หนังสือเรียนรายเลอื กวชิ าเสรี วิชาอา่ งทองเมอื งนา่ อยู่ รหัสวิชา สค33165 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย ทรงรับสั่งเล่าเร่ืองนี้เสมอ ๆ ในส่วนเน้ือเรื่องพระมหาชนกน้ีเขียนไว้ที่ฝาผนัง ท่ีเรียกว่า บนคอสอง หมายถึง ผนังส่วนท่ีอยู่เหนือขอบหน้าต่างท้ังสองด้าน โดยจะเริ่มท่ีผนังด้านทิศเหนือซ่ึงอยู่ทางซ้าย ของพระประธาน แล้วดาเนินเรอ่ื งมาจบในผนังดา้ นทิศใต้ มาจบเรอื่ งตรงที่ดา้ นขวาของพระประธาน ภาพจิตรกรรมภายในพระอุโบสถวัดท่าสุทธาวาสนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเสด็จพระราชดาเนินมาทรงจดพู่กันเขียนภาพ ต้นมะม่วงในเร่ืองพระมหาชนก เม่ือวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ.2536 พระองค์ทรงฝากฝีพระหัตถ์ไว้ใน ภาพจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถของพระองค์ จนเป็นที่ปลื้มปิติแก่เหล่าพสกนิกรบ้านบางเสด็จ และชาวอ่างทอง นอกจากนี้ภายในบริเวณวัดยังเป็นศูนย์ตุ๊กตาชาววัง ซึ่งเป็นโครงการตามพระราช ประสงคอ์ ีกดว้ ย แผนที่การเดินทาง จิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถ ท่มี า : https://www.facebook.com/UnseenThailand/posts/2527855460560184 หน้า 94 สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จงั หวัดอา่ งทอง
หนงั สือเรยี นรายเลือกวชิ าเสรี วชิ าอา่ งทองเมืองนา่ อยู่ รหัสวชิ า สค33165 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย พระบรมราชานสุ าวรียส์ มเดจ็ พระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเอกาทศรถ พระบรมราชานุสาวรีย์สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช และสมเดจ็ พระเอกาทศรถ ท่มี า : https://mgronline.com/local/detail/9580000006458 สถานทีต่ ้งั พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเอกาทศรถ ตั้งอยู่ท่ี บริเวณลานริมแมน่ ้าเจา้ พระยา บรเิ วณดา้ นหลงั วดั ป่าโมกวรวหิ าร ตาบลปา่ โมก อาเภอปา่ โมก จังหวัด อ่างทอง ประวัตคิ วามเปน็ มา พระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้ประกอบพิธีเททองหล่อโดยสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เมื่อวันอาทิตย์ท่ี 19 มีนาคม พ.ศ.2533 ณ บริเวณ สถานท่ีก่อสร้างศาลหลักเมืองจังหวัดอ่างทอง และพระบรมรูปสมเด็จพระเอกาทศรถ ได้ประกอบพิธี เททองหล่อ โดยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อวันศุกร์ท่ี 3 สิงหาคม พ.ศ. 2533 ณ บริเวณพระอุโบสถ วัดท่าสุทธาวาส อาเภอป่าโมก จังหวัด อา่ งทอง ต่อมาเมื่อวันศุกร์ท่ี 19 สิงหาคม พ.ศ.2534 นายทวีป ทวีพาณิชย์ ผู้ว่าราชการจังหวัด อ่างทองในขณะน้ัน ได้อัญเชิญประดิษฐานไว้ ณ พระบรมราชานุสาวรีย์ (ชั่วคราว) ณ บริเวณหน้ากุฏิ อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าโมกวรวิหาร ซ่ึงพระราชสุธรรมาภรณ์ (วิวัฒน์ ฐิตเปโม) เจ้าอาวาสวัดป่าโมก วรวิหาร เจ้าคณะอาเภอป่าโมก และนายสมศักด์ิ ช่ืนนิยม นายกเทศมนตรีเทศบาลตาบลป่าโมก หนา้ 95 สานกั งานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จงั หวัดอ่างทอง
หนังสือเรยี นรายเลอื กวิชาเสรี วิชาอ่างทองเมอื งน่าอยู่ รหัสวชิ า สค33165 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย ได้ดารริ ว่ มกันว่า สถานท่ีประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ (ชั่วคราว) นั้น ยังขาดความสง่างาม และ ไมพ่ ระสมเกยี รติยศ และในวาระท่ี พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถ บพิตร ครบ 7 รอบ 84 พรรษา ในปี พ.ศ.2555 อันเป็นปีมหามงคล สมควรที่จะจัดกิจกรรม ร่วมเฉลิมฉลอง โดยสร้างแท่นประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ขึ้นใหม่ ณ สถานที่อันเหมาะสม และอัญเชิญพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเอกาทศรถ ขึ้นประดิษฐาน เป็นการถาวร เพ่ือเป็นการราลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงกอบกู้ทานุบารุงแผ่นดินไทยให้เป็น ปึกแผ่น เจริญรุ่งเรืองให้เราได้อยู่อาศัยอย่างสุขสบายจนตราบเท่าทุกวันนี้ รวมถึงเพื่อเป็นการเชิดชู พระเกียรติยศ ปรากฏแผ่ไพศาลให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษา เรียนรู้ เกิดความภาคภูมิใจในบรรพบุรุษ และแผ่นดินเกิดของตนสืบต่อไป ซ่ึงทกุ ปีจะมกี ารจดั ให้มีพิธีถวายสักการะสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเอกาทศรถ ในวันท่ี 18 มกราคม และ วนั ที่ 25 เมษายน ณ วดั ปา่ โมกวรวหิ าร จุดเด่นของพระบรมราชานุสาวรยี ์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเอกาทศรถ เป็นพระบรมราชานุสาวรีย์ท่ีสร้างขึ้นเพื่อราลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันย่ิงใหญ่ ของ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเอกาทศรถ ซง่ึ จงั หวดั อา่ งทอง เป็นดินแดนสาคัญทางด้าน ประวตั ศิ าสตร์เปน็ อย่างมาก โดยเฉพาะพนื้ ทอ่ี าเภอป่าโมก ตามประวัตศิ าสตร์จะเป็นพื้นท่ีต้ังทัพหลวง ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเอกาทศรถ ในการทาสงครามหลายครั้ง โดยเฉพาะ การเดินทพั จากกรุงศรอี ยุธยา มาข้ึนบกท่ีบ้านป่าโมก ทาพิธีเหยียบชัยภูมิ ตัดไม้ข่มนาม และนมัสการ พระพุทธไสยาสน์ และยกทัพหลวงจากทุ่งป่าโมก ไปกระทาศึกยุทธหัตถี มีชัยต่อพระมหาอุปราชา ทสี่ พุ รรณบุรี ในสงครามยุทธหัตถี แผนท่ีการเดินทาง งานราลกึ พระบรมราชานสุ าวรยี ์สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช และสมเดจ็ พระเอกาทศรถ ที่มา : http://angthongnews.blogspot.com/2016/04/255925.html หนา้ 96 สานกั งานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยจงั หวดั อา่ งทอง
หนังสือเรียนรายเลือกวชิ าเสรี วิชาอา่ งทองเมอื งน่าอยู่ รหัสวิชา สค33165 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย อนุสาวรยี ์พนั ทา้ ยนรสงิ ห์ อนสุ าวรยี ์พันท้ายนรสิงห์ ทีม่ า : https://th.foursquare.com/v/อนุสาวรียพ์ นั ท้ายนรสิงห์/ สถานทต่ี ั้ง อนุสาวรีย์พันท้ายนรสิงห์ ตั้งอยู่ท่ี หมู่ 2 บ้านตะพุ่น ตาบลนรสิงห์ อาเภอป่าโมก จังหวัด อา่ งทอง ประวตั ิความเปน็ มา บุ ค ค ล ตั ว อ ย่ า ง ท่ี เ ป็ น ผู้ ย อ ม ส ล ะ ชี วิ ต เ พ่ื อ ค ว า ม ศั ก ด์ิ สิ ท ธิ์ ข อ ง ก ฎ ห ม า ย บ้ า น เ มื อ ง ซ่ึงประวัติศาสตร์ต้องจารึกไว้ในฐานะบุคคลท่ีมีความซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อพระเจ้าอยู่หัว เปน็ อยา่ งยิง่ เมื่อกระทาผดิ ก็ยอมรับโทษตามตวั บทกฎหมาย แม้ว่าจะได้รับพระราชทานอภัยโทษแล้ว ก็มิยินยอม เพราะเกรงกฎหมายจะส้ินความศักดิ์สิทธิ์อันจะทาให้เส่ือมเสียถึงพระเจ้าอยู่หัว จากหลักฐานชื่อบ้านตาบลนรสิงห์ทาให้พอจะเช่ือได้ว่าพันท้ายนรสิงห์เป็นชาวป่าโมก แขวงเมือง อ่างทอง และข้อความในหนังสือพระราชพงศาวดาร ซ่ึงบันทึกไว้ว่าในสมัยพระพุทธเจ้าเสือนั้น พระองค์มักเสด็จไปเมืองอ่างทองเพราะโปรดการชกมวยและปลอมพระองค์เป็นชาวบ้านเข้าแข่งขัน ชกมวยอย่างสาราญพระราชหฤทัย จากนั้นทรงรู้จักกับชาวบ้านนรสิงห์คนหน่ึงซ่ึงชกมวยเก่งมาก ทรงพอพระทัยจึงทรงชักชวนไปรับราชการด้วย และได้พระราชทานยศเป็นพันท้ายเรือพระท่ีน่ัง เรยี กชอื่ ว่าพันท้ายนรสิงห์ ในปี พ.ศ.2247 พระพุทธเจ้าเสือเสด็จประพาสด้วยเรือพระท่ีน่ังเอกชัยเพื่อทรงเบ็ด ณ ปากน้าเมืองสาครบุรี สมุทรสาคร เมื่อผ่านคลองโคกขามซ่ึงมีความคดเค้ียวและมีกระแสน้า หนา้ 97 สานกั งานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยจงั หวัดอ่างทอง
หนงั สอื เรยี นรายเลือกวิชาเสรี วิชาอ่างทองเมอื งน่าอยู่ รหสั วชิ า สค33165 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย เชี่ยวกราก พันท้ายนรสิงห์คัดท้ายเรือแก้ไขมิทันทาให้โขนเรือพระท่ีน่ังชนก่ิงไม้ใหญ่หักตกลงในน้า พันท้ายนรสิงจึงทูลขอให้ตัดศีรษะตนตามพระราชกาหนดในบทพระอัยการซ่ึงมีมาแต่โบราณว่า ถ้าพันท้ายผู้ใดถือท้ายเรือพระท่ีน่ังให้ศีรษะเรือพระท่ีน่ังน้ันหัก ท่านว่าพันท้ายนั้นถึงมรณโทษให้ตัด ศีรษะเสียแต่พระพุทธเจ้าเสือตรัสไม่เอาโทษ เพราะเป็นเรื่องเกินวิสัยจึงโปรดเกล้าให้ฝีพายท้ังหลาย ป้ันมูลดินเป็นรูปพันท้ายนรสิงห์แล้วตัดศีรษะรูปดินนั้นแทน เป็นท่ีว่าลงโทษถึงมรณะแล้ว แต่พันท้ายนรสิงห์มิยินยอมเพราะเกรงจะเสียพระราชกาหนดโดยขนบธรรมเนียมโบราณ คนท้ังปวง จะครหาติเตียนดูหม่ินในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแห่งตนได้ จึงกราบบังคมทูลให้ตัดศีรษะตนตามจริง ไดก้ ราบทูลฝากบตุ รภรรยาแล้วถวายบังคมลาตาย สมเด็จพระพุทธเจ้าเสือดารัสวิงวอนเป็นหลายครั้ง แตพ่ ันท้ายนรสิงห์ก็มิยอม สุดทา้ ยพระเจ้าอยู่หวั จาพระทยั ทาตามพระราชกาหนด ดารัสสั่งให้ประหาร ชีวิตพันท้ายนรสิงห์ แล้วโปรดเกล้าให้ทาศาลขึ้นสูงเพียงตา และให้นาศีรษะพันท้ายนรสิงห์ กับโขน เรือพระทนี่ ั่งหกั วางรวมไว้ด้วยกันบนศาลนน้ั ปัจจุบันอนุสาวรีย์พันท้ายนรสิงห์ ประดิษฐานไว้ที่บริเวณวัดนรสิงห์ ตาบลนรสิงห์ อาเภอ ป่าโมก จังหวัดอ่างทอง เพื่อให้อนุชนชาวไทยได้ราลึกถึงคุณงามความดีและยึดถือเป็นแบบอย่าง แหง่ ผู้รกั สจั ธรรมสืบไป จดุ เดน่ ของอนสุ าวรีย์พันท้ายนรสิงห์ เป็นอนุสาวรีย์ท่ีสร้างขึ้นเพ่ือราลึกถึงบุคคลตัวอย่างในประวัติศาสตร์ท่ีมีความซ่ือสัตย์ และความจงรักภักดี ยอมสละชีวิตเพื่อกฎหมายบ้านเมือง เพื่อให้ชาวไทยได้ราลึกถึงคุณงามความดี และยดึ ถอื เป็นแบบอยา่ งแห่งผู้รักสัจธรรมสบื ไป แผนที่การเดนิ ทาง หน้า 98 สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั จงั หวดั อา่ งทอง
หนังสอื เรยี นรายเลือกวชิ าเสรี วชิ าอ่างทองเมืองนา่ อยู่ รหสั วชิ า สค33165 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย อุทยานสวรรคอ์ ่างทองหนองเจ็ดเส้น อุทยานสวรรค์อา่ งทองหนองเจด็ เสน้ ท่ีมา : http://angthongnews.blogspot.com/2017/09/2560_14.html สถานที่ตัง้ โครงการพระราชดาริหนองเจ็ดเส้น ตั้งอยูท่ ่ี หมู่ที่ ๖ ตาบลสายทอง อาเภอปา่ โมก จงั หวดั อา่ งทอง ประวตั คิ วามเปน็ มา สืบเนื่องจากพื้นที่บริเวณหนองเจ็ดเส้นเป็นพ้ืนท่ีราชพัสดุไม่ได้ใช้ประโยชน์และรกร้าง ว่างเปล่า ประสบปัญหาน้าท่วมซ้าซาก จังหวัดอ่างทองจึงได้น้อมนาพระราชดาริของพระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เร่ืองโครงการแก้มลิงมาใช้ ซึ่งถ้า หากสามารถขุดลอกคลองก็จะสามารถเก็บน้าไว้ในฤดูน้าหลาก จะบรรเทาความเดือดร้อนได้ และ ในช่วงฤดูแล้งก็สามารถนาน้าให้เกษตรกรในพื้นที่ข้างเคียงใช้ประโยชน์ในการอุปโภค บริโภค และ การเกษตรได้ พน้ื ทร่ี อบหนองเจด็ เสน้ สามารถพฒั นาเปน็ แหล่งเรียนรู้ตามแนวพระราชดาริ พัฒนาเป็น แหลง่ ทอ่ งเทย่ี วและเป็นการอนุรักษ์แหล่งเพาะพันธ์ุปลาและแหล่งน้าธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุด กับชุมชน โดยเร่ิมดาเนินโครงการในปี พ.ศ.2537 - 2550 ในการขุดลอกและทาการพัฒนา แหล่งน้าธรรมชาติ และปี พ.ศ.2551 ถึงปัจจุบัน ได้พัฒนาพ้ืนท่ีโดยรอบหนองเจ็ดเส้น ให้เป็นแหล่ง ท่องเทีย่ วทม่ี คี วามสวยงามอกี ด้วย หน้า 99 สานกั งานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจงั หวดั อา่ งทอง
หนังสอื เรียนรายเลอื กวชิ าเสรี วิชาอา่ งทองเมอื งนา่ อยู่ รหสั วชิ า สค33165 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย จุดเด่นของอทุ ยานสวรรคอ์ า่ งทองหนองเจด็ เสน้ จุดเด่นของพื้นท่ีแห่งน้ีนอกจากความสวยงามทางธรรมชาติแล้ว ภายในอุทยานสวรรค์ หนองเจ็ดเส้น ยังมีพันธุ์ไม้ท่ีหายาก เป็นแหล่งท่องเท่ียวสาหรับให้นักท่องเที่ยวถ่ายภาพ เป็นสถานที่ ผกั ผอ่ น และออกกาลงั กาย เป็นต้น แผนทก่ี ารเดินทาง บอ่ บัวนานาชาติ ที่มา : https://www.swapgap.com/post/ เร่ืองท่ี 4 แหลง่ ท่องเทย่ี วอาเภอโพธทิ์ อง วัดขุนอนิ ทประมูล บรเิ วณวดั ขนุ อนิ ทประมูล ทมี่ า : https://www.thai-tour.com/place/1500 หนา้ 100 สานักงานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจงั หวัดอา่ งทอง
หนังสอื เรียนรายเลือกวชิ าเสรี วิชาอ่างทองเมืองน่าอยู่ รหัสวชิ า สค33165 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย สถานทีต่ ัง้ วัดขุนอินทประมูล ตัง้ อยู่ที่ หมู่ 3 ตาบลอินทประมลู อาเภอโพธิท์ อง จังหวัดอา่ งทอง ประวัตคิ วามเป็นมา วัดขุนอินทประมูล สร้างข้ึนในสมัยสุโขทัย เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ท่ีใหญ่เป็น อันดับ 2 ของประเทศไทย รองจากวัดบางพลีใหญ่ จังหวัดสมุทรปราการ ท่ีมีความยาว 50 เมตร มีชือ่ วา่ “พระศรเี มืองทอง” องคพ์ ระพทุ ธรปู มีลักษณะและขนาดใกล้เคียงกับพระนอนจักรสีห์ จังหวัด สิงห์บุรี สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นสมัยเดียวกัน เดิมพระพุทธไสยาสน์ประดิษฐานอยู่ในวิหาร แต่ต่อมา หกั พงั หมดเหลือแต่เสาจงึ มองดคู ลา้ ยประดษิ ฐานบนโคกดนิ ชาวบา้ นจึงเรียกว่า โคกพระนอน เม่ือเสีย กรุงครั้งท่ี 1 วัดน้ีถูกไฟเผาและกลายเป็นวัดร้างกว่าร้อยปี ต่อมาในสมัยพระเจ้าบรมโกศ ได้มีการ บูรณะปฏิสังขรณ์และมีการบูรณะอีกครั้งในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาล ท่ี 5 ปัจจุบันองค์พระพุทธไสยาสน์อยู่กลางแจ้ง อาคารได้พังหมดเหลือแต่เสาด้านหน้า พระประธานเปน็ ลานกวา้ ง ดา้ นปลายพระบาทเปน็ กลุ่มกุฏิสร้างขึ้นใหม่ ทางลานด้านตะวันตกถัดจาก ถนนเป็นอาคารโบราณตั้งอยู่บนเนินสูง บนเนินมีซากวิหารท่ีเหลือแต่ผนังก่ออิฐและเจดีย์เล็ก ๆ 2 องค์ สนั นษิ ฐานว่าสร้างสมยั อยธุ ยาตอนปลาย ตรงหน้าพระนอนมีรูปป้ันของชายคนหน่ึง เล่ากันว่า เป็นรูปปั้นของขุนอินทประมูล นายอากรที่ยักยอกเงินหลวงนาไปสร้างวัด คร้ันพอทราบถึง พระมหากษัตริย์ทรงสอบสวน ขุนอินทประมูลไม่ยอมพูดอะไร จึงถูกลงโทษโดนเฆ่ียนจนตาย วัดนี้ จงึ ไดช้ อื่ วา่ “วัดขุนอนิ ทประมลู ” จดุ เด่นของวดั ขนุ อนิ ทประมูล เป็นวัดโบราณสร้างขน้ึ ในสมยั กรุงสโุ ขทัย พจิ ารณาจากซากอิฐแนวเขตเดิมคะเนว่าเป็นวัดที่มี ขนาดใหญ่ เป็นท่ีประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ท่ีใหญ่และมีความยาวถึง 50 เมตร (25 วา) เดิมประดิษฐานอยู่ในวิหารแต่ถูกไฟไหม้ปรักหักพังไป เหลือแต่องค์พระตากแดดตากฝนมานานนับ รอ้ ยปี องค์พระพุทธรูปมีลักษณะและขนาดใกลเ้ คียงกับพระนอนจักรสีห์ จังหวัดสิงห์บุรี ซึ่งสันนิษฐาน ว่าสร้างในสมยั เดยี วกนั แผนทกี่ ารเดินทาง พระพุทธไสยาสน์ วดั ขนุ อินทประมูล ทมี่ า : http://www.prabanprabucha.com/article/3/ หนา้ 101 สานกั งานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยจงั หวดั อา่ งทอง
หนงั สือเรียนรายเลือกวชิ าเสรี วิชาอา่ งทองเมอื งนา่ อยู่ รหัสวชิ า สค33165 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย วดั ท่าอฐิ บรเิ วณวัดทา่ อฐิ ที่มา : https://www.thai-tour.com/place/3907 สถานท่ตี ้ัง วดั ท่าอฐิ ตง้ั อยทู่ ่ี ตาบลบางพลับ อาเภอ โพธ์ิทอง จังหวดั อ่างทอง ประวัติความเปน็ มา วัดทา่ อฐิ สรา้ งข้ึนเมอ่ื ปี พ.ศ.2304 บรเิ วณท่ีตงั้ วัดเดิมเขา้ ใจว่าเปน็ ที่ป้ันเผาอิฐนาไปก่อสร้าง วัดขุนอินทประมูล และในคราวขุดดินเพ่ือวางศิลาฤกษ์ ได้พบอิฐหน้าวัวขนาดใหญ่ นับว่าเป็นสถาน ท่ขี นอิฐหรือท่าขนอิฐ และเมื่อได้สร้างวัดขึ้นจึงขนานนามว่าวัดท่าอิฐ พระประธานในอุโบสถชาวบ้าน เรียกวา่ \"หลวงพอ่ เพช็ ร\" พระประธานในวหิ ารชาวบา้ นเรยี กว่า \"หลวงพอ่ ขาว\" เปน็ พระพทุ ธรูปท่ีสร้าง ในสมยั กรงุ ศรีอยธุ ยา ประมาณ 200 กวา่ ปมี าแล้ว ประดษิ ฐานอย่ใู นวหิ ารมหาอดุ ราวปี พ.ศ.2535 พระครูสุคนธศีลคุณ (หลวงพ่อหอม) มีดาริจะสร้างเจดีย์ข้ึนในบริเวณ วัดท่าอิฐ มีความกว้าง 40 เมตร สูง 58 เมตร เพื่อทดแทนเจดีย์หลังเดิม ต้ังอยู่บริเวณด้านหน้า อุโบสถท่ีผุพังไปตามกาลเวลา และเพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ประดิษฐานในพระเจดีย์เป็นสมบัติของศาสนา และเพื่อระลึกถึงพระคุณ ของพระองค์ท่สี ่ังสอนสัตวโ์ ลกจนเพียบพร้อมไปดว้ ยศีล สมาธิ ปัญญา ผู้ปฏิบัติย่ิงๆ ข้ึน ไปจนสามารถ บรรลุคุณธรรมตามความสามารถของแต่ละบุคคล ต่อมาราวปี พ.ศ.2538 พระครูสุคนธศีลคุณ ได้ทราบข่าวอาการประชวรของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช หนา้ 102 สานักงานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั จงั หวดั อา่ งทอง
หนังสอื เรยี นรายเลอื กวิชาเสรี วชิ าอ่างทองเมอื งน่าอยู่ รหัสวชิ า สค33165 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย บรมนาถบพิตรและเป็นช่วงเร่ิมที่กาลังก่อสร้างเจดีย์ และด้วยความห่วงใยในพระองค์ท่าน พระครู สุคนธศลี คณุ ได้ตั้งสัจจาอธิษฐานว่า ขอให้พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราช บรมนาถบพิตร ทรงหายจากอาการพระประชวร ถ้าเป็นไปดังสัจจาอธิษฐาน จะสร้างเจดีย์ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ท่าน และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อเจดีย์ว่า \"พระธาตุเจดียศ์ รีโพธท์ิ อง\" จุดเด่นของวัดท่าอิฐ สิ่งทโ่ี ดดเดน่ ของวดั ท่าอฐิ คือ พระธาตเุ จดีย์ศรีโพธิท์ อง ซงึ่ มองเห็นมาแตไ่ กลจากถนน สที อง อร่าม และมพี ระพุทธชินราชเป็นองค์พระประธานประดษิ ฐานอยู่บนฐานยกสูงตรงกลาง แผนทีก่ ารเดนิ ทาง พระธาตุเจดียศ์ รีโพธท์ิ อง ทม่ี า : http://www.zthailand.com/place/wat-tha-it-ang-thong/ หนา้ 103 สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยจงั หวัดอ่างทอง
หนังสอื เรยี นรายเลือกวชิ าเสรี วชิ าอ่างทองเมอื งน่าอยู่ รหสั วชิ า สค33165 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย พระตาหนกั คาหยาด พระตาหนักคาหยาด ทม่ี า : http://www.angthong.go.th/atg-tour/3kumyad.html สถานทต่ี ้ัง พระตาหนักคาหยาด ต้ังอยู่ท่ี ตาบลคาหยาด อาเภอโพธิท์ อง จังหวดั อ่างทอง ประวัตคิ วามเป็นมา พระตาหนักคาหยาด ตั้งโดดเด่นอยู่กลางทุ่งนา ก่อด้วยอิฐถือปูนขนาดกว้าง 10 เมตร ยาว 20 เมตร สภาพปัจจุบันมีเพียงผนัง 4 ด้าน แต่ยังคงเห็นเค้าความสวยงามทางด้านศิลปกรรม เช่น ลวดลายประตูซุ้มจรนา ในคราวที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสลาน้า มะขามเฒ่า เม่ือปี พ.ศ.2451 ได้เสด็จมายังโบราณสถานแห่งนี้ และทรงมีพระราชหัตถเลขา อรรถาธิบายไว้ว่า เดิมทีทรงมีพระราชดาริว่า ขุนหลวงหาวัด (เจ้าฟ้าอุทุมพร กรมขุนพรพินิต) ทรง ผนวชที่วัดโพธ์ิทอง แล้วสร้างพระตาหนักคาหยาดแห่งนี้ข้ึนมา เพื่อจาพรรษาเนื่องจากมีชัยภูมิ ท่ีเหมาะสม คร้ันไดท้ อดพระเนตรเห็นตัวพระตาหนกั สร้างด้วยความประณีตสวยงามแล้ว พระราชดาริ เดิมก็เปล่ียนไป ทรงพระราชวิจารณ์ไว้ว่าน่าจะสร้างขึ้นตั้งแต่รัชสมัยสมเด็จพระบรมโกศ เพ่ือเป็น ท่ีประทับแรม เนื่องจากมีพระราชนิยมเสด็จประพาสเมืองอ่างทองเนือง ๆ และประทับอยู่ที่ตาหนัก คาหยาดนี้เพื่อไปสมทบกับชาวบ้านบางระจัน ปัจจุบันน้ีกรมศิลปากรได้บูรณะและข้ึนทะเบียน พระตาหนกั คาหยาดเป็นโบราณสถานไวแ้ ล้ว หนา้ 104 สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยจงั หวดั อา่ งทอง
หนงั สอื เรียนรายเลอื กวชิ าเสรี วิชาอ่างทองเมอื งน่าอยู่ รหัสวิชา สค33165 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย จดุ เด่นของพระตาหนกั คาหยาด ตัวอาคารตั้งโดดเด่นอยู่กลางทุ่งนา ก่อด้วยอิฐถือปูนขนาดกว้าง 10 เมตร ยาว 20 เมตร สภาพปัจจุบันมีเพียงผนัง 4 ด้าน แต่ยังคงเห็นเค้าความสวยงามทางด้านศิลปกรรม เช่น ลอดลาย ประดบั ซุ้มจรนาหนา้ ตา่ ง แผนทีก่ ารเดินทาง พระตาหนกั คาหยาด ทีม่ า : https://woodychannel.com/kam-yard-place.html เร่อื งที่ 5 แหลง่ ทอ่ งเที่ยวอาเภอแสวงหา โครงการฟารม์ ตัวอยา่ งตามพระราชดาริ สบี วั ทอง โครงการฟาร์มตัวอย่างตามพระราชดาริ สบี วั ทอง ที่มา : https://thailandtourismdirectory.go.th/th/info/attraction/detail/itemid/603 หนา้ 105 สานักงานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั จงั หวัดอา่ งทอง
หนังสือเรียนรายเลือกวิชาเสรี วชิ าอา่ งทองเมอื งนา่ อยู่ รหสั วิชา สค33165 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย สถานทีต่ งั้ โครงการฟาร์มตัวอยา่ งตามพระราชดาริ สบี ัวทอง ต้งั อยทู่ ่ี หม่ทู ี่ 3 บา้ นยางกลาง ตาบล สีบวั ทอง อาเภอแสวงหา จงั หวดั อ่างทอง ประวตั คิ วามเป็นมา สืบเน่ืองจากการท่ีพื้นท่ีในภาคกลางของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดอ่างทอง ถกู น้าทว่ ม เกือบทง้ั จงั หวดั ทาใหป้ ระชาชนเกิดความยากลาบาก ไม่มีท่ีพักทาให้ต้องข้ึนมาอยู่บนถนน พื้นท่ีทามาหากินเสียหาย ไม่มีงานทา พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราช บรมนาถบพิตร สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพระบรมวงศานุวงศ์ ทรงห่วงใยประชาชนดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้พระราชทานกระแสรับสั่งให้สมุหราชองครักษ์ คือ พลเอกนฤพล บุญทับ และรองเลขานุการในพระองค์ นายสหัส บุญญาวิวัฒน์ พร้อมคณะ และ คณะเจ้าหน้าท่ีของหน่วยงานราชการต่างๆ จัดหาและดาเนินการพ้ืนที่ เพื่อทาฟาร์มตัวอย่าง ให้เกษตรกรได้พักอาศัยขณะน้าท่วม เพื่อให้มีอาหาร รายได้ และเป็นจุดเรียนรู้ขึ้นที่ตาบลโพสะ อาเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง พื้นท่ี 36 ไร่ เมื่อดาเนินการเสร็จ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้เสด็จพระราชดาเนินทรงเยี่ยมโครงการฟาร์ม ตัวอย่าง ตามพระราชดาริ ตาบลโพสะ อาเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง ในวันพฤหัสบดีที่ 28 ธันวาคม พ.ศ.2549 และทรงพอพระทัยมาก แต่มีพระราชดาริว่าพื้นท่ีเล็กไป อยากให้ดาเนินการ ในพื้นที่มากกว่าน้ี เพ่ือให้เป็นฟาร์มตัวอย่างในภาคกลาง ดังน้ัน จังหวัดอ่างทอง โดยผู้ว่าราชการ จังหวดั และเจา้ หนา้ ที่ รว่ มกับสมุหราชองครักษ์ พลเอกนฤพล บุญทับ รองราชเลขานุการในพระองค์ นายสหัส บุญญาวิวัฒน์ และคณะ ร่วมกับสานักงานพัฒนาท่ีดินเขต 1 กรมพัฒนาท่ีดิน สถานีพัฒนา ที่ดินอ่างทอง สถานีพัฒนาที่ดินปทุมธานี และหน่วยงานในจังหวัดอ่างทอง ประชุมดาเนินการจัดหา พื้นที่ และดาเนินการตามพระราชประสงค์ในวันท่ี 5 มกราคม พ.ศ.2550 ท่ีศาลากลางจังหวัด อ่างทอง พร้อมท้ังเข้าชี้แจงวัตถุประสงค์แก่หน่วยงานในท้องถิ่นและเกษตรกรในพ้ืนท่ี เพื่อคัดเลือก พืน้ ท่ีราชพัสดุ ทหี่ มู่ 3 ตาบลสบี ัวทอง อาเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง พื้นที่ประมาณ 1,053 ไร่เศษ ให้เป็นพ้ืนที่ดาเนินการตามพระราชประสงค์ ทั้งนี้โครงการฟาร์มตัวอย่างได้ดาเนินงานเพื่อท่ีจะตอบ แทนลกู หลานของวีรชนบ้านบางระจัน ได้แก่ นายแท่น นายเมือง นายอิน และนายโชติ ซ่ึงเป็นวีรชน จากอาเภอแสวงหาแห่งนี้ ที่ได้พลชี ีพรักษาบ้านเมอื งของเราไว้ให้ลูกหลานชาวไทยในปัจจุบัน โดยการ ทาฟาร์มตัวอย่างทาให้เกิดผลผลิตและสร้างงานในลักษณะเกษตรอินทรีย์ในด้านการเกษตร ปศุสัตว์ และประมง ใหเ้ ป็นจดุ เรียนรู้ เปน็ แหลง่ ผลติ อาหาร (Food bank) ทปี่ ลอดภัยจากสารพิษ และยังช่วย ให้ชาวบ้านมีรายได้เพมิ่ ขนึ้ อกี ดว้ ย จดุ เดน่ ของโครงการฟาร์มตัวอยา่ งตามพระราชดาริ สบี ัวทอง 1) เป็นแหล่งสร้างงานให้กับชาวบ้าน โดยเปิดกว้างให้ราษฎรพ้ืนท่ีใกล้เคียงเข้ามารับจ้าง ทางานรายวันด้านการเกษตรและหัตถกรรม เช่น ปลูกผัก เก็บผัก เลี้ยงสัตว์ ทอผ้า ฯลฯ โดยทาให้ ชาวบา้ นมรี ายได้ และยังได้เรยี นรู้งานอาชีพไปใชใ้ นทดี่ นิ ตนเองไดต้ ่อไป หนา้ 106 สานักงานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั จงั หวดั อ่างทอง
หนังสอื เรยี นรายเลือกวิชาเสรี วิชาอา่ งทองเมอื งน่าอยู่ รหสั วชิ า สค33165 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 2) ผลิตอาหารปลอดภัย โดยมีการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ภายในโครงการฟาร์มตัวอย่าง เช่น การเลีย้ งสกุ ร แพะ ปลานิลแปลงเพศ กุ้งก้ามกราม และเน้นหลกั การเกษตรอนิ ทรีย์ 3) เป็นแหล่งท่องเทีย่ วเชงิ เกษตร ทนี่ าการทางานภายในศนู ย์ศิลปาชีพสีบัวทองและโครงการ ฟาร์มตัวอย่าง จัดเป็นกลุ่มกิจกรรมให้ประชาชนทั่วไปเข้ามาเที่ยวชม สนุกกับการลงมือปฏิบัติจริง พรอ้ มไดร้ บั ความร้คู ราวเดยี วกัน แผนทีก่ ารเดนิ ทาง แหล่งท่องเท่ียวเชิงเกษตรในโครงการฟารม์ ตัวอยา่ งตามพระราชดาริ สีบัวทอง ท่มี า : http://library6802.blogspot.com/p/blog-page_2338.html วดั บ้านพราน บริเวณวดั บา้ นพราน ท่ีมา : http://teenee-angthong.blogspot.com/2018/04/900_8.html หนา้ 107 สานักงานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยจงั หวดั อ่างทอง
หนงั สือเรยี นรายเลือกวชิ าเสรี วชิ าอ่างทองเมอื งน่าอยู่ รหสั วชิ า สค33165 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย สถานทต่ี ั้ง วดั บ้านพราน ตั้งอยู่ท่ี หมู่ 1 ตาบลศรีพราน อาเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง ประวัติความเป็นมา วัดบ้านพรานแห่งน้ี มีโบราณวัตถุ และโบราณสถานที่สาคัญ คือ วิหารเบญจรงค์ ทรงเก๋งจีน ศิลปะยุคใหม่ของรัตนโกสินทร์ ซ่ึงเดิมคือวิหารรูปทรงเป็นแบบอยุธยาตอนกลาง ปัจจุบันได้รับการ บูรณะซ่อมแซมสวยงาม ภายในเป็นท่ีประดิษฐานหลวงพ่อไกรทอง ซ่ึงเป็นพระพุทธรูปหินทราย ปางสมาธิ ขนาดหน้าตักกว้าง 180 เซนติเมตร สูง 213 เซนติเมตร ลักษณะพระพักตร์ค่อนข้าง เหลี่ยม มีกรอบไรพระศก เม็ดพระศกเล็กและเรียงถี่กันมาก ครองจีวรห่มเฉียง ชายสังฆาฏิพาดเหนือ พระอังสะซ้ายยาวลงมาจรดพระนาภี มีพระชายเป็นลายเข้ียวตะขาบ พระนาภีนูน มีขอบสบงหยัง เป็นวงโค้งหงายข้ึน 3 วง จากพุทธลักษณะ เช่ือว่าได้รับอิทธิพลจากศิลปะเขมรแบบหลังบายน คือ สมัยของพระเจ้าชัยวรมันท่ี 7 และมีเรื่องเล่าสืบต่อกันในท้องถิ่นว่า พ่อขุนศรีอินทราทิตย์เป็นผู้สร้าง พระพุทธรูปองค์นี้ พร้อมกับปัญจวัคคี รวม 6 องค์ มาไว้ที่เทวาลัยบริเวณวัดบ้านพราน เพื่อให้แคว้น อืน่ รวู้ า่ สุโขทัยนับถือศาสนาพุทธเป็นอย่างยิ่ง เหตุที่เรียก “หลวงพ่อไกรทอง” จากคาบอกเล่าของคน ท้องถ่ินเล่าให้ฟังว่า เมื่อในอดีตเวลาเที่ยงคืน ไกรของพระพุทธรูป คือ สบง จีวร สังฆาฏิ จะเปล่งแสงโชติช่วงเป็นสีทองสว่างไสว บอกนิมิตหมายอันดีและมีความศักดิ์สิทธิ์คุ้มภัยแก่ผู้ที่เข้า สักการะ หลวงพ่อไกรทองเป็นพระพุทธรูปประธานของวัดบ้านพราน ประดิษฐานในวิหารหลวงพ่อ ไกรทองซึ่งเป็นวิหารทรงเก๋งจีน ศิลปะยุคใหม่ของรัตนโกสินทร์ โดยจาลองเป็นเก๋งจีนบนเรือสาเภา เชื่อว่าเป็นพาหนะท่ีอัญเชิญหลวงพ่อไกรทองมาประดิษฐานยังวัดบ้านพราน ปัจจุบันวัดบ้านพราน ได้มีการบูรณะปรับปรุง ในส่วนต่าง ๆ ภายในวิหารหลวงไกรทองตกแต่งด้วยไม้สักทองดูงดงาม เป็นสถานท่ปี ระดิษฐานหลวงพอ่ ไกรทอง พระพุทธรูปศักดิ์สิทธ์ิทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และด้าน จิตใจ วิหารหลวงพ่อไกรทอง ตกแต่งด้วยเซรามิกและเคร่ืองเบญจรงค์ ดูงดงาม แปลกตา นับเป็น สิ่งสวยงามล้าค่า เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจ สร้างความสวยงามแปลกตาแก่ผู้มาเยือน ภายในวัดยังมีพิพิธภัณฑ์ศรีบ้านพรานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จัดเก็บวัตถุโบราณมากมาย ที่กรมศิลปากรและชาวบ้านมาถวาย จุดเดน่ ของวดั บา้ นพราน สิง่ ที่โดดเดน่ มากท่ีสุดของวัดบ้านพรานคือ หลวงพ่อไกรทอง พระพุทธรูปศักด์ิสิทธิ์ประจาวัด ศาสนวัตถุท่ีทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์และด้านจิตใจ เป็นพระพุทธรูปหินทรายแกะสลักปางสมาธิ ท่งี ดงามมากองคห์ นึ่งในประเทศไทย ประดิษฐานอยู่ในวิหารหลวงพ่อไกรทอง ซึ่งเป็นวิหารทรงเก๋งจีน ศลิ ปะยุคใหม่ของรัตนโกสนิ ทร์ โดยจาลองเป็นเกง๋ จนี บนเรือสาเภา พาหนะที่อัญเชิญหลวงพ่อไกรทอง มาประดิษฐานยงั วัดบา้ นพราน นับต้งั แต่สมัยพ่อขนุ ศรอี นิ ทราทติ ย์ หนา้ 108 สานกั งานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั จงั หวดั อา่ งทอง
หนงั สอื เรียนรายเลือกวชิ าเสรี วิชาอ่างทองเมืองน่าอยู่ รหสั วชิ า สค33165 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย แผนที่การเดินทาง หลวงพ่อไกรทอง ทมี่ า : https://tiewpakklang.com/post/2580 เร่ืองท่ี 6 แหลง่ ท่องเท่ยี วอาเภอวเิ ศษชยั ชาญ วัดมว่ ง บริเวณวัดม่วง ที่มา : https://travel.aerialthailand.com/?p=207 หนา้ 109 สานักงานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จงั หวัดอ่างทอง
หนงั สือเรียนรายเลอื กวชิ าเสรี วิชาอา่ งทองเมืองนา่ อยู่ รหสั วชิ า สค33165 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย สถานที่ตั้ง วัดมว่ ง ตงั้ อยู่ที่ หมู่ 6 ตาบลหวั ตะพาน อาเภอวิเศษชยั ชาญ จงั หวดั อ่างทอง ประวตั คิ วามเป็นมา จากวัดร้างท่ีสันนิษฐานว่าสร้างข้ึนในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายหรือปี พ.ศ. 2230 ต้ังอยู่ แขวงเมืองวิเศษไชยชาญ เคยเป็นเมืองหน้าด่าน ที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาก ต่อมาในปี พ.ศ. 2310 กรุงศรีอยุธยาได้เสียกรุงให้แก่พม่า และพม่าได้เผาผลาญบ้านเมือง วัดวาอาราม และพระพุทธรูป ไปเป็นจานวนมาก ส่ิงท่ีหลงเหลืออยู่ คือ ซากปรักหักพังของวัดวาอาราม และพระพุทธรูป ท่ีอยู่บน เนินตน้ ไมใ้ หญเ่ ป็นจานวนมาก ภายหลงั ทา่ นพระครูวบิ ูลอาจารคุณ (หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ) ได้มา ปักกลดธุงดงค์ เห็นว่าบริเวณนี้เคยเป็นวัดร้าง น่าปฏิบัติธรรม แต่ขณะปฏิบัติธรรม ได้ปรากฏนิมิต เห็นองค์หลวงปู่ขาว และหลวงปู่แดง มาบอกว่าให้ท่านได้ช่วยก่อสร้างวัดม่วงขึ้นมาใหม่ เพราะท่าน พระครูเปน็ ผมู้ บี ารมี ทสี่ ามารถจะกอ่ สร้างบรู ณะวดั มว่ งข้ึนมาใหม่ และจะส่งผลใหผ้ ู้ทีเ่ คยอาศัยบริเวณ นใี้ นสมัยกอ่ นไดม้ าเกดิ ซงึ่ ในบรเิ วณวัดร้างยังคงมีศิลาขาวและศิลาแดงตั้งอยู่ ซึ่งก็คือ องค์ของหลวงปู่ ขาวและหลวงปแู่ ดงน่ันเอง ต่อมาท่านพระครูวิบูลอาจารคุณ ได้มีการปั้นองค์พระครอบศิลาขาว และ ศลิ าแดงไว้ โดยเรยี กนามวา่ หลวงปูข่ าว และหลวงปู่แดง จนถึงปัจจุบันนี้ ในปี พ.ศ. 2526 ท่านพระ ครูวิบูลอาจารคุณ ได้มีการเร่ิมบูรณะและได้สร้างเสนาสนะต่าง ๆ ขึ้น โดยได้รับการบริจาคท้ังเงิน ทาบุญและทาบุญด้วยแรงงาน ร่วมกันดาเนินงานในการก่อสร้าง จนกระท่ังวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2527 กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศยกฐานะให้วัดม่วงเป็นวัดท่ีมีพระสงฆ์ และวันท่ี 24 ตุลาคม พ.ศ. 2527 ได้แต่งต้ังท่านพระครูวิบูลอาจารคุณเป็นเจ้าอาวาสวัดม่วง ต่อมาพระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้ทรงพระราชทานวิสุงคามสีมา ใหแ้ ก่วดั ม่วง เมอื่ วันที่ 12 กนั ยายน พ.ศ.2529 ในปี พ.ศ. 2534 ท่านพระวิบูลอาจารคุณ ได้ร่วมพลังจิตอธิฐาน ร่วมกับประชาชน ผู้มีจิตศรัทธาท่ัวประเทศ ได้สมทบทุนสร้างพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีพระนามว่าพระพุทธ มหานมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ เพ่ือน้อมถวาย แด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ด้วยขนาดหน้าตักกว้าง 62 เมตร สูง 93 เมตร มูลค่า ในการก่อสร้างราว 1 ร้อย 6 ล้านบาท โดยใช้เวลาในการก่อสร้างทั้งส้ิน 16 ปี นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 - พ.ศ.2550 ปัจจุบันวัดม่วง มีพื้นที่กว้างขวางถึง 72 ไร่ ซึ่งที่ดินดังกล่าว ท่านพระครู วิบูลอาจารคุณ ได้ซื้อรวบรวมได้ก่อนที่ท่านจะมรณภาพ เพ่ือจัดทาเป็นสถานที่ศึกษาพระธรรม พระพทุ ธศาสนาและปฏิบตั ธิ รรม สาหรับพระภิกษสุ งฆต์ ลอดจนประชาชนทว่ั ไป จดุ เด่นของวัดม่วง 1) พระพุทธมหานมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ ซ่ึงได้ช่ือว่าเป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุด ในโลก 2) วิหารแก้ว โดยด้านในประดับด้วยกระจกระยิบระยับ มีความวิจิตรงดงามตระการตา ซง่ึ ภายในวหิ ารแก้ว มีประดษิ ฐาน “หลวงพอ่ เงนิ ” เป็นพระพทุ ธรูปปางมารวิชัยที่สร้างด้วยเนื้อเงินแท้ องคแ์ รกของประเทศไทย หน้า 110 สานกั งานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยจงั หวัดอา่ งทอง
หนังสือเรยี นรายเลอื กวชิ าเสรี วชิ าอา่ งทองเมืองน่าอยู่ รหสั วชิ า สค33165 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 3) พระอุโบสถกลางดอกบัว ท่ีรายล้อมด้วยกลีบดอกบัวขนาดใหญ่ แต่ละกลีบมีขนาดความ สงู ใหญก่ ว่าตวั คน 4) รูปปั้นเกจิอาจารย์ช่ือดังจากทั่วประเทศ มีแดนเทพเจ้าไทย แดนนรก แดนสวรรค์ แดนเทพเจ้าจีน มีรูปปั้นเป็นเจ้าแม่กวนอิมขนาดใหญ่ รวมถึงรูปปั้นแสดงเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ เกี่ยวกบั สงครามไทย-พมา่ แผนทกี่ ารเดินทาง พระพุทธมหานวมนิ ทร์ศากยมุนศี รวี ิเศษชัยชาญ ท่ีมา : https://pantip.com/topic/36074221 อนสุ าวรียน์ ายดอก นายทองแก้ว อนสุ าวรยี น์ ายดอก นายทองแก้ว ที่มา : http://phakamat12.blogspot.com/2017/01/2.html หน้า 111 สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จงั หวัดอา่ งทอง
หนงั สือเรียนรายเลือกวชิ าเสรี วิชาอา่ งทองเมอื งน่าอยู่ รหัสวชิ า สค33165 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย สถานท่ีตัง้ อนสุ าวรียน์ ายดอก นายทองแกว้ ตง้ั อยู่ที่ หมู่ท่ี 2 ซอยป่ดู อก-ปู่ทองแกว้ 16 ตาบลไผจ่ าศีล อาเภอวิเศษชยั ชาญ จงั หวดั อ่างทอง ประวตั ิความเป็นมา อนุสาวรีย์นายดอก นายทองแก้ว เป็นอนุสรณ์สถานที่ชาววิเศษชัยชาญและชาวอ่างทอง ร่วมกันสร้าง เพื่อราลึกถึงคุณงามความดีของวีรบุรุษแห่งบ้านโพธิ์ทะเล ชาววิเศษชัยชาญ นายดอก และนายทองแก้ว ท้ังสองท่านยอมสละชีวิตอย่างกล้าหาญเพื่อปกป้องแผ่นดินไทยในการสู้รบกับพม่า ที่ค่ายบางระจันก่อนที่กรุงศรีอยุธยาจะแตกในปีพ.ศ. 2310 อนุสาวรีย์แห่งนี้ พระบาทสมเด็จ พระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระกนิษฐา ธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เสด็จพระราช ดาเนินแทนพระองค์ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถ บพติ ร มาทรงเปดิ เมื่อวันท่ี 25 มนี าคม พ.ศ. 2520 จุดเดน่ ของอนสุ าวรยี ์ อนุสาวรีย์นายดอก นายทองแก้ว ทาด้วยทองเหลืองรมดา ซ่ึงเป็นอนุสาวรีย์ที่สร้างข้ึน เพื่อยกย่องบุคคลในประวัติศาสตร์ท่ีมีความเสียสละ รักชาติ รักแผ่นดิน ยอมเสียสละชีวิตเพื่อรักษา บา้ นเมอื ง เพ่ือให้ชาวไทยรุ่นหลงั ได้ราลกึ ถงึ คณุ งามความดี และถอื เปน็ แบบอยา่ งสบื ไป แผนท่ีการเดนิ ทาง พิธรี าลึกวรี ชนบรเิ วณอนสุ าวรยี น์ ายดอก นายทองแก้ว ทมี่ า : http://angthongnews.blogspot.com/2014/03/2557.html หน้า 112 สานกั งานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั จงั หวัดอา่ งทอง
หนงั สอื เรียนรายเลอื กวิชาเสรี วิชาอา่ งทองเมอื งนา่ อยู่ รหสั วชิ า สค33165 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย วัดส่ีร้อย หลวงพ่อโต หรอื หลวงพ่อร้องไห้ วดั สี่รอ้ ย ท่ีมา : https://thailandtourismdirectory.go.th/th/info/attraction/detail/itemid/3123 สถานที่ตัง้ วดั ส่ีร้อย ตง้ั อยู่ที่ หมู่ 4 ตาบลส่ีรอ้ ย อาเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง ประวตั ิความเป็นมา วัดส่ีรอ้ ย เป็นวดั เก่าแก่ในอาเภอวเิ ศษชยั ชาญ ต้งั อยรู่ มิ ฝั่งแม่น้าน้อย มีอายุประมาณ 200 ปี ไม่พบหลักฐานการสร้างทแ่ี นน่ อน สนั นษิ ฐานว่าสรา้ งข้นึ เพ่อื เป็นอนสุ รณแ์ ก่ขนุ รองปลัดชูและชาวบ้าน วิเศษชัยชาญ จานวน 400 คน ที่เสียชีวิตจากสงครามระหว่างไทยกับพม่าในสมัยสมเด็จพระเจ้า เอกทัศนแ์ หง่ กรงุ ศรอี ยุธยา เป็นเหตุให้ได้ช่ือว่า “วดั สีร่ ้อย” จดุ เด่นของวดั ส่รี อ้ ย 1) พระพุทธรูปปางป่าเลไลย์ ทาด้วยปูน มีหน้าตักกว้าง 6 เมตร สูง 21 เมตร อยู่ด้านหน้า พระอุโบสถและเจดีย์สเี่ หล่ียมยอ่ มมุ ไม้สบิ สอง เป็นศลิ ปะสมยั รตั นโกสินทร์ ชาวบา้ นเรียกวา่ “หลวงพ่อ โตวัดสีร่ ้อย” หรอื “หลวงพอ่ รอ้ งไห้” ๒) อนุสาวรีย์ขุนรองปลัดชู เป็นผู้นาในคณะกรมการเมืองวิเศษไชยชาญ (ปัจจุบัน คืออาเภอ วิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง) มีชีวิตอยู่ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย สมัยสมเด็จพระเจ้า เอกทัศน์แห่งกรุงศรีอยุธยา ซ่ึงได้รวบรวมไพร่พลเข้าเป็นกองอาสาสมัคร 400 คน สังกัด กองอาทมาต เพ่ือเข้าร่วมทัพกรุงศรีอยุธยาต่อต้านการบุกครองของกองทัพพม่าในสงครามพระเจ้า อลองพญา หนา้ 113 สานักงานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั จงั หวัดอา่ งทอง
หนงั สอื เรียนรายเลอื กวชิ าเสรี วิชาอา่ งทองเมืองน่าอยู่ รหสั วชิ า สค33165 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย แผนทีก่ ารเดนิ ทาง อนุสาวรยี ข์ นุ รองปลัดชู ทีม่ า : https://www.77jowo.com/contents/100227 วัดฝาง โบสถร์ ูปทรงเรอื สาเภา และแกะสลกั ดว้ ยหินทราย ท่ีมา : https://www.thailandtourismdirectory.go.th/th/info/attraction/detail/itemid/4382 หน้า 114 สานักงานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จงั หวัดอ่างทอง
หนงั สอื เรียนรายเลอื กวิชาเสรี วิชาอ่างทองเมอื งน่าอยู่ รหัสวิชา สค33165 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย สถานทีต่ ง้ั วัดฝาง ตง้ั อย่ทู ี่ หมู่ 7 ตาบลไผ่จาศลี อาเภอวเิ ศษชยั ชาญ จังหวดั อ่างทอง ประวัตคิ วามเปน็ มา วัดฝาง เป็นวัดเก่าแก่ในในจังหวัดอ่างทอง ที่มีโบสถ์แกะสลักหินทรายร่วมสมัย ขอมรัตนโกสินทร์ ทรงเรือสาเภาอ่างทอง ซึ่งเป็นโบสถ์แกะสลักหินทรายแห่งเดียวและแห่งแรก ในจังหวัดอ่างทอง ท่ีดาเนินการก่อสร้างมานานกว่า 20 ปี มีขนาดกว้าง 8 เมตร ยาว 12เมตร โดย เริ่มกอ่ สรา้ งเม่ือปี พ.ศ.2536 และเสร็จในปี 2559 โดยพระครูธรรมรัต อรยิ วโส เจ้าอาวาสวัดฝาง โดยโบสถ์แห่งนี้ ต้ังอยู่บริเวณริมแม่น้าน้อย ท่ีมีต้นตะเคียน อายุราว 1,000 ปี ต้นโพธิ์ เป็นรูปคล้ายช้าง และในวิหารยังมีพระศรีอริยเมตไตรย อายุราว 200 - 300 ปี เป็นพระพุทธรูป เนอื้ ทองสาริด อกี ทง้ั ภายในพนื้ ท่วี ัด 19 ไร่ ยังมตี น้ ไมข้ นาดใหญอ่ ีกมากมายซง่ึ เปน็ ธรรมชาตทิ รี่ ่มรน่ื ทั้งนี้ ขณะที่ทางวัดได้ขุดหลุมเพ่ือตั้งเสาไฟฟ้า เม่ือขุดลงลึกประมาณ 1 เมตร ก็เจอหม้อ ไห สมยั เกา่ แตม่ สี ภาพแตกหัก จงึ หยดุ ขดุ เพื่อไมใ่ หส้ ่งิ ของมีคา่ ทถี่ ูกฝังอย่นู ้ันได้รับความเสยี หาย จดุ เดน่ ของวัดฝาง วดั ฝาง มีโบสถ์ทแ่ี กะสลกั หนิ ทรายรว่ มสมยั ขอมรัตนโกสินทร์ เป็นทรงเรือสาเภา โดยใช้ศิลปะ แบบขอมในการก่อสร้าง และในวิหารยงั มีพระศรีอริยเมตไตรย ที่มอี ายุราว 200 - 300 ปี แผนทกี่ ารเดนิ ทาง หน้า 115 สานักงานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยจงั หวัดอา่ งทอง
หนงั สอื เรียนรายเลอื กวิชาเสรี วิชาอ่างทองเมืองน่าอยู่ รหัสวชิ า สค33165 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย วัดเขียน พระอโุ บสถวัดเขยี น ท่มี า : https://www.thailandtourismdirectory.go.th/th/info/attraction/detail/itemid/4097 สถานที่ตั้ง วัดเขยี น ตง้ั อยู่ที่ บา้ นบางกระพัน หมู่ที่ 8 ตาบลศาลเจา้ โรงทอง อาเภอวเิ ศษชยั ชาญ จงั หวัด อา่ งทอง ประวัตคิ วามเป็นมา เป็นวัดเก่าแก่สมัยอยุธยา ภายในพระอุโบสถวัดเขียน มีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่มี ลักษณะเฉพาะ ซึ่งเป็นฝีมือสกุลช่างวิเศษชัยชาญในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ด้วยกาลเวลาและ ธรรมชาติจากความช้ืน น้าฝนเป็นตัวการทาลายความงดงามของภาพเขียนจนเส่ือมสลายไปบางส่วน แต่ได้รับการอนุรักษ์โดยการสลักผนังและหลังคาครอบท้ังหลัง เพ่ือให้คงอายุของภาพจิตรกรรมไว้ได้ โดยรายละเอียดของภาพเป็นเรื่องราวในพุทธประวัติ ทศชาติชาดก และสุธนชาดก การวาง องค์ประกอบและโครงสีใช้สีตัดกันรุนแรง มีความวิจิตร ตัวภาพมีลวดลายประดับและตัดเส้น อย่างออ่ นชอ้ ย จดุ เดน่ ของวดั เขียน ภายในอุโบสถ มีภาพจิตกรรมฝาผนัง เขียนรูปชาดก เรื่องต่างๆ เช่น พระสุธน เวชสันดร จันทกุมาร มหาชนก สุวรรณสาม นอกจากนั้นยังมีภาพป่าหิมพานต์และสัตว์ต่าง ๆ อีกเป็นจานวน หนา้ 116 สานกั งานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จงั หวัดอ่างทอง
หนังสอื เรยี นรายเลอื กวิชาเสรี วิชาอ่างทองเมอื งน่าอยู่ รหสั วิชา สค33165 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย มาก ช่วงบนเป็นภาพเทพชุมนุม เหนือภาพเทพชุมชน เป็นคนธรรพ์ ด้านหลังพระประธานเขียน รูปดอกไมร้ ่วง และหลายเหนืออุบะ แผนทก่ี ารเดนิ ทาง ภายในพระอุโบสถมีภาพเขียนฝาผนังท่งี ดงาม ท่ีมา : https://www.thailandtourismdirectory.go.th/th/info/attraction/detail/itemid/4097 เร่ืองที่ 7 แหลง่ ท่องเท่ยี วอาเภอสามโก้ วัดสามโก้ บรเิ วณภายนอกวัดสามโก้ ท่ีมา : https://www.facebook.com/samkofloatingmarket/posts/1984485818517109/ หนา้ 117 สานกั งานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั จงั หวัดอา่ งทอง
หนังสอื เรยี นรายเลือกวชิ าเสรี วิชาอ่างทองเมอื งนา่ อยู่ รหสั วิชา สค33165 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย สถานทตี่ งั้ วดั สามโก้ ต้ังอย่ทู ี่ 311 หมู่ 5 ตาบลสามโก้ อาเภอสามโก้ จังหวัดอา่ งทอง ประวตั คิ วามเปน็ มา วัดสามโก้ ตง้ั วัดเมอ่ื ปี พ.ศ. 2400 เป็นวดั เกา่ แกส่ ร้างมาตงั้ แตส่ มัยอยุธยาตอนปลาย ตามคา บอกเล่ากล่าวว่า เคยเป็นท่ีพักแรมในการเดิมทัพของสมเด็จพระนเรศวรในสมัยสงครามยุทธหัตถี กับพระมหาอุปราชาแห่งเมืองหงสาวดีกองทัพพม่า ที่ตาบลหนองสาหร่าย อาเภอดอนเจดีย์ จังหวัด สุพรรณบุรี ซ่ึงวัดสามโก้ได้รับการบูรณะอย่างต่อเนื่องมาโดยลาดับ โดยเฉพาะอุโบสถถือว่าเก่าแก่ เกือบ 80 ปี ได้รบั พระราชทานวิสุงคามสมี า เมื่อวนั ท่ี 5 ตุลาคม พ.ศ. 2474 วัดสามโก้เป็นวัดท่ีท้ิงร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยา คร้ันถึง พ.ศ.2400 พระภิกษุสงฆ์ที่มาจา พรรษาอยู่ ณ วัดสามโก้ได้มาบูรณะข้ึนใหม่ อุโบสถก่ออิฐปูนขนาดใหญ่ หน้าบันทิศตะวันออก ตอนลา่ งปน้ั รูปช้างเอราวัณรองรับเทวดานั่งถือพระขรรค์ ข้างซ้ายขวาเป็นรูปเทวดาน่ังคุกเข่าพนมมือ ไหว้ ตอนบนเป็นรูปหน้ากาลมีวิมานประดิษฐานพระพุทธรูปแก้วผลึกรอบโบสถ์มีใบเสมาหินทราย ขนาดเลก็ จุดเดน่ ของวดั สามโก้ โบสถ์วัดสามโก้ เริ่มสร้างตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2552 แล้วเสร็จในเดือน ม.ค. 2553 โดยใช้เวลา ก่อสร้าง 11 เดือน ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง จานวน 9 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นตัวโบสถ์ จานวน 5 ล้านบาท และการตกแต่งภายในจานวน 4 ล้านบาท ซ่ึงเป็น 1 ใน 8 โบสถ์ของประเทศไทย ท่ีสร้างจากวัสดุ หินล้าง รูปทรงแปลก เพ่ือป้องกันนกพิราบมาอาศัยทารัง โดยปัจจุบันน้ีปัญหาที่เกิด ในทุกๆ วัด คือมีนกพิราบจานวนมากจะชอบมาอาศัยทารัง และสร้างความยากลาบากในการดูแล รักษา จงึ ได้มีแนวคดิ ในการสร้างอโุ บสถหลังใหม่ขึ้น โดยการใช้หินล้างมาทาเป็นพื้นผิว รวมทั้งรูปทรง ท่ีจะช่วยบรรเทาปัญหาและดูแลได้ง่ายขึ้น เวลาฝนตกหรือตากแดด พื้นผิวโบสถ์จะไม่แตกลาย หรือเป็นคราบนา้ และไมว่ ่าเวลาจะผา่ นไปนานแค่ไหน ก็ดูไมเ่ กา่ แผนทก่ี ารเดนิ ทาง โบสถ์วัดสามโก้ ทีม่ า : https://www.thaipost.net/main/detail/17753 หน้า 118 สานักงานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จงั หวดั อ่างทอง
หนงั สือเรียนรายเลือกวิชาเสรี วิชาอ่างทองเมอื งนา่ อยู่ รหัสวิชา สค33165 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย ตลาดนา้ สามโก้ บรเิ วณดา้ นหนา้ ตลาดน้าสามโก้ ท่ีมา : https://www.77kaoded.com/content/496513 สถานทีต่ ้งั ตลาดนา้ สามโก้ ตั้งอยู่ท่ี 311 หมู่ 5 ตาบลสามโก้ อาเภอสามโก้ จังหวดั อา่ ทอง ประวตั คิ วามเป็นมา ตลาดน้าสามโก้ เป็นตลาดที่เกิดจากความร่วมมือของคนอาเภอสามโก้ จากทุกหมู่บ้าน ทุกตาบล ท่ีได้มาสร้างให้เกิดแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดอ่างทอง ณ วัดสามโก้ อาเภอสามโก้ จังหวัดอ่างทอง โดยที่น่ีจะใช้ภาชนะต่าง ๆ ที่ทามาจากธรรมชาติ นามาใส่อาหารและขนม และท่ี สาคัญของกิน ของใช้ ก็มาจากคนอาเภอสามโก้ อีกท้ังยังมีการนั่งเรือชมบรรยากาศชีวิตความเป็นอยู่ ของประชาชน 2 ฝ่ังคลอง และไหว้พระขอพรพระพุทธรูป (หลวงพ่อโต) ณ โบสถ์วัดร้างท่ีอยู่กับชาว อาเภอ สามโก้มาเปน็ เวลากวา่ 300 ปี ซ่ึงในตลาดน้าสามโก้ ตลาดวิถีชุมชนคนสามโก้ ชาวบ้านต่างแต่งชุดไทยนาสินค้า ทางการเกษตร และขนมไทยโบราณที่หาทานที่ไหนไม่ได้ อาทิ ขนมสายบัว ของใช้ฝีมือระดับ OTOP มาวางขายในราคาถกู ริมคลองสามโก้ ตลาดน้าสามโก้ ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่และแห่งเดียวของอาเภอสามโก้ ที่เหมาะ สาหรบั นาครอบครวั มาเทย่ี วพกั ผอ่ นเพื่อเติมพลงั งานหลังจากทางานมาทง้ั อาทิตย์ โดยตลาดน้าสามโก้ หนา้ 119 สานกั งานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จงั หวัดอ่างทอง
หนังสอื เรยี นรายเลือกวชิ าเสรี วิชาอ่างทองเมืองน่าอยู่ รหสั วชิ า สค33165 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย ตลาดวิถีชุมชนคนสามโก้ ต้ังอยู่ริมถนนสายสามโก้-ศรีประจันต์ บริเวณวัดสามโก้ อาเภอสามโก้ จังหวัดอา่ งทอง เปดิ ทกุ วนั เสาร์ – อาทติ ย์ เวลา 09.00 – 18.00 น. จดุ เด่นของตลาดนา้ สามโก้ มีสินค้าทางการเกษตร และขนมไทยโบราณ ของใช้ฝีมือระดับ OTOP พร้อมกับการนั่งเรือ ชมบรรยากาศชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน 2 ฝ่ังคลอง และไหว้พระขอพรพระพุทธรูป (หลวงพ่อ โต) ณ โบสถว์ ดั ร้างทอ่ี ยู่กบั ชาวอาเภอสามโก้มาเปน็ เวลากวา่ 300 ปี แผนท่กี ารเดินทาง บรรยากาศภายในตลาดนา้ สามโก้ ที่มา : https://www.77jowo.com/contents/106826 หน้า 120 สานักงานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยจงั หวดั อา่ งทอง
หนังสอื เรียนรายเลือกวิชาเสรี วชิ าอา่ งทองเมอื งน่าอยู่ รหสั วิชา สค33165 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย กิจกรรมท้ายบทที่ 4 คาชแ้ี จง ใหผ้ ู้เรยี นตอบคาถามตอ่ ไปนี้ 1. จงยกตวั อยา่ งแหล่งท่องเท่ียวท่ีอยใู่ นอาเภอของสถานศึกษาของผเู้ รยี น พร้อมทั้งอธิบายประวตั ิ ความเปน็ มา และจุดเดน่ ของแหลง่ ท่องเที่ยวนนั้ แหล่งท่องเท่ียว ................................................................................................................................. ............................... ....................................................................................................................... ......................................... ................................................................................................................................. ............................... ประวตั คิ วามเป็นมา ................................................................................................................................. ............................... ....................................................................................................................... ......................................... ................................................................................................................................. ............................... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................. ............................... ................................................................................................................................. ............................... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................. ............................... ................................................................................................................................. ............................... ............................................................................................................... ................................................. ................................................................................................................................. ............................... ................................................................................................................................. ............................... จุดเด่น ............................................................................................................... ................................................. ................................................................................................................................. ............................... ................................................................................................................................. ............................... ................................................................................................................................. ............................... ................................................................................................................................. ............................... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................. ............................... ................................................................................................................................. ............................... ................................................................................................................................................................ หน้า 121 สานกั งานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยจงั หวดั อ่างทอง
หนังสือเรยี นรายวิชาเลือกเสรี วิชาอา่ งทองเมืองนา่ อยู่ รหัสวิชา สค33165 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย บทท่ี 5 วิธีการทางภมู ิศาสตร์และประวตั ิศาสตร์ ในการศึกษาอ่างทองเมอื งนา่ อยู่ สาระสาคญั ความรู้ ความเข้าใจ การเก็บรวบรวมข้อมูล การสืบค้น การวิเคราะห์ การรายงาน และการ นาเสนอข้อมลู ในวธิ ีการทางภมู ศิ าสตร์ ประวตั ิศาสตร์ ผลการเรียนรู้ทค่ี าดหวงั 1. มีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถใช้วิธีการทางภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ ในการศกึ ษาอา่ งทองเมอื งน่าอยู่ 2. เห็นประโยชนข์ องวิธกี ารทางภมู ศิ าสตรแ์ ละประวัตศิ าสตรใ์ นการศกึ ษาอ่างทองเมืองนา่ อยู่ ขอบข่ายเนือ้ หา เร่อื งท่ี 1 วิธีการทางภมู ิศาสตร์ เรอ่ื งท่ี 2 วธิ ีการทางประวตั ศิ าสตร์ สื่อประกอบการเรียนรู้ 1. หนงั สือเรียน 2. อนิ เตอร์เนต็ 3. แหล่งเรียนรู้ หน้า 122 สานกั งานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยจงั หวดั อา่ งทอง
หนังสือเรียนรายวิชาเลือกเสรี วิชาอา่ งทองเมืองน่าอยู่ รหัสวิชา สค33165 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย วิธกี ารทางภมู ศิ าสตร์และประวัติศาสตร์ในการศึกษาอ่างทองเมืองน่าอยู่ ขอ้ มูลทางภมู ศิ าสตร์ คือ การเก็บรวบรวมขอ้ มูลลักษณะทางกายภาพทางภูมิศาสตร์ ลักษณะ ชุมชน ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อกิจกรรมและปรากฏการณ์ในชุมชน สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่มี ผลกระทบต่อการดารงชีวิตต่าง ๆ ของคนในชุมชน ความสัมพันธ์ของทรัพยากรธรรมชาติกับชุมชน การใช้ข้อมูลทางภูมิศาสตร์ศึกษาข้อมูลในชุมชน สภาพทางภูมิศาสตร์ของชุมชนทรัพยากรธรรมชาติ การเปลี่ยนแปลงของสง่ิ แวดลอ้ มในชมุ ชนประชากรกับส่งิ แวดล้อม เข้าใจมิติสัมพันธ์เชิงทาเล ลักษณะ ทางกายภาพและกระบวนการของสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติที่ทาให้เกิดลักษณะกิจกรรม และปรากฏการณ์ในชุมชนที่ตนอาศัยอยู่ เห็นคุณค่าจัดทาใช้แผนท่ีและใช้เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ ชนิดต่างๆ ตรวจวัดขอ้ มูลเชิงภูมศิ าสตรใ์ นชุมชน เรื่องที่ 1 วธิ ีการทางภูมิศาสตร์ วิธีการทางภูมิศาสตร์ สามารถใช้เป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมที่สอดคล้องการเรียนรู้ แบบสืบค้น และการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาทักษะ การสังเกต ทักษะการแปลความข้อมูลทางภูมิศาสตร์ การใช้เทคโนโลยีและการสถิติพ้ืนฐาน เพ่ือนา มาสู่ข้อสรุปที่เป็นองค์ความรู้ที่เป็นการเรียนรู้ท่ีมีความหมายสาหรับผู้เรียน โดยการนากระบวนการ ทางภูมิศาสตรม์ าใชใ้ นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยมีข้นั ตอนดงั ตอ่ ไปนี้ 1. การกาหนดวัตถปุ ระสงค์ในการศึกษา เป็นขั้นตอนแรกในการศึกษาข้อมูลทางภูมิศาสตร์ ท่ีผู้เรียนหรือผู้ท่ีสนใจต้องกาหนดเร่ือง ภูมิศาสตร์ที่ต้องการศึกษาในพ้ืนท่ีน้ัน ๆ เช่น ทาเล ท่ีต้ัง ลักษณะภูมิประเทศ ลักษณะภูมิอากาศ ลักษณะทรัพยากรธรรมชาติ ประชากร เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม เป็นต้น และวัตถุประสงค์ ทตี่ ้องการศึกษาว่าจะนาข้อมลู ไปใชท้ าอะไร เพอื่ อะไร เกดิ ประโยชน์อย่างไร 2. การเกบ็ รวบรวมข้อมูล ข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาภูมิศาสตร์ เรียกว่า สารสนเทศภูมิศาสตร์ (Geographic Information) เป็นข่าวสารข้อมูลท่ีมีรายละเอียดเกี่ยวกับทาเล ที่ตั้ง ลักษณะทางกายภาพบนทาเล ท่ีต้ังเหล่านั้น เม่ือผู้เรียนศึกษาภูมิศาสตร์ ผู้เรียนจะต้องรวบรวมข้อมูลจากการอ่านและแปลความหมาย จากแผนที่ ภาพถ่าย ข้อมูลสถิติ ข้อมูลเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ รวมถึงการเก็บข้อมูลจากการ สมั ภาษณ์ การออกภาคสนาม และการอ้างองิ จากเอกสาร การออกภาคสนาม การออกภาคสนาม คือ การสารวจพื้นท่ีจริง เพื่อศึกษาหรือเก็บข้อมูลต่างๆ ตามวตั ถปุ ระสงค์ โดยประโยชน์ของการออกภาคสนาม มดี ังนี้ ๑) ผู้ศึกษาได้เห็นสภาพจริงของพื้นที่ และได้ศึกษาสภาพปรากฏการณ์ต่างๆ ท่ีเกิดข้ึนจริง เช่น ทาเล ที่ต้ัง ลักษณะภูมิประเทศ ลักษณะภูมิอากาศ ลักษณะทรัพยากรธรรมชาติ เปน็ ตน้ ซงึ่ จะชว่ ยใหเ้ ข้าใจสภาพจรงิ ได้ชัดเจนยงิ่ ขึ้น หนา้ 123 สานักงานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยจงั หวดั อา่ งทอง
หนงั สอื เรยี นรายวชิ าเลือกเสรี วชิ าอ่างทองเมืองนา่ อยู่ รหสั วชิ า สค33165 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย ๒) ผู้ศึกษาได้ศึกษา “เชิงเปรียบเทียบ” เพ่ือผลสัมฤทธ์ิในการเรียนรู้ เช่น ศึกษา ในปรากฏการณ์ทางภูมิศาสตร์เร่ืองเดียวกันแต่ในพื้นที่และเวลาต่างกัน หรือในพื้นท่ีเดียวกัน แตต่ า่ งเวลากนั เป็นตน้ เพอื่ นามาวิเคราะหเ์ ปรียบเทียบให้เหน็ ความเปล่ยี นแปลงที่เกดิ ขึน้ อยา่ งชัดเจน การสมั ภาษณ์ การสัมภาษณ์ เป็นการเก็บข้อมูลภาคสนามอีกวิธีหน่ึง ที่เรียกว่า “งานสนาม” ชว่ ยให้การศึกษาทางภมู ศิ าสตรค์ รบสมบรู ณ์ยิง่ ขนึ้ มีหลักเกณฑ์ ดังนี้ ๑) ผู้สัมภาษณ์ ต้องมีความรับผิดชอบต่อหน้าท่ี เช่น บันทึกข้อมูลตามความจริง ไมแ่ ต่งเตมิ หรือบิดเบือน ต้องใหเ้ กยี รติแก่ผู้ใหส้ ัมภาษณ์ เพอื่ ใหไ้ ดร้ บั ความร่วมมืออยา่ งมากท่ีสุด ๒) ผู้ให้สัมภาษณ์ ต้องเป็นบุคคลในท้องถิ่นท่ีมีความรู้ตามหัวเร่ือง และให้ความ รว่ มมอื ในการสมั ภาษณอ์ ย่างแท้จริง เพ่ือใหไ้ ดร้ ับประโยชน์จากการสัมภาษณ์ตามวัตถุประสงค์ ดังน้ัน จงึ ต้องกาหนดวัน เวลา และสถานท่ใี หเ้ หมาะสมด้วย ๓) เครือ่ งมือทใี่ ช้ในในการสมั ภาษณ์ มี 2 ลกั ษณะ คือ แบบสมั ภาษณ์ เป็นชุดคาถามท่ีผู้สัมภาษณ์เตรียมจะใช้ถาม โดยใช้สานวน ภาษาทเี่ ขา้ ใจงา่ ย ไม่ลว่ งละเมดิ สิทธขิ องผ้ตู อบ และเก็บขอ้ มลู คาตอบไวเ้ ป็นความลบั แบบสอบถาม เป็นเครื่องมือที่เก็บข้อมูลที่ให้ผู้ตอบแสดงความคิดเห็น โดยการเขียน ดงั นนั้ จงึ ตอ้ งพิมพใ์ ห้ชดั เจน ใช้ภาษาท่ีเข้าใจงา่ ย โดยทัว่ ไปจะต้องเลือกผู้ตอบจากบุคคล ท่ีอยู่ในพื้นที่ตามเป้าหมาย และมีจานวนผู้ตอบมากพอสมควร เพื่อให้ได้ข้อมูลที่น่าเช่ือถือ และไมค่ ลาดเคล่อื นจากขอ้ เท็จจรงิ 3. การวิเคราะห์ข้อมลู การวเิ คราะหข์ ้อมูล เป็นการนาข้อมูลมาศึกษา หาความสัมพันธ์ และความเช่ือมโยงท่ีเกิดขึ้น ของปรากฏการณ์ต่าง ๆ ทางภูมิศาสตร์ ตลอดจนศึกษาแนวโน้ม ความสัมพันธ์ และความต่อเนื่อง ของปรากฏการณ์ หาความสัมพนั ธ์สอดคล้องกนั และลักษณะที่คล้ายกันระหว่างพื้นที่ เปรียบเทียบกับ ข้อมูลจากแผนที่ กราฟ แผนภาพ ภาพถา่ ย ข้อมลู อน่ื ๆ เปน็ ตน้ 4. การสรุปขอ้ มลู และการนาเสนอ การสรุปข้อมูลท่ีได้จากการศึกษาบนฐานข้อมูลที่ถูกเก็บรวบรวมจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ โดย จัดการวเิ คราะห์อย่างเปน็ ขั้นตอน และอ้างอิงข้อมูลที่จดั เกบ็ พรอ้ มนาเสนอข้อมลู ด้วยวิธกี ารตา่ ง ๆ หนา้ 124 สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จงั หวัดอ่างทอง
หนงั สอื เรยี นรายวชิ าเลือกเสรี วิชาอา่ งทองเมอื งนา่ อยู่ รหัสวิชา สค33165 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย ตัวอย่างการนาวิธีการทางภมู ิศาสตรไ์ ปใชใ้ นการศึกษาสภาพบรบิ ทจังหวดั อา่ งทอง ตัวอย่าง การศกึ ษาท่อี าณาเขตของจังหวัดอ่างทองด้วยวธิ กี ารทางภูมิศาสตร์ 1. การกาหนดวตั ถปุ ระสงคใ์ นการศกึ ษา ผู้ศึกษาจะต้องกาหนดเร่ืองภูมิศาสตร์ท่ีต้องการศึกษา เช่น ทาเล ที่ต้ัง ลักษณะภูมิประเทศ ลักษณะภูมิอากาศ ลักษณะทรัพยากรธรรมชาติ ประชากร เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม เป็นต้น และวตั ถุประสงคข์ องขอ้ มลู ทีต่ อ้ งการศึกษา เรอื่ ง การศกึ ษาท่ีอาณาเขตของจังหวัดอา่ งทองดว้ ยวธิ กี ารทางภมู ศิ าสตร์ วตั ถปุ ระสงค์ เพื่อทราบถงึ อาณาเขต ที่ต้งั พื้นที่ เสน้ ทางการเดนิ ทาง และเขตติดต่อจังหวัด ข้างเคียงของจังหวดั อ่างทอง 2. การเกบ็ รวบรวมข้อมลู ในการศึกษาอาณาเขตของจังหวัดอ่างทองน้ัน ผู้ที่ศึกษาจะต้องทาการค้นคว้า สืบค้น และ รวบรวมขอ้ มลู จากแผนที่ ภาพถา่ ย ขอ้ มลู สถิติ ขอ้ มลู อื่น ๆ จากแหล่งข้อมูล เช่น ห้องสมุด หน่วยงาน ท่ีเกี่ยวข้อง เว็บไซต์ต่าง ๆ เป็นต้น รวมถึงการเก็บข้อมูลจากการสัมภาษณ์ และการออกภาคสนาม อีกดว้ ย 3. การวิเคราะหข์ อ้ มูล ทาการวิเคราะห์ คัดกรอง คัดเลือก ข้อมูลที่ได้จากการจัดเก็บ ให้มีความถูกต้อง และ ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของข้อมูลหลักฐานเหล่าน้ัน ซึ่งในการศึกษาอาณาเขตของจังหวัดอ่างทอง ด้วยวธิ ีการทางภูมศิ าสตร์ ควรใช้ข้อมูลหลักฐานที่มีความหลากหลายที่มีความสัมพันธ์กัน และจะต้อง มกี ารเทียบเคยี งขอ้ มลู หลักฐานหลาย ๆ อยา่ ง เพอ่ื ให้ไดข้ ้อมูลทีม่ ีความถูกต้องมากทส่ี ุด 4. การสรุปขอ้ มูลและการนาเสนอ ในการศึกษาอาณาเขตของจังหวัดอ่างทองด้วยวิธีการทางภูมิศาสตร์น้ัน ผู้ที่ทาการศึกษา จะตอ้ งสรปุ ข้อมูลให้มีความถูกต้องตามข้อมูลที่ได้จัดเก็บมาจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ และนาเสนอข้อมูล ด้วยวิธีการที่หลากหลาย เช่น การจัดทารายงาน การจัดนิทรรศการเพื่อเผยแพร่ความรู้ การจัดทา วิดีโอคลิป เป็นต้น ดังตัวอย่างการสรุปข้อมูล “การศึกษาอาณาเขตของจังหวัดอ่างทองด้วยวิธีการ ทางภมู ศิ าสตร์” ดังน้ี หน้า 125 สานกั งานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยจงั หวดั อา่ งทอง
หนงั สอื เรียนรายวชิ าเลือกเสรี วิชาอ่างทองเมืองนา่ อยู่ รหัสวชิ า สค33165 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย การศกึ ษาท่ีอาณาเขตของจังหวัดอา่ งทองด้วยวิธกี ารทางภูมิศาสตร์ จังหวัดอ่างทอง เป็นพ้ืนที่ราบลุ่มภาคกลาง พิกัดภูมิศาสตร์เส้นรุ้งท่ี 14 องศา 35 ลิปดา 12 พิลิปดาเหนือ เส้นแวงท่ี 100 องศา 27 ลิปดา ห่างจากกรุงเทพมหานครมาตามทางหลวง แผ่นดินหมายเลข 32 (บางปะอิน-พยุหะคีรี) ระยะทางประมาณ 108 กิโลเมตร และเส้นทางเรือ ตามแม่น้าเจ้าพระยาถึงตลาดท่าเตียน ระยะทางประมาณ 120 กิโลเมตร พื้นท่ีตั้งมีรูปร่างลักษณะ คล้ายรูปส่ีเหลี่ยมจัตุรัส มีส่วนกว้างตามแนวทิศตะวันออกถึงทิศตะวันตก และส่วนยาวตามแนว ทิศเหนอื ถงึ ทศิ ใต้ใกล้เคียงกัน คือ ประมาณ 40 กโิ ลเมตร มีพื้นที่ทั้งหมด 968.372 ตารางกิโลเมตร หรอื ประมาณ 605,232.5 ไร่ และมีอาณาเขตดังน้ี ทศิ เหนือ ติดตอ่ กับ อาเภอคา่ ยบางระจนั อาเภอพรหมบรุ ี อาเภอท่าช้าง จงั หวัดสิงหบ์ รุ ี และอาเภอทา่ วุ้งจงั หวดั ลพบุรี ทศิ ใต้ ติดต่อกับ อาเภอผกั ไห่ และอาเภอบางบาล จังหวดั พระนครศรีอยุธยา ทิศตะวนั ออก ตดิ ต่อกับ อาเภอบางปะหัน อาเภอมหาราช และอาเภอบ้านแพรก จังหวัดพระนครศรอี ยธุ ยา ทิศตะวนั ตก ติดตอ่ กับ อาเภอเมืองสพุ รรณบรุ ี อาเภอศรปี ระจันต์ อาเภอสามชุก และอาเภอเดิมบางนางบวช จังหวดั สุพรรณบุรี พื้นท่ที ง้ั หมดประมาณ 968,372 ตารางกโิ ลเมตร หรือ 605,232.5 ไร่ ทต่ี ้ังอาณาเขตของจังหวัดอา่ งทอง ทมี่ า : http://www.angthong.go.th/pdf/feb59.pdf หน้า 126 สานกั งานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั จงั หวดั อา่ งทอง
หนงั สือเรยี นรายวิชาเลอื กเสรี วชิ าอา่ งทองเมอื งน่าอยู่ รหสั วชิ า สค33165 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย เร่ืองที่ 2 วธิ กี ารทางประวัติศาสตร์ การศึกษาประวัติศาสตร์ เป็นการศึกษาเรื่องราวของมนุษย์ในอดีต โดยอาศัยหลักฐานท่ียังคง หลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน โดยใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ในการศึกษาประเด็นที่สนใจอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การกาหนดหัวข้อ เรื่องท่ีจะศึกษา การรวบรวมหลักฐาน การประเมินคุณค่าของหลักฐาน การวิเคราะห์ สังเคราะห์ จัดหมวดหมู่ ข้อมูล และการเรียบเรียงพร้อมการนาเสนอ ซ่ึงจะทาให้ สามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่ได้อย่างมีเหตุผลและมีความน่าเช่ือถือ ซึ่งการเรียนรู้วิธีการ ทางประวตั ศิ าสตรจ์ ะชว่ ยใหผ้ ู้ศกึ ษารู้จกั สบื ค้นหาข้อเท็จจริงทางประวัตศิ าสตร์ได้อย่างถูกต้อง วิธีการทางประวัติศาสตร์ หมายถึง กระบวนการสืบค้นเรื่องราวในอดีตของสังคมมนุษย์ เร่ิมต้นท่ีความอยากรู้อยากเห็นของผู้ต้องการศึกษา และต้องการค้นคว้าหาคาตอบด้วยตนเอง จากร่องรอยที่คนในอดีตได้ทาไว้ และตกทอดเหลือมาถึงปัจจุบัน โดยไม่หลงเชื่อคาพูดของใครคนใด คนหนึ่ง หรืออ่านหนังสือเพียงเล่มใดเล่มหนึ่งแล้วเชื่อว่าเป็นจริง สิ่งท่ีต้องทาเป็นอันดับแรกของการ สืบค้นอดีต เมื่อมีประเด็นท่ีต้องการสืบค้นแล้ว คือการเก็บรวบรวมข้อมูลจากหลักฐาน ทางประวตั ศิ าสตร์อยา่ งกว้างขวางและละเอยี ดลออ ด้วยวธิ ีการต่าง ๆ เช่น สอบถามผู้รู้ ศึกษาเอกสาร เรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้ด้วยตนเอง ตรวจสอบข้อมูลจากหลักฐานทุกชิ้นด้วยจิตสานึกว่า หลักฐานไม่ได้ บอกความจริงทั้งหมด หรือบอกความจริงเสมอไป แล้วรวบรวมข้อเท็จจริงท่ีได้ จากนั้นนาเสนอ ผลทศี่ กึ ษาไดพ้ รอ้ มอา้ งอิงหลักฐานให้ชัดเจนเพอ่ื ใหผ้ อู้ ื่นตรวจสอบ โดยมีขน้ั ตอนดงั ต่อไปได้ 1. การต้งั ประเดน็ ท่จี ะศึกษา เปน็ ข้นั ตอนแรกของวิธกี ารทางประวัติศาสตรท์ ่ีผู้เรียนหรือผู้สนใจทางประวัติศาสตร์ท่ีมีความ สนใจอยากรู้ เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ตอนใดตอนหน่ึง โดยต้ังประเด็นคาถามว่า ศึกษาเรื่องอะไร ในชว่ งเวลาใด ทาไมจึงตอ้ งศกึ ษา 2. สืบค้นและรวบรวมขอ้ มลู ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ คือ หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สามารถค้นคว้าเข้าไปให้ใกล้เคียง กับความเป็นจริงท่ีเกิดขึ้นได้ ประกอบด้วยหลักฐานที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร เช่น โบราณสถาน โบราณวัตถุ คาบอกเล่าของผู้เห็นเหตุการณ์ และหลักฐานท่ีเป็นลายลักษณ์อักษร เช่น ศิลาจารึ ก จดหมายเหตุ บันทึกและเอกสารต่าง ๆ ในการสะสม และรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้ นักประวัติศาสตร์จาเป็นต้องใช้วิจารณญาณของคนสารวจ เน่ืองจากข้อมูลแต่ละประเภทเป็นผลิตผล ท่ีมนุษย์สร้างสรรค์ขึ้นโดยมีจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน ดังนั้นต้องค้นหาต้นตอหรือสาเหตุของข้อมูล อยา่ งลกึ ซ้งึ เทา่ ทีจ่ ะทาได้ เพื่อป้องกนั มิให้ขอ้ เท็จจริงทางประวัติศาสตรถ์ ูกบิดเบือน 3. การวเิ คราะหแ์ ละตคี วามขอ้ มูลทางประวัตศิ าสตร์ นาข้อมูลท่ีได้สืบค้น และรวบรวม มาพิจารณา วิเคราะห์ ตีความในรายละเอียดทุกด้าน ซ่ึงผู้ศึกษาประวัติศาสตร์ต้องใช้เหตุผลเป็นแนวทางในการตีความ เพ่ือนาไปสู่การค้นพบข้อเท็จจริง ทางประวัติศาสตร์ท่ีถกู ต้อง หน้า 127 สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยจงั หวดั อ่างทอง
หนงั สอื เรียนรายวิชาเลอื กเสรี วิชาอา่ งทองเมืองน่าอยู่ รหสั วิชา สค33165 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย 4. การคดั เลือกและประเมินข้อมูล ผู้ศึกษาประวัติศาสตร์จะต้องนาข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์มาคัดเลือก และประเมิน เพือ่ ค้นหาความเกีย่ วข้องสมั พนั ธ์ระหว่างข้อมูลกบั ขอ้ เทจ็ จรงิ ทางประวัติศาสตรท์ ตี่ ้องการทราบ 5. การเรียบเรยี งและการนาเสนอ เป็นข้ันตอนสุดท้ายของวิธีการทางประวัติศาสตร์ ซึ่งมีความสาคัญมาก โดยผู้ศึกษา ประวัติศาสตร์จะต้องนาข้อมูลท้ังหมดมารวบรวมและเรียบเรียงพร้อมนาเสนอให้ตรงกับประเด็น หรือหัวเร่ืองที่ตนเองสงสัย ต้องการอยากรู้เพิ่มเติม ท้ังจากความรู้เดิมและความรู้ใหม่ รวมไปถึง ความคดิ ใหม่ที่ไดจ้ ากการศกึ ษาครัง้ น้ี ซ่ึงเท่ากบั เปน็ การรอ้ื ฟ้ืนหรอื จาลองเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ ข้ึนมาใหม่อย่างถูกต้องและเป็นกลาง ในข้ันตอนการนาเสนอ ผู้ศึกษาควรอธิบายเหตุการณ์อย่างมี ระบบและมีความสอดคลอ้ งต่อเน่ืองเป็นเหตุเป็นผล มีการโต้แย้งหรือสนับสนุนผลการศึกษาวิเคราะห์ แต่เดิม โดยมีข้อมูลสนับสนุนอย่างมีน้าหนักเป็นกลาง และสรุปผลการศึกษาว่าสามารถให้คาตอบ ที่ผู้ศึกษามีความสงสยั อยากรเู้ พียงใด หรอื มีขอ้ เสนอแนะให้สาหรับผู้ที่ตอ้ งการศึกษาเพิม่ เตมิ ต่อไป ตวั อยา่ งการนาวิธกี ารทางประวัติศาสตรไ์ ปใชใ้ นการศกึ ษาเร่อื งราวในท้องถิ่น ตัวอยา่ ง การศึกษาเรอ่ื งราวเก่ียวกับอนุสาวรยี ์นายดอก นายทองแกว้ ด้วยวิธกี ารทางประวัติศาสตร์ อนุสาวรีย์นายดอก นายทองแกว้ ที่มา : http://phakamat12.blogspot.com/2017/01/2.html หนา้ 128 สานักงานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยจงั หวัดอ่างทอง
หนังสือเรียนรายวิชาเลอื กเสรี วชิ าอ่างทองเมอื งน่าอยู่ รหสั วชิ า สค33165 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย 1. การตั้งประเดน็ ทจ่ี ะศกึ ษา ผู้ศึกษาจะต้องต้ังประเด็นปัญหาเพื่อใช้เป็นแนวทางในการศึกษาก่อน เพราะการตั้งประเด็น ปัญหาจะช่วยกาหนดเป้าหมายในการศึกษาเรื่องราวในท้องถ่ินของเราได้ถูกต้องและตรงประเด็น ซึง่ การตั้งประเดน็ ปัญหาเพอื่ ใชเ้ ป็นแนวทางในการศึกษานั้น มีดว้ ยกนั หลายอย่าง เช่น 1) อนุสาวรีย์นายดอก นายทองแกว้ สร้างขนึ้ คร้งั แรกเม่ือใด 2) ใครเปน็ ผู้สรา้ งอนสุ าวรยี ์นายดอก นายทองแก้ว 3) อนสุ าวรยี น์ ายดอก นายทองแกว้ สรา้ งขึ้นอย่ทู ี่ใด 4) อนุสาวรยี น์ ายดอก นายทองแก้ว ถูกสร้างขึ้นด้วยจุดประสงค์ใด 2. สบื คน้ และรวบรวมข้อมูล ในการศึกษาเร่ืองราวเก่ียวกับอนุสาวรีย์นายดอก นายทองแก้วนั้น ผู้ท่ีศึกษาจะต้อง ทาการค้นคว้า สืบค้นและรวบรวมข้อมูลหลักฐานเก่ียวกับอนุสาวรีย์นายดอก นายทองแก้ว จาก แหล่งข้อมูลต่าง ๆ ซ่ึงแหล่งข้อมูลท่ีสามารถรวบรวมข้อมูลหลักฐานได้นั้น มีด้วยกันหลายอย่าง เช่น ห้องสมุดโรงเรียน ห้องสมุดประชาชน พิพิธภัณฑ์ เว็บไซต์ต่าง ๆ รวมถึงผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับ ประวัตศิ าสตร์ หรอื เก่ียวกับอนุสาวรีย์นายดอก นายทองแก้ว เป็นตน้ 3. การวเิ คราะหแ์ ละตคี วามข้อมูลทางประวตั ศิ าสตร์ ทาการวิเคราะห์ข้อมูลหลักฐานจนได้ข้อมูลที่มีความถูกต้อง และตรวจสอบความน่าเชื่อถือ ของข้อมูลหลักฐานเหล่าน้ัน ท้ังนี้ในการศึกษาเร่ืองราวเก่ียวกับอนุสาวรีย์นายดอก นายทองแก้วนั้น ควรใช้ขอ้ มลู หลักฐานที่มีความหลากหลาย และจะต้องมีการเทียบเคียงข้อมูลหลักฐานหลาย ๆ อย่าง เพอื่ ให้ไดข้ ้อมลู ท่ีมคี วามถูกต้องมากทสี่ ุด และจะตอ้ งวิเคราะห์ด้วยใจที่เป็นกลาง ไม่มีอคติ 4. การคัดเลือกและประเมนิ ข้อมูล เม่ือทาการวิเคราะห์ข้อมูลจากหลักฐานท่ีมีจนได้ข้อมูลที่มีความถูกต้อง และใกล้เคียง มากท่ีสุดแล้ว ผู้ที่ทาการศึกษาจะต้องนาข้อมูลท่ีมีเหล่านี้ไปใช้ในการตอบประเด็นปัญหาที่ต้ังไว้ เก่ียวกับอนสุ าวรียน์ ายดอก นายทองแก้ว ดงั นี้ 1) อนุสาวรียน์ ายดอก นายทองแกว้ สรา้ งขนึ้ ครง้ั แรกเมื่อใด ตอบ วนั ท่ี 5 เมษายน พ.ศ.2493 2) ใครเปน็ ผู้สร้างอนุสาวรยี น์ ายดอก นายทองแกว้ ตอบ ธรรมการอาเภอ ศึกษาธิการอาเภอวิเศษชัยชาญ ร่วมกับเจ้าของและผู้จัดการโรงเรียน ราษฎร์ ชอ่ื โรงเรยี นวิเศษไชยชาญ “มูลนิธิ” (ปจั จุบนั คือ โรงเรยี นวิเศษชัยชาญวิทยาคม) และครูใหญ่ ในยคุ สมัยน้นั 3) อนสุ าวรยี ์นายดอก นายทองแก้ว สร้างข้ึนอย่ทู ใ่ี ด ตอบ บริเวณวัดวเิ ศษชยั ชาญ หมูท่ ี่ 2 ตาบลไผจ่ าศีล อาเภอวเิ ศษชัยชาญ จงั หวดั อ่างทอง 4) อนสุ าวรียน์ ายดอก นายทองแกว้ ถูกสรา้ งขนึ้ ด้วยจุดประสงคใ์ ด ตอบ เพื่อราลึกถึงคุณงามความดีของวีรบุรุษแห่งบ้านโพธิ์ทะเล ชาววิเศษชัยชาญ คือ นายดอกและนายทองแก้ว ท่ีมีความรักชาติ รักแผ่นดิน ยอมสละชีวิตอย่างกล้าหาญ เพ่ือปกป้อง หนา้ 129 สานักงานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยจงั หวดั อ่างทอง
หนังสอื เรียนรายวิชาเลือกเสรี วชิ าอา่ งทองเมอื งนา่ อยู่ รหัสวชิ า สค33165 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย แผ่นดินไทย ในการเข้าร่วมกับชาวบ้านบางระจันสู้รบกับพม่า ก่อนที่กรุงศรีอยุธยาจะแตกในปี พ.ศ. 2310 5. การเรียบเรยี งและการนาเสนอ ในการเรียบเรียงเร่ืองราวทางประวัติศาสตร์น้ัน ผู้ที่ทาการศึกษาจะต้องลาดับเรื่องราวให้มี ความถูกต้องตามข้อมูลท่ีได้มา โดยในการนาเสนอข้อมูลท่ีได้จาก หลักฐานทางประวัติศาสตร์นั้น สามารถทาได้หลายวิธีการ เช่น การนาข้อมูลเกี่ยวกับอนุสาวรีย์นายดอก นายทองแก้ว มาเล่าที่หน้า ช้ันเรียนให้เพ่ือน ๆ ฟัง การจัดทารายงานเก่ียวกับอนุสาวรีย์นายดอก นายทองแก้วและความสาคัญ ทางประวตั ิศาสตร์ การจดั นิทรรศการเพ่อื เผยแพร่ความรู้ การจัดทาวิดีโอคลปิ เปน็ ต้น หนา้ 130 สานกั งานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จงั หวัดอ่างทอง
