Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรสถานทวิศึกษาบัญชีปรับปรุง

หลักสูตรสถานทวิศึกษาบัญชีปรับปรุง

Published by master_rpk31, 2019-06-23 23:01:10

Description: หลักสูตรสถานทวิศึกษาบัญชีปรับปรุง

Search

Read the Text Version

๑๐๑ คาอธบิ ายรายวิชา รหัสวิชา ง๓๒๒๘๗ รายวิชาการบัญชบี ริษทั จากัด สาระการเรยี นรเู้ พม่ิ เตมิ กลุ่มสาระการเรยี นรกู้ ารงานอาชพี และเทคโนโลยี ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๕ จานวน ๔ ชวั่ โมง จานวน ๒.๐ หน่วยกิต คาอธิบายรายวิชา ศึกษาและปฏบิ ัติเกยี่ วกับความหมาย ประเภท และกฎหมายทีเ่ กย่ี วกับบรษิ ัทจากัด และบริษัทจากดั (มหาชน) ขอ้ แตกตา่ งระหว่างบรษิ ัทจากัด และบรษิ ัทจากัด (มหาชน) การจดทะเบียนบริษัทจากัด และบรษิ ัทจากดั (มหาชน) การจัดทาทะเบียนผู้ถอื หนุ้ การบนั ทกึ บัญชีการจาหน่ายหุน้ ทุนค่าใช้จา่ ยในการจัดตง้ั บรษิ ัท การรบิ หนุ้ การเพิ่มทุน การลดทุน การจัดสรรกาไร ต้ังสารองตามกฎหมายและสารองอื่น ๆการแกไ้ ขขอ้ ผิดพลาดทางบัญชี การจดั ทางบการเงิน การเลกิ กจิ การและชาระบญั ชี การบนั ทึกรายการเกย่ี วกับหนุ้ กู้ และการไถ่ถอนหนุ้ กู้ของ บริษัทจากัด (มหาชน) ผลการเรยี นรู้ ๑. มีความเขา้ ใจหลักการ และกระบวนการปฏบิ ตั งิ านบญั ชีของกิจการบริษัทจากัดและบริษัทจากดั (มหาชน) ๒. มที ักษะปฏบิ ัติงานบัญชีตามหลักการบัญชีทร่ี บั รองท่ัวไป สาหรบั กิจการบริษัทจากดั และบริษัทจากัด(มหาชน) ๓. มกี ิจนิสัย มีระเบยี บ ละเอียดรอบคอบ ซือ่ สัตย์ มวี นิ ัยตรงตอ่ เวลา และมเี จตคติทีด่ ตี ่อวชิ าชีพบัญชี รวมทัง้ หมด ๓ ผลการเรยี นรู้

๑๐๒ คาอธบิ ายรายวิชา รหสั วิชา ง๓๒๒๘๖ รายวิชากระบวนการจดั ทาบญั ชี สาระการเรยี นรูเ้ พม่ิ เตมิ กลุ่มสาระการเรยี นรกู้ ารงานอาชพี และเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี ๕ จานวน ๕ ชว่ั โมง จานวน ๒.๕ หน่วยกิต คาอธบิ ายรายวิชา ศึกษาและปฏิบัติเกยี่ วกับ กระบวนการจัดทาบัญชีตามวงจรบญั ชีโดยจัดทากรณศี ึกษาของธุรกิจบรกิ ารซ้อื ขายสินคา้ และอตุ สาหกรรม การจดทะเบียนธุรกจิ และการจดั การเอกสารท่เี กี่ยวข้อง การวิเคราะห์ รายการคา้ จากเอกสาร การจัดทางบการเงินวิธกี ารกรอกแบบแสดงรายการภาษีประเภทต่างๆ โดยถอื ปฏบิ ัติ ตามกฎหมายที่เก่ยี วข้อง ผลการเรียนรู้ ๑. ประมวลความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกบั เอกสารการดาเนนิ งาน หลักการ และกระบวนการปฏบิ ัตงิ านบญั ชี ของ กิจการในประเภทธรุ กิจบริการ ซอ้ื ขายสนิ ค้า และอตุ สาหกรรม ทั้งในรูปแบบของกิจการเจ้าของคนเดยี ว หา้ ง หุน้ สว่ น และบริษัทจากดั ๒. มที ักษะปฏบิ ัติงานบัญชตี ามหลักการบัญชีทีร่ บั รองทั่วไป พรอ้ มสาหรบั การปฏิบัติงานในวิชาชพี บญั ชี ๓. มกี ิจนิสัย มรี ะเบียบ ละเอียดรอบคอบ ซอ่ื สัตย์ มวี นิ ยั ตรงตอ่ เวลา และมีเจตคติที่ดตี ่อวิชาชพี บัญชี รวมทง้ั หมด ๓ ผลการเรยี นรู้

๑๐๓ คาอธบิ ายรายวิชา รหัสวิชา ง๓๒๒๘๘ รายวชิ าภาษเี งนิ ไดบ้ คุ คลธรรมดากับการบัญชี สาระการเรยี นรูเ้ พม่ิ เตมิ กลุม่ สาระการเรียนรูก้ ารงานอาชีพและเทคโนโลยี ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๕ จานวน ๓ ช่ัวโมง จานวน ๑.๕ หนว่ ยกิต คาอธิบายรายวิชา ศกึ ษาและปฏิบัติเกยี่ วกบั ผ้มู ีหน้าท่เี สยี ภาษเี งนิ ไดบ้ ุคลธรรมดา เงินได้พงึ ประเมนิ เงนิ ได้พึงประเมินทีไ่ ดร้ บั การ ยกเว้น การหักคา่ ใชจ้ ่าย คา่ ลดหย่อน เงนิ บริจาค การคานวณภาษี วิธกี ารกรอกแบบและกาหนดเวลาในการยน่ื แบบแสดงรายการภาษเี งนิ ได้บคุ คลธรรมดา ภาษหี ัก ณ ท่ีจ่าย ภาษมี ูลคา่ เพ่ิม และการบันทกึ บญั ชีตามประมวล รษั ฎากร ผลการเรียนรู้ ๑. มคี วามเข้าใจหลักการบนั ทึกบญั ชี วิธกี ารคานวณ และขั้นตอนการยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษเี งนิ ได้บุคคล ธรรมดา ๒. มีทกั ษะปฏิบัติงานบัญชีเก่ียวกบั ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามที่กฎหมายกาหนด ๓. มกี ิจนสิ ัย มรี ะเบยี บ ละเอียดรอบคอบ ซอ่ื สัตย์ มีวนิ ัยตรงต่อเวลา และมีเจตคติท่ีดีต่อวิชาชีพบัญชี รวมทง้ั หมด ๓ ผลการเรียนรู้

๑๐๔ คาอธิบายรายวิชา รหัสวิชา ง๓๓๒๖๑ รายวชิ าภาษีเงนิ ไดน้ ิตบิ ุคคลกบั การบญั ชี สาระการเรียนรูเ้ พม่ิ เตมิ กลุ่มสาระการเรียนรกู้ ารงานอาชพี และเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ ๕ จานวน ๓ ช่ัวโมง จานวน ๑.๕ หน่วยกิต คาอธิบายรายวิชา ศกึ ษาและปฏบิ ัตเิ ก่ยี วกบั ผู้มหี น้าท่เี สยี ภาษีเงนิ ได้นิติบุคคล การคานวณกาไรสทุ ธิเพื่อเสียภาษี เงนิ ได้นติ บิ ุคคล การบันทกึ บัญชี วธิ ีการยน่ื แบบแสดงรายการภาษเี งนิ ได้นติ ิบุคคลครง่ึ รอบและส้นิ รอบ ระยะเวลาบัญชี ศกึ ษาและปฏบิ ัตเิ กีย่ วกบั ผูม้ หี น้าทีห่ ักภาษี ณ ทจ่ี ่าย การคานวณ การบนั ทึกบญั ชี การจัดทา หนังสอื รบั รองการหกั ภาษี ณ ทจี่ ่าย และวธิ กี ารนาส่งภาษหี ัก ณ ท่จี ่าย ศกึ ษาและปฏบิ ัติเกย่ี วกบั ผมู้ ีหนา้ ที่เสียภาษีมูลคา่ เพิม่ ภาษีธุรกจิ เฉพาะและอากรแสตมป์ ผไู้ ด้รบั การยกเวน้ ภาษี การคานวณภาษี การบันทึกบัญชี วิธีการยนื่ แบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพ่ิมและภาษีธรุ กจิ เฉพาะ ผลการเรยี นรู้ ๑. มีความเข้าใจหลักการ และกระบวนการปฏิบัติงานบญั ชีท่เี กี่ยวข้องกับภาษเี งินได้นิติบุคคล ๒. มที กั ษะปฏบิ ัติงานบญั ชีเกี่ยวกบั ภาษเี งนิ ไดน้ ิตบิ คุ คล ตามหลักการบญั ชที ่ีรับรองทั่วไปและ ท่ีกฎหมายกาหนด ๓. มีกิจนสิ ัย มรี ะเบยี บ ละเอียดรอบคอบ ซอ่ื สตั ย์ มวี ินยั ตรงตอ่ เวลา และมเี จตคตทิ ี่ดตี ่อวิชาชพี บญั ชี รวมทัง้ หมด ๓ ผลการเรียนรู้

๑๐๕ คาอธบิ ายรายวชิ า รหัสวชิ า ง๓๑๒๙๑ รายวิชาการเปน็ ผปู้ ระกอบการ สาระการเรยี นรเู้ พม่ิ เตมิ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๔ จานวน ๒ ช่ัวโมง จานวน ๑.๐ หนว่ ยกิต คาอธิบายรายวิชา ศึกษาแนวคิดเกีย่ วกับการเปน็ ผูป้ ระกอบการที่ดี จดั ทาแผนธรุ กจิ ทีม่ ีประสทิ ธิภาพ และนาปรัชญาการดาเนินธรุ กจิ ทเี่ หมาะสมไปประยุกต์ใช้กับสังคมและชมุ ชนได้ ตลอดจนบทบาทหน้าท่ีของธรุ กิจ ภาษีธรุ กิจและกฎหมายที่ เกย่ี วขอ้ ง ผลการเรียนรู้ ๑. เข้าใจหลักการของการเป็นผปู้ ระกอบการทด่ี ี ๒. เข้าใจหลักการจัดทาแผนธุรกิจ ๓. ประเมนิ ผลความเหมาะสมของแผนธุรกจิ ๔. เข้าใจหลักการของระบบเศรษฐกจิ ตลาด ๕. เขา้ ใจบทบาทหน้าที่ขององค์กรธรุ กจิ และกฎหมายท่ีเกี่ยวข้อง รวมท้งั หมด ๕ ผลการเรียนรู้

๑๐๖ คาอธบิ ายรายวิชา รหัสวิชา ง๓๒๒๗๕ รายวชิ าการบัญชสี นิ ค้าและระบบบญั ชเี ด่ยี ว สาระการเรียนรู้ เพ่มิ เตมิ กลมุ่ สาระการเรยี นรูก้ ารงานอาชพี และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ ๕ จานวน ๓ ชวั่ โมง จานวน ๑.๕ หนว่ ยกิต คาอธิบายรายวิชา ศึกษาและปฏบิ ตั เิ กย่ี วกับ ระบบการควบคุมสินค้า โดยการทาบญั ชีคุมสินค้าตามมาตรฐานการบญั ชี การ ตรวจนบั การตรี าคาสนิ คา้ คงเหลอื ในวันส้ินงวดบัญชี การบนั ทกึ รายการเก่ียวกับสนิ ค้าคงเหลอื แบบสิ้นงวดและ แบบต่อเน่ือง และการเปิดเผยขอ้ มลู เกี่ยวกบั สนิ คา้ คงเหลอื ในวันสน้ิ งวดบัญชีศกึ ษาและปฏบิ ตั เิ ก่ียวกับ งบแสดง ฐานะการเงนิ การคานวณกาไรหรือขาดทุนตามระบบบัญชีเดย่ี วการคานวณยอดซื้อสนิ คา้ การคานวณยอดขาย สนิ ค้า การคานวณรายได้ ค่าใช้จ่าย สนิ ทรพั ย์ หนสี้ ิน และสว่ นของเจา้ ของตามระบบบัญชเี ด่ียว การคานวณโดยใช้ อัตรากาไรขั้นตน้ การจัดทางบการเงนิ ผลการเรียนรู้ ๑. มคี วามเขา้ ใจหลักการปฏิบัติงานบัญชีสินคา้ ๒. มคี วามเข้าใจหลักการคานวณสินทรัพย์ หน้สี ิน และสว่ นของเจ้าของ รายได้ คา่ ใช้จ่ายตาม ระบบบญั ชีเดีย่ ว เพ่ือจดั ทางบการเงิน ๓. มที ักษะปฏบิ ัติงานบญั ชีตามหลกั การบัญชที ี่รบั รองท่ัวไป พร้อมสาหรบั การปฏิบตั ิงาน ในวิชาชีพบญั ชี ๔. มกี ิจนิสัย มรี ะเบยี บ ละเอยี ดรอบคอบ ซ่อื สตั ย์ มีวินัยตรงตอ่ เวลา และมีเจตคติท่ีดีต่อวชิ าชพี บัญชี รวมท้งั หมด ๔ ผลการเรยี นรู้

๑๐๗ คาอธิบายรายวิชา รหสั วิชา ง๓๒๒๘๙ รายวชิ าการบัญชตี ัว๋ เงนิ สาระการเรียนรู้เพ่ิมเตมิ กลมุ่ สาระการเรียนร้กู ารงานอาชีพและเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๕ จานวน ๓ ชว่ั โมง จานวน ๑.๕ หน่วยกิต คาอธิบายรายวชิ า ศกึ ษาและปฏบิ ัติเกย่ี วกับ ความหมายและประเภทของตว๋ั เงนิ คานวณวันครบกาหนดของต๋วั เงนิ และ ดอกเบย้ี ตว๋ั เงิน การบนั ทึกบัญชีเก่ยี วกับตว๋ั เงนิ สมดุ ทะเบียนเก่ียวกบั ตั๋วเงิน การปรบั ปรงุ บัญชีและการปิด บญั ชเี กย่ี วกับดอกเบีย้ ตว๋ั เงนิ ในวนั สิ้นงวดบัญชี การบนั ทึกบัญชเี กย่ี วกบั การสลักหลังโอนต๋วั เงินการขายลดต๋วั เงนิ และตั๋วเงนิ ขาดความเชอ่ื ถือ ศกึ ษาและปฏิบตั เิ กี่ยวกับ ความหมายและประเภทของเช็ค การติดตอ่ กับธนาคารและรายการ ท่ีเกี่ยวกบั เช็ค การบนั ทึกบัญชีท่เี ก่ยี วกบั การฝากและการถอนเงนิ จากธนาคาร ระบบเงินสดยอ่ ยและการทา งบพสิ ูจน์ยอดเงินฝากธนาคาร ผลการเรียนรู้ ๑. มีความเข้าใจหลักการ และกระบวนการปฏบิ ัติงานบัญชีเกี่ยวกับต๋ัวเงนิ ๒. มีทกั ษะปฏิบัติงานบัญชีเบื้องตน้ ตามหลกั การบัญชีท่รี บั รองท่ัวไปเก่ียวกับตั๋วเงิน ๓. มีกจิ นิสยั มีระเบยี บ ละเอียดรอบคอบ ซอ่ื สัตย์ มีวนิ ัยตรงต่อเวลา และมีเจตคติท่ีดตี ่อวชิ าชีพ บัญชี รวมท้งั หมด ๓ ผลการเรยี นรู้

๑๐๘ คาอธิบายรายวชิ า รหสั วิชา ง๓๒๒๖๙ รายวิชาโครงการ สาระการเรยี นรเู้ พ่ิมเตมิ กลุม่ สาระการเรยี นรู้การงานอาชพี และเทคโนโลยี ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๖ จานวน ๘ ชว่ั โมง จานวน ๔ หน่วยกติ คาอธบิ ายรายวิชา ศกึ ษาและปฏบิ ัตเิ ก่ียวกบั หลกั การจัดทาโครงการ การวางแผน การดาเนนิ งาน การแก้ไขปญั หา การประเมนิ ผล การจัดทารายงานและการนาเสนอผลงาน โดยปฏิบตั ิจดั ทาโครงการสร้างและหรอื พฒั นางาน ทีใ่ ชค้ วามรู้และทักษะในระดับฝีมือสอดคล้องกับสาขาวิชาชพี ที่ศกึ ษา ดาเนินการเป็นรายบุคคลหรอื กลมุ่ ตาม ลักษณะของงานใหแ้ ล้วเสร็จในระยะเวลาท่ีกาหนด ผลการเรยี นรู้ ๑. เข้าใจหลกั การและกระบวนการวางแผนจดั ทาโครงการสร้างและหรือพัฒนางาน ๒. ประมวลความร้แู ละทักษะในการสร้างและหรอื พัฒนางานในสาขาวิชาชีพตามกระบวนการวางแผน ดาเนินงาน แก้ไขปญั หา ประเมินผล ทารายงานและนาเสนอผลงาน ๓. มเี จตคติและกจิ นิสัยในการทางานด้วยความรบั ผิดชอบ มีวินัย คุณธรรม จริยธรรม ความคิดรเิ ริ่มสร้างสรรค์และ สามารถทางานรว่ มกับผอู้ ่นื รวมทั้งหมด ๓ ผลการเรียนรู้

๑๐๙ คาอธิบายรายวชิ า รหัสวชิ า ง๓๒๒๖๐ รายวชิ าการจัดการสนิ คา้ คงคลงั สาระการเรียนรู้เพ่มิ เตมิ กลุม่ สาระการเรียนรู้การงานอาชพี และเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๖ จานวน ๓ ชวั่ โมง จานวน ๑.๕ หน่วยกิต คาอธบิ ายรายวิชา ศึกษาและปฏิบตั เิ กี่ยวกบั หลกั การบรหิ ารจดั การสนิ ค้าคงคลัง ระบบการจัดซ้ือ ขน้ั ตอนและวธิ ีการ ปฏบิ ตั ิงานการจดั ซ้ือ การกาหนดจดุ สั่งซอ้ื การตรวจรบั จดั เก็บสินคา้ จัดทาและให้รหัสสินคา้ บัญชีควบคมุ สินคา้ การเบกิ จ่าย การตรวจนบั การคานวณ การตรี าคาและรายงานสินค้าคงเหลือในวนั ส้นิ งวดบญั ชี ผลการเรยี นรู้ ๑. มีความเขา้ ใจหลกั การจัดการสินค้าคงคลัง วิธกี าร ขั้นตอนการปฏบิ ตั ิงานเก่ยี วกบั สนิ ค้าคงคลงั ๒. มีทกั ษะในการปฏิบตั งิ านเกี่ยวกับการจดั ทาและให้รหัสสินค้าบญั ชีควบคมุ สนิ ค้าและการบรหิ ารจัดการ คลงั สนิ คา้ ๓. มกี ิจนสิ ัย มีระเบยี บ ละเอียดรอบคอบ ซ่อื สตั ย์ มวี นิ ยั ตรงต่อเวลา และมเี จตคตทิ ี่ดตี ่อวิชาชีพบัญชี รวมทง้ั หมด ๓ ผลการเรียนรู้

๑๑๐ คาอธบิ ายรายวชิ า รหสั วชิ า ง๓๓๒๖๓ รายวชิ าการบัญชีกจิ การพเิ ศษ สาระการเรยี นรู้เพ่ิมเตมิ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๖ จานวน ๓ ช่ัวโมง จานวน ๑.๕ หนว่ ยกิต คาอธบิ ายรายวชิ า ศกึ ษาและปฏิบัติเกี่ยวกบั การบัญชขี องกจิ การพเิ ศษ ประเภทสถานศึกษาเอกชน สถานพยาบาล มูลนธิ ิ สมาคม สโมสร เกษตรกร ผปู้ ระกอบอาชีพอสิ ระ และนาเสนองบการเงิน ผลการเรยี นรู้ ๑. มคี วามเข้าใจหลกั การ กระบวนการปฏิบตั ิงานบัญชีของกิจการพิเศษประเภทสถานศึกษาเอกชน สถานพยาบาล มลู นิธิ สมาคม สโมสร ผูป้ ระกอบอาชีพอสิ ระ และเกษตรกร ๒. มีทักษะการปฏบิ ตั งิ านบัญชีของกิจการพเิ ศษ ลักษณะต่าง ๆ และสามารถประยุกต์ใช้ในการดารงชีวิตประจาวัน ๓. มกี จิ นิสยั มีระเบยี บ ละเอียดรอบคอบ ซอ่ื สัตย์ มีวินัยตรงตอ่ เวลา และมีเจตคติที่ดตี ่อวชิ าชีพบญั ชี รวมท้ังหมด ๓ ผลการเรียนรู้

๑๑๑ คาอธบิ ายรายวิชา รหัสวชิ า ง๓๒๒๖๒ รายวชิ าการบญั ชีสินคา้ สาระการเรียนรู้เพม่ิ เตมิ กลุ่มสาระการเรียนรกู้ ารงานอาชีพและเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๖ จานวน ๓ ชั่วโมง จานวน ๑.๕ หน่วยกิต คาอธบิ ายรายวิชา ศกึ ษาและปฏิบตั ิเกีย่ วกบั ระบบการควบคุมสนิ คา้ โดยการทาบัญชคี วบคุมสนิ คา้ ตามมาตรฐาน การบัญชี การตรวจนบั สนิ คา้ คงเหลือในวนั สนิ้ งวดบญั ชี การตรี าคาสินค้าคงเหลอื วธิ ีการบนั ทึกบัญชีสินคา้ คงเหลอื แบบสนิ้ งวด และวิธกี ารบัญชีสินค้าคงเหลอื แบบต่อเน่ือง ผลการเรียนรู้ ๑. มีความเขา้ ใจในหลักการ และกระบวนการปฏบิ ัติงานบญั ชีเกี่ยวกบั สนิ ค้า ๒. มีทักษะปฏิบตั ิงานบัญชี ทั้งในการควบคมุ และตรวจสอบการปฏบิ ตั ิงานเก่ยี วกับสนิ ค้า ๓. มีกิจนิสัย มีระเบียบ ละเอียดรอบคอบ ซ่อื สัตย์ มวี ินัยตรงตอ่ เวลา และมีเจตคติท่ีดีต่อวิชาชพี บัญชี รวมทั้งหมด ๓ ผลการเรยี นรู้

๑๑๒ คาอธบิ ายรายวชิ า รหสั วชิ า ง รายวชิ าการบญั ชีเช่าซอื้ และฝากขาย สาระการเรยี นรู้เพมิ่ เตมิ กลุม่ สาระการเรยี นรู้การงานอาชพี และเทคโนโลยี ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๖ จานวน ๔ ชั่วโมง จานวน ๒.๐ หน่วยกิต คาอธิบายรายวิชา ศกึ ษาและปฏบิ ัตเิ กี่ยวกบั กฎหมายการเช่าซื้อและซ้ือขายผอ่ นชาระ การบันทึกบัญชเี ช่าซ้ือและซ้ือขาย ผ่อนชาระ สนิ ค้ารบั แลกเปลย่ี น การยึดสินค้าคืน การคานวณดอกเบี้ย แสดงรายการเกี่ยวกับการเช่าซ้ือและ ซ้อื ขายผ่อนชาระในงบการเงิน ศึกษาและปฏบิ ตั เิ กย่ี วกบั การบญั ชฝี ากขายสินค้า วิธีส่งสินคา้ ไปฝากขาย การรับฝากขาย เงินทดรองจา่ ย หน้ีสนิ ระหวา่ งผู้ฝากขายกับผ้รู ับฝากขาย และการแสดงรายการเกย่ี วกบั การฝากขายในงบการเงนิ ผลการเรยี นรู้ ๑. มคี วามเขา้ ใจหลักการ และกระบวนการปฏิบัตงิ านบัญชีของกิจการที่ดาเนินการเช่าซื้อและฝากขายสินค้า ๒. มที ักษะปฏบิ ตั ิงานบญั ชี ตามหลกั การบัญชีท่รี บั รองทว่ั ไป ของกจิ การที่ดาเนินการเช่าซอ้ื และฝากขายสนิ ค้า ๓. มกี ิจนสิ ยั มรี ะเบียบ ละเอียดรอบคอบ ซอื่ สัตย์ มวี ินยั ตรงต่อเวลา และมเี จตคตทิ ่ีดตี ่อวชิ าชพี บัญชี รวมทง้ั หมด ๓ ผลการเรียนรู้

๑๑๓ คาอธิบายรายวชิ า รหสั วิชา ง รายวิชาการประยกุ ตโ์ ปรแกรมตารางงานเพอื่ งานอาชพี สาระการเรียนรูเ้ พ่ิมเตมิ กลุ่มสาระการเรยี นร้กู ารงานอาชพี และเทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๖ จานวน ๔ ชั่วโมง จานวน ๒.๐ หนว่ ยกิต คาอธบิ ายรายวชิ า ศกึ ษาและปฏิบัตเิ ก่ยี วกบั การเรม่ิ ต้นใช้โปรแกรมตารางงาน ส่วนประกอบของโปรแกรมตารางงาน การปอ้ นและจัดรปู แบบข้อมูล การสรา้ งสตู รและการใชฟ้ งั ก์ช่ันในการคานวณ เพ่ือสร้างสมุดบันทึก รายการขั้นตน้ การผ่านรายการไปบัญชแี ยกประเภท การปรบั แกข้ ้อมลู การจดั การฐานข้อมูลในตารางงาน จดั ทารายงานทางการเงิน การออกรายงาน การวเิ คราะห์ข้อมูลในรปู แบบขอ้ ความและแผนภูมิ ผลการเรยี นรู้ ๑. มคี วามเข้าใจหลกั การใช้โปรแกรมตารางงานเพอื่ งานบัญชี ๒. มที กั ษะในการใชโ้ ปรแกรมตารางงานเพือ่ งานบัญชี ๓. มกี ิจนิสัย มีระเบยี บ ละเอียดรอบคอบ ซ่อื สัตย์ มีวินัยตรงตอ่ เวลา และมเี จตคตทิ ี่ดตี ่อวชิ าชพี บญั ชี รวมท้ังหมด ๓ ผลการเรียนรู้

๑๑๔ คาอธบิ ายรายวิชา รหสั วชิ า ง รายวชิ าการฝึกงาน สาระการเรียนรู้เพิ่มเตมิ กลมุ่ สาระการเรยี นรกู้ ารงานอาชพี และเทคโนโลยี ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๖ จานวน ๘ ชัว่ โมง จานวน ๔.๐ หน่วยกิต คาอธบิ ายรายวิชา ปฏบิ ัติงานท่ีสอดคล้องกบั ลักษณะของงานในสาขาวิชาชพี ในสถานประกอบการ สถานประกอบ อาชพี อิสระหรือแหล่งวิทยาการ ใหเ้ กิดความชานาญ มีทกั ษะและประสบการณง์ านอาชีพในระดับฝีมือ โดย ผา่ นความเห็นชอบรว่ มกันของผู้รับผิดชอบการฝกึ งานในสาขาวิชานัน้ ๆ และรายงานผลการปฏบิ ัตงิ าน ตลอดระยะเวลาการฝกึ งาน ผลการเรยี นรู้ ๑. เขา้ ใจขน้ั ตอนและกระบวนการปฏบิ ัติงานอาชพี อย่างเปน็ ระบบ ๒. ปฏิบัติงานอาชีพในสถานประกอบการ สถานประกอบอาชพี อสิ ระหรือแหล่งวิทยาการจนเกิดความชานาญ มี ทักษะและประสบการณ์ นาไปประยกุ ต์ใช้ในการปฏบิ ตั งิ านอาชพี ระดบั ฝมี ือ ๓. มเี จตคติท่ีดีต่อการปฏบิ ัติงานอาชพี และมกี จิ นสิ ยั ในการทางานด้วยความรับผดิ ชอบ มีวนิ ยั คุณธรรมจรยิ ธรรม ความคิดสรา้ งสรรค์และสามารถทางานรว่ มกับผ้อู ืน่ รวมทัง้ หมด ๓ ผลการเรียนรู้

๑๑๕ คาอธบิ ายรายวิชา รหสั วิชา ง รายวิชาคอมพิวเตอร์และการบารงุ รกั ษา สาระการเรียนรู้เพมิ่ เติม กลุ่มสาระการเรียนรกู้ ารงานอาชพี และเทคโนโลยี ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๖ จานวน ๔ ชวั่ โมง จานวน ๒.๐ หนว่ ยกิต คาอธิบายรายวชิ า ศกึ ษาและปฏิบัตเิ กีย่ วกับหลักการทางานของอุปกรณ์คอมพิวเตอรแ์ ละอปุ กรณต์ ่อพว่ ง ประกอบ เครือ่ งคอมพวิ เตอร์และติดตง้ั โปรแกรมตามลักษณะงาน การบารงุ รักษาอปุ กรณค์ อมพิวเตอร์ ตรวจและ กาจัดไวรสั แก้ปญั หาคอมพวิ เตอร์ดว้ ยโปรแกรมอรรถประโยชน์ สารองและป้องกนั ความเสียหายของ ข้อมูล การกคู้ นื ข้อมลู ผลการเรยี นรู้ ๑. เขา้ ใจเก่ยี วกบั หลกั การทางานและการใช้งานอุปกรณ์คอมพวิ เตอร์ ๒. สามารถประกอบ และบารุงรักษาคอมพวิ เตอร์ ๓. ตรวจสอบและแกป้ ญั หาคอมพิวเตอร์ด้วยโปรแกรมอรรถประโยชน์ ๔. มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นิยมทีด่ ีในการใช้คอมพิวเตอร์

๑๑๖ คาอธบิ ายรายวชิ า รหัสวชิ า ง รายวชิ า การสง่ เสรมิ การขาย สาระการเรียนรเู้ พม่ิ เตมิ กลุม่ สาระการเรยี นรกู้ ารงานอาชีพและเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี ๖ จานวน ๔ ช่ัวโมง จานวน ๒.๐ หน่วยกติ คาอธิบายรายวิชา ศึกษาและปฏิบัติเกี่ยวกบั หลักการส่งเสริมการขาย การสง่ เสรมิ การขายมุ่งสู่ผูบ้ รโิ ภค การส่งเสรมิ การขายมุ่งสู่คนกลาง การส่งเสรมิ การขายมุ่งสพู่ นักงานขาย ปญั หาและอปุ สรรค การวัดผลและประเมนิ ผล กฎหมายและจรรยาบรรณการส่งเสรมิ การขาย เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สารการส่งเสริมการขาย ผลการเรียนรู้ ๑. เข้าใจหลักการและกระบวนการส่งเสริมการขาย ๒. เขา้ ใจกฎหมายและจรรยาบรรณการสง่ เสริมการขาย ๓. เขา้ ใจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารการสง่ เสรมิ การขาย ๔. มีทักษะในการวางแผนและจดั กจิ กรรมส่งเสริมการขายตามสถานการณ์ทางการตลาด ๕. มีเจตคติและกจิ นิสยั ท่ดี ีในการทางานด้วยความคิดรเิ ริ่มสรา้ งสรรค์ ความกระตอื รือร้น การทางานเปน็ ทมี และความประหยัด

๑๑๗ กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น ความหมาย กจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี น เปน็ กิจกรรมท่ีจัดอยา่ งเป็นกระบวนการดว้ ยรูปแบบ วิธีการที่หลากหลาย ในการ พัฒนาผู้เรียนท้ังด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ และสังคม มุ่ง เสริมสร้างเจตคติ คุณค่าชีวิต ปลูกฝัง คุณธรรมและค่านิยมอันพึงประสงค์ ส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักและเข้าใจตนเองสร้างจิตสานึก และร่วมอนุรักษ์ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม ปรับตัวและมีจิตสาธารณะโดยคานึงถึงประโยชน์ต่อสังคม ประเทศชาติและดารงชีวิต อยา่ งมคี วามสุข รวมท้ังการน้อมนาเอาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นฐานในการดารงชีวติ ลกั ษณะของกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น ๑. ผูเ้ รียนได้รบั ประสบการณ์ทหี่ ลากหลาย เกิดความรู้ ความชานาญ ทั้งวิชาการและวชิ าชีพ อย่าง กวา้ งขวางมากย่ิงขึน้ ๒. ผู้เรียนคน้ พบความสนใจ ความถนัด และพัฒนาความสามารถพิเศษเฉพาะตัว มองเหน็ ช่องทางใน การสรา้ งงานอาชพี ในอนาคตไดเ้ หมาะสมกบั ตนเอง ๓. ผูเ้ รียนเหน็ คณุ ค่าขององค์ความรู้ตา่ ง ๆ สามารถนาความรู้และประสบการณ์ไปใช้ในการพัฒนา ตนเอง และประกอบสัมมาชพี ๔.ผูเ้ รยี นพัฒนาบุคลกิ ภาพ เจตคตใิ นคา่ นยิ มในการดารงชีวิต และเสรมิ สรา้ งศลี ธรรม จริยธรรม ๕. ผู้เรียนมีจิตสาธารณะ และทาประโยชน์เพ่ือสังคม และประเทศชาติ กิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น ๑. กจิ กรรมแนะแนว ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๑-๖ เรียนสัปดาหล์ ะ ๑ ชัว่ โมง ๒. กจิ กรรมนักเรยี น ๒.๑ กจิ กรรมลูกเสือ เนตรนารี ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑-๖ เรียนสปั ดาหล์ ะ ๑ ชวั่ โมง ๒.๒ กจิ กรรมพฒั นาความถนัด ความสนใจ ตามความต้องการของผเู้ รียน เปน็ กิจกรรมที่ จดั ใน เวลาเรยี น ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๑-๖ เรยี นสปั ดาหล์ ะ ๑ ช่ัวโมง ๓. กจิ กรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณะประโยชน์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๑-๖ จัดบรู ณาการไว้ในกจิ กรรม ลูกเสอื เนตรนารี จดั เรยี นปีละ ๑๐ ชั่วโมง โดยจัดยดื หยุ่นเองตามความเหมาะสมและความจาเปน็ ในแตล่ ะระดับชั้น เรียนทง้ั น้ีใหค้ รผู ู้สอนในระดบั ช้นั เรียนนั้น ๆ รว่ มกันออกแบบกิจกรรมเพือ่ ใหผ้ เู้ รียนได้บรรลุเป้าหมายทห่ี ลักสตู ร แกนกลาง ฯ กาหนด โดยคานงึ ถึงวัยและวุฒิภาวะของผู้เรียน ๔. กิจกรรมพฒั นาทักษะดารงชวี ติ ๘ กจิ กรรมโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ จัดกจิ กรรมพัฒนา ผู้เรียน ดังน้ี ๑. กจิ กรรมแนะแนว เปน็ กิจกรรมทีส่ ง่ เสรมิ และพฒั นาความสามารถของผู้เรยี นให้เหมาะสม ตาม ความแตกต่างระหว่างบุคคล สามารถค้นพบและพฒั นาศักยภาพของคน เสรมิ สรา้ งทักษะชวี ิต วฒุ ภิ าวะทาง อารมณ์ และการสรา้ งสัมพนั ธภาพทีด่ ี ซง่ึ ผสู้ อนทุกคนต้องทาหนา้ ทแ่ี นะแนวให้คาปรึกษา ด้านการเรยี นรู้ ทักษะ ชีวิต การอยรู่ ่วมกันในสังคม การศกึ ษาต่อและการพัฒนาตนเอง สู่โลกเพ่ือการอยรู่ ่วมกนั ในสังคมอย่างปกติสขุ กจิ กรรมแนะแนวเปน็ บทบาทของครทู ุกคน ทีจ่ ะต้องดาเนินการ คัดกรอง และจดั กจิ กรรมหรือ บรกิ ารตา่ ง ๆ เพ่ือส่งเสริม พัฒนา ปอ้ งกนั แกไ้ ข โดยครูทุกคนดาเนินการดงั นี้ ๑. ศึกษาและรวบรวมข้อมลู ผู้เรียนเป็นรายบคุ คล ๒. คัดกรองผเู้ รียนเพื่อจาแนกผู้เรยี นออกเป็น ๒ กลุม่ คือ กลุ่มปกติ และกลุ่มพเิ ศษ ๓. ดแู ลช่วยเหลอื ให้คาปรึกษาในด้านตา่ ง ๆ ใหผ้ เู้ รียนได้พฒั นาเตม็ ตามศักยภาพ

๑๑๘ ๔. พัฒนาระบบข้อมลู และภมู คิ วามรู้ทท่ี ันสมัย อันจะเกิดประโยชน์ และจาเปน็ ในการดาเนินชีวติ ๕. ประสานงานกับผ้ปู กครอง ชมุ ชน เพือ่ การร่วมมือในการดูแลช่วยเหลอื ผูเ้ รยี น ๖. ประสานงานกบั ผเู้ กี่ยวขอ้ งทงั้ ภายในและภายนอกสถานศึกษา เพื่อการดแู ลช่วยเหลือ และ การส่งตอ่ ผ้เู รยี น ๗. จัดกิจกรรมทั้งในและนอกห้องเรยี น เพ่ือป้องกนั แก้ไข สง่ เสริมและพัฒนาผเู้ รยี นทกุ คน รวมท้ังผู้ทมี่ คี วามสามารถพิเศษ ผดู้ ้อยโอกาส คนพกิ าร ตลอดจนผมู้ ปี ัญหาชีวติ และสงั คม ให้สามารถพฒั นาตน ได้เต็มตามศักยภาพ ๘. รว่ มจัดบริการตา่ ง ๆ เชน่ - จัดบริการดา้ นสุขภาพ - จดั หาทนุ และอาหารกลางวัน - จัดศนู ย์การเรียนรู้ใหผ้ ้เู รยี น เพื่อการวางแผนชีวิต - จัดบรกิ ารชว่ ยผ้เู รยี นท่ีมปี ัญหา หรือความต้องการ - ติดตามผลผูเ้ รียนทงั้ ในปัจจุบนั และจบการศกึ ษาแล้ว ๙. นเิ ทศ กากับ ติดตาม ประเมินผล และประชาสัมพนั ธ์ กิจกรรมแนะแนวทโ่ี รงเรียนจัดมดี ังน้ี ๑. การศึกษาเด็กเป็นรายบุคคล ใหค้ รูประจาชัน้ และครูประจาวิชา มกี ารศึกษาเด็กเป็น รายบคุ คลอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ๒. การสอนซ่อมเสรมิ เปน็ การสอนซอ่ มดว้ ยกิจกรรมทห่ี ลากหลายให้กับเดก็ ท่เี รยี นอ่อน และมีปัญหา และสอนเสริมใหก้ ับเดก็ ทเ่ี รียนเก่ง สามารถศกึ ษาหาความร้ดู ้วยตนเองได้ด้วยกลวธิ ที ่ีหลากหลาย ท้ังนีต้ ้องเป็นไปตามความตอ้ งการของผู้เรียน ๓. การส่งเสรมิ ศักยภาพของนักเรียน ซงึ่ ครูผู้รับผดิ ชอบจะใช้ขอ้ มูลพน้ื ฐานของนกั เรยี น รายบคุ คลเป็นฐานในการส่งเสรมิ ศักยภาพเฉพาะด้านให้กับนกั เรยี นน้นั ๆ และดาเนินการอยา่ งเป็นระบบ เพื่อให้ นกั เรียนได้รับการสง่ เสริมเตม็ ศกั ยภาพ ๔. การตรวจสุขภาพ มีการตรวจสุขภาพและวิเคราะห์ผลการเจริญเตบิ โตของนักเรียน ทุกคน อยา่ งเปน็ ระบบสามารถตรวจสอบได้ ๕. การจดั ทุนการศึกษา และทนุ อาหารกลางวนั ให้กับนักเรยี นท่ีขาดแคลนทางด้านทุนทรัพย์ ๖. รวบรวมข้อมลู ข่าวสาร สารสนเทศ ของนกั เรยี นเพอ่ื ใหน้ ักเรยี นได้สารวจตนเอง และ รูจ้ ักตนเองในทุกด้าน ๗. การติดตามผลผเู้ รียนในปจั จบุ ันและจบการศึกษาแล้ว ๘. การแนะแนวการศึกษา ให้ผ้เู รยี นพฒั นาการเรียนได้เตม็ ศักยภาพ วางแผนการเรียนและ การศึกษาต่อไปอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ ๒. กิจกรรมนักเรยี น เปน็ กจิ กรรมทีเ่ กดิ จากความสมัครใจของผเู้ รยี นไดพ้ ฒั นาตามคุณลักษณะอนั พึง ประสงค์ เพ่ิมเตมิ จากกจิ กรรมในกลุ่มสาระการเรียนรู้ เป็นกจิ กรรมที่อาศยั ความรว่ มมือระหว่างครู นักเรยี น ผปู้ กครอง ทีช่ ว่ ยกนั คิด ช่วยกนั ทา ช่วยกนั แก้ปญั หา ส่งเสรมิ ศักยภาพของผู้เรยี นอยา่ งเต็มท่ี รวมถงึ กิจกรรมท่ี ปลกู ฝงั ความมรี ะเบียบวนิ ัยรับผดิ ชอบ รู้จักสทิ ธแิ ละหน้าทขี่ องตนเอง ซง่ึ แบ่งเป็นกิจกรรมหลัก ๒ กจิ กรรม คือ ๒.๑ กิจกรรมลกู เสอื เนตรนารี ยวุ กาชาด เปน็ กิจกรรมท่ีมุ่งปลูกฝัง ระเบียบวินยั กฎกตกิ า เพื่อ การอยูร่ ว่ มกันในสภาพชวี ิตต่าง ๆ นาไปส่พู ้นื ฐานการทาประโยชนแ์ กส่ งั คม และวถิ ีชวี ิตในระบอบประชาธปิ ไตย อันมีพระมหากษัตรยิ ์ทรงเป็นประมุข

๑๑๙ ๒.๒ กิจกรรมพฒั นาความถนัด ความสนใจ ตามความต้องการของผเู้ รียน เปน็ กิจกรรมท่ี มุ่งเนน้ การเติมเตม็ ความรู้ความสามารถ ความชานาญ และประสบการณข์ องผเู้ รียนให้กว้างขวางยง่ิ ขน้ึ เพื่อการ ค้นพบความถนดั ความสนใจของตนเองและพัฒนาตนเองใหเ้ ต็มศกั ยภาพ ตลอดจนการพฒั นาทักษะทางสังคม และปลกู ฝังจติ สานึกของการทาประโยชน์เพื่อสังคม ๓. กจิ กรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณะประโยชน์ เปน็ กจิ กรรมท่ีตอ้ งการปลูกฝังใหผ้ เู้ รยี นเล็งเห็นถึง ความสาคญั ของตนเองในการมสี ว่ นร่วมและชว่ ยเหลอื สงั คมตามระดบั ของวัยวฒุ ิ คุณวุฒิ หรอื ตามศักยภาพของตน ทพี่ งึ จะกระทาได้ จนเกดิ เป็นกิจนสิ ยั ทีไ่ ดร้ ับการบม่ เพาะสิ่งทีด่ งี ามใหบ้ ังเกดิ ในตวั ผ้เู รียนตง้ั แตว่ ยั เยาว์ จนส่งผลให้ ผเู้ รยี นเหลา่ นั้นเปน็ ทรัพยากรมนุษยท์ ่มี ีคุณภาพของสังคม ๔. กิจกรรมพฒั นาทักษะดารงชวี ติ

๑๒๐ การจดั การเรียนรแู้ ละการสง่ เสรมิ การเรยี นรู้ ตามหลกั สตู รโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๗ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ การจัดการเรียนรเู้ ปน็ กระบวนการสาคัญในการนาหลกั สตู รสกู่ ารปฏิบัติ หลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขน้ั พน้ื ฐาน เปน็ หลกั สตู รทมี่ ีมาตรฐานการเรยี นรู้ สมรรถนะสาคญั และคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงคข์ องผ้เู รยี น เปน็ เปา้ หมายสาหรบั พัฒนาเด็กและเยาวชน ในการพฒั นาผ้เู รยี นให้มคี ุณสมบตั ติ ามเป้าหมายหลักสตู ร ผูส้ อนพยายามคดั สรร กระบวนการเรยี นรู้ จดั การเรียนรู้โดยชว่ ยใหผ้ เู้ รียนเรยี นรผู้ า่ นสาระทกี่ าหนดไวใ้ นหลักสูตร ๘ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ รวมทงั้ ปลกู ฝังเสรมิ สร้างคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ พฒั นาทักษะต่าง ๆ อันเปน็ สมรรถนะสาคญั ให้ผเู้ รียนบรรลุ ตามเป้าหมาย หลกั การจดั การเรยี นรตู้ ามหลกั สตู รโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ การจัดการเรยี นร้ตู ามหลักสตู รสถานศึกษาโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ พทุ ธศักราช ๒๕๕๗ ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พื้นฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ยึดหลักการจัดการเรียนรู้ตามแนวทางของ พระราชบัญญตั ิการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ทีเ่ น้นผู้เรียนมคี วามสาคญั ที่สุด เชือ่ วา่ ทุกคนมีความสามารถ เรียนรแู้ ละพัฒนาตนเองได้ ยึดประโยชน์ท่เี กดิ กับผ้เู รยี น โดยมีเป้าหมายใหผ้ ้เู รียนเปน็ คนดี เก่ง มคี วามเป็นไทย และทางานรว่ มกับผอู้ ื่นได้อยา่ งมีความสขุ ในกลุม่ สาระการเรียนรู้ท้งั ๘ กลุม่ กระบวนการจัดการเรยี นรู้ตอ้ ง สง่ เสรมิ ใหผ้ ู้เรียน สามารถพัฒนาตามธรรมชาตแิ ละเต็มตามศักยภาพ คานงึ ถงึ ความแตกต่างระหว่างบคุ คลและ พัฒนาการทางสมอง เน้นให้ความสาคัญทั้งความรู้ และคุณธรรม คดิ เปน็ องคร์ วม และร่วมมือกันพัฒนาสงั คมไทย การจดั การเรยี นรู้เพ่ือให้ผ้เู รียนมคี วามรู้ ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสาคัญ และคุณลักษณะ อนั พงึ ประสงค์ ตามท่ีกาหนดไว้ในหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน กระบวนการจัดการเรียนรตู้ ้องส่งเสรมิ ให้ผู้เรียน สามารถพฒั นาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ คานึงถึงความแตกต่างระหว่างบคุ คลและพฒั นาการ ทางสมอง เนน้ ใหค้ วามสาคัญท้งั ความรู้ และคุณธรรม การจัดการเรยี นรตู้ ามหลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นราช ประชานเุ คราะห์ ๓๑ พุทธศักราช ๒๕๕๗ ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ จงึ ไดก้ าหนดแนวดาเนนิ การเพอ่ื ให้การจดั การเรยี นรู้ตามหลักสูตรประสบความสาเร็จตามจดุ มงุ่ หมาย ดงั น้ี ๑. จัดประสบการณก์ ารเรียนรโู้ ดยยึดหลักการพัฒนาผู้เรียนให้ถงึ ศักยภาพสูงสุด คือ ผู้เรียนได้ พัฒนา ตนเอง ท้งั รา่ งกาย สติปญั ญา อารมณ์ และสงั คม มีความร้สู ึกท่ีดเี กย่ี วกบั ตนเอง ภาคภมู ิใจในผลการปฏบิ ตั ิ ๒. จดั ประสบการณ์การเรียนรู้โดยยึดชีวติ จรงิ ของผู้เรยี นเป็นหลกั เนน้ ให้ผู้เรียนมศี ักยภาพในการคิดเชิง ระบบ และคิดอยา่ งมีวิจารณญาณ มรี ูปแบบการคิดของตนเอง คน้ พบตนเอง ๓. จดั ประสบการณ์การเรียนร้โู ดยยดึ หลักความแตกตา่ งระหว่างบุคคล และหลกั การเรียนรใู้ นเชิงพหุ ปญั ญา และใชก้ ระบวนการวิจัยในการแก้ปัญหาและพฒั นาผเู้ รียน ๔. จดั ประสบการณโ์ ดยใชค้ ุณธรรมนาความรู้ บรู ณาการคุณธรรมในการจดั ประสบการณ์ทุกกลุม่ สาระ การเรียนรู้ และทุกขน้ั ตอนในการจัดการเรยี นรู้ ถือวา่ ครูทุกคนมีหน้าท่ีพัฒนาผู้เรียนให้ประพฤติตนยึดหลกั คณุ ธรรม และพัฒนาตนให้มคี ่านยิ มอนั พึงประสงค์

๑๒๑ ๕. จัดบรรยากาศให้เอื้อตอ่ การแสวงหาความรู้ดว้ ยตนเอง มีอิสระในการคดิ ได้ลงมือปฏบิ ัตจิ รงิ ครู พร้อมใหค้ าปรึกษา ให้กาลังใจ เสรมิ แรงใหผ้ ้เู รยี นมคี วามเช่ือม่นั ว่า ตนเองมีศกั ยภาพในการเรียนรใู้ นเชิงพหุ ปญั ญา ไม่ด้านใดก็ด้านหน่งึ หรอื หลายด้านพร้อมกนั ๖. จดั ประสบการณก์ ารเรียนรใู้ หม้ ีความสมั พันธ์ เชอื่ มโยง หรอื บรู ณาการทั้งภายในกลุ่มสาระการเรียนรู้ และระหว่างกลมุ่ สาระการเรยี นร้ใู หม้ ากทส่ี ุด ๗. จดั ประสบการณ์การเรียนรใู้ หย้ ดื หย่นุ ตามเหตกุ ารณ์ และสภาพท้องถนิ่ โดยใชแ้ หล่งการเรียนรแู้ ละ ภมู ิปญั ญาท้องถ่นิ ในการจดั การเรยี นรตู้ ามความเหมาะสม ๘. จัดประสบการณ์การเรยี นรู้โดยมงุ่ เนน้ กระบวนการเรียนรู้ กระบวนการคิดอยา่ งมเี หตุผล และ สร้างสรรค์ กระบวนการกลุ่ม การจัดการเรยี นรทู้ ี่เน้นผเู้ รียนเป็นสาคัญ ผูเ้ รียนจะตอ้ งอาศยั กระบวนการเรียนรูท้ ห่ี ลากหลาย เป็น เครือ่ งมือทจี่ ะนาพาตนเองไปสเู่ ปา้ หมายของหลกั สตู ร กระบวนการเรียนร้ทู จ่ี าเป็นสาหรับผูเ้ รยี น อาทิ กระบวนการเรียนรู้แบบบรู ณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการคิด กระบวนการทางสังคม กระบวนการเผชญิ สถานการณ์และแกป้ ัญหา กระบวนการเรยี นรู้ จากประสบการณ์จรงิ กระบวนการปฏิบตั ิ ลงมอื ทาจรงิ กระบวนการจัดการ กระบวนการวจิ ัย กระบวนการเรยี นรกู้ ารเรยี นร้ขู องตนเอง กระบวนการพัฒนา ลักษณะนสิ ยั กระบวนการเหลา่ นเี้ ปน็ แนวทางในการจดั การเรียนรู้ทผ่ี ู้เรียนควรไดร้ ับการฝึกฝน พฒั นา เพราะจะ สามารถชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นเกิดการเรียนรูไ้ ดด้ ี บรรลุเปา้ หมายของหลักสตู ร ดังน้ัน ผ้สู อน จึงจาเปน็ ต้องศกึ ษาทาความ เข้าใจในกระบวนการเรียนรู้ต่าง ๆ เพ่อื ใหส้ ามารถเลือกใชใ้ นการจดั กระบวนการเรยี นร้ไู ด้อย่างมีประสิทธิภาพ การออกแบบการจดั การเรยี นรู้ ผสู้ อนตอ้ งศึกษาหลักสตู รสถานศึกษาใหเ้ ข้าใจถึงมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชว้ี ดั สมรรถนะสาคัญของ ผู้เรียน คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ และสาระการเรียนร้ทู เี่ หมาะสมกบั ผูเ้ รยี น แลว้ จงึ พิจารณาออกแบบการ จัดการเรียนรโู้ ดยเลือกใช้วธิ ีสอนและเทคนิคการสอน ส่อื /แหล่งเรียนรู้ การวัดและประเมินผล เพือ่ ใหผ้ ูเ้ รยี นได้ พฒั นาเต็มตามศักยภาพและบรรลุตามเปา้ หมายท่ีกาหนด ๑. บทบาทของผสู้ อนและผเู้ รยี น การจัดการเรียนรู้เพ่อื ใหผ้ ู้เรยี นมคี ณุ ภาพตามเป้าหมายของหลกั สตู ร ท้งั ผู้สอนและผู้เรียนควรมีบทบาท ดังนี้ ๑.๑ บทบาทของผสู้ อน ๑) ศึกษาวเิ คราะหผ์ ู้เรียนเป็นรายบุคคล แลว้ นาขอ้ มูลมาใช้ในการวางแผน การจัดการเรยี นรู้ ท่ีท้าทายความสามารถของผเู้ รียน ๒) กาหนดเปา้ หมายทต่ี ้องการใหเ้ กิดข้นึ กบั ผู้เรยี น ด้านความรแู้ ละทักษะ กระบวนการ ทเ่ี ป็นความคดิ รวบยอด หลกั การ และความสัมพนั ธ์ รวมทง้ั คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ๓) ออกแบบการเรยี นรู้และจดั การเรยี นรูท้ ่ีตอบสนองความแตกต่างระหวา่ งบุคคลและ พัฒนาการทางสมอง เพ่ือนาผู้เรยี นไปสู่เป้าหมาย ๔) จดั บรรยากาศทเี่ อือ้ ต่อการเรียนรู้ และดูแลช่วยเหลือผู้เรยี นให้เกิดการเรียนรู้ ๕) จดั เตรียมและเลอื กใชส้ อ่ื ใหเ้ หมาะสมกบั กจิ กรรม นาภมู ปิ ญั ญาท้องถ่นิ เทคโนโลยีที่เหมาะสมมาประยุกตใ์ ชใ้ นการจดั การเรยี นการสอน ๖) ประเมินความก้าวหน้าของผเู้ รียนด้วยวิธกี ารท่ีหลากหลาย เหมาะสมกบั ธรรมชาติของวชิ าและระดบั พัฒนาการของผเู้ รยี น

๑๒๒ ๗) วเิ คราะหผ์ ลการประเมนิ มาใชใ้ นการซอ่ มเสริมและพัฒนาผ้เู รียน รวมท้ัง ปรับปรงุ การจดั การเรยี นการสอนของตนเอง ๑.๒ บทบาทของผเู้ รยี น ๑) กาหนดเปา้ หมาย วางแผน และรบั ผดิ ชอบการเรยี นรูข้ องตนเอง ๒) เสาะแสวงหาความรู้ เข้าถงึ แหล่งการเรียนรู้ วเิ คราะห์ สังเคราะหข์ อ้ ความรู้ ตั้งคาถาม คิดหาคาตอบหรอื หาแนวทางแกป้ ญั หาด้วยวิธกี ารตา่ ง ๆ ๒) ลงมือปฏบิ ตั ิจริง สรุปสง่ิ ท่ไี ดเ้ รยี นรู้ดว้ ยตนเอง และนาความรไู้ ปประยกุ ตใ์ ช้ ในสถานการณต์ ่าง ๆ ๓) มปี ฏสิ มั พันธ์ ทางาน ทากจิ กรรมรว่ มกบั กลมุ่ และครู ๔) ประเมนิ และพฒั นากระบวนการเรยี นรขู้ องตนเองอย่างตอ่ เนอื่ ง การส่งเสรมิ การเรียนรู้ ปัจจยั สาคญั ทเ่ี ปน็ สว่ นหนึ่งของการจัดการศกึ ษาให้มีคุณภาพ และประสบความสาเร็จตามจดุ มงุ่ หมาย ของหลักสตู ร คือการพัฒนาระบบการส่งเสริม สนบั สนุน ของสถานศกึ ษาในดา้ นต่าง ๆ ท่ีจะเออื้ ใหส้ ามารถจดั การ เรียนการสอนได้อย่างมคี ุณภาพ สาหรบั แนวปฏบิ ตั ใิ นการสง่ เสรมิ การเรยี นรู้ และสนับสนนุ การจดั กจิ กรรมการ เรียนการสอนของสถานศกึ ษา ได้กาหนดแนวในการส่งเสรมิ การเรยี นรู้ ดงั ตอ่ ไปน้ี ๑. การจัดสภาพแวดล้อมในสถานศกึ ษาใหเ้ อ้อื ต่อการใชห้ ลักสูตร การจัดสภาพแวดลอ้ มในสถานศึกษา ใหเ้ อ้อื ตอ่ การใชห้ ลกั สตู รเปน็ หน้าทโ่ี ดยตรงของบคุ ลากรทุกคนในสถานศกึ ษาทจ่ี ะต้อง ร่วมมอื กัน โดยยึดเปา้ หมาย หลักการ และจุดเนน้ ต่าง ๆ ของหลักสูตรเปน็ หลกั ในการดาเนนิ การ ท้ังนี้เพือ่ ให้ ผู้เรยี นไดเ้ รียนรแู้ ละพฒั นาตนเองได้อยา่ งเต็มศักยภาพ ๒. การจัดให้มีแหล่งการเรียนรู้ ห้องสมดุ และมุมหนังสอื หรอื แหล่งวชิ าท่ีจะให้ผูเ้ รียนได้ศกึ ษา คน้ คว้า หาความรดู้ ้วยตนเอง เพือ่ เพิ่มพูนประสบการณ์และความชานาญ โดยเฉพาะห้องสมดุ เปน็ แหลง่ การเรยี นรู้ที่ สาคัญย่ิงเพราะเป็นแหลง่ ท่ีรวบรวมองค์ความรทู้ ีเ่ ป็นประโยชนก์ บั ผู้เรยี นโดยตรง นอกจากน้ยี งั จัดใหม้ ีแหลง่ การ เรยี นรู้ในรูปของศนู ย์การเรียนรู้แบบพง่ึ พาตนเอง คอมพวิ เตอร์ ห้องปฏบิ ัตกิ ารทางภาษา ห้องปฏิบตั กิ ารทาง วิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยตี ่าง ๆ ๓. การจดั ให้มบี รเิ วณสาหรับใหผ้ ูเ้ รยี นไดฝ้ กึ ปฏิบตั ิกิจกรรมในกลุ่มสาระการเรยี นรู้ตา่ ง ๆ เพือ่ ใหผ้ ูเ้ รยี น ไดเ้ รยี นรู้จากประสบการณ์จริง ได้คิด ได้ทา ไดแ้ สดงออก ไดเ้ รียนรู้เอง และคน้ พบความรู้ดว้ ยตนเองตาม ศักยภาพของนักเรยี นแต่ละคน ๔. การจัดให้มีแหล่งการเรียนรูใ้ นท้องถ่นิ และการใชภ้ ูมิปัญญาท้องถนิ่ การจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตร เนน้ การเรยี นร้จู ากแหล่งการเรียนรู้ทัง้ ในและนอกห้องเรียน ทงั้ นเ้ี พื่อผเู้ รยี นจะไดม้ ีโอกาสท่ีจะสมั ผัสกับชวี ติ จรงิ นอกห้องเรียนหรือนอกโรงเรียน ได้พบปะกับผู้คน ผ้รู ู้ ภูมิปัญญาของท้องถนิ่ เพื่อจะได้เรียนรู้สง่ิ ตา่ ง ๆ มากขึ้น มี ประสบการณ์กวา้ งขวางขึน้ เรยี นรูไ้ ดท้ กุ เวลาและทุกสถานทไี่ ม่จากัดวา่ จะต้องเรยี นรู้จากผูส้ อนในสถานศกึ ษา เท่าน้นั ๕. การวจิ ยั เพ่ือพฒั นาคุณภาพ การวิจัยเป็นกระบวนการทีค่ วบคูก่ บั กระบวนการเรียนรู้ และ กระบวนการทางานของผทู้ ่ีเกี่ยวขอ้ งกบั การศึกษา ซ่ึงเป็นกลไกท่นี าไปสสู่ ังคมแหง่ ภูมิปัญญาและการเรยี นรู้ ดงั นนั้ ในการจัดการเรียนรู้ ผสู้ อนต้องนากระบวนการวิจัยมาผสมผสานหรอื บรู ณาการเพ่ือพฒั นาคณุ ภาพของ ผเู้ รยี น และสามารถใชก้ ระบวนการการวจิ ยั เปน็ สว่ นหน่ึงของกระบวนการเรยี นรู้ นอกจากน้ผี ลการวิจยั ยังเปน็ ประโยชน์ตอ่ การแก้ปญั หาหรือพัฒนาคุณภาพของผเู้ รยี นได้เป็นอยา่ งดี

๑๒๓ ๖. การจัดเครือข่ายวชิ าการ ผู้สอนนับวา่ มสี ว่ นสาคัญที่จะทาให้การจัดการเรยี นรปู้ ระสบผลสาเรจ็ สถานศกึ ษาจงึ จดั ให้มเี ครือข่ายเช่ือมโยงกับสถานศกึ ษาอน่ื ซง่ึ เปน็ สถานศึกษาในโครงการโรงเรียนเครือขา่ ยการใช้ หลกั สูตรสถานศกึ ษาของจังหวัดชลบุรี ทง้ั น้เี พือ่ ใหผ้ สู้ อนไดแ้ ลกเปล่ียนเรยี นรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการ จัดการเรียนรซู้ ่ึงกันและกนั ทาใหไ้ ด้รบั ความรู้ และแนวคิดใหม่ ๆ ทห่ี ลากหลาย และกว้างขวาง ท่สี ามารถนาไป พัฒนาการจดั การเรียนการสอนได้อยา่ งมีคุณภาพ นอกจากนย้ี ังสง่ เสริม และสนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทางวิชาการ จากผู้สอนในสถานศกึ ษาเดยี วกัน และสถานศึกษาอื่น ๆ ตลอดจนชมรมวิชาการตา่ ง ๆ เพ่ือให้ผสู้ อน ไดร้ ับการพฒั นาตนเองอย่างสม่าเสมอ

๑๒๔ ระเบยี บโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ วา่ ดว้ ยการประเมนิ ผลการเรยี นตามหลกั สตู รโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๗ ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ……………………………… โดยที่โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ ได้ประกาศใช้หลักสตู รสถานศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ตามคาส่ังกระทรวงศึกษาธิการ ที่ สพฐ. ๒๙๓ / ๒๕๕๑ ลงวนั ท่ี ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๑ เรือ่ ง ให้ใช้ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ และกระจายอานาจใหส้ ถานศึกษากาหนดหลักสตู ร สถานศึกษาขึ้นใช้เอง เพ่ือให้สอดคล้องกบั คาสง่ั ดงั กลา่ ว ฉะน้ัน อาศยั อานาจตามความในมาตรา ๒๑ และมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัตริ ะเบยี บบริหาร ราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.๒๕๔๖ และคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ จึงวางระเบียบไวด้ งั ตอ่ ไปนี้ ขอ้ ๑ ระเบียบนี้เรียกวา่ “ระเบยี บสถานศกึ ษาว่าดว้ ยการประเมินผลการเรยี นตามหลักสตู รแกนกลาง การศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑” ขอ้ ๒ ระเบียบนใ้ี หใ้ ชบ้ งั คับตงั้ แต่ปีการศึกษา ๒๕๕๗ เป็นตน้ ไป ข้อ ๓ ให้ยกเลกิ ระเบียบข้อบงั คบั หรอื คาส่ังอื่นใดในส่วนทีก่ าหนดไวใ้ นระเบยี บนหี้ รือซ่ึงขดั หรือแย้งกับ ระเบียบนี้ ให้ใชร้ ะเบียบน้ีแทน ขอ้ ๔ ระเบียบนี้ให้ใชค้ วบคู่กับหลกั สูตรสถานศึกษาขัน้ พื้นฐาน โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ข้อ ๕ ในระเบียบนี้ “หลกั สูตร” หมายถึง หลกั สูตรการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ “โรงเรยี น” หมายถงึ โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ “ผ้อู านวยการโรงเรยี น” หมายถึง ผูอ้ านวยการสถานศึกษา โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ “ครู” หมายถึง ครู ผปู้ ฏบิ ัติการสอนในโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ “นกั เรียน” หมายถงึ นกั เรียนโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๑ ถึงช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๖ ขอ้ ๖ ให้ผ้อู านวยการโรงเรียนรักษาการให้เปน็ ไปตามระเบยี บน้ี

๑๒๕ หมวดท่ี ๑ หลกั การในการวดั และประเมนิ ผลการเรยี น ข้อ ๗ การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นใหเ้ ป็นไปตามหลกั การดงั นี้ ๗.๑ ทกุ ระดับชน้ั ตง้ั แตช่ ัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๑ ถงึ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ มกี ารวัดและประเมนิ ผล ตัดสนิ ผลการเรยี นตามรายวิชาเปน็ รายปี สว่ นระดบั มธั ยมศึกษาปีที่ ๑ – ๖ มกี ารวัดและประเมนิ ผล ตดั สินผล การเรยี นตามรายวชิ าเปน็ รายภาค ๗.๒ โรงเรียนมีหนา้ ที่วดั และประเมินผลการเรียนให้สอดคลอ้ งกบั วธิ กี ารวดั และประเมินผลการ เรยี น ๗.๓ การวัดและประเมินผลการเรียน ต้องสอดคลอ้ งและครอบคลมุ มาตรฐานการเรยี นรู้ และตัวชว้ี ัด ท่กี าหนดในหลักสตู รแกนกลางฯ ๗.๔การวัดผลและประเมินผลการเรียน เป็นสว่ นหน่งึ ของกระบวนการเรยี นการสอน ต้อง ดาเนนิ การดว้ ยวิธกี ารท่หี ลากหลาย เหมาะสม ตามสภาพจริง ธรรมชาตวิ ชิ า และระดบั ช้ันของนักเรยี น ๗.๕ วัดและประเมนิ ผล ทง้ั เพอื่ ปรับปรงุ การเรียนและเพื่อตัดสนิ ผลการเรยี น ๗.๖ ให้มกี ารวัดและประเมนิ ความรคู้ วามสามารถของนักเรียนดา้ นการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และ เขียนส่อื ความในทุกกลมุ่ สาระการเรียนรู้ ๗.๗ ใหม้ ีการประเมินคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ของนกั เรียน ในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ ๗.๘ ใหม้ กี ารวัดและประเมนิ ผลคุณภาพนักเรียน ท้ังระดบั ชัน้ เรียนและระดบั สถานศึกษาในแต่ละชน้ั ปี ๗.๙ ให้นกั เรยี นที่กาลงั ศึกษาในชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๑ถึงชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๖ เขา้ รับการประเมินคณุ ภาพระดับต่าง ๆ ตามทโ่ี รงเรยี น สานักงานเขตพนื้ ที่ หรอื กระทรวงศึกษาธิการกาหนด ๗.๑๐ ให้มกี ารเทยี บโอนผลการเรียนระหวา่ งสถานศึกษาและรปู แบบการศึกษาต่างๆ หมวดท่ี ๒ วธิ กี ารวดั และประเมินผลการเรยี น การตดั สนิ ผลการเรยี น ข้อ ๘ การวดั และประเมนิ ผลการเรยี น การตัดสินผลการเรียนน้ี เป็นการประเมนิ ผลระดับช้ันเรยี น ปฏิบตั ิดังนี้ ๘.๑ การวดั และประเมนิ ผลการเรียน กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ๘.๑.๑ กอ่ นการเรยี น ครูแจง้ ใหน้ กั เรยี นทราบถึงวิธกี ารวัดและประเมินผล ตัวชี้วัด การ ประเมนิ การอ่าน คิด วิเคราะห์ เขยี นสือ่ ความ การประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ เกณฑก์ ารประเมนิ และการตัดสินผลการเรียน ๘.๑.๒ ครูประเมนิ ความรู้พ้ืนฐานของนักเรียน กอ่ นการเรียนการสอนสาระการเรยี นรตู้ ่างๆ ๘.๑.๓ ครูวดั และประเมินผลการเรยี นเพื่อศึกษาผลการเรียน เพอื่ จดั การสอนซ่อมเสรมิ และประเมินผลตามตัวช้ีวดั เพื่อตัดสนิ ผลการเรียน ดังนี้ ๘.๑.๓.๑ วดั และประเมนิ ผลการเรียนตามตวั ชวี้ ัด ของแต่ละสาระการเรยี นรู้ ทีก่ าหนดในหลกั สตู ร ๘.๑.๓.๒ วัดและประเมินผลการอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขียนส่ือความ ที่ สอดคล้องกบั ตัวช้วี ัดของแต่ละสาระการเรียนรู้

๑๒๖ ๘.๑.๓.๓วัด และประเมนิ ผลคุณลกั ษณ์อันพึงประสงค์ของแตล่ ะสาระการเรียนรู้ที่ กาหนดในหลกั สตู ร ๘.๑.๔ ครูวดั และประเมนิ ผลการเรยี นไดต้ ลอดในขณะเวลาทเี่ รียน ตามตัวช้วี ดั ท่กี าหนด โดยประเมนิ ในรปู เกณฑ์คุณภาพ ๘ ระดบั โดยใชส้ ัญลักษณ์เปน็ เลขฮินดูอารบิกหรืออยู่ในดลุ ยพินิจของครูผสู้ อน ดงั น้ี ผลการประเมิน “๔” หมายถึงเกณฑค์ ุณภาพ “ดีเย่ียม หรอื มีผล การวัดตั้งแต่ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป ผลการประเมิน “๓.๕” หมายถึงเกณฑค์ ุณภาพ “ดีมาก” หรือมีผลการวัด ตัง้ แต่รอ้ ยละ๗๕-๗๙ ผลการประเมิน “๓” หมายถึงเกณฑ์คุณภาพ “ดี” หรอื มีผลการวัด ตงั้ แตร่ ้อยละ๗๐-๗๔ ผลการประเมิน “๒.๕” หมายถงึ เกณฑค์ ุณภาพ “คอ่ นขา้ งดี” หรอื มีผลการวดั ตั้งแต่รอ้ ยละ๖๕-๖๙ ผลการประเมิน “๒” หมายถึงเกณฑ์คณุ ภาพ “น่าพอใจ” หรือมีผลการวัด ตง้ั แต่รอ้ ยละ๖๐-๖๔ ผลการประเมิน “๑.๕” หมายถงึ เกณฑค์ ุณภาพ “พอใช้” หรือมผี ล การวดั ตัง้ แต่รอ้ ยละ๕๕-๕๙ ผลการประเมิน “ ๑” หมายถึงเกณฑค์ ณุ ภาพ “ผ่านเกณฑ์ขนั้ ตา่ ” หรอื มีผลการวัดตง้ั แต่ร้อยละ๕๐-๕๔ ผลการประเมนิ “๐” หมายถึงเกณฑ์คณุ ภาพ “ตา่ กวา่ เกณฑ”์ หรอื มีผลการวัด ตา่ กว่าร้อยละ ๕๐ ๘.๑.๕ การตดั สนิ ผลการเรยี น ผลการประเมินการเรยี นรขู้ องสาระการเรยี นรนู้ นั้ ๆ เปรียบเทียบตวั เลขแสดงความหมายระดับผลการเรยี นแต่ละรายวชิ า โดยใชส้ ญั ลักษณ์เป็นเลขฮินดูอารบิก ดังนี้ ผลการประเมนิ “๔” หมายถงึ เกณฑค์ ุณภาพ “ดีเยี่ยม หรือมีผล การวัดต้ังแต่รอ้ ยละ ๘๐ ข้ึนไป ผลการประเมิน “๓.๕” หมายถงึ เกณฑ์คุณภาพ “ดีมาก” หรือมผี ลการวดั ตง้ั แตร่ อ้ ยละ๗๕-๗๙ ผลการประเมิน “๓” หมายถึงเกณฑค์ ณุ ภาพ “ดี” หรือมผี ลการวัด ตั้งแตร่ ้อยละ๗๐-๗๔ ผลการประเมนิ “๒.๕” หมายถึงเกณฑ์คุณภาพ “ค่อนขา้ งดี” หรอื มีผลการวดั ตงั้ แตร่ อ้ ยละ๖๕-๖๙ ผลการประเมิน “๒” หมายถึงเกณฑ์คณุ ภาพ “นา่ พอใจ” หรอื มผี ลการวดั ตัง้ แต่ร้อยละ๖๐-๖๔ ผลการประเมนิ “๑.๕” หมายถงึ เกณฑค์ ุณภาพ “พอใช้” หรือมผี ล การวัดต้ังแตร่ อ้ ยละ๕๕-๕๙ ผลการประเมนิ “ ๑” หมายถึงเกณฑค์ ุณภาพ “ผ่านเกณฑ์ข้นั ตา่ ” หรอื มีผลการวดั ต้งั แต่ร้อยละ๕๐-๕๔ ผลการประเมนิ “๐” หมายถึงเกณฑ์คณุ ภาพ “ต่ากวา่ เกณฑ”์ หรือมีผลการวัด ต่ากว่ารอ้ ยละ ๕๐

๑๒๗ ๘.๑.๖ การประเมนิ ผลการเรยี นเพ่ือตดั สนิ ผลการเรียน ใชเ้ ฉพาะนักเรียนผู้ที่มีเวลาเรียน ตลอดปีไมน่ อ้ ยกว่ารอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรียนรายวิชานนั้ ๘.๑.๗ นักเรยี นที่มีเวลาเรียนไมถ่ งึ ร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นในวิชานั้น โรงเรยี น แตง่ ต้ังคณะกรรมการประกอบดว้ ยผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา หวั หน้ากลมุ่ งานวิชาการ ครูประจาชั้น ครผู สู้ อน และผ้ปู กครอง พิจารณาให้มโี อกาสซ่อมเสริมเวลาเรยี น ปรับปรงุ แก้ไขการเรียน แลว้ ประเมนิ ผลใหม่ ภายใน ๙๐ วนั ของปีการศกึ ษาถัดมา หากระยะเวลาเกินกวา่ ท่ีกาหนด ใหเ้ รียนซ้าในรายวชิ านั้น ๘.๑.๘ นกั เรยี นทม่ี ีผลการเรียนเฉลี่ยของปี ตา่ กว่า “๑” หรอื มีผลการประเมนิ การอา่ น คิด วิเคราะห์ เขยี นสอ่ื ความไมผ่ ่านเกณฑ์ หรือ มีผลการประเมินคณุ ลกั ษณะพึงประสงค์ ไม่ผ่านเกณฑ์ หรือมผี ลการ ประเมนิ กิจกรรมพฒั นาผู้เรียนไม่ผ่านเกณฑ์ หรือไม่เอาใจใส่ในการเรยี น คณะกรรมการ ตามขอ้ ๘.๑.๗ เหน็ ว่า ควรเรยี นซา้ ชนั้ ให้มีการเรยี นซ้าชนั้ ในปีถัดมา ๘.๑.๙ นกั เรียนทมี่ กี ารทุจริตในการสอบหรือทุจริตในงานทมี่ อบหมายให้ได้คะแนน ๐หรอื มผี ลการประเมิน “ตก”ในการประเมินครัง้ นั้น ข้อ ๙ การประเมนิ การอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขยี นสอ่ื ความ ในระดบั สถานศกึ ษา เพ่ือ ปรับปรงุ พฒั นา และจบช้ันประถมศกึ ษาปีที่ ๖โดยปฏิบัติดงั นี้ ๙.๑ โรงเรยี นแต่งต้งั คณะกรรมการประเมนิ การอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขยี นสอ่ื ความขึน้ คณะ หนึ่งในแต่ละปีการศึกษา ๙.๒ คณะกรรมการประเมนิ การอา่ น คิด วเิ คราะห์ และเขียนส่ือความกาหนดแนวทาง วธิ ีการประเมนิ และเกณฑ์การตัดสิน ตามทห่ี ลกั สูตรกาหนด ๙.๓ มกี ารประเมนิ เปน็ รายปี เพอ่ื ปรับปรงุ และพฒั นาในปีท่ี ๑-๕ การตดั สินจบชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๖ ให้ถือผลการประเมินปลายปขี องปที ี่ ๖ ๙.๔ ประเมนิ นักเรยี นเปน็ รายบุคคลตามมาตรฐานการเรียนร้แู ละเกณฑ์ที่กาหนด ๙.๕ นกั เรยี นทผ่ี ่านเกณฑ์การประเมิน ตดั สนิ “ดี หรือ ดเี ยี่ยม” แลว้ แต่กรณี ๙.๖ นกั เรยี นทไ่ี ม่ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ตดั สนิ “ปรบั ปรุง” ๙.๗ นกั เรียนท่ไี ด้รับการตัดสิน “ปรบั ปรุง” ตอ้ งดาเนนิ การซอ่ มเสริมปรับปรุง แก้ไข ตาม แนวทางท่ีคณะกรรมการกาหนด และมีการประเมนิ ใหม่ ๙.๘ นกั เรยี นทไี่ ด้รบั การตดั สิน “ปรับปรงุ ” และมกี ารประเมนิ ใหมแ่ ล้วผ่านเกณฑ์การ ประเมนิ ตดั สิน “ผ่าน” ๙.๙ นกั เรยี นทไี่ ดร้ ับการตัดสิน “ดี หรอื ดเี ย่ียม หรอื ผา่ น” มีสิทธิไดร้ ับการพจิ ารณาการจบ ชั้นประถมศึกษาปที ี่ ๖ ขอ้ ๑๐ การประเมินคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ของโรงเรยี น การประเมินคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ของโรงเรียน ระดับสถานศกึ ษา เพื่อ ปรบั ปรงุ พฒั นา และจบชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ ๖ ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๓ และชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ ๖ โดยปฏบิ ตั ิดังนี้ ๑๐.๑ โรงเรยี นแตง่ ตัง้ คณะกรรมการประเมินคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ของ โรงเรียนขึ้นคณะ หนงึ่ ในแต่ละปีการศึกษา ๑๐.๒ คณะกรรมการประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องโรงเรียน กาหนดแนวทาง วิธกี ารประเมนิ และเกณฑก์ ารตัดสินตามทห่ี ลกั สตู รกาหนด ๑๐.๓ มีการประเมินเปน็ รายปี เพ่อื ปรับปรงุ และพฒั นาในปที ่ี ๑-๕ การตัดสนิ จบชั้น ประถมศึกษาปที ่ี ๖ ให้ถือผลการประเมนิ ปลายปขี องปีที่ ๖ สาหรบั มัธยมศึกษามีการประเมนิ ผลเป็นรายภาค ๑๐.๔ ประเมนิ นักเรยี นเป็นรายบคุ คล ตามมาตรฐาน และเกณฑ์ทก่ี าหนดในหลกั สูตร ๑๐.๕ นกั เรียนผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ตดั สนิ “ดี หรอื ดเี ย่ยี ม” แลว้ แต่กรณี

๑๒๘ ๑๐.๖ นกั เรยี นไมผ่ ่านเกณฑ์การประเมนิ ตัดสิน “ปรบั ปรงุ ” ๑๐.๗ นกั เรียนทีไ่ ด้รบั การตดั สนิ “ปรับปรงุ ” ตอ้ งดาเนินการปรบั ปรุง ซ่อมเสรมิ แก้ไข ตาม แนวทางที่คณะกรรมการกาหนดและมีการประเมินใหม่ ๑๐.๘ นักเรียนท่ีไดร้ บั การตัดสนิ “ปรบั ปรุง” และได้รบั การประเมนิ ใหม่แล้วผ่านเกณฑ์การ ประเมนิ ตัดสิน “ผา่ น” ๑๐.๙ นกั เรยี นทไ่ี ดร้ ับการตดั สนิ “ดี หรอื ดีเยย่ี ม หรือ ผา่ น” มีสทิ ธไิ ด้รับการพจิ ารณาจบชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ ข้อ ๑๑ การประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน การประเมนิ กิจกรรมพัฒนาผเู้ รยี น ระดบั สถานศึกษา โดยปฏบิ ตั ิดังนี้ ๑๑.๑ โรงเรยี นแตง่ ต้ังคณะกรรมการประเมินกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียนของ โรงเรยี น ขน้ึ คณะหนง่ึ ในแต่ละปีการศึกษา ๑๑.๒ คณะกรรมการประเมินกิจกรรมพัฒนาผ้เู รยี นของโรงเรยี น กาหนดแนว ทางวธิ ีการประเมนิ และเกณฑก์ ารตดั สนิ ตามทหี่ ลกั สูตรกาหนด ๑๑.๓ นักเรยี น ตอ้ งเข้ารว่ มกิจกรรม ๓ กลุม่ ดงั นี้ ๑๑.๓.๑ กจิ กรรมแนะแนว เวลาเรยี น ๑ ชวั่ โมง/สปั ดาห์ เป็นกิจกรรมท่ีส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้รู้จักตนเอง รู้รักษ์ส่ิงแวดล้อม สามารถคิดตัดสินใจ คิดแก้ปัญหา กาหนดเป้าหมาย วางแผนชีวิตทั้งด้านการเรียน และอาชีพ สามารถปรับตนได้ อย่างเหมาะสม นอกจากน้ียังช่วยให้ครูรู้จักและเข้าใจผู้เรียน ทั้งยังเป็นกิจกรรมท่ีช่วยเหลือและให้คาปรึกษาแก่ ผู้ปกครองในการมีส่วนรว่ มพัฒนาผ้เู รียน ๑๑.๓.๒ กจิ กรรมนกั เรยี น เวลาเรียน ๑ ชั่วโมง/สัปดาห์ เป็นกิจกรรมท่ีมุ่งพัฒนาความมีระเบียบวินัย ความเป็นผู้นาผู้ตามที่ดี ความ รบั ผิดชอบ การทางานร่วมกัน การรู้จักแก้ปัญหา การตัดสินใจที่เหมาะสม ความมีเหตุผล การช่วยเหลือแบ่งปันกัน เอื้ออาทร และสมานฉนั ท์ โดยจัดให้สอดคลอ้ งกบั ความสามารถ ความถนัด และความสนใจของผูเ้ รียน ใหไ้ ดป้ ฏิบัติ ด้วยตนเองในทุกขั้นตอน ได้แก่ การศึกษาวเิ คราะห์วางแผน ปฏบิ ัตติ ามแผน ประเมินและปรบั ปรุงการทางาน เน้น การทางานร่วมกันเป็นกลุ่ม ตามความเหมาะสมและสอดคล้องกับวฒุ ิภาวะของผู้เรียน บริบทของสถานศึกษาและ ทอ้ งถิ่น กิจกรรมนักเรียนประกอบด้วย ก. กจิ กรรมลูกเสือ เนตรนารีหรอื ยุวกาชาด หรือผบู้ าเพ็ญประโยชน์ ข. กจิ กรรมชุมนมุ ชมรม ๑๑.๓.๓ กิจกรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน์ เวลาเรยี น ชนั้ ปลี ะ ๑๐ ชว่ั โมง เป็นกจิ กรรมทีส่ ่งเสรมิ ให้ผูเ้ รยี นบาเพ็ญตนใหเ้ ปน็ ประโยชนต์ ่อสงั คม ชุมชน และ ทอ้ งถน่ิ ตามความสนใจในลกั ษณะอาสาสมคั ร เพื่อแสดงถงึ ความรบั ผดิ ชอบ ความดีงาม ความเสยี สละต่อสังคม มจี ติ สาธารณะ เช่น กจิ กรรมอาสาพัฒนาตา่ ง ๆ กิจกรรมสร้างสรรคส์ งั คม ๑๑.๔ ครผู ู้รบั ผิดชอบกจิ กรรมแนะแนว เปน็ ผปู้ ระเมนิ และตัดสนิ ผลกิจกรรม แนะแนว

๑๒๙ ๑๑.๕ ครูผบู้ งั คับบัญชาในกิจกรรมลกู เสอื เนตรนารี ยุวกาชาด หรือ ผู้บาเพ็ญ ประโยชน์ เป็นผ้ปู ระเมนิ และตดั สินผลการพัฒนาผู้เรียนในกิจกรรมลกู เสือเนตรนารี ยุวกาชาด หรือผบู้ าเพ็ญ ประโยชนต์ ามแตก่ รณี ครทู ่ีปรึกษาในกจิ กรรมชมุ นุม หรือชมรมเปน็ ผกู้ าหนดกจิ กรรม และประเมิน ผ้เู รยี นใน กิจกรรมนั้น โดยนาผลการประเมนิ ทั้ง ๒ กิจกรรม มาประเมินตัดสนิ ร่วมกนั ๑๑.๖ ครูผ้รู บั ผิดชอบ กจิ กรรมเพอื่ สังคมและสาธารณประโยชน์เปน็ ผู้ประเมินและ ตัดสนิ กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณะประโยชน์ ๑๑.๗ นกั เรยี นท่ีมเี วลาเขา้ ร่วมกจิ กรรมไมน่ ้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาร่วม กจิ กรรมรายปี และผ่านจดุ ประสงคส์ าคัญของกจิ กรรม มผี ลการประเมินและตัดสิน “ผ่าน” ๑๑.๘ นักเรียนท่ีมีเวลาเขา้ รว่ มกิจกรรมน้อยกว่ารอ้ ยละ ๘๐ ของเวลารว่ ม กจิ กรรมรายปี หรือไม่ผา่ นจดุ ประสงคส์ าคัญของกิจกรรม มีผลการประเมนิ และตดั สิน “ไม่ผ่าน” ๑๑.๙ นกั เรียนทไ่ี ด้รับการตัดสิน “ไม่ผา่ น” ตอ้ งดาเนนิ การปรบั ปรุง ซอ่ มเสรมิ แก้ไข ตามแนวทางท่คี รูปรกึ ษาหรอื บังคบั บัญชากาหนดและมีการประเมินใหม่ ๑๑.๑๐ นักเรยี นท่ีไดร้ ับการตดั สิน “ไมผ่ ่าน” และได้รบั การประเมินใหมแ่ ล้วผา่ นเกณฑ์ การประเมิน ตัดสนิ “ผ่าน” ๑๑.๑๑ นักเรียนท่ีไดร้ ับการตัดสิน “ผ่าน” ทกุ กิจกรรมได้รับสทิ ธพิ ิจารณาจบชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๖ หมวดที่ ๓ เกณฑ์การจบหลกั สตู ร ข้อ ๑๒ นกั เรียนจะไดร้ ับการพจิ ารณาอนุมตั ิใหจ้ บช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๓ และช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๖ ตอ้ งมีคณุ สมบัติครบถ้วนทุกข้อดังนี้ ๑๒.๑ ตอ้ งมีเวลาเรยี นไมน่ อ้ ยกวา่ ร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนท้งั หมด ๑๒.๒ ตอ้ งไดร้ ับการประเมินทุกตวั ช้ีวัด และมีผลการประเมนิ แต่ละกลมุ่ สาระการเรยี นรไู้ ม่ ต่ากว่า ระดบั ผลการเรียน ๑ ๑๒.๓ ตอ้ งไดร้ บั การตัดสนิ ผลการเรียนทุกกลุม่ สาระการเรียนรู้ ๑๒.๔ ต้องไดร้ ับการประเมนิ และมีผลการประเมนิ ผ่านตามเกณฑ์ทีโ่ รงเรยี นกาหนด ใน ๓ ดา้ นดงั น้ี ๑๒.๔.๑ การอา่ น คิดวิเคราะหแ์ ละเขียน ๑๒.๔.๒ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ๑๒.๔.๓ กิจกรรมพฒั นาผูเ้ รียน ขอ้ ๑๓ ผู้อานวยการโรงเรยี นเป็นผูอ้ นมุ ัติผลการเรียนและการจบหลักสตู ร

๑๓๐ หมวดที่ ๔ การเทยี บโอนผลการเรยี น ขอ้ ๑๔ โรงเรยี นจะรบั เทยี บโอนผลการเรยี น ซ่งึ เป็นความรู้ ทกั ษะ และประสบการณข์ องผู้เรียน ท่ี เกิดจากการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย มาประเมนิ เป็นสว่ นหนงึ่ ของ การศึกษา ตามหลักสตู รของโรงเรยี นตามแนวปฏบิ ตั ิต่อไปน้ี ๑๔.๑ คณะกรรมการเทียบโอนผลการเรียน ๑๔.๑.๑ โรงเรยี นแต่งตั้งคณะกรรมการเทียบโอนผลการเรียนขน้ึ คณะหนึ่ง มี จานวนไม่น้อยกว่า ๓ คน แต่ไมเ่ กิน ๕ คน ประกอบดว้ ยหวั หน้ากลุม่ วิชาการเปน็ ประธานกรรมการ ๑ คน ครู ประจาช้ัน เป็นกรรมการและเลขานกุ าร ๑ คน และครใู นโรงเรียนผมู้ คี วามรู้ประสบการณ์ในสาขาวชิ าการศึกษา รวมไม่เกนิ ๓ คน เปน็ กรรมการ ๑๔.๒ วธิ ดี าเนินการเทียบโอนผลการเรยี น ๑๔.๒.๑ ผู้ขอเทยี บโอนผลการเรียน ต้องข้นึ ทะเบียนเป็นนักเรียนของโรงเรยี นราช ประชานเุ คราะห์ ๓๑ และโรงเรยี นตอ้ งดาเนินการเทียบโอนในภาคเรยี นแรกทขี่ อขึน้ ทะเบียน ๑๔.๒.๒ คณะกรรมการเทียบโอนผลการเรยี น ต้องพจิ ารณาจากสาระการเรียนรู้/ มาตรฐานการเรยี นรู้ ตวั ชีว้ ดั ความรู้ ทกั ษะ ประสบการณ์ของผเู้ ทียบโอน โดยเทยี บเคียงกับโครงสร้างหลกั สตู ร สาระการเรยี นรู้และมาตรฐานของโรงเรียน โดยมผี ลการพิจารณาแล้วสอดคล้องกบั โครงสรา้ งหลกั สตู ร สาระการ เรียนรู้และมาตรฐานของโรงเรียนไมน่ ้อยกว่าร้อยละ ๖๐ ๑๔.๒.๓ การเทยี บโอนความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ ใหพ้ จิ ารณาจากเอกสาร หลกั ฐาน (ถ้ามี) โดยใหม้ ีการประเมนิ ด้วยเครื่องมือท่ีหลากหลาย และใหไ้ ด้ระดับผลการเรยี นตามเกณฑก์ าร ประเมนิ ผลการเรยี นของหลักสตู รโรงเรียน ๑๔.๒.๔ จานวนกลุ่มวิชา รายวชิ า ท่จี ะรบั เทยี บโอนและอายขุ องผลการเรียนที่จะ นามาเทียบโอนใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพินิจของคณะกรรมการบรหิ ารหลักสูตรและวชิ าการ ทัง้ น้ี เมอ่ื เทียบโอนแล้วผู้ขอ เทียบโอนตอ้ งมีเวลาเรยี นในโรงเรียนไม่น้อยกว่า ๑ ภาคเรียน ๑๔.๒.๕ ผลการพิจารณาและตดั สนิ ของคณะกรรมการเทียบโอนผลการเรยี น ใหเ้ สนอ คณะกรรมการบรหิ ารหลักสูตรและงานวิชาการพจิ ารณาให้ความเหน็ ชอบแล้วเสนอผู้อานวยการพิจารณาตาม เกณฑ์กาหนด คือ มผี ลการเรียนเทียบโอนสอดคลอ้ งกบั หลักสตู รของโรงเรยี นมากกวา่ รอ้ ยละ ๖๐ พจิ ารณาอนุมตั ิ ผลการเรียนเทียบโอนสอดคล้องกบั หลักสูตรของโรงเรยี นน้อยกว่าร้อยละ ๖๐ พิจารณาไมอ่ นมุ ัติ ๑๔.๒.๖ การกาหนดรายละเอียดวธิ ีการและหลกั การเทยี บโอนให้เป็นไปอย่าง สอดคลอ้ งกบั กฎกระทรวงและระเบยี บทีก่ ระทรวงศึกษาธกิ ารกาหนด

๑๓๑ หมวดที่ ๖ เอกสารหลกั ฐานการศึกษา ข้อ ๑๕ โรงเรยี นจดั ใหม้ เี อกสารการประเมนิ ผลการเรยี นตา่ ง ๆ ดังนี้ ๑๕.๑ ระเบยี นแสดงผลการเรียน (ปพ. ๑) ๑๕.๒ หลักฐานแสดงวุฒิการศึกษา (ประกาศนียบัตร) (ปพ. ๒) ๑๕.๓ แบบรายงานผู้สาเรจ็ การศึกษา (ปพ. ๓) ๑๕.๔ แบบแสดงผลการพฒั นาคณุ ลกั ษณะท่ีพึงประสงค์(ปพ. ๔) ๑๕.๕ แบบบนั ทึกผลการพัฒนาคุณภาพผเู้ รียน(ปพ.๕) ๑๕.๖ แบบรายงานผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรยี นรายบุคคล(ปพ. ๖) ๑๕.๗ ใบรบั รองผลการศึกษา(ปพ. ๗) ๑๕.๘ ระเบียนสะสม(ปพ. ๘) ๑๕.๙ สมุด/คมู่ ือหลักสูตรโรงเรียน(ปพ. ๙) เอกสาร ปพ. ๑ ปพ. ๒ ปพ. ๓ ใหใ้ ช้รูปแบบทก่ี ระทรวงศึกษาธิการกาหนด ขอ้ ๑๖ โรงเรยี นอาจจดั ใหม้ เี อกสารอนื่ ๆ เพ่ือเป็นหลกั ฐานการศึกษาเพิ่มเติม ตามนโยบายและความ เหมาะสมกบั สถานการณ์ หรือบรู ณาการเอกสารที่โรงเรียนจัดทาตามสภาพความเหมาะสม หมวดที่ ๗ การปรบั ปรงุ และพฒั นาระเบยี บ ข้อ ๑๗ ใหค้ ณะกรรมการบรหิ ารหลักสตู รและงานวชิ าการ พิจารณาเสนอข้อมลู มติ เพ่ือปรบั ปรงุ และ พัฒนาระเบยี บนี้ต่อผู้อานวยการโรงเรียนพจิ ารณาให้ความเหน็ ชอบ ข้อ ๑๘ การใชร้ ะเบียบ ระเบียบน้ีมผี ลบงั คบั ใช้ ตงั้ แตว่ นั ที่ ผ้อู านวยการโรงเรียน ลงนามประกาศเปน็ ตน้ ไป ประกาศ ณ วนั ที่ ๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ (นางวิลาวลั ย์ ปาลี) ผูอ้ านวยการโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ ๓๑

๑๓๒ การบรหิ ารจดั การหลกั สตู รโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ การบรหิ ารจดั การหลักสตู รโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ กระบวนการในการบริหารจดั การนาหลักสตู รไปใชถ้ ือว่าเป็นปัจจัยท่สี าคัญเป็นอยา่ งมากท่จี ะช่วย สนับสนนุ สง่ เสริมให้การใชห้ ลกั สตู รของสถานศึกษาบรรลุผลสูงสดุ ดังนั้นสถานศกึ ษาจึงได้กาหนดแผนการ บริหารจัดการหลักสตู รของสถานศกึ ษาขึน้ เพ่อื ให้ผ้ทู ่ีมีสว่ นเก่ียวขอ้ งกบั การจดั การศึกษาของสถานศึกษาในทุก ๆ ส่วน และทุกระดับ เกดิ ความรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกบั จดุ หมายของหลักสูตร การพัฒนาการเรยี นการสอน การนเิ ทศ การศึกษา การบรหิ ารหลักสูตร การประเมินผล และแนวปฏบิ ตั ขิ องสถานศึกษาท่จี ะตอ้ งดาเนนิ การใหส้ อดคล้อง และเหมาะสมกบั สภาพความตอ้ งการของหลกั สตู รสถานศึกษา สาหรับการบริหารจัดการหลกั สตู รของสถานศึกษา โรงเรยี นพัฒนาการศึกษา กาหนดแนวทางการบริหารจดั การไว้ ๓ ข้นั ตอน ๙ ภารกจิ ดังน้ี ๑. แนวทางการบรหิ ารจดั การดา้ นวชิ าการ ขนั้ ตอนท่ี ๑ การเตรยี มความพรอ้ มของสถานศึกษา ภารกจิ ท่ี ๑ การเตรยี มความพรอ้ มของสถานศึกษา ๑.๑ สร้างความตระหนักให้แก่บุคลากร ซ่ึงประกอบด้วย คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้บริหาร ผู้สอน ผู้ปกครอง ชุมชน นักเรียน ทั้งนี้เพื่อให้เห็นความสาคัญ ความจาเป็นท่ีจะต้องร่วมมือกันบริหารจัดการ หลกั สูตรสถานศึกษาของสถานศกึ ษา ๑.๒ แต่งต้ังคณ ะกรรมการ และคณ ะอนุกรรมการของสถานศึกษาตามระเบียบของ กระทรวงศึกษาธิการว่าดว้ ยคณะกรรมการบริหารหลักสูตรและงานวชิ าการสถานศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พ. ศ. ๒๕๕๒ ๑.๓ ประชาสัมพนั ธ์ใหน้ ักเรียน ผูป้ กครอง ชุมชน หนว่ ยงาน องค์กรในชุมชนทุกฝา่ ย ได้รบั ทราบ และความร่วมมอื ในการบริหารจดั การหลักสตู รของสถานศึกษา ๑.๔ จัดทาขอ้ มลู สารสนเทศของสถานศึกษาอยา่ งเปน็ ระบบ ๑.๕ จัดทาแผนพัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษา ๑.๖ พัฒนาบุคลากรของสถานศึกษาให้มีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถนาความรู้ไปใช้ในการ จดั ทาสาระของหลกั สตู รสถานศึกษา ข้นั ตอนที่ ๒ การดาเนินการจดั ทาสาระของหลักสตู รสถานศกึ ษา ภารกจิ ที่ ๒ จัดทาสาระของหลักสูตรสถานศกึ ษา ๒.๑ ศึกษาวิเคราะหข์ ้อมลู ที่เกย่ี วขอ้ ง ๒.๒ กาหนดปรชั ญา และเป้าหมายของการจัดการศึกษาของสถานศึกษา ๒.๓ กาหนดโครงสรา้ งของหลกั สตู รแต่ละรายชน้ั และจัดสัดสว่ นเวลาเรียน ๒.๔ กาหนดตัวช้ีวัด และสาระการเรียนรู้ของกลมุ่ วิชา ๒.๕ กาหนดสาระและกิจกรรมพฒั นาผ้เู รียน ๒.๖ กาหนดสอื่ การเรยี นรู้ ๒.๗ กาหนดการวดั และประเมินผล ภารกจิ ที่ ๓ การวางแผนบริหารจัดการหลักสูตรสถานศกึ ษา ๓.๑ การบริหารการจัดการกิจกรรมการเรยี นรู้ ๓.๒ การบรหิ ารการจดั การกจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รยี น ๓.๓ การสง่ เสริมและสนับสนนุ การจดั การกิจกรรมการเรยี นรู้ และกิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น

๑๓๓ ภารกจิ ท่ี ๔ ปฏิบัตกิ ารบรหิ ารจัดการหลักสูตรสถานศึกษา ดาเนนิ การบริหารจัดการหลกั สตู รตามภารกจิ ท่ี ๒ และภารกิจที่ ๓ ท่กี าหนดไว้ ขั้นตอนท่ี ๓ การนเิ ทศ กากบั ติดตาม ประเมินผล และรายงาน ภารกิจที่ ๕ การนิเทศ กากับ ตดิ ตาม ประเมนิ ผล ๕.๑ การนเิ ทศ กากับ ตดิ ตาม ประเมนิ ผลการบริหารหลักสูตร และงานวิชาการภายในสถานศกึ ษา ๕.๒ การนิเทศ กากับ ติดตาม ประเมินผลการบริหารหลักสูตร และงานวิชาการจากภายนอก สถานศึกษา ภารกิจท่ี ๖ สรปุ ผลการดาเนินการบริหารจดั การหลักสตู รของสถานศกึ ษา ๖.๑ สถานศึกษาสรุปผลการดาเนนิ การ และเขยี นรายงาน ๖.๒ สรุปผลการดาเนนิ งานรูปแบบบรหิ ารจัดการหลกั สูตรสถานศึกษา ภารกจิ ที่ ๗ ปรับปรงุ และพัฒนากระบวนการบรหิ ารจัดการหลกั สตู ร ๗.๑ สถานศึกษานาผลการดาเนินการ ปัญหา และข้อเสนอแนะต่าง ๆ มาใช้เป็นข้อมูลพ้ืนฐานใน การวางแผนปรบั ปรงุ และพฒั นากระบวนการบรหิ ารจดั การหลกั สตู รของสถานศกึ ษา ๗.๒ สถานศึกษาดาเนินการปรับปรุง และพัฒนากระบวนการบริหารจัดการหลักสูตร เพ่ือให้เกิด ประโยชนม์ ากขนึ้ ขน้ั ตอนท่ี ๔ การบรหิ ารทวั่ ไปตรยี มความพรอ้ มของสถานศกึ ษา ภารกิจท่ี ๘ การสนบั สนุนกระบวนการบริหารจัดการหลักสตู ร เปน็ ภารกจิ การสนบั สนนุ การบริหารงานวิชาการของโรงเรยี น ให้มีประสทิ ธภิ าพสงู สดุ โดยมี กจิ กรรมทีส่ าคญั ดงั น้ี ๘.๑ การพัฒนาบุคลากรของสถานศกึ ษา ดาเนนิ การพฒั นาบุคลากรให้มีความรู้ ทกั ษะความสามารถและเจตคตทิ ่ีถูกต้องต่อการ จัดการเรยี นการสอนทีเ่ นน้ ผู้เรยี นเปน็ สาคญั ตามนโยบายปฏริ ูปการเรียนรู้ สามารถจดั การเรียนการสอนไดต้ าม จดุ เนน้ ทีห่ ลักสตู รสถานศึกษากาหนด มคี ณุ ธรรมจริยธรรมท่ีเหมาะสมกบั อาชพี และเปน็ ทยี่ อมรับของนักเรยี น ผู้ปกครอง ๘.๒ การใชห้ ้องเรยี น อาคารเรียน และสถานท่ี เพ่ือให้ประโยชน์ในการจัดการศกึ ษาของ โรงเรียน ๑) สนับสนุนการจัดห้องเรยี นใหส้ ามารถจัดกิจกรรมการเรยี นรไู้ ด้หลากหลายลักษณะ สวยงาม นา่ อยู่ มีการส่ือการเรียนและสอื่ สนับสนุนการเรียนรู้ทเี่ พยี งพอ ๒) สนับสนนุ ใหค้ รใู ช้และอานวยความสะดวกในการใชห้ อ้ งปฏบิ ตั ิการ สถานทปี่ ฏิบัติงาน จดุ ศึกษาและแหลง่ เรียนรู้ภายในโรงเรยี น เพอ่ื เนน้ ให้ไดเ้ รียนรู้ด้วยการปฏิบตั ิจริง ๓) การสรา้ งความสะอาด สวยงาม ร่มร่นื และความปลอดภยั ในโรงเรียน โดยการจัด ใหโ้ รงเรยี นมคี วามสวยงาม ร่มรืน่ ด้วยไมย้ นื ตน้ ไม้ดอก ไม้ประดบั ใหน้ ักเรยี นเปน็ ผูร้ ับผดิ ชอบในการรกั ษาความ สะอาดในบริเวณโรงเรียน ใหโ้ รงเรยี นเปน็ สถานท่พี ักผ่อนหย่อนใจและเล่นกีฬาของนักเรียน มีความปลอดภัยใน การใช้ชวี ิตในโรงเรียนและความปลอดภยั ในทรัพย์สินของทางราชการและเปน็ เขตปลอดสง่ิ เสพติดทุกประเภท ๘.๓ การบรหิ ารจัดการงบประมาณในการจัดการเรียนการสอน โรงเรียนเนน้ ให้การจดั สรรงบประมาณคา่ วัสดกุ ารศกึ ษา (รายหัว) และงบประมาณอื่น ๆ ท่ี เก่ียวขอ้ งกบั การพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาให้เป็นประโยชนต์ ่อนกั เรยี นและการจดั การเรียนการสอนตาม หลกั สูตรสถานศึกษา

๑๓๔ ๘.๔ การขอรับการสนบั สนุนชว่ ยเหลอื การจัดการศึกษาของโรงเรียน มีกิจกรรมการดาเนินงาน ดังน้ี ๑) การประชมุ คณะกรรมการสถานศึกษาขน้ั พ้ืนฐานของโรงเรียน เพอ่ื ให้การปฏบิ ัติงานตาม ภารกิจ หน้าท่ี ความรบั ผิดชอบของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน เกดิ ประโยชนแ์ ละมีประสทิ ธิภาพ สงู สดุ ตอ่ การจัดการศึกษาของโรงเรยี น ๒) การประชมุ ผู้ปกครองนักเรียน เพอ่ื การช้ีแจงการดาเนินงานของโรงเรียน การ ประสานงานการจัดการศึกษาและพฒั นางาน ๓) การรว่ มกจิ กรรมกบั ชุมชน ท้องถ่ิน องคก์ รปกครองท้องถิ่น และหน่วยงานในท้องถิ่น ๘.๕ การประกนั คุณภาพการจดั การศกึ ษาภายในของสถานศึกษา เปน็ การดาเนนิ งานของสถานศึกษาทร่ี ว่ มมือกบั ชมุ ชนและหนว่ ยงานต้นสังกัดทเ่ี กยี่ วขอ้ ง ใหเ้ ป็นท่ีเชื่อม่ันได้วา่ ผ้เู รยี นทุกคนจะไดร้ บั บริการดา้ นการศึกษาที่มีคุณภาพจากสถานศึกษา สามารถพัฒนาความรู้ ความสามารถและคุณลักษณะที่พึงประสงคต์ ามทีก่ าหนดในมาตรฐานหลักสตู รการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน โดยมกี าร ดาเนนิ งาน ดังน้ี ๑) การประเมินตนเองประจาปีของครูผสู้ อน ๒) การประเมนิ ตนเองประจาปีของสถานศึกษา ๓) การรายงานคุณภาพการศึกษาประจาปี เสนอตอ่ หนว่ ยงานตน้ สงั กดั หนว่ ยงานทเ่ี กี่ยวข้อง คณะกรรมการสถานศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน ผู้ปกครองนักเรียนและชุมชน เกณฑ์การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ๑. ระดบั ประถมศกึ ษา ๑.๑ การตดั สนิ ผลการเรยี น หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ กาหนดหลักเกณฑก์ ารวัดและประเมนิ ผล การเรียนรู้ เพื่อตดั สนิ ผลการเรยี นของผเู้ รยี น ดังนี้ ๑) ผูเ้ รยี นตอ้ งมีเวลาเรียนไมน่ ้อยกว่ารอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรียนท้ังหมด ๒) ผูเ้ รยี นต้องได้รบั การประเมนิ ทกุ ตัวชว้ี ัดและผ่านตามเกณฑ์ทสี่ ถานศกึ ษากาหนด ๓) ผ้เู รยี นตอ้ งได้รับการตัดสินผลการเรียนทุกรายวิชา ๔) ผเู้ รยี นตอ้ งไดร้ บั การประเมินและมีผลการประเมินผ่านตามเกณฑท์ ส่ี ถานศึกษากาหนดในการอา่ น คิดวเิ คราะห์ และเขียน คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ และกจิ กรรมพฒั นาผ้เู รยี น การตัดสินผลการเรียน ตัดสนิ เป็นรายวชิ า โดยใช้ผลการประเมินระหว่างปีและปลายปีตามสดั ส่วนท่ี สถานศกึ ษากาหนด ทุกรายวิชาตอ้ งได้รบั การตัดสินให้ผลการเรียนตามแนวทางการให้ระดับผลการเรยี นตามท่ี สถานศึกษากาหนด และผู้เรยี นตอ้ งผา่ นทกุ รายวชิ าพื้นฐาน

๑๓๕ ๑.๒ การใหร้ ะดบั ผลการเรียน การประเมินผลการเรยี นสาระการเรียนรรู้ ายวิชา ตามผลการเรียนรู้ที่คาดหวงั ของรายวชิ า ซง่ึ สถานศึกษา วเิ คราะหจ์ ากตัวช้วี ดั ช้นั ปี การประเมนิ สาระการเรยี นรู้รายวิชา ให้ตัดสนิ ผลการประเมนิ ระดบั ผลการเรียน ๘ ระดับ คือ “๔” หมายถึง ผลการเรียนดีเยย่ี ม “๓.๕” หมายถงึ ผลการเรียนดีมาก “๓” หมายถงึ ผลการเรยี นดี “๒.๕” หมายถึง ผลการเรียนค่อนขา้ งดี “๒” หมายถงึ ผลการเรยี นนา่ พอใช้ “๑.๕” หมายถึง ผลการเรียนพอใช้ “๑” หมายถึง ผลการเรยี นผ่านเกณฑข์ ้นั ต่า “๐” หมายถึง ผลการเรยี นตา่ กวา่ เกณฑ์ การประเมนิ การอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขยี น และคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงคน์ น้ั ใหผ้ ลการประเมนิ เปน็ ผา่ นและไมผ่ า่ น กรณที ผี่ า่ นใหร้ ะดบั ผลการประเมินเปน็ ดเี ยยี่ ม ดี และผา่ น ๑. ในการสรปุ ผลการประเมินการอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขียน เพ่อื การเลอ่ื นชัน้ และจบการศกึ ษา กาหนดเกณฑ์การตดั สนิ เป็น ๔ ระดบั และความหมายของแตล่ ะระดับ ดงั น้ี ดีเย่ยี ม หมายถงึ มผี ลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขยี นทมี่ ีคณุ ภาพดเี ลศิ อยเู่ สมอ ดี หมายถงึ มีผลงานท่ีแสดงถึงความสามารถในการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขียนท่ีมี คุณภาพเป็นทีย่ อมรบั ผา่ น หมายถึง มีผลงานทแี่ สดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ท่มี คี ุณภาพเป็นท่ียอมรับ แตย่ งั มขี ้อบกพร่องบางประการ ไมผ่ า่ น หมายถึง ไมม่ ีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คดิ วิเคราะห์ และเขียนหรือถา้ มีผลงาน ผลงานนั้นยังมขี ้อบกพร่องที่ต้องไดร้ บั การ ปรับปรุงแก้ไขหลายประการ ๒. ในการสรปุ ผลการประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์รวมทกุ คุณลกั ษณะเพื่อการเลือ่ นช้ันและ จบการศึกษา กาหนดเกณฑ์การตัดสินเป็น ๔ ระดบั และความหมายของแต่ละระดับ ดังนี้ ดเี ยย่ี ม หมายถึง ผูเ้ รยี นปฏบิ ัติตนตามคณุ ลักษณะจนเป็นนิสยั และนาไปใชใ้ น ชวี ิตประจาวันเพือ่ ประโยชนส์ ุขของตนเองและสงั คม โดยพจิ ารณาจาก ผลการประเมนิ ระดบั ดเี ยยี่ ม จานวน ๕-๘ คณุ ลกั ษณะ และไม่มี คณุ ลกั ษณะใดไดผ้ ลการประเมนิ ตา่ กว่าระดับดี ดี หมายถงึ ผู้เรียนมคี ณุ ลักษณะในการปฏบิ ัตติ ามกฎเกณฑ์ เพ่อื ให้เป็นการ ยอมรับของสงั คม โดยพจิ ารณาจาก ๑. ได้ผลการประเมนิ ระดับดีเยยี่ ม จานวน ๑-๔ คณุ ลกั ษณะ และ ไมม่ ี คุณลกั ษณะใดได้ผลการประเมินต่ากวา่ ระดบั ดี หรอื ๒. ไดผ้ ลการประเมนิ ระดบั ดีเยย่ี ม จานวน ๔ คุณลักษณะ และไม่มี คณุ ลักษณะใดไดผ้ ลการประเมินตา่ กว่าระดบั ผ่าน หรือ ๓. ไดผ้ ลการประเมนิ ระดับดี จานวน ๕-๘ คณุ ลักษณะ และไม่มี คณุ ลักษณะใดได้ผลการประเมินตา่ กว่าระดบั ผา่ น ผ่าน หมายถงึ ผ้เู รยี นรบั รแู้ ละปฏิบตั ิตามกฎเกณฑแ์ ละเงอ่ื นไขทีส่ ถานศกึ ษา กาหนดโดยพิจารณาจาก

๑๓๖ ๑. ได้ผลการประเมินระดับผ่าน จานวน ๕-๘ คณุ ลักษณะ และไมม่ ี คณุ ลักษณะใดได้ผลการประเมนิ ตา่ กวา่ ระดับผา่ น หรือ ๒. ไดผ้ ลการประเมินระดบั ดี จานวน ๔ คุณลักษณะ และไมม่ ี คณุ ลักษณะใดไดผ้ ลการประเมนิ ตา่ กว่าระดับผา่ น ไม่ผ่าน หมายถึง ผ้เู รยี นรบั รู้และปฏบิ ตั ไิ ดไ้ มค่ รบตามกฎเกณฑ์และเง่ือนไขที่ สถานศกึ ษากาหนดโดยพิจารณาจากผลการประเมนิ ระดับไมผ่ า่ น ตั้งแต่ ๑ คณุ ลกั ษณะ การประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น จะต้องพจิ ารณาทง้ั เวลาการเขา้ รว่ มกจิ กรรม การปฏบิ ตั กิ จิ กรรม และผลงานของผเู้ รยี นตามเกณฑ์ทสี่ ถานศกึ ษากาหนด และใหผ้ ลการประเมนิ เปน็ ผ่านและไมผ่ า่ น กิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น มี ๓ ลกั ษณะ คอื ๑) กจิ กรรมแนะแนว ๒) กิจกรรมนักเรยี น ซง่ึ ประกอบดว้ ย (๑) กจิ กรรมลูกเสอื เนตรนารี และผู้บาเพ็ญประโยชน์ โดยผเู้ รียนเลือกอย่างใดอยา่ งหน่งึ ๑ กิจกรรม (๒) กจิ กรรมชมุ นุมหรอื ชมรมอีก ๑ กจิ กรรม ๓) กิจกรรมเพอ่ื สังคมและสาธารณประโยชน์ ใหใ้ ชต้ วั อักษรแสดงผลการประเมิน ดังนี้ “ผ” หมายถงึ ผู้เรยี นมีเวลาเขา้ ร่วมกจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รยี น ปฏบิ ตั กิ ิจกรรม และมีผลงานตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษากาหนด “มผ” หมายถึง ผเู้ รียนมีเวลาเขา้ ร่วมกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน ปฏบิ ัติกจิ กรรม และมผี ลงานไม่เป็นไปตามเกณฑท์ ่ีสถานศกึ ษากาหนด ในกรณที ี่ผ้เู รียนไดผ้ ลของกจิ กรรมเปน็ “มผ” สถานศึกษาต้องจัดซ่อมเสริมใหผ้ ู้เรียนทากิจกรรมในสว่ น ที่ผู้เรียนไม่ไดเ้ ข้าร่วมหรือไมไ่ ดท้ าจนครบถว้ น แล้วจึงเปลยี่ นผลจาก “มผ” เป็น “ผ” ได้ ท้ังนี้ ต้องดาเนนิ การให้ เสร็จส้ินภายในปีการศึกษานั้น ยกเว้นมเี หตุสุดวสิ ัยใหอ้ ยูใ่ นดุลยพินิจของสถานศึกษา ๑.๓ การเลอื่ นชนั้ เมื่อส้นิ ปีการศึกษา ผู้เรียนจะไดร้ บั การเลื่อนช้นั เมื่อมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ดังต่อไปน้ี ๑) ผู้เรียนมเี วลาเรียนตลอดปีการศึกษาไมน่ ้อยกวา่ รอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรียนทง้ั หมด ๒) ผู้เรยี นมีผลการประเมินผา่ นทุกรายวิชาพื้นฐาน ๓) ผูเ้ รียนมผี ลการประเมนิ การอา่ น คดิ วิเคราะห์ และเขียน คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ และกิจกรรม พัฒนาผ้เู รยี นผ่านตามเกณฑ์ท่ีสถานศกึ ษากาหนด ทงั้ นี้ ถ้าผ้เู รียนมีข้อบกพร่องเพยี งเลก็ น้อย และสถานศึกษาพิจารณาเหน็ ว่าสามารถพฒั นาและสอน ซอ่ มเสรมิ ได้ ให้อยใู่ นดลุ ยพนิ ิจของสถานศึกษาทจี่ ะผ่อนผันใหเ้ ล่ือนชน้ั ได้ อนงึ่ ในกรณีทผ่ี ู้เรียนมีหลกั ฐานการเรยี นร้ทู ่ีแสดงว่ามีความสามารถดีเลิศ สถานศกึ ษาอาจให้โอกาส ผเู้ รยี นเลอื่ นชัน้ กลางปกี ารศกึ ษา โดยสถานศกึ ษาแต่งตง้ั คณะกรรมการ ประกอบด้วย ฝ่ายวชิ าการของสถานศึกษา และผแู้ ทนของเขตพน้ื ท่ีการศึกษาหรือต้นสงั กดั ประเมินผู้เรียนและตรวจสอบคุณสมบตั ิใหค้ รบถว้ นตามเง่ือนไขทง้ั ๓ ประการ ตอ่ ไปนี้ ๑. มีผลการเรียนในปีการศึกษาท่ีผ่านมาและมผี ลการเรียนระหว่างปีท่กี าลังศกึ ษาอยู่ในเกณฑด์ เี ยย่ี ม ๒. มวี ฒุ ิภาวะเหมาะสมท่จี ะเรยี นในช้ันท่สี งู ขึ้น ๓. ผา่ นการประเมินผลความรู้ความสามารถทกุ รายวิชาของชัน้ ปีที่เรียนปัจจุบัน และความรู้ ความสามารถทุกรายวชิ าในภาคเรียนแรกของชนั้ ปีท่จี ะเลื่อนข้นึ การอนุมัติใหเ้ ลื่อนชน้ั กลางปีการศึกษาไปเรียนช้ันสูงขึ้นได้ ๑ ระดบั ชน้ั นี้ ตอ้ งไดร้ ับการยินยอมจาก ผู้เรียนและผ้ปู กครอง และตอ้ งดาเนินการให้เสรจ็ ส้นิ ก่อนเปิดภาคเรยี นท่ี ๒ ของปีการศึกษานัน้

๑๓๗ สาหรบั ในกรณที ี่พบวา่ มีผเู้ รียนกลมุ่ พเิ ศษประเภทต่าง ๆ มีปญั หาในการเรยี นรู้ ให้สถานศึกษา ดาเนนิ งานร่วมกับสานักงานเขตพ้นื ท่ีการศึกษา/ศูนย์การศึกษาพเิ ศษประจาจังหวดั /ศูนย์การศึกษาพิเศษเขต การศกึ ษา/หนว่ ยงานตน้ สงั กัด โรงเรยี นเฉพาะความพิการ หาแนวทางการแก้ไขและพฒั นา ๑.๔ การเรยี นซา้ ชนั้ ผูเ้ รยี นทีไ่ ม่ผา่ นรายวชิ าจานวนมากและมแี นวโนม้ วา่ จะเป็นปัญหาตอ่ การเรยี นในระดบั ชั้นท่ีสงู ขนึ้ สถานศึกษาอาจตง้ั คณะกรรมการพิจารณาใหเ้ รยี นซ้าช้ันได้ ท้ังน้ี ใหค้ านงึ ถงึ วฒุ ภิ าวะและความรคู้ วามสามารถของ ผเู้ รียน เป็นสาคัญผูเ้ รยี นท่ไี ม่มคี ุณสมบัติตามเกณฑก์ ารเลื่อนช้ัน สถานศึกษาควรให้เรียนซ้าช้นั ทงั้ นี้ สถานศึกษา อาจใช้ดุลยพินิจใหเ้ ลื่อนชนั้ ได้ หากพจิ ารณาวา่ ผเู้ รียนมีคณุ สมบัติข้อใดข้อหน่งึ ดงั ตอ่ ไปนี้ ๑) มเี วลาเรยี นไม่ถึงร้อยละ ๘๐ อนั เน่อื งจากสาเหตุจาเป็นหรือเหตสุ ุดวสิ ยั แตม่ คี ุณสมบัติตามเกณฑ์ การเลอ่ื นช้ันในข้ออื่น ๆ ครบถว้ น ๒) ผู้เรยี นมีผลการประเมนิ ผา่ นมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวชีว้ ัดไม่ถงึ เกณฑต์ ามทสี่ ถานศึกษากาหนดใน แตล่ ะรายวิชา แตเ่ หน็ วา่ สามารถสอนซ่อมเสริมได้ในปีการศึกษาน้นั และมคี ุณสมบตั ติ ามเกณฑ์การเล่อื นชัน้ ในขอ้ อน่ื ๆ ครบถว้ น ๓) ผู้เรยี นมีผลการประเมนิ รายวชิ าในกลมุ่ สาระภาษาไทย คณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมอยู่ในระดบั ผ่านก่อนทีจ่ ะให้ผเู้ รียนเรียนซ้าชั้น สถานศกึ ษาควรแจง้ ใหผ้ ู้ปกครองและผเู้ รียน ทราบเหตุผลของการเรยี นซ้าช้นั ๑.๕ การสอนซอ่ มเสริม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ กาหนดให้สถานศึกษาจดั สอนซอ่ มเสรมิ เพอื่ พัฒนาการเรียนรขู้ องผูเ้ รียนเตม็ ตามศกั ยภาพ การสอนซ่อมเสรมิ เปน็ การสอนเพ่ือแกไ้ ขข้อบกพรอ่ ง กรณที ีผ่ เู้ รียนมคี วามรู้ ทกั ษะ กระบวนการ หรอื เจตคติ/คณุ ลกั ษณะไมเ่ ป็นไปตามเกณฑท์ ี่สถานศึกษากาหนด สถานศกึ ษาต้องจัดสอนซ่อมเสรมิ เปน็ กรณีพเิ ศษอก เหนือไปจากการสอนตามปกติ เพอ่ื พัฒนาใหผ้ ู้เรียนสามารถบรรลุตามมาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วัดท่ีกาหนดไว้ เป็น การให้โอกาสแกผ่ ู้เรียนไดเ้ รยี นร้แู ละพฒั นา โดยจดั กจิ กรรมการเรยี นรทู้ ห่ี ลากหลายและตอบสนองความแตกต่าง ระหว่างบุคคล ๑.๖ เกณฑก์ ารจบระดบั ประถมศกึ ษา ๑. ผเู้ รียนเรยี นรายวชิ าพื้นฐาน จานวน............ช่ัวโมง และรายวิชาเพมิ่ เตมิ / กจิ กรรมเพ่ิมเติม จานวน .........ชวั่ โมงและมีผลการประเมินรายวิชาพน้ื ฐานผา่ นทกุ รายวิชา ๒. ผเู้ รียนต้องมผี ลการประเมินการอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขยี น ระดบั “ผ่าน” ขนึ้ ไป ๓. ผู้เรียนต้องมลี การประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ระดบั “ผา่ น” ข้นึ ไป ๔. ผเู้ รยี นตอ้ งเขา้ ร่วมกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน และได้รับการตดั สนิ ผลการเรยี น “ผ่าน” ทุกกจิ กรรม ๒. ระดบั มธั ยมศกึ ษา ๒.๑ การตดั สนิ ผลการเรยี น หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ กาหนดหลักเกณฑก์ ารวัดและประเมินผล การเรียนรู้ เพื่อตัดสนิ ผลการเรียนของผู้เรยี น ดงั นี้ ๑) ตัดสินผลการเรียนเปน็ รายวิชา ผเู้ รยี นต้องมีเวลาเรียนตลอดภาคเรียนไมน่ อ้ ยกว่าร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นทง้ั หมดในรายวิชาน้นั ๆ ๒) ผเู้ รยี นต้องได้รบั การประเมินทกุ ตวั ช้ีวดั และผา่ นตามเกณฑ์ทส่ี ถานศึกษากาหนด ๓) ผเู้ รยี นต้องไดร้ ับการตัดสินผลการเรียนทกุ รายวชิ า ๔) ผู้เรยี นตอ้ งได้รบั การประเมนิ และมผี ลการประเมนิ ผ่านตามเกณฑท์ ่สี ถานศึกษากาหนดในการอา่ นคดิ วเิ คราะห์ และเขยี น คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ และกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น

๑๓๘ การตดั สนิ ผลการเรียน ตัดสินเปน็ รายวชิ า โดยใช้ผลการประเมนิ ระหว่างภาคและปลายภาคตามสัดส่วน ทสี่ ถานศึกษากาหนด ทุกรายวิชาตอ้ งไดร้ บั การตัดสนิ และให้ระดับผลการเรียน ทง้ั นี้ ผเู้ รียนตอ้ งผ่านทุกรายวชิ า พ้ืนฐาน ๒.๒ การใหร้ ะดบั ผลการเรียน การตัดสนิ ผลการเรียนในระดับการศึกษาขน้ั พื้นฐานใช้ระบบผา่ นและไมผ่ ่าน โดยกาหนดเกณฑ์การ ตัดสินผ่านแตล่ ะวิชาที่รอ้ ยละ ๕๐ จากนัน้ จึงให้ระดบั ผลการเรยี นทีผ่ า่ น สาหรับระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น และ ตอนลาย ใชต้ วั เลขแสดงระดับผลการเรียนเป็น ๘ ระดับ แนวการให้ระดับผลการเรยี น ๘ ระดบั และความหมาย ของแตล่ ะระดับ ดงั นี้ “๔” หมายถงึ ผลการเรยี นดีเยี่ยม “๓.๕” หมายถงึ ผลการเรยี นดมี าก “๓” หมายถึง ผลการเรียนดี “๒.๕” หมายถึง ผลการเรียนคอ่ นข้างดี “๒” หมายถึง ผลการเรียนนา่ พอใช้ “๑.๕” หมายถงึ ผลการเรียนพอใช้ “๑” หมายถึง ผลการเรียนผา่ นเกณฑข์ ัน้ ต่า “๐” หมายถงึ ผลการเรยี นตา่ กวา่ เกณฑ์ ในกรณที ี่ไมส่ ามารถให้ระดับผลการเรียนเปน็ ๘ ระดับได้ให้ใชต้ วั อักษรระบเุ ง่ือนไขของผลการเรียน ดังน้ี “มส” หมายถึง ผเู้ รียนไมม่ สี ิทธิเข้ารับการวดั ผลปลายภาคเรยี น เนอ่ื งจาก ผู้เรยี นมีเวลาเรียนไมถ่ ึงร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนในแต่ละ รายวิชา และไมไ่ ด้รับการผ่อนผนั ใหเ้ ขา้ รับการวัดผล ปลายภาคเรยี น “ร” หมายถึง รอการตัดสนิ และยงั ตดั สินผลการเรยี นไม่ได้ เน่ืองจาก ผู้เรยี นไม่มขี ้อมลู ผลการเรยี นรายวชิ านัน้ ครบถ้วน ไดแ้ ก่ ไม่ได้วดั ผลระหว่างภาคเรยี น/ปลายภาคเรยี น ไมไ่ ด้สง่ งาน ทม่ี อบหมายให้ทา ซ่งึ งานนั้นเป็นสว่ นหนง่ึ ของการตดั สนิ ผลการเรยี นหรือมเี หตสุ ดุ วิสัยทท่ี าให้ประเมินผลการเรยี น ไม่ได้ การประเมนิ การอ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขยี น และคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงคน์ ัน้ ใหร้ ะดับผลการประเมิน เปน็ ผา่ นและไมผ่ ่าน กรณีทีผ่ ่านใหร้ ะดบั ผลการประเมินเป็นดเี ย่ยี ม ดี และผ่าน ๑. ในการสรุปผลการประเมนิ การอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขียน เพื่อการเล่อื นช้ันและจบการศกึ ษา กาหนดเกณฑ์ การตัดสนิ เปน็ ๔ ระดับ และความหมายของแต่ละระดับ ดังน้ี ดเี ยยี่ ม หมายถึง มีผลงานทีแ่ สดงถึงความสามารถในการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขยี นที่มีคุณภาพดเี ลศิ อยู่เสมอ ดี หมายถึง มผี ลงานท่ีแสดงถึงความสามารถในการอา่ น คิดวเิ คราะห์ และเขียน ท่ีมีคุณภาพเปน็ ที่ยอมรบั

๑๓๙ ผา่ น หมายถงึ มผี ลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขียนที่มีคุณภาพเปน็ ทีย่ อมรบั แต่ยงั มีข้อบกพร่องบาง ประการ ไม่ผา่ น หมายถงึ ไมม่ ีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คดิ วเิ คราะห์ และเขยี น หรือถ้ามีผลงาน ผลงานนั้นยังมี ข้อบกพร่องท่ีต้องได้รบั การปรับปรงุ แกไ้ ขหลายประการ ๒. ในการสรปุ ผลการประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์รวมทกุ คณุ ลกั ษณะเพ่ือการเลือ่ นชน้ั และจบ การศกึ ษา กาหนดเกณฑก์ ารตดั สินเป็น ๔ ระดับ และความหมายของแตล่ ะระดับ ดงั นี้ ดีเย่ียม หมายถงึ ผ้เู รยี นปฏบิ ตั ติ นตามคณุ ลักษณะจนเป็นนิสยั และนาไปใช้ ในชวี ติ ประจาวันเพื่อประโยชน์สุขของตนเองและสงั คม โดยพิจารณาจากผลการประเมินระดบั ดเี ยี่ยม จานวน ๕-๘ คุณลกั ษณะ และไม่มีคณุ ลักษณะใดได้ผลการประเมนิ ต่ากว่า ระดับดี ดี หมายถึง ผเู้ รยี นมคี ณุ ลักษณะในการปฏบิ ัติตามกฎเกณฑ์ เพ่ือให้ เป็นการยอมรบั ของ สงั คม โดยพจิ ารณาจาก ๑. ไดผ้ ลการประเมินระดบั ดเี ยย่ี ม จานวน ๑-๔ คณุ ลักษณะ และไม่มี คุณลกั ษณะใดไดผ้ ลการประเมิน ตา่ กวา่ ระดบั ดี หรอื ๒. ได้ผลการประเมินระดบั ดีเย่ยี ม จานวน ๔ คณุ ลักษณะ และไม่มคี ุณลักษณะใดไดผ้ ลการประเมินตา่ กว่าระดบั ผา่ น หรือ ๓. ได้ผลการประเมินระดบั ดี จานวน ๕-๘ คุณลักษณะ และไม่มีคุณลักษณะใดได้ผลการประเมินต่ากว่าระดับผ่าน ผา่ น หมายถึง ผู้เรียนรับรแู้ ละปฏบิ ตั ิตามกฎเกณฑ์และเงื่อนไขท่ี สถานศึกษากาหนดโดยพิจารณาจาก ๑. ไดผ้ ลการประเมินระดบั ผา่ น จานวน ๕-๘ คุณลกั ษณะ และไม่มี คณุ ลักษณะใดไดผ้ ลการประเมินตา่ กว่าระดบั ผา่ น หรอื ไม่ผา่ น หมายถึง ๓. ไดผ้ ลการประเมินระดบั ดี จานวน ๔ คณุ ลกั ษณะ และ ไม่มีคณุ ลกั ษณะใดได้ผลการประเมินตา่ กว่าระดับผา่ น ผู้เรยี นรับรแู้ ละปฏิบัติได้ไมค่ รบตามกฎเกณฑ์และ เงือ่ นไขท่สี ถานศกึ ษากาหนด โดยพจิ ารณาจากผลการ ประเมนิ ระดบั ไม่ผา่ น ต้งั แต่ ๑ คณุ ลักษณะ

๑๔๐ การประเมนิ กจิ กรรมพฒั นาผูเ้ รยี น จะตอ้ งพจิ ารณาท้งั เวลาการเขา้ ร่วมกิจกรรม การปฏิบัติกิจกรรม และผลงานของผเู้ รียนตามเกณฑ์ท่สี ถานศกึ ษากาหนด และให้ผลการประเมินเป็นผา่ นและไมผ่ า่ น กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน มี ๓ ลกั ษณะ คือ ๑) กจิ กรรมแนะแนว ๒) กิจกรรมนักเรียน ซง่ึ ประกอบด้วย (๑) กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี ผู้บาเพ็ญประโยชน์ และนกั ศกึ ษาวิชาทหาร โดยผูเ้ รียนเลอื กอยา่ งใดอยา่ งหนึง่ (๒) กจิ กรรมชมุ นุมหรือชมรม ท้งั น้ี ผเู้ รยี นระดับมธั ยมศกึ ษาตอนต้นจะตอ้ งเขา้ รว่ มกจิ กรรมทง้ั ข้อ (๑) และ (๒) ๓) กิจกรรมเพ่อื สังคมและสาธารณประโยชน์ ใหใ้ ชต้ วั อักษรแสดงผลการประเมนิ ดงั น้ี “ผ” หมายถงึ ผเู้ รียนมเี วลาเข้าร่วมกิจกรรมพฒั นาผู้เรียน ปฏิบัตกิ ิจกรรม และมผี ลงานตามเกณฑ์ท่สี ถานศึกษากาหนด “มผ” หมายถงึ ผูเ้ รยี นมีเวลาเข้ารว่ มกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น ปฏิบตั ิกิจกรรม และมผี ลงานไมเ่ ป็นไปตามเกณฑ์ทีส่ ถานศกึ ษากาหนด ๒.๓ การเปลย่ี นผลการเรยี น ๒.๓.๑ การเปลย่ี นผลการเรยี น “๐” สถานศกึ ษาจดั ใหม้ ีการสอนซ่อมเสริมในมาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้ีวดั ท่ผี เู้ รียนสอบไมผ่ ่านก่อนแล้วจึง สอบแก้ตวั ได้ไม่เกิน ๒ คร้ัง ถา้ ผเู้ รยี นไมด่ าเนินการสอบแก้ตวั ตามระยะเวลาทส่ี ถานศึกษากาหนด ให้อยใู่ นดุลย พนิ จิ ของสถานศึกษาทีจ่ ะพิจารณาขยายเวลาออกไปอกี ๑ ภาคเรียน สาหรับภาคเรยี นท่ี ๒ ตอ้ งดาเนนิ การให้เสรจ็ สน้ิ ภายในปีการศกึ ษานัน้ ถ้าสอบแก้ตวั ๒ คร้ังแล้ว ยงั ได้ระดับผลการเรียน “๐” อีก ให้สถานศกึ ษาแต่งตั้ง คณะกรรมการดาเนินการเกีย่ วกบั การเปลย่ี นผลการเรยี นของผเู้ รียน โดยปฏบิ ตั ดิ งั นี้ ๑) ถา้ เป็นรายวชิ าพืน้ ฐาน ใหเ้ รียนซา้ รายวชิ านนั้ ๒) ถ้าเปน็ รายวิชาเพ่มิ เติม ให้เรียนซ้าหรือเปล่ยี นรายวชิ าเรียนใหม่ ทงั้ น้ี ใหอ้ ยูใ่ นดุลยพินิจของ สถานศกึ ษาในกรณที เี่ ปลย่ี นรายวชิ าเรียนใหม่ ให้หมายเหตุในระเบียนแสดงผลการเรียนว่าเรยี นแทนรายวชิ าใด ๒.๓.๒ การเปลย่ี นผลการเรยี น “ร” การเปล่ียนผลการเรยี น “ร” ใหด้ าเนนิ การดังน้ี ให้ผู้เรยี นดาเนินการแก้ไข “ร” ตามสาเหตุ เมอ่ื ผู้เรียนแก้ไขปญั หาเสร็จแล้วให้ได้ระดบั ผลการเรยี น ตามปกติ(ต้ังแต่ ๐-๔)ถา้ ผู้เรยี นไมด่ าเนนิ การแก้ไข “ร” กรณีท่ีสง่ งานไม่ครบ แต่มผี ลการประเมนิ ระหวา่ งภาคเรียน และปลายภาคให้ผสู้ อนนาข้อมูลทีม่ อี ยู่ตัดสินผลการเรยี น ยกเวน้ มีเหตุสุดวสิ ยั ให้อยู่ในดุลยพนิ จิ ของสถานศึกษาที่ จะขยายเวลาการแก้ “ร” ออกไปอีกไมเ่ กิน ๑ ภาคเรยี น สาหรบั ภาคเรียนท่ี ๒ ต้องดาเนินการใหเ้ สรจ็ สนิ้ ภายในปี การศกึ ษานัน้ เมื่อพน้ กาหนดนี้แล้วใหเ้ รียนซ้า หากผลการเรยี นเปน็ “๐” ให้ดาเนินการแกไ้ ขตามหลักเกณฑ์ ๒.๓.๓ การเปลย่ี นผลการเรยี น “มส” การเปล่ยี นผลการเรยี น “มส” มี ๒ กรณี ดังน้ี ๑) กรณผี เู้ รยี นไดผ้ ลการเรยี น “มส” เพราะมเี วลาเรียนไม่ถงึ ร้อยละ ๘๐ แต่มเี วลาเรยี นไม่น้อยกวา่ ร้อย ละ ๖๐ ของเวลาเรยี นในรายวิชานั้น ให้สถานศึกษาจัดใหเ้ รียนเพิม่ เติมโดยใชช้ ั่วโมงสอนซ่อมเสรมิ หรือใช้เวลาว่าง หรือใชว้ นั หยุด หรอื มอบหมายงานให้ทา จนมเี วลาเรยี นครบตามที่กาหนดไว้ สาหรับรายวชิ าน้นั แลว้ จงึ ใหว้ ัดผลปลายภาคเปน็ กรณพี เิ ศษผลการแก้ “มส” ใหไ้ ดร้ ะดับผลการ เรยี นไมเ่ กนิ “๑” การแก้ “มส” กรณีนีใ้ หก้ ระทาใหเ้ สร็จสิน้ ภายในปกี ารศึกษาน้นั ถ้าผเู้ รียนไม่มา ดาเนินการแก้ “มส” ตามระยะเวลาทก่ี าหนดไว้นีใ้ หเ้ รยี นซา้ ยกเวน้ มีเหตุสดุ วสิ ยั ใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพินจิ ของสถานศึกษาที่จะขยายเวลาการแก้ “มส” ออกไปอกี ไม่เกิน ๑ ภาคเรยี น แต่เม่อื พน้ กาหนดนี้ แลว้ ใหป้ ฏิบัติดงั น้ี

๑๔๑ (๑) ถา้ เป็นรายวชิ าพนื้ ฐานให้เรยี นซา้ รายวิชาน้ัน (๒) ถา้ เป็นรายวิชาเพิ่มเติมให้อยู่ในดุลยพนิ จิ ของสถานศึกษา ใหเ้ รียนซา้ หรือเปลย่ี น รายวชิ าเรียนใหม่ ๒) กรณผี ู้เรียนได้ผลการเรยี น “มส” เพราะมีเวลาเรียนน้อยกวา่ รอ้ ยละ ๖๐ ของเวลาเรียน ทั้งหมด ให้สถานศกึ ษาดาเนนิ การดงั น้ี (๑) ถ้าเป็นรายวิชาพืน้ ฐาน ใหเ้ รียนซ้ารายวิชาน้นั (๒) ถา้ เป็นรายวชิ าเพิ่มเติม ให้อยู่ในดลุ ยพินจิ ของสถานศึกษา ให้เรยี นซ้าหรือเปล่ียนรายวิชา เรียนใหม่ ในกรณที ่ีเปล่ียนรายวชิ าเรยี นใหม่ ใหห้ มายเหตใุ นระเบยี นแสดงผลการเรยี นวา่ เรยี นแทนรายวิชาใด การเรยี นซา้ รายวชิ า ผูเ้ รยี นท่ีไดร้ บั การสอนซอ่ มเสรมิ และสอบแก้ตัว ๒ ครั้งแล้วไม่ผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ให้เรียน ซา้ รายวิชาน้นั ทั้งน้ี ให้อยใู่ นดุลยพนิ ิจของสถานศึกษาในการจดั ให้เรยี นซ้าในชว่ งใดช่วงหนึง่ ท่ีสถานศึกษาเห็นวา่ เหมาะสม เช่น พกั กลางวัน วนั หยุด ช่ัวโมงว่างหลงั เลกิ เรยี น ภาคฤดูร้อน เป็นต้น ในกรณีภาคเรยี นท่ี ๒ หากผูเ้ รียนยังมผี ลการเรยี น “๐” “ร” “มส” ให้ดาเนนิ การให้เสร็จสน้ิ ก่อนเปดิ เรยี นปกี ารศึกษาถัดไป สถานศึกษาอาจเปิดการเรยี นการสอนในภาคฤดรู อ้ นเพื่อแก้ไขผลการเรียนของผเู้ รยี นได้ ท้ังนห้ี ากสถานศึกษาใดไมส่ ามารถดาเนินการเปิดสอนภาคฤดรู อ้ นได้ ใหส้ านกั งานเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษา/ต้นสังกดั เป็น ผ้พู จิ ารณาประสานงานใหม้ ีการดาเนินการเรยี นการสอนในภาคฤดูรอ้ นเพ่ือแก้ไขผลการเรียนของผู้เรยี น ๒.๓.๔ การเปลยี่ นผล “มผ” กรณีท่ผี เู้ รียนไดผ้ ล “มผ” สถานศกึ ษาตอ้ งจัดซ่อมเสรมิ ให้ผู้เรยี นทากจิ กรรมในส่วนทผ่ี ู้เรียนไม่ไดเ้ ขา้ รว่ ม หรอื ไม่ไดท้ าจนครบถ้วน แล้วจึงเปลย่ี นผลจาก “มผ” เป็น “ผ” ได้ ท้ังน้ี ดาเนินการใหเ้ สร็จสิน้ ภายในภาคเรียนนนั้ ๆยกเว้นมเี หตสุ ุดวิสัยใหอ้ ยใู่ นดุลยพินจิ ของสถานศึกษาทจี่ ะพจิ ารณาขยายเวลาออกไปอีกไม่เกิน ๑ ภาคเรียน สาหรบั ภาคเรียนที่ ๒ตอ้ งดาเนินการให้เสร็จส้ินภายในปีการศกึ ษานั้น ๒.๔ การเลอื่ นชน้ั เม่อื สน้ิ ปกี ารศึกษา ผูเ้ รียนจะไดร้ ับการเลอ่ื นช้นั เมอื่ มีคุณสมบตั ิตามเกณฑ์ ดังต่อไปน้ี ๒.๔.๑ รายวชิ าพ้ืนฐานและรายวิชาเพ่มิ เติมไดร้ ับการตัดสนิ ผลการเรียนผา่ นตามเกณฑท์ ี่สถานศกึ ษา กาหนด ๒.๔.๒ ผู้เรียนตอ้ งได้รับการประเมนิ และมผี ลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ทีส่ ถานศึกษากาหนดในการ อ่าน คิดวเิ คราะห์ และเขยี น คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ และกจิ กรรมพัฒนาผู้เรยี น ๒.๔.๓ ระดบั ผลการเรียนเฉลี่ยในปกี ารศึกษานั้นควรได้ไม่ต่ากว่า ๑.๐๐ ทั้งน้ี รายวชิ าใดท่ไี มผ่ ่านเกณฑก์ ารประเมิน สถานศึกษาสามารถซ่อมเสริมผ้เู รยี นให้ไดร้ บั การแก้ไข ในภาคเรยี นถดั ไป ท้งั น้สี าหรับภาคเรียนที่ ๒ ต้องดาเนนิ การให้เสรจ็ ส้นิ ภายในปีการศกึ ษานัน้ ๒.๕ การสอนซอ่ มเสริม หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ กาหนดให้สถานศึกษาจดั สอนซ่อมเสริม เพื่อพฒั นาการเรยี นรูข้ องผูเ้ รียนเตม็ ตามศักยภาพ การสอนซ่อมเสริม เป็นการสอนเพ่ือแก้ไขข้อบกพร่อง กรณที ่ผี ้เู รียนมีความรู้ ทกั ษะ กระบวนการ หรือ เจตคติ/คณุ ลักษณะ ไมเ่ ปน็ ไปตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษากาหนด สถานศกึ ษาตอ้ งจดั สอนซ่อมเสริมเปน็ กรณีพิเศษอก เหนอื ไปจากการสอนตามปกติ เพ่ือพฒั นาให้ผเู้ รยี นสามารถบรรลุตามมาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ัดท่กี าหนดไว้ เป็น การใหโ้ อกาสแก่ผู้เรียนไดเ้ รียนร้แู ละพัฒนา โดยจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ทห่ี ลากหลายและตอบสนองความแตกตา่ ง ระหว่างบคุ คลการสอนซ่อมเสรมิ สามารถดาเนินการได้ในกรณี ดงั ตอ่ ไปนี้ ๑) ผเู้ รยี นมีความรู้/ทกั ษะพน้ื ฐานไมเ่ พียงพอทจ่ี ะศึกษาในแตล่ ะรายวิชานน้ั ควรจัดการสอนซ่อมเสริม ปรับความรู้/ทักษะพ้ืนฐาน

๑๔๒ ๒) ผู้เรยี นไมส่ ามารถแสดงความรู้ ทกั ษะ กระบวนการ หรือเจตคติ/คุณลักษณะที่กาหนดไว้ตาม มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชวี้ ัดในการประเมินผลระหวา่ งเรียน ๓) ผเู้ รยี นท่ไี ด้ระดบั ผลการเรียน “๐” ใหจ้ ัดการสอนซ่อมเสริมก่อนสอบแก้ตวั ๔) กรณผี ู้เรยี นมผี ลการเรียนไม่ผ่าน สามารถจัดสอนซอ่ มเสริมในภาคฤดูร้อนเพ่อื แกไ้ ขผลการเรยี นทั้งน้ี ให้อยู่ในดลุ ยพนิ ิจของสถานศึกษา ๒.๖ การเรยี นซา้ ชนั้ ผเู้ รียนทีไ่ ม่ผา่ นรายวชิ าจานวนมากและมแี นวโน้มว่าจะเปน็ ปัญหาตอ่ การเรียนในระดับชัน้ ทสี่ ูงขน้ึ สถานศึกษาอาจตงั้ คณะกรรมการพิจารณาให้เรยี นซ้าช้นั ได้ ทัง้ นี้ ให้คานงึ ถงึ วฒุ ภิ าวะและความรู้ความสามารถของ ผู้เรยี นเปน็ สาคญั การเรียนซ้าชน้ั มี ๒ ลกั ษณะ คือ ๑) ผู้เรียนมีระดบั ผลการเรยี นเฉลยี่ ในปกี ารศึกษานัน้ ต่ากวา่ ๑.๐๐ และมีแนวโนม้ วา่ จะเป็นปญั หาต่อ การเรยี นในระดับชนั้ ที่สูงข้ึน ๒) ผเู้ รยี นมีผลการเรียน ๐, ร, มส เกนิ ครงึ่ หน่งึ ของรายวิชาทีล่ งทะเบยี นเรียนในปีการศกึ ษานน้ั ทง้ั นี้ หากเกิดลกั ษณะใดลกั ษณะหนึ่ง หรือท้ัง ๒ ลักษณะ ใหส้ ถานศึกษาแต่งต้ังคณะกรรมการพิจารณา หากเห็นว่าไม่มเี หตุผลอันสมควรกใ็ ห้ซ้าชนั้ โดยยกเลกิ ผลการเรียนเดิมและให้ใช้ผลการเรียนใหมแ่ ทน หาก พิจารณาแล้วไมต่ ้องเรียนซ้าชั้น ให้อยู่ในดุลยพนิ ิจของสถานศกึ ษาในการแก้ไขผลการเรยี น ๒.๗ เกณฑก์ ารจบระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ ๑. ผู้เรยี นเรียนรายวชิ าพน้ื ฐาน และรายวิชาเพ่มิ เติม จานวน..........หน่วยกติ โดยเป็นรายวชิ าพ้นื ฐาน จานวน ๖๖ หน่วยกติ และรายวชิ าเพมิ่ เติม จานวน..........หนว่ ยกติ ๒. ผู้เรียนตอ้ งได้หน่วยกติ ตลอดหลักสูตร ไม่น้อยกวา่ ๗๗ หน่วยกติ โดยเปน็ รายวิชาพนื้ ฐาน จานวน ๖๖ หนว่ ยกติ และรายวชิ าเพม่ิ เติม ไมน่ ้อยกวา่ ๑๑ หน่วยกิต ๓. ผู้เรยี นตอ้ งมผี ลการประเมินการอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขียน ระดับ “ผ่าน” ข้ึนไป ๔. ผู้เรยี นตอ้ งมผี ลการประเมินคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ระดับ “ผา่ น” ข้ึนไป ๕. ผเู้ รยี นต้องเขา้ รว่ มกจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี น และไดร้ ับการตัดสินผลการเรยี น “ผา่ น” ทุกกจิ กรรม

๑๔๓ บทที่ ๔ การโอนผลการเรียนเข้าสหู่ ลกั สตู รการอาชวี ศึกษา การโอนผลการเรียนจากหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ระดบั มัธยมศกึ ษา ตอนปลาย รายวชิ าพนื้ ฐาน และจากหลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย รายวชิ าบงั คบั เขา้ สู่หลักสูตรประกาศนียบตั รวชิ าชพี พุทธศักราช ๒๕๕๖ หมวดวิชา ทกั ษะชีวิต และหมวดวิชาเลอื กเสรี มีแนวทางในการดาเนนิ การ ดังน้ี ๑. วิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชวี้ ัด และสาระการเรยี นรูข้ องหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ และหลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศึกษาข้นั พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ เปรียบเทยี บกบั จุดประสงค์รายวิชา สมรรถนะรายวชิ าและคาอธิบายรายวชิ า หมวดวิชาทักษะชวี ติ ในหลักสูตรประกาศนียบัตรวชิ าชพี พุทธศักราช ๒๕๕๖ ๒. พจิ ารณาแนวทางการเทยี บรายวิชาตามระเบยี บกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ว่าดว้ ยการจัดการศึกษาและ ประเมินผลการเรียนตามหลกั สตู รประกาศนยี บัตรวิชาชีพ พทุ ธศักราช ๒๕๕๖ พ.ศ. ๒๕๕๖ คอื ต้องเป็นรายวิชา หรือ กลุ่มวชิ าท่มี จี ุดประสงคแ์ ละเนอื้ หาใกลเ้ คยี งกนั ไม่ต่ากวา่ รอ้ ยละ ๖๐ และมีจานวนหนว่ ยกติ ไมน่ อ้ ยกว่าหน่วยกติ ของ รายวชิ าทรี่ ะบไุ วใ้ นหลักสตู ร โดยมีแนวทางในการพจิ ารณาไดห้ ลายกรณี ดงั นี้ หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน/ หลักสตู รประกาศนียบัตรวชิ าชพี หลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศึกษา รายวิชา ข้นั พืน้ ฐาน ๓. การโอนผลการเรียนรายวชิ า รายวชิ าที่นามาขอโอนผลการเรียนจะต้องเป็นรายวชิ าท่ีได้ระดบั ผลการเรยี น ไมต่ า่ กวา่ ๒.๐ กรณีที่ได้ระดบั ผลการเรียนต่ากว่า ๒.๐ ใหส้ ถานศึกษาทรี่ ับโอนผลการเรยี นทาการประเมนิ ใหม่ ถ้ามีผล ตามเกณฑ์มาตรฐานแลว้ จงึ รบั โอนรายวชิ านนั้ รายวชิ าทไ่ี ดร้ ะดบั ผลการเรียนตง้ั แต่ ๒.๐ ขึ้นไป สถานศกึ ษาจะรับโอนผล การเรยี นหรือจะทาการประเมนิ ใหม่แลว้ จึงรับโอนรายวชิ านนั้ กไ็ ด้ กรณมี ีการประเมินใหม่ ระดบั ผลการเรียนใหเ้ ปน็ ไปตามทไ่ี ดจ้ ากการประเมินใหม่ แตต่ อ้ งไมส่ ูงไปกวา่ เดิม ๔. การใหร้ ะดับผลการเรียนเฉพาะรายวชิ า ใหใ้ ช้ตวั เลขแสดงระดบั ผลการเรยี นตามระเบียบกระทรวง ศกึ ษาธกิ าร วา่ ดว้ ยการจดั การศกึ ษาและการประเมินผลการเรียนตามหลักสตู รประกาศนยี บัตรวชิ าชพี พุทธศักราช ๒๕๕6 ดังน้ี ๔.๐ หมายถงึ ผลการเรียนอยใู่ นเกณฑ์ดีเยี่ยม ๓.๕ หมายถึง ผลการเรียนอยใู่ นเกณฑด์ มี าก ๓.๐ หมายถงึ ผลการเรียนอย่ใู นเกณฑด์ ี ๒.๕ หมายถึง ผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ดีพอใช้ ๒.๐ หมายถึง ผลการเรยี นอยู่ในเกณฑพ์ อใช้ ๑.๕ หมายถงึ ผลการเรยี นอยใู่ นเกณฑ์อ่อน ๑.๐ หมายถึง ผลการเรยี นอยใู่ นเกณฑ์อ่อนมาก ๐ หมายถึง ผลการเรียนตก ชี พ

หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ หลกั สตู รประกาศนยี บตั รวชิ าชพี ๑๔๔ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๖ ๓ นก. พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ กลมุ่ วชิ าภาษาไทย ๒-๐-๒ กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ๖ ๒๐๐๐-๑๑๐๑ ภาษาไทยพน้ื ฐาน ๑-๐-๑ นก. ๒๐๐๐-๑๑๐๒ ภาษาไทยเพ่ืออาชพี * ๑-๐-๑ ๒๐๐๐-๑๑๐๔ การพูดในงานอาชีพ * ๑-๐-๑ กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ ๒๐๐๐-๑๑๐๕ การเขยี นในงานอาชพี * ๑-๐-๑ ๖ นก. ๒๐๐๐-๑๑๐๖ ภาษาไทยเชงิ สรา้ งสรรค์ หมายเหตุ ๖ นก. * หมายถงึ นาไปเทียบเปน็ รายวชิ าในหมวดวชิ าเลอื กเสรี ๒-๐-๒ กลมุ่ วชิ าภาษาตา่ งประเทศ ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๒๐๑ ภาษาองั กฤษในชวี ิตจริง ๑ ๐-๒-๑ ๒๐๐๐-๑๒๐๒ ภาษาอังกฤษในชีวติ จรงิ ๒ ๐-๒-๑ ๒๐๐๐-๑๒๐๕ การอา่ นส่อื สิ่งพมิ พใ์ นชีวติ ประจาวนั ๒๐๐๐-๑๒๐๖ การเขียนในชีวติ ประจาวนั กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ๖ กลมุ่ วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ๔ นก. นก. ๒๐๐๐-๑๓๐๑ วทิ ยาศาสตรเ์ พอ่ื พฒั นาทักษะชวี ิต ๑-๒-๒ ๒๐๐๐-๑๓๐๒ วทิ ยาศาสตรเ์ พ่อื พฒั นาอาชีพชา่ งอตุ สาหกรรม ** ๑-๒-๒ ๒๐๐๐-๑๓๐๓ วิทยาศาสตรเ์ พื่อพฒั นาอาชพี ธุรกิจและบริการ ** ๑-๒-๒ ๒๐๐๐-๑๓๐๔ วิทยาศาสตรเ์ พ่อื พฒั นาอาชพี ศิลปกรรม ** ๑-๒-๒ ๒๐๐๐-๑๓๐๕ วิทยาศาสตรเ์ พอื่ พฒั นาอาชีพเกษตรกรรม ** ๑-๒-๒ ๒๐๐๐-๑๓๐๖ โครงงานวทิ ยาศาสตร์ * ๐-๒-๑ หมายเหตุ * หมายถึง นาไปเทียบเปน็ รายวชิ าในหมวดวชิ าเลอื กเสรี ** หมายถงึ เลือกตามสาขาวชิ าที่เรยี นเพือ่ นาไปเทียบเปน็ รายวชิ า ในหมวดวิชาทักษะชวี ติ

๑๔๕ หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน หลกั สตู รประกาศนยี บตั รวชิ าชพี พทุ ธศักราช ๒๕๕๖ พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ กลมุ่ วชิ าคณติ ศาสตร์ ๔ นก. กลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ๖ นก.ช ๒๕๕๑ ๒๐๐๐-๑๔๐๑ คณติ ศาสตรพ์ น้ื ฐาน ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๔๐๒ คณติ ศาสตรพ์ น้ื ฐานอาชพี * ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๔๐๓ คณิตศาสตร์พ้นื ฐานอุตสาหกรรม ๑ ** ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๔๐๕ เรขาคณติ วเิ คราะหแ์ ละแคลคูลัสเบ้อื งตน้ ** ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๔๐๖ คณติ ศาสตร์พาณชิ ยกรรม ** ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๔๐๗ คณติ ศาสตร์เพ่อื การออกแบบ ** ๒-๐-๒ หมายเหตุ * หมายถงึ นาไปเทียบเปน็ รายวชิ าในหมวดวชิ าเลอื กเสรี ** หมายถึง เลือกตามสาขาวชิ าทเ่ี รียนเพ่ือนาไปเทยี บเปน็ รายวชิ า ในหมวดวชิ าทักษะชวี ติ กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษา ๘ กลมุ่ วชิ าสงั คมศกึ ษา ๓ นก. นก. ศาสนาและวฒั นธรรม ๒๐๐๐-๑๕๐๑ หนา้ ท่พี ลเมืองและศีลธรรม ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๕๐๒ ทักษะชีวติ และสังคม * ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๕๐๓ ภมู ิศาสตรแ์ ละประวตั ิศาสตร์ไทย * ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๕๐๗ ประวตั ศิ าสตร์ชาติไทย ๑-๐-๑ หมายเหตุ * หมายถงึ นาไปเทียบเปน็ รายวชิ าในหมวดวชิ าเลอื กเสรี กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ ขุ ศกึ ษา ๓ กลมุ่ วชิ าสขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา ๒ นก. นก. และพลศกึ ษา ๒๐๐๐-๑๖๐๓ การออกกาลงั กายเพื่อเสริมสร้าง ๐-๒-๑ สมรรถภาพในการทางาน ๒๐๐๐-๑๖๐๖ การจัดระเบยี บชวี ิตเพ่ือความสุข ๑-๐-๑ กลมุ่ สาระการเรยี นรศู้ ลิ ปะ ๓ - นก. ๓ - กลมุ่ สาระการเรยี นรกู้ ารงาน นก. รวม หมวดวชิ าทกั ษะชวี ติ ๒๒ หนว่ ยกติ อาชพี และเทคโนโลยี หมวดวชิ าเลอื กเสรี ๑๐ หนว่ ยกติ จานวนหนว่ ยกติ รวม ๔๑ หนว่ ยกติ

๑๔๖ ตารางการเทยี บรายวชิ า หลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย รายวชิ าบงั คับ กับหลกั สตู รประกาศนยี บตั รวชิ าชพี พุทธศักราช ๒๕๕๖ หมวดวชิ าทกั ษะชวี ติ และหมวดวชิ าเลือกเสรี หลกั สตู รการศึกษานอกระบบ หลักสตู รประกาศนียบตั รวชิ าชพี พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๖ วชิ าภาษาไทย กลมุ่ วชิ าภาษาไทย ๓ นก. พท๓๑๐๐๑ ภาษาไทย ๕ นก. ๒๐๐๐-๑๑๐๑ ภาษาไทยพน้ื ฐาน ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๑๐๒ ภาษาไทยเพื่ออาชพี ๑-๐-๑ ๒๐๐๐-๑๑๐๔ การพดู ในงานอาชพี * ๑-๐-๑ ๒๐๐๐-๑๑๐๕ การเขียนในงานอาชพี * ๑-๐-๑ หมายเหตุ * หมายถงึ นาไปเทยี บเป็นรายวชิ าในหมวดวิชาเลอื กเสรี วชิ าภาษาตา่ งประเทศ กลมุ่ วชิ าภาษาตา่ งประเทศ ๖ นก. พต๓๑๐๐๑ ภาษาอังกฤษเพ่ือชวี ิต ๕ นก. ๒๐๐๐-๑๒๐๑ ภาษาอังกฤษในชีวิตจริง ๑ ๒-๐-๒ และสงั คม ๒๐๐๐-๑๒๐๒ ภาษาอังกฤษในชวี ติ จริง ๒ ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๒๐๕ การอา่ นส่ือสิ่งพิมพใ์ นชีวติ ประจาวนั ๐-๒-๑ หมายเหตุ ต้องเรียนรายวิชาภาษาต่างประเทศเพม่ิ ในกลมุ่ ทักษะวชิ าชพี เลอื ก อีก ๑ รายวชิ า จานวน ๑ หน่วยกติ วชิ าวทิ ยาศาสตร์ กลมุ่ วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ๔ นก. พว๓๑๐๐๑ วิทยาศาสตร์ ๕ ๒๐๐๐-๑๓๐๑ วทิ ยาศาสตร์เพ่อื พัฒนาทักษะชวี ติ ๑-๒-๒ นก. ๒๐๐๐-๑๓๐๒ วิทยาศาสตรเ์ พอ่ื พฒั นาอาชีพ ๑-๒-๒ ช่างอุตสาหกรรม *** ๒๐๐๐-๑๓๐๓ วิทยาศาสตรเ์ พือ่ พฒั นาอาชพี ธุรกิจ ๑-๒-๒ และบริการ ** ๒๐๐๐-๑๓๐๔ วทิ ยาศาสตร์เพือ่ พัฒนาอาชพี ศิลปกรรม ** ๑-๒-๒ ๒๐๐๐-๑๓๐๕ วทิ ยาศาสตร์เพื่อพัฒนาอาชพี เกษตรกรรม *๑-๒-๒ ๒๐๐๐-๑๓๐๖ โครงงานวิทยาศาสตร์ * ๐-๒-๑ หมายเหตุ * หมายถงึ นาไปเทียบเปน็ รายวชิ าในหมวดวชิ าเลือกเสรี ** หมายถงึ เลือกตามสาขาวิชาที่เรียนเพื่อนาไปเทยี บเปน็ รายวชิ า ในหมวดวิชาทกั ษะชวี ิต *** หมายถงึ กรณเี รียนประเภทวชิ าอุตสาหกรรม ต้องเรยี นเพิ่ม วชิ าคณติ ศาสตร์ กลมุ่ วชิ าคณติ ศาสตร์ ๔ นก. พค๓๑๐๐๑ คณิตศาสตร์ ๕ นก. ๒๐๐๐-๑๔๐๑ คณิตศาสตร์พื้นฐาน ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๔๐๒ คณติ ศาสตร์พ้ืนฐานอาชีพ ๒-๐-๒ หมายเหตุ กรณเี รียนประเภทวชิ าอุตสาหกรรม ใหเ้ รียนรายวิชาคณิตศาสตร์ พื้นฐานวิชาชพี เพม่ิ เติมตามเง่ือนไข ของหลกั สตู ร

๑๔๗ หลกั สตู รการศึกษานอกระบบ หลักสตู รประกาศนยี บตั รวชิ าชพี พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ พุทธศกั ราช ๒๕๕๖ วชิ าสขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา กลมุ่ วชิ าสขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา ๒ นก. ทช๓๑๐๐๒ สุขศึกษา พลศึกษา ๒ นก. ๒๐๐๐-๑๖๐๓ การออกกาลงั กายเพื่อเสรมิ สร้าง ๐-๒-๑ สมรรถภาพในการทางาน ๒๐๐๐-๑๖๐๖ การจดั ระเบยี บชวี ิตเพื่อความสุข ๑-๐-๑ วชิ าสงั คมศกึ ษา กลมุ่ วชิ าสงั คมศกึ ษา ๓ นก. สค๓๑๐๐๑ สังคมศกึ ษา ๓ นก. ๒๐๐๐-๑๕๐๒ ทกั ษะชีวติ และสงั คม * ๒-๐-๒ ๒๐๐๐-๑๕๐๗ ประวัตศิ าสตร์ชาตไิ ทย ๑-๐-๑ ศาสนาและหนา้ ท่ีพลเมอื ง ๒-๐-๒ สค๓๑๐๐๒ ศาสนาและหนา้ ทพ่ี ลเมือง ๒ ๒๐๐๐-๑๕๐๑ หนา้ ทีพ่ ลเมืองและศลี ธรรม นก. หมายเหตุ * หมายถงึ นาไปเทยี บเปน็ รายวชิ าในหมวดวชิ าเลอื กเสรี การพฒั นาตนเอง ชมุ ชน สงั คม ๑ นก. - ทักษะการขยายอาชีพ โครงการพฒั นาทกั ษะวชิ าชพี อช๓๑๐๐๒ ทักษะการขยายอาชพี ๔ นก. ๒๕๐๑-๘๕๐๑ โครงการ *-*-๔ พัฒนาอาชพี ให้มคี วามมนั่ คง ๒ นก. - ทักษะการเรยี นรู้ วชิ าเลือกเสรี ทร๓๑๐๐๑ ทกั ษะการเรียนรู้ ๕ นก. ๒๐๐๐*๙๓๐๑ ทักษะการเรยี นรู้ * ๒-๐-๒ หมายเหตุ * หมายถงึ รายวชิ าพฒั นาเพ่ิมเตมิ นาไปเทยี บเป็นรายวชิ า ในหมวดวชิ าเลอื กเสรี ชอ่ งทางการขยายอาชีพ ๒ นก. - วชิ าเศรษฐกจิ พอเพยี ง ๒๐๐๐*๙๕๐๑ เศรษฐกจิ พอเพยี ง ๑-๐-๑ ทช๓๑๐๐๑ เศรษฐกิจพอเพียง ๑ นก. หมายเหตุ * หมายถึง รายวชิ าพัฒนาเพ่ิมเตมิ นาไปเทยี บเปน็ รายวิชา ในหมวดวิชาเลือกเสรี ศลิ ปศกึ ษา ๒๐๐๐*๙๕๐๒ ศลิ ปศึกษา ๒-๐-๒ ทช๓๑๐๐๓ ศลิ ปศึกษา ๒ นก. หมายเหตุ * หมายถึง รายวิชาพฒั นาเพ่ิมเตมิ จานวนหนว่ ยกติ รวม ๔๔ หนว่ ยกติ รวม หมวดวชิ าทกั ษะชวี ติ ๒๑ หนว่ ยกติ หมวดวชิ าชพี ๔ หนว่ ยกติ โครงการพฒั นาทกั ษะวชิ าชีพ หมวดวชิ าเลอื กเสรี ๑๐ หนว่ ยกติ

๑๔๘ บทที่ ๕ การวดั และประเมนิ ผล การวดั และประเมนิ ผล เนน้ การประเมนิ สภาพจรงิ ทงั้ น้ี ให้เป็นไปตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าดว้ ยการจัดการศึกษา และการประเมินผลการเรยี นตามหลักสตู รประกาศนียบัตรวชิ าชพี พทุ ธศักราช ๒๕๕๖ พ.ศ. ๒๕๕๖ บทท่ี ๖ การโอนผลการเรยี น การโอนผลการเรยี น ๑ หมวดวชิ าทักษะชวี ติ เป็นการจดั การเรียนการสอนในรายวิชาพื้นฐาน ๔๑ หนว่ ยกิต ของสถานศึกษาในสังกดั สานักงาน คณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน และรายวชิ าบงั คับ ๔๔ หน่วยกติ ในสถานศึกษาสงั กัดสานกั งานสง่ เสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ซ่ึงจัดการเรยี นการสอนโดยสถานศึกษาตน้ สงั กัดแล้วใช้วิธีการโอน ผลการเรยี น เขา้ สู่หลักสตู รประกาศนยี บัตรวิชาชพี (ปวช.) พทุ ธศักราช ๒๕๕๖ ในหมวดวชิ าทักษะชวี ิต แตเ่ งื่อนไขของการเรยี น รายวิชาในหมวดวิชาทักษะชวี ิต กาหนดใหเ้ รียนรายวิชาลาดบั แรกของกลุ่มวิชา หรอื ตามท่ีกลมุ่ วิชากาหนด และ เลอื กเรยี นรายวิชาสว่ นทเ่ี หลือตามทกี่ าหนดในแตล่ ะกลมุ่ วิชา ให้สอดคล้องหรือสัมพนั ธก์ บั สาขาวชิ าท่ีเรยี นอีกรวม ไม่นอ้ ยกว่า๒๒ หน่วยกิต ซึ่งสานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษาได้ดาเนนิ การจดั ทาตารางเทียบโอนรายวชิ า จากมาตรฐาน การเรียนรู้ ในหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ ระดับมัธยมศึกษาตอน ปลาย รายวชิ าพ้ืนฐาน และหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ระดับ มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย รายวชิ าบังคบั สหู่ ลกั สูตรประกาศนียบตั รวชิ าชีพ พุทธศกั ราช ๒๕๕๖ หมวดวิชาทักษะชีวิต และหมวดวชิ าเลอื กเสรี ตามตารางเทียบ รายวิชา ในบทที่ ๔ ประกอบดว้ ย ๖.๑.๑ กลุม่ วชิ าภาษาไทย ไม่น้อยกว่า ๓ หน่วยกิต ๖.๑.๒ กลมุ่ วชิ าภาษาตา่ งประเทศ ไมน่ ้อยกวา่ ๖ หน่วยกิต ๖.๑.๓ กลมุ่ วิชาวิทยาศาสตร์ ไม่นอ้ ยกว่า ๔ หน่วยกติ ๖.๑.๔ กลมุ่ วิชาคณิตศาสตร์ ไมน่ ้อยกวา่ ๔ หน่วยกิต ๖.๑.๕ กล่มุ วิชาสงั คมศึกษา ไม่น้อยกวา่ ๓ หน่วยกติ ๖.๑.๖ กลุ่มวิชาสุขศกึ ษาและพลศึกษา ไมน่ ้อยกวา่ ๒ หน่วยกิต ๒ หมวดวชิ าทักษะวชิ าชพี ในหลกั สูตรการอาชวี ศึกษาแต่ละประเภทวชิ า สาขาวชิ าและสาขางาน กาหนดใหผ้ เู้ รยี นมีสมรรถนะ และมาตรฐานการศึกษาวชิ าชีพในหมวดวิชาทกั ษะวชิ าชพี ไม่นอ้ ยกวา่ ๗๑ หน่วยกติ ประกอบด้วย ๒.๑ กล่มุ ทักษะวิชาชพี พนื้ ฐาน ๑๘ หนว่ ยกิต ๒.๒ กลมุ่ ทักษะวชิ าชีพเฉพาะ ๒๔ หน่วยกิต ๒.๓ กลมุ่ ทักษะวชิ าชีพเลอื ก ไมน่ อ้ ยกว่า ๒๑ หนว่ ยกิต ๒.๔ ฝึกประสบการณ์ทักษะวิชาชีพ ๔ หน่วยกิต ๒.๕ โครงการพฒั นาทกั ษะวชิ าชพี ๔ หน่วยกิต ซึ่งโครงการการจดั การศกึ ษาเรียนร่วมหลกั สตู รอาชวี ศกึ ษาและมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ทวศิ ึกษา) จะตอ้ งนารายวชิ าในหมวดทกั ษะวชิ าชพี ไปจดั การเรยี นการสอนในสถานศึกษาสังกดั สานักงานคณะกรรมการ การอาชีวศึกษา ซงึ่ มีความพร้อมท้ังทางด้านครู บุคลากร เคร่ืองมือ อปุ กรณ์ ครภุ ัณฑ์ และห้องปฏิบัติการประจา สาขาวิชาแลว้ โอนผลการเรยี นเขา้ สูห่ ลกั สูตรมธั ยมศึกษาตอนปลายในรายวชิ าเพ่มิ เติม หรอื รายวชิ าเลอื กต่อไป

๑๔๙ ๓ หมวดวชิ าเลอื กเสรี ให้เลือกเรียนตามความถนดั และความสนใจจากรายวชิ าทก่ี าหนด หรือเลือกเรียนจากรายวชิ า ในหลักสตู รประกาศนยี บตั รวิชาชพี พทุ ธศักราช ๒๕๕๖ ทุกประเภทวิชา สาขาวิชาและสาขางาน ทั้งนี้ สถานศกึ ษา อาชวี ศึกษาสามารถพัฒนารายวชิ าเพิ่มเติมในหมวดวชิ าเลือกเสรีได้ตามบริบทและความต้องการของชมุ ชนและ ทอ้ งถนิ่ ไมน่ ้อยกว่า ๑๐ หน่วยกติ ซง่ึ ในการนส้ี านักงานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษาได้จัดทา ตารางเทียบ รายวชิ าเพ่อื โอนผลการเรยี นจากรายวชิ าพนื้ ฐานและรายวชิ าบังคบั เข้าสรู่ ายวิชาในหมวดวิชาเลอื กเสรีตามตาราง เทียบรายวชิ า ในบทท่ี ๔ ๔ กจิ กรรมเสรมิ หลกั สตู ร สถานศกึ ษาอาชีวศึกษาต้องจัดใหม้ กี ิจกรรมเสริมหลกั สตู ร ไมน่ อ้ ยกว่า ๒ ชว่ั โมงตอ่ สัปดาห์ทกุ ภาคเรียน เพ่ือพฒั นาวชิ าการและวิชาชีพ ปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม คา่ นิยม ระเบยี บวนิ ยั การตอ่ ต้านความรนุ แรงและ สารเสพติดส่งเสรมิ การคดิ วเิ คราะห์ สร้างสรรคก์ ารทางาน ปลกู ฝงั จติ สานกึ และเสริมสรา้ งการเป็นพลเมืองไทย และพลโลกใชก้ ระบวนการกลมุ่ ในการทาประโยชน์ต่อชุมชนและท้องถน่ิ รวมทง้ั การทะนุบารงุ ขนบธรรมเนยี ม ประเพณีอันดีงามโดยการวางแผน ลงมอื ปฏบิ ัติประเมนิ ผล และปรบั ปรุงการทางาน ทัง้ น้ีสาหรับกิจกรรม เสรมิ หลักสตู รของสานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สานักงานคณะกรรมการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน และสานักงาน สง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั สามารถดาเนินการเองและเทยี บโอนได้ บทที่ ๗ การสาเรจ็ การศึกษา การสาเรจ็ การศกึ ษา การตัดสนิ ผลการเรยี นเพื่อสาเรจ็ การศกึ ษาตามหลักสตู รประกาศนียบัตรวชิ าชีพ พทุ ธศักราช ๒๕๕๖ ให้ ถอื ตามเกณฑ์ต่อไปน้ี ๗.๑ ประเมินผ่านรายวชิ าในหมวดวิชาต่าง ๆ ครบตามที่กาหนดไวใ้ นหลกั สตู รสถานศึกษาแต่ละประเภท วิชา และสาขาวชิ า ๗.๒ ได้จานวนหน่วยกิตสะสมครบถ้วนตามที่กาหนดไวใ้ นหลักสตู รสถานศกึ ษาแตล่ ะประเภทวิชา และ สาขาวชิ า ๗.๓ ได้คา่ ระดบั คะแนนเฉลี่ยสะสมไม่ต่ากว่า ๒.๐๐ และผา่ นการประเมนิ มาตรฐานวิชาชพี ตามเกณฑท์ ี่ กาหนด ๗.๔ เข้าร่วมกิจกรรมในสถานศึกษาไมน่ ้อยกวา่ ๒ ช่ัวโมงตอ่ สปั ดาห์ ครบทุกภาคเรียน โดยมเี วลาเขา้ ร่วมปฏบิ ัติกจิ กรรมไม่น้อยกว่ารอ้ ยละ ๖๐ ของเวลาทจ่ี ดั กิจรรมในแต่ละภาคเรยี น บทที่ ๘ การประเมนิ มาตรฐานวชิ าชพี การประเมนิ มาตรฐานวชิ าชีพ การประเมินมาตรฐานวิชาชีพเปน็ การยืนยนั ว่าผู้สาเร็จการศึกษามสี มรรถนะวิชาชีพตามมาตรฐาน การศึกษาวิชาชพี ที่กาหนดไวใ้ นหลักสูตรประกาศนยี บัตรวชิ าชพี พทุ ธศักราช ๒๕๕๖ แตล่ ะประเภทวชิ า สาขาวิชา และสาขางาน ซึ่งมแี นวทางในการปฏิบัติดังน้ี ๘.๑ นกั เรียนตอ้ งรับการประเมนิ มาตรฐานวชิ าชีพ เมือ่ นักเรียนได้ลงทะเบียนเรยี นครบทุกรายวิชา ตามหลกั สูตรแต่ละประเภทวิชา และสาขาวิชาหรอื ตามระยะเวลาท่คี ณะกรรมการประเมิน มาตรฐานวชิ าชพี เหน็ สมควร ๘.๒ ในการกาหนดเกณฑ์การประเมนิ และเคร่ืองมือที่ใช้ในการประเมินมาตรฐานวิชาชีพ ให้ดาเนินการ โดยคณะกรรมการประเมนิ มาตรฐานวิชาชพี และเปิดโอกาสให้หน่วยงาน/สถานประกอบการหรอื องค์กรภายนอกมสี ว่ นรว่ มในการประเมนิ มาตรฐานวิชาชีพ ๘.๓ ใหม้ ีการพฒั นาเครื่องมือประเมนิ มาตรฐานวชิ าชีพอยา่ งมีระบบและถูกต้องตามหลักการพัฒนา เครื่องมือ

๑๕๐ บทที่ ๙ การประกันคุณภาพหลกั สตู ร การประกนั คุณภาพหลกั สตู ร ใหท้ ุกหลักสตู รการอาชีวศึกษากาหนดให้มีระบบประกนั คุณภาพไว้ให้ชดั เจน อยา่ งนอ้ ยใหค้ รอบคลุม ใน ๔ ประเด็น คือ ๙.๑ คุณภาพของผสู้ าเรจ็ การศึกษา โดยดาเนินการประเมินมาตรฐานวิชาชพี ตามประเภทวิชาสาขาวชิ า และสาขางาน ๙.๒ การบรหิ ารหลกั สตู ร เปน็ การบริหารจัดการเรยี นการสอนของประเภทวชิ า สาขาวิชาและสาขางาน ท่ีเปดิ สอน ท้ังน้ี สานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษาและสถานศกึ ษาต้องจัดให้มีการประเมิน เพื่อพฒั นาหลักสตู รท่ีอยู่ในความรับผิดชอบอย่างต่อเน่ือง อย่างน้อยทุก ๕ ปี ๙.๓ ทรัพยากรการจดั การอาชวี ศึกษา ให้สถานศึกษาจัดเตรยี มทรพั ยากรสนับสนนุ การจัดการ อาชีวศึกษาประกอบดว้ ยความพรอ้ มทางดา้ นบุคลากร วัสดุ ครภุ ัณฑ์ อุปกรณก์ ารเรียนการสอนที่ หลากหลาย งบประมาณ อาคารสถานที่ หอ้ งสมุดและสงิ่ อานวยความสะดวกอื่นๆ ทงั้ น้ี ใหเ้ ป็นไป ตามมาตรฐานท่ี กาหนดของสาขาวชิ า สาขางาน ๙.๔ ความต้องการกาลงั คนของตลาดแรงงาน ใหส้ ถานศึกษาทร่ี ่วมจดั การศึกษาดาเนินการสารวจ ความต้องการกาลังคนของตลาดแรงงาน รวมทง้ั สารวจความพงึ พอใจของตลาดแรงงาน สังคม และ ชุมชนอย่างตอ่ เน่ืองทุกปีการศกึ ษา ท้ังนี้ เพื่อนาข้อมลู ไปใช้ในการพัฒนา/ปรบั ปรุงหลักสูตรใหม้ ี ความทันสมยั สอดคล้องกบั ความตอ้ งการกาลังคนของตลาดแรงงานและมาตรฐานอาชีพ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook