หลกั สตู รทวศิ กึ ษา(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๘ ประเภทวชิ าพาณชิ ยกรรม สาขาวชิ าคอมพิวเตอรธ์ รุ กจิ สานกั บริหารงานการศกึ ษาพเิ ศษ สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
๒ ประกาศโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ เร่อื ง การใชห้ ลกั สูตรโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ พุทธศักราช ๒๕๕๘ ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ .......................................................................... อนุทินคาสั่งกระทรวงศึกษาธิการ ที่ สพฐ. ๒๙๓/๒๕5๑ เร่ืองให้ใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ สั่ง ณ วันท่ี ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ เพื่อให้การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน สอดคล้องกับสภาพความเปล่ยี นแปลงทางเศรษฐกจิ สังคมและความเจริญกา้ วหน้าทางวิทยาการเป็นการสรา้ งกล ยุทธ์ใหม่ในการพัฒนาคุณภาพ การศึกษาให้สามารถตอบสนองความต้องการของบุคคลสังคมไทย ผู้เรียนมี ศกั ยภาพในการแข่งขันและร่วมมืออย่างสร้างสรรค์ในสังคมโลก ปลูกฝังใหผ้ ู้เรียนมีจติ สานึกในความเป็นไทย มี ระเบียบวินัย คานึงถึงประโยชน์ส่วนรวมและยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข เป็นไปตามเจตนารมณ์มาตรา ๘๐ ของรฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ และพระราชบญั ญตั ิการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๕๒ และที่แก้ไขเพ่มิ เตมิ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ ฉะนั้นโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ จึงได้จัดทาหลักสูตรโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ พุทธศักราช ๒๕๕๓ ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ใหเ้ ป็นไปดงั นี้ ปีการศึกษา ๒๕๕8 ให้ใช้หลักสูตรโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ พุทธศักราช ๒๕๕8 ตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ รายวิชาสาระเพิ่มเติม กลุ่มสาระการงานอาชีพ และเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4-6 หลกั สตู รเรียนรว่ มอาชีวศึกษาและมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย(ทวิศกึ ษา) ทง้ั นหี้ ลักสูตรโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ ๓๑ ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษาข้ัน พนื้ ฐาน เมอ่ื วันท่ี ๒ เดือน มนี าคม พ.ศ. ๒๕๕๘ จงึ ประกาศใช้หลักสตู รโรงเรียนต้ังแต่บัดน้เี ปน็ ตน้ ไป ประกาศ ณ วนั ท่ี ๒ เดือน มนี าคม พุทธศกั ราช ๒๕60 (นายประมวล ฟองตา) (นางวิลาวัลย์ ปาลี) ประธานคณะกรรมการสถานศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน ผอู้ านวยการโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑
๓ สารบญั หนา้ คานา ประกาศโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ ๓๑ เร่ืองการใช้หลักสตู รโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ 2 ความนา 4 วสิ ยั ทัศน์ 7 หลกั การ 7 จดุ หมาย 8 สมรรถนะหลักของผ้เู รยี น 8 คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 9 โครงสร้างหลกั สูตรสถานศึกษาโรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ ระดับช้ันมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย 10 โครงสร้างเวลาเรียนระดบั ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ (ปวช.) สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ 18 โครงสร้างหลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ ระดบั ชัน้ ม. ๔ (สาขาคอมพิวเตอร์ธรุ กิจ) 20 โครงสรา้ งหลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ ๓๑ ระดบั ชนั้ ม.๕ (สาขาคอมพิวเตอรธ์ รุ กิจ) 21 โครงสร้างหลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ ระดับชน้ั ม. ๖ (สาขาคอมพวิ เตอร์ธรุ กจิ ) 22 สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้รายวิชาพ้นื ฐาน 27 คาอธบิ ายรายวิชาพื้นฐาน 36 คาอธบิ ายรายวิชากลมุ่ บงั คบั เลือก 87 คาอธิบายรายวชิ าเพิ่มเติม 94 กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน 122 การจัดกจิ กรรมการเรียนรูแ้ ละการสง่ เสริมการเรยี นร้ตู ามหลักสูตรโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ 125 ระเบียบโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ ๓๑ วา่ ดว้ ยการประเมนิ ผลการเรยี นตามหลักสตู รแกนกลาง การศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ พ.ศ. ๒๕๕๘ 129 เกณฑ์การวดั ผลและประเมินผลการเรยี นรู้ 15 ภาคผนวก
๔ ความนา สืบเนื่องจากกระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายในการผลิตผู้เรียนด้านอาชีวศึกษาให้มากข้ึน เพื่อรองรับ การจ้างงาน ทั้งภาคธุรกิจบริการ ภาคอุตสาหกรรม และภาคการเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มอาชีพที่เป็น ความต้องการของตลาดแรงงานท่ีกาลังขยายตัวในทุกภาคส่วน กระทรวงศึกษาธิการซึ่งเป็นหน่วยงานท่ีผลิต กาลังคนจาเปน็ อย่างยิ่งตอ้ งเร่งประชาสมั พันธ์ สร้างความเข้าใจ ให้นกั เรยี นได้หนั มาสนใจเรียนทางด้านอาชีพซ่ึง มีตลาดรองรับอย่างแน่นอนให้มากขึ้น แต่เน่ืองจากสภาพปัจจุบันค่านิยมของผู้ปกครองและผู้เรียนมุ่งที่จะ สนับสนุนให้มีการเรียนสายสามัญเพ่ือเข้าสู่ระดับอุดมศึกษา ส่งผลให้ขาดกาลังคนในภาคแรงงานเป็นอย่างมาก รัฐบาลจึงมนี โยบายที่จะให้มีการจัดการศึกษาหลกั สตู รเรียนรว่ มอาชีวศึกษาและมธั ยมศึกษาตอนปลายควบค่กู ัน ไป เพื่อให้ผู้สาเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายมีความรู้พ้ืนฐานด้านอาชีพและสามารถเข้าสู่ ตลาดแรงงานได้ทันที การจัดการอาชีวศึกษาและฝึกอบรมวิชาชีพถือเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่สอดคล้องและ สัมพันธ์กับตลาดแรงงาน สามารถผลิตกาลังคนในระดับฝีมือท่ีได้มาตรฐาน สานักงานคณะกรรมการการ อาชีวศึกษาได้ตระหนักถงึ ความสาคัญดังกล่าว จึงจดั ให้มกี ารจัดการอาชีวศึกษาอย่างหลากหลายย่ิงข้ึน ทั้งน้ีเพื่อ เป็นการเพ่ิมโอกาสทางการศึกษาด้านวิชาชีพให้แก่ประชาชนวัยเรียนและวัยทางานตามความถนัด ความสนใจ และสามารถเข้าถึงการอาชีวศึกษาได้ง่ายข้ึน โดยการขยายวิชาชีพและกลุ่มเป้าหมายเข้าสู่ระบบการจัดการ อาชีวศึกษาให้ชัดเจน ทั่วถึง และรวดเร็วขึ้น เพ่ือเป็นทางเลือกสาหรับผู้เรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายที่มี ความประสงคจ์ ะเรียนควบคู่กนั ไปท้งั สายสามัญและสายอาชีพ เม่ือเรียนครบตามหลักสูตร ผู้เรียนสามารถสาเร็จ การศึกษาท้ังหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลายสายสามัญและหลักสูตรสายอาชีพไปพร้อมกัน ท้ังน้ีได้มีการ กาหนดการจัดการเรียนการสอนโดยการทาความตกลงร่วมมือกันในการจัดการเรียนการสอนระหว่าง สถานศึกษาทเ่ี ปิดสอนมธั ยมศกึ ษากบั สถานศึกษา ที่เปดิ สอนหลักสูตร ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ (ปวช.)
๕ วตั ถปุ ระสงค์ ๑. เพอ่ื เพมิ่ โอกาสทางการศึกษาดา้ นอาชีวศึกษาแกป่ ระชาชนวยั เรยี นและวัยทางานตามความถนดั และความสนใจ ๒. เพอ่ื ขยายกลุ่มเป้าหมายไปสนู่ ักเรยี นระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลายในการเข้าสูห่ ลักสตู รอาชวี ศึกษา ๓. เพื่อเปน็ ทางเลือกสาหรับผ้เู รยี นในระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลายท่มี คี วามประสงคจ์ ะเรยี นควบคู่ ไปกับหลกั สูตรประกาศนยี บตั รวิชาชพี การจัดการศึกษาวชิ าชีพในสถานศึกษาสังกดั สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พุทธศักราช ๒๕๔๕ซง่ึ ดาเนินการปฏิรูปการศึกษาท้ังดา้ นการบรหิ ารจัดการและการจดั การเรียนการสอน โดยเน้นให้ผเู้ รียน มี โอกาสเรียนรู้ตลอดชีวิตตามความถนัด ความสนใจ โดยคานึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ฝึกทักษะ กระบวนการคิด การจัดการ การเผชิญสถานการณ์ และการประยุกต์ความรู้ เพ่ือนามาใช้ป้องกันและแก้ปัญหา จัดกิจกรรมให้ผู้เรยี นได้เรียนรจู้ ากประสบการณ์จริงฝกึ การปฏบัติให้ท้ทาได้ คดิ เปน็ ทาเป็น รักการอา่ น และเกิด การใฝ่รู้อยา่ งต่อเน่ือง จัดการเรียนการสอน โดยสัดสว่ นสมดุลกัน รวมท้ังปลูกฝังค่านิยมทดี่ ีงาม และคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ไว้ในทุกวิชา ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการได้ออกกฎกระทรวงว่าด้วยการแบ่งระดับและประเภท การศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐาน เป็น ๓ ระดบั คือ ๑. การศึกษาระดบั ก่อนประถมศึกษา ๒. การศึกษาระดบั ประถมศึกษา ๓. การศึกษาระดบั มธั ยมศกึ ษา แบ่งเปน็ ๒ ระดบั คือ ๓.๑ การศึกษาระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้น ๓.๒ การศึกษาระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย แบง่ ระดับเป็น ๒ ประเภท คอื ๓.๒.๑ ประเภทสามญั ศึกษา ๓.๒.๒ ประเภทอาชวี ศึกษา สาหรับการจัดการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายได้ถูกแบ่งการศึกษาออกเป็น ๒ ประเภท ดังนี้ ประเภทสามัญศึกษา หน่วยงานที่รับผิดชอบ คือ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน และประเภท อาชีวศึกษา หน่วยงานท่ีรัผิดชอบ คือสานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จากสภาวะการณ์ปัจจุบันที่ต้อง เผชิญการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ทาให้ทุกคนในสังคมต้องพยายาม ปรับตัวให้สามารถดารงชีวิตอยู่ได้ จึงทาให้สังคมหันมาให้ความสนใจกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยการศึกษา มากข้ึนโดยเฉพาะอย่างย่ิงด้านอาชีวศึกษา ท้ังนี้ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการท้ังในการศึกษาต่อและการ ประกอบอาชีพ กอปรกับรัฐบาล โดยกระทรวงศึกษาธิการ ได้ให้ความสาคัญกับการจัดการอาชีวศึกษาเพื่อ ตอ้ งการใหน้ ักเรียนสนใจเรียนสายอาชีพมากข้ึน เม่ือสาเร็จการศึกษาแลว้ สามารถทางานได้ทันที ดังน้ันเพื่อเป็น การสนองนโยบายดังกล่าวข้างต้น จึงกาหนดให้ดาเนินการเปิดสอนหลักสูตร ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ (ปวช.) ใน โรงเรยี นมัธยม สังกดั สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐาน ใน ๓ ลกั ษณะ คอื
๖ ลกั ษณะที่ ๑ ข้ึนทะเบียนเป็นนักเรียนของสถานศึกษาสังกัดสานักงานคณะกรรมการการ ลักษณะท่ี ๒ อาชีวศึกษาเรียนหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) จบแล้วได้วุฒิประกาศนียบัตร ลกั ษณะที่ ๓ วิชาชพี (ปวช.) คอื รูปแบบท่ี ๑ บุคลากรจากสถานศึกษาสังกัดสานักงานคณะกรรมการการ อาชีวศกึ ษา ไปสอนที่โรงเรยี นในสงั กัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน รูปแบบที่ ๒ โรงเรียนในสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐานส่ง นักเรียนมาเรียนทีส่ ถานศกึ ษาในสังกดั สานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา ขึ้นทะเบียนเป็นนักเรียนของสถานศึกษาสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้น พื้นฐานเรียนหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย แต่เน้นวิชาชีพตามหลักสูตรจบแล้วได้วุฒิ มัธยมศกึ ษาตอนปลายมี ๒ รูปแบบ คอื รูปแบบท่ี ๑ นักเรียนเรียนรายวิชาเพ่ิมเติมจากรายวิชาชีพหลักสูตรประกาศนียบัตร วชิ าชพี (ปวช.) เพอื่ เทียบโอนเข้าสู่หลกั สตู รประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) พ.ศ. ๒๕๕๖ และต้อง ลงทะเบยี นเปน็ นักเรยี นของสถานศึกษาในสังกัดสานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษาเพอ่ื เรยี น ตามหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) อีกอย่างน้อย ๑ ภาคเรียน จึงจะได้วุฒิ ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ (ปวช.) พ.ศ. ๒๕๕๖ รปู แบบท่ี ๒ นกั เรยี นเรยี นรายวิชาเพิม่ เติมจากรายวิชาตามหลักสูตรประกาศนยี บัตร วิชาชพี (ปวช.) เพ่อื เป็นพนื้ ฐานการเรียนต่อระดับประกาศนียบัตรวชิ าชีพชั้นสูง (ปวส.) ขึ้นทะเบียนเป็นนักเรียนของสถานศึกษาสังกัดสานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้น พื้นฐาน แตน่ าหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) พ.ศ. ๒๕๕๖ มาจัดการเรียนการสอน จบ แล้วได้วุฒิประกาศนียบัตรวิชาชีพ โดยให้สถานศึกษาสังกัดสานักงานคณะกรรมการการ อาชีวศึกษาเป็นสถานศึกษาพ่ีเล้ียง ทั้งนี้ ในการเปิดสอนน้ันให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์การขอเปิด สอนหลักสูตรระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ในโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสานักงาน คณะกรรมการการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน
๗ การเรยี นแบบสะสมหน่วยกติ การจัดการอาชีวศึกษาและฝกึ อบรมวิชาชพี เปน็ การจดั การศกึ ษาวชิ าชีพให้สอดคล้องกับความต้องการของ ตลาดแรงงาน ให้สามารถผลติ กาลงั คนได้ตามเปา้ หมายของประเทศรวมทง้ั มที ักษะฝีมอื ท่ไี ดม้ าตรฐาน สานกั งาน คณะกรรมการการอาชีวศึกษาจึงเห็นสมควรปรับปรุงรูปแบบการบริหารจัดการอาชีวศึกษาให้มีความหลากหลาย เหมาะสม เพ่อื เพิม่ โอกาสในการศึกษาด้านวิชาชพี สาหรับประชาชนวยั เรยี นและวยั ทางานตามความถนดั และความสนใจ ในการเข้าถึงการศึกษาอาชีวศึกษาได้ง่ายมากข้ึนต้องขยายวิธีการและกลุ่มเป้าหมาย เพ่ือเพ่ิมโอกาสให้สามารถเข้าสู่ ระบบการจัดการศกึ ษาอาชวี ศึกษาได้อย่างชดั เจน ท่ัวถึงและรวดเร็ว นับเป็นทางเลือกสาหรับประชาชนผูส้ นใจ นักเรยี น ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ม. ๑-๓) และระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ม. ๔-๖) ที่มีความประสงค์จะเพิ่มพูนหรอื สะสม ความรู้ ทกั ษะและเตรียมตัวท่จี ะเข้าศกึ ษาในระดับอาชีวศึกษาต่อไป การเรยี นรายวชิ าสะสมหน่วยกิต ซ่งึ ประกอบดว้ ยรายวชิ าระยะส้นั รายวชิ าเตรยี ม ปวช. และรายวิชาเตรียม ปวส. จะเปน็ แนวทางหนึ่งในการเพม่ิ โอกาสทางด้านอาชวี ศกึ ษาในกับผูส้ นใจ นักเรียนท่ีเรยี นในระดบั ตา่ กว่ามธั ยมศกึ ษา ตอนต้นและมัธยมศึกษาตอนปลาย ได้มีโอกาสศึกษาในหลักสูตรอาชีวศึกษาตามความถนัดและความสนใจ โดยสามารถ นาผลการเรียนจากรายวิชาดังกล่าว มาขอโอนเพื่อนับจานวนหน่วยกิตสะสมภายหลังจากท่ีได้สมัครเข้าเรียน และขึ้น ทะเบียนเป็นนักเรียนตามหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) หรือเป็นนักศึกษาตามหลักสูตรประกาศนียบัตร วิชาชพี ชน้ั สูง (ปวส.) กบั สถานศึกษาในสังกดั สานกั งานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา วสิ ยั ทศั น์ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ มุ่งจัดการศึกษาสาหรับเด็กด้อยโอกาสที่มีคุณภาพและมาตรฐาน พัฒนาผู้เรียนให้เป็นบุคคลที่มีคุณธรรม จริยธรรม ทักษะอาชีพและทักษะการดารงชีวิตท่ีดีและเป็นสถานศึกษา ต้นแบบแหลง่ เรียนรู้ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งภายในปี ๒๕๕๘ หลกั การ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ พุทธศักราช ๒๕๕๘ ตามหลักสูตรแกนกลาง การศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ มหี ลักการทีส่ าคญั ดงั น้ี ๑. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพ่ือความเป็นเอกภาพของชาติ มีจุดหมายและมาตรฐานการเรียนรู้เป็น เป้าหมายสาหรับพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีความรู้ ทักษะ เจตคติ และคุณธรรมบนพื้นฐานของความเป็นไทย ควบคู่กบั ความเป็นสากล ๒. เป็นหลักสูตรการศึกษาเพ่ือปวงชน ที่ประชาชนทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาอย่างเสมอภาค และมี คุณภาพ ๓. เป็นหลักสูตรการศึกษาที่สนองการกระจายอานาจ ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาให้ สอดคล้องกับสภาพและความตอ้ งการของท้องถิน่ ๔. เป็นหลกั สตู รการศกึ ษาทมี่ โี ครงสรา้ งยดื หยุ่นทง้ั ดา้ นสาระการเรียนรู้ เวลาและการจดั การเรยี นรู้ ๕. เป็นหลักสูตรการศึกษาที่เนน้ ผู้เรียนเปน็ สาคัญ ๖. เป็นหลักสูตรการศึกษาสาหรับการศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ครอบคลุมทุก กลุ่มเปา้ หมาย สามารถเทยี บโอนผลการเรยี นรู้ และประสบการณ์
๘ จดุ หมาย หลกั สูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ พุทธศักราช ๒๕๕๘ ตามหลกั สตู รแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มีความสุข มีศักยภาพใน การศกึ ษาตอ่ และประกอบอาชพี จึงกาหนดเปน็ จุดหมายเพอ่ื ให้เกดิ กับผู้เรียน เมื่อจบการศึกษาตามหลักสูตร ดงั นี้ ๑. มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมท่ีพึงประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัยและปฏิบัติตนตาม หลกั ธรรมของพระพุทธศาสนา หรอื ศาสนาที่ตนนับถอื ยึดหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ๒. มีความรู้ ความสามารถในการสอ่ื สาร การคดิ การแกป้ ัญหา การใช้เทคโนโลยี และมที กั ษะชีวติ ๓. มสี ขุ ภาพกายและสุขภาพจติ ท่ดี ี มสี ุขนิสยั และรกั การออกกาลังกาย ๔. มีความรักชาติ มีจิตสานึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยึดม่ันในวิถีชีวิตและการปกครอง ตามระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษตั รยิ ์ทรงเป็นประมุข ๕. มีจิตสานึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย การอนุรักษ์และพัฒนาสิ่งแวดล้อม มีจิต สาธารณะท่มี ุ่งทาประโยชนแ์ ละสรา้ งส่งิ ทด่ี ีงามในสงั คม และอยู่ร่วมกันในสงั คมอยา่ งมีความสขุ สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น หลักสูตรโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ พ.ศ. ๒๕๕๗ ตามหลักสูตรแกนกลาง พ.ศ. ๒๕๕๑ มุ่ง พฒั นาผเู้ รยี นใหม้ สี มรรถนะสาคญั ๕ ประการตามเจตนารมณ์ของหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พื้นฐาน ดงั น้ี ๑. ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้ภาษา ถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปล่ียนข้อมูลข่าวสาร และ ประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมท้ังเจรจาต่อรองเพื่อขจัดและลดปัญหา ความขดั แย้งต่าง ๆ การเลอื กรับหรอื ไม่รับข้อมลู ข่าวสารด้วยหลกั เหตุผล และความถูกตอ้ ง ตลอดจนการเลือกใช้ วิธีการสอ่ื สารทม่ี ปี ระสิทธิภาพโดยคานงึ ถงึ ผลกระทบท่มี ตี ่อตนเองและสงั คม ๒. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่าง สร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนาไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือสารสนเทศ เพื่อการตดั สินใจเกยี่ วกับตนเองและสังคมไดอ้ ย่างเหมาะสม ๓. ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ท่ีเผชิญได้ อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพ้ืนฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์และการ เปลีย่ นแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกนั และแก้ไขปัญหา และมีการตัดสินใจทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพโดยคานึงถึงผลกระทบทเี่ กดิ ขึ้นต่อตนเอง สังคมและสงิ่ แวดล้อม ๔. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนากระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ในการ ดาเนินชีวิตประจาวัน การเรียนรู้ดว้ ยตนเอง การเรียนรู้อยา่ งต่อเนอื่ ง การทางานและการอยู่รว่ มกันในสังคมด้วย การสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม การ ปรับตัวให้ทันกับการเปลยี่ นแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อมและการรู้จกั หลีกเลี่ยงพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ท่ี ส่งผลกระทบต่อตนเองและผอู้ ืน่ ๕. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี เปน็ ความสามารถในการเลอื กและใช้เทคโนโลยีดา้ นตา่ งๆ และมี ทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพฒั นาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้ การสือ่ สาร การทางาน การแกป้ ัญหาอยา่ งสรา้ งสรรค์ ถกู ตอ้ งเหมาะสมและมีคุณธรรม
๙ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ ๓๑ พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๘ ตามหลกั สูตรแกนกลาง การศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ มุ่งพฒั นาผู้เรยี นให้มีคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ เพ่ือใหผ้ ู้เรียนสามารถ อยรู่ ่วมกับผู้อน่ื ในสงั คมได้อยา่ งมคี วามสุข ในฐานะพลเมืองไทยและพลโลกดังนี้ ๑. รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ๒. ซอ่ื สัตย์สุจรติ ๓. มีวินยั ๔. ใฝเ่ รียนรู้ ๕. อย่อู ย่างพอเพยี ง ๖. มงุ่ ม่ันในการทางาน ๗. รกั ความเป็นไทย ๘. มีจิตสาธารณะ
๑๐ โครงสร้างหลกั สตู รโรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ ๓๑ โครงสร้างหลักสูตรโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๑ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายประกอบด้วย โครงสรา้ งเวลาเรียนและโครงสรา้ งชั้นปี ดังน้ี 1. โครงสร้างเวลาเรียน เป็นโครงสร้างที่แสดงรายละเอียดในภาพรวม เวลาเรียนของกลุ่มสาระการ เรียนรู้ ๘ กลุ่มสาระ ใช้เป็นเวลาเรียนพ้ืนฐาน เวลาเรียนเพ่ิมเติมและเวลาในการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จาแนกแตล่ ะชน้ั ปี โครงสร้างเวลาเรยี นระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย กลุ่มสาระการเรยี นรู้ / กจิ กรรม เวลาเรยี น ม.๔ ม.๕ ม.๖ รายวชิ าพนื้ ฐาน ภาษาไทย ๘๐ ๘๐ ๘๐ คณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ ๘๐ ๘๐ ๘๐ สงั คมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม ประวตั ศิ าสตร์ ๘๐ ๘๐ ๘๐ สขุ ศึกษาและพลศึกษา ศลิ ปะ ๘๐ ๘๐ ๘๐ การงานอาชพี และเทคโนโลยี ภาษาองั กฤษ ๔๐ ๔๐ - รวมรายวชิ าพ้ืนฐานทง้ั หมด ๔๐ ๔๐ ๔๐ รายวชิ าเพิ่มเตมิ กิจกรรมพฒั นาผเู้ รยี น ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๑. กิจกรรมแนะแนว ๒. กิจกรรมนักเรยี น ๔๐ ๔๐ ๔๐ - ชมุ นมุ / นศท./ ผู้บาเพ็ญประโยชน์ ๘๐ ๘๐ ๘๐ ๓. กิจกรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์ ๕๖๐ ๕๖๐ ๕๒๐ รวมกจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น ๑,๖๔๐ ชั่วโมง ไม่เกนิ กว่า ๑,๖๐๐ ช่วั โมง ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ ๓๖๐ ชวั่ โมง
๑๑ โครงสรา้ งหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ และ โครงสรา้ งหลกั สตู รประกาศนียบตั รวชิ าชพี (ปวช.) พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๖ หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน โครงสรา้ งหลกั สตู รประกาศนยี บตั รวชิ าชพี (ปวช.) พทุ ธศักราช ๒๕๕๖ พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย รายวชิ า หนว่ ยกติ รายวชิ า หนว่ ยกติ ๑.รายวชิ าพนื้ ฐาน ๔๑ นก. ๑.หมวดวชิ าทกั ษะชวี ติ ไมน่ อ้ ยกวา่ ๒๒ นก. ๑.๑ กลุม่ วชิ าภาษาไทย ไมน่ อ้ ยกวา่ ๓ นก. ๑.๑ ภาษาไทย ๖ นก. ๑.๒ ภาษาตา่ งประเทศ(ภาษาองั กฤษ) ๖ นก. ๑.๒ กลุ่มวิชาภาษาตา่ งประเทศ ไมน่ ้อยกวา่ ๖ นก. ๑.๓ วิทยาศาสตร์ ๖ นก. ๑.๓ กลุ่มวิชาวทิ ยาศาสตร์ ไมน่ อ้ ยกวา่ ๔ นก. ๑.๔ คณิตศาสตร์ ๖ นก. ๑.๔ กลุ่มวิชาคณติ ศาสตร์ ไม่น้อยกว่า ๔ นก. ๑.๕ สงั คมศกึ ษาฯ ๘ นก. ๑.๕ กล่มุ วิชาสังคมศกึ ษา ไมน่ ้อยกว่า ๓ นก. ๑.๖ สุขศึกษาและพลศึกษา ๓ นก. ๑.๖ กลุ่มวชิ าสขุ ศึกษาและพลศกึ ษา ไมน่ ้อยกวา่ ๒ นก. ๑.๗ ศลิ ปศกึ ษา ๓ นก. ๑.๘ การงานอาชพี และเทคโนโลยี ๓ นก. ๒.รายวชิ าเพม่ิ เตมิ ไมเ่ กนิ กวา่ ๔๐ นก. ๒.หมวดวชิ าทกั ษะวชิ าชพี ไมน่ อ้ ยกวา่ ๗๑ นก. ๒.๑ กลุ่มทักษะวชิ าชพี พื้นฐาน ไมน่ อ้ ยกว่า ๑๘ นก. ๓.กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น ๓๖๐ ชวั่ โมง ๒.๒ กลมุ่ ทกั ษะวิชาชพี เฉพาะ รวม ไมน่ อ้ ยกวา่ ๘๑ นก. ๒.๓ กลมุ่ ทกั ษะวิชาชีพเลือก ๒๔ นก. ๒.๔ ฝกึ ประสบการณ์ทักษะวชิ าชพี ไม่น้อยกวา่ ๒๑ นก. ๒.๕ โครงการพฒั นาทักษะวชิ าชีพ ๓.หมวดวชิ าเลอื กเสรี ๔ นก. ๔.กจิ กรรมเสรมิ หลกั สตู ร ๔ นก. รวม ไมน่ อ้ ยกวา่ ๑๐ นก. ๒ ชว่ั โมงตอ่ สปั ดาห์ ไมน่ อ้ ยกวา่ ๑๐๓ นก.
๑๒ โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 อาเภอแมแ่ จ่ม จังหวดั เชียงใหม่ โครงสรา้ งรายวิชาทเ่ี ปดิ สอนสาหรบั นักเรียนรายวชิ า คอมพิวเตอรธ์ รุ กจิ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4 ปีการศกึ ษา 2556 ภาคเรยี นท่ี 1 ภาคเรยี นท่ี 2 หมายเหตุ รหสั วชิ า รายวชิ า นน./นก ชม.ท่ี รหสั วิชา รายวิชา นน./นก ชม.ที่สอน/ สอน/ สัปดาห์ 1.0(60) สัปดาห์ กลุ่มรายวชิ าพื้นฐาน 1.0(60) ท31102 ภาษาไทย 1.0(60) 2 1.0(60) 2 ค31102 คณิตศาสตร์ 1.0(60) 2 ท31101 ภาษาไทย 1.0(40) 2 ว31102 วิทยาศาสตร์ 1.0(60) 2 0.5(20) 2 ส31103 สังคมศกึ ษาฯ 1.0(40) 2 ค31101 คณติ ศาสตร์ 0.5(20) 2 ส31104 ประวัติศาสตร์ 0.5(20) 1 0.5(20) 1 พ31102 สขุ ศกึ ษาพลศึกษา 0.5(20) 1 ว31101 วทิ ยาศาสตร์ 0.5(20) 1 ศ31102 ศลิ ปศกึ ษา 0.5(20) 1 1.0(40) 1 ง31102 การงานอาชีพ 0.5(20) 1 ส31101 สงั คมศกึ ษาฯ 1 อ31102 ภาษาอังกฤษ 1.0(40) 2 7.0(280) 2 ส31102 ประวัติศาสตร์ รวมกลมุ่ รายวิชาพืน้ ฐาน 7.0(280) 14 14 พ31101 สุขศึกษาพลศึกษา ศ31101 ศิลปศกึ ษา ง31101 การงานอาชีพ อ31101 ภาษาอังกฤษ รวมกลมุ่ รายวชิ าพ้ืนฐาน กลุ่มรายวชิ าเพิ่มเติม กล่มุ วิชาเลือก (คอมพวิ เตอร์ธุรกจิ ) เรียนรว่ ม ปวช.สาขาคอมพวิ เตอร์ธุรกจิ ง31270 พมิ พด์ ีดอังกฤษเบ้ืองตน้ 1 1.5 3 ง31292 พมิ พ์ไทยเบอื้ งต้น 1.5 3 การบัญชีเบ้ืองต้น 2 1.5 3 ง31268 คอมพวิ เตอร์และ 1.5 3 ง31281 ง31267 การขายเบ้อื งต้น 2 1.5 3 สารสนเทศเพ่อื งานอาชพี โปรแกรมตารางคานวณ 2.0 4 โปรแกรมมลั ตมิ ีเดยี เพื่อการ 2.0 4 ง31278 คอมพวิ เตอรใ์ นงานธุรกิจ 1.5 3 นาเสนอ ง31269 โปรแกรมประมวลผลคา 1.5 3 การบัญชีเบื้องตน้ 1 1.5 3 การขายเบอ้ื งต้น 1 1.0 2 รวมกลุม่ วชิ าเพม่ิ เตมิ (20) รวมกลุม่ วชิ าเพ่ิมเตมิ (20) กจิ กรรมพัฒนาผ้เู รยี น (20) กิจกรรมพฒั นาผูเ้ รยี น (20) 1.กิจกรรมแนะแนว (20) 1.กจิ กรรมแนะแนว (20) 2.กจิ กรรมนกั เรียน 2.กจิ กรรมนกั เรยี น -ชมุ นุม/นศท./ผ้บู าเพ็ญประโยชน์ (60) -ชุมนมุ /นศท./ผูบ้ าเพ็ญ (60) ประโยชน์ 3.กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ 3.กิจกรรมเพ่ือสงั คมและ สาธารณประโยชน์ รวมกิจกรรมพฒั นาผ้เู รยี น รวมทัง้ หมด รวมกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น รวมท้ังหมด
๑๓ โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 อาเภอแมแ่ จม่ จงั หวัดเชียงใหม่ โครงสรา้ งรายวิชาที่เปดิ สอนสาหรบั นักเรยี นรายวชิ า คอมพวิ เตอรธ์ ุรกิจ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 5 ปีการศึกษา 2557 ภาคเรยี นที่ 1 ภาคเรยี นที่ 2 หมายเหตุ รหัสวชิ า รายวชิ า นน./นก ชม.ที่ รหัสวิชา รายวิชา นน./นก ชม.ทส่ี อน/ สอน/ สปั ดาห์ 1.0(60) สปั ดาห์ กล่มุ รายวิชาพนื้ ฐาน 1.0(60) ท32102 ภาษาไทย 1.0(60) 2 1.0(60) 2 ค32102 คณติ ศาสตร์ 1.0(60) 2 ท32101 ภาษาไทย 1.0(40) 2 ว32102 วทิ ยาศาสตร์ 1.0(60) 2 ค32101 คณติ ศาสตร์ 0.5(20) 2 ส32103 สงั คมศึกษาฯ 1.0(40) 2 ว32101 วิทยาศาสตร์ 0.5(20) 2 ส32104 ประวตั ิศาสตร์ 0.5(20) 1 ส32101 สงั คมศึกษาฯ 0.5(20) 1 พ32102 สขุ ศกึ ษาพลศกึ ษา 0.5(20) 1 ส32102 ประวตั ศิ าสตร์ 0.5(20) 1 ศ32102 ศิลปศึกษา 0.5(20) 1 พ32101 สุขศึกษาพลศึกษา 1.0(40) 1 ง32102 การงานอาชพี 0.5(20) 1 ศ32101 ศิลปศกึ ษา 1 อ32102 ภาษาองั กฤษ 1.0(40) 2 ง32101 การงานอาชีพ 7.0(280) 2 อ32101 ภาษาองั กฤษ รวมกลมุ่ รายวิชาพนื้ ฐาน 7.0(280) 14 14 รวมกล่มุ รายวชิ าพืน้ ฐาน ส32105 หน้าทพ่ี ลเมือง 0.5(20) 1 กลุ่มรายวชิ าเพมิ่ เตมิ กลมุ่ วชิ าเลอื ก (คอมพวิ เตอรธ์ ุรกจิ ) เรียนรว่ ม ปวช.คอมพวิ เตอร์ธรุ กจิ ง32277 ระบบปฏิบัตกิ ารเบอื้ งตน้ 2.0 4 ง32291 เครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์เบ้ืองต้น 1.5 3 ง32290 คอมพวิ เตอร์และการบารงุ รักษา 2.0 4 ง32276 คณิตศาสตรค์ อมพิวเตอร์ 1.5 3 ง32292 โปรแกรมกราฟฟิก 2.0 4 ง32278 พื้นฐานการเขยี นโปรแกรม 2.0 4 2.0 4 คอมพวิ เตอร์ ง32279 โปรแกรมจดั การฐานข้อมูล 2.0 4 ง32293 การเขียนโปรแกรมโดยใช้ เครอื่ งมือกราฟฟคิ โหมด ง32271 เศรษฐศาสตรเ์ บื้องต้น 1.0 2 รวมกลุม่ วิชาเพมิ่ เติม (20) รวมกลุ่มวิชาเพม่ิ เตมิ (20) กิจกรรมพฒั นาผ้เู รยี น (20) กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน (20) 1.กจิ กรรมแนะแนว (20) 1.กจิ กรรมแนะแนว (20) 2.กิจกรรมนักเรียน 2.กจิ กรรมนักเรยี น -ชุมนุม/นศท./ผู้บาเพ็ญประโยชน์ (60) -ชมุ นุม/นศท./ผบู้ าเพ็ญประโยชน์ (60) 3.กจิ กรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ 3.กจิ กรรมเพื่อสงั คมและ สาธารณประโยชน์ รวมกจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน รวมท้งั หมด รวมกิจกรรมพฒั นาผู้เรียน รวมทั้งหมด
๑๔ โรงเรยี นราชประชานุเคราะห์ 31 อาเภอแมแ่ จม่ จงั หวดั เชียงใหม่ โครงสร้างรายวชิ าทเี่ ปดิ สอนสาหรบั นกั เรียนรายวชิ า คอมพวิ เตอรธ์ รุ กจิ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 ปกี ารศกึ ษา 2558 ภาคเรยี นท่ี 1 ภาคเรยี นที่ 2 หมายเหตุ รหสั วิชา รายวิชา นน./นก ชม.ที่ รหสั วิชา รายวิชา นน./นก ชม.ทสี่ อน/ สอน/ สัปดาห์ กลุม่ รายวชิ าพ้นื ฐาน 1.0(60) สปั ดาห์ ท33102 ภาษาไทย 1.0(60) 1.0(60) ค33102 คณติ ศาสตร์ 1.0(60) 2 ท33101 ภาษาไทย 1.0(60) 2 ว33102 วิทยาศาสตร์ 1.0(60) 2 ค33101 คณิตศาสตร์ 1.0(40) 2 ส33103 สงั คมศกึ ษาฯ 1.0(40) 2 ว33101 วิทยาศาสตร์ 0.5(20) 2 ส33104 ประวตั ศิ าสตร์ 0.5(20) 2 ส33101 สงั คมศกึ ษาฯ 0.5(20) 2 พ33102 สุขศกึ ษาพลศกึ ษา 0.5(20) 1 ส33102 ประวตั ศิ าสตร์ 0.5(20) 1 ศ33102 ศลิ ปศกึ ษา 0.5(20) 1 พ33101 สขุ ศกึ ษาพลศึกษา 0.5(20) 1 ง33102 การงานอาชพี 0.5(20) 1 ศ33101 ศิลปศกึ ษา 1.0(40) 1 อ33102 ภาษาอังกฤษ 1.0(40) 1 ง33101 การงานอาชพี 1 2 อ33101 ภาษาอังกฤษ 7.0(280) 2 รวมกลมุ่ รายวิชาพื้นฐาน 7.0(280) 14 รวมกล่มุ รายวิชาพ้ืนฐาน 14 หน้าทีพ่ ลเมอื ง 0.5(20) 1 กลมุ่ รายวชิ าเพ่ิมเตมิ โครงการ 2 2.0 โปรแกรมสาเร็จรปู ทางสถิติ 1.5 4 กลุ่มวชิ าเลือก (คอมพวิ เตอร์ธรุ กจิ ) เรียนรว่ ม ปวช.คอมพวิ เตอร์ธรุ กจิ 3 ความร้เู กีย่ วกับงานอาชีพ 1.0 ง33264 โครงการ 1 2.0 4 ธรรมาภบิ าลเทคโนโลยี 1.5 2 สารสนเทศในองค์กร 3 ง33265 การเขียนโปรแกรมบน 2.0 4 การเปน็ ผู้ประกอบการ 1.0 2 มาตรฐานเปิด ง33266 การสรา้ งเวบ็ ไซต์ 2.0 4 ง33267 การผลิตสอื่ ส่ิงพมิ พ์ 2.0 4 ฝกึ งาน 4.0 * รวมกล่มุ วิชาเพ่มิ เติม รวมกลุ่มวิชาเพิม่ เตมิ กิจกรรมพัฒนาผ้เู รยี น กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน 1.กิจกรรมแนะแนว 2.กิจกรรมนักเรยี น (20) 1.กิจกรรมแนะแนว (20) -ชุมนมุ /นศท./ผู้บาเพ็ญประโยชน์ (20) 2.กิจกรรมนักเรียน (20) 3.กิจกรรมเพ่ือสงั คมและสาธารณประโยชน์ (20) -ชมุ นมุ /นศท./ผบู้ าเพ็ญ รวมกจิ กรรมพฒั นาผ้เู รียน (60) รวมทัง้ หมด ประโยชน์ 3.กจิ กรรมเพอื่ สงั คมและ (20) สาธารณประโยชน์ รวมกจิ กรรมพฒั นาผ้เู รยี น (60) รวมทงั้ หมด
๑๕ โครงสร้าง หลกั สตู รมัธยมศกึ ษาตอนปลาย พุทธศกั ราช ๒๕๕๘ ผู้สาเร็จการศึกษาตามหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย พุทธศักราช ๒๕๕๘ จะต้องศึกษา รายวิชาจากหมวดวิชาต่างๆ ตามกลุ่มสาระการ เรียนรู้ ๘ กลุ่มสาระการเรียนรู้รวม ๓ ปี จานวน ๑,๖๔๐ ช่ัวโมง (๔๑ หน่วยกิต) กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ๓๖๐ ช่ัวโมง และรายวิชา/กิจกรรมท่ีสถานศึกษาจัดเพ่ิมเติมตาม ความพร้อมและจุดเน้นปีละไม่น้อยกว่า ๑,๖๐๐ ช่ัวโมง (๔๐หน่วยกิต) รวม ๓ ปีไม่น้อยกว่า ๓,๖๐๐ ช่ัวโมง ดัง โครงสรา้ งต่อไปนี้ ๑.รายวชิ าพน้ื ฐาน ไมน่ อ้ ยกวา่ ๔๑ หนว่ ยกติ ๑.๑ กลมุ่ วชิ าภาษาไทย (ไมน่ ้อยกวา่ ๖ หนว่ ยกติ ) ๑.๒ กลมุ่ วชิ าภาษาต่างประเทศ (ภาษาองั กฤษ) (ไม่น้อยกวา่ ๖ หนว่ ยกติ ) ๑.๓ กลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์ (ไมน่ ้อยกว่า ๖ หนว่ ยกติ ) ๑.๔ กลุม่ วิชาคณติ ศาสตร์ (ไม่นอ้ ยกวา่ ๖ หน่วยกติ ) ๑.๕ กลมุ่ วิชาสังคมศกึ ษาฯ (ไม่น้อยกวา่ ๘ หนว่ ยกติ ) ๑.๖ กลมุ่ วชิ าสขุ ศึกษาและพลศึกษา (ไมน่ อ้ ยกว่า ๓ หนว่ ยกิต) ๑.๗ กลุ่มวิชาศิลปศกึ ษา (ไมน่ ้อยกว่า ๓ หน่วยกติ ) ๑.๘ กลมุ่ วิชาการงานอาชพี และเทคโนโลยี (ไม่นอ้ ยกว่า ๓ หนว่ ยกิต) ๒.รายวชิ าเพม่ิ เตมิ ไมน่ อ้ ยกวา่ ๔๐ หนว่ ยกติ ๓.กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น (๓๖๐ ชว่ั โมง) ๘๑ นก. รวมไมน่ อ้ ยกวา่ ๑.รายวชิ าพนื้ ฐาน ไมน่ อ้ ยกวา่ ๔๑ หนว่ ยกติ ให้เรียนรายวิชาลาดับแรกของกลุ่มวิชา หรือตามที่กลุ่มวิชากาหนด และเรียนรายวิชาส่วนท่ีเหลือ ตามทกี่ าหนดในแตล่ ะกลมุ่ วชิ า ให้สอดคลอ้ งหรือสัมพนั ธก์ บั สาขาวชิ าที่เรียนอีก รวมไม่น้อยกวา่ ๔๑ หน่วยกิต ๑.๑ ภาษาไทย (ไมน่ อ้ ยกวา่ ๖ หนว่ ยกติ ) ช่ือวชิ า หนว่ ยกติ รหสั วชิ า ภาษาไทย ๑.๐(๖๐) ท๓๑๑๐๑ ภาษาไทย ๑.๐(๖๐) ท๓๑๑๐๒ ภาษาไทย ๑.๐(๖๐) ท๓๒๑๐๑ ภาษาไทย ๑.๐(๖๐) ท๓๒๑๐๒ ภาษาไทย ๑.๐(๖๐) ท๓๓๑๐๑ ภาษาไทย ๑.๐(๖๐)
๑๖ ๑.๒ กล่มุ วิชาภาษาตา่ งประเทศ (ภาษาองั กฤษ) (ไม่น้อยกว่า ๖ หนว่ ยกติ ) รหสั วชิ า ช่ือวชิ า หนว่ ยกติ อ๓๑๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ๑.๐(๔๐) ๑.๐(๔๐) อ๓๑๑๐๒ ภาษาองั กฤษ ๑.๐(๔๐) ๑.๐(๔๐) อ๓๒๑๐๑ ภาษาองั กฤษ ๑.๐(๔๐) ๑.๐(๔๐) อ๓๒๑๐๒ ภาษาองั กฤษ อ๓๓๑๐๑ ภาษาองั กฤษ ภาษาอังกฤษ ๑.๓ วทิ ยาศาสตร์ (ไม่นอ้ ยกว่า ๖ หน่วยกิต) ชอ่ื วชิ า หนว่ ยกติ รหสั วชิ า วิทยาศาสตร์ ๑.๐(๖๐) ว๓๑๑๐๑ วิทยาศาสตร์ ๑.๐(๖๐) ว๓๑๑๐๒ วิทยาศาสตร์ ๑.๐(๖๐) ว๓๒๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์ ๑.๐(๖๐) ว๓๒๑๐๒ วทิ ยาศาสตร์ ๑.๐(๖๐) ว๓๓๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์ ๑.๐(๖๐) ๑.๔ คณิตศาสตร์ (ไม่น้อยกว่า ๖ หนว่ ยกิต) ช่ือวชิ า หนว่ ยกติ รหสั วชิ า คณิตศาสตร์ ๑.๐(๖๐) ค๓๑๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๑.๐(๖๐) ค๓๑๑๐๒ คณิตศาสตร์ ๑.๐(๖๐) ค๓๒๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๑.๐(๖๐) ค๓๒๑๐๒ คณติ ศาสตร์ ๑.๐(๖๐) ค๓๓๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๑.๐(๖๐) ๑.๕ สังคมศกึ ษาฯ (ไม่น้อยกว่า ๘ หนว่ ยกิต) ชือ่ วชิ า หนว่ ยกติ รหสั วชิ า สงั คมศึกษาฯ ๑.๐(๔๐) ส๓๑๑๐๑ สงั คมศึกษาฯ ๑.๐(๔๐) ส๓๑๑๐๓ สังคมศึกษาฯ ๑.๐(๔๐) ส๓๒๑๐๑ สงั คมศึกษาฯ ๑.๐(๔๐) ส๓๒๑๐๓ สงั คมศึกษาฯ ๑.๐(๔๐) ส๓๓๑๐๑ สังคมศึกษาฯ ๑.๐(๔๐) ประวตั ิศาสตร์ ๐.๕(๒๐) ส๓๑๑๐๒
๑๗ ส๓๑๑๐๔ ประวตั ิศาสตร์ ๐.๕(๒๐) ส๓๒๑๐๒ ประวัติศาสตร์ ๐.๕(๒๐) ส๓๒๑๐๔ ประวตั ิศาสตร์ ๐.๕(๒๐) ส๓๓๑๐๒ ประวตั ศิ าสตร์ ๐.๕(๒๐) ประวัติศาสตร์ ๐.๕(๒๐) ๑.๖ สขุ ศึกษาและพลศึกษา (ไม่นอ้ ยกวา่ ๓ หน่วยกติ ) รหสั วชิ า ชื่อวชิ า หนว่ ยกติ พ๓๑๑๐๑ สขุ ศกึ ษาพลศึกษา ๐.๕(๒๐) ๐.๕(๒๐) พ๓๑๑๐๒ สขุ ศึกษาพลศึกษา ๐.๕(๒๐) ๐.๕(๒๐) พ๓๒๑๐๑ สุขศึกษาพลศึกษา ๐.๕(๒๐) ๐.๕(๒๐) พ๓๒๑๐๒ สขุ ศกึ ษาพลศึกษา พ๓๓๑๐๑ สุขศึกษาพลศึกษา สุขศึกษาพลศึกษา ๑.๗ ศลิ ปศึกษา (ไม่น้อยกว่า ๓ หนว่ ยกติ ) ช่ือวชิ า หนว่ ยกติ รหสั วชิ า ศิลปศกึ ษา ๐.๕(๒๐) ศ๓๑๑๐๑ ศิลปศกึ ษา ๐.๕(๒๐) ศ๓๑๑๐๒ ศิลปศึกษา ๐.๕(๒๐) ศ๓๒๑๐๑ ศิลปศึกษา ๐.๕(๒๐) ศ๓๒๑๐๒ ศลิ ปศกึ ษา ๐.๕(๒๐) ศ๓๓๑๐๑ ศิลปศกึ ษา ๐.๕(๒๐) ๑.๘ การงานอาชพี และเทคโนโลยี (ไมน่ อ้ ยกว่า ๓ หน่วยกติ ) รหสั วชิ า ชื่อวชิ า หนว่ ยกติ ง๓๑๑๐๑ การงานอาชพี และเทคโนโลยี ๐.๕(๒๐) ๐.๕(๒๐) ง๓๑๑๐๒ การงานอาชพี และเทคโนโลยี ๐.๕(๒๐) ๐.๕(๒๐) ง๓๒๑๐๑ การงานอาชีพและเทคโนโลยี ๐.๕(๒๐) ๐.๕(๒๐) ง๓๒๑๐๒ การงานอาชีพและเทคโนโลยี ง๓๓๑๐๑ การงานอาชพี และเทคโนโลยี การงานอาชพี และเทคโนโลยี
๑๘ ๒.รายวชิ าเพมิ่ เตมิ ไมน่ ้อยกวา่ ๔๐ นก. ช่ือวชิ า หนว่ ยกติ รหสั วชิ า หนา้ ท่พี ลเมือง ๐.๕(๒๐) หน้าทพ่ี ลเมือง ๐.๕(๒๐) หน้าทีพ่ ลเมือง ๐.๕(๒๐) หนา้ ทพ่ี ลเมือง ๐.๕(๒๐) หน้าทีพ่ ลเมือง ๐.๕(๒๐) หน้าที่พลเมือง ๐.๕(๒๐) ๓.กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น (๓๖๐ ชว่ั โมง) รหสั วชิ า ชือ่ วชิ า หนว่ ยกติ กิจกรรมแนะแนว ๒๐ชั่วโมงตอ่ ปี ๒๐ช่วั โมงตอ่ ปี กิจกรรมนักเรยี น ๒๐ชวั่ โมงตอ่ ปี -ชมุ นุม/นศท./ผูบ้ าเพญ็ ประโยชน์ กจิ กรรมเพอื่ สงั คมและสาธารณประโยชน์
๑๙ สาระและมาตรฐานการเรยี นรรู้ ายวชิ าพน้ื ฐาน สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ได้กาหนดสาระและมาตรฐานการ เรียนรู้เป็นเกณฑ์ในการกาหนดคุณภาพของผู้เรียนเมื่อเรียนจบการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ซึ่งกาหนดไว้ ดังรายละเอียดดังต่อไปน้ี ภาษาไทย สาระท่ี ๑ : การอา่ น มาตรฐาน ท ๑.๑ : ใชก้ ระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิดไปใชต้ ัดสินใจ แก้ปัญหาในการ ดาเนนิ ชีวิตและมนี สิ ัยรกั การอ่าน สาระที่ ๒ : การเขยี น มาตรฐาน ท ๒.๑ : ใชก้ ระบวนการเขียนเขียนสือ่ สาร เขียนเรียงความ ยอ่ ความ และเขยี นเรอื่ งราว ในรูปแบบตา่ ง ๆ เขยี นรายงานข้อมลู สารสนเทศ และรายงานการศึกษาค้นควา้ อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ สาระที่ ๓ : การฟัง การดู และการพดู มาตรฐาน ท ๓.๑ : สามารถเลือกฟังและดูอยา่ งมวี ิจารณญาณ และพูดแสดงความรู้ ความคดิ และ ความรู้สกึ ในโอกาสต่าง ๆ อย่างมวี ิจารณญาณ และสรา้ งสรรค์ สาระท่ี ๔ : หลกั การใช้ภาษา มาตรฐาน ท ๔.๑ : เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลักภาษาไทย การเปลย่ี นแปลงของภาษาและพลงั ของภาษา ภูมปิ ญั ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบัติของชาติ สาระท่ี ๕ : วรรคดี และวรรณกรรม มาตรฐาน ท ๕.๑ : เข้าใจและแสดงความคดิ เห็น วจิ ารณว์ รรณคดี และวรรณกรรมไทยอยา่ งเหน็ คุณค่าและนามาประยุกต์ใชใ้ นชวี ติ จริง
๒๐ คณิตศาสตร์ สาระท่ี ๑ : จานวนและการดาเนินการ มาตรฐาน ค ๑.๑ : เขา้ ใจถึงความหลากหลายของการแสดงจานวนและการใชจ้ านวนในชวี ิตจริง มาตรฐาน ค ๑.๒ : เขา้ ใจถงึ ผลที่เกิดขึน้ จากการดาเนินการของจานวนและความสัมพันธร์ ะหวา่ งการ ดาเนนิ การตา่ ง ๆ และสามารถใชก้ ารดาเนินการในการแก้ปัญหา มาตรฐาน ค ๑.๓ : ใช้การประมาณค่าใจการคานวณ และแก้ปัญหา มาตรฐาน ค ๑.๔ : เข้าใจในระบบจานวน และสามารถนาสมบตั เิ ก่ียวกับจานวนไปใช้ สาระที่ ๒ : การวดั มาตรฐาน ค ๒.๑ : เข้าใจพ้ืนฐานเกยี่ วกับการวดั วัดและคาดคะเนขนาดของส่ิงที่ต้องการวัด มาตรฐาน ค ๒.๒ : แกป้ ญั หาเกยี่ วกบั การวัด สาระที่ ๓ : เรขาคณติ มาตรฐาน ค ๓.๑ : อธบิ ายและวเิ คราะหร์ ปู เรขาคณิตสองมิติและสามมติ ิ มาตรฐาน ค ๓.๒ : ใช้การนึกภาพ (visualization) ใชเ้ หตผุ ลเกย่ี วกบั ปริภูมิ (spatial reasoning) และ ใชแ้ บบจาลองทางเรขาคณติ (geometric model) ในการแกป้ ัญหา สาระท่ี ๔ : พชี คณติ มาตรฐาน ค ๔.๑ : อธบิ ายและวเิ คราะห์แบบรปู (pattern) ความสมั พันธ์ และฟงั กช์ ันตา่ ง ๆ มาตรฐาน ค ๔.๒ : ใช้นิพจน์ สมการ อสมการ กราฟ และตวั แบบเชงิ คณิตศาสตร์ (Mathematical model) อ่ืน ๆ แทนสถานการณต์ า่ ง ๆ ตลอดจนแปลความหมายและนาไปใช้แก้ปัญหา สาระท่ี ๕ : การวเิ คราะห์ขอ้ มลู และความน่าจะเปน็ มาตรฐาน ค ๕.๑ : เข้าใจและใช้วิธกี ารทางสถิติในการวเิ คราะห์ข้อมลู มาตรฐาน ค ๕.๒ : ใชว้ ิธีการทางสถติ ิและความร้เู ก่ยี วกับความน่าจะเป็นในการคาดการณ์ได้อย่าง สมเหตสุ มผล มาตรฐาน ค ๕.๓ : ใชค้ วามร้เู กีย่ วกับสถิติและความนา่ จะเปน็ ชว่ ยในการตัดสนิ ใจและแก้ปญั หา สาระท่ี ๖ : ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ มาตรฐาน ค ๖.๑ : มคี วามสามารถในการแก้ปญั หา การใหเ้ หตุผล การสอื่ สาร การสอ่ื ความหมายทาง คณติ ศาสตร์ และการนาเสนอ การเชื่อมโยงความรตู้ ่าง ๆ ทางคณิตศาสตรแ์ ละ เช่อื มโยงคณิตศาสตร์กบั ศาสตรอ์ ื่น ๆ และมีความคิดรเิ ริม่ สร้างสรรค์
๒๑ วทิ ยาศาสตร์ สาระที่ ๑ : สงิ่ มีชวี ิตกับกระบวนการดารงชวี ิต มาตรฐาน ว ๑.๑ : เขา้ ใจหน่วยพ้ืนฐานของส่ิงมชี ีวิต ความสมั พันธข์ องโครงสร้างและหนา้ ท่ีของ ระบบต่าง ๆ ของสิง่ มชี ีวติ ท่ที างานสมั พนั ธก์ ัน มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ส่อื สารส่ิงที่เรียนรู้ และนาความรู้ไปใชใ้ นการดารงชีวติ ของตนเอง และดูแล สิง่ มีชวี ิต มาตรฐาน ว ๑.๒ : เขา้ ใจกระบวนการและความสาคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธกุ รรม วิวฒั นาการของสง่ิ มีชีวิต ความหลากหลายทางชวี ภาพ การใชเ้ ทคโนโลยชี วี ภาพ ท่ีมผี ลกระทบต่อมนุษย์ และส่ิงแวดล้อม มีกระบวนการสบื เสาะหาความรู้ และ จิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารส่ิงที่เรยี นรูแ้ ละนาความรไู้ ปใช้ประโยชน์ สาระท่ี ๒ : ชวี ติ กบั สง่ิ แวดลอ้ ม มาตรฐาน ว ๒.๑ : เขา้ ใจสง่ิ แวดล้อมในท้องถิน่ ความสัมพนั ธร์ ะหว่างส่ิงแวดลอ้ มกบั ส่ิงมชี วี ติ ความ สมั พนั ธร์ ะหวา่ งสง่ิ มชี วี ติ ต่าง ๆ ในระบบนิเวศ มกี ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ และจิตวทิ ยาศาสตร์ สื่อสารส่ิงทเี่ รยี นรแู้ ละนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ มาตรฐาน ว ๒.๒ : เขา้ ใจความสาคญั ของทรพั ยากรธรรมชาติ การใชท้ รพั ยากรธรรมชาตใิ นระดับ ท้องถ่นิ ประเทศ และโลก นาความรู้ไปใชใ้ นการจัดการทรพั ยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นอยา่ งย่งั ยืน สาระท่ี ๓ : สารและสมบตั ขิ องสาร มาตรฐาน ว ๓.๑ : เขา้ ใจสมบัตขิ องสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัตขิ องสารกบั โครงสร้างและแรง ยึดเหนย่ี วระหว่างอนุภาค มกี ระบวนการสบื เสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ สอ่ื สารสงิ่ ทีเ่ รยี นรแู้ ละนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ มาตรฐาน ว ๓.๒ : เขา้ ใจหลักการและธรรมชาตขิ องการเปลย่ี นสถานะของสาร การเกิดสารละลาย การเกิดปฏกิ ริ ยิ า มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ ส่ือสารสิ่งท่ี เรยี นรู้และนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ สาระท่ี ๔ : แรงและการเคล่อื นท่ี มาตรฐาน ว ๔.๑ : เขา้ ใจธรรมชาตแิ ละแรงแม่เหล็กไฟฟา้ แรงโน้มถ่วง และแรงนิวเคลยี ร์ มี กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ส่ือสารสงิ่ ท่เี รยี นรแู้ ละนาความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ อยา่ งถูกต้องและมีคุณธรรม มาตรฐาน ว ๔.๒ : เขา้ ใจลักษณะการเคลื่อนทแี่ บบตา่ ง ๆ ของวัตถุในธรรมชาติ มกี ระบวนการ สืบเสาะหาความรู้และจติ วทิ ยาศาสตร์ ส่ือสารสง่ิ ที่เรียนรู้ และนาความรู้ไปใช้ ประโยชน์ สาระที่ ๕ : พลงั งาน มาตรฐาน ว ๕.๑ : เขา้ ใจความสัมพนั ธ์ระหวา่ งพลงั งานกับการดารงชีวติ การเปลย่ี นรูปพลังงาน ปฏิสมั พนั ธ์ระหว่างสารและพลงั งาน ผลของการใชพ้ ลังงานตอ่ ชวี ติ และ สิ่งแวดล้อม มกี ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ สอ่ื สารส่ิงทเ่ี รียนรู้และนาความรูไ้ ป ใช้ประโยชน์
๒๒ สาระที่ ๖ : กระบวนการเปลย่ี นแปลงของโลก มาตรฐาน ว ๖.๑ : เข้าใจกระบวนการต่าง ๆ ทเ่ี กิดขนึ้ บนผวิ โลกและภายในโลก ความสมั พนั ธ์ของ กระบวนการตา่ ง ๆ ทีม่ ผี ลต่อการเปลย่ี นแปลงภมู ิอากาศ ภูมปิ ระเทศ และสณั ฐาน ของโลก มกี ระบวนการสืบเสาะหาความรู้และจติ วทิ ยาศาสตร์ สอ่ื สารสง่ิ ทีเ่ รยี นรู้ และนาความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ สาระท่ี ๗ : ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ มาตรฐาน ว ๗.๑ : เขา้ ใจววิ ฒั นาการของระบบสรุ ิยะ กาแล็กซีและเอกภาพ การปฏิสัมพันธภ์ ายใน ระบบสุรยิ ะและผลตอ่ ส่งิ มีชีวิตบนโลก มีกระบวนการสืบเสาะหาความรแู้ ละ จิตวิทยาศาสตร์ ส่ือสารส่ิงที่เรียนร้แู ละนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว ๗.๒ : เข้าใจความสาคญั ของเทคโนโลยอี วกาศท่นี ามาใช้ในการสารวจอวกาศและ ทรพั ยากรธรรมชาติ ด้านการเกษตรและการสื่อสาร มีกระบวนการสบื เสาะ หาความรู้และ จติ วทิ ยาศาสตร์ สอ่ื สารสิ่งที่เรยี นร้แู ละนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ อยา่ งมีคุณธรรมต่อชวี ติ และสิ่งแวดลอ้ ม สาระท่ี ๘ : ธรรมชาตขิ องวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มาตรฐาน ว ๘.๑ : ใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละจิตวิทยาศาสตร์ ในการสืบเสาะหาความรู้ การแกป้ ัญหา รวู้ า่ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาตทิ ่ีเกดิ ขึ้นสว่ นใหญ่มรี ูปแบบที่ แนน่ อน สามารถอธบิ ายและตรวจสอบไดภ้ ายใตข้ ้อมลู และเครื่องมือที่มอี ยใู่ นชว่ ง เวลาน้ัน ๆ เข้าใจว่าวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สงั คม และสิง่ แวดลอ้ ม มคี วาม เกีย่ วข้องสมั พนั ธ์กนั
๒๓ สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สาระที่ ๑ : ศาสนา ศลี ธรรม จริยธรรม มาตรฐาน ส ๑.๑ : รแู้ ละเข้าใจประวัติ ความสาคัญ ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนา หรือ ศาสนาที่ตนนบั ถือและศาสนาอืน่ มีศรทั ธาทีถ่ กู ตอ้ ง ยึดมั่นและปฏบิ ัตติ าม หลักธรรมเพ่อื อยรู่ ว่ มกนั อยา่ งสันตสิ ุข มาตรฐาน ส ๑.๒ : เข้าใจ ตระหนกั และปฏบิ ตั ติ นเป็นศาสนกิ ชนที่ดี และธารงรักษาพระพุทธศาสนา หรอื ศาสนาท่ตี นนับถือ สาระท่ี ๒ : ชวี ติ กบั สง่ิ แวดลอ้ ม มาตรฐาน ส ๒.๑ : เข้าใจและปฏบิ ัติตนตามหน้าท่ขี องการเป็นพลเมืองดี มีคา่ นยิ มท่ีดีงาม และธารง รกั ษาประเพณแี ละวัฒนธรรมไทย ดารงชีวติ อยรู่ ่วมกนั ในสงั คมไทยและสงั คม โลกอย่างสนั ติสขุ มาตรฐาน ส ๒.๒ : เข้าใจระบบการเมืองการปกครองในสังคมปจั จุบัน ยดึ ม่นั ศรทั ธา และธารง รกั ษาไว้ซ่ึงการปกครองระบอบประชาธปิ ไตย อันมีพระมหากษตั รยิ ์ทรงเปน็ ประมขุ สาระที่ ๓ : เศรษฐศาสตร์ มาตรฐาน ส ๓.๑ : เขา้ ใจและสามารถบรหิ ารจัดการทรัพยากรในการผลติ และการบรโิ ภค การใช้ ทรัพยากรทีม่ ีอยู่จากดั ได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพและคุ้มค่า รวมทงั้ เข้าใจหลกั การของ เศรษฐกิจอยา่ งพอเพยี ง เพือ่ การดารงชีวิตอยา่ งมดี ุลยภาพ มาตรฐาน ส ๓.๒ : เข้าใจระบบ และสถาบันทางเศรษฐกจิ ตา่ ง ๆ ความสมั พนั ธท์ างเศรษฐกิจ และความจาเป็นของการรว่ มมอื กนั ทางเศรษฐกิจในสังคมโลก สาระที่ ๔ : ประวตั ศิ าสตร์ มาตรฐาน ส ๔.๑ : เข้าใจความหมาย ความสาคัญของเวลาและยุคสมยั ทางประวตั ิศาสตร์ สามารถ ใชว้ ธิ ีการทางประวตั ศิ าสตรม์ าวเิ คราะห์เหตุการณ์ตา่ ง ๆ อยา่ งเป็นระบบ มาตรฐาน ส ๔.๒ : เขา้ ใจพัฒนาการของมนุษยชาติจากอดตี จนถงึ ปัจจบุ นั ในด้านความสัมพนั ธ์ และ การเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์อย่างต่อเนื่อง ตระหนักถึงความสาคญั และสามารถ วเิ คราะหผ์ ลกระทบท่ีเกิดขึ้น มาตรฐาน ส ๔.๓ : เขา้ ใจความเป็นมาของชาติไทย วฒั นธรรม ภูมปิ ญั ญาไทย มีความรัก มคี วาม ภมู ใิ จ และธารงความเป็นไทย สาระท่ี ๕ : ภมู ศิ าสตร์ มาตรฐาน ส ๕.๑ : เขา้ ใจลักษณะของโลกทางกายภาพ และความสมั พนั ธข์ องสรรพสิ่งซ่ึงมีผลต่อกัน และกันในระบบของธรรมชาติ ใชแ้ ผนที่ และเครื่องมือทางภมู ิศาสตร์ ในการคน้ หา วิเคราะห์ สรุปและใชข้ ้อมลู ภูมสิ ารสนเทศอย่างมปี ระสิทธภิ าพ มาตรฐาน ส ๕.๒ : เขา้ ใจปฏสิ มั พันธ์ระหว่างมนุษยก์ บั สภาพแวดลอ้ มทางกายภาพที่กอ่ ใหเ้ กดิ การสร้างสรรคว์ ฒั นธรรม มีจิตสานกึ และมสี ่วนร่วมในการอนุรกั ษ์ทรัพยากรและสง่ิ แวดลอ้ มเพ่อื การพฒั นาที่ยัง่ ยืน
๒๔ สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา สาระที่ ๑ : การเจรญิ เตบิ โตและพฒั นาการของมนษุ ย์ มาตรฐาน พ ๑.๑ : เข้าใจธรรมชาตขิ องการเจริญเตบิ โต และพัฒนาการของมนุษย์ สาระที่ ๒ : ชวี ติ และครอบครวั มาตรฐาน พ ๒.๑ : เขา้ ใจและเหน็ คณุ คา่ ของตนเอง ครอบครัว เพศศึกษา และมที ักษะในการดาเนนิ ชีวติ สาระที่ ๓ : การเคลอื่ นไหว การออกกาลงั กาย การเลน่ เกม กฬี าไทย และกฬี าสากล มาตรฐาน พ ๓.๑ : เข้าใจ มที กั ษะในการเคล่ือนไหว กจิ กรรมทางกาย การเลน่ เกม และกีฬา มาตรฐาน พ ๓.๒ : รักการออกกาลงั กาย การเล่นเกม และการเล่นกีฬา ปฏบิ ัตเิ ปน็ ประจาอยา่ ง สมา่ เสมอ มีวินัย เคารพสิทธิ กฎ กตกิ า มนี า้ ใจนกั กีฬา มจี ติ วิญญาณในการ แข่งขัน และชื่นชมในสนุ ทรยี ภาพของการกฬี า สาระท่ี ๔ : การสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ สมรรถภาพและการป้องกนั โรค มาตรฐาน พ ๔.๑ : เหน็ คณุ คา่ และมที ักษะในการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ การดารงสุขภาพ การปอ้ งกัน โรค และการสรา้ งเสรมิ สมรรถภาพเพือ่ สุขภาพ สาระที่ ๕ : ความปลอดภยั ในชวี ติ มาตรฐาน พ ๕.๑ : ปอ้ งกันและหลีกเล่ียงปจั จยั เสีย่ ง พฤตกิ รรมเสี่ยงต่อสุขภาพ อุบตั ิเหตุ การใช้ยา สารเสพตดิ และความรุนแรง
๒๕ ศลิ ปะ สาระที่ ๑ : ทศั นศลิ ป์ มาตรฐาน ศ ๑.๑ : สร้างสรรคง์ านทัศนศลิ ปต์ ามจินตนาการ และความคิดสรา้ งสรรค์ วิเคราะห์ วพิ ากษ์ วจิ ารณ์คุณคา่ งานทศั นศลิ ป์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคดิ ต่องานศลิ ปะ อย่างอสิ ระ ชน่ื ชมและประยกุ ตใ์ ช้ในชวี ติ ประจาวนั มาตรฐาน ศ ๑.๒ : เข้าใจความสัมพันธร์ ะหวา่ งทัศนศลิ ป์ ประวตั ิศาสตร์ และวัฒนธรรม เหน็ คุณคา่ งานทศั นศิลปท์ เี่ ป็นมรดกทางวฒั นธรรม ภูมปิ ัญญาทอ้ งถิน่ ภูมปิ ัญญาไทยและสากล สาระท่ี ๒ : ดนตรี มาตรฐาน ศ ๒.๑ : เข้าใจและแสดงออกทางดนตรีอย่างสรา้ งสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วจิ ารณ์คุณคา่ ดนตรี ถ่ายทอดความรู้สกึ ความคดิ ตอ่ ดนตรีอยา่ งอิสระ ชน่ื ชม และประยุกต์ใช้ ในชีวติ ประจาวัน มาตรฐาน ศ ๒.๒ : เข้าใจความสัมพันธร์ ะหว่างดนตรี ประวัตศิ าสตร์และวัฒนธรรม เห็นคณุ คา่ ของ ดนตรีท่เี ป็นมรดกทางวฒั นธรรม ภูมิปัญญาท้องถ่ิน ภมู ิปัญญาไทยและสากล สาระที่ ๓ : นาฏศลิ ป์ มาตรฐาน ศ ๓.๑ : เขา้ ใจและแสดงออกทางนาฏศิลป์อย่างสรา้ งสรรค์ วเิ คราะห์ วิพากษ์ วจิ ารณค์ ุณค่า นาฏศลิ ป์ ถ่ายทอดความร้สู ึก ความคิดอย่างอสิ ระ ช่นื ชม และประยกุ ต์ใช้ในชวี ติ ประจาวนั มาตรฐาน ศ ๓.๒ : เข้าใจความสมั พนั ธร์ ะหว่างนาฏศิลป์ ประวัตศิ าสตรแ์ ละวฒั นธรรม เห็นคณุ คา่ ของนาฏศลิ ป์ทเี่ ปน็ มรดกทางวฒั นธรรม ภูมปิ ัญญาท้องถ่นิ ภูมปิ ญั ญาไทยและสากล
๒๖ การงานอาชพี และเทคโนโลยี สาระท่ี ๑ : การดารงชวี ติ และครอบครวั มาตรฐาน ง ๑.๑ : เขา้ ใจการทางาน มีความคิดสรา้ งสรรค์ มีทกั ษะกระบวนการทางาน ทักษะการ จดั การ ทักษะกระบวนการแก้ปญั หา ทกั ษะการทางานรว่ มกนั และทักษะการแสวงหา ความรู้ มคี ุณธรรมและลกั ษณะนสิ ยั ในการทางาน มจี ิตสานกึ ในการใช้พลังงาน ทรพั ยากรและสิ่งแวดล้อมเพื่อการดารงชวี ิตและครอบครัว สาระท่ี ๒ : การอาชพี มาตรฐาน ง ๒.๑ : เข้าใจเทคโนโลยแี ละกระบวนการเทคโนโลยี ออกแบบและสร้างสงิ่ ของเครอ่ื งใช้ หรือวิธกี าร ตามกระบวนการเทคโนโลยีอยา่ งมีความคดิ สรา้ งสรรค์ เลอื กใช้ เทคโนโลยีในทางสร้างสรรคต์ ่อชีวติ สังคม สง่ิ แวดล้อม และมีสว่ นร่วมในการ จัดการเทคโนโลยที ่ยี ่งั ยืน สาระที่ ๓ : เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร มาตรฐาน ง ๓.๑ : เขา้ ใจ เหน็ คุณค่า และใชก้ ระบวนการเทคโนโลยสี ารสนเทศในการสบื คน้ ข้อมูล การเรยี นรู้ การส่อื สาร การแกป้ ญั หา การทางาน และอาชีพอย่างมปี ระสิทธภิ าพ ประสทิ ธผิ ล และมีคุณธรรม สาระที่ ๔ : การอาชพี มาตรฐาน ง ๔.๑ : เขา้ ใจ มีทักษะทีจ่ าเป็น มีประสบการณ์ เหน็ แนวทางในงานอาชพี ใช้เทคโนโลยเี พอ่ื พัฒนาอาชีพ มีคุณธรรม และมเี จตคตทิ ี่ดีต่ออาชีพ
๒๗ ภาษาตา่ งประเทศ สาระที่ ๑ : ภาษาเพอ่ื การสอื่ สาร มาตรฐาน ต ๑.๑ : เขา้ ใจและตีความเร่ืองที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น อยา่ งมเี หตผุ ล มาตรฐาน ต ๑.๒ : มีทกั ษะการส่ือสารทางภาษา ในการแลกเปล่ียนข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรูส้ กึ และ ความคิดเห็นอย่างมปี ระสิทธิภาพ มาตรฐาน ต ๑.๓ : นาเสนอข้อมลู ขา่ วสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเหน็ ในเรอ่ื งต่าง ๆ โดยการ พดู และการเขียน สาระท่ี ๒ : ภาษาและวฒั นธรรม มาตรฐาน ต ๒.๑ : เข้าใจความสมั พนั ธ์ระหวา่ งภาษากบั วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้ อย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ มาตรฐาน ต ๒.๒ : เขา้ ใจความเหมอื นและความแตกต่างระหว่างภาษาและวฒั นธรรมของเจา้ ของ ภาษาและวัฒนธรรมไทย และนามาใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม สาระที่ ๓ : ภาษากับความสมั พนั ธก์ บั กลมุ่ สาระการเรยี นรูอ้ น่ื มาตรฐาน ต ๓.๑ : ใช้ภาษาต่างประเทศในการเช่ือมโยงความรกู้ ับกลุ่มสาระการเรยี นรู้อื่นและเป็น พนื้ ฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้และเปิดโลกทัศน์ของตน สาระที่ ๔ : ภาษากบั ความสมั พนั ธก์ บั ชมุ ชนและโลก มาตรฐาน ต ๔.๑ : ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งในสถานศึกษา ชมุ ชนและสังคม มาตรฐาน ต ๔.๒ : ใช้ภาษาตา่ งประเทศเป็นเครื่องมอื พืน้ ฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และการแลกเปลย่ี นเรยี นรกู้ บั สังคมโลก
ท๓๑๑๐๑ ภาษาไทย คาอธบิ ายรายวชิ าพนื้ ฐาน ๒๘ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๔ ภาคเรยี นที่ ๑ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย จานวน ๑.๐ หนว่ ยกติ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรอง ประเภทโคลง ได้อย่างถูกต้อง จับใจความสาคัญ วเิ คราะห์วิจารณ์ และตอบคาถามจากเรื่องท่ีอ่านอย่างมีเหตุผล เขียนกรอบแนวคิด ผังความคิดจากเรื่องท่ีอ่าน เขียนบันทึก ย่อความ เรียงความ สังเคราะห์ความรู้จากสื่อสิ่งพิมพ์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์และแหล่งเรียนรู้ต่างๆ เขียนส่ือสาร เขียนบรรยาย อธิบาย พรรณนา ได้ถูกต้องตรงตามวัตถุประสงค์ มีข้อมูลและสาระสาคัญ รวมถึงมมี ารยาทในการเขียน วเิ คราะห์แนวคิด การใช้ภาษาและความน่าเชอ่ื ถอื จากเรอ่ื งทฟ่ี ัง ดู และพูด อธิบาย มีความรู้ความเข้าใจหลักการแต่งคาประพันธ์ประเภทโคลง ศึกษาวิเคราะห์ วิจารณ์ อธิบายธรรมชาติ พลังและ ลักษณะของภาษา เห็นคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมท่ีอ่าน ท่องจาบทอาขยานตามท่ีกาหนด และตาม ความสนใจ มีมารยาทในการอา่ น การฟงั การดู การพดู และการเขียน โดยใชก้ ระบวนการอ่าน กระบวนการเขียน กระบวนการคิด ทักษะการใชภ้ าษา ทักษะการส่ือสาร การสืบค้นข้อมูล บันทึก จัดกลุ่มข้อมูล และการอภิปราย เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ หลักการอ่าน ออกเสียงร้อยแก้ว ร้อยกรอง พัฒนาทักษะการคิด วิเคราะห์วิจารณ์ ประเมินค่า สรุปลักษณะเด่นและ ประเด็นสาคัญของวรรณคดีและวรรณกรรม สังเคราะห์ความรู้จากการอ่านข่าวสารจากสื่อสิ่งพิมพ์สื่อ อิเล็กทรอนิกส์และแหล่งเรียนรู้ต่างๆในชุมชน บทความ เขียนสรุปความเขียนบันทึก ย่อความ เรียงความ จาก ส่ือสิ่งพิมพ์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์และแหล่งเรียนรู้ต่างๆ เขียนส่ือสาร เขียนบรรยาย อธิบาย พรรณนา ย่อความ ฝึกฝนทักษะการฟัง การพูด การเลา่ เรือ่ ง และการแสดงความคิดเห็นตามเจตนารมณ์ทตี่ ้องการส่อื สาร สามารถ นาความรู้ทีไ่ ด้รบั ไปส่อื สารได้อย่างมีประสิทธิภาพ เห็นคุณค่าวิถีชีวิตของคนไทยในอดีต มีความภาคภูมิใจในวรรณคดีและวรรณกรรมอันเป็นมรดก ของชาติ สามารถนาความรู้ไปใช้ในการตัดสินใจและการดาเนินชีวิตประจาวัน มีจิตสาธารณะ ตระหนักถึง คุณค่าของคุณธรรมจริยธรรม การมีคา่ นิยมอันพงึ ประสงค์ ใชค้ วามรู้ภาษาไทยเพอ่ื การจรรโลงจิตใจ ธารงและ พฒั นาสงั คมไดเ้ ต็มศกั ยภาพของผู้เรยี น รหสั ตวั ชวี้ ดั ท ๑.๑ ม. ๔/๑ , ม.๔/๓ , ม.๔/๗ , ม.๔/๙ ท ๒.๑ ม. ๔/๑ , ม.๔/๔ , ม.๔/๕ , ม.๔/๗ , ม.๔/๘ ท ๓.๑ ม. ๔/๑ , ม.๔/๒ , ม.๔/๓ , ม.๔/๔ , ม.๔/๕ , ม.๔/๖ ท ๔.๑ ม. ๔/๑ , ม.๔/๔ , ม.๔/๗ ท ๕.๑ ม. ๕/๑ , ม.๕/๖ รวมทงั้ หมด ๒๐ ตวั ชว้ี ดั
๒๙ ท๓๑๑๐๒ ภาษาไทย คาอธบิ ายรายวชิ าพน้ื ฐาน กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๔ ภาคเรยี นที่ ๒ เวลา ๔๐ ชวั่ โมง จานวน ๑.๐ หนว่ ยกติ อ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรอง ประเภทกาพย์ กลอน ตีความ แปลความ ขยายความ วิเคราะห์วิจารณ์ และตอบคาถามจากเรื่องที่อ่านอย่างมีเหตุผล เขียนกรอบแนวคิด ผังความคิดจากเรื่องท่ีอ่าน เขียนรายงาน สังเคราะห์ความรู้จากส่ือส่ิงพิมพ์ สอ่ื อิเล็กทรอนิกส์และแหล่งเรียนรตู้ ่างๆ เขียนจดหมายกิจธุระ การกรอกแบบรายการต่างๆ ได้ถูกต้องตรงตามวัตถุประสงค์ มีข้อมูลและสาระสาคัญ รวมถึงมีมารยาทในการ เขยี น วเิ คราะห์แนวคดิ การใชภ้ าษาและความนา่ เช่ือถือจากเรื่องท่ีฟัง ดู และพดู อภิปราย มีความรู้ความเข้าใจ หลักการแต่งคาประพันธ์ประเภทกาพย์ กลอน ศึกษาวิเคราะห์วิจารณ์ เสียงในภาษา ส่วนประกอบของ ภาษาองค์ประกอบของพยางค์และคา และเห็นคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมท่ีอ่าน ท่องจาบทอาขยาน ตามทีก่ าหนด และตามความสนใจ มีมารยาทในการอา่ น การฟงั การดู การพูดและการเขียน โดยใช้กระบวนการอ่าน กระบวนการเขยี น กระบวนการคิด ทักษะการใช้ ภาษา ทักษะการส่ือสาร การ สืบค้นข้อมูล บันทึก จัดกลุ่มข้อมูล และการอภิปราย เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ หลักการอ่านออก เสียงร้อยแก้ว ร้อยกรอง พัฒนาทักษะการคิด วิเคราะห์วิจารณ์ ประเมินค่า สรุปลักษณะเด่นและประเด็น สาคัญของวรรณคดแี ละวรรณกรรม รวบรวมวรรณกรรมพ้ืนบ้านทแ่ี สดงถึงภาษากับวัฒนธรรม ภาษาถ่ิน อธิบาย ภูมิปัญญาทางภาษา สังเคราะห์ความรู้จากการอ่านข่าวสารจากส่ือส่ิงพิมพ์ส่ืออิเล็กทรอนิกส์และแหล่งเรียนรู้ ตา่ งๆในชุมชน บทความ เขียนรายงาน จากส่ือสิ่งพิมพ์ สื่ออิเล็กทรอนิกสแ์ ละแหล่งเรียนรู้ต่างๆ เขียนจดหมาย กิจธุระ การกรอกแบบรายการต่างๆ เขียนรายงานเชิงวิชาการ การใช้คา การเรียบเรียงประโยคถูกต้อง เหมาะสมตามระดับภาษา ฝึกฝนทักษะการฟัง การพูด การพูดต่อที่ประชุมชน การพูดอภิปราย การเล่าเรื่อง และการแสดงความคิดเห็นตามเจตนารมณ์ท่ีต้องการส่อื สาร สามารถนาความรูท้ ี่ได้รบั ไปใช้ภาษาสื่อสารได้อย่าง มีประสิทธภิ าพ เห็นคุณค่าวิถีชีวิตของคนไทยในอดีต มีความภาคภูมิใจในวรรณคดีและวรรณกรรมอันเป็นมรดกของ ชาติ สามารถนาความรู้ไปใช้ในการตัดสินใจและการดาเนินชีวิตประจาวัน มีจิตสาธารณะ ตระหนักถึงคุณค่า ของคุณธรรมจริยธรรม การมีค่านิยมอันพงึ ประสงค์ ใช้ความรู้ภาษาไทยเพ่อื การจรรโลงจติ ใจ ธารงและพัฒนา สังคมได้เต็มศกั ยภาพของผูเ้ รยี น รหสั ตวั ชวี้ ดั ท ๑.๑ ม.๔/๑ , ม.๔/๓ , ม.๔/๙ , ท ๒.๑ ม.๔/๑ , ม.๔/๔ , ม.๔/๖ , ม.๔/๗ , ม.๔/๘ ท ๓.๑ ม.๔/๒ , ม.๔/๓ , ม.๔/๔ , ม.๔/๖ ท ๔.๑ ม.๔/๑ , ม.๔/๓ , ม.๔/๔ , ม.๔/๗ ท ๕.๑ ม.๕/๑ , ม.๕/๓ , ม.๕/๕ , ม.๕/๖ รวม ๒๐ ตวั ชวี้ ดั
๓๐ ท๓๒๑๐๑ ภาษาไทย คาอธบิ ายรายวชิ าพนื้ ฐาน กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๕ ภาคเรยี นที่ ๑ เวลา ๔๐ ชวั่ โมง จานวน ๑.๐ หนว่ ยกติ ศกึ ษาการอา่ นออกเสยี งท้ังร้อยแกว้ ประเภทบทความ นวนยิ าย และความเรียง รอ้ ยกรองประเภท รา่ ย และลิลติ ตีความ แปลความ และขยายความเรื่องส้ัน นวนยิ าย วรรณกรรมพนื้ บา้ น วรรณคดีใน บทเรียน บทโฆษณา คาขวัญ รวมถึงการวิเคราะหแ์ ละวิจารณ์ การเขยี นผังความคิด การบนั ทึก หลักการ เขียนเชิญชวน โครงการ เรียงความ ย่อความ ผลติ งานเขยี นในรปู แบบสารคดี บนั เทิงคดี ประเมินงานเขยี น ของผู้อื่น การสรุปแนวคิดแสดงความคดิ เหน็ ประเมินการฟังการดู มีวิจารณญาณในการเลือกเรื่องจากการฟงั และดู หลกั การพดู อภปิ ราย โนม้ น้าวใจ ดว้ ยภาษาท่ีถูกต้อง การใช้คาและกลุม่ คาสร้างประโยค หลกั การแต่ง คาประพนั ธ์ประเภท ร่าย อิทธิพลของภาษา ต่างประเทศและภาษาถิ่น หลกั การสร้างคาในภาษาไทย หลกั การวิเคราะหแ์ ละประเมินการใชภ้ าษาและสอื่ ส่งิ พิมพ์อเิ ลก็ ทรอนิกส์ หลกั การวเิ คราะห์วิจารณว์ รรณคดี และวรรณกรรมการประเมนิ คุณคา่ วรรณคดี การท่องบทอาขยาน โดยใชก้ ระบวนการด้านทักษะทางภาษา การสื่อสารในรปู แบบการเชิญชวน โครงการ เรียงความ ยอ่ ความ ผลิตงานเขยี นในรูปแบบสารคดี บันเทิงคดี ประเมินงานเขียนของผอู้ ื่น บันทกึ สรุปแนวคิดแสดง ความคดิ เห็น ประเมินการฟังการดูมีวิจารณญาณในการเลือกเรื่องจากการฟงั และดู พูดอภปิ ราย โน้มนา้ วใจ ดว้ ยภาษาทถ่ี กู ต้อง ใช้คาและกลุ่มคาสร้างประโยคตรงตามวัตถปุ ระสงค์ ใชภ้ าษาเหมาะสมแกโ่ อกาสและ กาลเทศะ แตง่ คาประพันธ์ประเภท ร่าย วเิ คราะห์อทิ ธิพลของภาษาต่างประเทศและภาษาถิ่น อธิบายและ วเิ คราะห์หลักการสร้างคาในภาษาไทย ตลอดจนวเิ คราะห์และประเมนิ การใช้ภาษาและสื่อสง่ิ พมิ พ์ อเิ ล็กทรอนกิ ส์ ประเมนิ คุณคา่ วรรณคดี ทอ่ งบทอาขยาน มีมารยาทในการอา่ น การเขียน การฟงั การดู และการพูด และเหน็ คณุ คา่ ของการใช้ภาษาไทยเพื่อ การส่อื สาร นาความร้จู ากวรรณคดี วรรณกรรม ไปประยุกตใ์ ช้ในชีวิตจรงิ ตลอดจนมคี วามรักและ ภาคภูมิใจในภาษาไทย อนั เป็นภาษาของชาติ รหสั ตวั ชว้ี ดั ท๑.๑ ม.๕/๑ ม.๕/๒ ม.๕/๓ ม.๕/๕ ม.๕/๗ ม.๕/๙ ท๒.๑ ม.๕/๑ ม.๕/๒ ม.๕/๓ ม.๕/๔ ม. ๕/๕ ม.๕/๗ ม.๕/๘ ท๓.๑ ม.๕/๑ ม.๕/๒ ม.๕/๕ ม.๕/๖ ท๔.๑ ม.๕/๒ ม.๕/๔ ม.๕/๕ ม.๕/๗ ท๕.๑ ม.๕/๑ ม.๕/๒ ม.๕/๓ ม.๕/๔ ม.๕/๗ รวม ๒๖ ตวั ชวี้ ดั
๓๑ ท๓๒๑๐๒ ภาษาไทย คาอธบิ ายรายวชิ าพน้ื ฐาน กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๕ ภาคเรยี นที่ ๒ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง จานวน ๑.๐ หนว่ ยกติ ศึกษาการอ่านออกเสียงบทท้ังร้อยแก้วประเภทบทความ นวนิยาย และความเรียง ร้อยกรองประเภท ร่าย และลิลิต ตีความ แปลความ ขยายความ วิเคราะห์และวิจารณ์ คาดคะเนเหตุการณ์ ตอบคาถาม ผงั ความคิด บันทึก ย่อความ สังเคราะห์ความรู้จากการอ่าน การเขียนส่ือสารในรูปแบบประกาศ จดหมายกิจ ธรุ ะ เรียงความ ย่อความการเขยี นรายงาน เขียนโครงงาน และเขียนรายงานการศึกษาค้นคว้า การสรุปแนวคิด แสดงความคิดเห็น ประเมินการฟังการดู มีวิจารณญาณในการเลือกเร่ืองจากการฟังและดู หลักการพูด อภิปราย โน้มน้าวใจ แล้วใช้ข้อมูลสารสนเทศอ้างอิงอย่างถูกต้อง แสดงความคิดเห็น วิเคราะห์ วิจารณ์ แนวคิด การใช้ภาษาและความน่าเชื่อถือ และประเมิน จากเร่ืองท่ีฟังและดูแล้วนากาหนดแ นวทางไป ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวัน การใช้คาและกลุ่มคาสร้างประโยค การสร้างคาในภาษาไทย ตลอดจนวิเคราะห์ และประเมินการใช้ภาษาและส่ือส่ิงพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์ ประเมินคุณค่าด้านวรรณศิลป์ ข้อคิดจากวรรณคดีและ วรรณกรรม เพื่อนาไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ตลอดจนรวบรวมวรรณกรรมพื้นบ้านและอธิบายภูมิปัญญาทาง ภาษา โดยใช้กระบวนการด้านทักษะทางภาษา การส่ือสารในรูปแบบการเชิญชวน โครงการ เรียงความ ย่อความ ผลิตงานเขียนในรูปแบบสารคดี บันเทิงคดี ประเมินงานเขียนของผู้อ่ืน บันทึก สรุปแนวคิดแสดง ความคิดเห็น ประเมินการฟังการดูมีวิจารณญาณในการเลือกเร่ืองจากการฟังและดู พูดอภิปราย โน้มน้าวใจ ด้วยภาษาที่ถูกต้อง ใช้คาและกลุ่มคาสร้างประโยคตรงตามวัตถุประสงค์ ใช้ภาษาเหมาะสมแก่โอกาสและ กาลเทศะ แต่งคาประพันธ์ประเภท ร่าย วิเคราะห์อิทธิพลของภาษาต่างประเทศและภาษาถิ่น อธิบายและ วิเคราะห์หลักการสร้างคาในภาษาไทย ตลอดจนวิเคราะห์และประเมินการใช้ภาษาและสื่อสิ่งพิมพ์ อิเล็กทรอนิกส์ ประเมินคุณคา่ วรรณคดี ท่องบทอาขยาน มีมารยาทในการอ่าน การเขียน การฟังการดู และการพูด ตลอดจนมีความรักและภาคภูมิใจใน ภาษาไทย อันเปน็ ภาษาของชาติ รหสั ตวั ชวี้ ดั ท๑.๑ ม.๕/๒ ม.๕/๓ ม.๕/๔ ม.๕/๕ ม.๕/๖ ม.๕/๗ ม.๕/๘ ม.๕/๙ ท๒.๑ ม.๕/๑ ม.๕/๒ ม.๕/๓ ม.๕/๖ ม.๕/๗ ม.๕/๘ ท๓.๑ ม.๕/๑ ม.๕/๒ ม.๕/๓ ม.๕/๕ ม.๕/๖ ท๔.๑ ม.๕/๒ ม.๕/๓ ท๕.๑ ม.๕/๑ ม.๕/๒ ม.๕/๓ ม.๕/๔ ม.๕/๕ ม.๕/๖ รวม ๒๗ ตวั ชวี้ ดั
ท๓๓๑๐๑ ภาษาไทย คาอธบิ ายรายวชิ าพนื้ ฐาน ๓๒ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๖ ภาคเรยี นท่ี ๑ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาไทย จานวน ๑.๐ หนว่ ยกติ ศึกษาหลักการอ่านร้อยแก้วประเภทปาฐกถา เทศนา บทร้อยกรองประเภทโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย การอ่านจับใจความสาคัญ การตีความ การแปลความ และการขยายความ การอ่านวิเคราะห์ การวิจารณ์ การประเมินค่า และการแสดงความคิดเห็นวรรณกรรมประเภทต่าง ๆ การสรุปเป็นแผนผัง ความคดิ บันทึก ย่อความ รายงาน ความร้จู ากการอา่ นส่ือสิ่งพิมพ์ สื่ออเิ ล็กทรอนิกส์ และแหล่งเรียนรู้ การ เขียนอธิบาย บรรยาย พรรณนา แสดงทรรศนะ การโต้แย้งได้ตรงตามวัตถุประสงค์ โดยใช้ภาษาเรียบเรียง ถูกต้อง และมีข้อมูลสาระสาคัญชัดเจน การเขียนเรียงความ ย่อความจากสื่อท่ีหลากหลาย และการเขียน บันเทิงคดี การเขียนรายงานจากการศึกษาค้นคว้าเรื่องท่ีสนใจ การฟัง การดู ข่าว เหตุการณ์ การอภิปราย การให้ความรู้ การคิดวิเคราะห์ วิจารณ์ การประเมินค่าโดยใชว้ ิจารณญาณอยา่ งสร้างสรรค์ การศกึ ษาบริบท ธรรมชาติของภาษา พลังของภาษา และลักษณะของภาษา การใช้คา กลุ่มคา เพื่อสร้างประโยคในการ สื่อสาร การแต่งบทร้อยกรองประเภทฉันท์ อิทธิพลของภาษาต่างประเทศและภาษาถิ่น การศึกษากวีนิพนธ์ กลอน บทละคร วรรณกรรม วรรณคดี และการรวบรวมวรรณกรรมพื้นบ้านท่ีเป็น ภูมปิ ัญญาทางภาษา การทอ่ งจาบทอาขยานทน่ี า่ สนใจ โดยใช้ทักษะกระบวนการอ่าน กระบวนการเขียน กระบวนการคิด ทักษะการใช้ภาษา ทักษะการ ส่ือสาร การสืบค้นข้อมูล บันทึก จัดกลุ่มข้อมูล และการอภิปรายเพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถนาความรู้ที่ได้รับน้ันไปใช้ส่ือสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ เห็นคุณค่าของวรรณคดี วรรณกรรม มี คุณธรรมในการใชภ้ าษา และนาไปใช้ในชีวติ ประจาวนั มีมารยาทในการอ่าน การเขียน การฟังการดู และการพูด ตลอดจนมีความรักและภาคภูมิใจใน ภาษาไทย อันเป็นภาษาของชาติ รหสั ตวั ชวี้ ดั ท ๑.๑ ม.๖/๑, ม.๖/๒, ม.๖/๓, ม.๖/๔, ม.๖/๕, ม.๖/๖, ม.๖/๗ ม.๖/๘, ม.๖/๙, ท ๒.๑ ม.๖/๑, ม.๖/๒, ม.๖/๓, ม.๖/๔, ม.๖/๕, ม.๖/๖, ม.๖/๗ ม.๖/๘, ท ๓.๑ ม.๖/๑, ม.๖/๒, ม.๖/๓, ม.๖/๔, ม.๖/๕, ม.๖/๖, ท ๔.๑ ม.๖/๓, ม.๖/๔, ม.๖/๗, ท ๕.๑ ม.๖/๑, ม.๖/๒, ม.๖/๓, ม.๖/๔, ม.๖/๕, ม.๖/๖ รวม ๓๒ ตวั ชว้ี ดั
คาอธบิ ายรายวชิ าพน้ื ฐาน ๓๓ ท๓๓๑๐๒ ภาษาไทย กลุม่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย จานวน ๑.๐ หนว่ ยกติ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๖ ภาคเรยี นท่ี ๒ เวลา ๔๐ ชวั่ โมง ศึกษาหลักการอ่านร้อยแก้วประเภทพระบรมราโชวาท บทร้อยกรองประเภทกลอน ร่าย ร้อยกรอง ร่วมสมัย และบทอาเศียรวาท การจับใจความสาคัญ การตีความ การแปลความ และการขยายความ การ อ่านวิเคราะห์ วิจารณ์ การประเมินค่า และการแสดงความคิดเห็นวรรณกรรมประเภทต่างๆ การสรุปเป็น แผนผงั ความคิด ยอ่ ความ รายงาน การสงั เคราะห์ความรู้จากการอา่ นส่ือส่ิงพิมพ์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์และแหล่ง เรียนรู้ การเขียนโน้มน้าวใจเชิญชวน ประกาศ จดหมายกิจธุระ และการรายงานการประชุมได้ตรงตาม วัตถุประสงค์ โดยใช้ภาษาเรียบเรียงถูกต้อง และมีข้อมูลสาระสาคัญชัดเจน การเขียนสารคดี การเขียน รายงานจากการศึกษาค้นคว้าที่สนใจ เพื่อพัฒนาตนเอง การฟัง การดูสารคดี โฆษณาทางส่ือ การวิเคราะห์ วิจารณ์ ประเมินค่าโดยใช้วิจารณญาณอย่างสร้างสรรค์ โดยการพูดแสดงความรู้ พูดแสดงทรรศนะ และพูด โน้มน้าวใจ การศึกษาการใช้ภาษาเหมาะสมแก่โอกาส กาลเทศะ บุคคล พร้อมท่ีจะใช้ระดับของภาษาเป็น ตัวกาหนด การใช้คาราชาศัพท์ และประเมนิ ค่า การใช้ภาษาจากส่ือส่ิงพิมพ์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ การศึกษากวี นิพนธ์ กลอนบทละคร วรรณกรรม วรรณคดี และการรวบรวมข้อคดิ จากวรรณคดี วรรณกรรมมาประยกุ ต์ใช้ ในชวี ติ จริง โดยใช้ทักษะกระบวนการอ่าน กระบวนการเขียน กระบวนการคิด ทักษะการใช้ภาษา ทักษะการ ส่ือสาร การสืบค้นข้อมูล บันทึก จัดกลุ่มข้อมูล และการอภิปรายเพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถนาความรู้ท่ีได้รับน้ันไปใช้ส่ือสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ เห็นคุณค่าของวรรณคดี วรรณกรรม มี คณุ ธรรมในการใชภ้ าษา และนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวัน มีมารยาทในการอ่าน การเขียน การฟังการดู และการพูด ตลอดจนมีความรักและภาคภูมิใจใน ภาษาไทย อันเป็นภาษาของชาติ รหสั ตวั ชว้ี ดั ท ๑.๑ ม.๖/๑, ม.๖/๒, ม.๖/๓, ม.๖/๔, ม.๖/๕, ม.๖/๖, ม.๖/๗ ม.๖/๘, ม.๖/๙, ท ๒.๑ ม.๖/๑, ม.๖/๒, ม.๖/๓, ม.๖/๔, ม.๖/๕, ม.๖/๖, ม.๖/๗ ม.๖/๘, ท ๓.๑ ม.๖/๑, ม.๖/๒, ม.๖/๓, ม.๖/๔, ม.๖/๕, ม.๖/๖, ท ๔.๑ ม.๖/๓, ม.๖/๔, ม.๖/๗, ท ๕.๑ ม.๖/๑, ม.๖/๒, ม.๖/๓, ม.๖/๔, ม.๖/๕, ม.๖/๖ รวม ๓๒ ตวั ชวี้ ดั
๓๔ คาอธบิ ายรายวชิ าคณติ ศาสตร์ รหสั วชิ า ค๓๑๑๐๑ กลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๔ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง / ภาค จานวน ๑ หนว่ ยกติ ภาคเรยี นที่ ๑ คาอธบิ ายรายวชิ า ศกึ ษา เร่ือง เซต การดาเนินการของเซต แผนภาพเวนน์- ออยเลอร์ และการแก้ปญั หา การใหเ้ หตผุ ล แบบอปุ นัยและแบบนิรนยั และการอ้างเหตผุ ล โดยจัดประสบการณ์หรือสร้างสถานการณ์ในชีวิตประจาวันที่ใกล้ตัวให้ผู้เรียนได้ศึกษา ค้นคว้า โดย การปฏิบัติจริง สรุป รายงาน และนาเสนอ เพ่ือพัฒนาทักษะ / กระบวนการในการคิดคานวณ การแก้ปัญหา การให้เหตุผล การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ และการนาประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิดทักษะ กระบวนการท่ีได้ไปใช้ในการเรียนรสู้ ิ่งต่างๆ และในชวี ติ ประจาวันอย่างสร้างสรรค์ การเห็นคุณค่าและมีเจตคติที่ดีต่อคณิตศาสตร์ สามารถทางานอย่างเป็นระบบ ระเบียบ รอบคอบ มี ความรบั ผดิ ชอบ มีวิจารณญาณ และเช่ือม่ันในตนเอง มีความซือ่ สัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่เรยี นรู้ มีความมุ่งมั่นในการ ทางาน และมีจติ สาธารณะ รหสั ตวั ชวี้ ดั ค๔.๑ ม.๔ /๑ , ค๔.๑ ม.๔ /๒ , ค๔.๒ ม.๔ /๑ , ค๔.๒ ม.๔ /๒ , ค๖.๑ ม.๔/๑ , ค๖.๑ ม.๔/๒ , ค๖.๑ ม.๔/๓ , ค๖.๑ ม.๔/๔ , ค๖.๑ ม.๔/๕ , ค๖.๑ ม.๔/๖ รวม ๑๐ ตวั ชว้ี ดั
๓๕ คาอธบิ ายรายวชิ าคณิตศาสตร์ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๔ รหสั วชิ า ค ๓๑๑๐๒ กลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ภาคเรยี นท่ี ๒ เวลา ๔๐ ชวั่ โมง / ภาค จานวน ๑ หนว่ ยกติ คาอธบิ ายรายวชิ า ศึกษาเร่ือง จานวนจริง สมบัติของจานวนจริงเก่ียวกับการบวก และการคูณ สมบัติการเท่ากันและ การไมเ่ ทา่ กัน สมการกาลังสองตัวแปรเดยี ว อสมการตวั แปรเดียว คา่ สมั บูรณ์ เร่อื ง เลขยกกาลงั ท่มี เี ลขชกี้ าลังเป็นจานวนตรรกยะ รากที่ n ของจานวนจรงิ โดยจัดประสบการณ์หรือสร้างสถานการณ์ในชีวิตประจาวันท่ีใกล้ตัวให้ผู้เรียนได้ศึกษา ค้นคว้า โดย การปฏิบัติจริง สรุป รายงาน และนาเสนอ เพื่อพัฒนาทักษะ / กระบวนการในการคิดคานวณ การแก้ปัญหา การให้เหตุผล การส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์ และการนาประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิดทักษะ กระบวนการท่ีได้ไปใช้ในการเรียนรสู้ ่งิ ต่างๆ และในชีวติ ประจาวันอย่างสร้างสรรค์ การเห็นคุณค่าและมีเจตคติที่ดีต่อคณิตศาสตร์ สามารถทางานอย่างเป็นระบบ ระเบียบ รอบคอบ มี ความรับผิดชอบ มีวิจารณญาณ และเช่ือม่ันในตนเอง มีความรักชาติ ศาสตร์ กษัตริย์ มีความซ่ือสัตย์สุจริต มี วนิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ รจู้ กั ใช้ชีวิตอย่างพอเพยี ง มีความมุ่งมัน่ ในการทางาน รักความเปน็ ไทย และมีจิตสาธารณะ รหสั ตวั ช้ีวัด ค๑.๑ ม.๔ /๑ , ค๑.๑ ม.๔/๒ , ค๑.๑ ม.๔/๓ , ค๑.๒ ม.๔/๑ , ค๑.๓ ม.๔/๑ , ค๑.๔ ม.๔/๑ , ค๔.๒ ม.๔/๓ , ค๖.๑ ม.๔/๑ , ค๖.๑ ม.๔/๒ , ค๖.๑ ม.๔/๓ , ค๖.๑ ม.๔/๔ , ค๖.๑ ม.๔/๕ , ค๖.๑ ม.๔/๖ รวม ๑๓ ตัวช้ีวัด
๓๖ คาอธบิ ายรายวชิ าคณิตศาสตร์ รหสั วชิ า ค๓๒๑๐๑ กลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ ๕ เวลา ๔๐ ชวั่ โมง / ภาค จานวน ๑ หนว่ ยกติ ภาคเรยี นท่ี ๑ คาอธบิ ายรายวชิ า ศึกษา เร่ือง ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน กราฟของความสัมพันธ์ และ ฟังก์ชนั โดยจัดประสบการณ์หรือสร้างสถานการณ์ในชีวิตประจาวันท่ีใกล้ตัวให้ผู้เรียนได้ศึกษา ค้นคว้า โดย การปฏิบัติจริง สรุป รายงาน และนาเสนอ เพ่ือพัฒนาทักษะ / กระบวนการในการคิดคานวณ การแก้ปัญหา การให้เหตุผล การส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์ และการนาประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิดทักษะ กระบวนการทไ่ี ดไ้ ปใชใ้ นการเรยี นรู้สิง่ ตา่ งๆ และในชีวิตประจาวันอยา่ งสร้างสรรค์ การเห็นคุณค่าและมีเจตคติที่ดีต่อคณิตศาสตร์ สามารถทางานอย่างเป็นระบบ ระเบียบ รอบคอบ มี ความรับผิดชอบ มีวิจารณญาณ และเช่ือมั่นในตนเอง มีความรักชาติ ศาสตร์ กษัตริย์ มีความซื่อสัตย์สุจริต มีวนิ ยั ใฝ่เรียนรู้ ร้จู กั ใชช้ วี ติ อยา่ งพอเพยี ง มคี วามมุ่งมน่ั ในการทางาน รกั ความเป็นไทย และมจี ิตสาธารณะ รหัสตัวชวี้ ัด ค๔.๑ ม.๕/๓ , ค๔.๒ ม.๕/๔ , ค๔.๒ ม.๕/๕ , ค๖.๑ ม.๕/๑ , ค๖.๑ ม.๕/๒ , ค๖.๑ ม.๕/๓ , ค๖.๑ ม.๕/๔ , ค๖.๑ ม.๕/๕ , ค ๖.๑ ม.๕/๖ รวม ๙ ตวั ช้วี ดั
๓๗ คาอธบิ ายรายวชิ าคณิตศาสตร์ รหสั วชิ า ค ๓๒๑๐๒ กลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๕ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง / ภาค จานวน ๑ หนว่ ยกติ ภาคเรยี นที่ ๒ คาอธบิ ายรายวชิ า ศึกษา เร่ือง อัตราส่วนตรีโกณมิติและการนาไปใช้ และ ลาดับและอนุกรม ลาดับ ลาดับเลข คณิต ลาดับเรขาคณติ อนุกรมเลขคณิต อนุกรมเรขาคณิต การหาผลบวก n พจน์แรกของอนุกรมเลขคณิตและ อนกุ รมเรขาคณติ โดยจดั ประสบการณห์ รือสรา้ งสถานการณ์ในชีวิตประจาวนั ที่ใกลต้ วั ใหผ้ ู้เรยี นได้ศึกษา ค้นควา้ โดยการ ปฏิบัติจริง ทดลอง สรุป รายงาน เพื่อพัฒนาทักษะ / กระบวนการในการคิดคานวณ การแก้ปัญหา การให้ เหตุผล การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ และการนาประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิดทักษะกระบวนการท่ี ได้ไปใช้ในการเรียนรู้ส่ิงต่างๆ และในชีวิตประจาวันอย่างสร้างสรรค์ รวมท้ังเห็นคุณค่าและมีเจตคติที่ดีต่อ คณิตศาสตร์ สามารถทางานอยา่ งเป็นระบบ ระเบียบ รอบคอบ มีความรับผิดชอบ มีวิจารณญาณ และเช่ือมั่นใน ตนเอง การเห็นคุณค่าและมีเจตคติที่ดีต่อคณิตศาสตร์ สามารถทางานอย่างเป็นระบบ ระเบียบ รอบคอบ มี ความรับผิดชอบ มีวิจารณญาณ และเชื่อมั่นในตนเอง มีความรักชาติ ศาสตร์ กษัตริย์ มีความซ่ือสัตย์สุจริต มวี ินยั ใฝเ่ รยี นรู้ รจู้ ักใช้ชีวติ อยา่ งพอเพียง มีความมุง่ มั่นในการทางาน รักความเปน็ ไทย และมจี ิตสาธารณะ รหัสตัวช้ีวัด ค๒.๑ ม.๕/๑ , ค๒.๒ ม.๕/๑ , ค๔.๑ ม.๕/๔ , ค๔.๑ ม.๕/๕ , ค ๔.๒ ม.๕/๖ , ค๖.๑ ม.๕/๑ , ค๖.๑ ม.๕/๒ ค๖.๑ ม.๕/๓ , ค๖.๑ ม.๕/๔ , ค๖.๑ ม.๕/๕ , ค๖.๑ ม.๕/๖ รวม ๑๑ ตวั ชว้ี ัด
๓๘ คาอธบิ ายรายวชิ าคณิตศาสตร์ รหสั วชิ า ค๓๓๑๐๑ กลมุ่ สาระการเรยี นร้คู ณติ ศาสตร์ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๖ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง / ภาค จานวน ๑ หนว่ ยกติ ภาคเรยี นท่ี ๑ คาอธบิ ายรายวชิ า ศึกษาเร่ืองความน่าจะเป็นกฎเกณฑ์เบื้องต้นเก่ียวกับการนับและแผนภาพต้นไม้ ทดลองสมุ่ เหตุการณ์ และหาความน่าจะเป็นของเหตุการณ์ นาความรู้เก่ียวกับความน่าจะเป็นไปใช้ในการคาดการณ์ และช่วยในการ ตดั สินใจ รวมถงึ การเสริมทกั ษะกระบวนการทาง คณติ ศาสตร์ โดยการปฏบิ ัติ สรปุ และรายงานผลการเรียนรู้โดยการวัดและประเมนิ ผล ด้วยวธิ ีการ ที่หลากหลาย ตามสภาพความเป็นจริง ให้สอดคลอ้ งกับเน้ือหาและทกั ษะท่ีต้องการวดั เพ่ือพฒั นาทักษะ / กระบวนการในการ คิดคานวณ การแก้ปัญหา การให้เหตุผล การส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์ และนาประสบการณ์ด้านความรู้ ความคดิ ทักษะกระบวนการท่ไี ดไ้ ปใชใ้ นการเรยี นรู้ สิง่ ต่าง ๆ และใช้ในชวี ิตประจาวันอย่างสร้างสรรค์ การเห็นคุณค่าและมีเจตคติที่ดีต่อคณิตศาสตร์ สามารถทางานอย่างเป็นระบบ ระเบียบ รอบคอบ มี ความรับผิดชอบ มีวิจารณญาณ และเช่ือม่ันในตนเอง มีความรักชาติ ศาสตร์ กษัตริย์ มีความซื่อสัตย์สุจริต มี วนิ ัย ใฝ่เรียนรู้ รู้จักใช้ชีวิตอย่างพอเพียง มคี วามม่งุ มน่ั ในการทางาน รกั ความเปน็ ไทย และมจี ติ สาธารณะ รหัสตัวช้ีวดั ค๕.๒ ม.๖/๒ , ค๕.๓ ม.๖/๒ , ค๖.๑ ม.๖/๑ , ค๖.๑ ม.๖/๒ , ค๖.๑ ม.๖/๓ , ค๖.๑ ม.๖/๔ , ค๖.๑ ม. ๖/๕ , ค๖.๑ ม.๖/๖ รวม ๘ ตัวชี้วดั
๓๙ คาอธบิ ายรายวชิ าคณติ ศาสตร์ รหสั วชิ า ค ๓๓๑๐๒ กลมุ่ สาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๖ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง / ภาค จานวน ๑ หนว่ ยกติ ภาคเรยี นที่ ๒ คาอธบิ ายรายวชิ า ศกึ ษา เรื่อง สถิติเบ้ืองต้น รวมถึงการเสรมิ ทกั ษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ โดยการปฏิบตั สิ รุปและรายงานผลการเรียนร้โู ดยการวดั และประเมนิ ผลด้วยวิธีการ ท่หี ลากหลายตาม สภาพความเป็นจริงให้สอดคล้องกับเนื้อหาและทักษะท่ีต้องการวัดเพื่อพัฒนาทักษะ/กระบวนการในการคิด คานวณ การแก้ปัญหา การให้เหตุผล การส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์ และนาประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิด ทกั ษะกระบวนการที่ไดไ้ ปใช้ในการเรยี นรู้ สิ่งตา่ ง ๆ และใช้ในชวี ติ ประจาวันอยา่ งสรา้ งสรรค์ การเห็นคุณค่าและมีเจตคติที่ดีต่อคณิตศาสตร์ สามารถทางานอย่างเป็นระบบ ระเบียบ รอบคอบ มี ความรับผิดชอบ มีวิจารณญาณ และเชื่อม่ันในตนเอง มีความรักชาติ ศาสตร์ กษัตริย์ มีความซื่อสัตย์สุจริต มี วินยั ใฝ่เรยี นรู้ รู้จักใช้ชวี ิตอยา่ งพอเพยี ง มีความมงุ่ ม่ันในการทางาน รักความเปน็ ไทย และมจี ิตสาธารณะ รหสั ตวั ชว้ี ดั ค๕.๑ ม.๖/๑ , ค๕.๑ ม.๖/๒ , ค๕.๑ ม.๖/๓ , ค๕.๒ ม.๖/๑ , ค๕.๓ ม.๖/๑ , ค๖.๑ ม.๖/๑ , ค๖.๑ ม. ๖/๒ , ค๖.๑ ม.๖/๓ , ค๖.๑ ม.๖/๔ , ค๖.๑ ม.๖/๕ , ค๖.๑ ม.๖/๖ รวม ๑๑ ตวั ชว้ี ดั
คาอธบิ ายรายวชิ า ๔๐ รหัสวชิ า ว๓๑๑๐๑ รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ ๔ ภาคเรยี นที่ ๑ เวลา ๔๐ ชัว่ โมง / ภาคเรยี น จานวน ๑ หนว่ ยกิต อธิบายการรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต การเคล่ือนท่ีของสารผ่านเข้าออกจากเซลล์ การลาเลียงสาร โดยวธิ กี ารแพร่ การออสโมซสิ การลาเลยี งแบบฟาซิลเิ ทต และการลาเลยี งแบบใช้พลังงาน การลาเลยี งสารขนาด ใหญ่เข้าและออกจากเซลล์ การลาเลียงของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวและหลายเซลล์ กลไกในการรักษาดุลยภาพของ น้าในพชื การคายนา้ ผ่านปากใบ การดูดน้าที่ราก โครงสร้าง หน้าท่ี การางานในการขบั ของเสยี จากกระบวนการ เมแทบอลิซึมของไต การกาจัดน้าและของเสียของส่ิงมชี ีวิตเซลล์เดียวและหลายเซลล์ การรักษาดุลยภาพของน้า แร่ธาตุของปลาน้าจืดและปลาน้าเค็ม กลไกการควบคุมอุณหภูมิในร่างกายของสัตว์และมนุษย์ ระบบภูมิคุ้มกัน และการรักษาดุลยภาพในร่างกายของมนุษย์ การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม โครงสร้างและองค์ประกอบ ของ DNA การเกิดมวิ เทชนั การแปรผันทางพันธุกรรม ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีชีวภาพ ผลท่ีเกิดจากการใช้ เทคโนโลยีทางชีวภาพ ความหลากหลายของส่ิงมีชีวิต ประโยชน์ของความหลากหลายทางชีวภาพของสิ่งมีชีวิต ระบบนิเวศ สมดุลของระบบนิเวศ การเปล่ียนแปลงแทนที่ ความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ ระหว่างสิ่งมีชีวิต และสิ่งมีชีวิตกับส่ิงแวดล้อม ผลท่ีเกิดจากการเพิ่มของประชากรมนุษย์ การใช้ ทรัพยากรธรรมชาติท่ีมีอยู่อย่างจากัดให้คุ้มค่า แนวทางป้องกันแก้ไขฟื้นฟูสภาพ แวดล้อม การอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาตอิ ยา่ งยั่งยืน โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล บันทึก จัดกลุ่มข้อมูล และการอภิปรายเพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถนาเสนอ ส่ือสารส่ิงท่ี เรยี นรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ เห็นคุณค่าของการนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวันมี จิตวทิ ยาศาสตร์ คุณธรรม จริยธรรม และคา่ นิยมทเ่ี หมาะสม รหสั ตวั ชว้ี ดั ว๑.๑ ม.๔-๖/๑, ม.๔-๖/๒, ม.๔-๖/ ๓ ม.๔-๖/๔ ว๑.๒ ม.๔-๖/๑ ม.๔-๖/๒ ม.๔-๖/๓ ม.๔-๖/๔ ว๒.๑ ม.๔-๖/๑ ม.๔-๖/๒ ม.๔-๖/๓ ว๒.๒ ม.๔-๖/๑ ม.๔-๖/๒ ม.๔-๖/๓ ว๘.๑ ม.๔-๖/๑ - ๑๒
๔๑ คาอธบิ ายรายวชิ า รหสั วชิ า ว๓๑๑๐๒ รายวิชา วิทยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ ๔ ภาคเรยี นท่ี ๑ เวลา ๔๐ ช่ัวโมง / ภาคเรยี น จานวน ๑ หน่วยกิต สืบคน้ ข้อมลู วิเคราะห์ อภิปรายและอธิบาย โครงสร้างอะตอมเก่ยี วกบั สญั ลักษณน์ ิวเคลยี รข์ องธาตุ การจัดเรยี งอิเล็กตรอนในอะตอม ความสัมพันธ์ระหวา่ งอเิ ลก็ ตรอนในระดบั พลงั งานนอกสุดกับสมบตั ิของธาตุ และการเกดิ ปฏิกิริยา การจดั เรยี งธาตุและทานายแนวโนม้ สมบตั ขิ องธาตุในตารางธาตุ การเกดิ พันธะเคมีใน โครงผลึกและในโมเลกลุ ของสาร ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งจดุ เดือด จุดหลอมเหลว และสถานะของสารกบั แรงยึด เหน่ียวระหวา่ งอนุภาคของสาร ทดลองและเขยี นสมการของปฏิกิรยิ าเคมีทว่ั ไปที่พบในชีวิตประจาวันรวมทง้ั อธบิ ายผลของสารเคมที ่ีมีผลตอ่ ส่ิงมชี ีวิตและสงิ่ แวดล้อม อตั ราการเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมี ปัจจยั ท่มี ีผลต่ออัตราการ เกิดปฏิกิรยิ าเคมแี ละการนาความร้ไู ปใช้ประโยชน์ การเกิดปิโตรเลยี ม กระบวนการแยกแก๊สธรรมชาติและการ กล่ันลาดับส่วนน้ามันดบิ การนาผลิตภณั ฑ์ท่ีไดจ้ ากการแยกแกส๊ ธรรมชาติและการกลนั่ ลาดบั ส่วนน้ามันดิบไปใช้ ประโยชน์รวมทั้งผลของผลิตภณั ฑ์ต่อส่ิงมีชีวิตและสง่ิ แวดล้อม การเกดิ พอลิเมอร์ สมบัติของพอลิเมอร์ การนาพอ ลเิ มอร์ไปใช้ประโยชนร์ วมทั้งผลทเ่ี กดิ จากการผลติ และใช้พอลเิ มอรต์ อ่ สง่ิ มีชีวติ และส่ิงแวดลอ้ ม องคป์ ระกอบ ประโยชน์ และปฏิกริ ิยาบางชนดิ ของคารโ์ บไฮเดรต ไขมนั และน้ามนั โปรตีนและกรดนวิ คลอี กิ โดยใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมลู บนั ทกึ จดั กลุม่ ข้อมลู และการอภิปรายเพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถนาเสนอส่อื สารสิ่งท่ี เรียนรู้ มีความสามารถในการตดั สินใจ เหน็ คุณคา่ ของการนาความรู้ไปใช้ประโยชนใ์ นชีวติ ประจาวนั มีจติ วิทยาศาสตร์ คณุ ธรรมจริยธรรมและคา่ นยิ มทีเ่ หมาะสม รหสั ตวั ชวี้ ดั ว ๓.๑ ม.๔-๖/๑-๕ ,ว ๓.๒ ม.๔-๖/๑-๙ . ว ๘.๑ ม.๔-๖/๑-๑๒
๔๒ คาอธบิ ายรายวชิ า รหัสวชิ า ว๓๒๑๐๑ รายวชิ า วิทยาศาสตร์ ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ ๔ ภาคเรยี นที่ ๑ เวลา ๔๐ ชั่วโมง / ภาคเรยี น จานวน ๑ หนว่ ยกิต ศึกษาความสัมพันธ์ของแรงกับการเคลื่อนท่ีของวัตถุในสนามโน้มถ่วง สนามไฟฟ้า สนามแม่เหล็ก แรงนิวเคลียร์ แรงไฟฟ้าระหว่างอนุภาคในนิวเคลียส การเคล่ือนท่ีในแนวเส้นตรง การเคล่ือนท่ีแบบโพรเจคไทล์ แบบวงกลม แบบฮาร์มอนิกส์อย่างง่าย ประโยชน์ของการเคล่ือนท่ีแบบโพรเจคไทล์ แบบวงกลม และแบบฮาร์ มอนิกส์อย่างง่าย คล่ืนและสมบัติของคล่ืน คลน่ื เสียง บีตส์ของเสียง ความเข้มเสียง ระดับความเข้มเสียง การได้ ยิน คุณภาพของเสียง มลพิษของเสียง คล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า ปฏิกิริยานิวเคลียร์ ผลกระทบของปฏิกิริยานิวเคลียร์ ต่อส่ิงมีชีวิตและส่ิงแวดล้อม โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ธาตุกัมมันตรังสี วีธีการตรวจสอบกัมมันตภาพรังสี ผลกระทบ ของกมั มนั ตภาพรงั สีที่มีผลตอ่ ส่งิ มชี วี ติ และสิ่งแวดล้อม โดยใชท้ ักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สบื เสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสบื ค้นข้อมูล บันทึก จัดกลุ่มข้อมูล และการอภิปรายเพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถนาเสนอ สื่อสารสิ่งที่ เรยี นรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ เห็นคุณค่าของการนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวัน มีจิต วิทยาศาสตร์ คณุ ธรรมจรยิ ธรรม และคา่ นยิ มท่ีเหมาะสม รหสั ตวั ชวี้ ดั ว ๔.๑ ม. ๔ – ๖/๑ - ม.๔ - ๖ /๔ ว ๔.๒ ม. ๔ – ๖/๑ - ม.๔ – ๖/๓ ว ๕.๑ ม. ๔ – ๖/๑ - ม.๔ – ๖/๙ ว ๘.๑ ม. ๔ – ๖/๑ - ม.๔ – ๖/๑๒
๔๓ คาอธบิ ายรายวชิ า รหสั วชิ า ว๓๒๑๐๒ รายวิชา วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๔ ภาคเรยี นที่ ๑ เวลา ๔๐ ช่วั โมง / ภาคเรยี น จานวน ๑ หน่วยกติ ศึกษาวเิ คราะห์โครงสรา้ งทางธรณีวทิ ยาของโลก แผน่ เปลอื กโลก การเคล่ือนทีข่ องแผ่นเปลือกโลก การเคล่อื นทข่ี องแผน่ เปลือกโลก ปรากฏการณท์ างธรณี การหาอายุของหิน ลักษณะและอายุของซากดกึ ดา บรรพ์ เปรยี บเทียบลาดับชน้ั หินและอายุของหนิ เพื่อศึกษาความเป็นมาของโลก การเกิดและวิวัฒนาการ ของ ระบบสุรยิ ะ กาแลกซแี ละเอกภพ พลังงานของดาวฤกษ์ ปฏิกิริยาฟิชชนั ตาแหน่งของโลกในระบบสุริยะ กาแลก ซีและเอกภพ การใชเ้ ทคโนโลยอี วกาศในการศึกษาปรากฏการณ์ต่าง ๆ บนโลกและในอวกาศ โดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การ สังเกตสืบคน้ ข้อมลู การอภปิ ราย และการสรุป เพือ่ ใหเ้ กดิ ความรู้ ความคดิ ความเขา้ ใจ สอ่ื สารสง่ิ ที่เรียนรู้ มคี วามสามารถในการตัดสินใจ นา ความร้ไู ปใชใ้ นชีวิตประจาวนั มจี ติ วิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรมและคา่ นยิ ม รหสั ตวั ชวี้ ดั ว ๖.๑ ม๕/๑, ม๕/๒, ม๕/๔, ม๕/๕, ม๕/๖ ว ๗.๑ ม๕/๑, ม๕/๒ ว ๗.๒ ม๕/๑, ม๕/๒, ม๕/๓
๔๔ คาอธบิ ายรายวชิ า กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรมรหสั วชิ า ส ๓๑๑๐๑ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๔ เวลา ๔๐ ชวั่ โมง/ภาคเรยี น จานวน ๑.๐ หนว่ ยกติ ภาคเรยี นที่ ๑ ศึกษาและอธิบายประวัติพระพุทธเจ้า พระมุฮัมมัด พระเยซู ประวัติพุทธสาวก พุทธสาวิกาและศา สนิกชนตัวอย่าง ชาดก หลักของพระพุทธศาสนากับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการพัฒนาประเทศย่ังยืนตาม หลักศาสนาที่ตนนับถือ ลักษณะสังคมชมพูทวีปและคติความเช่ือทางศาสนาสมัยก่อนพระพุทธเจ้าหรอื สังคมสมัย ของศาสดาที่ตนนับถือ มีความรู้ความเข้าใจในพระรัตนตรัย อริยสัจ ๔ มงคล ๓๘ พุทธศาสนสุภาษิต โดยเห็น ความสาคัญของการสังคายนาประไตรปิฎกหรือคัมภีร์ทางศาสนาท่ีตนนับถือ การเป็นชาวพุทธที่ดีและข้อควรรู้ ในการแสดงตนเป็นพุทธมามกะ ศกึ ษากฎหมายแพง่ เก่ยี วกบั ตนเอง และครอบครัว กฎหมายแพ่งเกยี่ วกับนิติกรรม สญั ญา กฎหมายอาญา ศึกษาการกาหนดราคาและค่าจ้างในระบบธุรกิจ ระบบเศรษฐกิจของโลกปัจจุบัน ประเภทของ ตลาด การกาหนดราคาตามอุปสงค์-อุปทาน การเปิดเสรีทางเศรษฐกิจ วิวัฒนาการของการเปิดเสรีทาง เศรษฐกจิ ศึกษาถึงผลกระทบของการเปิดเสรีทางเศรษฐกจิ มีความรู้ความเข้าใจในเครื่องมือทางภูมิศาสตร์อิทธิพลของสภาพภูมิศาสตร์ซึ่งทาให้เกิดปัญหาทาง กายภาพ หรอื ภยั พบิ ัติ ทางธรรมชาติ ในประเทศไทย และภมู ภิ าคตา่ ง ๆ ของโลก โดยใช้กระบวนการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ คิดหาเหตุและผล แล้วทาการสารวจตรวจสอบข้อมูล เพ่อื ใหเ้ กดิ ความรู้ ความคดิ ความเข้าใจ สามารถนาเสนอสื่อสารส่ิงทเี่ รยี นรู้ มาปรับใชใ้ นชีวิตประจาวนั พร้อมทั้งเห็นคุณค่าของการปฏิบัติตนเพื่อให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์เกิดความรักและหวงแหนชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และเปน็ บุคคลแห่งการเรยี นร้ทู มี่ คี ณุ ภาพ รหัสตัวช้ีวดั ส๑.๑ม.๔/๑, ส๑.๑ม.๔/๑๑, ส๑.๑ม.๔/๑๓, ส๑.๑ม.๔/๑๔, ส๑.๑ม.๔/๑๕, ส๑.๑ม.๔/๑๗, ส๑.๒ ม.๔/๑, ส๑.๒ม.๔/๓,ส ๓.๑ ม.๔/๑,ส ๓.๒ ม.๔/๒,ส ๕.๑ม ๔/๑,ส ๕.๑ม ๔/๒ มี ๑๒ ตัวชว้ี ัด
๔๕ คาอธบิ ายรายวชิ า กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม รหสั วชิ า ส ๓๑๑๐๒ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๔ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง/ภาคเรยี น จานวน ๑.๐ หนว่ ยกติ ภาคเรยี นที่ ๒ อธิบายความสาคญั ของพระพทุ ธศาสนากับการศึกษา การเมือง สันติภาพ ศึกษาประวัติพระพุทธเจ้า ในฐานะเป็นมนุษย์ท่ีฝึกตนได้อย่างสูงสุด(การตรัสรู้) การก่อตั้งพระศาสนาวิธีการสอนและการเผยแผ่ พระพุทธศาสนา พุทธจริยา พระรัตนตรัย อริยสัจ ๔และมงคล ๓๘ ประการ ศึกษาพุทธศาสนสุภาษิต ประวัติพุทธสาวก พุทธ สาวิกาและศาสนิกชนตัวอย่างและผลท่ีจะเกิดทาความดี ความช่ัว ตามหลักธรรมและจริยธรรม หลักโยนิโส มนสิการโดยการกาหนดเป้าหมายบทบาทการดาเนินชีวิตเพ่ืออยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขและอยู่ร่วมกันอย่าง สมานฉนั ท์ นาหลกั การเจรญิ ปัญญาสตปิ ฏั ฐานหรือตามแนวทางของศาสนาทต่ี นนบั ถอื ไปปฏบิ ตั ิ ปฏิบัติตนเป็นสมาชิกท่ีดีของครอบครัว สังคม ศึกษาโครงสร้างทางสังคม การจัดระเบียบทางสังคม สถาบันทางสังคม การขัดเกลาทางสังคม การเปลี่ยนแปลงทางสังคม การแก้ปญั หาและแนวทางการพัฒนาทาง สังคม ศกึ ษาการกาหนดคา่ จา้ ง กฎหมายท่ีเกีย่ วข้องกับการจ้างแรงงาน การค้าและการลงทนุ ระหว่างประเทศ มีความรู้ความเข้าใจบทบาทขององค์กรระหว่างประเทศในเวทีโลกเรียนรู้สถานการณ์และวิกฤตการณ์ ด้านทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดล้อม ของประเทศไทยและโลก โดยใช้กระบวนการวิเคราะห์ สังเคราะห์ คิดหาเหตุและผล แล้วทาการสารวจตรวจสอบข้อมูล เพื่อใหเ้ กดิ ความรู้ ความคดิ ความเขา้ ใจ สามารถนาเสนอสื่อสารสิ่งท่ีเรยี นรู้ มาปรบั ใชใ้ นชวี ิตประจาวนั พร้อมทั้งเห็นคุณค่าของการปฏิบัติตนเพ่ือให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์เกิดความรักและหวงแหนชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ และเปน็ บคุ คลแหง่ การเรยี นรทู้ ่ีมคี ณุ ภาพ รหสั ตัวช้วี ัด ส๑.๑ม.๔/๒, ส๑.๑ม.๔/๑๒, ส๑.๑ม.๔/๑๓, ส๑.๑ม.๔/๑๔, ส๑.๑ม.๔/๑๖, ส๑.๑ม.๔/๒๐, ส๑.๒ ม.๔/๑, ส๑.๒ม.๔/๔,ส ๓.๑ ม๔/๑,ส ๓.๒ ม๔/๒,ส ๕.๒ม๔/๑ มี ๑๑ ตัวช้วี ัด
๔๖ คาอธบิ ายรายวชิ า กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม รหสั วชิ า ส ๓๑๑๐๑ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๔ เวลา ๔๐ ชวั่ โมง/ภาคเรยี น จานวน ๑.๐ หนว่ ยกติ ภาคเรยี นที่ ๑ ศึกษาและอธิบายประวัติพระพุทธเจ้า พระมุฮัมมัด พระเยซู ประวัติพุทธสาวก พุทธสาวิกาและศา สนิกชนตัวอย่าง ชาดก หลักของพระพุทธศาสนากับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการพัฒนาประเทศยั่งยืนตาม หลกั ศาสนาท่ีตนนบั ถือ ลักษณะสังคมชมพูทวีปและคตคิ วามเชื่อทางศาสนาสมัยกอ่ นพระพุทธเจ้าหรอื สังคมสมัย ของศาสดาที่ตนนับถือ มีความรู้ความเข้าใจในพระรัตนตรัย อริยสัจ ๔ มงคล ๓๘ พุทธศาสนสุภาษิต โดยเห็น ความสาคัญของการสังคายนาประไตรปิฎกหรือคัมภีร์ทางศาสนาที่ตนนับถือ การเป็นชาวพุทธท่ีดีและข้อควรรู้ ในการแสดงตนเป็นพุทธมามกะ ศึกษากฎหมายแพง่ เก่ยี วกบั ตนเอง และครอบครัว กฎหมายแพ่งเก่ียวกับนิตกิ รรม สญั ญา กฎหมายอาญา ศึกษาการกาหนดราคาและค่าจ้างในระบบธุรกิจ ระบบเศรษฐกิจของโลกปัจจุบัน ประเภทของ ตลาด การกาหนดราคาตามอุปสงค์-อุปทาน การเปิดเสรีทางเศรษฐกิจ วิวัฒนาการของการเปิดเสรีทาง เศรษฐกิจ ศกึ ษาถงึ ผลกระทบของการเปดิ เสรีทางเศรษฐกิจ มีความรู้ความเข้าใจในเคร่ืองมือทางภูมิศาสตร์อิทธิพลของสภาพภูมิศาสตร์ซึ่งทาให้เกิดปัญหาทาง กายภาพ หรอื ภัยพบิ ัติ ทางธรรมชาติ ในประเทศไทย และภูมภิ าคตา่ ง ๆ ของโลก โดยใช้กระบวนการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ คิดหาเหตุและผล แล้วทาการสารวจตรวจสอบข้อมูล เพือ่ ให้เกดิ ความรู้ ความคดิ ความเข้าใจ สามารถนาเสนอส่อื สารสิ่งทเ่ี รียนรู้ มาปรบั ใชใ้ นชวี ติ ประจาวัน พร้อมทั้งเห็นคุณค่าของการปฏิบัติตนเพื่อให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์เกิดความรักและหวงแหนชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ และเปน็ บุคคลแหง่ การเรยี นรู้ที่มคี ณุ ภาพ รหัสตวั ชีว้ ัด ส๑.๑ม.๔/๑, ส๑.๑ม.๔/๑๑, ส๑.๑ม.๔/๑๓, ส๑.๑ม.๔/๑๔, ส๑.๑ม.๔/๑๕, ส๑.๑ม.๔/๑๗, ส๑.๒ ม.๔/๑, ส๑.๒ม.๔/๓,ส ๓.๑ ม.๔/๑,ส ๓.๒ ม.๔/๒,ส ๕.๑ม ๔/๑,ส ๕.๑ม ๔/๒ มี ๑๒ ตวั ชว้ี ดั
๔๗ คาอธบิ ายรายวชิ า กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม รหสั วชิ า ส ๓๑๑๐๒ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๔ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง/ภาคเรยี น จานวน ๑.๐ หนว่ ยกิต ภาคเรยี นท่ี ๒ อธบิ ายความสาคัญของพระพทุ ธศาสนากบั การศึกษา การเมือง สันติภาพ ศึกษาประวตั ิพระพุทธเจ้า ในฐานะเป็นมนุษย์ที่ฝึกตนได้อย่างสูงสุด(การตรัสรู้) การก่อต้ังพระศาสนาวิธีการสอนและการเผยแผ่ พระพทุ ธศาสนา พุทธจริยา พระรัตนตรัย อริยสัจ ๔และมงคล ๓๘ ประการ ศึกษาพุทธศาสนสุภาษิต ประวัติพุทธสาวก พุทธ สาวิกาและศาสนิกชนตัวอย่างและผลท่ีจะเกิดทาความดี ความช่ัว ตามหลักธรรมและจริยธรรม หลักโยนิโส มนสิการโดยการกาหนดเป้าหมายบทบาทการดาเนินชีวิตเพ่ืออยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขและอยู่ร่วมกันอย่าง สมานฉันท์ นาหลักการเจรญิ ปญั ญาสตปิ ัฏฐานหรอื ตามแนวทางของศาสนาทีต่ นนับถอื ไปปฏิบัติ ปฏิบัติตนเป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัว สังคม ศึกษาโครงสร้างทางสังคม การจัดระเบียบทางสังคม สถาบันทางสังคม การขัดเกลาทางสังคม การเปลี่ยนแปลงทางสังคม การแก้ปญั หาและแนวทางการพฒั นาทาง สังคม ศกึ ษาการกาหนดค่าจ้าง กฎหมายท่เี ก่ยี วขอ้ งกับการจา้ งแรงงาน การค้าและการลงทนุ ระหวา่ งประเทศ มีความรู้ความเข้าใจบทบาทขององค์กรระหว่างประเทศในเวทีโลกเรียนรู้สถานการณ์และวิกฤตการณ์ ด้านทรพั ยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อม ของประเทศไทยและโลก โดยใช้กระบวนการวิเคราะห์ สังเคราะห์ คิดหาเหตุและผล แล้วทาการสารวจตรวจสอบข้อมูล เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคดิ ความเข้าใจ สามารถนาเสนอสื่อสารส่งิ ที่เรยี นรู้ มาปรบั ใช้ในชวี ติ ประจาวัน พร้อมทั้งเห็นคุณค่าของการปฏิบัติตนเพื่อให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์เกิดความรักและหวงแหนชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และเป็นบุคคลแหง่ การเรยี นรู้ทมี่ ีคณุ ภาพ รหัสตัวชีว้ ดั ส๑.๑ม.๔/๒, ส๑.๑ม.๔/๑๒, ส๑.๑ม.๔/๑๓, ส๑.๑ม.๔/๑๔, ส๑.๑ม.๔/๑๖, ส๑.๑ม.๔/๒๐, ส๑.๒ ม.๔/๑, ส๑.๒ม.๔/๔,ส ๓.๑ ม๔/๑,ส ๓.๒ ม๔/๒,ส ๕.๒ม๔/๑ มี ๑๑ ตวั ช้ีวัด
๔๘ คาอธบิ ายรายวชิ า กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม รหสั วชิ า ส ๓๓๑๐๑ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๖ เวลา ๔๐ ชวั่ โมง/ภาคเรยี น จานวน ๑.๐ หนว่ ยกิต ภาคเรยี นที่ ๑ ศึกษาหาความรู้ความเข้าใจในพุทธประวัติด้านการบริหารและการธารงรักษาพระพุทธศาสนาที่เป็น ศาสตร์แห่งการศึกษา ศึกษาหลักการฝึกตนไม่ประมาท มงุ่ ประโยชน์และสันติภาพบคุ คล สังคมและโลก ศึกษา พระรัตนตรัย อริยสัจ ๔ มงคล ๓๘ พุทธศาสนสุภาษติ ประวัติพทุ ธสาวก พทุ ธสาวกิ าและศาสนกิ ชนตวั อย่าง ชาดก นามาเป็นแบบอยา่ งในการดาเนินชวี ิต ศึกษาหลกั ธรรมสาคัญในการอยู่รว่ มกันอยา่ งสันติสุข และมีความรู้ ความเข้าใจในพิธีบรรพชา อุปสมบท ศึกษาปัญหาการเมืองสาคัญที่เกิดข้ึนภายในประเทศ สถานการณ์การเมืองการปกครองของสังคมไทย อิทธิพลของระบอบการเมืองการปกครองท่ีมีผลต่อการดาเนินชีวิต การประสานประโยชน์ร่วมกันระหว่าง ประเทศ การแลกเปลยี่ นเพ่อื ช่วยเหลือและสง่ เสริมดา้ นวฒั นธรรม การศึกษา เศรษฐกจิ สงั คม ศึกษาความสาคัญของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงท่ีมีผลต่อเศรษฐกิจ สังคมของประเทศ การ ประยุกต์ใช้เศรษฐกิจพอเพียงในการดาเนินชีวิตของตนเองและครอบครัว การประยุกต์ใช้เศรษฐกิจพอเพียงใน ภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม การคา้ และบริการ ศึกษาการเปลี่ยนแปลงธรรมชาติในโลกว่าเป็นผลมาจากการกระทาของมนุษย์และหรือธรรมชาติ การ ใช้ประโยชน์จากสิ่งแวดล้อม ในการสร้างสรรค์วัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น ท้ังในประเทศไทยและ โลก โดยใช้กระบวนการวิเคราะห์ สังเคราะห์ คิดหาเหตุและผล แล้วทาการสารวจตรวจสอบข้อมูล เพอ่ื ให้เกิดความรู้ ความคดิ ความเขา้ ใจ สามารถนาเสนอสอื่ สารสิง่ ทเ่ี รียนรู้ มาปรบั ใช้ในชวี ติ ประจาวัน พร้อมทั้งเห็นคุณค่าของการปฏิบัติตนเพื่อให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์เกิดความรักและหวงแหนชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และเป็นบคุ คลแหง่ การเรียนรูท้ ่ีมคี ุณภาพ รหัสตวั ชวี้ ัด ส๑.๑ม.๖/๓, ส๑.๑ม.๖/๙,ส๑.๑ม.๖/๑๐, ส๑.๑ม.๖/๑๓, ส๑.๑ม.๖/๑๔, ส๑.๑ม.๖/๒๑, ส๑.๒ม. ๕/๒, ส๑.๒ม.๕/๕ ส ๒.๒ ม ๖/๑,ส ๒.๒ ม ๖/๒,ส ๓.๑ ม๖/๑,ส ๕.๑ ม ๖/๔,ส ๕.๒ ม ๖/๔ มี ๑๓ ตวั ช้ีวดั
๔๙ คาอธบิ ายรายวชิ า กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม รหสั วชิ า ส ๓๓๑๐๒ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๖ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง/ภาคเรยี น จานวน ๑.๐ หนว่ ยกติ ภาคเรยี นที่ ๒ ศึกษาหาความรู้เก่ียวกับทฤษฎีและวิธีการของพระพุทธศาสนาท่ีเป็นสากล ศึกษาข้อปฏิบัติท่ียึดทาง สายกลางพระรัตนตรัย ศกึ ษาพระรัตนตรัย อริยสัจ ๔ มงคล ๓๘ พทุ ธศาสนสุภาษิตประวตั ิพุทธสาวก พุทธ สาวิกาและศาสนิกชนตัวอย่าง ชาดก นามาเป็นแบบอย่างในการดาเนินชีวิต ศึกษาปัญหาในชุมชนและสังคม พร้อมทั้งเสนอแนวทางในการจัดกิจกรรมความรว่ มมือของทกุ ศาสนาในการแกป้ ัญหาในชุมชนและสังคม ศึกษา และปฏิบัตติ นให้ถูกต้องในศาสนพิธี บุญพธิ ี ทานพิธี กุศลพิธีและบอกประโยชน์ของศาสนพิธีได้ ศกึ ษาระบบการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย อันมพี ระมหากษัตรยิ ท์ รงเปน็ ประมุข รูปแบบของรัฐ ฐานะและพระราชอานาจของพระมหากษัตริย์ การตรวจสอบการใช้อานาจรัฐตามรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจกั รไทย ฉบบั ปจั จุบนั ท่ีมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ศึกษาความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ บทบาทขององค์การความร่วมมือทางเศรษฐกิจท่ี สาคัญในภูมิภาคต่างๆ ของโลก ปัจจัยต่าง ๆ ที่นาไปสู่การพึ่งพา การแข่งขันการขัดแย้งและการประสาน ประโยชน์ทางเศรษฐกิจไทยกับต่างประเทศ ตัวอย่างเหตุการณ์ท่ีนาไปสู่การพ่ึงพาทางเศรษฐกิจ ผลกระทบจาก การดาเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศปัจจัยต่าง ๆ ท่ีนาไปสู่การพ่ึงพาการแข่งขัน การขัดแย้ง และ การประสานประโยชนท์ างเศรษฐกิจ และกดี กันทางการคา้ รู้และเข้าใจการแก้ปัญหาและการดาเนินชีวิตตามแนวทางการอนุรักษ์ทรัพยากรและส่ิงแวดล้อม เพื่อ การพฒั นาที่ย่ังยนื โดยใช้กระบวนการวิเคราะห์ สังเคราะห์ คิดหาเหตุและผล แล้วทาการสารวจตรวจสอบข้อมูล เพ่ือให้เกดิ ความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจ สามารถนาเสนอส่อื สารสงิ่ ที่เรียนรู้ มาปรบั ใชใ้ นชวี ิตประจาวนั พร้อมทั้งเห็นคุณค่าของการปฏิบัติตนเพ่ือให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์เกิดความรักและหวงแหน ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ และเปน็ บคุ คลแห่งการเรยี นรู้ทีม่ ีคุณภาพ รหัสตวั ชี้วัด ส๑.๑ม.๖/๔, ส๑.๑ม.๖/๑๓, ส๑.๑ม.๖/๑๔, ส๑.๑ม.๖/๒๒, ส๑.๒ม.๖/๒ส ๒.๒ ม ๖/๓,ส ๒.๒ ม ๖/๔,ส ๓.๒ ม๖/๓,ส ๕.๒ม ๖/๕ มี ๙ ตัวชว้ี ดั
๕๐ คาอธบิ ายรายวชิ า รายวชิ าประวตั ิศาสตร์ รหสั รายวชิ า ส ๓๑๑๐๓ กลมุ่ สาระสงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๔ เวลา ๒๐ ชว่ั โมง ภาคเรยี นท่ี ๑ ศึกษาหาความรู้ในเรื่อง เวลา/ยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ไทยและสากล เห็นความสาคญั ของเวลาและยคุ สมยั ทางประวตั ิศาสตร์ ศกึ ษาองคค์ วามรใู้ หม่ทางประวตั ิศาสตร์เพื่อนาไปใช้ประโยชน์ในขั้นตอนของวิธกี ารทางประวัตศิ าสตร์ ศกึ ษาอารยธรรมของโลกโบราณและการตดิ ตอ่ ทางวฒั นธรรมทมี่ ตี ่อกันของโลกตะวันตกและตะวนั ออก โดยใช้กระบวนการคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ การคิดหาเหตุและผลทางประวัติศาสตร์เพื่อ ประกอบการสารวจขอ้ มูล การสบื คน้ และเห็นคุณคา่ ประโยชนข์ องวิธกี ารทางประวัตศิ าสตร์ เห็นคณุ ค่าและความสาคัญของการศึกษาประวตั ศิ าสตร์ไทยและประวัติศาสตรส์ ากล ตัวช้วี ัดที่ ส๔.๑ ม.๔/๑, ส๔.๑ ม.๔/๒ , ส๔.๒ ม.๔/๑ มี ๓ ตัวชวี้ ดั
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153