หนังสือเรยี นรายวชิ าเลือกเสรี วชิ าอา่ งทองเมืองน่าอยู่ รหสั วิชา สค33165 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย กจิ กรรมทา้ ยบทท่ี 5 คาช้แี จง ใหผ้ ูเ้ รยี นตอบคาถามและทากิจกรรมต่อไปน้ี 1. จงบอกวิธีการทางภมู ิศาสตร์ ว่ามกี ขี่ ้ันตอน ได้แกอ่ ะไรบา้ ง .................................................................................................. .............................................................. ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................. .................................................................. . 2. ให้ผูเ้ รยี นแบง่ กลุม่ 3 – 5 คน ศึกษาเร่ืองราวประวัตศิ าสตรใ์ นท้องถ่นิ โดยใชว้ ิธีการทางประวัติศาสตร์ กลมุ่ ละ 1 เรือ่ ง และนาเสนอในการพบกลุ่ม ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................... ................................................................. ............................................................................................................................. ................................... ........................................................................................................................................................ ........ ......................................................................................................................... ....................................... ............................................................................................................................. ................................... หน้า 131 สานกั งานสง่ เสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จงั หวดั อา่ งทอง
หนงั สือเรยี นรายวชิ าเลือกเสรี วชิ าอ่างทองเมอื งน่าอยู่ รหสั วชิ า สค33165 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย บทที่ 6 การสืบสานและอนุรกั ษว์ ฒั นธรรมไทยในจังหวดั อ่างทอง สาระสาคัญ เน้ือหาสาระเก่ียวกับคุณค่า ความสาคัญ วิธีการสืบสาน การอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย ในจังหวัดอา่ งทอง โดยการจัดทาส่ือประชาสัมพันธ์ ประเภทแผ่นพับด้วยโปรแกรม Microsoft Word และการทาวิดีโอคลิปด้วยอุปกรณ์มือถือ (Smart Phone) โปรแกรม Vivo Video เพื่อเผยแพร่ วฒั นธรรมวัฒนธรรมไทยในจงั หวดั อ่างทอง ผลการเรยี นรู้ทค่ี าดหวัง ๑. ตระหนักถึงคุณคา่ ความสาคัญ และวธิ ีการสืบสานวฒั นธรรมในจงั หวดั อา่ งทอง ๒. สามารถทาสอ่ื ประชาสัมพันธ์ ประเภทแผ่นพบั และวิดโี อคลิปเพ่อื เผยแพรว่ ัฒนธรรมไทย ในจังหวดั อ่างทอง ขอบข่ายเน้อื หา เร่ืองท่ี 1 คุณค่าและความสาคัญของการสืบสาน และอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยในจังหวัด อ่างทอง เร่อื งที่ 2 การทาสอื่ ประชาสัมพันธว์ ัฒนธรรมไทยในจงั หวดั อ่างทอง สอ่ื ประกอบการเรียนรู้ 1. ใบงาน 2. หนงั สอื เรียน 3. คอมพิวเตอร์ 4. อินเตอรเ์ น็ต หนา้ 132 สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจงั หวัดอา่ งทอง
หนังสอื เรยี นรายวชิ าเลือกเสรี วชิ าอ่างทองเมืองนา่ อยู่ รหสั วิชา สค33165 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย การสืบสานและอนุรกั ษ์วฒั นธรรมไทยในจงั หวัดอา่ งทอง วัฒนธรรมไทยในจังหวัดอ่างทองนั้น มีอยู่มากมายหลายอย่าง ซึ่งล้วนแต่อยู่คู่กับชาวจังหวัด อ่างทองมาช้านาน แต่ทว่าปัจจุบันวัฒนธรรมต่าง ๆ อาจเร่ิมเลือนหายไปพร้อมกับการมีเทคโนโลยี ใหม่ๆ เข้ามาแทนที่ จึงทาให้ผู้คนรุ่นใหม่ๆ ไม่เห็นความสาคัญ ดังนั้นจึงเป็นส่ิงที่จาเป็นที่เราควรจะ สืบสานและอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยในจังหวัดอ่างทองให้คงอยู่ต่อไป เพ่ือให้คนรุ่นหลังได้ตระหนักถึง คณุ คา่ ไดศ้ กึ ษาเรยี นรู้ และมีความภาคภูมิใจในวฒั นธรรมของชาวจงั หวัดอา่ งทอง เรอ่ื งที่ 1 คุณค่าและความสาคัญของการสืบสานและอนุรักษ์วฒั นธรรมไทย สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยตุ ฺโต) ไดใ้ หค้ วามหมายของคาว่า “สืบสาน” ไว้ในหนังสือ การสืบสานวฒั นธรรมว่า สืบ ในความหมายหน่ึง หมายถึง สืบสาว คือ ย้อนลงไปในความเป็นมาเพ่ือหาเหตุปัจจัย ในอดีต และการย้อนลงไปหาทเี่ รยี กว่าสืบสาวน้ัน มี ๒ ด้าน ด้านหนึ่ง คือสืบสาวในเชิงประวัติศาสตร์ เพื่อหาความเป็นมาในอดีตว่า วัฒนธรรมนี้เกิดสืบเนื่องมาจากอะไร ต้นตออยู่ท่ีไหน และสืบต่อกันมา อย่างไร ทุกอย่างท่ีมีอยู่ มีความเป็นมาที่สืบสาวไปในอดีตได้ ถ้าชนชาติใดมีปัญญา มีความรู้เข้าใจ เก่ียวกับรากฐานที่มาในประวัติศาสตร์แห่งวัฒนธรรมของตน ชาตินั้นก็มีทางท่ีจะทาให้วัฒนธรรม ของตนเจริญงอกงามได้ แต่ในบางสังคมมีความมืดมัว ไม่รู้จักสืบสาวหาความเป็นมาแห่งวัฒนธรรม ของตนในอดตี สืบ ในอีกความหมายหน่ึง คือ สืบทอด สืบสาวนั้นโยงย้อนกลับไปข้างหลัง แต่สืบทอดน้ัน สบื ต่อไปข้างหน้าจากปัจจุบนั สอู่ นาคต เมอื่ เราสืบสาวได้ดีแลว้ เราก็เหน็ ทางทีจ่ ะสบื ทอดไดด้ ีด้วย สาน คือ การจัดสรรปรุงแต่งวัฒนธรรมท่ีสืบมาจากเดิมให้มีรูปแบบที่สอดคล้องกับยุคสมัย ในสภาพปัจจุบัน ให้เป็นประโยชน์แก่คนที่ดาเนินชีวิตอยู่ การสานทาให้สิ่งที่สืบมาเกิดผล เปน็ ประโยชนแ์ ละมีชีวติ ชวี า เพราะฉะนัน้ เราจึงต้องมกี ารสานวัฒนธรรมดว้ ย ไมใ่ ช่สืบอยา่ งเดยี ว อยา่ งไรกต็ าม ในการสืบทอดนั้น เราไม่ได้สืบทอดลอยๆ แต่สืบทอดด้วยปัญญาอย่างมีวิธีการ ถ้าสืบทอดโดยไม่มีวิธีการ ก็กลายเป็นการปล่อยให้ไหลเร่ือยเปื่อยไป การสืบทอดอย่างมีวิธีการในท่ีนี้ เรียกว่า สบื สาน ความหมายของอนุรักษ์ การอนุรักษ หมายถึง การใชประโยชนตามความตองการท่ีเหมาะและประหยัดเพื่ออนาคต หรอื การสงวนรักษา ซ่งึ ประจักษ ไมเจรญิ (2552 : 71) ไดกลาวถงึ การอนรุ กั ษไว สรุปไดดังน้ี หลักการอนุรักษวทิ ยา ประกอบดวย หลักการท่ี 1 การใชอยางย่ังยืน การใช้อยางสมเหตุสมผล หรือใชอยางฉลาด เลือก ใชเทคโนโลยีทีเ่ หมาะสม ไมกอใหเกดิ ของเสียและมลพิษ หลักการที่ 2 การสงวนของหายาก ทรัพยากรที่กาลังจะสูญส้ิน ควรหลีกเล่ียงการ นาไปใชทานบุ ารุง หรือการทาทรพั ยากรนนั้ มเี พ่มิ ขนึ้ หน้า 133 สานกั งานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยจงั หวดั อ่างทอง
หนังสือเรยี นรายวชิ าเลือกเสรี วิชาอ่างทองเมอื งนา่ อยู่ รหสั วิชา สค33165 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย หลักการท่ี 3 การทานุบารุงทรัพยากรที่เสื่อมโทรม จากที่ไมสามารถนาไปใชได จนฟนสภาพนามาใชได วิธกี ารอนุรักษ มดี วยกนั 8 วธิ ี คอื 1) การใช หมายถึง การใชหลายรูปแบบ เชน การบริโภคโดยตรง เห็น ไดยิน พลังงาน ตองใชแบบย่ังยืน 2) การเก็บกัก หมายถึง การรวบรวมหรือการเก็บกักทรัพยากรท่ีมีแนวโน ม จะขาดแคลนในบางเวลา หรือคาดวาจะเกิดวิกฤตการณขนึ้ 3) การรักษา/ซอมแซม หมายถึง การดาเนินการใด ๆ ตอทรัพยากรท่ีขาดหายไป ไมทางานตามพฤติกรรม เสื่อมโทรม เกิดปญหา ให้สามารถฟนคืนสภาพได จนสามารถนากลับมาใช้ ใหมได 4) การฟนฟู หมายถึง การดาเนินการใด ๆ ตอทรัพยากรหรือส่ิงแวดลอมท่ีเส่ือม โทรมใหเปนปกติ สามารถเอ้อื ประโยชนในการนาไปใชประโยชนตอไป 5) การพัฒนา หมายถึง การทาส่ิงที่เปนอยู่ใหดีข้ึน เพ่ือเพ่ิมประสิทธิภาพใหเกิด ผลผลิตทดี่ ีข้นึ 6) การปองกัน หมายถึง การปองกันส่ิงท่ีเกิดข้ึนมิใหลุกลามมากกวาน้ีและปองกัน ส่งิ ที่ยงั ไมเกดิ 7) การสงวน หมายถงึ การเกบ็ ไวโดยไมใหแตะตองหรอื นาไปใชดวยวธิ ีการใดก็ตาม 8) การแบงเขต หมายถึง ทาการแบงเขตหรือการแบงกลุม/ประเภทตามคุณสมบัติ ของทรพั ยากร คณุ คา่ ทางวัฒนธรรมไทย คณุ ค่าทางวฒั นธรรมไทย สามารถสร้างสิ่งตา่ งๆ ใหเ้ กดิ ขึ้นไดห้ ลายอย่าง ดังนี้ 1) ความรักความผูกพันในครอบครัว วัฒนธรรมไทยได้สร้างความรักความผูกพัน ในครอบครัว ตัวอย่างเช่น วันสงกรานต์ เป็นวันข้ึนปีใหม่ไทย ซึ่งปัจจุบันเม่ือถึงวันสงกรานต์ ทุกคน จะกลับบ้านไปหาพ่อเเม่ ญาติผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ เพื่อความเป็นสิริมงคลในการเริ่มต้นปีใหม่ ก่อใหเ้ กิดความรัก ความผูกพันของเเต่ละฝ่าย 2) มคี วามเคารพ กตัญญตู ่อผู้ใหญ่เเละผมู้ ีพระคุณ 3) สร้างความศรัทธาในการทาบญุ ให้ทาน 4) สร้างเอกลักษณ์ทางศิลปกรรม 5) มีพิธกี รรมที่สง่างามสรา้ งสัมพันธ์ 6) สร้างความสามคั คใี หเ้ เก่ชมุ ชน 7) มีเอกลักษณท์ างภาษา 8) มีความเพลิดเพลนิ สนุกสนาน ในการละเล่น เเละดนตรีพน้ื บา้ น หน้า 134 สานกั งานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยจงั หวัดอา่ งทอง
หนงั สอื เรยี นรายวชิ าเลือกเสรี วชิ าอา่ งทองเมืองน่าอยู่ รหัสวชิ า สค33165 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย ความสาคัญของวฒั นธรรมไทย วฒั นธรรมไทยมคี วามสาคัญ ดงั น้ี 1) วัฒนธรรม เป็นเคร่ืองสร้างระเบียบแก่สังคมมนุษย์ วัฒนธรรมไทยเป็นเครื่อง กาหนดพฤติกรรมของสมาชิกในสังคมไทยให้มีระเบียบแบบแผนท่ีชัดเจน รวมถึงผลของการแสดง พฤติกรรม ตลอดจนถึงการสร้างแบบแผนของความคิด ความเช่ือ และค่านิยมของสมาชิกให้อยู่ ในรูปแบบเดยี วกัน 2) วัฒนธรรม ทาให้เกิดความสามัคคีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน สังคมที่มี วัฒนธรรมเดียวกัน ย่อมจะมีความรู้สึกผูกพันเดียวกัน เกิดความเป็นปึกแผ่น จงรักภักดีและอุทิศตน ใหก้ ับสังคม ทาให้สังคมอยู่รอด 3) วัฒนธรรม เป็นตัวกาหนดรูปแบบของสถาบัน เช่น รูปแบบของครอบครัว จะเห็นได้ว่าลักษณะของครอบครัวแต่ละสังคมต่างกันไป ทั้งน้ีเน่ืองจากวัฒนธรรมในสังคม เป็นตัวกาหนดรูปแบบ เช่น วัฒนธรรมไทยกาหนดเป็นแบบสามีภรรยาเดียว ในอีกสังคมหน่ึงกาหนด ว่าชายอาจมีภรรยาได้หลายคน หรือหญิงอาจมีสามีได้หลายคน ความสัมพันธ์ทางเพศก่อนแต่งงาน เปน็ สง่ิ ทด่ี ีหรือเป็นเร่ืองขัดต่อศีลธรรม 4) วัฒนธรรม เป็นเครื่องมือช่วยแก้ปัญหา และสนองความต้องการของมนุษย์ ซึ่งมนุษย์ไม่สามารถดารงชีวิตภายใต้สิ่งแวดล้อมได้อย่างสมบูรณ์ ดังน้ันมนุษย์ต้องแสวงหาความรู้ จากประสบการณ์ท่ีตนได้รับ การประดิษฐ์คิดค้นวิธีการใช้ทรัพยากรนั้นให้เกิดประโยชน์ต่อชีวิต และถ่ายทอดจากสมาชกิ รุ่นหนึง่ ไปส่สู มาชกิ รุ่นตอ่ ไปได้โดยวฒั นธรรมของสังคม 5) วัฒนธรรม ช่วยให้ประเทศชาติเจริญก้าวหน้า หากสังคมใดมีวัฒนธรรมที่ดีงาม เหมาะสม เชน่ ความมรี ะเบียบวนิ ยั ขยัน ประหยดั อดทน การเหน็ ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน เปน็ ต้น สังคมนน้ั ยอ่ มจะเจริญกา้ วหนา้ ไดอ้ ย่างรวดเร็ว 6) วัฒนธรรม เป็นเคร่ืองแสดงเอกลักษณ์ของชาติ คาว่าเอกลักษณ์ หมายถึง ลกั ษณะพิเศษหรอื ลกั ษณะเด่นของบคุ คลหรือสังคม ท่ีแสดงว่าสังคมหน่ึงแตกต่างไปจากอีกสังคมหน่ึง เช่น วัฒนธรรมการพบปะกันในสังคมไทยจะมีการยกมือไหว้กัน แต่ในสังคมญ่ีปุ่นใช้การคานับกัน เป็นต้น การสบื ทอดวฒั นธรรมไทย การสืบทอดวัฒนธรรมไทย เป็นสิ่งจาเป็นและมีความสาคัญต่อการพัฒนาคนและสังคมไทย อยู่หลายประการดังน้ี เพยี งดาว สภาทอง (2559 : 20 - 21) 1) ทาให้มองเห็นวิถีความเป็นไทย ความคิดสร้างสรรค์ ทั้งทางด้านศาสนา สังคม วัฒนธรรม การปกครองทส่ี ังคมสืบทอดกนั มา 2) ทาให้คนไทยเป็นผู้มีความรับผิดชอบ รู้จักรักษาระเบียบวินัย มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์รู้จักพัฒนาตนเอง ซ่ึงเป็นการเสริมสร้างในการปลูกจิตสานึกที่ดีงาม เหมาะสมกับสภาพของสงั คมไทยสืบไป หน้า 135 สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจงั หวดั อา่ งทอง
หนงั สือเรยี นรายวิชาเลือกเสรี วชิ าอา่ งทองเมืองน่าอยู่ รหัสวชิ า สค33165 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 3) ทาให้คนไทยทั้งชุมชนเมืองและชุมชนชนบท เกิดความร่วมมือร่วมใจ ส่งเสริม ขนบธรรมเนียมทด่ี งี าม นาภูมิปญั ญาท้องถิ่นมาใช้ให้เกิดประโยชนแ์ ก่คนในชาติเปน็ ทรี่ ู้จกั ของชาวโลก 4) ทาให้เกิดการถ่ายทอดจากคนรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง ซ่ึงนับว่าเป็นการสืบทอด เอกลกั ษณ์ไทยเพ่ือใหค้ งอยูใ่ นสังคมสบื ต่อไป การอนรุ ักษว์ ฒั นธรรมไทย การอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย ต้องอาศัยความร่วมมือกันของคนไทยทุกคนมีวิธีการ ดังน้ี เพยี งดาว สภาทอง (2559 : หนา้ 14-15) 1) ศึกษา ค้นคว้า และการวิจัยวัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมท้องถิ่น ทั้งที่มีการ รวบรวมไวแ้ ลว้ และยังไมไ่ ดศ้ กึ ษา เพ่อื ทราบความหมายและความสาคัญของวัฒนธรรม ในฐานะที่เป็น มรดกของไทยอย่างถ่องแท้ ซ่ึงความรู้ดังกล่าวถือเป็นรากฐานของการดาเนินชีวิต เพื่อให้เห็นคุณค่า ทาใหเ้ กดิ การยอมรับ และนาไปใช้ประโยชน์อยา่ งเหมาะสมต่อไป 2) ส่งเสริมให้ทุกคนเห็นคุณค่า ร่วมกันรักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชาติ และของทอ้ งถ่นิ เพอ่ื สรา้ งความเขา้ ใจและมัน่ ใจแกป่ ระชาชนในการปรับเปล่ียนและตอบสนองกระแส วัฒนธรรมอืน่ ๆ อยา่ งเหมาะสม 3) รณรงค์ให้ประชาชนและภาคเอกชน ตระหนักในความสาคัญของวัฒนธรรม ว่าเป็นเร่ืองท่ีทุกคนต้องให้การรับผิดชอบร่วมกันในการส่งเสริม สนับสนุน ประสานงานการบริการ ความรู้ วิชาการ และทุนทรพั ยส์ าหรับจดั กจิ กรรมทางวัฒนธรรม 4) ส่งเสริมและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมภายในประเทศและระหว่างประเทศ โดยการ ใชศ้ ิลปวัฒนธรรมท่เี ปน็ สอ่ื สร้างความสมั พันธร์ ะหว่างกัน 5) สรา้ งทศั นคติ ความรู้ และความเขา้ ใจวา่ ทุกคนมีหนา้ ทเี่ สรมิ สรา้ ง ฟน้ื ฟู และการ ดูแลรักษา สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติและทางวัฒนธรรมที่เป็นสมบัติของชาติ และมีผลโดยตรง ของความเปน็ อยขู่ องทุกคน 6) จัดทาระบบเครือข่ายสารสนเทศทางด้านวัฒนธรรม เพื่อเป็นศูนย์กลางเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ผลงาน เพ่ือให้ประชาชนเข้าใจ สามารถเลือกสรร ตัดสินใจ และปรับเปล่ียน ให้เหมาะสมกับการดาเนินชีวิต ท้ังนี้ สื่อมวลชนควรมีบทบาทในการส่งเสริม และสนับสนุนงาน ดา้ นวัฒนธรรมมากย่งิ ข้นึ ดว้ ย วิธกี ารร่วมกนั อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย วิธีการร่วมกันอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย เราสามารถปฏิบัติตนหรือทากิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกับ ผู้อืน่ ทแ่ี สดงออกถงึ การอนุรักษว์ ฒั นธรรมไทย ไดด้ งั นี้ เข้ารว่ มกิจกรรมทางวฒั นธรรมและประเพณตี ่างๆ 1) เรียนรู้ประเพณีทางศาสนา ไม่ว่าเราจะนับถือศาสนาเดียวกับพ่อแม่และปู่ย่า ตายายหรือไม่ การพยายามศึกษาประเพณีทางศาสนาไว้จะช่วยทาให้เราเข้าใจวัฒนธรรมของตนเอง หนา้ 136 สานักงานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั จงั หวัดอา่ งทอง
หนงั สอื เรียนรายวิชาเลอื กเสรี วิชาอ่างทองเมืองนา่ อยู่ รหัสวชิ า สค33165 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย มากข้นึ ศาสนามสี ว่ นเกยี่ วขอ้ งกับภาษา ประวัติศาสตร์ และพฤติกรรมส่วนบุคคล ฉะน้ันการทาความ รจู้ กั คนุ้ เคยกับศาสนาท่ีบ้านเรานบั ถือจะช่วยให้เราเขา้ ใจวัฒนธรรมด้านอน่ื ๆ ดว้ ย 2) พูดภาษาบา้ นเกดิ หากรู้วา่ มีเพอื่ นคนหน่ึงมาจากท้องถ่นิ เดยี วกันกับเรา ให้พูดคุย เป็นภาษาถ่ินกับเขา นักภาษาศาสตร์และนักมนุษยวิทยาบอกว่า ภาษาน้ันมีอิทธิพลต่อการรับรู้ สิ่งต่างๆ บนโลกนี้ ถ้าเราอยู่ในถ่ินอื่นท่ีไม่มีคนพูดหรือรู้จักภาษาถิ่นของเรา ก็จะไม่มีใครมาแอบฟัง เรากับเพอื่ นพดู ภาษาถน่ิ ตอบโต้กนั แนน่ อน 3) ฝึกทาอาหารพื้นบ้านหรืออาหารตารับโบราณ ไม่สายเกินไปท่ีจะขอให้ปู่ย่า ตายายของเราสอนวิธีทาอาหารพ้ืนบ้าน หรืออาหารตารับโบราณให้ เราจะได้รู้ว่ากลิ่นและรสชาติ อาหารแบบเฉพาะของบ้านเราน้ันเป็นอย่างไร พอลองทาขนมหรือประมาณส่วนผสมของเครื่องเทศ เอง กใ็ หน้ าสตู ร วิธีการ หรือเคล็ดลับท่ีปู่ย่าตายายสอนมาใช้ดู การอ่านตาราอาหารสักเล่มหน่ึงหรือดู รายการทาอาหารก็ช่วยทาให้เรารู้ว่าส่วนประกอบ และเคร่ืองมือในการทาอาหารเปล่ียนไป มากแค่ไหน ถึงอาหารบางเมนูจะทาได้ไม่ง่ายนัก แต่อาหารบางเมนูก็สามารถทาได้ง่าย และอาจ กลายเป็นเมนูโปรดของครอบครัวไปเลยก็ได้ 4) เรียนรู้ศิลปะและวัฒนธรรมของตน ทุกประเทศจะมีการแต่งกาย ดนตรี ศิลปะ เร่ืองเล่า และอะไรอ่ืน ๆ อีกมากมายท่ีเป็นแบบฉบับเฉพาะของตน บ้านเรามีผู้คนมากมายที่ยินดี จะสอนและบอกเล่าวิถีชีวิตของเขาให้เราฟัง เช่น ทางานอดิเรกอะไรในยามว่าง ประกอบอาชีพอะไร ทางานหัตถกรรมใด และมีการละเล่นอะไรบ้าง เป็นต้น เราอาจคิดว่างานศิลปะโบราณในพิพิธภัณฑ์ เป็นวัฒนธรรมทางวัตถุอย่างเดียวท่ีเรามี แต่ความจริงแล้วมีมากกว่านี้ ตัวอย่างเช่น ช้อนที่อยู่ในครัว หรอื ซอฟตแ์ วร์ทีค่ ดิ คน้ ขึน้ มา กถ็ อื เปน็ วฒั นธรรมทางวัตถุเช่นกัน 5) หาเวลาพูดคุยกับคนในท้องถิ่น วิธีที่ดีที่สุดในการอนุรักษ์วัฒนธรรมของเรา คือ ทาให้วัฒนธรรมน้ันยังคงอยู่ เราไม่จาเป็นต้องพบปะผู้คนแค่เฉพาะตอนไปเท่ียวในวันหยุดเท่านั้น แต่สามารถนัดรับประทานอาหารร่วมกัน พบเจอกันในวันสาคัญ หรือแค่พูดคุยกันเฉย ๆ ก็ได้ มีวฒั นธรรมหลายด้านท่ีไม่สามารถเรียนรู้จากการอ่านหนังสือและการเข้าชมพิพิธภัณฑ์แต่เพียงเดียว เช่น มารยาท ภาษากาย และความมีอารมณ์ขนั 6) เข้าร่วมหรือจัดงานสาคัญ ประเทศของเรา ท้องถ่ินของเรา กลุ่มศาสนานิกาย ท่ีเรานับถือ หรือกลุ่มชาติพันธ์ุของเรามักจะมีการเฉลิมฉลองในวันสาคัญหรือจัดเทศกาล ตามวัฒนธรรมของตน เดินทางไปเข้าร่วมงานหรือเทศกาลเหล่าน้ัน เพ่ือจะได้รู้จักวัฒนธรรมของ ตนเองมากขึน้ แต่ถ้าไมส่ ะดวกไปงานหรอื เทศกาลเหล่านั้น ก็ให้จัดงานหรือเทศกาลเหล่านั้นขึ้นที่บ้าน ของตนเองกไ็ ด้ รกั ษาและเผยแพรว่ ฒั นธรรม 1) เน้นบันทึกวัฒนธรรมด้านใดด้านหน่ึง เราสามารถบันทึกทุกอย่างที่ตนเอง ได้ค้นพบในชีวิตและในระหว่างที่ค้นคว้าได้ ไม่ว่าเรื่องน้ันจะเล็กน้อยสักแค่ไหน แต่เราก็ไม่สามารถ บันทึกทุกอย่างที่รู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของตนได้หมด เพราะข้อมูลน้ันมากมายเกินไป คนส่วนใหญ่ จึงเลือกบันทึกไปในทิศทางใดทศิ ทางหน่ึงแทน หน้า 137 สานักงานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั จงั หวดั อ่างทอง
หนงั สือเรียนรายวิชาเลอื กเสรี วชิ าอ่างทองเมอื งนา่ อยู่ รหสั วชิ า สค33165 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 2) เลือกสื่อท่ีจะใช้บันทึก เราจะใช้ปากกากับกระดาษ เครื่องบันทึกเสียง หรือ อุปกรณ์อ่ืน ๆ มาบันทึกประสบการณ์ทางวัฒนธรรมของตนเองก็ได้ เราจะนาส่ิงท่ีบันทึกไว้มาลง เว็บไซต์ ดีวีดี หรือลงในส่ือดิจิทัลรูปแบบอื่นก็ได้ เราจะได้เผยแพร่วัฒนธรรมของตนเองให้ผู้คน ท่วั โลกไดร้ บั รู้ 3) สัมภาษณ์ผู้รู้ ที่มีความรู้ในวัฒนธรรมด้านน้ันอย่างลึกซ้ึงหรือผู้เช่ียวชาญในเร่ือง นั้น เราต้องเตรียมคาถามว่าจะถามอะไรบ้าง แต่ก็ให้ผู้ถูกสัมภาษณ์ได้พูดถึงหัวข้อและเรื่องราวอ่ืน ๆ บ้าง เราอาจได้เรียนรอู้ ะไรบางอยา่ งทไี่ มเ่ คยรู้มาก่อนเลยก็ได้ 4) ใชส้ งิ่ ที่บันทึกไว้มาเผยแพร่เพ่อื อนรุ กั ษว์ ฒั นธรรม เราตอ้ งพยายามหาทางอนุรักษ์ วัฒนธรรมของตนเองเอาไว้ แบ่งปันเร่ืองราวและข้อมูลเกี่ยวกับวัฒนธรรมของเราให้กับคนหนุ่มสาว ท่อี าจไมร่ จู้ ักวฒั นธรรมของตนเองมากนัก ได้รับรู้ ไม่วา่ จะเจอการเปลยี่ นแปลงทางการเมืองหรือสังคม อย่างไร พยายามให้ผู้คนได้มามีส่วนร่วมในการพูดคุยและเข้าร่วมทากิจกรรมทางวัฒนธรรม ส่ิงที่เรา ค้นคว้ามาสามารถช่วยให้ผู้คนเข้าใจค่านิยมหลักของวัฒนธรรมตนเองและเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คน อยากรกั ษา และทาใหว้ ัฒนธรรมเหลา่ นัน้ เจรญิ งอกงามตอ่ ไป 5) ยอมรับการเปลี่ยนแปลง ถึงจะมีคนพูดว่าจงรักษาวัฒนธรรมให้คงอยู่ต่อไป แต่ก็ ดูเหมือนจะทาได้ยาก วัฒนธรรม \"ใกล้สูญหาย\" หรือ \"ต้องได้รับการอนุรักษ์\" ก่อนท่ีจะหายไป ถึงแม้ เราจะต้องอนุรักษ์วัฒนธรรมไว้ไม่ให้สูญหาย แต่การเปล่ียนแปลงท่ีเกิดข้ึนก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย ไปซะทงั้ หมด วัฒนธรรมช่วยใหค้ นเราปรบั ตวั เข้ากบั สภาพแวดล้อมรอบตัว โลกเปล่ียนแปลงอยู่ตลอด วฒั นธรรมก็ปรบั เปล่ียนอยตู่ ลอดเช่นกัน ข้นึ อยู่กบั เราแล้วว่าจะทายังไง เร่อื งที่ ๒ การจัดทาส่ือประชาสัมพนั ธว์ ัฒนธรรมไทยในจงั หวัดอ่างทอง สือ่ ประชาสัมพนั ธ์ คือ หนทางหรอื วิถีทางในการนาข่าวสารที่ต้องการประชาสัมพันธ์จากผู้ส่ง ไปสู่ผู้รับ ในปัจจุบันสื่อในการประชาสัมพันธ์มีมากมายและหลากหลาย อันเป็นผลเน่ืองมาจาก การพฒั นาด้านเทคโนโลยีของโลก การจัดทาสือ่ ประชาสมั พนั ธ์ที่ใชส้ าหรับประชาสมั พันธ์หรือเชิญชวนใหผ้ คู้ นรจู้ ักวตั นธรรมไทย จังหวัดอา่ งทองน้ัน ขอนาเสนอรูปแบบการประชาสมั พันธ์ใน 2 รปู แบบ ดังนี้ การทาแผ่นพบั ดว้ ยโปรแกรม Microsoft word โปรแกรม Microsoft word เป็นโปรแกรมท่ีช่วยในการสร้างเอกสารต่างๆ เช่น การจัดทา รายงาน บทความ แผ่นพับ จดหมาย ฯลฯ ที่ทุกคนสามารถทาได้ด้วยตนเอง ซึ่งในการทาแผ่นพับ เพ่อื เปน็ ส่ือในการนาเสนอขอ้ มูลหรือเรือ่ งราวตา่ งๆ ดว้ ยโปรแกรม Microsoft word มขี ัน้ ตอนดงั นี้ หน้า 138 สานักงานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จงั หวัดอา่ งทอง
หนงั สอื เรียนรายวิชาเลอื กเสรี วชิ าอ่างทองเมอื งน่าอยู่ รหสั วชิ า สค33165 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ขน้ั ตอนท่ี 1 การเตรยี มเอกสาร เคา้ โครง รูปแบบ ในการจดั ทาแผ่นพบั 1) เปดิ โปรแกรม Microsoft word 2) เลอื กเมนู เคา้ โครงหนา้ กระดาษ (layout) 3) เลอื กคาสง่ั การวางแนว (orientation) 4) เลือกคาสัง่ แนวนอน (landscape) 5) เลือกคาสง่ั ระยะขอบ บนเมนูเค้าโครงหน้ากระดาษ จากน้นั เลือกคาส่ัง ระยะขอบ แบบกาหนดเอง (Margins custom Margins) จะมหี น้าตา่ งขึ้นมาดงั รปู หน้า 139 สานักงานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั จงั หวัดอ่างทอง
หนงั สอื เรยี นรายวิชาเลือกเสรี วิชาอา่ งทองเมอื งนา่ อยู่ รหัสวิชา สค33165 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย 6) เลอื กเมนู ระยะขอบ (Margins) แลว้ ต้ังคา่ ดังน้ี (ดูภาพประกอบ) บน 1 ซม. (top) ล่าง 1 ซม. (bottom) ซ้าย 0.5 ซม. (left) ขวา 0.5 ซม. (right) 7) การวางแนว (orientation) ใหเ้ ลือก แนวนอน (landscape) 8) เลือกคาสั่ง ตกลง (ok) 9) เลอื กคาสั่ง คอลมั น์ บนเมนู เค้าโครงหนา้ กระดาษ (layout) 10) เลือกคาสั่ง คอลมั น์เพ่ิมเติม (more columns) 11) เขา้ สหู่ น้าต่าง คอลมั น์ หนา้ 140 สานกั งานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจงั หวัดอา่ งทอง
หนงั สือเรยี นรายวิชาเลอื กเสรี วชิ าอา่ งทองเมอื งนา่ อยู่ รหสั วชิ า สค33165 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย 12) เลือก 3 คอลัมม์ และคลกิ เลอื กในชอ่ ง เส้นค่นั ระหว่างคอลมั น์ (line between) หรอื หากไมต่ ้องการใหป้ ลอ่ ยเว้นว่างไว้ 13) เลือกคาส่ัง ตกลง (ok) 14) กดปุ่ม enter ทแี่ ปน้ พิมพใ์ นการข้นึ บรรทัดใหม่ เพื่อให้มเี สน้ ค่นั กลางคนั่ ระหวา่ งคอลมั น์ ในกรณีท่ีคลกิ เลือกเสน้ คน่ั ระหวา่ งคอลัมน์ (line between) ดงั รูป หน้า 141 สานกั งานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยจงั หวดั อา่ งทอง
หนังสอื เรียนรายวิชาเลอื กเสรี วชิ าอ่างทองเมอื งนา่ อยู่ รหสั วชิ า สค33165 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ขน้ั ตอนที่ 2 การจดั พิมพข์ ้อความ เนอ้ื หา ลงในแผ่นพับ 1) เลือกไปท่ีคอลมั น์หมายเลข 1 เพ่ือพมิ พห์ ัวข้อและเป็นปกหนา้ ของการทาแผน่ พับ 2) หากตอ้ งการแทรกรูปภาพประกอบแผน่ พับ ให้เลอื กเมนู แทรก (insert) และเลอื ก รปู ภาพ (pictures) จากนน้ั เลือกรูปภาพท่ีต้องการ หน้า 142 สานักงานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจงั หวัดอา่ งทอง
หนังสือเรยี นรายวิชาเลือกเสรี วชิ าอ่างทองเมืองน่าอยู่ รหสั วิชา สค33165 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย 3) จะปรากฏหนา้ ต่างขน้ึ มา เพ่ือเข้าไปเลือกรปู ภาพทีต่ ้องการใส่ในแผน่ พบั จากนน้ั เลือก แทรก (insert) 4) จะได้รูปภาพท่เี ลือกมาอยู่บนแผน่ พบั หน้า 143 สานักงานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจงั หวัดอ่างทอง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170