Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore BF781939-1FDA-4C47-8586-7FFBF831A960

BF781939-1FDA-4C47-8586-7FFBF831A960

Published by Moji, 2021-09-11 08:29:30

Description: BF781939-1FDA-4C47-8586-7FFBF831A960

Search

Read the Text Version

บทเห่ชมเรือกระบวน กาพย์เห่เรือ เจ้าฟ้าธรรมธิเบศไชยเชษฐ์สุริยวงศ์ จัดทำโดย นายลัทธพล ชัยทิพย์ เลขที่ 5 ม.6/4 เสนอ คุณครูธิรพงษ์ คงด้วง วิชาภาษาไทย ท33101 ภาคเรียนที่ 1/2564 โรงเรียนทีปราษฎร์พิทยา

บทเห่ชมเรือกระบวน โคลง ปางเสด็จประเวศด้าว ชลาไลย ทรงรัตนพิมานไชย กิ่งแก้ว พรั่งพร้อมพวกพลไกร แหนแห่ เรือกระบวนต้นแพร้ว เพลิศพริ้งพายทองฯ ช้าลวะเห่ พระเสด็จโดยแดนชล ทรงเรือต้นงามเฉิดฉาย กิ่งแก้วแพร้วพรรณราย พายอ่อนหยับจับงามงอน นาวาแน่นเป็นขนัด ล้วนรูปสัตว์แสนยากร เรือลิ่วปลิวธงสลอน สาครสั่นครั้นครื้นฟอง เรือครุฑยุดนาคหิ้ว ลิ่วลอยมาพาผันผยอง พลพายกรายพายทอง ร้องโห่เห่โอ้เห่มา สรมุขมุขสี่ด้าน เพียงพิมานผ่านเมฆา ม่านกรองทองรจนา หลังคาแดงแย่งมังกร สมรรถไชยไกรกาบแก้ว แสงแวววับจับสาคร เรียบเรียงเคียงคู่จร ดังร่อนฟ้ามาแดนดิน สุวรรณหงส์ทรงภู่ห้อย งามชดช้อยลอยหลังสินธุ์ เพียงหงส์ทรงพรหมินทร์ ลินลาศเลือนเตือนตาชม เรือไชยไวว่องวิ่ง รวดเร็วจริงยิ่งอย่างลม เสียงเส้าเร้าระดม ห่มท้ายเยิ่นเดินคู่กันฯ

มูละเห่ คชสีทีผาดเผ่น ดูดังเป็นเห็นขบขัน ราชสีห์ทียืนยัน คั่นสองคู่ดูยิ่งยง เรือม้าหน้ามุ่งน้ำ แล่นเฉื่อยฉ่ำลำระหง เพียงม้าอาชาทรง องค์พระพายผายผันผยอง เรือสิงห์วิ่งเผ่นโผน โจนตามคลื่นฝืนฝาฟอง ดูยิ่งสิงห์ลำพอง เป็นแถวท่องล่องตามกัน นาคาหน้าดังเป็น ดูขะเม่นเห็นขบขัน มังกรถอนพายพัน ทันแข่งหน้าวาสุกรี เลียงผาง่าเท้าโผน เพียงโจนไปในวารี นาวาหน้าอินทรีย์ ที่ปีกเหมือนเลื่อนลอยโพยม ดนตรีมี่อึงอล ก้องกาหลพลแห่โหม โห่ฮึกครึกครื้นโครม โสมนัสชื่นรื่นเริงพล ค กรีฑาหมู่นาเวศ จากนคเรศโดยสาชล เหิมหื่นชื่นกระมล ยลมัจฉาสารพันมี ฯ

สรุป พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศเสด็จพระราชดำเนินโดยทางชลมารคได้ประทับบนเรือต้น ในการเดินทางภาพของเรือกิ่งนั้นดูแพรวพราว ภาพการพายเรือนั้นก็ดูอ่อนไหวงดงาม อย่างพร้อมเพรียงกันขบวนเรือนั้นแน่นเป็นแถวเป็นแนวประกอบด้วยเรือที่หัวเรือเป็นรูป สัตว์หลายๆชนิดมองเห็นธงเด่นสะพรั่งมาแต่ไกลการเดินขบวนเรือทำให้เกิดเป็นคลื่นน้ำ ระลอกเรือครุฑซึ่งบนเรือนั้นมีพลทหารกำลังพายเรืออย่างเป็นจังหวะพร้อมกับเปล่งเสียง โห่ร้องเรือสรมุขลอยมาเปรียบสวยงามดั่งพิมานบนสวรรค์ที่กำลังเคลื่อนที่ผ่านหมู่เมฆ เรือสรมุขตกแต่งไปด้วยม่านสีทอง หลังคาสีแดงมีลวดลายมังกรประดับอยู่เรือสมรรถชัย ซึ่งกำลังแล่นมาเทียบเคียงกับเรือสรมุขนั้นประกอบไปด้วยกาบแก้วขนาดใหญ่มีการเกิด แสงแวววับสะท้อนกับแม่น้ำมีความงดงามมากเหมือนดั่งว่ากำลังร่อนลงจากสวรรค์ฟาก ฟ้าลงสู่พื้นดินเรือสุวรรรณหงส์มีพู่ห้อยอย่างสวยงามล่องลอยอยู่บนสายน้ำเปรียบดั่ง หงส์ที่เป็นพาหนะของพระพรหมเตือนตาให้ชมเรือชัยนั้นแล่นด้วยความรวดเร็วเหมือนดั่ง ลม มีเสียงเส้าที่คอยให้จังหวะท้ายเรือให้แล่นไปเคียงคู่กันไปกับเรือพระที่นั่งลำอื่นๆเรือ คชสีห์ที่กำลังแล่นไปนั้นดูแล้วชวนขบขันส่วนเรือราชสีห์ที่แล่นมาเคียงกันนั้นดูมั่นคงแข็ง แรงเรือม้านั้นกำลังมุ่งหน้าไปข้างหน้าซึ่งเรือมีลักษณะที่สูงโปร่งเหมือนกับม้าทรงของ พระพายเรือสิงห์ดูเหมือนกับว่ากำลังจะกระโจนลงสู่แม่น้ำและมีความลำพองใจนั้นก็ แล่นป็นแถวตามๆกันมาเรือนาคนั้นมองดูเหมือนกับมีชีวิตแล้วชวนขบขันกำลังจะถูกเรือ มังกรแล่นตามมาทันเรือเลียงผานั้นทำท่าเหมือนกับกำลังจะกระโจนลงแม่น้ำ ส่วนเรือ อินทรีย์ก็มีปีกที่เหมือนกับกำลังจะลอยไปในอากาศเสียงดนตรีนั้นดังลั่นมีเสียงก้องมา จากแตรงอน เสียงพลทหารโห่ร้องอย่างครึกครื้นทำให้เกิดความความรื่นเริงในหมู่พล ทหารการเคลื่อนขบวนออกจากนั้นดูเข้มแข็งเป็นภาพที่ทำให้ชื่นอกชื่นใจมองดูเหมือนฝูง ปลา ที่มีมากมายในสายน้ำมีชนิดของเรือทั้งหมด

เรือครุฑยุดนาค เป็นเรือพระราชพิธีซึ่งมีที่มาจากคติความเชื่อเรื่อง “พญาครุฑ” พาหนะของพระนารายณ์ เหตุที่พญาครุฑเป็นพาหนะของพระนารายณ์นั้น ในคัมภีร์ปุราณะกล่าวว่า ครุฑกับนาคมีบิดาเดียวกันแต่ ต่างมารดา ต่อมามารดาของครุฑแพ้พนันมารดาของนาคต้องไปเป็นทาสของพวกนาค พญาครุฑจึงไป ตกลงกับพวกนาค พวกนาคให้พญาครุฑไปลักน้ำอมฤตบนสวรรค์มาให้พวกนาคแล้วจะปล่อยมารดาพญา ครุฑให้เป็นอิสระ พญาครุฑจึงบินไปยังสวรรค์ผ่านด่านต่าง ๆ แล้วนำคนโทน้ำอมฤตออกมา บรรดา เทวดาทราบเรื่องจึงมาตามจับพญาครุฑ แต่ไม่มีใครสามารถเอาชนะได้ เทวดาจึงไปขอร้องให้พระ นารายณ์มาช่วยนำน้ำอมฤตคืน พระนารายณ์รบกับพญาครุฑ แต่ไม่มีใครแพ้ใครชนะจึงตกลงกันว่า พระ นารายณ์ยอมให้พญาครุฑอยู่เหนือกว่าในเวลาที่ประทับ แต่เมื่อเสด็จไปที่ใดครุฑต้องเป็นพาหนะ และพระ นารายณ์ยังให้พรพญาครุฑว่า ให้จับนาคกินเป็นอาหารได้ จึงเป็นที่มาของ “ครุฑยุดนาค” และเป็นที่มา ของการสร้างโขนเรือพระราชพิธีเป็นรูปครุฑ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพระนารายณ์ เรือครุฑยุดนาคหิ้ว ลิ่วลอยมาพาผันผยอง พลพายกรายพายทอง ร้องโห่เห่โอ้เห่มา phralan.(2552).เรือครุฑยุดนาค.[ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก http://phralan.in.th/coronation/vocabdetail.php?id=975. สืบค้นเมื่อ 11 กันยายน 2564.

