Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 1053 สติ สัมปญชัญญะ

1053 สติ สัมปญชัญญะ

Published by pichet.jd, 2022-01-05 09:18:27

Description: 1053 สติ สัมปญชัญญะ

Search

Read the Text Version

น้ำ�ำ� ดื่ม�่ ลดมลภาวะ เป็น็ ต้น้ แต่เ่ ป็น็ โทษถ้า้ ฝนตกยกระดับั ความรุนุ แรงเป็น็ พายุฝุ นฟ้า้ คะนอง ทำ�ำ ให้น้ ้ำ�ำ� ท่ว่ ม พัดั บ้า้ นเรืือน เสียหาย เกิดอุบตั ิเหตุ มีผเู้ สียชีวติ พายุฝนจึงจดั เปน็ ความจรงิ ท่ใี หโ้ ทษดว้ ย ความจริงิ แบ่ง่ ตามการรู้�ออกเป็น็ ๒ ประเภท คืือ ๑. ความจรงิ กายภาพ เปน็ ความจรงิ ทร่ี ูไ้ ดด้ ว้ ยประสาทสมั ผสั ทง้ั ๕ ทมี่ ใี จก�ำกบั สงั่ การ และรูด้ ว้ ยเครอ่ื งมอื วทิ ยาศาสตรเ์ ทคโนโลยตี ่าง ๆ ความจรงิ ประเภทนี้ รไู้ ด้เกือบทุกคนแต่ความลุ่มลึกแตกต่างกัน ผู้ใดท่ีมีใจจดจ่อกับความจรงิ น้ีก็จะใช้ ตา หู จมูก ล้ิน กาย สังเกต เห็นรบั รขู้ ้อมูลความจรงิ ได้มาก ได้ถูกต้อง ได้ครบถ้วน ท�ำให้ใจสามารถน�ำข้อมูลความจรงิ เหลา่ นี้มาคดิ เชื่อมโยง เหน็ เปน็ เรอื่ งราวความเปน็ เหตเุ ปน็ ผลน�ำไปสกู่ ารทดลอง พสิ จู น์ จนไดข้ อ้ สรปุ เปน็ ความจรงิ เชน่ ลููกแอปเปิลิ ตกจากต้้น ใคร ๆ ก็็เห็น็ แต่่ก็็ไม่่มีีใครสนใจว่่าทำำ�ไมจึึงตกจากต้้น จนกระทั่่�งเซอร์ไ์ อแซก นิิวตััน (Sir Isaac Newton) สัังเกตเห็็นความจริงิ กายภาพที่�่รู้�ได้้จากการขบคิิด ซึ่่�งเป็็นการเห็็นในความคิิด เพราะใจท่่าน จดจ่่ออยู่�ในอารมณ์์เดีียวของความอยากรู้�เหตุุผลว่่า ทำำ�ไมลูกู แอปเปิลิ จึึงตกจากต้้น ใจลักั ษณะนี้้�เป็น็ ใจที่ไ่� ม่่แวบคิดิ โน่่นคิดิ นี่�่ให้ฟุ้้�งซ่า่ นเหมืือนคนทั่่�วไป แล้้วก็ไ็ ด้ค้ ำำ�ตอบจากการทดลอง พิสิ ูจู น์์ จนเกิดิ เป็น็ ทฤษฎีีแรงโน้้มถ่ว่ ง คืือ โลกส่่ง แรงดึึงดููดสรรพสััตว์์และสรรพสิ่่ง� มาที่�่ศููนย์์กลางกายของสรรพสััตว์์และจุุดศููนย์์ถ่่วงของสรรพสิ่่�ง ทำำ�ให้้สรรพสััตว์์และ สรรพสิ่่�งไม่ห่ ลุดุ ลอยเคว้ง้ คว้า้ งออกไปจากโลก 100 การแสวงหาความจรงิ กายภาพ เกิดจากการน�ำขอ้ มูลทไี่ ด้จากการสังเกต การเหน็ การฟัง การดม การลิม้ รส การสัมผัส มาขบคิด วิเคราะห์ วิจัย วิจารณ์ จนกระท่งั เกิดความรคู้ วามเข้าใจอย่างลึกซ้ึง ซ่ึงกระบวนการนี้เรยี กว่า สติิ สััมปชััญญะ | รากฐานการศึกึ ษาของมนุุษยชาติิ www.kalyanamitra.org

บทที่่� ๖ สติสิ ััมปชััญญะรากฐานการศึกึ ษา วทิ ยาศาสตร์ ยกตวั อยา่ งเชน่ ระบบยอ่ ยอาหารของคน-สตั ว์ แตเ่ ดมิ เราไมท่ ราบหรอื ไมอ่ าจเหน็ ไดด้ ว้ ยเครอ่ื งมอื ทางการ แพทยท์ ี่ทนั สมยั เหมือนปจั จุบัน แต่กร็ วู้ า่ มี เพราะเกิดจากการเรยี นรแู้ ละสงั เกต ความรสู้ กึ อิ่ม หวิ กระหาย จากระยะ เวลาท่ีกินจนกระทัง่ เวลาที่ของเสียขับถ่ายออกมาจากรา่ งกาย กล่่าวได้้ว่า่ กฎ ทฤษฎีี ความรู้้�ด้า้ นวิิชาการ วิิทยาศาสตร์์ คณิิตศาสตร์์ สัังคมศาสตร์์ ฯลฯ ส่ว่ นใหญ่ล่ ้ว้ นเป็น็ ความจริงิ กายภาพที่่พ� ิสิ ูจู น์์ ทดลองให้เ้ ห็น็ ได้ด้ ้ว้ ยประสาทสัมั ผัสั ทั้้ง� ๕ นัักวิทิ ยาศาสตร์์ นัักวิชิ าการ แสวงหาความจริงิ กายภาพด้้วยจุดุ มุ่�งหมาย ๑) เพื่�อ่ ทำ�ำ ความเข้า้ ใจปรากฏการณ์์เหตุกุ ารณ์์ต่า่ ง ๆ ว่า่ สิ่่�งนั้้�น เรื่อ�่ งนั้้�น คืืออะไร เกิดิ ได้้ อย่า่ งไร มีีกระบวนการอย่า่ งไร ทำ�ำ ไมจึงึ เกิดิ มีีเหตุุปััจจััยอะไรที่่�ส่ง่ เสริมิ หรืือยับั ยั้ง� เหตุกุ ารณ์์นั้้�นได้บ้ ้า้ ง ๒) เพื่อ่� นำ�ำ ความรู้� ความจริงิ ที่ค่� ้้นพบนี้้�มาใช้ป้ ระโยชน์์ ๓) เพื่่�ออำำ�นวยความสะดวกในการดำำ�รงชีีวิิต ๒. ความจรงิ จติ ภาพ เปน็ ความจรงิ ทรี่ ไู้ ดด้ ว้ ยใจทม่ี คี วามบรสิ ทุ ธิ์ เปน็ ความจรงิ ทเี่ ปน็ นามธรรม ผมู้ สี ตหิ มัน่ เกบ็ ใจไว้กลางกายเปน็ นิจ ใจย่อมผ่องใส ย่อมเหน็ ความจรงิ ประเภทนามธรรมนี้ไดง้ า่ ยและชัดเจน เพราะเป็นธรรมชาติว่า ความสว่างท�ำใหเ้ ห็นความจรงิ หากผู้ใดรกั ษาใจใหห้ ยดุ น่ิง นุ่ม นาน แนบแน่นทกี่ ลางกายอยา่ งเบา ๆ สบาย ๆ ใจก็ ยง่ิ เหน็ ความจรงิ จิตภาพไดล้ ุม่ ลึกไปตามล�ำดบั ธรรมชาติิความจริงิ ที่่�เป็น็ นามธรรม เช่่น ใจ ศีีลธรรม กฎสากลประจำำ�จัักรวาล กิิเลส ทางพ้น้ ทุกุ ข์์ สิ่่ง� เหล่า่ นี้้� ย่่อมรู้�ได้้ด้้วยใจที่�่ผ่่องใส ใจที่�่สว่่างเท่่านั้้�น ยิ่่�งใจสว่่าง ใจบริสิ ุุทธิ์�มากเท่่าไร ก็็ยิ่่�งเห็็นความจริงิ ของสรรพสััตว์์และ สรรพสิ่่ง� ทั้้ง� ที่่เ� ป็น็ รูปู ธรรมและนามธรรม หรืือกายภาพและจิิตภาพได้้หมดจดมากเท่่านั้้�น เพราะความสว่่างทำ�ำ ให้้เห็น็ ความจริงิ จึึงไม่ต่ ้้องใช้ค้ วามคิิดคาดการณ์์หรืือจิินตนาการไปต่่าง ๆ นานา เหมืือนเข้้าไปในห้้องมืืดหรืือสลััว ๆ เราย่่อม 101 www.kalyanamitra.org

เห็น็ อะไร ๆ ได้้ไม่่ชััดเจนว่่ามีีอะไรอยู่�ในห้้องหรืือเห็็นเพีียงตะคุ่�ม ๆ ต้อ้ งอาศััยการคาดคะเนไปต่่าง ๆ ต่อ่ เมื่่อ� เปิดิ ไฟ เกิดิ ความสว่า่ งแล้้ว ก็เ็ ห็น็ ทันั ทีีว่่ามีีอะไรในห้้องบ้้าง แต่ถ้าใครใจขุ่นมัว ไมผ่ ่องใส ใจมดื ก็ย่งิ เหน็ ไมถ่ ูกต้องตรงความจรงิ เหน็ ความเท็จเป็นความจรงิ เห็นความดี เปน็ ความชัว่ เห็นความช่ัวเปน็ ความดี ดังตวั อยา่ ง ความจรงิ จิตภาพ คนใจใส คนใจขุ่น ศีล ๕ ท�ำใหเ้ ห็นใจกันและกนั เห็นวา่ จรงิ ต้องรกั ษา เห็นวา่ ไม่จรงิ ตอ้ งละเมดิ ฝ่าฝืน สติ ท�ำใหใ้ จผ่องใส เหน็ วา่ จรงิ ตอ้ งฝึกฝน เห็นว่าไม่จรงิ ไม่ต้องฝึกฝน อบายมุุข มีีโทษร้า้ ยแรงดิ่่ง� ไปที่ช่�ั่ว� เห็น็ ว่่าจริงิ ต้อ้ งเว้้นห่า่ ง เห็น็ ว่า่ ไม่จ่ ริงิ ต้อ้ งซ่อ่ งเสพ ดังนั้น ผู้แสวงหาความจรงิ จิตภาพย่อมได้ชื่อว่าแสวงหาปัญญาทั้งภายนอกและภายใน โดยเรม่ิ จากฝึกสติ สัมปชัญญะ คือ ใหม้ ีความรูต้ ัวท่วั พรอ้ ม เกบ็ ใจไวก้ ลางกาย จนใจหยดุ นิ่ง ใส สะอาด กระท่งั สว่างไมม่ ีประมาณ ตั้งมั่นอยู่ภายใน แล้วเกิดความรูแ้ จ้งจากการเห็นภายในน้ัน จัดเป็นปัญญาด้านจิตภาพเม่ือรวมกับการเห็นการรู้ ภายนอกจากประสาทสมั ผสั ๕ ยอ่ มท�ำใหส้ ามารถเอาชนะความจรงิ นา่ ตระหนกประจ�ำโลก ๔ ประการ ไดอ้ ยา่ งเดด็ ขาด นี้เปน็ เส้นทางศีลธรรม จากประเภทความจรงิ ทก่ี ลา่ วมาทงั้ หมด การศกึ ษาจงึ ตอ้ งท�ำใหผ้ เู้ รยี นไดร้ อบรชู้ ดั ความจรงิ ทงั้ ความจรงิ กายภาพ และความจรงิ จิตภาพ ท้ังความจรงิ ที่เป็นคุณและโทษ แล้วเลือกประพฤติปฏิบัติเฉพาะความจรงิ กายภาพ-จิตภาพ 102 ที่่�เป็น็ คุุณ เว้น้ ห่่างจากการประพฤติิปฏิบิ ัตั ิิตามความจริงิ กายภาพ-จิติ ภาพที่เ�่ ป็น็ โทษ จึึงจะบังั เกิดิ เป็น็ ความดีี ห่่างไกล สติิ สัมั ปชัญั ญะ | รากฐานการศึึกษาของมนุุษยชาติิ www.kalyanamitra.org

บทที่่� ๖ สติิสัมั ปชัญั ญะรากฐานการศึึกษา จากความชั่�ว คืือ ไม่่มีีความเดืือดร้อ้ นใด ๆ ตามมาในภายหลังั จากการกระทำ�ำ ทางกาย วาจา ใจของตนที่ม่� ีีต่่อทั้้ง� ตนเอง และผอู้ ื่น มีแตเ่ กดิ ประโยชน์สุข มแี ตใ่ จผอ่ งใสโดยทว่ั หนา้ กันทกุ คน ดงั ภาพที่ ๑๓ ใจผ่อ่ งใสเท่่านั้้�น ที่ท�่ ำำ�ให้ม้ นุุษย์ร์ู้�-เห็็นความจริงิ กายภาพ-จิติ ภาพได้้ลุ่�มลึกึ สมตามที่ท�่ ่า่ นผู้้�รู้้�จริงิ กล่่าวไว้ว้ ่่า สิ่่ง� ทั้้ง� หลายทั้้ง� ปวงที่่เ� ราเกี่่ย� วข้้อง สำ�ำ คััญที่่ก� ารรู้�การเห็็นของใจ มีใี จเป็น็ ใหญ่่ในการตััดสิิน มีีความสำำ�เร็จ็ กิิจ จากการสงั่ ของใจ ๑. ถ้า้ ใจขุ่่�นมัวั มืดื บอด การพูดู การทำ�ำ เกี่่ย� วกับั สิ่่ง� นั้้น� ก็พ็ ลอยไม่ด่ ีไี ปด้ว้ ย เพราะความไม่ด่ ีนีั้้�นเป็น็ เหตุแุ ห่ง่ ความทุกุ ข์์ ความเดืือดร้อ้ นย่่อมติดิ ตามตัวั เขา เหมือื นล้อ้ เกวียี นหมุุนบดขยี้้ต� ามรอยเท้้าโค ๒. ตรงกันข้าม ถา้ ใจผอ่ งใส ใจสว่าง การพดู การท�ำก็พลอยดีไปด้วย เพราะความดีทเี่ ป็นเหตแุ หง่ ความสุข ความเจรญิ ยอ่ มติดตามตวั เขาเหมือนเงาตามตน 103 www.kalyanamitra.org

104 ภาพที่ ๑๓ ความจรงิ -ความดี สติิ สััมปชััญญะ | รากฐานการศึกึ ษาของมนุุษยชาติิ www.kalyanamitra.org

บทที่่� ๖ สติิสััมปชััญญะรากฐานการศึกึ ษา ยิ่่ง� ใจผ่่องใส 105 ยิ่่�งใจสว่า่ งบริสิ ุุทธิ์ม�์ ากเท่่าไร กจ็ ะย่ิงท�ำให้เห็นความจรงิ ของสรรพสัตว์และสรรพสิ่ง ได้ลมุ่ ลกึ และถูกต้องตรงความจรงิ มากเทา่ น้ัน www.kalyanamitra.org

ความจรงิ ที่ต้องรบี รู้ รบี ประพฤติ ความจรงิ เรอื่ งอะไรทตี่ อ้ งรบี รู้ รบี ประพฤติ หากเราตอบค�ำถามนี้ได้ เทา่ กบั เราก�ำชยั ชนะความส�ำเรจ็ ในการจดั การศกึ ษาได้แน่นอน ค�ำตอบงา่ ย ๆ ก็คอื ความจรงิ กายภาพกบั ความจรงิ จิตภาพทีเ่ กยี่ วกบั ตัวเราและสงิ่ แวดลอ้ ม ๕ ที่เราต้องเกี่ยวข้องด้วยเมื่อท�ำกิจต่าง ๆ ในชีวิตประจ�ำวัน เป็นเรอื่ งที่ต้องรบี รู้ รบี ประพฤติ เหตุผลท่ีต้องรบี รู้ รบี ประพฤติ ท่านผ้รู จู้ รงิ ไดบ้ อกไว้แล้ววา่ น้ีเปน็ ประตูแหง่ ประโยชน์สุข ๖ ประการคือ ๑. เป็นเหตุแห่งความไม่มีโรค ๒. เป็นเหตุแหง่ ความเปน็ ผ้มู ีศีล ๓. เปน็ เหตุแห่งความคลอ้ ยตามผรู้ ู้ เชื่อฟังผรู้ จู้ รงิ ๔. เป็นเหตุแห่งการสดับเล่าเรยี น ๕. เป็นเหตุแหง่ การประพฤตติ ามธรรม คือ ประพฤตใิ ห้เป็นสุจรติ ๖. เปน็ เหตแุ ห่งความไม่ทอ้ ถอยตอ่ อปุ สรรคใด ๆ คุณุ ธรรม ๖ ประการนี้้� บุคุ คลควรปรารถนา ควรประพฤติอิ ย่่างยิ่ง� เพราะเป็น็ ประตูู เป็น็ อุุบายด่า่ นแรก นำ�ำ ไปสู่� ประโยชน์สงู สดุ ความสขุ ความเจรญิ สูงสุดทางโลก คอื ลาภ ยศ สรรเสรญิ สุข และความสขุ ทางธรรม คอื พน้ ทุกข์จรงิ 106 อยู่เหนือกฎแหง่ กรรมจรงิ ดังภาพท่ี ๑๔ สติิ สััมปชัญั ญะ | รากฐานการศึกึ ษาของมนุุษยชาติิ www.kalyanamitra.org

บทที่่� ๖ สติสิ ััมปชัญั ญะรากฐานการศึกึ ษา ภาพที่ ๑๔ คุณธรรม ๖ ประการ เป็นทางดา่ นแรกส่กู ารบรรลถุ งึ ความเจรญิ สงู สุด 107 www.kalyanamitra.org

ใจเปน็ เครอ่ื งมือเพียงอยา่ งเดียวเทา่ น้ันท่ที �ำใหร้ ู้ความจรงิ วิธรี ู้ความจรงิ ท่านผรู้ จู้ รงิ ไดส้ รปุ วิธีแสวงหาความรจู้ รงิ หรอื วธิ รี คู้ วามจรงิ ทัง้ สรรพสัตวแ์ ละสรรพสงิ่ ไว้ ๓ วิธดี ้วยกัน คือ ๑. รูค้ วามจรงิ จากการสดับตรบั ฟัง เปน็ การรคู้ วามจรงิ ระดบั ต้น ซ่ึงเกดิ จากการตามหาทา่ นผรู้ จู้ รงิ ให้พบและ ได้ฟังค�ำสอนจากท่านโดยตรง หากท่านผู้รูจ้ รงิ ได้ลาโลกไปแล้ว ก็ต้องพยายามหาศิษย์ของท่านผู้รูจ้ รงิ ด้านจิตภาพ ให้พบ เพื่อรบั ฟังความรูจ้ รงิ ท่ีลึกซ้ึงโดยตรงจากศิษย์ของท่านหรอื จากศิษย์ของศิษย์ของท่านก็ยังดี ถ้าหาแม้ศิษย์ ของศิษยท์ า่ นไม่พบ อยา่ งน้อยตอ้ งหาอา่ นความรจู้ รงิ จติ ภาพจากต�ำราที่จดบันทกึ ของท่าน หรอื หาฟังจากผใู้ ดกต็ าม ทท่ี ่องจ�ำค�ำสอนของท่านผ้รู จู้ รงิ ได้กย็ ิง่ ดี ส่วนความรจู้ รงิ ทางดา้ นกายภาพสามารถหารบั ฟังจากผูร้ จู้ รงิ ดา้ นนั้น ๆ ได้ ไมย่ ากในปัจจบุ นั ความรู้้�จริงิ ที่่�ได้้ฟััง ได้้อ่่านแล้้วเหล่่านั้้�นแม้้เราจะเข้้าใจตามทัันบ้้างไม่่ทัันบ้้างก็็ตาม ย่่อมเป็็นประโยชน์์มาก เพราะได้พัฒนาจากความรูจ้ รงิ ระดับการฟัง การอ่าน เป็นความรูจ้ รงิ ระดับความจ�ำเก็บไว้ในใจแล้ว น้ีเป็นการรู้ ความจรงิ ด้วยวธิ สี ดับตรบั ฟัง ๒. รู้้�ความจริงิ จากการขบคิดิ เนื่่�องจากความจริงิ ด้ว้ ยวิธิ ีสี ดับั ตรับั ฟัังหรืือระดับั จำ�ำ เก็บ็ ไว้ใ้ นใจแล้ว้ มีี ๒ ประเภท คืือ ประเภทที่่� ๑ ความรู้้�จริงิ ระดัับฟัังหรืือจำำ�จากท่่านผู้้�รู้้�ดัังกล่่าวแล้้วในข้้อแรก ประเภทที่่� ๒ ความรู้้�จริงิ ระดัับจำำ� 108 ที่่�เกิิดจากการได้้เห็็น ได้้ยิิน ได้้ดม ได้้ลิ้้�มรส ได้้สััมผััสแล้้ว เคยคิิดอย่่างฉาบฉวยด้้วยตนเองจนรู้� หากเรา สติิ สัมั ปชัญั ญะ | รากฐานการศึึกษาของมนุุษยชาติิ www.kalyanamitra.org

บทที่่� ๖ สติิสัมั ปชัญั ญะรากฐานการศึึกษา ไมป่ ล่อยผา่ นความรจู้ รงิ ระดับฟังหรอื จ�ำท้งั ๒ ประเภทนี้ แต่น�ำไปขบคดิ ใครค่ รวญ ไตรต่ รอง ซ�้ำแลว้ ซ�้ำอีก กระท่งั เห็นความเชื่อมโยง ความเป็นเหตุเป็นผลของปรากฏการณ์ เหตุการณ์ท่ีเราสนใจน้ัน จนกระท่งั รคู้ วามจรงิ ท่ีสลับซับ ซ้อนอยู่เบ้ืองหลังนั้น ย่อมจัดเป็นวิธีรูค้ วามจรงิ จากการขบคิดหรอื คิดจนรู้ ยิ่งเม่ือน�ำความรูจ้ รงิ จากการขบคิดแล้ว ไปทดลองพิสูจน์หรอื ใช้งานจรงิ ปรากฏผลว่าจรงิ ตรงตามที่คิดไว้ก็ย่ิงเชื่อม่ันในความจรงิ ท่ีมาจากการขบคิดกระท่ังรู้ ยง่ิ ข้ึน ความจรงิ ต่าง ๆ ดา้ นวชิ าการ วทิ ยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ ฯลฯ ตลอดท้งั โลกไดม้ าจากวธิ ที ่ี ๑ และ ๒ ซ่ึงเปน็ ความจรงิ กายภาพเท่านั้น ๓. รูค้ วามจรงิ จากการเห็นภายในดว้ ยใจที่ผอ่ งใสทีส่ ว่าง ผตู้ ้องการรคู้ วามจรงิ ด้วยวธิ ีน้ี ต้องฝึกใจไม่ใหแ้ วบ หนีีเที่ย�่ วออกนอกกาย เพราะเป็น็ เหตุใุ ห้ใ้ จขุ่่�นมัวั สลัวั ลง ยิ่ง� ใจไปหลงยึดึ ติดิ รูปู เสีียง กลิ่่น� รส สัมั ผัสั นอกกาย หนาแน่่น มากเท่า่ ใด ความขุ่�นมััวยิ่�งมากขึ้�นเท่่านั้้�น จากมืืดสลัวั ก็็กลายเป็น็ มืืดมิิด คืือ ไม่่เห็น็ ความจริงิ จิติ ภาพใด ๆ เลย บุคุ คล ประเภทปล่อยใจแวบออกนอกตวั เปน็ นิจเชน่ น้ี ยอ่ มปฏเิ สธความมีอยู่จรงิ ของใจ และความจรงิ ดา้ นจิตภาพโดยสิน้ เชงิ ส�ำหรบั ผู้ฝึกใจให้หยุดนิ่ง อยู่ท่ีศูนย์กลางกายได้เป็นนิจ แม้ใจจะแวบออกนอกกายบ้างก็เพียงบางครงั้ และ แวบไปไม่นานก็กลับมาหยุดนิ่งท่ีศูนย์กลางกายตามเดิม ใจของบุคคลเช่นน้ีย่อมสว่างโพลงอยู่ภายในอย่างต่อเนื่อง เปน็ เหตใุ หเ้ หน็ ความจรงิ กายภาพและจติ ภาพของสรรพสตั วแ์ ละสรรพสง่ิ ไดช้ ดั ทงั้ ลมื ตาและหลบั ตา ไมม่ อี ะไรหลงเหลอื ใหเ้ คลอื บแคลงสงสยั จงึ รูค้ วามจรงิ กายภาพจากการเหน็ ดว้ ยตาเน้ือ และรคู้ วามจรงิ จากภายในหรอื ความจรงิ จติ ภาพ จากตาธรรมโดยไม่ต้องคดิ การรคู้ วามจรงิ จิตภาพดว้ ยวิธีการนี้เป็นวิธกี ารรทู้ ี่มีชื่อเฉพาะว่า รูด้ ้วยญาณทสั สนะ เป็น ความรูเ้ ฉพาะตัวของท่านผู้น้ัน แม้ยากต่อการอธิบายให้ผู้ที่ยังไม่สามารถท�ำใจให้หยุดน่ิงที่ศูนย์กลางกายเข้าใจได้ 109 www.kalyanamitra.org

แต่สามารถพิสูจน์ได้ ถ้าผู้ต้องการพิสูจน์นั้นฝึกใจของตนให้หยุดน่ิงภายในได้ตามท่าน และท่านเหล่าน้ันแม้มีอยู่ ในปัจจุบันไม่มากแต่ก็ยังมี ซ่ึงส่วนมากก็เป็นนักบวช เช่น พระภิกษุในพระพุทธศาสนา หากผู้ใดสนใจใครร่ เู้ ห็นจรงิ ทา่ นก็ยินดีจะสอนสั่งความรใู้ นการเกบ็ ใจไวใ้ นกายให้ไดเ้ ป็นนิจตามทา่ น เครอ่ื งมือรู้ความจรงิ วิิธีรู้�ความจริงิ ทั้้�ง ๓ ประการที่่�กล่่าวมานั้้�น ต่่างต้้องใช้้ใจเป็็นเครื่อ่� งมืือรู้�ทั้�งสิ้้�น เพราะใจเป็็นธาตุุรู้� หมายถึึง การที่่จ� ะรู้�ความจริงิ ทั้้ง� หลายได้น้ั้้�น ไม่ใ่ ช้ก้ าย ไม่ใ่ ช้ส้ มอง แต่ต่ ้อ้ งใช้ใ้ จที่่อ� ยู่�ในกาย เมื่่อ� ใจและกายอยู่่�ด้ว้ ยกันั โดยเฉพาะ เมื่อ่� ใจอยู่่�ที่�่กลางกาย ตรงบริเิ วณที่่โ� ลกส่่งแรงโน้้มถ่่วงมาดึงึ ดููดสรรพสัตั ว์ไ์ ม่่ให้ห้ ลุดุ ลอยเคว้ง้ คว้า้ งออกไปนอกโลก ซึ่่�ง เป็น็ ตำำ�แหน่่งที่ต่� ั้้ง� ที่่�อยู่� เป็น็ บ้้านของใจ ทำำ�ให้้ใจและกายเป็น็ หนึ่่�งเดีียวกันั ใจไร้แ้ รงต้า้ นบีีบคั้้�น ไร้แ้ รงดึงึ ให้ก้ ระเจิงิ แวบ ออกนอกกาย กายก็็จะสงบ ผ่่อนคลาย ความปวดเมื่่�อยล้้าใด ๆ ของกายก็ม็ ลายหายสููญไปสิ้้น� ส่ว่ นใจก็จ็ ะผ่่อนคลาย ว่า่ ง โปร่ง่ โล่่ง เบา กระชุ่�มกระชวย ทรงพลัังไม่่จำ�ำ กััด ความผ่อ่ งใสของใจก็จ็ ะฉายแสง ทำำ�ให้้เห็น็ ข้้อมููลความจริงิ ของ ปรากฏการณ์์ เหตุุการณ์์ต่า่ ง ๆ ได้เ้ ป็น็ ลำำ�ดับั ๆ ตั้้�งแต่ต่ ้้นจนจบ จึงึ รู้�ความจริงิ ไม่ผ่ ิดิ เพี้้ย� นจากการเห็็น ซึ่่�งเป็น็ การเห็น็ ด้้วยตนเองจากใจที่่ผ� ่่องใสนั่่�นเอง สำ�ำ หรับั สมองเป็น็ สำำ�นัักงานให้ใ้ จใช้ส้ ั่่ง� งาน ใจจึงเป็นเครอ่ื งมือรูค้ วามจรงิ เพียงหน่ึงเดียวเท่านั้น ไม่มีเครอื่ งมืออ่ืนใด การรูค้ วามจรงิ ด้วยวิธีการฟังก็ดี ด้วยการคิดก็ดี ด้วยการเห็นจากใจก็ดี ความจรงิ ทัง้ หมดเหล่าน้ีต้องใชใ้ จทฝ่ี ึกมาดี คือ มีสตสิ มั ปชัญญะก�ำกบั เป็นนิจ 110 เทา่ นั้น ใจจงึ จะจดจอ่ เกดิ ความตง้ั ใจฟงั สงั เกตเหน็ รบั รู้ จ�ำไดห้ มายรู้ คดิ ไตรต่ รอง กระทงั่ รคู้ วามจรงิ กายภาพ-จติ ภาพ สติิ สัมั ปชััญญะ | รากฐานการศึกึ ษาของมนุุษยชาติิ www.kalyanamitra.org

บทที่่� ๖ สติสิ ััมปชััญญะรากฐานการศึึกษา ของสรรพสัตว์และสรรพส่งิ ไดห้ มดจด จากความจรงิ ทว่ี า่ ใจเทา่ น้ันทเี่ ปน็ เครอื่ งมอื รูค้ วามจรงิ โดยตอ้ งเปน็ ใจทมี่ สี ตสิ มั ปชญั ญะก�ำกบั อยา่ งรอบคอบ ม่นั คงด้วย การศกึ ษาทีแ่ ท้จรงิ จงึ อยทู่ กี่ ารฝึกฝน พัฒนาใจใหม้ สี ตสิ มั ปชัญญะเป็นอันดบั แรกก่อน กเ็ พราะมองข้าม ความจรงิ ประการส�ำคญั ทสี่ ดุ น้ี การศกึ ษาเกือบทง้ั โลก จึงเน้นท่มุ เทสรรพความรู้ และงบประมาณ ไปทีก่ ารพัฒนา วิธีการไดค้ วามรู้ มากกวา่ มุ่งพัฒนาใจทีเ่ ป็นเครอื่ งมอื ให้เข้าถึงสรรพความจรงิ ท้งั วิธีรูค้ วามจรงิ กม็ ่งุ เน้นเฉพาะจาก การฟัง การคดิ คน้ ควา้ ทดลองจากแหลง่ ความรูต้ า่ ง ๆ ดว้ ยเทคโนโลยแี ละเครอื่ งมอื ทนั สมยั ล�้ำยคุ ยง่ิ ไดข้ อ้ มลู ความรู้ กว้างไกล กย็ ิง่ ภูมใิ จวา่ ตนมคี วามรเู้ หนือกวา่ ผู้ใด อนั เปน็ ทางมาแหง่ ความร�่ำรวย ความเจรญิ เติบโตทางเศรษฐกิจ แตห่ ารไู้ มว่ ่า ยงิ่ เน้นแต่วิธีการรูค้ วามจรงิ แต่ไมเ่ น้นการพฒั นาใจ ให้มีสตสิ มั ปชญั ญะ มีความผอ่ งใสเปน็ นิจ เพอ่ื เปน็ กญุ แจไขประตแู หง่ ความจรงิ ผเู้ รยี นจะยง่ิ หา่ งไกลจากความจรงิ สบั สนระหวา่ งขอ้ มลู จรงิ -เทจ็ จ�ำนวนมากมายที่ ไหลบา่ ท่วมทน้ จนแยกไมอ่ อก ไมต่ อ้ งกล่าวถึงวา่ อะไรคอื ความดี-ความชัว่ ซ่ึงไมว่ า่ จะใช้วิธีการใดมารกู้ ย็ ิ่งแยกไม่ออก สรุปได้ว่า สติสัมปชัญญะเป็นรากฐานการศึกษาท่ีแท้จรงิ แต่จะเกิดข้ึนได้ต้องมีครูดีมาสั่งสอนฝึกฝนอบรม อย่างใกลช้ ิดให้ จึงจะสามารถเข้าถึงแกน่ ของการศึกษาทแี่ ท้จรงิ ได้ 111 www.kalyanamitra.org

ใจเท่่านั้้�น ที่่เ� ป็น็ เครื่อ�่ งมืือรู้้ค� วามจริงิ โดยต้้องเป็น็ ใจที่่ม� ีสี ติิสััมปชัญั ญะ กำ�ำ กับั อย่า่ งรอบคอบมั่่น� คงด้้วย การศึกึ ษาที่่�แท้้จริงิ จึึงอยู่�ที่ก� ารฝึกึ ฝน พัฒั นาใจให้้มีีสติสิ ัมั ปชัญั ญะเป็น็ อันั ดับั แรก 112 สติิ สัมั ปชัญั ญะ | รากฐานการศึกึ ษาของมนุุษยชาติิ www.kalyanamitra.org

บทที่่� ๖ สติิสััมปชััญญะรากฐานการศึึกษา ความหมายการศกึ ษา ตลอดมานัับพััน ๆ ปีี ผู้�ใฝ่ก่ ารศึึกษาแต่ล่ ะยุคุ ได้้มองเห็น็ ตรงกัันว่่า แท้้ที่่จ� ริงิ แล้้วความสงบสุุขของผู้�คนทั้้ง� โลก ต้้องเกิิดจากความสงบสุุขของโลกใบเล็็ก คืือ กายและใจของตนเองก่่อน เพราะฉะนั้้�นถ้้าทำ�ำ ให้้แต่่ละคนรู้้�จัักตนเอง และควบคุุมตนเองได้้ คืือ ไม่่ก่่อความเดืือดร้อ้ นให้้แก่่ตนเองและผู้�อื่�น โลกทั้้�งโลกย่่อมร่ม่ เย็็นเป็็นสุุขได้้เอง โดย ไม่่ต้อ้ งรอให้ม้ ีีผู้้�วิเิ ศษหรืือเทวดาองค์ใ์ ดจุุติลิ งมาจัดั การปกครองโลกให้ม้ นุุษย์์ ถ้าเช่นน้ัน อะไรคือกลไกหรอื อุปกรณ์ที่จะท�ำให้คนท้ังโลกรูจ้ ักปกครองตนเองให้ได้ดังกล่าว ค�ำตอบคือ การศึกษา แลว้ การศึกษาทีส่ มบูรณ์แทจ้ รงิ คอื อะไร การศึึกษา คืือ การพััฒนาให้้ผู้�คนแต่่ละคน ๑) สามารถควบคุุมปกครองตนเองได้้ ไม่่ก่่อความทุุกข์์ความ เดืือดร้อ้ นใด ๆ ทั้้�งแก่ต่ นเองและผู้้�อื่�น่ ๒) สามารถใช้ก้ าย วาจา ใจของตน ตลอดจนความรู้�ความสามารถศิิลปวิิทยา ทั้้ง� หลายที่ต�่ นมีี ไปสร้า้ งประโยชน์์สุุขให้้แก่่ตนและโลกนี้้�ได้้เต็็มที่่�สมกัับเพศวััย ๓) สามารถฝึกึ ฝนอบรมใจตนเองให้้ ผ่อ่ งใสยิ่ง� ๆ ขึ้�นไปจนถึึงที่ส่� ุดุ การจะพััฒนาตนให้้ได้้เช่่นนั้้�น ผู้้�ศึึกษาจำำ�เป็็นต้้อง ๑) หมั่่�นมองเข้้าไปในตนให้้รู้้�จริงิ เรื่อ�่ งร่า่ งกาย กลไกการ ทำ�ำ งานในร่า่ งกาย และความเชื่อ่� มโยงระหว่า่ งกายกับั ใจ ๒) หมั่่น� พิจิ ารณาแก้ไ้ ขความประพฤติขิ องตน ทั้้ง� ด้า้ นส่ว่ นตน และส่ว่ นรวม ๓) หมั่่น� เจริญิ สมาธิภิ าวนาให้ใ้ จผ่อ่ งใสจนเกิดิ เป็น็ ปััญญาจากการรู้�เห็น็ ภายในให้ม้ าก ทั้้ง� นี้้� เพื่อ�่ ประโยชน์์ คืือ 113 www.kalyanamitra.org

๑. เพอ่ื แสวงหาความรชู้ ดั ความจรงิ กายภาพ-จิตภาพที่ตอ้ งรบี รเู้ ก่ียวกับตนเอง และสง่ิ แวดล้อม ๕ ๒. เพ่ือแสวงหาความรชู้ ัดความจรงิ ทีต่ ้องรบี ประพฤติปฏบิ ัติ ๓. เพื่อรบี ประพฤติปฏิบัติตนใหถ้ ูกต้องเหมาะสมตรงตามความจรงิ ท่ีต้องรบี รู้ ที่ต้องรบี ประพฤติ ให้เคย คุ้น ชิน ตดิ แน่นฝังใจ กลายเปน็ นิสัยดีประจ�ำตน ๔. เพอ่ื ตง้ั ใจฝกึ สตเิ กบ็ ใจไวก้ ลางกายใหไ้ ดเ้ ปน็ นิจ มีสมั ปชญั ญะ รตู้ วั ทวั่ พรอ้ มขณะคดิ -พดู -ท�ำ จงึ เปน็ ผสู้ ามารถ ดับความเดือดรอ้ นทีอ่ าจจะเกดิ ตามมาทัง้ แกต่ นเองและผอู้ ่ืน ๕. เพือ่ เพยี รอบรม สง่ั สอน ฝึกฝน บตุ รหลาน ลกู ศษิ ย์ ผอู้ น่ื ให้รชู้ ดั ความจรงิ ทต่ี อ้ งรบี รู้ และรบี ประพฤติปฏิบตั ิ ใหต้ รงตามความจรงิ นั้นเปน็ นิสยั สรุปุ ได้ว้ ่่า การศึกึ ษาเป็น็ การแสวงหา ค้้นคว้า้ ทดลอง ฝึกึ ฝนตนเองให้รู้้�ชััดความจริงิ ที่่ต� ้อ้ งรีบี รู้� แล้้วรีบี นำ�ำ ไป ประพฤติปฏิบัติให้เกิดเป็นความดีให้ยิ่ง ๆ ข้ึนไป เพื่อดับทุกข์เพิ่มสุขให้แก่ตนเองและเพื่อนรว่ มโลกอย่างเต็มที่ เตม็ ก�ำลังตลอดไป โดยเรมิ่ ต้นจากการฝึกสติสมั ปชัญญะใหเ้ กดิ เปน็ คณุ ธรรมทีห่ นักแน่นมัน่ คงก่อน เพอ่ื ใช้ควบคมุ ใจ ใหผ้ อ่ งใส สวา่ งไสวตรงศนู ยก์ ลางกายเปน็ นิจ ใหใ้ จเกดิ ความรกั ดี รงั เกยี จความชวั่ ยง่ิ ชีวติ แลว้ น�ำความรู้ ความสามารถ ทีเ่ กดิ จากการศกึ ษาไปใช้ท�ำความดใี ห้เกดิ ความสุขความเจรญิ แกต่ นเองและสรรพสัตวต์ ่อไป 114 สติิ สััมปชััญญะ | รากฐานการศึกึ ษาของมนุุษยชาติิ www.kalyanamitra.org

บทที่่� ๖ สติิสัมั ปชััญญะรากฐานการศึึกษา การศกึ ษาขาดครูดไี ม่ได้ ความหมายของค�ำวา่ “ครู” ความจรงิ กายภาพ-จติ ภาพท่ีตอ้ งรบี รู้ รบี ประพฤติ มีความส�ำคัญต่อการศึกษามากฉันใด ครดู ีก็มคี วามส�ำคัญ ไม่ยิง่ หย่อนกว่าความจรงิ ฉันนั้น ครูคอื อะไร ค�ำวา่ ครู มีรากศัพทจ์ ากค�ำวา่ ครุ และ คารวะ ซ่งึ เปน็ ค�ำเดียวกันในภาษาบาลี ครุ แผลงเป็น คร ู ครุ ุ แปลว่่า หนััก หมายถึงึ หนัักแน่่น ครตู ้องหนักแน่นในเรอ่ื งอะไร ๑. ครูต้องหนักแน่นเพื่อค้นคว้าหาความจรงิ กายภาพ-จิตภาพท่ีต้องรบี รู้ รบี ประพฤติ ให้เข้าใจถูกต้องและ ครบถ้วนชดั เจนท้งั เหตุท้งั ผลและพรอ้ มอธบิ ายขยายความ ๒. ครตู อ้ งหนักแน่นประพฤติตนให้เหมาะสมถูกต้องตรงตอ่ ความจรงิ เพ่ือให้เกิดเปน็ ความดี มใี จผ่องใส มใี จ เก็บไว้กลางกายเป็นนิจ มีอารมณ์ดี อารมณ์เดียว เมื่อท�ำอะไรแล้วต้องไม่มีความเดือดรอ้ นใด ๆ ตามมาภายหลัง ทัง้ ต่อตนเองและผู้อื่น รวมทัง้ ไม่ท�ำลายส่งิ แวดลอ้ มดว้ ย 115 www.kalyanamitra.org

๓. ครูตู ้้องหนัักแน่่น ยอมหนัักแรงถ่่ายทอด สั่่�งสอน ฝึกึ หััด ดัดั นิิสัยั อบรมศิิษย์ใ์ ห้เ้ ข้้าถึึงความจริงิ กายภาพ- จิตภาพท่ตี ้องรบี รู้ รบี ประพฤติ และประพฤตปิ ฏบิ ตั ิตนเหมาะสมตรงตามความจรงิ ตามครู ส่วนศัพท์ค�ำวา่ คารวะ แผลงเปน็ เคารพ แปลว่า ตระหนัก ครตู อ้ งตระหนักในเรอ่ื งอะไร ๑. ตระหนัักในความสำ�ำ คััญของการรู้�ความจริงิ ทั้้ง� กายภาพและจิิตภาพ ๒. ตระหนักในความดีทไี่ ด้รู้ ได้เห็นจากบุคคล สิง่ ของ เหตกุ ารณ์ตา่ ง ๆ จนกระทงั่ ตรงึ ติดฝังใจ ๓. นำ�ำ ความดีีที่่ต� ิิดตรึงึ ใจนั้้�นมาประพฤติติ นให้้ดีี ตามที่�่ได้รู้้�ได้เ้ ห็็นนั้้�น เพื่�่อจะได้้ทำ�ำ ความดีี มีีสิ่่�งของดีี ประสบ แตเ่ หตุการณ์ดตี ามนั้น และพฒั นาใหด้ ียงิ่ ๆ ข้ึนไป ความเคารพจงึ เปน็ คณุ ธรรมที่ส�ำคญั ยงิ่ ส�ำหรบั ศษิ ยท์ ีต่ ้องมีตอ่ ครู ด้วยเหตุท่ีครูเป็นผู้มีความหนักแน่น มีความตระหนักติดใจในความดี ครูจึงมีความน่าเคารพน่ากราบไหว้ บูชาเพราะ ๑. ครรู อบรคู้ วามจรงิ ทีต่ ้องรบี รู้ และรวู้ ธิ ปี ระพฤติปฏบิ ัตติ นให้ถกู ต้องเหมาะสมตรงกับความจรงิ นั้น ๑.๑ เพอ่ื ไมใ่ หเ้ กิดความเดอื ดรอ้ นทัง้ ต่อตนเอง ศิษย์ และผ้อู ่ืนตามมาภายหลัง ๑.๒ มแี ตค่ วามสขุ ความเจรญิ เทา่ นั้นตามมา น้ีเปน็ ความจรงิ ทผ่ี เู้ ปน็ ครตู อ้ งรบี รแู้ ละตอ้ งรบี ประพฤตถิ กู ตอ้ ง 116 ตรงไปตรงมา สติิ สัมั ปชััญญะ | รากฐานการศึกึ ษาของมนุุษยชาติิ www.kalyanamitra.org

บทที่่� ๖ สติสิ ััมปชัญั ญะรากฐานการศึกึ ษา ๒. ครูปู ระพฤติิตนเหมาะสมถูกู ต้อ้ งตรงตามความจริงิ ที่่�ต้อ้ งรีีบรู้� รีีบประพฤติิ เพื่่�อให้้ตนเป็น็ ต้น้ แบบความดีีแก่่ ชาวโลก ๓. ครูเู พีียรถ่า่ ยทอด อบรม สั่่ง� สอนศิษิ ย์์ด้ว้ ยความเมตตา กรุณุ า และอดทน ๓.๑ เพ่อื ใหศ้ ิษยร์ ชู้ ดั ความจรงิ ที่ตอ้ งรบี รู้ รบี ประพฤติปฏิบตั ิ ๓.๒ เพ่ือให้ศิษย์ประพฤติปฏิบัติตนเหมาะสมถูกต้องตรงตามความจรงิ ที่ต้องรบี รู้ รบี ประพฤติให้เคย คุ้น ชนิ ติดแน่นฝังใจ เปน็ นิสยั ดปี ระจ�ำตนเชน่ ครดู ี เหตุผลที่การศกึ ษาต้องมีครูดี กระบี่ที่ไรฝ้ ัก ระเบิดท่ีไรส้ ลักนิรภัย อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตของผู้ครอบครองและผู้เก่ียวข้องได้ฉันใด ความรจู้ รงิ ในสง่ิ ทงั้ หลายแมม้ ปี ระโยชน์มาก แตแ่ ฝงภยั อนั ตรายแกผ่ ไู้ มม่ วี นิ ัยควบคมุ กาย วาจา และใจตนเองไดฉ้ ันน้ัน วิินััยที่�่ใช้้ควบคุุมกายและวาจาไม่่ให้้ไปทำำ�ความเดืือดร้อ้ นตนเองและผู้้�อื่�่นสำำ�หรับั บุุคคลทั่่�วไปคืือ ศีีล ๕ ใน วันั ธรรมดาและศีีล ๘ ในวันั อุโุ บสถหรืือวันั พระ สำ�ำ หรับั สามเณร คืือศีีล ๑๐ และพระภิกิ ษุุ คืือศีีล ๒๒๗ ส่ว่ นวินิ ััยสำ�ำ หรับั ควบคุุมจิิตใจไม่ใ่ ห้ไ้ ปคิดิ ร้า้ ย ๆ ไม่ใ่ ห้้นำ�ำ ความรู้�ไปใช้้ในทางร้า้ ย ๆ แต่่ส่่งเสริมิ ให้้นำ�ำ ไปใช้้ในทางดีีหรือื ทำำ�ความดีี คืือ สติสิ ัมั ปชัญั ญะ 117 www.kalyanamitra.org

ดว้ ยเหตดุ งั กลา่ ว ผมู้ คี วามรคู้ วามเชี่ยวชาญศาสตรต์ า่ ง ๆ นับแตโ่ บราณกาล จงึ ระมดั ระวงั มาก นอกจากตนไมใ่ ช้ ความรู้�ความสามารถในศาสตร์น์ั้้�น ๆ ไปทำ�ำ ความเดืือดร้อ้ นแก่ต่ นเองและใคร ๆ แล้ว้ ยังั ระมัดั ระวังั ในเรื่อ�่ งการถ่า่ ยทอด ความรู้�ให้้แก่่ศิิษย์์หรืือคนอื่่�นต่่อไปด้้วยว่่า ต้้องเป็็นผู้�ได้้รับั การฝึึกให้้มีีสติิสััมปชััญญะมั่่�นคงมากพอเพื่่�อกำำ�กัับการใช้้ ความรู้�ของท่า่ นก่อ่ น จึงึ ถ่า่ ยทอดประสิทิ ธิ์�ประสาทความรู้�ให้แ้ ก่ผู่้�นั้�น โดยถืือว่า่ เป็น็ การปิดิ นรก เปิดิ สวรรค์์ เบิกิ ทางแห่ง่ ความสุขุ ความเจริญิ ให้้แก่ศ่ ิษิ ย์์นั้้�นด้ว้ ย หวั ใจส�ำคญั ของการศกึ ษาโดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ การศกึ ษาของชาติ จงึ อยทู่ กี่ ารพฒั นาผเู้ รยี น หรอื ประชาชนทกุ คน ในชาตใิ ห้สามารถประคบั ประคองใจ ควบคุมใจตนเอง และใจลูกหลานตวั น้อย ๆ ของตน ไมใ่ ห้ใจแวบหนีเท่ียวออกไป นอกกายตั้งแต่เล็กด้วยวิธกี ารอันเหมาะสม โดยการฝึกให้ ๑. หมั่่�นมองเข้้ามาในตน เพื่�่อความรอบรู้�ความจริงิ กายภาพ-จิิตภาพที่่�ต้้องรีีบรู้�และรีีบประพฤติิให้้ครบถ้้วน ชัดเจน ถูกต้องพอเหมาะแก่เพศและวยั นั้น ๆ ๒. หมั่นพิจารณาการประพฤติปฏิบัติตน ว่าตนได้น�ำความจรงิ ที่ต้องรบี รูแ้ ละท่ีต้องรบี ประพฤติท่ีเรยี นจาก โรงเรยี น มาปฏิบตั ใิ ห้เกดิ เปน็ นิสยั ดี ๆ ซ่งึ เป็นการแก้ไขนิสัยไมด่ ีเดมิ ๆ และเพ่ิมพูนนิสัยดี ๆ ใหเ้ กดิ ข้ึนได้มากน้อย เพียงใด ๓. หม่ันเจรญิ สมาธิภาวนาให้ใจหยุดนิ่งในตัวได้ครงั้ ละนาน ๆ เพื่อเห็นและรตู้ นเองว่า ใจผ่องใสและหยุดน่ิง อยใู่ นกลางกายไดด้ เี พยี งใด จงึ เปน็ การหลอมละลายความรวู้ ชิ าการดา้ นตา่ ง ๆ จากในหอ้ งเรยี น มาใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชน์ 118 ตอ่ ตนเองในชีวิตจรงิ ทัง้ ท่ีบ้านและทีโ่ รงเรยี น อย่างเหมาะสมแก่เพศและวัย สติิ สััมปชัญั ญะ | รากฐานการศึึกษาของมนุุษยชาติิ www.kalyanamitra.org

บทที่่� ๖ สติสิ ััมปชัญั ญะรากฐานการศึกึ ษา ความรูว้ ชิ าการ ความประพฤตปิ ฏบิ ตั ิทางกาย วาจา และสติสมั ปชัญญะทมี่ ั่นคงส�ำหรบั ควบคุมใจ จึงไดร้ บั การหล่อหลอมให้เกิดข้ึนในเยาวชนและประชาชนทุกคน เพื่อให้เป็นทั้งลูกที่ดีของพ่อแม่ ศิษย์ที่ดีของครู พ่อแม่ ผปู้ กครองทีป่ ระเสรฐิ ของลูก และเปน็ พลเมอื งทดี่ ีส�ำหรบั พฒั นาประเทศชาติสืบไป วิินััยสำำ�หรับั ควบคุมุ จิิตใจ 119 ไม่ใ่ ห้้ไปคิดิ ร้้าย ๆ ไม่่ให้้นำำ�ความรู้้ไ� ปใช้้ในทางร้้าย ๆ แต่่ส่่งเสริมิ ให้้นำำ�ไปใช้้ในทางดีี หรืือทำำ�ความดีี คืือ สติสิ ัมั ปชััญญะ www.kalyanamitra.org

หน้าท่ีครูดี ครูดู ีีจึงึ ต้อ้ งเข้า้ มามีีบทบาทหน้า้ ที่ใ่� นการจัดั การศึกึ ษาให้ถ้ ูกู ต้อ้ งแท้จ้ ริงิ ให้ส้ มกับั ความเป็น็ ครูู ผู้�ควรแก่ก่ ารเคารพ กราบไหว้้บูชู าของศิิษย์์ ไม่่ว่่าจะเป็น็ ครูดู ีีโดยธรรมชาติิ คืือ พ่่อแม่่ ผู้�ปกครอง หรืือครูดู ีีโดยอาชีพี คืือ ครูทู ี่่โ� รงเรีียน และสถานศึกึ ษา หรืือว่า่ ครูดู ีีโดยขนบธรรมเนีียมประเพณีี คืือ ครูทู ี่ว่� ัดั ซึ่่�งได้แ้ ก่พ่ ระภิกิ ษุุและนัักบวชในศาสนาต่่างต้้อง เข้้ามาทำำ�หน้้าที่่�ครููดีีให้้ถููกต้้องตรงตามความจริงิ ดังั ที่่�ท่่านผู้้�รู้้�จริงิ ได้ส้ รุปุ และให้ห้ ลักั การสำ�ำ หรับั ถืือปฏิบิ ัตั ิใิ ห้เ้ ชี่ย่� วชาญ ๓ ประการ คืือ ๑. ละเวน้ ความประพฤตชิ ว่ั ทัง้ ปวง คอื ไม่ท�ำความชว่ั ทุกชนิดทัง้ ทางกาย วาจา ใจ ใหเ้ ตม็ ความรคู้ วามสามารถ ๒. ประพฤติความดที ง้ั ทางกาย วาจา ใจ ให้เต็มความรคู้ วามสามารถ ๓. ท�ำใจของตนให้ผอ่ งใส คอื ม่งุ ก�ำจดั ท�ำลายโรคประจ�ำใจ ๓ ประการ ไดแ้ ก่ โลภะ โทสะ โมหะ ให้หมดสิ้น เดด็ ขาดอยา่ งเต็มความรคู้ วามสามารถ ด้วยการภาวนาเก็บใจไว้ทศี่ ูนยก์ ลางกายเปน็ นิจใหไ้ ด้ การประพฤติิปฏิิบััติิตามหลักั การ ๓ ประการนี้้� แม้้ครูตู ้อ้ งผจญกับั อุุปสรรคมากน้้อยเพีียงใด แต่เ่ พื่อ�่ ประโยชน์์ สุขุ อย่า่ งถาวร คืือ การกำำ�ราบปราบปรามความจริงิ น่า่ ตระหนกประจำ�ำ โลกที่ถ่� ููกมองข้า้ ม ๔ ประการ และเป็น็ ต้น้ แบบแก่่ เหล่า่ ศิิษย์์ผู้้�น่ารักั ของท่า่ น ท่่านก็ย็ อมกัดั ฟัันทน 120 สติิ สััมปชัญั ญะ | รากฐานการศึกึ ษาของมนุุษยชาติิ www.kalyanamitra.org

บทที่่� ๖ สติสิ ััมปชัญั ญะรากฐานการศึกึ ษา ความเป็็นครููดีี จึึงมิิได้้อยู่�ที่�มีีตำำ�แหน่่งวิิชาการ มิิใช่่อยู่�ที่�ตำำ�แหน่่งบริหิ าร มิิใช่่อยู่�ที่�ความมีีชื่่�อเสีียงของ สถาบันั การศึกึ ษาที่่ค� รููทำ�ำ งาน มิิใช่่อยู่�ที่เ� งิินเดืือนสูงู ๆ มิิใช่อ่ ยู่�ที่ค� วามร่ำ��ำ รวย ตลอดจนมิใิ ช่่มีคี วามก้้าวหน้า้ ทันั สมััย ทางเทคโนโลยี แต่ความเป็นครูดีกลับอยู่ท่ีความมีวิญญาณแห่งความเป็นครูต่อลูกศิษย์ของท่านและคนท่ัวไป กลา่ วคอื ๑. ครูดยี อ่ มไมย่ อมใหล้ กู ศษิ ยท์ �ำชว่ั ทกุ ชนิดทัง้ ตอ่ หนา้ และลบั หลงั จงึ ทงั้ พร�่ำสอน พร�่ำท�ำใหด้ เู ปน็ แบบอยา่ ง วา่ ถกู -ผดิ ด-ี ชวั่ บญุ -บาป ควร-ไมค่ วร คณุ -โทษ ประโยชน์-มใิ ชป่ ระโยชน์ เหมาะสม-ไมเ่ หมาะสม สะดวกสบาย-ล�ำบาก โง-่ ฉลาด เปน็ อยา่ งไร เหมอื นหรอื แตกตา่ งกนั อยา่ งไร มผี ลตอ่ ตนเอง-สว่ นรวมอยา่ งไร ทงั้ ปจั จบุ นั -อนาคต ศษิ ยแ์ ตล่ ะวยั แต่ละชน้ั เรยี นมีความชว่ั อะไร ที่ตอ้ งขนาบแล้วขนาบอกี ให้ห่างไกลเว้นขาด แมค้ วามชว่ั ในเรอื่ งเลก็ ๆ น้อย ๆ ๒. ครููดียี ่่อมแนะนำ�ำ ส่่งเสริมิ ให้้ลููกศิษิ ย์ต์ ั้้ง� อยู่�ในความดีี ความดีีที่ล�่ ููกศิษิ ย์์แต่ล่ ะเพศวััยชั้น� เรีียน จะต้้องรีีบรู้� รีีบ ประพฤติมิ ีีอะไรบ้า้ ง ครูดู ีีต้อ้ งวิเิ คราะห์น์ ำ�ำ มาจำำ�แนกสั่ง� สอน ฝึกึ ฝนลูกู ศิษิ ย์ป์ ระพฤติปิ ฏิบิ ัตั ิใิ ห้ถ้ ูกู ต้อ้ ง ครบถ้ว้ นกระบวนการ ของการทำำ�ความดีีนั้้�น ๆ พร้อ้ มทั้้�งอธิิบายขยายความให้้เหตุุให้้ผลตามหลัักความจริงิ กายภาพและจิิตภาพ อีีกทั้้�งให้้ โอกาสลููกศิิษย์์ซัักถามได้้อย่่างเต็็มที่�่ เพราะครููดีีย่่อมประพฤติิปฏิิบััติิตั้้�งตนอยู่�ในความดีีเป็็นนิิจ กระทั่่�งเป็็นนิิสััยดีี ประจำ�ำ ตัวั ครูดู ีีอยู่�แล้ว้ จึึงไม่่มีีอะไรจะต้้องปิิดบัังให้้ลููกศิิษย์์เคลืือบแคลงสงสััย แต่่พร้อ้ มเป็็นต้้นแบบที่่�ดีีให้้ดููอยู่�แล้้ว ทุุกเวลา 121 www.kalyanamitra.org

๓. ครูดีย่อมแนะน�ำส่งเสรมิ ลูกศษิ ย์ให้หมัน่ ท�ำใจให้ผอ่ งใสเป็นนิจ การฝึกฝนให้ลกู ศิษย์มีสติมน่ั หมน่ั เกบ็ ใจ ไว้กลางกายเป็นนิจ เป็นกิจเป็นหนา้ ที่ส�ำคัญอย่างยิ่งของครูดี ที่จะต้องท�ำอย่างเครง่ ครดั และเรง่ ด่วน เพราะใจที่ ประคองเก็บรกั ษาไว้มั่นเป็นนิจตรงกลางกายเท่านั้น จึงผ่องใสเต็มที่และมีก�ำลังใจสูงสุด เหมาะที่จะใช้หักห้ามใจให้ ละเว้นการกระท�ำช่ัวทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นการท�ำช่ัวทางกาย วาจา หรอื ใจ ในทางตรงข้ามก็มีก�ำลังใจสูงสุดเหมาะ ในการท�ำความดีท้ังทางกาย วาจา และใจอีกด้วย ย่งิ กว่าน้ัน ใจที่ผ่องใสอยู่กลางกายเป็นนิจนี้ยังเป็นเหตุให้ใจสว่าง สามารถเหน็ และรคู้ วามจรงิ ของสิ่งตา่ ง ๆ ท่ผี า่ นมาทางประสาทสมั ผสั ท้งั ๕ คอื ตา หู จมกู ลน้ิ และกาย ไดช้ ัดเจน ถูกตอ้ งมากท่ีสดุ อันเป็นที่มาของการจ�ำ การคิด การรทู้ ว่ั อยา่ งถูกตอ้ ง คือก่อให้เกิดปัญญาแก่ผนู้ ั้นไดง้ า่ ย ท้ังปญั ญา ระดับั รู้้�จำ�ำ ระดับั รู้�ขบคิิด และหากฝึึกใจให้้หยุุดนิ่่�งไว้ก้ ลางกายกระทั่่ง� ชำ�ำ นาญ ย่อ่ มเกิิดการรู้�เห็น็ จากความสว่า่ งภายใน เรีียกว่า่ ญาณทัสั สนะ ในระดัับใดระดัับหนึ่่�งได้ด้ ้้วย ผลจากการทุ่มเทพัฒนาแก้ไขตนเองเพื่อเป็นต้นแบบท�ำความดีให้แก่ศิษย์ และการขนาบศิษย์แล้วขนาบอีก ชนิดไม่ย้ังมือ ไม่ยอมเลิก สิ่งที่ครจู ะได้รบั ทันทีโดยอัตโนมัติแก่ตนเอง ก็คือ เป็นผู้มีปัญญา มีความบรสิ ุทธ์ิ และมี ความกรณุ าตามทา่ นผู้รจู้ รงิ ทัง้ หลายในอดีตอยา่ งแน่นอน เพราะหาครูดีมีความรูค้ วามสามารถในการเก็บใจไว้กลางกายได้ยาก เยาวชนของแต่ละชาติจ�ำนวนมากจึง ไม่ได้รบั การถ่ายทอดความรูท้ ี่ส�ำคัญ ส่งผลให้ขาดสติสัมปชัญญะปล่อยใจตนเองออกนอกกายเป็นนิจ ใจของเขา เหล่านั้นจึงขุ่นมัวเป็นปกติ เห็นผิดเป็นถูก เห็นถูกเป็นผิดเป็นปกติ ใจหมดภูมิต้านทานความช่ัวเป็นปกติ มีก�ำลัง ในการท�ำความดีอ่อนล้าเป็นปกติ จึงมีปัญหาเยาวชนวัยรุน่ จมอยู่กับอบายมุขชนิดต่าง ๆ ท้ังติดยาเสพติดให้โทษ 122 ยกพวกท�ำรา้ ยกันเปน็ เรอื่ งปกตทิ กุ ประเทศทว่ั โลก ด้วยเหตุนี้จงึ กลา่ ววา่ โลกก�ำลงั โหยหาครูดี สติิ สัมั ปชััญญะ | รากฐานการศึึกษาของมนุุษยชาติิ www.kalyanamitra.org

บทที่่� ๖ สติิสัมั ปชัญั ญะรากฐานการศึกึ ษา วัันนี้้�หากศิิษย์์คนใดมีีวาสนาดีี ได้้พบครููดีีประเภททุ่�มเทชีีวิิตจิิตใจขนาบแล้้วขนาบอีีกให้้ลููกศิิษย์์เว้้นชั่�ว พร่ำ�ำ� สอน ฝึกึ ฝน อบรม ให้ล้ ููกศิิษย์์เคย คุ้�น ชิิน ต่อ่ การทำ�ำ ความดีี จ้ำ�ำ� จี้้จ� ้ำ�ำ� ไชให้ล้ ูกู ศิษิ ย์์หมั่่น� เก็บ็ ใจไว้ใ้ นกายให้้ใจผ่่องใส เป็น็ นิิจก่อ่ น แล้ว้ จึงึ ถ่า่ ยทอดวิชิ าการทั้้ง� กายภาพและจิติ ภาพให้้ แม้เ้ ป็น็ ศิษิ ย์ข์ องท่า่ นเพีียงวันั เดีียวก็พ็ ึงึ เคารพกราบไหว้้ บูชู าท่า่ นจนตลอดชีีวิติ เถิดิ เพราะเพีียงได้เ้ ห็น็ ได้ย้ ินิ คำ�ำ สอนของท่า่ น แม้ไ้ ม่ม่ ีีโอกาสซักั ถามท่า่ นอย่า่ งจริงิ จังั ก็็สามารถ ยึึดถืือท่า่ นเป็น็ ต้น้ แบบความประพฤติดิ ีี เพื่่�อปิดิ นรกเปิดิ สวรรค์์ เบิิกทางแห่่งความสุุขความเจริญิ ให้แ้ ก่ต่ นได้แ้ ล้ว้ พระคณุ ของทา่ นแมเ้ พยี งเทา่ น้ี เรากไ็ มอ่ าจจะหาสง่ิ ใดมาตอบแทนบญุ คณุ ทา่ นไดแ้ ลว้ ศษิ ยท์ งั้ หลายจงึ พงึ เคารพ นอบน้อมบูชาคุณท่านตลอดกาลนาน ครดู ีทา่ นจงึ จัดการศึกษาให้แก่ศษิ ยโ์ ดยยดึ สติสัมปชัญญะเปน็ แกนกลาง ดงั ภาพท่ี ๑๕ 123 www.kalyanamitra.org

124 ภาพท่ี ๑๕ สตสิ ัมปชญั ญะรากฐานการศึกษาท่ีแทจ้ รงิ สติิ สัมั ปชัญั ญะ | รากฐานการศึกึ ษาของมนุุษยชาติิ www.kalyanamitra.org

บทที่่� ๖ สติิสัมั ปชััญญะรากฐานการศึึกษา จากภาพที่�่ ๑๕ สติสิ ัมั ปชัญั ญะเป็น็ คุณุ ธรรมกำ�ำ กับั ใจของครูดู ีีและศิษิ ย์ใ์ ห้อ้ ยู่�ภายในกาย ใจจึงึ ผ่อ่ งใส มีีพลังั ที่จ�่ ะ ขบคิิดกระทั่่�งรู้้�ชััดความจริงิ กายภาพ-จิิตภาพที่�่ต้้องรีีบรู้� รีีบประพฤติิ เมื่�่อต้้องประพฤติิปฏิิบััติิก็็มีีสััมปชััญญะรู้้�ตััว ทำ�ำ อย่า่ งเหมาะสมรอบคอบ ถููกต้อ้ งตรงตามความจริงิ ทำ�ำ ด้้วยใจที่�่เบิิกบาน แช่ม่ ชื่่น� อารมณ์์ดีีอารมณ์์เดีียว การรู้�ความ จริงิ ก็็ยิ่ง� ชััดเจน แจ่ม่ แจ้ง้ เพราะได้้รู้� ได้ป้ ฏิิบัตั ิิ ได้เ้ ห็น็ ด้้วยตนเอง ความมั่่น� ใจในความจริงิ กายภาพ-จิิตภาพที่่�ต้อ้ งรีีบรู้� รีีบประพฤติกิ ็ย็ิ่ง� มั่่น� คง เห็น็ ด้ว้ ยใจตนเองที่ผ�่ ่อ่ งใสอีีกว่า่ สติสิ ัมั ปชัญั ญะเป็น็ คุณุ ธรรมเบื้้อ� งต้น้ ด่า่ นแรกที่จ่� ะนำ�ำ ไปสู่�ความ จริงิ ทางโลกและความจริงิ เหนืือโลก การศกึ ษาทแี่ ท้จรงิ เกดิ ข้นึ เมือ่ มคี รดู ีและศิษย์ดี เพราะตา่ งเป็นผูร้ กั การฝึกฝนตนเองให้มสี ตสิ มั ปชญั ญะนั่นเอง อีกท้งั อยใู่ นสิ่งแวดล้อม ๕ ที่สะอาด เป็นระเบียบ คอื ๑. สง่ิ แวดลอ้ มทีเ่ ป็นธรรมชาติ เวลา ฤดกู าล อากาศปกติ ไมแ่ ปรปรวน ๒. สง่ิ แวดลอ้ มทเี่ ปน็ สัตว์ ไม่มีสตั วร์ า้ ย สัตว์มพี ษิ สตั วต์ วั เล็กตัวน้อยรบกวน ๓. สง่ิ แวดล้อมทีเ่ ป็นคน คือมีครดู ี มีเพื่อนนักเรยี นดี ๔. สิ่่�งแวดล้อ้ มที่�เ่ ป็น็ ห้อ้ งเรีียน สะอาด เป็น็ ระเบีียบ แสงสว่า่ งพอ อากาศถ่่ายเทสะดวก อุุปกรณ์์การเรีียนการสอนครบ ๕. สิ่งแวดลอ้ มที่เป็นแบบแผนความประพฤติ มบี ทฝึกนิสัย มลี �ำดับการฝึกสติสัมปชญั ญะ 125 www.kalyanamitra.org

บทฝึกนิสัยตนเองให้มสี ตสิ ัมปชญั ญะ ความหมายนิสัย นิสยั คอื ความประพฤติท่ีเคยชินจนติด หมายความวา่ เปน็ การกระท�ำท่ีท�ำบอ่ ย ๆ ซ�้ำ ๆ จนเคย คุ้น ชนิ แล้ว ติด ฝังใจวา่ จะต้องท�ำเช่นนั้นอีก เคย เปน็ การไดเ้ หน็ ได้ฟัง ได้ดม ได้ลม้ิ รส ได้จับต้องสัมผสั ได้ท�ำ ได้ลอง เปน็ ครงั้ แรก เรยี กวา่ เคย การท�ำ อะไรครง้ั แรก คือ สรา้ งความเคย คุ้น เป็นการสรา้ งความเคยหลาย ๆ ครง้ั เช่น เคยต่ืนนอน ๐๔.๓๐ น. แม้วันตอ่ ๆ มาก็ตน่ื เวลาน้ี จงึ ค้นุ กับ การตื่นนอน ๐๔.๓๐ น. ชนิ เป็นความคุน้ ทท่ี �ำหลาย ๆ ครงั้ กระทัง่ กลายเปน็ ความชนิ ติด เป็นความชินทีท่ �ำเป็นประจ�ำจนติดแน่นฝังเข้าไปในใจว่าจะตอ้ งท�ำเชน่ น้ันอกี การกระท�ำทท่ี �ำบอ่ ย ๆ ซ�้ำ ๆ แมเ้ คย คนุ้ ชนิ หากยงั ไมต่ ดิ ฝังใจกย็ งั ไมเ่ ปน็ นิสยั ตอ่ เมอ่ื ตดิ แน่นฝงั ใจวา่ จะตอ้ งท�ำ เช่นน้ันอีกให้ได้ หากไม่ได้ท�ำอีกจะรูส้ ึกหงุดหงิด เช่น ผู้มีนิสัยสวดมนต์ท�ำวัตรเช้าก็จะต้องท�ำทุกเช้า ไม่ต้องมีใคร มาเตือน หากวันใดไม่ได้ท�ำจะรูส้ ึกหงุดหงิด ไม่สบายใจ เหมือนชีวิตขาดอะไรบางอย่าง แต่ละวันจึงต้องหาโอกาส 126 ท�ำให้ได้ นิสยั ต่าง ๆ ของเรากเ็ กิดจากการประพฤติของตวั เรามาเป็นล�ำดับ ดังภาพที่ ๑๖ สติิ สัมั ปชัญั ญะ | รากฐานการศึึกษาของมนุุษยชาติิ www.kalyanamitra.org

บทที่่� ๖ สติิสัมั ปชัญั ญะรากฐานการศึกึ ษา ภาพท่ี ๑๖ ก�ำเนิดนิสยั 127 www.kalyanamitra.org

ความหมายบทฝกึ นิสัย บทฝึึกนิิสััย คืือ ข้้อกำำ�หนดให้้ปฏิิบััติิกิิจนั้้�นเป็็นประจำำ� จะละเว้้นมิิได้้ เพราะถููกต้้องตามคำำ�สอนของผู้้�รู้้�จริงิ จนผู้�ปฏิิบััติิด้ว้ ยตนเองเกิดิ ความเคย คุ้�น ชินิ ติิด เป็น็ นิิสััยประจำำ�ตน สว่ นประกอบบทฝึกนิสยั บทฝึกนิสยั มีส่วนประกอบส�ำคัญ ดงั น้ี ๑. วัตั ถุุประสงค์์ เป็น็ การระบุวุ ่่าจะต้้องประพฤติปิ ฏิบิ ััติิอะไรเพื่่อ� ให้เ้ กิิดคุุณธรรม นิิสัยั หรืือรู้้�ชััดความจริงิ อะไร การเขีียนวัตั ถุปุ ระสงค์์จะเขีียนที่ช่� ื่อ�่ บทฝึึกนิิสัยั ก็็ได้้หรืือเขีียนแยกเป็น็ หััวข้้อก็็ได้้ ๒. ความจรงิ กายภาพที่ต้องรบี รู้ เป็นการสรุปสาระส�ำคัญความจรงิ กายภาพที่ต้องรบี รู้ เขียนในรูปของสูตร สมการ ขอ้ ความส�ำคัญ เพือ่ ผู้เรยี นสามารถจบั สาระส�ำคญั ได้ถูกต้อง จดจ�ำได้งา่ ย คิดใครค่ รวญความเปน็ เหตุเปน็ ผล กจ็ ะรเู้ ข้าใจวา่ ท�ำไมจึงตอ้ งเรยี น และจะน�ำไปใช้ในชีวติ จรงิ ได้อย่างไร ๓. ความจรงิ จิตภาพที่ต้องรบี รู้ เป็นการสรุปสาระส�ำคัญความจรงิ จิตภาพที่ต้องรบี รู้ เขียนในรูปของค�ำ วลี ประโยค ข้อความส�ำคัญที่จัดเรยี งล�ำดับตามความลุ่มลึก เพื่อผู้เรยี นสามารถสังเกตเห็น จดจ�ำ คิด รูไ้ ด้เข้าใจง่าย มีความเชื่อมโยงกับความจรงิ กายภาพท่ีต้องรบี รู้ ความจรงิ ท่ีต้องรบี ประพฤติอย่างไร จึงรูช้ ัดเหตุผลว่าท�ำไมจึงต้อง 128 ประพฤตปิ ฏิบตั ิ สติิ สัมั ปชััญญะ | รากฐานการศึกึ ษาของมนุุษยชาติิ www.kalyanamitra.org

บทที่่� ๖ สติสิ ััมปชััญญะรากฐานการศึึกษา ๔. ความจรงิ ทีต่ อ้ งรบี ประพฤติปฏิบตั ิ ประกอบด้วย ๔ สว่ นส�ำคญั คอื ๔.๑ มสี ตเิ ก็บใจไว้ในกาย ๔.๒ มีสมั ปชญั ญะ สังเกต เห็น จ�ำ คิด รู้ เกีย่ วกบั ตนเอง ๔.๓ มีสัมปชญั ญะ สังเกต เห็น จ�ำ คิด รู้ เก่ียวกับสิง่ แวดลอ้ ม ๕ ๔.๔ ประพฤตปิ ฏบิ ตั อิ ย่างมีสตสิ ัมปชญั ญะ ๕. ผลการประพฤติิปฏิบิ ััติิ ระบุุความจริงิ ที่่�เกิิดขึ้�นจากการประพฤติิปฏิิบััติิเมื่่�อทำำ�ถููกต้้องเป็็นประจำำ�แล้้วว่่า เป็น็ อย่า่ งไร หากผู้�เรีียนยัังทำำ�ไม่่ได้้ ต้้องติิดตามช่่วยชี้�แนะแก้้ไขข้้อบกพร่อ่ งค่อ่ ย ๆ ให้้กำำ�ลัังใจ และพััฒนาจนกว่่าจะ ทำ�ำ ได้้เองเป็น็ นิิสััยติดิ ตััวไป การออกแบบบทฝึกนิสยั คุณครู หรอื คุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครอง หรอื ครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรยี น สามารถออกแบบบทฝึกนิสัยได้ หลากหลายรปู แบบตามความถนัดของผอู้ อกแบบและลกั ษณะผู้เรยี น ดงั น้ี ๑. มีีหััวข้้อครบตามส่่วนประกอบบทฝึึก ดัังตััวอย่่างบทฝึึกนิิสััยตนเองผ่่านการเจริญิ สติิเก็็บใจไว้้กลางกาย บทฝึึกนิิสััยตนเองให้้มีีสติิสััมปชััญญะผ่่านการเดิิน บทฝึึกนิิสััยตนเองให้้มีีสติิสััมปชััญญะผ่่านการทำำ�ความสะอาดโต๊๊ะ 129 และเก้้าอี้ �นัักเรีียน www.kalyanamitra.org

๒. ยึดความจรงิ ท่ีต้องรบี ประพฤติปฏิบัติเป็นหลัก แล้วระบุความจรงิ กายภาพ-จิตภาพที่ต้องรบี รู้ เพื่อแสดง ความเป็นเหตุเป็นผล ในแต่ละขั้นตอนท่ีต้องประพฤติปฏิบัติ ดังตัวอย่างบทฝึกนิสัยตนเองให้มีสติสัมปชัญญะผ่าน กิจวตั รประจ�ำวันจากการใช้หอ้ งสขุ าด้านท้าย การใช้บทฝกึ นิสยั บทฝึกนิสัยสามารถใช้ได้ท้ังในและนอกห้องเรยี น ใช้ได้ในกจิ วัตรประจ�ำวันท้ังท่ีบ้าน โรงเรยี น สถานที่ต่าง ๆ การน�ำไปใช้ พอ่ แม่ผู้ปกครอง คณุ ครู ครพู ระ ควรฝึกผู้เรยี นใหป้ ระพฤตปิ ฏบิ ตั ภิ ายใต้ค�ำแนะน�ำ ใหก้ �ำลังใจ พูดคยุ ปรกึ ษากันอย่างสรา้ งสรรค์ หากจะใช้วิธีลองผิดลองถูก ต้องให้เหตุผลว่าถูก-ผิดเพราะอะไร ควรมีครูก�ำกับเพ่ือ ป้องกันศษิ ยเ์ ข้าใจผดิ คิดผดิ พดู ผิด และท�ำผิด ๆ การประเมนิ บทฝึกนิสยั บทฝึกนิสยั ทด่ี ีต้องท�ำให้ผู้เรยี น ๑) รชู้ ัดความจรงิ กายภาพ-จติ ภาพทต่ี อ้ งรบี รู้ รบี ประพฤติ ๒) ประพฤตปิ ฏิบตั ิ ถูกต้องตรงความจรงิ น้ันให้เป็นนิสัย พ่อแม่ ครู ครพู ระ จึงควรให้ผู้เรยี น คือ ลูกหลานเรา ศิษย์ได้ประพฤติปฏิบัติ ให้ถูกต้องเป็นประจ�ำ ภายใต้การเอาใจใส่ แนะน�ำ โดยมีพ่อแม่ ครู ครูพระ ประพฤติปฏิบัติเป็นนิสัยดีให้เห็นเป็น แบบอยา่ ง 130 สติิ สััมปชััญญะ | รากฐานการศึกึ ษาของมนุุษยชาติิ www.kalyanamitra.org

บทที่่� ๖ สติสิ ััมปชััญญะรากฐานการศึกึ ษา 131 www.kalyanamitra.org

132 สติิ สัมั ปชัญั ญะ | รากฐานการศึกึ ษาของมนุุษยชาติิ www.kalyanamitra.org

บทที่่� ๖ สติสิ ััมปชััญญะรากฐานการศึกึ ษา 133 www.kalyanamitra.org

134 สติิ สัมั ปชัญั ญะ | รากฐานการศึกึ ษาของมนุุษยชาติิ www.kalyanamitra.org

บทที่่� ๖ สติสิ ััมปชััญญะรากฐานการศึกึ ษา 135 www.kalyanamitra.org

136 สติิ สัมั ปชัญั ญะ | รากฐานการศึกึ ษาของมนุุษยชาติิ www.kalyanamitra.org

บทที่่� ๖ สติสิ ััมปชััญญะรากฐานการศึกึ ษา 137 www.kalyanamitra.org

138 สติิ สัมั ปชัญั ญะ | รากฐานการศึกึ ษาของมนุุษยชาติิ www.kalyanamitra.org

บทที่่� ๖ สติสิ ััมปชััญญะรากฐานการศึกึ ษา 139 www.kalyanamitra.org

140 สติิ สัมั ปชัญั ญะ | รากฐานการศึกึ ษาของมนุุษยชาติิ www.kalyanamitra.org

บทที่่� ๖ สติสิ ััมปชััญญะรากฐานการศึกึ ษา 141 www.kalyanamitra.org

142 สติิ สัมั ปชัญั ญะ | รากฐานการศึกึ ษาของมนุุษยชาติิ www.kalyanamitra.org

บทที่่� ๖ สติสิ ััมปชััญญะรากฐานการศึกึ ษา 143 www.kalyanamitra.org

144 สติิ สัมั ปชัญั ญะ | รากฐานการศึกึ ษาของมนุุษยชาติิ www.kalyanamitra.org

บทที่่� ๖ สติสิ ััมปชััญญะรากฐานการศึกึ ษา 145 www.kalyanamitra.org

146 สติิ สัมั ปชัญั ญะ | รากฐานการศึกึ ษาของมนุุษยชาติิ www.kalyanamitra.org

บทสรุปส่งท้าย ที่�่ผ่า่ นมาเราอยู่�ในยุคุ แห่ง่ ความศรัทั ธา คืือ ผู้�ใหญ่่ บอกให้้จำำ� นำ�ำ ไปท่่อง พููดให้้คล่่อง ตอบให้ถ้ ููก ไม่ต่ ้อ้ งสงสััย ว่า่ ทำ�ำ ไม ไม่่ต้้องถามหาเหตุุผล ไม่่ชัักช้้าแค่่ให้้รีีบทำำ�ตามที่�่สั่่�ง ทุุกคนต่่างขมีีขมััน ทำำ�ตามด้้วยความเชื่�่อมั่่�นฝัังใจว่่า คำ�ำ สั่่�งคำำ�สอนของผู้�ใหญ่่เป็็นสิ่่�งถููกต้้อง ใครทำ�ำ ตามย่่อมได้้ดีี มีีแต่่ความสุุขความเจริญิ เราได้้รับั การปลููกฝัังให้้เคารพ เชื่อ�่ ฟังั มีีศรัทั ธาต่อ่ ผู้�ใหญ่่ ซึ่่�งประกอบด้ว้ ยพ่อ่ แม่่ ผู้�ปกครอง ครูอู าจารย์์ พระภิกิ ษุุ ผู้�หลักั ผู้�ใหญ่ใ่ นสังั คม ในบ้า้ น ในเมืือง อย่า่ งไม่่มีีข้้อแม้้เงื่่�อนไขใด ๆ เช่่นนี้้�มานานแสนนาน ปจั จุบันเมื่อความเจรญิ ก้าวหนา้ ทางวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี และระบบสารสนเทศเป็นไปอย่างรวดเรว็ ทกุ คน สามารถเข้าถึงความรวู้ ิชาการและข้อมูลตา่ ง ๆ ได้ง่าย ไมย่ งุ่ ยากและไม่ตอ้ งลงทุนมากเหมือนสมัยกอ่ น เพราะความรู้ ไม่ได้มีแตท่ ี่ผู้ใหญ่ ไมไ่ ดม้ ีแต่ในห้องเรยี น แต่อย่ใู นเครอื่ งมือสี่เหลี่ยมเลก็ ๆ ใคร ๆ สามารถพกพาตดิ ตัวไปไดส้ ะดวก ทกุ ท่ี ซ่ึงเราเรยี กวา่ โทรศัพท์มอื ถือ คนรนุ่ ใหมท่ เ่ี ตบิ โตมาในสภาวการณ์เชน่ นี้ ยอ่ มตอ้ งการเหตผุ ลมากกวา่ ค�ำสง่ั ซ่งึ ผใู้ หญส่ ว่ นมากกม็ กั ตอบเหตผุ ล ไมไ่ ด้ เพราะตนเองกเ็ ตบิ โตและเจรญิ กา้ วหนา้ มาไดจ้ ากการท�ำตามค�ำสงั่ ของผใู้ หญท่ มี่ อี �ำนาจ หาไดร้ งุ่ เรอื งจากอ�ำนาจ การคดิ รขู้ องตนเองไม่ ชอ่ งว่างระหวา่ งวยั ชอ่ งว่างทางความคดิ กเ็ กดิ ข้นึ ทนั ที ซ่ึงน�ำไปสู่ความรา้ วฉานในสังคม แล้ว เราจะปล่อยใหว้ ฏั จกั รน้ีหมุนวนซ�้ำรอยเดมิ ตอ่ ไปอีกหรอื 147 www.kalyanamitra.org

ผรู้ จู้ รงิ ทง้ั ทม่ี มี าในอดตี ปจั จบุ นั และจะมใี นอนาคต ทา่ นไดใ้ หห้ ลกั คดิ ไวว้ า่ อยา่ มวั มาเสียเวลาหาเหตผุ ลในเรอ่ื ง ตา่ ง ๆ เยอะแยะมากมายเลย แตใ่ ห้รบี มาหาความจรงิ ทีส่ ามารถเอาชนะความจรงิ นา่ ตระหนกประจ�ำโลก ๔ กนั กอ่ น เพราะน่ันคอื ทม่ี าของเหตผุ ลแทจ้ รงิ ทงั้ ปวง การศกึ ษาที่ถกู ตอ้ งแท้จรงิ จงึ ตอ้ งเกดิ เพอื่ ใหผ้ เู้ รยี นไดเ้ รยี นรู้ ฝกึ หดั ฝึกฝน พัฒนาตนเองให้มองตน พิจารณาตน เห็นตนเองให้ชัดว่า บัดน้ีตนเองรอบรชู้ ัดความจรงิ ที่ต้องรบี รู้ รบี ประพฤติได้ ถกู ต้อง ครบถว้ นมากน้อยเพียงใด แล้วรบี น�ำความจรงิ นั้นมาประพฤติปฏบิ ตั ิแกไ้ ขนิสยั ตน ให้ตนเป็นผู้มีนิสยั เว้นขาด จากความช่วั ทั้งปวง ฝึกใหม้ ีนิสัยรกั ท�ำแต่ความดไี มท่ �ำความเดือดรอ้ นแก่ตนเองและผ้อู ่นื มีแตส่ รา้ งประโยชน์สุข และ สดุ ทา้ ยให้ตนมนี ิสยั รกั ท�ำใจใหผ้ อ่ งใสเป็นนิจ มสี ติสมั ปชัญญะในทกุ ภารกิจการงาน เพอื่ ควบคมุ เหน่ียวรงั้ ใจไม่ใหแ้ วบ ออกนอกกาย ไมค่ ดิ รา้ ย ไมพ่ ดู รา้ ย และไมท่ �ำรา้ ยตนเองและใคร ๆ น่ันคอื เราก�ำลงั เขา้ สยู่ คุ พทุ ธจิ รติ คอื ยดึ ความจรงิ และความดเี ป็นทตี่ ั้ง ท่า่ นผู้้�รู้้�จริงิ คือื ใคร ท่า่ นก็ค็ ือื พระอรหันั ตสัมั มาสัมั พุทุ ธเจ้า้ ผู้�เป็น็ ที่่เ� คารพ กราบไหว้บ้ ูชู าของทั้้ง� มนุุษย์์ เทวดา และพรหม เหตุทุ ี่ไ�่ ม่ป่ ระสงค์ร์ ะบุพุ ระนามท่า่ นตั้้ง� แต่ต่ ้น้ เพื่อ่� ให้ค้ นยุคุ ปัจั จุบุ ันั ซึ่่�งไม่ค่ ่อ่ ยได้ร้ ่ำ�ำ� เรีียนพระพุทุ ธศาสนา ไม่ค่ ่อ่ ย ได้้เข้า้ วัดั ฟังั ธรรม สวดมนต์์ เจริญิ สมาธิิ แผ่เ่ มตตา เมื่�อ่ อ่่านหนัังสืือสติสิ ััมปชัญั ญะรากฐานการศึึกษาของมนุุษยชาติิ จะได้ค้ ิดิ ใคร่ค่ รวญไตร่ต่ รองความเป็น็ เหตุเุ ป็น็ ผลอย่า่ งอิสิ ระเต็ม็ ที่่� ว่า่ จริงิ ดังั ที่ผ�่ ู้้�รู้้�จริงิ ทั้้ง� หลาย ท่า่ นได้ค้ ้น้ พบ และวาง รากฐานการประพฤติปิ ฏิบิ ัตั ิไิ ว้แ้ ล้ว้ หรืือไม่่ เพราะผู้้�รู้้�จริงิ ก็เ็ คยบอกไว้เ้ องว่า่ จงอย่า่ เชื่อ�่ เพราะผู้�นั้�นผู้�นี้�บอก แต่เ่ ชื่อ�่ เพราะ ได้ข้ บคิิด ได้ค้ ิิดตรองแล้้วตรองอีีกจนรู้� และได้้ฝึกึ หัดั ฝึึกฝน เพีียรประพฤติิปฏิิบัตั ิดิ ้้วยตนเองจนรู้�ความจริงิ ด้ว้ ยตััวเอง 148 แล้ว้ เหตุผุ ลถูกู ต้อ้ งตรงตามความเป็น็ จริงิ อื่น�่ ๆ ก็จ็ ะพรั่ง� พรูใู ห้รู้้�ว่าทำำ�ไม ต้อ้ งคิดิ ต้อ้ งพูดู ต้อ้ งทำ�ำ อย่า่ งนี้้� อย่า่ งนั้้�น ความ ไม่รู่้�ว่าเรามีีใจหรืือไม่่ ความไม่เ่ ชื่อ่� ว่า่ ใจมีีจริงิ ไหม สมองเท่า่ นั้้�นที่เ่� ป็น็ ใหญ่ค่ อยควบคุมุ สั่ง� กายจริงิ หรืือไม่่ ความจริงิ จิติ ภาพ สติิ สัมั ปชััญญะ | รากฐานการศึกึ ษาของมนุุษยชาติิ www.kalyanamitra.org

ที่่�ต้้องรีบี รู้� รีบี ประพฤติิ อัันดัับแรกก็็คืือ การฝึกึ สติิเก็็บใจไว้้ในกายเป็น็ นิิจ ความจริงิ ดัังกล่่าวเหล่่านี้้�จริงิ หรือื ไม่่ ความเคลือื บแคลงสงสัยั เหล่า่ นี้้�จะได้ห้ มดไปจากใจ คำำ�ถามที่ว�่ ่า่ ทำ�ำ ไม ทำ�ำ ไม ๆ จะได้ม้ อดมลายหายสูญู ไป แล้ว้ ชาวโลก ทุุกคนจะได้เ้ อาเวลาชีีวิิตอันั แสนสั้้น� ของตนมาฝึึกฝน อบรมใจให้ม้ ีีสติสิ ัมั ปชัญั ญะ มีีใจตั้้�งมั่่�นอยู่�กลางกายกระทั่่�งรู้�เห็น็ ความจริงิ ตามอย่่างท่่านผู้้�รู้้�จริงิ ทั้้ง� หลายที่่ม� ีีมาแล้้วในอดีีต ปัจั จุุบันั และที่่�จะมีีมาอีีกในอนาคต 149 www.kalyanamitra.org


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook