฝึกหดั แบบฝกึ หดั ตอบถูกตอ้ งตาม คะแนน 11-15 = ดี แบบฝกึ หดั ที่ให้ทำ คะแนน 6-10 = พอใช้ 2.แบบฝกึ หัดที่ 5.2 เรื่อง การได้ ตรวจ คะแนน 0-5 = ปรับปรงุ แบบฝึกหดั ตอบถูกต้องตาม ผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดีขึ้นไป ยินเสียง แบบฝกึ หัด แบบฝึกหดั ทีใ่ ห้ทำ คะแนน 16-20 = ดีมาก คะแนน 11-15 = ดี 3.แบบฝกึ หดั ที่ 5.3 เรอื่ ง ตรวจ แบบฝึกหดั ตอบถูกตอ้ งตาม คะแนน 6-10 = พอใช้ ปรากฏการณ์อน่ื ๆของเสียง แบบฝึกหัด แบบฝึกหดั ทใ่ี ห้ทำ คะแนน 0-5 = ปรบั ปรงุ ผา่ นเกณฑ์ในระดับดขี ึน้ ไป คะแนน 16-20 = ดีมาก คะแนน 11-15 = ดี คะแนน 6-10 = พอใช้ คะแนน 0-5 = ปรบั ปรงุ ผ่านเกณฑ์ในระดับดีขนึ้ ไป
126 4.แบบฝกึ หดั ท่ี 5.4 เรอื่ ง ตรวจ แบบฝึกหัด ตอบถูกตอ้ งตาม คะแนน 16-20 = ดมี าก แบบฝกึ หัดทใ่ี ห้ทำ คะแนน 11-15 = ดี ประโยชนข์ องเสียงในด้านตา่ งๆ แบบฝึกหัด คะแนน 6-10 = พอใช้ แบบฝกึ หดั ตอบถูกต้องตาม คะแนน 0-5 = ปรบั ปรุง 5.แบบฝกึ หัดท้ายบทที่ 5 เร่อื ง ตรวจ แบบฝึกหัดทใ่ี ห้ทำ ผา่ นเกณฑ์ในระดับดีขึน้ ไป เสยี ง แบบฝึกหดั คะแนน 16-20 = ดีมาก คะแนน 11-15 = ดี คะแนน 6-10 = พอใช้ คะแนน 0-5 = ปรบั ปรุง ผ่านเกณฑ์ในระดบั ดขี น้ึ ไป สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน วธิ วี ัด เครือ่ งมอื วดั เกณฑก์ ารให้ เกณฑ์การประเมนิ คะแนน 1. ความสามารถในการสื่อสาร ประเมนิ จาก แบบประเมนิ ตารางเกณฑก์ ารให้ 4=ดีมาก พฤตกิ รรมของ ผู้เรยี น คุณลักษณะอนั พึง คะแนน 3 = ดี ประสงค์ คุณลกั ษณะอันพงึ 2=พอใช้ (รายบุคคล) ประสงค์ 1=ควรปรับปรงุ 2. ความสามารถในการคดิ ประเมนิ จาก แบบประเมิน ตารางเกณฑ์การให้ 4=ดมี าก พฤติกรรมของ ผู้เรยี น คณุ ลกั ษณะอันพึง คะแนน 3 = ดี ประสงค์ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ 2=พอใช้ (รายบุคคล) ประสงค์ 1=ควรปรบั ปรงุ 3. ความสามารถในการใชท้ ักษะ ประเมินจาก แบบประเมิน ตารางเกณฑ์การให้ 4=ดีมาก ชีวิต พฤติกรรมของ ผเู้ รยี น คณุ ลกั ษณะอนั พึง คะแนน 3 = ดี ประสงค์ คณุ ลกั ษณะอันพงึ 2=พอใช้ (รายบคุ คล) ประสงค์ 1=ควรปรับปรงุ
127 แบบประเมนิ การปฏิบัติการ คำชีแ้ จง : ใหผ้ ้สู อนประเมนิ การปฏิบตั กิ ารของนักเรยี นตามรายการท่กี ำหนด แล้วขีด ✓ลงในช่องท่ีตรง กับระดบั คะแนน ลำดบั ที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 32 4 1 1 การปฏบิ ตั กิ ารทดลอง 2 ความคล่องแคลว่ ในขณะปฏิบัตกิ าร 3 การนำเสนอ 4 การจะจดั เกบ็ อุปกรณ์ให้เป็นระเบยี บ ลงชอ่ื ................................................... ผปู้ ระเมนิ ................../................/............... เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 4 คะแนน ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้งั ให้ 1 คะแนน ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมบางครง้ั ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมน้อยครงั้ หรือไม่เคยปฏิบัตเิ ลย เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ 0-7 คะแนน ระดับคุณภาพ 1 หมายถงึ ปรับปรุง 8-10 คะแนน ระดับคุณภาพ 2 หมายถึง พอใช้ 11-13 คะแนน ระดบั คุณภาพ 3 หมายถึง ดี 14-16 คะแนน ระดับคุณภาพ 4 หมายถงึ ดีมาก
128 แบบประเมนิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ คำคำชแ้ี จง : ใหผ้ ้สู อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ✓ลงใน ช่องท่ตี รงกับระดับคะแนน คุณลักษณะอันพึง รายการประเมนิ ระดับคะแนน ประสงค์ 1234 1.1ใหข้ อ้ มูลทีถ่ ูกต้องและเปน็ จรงิ 1. ซื่อสัตย์ สจุ รติ 1.2ปฏิบัติในสงิ่ ท่ีถกู ตอ้ ง 2. มวี นิ ยั รบั ผดิ ชอบ 2.1ปฏิบัติตามข้อตกลงกฎเกณฑ์ ระเบยี บข้อบังคับของครอบครวั 3. ใฝ่เรยี นรู้ 2.2มีความตรงตอ่ เวลาในการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมตา่ งๆในชีวิตประจำวนั 3.1รจู้ ักใช้เวลาวา่ งใหเ้ ปน็ ประโยชน์และนำไปปฏิบัติได้ 5. มุ่งม่ันในการทำงาน 3.2รจู้ ักจดั สรรเวลาใหเ้ หมาะสม 6. มจี ติ สาธารณะ 3.3เชือ่ ฟงั คำส่งั สอนของบดิ า-มารดาโดยไมโ่ ตแ้ ย้ง 3.4ตง้ั ใจเรยี น 5.1มีความตั้งใจและพยายามในการทำงานทไี่ ดร้ ับมอบหมาย 5.2มีความอดทนและไมท่ ้อแท้ต่ออปุ สรรคเพื่อให้งานสำเรจ็ 6.1รจู้ กั ชว่ ยเหลือเพื่อนและครู 6.2รจู้ ักการดแู ลรักษาทรพั ยส์ มบตั แิ ละสิง่ แวดลอ้ มของห้องเรยี นและโรงเรยี น ลงชอ่ื ................................................... ผู้ประเมนิ ................../.............../............... เกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏิบัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้งั ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมบางคร้งั ให้ 2 คะแนน ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมน้อยครั้งหรือไม่เคยปฏิบัติเลย ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ 0-6 คะแนน ระดับคุณภาพ 1 หมายถึง ปรับปรงุ 7-12 คะแนน ระดับคุณภาพ 2 หมายถึง พอใช้ 13-18 คะแนน ระดบั คุณภาพ 3 หมายถึง ดี 19-24 คะแนน ระดับคุณภาพ 4 หมายถงึ ดมี าก
129 แบบประเมินพฤติกรรมการเรยี นและการมีส่วนร่วมในชน้ั เรยี น คำชีแ้ จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมและการมสี ่วนร่วมในช้ันเรยี นของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอก เวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ลงในชอ่ งทีต่ รงกบั ระดบั คะแนน ลำดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 4 321 1 การแสดงความคดิ เหน็ 2 การยอมรับฟงั ความคดิ เหน็ ของผอู้ น่ื 3 การทำงานตามหน้าทที่ ่ีไดร้ ับมอบหมาย 4 ความมนี ้ำใจ 5 การตรงตอ่ เวลา ลงช่อื ................................................... ผู้ประเมนิ ................../................/............... เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 4 คะแนน ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครง้ั ให้ 1 คะแนน ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมน้อยคร้งั หรือไม่เคยปฏิบัติเลย เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ 0-7 คะแนน ระดบั คุณภาพ 1 หมายถงึ ปรับปรุง 8-10 คะแนน ระดับคุณภาพ 2 หมายถึง พอใช้ 11-13 คะแนน ระดบั คุณภาพ 3 หมายถึง ดี 14-15 คะแนน ระดบั คุณภาพ 4 หมายถงึ ดีมาก
130 12. กิจกรรมเสนอแนะ ............................................................................................................................. ..................................... .............................................................................................. .............................................................. ............................................................................................................................. .................................. 13. บันทกึ ผลหลังการสอน สรุปผลการเรยี นการสอน นักเรียนท้งั หมดจำนวน.....................คน จดุ ประสงค์การเรียนรู้ จำนวนนักเรยี นทผี่ า่ น จำนวนนักเรยี นท่ีไม่ผา่ น ข้อท่ี จำนวนคน ร้อยละ จำนวนคน รอ้ ยละ 1 2 3 15. ปัญหา/อปุ สรรค/แนวทางแกไ้ ข ............................................................................................................................. .................................. ............................................................................................................................................................... 16. ข้อเสนอแนะ ............................................................................................................................. .................................. ............................................................................................................................. ................................... ลงช่อื .................................................................................... (....................................................................................) ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ลงช่ือ.................................................................................... (....................................................................................) หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ ลงชอ่ื .................................................................................... (....................................................................................) รองผู้อำนวยการกลุ่มบรหิ ารวิชาการ
131 17. ความเห็นของหัวหน้าสถานศกึ ษา ไดท้ ำการตรวจแผนการเรยี นรู้ของ....................................................แล้วมีความคิดเห็นดงั นี้ 13. เปน็ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ดมี าก ดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง 14. การจัดกิจกรรมไดน้ ำเอากระบวนการเรยี นรู้ เนน้ ผู้เรียนเป็นสำคัญมาใช้ในการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ยังไมเ่ นน้ ผูเ้ รยี นเปน็ สำคัญ ควรปรบั ปรงุ พัฒนาต่อไป 15. ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ ................................................................................................. ....................................................... ............................................................................................................................. ........................... ........................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................... ลงช่อื .................................................................................... (....................................................................................) ผอู้ ำนวยการโรงเรียน…………………………………………………………..
132 แบบฝกึ หดั ที่ 5.1 เร่ือง พฤติกรรมของเสียง 1. ถ้าตะโกนใสก่ ำแพงซึ่งเป็นสงิ่ กดขวางและไดย้ ินเสียงกลับมา เป็นเพราะพฤตกิ รรมใดของเสยี ง ......................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................. ........................................ ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... 2.เมื่อเราเหน็ ฟา้ แลบแลว้ เตรียมยกมอื ขน้ึ อดุ หู แตก่ ลับไดย้ นิ เสยี งฟ้ารอ้ งเพราะเหตใุ ด ......................................................................................................................................................... ................ ......................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................... .................................. ......................................................................................................................................................................... 3. ในหอประชุมของโรงเรียนที่มีลำโพงตั้งอยู่ด้านหน้าเวที 2 ตัว ผู้ฟังที่นั่งอยู่ในแถวขนาดกับเวที แต่ละ ตำแหนง่ จะได้ยินเสยี งดังเท่ากนั หรอื ไม่ อย่างไร ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... 4. นักเรียนสามารถไดย้ ินเสยี งคนคุยกนั จากคนละดา้ นมมุ ตึกหรือไม่เพราะพฤติกรรมใดของเสยี ง ......................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................ ....................... ......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................... ................... .........................................................................................................................................................................
133 แบบฝกึ หดั ที่ 5.2 เร่ือง พฤติกรรมของเสียง 1. การไดย้ นิ เสยี งดงั – ค่อย เกยี่ วข้องกบั กำลังเสยี งของแหลง่ กำเนดิ อย่างไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ........................................................................................................................................................................ 2. การได้ยินเสียงดงั – ค่อย เก่ียวขอ้ งกบั ความเข้มเสยี งอยา่ งไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ........................................................................................................................................................................ 3. ความเข้มเสยี งเก่ยี วข้องกับกำลังเสียงของแหล่งกำเนดิ และระยะห่างจากแหล่งกำเนิดเสยี งอย่างไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ........................................................................................................................................................................
134 แบบฝึกหัดท่ี 5.3 เรอื่ ง พฤติกรรมของเสยี ง 1. ขณะอยใู่ นสนามกฬี าแลว้ ตะโกนเชยี ร์ พบวา่ ได้ยินเสียงตัวเองอีกครั้ง เกิดจากปรากฏการณใ์ ดของเสยี ง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ........................................................................................................................................................................ 2. เมอ่ื เล่นเคร่ืองดนตรปี ระเภทเป่า เชน่ แตร การเปา่ ลมเข้าไปในแตร เหตุใดเสียงจึงดงั ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ........................................................................................................................................................................ 3. รถดบั เพลิงที่เปิดไซเรนวงิ่ ผ่านเรา ขณะรถว่งิ เขา้ หา และเมอื่ รถวิ่งผา่ นเราไปแล้วเราจะไดย้ นิ เสยี ง เปน็ อยา่ งไร และเรยี กว่าปรากฏการณ์ใด ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………
135 4. ขณะปรบั เทียบเสยี งสายกีต้ารแ์ ลว้ ได้ยินเสยี งดัง-ค่อยสลับกันเปน็ จังหวะ เสยี งแสดงพฤติกรรมใด และเรียกว่าปรากฏการณใ์ ด ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ........................................................................................................................................................................
136 แบบฝึกหัดท้ายบทท่ี 5 เรื่องเสยี ง 1. จากรูปแสดงระดบั เสียงจากแหล่งกำเนิดเสยี งตา่ ง ๆ ด้านลา่ ง ใหต้ อบคำถามข้อท่ี 1.1 – 1.2 1.1 ระดบั เสียงท่ีอ่านได้ ของการจราจรบนท้องถนน สำนกั งาน หอ้ งสมุด มีค่าเทา่ ไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 1.2 เสียงจากแหล่งกำเนิดใดควรตอ้ งสวมเครอ่ื งป้องกันเสียงทีอ่ าจเปน็ อันตรายต่อหู ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ........................................................................................................................................................................
137 2. ยกตวั อยา่ งสิ่งมชี ีวิตอย่างน้อย 2 ชนิดท่ใี ช้พฤตกิ รรมเสยี งในการดำรงชีวติ และใชอ้ ย่างไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ........................................................................................................................................................................ 3. การได้ยินเสยี งของคนปกติ ขึ้นอยู่ส่ิงใดของเสยี ง อยา่ งไร ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ........................................................................................................................................................................ 4. เม่อื เทียบสายขมิ 2 ตัว ท่ีเสยี งตวั โน้ตเดยี วกนั แล้วได้ยนิ เสยี ง ดงั -คอ่ ย สลับกนั เป็นจังหวะ เนื่องมาจาก สาเหตใุ ด ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ........................................................................................................................................................................
138 5. เม่ือเราร้องเพลงในหอ้ งนำ้ แลว้ ได้ยินเสียงตวั เองกอ้ งกงั วาน มากกวา่ การรอ้ งเพลงในท่ีโล่งแจง้ เนอ่ื งจาก สาเหตุใด ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ........................................................................................................................................................................ 6. หอประชุมทมี่ ีการติดตั้งลำโพง 2 ตัวดา้ นหน้าเวทแี ละส่งเสยี งเหมือนกัน ผ้ทู ่ีน่ังแถวหน้าได้ยินเสียงดงั แตกต่างกัน เกดิ จากพฤติกรรมใดของเสยี ง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ........................................................................................................................................................................ 7. การเลน่ ดนตรแี กว้ ซง่ึ ใส่นำ้ ในระดบั ตา่ งกันเมื่อถูขอบแกว้ ทำให้เกดิ เสียงดงั ข้นึ เป็นปรากฏการณใ์ ดของ เสียง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ........................................................................................................................................................................
139 8. การฝกึ สุนัขโดยใชน้ กหวีดสำหรบั ฝึกสุนขั เปา่ ใหส้ ุนขั ทำตามคำส่ัง เหตใุ ดสุนัขจงึ ได้ยินเสยี งนกหวีดใน ขณะทค่ี นไม่ได้ยนิ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ........................................................................................................................................................................ 9. คนกลมุ่ หนึ่งยืนรอขา้ มถนน ขณะน้นั มรี ถยนต์เรง่ ความเร็วแล่นผ่าน โดยบีบแตรเสยี งยาวเปน็ การเตอื นคน ทยี่ นื รอข้ามถนนจะได้ยินเสียงแตรรถมีความถ่ีเปลย่ี นไปอย่างไรในขณะรถวงิ่ เข้าหา และออกจากคนกลุม่ นี้ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ........................................................................................................................................................................ 10. ให้นักเรยี นสืบคน้ มีแหลง่ กำเนิดเสียงใดนอกเหนือที่ระบใุ นตาราง 5.1 ทมี่ ีระดบั เสยี งเปน็ อนั ตรายต่อหู มนษุ ย์ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. .......................................................................................................................................................................
ค บรรณานุกรม สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. “คู่มือครู พื้นฐานวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์กายภาพ เลม่ 2”.2562. สำนกั วชิ าการและมาตรฐานการศกึ ษาสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน. “ตวั ชีว้ ัดและสาระการ เรยี นรู้แกนกลางกลมุ่ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์(ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)ตามหลกั สูตรแกนกลาง การศึกษาข้ันพนื้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑”. 2560
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144