เรือไกรสรมุข ในตำนานพระเวสันดร มีตอนหนึ่งกล่าวถึงไกรสรราชสีห์ ในเรื่องบรรยายว่า เป็นสัตว์ทรงพลัง กายเป็นสิงห์ มีขนแผงคอ ริมฝีปาก ขนหาง และเล็บเป็น สีแดงดั่งผ้า รัตนกัมพล ไกรสรราชสีห์เป็น ๑ ใน ๔ ราชสีห์แห่งป่าหิมพานต์ ในตำนานกล่าวว่า ไกรสรราชสีห์เป็นสัตว์ที่มีพละกำลังแรงกล้า เป็นนักล่าชั้นเยี่ยมและกินสัตว์ใหญ่น้่อยเป็น อาหาร สรมุขมุขสี่ด้าน เพียงพิมานผ่านเมฆา ม่านกรองทองรจนา หลังคาแดงแย่งมังกร รัตนกวีน้อย.(2563).เรือไกรสรมุข.[ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก http://babyratnakavi.blogspot.com/2020/01/blog-post_20.html?m=1 สืบค้นเมื่อ 11 กันยายน 2564.

เรือสมรรถไชย เรือสมรรถไชย เรือพระที่นั่งนี้มีมานานแล้วแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาปรากฏในตำราริ้วกระบวน แห่พยุหยาตราชลมารคสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นเรือกิ่งพื้นดำและมีปรากฏชื่อในโคลงพระ ราชพิธีทวาทศมาสในรัชกาลที่ ๔แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ด้วย เป็นเรือพระที่นั่งสำหรับทรงเปลื้องเครื่อง เพราะมีการตั้งบัลลังก์บุษบก อัญเชิญพระชฎามหากฐินนำหน้าเรือพระที่นั่งลำทรง ตั้งเครื่องสูงด้าน หน้าฉัตร ๗ ชั้น ๑ องค์ ฉัตร ๕ ชั้น ๒ องค์ ด้านหลังบุษบกตั้งฉัตร ๗ ชั้น ๑ องค์ ฉัตร ๕ ชั้น ๒ องค์ ม่านบุษบกเป็นผ้าตาด มีตำรวจประจำเรือ ๖ นาย นักสราชนั่งเชิญธง ด้านหน้าและด้าน หลัง ด้านละ ๑ สมรรถไชยไกรกาบแก้ว แสงแวววับจับสาคร เรียบเรียงเคียงคู่จร ดังร่อนฟ้ามาแดนดิน pch6256.(2552).เรือสมรรถไชย.[ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก http://www.thaigoodview.com/node/36641?page=0,2 สืบค้นเมื่อ 11 กันยายน 2564.

เรือสุวรรณหงส์ เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์มีชื่อกล่าวถึงเป็นครั้งแรกในสมัยกรุงศรีอยุธยาต้นรัชกาล สมเด็จพระ มหาจักรพรรดิ ราวปี พ.ศ. 2091 ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเรียกว่า \"สุวรรณหงส์\" เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ลำ ปัจจุบัน สร้างขึ้นใหม่ในปลายรัชสมัย รัชกาลที่ 5 แล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 6 เมื่อพุทธศักราช 2454 โดยตั้งชื่อตามเรือพระที่นั่งโบราณของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิแห่งกรุงศรีอยุธยา คือ เรือศรีสุพรรณหงส์ หรือเรือพระที่นั่งชัยสุพรรณหงส์ สร้างขึ้นเมื่อพุทธศักราช 2091 ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายมีชื่อเรือ พระที่นั่งสุวรรณหงส์ สมัยรัชกาลที่ 1 (พุทธศักราช 2325 - 2352) ปรากฏชื่อเรือพระที่นั่งสุวรรณหงส์ และรัชกาลที่ 3 (พุทธศักราช 2367 - 2394) ปรากฏชื่อเรือพระที่นั่ง ศรีสุพรรณหงส์ หัวเรือพระที่นั่งนี้มีโขนเรือรูปหัวของหงส์ ลำตัวเรือทอดยาวคือส่วนตัวหงส์ จำหลักไม้ลงรักปิดทอง ประดับกระจกมีพู่ห้อย ปลายพู่เป็นแก้วผลึก ภายนอกทาสีดำ ท้องเรือทาสีแดง ตอนกลางลำเรือมีที่ประทับ เรียก ราชบัลลังก์กัญญา สำหรับพระเจ้าอยู่หัวหรือพระราชวงศ์ชั้นสูง เรือมีความยาว 46.15 เมตร กว้าง 3.17 เมตร ลึกจนถึงท้องเรือ 94 เซนติเมตร กินน้ำลึก 41 เซนติเมตร น้ำหนัก 15 ตัน สุวรรณหงส์ทรงภู่ห้อย งามชดช้อยลอยหลังสินธุ์ เพียงหงส์ทรงพรหมินทร์ ลินลาศเลือนเตือนตาชม สารานุกรม.(2553).เรือสุพรรณหงส์.[ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก https://th.wikipedia.org/wiki/เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ สืบค้นเมื่อ 11 กันยายน 2564.

เรือไชย เป็นเรือชนิดที่มีทวนหัวตั้งสูงขึ้นไปเป็นงอน มีลักษณะเช่นเดียวกับเรือกิ่ง เรือไชยนี้เดิมเป็นเรือที่ ข้าราชการนั่งในริ้วกระบวน และมีพนักงานคอยกระทุ้งเส้าให้จังหวะ แต่ถ้าเป็นเรือที่นั่งเจ้านาย และเรือประตู เรียกว่า เรือเอกไชย ที่ปรากฏในโคลงพระราชพิธีทวาทศมาสนั้นมีชื่อว่า เรือไชยเหินหาว ขึ้นอยู่กับหลวงอภัยเสนา และเรือหลาวทองเอกไชย ขึ้นอยู่กับหลวงสุเรนทรวิชิต หลังคาเรือดาดผ้าสีแดงลายก้านแย่งเรือตกแต่งด้วยลาย รดน้ำ (ลงรักปิดทอง) มีนักสราชถือธงทั้งหน้าเรือและท้ายเรือ มีกลองมโหระทึก และแตรประจำ ในเรือมีอาวุธ ประจำอย่างละคู่ คือ หอกซัด หางโมรี ดาบ ง้าว ทวนทอง ดาบเชลย และเขน ซึ่งล้วนติดพู่สีแดง เรือเอกไชยเหินหาว หรือเอกไชยเหินหาวนั้นเป็นเรือพื้นดำ ยาว ๑๔ วา ๑ ศอก ๕ นิ้ว กว้าง ๓ ศอก ๑ คืบ ๑๐ นิ้ว ลึก ๑ ศอก ๓ นิ้ว กำลังที่ฝีพายสามารถพายให้เรือแล่นไปได้สำหรับการพาย ๑ ครั้ง ๕ ศอก ๔ นิ้ว เรือเดิมถูกระเบิดเสียหายเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๗ กรมศิลปากรได้เก็บหัวเรือและท้ายเรือไว้เพื่อเป็น ประโยชน์ในการศึกษาในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๑ สำหรับลำปัจจุบัน สร้างขึ้นใหม่ วันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๐๘ มีน้ำหนัก ๖.๙๓ ตัน กว้าง ๑.๙๗ เมตร ฝีพาย ๓๘ คน นายท้าย ๒ คน เรือไชยไวว่องวิ่ง รวดเร็วจริงยิ่งอย่างลม เสียงเส้าเร้าระดม ห่มท้ายเยิ่นเดินคู่กัน ฯ pch5210.(2552).เรือไชย.[ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก http://www.thaigoodview.com/node/29063 สืบค้นเมื่อ 11 กันยายน 2564.

เรือคชสีห์ คชสีห์ เป็นลักษณะของราชสีห์ผสมกับช้าง (คช) ซึ่งคติไทยถือว่า\"ช้าง\"เป็นสัตว์ประจำชาติ ใช้ในราชสงคราม ดังนั้น ตราคชสีห์จึงสอดคล้องกับข้าชการที่ออกสงคราม อันหมายถึงทหารนั่นเอง ซึ่งในสมัยกรุงศรีอยุธยานั้น ทั้งพลเรือนและทหารต่างต้องถูกเกณฑ์ไปราชการสงคราม และรับราชการ เหมือนกัน คชสีห์ เป็นสัตว์ในวรรณคดี แสดงถึงความสมถะ รักเกียรติ และสง่างาม ซึ่งเปรียบเสมือน ข้าราชการ เรือที่แกะสลักหัวเรือเป็นรูปสัตว์ต่างๆ ทั้งสัตว์จริง และสัตว์ในเทพนิยาย ความเป็นมาของ เรือรูปสัตว์ หรือที่เดิมเรียกว่า เรือศีรษะสัตว์นี้ เรือรูปสัตว์ของไทย คงได้รับอิทธิพลมาจากอินเดียเพราะ ตราประจำตำแหน่งของเสนาบดีตั้งแต่สมัยอยุธยามาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ใช้รูปสัตว์ทั้งสิ้น เช่น ราชสีห์ คชสีห์ ครุฑ นาค ฯลฯ ตรงตำแหน่งนี้มีปรากฏอยู่ในกฎหมายลักษณะศักดินาซึ่งตั้งขึ้นใน รัชกาลสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถพ.ศ๑๙๙๘ แล้ว และจากพงศาวดาร เรือรูปสัตว์ ปรากฏขึ้นใน รัชกาลสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ พ.ศ๒๐๗๖ ซึ่งพระองค์ทรงแก้เรือแซเป็นเรือไชยและเรือรูปสัตว์ต่างๆ เพื่อจะให้ตั้งปืนใหญ่ที่หัวเรือได้ เรือรูปสัตว์นั้นถ้าเป็นเรือดั้งน่าจะเป็นเรือคู่ คือ เรือครุฑ ๑ คู่ เรือกระบี่ (ลิง) ๒ คู่ และจะเห็นได้ว่าเรือเสนาบดีและเรือประตูเป็นเรือรูปสัตว์จากตราตำแหน่งทั้งสิ้น จึงกล่าวได้ ว่าเรือรูปสัตว์นั้นมาจากตราตำแหน่งนั่นเอง เพราะเมื่อเทียบเรือรูปสัตว์กับตำแหน่งเสนาบดีที่ลดหลั่นลง มาก็จะเห็นว่าตรงกัน คชสีทีผาดเผ่น ดูดังเป็นเห็นขบขัน pch5252.(2552).เรือคชสีห์.[ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก http://www.thaigoodview.com/node/37932?page=0,1 สืบค้นเมื่อ 11 กันยายน 2564.

เรือราชสีห์ เรือราชสีห์ เป็นเรือที่มีหัวโขนเป็นรูปสิงโต เป็นสัตว์ที่มีกำลังมาก เมื่อโตเต็มวัยจะมีขนสร้อยคอยาว(ตัวผู้) ราชสีห์หรือสิงโต มีปรากฏในนิยายจีน และในป่าหิมพานต์ ราชสีห์ทียืนยัน คั่นสองคู่ดูยิ่งยง กรมศิลปากร.(2552).เรือพระราชพิธี.[ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก https://www.finearts.go.th/museumroyalbarges/view/9808 สืบค้นเมื่อ 11 กันยายน 2564.

เรือม้า เป็นเรือที่มีโขนเรือเป็นรูปม้า เพราะโดยทั่วไปของม้าจะเป็นสัตว์กีบเดี่ยว รูปร่างสูงใหญ่ ขายาว หางเป็นพู่ มีแผงคอยาว จึงนิยมนำมาทำเป็นพาหนะ เรือม้าหน้ามุ่งน้ำ แล่นเฉื่อยฉ่ำลำระหง เพียงม้าอาชาทรง องค์พระพายผายผันผยอง กรมศิลปากร.(2552).เรือพระราชพิธี.[ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก https://www.finearts.go.th/museumroyalbarges/view/9808 สืบค้นเมื่อ 11 กันยายน 2564.

เรือสิงห์ เป็นเรือพระที่นั่งมีโขนเป็นรูปหงส์ทอง เรียกสั้นๆว่า เรือหงส์ คำว่า สุวรรณ เป็นคำนาม หมายถึง ทอง ส่วนหงส์ นั้นหมายถึง นกในนิยายที่ ถือว่าเป็นนกในตระกูลสูง มีเสียงไพเราะ และเป็นพาหนะของพระพรหม เรือสิงห์วิ่งเผ่นโผน โจนตามคลื่นฝืนฝาฟอง ดูยิ่งสิงห์ลำพอง เป็นแถวท่องล่องตามกัน กรมศิลปากร.(2552).เรือพระราชพิธี.[ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก https://www.finearts.go.th/museumroyalbarges/view/9808 สืบค้นเมื่อ 11 กันยายน 2564.

เรือวาสุกรี เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช โขนเรือเป็นรูปพญานาคเจ็ดเศียร ลงรักปิดทองประดับกระจก ท้องเรือภายในทาสีแดง ภายนอกทาสีเขียว กลางลำเรือเป็นบุษบก สำหรับประดิษฐานพระพุทธรูปที่ สำคัญ หรืออัญเชิญผ้าพระกฐิน เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช ลำแรกสร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อมา พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้างขึ้นมาใหม่ หลังได้ รับความเสียหาย เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช มีความยาว 44.85 เมตร กว้าง 2.58 เมตร ลึกถึงท้อง เรือ 87 เซนติเมตร กินน้ำลึก 31 เซนติเมตร กำลังพลประจำเรือพระที่นั่งอนันตนาคราช ประกอบด้วย นายเรือ 2 นาย นายท้าย 2 นาย ฝีพาย 54 นาย คนถือธงท้าย 1 นาย พลสัญญาณ 1 นาย คนถือ ฉัตร 7 นาย คนขานยาว 1 นาย พนักงานเห่เรือ 1 นาย และเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง จำนวน 3 นาย รวม 72 นาย นาคาหน้าดังเป็น ดูขะเม่นเห็นขบขัน New18.(2562).เรือพระที่นั่งสำคัญ.[ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก https://www.newtv.co.th/news/45890 สืบค้นเมื่อ 11 กันยายน 2564.

เรือมังกร เป็นสัตว์วิเศษที่รู้จักกันในวรรณคดี มีรูปร่างลักษณะจัดอยู่ใน ประเภทสัตว์เลื้อยคลานหรืองู แต่มีเท้า มีเขา คาดว่าน่าจะมาจากสัตว์ ในนิยายของจีน มังกรถอนพายพัน ทันแข่งหน้าวาสุกรี Little Monk.(2552).เรือมังกร.[ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก http://www.thaigoodview.com/node/47071 สืบค้นเมื่อ 11 กันยายน 2564.

เรือเลียงผา เรือเลียงผา เป็นเรือที่หายากมากในปัจจุบันแต่พอจะทราบได้ว่า ตัวเลียงผานั้น เป็น สัตว์เคี้ยวเอื้องชนิด Capricornis sumatraensis วงศ์Bovidae รูปร่างมีความคล้ายคลึงกับแพะ ขนสีดำ แต่บางตัวก็มีขนสีขาวแซม ขายาว และแข็งแรง ความสูงที่ไหล่ 85-94 ซม. หนักประมาณ 85-140 กก.อาศัยอยู่ตามภูเขาที่มีหน้าผา หรือถํ้าตื้น ว่องไวและปราดเปรียวมาก สามารถว่ายน้ำข้ามระหว่างเกาะ และแผ่นดินได้ มีประสาทตา หู และรับกลิ่นได้ดีมาก เลียงผาง่าเท้าโผน เพียงโจนไปในวารี Little Monk.(2552).เรือเลียงผา.[ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก http://www.thaigoodview.com/node/47072 สืบค้นเมื่อ 11 กันยายน 2564.

เรืออินทรี เรืออินทรี เป็นเรือชนิดที่มีหัวเป็นนกอินทรี ทั้งนี้เพราะอินทรีได้ชื่อว่าเป็นสัตว์ที่ มีพละกำลังมากกรงเล็บแข็งแรง จึงเหมาะแก่การนำเอามาเป็นหัวโขนเรือรูปสัตว์ใน ประเทศไทยนั้น มีอินทรี 3 ชนิด คือ อินทรีนํ้าตาล อินทรีดำ และอินทรีปีกลาย นาวาหน้าอินทรีย์ ที่ปีกเหมือนเลื่อนลอยโพยม sss28265ver2.(2555).เรืออินทรี.[ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก http://www.thaigoodview.com/node/131217 สืบค้นเมื่อ 11 กันยายน 2564.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook