Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสือเรียนอ่างทองเมืองน่าอยู่ (1)

หนังสือเรียนอ่างทองเมืองน่าอยู่ (1)

Published by nui_manaphai, 2021-11-30 08:17:03

Description: หนังสือเรียนอ่างทองเมืองน่าอยู่ (1)

Search

Read the Text Version

หนงั สือเรยี นรายวิชาเลอื กเสรี วชิ าอ่างทองเมอื งน่าอยู่ รหสั วิชา สค33165 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย เจ้าอาวาสวัดบ้านแก เปิดเผยว่าประเพณีการเผาข้าวหลามที่วัดแห่งน้ี สืบทอดกันมาต้ังแต่ สมยั บรรพบุรุษเนนิ่ นานมาหลายสิบปีแล้ว เป็นการร่วมมือกันระหว่างชาวบ้านในชุมชนทั้ง 2 หมู่บ้าน ใน 2 อาเภอ กับพระสงฆ์ ประชาชน และนักแสวงบญุ ทที่ ราบข่าวเดินทางมาร่วมงานบุญ เพื่อเป็นการ บูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เน่ืองในวันมาฆบูชา และเป็นการมุ่งเน้นทาบุญอุทิศส่วนกุศล ให้แก่ผู้ท่ีล่วงลับไปแล้ว โดยอาศัยจากญาติโยมผู้ใจบุญที่ได้ร่วมใจกันช่วยเหลือ เพ่ือให้เกิดกิจกรรม ในชุมชน และเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ ความสามัคคี ความรักของชุมชนให้เกิดข้ึน โดยยึดมั่น ในบุญกศุ ลให้เกิดความรม่ เยน็ และความผาสกุ สาหรับประเพณีการเผาข้าวหลาม เร่ิมด้วยพิธีสงฆ์ในการทาบุญเล้ียงพระ โดยมีชาวบ้าน จานวนหลายรอ้ ยคนแบ่งหน้าท่ีกันทาอย่างสนุกสนาน ต้ังแต่เล่ือยไม้ไผ่ การเตรียมกระบอกข้าวหลาม การช่วยกันขูดมะพร้าว คั้นกะทิ การเตรียมข้าวเหนียว และการนาใบตองแห้งมามัดทาเป็นจุก เพ่ืออุดกระบอกข้าวหลาม ซ่ึงมีชาวบ้านในชุมชนทุกเพศทุกวัยและนักแสวงบุญ ได้ช่วยกันกรอก ส่วนผสมข้าวหลามเข้าไปในกระบอก แล้วนาไปเรียงเป็นแถวทาการเผาให้สุกก่อนท่ีจะนาไปทาบุญ เลี้ยงพระในวนั มาฆบูชา ชาวบา้ นร่วมมือกนั ทาข้าวหลาม ที่มา : https://mgronline.com/local/detail/9610000020584 ประเพณงี านบญุ โขลกแป้งขนมจีน วดั สวา่ งอารมณ์ งานประเพณีงานบุญโขลกแป้งขนมจีน วัดสว่างอารมณ์ ตาบลสามง่าม อาเภอโพธ์ิทอง จงั หวัดอา่ งทอง จัดขน้ึ เปน็ ประจาทกุ ปี ตรงกับวนั ข้ึน ๑๑ ค่า เดือน ๑๑ เพ่ือเป็นการสืบทอดประเพณี ที่ดีงามให้คงอยู่คู่ชุมชนตลอดไป และเป็นการส่งเสริมการท่องเท่ียวเชิงวัฒนธรรม โดยหลวงพ่อพุด หน้า 44 สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยจงั หวัดอา่ งทอง

หนังสอื เรยี นรายวิชาเลือกเสรี วิชาอ่างทองเมอื งน่าอยู่ รหัสวชิ า สค33165 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จันทโชโต อดีตเจ้าอาวาสวัดสว่างอารมณ์ ได้เป็นผู้คิดริเริ่มประเพณีนี้ขึ้นมากว่า ๖๐ ปีแล้ว เน่ืองจาก ได้มีเรือที่บรรทุกข้าวสารอาหารแห้งที่เร่ียไรมาจากชาวบ้านได้ล่มลงกลางแม่น้าน้อย หลวงพ่อพุด กลัวว่าข้าวสารที่จมน้าไปจะเสียโดยเปล่าประโยชน์ จึงให้ชาวบ้านช่วยกันนาข้าวสารมาหมักเป็นแป้ง ทาขนมจีนถวายเป็นภัตตาหารแด่พระสงฆ์ และแจกจ่ายให้แก่ชาวบ้านท่ัวไปได้รับประทาน และ ถือเอาวันทมี่ ีการโขลกแปง้ ขนมจีน เปน็ งานบุญประจาปี โดยทาสืบทอดต่อกันมาเปน็ เวลากวา่ ๖๐ ปี โดยการทาขนมจีนแบบโบราณน้ัน จะนาแป้งหมักใส่ถุงพลาสติก มัดปากถุง เอาหินทับ ราดนา้ เชา้ -เยน็ นาไปโม่หรือยีด้วยมือให้เป็นน้าแป้งนาใส่โอ่งท้ิงให้แป้งตกตะกอน 2 คืน เทน้าใสออก แล้วตกั แปง้ ใสถ่ งุ ผ้าหนาๆ เอาหินทับใหแ้ ห้ง นาแปง้ ออกมาปั้นเป็นลูกกลมๆ ต้มในน้าเดือด แช่น้าเย็น นาไปตาและเข้าเครื่องนวด กรองด้วยผา้ ขาวบางโรยให้เป็นเส้น ตักออกมาล้างน้าจับเส้นให้เป็นจับ ใส่ กระจาดรองดว้ ยใบตอง คลุมเส้นดว้ ยผา้ ขาวบางชบุ นา้ หมาด ๆ กันเสน้ แหง้ พร้อมรับประทาน การโขลกแปง้ ขนมจนี ที่มา : http://angthongnews.blogspot.com/2013/10/blog-post_15.html ด้านเจ้าอาวาสวัดสว่างอารมณ์ กล่าวว่า งานประเพณีงานบุญโขลกแป้งขนมจีน ได้มีการจัด ขึ้นเป็นประจาทุกปี มีข้ึน 11 ค่า และข้ึน 12 ค่า ซึ่งวันข้ึน 11 ค่า จะเป็นวันโขลกขนมจีน ส่วนวัน ข้ึน 12 ค่า จะเป็นวันเล้ียงพระ โดยจะมีงานในเดือน 11 ทุกปี เพื่อเป็นการสืบทอดประเพณี วัฒนธรรมท่ดี ีงาม ใหค้ งอยู่ค่ชู มุ ชนตลอดไป และเป็นการสง่ เสรมิ การท่องเท่ยี วเชงิ วฒั นธรรมอีกดว้ ย หนา้ 45 สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยจงั หวัดอา่ งทอง

หนังสือเรียนรายวชิ าเลอื กเสรี วชิ าอ่างทองเมืองนา่ อยู่ รหัสวชิ า สค33165 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ประเพณแี ข่งขนั ตะไลชนโคม ประเพณีแข่งขันตะไลชนโคม เปน็ กีฬาพื้นบ้านท่ีมีการสืบสานกันมา ภายหลังจากหลวงพ่อเล็ก พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง เป็นผู้ริเร่ิมไว้เมื่อ 80 ปีก่อน ซึ่งจัดขึ้นทุกปีในเทศกาลเข้าพรรษา ท่ีมีความ สนุกสนาน สร้างความสามัคคี และเป็นการบูชาพระเกจิอาจารย์ช่ือดัง โดยมีการจัดการแข่งขันตะไล ชนโคมทวี่ ัดเกาะ อาเภอโพธิท์ อง จงั หวดั อา่ งทอง การแข่งขนั ตะไลชนโคม ทม่ี า : https://www.thairath.co.th/content/668872 โดยการแข่งขันตะไลชนโคมท่ีวัดเกาะ จะใช้สุ่มไก่ จานวน 4 อัน ผูกไว้สี่มุม และมีสุ่มปลา จานวน 1 อนั ผูกไว้ตรงกลาง นาไปแขวนไวด้ า้ นบนทีส่ งู ประมาณ 30 เมตร แล้วให้ผู้แข่งขันแต่ละทีม ทาการจุดตะไลให้ขึ้นไปบนท้องฟ้า หากตะไลเข้าไปติดอยู่ภายในสุ่มจะได้คะแนน โดยแต่ละทีม มี 4 คน แต่ละคนจะมีตะไลให้จุด จานวน 4 ดอก โดยยืนอยู่ด้านล่างตรงกับสุ่ม ก่อนท่ีจะจุดตะไล ไปบนท้องฟ้า หากเข้าสุ่มไก่ท่ีแขวนอยู่ด้านบน จะได้ 5 คะแนน แต่ถ้าชนสุ่มคะแนนจะลดลงไป ตามกติกาทีก่ าหนดไว้ ซึ่งเป็นการแข่งขันท่ีสรา้ งความสนุกสนานแก่นกั ท่องเที่ยว และชาวบ้านท่ีเข้ามา เทีย่ วและทาบุญเขา้ พรรษาเปน็ อย่างมาก ที่สาคัญก่อนการแข่งขันของแต่ละทีม ทางวัดเกาะจะให้ผู้เข้าแข่งขันทาการจุดตะไลถวาย หลวงพ่อเล็ก เพ่ือเป็นการบูชาก่อน 1 ดอก หากตะไลท่ีจุดว่ิงเข้าไปในสุ่มปลาขนาดเล็กท่ีแขวน ไว้ตรงกลาง จะไดร้ างวัลจากคณะกรรมการ และเป็นการสร้างขวญั กาลงั ใจแก่ทมี ทเ่ี ขา้ ร่วมแข่งขัน หน้า 46 สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยจงั หวัดอา่ งทอง

หนังสือเรียนรายวชิ าเลอื กเสรี วชิ าอา่ งทองเมอื งนา่ อยู่ รหสั วิชา สค33165 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย ประเพณีพธิ ีไหว้ครกู ลอง ประเพณพี ธิ ไี หวค้ รูกลอง ตาบลเอกราช อาเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง เป็นประเพณีที่จัดขึ้น ทุกปี โดยผู้นากลุ่มผู้มีอาชีพทากลองและชาวตาบลเอกราช โดยมีวัตถุประสงค์ท่ีสาคัญเพื่อเป็นการ ราลึกถึงคุณครูบาอาจารย์ ท่ีได้ประสิทธิประสาทวิชาการทากลองไว้ให้เพ่ือประกอบอาชีพ เลย้ี งครอบครัว เป็นการส่งเสริมและการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา ท้องถิ่นของหมู่บ้านทากลองเอกราช และเพ่ือให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายของคนทั่วไป ทั้งชาวไทย และชาวตา่ งชาติ หมู่บ้านทากลอง ตาบลเอกราช เป็นหมู่บ้านท่ีมีช่ือเสียงในการทากลองที่มีคุณภาพ มีการ สืบทอดการทากลอง ซ่ึงเป็นภูมิปัญญาของบรรพบุรุษจนเป็นมรดกตกทอดจนมาถึงรุ่นลูก รุ่นหลาน เป็นการสั่งสมประสบการณ์ ตลอดจนมีการพัฒนาและปรับปรุงแก้ไข จนเป็นแหล่งผลิตกลองท่ีมี คุณภาพ เปน็ ที่ยอมรับของนักดนตรีไทยระดบั มืออาชพี และชาวตา่ งชาติ การจัดพธิ ไี หว้ครกู ลอง ทมี่ า: http://www.angthong.go.th/pdf/feb59.pdf ดังนั้น ชาวตาบลเอกราช จึงได้จัดพิธีไหว้ครูกลองขึ้น โดยมีการจัดเครื่องเซ่นไหว้เป็นมงคล ต่างๆ ตามความเชื่อของผู้มีอาชีพทากลอง มีพราหมณ์เป็นตัวแทนกล่าวโองการถวายแด่พระเพชร ฉลูกัณฑ์ ซ่ึงเป็นเทพแห่งความสาเร็จ ทาให้เกิดความเป็นสิริมงคล เกิดความสาเร็จในหน้าท่ีการงาน การอาชพี โดยพิธีไหวค้ รกู ลองนจี้ ะจัดขึน้ ในวันพฤหสั บดี ขา้ งขน้ึ เดือน 9 เป็นประจาทกุ ปี หนา้ 47 สานกั งานสง่ เสริมการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั จงั หวัดอา่ งทอง

หนงั สือเรยี นรายวชิ าเลอื กเสรี วชิ าอา่ งทองเมอื งนา่ อยู่ รหัสวชิ า สค33165 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย ประเพณสี ดดุ ีวรี ชนคนแสวงหา “งานสดุดีวีรชนคนแสวงหา” จัดข้ึนโดยอาเภอแสวงหา ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในอาเภอแสวงหา โดยจะจัดข้นึ ในเดือนมีนาคมของทุกปี ณ สนามกฬี าอาเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง เพ่ือราลึกถึงคุณงามความดีของวีรชนคนแสวงหา คือ นายอิน นายเมือง นายแท่น นายโชติ สี่วีรชน คา่ ยบางระจนั ที่สละชพี ต่อสูก้ ับทหารพมา่ คร้งั พม่าบกุ กรงุ ศรีอยธุ ยาเมื่อ ปี พ.ศ. ๒๓๐๙ ภายในงานจะมีขบวนแห่ในพิธีเปิดงานขององค์การปกครองส่วนท้องถ่ินทุกตาบล มีการ นิทรรศการของหน่วยงานราชการ การจาหน่ายสินค้าราคาถูก สินค้า OTOP สินค้าราคาประหยัด การแสดงแสง สี เสียง และการแสดงศิลปวัฒนธรรมพืน้ บ้านตา่ งๆ มากมาย อนสุ รณ์สถานวรี ชนคนดีสบี ัวทอง ทีม่ า : www.facebook.com/1673515806195408/posts/2012199855660333/ ประเพณกี ารแข่งเรอื ยาว ประเพณีการแข่งเรือยาว เป็นประเพณีที่นิยมกันมาต้ังแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน เพราะ จังหวัดอ่างทองมีสภาพภูมิประเทศเป็นท่ีราบลุ่ม มีแม่น้าสาคัญไหลผ่านถึง 2 สาย คือ แม่น้าน้อย และแม่น้าเจ้าพระยา ประชาชนส่วนใหญ่ท่ีอาศัยอยู่ริมแม่น้าจะใช้เรือเป็นพาหนะสัญจรไปมา สว่ นประชาชนทมี่ ไิ ด้อาศัยอยู่ริมแม่น้า เมื่อถึงฤดูน้าหลาก น้าจะท่วมบริเวณบ้านเรือนและไร่นาท่ัวไป จึงต้องอาศัยเรือในการสัญจรไปมาเช่นกัน ทาให้มีความสามารถในการพายเรือ จนทาให้เกิดกีฬา หน้า 48 สานกั งานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยจงั หวดั อา่ งทอง

หนังสอื เรยี นรายวชิ าเลอื กเสรี วชิ าอา่ งทองเมอื งนา่ อยู่ รหสั วิชา สค33165 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย หรือการละเล่นแข่งขันเรือยาวข้ึน เพื่อเป็นการแสดงฝีมือในการพายเรือ และความสามัคคี ของประชาชน การแขง่ ขนั เรือยาว ท่มี า : http://travel.trueid.net/detail/rk86JkEB5VZ ประเพณีการแข่งเรือยาว มีการจัดขึ้นในช่วงเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน ของทุกปี ซึ่งวัดที่อยู่ริมแม่น้าจะจัดงานแข่งขันเรือยาวเพื่ออนุรักษ์สืบทอดประเพณีของท้องถิ่น และประกวด ประชันฝีมอื ฝพี าย เพอ่ื เป็นการสร้างความสนกุ สนานตน่ื เตน้ ให้กบั ผูร้ ว่ มงาน เชน่ งานประเพณีแข่งเรือ ยาววดั ป่าโมกวรวิหาร อาเภอปา่ โมก และงานประเพณีแข่งขันเรือยาววัดสุวรรณราชส์ บริเวณหน้าวัด สุวรรณราชหงส์ อาเภอโพธิท์ อง โดยเรือยาวท่ีสร้างขึ้นจะเก็บรักษาไว้เป็นสมบัติของวัดและประชาชนในท้องถิ่น ซ่ึงวัดท่ีมี เรือยาวที่มีชื่อเสยี งของจังหวัดอา่ งทอง ไดแ้ ก่ วัดสวุ รรณราชหงส์ วดั โบสถ์ราษฎร์ศรัทธาธรรม วัดบ้าน สร้าง และวัดโพธิร์ าษฎร์ เป็นตน้ ประเพณกี ารสรงนา้ พระ ๑๐๐ รูป การสรงน้าพระ ๑๐๐ รูป ถือเป็นประเพณี ของอาเภอสามโก้ จังหวัดอ่างทอง โดยจัดข้ึน ในวันท่ี ๑๕ เมษายน เวลา ๑๔.๐๐ น. ของทุกปี ถอื เป็นประเพณีการเฉลิมฉลองวันข้ึนปีใหม่ของไทย ที่ยดึ ถอื ปฏบิ ตั ิมาแตโ่ บราณช่วงวันสงกรานต์ จึงเป็นวันแห่งความเอื้ออาทร ความรัก ความผูกพัน ท่ีมี ต่อกันทั้งครอบครัว ชุมชน สังคม และศาสนา แต่ปัจจุบันได้เปล่ียนไปสู่สังคมในวงกว้าง และมี แนวโน้มที่จะเปล่ียนทัศนคติ และความเช่ือส่วนน้ันไป ในความเชื่อด้ังเดิมที่ใช้สัญลักษณ์เป็น หนา้ 49 สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั จงั หวดั อา่ งทอง

หนงั สือเรียนรายวชิ าเลอื กเสรี วชิ าอา่ งทองเมอื งนา่ อยู่ รหสั วชิ า สค33165 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย องค์ประกอบหลักในพิธี ได้แก่ การใช้น้าเป็นตัวแทนขอพรจาก บิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย รวมท้ัง แสดงความกตัญญูกตเวที ต่อบรรพบุรุษท่ีล่วงลับไปแล้ว ด้วยการทาบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ อีกทั้ง ยังเป็นการสร้างความสมัครสมานสามัคคีในชุมชน โดยการร่วมกันทาบุญให้ทาน การก่อพระเจดีย์ ทราย ซ่งึ นับว่าเปน็ การทานุบารุงพระพุทธศาสนา ประชาชนร่วมงานประเพณีสรงน้าพระ ๑๐๐ รปู เร่ืองที่ 4 เห็นคณุ คา่ และความสาคัญของวัฒนธรรม ประเพณี ของจังหวัดอา่ งทอง คณุ ค่าของวัฒนธรรม และประเพณี สามารถจาแนกได้ ดงั นี้ 1) วัฒนธรรม และประเพณี เป็นส่ิงท่ีแสดงถึงเอกลักษณ์ของความเป็นชาติไทย ท่ีคนไทย ทุกคนควรภาคภูมิใจ วัฒนธรรมไทยมีความโดดเด่นและแสดงออกถึงความเป็นชาติไทยได้อย่าง ชัดเจน 2) วัฒนธรรม และประเพณี เป็นสิ่งที่ทาให้เกิดความเป็นระเบียบในสังคม โดยวัฒนธรรม จะเป็นบรรทัดฐานทางสังคม ที่กาหนดแนวทางความประพฤติของคนในสังคม ประกอบด้วยวิถี ชาวบา้ น จารตี ประเพณี และกฎหมาย 3) วัฒนธรรม และประเพณี ทาหน้าท่ีหล่อหลอมบุคลิกภาพให้กับคนไทย และความดีงาม เหมาะกับสังคมไทย เป็นเคร่ืองกล่อมเกลาให้คนไทยมีพฤติกรรมหรือบุคลิกภาพที่ดีงาม เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น กิริยามารยาทท่ีสุภาพอ่อนโยน ความอ่อนน้อมถ่อมตน ความใจดี มีเมตตา เปน็ ต้น หน้า 50 สานักงานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยจงั หวดั อา่ งทอง

หนังสือเรียนรายวิชาเลอื กเสรี วชิ าอ่างทองเมืองนา่ อยู่ รหสั วชิ า สค33165 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย 4) วฒั นธรรม และประเพณี ก่อใหเ้ กดิ ความเปน็ อันหนงึ่ อันเดียวกัน ทาให้คนไทยมีความรู้สึก ผูกพัน สามารถพ่ึงพาอาศัยกันและกันได้ มีจิตสานึกถึงความเป็นพวกเดียวกัน มีปณิธานร่วมกัน ทจ่ี ะสืบสานวฒั นธรรมใหค้ งอยู่ และพัฒนาตอ่ ไปไดอ้ ย่างไม่หยุดยั้ง 5) วัฒนธรรม และประเพณี ทาให้เศรษฐกิจของชาติสามารถพึ่งพาตนเองได้ การคิดค้น ประดิษฐ์ส่ิงของเครื่องใช้ของไทยในปัจจุบัน ได้พยายามรณรงค์ให้สร้างสรรค์ และพัฒนามาจาก ภูมิปัญญาด้ังเดิมของคนไทย โดยสามารถนาไปพัฒนาเป็นสินค้าหน่ึงตาบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ซ่ึงเป็นสินค้าที่ทารายได้ให้ท้องถ่ินและประเทศชาติเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ประเทศไทยในปัจจุบัน ยังยึดแนวคิดตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จึงทาให้สังคมไทยมีความม่ันคงและพอเพียง ทางเศรษฐกิจสามารถพ่งึ พาตนเองได้ ความสาคัญของวัฒนธรรม และประเพณี มีอยูห่ ลายประการ ดงั น้ี 1) วัฒนธรรม และประเพณี ช่วยแก้ปัญหาและสนองความต้องการต่าง ๆ ของมนุษย์ ให้พน้ จากอันตราย สามารถเอาชนะธรรมชาติได้ 2) วัฒนธรรม และประเพณี ช่วยเหนี่ยวรั้งสมาชิกในสังคมให้มีความเป็นอันหน่ึงอันเดียวกัน และในสังคมท่ีมวี ัฒนธรรมเดยี วกนั ย่อมมคี วามรสู้ ึกผูกพนั เป็นพวกเดียวกัน 3) วัฒนธรรม และประเพณี เป็นเคร่ืองแสดงเอกลักษณ์ของชาติ โดยชาติที่มีวัฒนธรรมสูง ยอ่ มได้รับการยกยอ่ ง และเป็นหลักประกันความมั่นคงของชาติ 4) วัฒนธรรม และประเพณี เป็นเคร่ืองกาหนดพฤติกรรมของคนในสังคม ช่วยให้ผู้คน อยู่รว่ มกนั อยา่ งสันติสุข 5) วัฒนธรรม และประเพณี ช่วยให้ประเทศชาติมีความรุ่งเรืองถาวร โดยเฉพาะอย่างย่ิง หากชาติน้ัน มีวัฒนธรรมที่ดี มีทัศนคติในการดาเนินชีวิตที่เหมาะสม ยึดม่ันในหลักขยัน ประหยัด อดทน ความมรี ะเบยี บวินัยท่ดี ีงาม สังคมนน้ั จะมีความเจรญิ ร่งุ เรอื ง 6) วัฒนธรรม และประเพณี เป็นส่ิงท่ีน่าสนใจท่ีมีผลต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และเป็น สิ่งดงึ ดูดนักทอ่ งเท่ียวอีกดว้ ย เรื่องท่ี 5 การอนุรักษแ์ ละการสืบสานวฒั นธรรม และประเพณี 1) การอนุรักษ์วัฒนธรรม และประเพณี ควรเริ่มต้นจากการปลูกจิตสานึกให้เยาวชน และ ประชาชนทุกคน ให้ตระหนักถงึ คุณคา่ และความสาคัญของวฒั นธรรม 2) รว่ มกนั เผยแพร่วัฒนธรรม และประเพณีโดยการเรียนรู้ และสืบทอดวัฒนธรรม ประเพณี ของชาตติ นเอง 3) เริ่มต้นจากครอบครัว โดยการร่วมมือกันของคนในครอบครัว ชุมชน สังคม เพ่ือจัด กจิ กรรมอนุรกั ษ์ สบื ทอดวัฒนธรรม และประเพณใี นท้องถ่ิน หนา้ 51 สานกั งานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจงั หวดั อา่ งทอง

หนังสือเรียนรายวิชาเลือกเสรี วชิ าอา่ งทองเมืองน่าอยู่ รหสั วชิ า สค33165 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย 4) สื่อต่างๆ ในสังคมเห็นความสาคัญที่จะศึกษา และถ่ายทอดวัฒนธรรมเป็นประจา อย่าง สม่าเสมอ 5) ทุกคนต้องรว่ มมือกนั หวงแหน รกั ษาวัฒนธรรมอนั ดีงามใหค้ งอยไู่ ม่แปรเปลี่ยน 6) การร่วมมือรักษา และถ่ายทอดภูมิปัญญาให้ไปสู่สังคมรุ่นลูก รุ่นหลาน จากประสบการณ์ ส่งั สมไวใ้ นการดารงชพี มกี ารสืบทอดกันมา มีการแลกเปล่ยี นเรยี นรู้กบั กลมุ่ คนอ่ืน 7) หาแนวทางการอนุรักษ์และการสืบสานวัฒนธรรมของชุมชน โดยร่วมกันท้ังหน่วยงาน ภาครัฐและเอกชน ที่ทาหนา้ ท่สี ่งเสริมสนับสนุน การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างชมุ ชน หนา้ 52 สานกั งานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั จงั หวดั อ่างทอง

หนังสือเรยี นรายวชิ าเลอื กเสรี วชิ าอ่างทองเมืองน่าอยู่ รหัสวิชา สค33165 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย กิจกรรมท้ายบทท่ี 2 คาชี้แจง ใหผ้ ูเ้ รียนตอบคาถามและทากิจกรรมตอ่ ไปน้ี 1. จงบอกความหมายของคาตอ่ ไปน้ี วัฒนธรรม หมายถงึ ................................................................................................................ .................................................................................................. .............................................................. ............................................................................................... ................................................................. ............................................................................................................................. ................................... ...................................................................................................................................... .......................... ............................................................................................................................ .................................... ประเพณี หมายถึง................................................................................................................... .................................................................................................. .............................................................. ............................................................................................... ................................................................. ............................................................................................................................. ................................... .......................................................................................................................................................... ...... ............................................................................................................................ .................................... 2. ใหผ้ ู้เรยี นอธบิ ายคุณค่าและความสาคัญของวฒั นธรรม ประเพณีของจงั หวดั อ่างทอง มาพอสังเขป ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................... ................................................................. ............................................................................................................................. ................................... ........................................................................................................................................................ ........ ......................................................................................................................... ....................................... ............................................................................................................................. ................................... 3. ใหผ้ ู้เรยี นบอกแนวทางการอนุรกั ษ์และสบื สานวัฒนธรรมและประเพณี ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... .............................................................................................. .................................................................. ............................................................................................................................. ................................... ....................................................................................................................................................... ......... หนา้ 53 สานกั งานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยจงั หวดั อ่างทอง

หนังสอื เรียนรายวิชาเลอื กเสรี วิชาอา่ งทองเมอื งนา่ อยู่ รหสั วิชา สค33165 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 4. ให้ผู้เรยี นยกตัวอย่างวฒั นธรรมและประเพณีของจังหวดั อา่ งทอง มาพอสังเขป วฒั นธรรม …………………………………………………………………………………………........................................................... ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ประเพณี …………………………………………………………………………………………........................................................... ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ 5. ให้ผู้เรียนแบ่งกลุ่ม 5 - 7 คน เพ่ือระดมความคิด วิเคราะห์ ความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรม กับประเพณีของจงั หวดั อ่างทอง โดยให้ตวั แทนออกมานาเสนอ และร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ หนา้ 54 สานักงานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยจงั หวดั อ่างทอง

หนงั สอื เรยี นรายวชิ าเลอื กเสรี วิชาอ่างทองเมืองน่าอยู่ รหสั วิชา สค33165 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย บทท่ี 3 ภูมปิ ัญญาและปราชญ์ชาวบา้ นของจงั หวัดอ่างทอง สาระสาคญั เน้ือหาสาระเกี่ยวกับภูมิปัญญาของจังหวัดอ่างทอง ที่เป็นองค์ความรู้ ความเชื่อ ความสามารถของคนในท้องถ่ิน และปราชญ์ชาวบ้านของจังหวัดอ่างทอง ผู้เป็นบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ และนาภมู ิปญั ญามาใช้ประโยชนใ์ นการดารงชวี ติ จนประสบผลสาเรจ็ ผลการเรยี นรู้ที่คาดหวัง 1. มีความรูค้ วามเข้าใจในภูมิปญั ญาและปราชญช์ าวบา้ นของจังหวดั อ่างทอง 2. ตระหนกั ถึงความสาคัญของภมู ิปญั ญาและปราชญ์ชาวบา้ นของจงั หวดั อา่ งทอง ขอบข่ายเนอื้ หา เร่อื งท่ี 1 ความหมายของภูมิปญั ญาและปราชญ์ชาวบา้ น เรอ่ื งที่ 2 ภมู ปิ ญั ญาและปราชญช์ าวบ้านของจังหวดั อ่างทอง สือ่ ประกอบการเรยี นรู้ 1. หนังสอื แบบเรียน 2. คอมพิวเตอร์ 3. อินเทอรเ์ นต็ 4. แหลง่ เรียนรภู้ มู ปิ ญั ญาและปราชญช์ าวบา้ น หน้า 55 สานักงานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จงั หวัดอ่างทอง

หนงั สือเรียนรายวชิ าเลือกเสรี วชิ าอา่ งทองเมืองนา่ อยู่ รหสั วิชา สค33165 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ภูมปิ ัญญาและปราชญช์ าวบ้านของจงั หวัดอา่ งทอง ภูมิปัญญาและปราชญ์ชาวบ้านของจังหวัดอ่างทอง เป็นส่ิงที่มีคุณค่าของจังหวัดอ่างทอง เพราะเป็นสิ่งท่ีบ่มเพาะ สั่งสม และสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ ส่งผลให้จังหวัดอ่างทอง มีอัตลักษณ์ และเอกลักษณ์เป็นของตนเอง ภูมิปัญญาและปราชญ์ชาวบ้านในหลายๆ ด้าน เป็นฐานในการสร้าง จังหวัดอา่ งทอง ให้เจริญภายใต้สังคมการส่ือสารไร้พรมแดนในยุคปัจจุบัน และเป็นส่ิงท่ีจาเป็นต่อการ เรียนรู้ สร้างจิตสานึกการอนุรักษ์ สืบสาน ตลอดจนการส่งเสริมการเรียนรู้เพ่ือการสืบทอด ปรับประยุกตใ์ หด้ ารงสืบต่อไป เรือ่ งที่ 1 ความหมายของภูมปิ ญั ญาและปราชญช์ าวบา้ น ภูมิปัญญา หมายถึง องค์ความรู้ ความเชื่อ ความสามารถของคนในท้องถิ่น ที่ได้จากการ ส่ังสมประสบการณ์และการเรียนรู้มาเป็นระยะเวลายาวนาน มีลักษณะเป็นองค์รวม และมีคุณค่า ทางวัฒนธรรม ปราชญ์ชาวบ้าน หมายถึง บุคคลผู้เป็นเจ้าของภูมิปัญญาชาวบ้าน และนาภูมิปัญญามาใช้ ประโยชน์ในการดารงชีวิตจนประสบผลสาเร็จ สามารถถ่ายทอดเชื่อมโยงคุณค่าของอดีตกับปัจจุบัน ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม เรอ่ื งท่ี ๒ ภูมิปัญญาและปราชญช์ าวบ้านของจังหวัดอ่างทอง ภูมิปัญญาและปราชญ์ชาวบ้าน เป็นองค์ความรู้ ความเชื่อ ความสามารถของคนในท้องถ่ิน ที่ได้จากการส่ังสมประสบการณ์ และการเรียนรู้มาเป็นระยะเวลายาวนาน สามารถเผยแพร่และ ถ่ายทอดเชื่อมโยงคุณค่าของภูมิปัญญาไปอย่างกว้างขวาง ซ่ึงหนังสือเรียนรายวิชาเลือกเสรี วิชา อ่างทองเมืองน่าอยู่ ฉบับนี้ ขอนาเสนอภูมิปัญญาและปราชญ์ชาวบ้านของจังหวัดอ่างทอง ที่มีความ โดดเดน่ และเป็นทีย่ อมรับ สมควรแก่การอนุรกั ษ์ สืบทอด และเรียนรไู้ ว้ ดงั นี้ เคร่ืองจกั สานไม้ไผ่ งานจักสานไม้ไผ่ เป็นภูมิปัญญาท่ีสืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษ โดยสมัยก่อนการจักสาน จะผลิตเป็นภาชนะท่ีใช้ในชีวิตประจาวัน เช่น ตะกร้า กระบุง เครื่องมือที่ใช้เล้ียงสัตว์ และสาหรับ จับสตั ว์น้า แต่ปัจจบุ ันได้พัฒนา ดดั แปลงเป็นของใชท้ ท่ี นั สมยั อยา่ งเชน่ กระเป๋าถือไม้ไผ่ที่สวยงาม ท่ีอยู่ : ศูนย์การเรียนรู้จักสานบ้านบางเจ้าฉ่า หมู่ท่ี ๘ บ้านยางทอง ตาบลบางเจ้าฉ่า อาเภอ โพธท์ิ อง จงั หวัดอ่างทอง ประวัติความเป็นมาของภูมปิ ญั ญา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเสด็จพระราชดาเนินมาเยือน และได้พระราชทานคาแนะนาให้ราษฎรปลูกไม้ไผ่สีสุก เพ่ือเป็น วัตถุดิบในการทาเคร่ืองจักสาน และเป็นการอนุรักษ์งานฝีมือประเภทน้ีไว้ งานจักสานของบ้าน หน้า 56 สานกั งานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยจงั หวัดอา่ งทอง

หนงั สือเรยี นรายวชิ าเลือกเสรี วิชาอา่ งทองเมืองนา่ อยู่ รหัสวิชา สค33165 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย บางเจ้าฉ่าน้ี มีความละเอียดประณีตสวยงาม สามารถพัฒนางานฝีมือตามความต้องการของตลาด ไม่ยึดติดกับรูปแบบเก่า จนสามารถส่งออกขายต่างประเทศได้ จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นหมู่บ้าน ตัวอยา่ งในการพัฒนาอาชีพ ศูนย์การเรยี นรูจ้ ักสานบา้ นบางเจ้าฉา่ ท่ีมา : https://thailandtourismdirectory.go.th/th/info/attraction/detail/itemid/1511 องค์ความร้/ู การถา่ ยทอดความรู้ การจักสานไม้ไผ่ของบ้านบางเจ้าฉ่า เป็นการพัฒนาลวดลายจากไม้ไผ่สีสุก และไม้ไผ่นวลท่ีมี อยู่ในชุมชน นามาขูดผิว ผ่าออก แล้วจักออกเป็นชิ้นๆ นาไปผ่ึงแดดให้แห้งทาเป็นตอก แล้วนาไป ย้อมสี เพ่ือข้ึนรูปทาเป็นกระเป๋าถือสุภาพสตรี ลายมัดหม่ี น้าไหล พร้อมตกแต่งด้วยหวายกรุผ้าไหม ด้านในกระเป๋า ซ่ึงในการทาแต่ละใบน้ัน จะใช้ระยะเวลาอยู่ท่ี 5 - 7 วัน แล้วแต่ความยากง่าย ของลวดลาย โดยเป็นสินคา้ ส่งออกไปยงั ประเทศญี่ป่นุ ถึง 40 เปอรเ์ ชน็ ต์ หน้า 57 สานกั งานสง่ เสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จงั หวดั อา่ งทอง

หนังสอื เรียนรายวิชาเลือกเสรี วชิ าอ่างทองเมอื งนา่ อยู่ รหสั วิชา สค33165 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย กระเปา๋ ถือจักสานบ้านบางเจ้าฉ่า ที่มา : https://www.welovelocal.travel/agro-tourism-village/1163 เครอื่ งจกั สานหวาย งานจักสานหวาย เป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการถ่ายทอดภูมิปัญญาชาวบ้านจากรุ่นสู่รุ่น วัตถุดบิ และแรงงานส่วนใหญม่ าจากชุมชน เป็นการสร้างอาชีพให้กับชาวบ้านนอกเหนือจากการทานา และยังเป็นการถ่ายทอดภูมิปัญญาชาวบ้านให้แก่ผู้ท่ีสนใจ ซ่ึงจะนาไปประกอบเป็นอาชีพได้ อีกท้ัง เป็นการอนุรักษ์ภูมิปัญญาในด้านการจกั สานหวายใหส้ ืบทอดต่อไป ปราชญ์ชาวบา้ น : นายทนง ประดิษฐ์ทรัพย์ ท่อี ยู่ : เลขท่ี ๑๕๖ หมู่ท่ี ๑ ตาบลศรีพราน อาเภอแสวงหา จงั หวดั อ่างทอง ประวตั ิความเป็นมาของภูมิปัญญา ในปี พ.ศ. ๒๕๒๓ นายวิเชียร วิมลศาสตร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง ออกพ้ืนท่ีอาเภอ แสวงหา เพ่ือเย่ียมเยียนสอบถามทุกข์สุขของประชาชนในตาบลศรีพราน โดยมีนายพงษ์เพชร โพธ์ิจินดา นายอาเภอแสงหา เป็นผพู้ าเยี่ยมชาวบา้ น พบว่าประชาชนส่วนใหญ่มีอาชีพทานา เมื่อหมด ฤดูกาลทานาจึงว่างงาน นายวิเชียร วิมลศาสตร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง ต้องการให้ชาวบ้าน มีอาชีพเสริมหลังฤดูกาลท่ีเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จส้ิน จึงได้เชิญครูแบบ มาจากหัวเวียง จังหวัด พระนครศรีอยุธยา เพ่ือมาสอนอาชีพการสานตะกร้าจากหวาย และสอนการออกแบบลวดลายให้กับ ชาวบา้ น สว่ นในเรอ่ื งของการตลาด ผูว้ ่าราชการจังหวัดอ่างทอง ได้ติดต่อหน่วยงานต่างๆ ของจังหวัด ในการจัดหาตลาด โดยนาไปขายในงานเกษตรของจังหวัดอ่างทอง ซ่ึงมีประชาชนให้ความสนใจ หน้า 58 สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั จงั หวัดอ่างทอง

หนังสอื เรยี นรายวชิ าเลือกเสรี วิชาอ่างทองเมืองน่าอยู่ รหัสวิชา สค33165 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย เป็นอย่างมาก มีพ่อค้ารายย่อยมารับไปขายต่อในแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ หลายราย ทาให้เกิดอาชีพ ในชุมชนของตาบลศรีพราน ในปี พ.ศ. ๒๕๓๕ ตะกร้าหวายผลิตไม่ทันส่งให้กับลูกค้า นายทนง ประดษิ ฐ์ทรพั ย์ จงึ ได้จดั ต้งั กลุ่มสานตะกร้าหวาย เพอื่ เปน็ ศูนยก์ ลางในชุมชนในการจัดทาตะกร้าหวาย และสง่ เสรมิ การประกอบอาชีพของชาวตาบลศรีพราน นายทนง ประดษิ ฐ์ทรพั ย์ ศษิ ย์เก่าทสี่ าเรจ็ การศึกษาจาก สานกั งาน กศน.จงั หวัด อา่ งทอง เป็นวทิ ยากรถ่ายทอดความรู้ ใหก้ ับผูเ้ รียน และเปน็ ภาคีเครือข่ายของสานักงาน กศน.จงั หวัดอ่างทอง องคค์ วามรู้/การถ่ายทอดความรู้ มีการคิดค้นดัดแปลง รปู แบบ ลวดลายของตะกรา้ ใหม้ ีความแปลกใหม่ เน้นเรื่องรายละเอียด และความประณีตของช้ินงาน เน่ืองจากประชาชนรุ่นใหม่นิยมของท่ีผลิตด้วยมือ แต่ต้องมีคุณภาพ ซง่ึ มีลายใหมท่ ี่เกิดข้นึ มากมาย ได้แก่ ลายสพุ รรณหงส์ ลายช้างคู่ ลายห่าน ลายห่านคู่ ลายหมี เป็นต้น ความภาคภมู ิใจ/รางวัลท่ีได้รับ เช่น ๑) ได้รับรางวัลผลิตภัณฑ์ดีเด่น ระดับสี่ดาว OTOP Product Champion ภาคกลาง ประจาปี พ.ศ. ๒๕๔๖ ตามโครงการคัดสรรสุดยอดหน่ึงตาบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ไทย ประเภทเครื่องใช้ และเครอ่ื งประดบั ตกแตง่ 2) ได้รับรางวัลชนะเลิศ “หัตถศิลป์อ่างทอง ๒๕๕๗” ผลิตภัณฑ์จักสานหวาย ประเภท ประโยชน์ ใชส้ อย ในงานของดเี มอื งอ่างทองและงานกาชาด ปี พ.ศ.๒๕๕๗ หน้า 59 สานักงานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจงั หวดั อ่างทอง

หนังสอื เรยี นรายวิชาเลอื กเสรี วิชาอ่างทองเมอื งนา่ อยู่ รหสั วิชา สค33165 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย 3) สานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ให้ใบรับรองแก่กลุ่มจักสานหวาย-ไม้ไผ่ เพ่ืออนุญาตใหแ้ สดงเครื่องหมายมาตรฐานผลติ ภณั ฑ์ชุมชนกับผลิตภัณฑ์จักสานหวาย ประเภทใช้เป็น ของใช้ทัว่ ไป เครอื่ งจกั สานหวายตาบลศรพี ราน เครอ่ื งจักสานผกั ตบชวา ลักษณะทโ่ี ดดเด่นของจักสานผักตบชวา คือ เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น และใช้วัสดุจากธรรมชาติ ที่หาไดง้ า่ ยภายในหม่บู า้ น และนามาเพ่ิมมลู คา่ มีลวดลายทีเ่ ป็นเอกลักษณ์แบบไทย ปราชญช์ าวบ้าน : นางปราณี จนั ทวร ทีอ่ ยู่ : เลขที่ 19/2 หมทู่ ่ี 1 บา้ นบางตาแผ่น ตาบลคลองวัว อาเภอเมือง จังหวดั อ่างทอง ประวตั คิ วามเปน็ มาของภูมิปญั ญา ยอ้ นอดีตถึงวันเร่ิมต้น เพราะต้องการที่จะหารายได้เสริม จากท่ีทาการเกษตรเป็นอาชีพหลัก และในหมู่บ้านมีภูมิปัญญาในเรื่องการจักสาน จึงเริ่มต้นด้วยการจักสานงานไม้ไผ่ โดยใช้ไม้ไผ่ใน พ้ืนที่มาสานเป็นของใช้ในครัวเรือนตามภูมิปัญญาท่ีถ่ายทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น มีจุดเด่นท่ีความ ละเอียดประณตี และยงั ใชว้ ัตถดุ บิ ประเภทหวาย เพื่อเป็นทางเลือกแก่ผู้ซ้ือนอกเหนือจากวัตถุดิบหลัก คือ ไมไ้ ผ่ ต่อมาวัตถุดิบเร่ิมขาดแคลนและมีราคาสูง การผลิตจึงประสบปัญหา จึงมีแนวคิดหาวัตถุดิบ ชนิดอนื่ ทดแทน ในปี พ.ศ. 2534 ได้เปลี่ยนมาใช้ผกั ตบชวาเป็นวตั ถดุ บิ หลกั ในการจักสานแทน ซ่ึงใน เขตบ้านบางตาแผน่ นัน้ ตามลานา้ จะมีผักตบชวามาก ซง่ึ ก่อให้เกิดปัญหาการกีดขวางทางน้า จะกาจัด หน้า 60 สานักงานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยจงั หวดั อา่ งทอง

หนงั สอื เรยี นรายวชิ าเลือกเสรี วชิ าอา่ งทองเมืองนา่ อยู่ รหสั วิชา สค33165 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย อย่างไรก็ไม่หมด จึงนามาต่อยอด ผสมผสานกับภูมิปัญญาท้องถ่ินเดิม ผลิตสิ่งของเครื่องใช้ จากผักตบชวา อาทิ กระเป๋า ตะกร้า ได้คุณภาพใกล้เคียงกับไม้ไผ่และหวาย ให้สนองความต้องการ ของตลาดผู้บริโภคที่หลากหลาย พัฒนาวิธีการผลิต รูปแบบเพื่อให้ได้ชิ้นงานท่ีมีคุณภาพคงทน เหมาะสมต่อการใช้งาน มีลวดลายที่สวยงามทันสมัย ควบคู่กับการอนุรักษ์ลวดลายดั้งเดิมที่ได้รับ การถา่ ยทอดสืบต่อกันมาอย่างยาวนานแต่ครงั้ อดตี นางปราณี จันทวร ศษิ ยเ์ ก่าทีส่ าเรจ็ การศกึ ษาจาก สานักงาน กศน.จังหวัดอ่างทอง เป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้ ใหก้ บั ผเู้ รยี น และเป็นภาคีเครือขา่ ยของสานกั งาน กศน.จงั หวัดอา่ งทอง องค์ความร้/ู การถา่ ยทอดความรู้ เร่ิมต้นจากการหาผักตบชวาจากแหล่งธรรมชาติตามคลอง บึง แม่น้าจากแหล่งชุมชนต่างๆ แต่หากการนามาปลูกเองในแหล่งน้าธรรมชาติจะจัดเก็บได้ง่าย สามารถดูแลบารุงรักษาเพ่ือให้ได้ ขนาดท่ีพอเหมาะกับการนามาจักสาน ผักตบชวาจะเป็นกอ เวลาเก็บจะต้องเลือกเฉพาะตรงก่ึงกลาง กอ เลือกลาต้นขนาดกลางไม่อ่อนไม่แก่และไม่อวบเกินไป เพื่อเหมาะในการนามาจักสาน จากน้ัน ตัดโคนต้นและใบออกใช้เฉพาะก้านเท่าน้ัน นามาล้างด้วยสารส้มเพ่ือให้ลาต้นขาวสะอาด นาก้าน ผักตบชวามาผึ่งแดดโดยวางบนสังกะสีเพื่อให้ผักตบชวาแห้งเร็วข้ึน ผึ่งแดดจนแห้งสนิท โดยใช้เวลา ประมาณ 5 - 7 วัน เมอื่ เห็นว่าผกั ตบชวาแหง้ ดแี ล้วควรเก็บไว้ อย่าผึ่งแดดท้ิงไว้นานเกินไป เพราะจะ ทาให้กรอบได้ โดยก่อนจะทาการรดี หรอื สาน จะตอ้ งนาไปชุบนา้ ยาป้องกนั เชื้อรากอ่ น หนา้ 61 สานกั งานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจงั หวัดอา่ งทอง

หนังสือเรยี นรายวิชาเลอื กเสรี วิชาอา่ งทองเมืองน่าอยู่ รหัสวิชา สค33165 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย ความภาคภมู ใิ จ/รางวัลที่ไดร้ บั เชน่ 1) ได้รับการคัดสรรเป็นผลิตภัณฑ์ดีเด่นระดับห้าดาว ภาคกลาง ประจาปี พ.ศ.2546 ประเภทเครอ่ื งใช้และเคร่ืองประดับตกแต่ง ตามโครงการคัดสรรสุดยอดหนึ่งตาบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ไทย OTOP 2) ได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดผลิตภัณฑ์ดีเด่น หนึ่งตาบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ 25 จังหวัด ภาคกลาง ของกรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย 3) ได้รับโล่เกียรติยศการแข่งขันผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมในครอบครัว ประเภทผักตบชวา งานศนู ย์ศิลปาชพี บางไทร ครัง้ ท่ี 7 เคร่ืองจกั สานผักตบชวาบา้ นบางตาแผ่น เครื่องจักสานเส้นพลาสตกิ งานจักสานเสน้ พลาสติก เปน็ ศลิ ปะการจักสานทม่ี ีลวดลายสวยงาม มีการออกแบบ สีสันของ เส้นพลาสติก ลวดลายต่างๆ ตามความต้องการของลูกค้า มีความละเอียดประณีต เรียบร้อย ได้มาตรฐาน คงทน สมประโยชน์ ราคาไม่แพง มีการพัฒนารูปแบบทันสมัยอย่างต่อเน่ือง และเป็น สากล ปราชญช์ าวบา้ น : นางกลั ยา อินทรโ์ ต ทอี่ ยู่ : เลขท่ี 118 หมู่ที่ 2 ตาบลศรพี ราน อาเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง หนา้ 62 สานกั งานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั จงั หวดั อ่างทอง

หนงั สอื เรียนรายวชิ าเลอื กเสรี วิชาอา่ งทองเมืองน่าอยู่ รหสั วิชา สค33165 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย ประวัติความเป็นมาของภูมิปัญญา ปี พ.ศ.2528 นางกัลยา อินทร์โต เป็นผู้ริเร่ิมทาผลิตภัณฑ์จักสานจากหวาย โดยเริ่มทา ภายในครอบครวั ก่อน ปี พ.ศ.2538 ธุรกิจเคร่ืองจักสานจากพลาสติกเร่ิมก่อตัวข้ึน โดยความคิดของลูกค้า ชาวเดนมาร์กช่ือว่า Mr.ฮันต์ ที่รักงานสานและได้เข้ามาแวะดูงานท่ีตาบลศรีพราน อาเภอแสวงหา จงั หวดั อา่ งทอง เน่อื งจากมคี วามสนใจในงานฝมี อื ของกลุ่มแม่บ้านของนางกัลยา โดย Mr.ฮันต์ ได้เป็น ผ้เู สนอแนวความคิดใหน้ างกลั ยาลองใชเ้ ส้นพลาสติก (PP) ในการจักสานแทนวัสดุจากท้องถน่ิ อ่ืน ๆ ปี พ.ศ.2545 ธุรกิจเคร่ืองจักสานเส้นพลาสติก (PP) ได้รับความนิยมและมีชื่อเสียงเพ่ิม มากข้ึนได้รับการสนับสนุนให้เป็นสินค้าหน่ึงตาบลหน่ึงผลิตภัณฑ์หรือสินค้า OTOP และได้ตั้งชื่อว่า กลุ่มแม่บ้านศรีพราน และมีคนรู้จักและเช่ือมั่นในสินค้ามากขึ้น ทาให้กลุ่มแม่บ้านศรีพราน มีชื่อเสียง และทารายได้อย่างมากมาย นอกจากจะผลิตขายในประเทศไทยแล้ว ยังส่งออกไปในหลาย ๆ ประเทศ เชน่ สหรัฐอเมริกา อติ าลี เดนมารก์ ญป่ี ุ่น มาเลเซีย เป็นตน้ ปี พ.ศ.2548 ตลาดของธุรกจิ เครือ่ งจกั สานเสน้ พลาสตกิ เติบโตขึน้ เร่อื ย ๆ ทาให้กลุ่มแม่บ้าน ศรพี ราน มงี านเพิ่มมากขน้ึ และสร้างรายได้ให้กับครอบครัวของชาวบ้าน รวมท้ังเป็นการสร้างช่ือเสียง ใหก้ ับประเทศไทยในการส่งออกสนิ คา้ ต่าง ๆ อีกด้วย นางกลั ยา อนิ ทร์โต วทิ ยากรถ่ายทอดความรู้ใหก้ ับผูเ้ รียน และเปน็ ภาคเี ครือขา่ ยของสานักงาน กศน.จงั หวัดอ่างทอง หนา้ 63 สานกั งานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยจงั หวดั อา่ งทอง

หนงั สือเรียนรายวิชาเลือกเสรี วชิ าอา่ งทองเมอื งน่าอยู่ รหสั วิชา สค33165 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย องค์ความร้/ู การถา่ ยทอดความรู้ กระบวนการผลิตยงั ใชแ้ บบด้ังเดมิ ทาให้มองเห็นคุณค่าและแสดงถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทย ซ่ึงเป็นความภาคภูมิใจของคนศรีพราน เป็นผลงานจากการสร้างสรรค์ช้ินงานท่ีประสานภูมิปัญญา ของคนรุน่ เกา่ กบั คนรุ่นใหมใ่ ห้เขา้ กนั ได้อย่างลงตัวและเหมาะสม ความภาคภูมใิ จ/รางวัลท่ีได้รับ เช่น 1) ได้รับรางวลั ชมเชย การประกวดผลติ ภณั ฑ์ดเี ด่นจังหวดั อ่างทอง ปี พ.ศ. 2545 2) ได้รับรางวัลผลิตภัณฑ์ดีเด่นระดับ 4 ดาว ภาคกลางประจาปี พ.ศ.2546 ประเภท เครอ่ื งใชแ้ ละเครือ่ งประดบั ตกแต่ง เครือ่ งจกั สานเส้นพลาสตกิ ตาบลศรพี ราน การทากลอง บรรพบุรุษของไทยได้คิดค้นและส่งเสริมการละเล่นต่างๆ โดยมีเครื่องดนตรีประกอบ ใหเ้ ปน็ จังหวะ คือ กลอง ซ่งึ เป็นเครื่องดนตรีที่ช่วยแสดงถึงความพร้อมเพรียง และความสามัคคีในหมู่ คณะ โดย “กลองไทย” เปน็ เครอ่ื งดนตรที ม่ี คี วามนยิ มอย่างแพร่หลายในงานต่างๆ เช่น ขบวนแห่นาค ขบวนทอดผ้าป่า งานรน่ื เรงิ งานเทศกาลต่างๆ เปน็ ตน้ โดย “กลองไทย” ตาบลเอกราช อาเภอป่าโมก จงั หวดั อ่างทอง เปน็ อกี หนงึ่ ภูมปิ ัญญาท้องถิน่ ทม่ี ปี ระวตั คิ วามเป็นมาอนั ยาวนาน หน้า 64 สานักงานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยจงั หวดั อ่างทอง

หนังสอื เรยี นรายวิชาเลือกเสรี วชิ าอา่ งทองเมอื งน่าอยู่ รหสั วชิ า สค33165 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย ท่อี ยู่ : หมบู่ ้านทากลอง ตาบลเอกราช อาเภอป่าโมก จังหวัดอา่ งทอง ประวัตคิ วามเปน็ มาของภูมิปญั ญา สมยั กอ่ นเม่ือชาวบา้ นว่างจากการทานาก็หนั มาทากลอง โดยได้รับการสืบทอดจากบรรพบุรุษ มาจนถึงปัจจุบัน ในช่วงแรกที่เริ่มทากลอง เคร่ืองไม้เคร่ืองมือยังไม่พร้อมเท่าทุกวันนี้ ต้องอาศัย แรงงานในชุมชนมาช่วยกันทา และหลังจากที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงสนับสนุนและส่งเสริมให้มีการอนุรักษ์ เครื่องดนตรีไทย ทาให้ประชาชนตระหนักถึงความสาคัญของเคร่ืองดนตรีไทยมากขึ้น จึงเกิดการร่วมแรงร่วมใจ ของชุมชนเอกราช จึงได้มีการจัดต้ังกลุ่มผู้ผลิตกลองในชุมชนขึ้น โดยเป็นชุมชนทากลองที่เป็นมรดก สืบทอดมามากกว่า 70 ปี โดยมีทุนทางประเพณีวัฒนธรรมเก่ียวกับกลอง อาทิเช่น พิธีไหว้ครูกลอง รวมถงึ การใช้ภูมิปัญญาท้องถ่ินมาผสมผสานในการทากลองต้ังแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จึงทาให้ชุมชนนี้ มีจุดเด่นและสามารถผลิตกลองที่มีคุณภาพท่ีดี อีกทั้งยังสามารถผลิตกลองที่เป็นเอกลักษณ์ ของประเทศได้อีกด้วย กลองตาบลเอกราช ทม่ี า : https://thailandtourismdirectory.go.th/th/info/attraction/detail/itemid/1644 องค์ความรู้/การถา่ ยทอดความรู้ การทากลอง เปน็ งานศิลปหัตถกรรมท่ีเกิดจากความชานาญเฉพาะตัว แต่ก็สามารถถ่ายทอด ไปสู่ผู้ใกล้ชิดได้ เม่ือมีการถ่ายทอดเรียนรู้โดยการสร้างกลองที่เป็นเคร่ืองดนตรีหรือของท่ีระลึก จะมี ความงดงามประณีตอยู่ในงานช้ินเดียวกัน จึงมีการร่วมกันทาเป็นหมู่คณะในบริเวณ บ้านใกล้ หนา้ 65 สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยจงั หวดั อ่างทอง

หนงั สือเรยี นรายวิชาเลือกเสรี วิชาอา่ งทองเมืองน่าอยู่ รหัสวิชา สค33165 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย เรอื นเคยี ง อาจจะเรยี กไดว้ ่าเป็น “ยา่ นทากลอง” ซ่งึ หมายถงึ บริเวณท่ีมกี ารผลิตกลองเป็นจานวนมาก น่ันเอง “ย่านทากลอง” แหล่งที่ใหญ่ที่สุดในขณะน้ี อยู่ที่บ้านปากน้า ตาบลเอกราช อาเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง โดยชาวบ้านที่น่ีจะทากลองกันท้ังหมู่บ้าน มีมากมายหลายชนิดและหลายขนาด รวมถึงเป็นแหลง่ ผลิตสนิ ค้าที่ระลกึ อกี ด้วย ปราชญ์ชาวบา้ น : นายสุนทร สมาธิมงคล นายสุนทร สมาธิมงคล เป็นคณะกรรมการสถานศึกษา กศน.อาเภอสามโก้ เป็นวิทยากร ถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้เรียน เป็นเจ้าของศูนย์เรียนรู้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎี ใหม่ ประจาตาบลมงคลธรรมนิมิต อาเภอสามโก้ และเป็นภาคีเครือข่ายของสานักงาน กศน.จังหวัด อ่างทอง ประวตั ิส่วนตัว วนั เดอื นปี เกิด : ๑๗ มนี าคม ๒๕๐๒ ท่อี ยู่ : บ้านเลขที่ ๕ หม่ทู ่ี ๑ ตาบลมงคลธรรมนิมติ อาเภอสามโก้ จงั หวัดอ่างทอง อาชีพ : เกษตรกรตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ที่มีความสามารถสร้างผลงานโดดเด่น เป็นประโยชน์ ต่อสังคม ทั้งภายในอาเภอสามโก้และจังหวัด ใกล้เคียง จนได้รบั ตาแหนง่ ทางสังคม คอื 1) ประธานบรหิ ารกลุ่มเกษตรปลูกมะม่วงคณุ ภาพส่งออก 2) วทิ ยากรศนู ยเ์ รยี นรู้ตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง และเกษตรทฤษฎีใหม่ 3) เกษตรกรผู้นาส่เู กษตรกรปลอดสารพษิ ๔) ปราชญ์ชาวบา้ นผู้นาแนวทางเกษตรทฤษฎใี หม่ 5) เกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ สาขาทาสวน ปี พ.ศ. 2552 องคค์ วามร/ู้ การถ่ายทอดความรู้ นายสุนทร สมาธิมงคล เป็นเกษตรกรที่สามารถนาภูมิปัญญาและเทคโนโลยีมาปรับใช้ใน แปลงเกษตร เพ่ือเพมิ่ ผลผลิตและเพิ่มรายได้ ดังนี้ 1) การฝากท้องมะม่วง นายสุนทร สมาธิมงคล ได้สังเกตจากการที่บริษัทส่งออก ต้องการ มะม่วงพันธุ์น้าดอกไม้สีทองมากกว่าพันธุ์น้าดอกไม้เบอร์ 4 จึงทาการฝากท้องมะม่วง โดยใช้ยอด มะม่วงพันธ์ุน้าดอกไม้สีทองไปฝากกับยอดมะม่วงพันธุ์เขียวเสวย ซ่ึงเป็นต้นเดิม ทาให้ได้ผลผลิต เป็นน้าดอกไม้สีทองตามความต้องการของตลาดต่างประเทศ สามารถเพ่ิมผลผลิต และเพ่ิมรายได้ หนา้ 66 สานกั งานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยจงั หวดั อา่ งทอง

หนังสือเรยี นรายวิชาเลือกเสรี วิชาอ่างทองเมืองน่าอยู่ รหัสวิชา สค33165 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ท่ีเป็นตัวอย่างแก่เกษตรกรทั่วไป จนได้รับคัดเลือกเป็นปราชญ์ชาวบ้านด้านการผลิตมะม่วงส่งออก ของตาบล จากสานักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดอ่างทอง โดยได้ถ่ายทอดความรู้ให้แก่เกษตรกร และผทู้ ่สี นใจในจงั หวดั อ่างทอง จนขยายวงกวา้ งไปสู่จงั หวัดใกลเ้ คียง 2) ผลิตฮอร์โมนไข่เป็นคนแรกของจังหวัดอ่างทอง เพื่อช่วยกระตุ้นให้มะม่วงออกดอก และ ติดผลจงึ เปน็ การลดต้นทนุ และเพ่มิ ผลผลติ ให้กับมะมว่ ง 3) การห่อผลผลิตมะม่วงด้วยถุงกระดาษเคลือบด้วยคาร์บอน แทนกระดาษหนังสือพิมพ์ ทาให้ได้ผลผลิตมะม่วงสวยงาม ปราศจากโรค ไม่มีแมลงรบกวน จึงเป็นที่ต้องการของตลาดส่งออก และทาให้เพ่ิมมลู ค่าของผลผลติ 4) เทคนิคการปลูกมะม่วงระยะชิด เพ่ือให้ได้จานวนต้นมากขึ้น และการตัดแต่งกิ่งโดยการ ตัดยอดเพื่อรักษาให้ลาตน้ เตี้ยอยู่เสมอ ทาให้ดแู ลรักษางา่ ย สะดวกในการหอ่ ผลผลิต ความภาคภมู ใิ จ/รางวลั ที่ได้รับ เช่น 1) ไดร้ บั รางวัลชนะเลิศเกษตรกรดเี ด่น สาขาอาชพี ทาสวน ระดบั เขต ปี พ.ศ.2552 2) ได้รับเกียรติบัตรการประกวดผลงานตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง คร้ังท่ี 2 ประเภทเกษตรทฤษฎใี หม่ ปี พ.ศ.2553 3) ได้รับประกาศเกยี รติคุณเกษตรกรดเี ด่นแหง่ ชาติ อาชพี ทาสวน ปี พ.ศ.2558 ปราชญ์ชาวบา้ น : นายพรปวณี ์ แสงฉาย นายพรปวีณ์ แสงฉาย เป็นคณะกรรมการ สานักงาน กศน.จังหวัดอ่างทอง เป็นวิทยากร ถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้เรียน เป็นเจ้าของศูนย์เรียนรู้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎี ใหม่ ประจาตาบลบางเสด็จ อาเภอปา่ โมก และเปน็ ภาคเี ครือขา่ ยของสานักงาน กศน.จงั หวดั อ่างทอง ประวตั ิส่วนตัว วนั เดอื น ปี เกดิ : 4 มกราคม 2516 ท่อี ยู่ : บา้ นเลขท่ี ๑๒๘ หมู่ท่ี ๓ ตาบลบางเสดจ็ อาเภอ ป่าโมก จังหวัดอา่ งทอง อาชีพ : เกษตรกรตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มีแหล่งเรียนรู้โรงเรียนชาวนา และยังเป็นวิทยากรของ โรงเรียนชาวนาบางเสด็จ มีความเชี่ยวชาญด้านการผลิต และการใช้สารชีวภาพในการปลูกพชื และการเลย้ี งสตั ว์ หน้า 67 สานักงานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จงั หวดั อ่างทอง

หนังสอื เรยี นรายวิชาเลอื กเสรี วชิ าอ่างทองเมืองนา่ อยู่ รหสั วชิ า สค33165 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย องคค์ วามร/ู้ การถ่ายทอดความรู้ นาหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง มาเป็นแนวคดิ ในการลดต้นทุนการทานา โดยใช้วิธีการ และแนวทางในการปฏิบัติจากโรงเรียนชาวนา นาไปประยุกต์ใช้กับกิจกรรมในไร่นาสวนผสม ในหลายๆ อย่าง ดังนี้ 1) การปลูกขา้ ว โดยหวา่ นขา้ ว 5 กิโลกรมั ต่อไร่ เพ่อื เปน็ การลดต้นทนุ 2) การเล้ยี งปลานิล ปลาดุก ปลาสวาย ในบ่อดิน มีการนาจุลินทรีย์หน่อกล้วยมาช่วยในการ บาบัดน้า โดยอาหารท่ีให้ปลาน้ัน มีการใช้ฮอร์โมนไข่ผสมกับอาหารให้ปลากิน เพื่อเป็นการเพ่ิม การเจรญิ เติบโตของปลา 3) ผลติ และใชส้ ารชวี ภาพในการปอ้ งกนั กาจัดศตั รพู ชื เพอ่ื เปน็ การลดการใชส้ ารเคมี 4) มีแปลงพยากรณ์เตือนการระบาดของศตั รพู ืชประจาตาบลบางเสดจ็ ความภาคภูมิใจ/รางวัลทีไ่ ดร้ บั เช่น 1) ได้รับรางวัลเกษตรกรดีเด่น สาขาเพาะเล้ียงสัตว์น้าจืด รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ระดบั ประเทศ ปี พ.ศ.2552 2) ไดร้ บั รางวัลเกษตรกรดเี ดน่ สาขาบัญชฟี าร์ม รางวลั ชนะเลศิ ระดบั จังหวดั ปี พ.ศ.2558 3) ได้รับรางวัลเกษตรกรต้นแบบในการน้อมนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จังหวัด อ่างทอง จากสภาเกษตรกรแห่งชาติ ปี พ.ศ.2559 ปราชญ์ชาวบ้าน : นายสองเมอื ง พนั ธรุ ตั น์ นายสองเมือง พันธรุ ตั น์ เป็นวทิ ยากรถา่ ยทอดความรู้ให้กับผ้เู รียน และเปน็ ภาคีเครือข่าย ของสานักงาน กศน.จงั หวัดอ่างทอง ประวัติสว่ นตวั วัน เดอื น ปี เกดิ : 12 พฤษภาคม 2512 ทอี่ ยู่ : บา้ นเลขที่ 94 หมูท่ ่ี 4 ตาบลแสวงหา อาเภอ แสวงหา จงั หวัดอา่ งทอง อาชีพ : ครสู อนดนตรีไทย หนา้ 68 สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจงั หวัดอ่างทอง

หนังสือเรียนรายวิชาเลือกเสรี วชิ าอ่างทองเมืองน่าอยู่ รหสั วิชา สค33165 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย องคค์ วามร้/ู การถ่ายทอดความรู้ นายสองเมือง พันธุรตั น์ ได้เร่ิมเรียนดนตรีไทยต้ังแต่อายุ 10 ปี เครื่องดนตรีที่เร่ิมฝึกหัด คือ “ฆ้องวงใหญ่” โดยมีครูผู้ฝึกสอนคนแรกที่วางพื้นฐานให้ คือ ครูส้มเช้า สารีผล (หัวหน้าส้มเช้ามิตร สมั พันธ์) และไดเ้ รียนดนตรีเพม่ิ เตมิ กบั ครอู าวุโสอีกหลายท่าน นายสองเมืองมีความชานาญในการเล่น ดนตรีไทย และได้รับความไว้วางใจให้บรรเลงดนตรีคร้ังแรก คือ งานบวชนาคท่ีวัดทุ่งแฝก อาเภอศรี ประจนั ต์ จงั หวัดสุพรรณบุรี ครั้นพออายุได้ประมาณ 20 ปี ได้อุปสมบทท่ีวัดแสวงหา ตาบลแสวงหา อาเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง และอยู่เพศบรรพชิตเป็นเวลา 5 พรรษา ซ่ึงในช่วงระหว่างพรรษา ที่ 2 ยาเสพตดิ ระบาดมากในหมู่วัยรุ่นและในเด็กๆ นายสองเมอื งจึงมีแนวคดิ ทีจ่ ะชว่ ยเด็กๆ ให้พ้นจาก ยาเสพติด จึงได้ขออนุญาตจากพระอุปัชฌาย์เพื่อสอนดนตรีไทย เพราะมีความรู้ความสามารถ ท่ีจะถ่ายทอดให้กับเด็กๆ ได้ เนื่องจากวัดแสวงหานั้นมีเครื่องป่ีพาทย์ไทย และป่ีพาทย์มอญ ท้ังน้ีเป็น การช่วยให้เด็ก ๆ ได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ตลอดจนเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยอีกด้วย โดยใช้สถานท่ีของหอสวดมนต์ และใช้ช่ือคณะว่า “ศิษย์ปัญญา ” ทั้งน้ี นายสองเมือง ยังได้รับเชิญ ให้เป็นวิทยากรเผยแพร่ความรู้ด้านดนตรีไทยในสถานศึกษาหลายๆ แห่ง เช่น โรงเรียนอ่างทอง ปัทมโรจนว์ ทิ ยาคม มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั เทพสตรี วทิ ยาเขตบางระจัน โรงเรียนบ้านหนองรี เป็นตน้ นายสองเมือง มีการถ่ายทอดความรู้ด้านดนตรีไทย ตั้งแต่การฝึกทักษะเบื้องต้นตามลาดับ ได้แก่ ท่านั่ง การจับไม้ การตี การตีคู่แปด การกรอระนาด จากน้ันจะเป็นการจดจาทานองเพลง ซึ่งการจดจาทานองเพลงเป็นไปตามครูผู้สอน และร้องเป็นทานอง “น้อย นอย” ไปตามเสียงของ ทานองเพลง หรือท่ีบางคนเรียกว่า การนอยเพลง คือการออกเสียงตามลักษณะเสียงของเครื่องดนตรี น้ัน ๆ และการฝึกต่อเพลง โดยเพลงท่ีนายสองเมือง กาหนด ได้แก่ เพลงแขกบรรเทศเถา ซ่ึงจะ ต่อชัน้ เดียวกอ่ น แลว้ ค่อยๆ ต่อจนครบเถา เทคนิคในการต่อเพลงของนายสองเมืองให้มีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพในการเรียน การสอนดนตรีนั้น นายสองเมืองจะแบ่งนักเรียนที่มีความสามารถออกเป็น 2 กลุ่ม โดยจะต่อเพลง กลุ่มละหนึ่งเพลง หลังจากน้ัน นายสองเมืองจะให้นักเรียนต่อเพลงสลับกัน วิธีนี้ให้ทาให้นักเรียน ต่อเพลงได้รวดเรว็ ข้ึน และสามารถชว่ ยใหแ้ มน่ เพลงขน้ึ อกี ด้วย นายสองเมือง พันธรุ ตั น์ มีความพยายามในการศกึ ษาหาความรู้ดว้ ยตนเอง จนกระทั่งมีความ รูอ้ ยใู่ นระดบั แนวหน้าทัง้ ๆ ทอี่ ายุยงั น้อย “ฟงั รู้ ดอู อก บอกถกู ทาเป็น” เปน็ คติท่นี ายสองเมืองยึดมั่น และปฏิบัติตามจนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว นายสองเมืองกล่าวว่า “คนเรามีการเรียนรู้ตลอดเวลา และย่ิงได้สนทนากับผู้มีความรู้ด้วยแล้วยิ่งทาให้ฉลาดมากข้ึน” ซ่ึงเป็นแนวทางหนึ่งในการพัฒนา ตนเองของนายสองเมอื ง ความภาคภูมิใจ/รางวลั ที่ไดร้ บั 1) ได้รับยกย่องให้เป็นปราชญ์ชาวบ้านท่ีมีความชานาญการด้านดนตรีไทย จากสภา วัฒนธรรม จงั หวัดอา่ งทอง เมือ่ วนั ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ.2547 2) ได้ร่วมสาธิตและบรรเลงดนตรีไทยงานนิทรรศการ ผลงานด้านวัฒนธรรมจังหวัดอ่างทอง ประจาปี 2547 เมอ่ื วนั ท่ี 2 ตุลาคม พ.ศ.2547 หนา้ 69 สานกั งานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยจงั หวัดอา่ งทอง

หนังสอื เรยี นรายวิชาเลือกเสรี วิชาอ่างทองเมืองนา่ อยู่ รหสั วชิ า สค33165 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย 3) ได้ร่วมบรรเลงถวายมือ พิธีไหว้ครูดนตรีไทย นาฏศิลป์และศิลปะ มหาวิทยาลัยราชภัฏ เทพสตรี เมือ่ วันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ.2547 ปราชญ์ชาวบา้ น : นายวรี ะ มเี หมอื น นายวีระ มีเหมือน เป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้เรียน และเป็นภาคีเครือข่ายของ สานกั งาน กศน.จงั หวัดอา่ งทอง ประวัติสว่ นตัว วัน เดือน ปี เกิด : ๗ เมษายน ๒๔๘๗ ที่อยู่ : บ้านเลขท่ี ๑๑๙ หมู่ ๔ ตาบลมงคลธรรมนมิ ติ อาเภอสามโก้ จงั หวัดอา่ งทอง อาชพี : ขา้ ราชการบานาญ องคค์ วามรู้/การถา่ ยทอดความรู้ ครูวีระ ถ่ายทอดความรู้ด้านศิลปะการแสดงโขน การแสดงหนังใหญ่ การแกะสลักตัวหนัง ใหญ่ ประวัติความเป็นมาของนาฏศิลป์ไทย การพากย์โขน การพากย์หนังใหญ่ การจัดทาหัวโขน กระบวนการการทาหนังใหญ่ โดยการได้รับเชิญจากโรงเรียน และสถาบันการศึกษาต่าง ๆ หรือแม้แต่ ประชาชนท่สี นใจกส็ ามารถไปเรยี นรู้กบั ครูวรี ะได้ นอกจากน้ีองค์กรต่างๆ ยังได้บันทึกวีดิทัศน์ศิลปะการทาหนังใหญ่และได้เผยแพร่ไปยัง อกี หลายๆ ประเทศอีกด้วย ความภาคภมู ิใจ/รางวลั ทีไ่ ดร้ ับ เชน่ 1) ได้รบั รางวลั ศลิ ปินดีเด่นจงั หวดั นนทบุรี สาขาศิลปะการแสดง การแสดงหนังใหญ่ ปี พ.ศ. ๒๕๔๒ 2) ได้รับรางวัลครูภูมิปัญญาไทย รุ่นที่ ๒ ด้านศิลปกรรม การทาหนังใหญ่ จากสานักงาน คณะกรรมการการศกึ ษาแหง่ ชาติ สานกั นายกรัฐมนตรี ปี พ.ศ. ๒๕๔๕ หน้า 70 สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยจงั หวัดอ่างทอง

หนังสือเรียนรายวชิ าเลอื กเสรี วิชาอา่ งทองเมืองน่าอยู่ รหัสวชิ า สค33165 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 3) ได้มีโอกาสทาหนังใหญ่ทูลเกล้าถวาย สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จานวน ๒ ตัว คือ หนังจับ ท่ีโรงเรียนนายเรือ และหนัง เฝา้ (พระลักษณ์) ทวี่ ทิ ยาลัยช่างทองหลวง ปราชญ์ชาวบา้ น : นายฉลอง คล้ายสังวาลย์ นายฉลอง คล้ายสงั วาลย์ เป็นศษิ ย์เก่าทีส่ าเรจ็ การศึกษาจากสานกั งาน กศน.จงั หวดั อา่ งทอง เป็นคณะกรรมการ กศน.ตาบลห้วยคันแหลน อาเภอวิเศษชัยชาญ เป็นวิทยากรถ่ายทอดความรูใ้ หก้ บั ผ้เู รยี น และเปน็ เจา้ ของศูนย์เรยี นรปู้ รชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งและเกษตรทฤษฎใี หม่ ประจาตาบล ห้วยคันแหลน อาเภอวิเศษชยั ชาญ ประวัติส่วนตวั วัน เดอื น ปี เกิด 21 ตลุ าคม 2504 ที่อยู่ : บา้ นเลขที่ ๑๒๖ หมทู่ ี่ ๕ ตาบลหว้ ยคนั แหลน อาเภอวิเศษชยั ชาญ จังหวัดอา่ งทอง อาชีพ : เกษตรกร องคค์ วามร้/ู การถ่ายทอดความรู้ นายฉลอง คล้ายสังวาลย์ เป็นคนช่างสังเกต และส่ังสมประสบการณ์ในการทานามานาน ได้สังเกตเห็นว่าตอซังข้าวที่ถูกล้อรถเก็บเกี่ยวเหยียบย่าล้มลงราบกับพื้นนาในขณะท่ีดินมีความชื้น หมาดๆ คอื ไม่แห้งและเปียกเกินไป หลังจากเก็บเก่ียวเสร็จแล้ว ๗ - ๑๐ วัน จะมีหน่อข้าวแทงขึ้นมา จากโคนตอซงั สว่ นที่ตดิ อยูก่ ับดนิ เจรญิ เตบิ โตอย่างรวดเร็วและต่อเน่ือง เท่าท่ีดินยังมีความช้ืนเพียงพอ แต่ตอซังข้าวท่ีไม่ถูกล้อรถเก็บเกี่ยวทับจะมีหน่อแตกงอกออกจากข้อของต้นข้าว ซึ่งนายฉลอง คล้ายสังวาลย์ สังเกตเห็นว่าหน่อจะงอกช้ากว่า และขนาดเล็กกว่าหน่อที่งอกออกจากตอซังที่ล้มลง ด้วยล้อรถเก็บเกี่ยวทับ โดยเพ่ือตอบสนองความอยากรู้ของนายฉลอง คล้ายสังวาลย์ เอง และคิดว่า สามารถลดต้นทุนลงหลายอย่าง เช่น ค่าเมล็ดพันธ์ุ ค่าเตรียมดิน นายฉลอง คล้ายสังวาลย์ จึงได้ทา การทดสอบ ๔ ฤดู โดยปลูกข้าวพันธุ์สุพรรณบุรี ๑ พบว่า ได้ผลผลิตสูงไม่แตกต่างจากการใช้เมล็ด หวา่ น อีกทั้งยังประหยัดเรื่องของเมล็ดพันธุ์ การเตรียมดิน และอายุสั้นเพียง ๙๐ วันเท่านั้น ซ่ึงวิธีการ หนา้ 71 สานกั งานสง่ เสริมการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั จงั หวดั อา่ งทอง

หนงั สอื เรียนรายวชิ าเลอื กเสรี วิชาอ่างทองเมืองน่าอยู่ รหัสวิชา สค33165 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ปลูกข้าวเช่นนี้ เกษตรกรเรียกว่า“การปลูกข้าวด้วยตอซัง” ในปี พ.ศ.๒๕๔๙ มีเกษตรกรอาเภอวิ เศษชัยชาญ ได้ทาตามวิธีการของนายฉลอง คล้ายสังวาลย์ รวมพ้ืนที่ ๔๕,๐๐๐ ไร่ต่อฤดู ทาให้ มีผลผลติ ท่ีดี และยงั ได้ขยายผลไปสเู่ กษตรกรจงั หวัดใกลเ้ คียง เช่น จังหวดั สุพรรณบรุ ี อกี ด้วย ความภาคภูมใิ จ/รางวัลทไ่ี ดร้ ับ เช่น 1) ได้เป็นโรงเรียนชาวนาแหง่ แรกของจังหวดั อา่ งทอง 2) ไดร้ ับรางวัลพระราชทานเกษตรกรดีเดน่ แหง่ ชาติ อาชพี ทานา ปี พ.ศ.๒๕๕๐ จาก กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 3) ได้รบั การยกยอ่ งให้เปน็ เกษตรกรปราดเปรื่องดา้ นการผลติ ขา้ ว ปี พ.ศ.๒๕๕๘ หน้า 72 สานักงานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จงั หวัดอา่ งทอง

หนังสอื เรียนรายวิชาเลอื กเสรี วชิ าอา่ งทองเมืองนา่ อยู่ รหัสวิชา สค33165 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย กิจกรรมทา้ ยบทท่ี ๓ คาชแี้ จง ให้ผู้เรียนตอบคาถามและทากจิ กรรมต่อไปน้ี 1. จงบอกความหมายของคาตอ่ ไปนี้ ภมู ิปัญญา หมายถงึ .................................................................................................. .............................................................. ............................................................................................... ................................................................. .................................................................................................. .............................................................. ................................................................................................................................................................ .................................................................................................. .............................................................. .................................................................................................. .............................................................. ปราชญ์ชาวบ้าน หมายถึง .................................................................................................. .............................................................. ............................................................................................... ................................................................. .................................................................................................. .............................................................. ................................................................................................................................................................ .................................................................................................. .............................................................. .................................................................................................. .............................................................. 2. จงอธิบายถงึ ความแตกตา่ งระหว่างภูมิปัญญากับปราชญ์ชาวบา้ น .................................................................................................. .............................................................. ................................................................................................................................................................ .................................................................................................. .............................................................. .................................................................................................. .............................................................. ................................................................................................................................................................ .................................................................................................. .............................................................. 3. ใหผ้ ู้เรียนแบง่ กลมุ่ 3 – 5 คน สารวจภูมิปญั ญาในท้องถ่ิน และปราชญช์ าวบา้ นในชมุ ชนของท่าน พร้อมนาเสนอในการพบกลุ่ม หน้า 73 สานักงานสง่ เสริมการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จงั หวดั อา่ งทอง

หนงั สอื เรียนรายเลอื กวชิ าเสรี วชิ าอ่างทองเมืองนา่ อยู่ รหัสวิชา สค33165 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย บทที่ 4 แหลง่ ทอ่ งเทย่ี งจงั หวัดอ่างทอง สาระสาคัญ เนื้อหาสาระเก่ียวกับ แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ โบราณสถาน ศาสนสถาน แหล่งศลิ ปกรรมอนั ทรงคณุ ค่า และธรรมชาติทอ้ งถน่ิ ของจงั หวัดอา่ งทอง ผลการเรียนรู้ทคี่ าดหวัง 1. อธิบายแหล่งท่องเทยี่ วท่ีสาคญั ของจงั หวัดอ่างทอง 2. ตระหนักถงึ ความสาคญั ของแหลง่ ท่องเที่ยวในจังหวดั อ่างทอง ขอบขา่ ยเนือ้ หา เร่ืองท่ี 1 แหลง่ ท่องเทย่ี วอาเภอเมืองอา่ งทอง เรือ่ งท่ี 2 แหล่งท่องเที่ยวอาเภอไชโย เรื่องท่ี 3 แหล่งท่องเท่ียวอาเภอปา่ โมก เรื่องที่ 4 แหล่งท่องเทยี่ วอาเภอโพธท์ิ อง เรื่องที่ 5 แหล่งท่องเทย่ี วอาเภอแสวงหา เรื่องท่ี 6 แหล่งท่องเทยี่ วอาเภอวิเศษชัยชาญ เรอ่ื งท่ี 7 แหลง่ ท่องเทย่ี วอาเภอสามโก้ ส่ือประกอบการเรียนรู้ 1. หนงั สือแบบเรยี น 2. อนิ เตอร์เนต็ 3. แหล่งเรียนรู้ หนา้ 74 สานักงานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยจงั หวดั อ่างทอง

หนังสอื เรยี นรายเลือกวิชาเสรี วชิ าอ่างทองเมืองน่าอยู่ รหสั วิชา สค33165 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย แหลง่ ทอ่ งเทยี่ วจังหวัดอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง เป็นจังหวัดขนาดเล็ก มีแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่งที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะแหล่งท่องเทย่ี วทางประวัติศาสตร์ ซึ่งมีโบราณวัตถุ โบราณสถาน ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และธรรมชาติท่ีสรรค์สร้างจนเป็นเอกลักษณ์ของเมืองอ่างทอง ซ่ึงจะนาเสนอแหล่งท่องเที่ยว ของจังหวัดอ่างทอง เพื่อเป็นข้อมูลในการศึกษาค้นคว้า และเป็นแหล่งเรียนรู้ที่เก่ียวกับโบราณสถาน โบราณวัตถุ และแหล่งศิลปกรรมอันทรงคุณค่าของท้องถ่ินให้กับผู้เรียน อันจะส่งผลให้ผู้เรียนรู้จัก ท้องถิ่น รักและหวงแหนท้องถ่ินของตน และเป็นแนวทางในการศึกษา สืบค้นข้อมูลให้เกิดการเรียนรู้ อยา่ งต่อเนื่อง รวมทั้งร่วมกันอนุรักษ์โบราณสถาน โบราณวัตถุ และศิลปวัฒนธรรมของท้องถ่ิน ให้คง อยู่สืบทอดมรดกทางวัฒนธรรมของท้องถิ่น และแหล่งท่องเท่ียวของจังหวัดอ่างทองอย่างต่อเนื่อง ยาวนานตอ่ ไป เรอ่ื งท่ี 1 แหลง่ ท่องเที่ยวอาเภอเมอื งอ่างทอง วัดสังกระตา่ ย บรเิ วณภายนอกโบสถ์โบราณของวดั สังกระต่าย ท่มี า : https://thailandtourismdirectory.go.th/th/info/attraction/detail/itemid/4371 หนา้ 75 สานักงานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจงั หวดั อา่ งทอง

หนังสอื เรยี นรายเลอื กวชิ าเสรี วิชาอ่างทองเมืองนา่ อยู่ รหัสวิชา สค33165 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย สถานทตี่ งั้ วัดสังกระตา่ ย ตั้งอยู่ท่ี ตาบลศาลาแดง อาเภอเมืองอา่ งทอง จังหวดั อ่างทอง ประวัตคิ วามเปน็ มา วัดสังกระต่าย เป็นสถานท่ีท่องเที่ยว Unseen แห่งใหม่ในจังหวัดอ่างทอง ตัวโบสถ์เก่าแก่ มีต้นโพธ์ิขนาดใหญ่ขึ้นปกคลุมรอบโบสถ์ 4 ต้น รวมถึงปกคลุมภายในโบสถ์ด้วย โดยภายในโบสถ์ มีทั้งหมด 3 ห้อง ภายในห้องแรกมีพระบูชา คือ หลวงพ่อแก่น เม่ือเข้ามาในห้องใหญ่มีพระประธาน องคใ์ หญ่ 1 องค์ คอื หลวงพ่อวันดี และอีก 2 องค์ มีขนาดย่อมลงมา คือ หลวงพ่อศรี และหลวงพ่อสุข ส่วนห้องสุดท้ายเป็นห้องว่างเปล่า ตัวโบสถ์ไม่มีหลังคาแต่มีความร่มรื่น เนื่องจากอาศัยร่มเงา ของต้นโพธท์ิ ่ีปกคลุมจนเปรยี บเสมอื นหลังคา ส่วนผนังโบสถ์ก็อยู่ในสภาพที่เก่าแก่ ทรุดโทรม แตกหัก แต่คงสภาพอยู่ได้โดยไม่พังทลายลงมา เพราะได้รากของต้นโพธิ์ ทั้ง 4 ต้น ท่ีขึ้นอยู่ 4 มุม ได้ชอนไช ยดึ ผนงั โบสถไ์ ว้ท้งั หลังอย่างแน่นหนา วัดสังกระต่ายเป็นวัดร้างที่เหลือแต่โบสถ์โบราณมีอายุหลายร้อยปี โดยเม่ือมองอยู่ห่าง ๆ จะเห็นเหมือนมเี พียงตน้ โพธิ์ แต่พอเขา้ ไปดใู กล้ๆ ก็จะพบว่าด้านลา่ งของตน้ โพธเ์ิ ปน็ โบสถ์โบราณ จุดเดน่ ของวัดสังกระต่าย โบสถ์เก่าแก่อายุหลายร้อยปี ถูกสร้างก่อนสมัยกรุงศรีอยุธยา มีต้นโพธิ์ 4 ต้น ข้ึนโอบล้อม โบสถ์ ซง่ึ เป็นสงิ่ มหัศจรรย์ทางโบราณสถาน แผนทก่ี ารเดนิ ทาง . หลวงพ่อวนั ดี (องคก์ ลาง) และหลวงพ่อศรี หลวงพ่อสุข ทม่ี า : https://angthong.mots.go.th/news_view.php?nid=604 หนา้ 76 สานักงานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั จงั หวัดอ่างทอง

หนังสือเรยี นรายเลอื กวชิ าเสรี วิชาอา่ งทองเมอื งนา่ อยู่ รหัสวชิ า สค33165 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย วัดตน้ สน บรเิ วณด้านหน้าของวัดต้นสน ทม่ี า : http://www.siamfreestyle.com/photos/angthong สถานท่ตี ั้ง วดั ต้นสน ต้ังอย่ทู ่ี ถนนเทศบาล 2 ตาบลตลาดหลวง อาเภอเมืองอา่ งทอง จังหวดั อา่ งทอง ประวตั ิความเปน็ มา วัดต้นสน สันนิษฐานว่าสร้างข้ึนในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ประมาณปี พ.ศ.2310 แตไ่ มม่ ีการจดบนั ทกึ ประวัตเิ ป็นหลักฐานแน่ชดั จึงเลา่ สืบตอ่ กนั มาว่า วดั ชารุดทรุดโทรมมาก เกือบจะ กลายเปน็ วดั รา้ ง ตอ่ มาในปี พ.ศ. 2488 พระราชสุวรรณโมลี อดีตเจ้าคณะจังหวัดอ่างทอง ได้บูรณะ ก่อสร้างเสนาสนะต่าง ๆ ข้ึน และขยายอาณาเขตให้กว้างขวาง พระราชสุวรรณโมลี ได้เร่ิมสร้าง พระพุทธรูปองค์ใหญ่นามว่า “สมเด็จพระพุทธนวโลกุตร ธัมมบดีศรีเมืองทอง” หรือ “สมเด็จพระศรี เมืองทอง” พระพุทธรูปศักดิ์สิทธ์ิท่ีพุทธศาสนิกชนจังหวัดอ่างทองและจังหวัดใกล้เคียงเคารพนับถือ มาก มีพุทธศิลป์สวยงามเป็นที่ประทับใจแก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างย่ิง หล่อด้วยทองเหลืองหน้าตัก กว้าง 6 วา 3 ศอก 9 น้ิว สูง 9 วา 2 ศอก 19 นิ้ว ปิดทองคาแท้ท้ังองค์ พระบาทสมเด็จพระบรม ชนกาธิเบศร มหาภูมพิ ลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร ให้สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี เสดจ็ แทนพระองค์ในการประกอบพิธีสวมพระเกตุสมเด็จ พระศรีเมืองทอง เมือ่ วนั ท่ี 7 มนี าคม พ.ศ.2528 หน้า 77 สานักงานสง่ เสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจงั หวดั อ่างทอง

หนงั สอื เรียนรายเลือกวิชาเสรี วชิ าอา่ งทองเมอื งนา่ อยู่ รหสั วชิ า สค33165 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย นอกจากน้ี ยังมีโบสถ์ศิลปะสมัยอยุธยา ประดิษฐานหลวงพ่อดา พระพุทธรูปศิลปะสมัย อยุธยาอายุกว่าร้อยปี วิหารพระพุทธชินราช ประดิษฐานพระพุทธชินราช (จาลอง) และมีสมเด็จ พระศรีเมอื งทองเงนิ พระพุทธรปู ปางมารวชิ ยั องค์ใหญ่ ประดษิ ฐานอยู่กลางแจง้ เด่นเป็นสง่าอยู่บริเวณ ประตูทางเขา้ วดั ให้พระพทุ ธศาสนกิ ชนไดแ้ วะสักการะเพ่ือความเปน็ สริ ิมงคล จุดเด่นของแหล่งทอ่ งเท่ยี ว นมัสการพระศรีเมืองทอง หล่อด้วยโลหะองค์ใหญ่ท่ีสุดในประเทศไทย ขนาดหน้าตัก กว้าง 6 วา 3 ศอก 9 นิ้ว สูง 9 วา ศอก 19 นิ้ว ปิดทองคาแท้ทั้งองค์ ซ่ึงเป็นพระพุทธรูปองค์สาคัญ ของวัดต้นสน และนมัสการพระศรีเมืองเงิน รวมถึงมีแพปลาศรีเมืองทองหน้าวัดต้นสน ริมแม่น้า เจา้ พระยา ทมี่ ีปลานานาพันธุ์จานวนมาก เพื่อทาทานโดยการให้อาหารปลา โดยว่ากันว่าเป็นวังมัจฉา ทใ่ี หญท่ ีส่ ดุ ซง่ึ มจี านวนปลาอยูป่ ระมาณ 100,000 ตวั แผนท่กี ารเดินทาง สมเดจ็ พระศรีเมืองทอง ท่ีมา : http://wat-tonson.blogspot.com/p/blog-page_27.html หน้า 78 สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยจงั หวดั อ่างทอง

หนงั สอื เรียนรายเลอื กวิชาเสรี วชิ าอ่างทองเมืองน่าอยู่ รหัสวิชา สค33165 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย วัดจันทรงั ษี บริเวณดา้ นหนา้ วัดจันทรังษี ทีม่ า : http://www.angthong.go.th/atg-tour/1wat-jan.html สถานทต่ี ั้ง วดั จันทรังษี ตง้ั อยู่ที่ ซอย 309 ตาบลโพสะ อาเภอเมอื งอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง ประวัตคิ วามเป็นมา มีประวัติที่เล่าสืบต่อมาว่า สามเณรสงัด สะอาดเอ่ียม ได้ติดตามปรนนิบัติหลวงตาทัย ซึ่งพานักอยู่ในป่าช้าวัดจันทรังษี หลวงตาได้บอกกับสามเณรว่า วัดจันทรังษีมีช้างใหญ่อยู่เชือกหน่ึง เปน็ ช้างท่สี วยงามมาก ชือ่ วา่ ช้างมงคล และตอ่ ไปวดั จนั ทรังษนี จ้ี ะเจริญรุ่งเรือง ในปัจจุบันวัดจันทรังษี มีความเจริญสมกับคาพูดของหลวงตาทัย ภายในประดิษฐานรูปหล่อหลวงพ่อสด วัดปากน้า (หลวงพ่อสด จันทสโร) หล่อด้วยโลหะองค์ใหญ่ท่ีสุดในประเทศไทย มีขนาดหน้าตักกว้าง 6 เมตร 9 น้ิว สูง 9 เมตร 9 นว้ิ จดุ เดน่ ของวัดจันทรังษี รูปปั้นหลวงพ่อสด พระพุทธรูปโลหะขนาดหน้าตักกว้าง 6 เมตร 9 น้ิว สูง 9 เมตร9 นิ้ว องค์ใหญ่ทส่ี ุดในประเทศไทย หนา้ 79 สานักงานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั จงั หวดั อ่างทอง

หนังสอื เรยี นรายเลอื กวิชาเสรี วชิ าอ่างทองเมอื งน่าอยู่ รหสั วิชา สค33165 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย แผนท่ีการเดินทาง หลวงพ่อสด วดั จันทรังษี ท่ีมา : https://mgronline.com/travel/detail/9580000102669 ฟาร์มตัวอย่างตามพระราชดาริ หนองระหารจีน โครงการตามแนวพระราชดาริ หนองระหารจนี จงั หวดั อ่างทอง ทีม่ า : http://www.autothaistyle.com/ททท-เชิญเยยี่ มชม-กจิ กรรม-7/ หน้า 80 สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยจงั หวดั อา่ งทอง

หนงั สอื เรยี นรายเลอื กวิชาเสรี วิชาอ่างทองเมืองนา่ อยู่ รหสั วชิ า สค33165 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย สถานทตี่ งั้ ฟาร์มตัวอย่างตามพระราชดาริ หนองระหารจีน ต้ังอยู่ท่ี หมู่ท่ี 1 ตาบลบ้านอิฐ อาเภอเมือง อ่างทอง จงั หวัดอ่างทอง ประวตั คิ วามเป็นมา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระราชทาน พระราชดาริ เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2549 ทรงมีพระราชดาริห่วงใยประชาชนผู้ประสบอุทกภัย ในปี พ.ศ.2549 ซึ่งทาให้พ้ืนที่การเกษตร ที่อยู่อาศัย และสิ่งก่อสร้างสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ได้รับ ความเสียหาย พระองค์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณให้จังหวัดอ่างทอง จัดทาโครงการสร้างศาลา เอนกประสงค์ เพ่ือรองรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยและไร้ที่อยู่อาศัย ได้พักอาศัยขณะ น้าท่วม พร้อมจัดหาท่ีดินซ่ึงเป็นที่สูง น้าท่วมไม่ถึง เพ่ือใช้สาหรับทาเป็นฟาร์มตัวอย่าง ซ่ึงจังหวัด อา่ งทองไดจ้ ัดหาพน้ื ท่ตี ามพระราชดารไิ ดท้ ี่บริเวณหนองระหารจีน หมู่ที่ 1 ตาบลบ้านอิฐ อาเภอเมือง อ่างทอง จังหวัดอา่ งทอง เนือ้ ท่ีประมาณ 36 ไร่ เปน็ พน้ื ท่ดี ิน 23 ไร่ พืน้ ท่ีนา้ 13 ไร่ จดุ เดน่ ของฟารม์ ตวั อย่างตามพระราชดาริ หนองระหารจนี เปน็ แหล่งเรยี นรกู้ ารเกษตรแบบผสมผสานท่ีครบวงจร เพ่ือให้ราษฎรที่ต้องการเรียนรู้การทา เกษตร ได้สร้างกระบวนการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริงในฟาร์ม ส่งเสริมให้ราษฎรมีงานทา รวมถึง เป็นแหลง่ ผลติ อาหารทปี่ ลอดภยั จากสารพิษใหป้ ระชาชนในพ้ืนทที่ ัว่ ไปโดยไมเ่ น้นผลกาไร แผนทีก่ ารเดินทาง บรเิ วณพืน้ ท่ฟี าร์มตัวอยา่ งตามพระราชดาริ หนองระหารจีน ท่มี า : http://teenee-angthong.blogspot.com/2017/12/blog-post.html หนา้ 81 สานักงานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั จงั หวดั อ่างทอง

หนงั สือเรยี นรายเลือกวิชาเสรี วิชาอ่างทองเมืองน่าอยู่ รหสั วชิ า สค33165 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย พิพธิ ภัณฑต์ านานเมอื งอ่างทอง อาคารพิพธิ ภัณฑ์ตานานเมอื งอา่ งทอง ทมี่ า : http://teenee-angthong.blogspot.com/2017/05/blog-post_31.html สถานท่ีตัง้ พพิ ิธภณั ฑต์ านานเมืองอ่างทอง ต้ังอยู่ท่ี ถนนเทศบาล 1 ตาบลบางแก้ว อาเภอเมืองอ่างทอง จงั หวดั อ่างทอง ประวตั ิความเป็นมา พิพิธภัณฑ์ตานานเมืองอ่างทอง ต้ังอยู่หน้าศาลากลางจังหวัด อ่างทอง ด้านสนาม เอนกประสงค์ เดิมคือสานักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัด เมื่อย้ายที่ไปทาการใหม่แล้ว ทางจังหวัด อ่างทอง จึงได้ปรับเปล่ียนก่อสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์ตานานเมืองอ่างทอง โดยเปิดให้เข้าชมต้ังแต่ปี พ.ศ. 2556 ตัวอาคารเป็นคอนกรีต 2 ชั้น ซ่ึงได้รวบรวมประวัติของจังหวัดอ่างทอง ต้ังแต่สมัยทวาราวดี จนถึงปัจจุบัน พระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และพระราชวงศ์ท่ีเกี่ยวข้องกับจังหวัดอ่างทอง ทุกพระองค์ รวมถึงเหตุการณ์สาคัญๆ ท่ีเกิดขึ้นในจังหวัดอ่างทอง เช่น การศึกษา ศาสนา เศรษฐกิจ และประวัติศาสตร์ ภูมิปัญญาท้องถ่ิน การทานา ทาสวน ของดีของทุกอาเภอ ภาพจิตรกรรมฝาผนัง เป็นตน้ โดยภายในพิพิธภัณฑ์ได้จัดแสดงสิ่งสาคัญต่างๆ ตามคาขวัญประจาจังหวัดอ่างทองไว้ให้ นักเรียน นักศึกษา และประชาชน ได้ชมกัน พร้อมทั้งยังมีการแสดง วีดิทัศน์เพื่อเล่าขานประวัติ หนา้ 82 สานักงานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยจงั หวดั อ่างทอง

หนังสอื เรียนรายเลือกวชิ าเสรี วชิ าอ่างทองเมอื งน่าอยู่ รหัสวชิ า สค33165 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย ความเป็นมาของจังหวัดอ่างทองให้นักเรียน นักศึกษา และประชาชน ได้เรียนรู้กัน รวมท้ังได้จาลอง สิ่งสาคญั ของดเี มอื งอา่ งทองไว้ใหไ้ ดช้ ม เพื่อเป็นความรู้กอ่ นจะเดินทางไปยังสถานท่ีจริง โดยพิพิธภัณฑ์ ตานานเมืองอ่างทอง เป็นสถานที่จัดแสดงเร่ืองราวของเมืองอ่างทองในด้านต่าง ๆ อย่างสมบูรณ์ ซึ่งอาจเรียกได้ว่า “ประตูสู่อ่างทอง” โดยผ่านระบบมัลติมีเดียที่ทันสมัย โดยแยกห้องเป็นจัดแสดง จานวน 9 ห้อง จดุ เด่นของพพิ ธิ ภณั ฑต์ านานเมืองอ่างทอง เป็นสถานที่จัดแสดงเร่ืองราวของเมืองอ่างทองในด้านต่าง ๆ โดยผ่านระบบมัลติมีเดีย ที่ทนั สมัย โดยจดั แสดงเปน็ 9 ห้อง ได้แก่ หอ้ งท่ี 1 ตานานเมอื งอ่างทอง หอ้ งที่ 2 เรอื งรองยุคสมัย หอ้ งที่ 3 พระบารมปี กเกลา้ ชาวไทย หอ้ งที่ 4 เกยี รติเกริกไกรคุณค่าคน หอ้ งท่ี 5 วีรชนไทยใจกล้า หอ้ งท่ี 6 ภมู ปิ ัญญาผลติ ผล หอ้ งท่ี 7 คณุ คา่ เมืองเรืองสกล หอ้ งท่ี 8 เปย่ี มกมลรักษ์อา่ งทอง ห้องท่ี 9 แผน่ ดินทองเอกลักษณไ์ ทย และห้องจาหน่ายสนิ คา้ ชุมชนของจังหวดั อ่างทอง แผนทก่ี ารเดนิ ทาง ห้องจดั แสดง ที่มา : https://www.edtguide.com/travel/436531/Museum-Of-Angthong-Legend หน้า 83 สานักงานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจงั หวัดอ่างทอง

หนงั สอื เรียนรายเลือกวชิ าเสรี วชิ าอา่ งทองเมืองน่าอยู่ รหสั วิชา สค33165 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย พพิ ิธภัณฑห์ นุ่ ยนต์ หรือบา้ นหนุ่ เหล็ก พิพิธภัณฑ์หุ่นยนต์ หรือบ้านห่นุ เหลก็ ทม่ี า : https://www.edtguide.com/edtwithkids/437340/ สถานทตี่ ้งั บ้านหุน่ เหลก็ ตง้ั อย่ทู ถ่ี นนสายเอเชยี ทางหลวงหมายเลข 32 ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ 41/2 หมู่ ท่ี 6 ตาบลตลาดหลวง อาเภอเมอื งอ่างทอง จงั หวัดอ่างทอง ประวตั ิความเป็นมา พิพิธภัณฑ์หุ่นยนต์ หรือบ้านหุ่นเหล็ก เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของ นายไพโรจน์ ถนอมวงษ์ ที่นาอะไหล่เก่าเหลือใช้จากเครื่องยนต์นามาสร้างเป็นหุ่นยนต์ต่าง ๆ ท่ีโด่งดังจากภาพยนตร์หลาย ๆ เร่ือง เช่น ทรานส์ฟอร์มเมอร์ส (Transformers), สตาร์วอร์ (Star Wars), เอเล่ียน (Alien) เป็นต้น มตี ั้งแต่ขนาดใหญ่ 2 - 4 เมตร จนมาถึงหุ่นขนาดเล็ก โดยเมื่อประมาณ ปี พ.ศ.2543 เกิดจากความชอบส่วนตัวของ นายไพโรจน์ ถนอมวงษ์ ที่เร่ิมต้นทาหุ่นเหล็กด้วยเศษเหล็กเหลือใช้จากเครื่องยนต์เก่า ซ่ึงตอนแรกทาเล่นๆ เป็นงานอดิเรก ต้ังโชว์ที่บ้านจนมีคนสนใจและขอซ้ือ จึงเร่ิมทาเป็นชิ้นงานหุ่นเหล็กขนาดเล็กฝากเพื่อนขายในเมือง พัทยา จนได้รับความสนใจมากข้ึน จนกระทั้งปี พ.ศ.2547 จึงเริ่มทาหุ่นเหล็กแบบเต็มตัว และ ส่งออกต่างประเทศ และทาหุ่นยนต์ตามส่ังของลูกค้าในรูปแบบที่ลูกค้าต้องการ ในปี พ.ศ.2554 จึงย้ายโรงงานมาต้ังท่ีจังหวัดอ่างทอง ติดถนนสายเอเชีย ซึ่งภายในบ้านหุ่นเหล็กมีส่วนท่ีจัดแสดง ห่นุ เหลก็ หลากหลายรปู แบบ ทง้ั แบบทเ่ี ปน็ หุ่นยนต์ การ์ตนู และสัตวต์ ่าง ๆ เป็นต้น หนา้ 84 สานกั งานสง่ เสริมการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จงั หวัดอา่ งทอง

หนงั สอื เรยี นรายเลือกวิชาเสรี วชิ าอ่างทองเมอื งน่าอยู่ รหสั วชิ า สค33165 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย จดุ เดน่ ของพิพิธภณั ฑ์หุ่นยนต์ หรือบา้ นห่นุ เหล็ก พิพิธภณั ฑ์หุ่นเหล็กสร้างจากอะไหล่เก่าเหลือใช้จากเครื่องยนต์ โดยนายไพโรจน์ ถนอมวงษ์ ได้พัฒนา ออกแบบ และทดลอง รวมท้ังลองผิดลองถูกมาเร่ือย ๆ จนปัจจุบันน้ี มีผลงานออกมา มากมายหลากหลายแบบ อาทิ แนวหุ่นยนต์ รถยนต์ รถมอเตอร์ไซด์ ยานอวกาศ สัตว์ เฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น แผนท่ีการเดนิ ทาง ผลงานหุ่นเหล็กท่ีสร้างจากอะไหล่เกา่ เหลือใชจ้ ากเครื่องยนต์ ทม่ี า : https://www.lp-yaem.com/robotcoffe/ หนา้ 85 สานกั งานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยจงั หวดั อ่างทอง

หนงั สือเรียนรายเลอื กวิชาเสรี วชิ าอ่างทองเมืองนา่ อยู่ รหัสวชิ า สค33165 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย เร่อื งท่ี 2 แหลง่ ทอ่ งเทีย่ วอาเภอไชโย วัดไชโยวรวิหาร พระมหาพทุ ธพิมพ์ ท่มี า : https://www.trover.com/d/1otam สถานท่ตี งั้ วัดไชโยวรวหิ าร ต้ังอยู่ท่ี ตาบลไชโย อาเภอไชโย จงั หวัดอา่ งทอง จากอ่างทอง ประวัตคิ วามเป็นมา วัดไชโยวรวิหาร เป็นวัดพระอารามหลวงช้ันโท เดิมเป็นวัดราษฎร์เก่าแก่ มีนามว่า วัดไชโย ครั้นเมื่อสมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เจ้าอาวาสวัดระฆังโฆษิตาราม ได้เลือกวัดนี้เป็นที่สร้าง พระพทุ ธรปู องคใ์ หญต่ งั้ อยู่กลางแจง้ กล่าววา่ การก่อสรา้ งพระพุทธรูปน้ีใช้เวลานานเกือบ 3 ปี ในสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 จึงแล้วเสร็จ สมเด็จพุฒาจารย์ ได้ถวายวัดไชโย เป็นวดั หลวง ได้รับพระราชทานนามวา่ “วัดเกษไชโย” ในปี พ.ศ.2430 มีการปฏิสังขรณ์วัดเกษไชโยท้ังพระอาราม ทาให้พระพุทธรูปได้รับ แรงกระเทือนจากการก่อสร้างทาให้พระวิหารพังทลายลง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระพุทธรูปขึ้นใหม่ทดแทน โดยโปรดเกล้าฯ ให้พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าประดิษฐ์วรการ เป็นแม่กองช่าง โดยรื้อองค์พระเดิมออกหมด วางรากฐานก่อสร้างใหม่ โดยใช้โครงเหล็กรัดอิฐปูนไว้ภายใน และลดขนาดจากองค์เดิมลง พระพุทธรูปองค์นี้ได้รับพระราชทานนามว่า “พระมหาพุทธพิมพ์” ขนาดหน้าตักกว้าง 8 วา 6 น้ิว หน้า 86 สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยจงั หวัดอ่างทอง

หนังสอื เรยี นรายเลอื กวิชาเสรี วิชาอ่างทองเมืองนา่ อยู่ รหัสวชิ า สค33165 ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย สูง 11 วา ศอก 7 นิ้ว และโปรดเกล้าฯ ให้ยกฐานะวัดไชโยให้เป็นพระอารามหลวง นอกจากน้ียังมี การก่อสร้างพระวิหาร สร้างพระอุโบสถเป็นมุขลดยื่นออกมาทางด้านหน้า มีศาลาราย กาแพงแก้ว ศาลาการเปรียญ กุฏิสงฆ์ หอสวดมนต์ หอระฆัง ศาลารายกลางวัดศาลาท่าน้า รวมเวลา การปฏิสงั ขรณน์ านถึง 8 ปี จุดเดน่ ของวดั ไชโยวรวิหาร ส่ิงที่น่าสนใจในวัดนี้ ได้แก่ พระมหาพุทธพิมพ์ หรือที่เรียกว่า หลวงพ่อโต เป็นฝีพระหัตถ์ ของพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าประดิษฐ์วรการ เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ มีพุทธลักษณะที่โดดเด่น กว่ายุคสมัยที่ไม่ยึดแนวอุดมคติตายตัว พระพักตร์และพระกรรณจึงเหมือนคนธรรมดามากกว่า มีริ้ว รอยย่นของ สบง จวี รชัดเจน นอกจากจะเป็นวัดสาคัญของอาเภอไชโยแล้ว ยังมีอีกส่ิงหน่ึงที่ทาให้ประชาชนรู้จักวัดนี้ เปน็ อยา่ งดี ไดแ้ ก่ “พระสมเด็จเกษไชโย” เป็นพระเคร่ืองท่ีสร้างโดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหม รงั สี) ซ่งึ เป่ียมไปดว้ ยพทุ ธคณุ นานปั การ แผนที่การเดนิ ทาง พระสมเดจ็ เกษไชโย ท่ีมา : https://www.samakomphra.com/page/home/views/ หน้า 87 สานกั งานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั จงั หวดั อ่างทอง

หนงั สือเรียนรายเลอื กวิชาเสรี วชิ าอ่างทองเมอื งนา่ อยู่ รหสั วิชา สค33165 ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย วัดสระเกษ วัดสระเกษ ท่มี า : http://sudyodsaksit2555.blogspot.com/p/blog-page.html สถานทต่ี ง้ั วัดสระเกษ ต้งั อยู่ที่ ตาบลไชยภมู ิ อาเภอไชโย จังหวดั อา่ งทอง ประวัตคิ วามเปน็ มา วัดสระเกษ เดิมชื่อวัดเสาธงหนิ สรา้ งขึน้ เม่อื ปี พ.ศ.1892 มคี วามเก่ียวข้องกับประวัติศาสตร์ อนั ยาวนานของไทย และเป็นวัดเก่าแก่มาตง้ั แตส่ มยั กอ่ นกรุงศรอี ยธุ ยาเป็นราชธานี เหตุท่ีได้เปล่ียนช่ือเป็นวัดสระเกษน้ัน ตามประวัติเล่าว่า ในราวปี พ.ศ.2128 พม่าได้ยก กองทัพมารุกรานกรุงศรีอยุธยา โดยพระเจ้าหงสาวดีส่ังให้เจ้าเชียงใหม่ยกทัพมาตี จนในเช้าตรู่วันข้ึน 4 ค่า เดือน 5 ปีระกา สมเด็จพระนเรศวรมหาราชและสมเด็จพระเอกาทศรถได้ทรงยกทัพออกมา ต้ังรบั กองทัพพมา่ ทีบ่ ้านสระเกษและทรงไดร้ ับชยั ชนะ พวกกองทัพไทยต่างยินดีและไชโยโห่ร้องร่ืนเริง สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงรับสั่งให้พักกองทัพ ส่วนพระองค์ได้สรงน้า ชาระพระวรกาย ล้างพระพักตร์ และสระพระเกศา ณ ที่น้ี นับแต่น้ันเป็นต้นมาจึงได้ชื่อว่า “บ้านสระเกษ” หรือ “วดั สระเกษ” จุดเดน่ ของวัดสระเกษ การสร้างโบสถ์ของวัดสระเกษมีความสวยงามตามแบบศิลปะไทย โครงสร้างเป็นคอนกรีต เสริมเหล็กขนาดกว้าง 8 เมตร ยาว 22.50 เมตร ครอบโบสถ์เดิม และได้รับพระมหากรุณาธิคุณ หน้า 88 สานกั งานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยจงั หวัดอา่ งทอง

หนงั สอื เรยี นรายเลอื กวชิ าเสรี วิชาอา่ งทองเมอื งน่าอยู่ รหสั วชิ า สค33165 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย พระราชทานอักษรพระปรมาภิไธยย่อ “ภปร” จากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ให้จารึกไว้ท่ีหน้าบันของโบสถ์ท้ังสองด้าน ส่วนภายในประดิษฐาน “พระพุทธเกษรังสี” และรปู หลอ่ หลวงพ่อโต๊ะ พระเกจิที่มีช่ือเสียงรูปหนึ่งของจังหวัดอ่างทอง บริเวณ โดยรอบมอี าคารเสนาสนะต่าง ๆ ทสี่ วยงามตามแบบฉบบั กรงุ รตั นโกสินทร์ แผนทกี่ ารเดินทาง บริเวณภายนอกวัดสระเกษ ทมี่ า : http://www.teethiao.com/th/view_travel.php?tid=2639 วดั โพธิ์หอม (วดั เฉลมิ กาญจนาภิเษก) บรเิ วณภายนอกวัดโพธิ์หอม ทีม่ า : https://www.thailandtourismdirectory.go.th/th/info/attraction/detail/itemid/4087 หน้า 89 สานักงานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยจงั หวดั อา่ งทอง

หนงั สือเรยี นรายเลือกวิชาเสรี วิชาอา่ งทองเมอื งนา่ อยู่ รหัสวชิ า สค33165 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย สถานที่ต้งั วัดโพธห์ิ อม ตัง้ อยทู่ ี่ ตาบลราชสถิตย์ อาเภอไชโย จงั หวดั อ่างทอง ประวตั คิ วามเป็นมา วัดโพธิ์หอม (วัดเฉลิมกาญจนาภิเษก) เดิมเป็นวัดร้างมาแต่คร้ังกรุงศรีอยุธยา ซ่ึงวัดโพธ์ิหอม หรือวัดป่าหัวพัน มีสิ่งที่น่าสนใจในวัดน้ี คือ ปูนป้ันรูปบุคคล 4 หน้า ซ่ึงเรียกว่า “รูปพรหม 4 หน้า หรอื พรหมพกั ตร์” มีขนาดคอ่ นข้างใหญ่ ต้ังประดับประดาอยู่บนพานปูนป้ันหน้าศาลาซึ่งสร้างบนฐาน ของพระอุโบสถเดิม สันนิษฐานว่าอาจจะเป็นส่วนยอดของประตูวัดหรืออุโบสถ หากว่ารูปปูนป้ันซ่ึงมี จานวน 2 ช้ินน้ี เป็นศิลปวัตถุของวัดนี้มาแต่เดิม เป็นเรื่องท่ีน่าสนใจในแง่ของความสาคัญของวัด แห่งน้ี โดยเฉพาะอย่างยิ่งรูปปูนปั้นในลักษณะนี้ท่ีประดับอยู่ส่วนยอดประตูไม่พบที่อื่น ๆ ในเขต จังหวดั อา่ งทอง ซง่ึ มพี บอยเู่ ป็นส่วนยอดประตพู ระราชวงั ชั้นในของกรุงศรีอยุธยา (ปัจจุบันต้ังแสดงอยู่ ท่ีพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเจ้าสามพระยาพระนครศรีอยุธยา) และประตูทางเข้าวัดมหาธาตุเชลียง สวรรคโลกเท่านั้น จดุ เดน่ ของวัดโพธห์ิ อม (วดั เฉลิมกาญจนาภเิ ษก) ส่ิงท่ีน่าสนใจในวัดน้ี คือ ปูนป้ันรูปบุคคล 4 หน้า ซ่ึงเรียกว่า “รูปพรหม 4 หน้า หรือพรหม พักตร”์ แผนทกี่ ารเดินทาง รูปพรหม 4 หน้า หรอื พรหมพักตร์ ที่มา : http://www.thainews2017.com/41403 หน้า 90 สานกั งานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จงั หวัดอา่ งทอง

หนงั สอื เรียนรายเลอื กวิชาเสรี วิชาอ่างทองเมอื งน่าอยู่ รหัสวชิ า สค33165 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย เร่ืองที่ 3 แหล่งทอ่ งเที่ยวอาเภอปา่ โมก วดั ปา่ โมกวรวิหาร วดั ป่าโมกวรวิหาร ที่มา : https://www.touronthai.com/article/2460 สถานที่ต้ัง วดั ปา่ โมกวรวิหาร ตัง้ อยทู่ ี่ ตาบลป่าโมก อาเภอป่าโมก จังหวัดอา่ งทอง ประวัติความเป็นมา วัดป่าโมกวรวิหาร เป็นวัดเก่าแก่สมัยสุโขทัย เดิมเรียกว่าวัดใต้ท้ายตลาด วัดป่าโมกมีส่ิง สาคญั หลาย ๆ ประการ คอื พระวิหารพระพทุ ธไสยาสน์ เป็นลักษณะสถาปัตยกรรมอยุธยาตอนปลาย โดยแท้ มีรูปทรงหลังคาเป็นฐานวิหารอ่อนโค้งรูปสาเภา ไม่สูงมากนักเป็นหลังคาลด 2 ชั้น ต่อด้วย ปีกนกด้านละ 2 แถบ มี 9 ห้อง เจาะช่องหน้าต่างด้านละ 7 บาน ด้านหน้าเจาะเป็นประตู ทางเข้า ประตูเขียนลายรดน้าลายพุ่มทรงข้าวบิณฑ์ก้านแย่งยอดพระพุทธไสยาสน์ ก่อด้วยอิฐปูนป้ันลงรัก ปิดทองทั้งองค์ นอนตะแคงขวาแบบสีหไสยาสน์ มีความยาวจากพระเมาลีถึงพระบาท 22 เมตร พระเศียรหนุน พระเขนย รูปทรงกระบอก 3 ใบ ลดหลั่นกันจากใหญ่ขึ้นไปหาเล็กแล้วคลุมด้วย ผา้ ทิพย์ จัดเป็นผา้ ทิพยท์ ีม่ ีลวดลายวจิ ติ รงดงามทสี่ ดุ พระอุโบสถ ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของพระวิหารพระพุทธไสยาสน์ หันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีขนาด 5 ห้อง หลังคาลดหลัน่ 2 ชนั้ หนา้ พระอุโบสถใต้หน้าบันมีหลงั คาคลุมแบบ “จ่ันหับ” มีประตู ทางเขา้ 2 ประตู หน้าตา่ งดา้ นละ 3 บาน เขยี นลายรดนา้ ส่วนรอบนอกพระอุโบสถมีใบเสมาเป็นของ หนา้ 91 สานักงานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยจงั หวดั อา่ งทอง

หนังสอื เรียนรายเลือกวชิ าเสรี วชิ าอา่ งทองเมอื งน่าอยู่ รหสั วชิ า สค33165 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย เก่าในสมัยอยุธยาตอนต้น เป็นหินชนวนต้ังอยู่บนฐานดอกบัว และฐานสิงห์ ในสมัยอยุธยาตอนปลาย เรียกวา่ “เสมานงั่ แทง่ ” วิหารเขียน มีขนาด 7 ห้อง หลังคาลด 2 ชั้น ใต้หน้าบันด้านหน้าปิดผนังทึบ มีเสาแบนหรือ เสาอิง 2 ตัน มีหลังคาคลุมลดลงมารองรับด้วยเสา 4 ต้น ที่เรียกว่า “จั่นหับ” ผนังรอบวิหารมีเสา อิงประดับระหว่างประตหู น้าตา่ ง บัวหวั เสาเป็นบัวจงกลปนู ปัน้ สนั นษิ ฐานวา่ เดมิ เป็นตาหนักที่ประทับ ของพระเจา้ ท้ายสระในคราวเสด็จชะลอพระพุทธไสยาสน์ มณฑป ก่อด้วยอิฐฉาบปูน หน้าบันมีลวดลายปูนป้ันรอบมณฑป ภายในมณฑปประดิษฐาน พระพทุ ธบาทส่รี อยสลักด้วยหนิ จุดเด่นของวัดป่าโมกวรวหิ าร ส่ิงท่ีน่าสนใจในวัดนี้นอกจากพระพุทธไสยาสน์แล้วยังมี วิหารเขียนซ่ึงเล่ากันว่าผนังวิหาร ด้านท่หี ันออกสูแ่ ม่นา้ มีแทน่ สงู ทเี่ ข้าใจวา่ เปน็ แทน่ ทเี่ คยมีกษัตริยเ์ สด็จประทับยืนบริเวณน้ัน อีกท้ังยังมีงานนมัสการพระพุทธไสยาสน์วัดป่าโมกวรวิหาร ซึ่งจัดข้ึนปีละ ๒ คร้ัง คือ ช่วงขึ้น ๑๔ ค่า ข้ึน ๑๕ ค่า และแรม ๑ ค่า เดือน ๔ และอีกช่วงหน่ึง คือ ระหว่างขึ้น ๑๒ – ๑๕ ค่า และ แรม ๑ คา่ เดอื น ๑๑ ของทุกปี แผนทก่ี ารเดินทาง พระพุทธไสยาสน์ ทม่ี า : https://thailandtourismdirectory.go.th/th/info/attraction/detail/itemid/1642 หน้า 92 สานกั งานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจงั หวัดอา่ งทอง

หนังสอื เรียนรายเลอื กวชิ าเสรี วิชาอ่างทองเมอื งน่าอยู่ รหสั วิชา สค33165 ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย วัดท่าสุทธาวาส พระอุโบสถวัดท่าสุทธาวาส ทีม่ า : http://www.bansansuk.com/travel/Watthasutawas/ สถานทต่ี ั้ง วัดท่าสทุ ธาวาส ตงั้ อยู่ท่ี เลขที่ 12 หมทู่ ี่ 2 ตาบลบางเสดจ็ อาเภอปา่ โมก จงั หวัดอ่างทอง ประวัติความเปน็ มา วดั ทา่ สุทธาวาส เปน็ วดั เกา่ แกส่ มัยอยุธยาตอนต้น เดิมชื่อว่าวัดท่าสุวรรณภูมิ ท่ีมีความสาคัญ ทางประวตั ศิ าสตร์ ดังปรากฏหลักฐานในโบราณสถานและโบราณวัตถุต่าง ๆ เป็นจานวนมาก ในการ ศึกสงครามครั้งกรุงศรีอยุธยา บริเวณวัดท่าสุทธาวาส เป็นเส้นทางท่ีใช้เดินทัพข้ามแม่น้าเจ้าพระยา ซง่ึ ตรงบรเิ วณนี้ ปจั จบุ ันสมเดจ็ พระกนษิ ฐาธิราชเจา้ กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราช กุมารี ทรงรับไว้ในพระอุปถัมภ์ โดยมีการจัดสร้างพลับพลาที่ประทับกลางสระน้า ข้างพลับพลา ที่ป ร ะทับ เ ป็ น ที่ป ร ะดิ ษฐ า น ของ พ ร ะบ ร มร า ช า นุ ส า ว รี ย์ ส มเ ด็ จ พ ร ะน เ ร ศว ร มห า ร า ช แ ล ะส มเ ด็ จ พระเอกาทศรถ จดุ เดน่ ของวดั ท่าสทุ ธาวาส ภายในพระอุโบสถมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง โดยเร่ืองท่ีเขียนในพระอุโบสถน้ี สมเด็จพระ กนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานลงมาว่าให้เขียนเร่ือง “พระมหาชนก” อันเป็นเร่ืองที่พระองค์ทรงมีความผูกพัน เปน็ พเิ ศษ เพราะพระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภูมิพลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร หนา้ 93 สานกั งานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยจงั หวดั อ่างทอง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook