5. สมรรถนะที่สำคัญของผูเ้ รียน 1. ความสามารถในการคดิ 2. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ 6. กิจกรรมการเรยี นรู้ ข้นั สร้างความสนใจ 1. ครตู รวจสอบความรู้เดิมเกี่ยวกับสสารในสถานะของแข็ง โดยใชค้ ำถามดงั ต่อไปนี้ 1.1 ส่งิ รอบตัวท่ีเปน็ ของแข็งมอี ะไรบ้าง (นกั เรยี นตอบไดต้ ามความเขา้ ใจ) 1.2 ของแขง็ มีสมบัติอะไรบ้าง (นักเรยี นตอบไดต้ ามความเข้าใจของตนเอง ซ่งึ แนวคำตอบที่ ถกู ต้องคอื ของแขง็ มมี วล ต้องการทอ่ี ยู่ มปี ริมาตรและรูปร่างคงทซ่ี ่งึ ครูยงั ไม่ต้องบอกนักเรยี นในชว่ งน้ี) ขั้นสำรวจและค้นหา 2. ครูแจ้งใหน้ ักเรียนทราบว่าเม่อื นักเรยี นอา่ นเร่ืองท่ี 1 และทำกิจกรรมแลว้ จกั เรยี นจะทราบว่าอะไรบ้างท่ี เป็นของแข็งและมสี มบตั อิ ะไร 3. นักเรียน อ่าน ชื่อเรื่อง และ คิดก่อนอ่าน ในหนังสือเรียนหน้า 42 แล้ว ร่วมกันอภิปรายเพื่อตอบ คำถามใน คิดก่อนอ่าน ตามความเข้าใจของตนเอง ครูบันทึกคำตอบของนักเรียนเพื่อใช้เปรียบเทียบกับคำตอบ หลงั การอา่ น ขั้นอภิปรายและลงข้อสรุป 4. นักเรียนอ่านคำใน คำสำคัญ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (หากนักเรียนอ่านไม่ได้ ครูควรสอนการ อ่านใหถ้ ูกต้อง ครลู องให้นกั เรยี นอธบิ ายความหมายตามความเข้าใจ และชักชวนให้หาความหมายที่ถูกตอ้ งจากการ อ่านเนือ้ เรื่อง 5. ครูชกั ชวนนักเรยี นอ่านเนือ้ เร่อื งโดยใชว้ ิธกี ารอ่านที่เหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน เมื่ออ่านจบ ครนู ำอภิปรายเพอื่ ตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรียน ในประเด็นต่อไปน้ี 5.1 นำ้ แข็ง และกอ้ นหินเหมือนหรอื แตกตา่ งกนั อยา่ งไร (นำ้ แข็งและกอ้ นหนิ เป็นของแขง็ เหมือนกันซง่ึ เป็นก้อนและหยบิ จบั ได)้ 5.2 ในเรอื่ งที่อา่ น นักเรยี นพบอะไรบ้างที่มสี ถานะเป็นของแข็ง (น้ำแขง็ และกอ้ นหิน) 5.3 ของแข็งมสี มบตั เิ ป็นอย่างไร (เปน็ ก้อนและหยบิ จบั ได)้ 5.4 นักเรียนคิดวา่ ของแข็งมีสมบัตอิ ื่น ๆ อีกหรอื ไม่ อย่างไร (นกั เรียนตอบตามความเข้าใจ ของตนเอง ครูฟังความคิดเห็นของนักเรียนแต่ยังไม่เฉลยคำตอบและแนะให้นักเรียนตรวจสอบคำตอบจากการทำ กิจกรรมต่อไป)
6. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อสรุปว่าน้ำแข็งและหินเป็นของแข็งซึ่งเป็นสถานะอย่างหนึ่งของ สสาร ของแข็งมสี มบัติเป็นก้อน หยิบจับได้ ขั้นขยายความรู้ 7. นกั เรียนตอบคำถามใน รหู้ รอื ยัง ในแบบบนั ทกึ กจิ กรรม ขนั้ ประเมนิ 8. ครูและนกั เรียนร่วมกันอภปิ รายเพ่ือเปรยี บเทียบคำตอบของนักเรียนใน รหู้ รอื ยัง กบั คำตอบที่เคยตอบ และบนั ทึกไว้ใน คิดก่อนอ่าน 9. ครูเน้นย้ำกับนักเรียนเกี่ยวกับคำถามท้ายเนื้อเรื่อง เราจะทดสอบความแข็งของวัสดุได้อย่างไร เพื่อ ชักชวนให้นกั เรียนไปหาคำตอบร่วมกันในกจิ กรรมตอ่ ไป 7. สอื่ การสอน 1. หนังสอื เรียน 2. แบบบันทกึ กจิ กรรม 3. รูปภาพ 4. PowerPoint 8. การวัดและประเมินผล 1. ประเมนิ ความรเู้ ดมิ จากการอภปิ รายในชนั้ เรยี น 2. ประเมนิ การเรยี นรจู้ ากคาตอบของนกั เรยี นระหว่างการจดั การเรยี นรแู้ ละจากแบบบนั ทกึ กจิ กรรม 3. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 จากการทากจิ กรรม ของนกั เรยี น
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 13 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว 14101 ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 4 เรอื่ ง ของแขง็ มีมวลและต้องการท่อี ยู่หรือไม่และมีรูปรา่ งอย่างไร เวลา 1 ชว่ั โมง หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 4 วัสดแุ ละสสาร เวลาเรยี น 21 ชั่วโมง ครผู สู้ อน นางสาวนวฉัตร นาเมืองรักษ์ สอนวันท่ี …..….. เดอื น ….………… พ.ศ. …..………. โรงเรียนชุมชนวดั บ้านระกาศ สำนกั งานเขตพื้นท่กี ารศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการ เขต 2 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ชว้ี ดั สาระท่ี 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน มาตรฐาน ว 2.1 เขา้ ใจสมบัติของสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสมั พันธ์ระหว่างสมบัติของ สสารกับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี ตัวชี้วดั ป. 4/3 เปรียบเทียบสมบัติของสสาร ทั้ง 3 สถานะ จากข้อมูลท่ี ได้จากการสังเกต มวล การ ต้องการทอี่ ยรู่ ปู ร่าง และปรมิ าตรของสสาร ป. 4/4 ใช้เครือ่ งมอื เพอื่ วดั มวล และปรมิ าตรของสสารทงั้ 3 สถานะของวสั ดุ 2. สาระสำคัญ วัสดุต่าง ๆ เป็นสสารซึ่งมีสถานะของแข็ง ของเหลวและแก๊ส สสารในสถานะต่าง ๆ มีสมบัติบางประการ เหมอื นกันและสมบตั ิบางประการแตกตา่ งกนั ของแข็งมมี วล ตอ้ งการทอี่ ยู่รูปร่างและปรมิ าตรคงท่ี 3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. สังเกตและอธบิ ายสมบัตขิ องสสารในสถานะของแข็ง 2. ยกตวั อย่างสง่ิ ของทม่ี สี ถานะของแข็งได้ 3. บอกสถานะของสิ่งของทย่ี กตัวอย่างได้ 4. สงั เกตเกยี่ วกบั มวล รูปร่างและการตอ้ งการทีอ่ ยูข่ องของแข็ง 5. ใช้เครอ่ื งชั่งวดั มวลของแข็ง 4. สาระการเรียนรู้ วัสดุต่าง ๆ เป็นสสารซึ่งมีสถานะของแข็ง ของเหลวและแก๊ส สสารในสถานะต่าง ๆ มีสมบัติบางประการ เหมือนกันและสมบัติบางประการแตกต่างกัน ของแข็งมีมวล ต้องการที่อยู่รปู รา่ งและปริมาตรคงท่ีของเหลวมมี วล ต้องการท่ีอยู่ รูปร่างจะเปลี่ยนแปลงไปตามภาชนะที่บรรจุ ปริมาตรคงท่ี แก๊สมีมวล ต้องการที่อยู่ รูปร่างและ ปรมิ าตรของแกส๊ จะเปลีย่ นแปลงไปตามรูปร่างและปริมาตรของภาชนะท่ีบรรจุ และฟ้งุ กระจายเตม็ ภาชนะที่บรรจุ เสมอ
5. สมรรถนะทสี่ ำคญั ของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการแก้ปญั หา 3. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต 6. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขั้นสรา้ งความสนใจ (5 นาที) 1. ครทู บทวนความร้เู กย่ี วกบั ของแขง็ โดยอาจใช้คำถามดังตอ่ ไปน้ี 1.1 ของแขง็ มีสมบัตอิ ยา่ งไร (เป็นกอ้ น และหยิบจับได้) 1.2 อะไรบ้างทเ่ี ปน็ ของแข็ง (นำ้ แขง็ ก้อนหิน) 2. นักเรียน อ่าน ชอ่ื กจิ กรรม และ ทำเปน็ คิดเปน็ ครูตรวจสอบความรู้เกี่ยวกับเรื่องมวลและน้ำหนักจาก บทเรยี นที่แลว้ และตรวจสอบความเข้าใจของนกั เรยี นเกย่ี วกบั สิ่งทจ่ี ะเรียนในกิจกรรมน้ี โดยใช้คำถามดงั ตอ่ ไปนี้ 2.1 มวลคืออะไร (นักเรยี นตอบได้ตามความเขา้ ใจดว้ ยภาษา ของตนเอง ซง่ึ ควรตอบได้ว่า มวลคือปริมาณเนื้อท้ังหมด ของสารทปี่ ระกอบกนั เป็นวัตถุ) 2.2 มวลและนำ้ หนกั เหมอื นหรือแตกตา่ งกนั อย่างไร (มวลและนำ้ หนักแตกต่างกนั มวลคอื ปริมาณเนือ้ สาร ส่วนน้ำหนกั คอื แรงซงึ่ เกดิ จากแรงโน้มถว่ งของโลกกระทำกบั มวลของวัตถุ) 2.3 หน่วยของมวลและน้ำหนักคอื อะไร (หนว่ ยของมวลคอื กรัมหรอื กโิ ลกรมั ส่วนหนว่ ยของ น้ำหนักคือนวิ ตนั ) 2.4 กจิ กรรมน้ีนักเรยี นจะไดเ้ รยี นเก่ยี วกับเรอ่ื งอะไร (สมบตั ิ ของของแขง็ เกย่ี วกบั มวล รูปร่าง และการตอ้ งการท่อี ยู่) 2.5 นักเรยี นจะเรยี นเรอ่ื งนีด้ ้วยวิธใี ด (การสงั เกตและการวัด) 2.6 เม่อื เรียนแลว้ นกั เรียนจะทำอะไรได้ (อธิบายเกยี่ วกบั มวล รปู รา่ ง และการตอ้ งการทอ่ี ยู่ ของของแข็ง) ขน้ั สำรวจและค้นหา (20 นาที) 3. นักเรียนอ่าน สิ่งที่ต้องใช้ ครูแสดงวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในกิจกรรมนีใ้ หน้ ักเรียนดูทลี ะชิ้น และนำเข้าสูก่ าร ทำกิจกรรม ตอนท่ี 1 โดยใหน้ กั เรียนอา่ น ทำอย่างไร จากนั้นรว่ มกนั อภปิ ราย โดยใช้คำถามดงั นี้ 3.1 จุดประสงค์ของกจิ กรรมตอนที่ 1 คอื อะไร (ทำกจิ กรรม เพอ่ื สังเกตและอธิบายมวลของ ของแขง็ ) 3.2 กจิ กรรมนใ้ี ช้อะไรเป็นตัวแทนของแข็ง (กจิ กรรมน้ีใช้ก้อนหินเปน็ ตวั แทนของแข็ง) 3.3 นกั เรียนทำกจิ กรรมอยา่ งไร (ยกกอ้ นหินขึน้ และคาดคะเนมวลของก้อนหนิ ตรวจสอบ การคาดคะเนโดยใชเ้ ครื่องช่ังชง่ั มวลของก้อนหิน) 3.4 นกั เรียนคิดวา่ กอ้ นหินมมี วลเทา่ ไร ให้บันทกึ ผลการคาดคะเน จากนั้นชั่งมวลก้อนหนิ โดย
ใชเ้ คร่อื งชั่งแบบคาน 3 แขน บนั ทกึ ผล และนำเสนอผล 4. ครนู ำเขา้ สูก่ ิจกรรมตอนท่ี 2 โดยใหน้ ักเรยี นอ่านทำอยา่ งไร จากน้นั รว่ มกนั อภปิ ราย โดยใช้คำถามดังนี้ 4.1 จุดประสงคข์ องกจิ กรรมตอนท่ี 2 คอื อะไร (สังเกตรูปร่างของของแขง็ ) 4.2 นกั เรียนคดิ วา่ รปู ร่างของก้อนหินจะเป็นอยา่ งไรเม่อื ครนู ำไปวางไว้ในท่ตี ่างๆ (นักเรยี น ตอบตามความเข้าใจของตนเอง) 5. หลังจากนักเรยี นเข้าใจวธิ ีการทำกจิ กรรม ครูใหต้ ัวแทนนักเรยี นมารับอุปกรณ์แล้ว เรม่ิ ทำกจิ กรรม ตาม ขนั้ ตอนดังนี้ ตอนท่ี 1 - คาดคะเนมวลของก้อนหนิ บันทกึ ผล - ช่ังมวลของก้อนหิน บันทึกผล ตอนที่ 2 - สังเกตและวาดรปู กอ้ นหนิ บันทึกผล - อภิปรายว่าหนิ ที่พบเป็นหินของกลมุ่ ตนเองหรอื ไม่ - นำเสนอและอภปิ รายเพ่อื ลงขอ้ สรปุ เกย่ี วกบั มวลและรปู ร่างของของแข็ง 6. แต่ละกลมุ่ นำเสนอสงิ่ ท่คี ้นพบ ข้นั อภิปรายและลงขอ้ สรุป (20 นาท)ี 7. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปราย เพื่อลงความเห็นเกี่ยวกับมวล และรูปร่างของของแข็ง โดยครูอาจใช้ คำถาม ดังน้ี 7.1 ก้อนหนิ มมี วลหรือไม่ รไู้ ดอ้ ย่างไร (มมี วล เพราะเมอ่ื นำไปช่ังสามารถอา่ นค่ามวลได้) 7.2 รปู รา่ งของกอ้ นหนิ เมอ่ื นำไปวางในที่ตา่ ง ๆ เป็นอยา่ งไร (ก้อนหนิ มีรปู ร่างเหมือนเดิม) 7.3 นักเรียนค้นพบอะไรบา้ งจากกจิ กรรมตอนที่ 1 (ก้อนหนิ มีมวล) 7.4 นักเรยี นคน้ พบอะไรบ้างจากกจิ กรรมตอนท่ี 2 (กอ้ นหนิ มีรปู รา่ งเหมือนเดมิ ไม่ เปล่ยี นแปลง) 7.5 นกั เรียนคน้ พบอะไรบ้างจากกจิ กรรมท้ัง 2 ตอน (ก้อนหินมมี วลและรปู รา่ งเหมือนเดมิ ) จากนนั้ ครูให้ความร้เู พิ่มเติมวา่ การที่ก้อนหนิ มรี ูปรา่ งเหมือนเดิมไม่เปลย่ี นแปลงไมว่ า่ จะอยู่ที่ใด เรียกว่า ก้อนหินมี รูปรา่ งคงที่ 8. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายและลงข้อสรุปว่า ของแข็งมีมวลและมีรูปร่างคงที่ จากนั้นให้นักเรียน ยกตัวอย่างของแขง็ อนื่ ๆ รอบตวั 9. ค รู นำเข้าสูก่ ิจกรรม ตอนท่ี 3 โดยทบทวนสิ่งที่นักเรียนได้เรียนรู้เก่ียวกบั สมบตั ิของของแข็งในกิจกรรม ตอนที่ 1 และ 2 ซึ่งนักเรียนควรบอกได้ว่า กิจกรรมที่ผ่านมาได้เรียนรู้ว่า ของแข็งมีมวลและมีรูปร่างคงท่ี ครูสอบถามนักเรียน ต่อไปวา่ นอกจากของแขง็ จะมมี วลและรปู รา่ งคงที่แล้วของแขง็ ยงั มสี มบัติอะไรอีก (นักเรยี นตอบตามความเข้าใจ)
10. นักเรยี นอา่ น ทำอย่างไร ตอนท่ี 3 จากนัน้ รว่ มกนั อภิปราย โดยใชค้ ำถามดงั นี้ 10.1 จุดประสงค์ของกิจกรรมตอนที่ 3 คอื อะไร (จุดประสงค์ของกจิ กรรมนี้ เพ่ือสังเกตสมบตั ิ ของของแขง็ เก่ยี วกับการต้องการท่ีอยู่) 10.2 กจิ กรรมนใ้ี ชอ้ ะไรเปน็ ตวั แทนของแขง็ (กจิ กรรมน้ใี ชก้ ้อนหินเป็นตัวแทนของแขง็ ) 10.3 นักเรยี นตอ้ งทำอะไรบ้างในกจิ กรรมน้ี (นกั เรียนควรตอบดงั นี้ เติมน้ำในแก้วน้ำและทำ เครื่องหมายขีดเพื่อบอกระดับน้ำ แล้วคาดคะเนว่าผลจะเป็นอย่างไร เมื่อหย่อนก้อนหินลงในแก้วน้ำ บันทึกผล จากน้ันหย่อนก้อนหนิ ลงในแก้วนำ้ ใบท่ี 2 สงั เกตและบันทึกส่งิ ทเ่ี กิดข้นึ ) 10.4 ในการบนั ทกึ การสังเกต นักเรียนทำอยา่ งไรไดบ้ า้ ง (นกั เรยี นตอบไดห้ ลากหลาย เช่น จดบันทึกหรอื วาดรปู ) 11. หลังจากนักเรียนเข้าใจวิธีทำกิจกรรมแล้ว ครูให้ตัวแทนนักเรียนมารับอุปกรณ์แล้วให้นักเรียนเริ่มทำ กจิ กรรม ดงั น้ี • คาดคะเนสิ่งท่จี ะเกิดข้ึนเมื่อหย่อนก้อนหินลงในแก้วท่มี ีน้ำ • ทำกิจกรรมเพ่อื ตรวจสอบการคาดคะเน บันทกึ ผล • นำเสนอและอภิปรายเพ่ือลงขอ้ สรปุ เกย่ี วกับการต้องการที่อยู่ 12. ครูและนักเรียนร่วมกนั อภปิ ราย เก่ียวกบั การต้องการท่ีอยขู่ องของแข็ง โดยครูอาจใช้คำถาม ดังนี้ 12.1 เมื่อหย่อนก้อนหินลงในน้ำ สังเกตเห็นอะไรบ้าง (นักเรียนตอบตามข้อเท็จจริงที่สังเกตเห็น ซึง่ ควรตอบได้ว่าเห็นก้อนหนิ จมลงใต้น้ำ และระดบั นำ้ สูงขน้ึ ) 12.2 ปริมาณน้ำในแก้วก่อนและหลังหย่อนก้อนหินลงไปเปน็ อย่างไร (ปริมาณน้ำเท่าเดมิ เพราะไม่ได้รินน้ำเพิ่มหรอื ไม่มี นำ้ ไหลออกจากแก้ว) 12.3 ระดับน้ำที่สงู ขนึ้ เปน็ เพราะเหตใุ ด (เพราะกอ้ นหินเข้าไปแทนท่ีพน้ื ท่ีของน้ำทำใหน้ ำ้ บางสว่ นต้องย้ายทีอ่ ย่ขู ึน้ มาดา้ นบนของแก้วนำ้ ) 12.4 จากสงิ่ ทส่ี งั เกตเหน็ กอ้ นหนิ ตอ้ งการทอ่ี ยูห่ รอื ไม่ รู้ได้อย่างไร (กอ้ นหินต้องการท่อี ยู่ เพราะเมื่อหย่อนก้อนหินลงในน้ำระดับน้ำจะสูงขึ้นโดยที่ไม่ได้เติมน้ำเพิ่มเข้าไป แสดงว่าก้อนหินเข้าไปแทนพื้นท่ี ส่วนที่น้ำเคยครอบครองอยู่ ส่วนน้ำเมื่อถูกก้อนหินมาแทนที่ก็จะไปครอบครองพื้นที่ส่วนอื่นในแก้วทำให้เรา มองเห็นระดบั นำ้ สูงขนึ้ ) 12.5 นกั เรยี นค้นพบอะไรบ้างจากกิจกรรมน้ี (กอ้ นหนิ ตอ้ งการท่อี ยู่) 12.6 พนื้ ทที่ ่กี ้อนหนิ ครอบครองเทา่ กบั เทา่ ไร (เท่ากับปริมาตรของก้อนหนิ เอง ซึ่งเท่ากบั ปรมิ าตรของนำ้ ทถี่ ูกก้อนหนิ แทนท)่ี 12.7 นักเรียนสรุปกจิ กรรม ตอนที่ 3 น้ีไดอ้ ยา่ งไร (ของแขง็ ต้องการทอ่ี ยู่) 13. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายและลงข้อสรุปกิจกรรมทั้ง 3 ตอนอีกครั้งหนึ่งว่า ของแข็งมีมวลและ รูปร่างคงทไ่ี มเ่ ปลี่ยนแปลงนอกจากน้ขี องแข็งยงั ต้องการท่ีอยู่ด้วย ขั้นขยายความรู้ (5 นาท)ี
14. นักเรยี นร่วมกนั อภปิ รายคำตอบใน ฉนั รู้อะไร โดยครูอาจเพิ่มเติมคำถามในการอภปิ รายเพ่อื ให้ได้แนว คำตอบตามคำถามท้ายกิจกรรมนี้ 15. นักเรียนสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้จากกิจกรรมนี้ จากนั้นครูให้นักเรียนอ่าน สิ่งที่ได้เรียนรู้ และเปรียบเทียบ กบั ข้อสรปุ ของตนเอง ข้นั ประเมนิ (10 นาที) 16. ครูชักชวนนักเรียนตอบคำถามใน นำเรื่อง ว่าของแข็งมีสมบัติอะไรบ้าง (มีมวล รูปร่างคงท่ี ต้องการที่ อยู่) 17. นกั เรียนต้ังคำถามใน อยากรอู้ กี วา่ ลงในแบบบนั ทกึ กิจกรรม จากนน้ั ครูส่มุ นักเรยี น 2-3 คน นำเสนอ คำถามของตนเองหนา้ ชน้ั เรียน 18. ครูนำอภิปรายเพื่อให้นักเรียนทบทวนว่าได้ฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะการ เรยี นรใู้ นศตวรรษท่ี 21 ในข้นั ตอนใดบา้ ง แล้วให้บนั ทกึ ในแบบบนั ทกึ กจิ กรรม 7. สอ่ื การสอน 1. หนงั สอื เรียน 2. แบบบันทกึ กจิ กรรม 3. รูปภาพ 4. PowerPoint 5. เครอ่ื งช่ังแบบคาน 3 แขน 6. แก้วพลาสติกใส 7. ก้อนหิน 8. นำ้ 8. การวดั และประเมินผล 1. ประเมนิ ความรเู้ ดมิ จากการอภปิ รายในชนั้ เรยี น 2. ประเมนิ การเรยี นรจู้ ากคาตอบของนกั เรยี นระหวา่ งการจดั การเรยี นรแู้ ละจากแบบบนั ทกึ กจิ กรรม 3. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 จากการทากจิ กรรม ของนกั เรยี น
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 14 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว 14101 ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 เร่อื ง ของแขง็ มีปรมิ าตรเปน็ อย่างไร เวลา 1 ชั่วโมง หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 4 วสั ดแุ ละสสาร เวลาเรยี น 21 ช่ัวโมง ครผู สู้ อน นางสาวนวฉัตร นาเมืองรกั ษ์ สอนวนั ท่ี …..….. เดอื น ….………… พ.ศ. …..………. โรงเรียนชุมชนวดั บา้ นระกาศ สำนักงานเขตพ้ืนท่กี ารศกึ ษาประถมศึกษาสมทุ รปราการ เขต 2 1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตวั ชี้วดั สาระที่ 2 วทิ ยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน มาตรฐาน ว 2.1 เขา้ ใจสมบตั ิของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพนั ธ์ระหว่างสมบัติของ สสารกับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ิริยาเคมี ตัวช้วี ดั ป. 4/3 เปรียบเทียบสมบัติของสสาร ทั้ง 3 สถานะ จากข้อมูลที่ ได้จากการสังเกต มวล การ ตอ้ งการท่ีอยูร่ ปู ร่าง และปริมาตรของสสาร ป. 4/4 ใช้เครอื่ งมอื เพ่อื วดั มวล และปริมาตรของสสารทง้ั 3 สถานะของวัสดุ 2. สาระสำคญั วัสดุต่าง ๆ เป็นสสารซึ่งมีสถานะของแข็ง ของเหลวและแก๊ส สสารในสถานะต่าง ๆ มีสมบัติบางประการ เหมือนกนั และสมบตั บิ างประการแตกตา่ งกนั ของแขง็ มมี วล ตอ้ งการทอ่ี ยูร่ ปู รา่ งและปริมาตรคงท่ี 3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. สังเกตและอธบิ ายสมบัตขิ องสสารในสถานะของแขง็ 2. ยกตัวอยา่ งส่ิงของทม่ี สี ถานะของแขง็ ได้ 3. บอกสถานะของสิ่งของทย่ี กตัวอยา่ งได้ 4. สงั เกตเกย่ี วกบั มวล รูปร่างและการตอ้ งการท่ีอยขู่ องของแขง็ 5. ใชเ้ ครอื่ งช่งั วดั มวลของแข็ง 4. สาระการเรียนรู้ วัสดุต่าง ๆ เป็นสสารซึ่งมีสถานะของแข็ง ของเหลวและแก๊ส สสารในสถานะต่าง ๆ มีสมบัติบางประการ เหมือนกันและสมบัติบางประการแตกต่างกัน ของแข็งมีมวล ต้องการที่อยู่รูปร่างและปริมาตรคงที่ของเหลวมมี วล ต้องการท่ีอยู่ รูปร่างจะเปลี่ยนแปลงไปตามภาชนะที่บรรจุ ปริมาตรคงที่ แก๊สมีมวล ต้องการที่อยู่ รูปร่างและ ปรมิ าตรของแกส๊ จะเปลีย่ นแปลงไปตามรปู ร่างและปรมิ าตรของภาชนะที่บรรจุ และฟงุ้ กระจายเตม็ ภาชนะท่ีบรรจุ เสมอ
5. สมรรถนะทสี่ ำคัญของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการคดิ 2. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต 6. กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นสรา้ งความสนใจ 1. นำเข้าสู่กิจกรรม โดยครูทบทวนความรู้จากกิจกรรมที่ผ่านมาและเชื่อมโยงสู่กิจกรรมใหม่เกี่ยวกับ ปรมิ าตรของแขง็ โดยอาจใช้คำถามดงั น้ี 1.1 ของแข็งมสี มบัติอะไรบ้าง (ของแขง็ มมี วล รูปรา่ งคงท่ี และต้องการทอ่ี ยู่) 1.2 เราทำอย่างไรจึงจะรวู้ ่าของแขง็ มีมวล รปู ร่างคงท่ี และต้องการท่อี ยู่ (เรานำกอ้ นหนิ ไปชั่ง พบว่ามีมวล เมื่อวางก้อนหินตามสถานที่ต่าง ๆ ก้อนหินไม่เปลี่ยนแปลงรูปร่างและเมื่อหย่อนก้อนหินลงในน้ำ พบว่ากอ้ นหินไปแทนท่นี ำ้ สังเกตได้จากระดบั นำ้ ในแก้วสงู ข้ึนทง้ั ๆ ทไ่ี มไ่ ดเ้ ติมนำ้ ลงไปในแกว้ นำ้ ) 1.3 นอกจากของแขง็ มีมวลและต้องการท่ีอยู่แลว้ นักเรยี นคิดว่าของแข็งมีสมบัติอะไรอีกบา้ ง (นกั เรียนตอบตามความเขา้ ใจ) 2. นักเรียน อ่าน ชื่อกิจกรรม และ ทำเป็นคิดเป็น ครูตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนเกี่ยวกับสิ่งที่จะ เรียน โดยใชค้ ำถามดงั ตอ่ ไปน้ี 2.1 กจิ กรรมน้นี ักเรยี นจะได้เรยี นเก่ยี วกับเรื่องอะไร (ปริมาตร ของของแขง็ ) 2.2 นกั เรียนจะไดเ้ รียนเรือ่ งน้ีด้วยวธิ ใี ด (เรียนรผู้ า่ นการสังเกต) 2.3 เมื่อเรียนแล้วนักเรียนจะทำอะไรได้ (สามารถอธบิ ายปรมิ าตรของของแข็ง) ข้ันสำรวจและค้นหา 3. ครูตรวจสอบความเข้าใจเกี่ยวกับปริมาตรโดยสอบถามว่าปริมาตรคืออะไร (นักเรียนตอบตามความ เข้าใจของตนเอง) ครูอธิบายเพิ่มเติมดังนี้ ปริมาตรคือปริมาณที่บ่งบอกว่าบริเวณที่ว่างนั้นถูกครอบครองด้วยวัตถุ หนึ่งมากน้อยเพียงใด ความจุของวัตถุคือปริมาณที่บ่งบอกว่าวัตถุหนึ่งสามารถจุสิ่งต่าง ๆ ได้มากน้อยเพียงใด จากนั้นครใู ห้นักเรียนดูขวดพลาสติกท่ีเตรียมมาพร้อมอธิบายว่า ขวดใบนี้มีความจุ (ตามที่เตรียมไว้ เช่น 250 cm3) หมายถงึ ขวดใบน้สี ามารถจุน้ำได้ปริมาตร 250 cm3 4. ครูทบทวนวิธีการหาปริมาตรของแข็งรูปทรงเรขาคณิตโดยให้นักเรียนดูแท่งไม้รูปทรงเรขาคณิต เช่น รูปลูกบาศก์ แล้วอภิปรายวิธีการหาปริมาตรของรูปลูกบาศก์ (นักเรียนควรตอบได้ว่าปริมาตรรูปลูกบาศก์เท่ากับ ความยาวของด้านกว้าง ื ด้านยาว ื ด้านสูง) จากนั้นสุ่มนักเรียน 1 กลุ่ม ออกมาสาธิตการหาปริมาตรรูปลูกบาศก์ โดยครเู ตรียมเคร่ืองมือวดั ระยะ เชน่ สายวดั หรือไมบ้ รรทัดไว้ให้ 5. ครูอภิปรายเกี่ยวกับวิธีหาปริมาตรของแข็งที่ไม่ใช่รูปทรงเรขาคณิตและใช้อุปกรณ์ได้แก่ ก้อนหิน แก้ว พลาสติกใส และถว้ ยยูรีกา เพื่อหาปรมิ าตรของวตั ถโุ ดยการแทนท่นี ำ้ ตามแนวคำถามดังนี้
5.1 นกั เรียนคดิ ว่ากอ้ นหินนม้ี ปี ริมาตรหรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด (มปี ริมาตร เพราะก้อนหินเป็น ทรง 3 มิต)ิ 5.2 นักเรยี นจะหาปริมาตรก้อนหิน โดยใชว้ ิธเี ดียวกบั การหาปรมิ าตรรปู ลูกบาศกไ์ ด้หรือไม่ เพราะเหตใุ ด (ไมไ่ ด้ เพราะ ก้อนหินไมม่ ีรปู ทรงเปน็ เรขาคณติ ) 5.3 นกั เรยี นจะหาปรมิ าตรของกอ้ นหินไดอ้ ย่างไร (นกั เรียนชว่ ยกันคดิ และอภปิ ราย ซง่ึ อาจจะยังตอบไมไ่ ด)้ 6. ครูเล่าเร่ืองหรือเปิดภาพเคล่ือนไหว เรื่อง จับโกหกช่างทอง แล้วให้นักเรียนช่วยกันสรปุ ว่าอาร์คีมีเดสมี หลักการหาปริมาตรของแข็งที่รูปทรงไม่เป็นเรขาคณิตได้อย่างไร (อาร์คีมีเดสมีหลักการหาปริมาตรของแข็ง คือ ปริมาตรของแข็งเทา่ กบั ปริมาตรของน้ำที่ถูกของแข็งแทนท่ี) 7. ครแู สดงการสาธติ การหาปรมิ าตรของก้อนหินโดยหย่อนก้อนหนิ ลงในแกว้ นำ้ อนึง่ เพื่อใหน้ ักเรยี นทุกคน ไดเ้ หน็ การสาธิตโดยท่ัวถึง ครคู วรตั้งโต๊ะสาธิตให้อยู่ในตำแหน่งท่ีนักเรียนทกุ คนสามารถมองเหน็ ได้ชัดเจน และชุด สาธิตควรมีขนาดใหญพ่ อ จากนั้นครนู ำทบทวนความรู้จากกิจกรรมท่ี 1.1 ด้วยคำถามดงั นี้ 7.1 เพราะเหตใุ ดระดับน้ำจงึ สงู ขึน้ (นักเรยี นควรตอบไดว้ า่ เพราะก้อนหนิ ไปแทนที่นำ้ ทำให้ นำ้ ส่วนทถี่ กู แทนที่เคล่อื นที่ไปครอบครองพน้ื ท่วี ่างส่วนอน่ื ในภาชนะให้ระดับนำ้ สูงข้นึ ) 7.2 ปริมาตรของกอ้ นหนิ เก่ียวขอ้ งกบั ปรมิ าตรของน้ำทถ่ี ูกแทนทห่ี รอื ไม่ (นักเรยี นอาจตอบได้ ตามความเขา้ ใจ ซึง่ นักเรียนควรตอบได้ว่า ปรมิ าตรของก้อนหนิ จะเท่ากับปรมิ าตรของน้ำท่ีถกู แทนที่) ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า ปริมาตรของก้อนหินจะเท่ากับปริมาตรของน้ำที่ถูกแทนท่ี ซึ่งปริมาตรน้ำส่วนนั้นจะไป ครอบครองพื้นทีใ่ นสว่ นอื่นของภาชนะ เราจึงมองเหน็ ระดับนำ้ สูงข้นึ ครถู ามนักเรยี นต่อวา่ 7.3 เราจะทำให้น้ำที่ถูกแทนทอ่ี อกมาจากภาชนะได้อย่างไร (นกั เรียนชว่ ยกันคิดและ อภิปราย) 8. ครูนำถ้วยยูรีกามาให้นักเรียนดูพร้อมทั้งสาธิตการใช้ถ้วยยูรีกาและสุ่มนักเรียนมาแสดงวิธีการหา ปรมิ าตรวตั ถอุ ื่นๆ ขั้นอภิปรายและลงขอ้ สรุป 9. ครูเชอ่ื มโยงความรเู้ ขา้ สู่การทำกิจกรรมการหาปรมิ าตรของของแขง็ นกั เรียนอ่าน ส่ิงท่ีตอ้ งใช้ จากนั้นครูนำวัสดุอุปกรณ์มาแสดงให้นักเรียนดูทีละชนิด จากนั้นนักเรียนบันทึกจุดประสงค์ของกิจกรรมในแบบ บนั ทึกกิจกรรม 10. นักเรยี นอ่าน ทำอยา่ งไร ในหนงั สอื เรียนหน้า 46 โดยใช้วิธีการอ่านตามความเหมาะสม ครตู รวจสอบ ความเขา้ ใจเก่ียวกับข้นั ตอนการทำกิจกรรมทลี ะข้อ ดว้ ยคำถามดังตอ่ ไปน้ี 10.1 เราจะหาปรมิ าตรของกอ้ นหนิ ไดอ้ ยา่ งไร จะต้องใช้อปุ กรณอ์ ะไรบา้ ง (เราสามารถหา ปริมาตรก้อนหินได้โดยการแทนท่ีนำ้ อุปกรณ์ที่ต้องใช้คือ ถ้วยยูรีกา เชือกหรือด้าย แก้วพลาสติกใส และกระบอก ตวง) 10.2 เราจะตอ้ งหาปริมาตรของก้อนหินทั้งหมดก่คี ร้ัง (3 ครั้ง) 11. หลังจากนักเรียนเข้าใจวิธีการทำกิจกรรมแล้ว ครูให้ตัวแทนนักเรียนมารับอุปกรณ์แล้วให้นักเรียน เรม่ิ ทำกจิ กรรม ตามขัน้ ตอนดงั นี้
- อภปิ รายและสรปุ วธิ ีหาปรมิ าตรของกอ้ นหนิ โดยใชอ้ ุปกรณท์ ี่กำหนด - หาปรมิ าตรของกอ้ นหนิ ตามวธิ ีการทวี่ างแผน - อภิปรายเพ่อื ลงข้อสรปุ เกี่ยวกับปรมิ าตรของของแข็ง 12. แต่ละกลมุ่ นำเสนอผลการทำกิจกรรม 13. ครแู ละนักเรียนร่วมกันอภปิ รายผลการทำกิจกรรม โดยครอู าจใชค้ ำถาม ดงั นี้ 13.1 เม่อื หยอ่ นกอ้ นหนิ ลงในถว้ ยยูรกี า ปริมาตรของนำ้ ท่ลี ้นออกมาเกีย่ วข้องกับปริมาตรของ ก้อนหินหรือไม่ อย่างไร (เกี่ยวข้องกัน เพราะปริมาตรของน้ำ ที่ล้นออกมาก็คือปริมาตรของน้ำที่ก้อนหินไป ครอบครองพ้นื ท่แี ทน ดังน้นั ปรมิ าตรของน้ำทล่ี น้ ออกมาจะเท่ากบั ปริมาตรของก้อนหิน) 13.2 ปรมิ าตรของกอ้ นหินที่หาได้ทงั้ 3 ครั้งเปน็ อยา่ งไร (เท่ากนั แต่ครูอาจพบวา่ บางกลุ่มได้ ปรมิ าตรของก้อนหินไม่เทา่ กัน ครูชักชวนให้นักเรยี นวเิ คราะห์ถึงสาเหตุที่ปรมิ าตรของก้อนหินไม่เท่ากัน โดยสาเหตุ อาจเนื่องมาจากการที่นักเรียนไม่ได้รอให้น้ำหยดออกจากถ้วยยูรีกาจนหมด ก่อนที่จะหย่อนก้อนหินลงไป หรือ รวมถึงเม่อื หย่อนลงไปแล้ว ในขณะหย่อนก้อนหิน อาจหยอ่ นแรงเกินไปทำให้นำ้ กระฉอก การตวงปรมิ าตรครั้งที่ 2 และ 3 หากกระบอกตวงยังเปยี กก็จะทำให้ปรมิ าตรคลาดเคลอื่ นได้) 13.3 นกั เรียนค้นพบอะไรบ้างจากกจิ กรรมนี้ (ก้อนหินมปี รมิ าตรคงที่) 13.4 จากกจิ กรรมนี้ นักเรยี นจะสรุปสมบตั ขิ องของแข็งเกี่ยวกบั ปริมาตรได้อย่างไร (ของแข็ง มปี ริมาตรคงท)่ี 14. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลการทำกิจกรรมท่ี 1.1 และ 1.2 อีกครั้ง เพื่อลงข้อสรุปเกี่ยวกับ สมบัติทงั้ หมดของของแขง็ วา่ ของแขง็ มีมวล ตอ้ งการทอี่ ยู่ รปู รา่ งคงที่ และปรมิ าตรคงท่ี ขั้นขยายความรู้ 15. นักเรียนร่วมกนั อภปิ รายคำตอบใน ฉนั รู้อะไร โดยครูอาจเพิ่มเติมคำถามในการอภปิ รายเพื่อให้ได้แนว คำตอบตามคำถามท้ายกจิ กรรมน้ี 16. นักเรียนสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ในกิจกรรมน้ี จากนั้นอ่าน สิ่งที่ได้เรียนรู้ และเปรียบเทียบกับข้อสรุปของ ตนเอง ขั้นประเมนิ 17. นักเรยี นต้งั คำถามใน อยากรู้อีกว่า ลงในแบบบนั ทึกกิจกรรม จากน้ันครูสุ่มนกั เรียน 2-3 คน นำเสนอ คำถามของตวั เองหน้าชั้นเรยี น 18. ครูนำอภิปรายเพื่อให้นักเรียนทบทวนว่าได้ฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะการ เรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ในขั้นตอนใดบ้างแล้วให้บันทึกในแบบบันทึกกิจกรรม นกั เรียนร่วมกันอ่าน รู้อะไรใน เรื่องนี้ ในหนงั สอื เรียน แลว้ ชกั ชวนนกั เรียนอภิปรายเพ่ือนาไปสขู่ อ้ สรุปเกี่ยวกบั สง่ิ ท่ไี ดเ้ รียนรูใ้ นเร่ืองนี้ จากนนั้ ครูกระตนุ้ ใหน้ ักเรียนตอบคาถาม ฝุ่นละอองจดั อยู่ในสถานะใด ครูและนักเรียนร่วมกนั อภิปรายแนวทางการ ตอบคาถาม เชน่ ฝ่นุ ละอองมีสถานะเป็นของแขง็ เพราะมีรูปรา่ งและปรมิ าตรคงท่ี 7. สื่อการสอน
1. หนังสอื เรียน 2. แบบบนั ทกึ กจิ กรรม 3. รปู ภาพ 4. PowerPoint 5. ถว้ ยยูรกี า 6. กระบอกตวงขนาด 100 ลบ.ซม. 7. แก้วพลาสตกิ ใส 8. เชือกฟางยาวประมาณ 30 เซนติเมตร 9. ก้อนหนิ 1 ก้อน 10. นำ้ 8. การวดั และประเมินผล 1. ประเมนิ ความรเู้ ดมิ จากการอภปิ รายในชนั้ เรยี น 2. ประเมนิ การเรยี นรจู้ ากคาตอบของนกั เรยี นระหวา่ งการจดั การเรยี นรแู้ ละจากแบบบนั ทกึ กจิ กรรม 3. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 จากการทากจิ กรรม ของนกั เรยี น
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 15 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวชิ า ว 14101 ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4 เร่อื ง ของเหลว เวลา 1 ชวั่ โมง หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 4 วัสดุและสสาร เวลาเรยี น 21 ชว่ั โมง ครผู สู้ อน นางสาวนวฉตั ร นาเมอื งรักษ์ สอนวนั ท่ี …..….. เดอื น ….………… พ.ศ. …..………. โรงเรียนชุมชนวัดบ้านระกาศ สำนกั งานเขตพ้นื ท่กี ารศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการ เขต 2 1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวช้วี ดั สาระที่ 2 วทิ ยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน มาตรฐาน ว 2.1 เขา้ ใจสมบัตขิ องสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งสมบัติของ สสารกับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏกิ ิริยาเคมี ตัวชี้วดั ป. 4/3 เปรียบเทียบสมบัติของสสาร ทั้ง 3 สถานะ จากข้อมูลที่ ได้จากการสังเกต มวล การ ตอ้ งการท่อี ยรู่ ูปรา่ ง และปริมาตรของสสาร ป. 4/4 ใช้เครอื่ งมือเพอ่ื วดั มวล และปริมาตรของสสารท้ัง 3 สถานะของวสั ดุ 2. สาระสำคญั วัสดุต่าง ๆ เป็นสสารซึ่งมีสถานะของแข็ง ของเหลวและแก๊ส สสารในสถานะต่าง ๆ มีสมบัติบางประการ เหมือนกนั และสมบตั ิบางประการแตกต่างกนั ของเหลวมีมวล ต้องการที่อยู่ รูปรา่ งจะเปลี่ยนแปลงไปตามภาชนะที่ บรรจุ ปริมาตรคงท่ี 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. สังเกตและอธบิ ายสมบัตขิ องสสารในสถานะของเหลว 2. ใชเ้ ครอื่ งมอื วัดมวลและปริมาตรของเหลว 4. สาระการเรียนรู้ วัสดุต่าง ๆ เป็นสสารซึ่งมีสถานะของแข็ง ของเหลวและแก๊ส สสารในสถานะต่าง ๆ มีสมบัติบางประการ เหมือนกันและสมบตั ิบางประการแตกต่างกัน ของแข็งมีมวล ต้องการที่อยูร่ ูปร่างและปริมาตรคงท่ีของเหลวมมี วล ต้องการท่ีอยู่ รูปร่างจะเปลี่ยนแปลงไปตามภาชนะที่บรรจุ ปริมาตรคงที่ แก๊สมีมวล ต้องการที่อยู่ รูปร่างและ ปรมิ าตรของแกส๊ จะเปลยี่ นแปลงไปตามรปู ร่างและปริมาตรของภาชนะทบี่ รรจุ และฟงุ้ กระจายเตม็ ภาชนะที่บรรจุ เสมอ 5. สมรรถนะทส่ี ำคญั ของผเู้ รียน
1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต 6. กิจกรรมการเรยี นรู้ ขนั้ สรา้ งความสนใจ (5 นาที) 1. ครทู บทวนความรูพ้ น้ื ฐานจากกิจกรรมทีผ่ ่านมาเก่ียวกับสมบัติ ของแขง็ โดยถามทบทวนสมบัติของแข็ง ว่ามอี ะไรบา้ ง (นกั เรียนควรตอบไดว้ า่ ของแข็งมีมวล ต้องการท่อี ยู่ รปู รา่ งและปรมิ าตรคงท)่ี ขั้นสำรวจและค้นหา (20 นาที) 2. ครตู รวจสอบความรเู้ ดมิ ของนักเรียนเกีย่ วกับของเหลว โดยใช้คำถามดังตอ่ ไปน้ี 2.1 นักเรียนเคยได้ยนิ คำวา่ “ของเหลว” มาก่อนหรอื ไม่ เขา้ ใจคำนอ้ี ย่างไรบา้ ง (นกั เรยี น ตอบได้ตามความเข้าใจของตนเอง) 2.2 นักเรียนยกตวั อย่างสงิ่ รอบตวั ที่เป็นของเหลว พรอ้ มท้งั ใหเ้ หตุผล (นักเรียนตอบไดต้ าม ความเข้าใจของตนเอง) 2.3 สมบตั ขิ องเหลวเหมอื นหรือแตกตา่ งจากของแข็งอย่างไร (นักเรียนตอบไดต้ ามความ เข้าใจของตนเอง) ครูบนั ทกึ คำตอบของนกั เรียนเพ่ือนำกลับมาพจิ ารณาร่วมกันอกี คร้ังหลงั จากจบกจิ กรรมท่ี 2.2 ขั้นอภปิ รายและลงข้อสรปุ (20 นาท)ี 3. นักเรียน อ่าน ชื่อเรื่อง และ คิดก่อนอ่าน ในหนังสือเรียนหน้า 50 แล้วร่วมกันอภิปรายในกลุ่มเพื่อหา คำตอบของคำถามใน คดิ ก่อนอา่ น ครูบันทึกคำตอบของนักเรียน เพ่อื ใช้เปรียบเทยี บกับคำตอบหลงั การอ่าน 4. นักเรียนอ่านคำใน คำสำคัญ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (หากนักเรียนอ่านไม่ได้ครูควรสอนการ อ่านให้ถูกต้อง จากนั้นนักเรียนอธิบายความหมายของคำตามความเข้าใจ ครูชักชวนให้นักเรียนหาความหมายท่ี ถูกตอ้ งจากการอ่านเน้ือเร่ือง 5. นกั เรียนอา่ นเน้ือเรื่องในใจ ครูสอบถามเพือ่ ตรวจสอบความเขา้ ใจจากการอ่านโดยใช้คำถาม ดงั นี้ 5.1 เรือ่ งที่อา่ นเปน็ เร่อื งเกี่ยวกับอะไร (ของเหลว) 5.2 อะไรบ้างทเ่ี ปน็ ของเหลว ยกตวั อย่าง (น้ำ) 5.3 ของเหลวมีสมบัตอิ ยา่ งไร (ไหลจากท่สี ูงไปสทู่ ่ตี ่ำ และไหลไปอย่ใู นพ้นื ที่ว่างจนเตม็ ก้น ภาชนะก่อนแล้วจงึ มีระดบั สูงขนึ้ หยบิ ไมไ่ ด้) ขน้ั ขยายความรู้ (5 นาที) 6. ครชู กั ชวนนักเรยี นช่วยกันสรุปเรื่องที่อ่านซึ่งควรสรุปไดว้ ่าของเหลว เช่น นำ้ ไหลจากท่ีสูงไปสู่ที่ต่ำ ไหล ไปอยู่จนเต็มพื้นทท่ี กี่ ้นภาชนะกอ่ นจงึ ค่อยมีระดบั สูงขนึ้ หยิบไมไ่ ด้ ขน้ั ประเมนิ (10 นาที)
7. นกั เรยี นตอบคำถามใน รู้หรือยัง ในแบบบันทึกกจิ กรรม 8. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อเปรียบเทียบคำตอบของนักเรียนในรู้หรือยังกับคำตอบที่เคยตอบ และบันทึกไว้ใน คิดก่อนอ่าน ครูเน้นย้ำเกี่ยวกับคำถามท้ายเนื้อเรื่อง ดังนี้ ของเหลวมีสมบัติอะไรอีกบ้าง เพ่ือ ชกั ชวนให้นักเรียนหาคำตอบร่วมกันในกิจกรรมต่อไป สอื่ การสอน 1. หนังสอื เรยี น 2. แบบบันทกึ กจิ กรรม 3. รปู ภาพ 4. PowerPoint การวัดและประเมนิ ผล 1. ประเมนิ ความรเู้ ดมิ จากการอภปิ รายในชนั้ เรยี น 2. ประเมนิ การเรยี นรจู้ ากคาตอบของนกั เรยี นระหว่างการจดั การเรยี นรแู้ ละจากแบบบนั ทกึ กจิ กรรม 3. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 จากการทากจิ กรรม ของนกั เรยี น
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 16 กล่มุ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วิชา ว 14101 ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 4 เร่อื ง ของเหลวมมี วลและต้องการที่อยู่หรือไม่ เวลา 1 ชว่ั โมง หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 4 วัสดแุ ละสสาร เวลาเรียน 21 ชวั่ โมง ครผู สู้ อน นางสาวนวฉตั ร นาเมอื งรกั ษ์ สอนวันที่ …..….. เดอื น ….………… พ.ศ. …..………. โรงเรียนชมุ ชนวัดบา้ นระกาศ สำนักงานเขตพืน้ ท่ีการศึกษาประถมศึกษาสมทุ รปราการ เขต 2 1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตวั ช้วี ดั สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบตั ิของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสมั พันธ์ระหว่างสมบัติของ สสารกับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกิดปฏิกริ ิยาเคมี ตวั ชวี้ ดั ป. 4/3 เปรียบเทียบสมบัติของสสาร ทั้ง 3 สถานะ จากข้อมูลท่ี ได้จากการสังเกต มวล การ ต้องการท่ีอยรู่ ูปร่าง และปรมิ าตรของสสาร ป. 4/4 ใช้เครื่องมือเพอื่ วัด มวล และปรมิ าตรของสสารทง้ั 3 สถานะของวัสดุ 2. สาระสำคญั วัสดุต่าง ๆ เป็นสสารซึ่งมีสถานะของแข็ง ของเหลวและแก๊ส สสารในสถานะต่าง ๆ มีสมบัติบางประการ เหมอื นกนั และสมบตั บิ างประการแตกต่างกัน ของเหลวมีมวล ตอ้ งการท่ีอยู่ รปู ร่างจะเปลย่ี นแปลงไปตามภาชนะที่ บรรจุ ปริมาตรคงที่ 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. สงั เกตและอธบิ ายสมบัติของสสารในสถานะของเหลว 2. ใช้เครื่องมอื วัดมวลและปรมิ าตรของเหลว 3. สงั เกต และอธิบายเกี่ยวกบั มวลและการตอ้ งการท่ีอย่ขู องของเหลว 4. สาระการเรยี นรู้ วัสดุต่าง ๆ เป็นสสารซึ่งมีสถานะของแข็ง ของเหลวและแก๊ส สสารในสถานะต่าง ๆ มีสมบัติบางประการ เหมือนกันและสมบัติบางประการแตกต่างกัน ของแข็งมีมวล ต้องการที่อยู่รปู รา่ งและปริมาตรคงที่ของเหลวมมี วล ต้องการที่อยู่ รูปร่างจะเปลี่ยนแปลงไปตามภาชนะที่บรรจุ ปริมาตรคงท่ี แก๊สมีมวล ต้องการที่อยู่ รูปร่างและ ปรมิ าตรของแกส๊ จะเปล่ียนแปลงไปตามรูปร่างและปรมิ าตรของภาชนะที่บรรจุ และฟุ้งกระจายเตม็ ภาชนะท่ีบรรจุ เสมอ
5. สมรรถนะทีส่ ำคญั ของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต 6. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ข้นั สรา้ งความสนใจ 1. นำเข้าสู่กิจกรรม โดยครูตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียนและเข้าสู่กิจกรรมใหม่เกี่ยวกับสมบัติ ของเหลว โดยอาจใช้คำถามดังน้ี 1.1 นกั เรยี นคดิ ว่ารอบตวั เรา มอี ะไรบา้ งท่เี ปน็ ของเหลว ให้ยกตวั อยา่ ง เพราะเหตุใดจึงคดิ เช่นนั้น (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเอง ซึ่งครูควรสอบถามเหตุผลเกี่ยวกับของเหลวในความคิดของ นกั เรียนวา่ เป็นอยา่ งไร) 1.2 ของเหลวมีสมบตั อิ ะไรบา้ ง (นกั เรยี นตอบตามความเขา้ ใจ ของตนเอง) 1.3 สมบัตขิ องเหลวเหมือนหรือแตกต่างจากของแข็งอย่างไร (นกั เรียนตอบตามความเขา้ ใจ ของตนเอง) ครูเขียนคำตอบของนักเรียนไว้บนกระดานเพื่อย้อนกลับมาดูอีกครั้งหลังจากจบกิจกรรมที่ 2.1 และ 2.2 ขัน้ สำรวจและค้นหา 2. นักเรียน อ่าน ชื่อกิจกรรม และ ทำเป็นคิดเป็น ครูตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนเกี่ยวกับสิ่งที่จะ เรียน โดยใชค้ ำถามดังต่อไปน้ี 2.1 กิจกรรมนน้ี กั เรยี นจะไดเ้ รียนเกยี่ วกบั เรอื่ งอะไร (สมบตั ิ ของเหลวเกี่ยวกบั มวลและการ ต้องการท่ีอยู่) 2.2 นักเรยี นจะไดเ้ รยี นเร่อื งนด้ี ว้ ยวธิ ใี ด (สังเกต) 2.3 เม่ือเรยี นแล้วนกั เรยี นจะทำอะไรได้ (สามารถอธบิ ายเกีย่ วกบั มวลและการตอ้ งการที่อยู่ ของของเหลว) นักเรียนบันทึกจุดประสงค์ของกิจกรรมลงในแบบบันทึกกิจกรรม และ อ่านสิ่งที่ต้องใช้ในการทำ กิจกรรม ครยู งั ไมแ่ จกวสั ดอุ ุปกรณใ์ หน้ ักเรียน แต่นำอปุ กรณม์ าแสดงให้นักเรียนดทู ลี ะอย่าง 3. ครนู ำเขา้ สู่กจิ กรรม โดยใหน้ กั เรยี นอา่ น ทำอย่างไร ตอนที่ 1 ในหนังสอื เรียน โดยครูใช้วธิ ีการอ่านตาม ความเหมาะสมกับความสามารถของนักเรยี น ครตู รวจสอบความเข้าใจของนกั เรยี นเกยี่ วกับขัน้ ตอนการทำกิจกรรม ทีละขอ้ โดยครูอาจใช้คำถาม ดังน้ี 3.1 กิจกรรมนใี้ ชอ้ ะไรเปน็ ตวั แทนเพ่อื ศกึ ษาเกีย่ วกบั มวลของเหลว (กจิ กรรมนีใ้ ช้น้ำเป็น ตวั แทนของเหลว)
3.2 นกั เรียนตอ้ งทำอยา่ งไรบ้างในกจิ กรรมตอนที่ 1 (ช่งั มวลของแกว้ พลาสตกิ บนั ทกึ ผล จากน้นั เติมนำ้ ลงไปครึ่งแกว้ แลว้ ชัง่ มวลของแกว้ พลาสติกทบี่ รรจนุ ำ้ บันทกึ ผล) 3.3 กจิ กรรมตอนที่ 1 นักเรียนตอ้ งใช้วสั ดอุ ุปกรณอ์ ะไรบา้ ง (น้ำ แกว้ พลาสติก เครอ่ื งชง่ั แบบ คาน 3 แขน) ครูชักชวนนักเรียนร่วมคิดก่อนทำกิจกรรมว่า น้ำซึ่งเป็นของเหลวจะมีมวลหรือไม่ เราจะมาทำ กจิ กรรมในตอนที่ 1 นี้ 4. เมื่อนักเรียนเข้าใจวิธีการทำกิจกรรมแล้ว ครูให้ตัวแทนนักเรียนมารับอุปกรณ์และให้นักเรียนลงมือทำ กิจกรรม ดงั น้ี • ชั่งมวลของแกว้ พลาสตกิ บนั ทึกผล • ชั่งมวลของแกว้ พลาสตกิ บรรจุนำ้ บันทึกผล • เปรียบเทยี บมวลของแก้วก่อนและหลังเติมนำ้ บันทึกผล • หามวลของน้ำ • นำเสนอ อภปิ รายและลงข้อสรปุ เกีย่ วกับมวลของของเหลว 5. เมื่อทุกกลุ่มได้ผลการทำกิจกรรมแล้ว ให้นักเรียนเก็บวัสดุอุปกรณ์ให้เรียบรอ้ ยและให้นักเรียนนำเสนอ ผลการทำกิจกรรม 6. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั อภิปรายผลการทำกิจกรรมในประเดน็ ตอ่ ไปนี้ 6.1 แกว้ พลาสติกมมี วลเท่าใด (คำตอบขึ้นอยู่กบั นกั เรียน เชน่ 0.50 กรัม) 6.2 แก้วพลาสติกทีบ่ รรจนุ ำ้ มมี วลเท่าใด (คำตอบขึน้ อยกู่ บั นักเรยี น เช่น 51.20 กรัม) 6.3 มวลของแก้วก่อนบรรจนุ ้ำเปรียบเทยี บกับหลงั บรรจนุ ้ำเป็นอยา่ งไร ผลทีเ่ กดิ ขึน้ เกิดจาก อะไร (มีมวลเพ่ิมขน้ึ เน่อื งจากมมี วลของนำ้ ) 6.4 นกั เรยี นค้นพบอะไรบา้ งจากกจิ กรรมน้ี (น้ำมีมวล) 6.5 นกั เรยี นคดิ วา่ ของเหลวอื่นมีมวลหรอื ไม่ (มมี วล) 7. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั อภปิ รายและลงข้อสรปุ ว่า ของเหลวมีมวล 8. นำเขา้ สู่กจิ กรรม ตอนท่ี 2 โดยครูทบทวนส่ิงท่นี ักเรียนได้เรยี นร้เู กย่ี วกับสมบัติของเหลวในกิจกรรมตอน ท่ี 1 คอื ของเหลวมมี วล ข้นั อภปิ รายและลงข้อสรปุ 9. นกั เรยี นอ่าน ทำอยา่ งไร ตอนท่ี 2 ในหนังสอื เรยี นหน้า 51 จากนัน้ รว่ มกนั อภปิ ราย โดยใช้คำถามดังน้ี 9.1 จดุ ประสงค์ของกิจกรรมตอนท่ี 2 คืออะไร (เพอื่ สังเกตการตอ้ งการท่อี ยขู่ องของเหลว) 9.2 กิจกรรมน้ีใช้วสั ดอุ ุปกรณอ์ ะไรบ้าง (นำ้ น้ำยาลา้ งจาน แกว้ พลาสติกใส) 9.3 กจิ กรรมนี้ใช้อะไรเป็นตัวแทนของเหลว (กิจกรรมนีใ้ ชน้ ้ำยาลา้ งจานเป็นตัวแทน ของเหลว) 9.4 นักเรียนตอ้ งทำอะไรบา้ งในกจิ กรรมนี้ (จะต้องเตมิ น้ำในแกว้ 1 ใบใหส้ งู ประมาณคร่ึงแก้ว และทำเครื่องหมายบอกระดับน้ำ คาดคะเนว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับระดับน้ำในแก้ว เมื่อรินนำ้ ยาล้างจานลงไปโดยไม่ คน บันทึกผล จากน้นั รินนำ้ ยาลา้ งจานลงในแกว้ นำ้ สงั เกตและบนั ทกึ ผล)
9.5 ครแู ละนกั เรียนอภิปรายการบนั ทกึ ผลการคาดคะเนและผลการสงั เกตในแบบบนั ทกึ กิจกรรมหนา้ 47 และสรปุ ว่านักเรียนจะใชร้ ปู แบบการบนั ทกึ อยา่ งไร (วาดรปู และเขยี นอธบิ าย) 9.6 รปู ท่วี าดจะประกอบด้วยอะไรบ้าง (รูปแกว้ นำ้ และมนี ำ้ กับนำ้ ยาลา้ งจานอยู่ในแกว้ ) 10. หลังจากนักเรียนเข้าใจวิธีการทำกิจกรรมแล้ว ครูให้ตัวแทนมารับอุปกรณ์และเริ่มทำกิจกรรม ตาม ขัน้ ตอนดังน้ี • เติมนำ้ ในแกว้ พลาสตกิ คร่งึ แกว้ • คาดคะเนระดบั น้ำในแก้วจะเป็นอยา่ งไรเม่ือเติมน้ำยาล้างจานในแกว้ ทีบ่ รรจนุ ้ำโดยไม่คน บนั ทึกผล • ทำกจิ กรรมเพือ่ ตรวจสอบการคาดคะเน บนั ทึกผล • อภิปรายและลงข้อสรุปเกย่ี วกับการต้องการท่ีอยขู่ องของเหลว 11. ครูบันทกึ ผลการทำกิจกรรมบนกระดานโดยแตล่ ะกลุ่มนำเสนอสง่ิ ที่ค้นพบ 12. ครูและนักเรียนอภิปรายผลการทำกิจกรรมในประเด็นต่อไปน้ี 12.1 เมื่อรินน้ำยาล้างจานลงในแก้ว บรรจุน้ำ นักเรียนสังเกตเห็นอะไรบ้าง (นักเรียนตอบตามข้อเท็จจริงที่สังเกตเห็น ซึ่งควรตอบได้ว่าเห็นน้ำยาล้าง จานจมอยใู่ ตน้ ำ้ และระดบั นำ้ สูงขึน้ ) 12.2 ปริมาณนำ้ ก่อนและหลงั รินน้ำยาล้างจานลงไปโดยไม่คนเปน็ อย่างไร (ปริมาณนำ้ เทา่ เดิม เพราะไมไ่ ดเ้ พิ่มหรอื ลดปริมาณน้ำ) 12.3 ผลท่ีสงั เกตได้เหมือนกับทค่ี าดคะเนไวห้ รอื ไม่ อยา่ งไร(นักเรยี นตอบตามทีค่ าดคะเนไว้) 12.4 ระดบั น้ำทสี่ ูงขึ้นเปน็ เพราะเหตุใด (เพราะน้ำยาลา้ งจานเขา้ ไปแทนทนี่ ำ้ บริเวณก้นแก้ว ทำใหน้ ำ้ บางส่วนต้องเลือ่ นระดบั ขึ้นมาอยดู่ ้านบน) 12.5 จากสิง่ ท่ีสังเกตเหน็ น้ำยาลา้ งจานตอ้ งการทีอ่ ยหู่ รือไม่ รไู้ ด้อยา่ งไร (ตอ้ งการท่อี ยู่ เพราะเมื่อรินน้ำยาล้างจาน ลงในน้ำ ระดับน้ำจะสูงขึ้นโดยไม่ได้เพิ่มปริมาณน้ำ แสดงว่าน้ำยาล้างจานเข้าไปแทน พื้นที่ส่วนที่น้ำเคยครอบครองอยู่ ส่วนน้ำเมื่อถูกน้ำยาล้างจานมาแทนที่ก็จะเลื่อนระดับขึ้นไปครอบครองพื้นท่ี สว่ นบนของแก้ว ทำให้เรามองเห็นระดบั นำ้ สงู ข้ึน) 12.6 นักเรียนค้นพบอะไรบ้างจากกจิ กรรมน้ี (นำ้ ยาล้างจานซึง่ เปน็ ของเหลวตอ้ งการท่อี ยู่) 12.7 นกั เรยี นสรุปกิจกรรม ตอนน้ีไดอ้ ย่างไร (ของเหลวต้องการท่อี ยู่) ขั้นขยายความรู้ 13. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายและลงข้อสรุปกิจกรรมทั้ง 2 ตอนอีกครั้งว่า ของเหลวมีมวลและ ต้องการท่ีอยู่ 14. นกั เรียนรว่ มกนั อภปิ รายคำตอบใน ฉนั ร้อู ะไร โดยครอู าจเพิ่มเตมิ คำถามในการอภปิ รายเพอื่ ให้ได้แนว คำตอบตามคำถามทา้ ยกจิ กรรมน้ี ขน้ั ประเมนิ 15. นักเรียนสรุปสง่ิ ท่ีได้เรียนร้ใู นกิจกรรมน้ี จากน้นั ครใู หน้ ักเรยี นอ่าน สงิ่ ท่ีไดเ้ รยี นรู้ และเปรียบเทียบกับ ขอ้ สรุปของตนเอง
16. ครชู กั ชวนนกั เรยี นตอบคำถาม เรอื่ งของเหลว วา่ ของเหลวมสี มบัติอะไรบา้ ง (มีมวลและตอ้ งการทอี่ ยู่) 17. นกั เรยี นตัง้ คำถามใน อยากรอู้ ีกว่า ลงในแบบบนั ทกึ กิจกรรม จากน้ันครูสมุ่ นักเรยี น 2-3 คน นำเสนอ คำถามของตวั เองหน้าช้นั เรยี น ครูนำอภปิ รายเพอื่ ใหน้ ักเรียนทบทวนวา่ ไดฝ้ ึกทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และทักษะการเรยี นรู้ในศตวรรษ ท่ี 21 ในข้นั ตอนใดบ้างและบนั ทกึ ลงในแบบบันทึกกจิ กรรม 7. สอื่ การสอน 1. หนงั สอื เรยี น 2. แบบบนั ทึกกิจกรรม 3. รปู ภาพ 4. PowerPoint 5. เครื่องชง่ั แบบคาน 3 แขน 6. น้ำยาล้างจาน 7. แกว้ น้ำพลาสติกใส 2 ใบ 8. กระบอกตวงขนาด 100 ลูกบาศก์เซนตเิ มตร 9. ขวดน้ำทีม่ ีน้ำเกือบเต็มขวด 8. การวัดและประเมินผล 1. ประเมนิ ความรเู้ ดมิ จากการอภปิ รายในชนั้ เรยี น 2. ประเมนิ การเรยี นรจู้ ากคาตอบของนกั เรยี นระหว่างการจดั การเรยี นรแู้ ละจากแบบบนั ทกึ กจิ กรรม 3. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 จากการทากจิ กรรม ของนกั เรยี น
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 17 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวิชา ว 14101 ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 เรอื่ ง ของเหลวมปี ริมาตร รูปร่างและระดบั ผวิ หน้าเปน็ อย่างไร เวลา 1 ชวั่ โมง หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 4 วสั ดุและสสาร เวลาเรยี น 21 ชวั่ โมง ครผู ้สู อน นางสาวนวฉตั ร นาเมอื งรกั ษ์ สอนวนั ที่ …..….. เดือน ….………… พ.ศ. …..………. โรงเรยี นชุมชนวัดบา้ นระกาศ สำนักงานเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาสมทุ รปราการ เขต 2 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ช้วี ัด สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบตั ขิ องสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสมั พันธร์ ะหว่างสมบัติของ สสารกับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกิดปฏิกิรยิ าเคมี ตวั ชีว้ ัด ป. 4/3 เปรียบเทียบสมบัติของสสาร ทั้ง 3 สถานะ จากข้อมูลท่ี ได้จากการสังเกต มวล การ ต้องการที่อยรู่ ปู ร่าง และปริมาตรของสสาร ป. 4/4 ใช้เครือ่ งมอื เพ่ือวัด มวล และปรมิ าตรของสสารทั้ง 3 สถานะของวสั ดุ 2. แนวคดิ วัสดุต่าง ๆ เป็นสสารซึ่งมีสถานะของแข็ง ของเหลวและแก๊ส สสารในสถานะต่าง ๆ มีสมบัติบางประการ เหมือนกันและสมบัตบิ างประการแตกตา่ งกัน ของเหลวมมี วล ตอ้ งการท่ีอยู่ รูปร่างจะเปลีย่ นแปลงไปตามภาชนะที่ บรรจุ ปรมิ าตรคงท่ี 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. สงั เกตและอธิบายสมบัตขิ องสสารในสถานะของเหลว 2. ใช้เครือ่ งมอื วัดมวลและปรมิ าตรของเหลว 3. สงั เกต และอธิบายเกี่ยวกบั มวลและการตอ้ งการท่ีอยขู่ องของเหลว 4. สาระการเรียนรู้ วัสดุต่าง ๆ เป็นสสารซึ่งมีสถานะของแข็ง ของเหลวและแก๊ส สสารในสถานะต่าง ๆ มีสมบัติบางประการ เหมือนกันและสมบตั ิบางประการแตกต่างกัน ของแข็งมีมวล ต้องการที่อยูร่ ูปร่างและปริมาตรคงที่ของเหลวมมี วล ต้องการที่อยู่ รูปร่างจะเปลี่ยนแปลงไปตามภาชนะที่บรรจุ ปริมาตรคงท่ี แก๊สมีมวล ต้องการที่อยู่ รูปร่างและ ปรมิ าตรของแกส๊ จะเปล่ียนแปลงไปตามรปู ร่างและปริมาตรของภาชนะทบี่ รรจุ และฟงุ้ กระจายเต็มภาชนะท่ีบรรจุ เสมอ
5. สมรรถนะท่ีสำคัญของผ้เู รียน 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ 6. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขน้ั สรา้ งความสนใจ 1. นำเขา้ ส่กู ิจกรรม ครูทบทวนความร้จู ากกจิ กรรมท่ผี า่ นมา เพ่ือเช่ือมโยงเขา้ สกู่ จิ กรรมใหมเ่ กีย่ วกับสมบัติ ของของเหลว โดยครูใชค้ ำถามทบทวนความรู้ ดงั นี้ 1.1 จากกจิ กรรมที่ 2.1 นักเรยี นไดเ้ รียนรวู้ า่ ของเหลวมีสมบัติอะไรบ้าง (มมี วลและต้องการที่ อยู่) 1.2 นอกจากของเหลวมมี วลและต้องการท่ีอยู่แลว้ นักเรยี นคดิ ว่าของเหลวยงั มสี มบัตอิ ะไร อีกบ้าง (นักเรียนตอบตามความเขา้ ใจ) ขัน้ สำรวจและคน้ หา 2. นักเรียนอ่านชื่อกิจกรรม และ ทำเป็นคิดเป็น ในหนังสือเรียนหน้า 54 ครูตรวจสอบความเข้าใจของ นักเรียนเก่ียวกบั สิง่ ทจี่ ะเรียน โดยใช้คำถามดังต่อไปน้ี 2.1 กิจกรรมนนี้ กั เรยี นจะได้เรียนเก่ยี วกบั เรือ่ งอะไร (ปรมิ าตร รปู ร่าง ระดบั ผวิ หนา้ ของเหลว) 2.2 นกั เรยี นจะไดเ้ รียนเรื่องนดี้ ว้ ยวิธใี ด (การสังเกต) 2.3 เม่อื เรียนแล้วนกั เรียนจะทำอะไรได้ (สามารถอธบิ ายปริมาตร รปู ร่าง และระดับผวิ หนา้ ของเหลว) 3. นักเรียนบันทึกจุดประสงค์ของกิจกรรมและอ่าน สิ่งที่ต้องใช้ ครูนำวัสดุอุปกรณ์ที่จะใช้ในกิจกรรมมา แสดงให้นักเรียนดูทีละอย่าง จากนั้นอ่าน ทำอย่างไร ตอนที่ 1 อภิปรายและทำความเข้าใจร่วมกัน โดยครูใช้ คำถามดงั นี้ 3.1 จุดประสงค์ของกจิ กรรมตอนที่ 1 คืออะไร (เพื่อสังเกตปริมาตรของเหลว) 3.2 กจิ กรรมน้ีใช้อะไรเป็นตวั แทนของของเหลว (กิจกรรมน้ใี ช้นำ้ สีเปน็ ตวั แทนของเหลว) 3.3 ขน้ั ตอนการทำกิจกรรมมีอะไรบ้าง (เทน้ำสีลงในบกี เกอร์ใบแรก อา่ นปริมาตรนำ้ สี คาดคะเนว่าถ้าเทน้ำสีจากบีกเกอร์ใบแรก ลงในบีกเกอร์ใบที่สอง และจากใบที่สองลงในใบที่สาม ปริมาตรน้ำสีใน บกี เกอรแ์ ต่ละใบจะเป็นอย่างไร ทำกิจกรรมตรวจสอบการคาดคะเน สังเกตและบันทกึ ปริมาตรนำ้ สี) 4. ตวั แทนนกั เรียนมารับอปุ กรณแ์ ละให้นักเรียนเริม่ ทำกจิ กรรม ตามข้ันตอนดังนี้ • เทนำ้ สลี งในบีกเกอร์ (S1)
• คาดคะเนวา่ ถา้ เทน้ำสีจากบีกเกอร์ใบแรก ลงในบกี เกอรใ์ บที่สอง และจากใบทีส่ องลงในใบ ที่สาม ปริมาตรน้ำสีในบีกเกอร์แต่ละใบจะเป็นอย่างไร บันทึกผล ทำกิจกรรมเพื่อตรวจสอบการคาดคะเน บันทึก ผล • อภปิ รายและลงข้อสรุปเก่ยี วกบั ปรมิ าตรของเหลว (S8) (C4) 5. หลังจากทำกจิ กรรมแลว้ นกั เรยี นแต่ละกลุม่ เกบ็ อุปกรณ์และนำเสนอผลการทำกจิ กรรม 6. ครแู ละนกั เรยี นอภิปรายผลการทำกิจกรรมในประเดน็ ตอ่ ไปนี้ 6.1 ปริมาตรของน้ำสใี นบกี เกอรใ์ บท่ี 1 ใบท่ี 2 และใบที่ 3 เปน็ อยา่ งไร (ปรมิ าตรของน้ำสใี น บีกเกอรแ์ ต่ละใบเทา่ กนั ) 6.2 จากสิ่งที่ค้นพบ นักเรยี นลงความเหน็ ได้ว่าอยา่ งไร(นำ้ สมี ีปรมิ าตรคงท่ี) 6.3 จากสง่ิ ทค่ี น้ พบ ของเหลวมสี มบตั อิ ยา่ งไร (ของเหลวมีปรมิ าตรคงท่ี) ข้ันอภปิ รายและลงข้อสรุป 7. ครูนำเข้าสู่กิจกรรมตอนท่ี 2 โดยให้นักเรียนอภิปรายว่าของเหลวมีสมบัติอะไรอีกบ้าง จากนั้นให้ นกั เรยี นอา่ นทำอยา่ งไร ตอนที่ 2 และอภิปรายร่วมกัน โดยครูอาจใชค้ ำถามดงั น้ี 7.1 จุดประสงคข์ องกิจกรรมตอนท่ี 2 คืออะไร (เพ่ือสงั เกตรูปรา่ งของเหลวซงึ่ ใชน้ ้ำสีเปน็ ตัวแทนของของเหลว) 8. ตัวแทนนักเรยี นมารบั อปุ กรณ์และเริม่ ทำกจิ กรรม ตามข้นั ตอนดังน้ี • สงั เกตและอภิปรายลกั ษณะของแบบจำลองศกึ ษาสมบตั ิของของเหลว (S1) • คาดคะเนว่าถ้ารินนำ้ สลี งในแบบจำลองจนเต็มทุกภาชนะ รูปร่างของน้ำสจี ะเป็นอย่างไร บนั ทึกผล • ทำกจิ กรรมเพอ่ื ตรวจสอบการคาดคะเน บนั ทึกผล (S1, S5) • อภปิ รายและลงข้อสรปุ เกี่ยวกับรูปรา่ งของเหลว (S8) 9. หลังจากทำกจิ กรรมแล้วแต่ละกลุม่ เก็บอปุ กรณแ์ ละนำเสนอผลการทำกิจกรรม 10.ครูและนักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายผลการทำกิจกรรม โดยครอู าจใช้คำถาม ดังนี้ 10.1 เมอื่ นำ้ สีอยู่ในภาชนะตา่ งๆ ของแบบจำลอง น้ำสีมรี ปู รา่ งเป็นอยา่ งไร (นำ้ สีมรี ูปร่าง เปล่ียนไปตามรปู รา่ งของภาชนะ) 10.2 จากสิง่ ท่ีคน้ พบ นกั เรียนลงความเห็นไดว้ า่ อย่างไร (นำ้ สีมรี ปู ร่างไม่คงท่ี เปลีย่ นแปลง ตามรูปรา่ งของภาชนะที่บรรจุ) 10.3 จากสง่ิ ทีค่ น้ พบ ของเหลวมสี มบตั อิ ย่างไร (ของเหลวมรี ปู รา่ งไมค่ งท่ี เปลีย่ นแปลงตาม รปู รา่ งของภาชนะท่ีบรรจุ) 11. ครนู ำเขา้ สู่กิจกรรมตอนที่ 3 โดยให้นกั เรียนอภิปรายว่าของเหลวมีปริมาตรคงท่ีแต่ รูปร่างไม่คงที่แล้ว ของเหลวยังมีสมบัติอะไรอีกบ้างจากนั้นให้นักเรียนอ่าน ทำอย่างไร ตอนท่ี 3 และอภิปราย ร่วมกนั โดยครอู าจใช้คำถามดงั น้ี 11.1 จดุ ประสงคข์ องกิจกรรมตอนที่ 3 คืออะไร (เพอ่ื สงั เกตระดับผวิ หน้าของน้ำสซี ่งึ เป็น
ตวั แทนของของเหลว) เพื่อใหน้ ักเรียนสังเกตไดอ้ ย่างถูกต้อง ครคู วรวาดรูปแบบจำลองที่มีนำ้ สีบรรจุอยู่บนกระดาน ครนู ำอภปิ รายและชีต้ ำแหน่งระดบั ผวิ หน้าของนำ้ สี 12. ตวั แทนนักเรยี นมารับอปุ กรณ์และเริม่ ทำกิจกรรม ตามขน้ั ตอนดงั นี้ • เทนำ้ สลี งในภาชนะในแบบจำลองใหส้ งู ประมาณครึง่ หน่ึงของภาชนะ ( • คาดคะเนวา่ ถา้ เอยี งภาชนะในลักษณะตา่ ง ๆ ระดบั ผวิ หน้าของนำ้ สจี ะเปน็ อย่างไร บนั ทึก ผล • ทำกจิ กรรมเพื่อตรวจสอบการคาดคะเน บนั ทึกผล • นำเสนอ อภปิ รายและลงขอ้ สรุปเก่ียวกบั ระดบั ผิวหนา้ ของของเหลว 13.หลังจากทำกิจกรรมแลว้ แต่ละกลุ่มเกบ็ อปุ กรณ์และนำเสนอผลการทำกจิ กรรม 14. ครูและนักเรียนอภปิ รายผลการทำกิจกรรมในประเดน็ ต่อไปน้ี 14.1 นกั เรียนสังเกตเห็นอะไรบา้ งเมอ่ื เอียงแบบจำลองในลักษณะตา่ ง ๆ(ระดับผวิ หน้าของนำ้ สจี ะเรยี บและอยู่ในแนวราบแนวเดยี วกบั ขอบโตะ๊ เสมอ) 14.2 จากสง่ิ ทคี่ น้ พบ นักเรียนลงความเห็นไดว้ า่ อย่างไร (ระดบั ผวิ หน้าของนำ้ สีจะเรยี บและ อยใู่ นแนวราบเสมอ) 14.3 จากสิ่งท่คี ้นพบ ของเหลวมสี มบัตอิ ยา่ งไร (ระดบั ผวิ หน้าของเหลวจะเรยี บและอยู่ใน แนวราบเสมอ) ครูให้ความรู้เพิ่มเติมว่า การที่ระดับผิวหน้าของของเหลวเรียบและอยู่ในแนวราบเสมอไม่ว่าเราจะ เอยี งภาชนะในลักษณะใด เราเรียกสมบตั นิ วี้ า่ ของเหลวมีการรกั ษาระดบั ผวิ หนา้ ให้อยูใ่ นแนวราบเสมอ 15.ครแู ละนักเรียนร่วมกันอภิปรายและลงขอ้ สรปุ กิจกรรมท้งั 3 ตอนอีกครงั้ หนึง่ ว่า ของเหลวมีปริมาตรคงที่ รูปร่างไม่คงที่จะเปลี่ยนแปลงตามรูปร่างของภาชนะที่บรรจุ ผิวหน้าของเหลวจะรักษา ระดับให้อยใู่ นแนวราบเสมอ 16. ครชู ักชวนนักเรียนอภปิ รายเพือ่ เปรยี บเทียบสมบัติของแขง็ กบั ของเหลว โดยอาจใชค้ ำถามดงั ต่อไปนี้ 16.1 นักเรยี นคดิ ว่ารอบตัวเรา มอี ะไรบ้างทเี่ ปน็ ของเหลวยกตวั อยา่ ง เพราะเหตุใดจึงคิด เช่นนั้น (นักเรียนต้องยกตัวอย่างได้ อย่างน้อย 3 ชนิด คือ น้ำ น้ำยาล้างจาน น้ำสี สาเหตุที่สารทั้ง 3 ชนิดเป็น ของเหลว เพราะเมื่อรินลงในภาชนะ มีปริมาตรคงท่ี รูปร่างเปลี่ยนแปลงตามภาชนะที่บรรจุ และรักษาระดับ ผวิ หน้าให้อย่ใู นแนวราบเสมอ) 16.2 สมบตั ิของเหลวเหมอื นและแตกตา่ งจากของแข็งอย่างไร (ของเหลวมสี มบตั เิ หมือน ของแขง็ คอื มมี วล ต้องการทอี่ ยู่ ปรมิ าตรคงท่ี ของเหลวมสี มบตั ิแตกตา่ งจากของแขง็ คือ ของเหลวมรี ูปรา่ งไม่คงที่ จะเปลี่ยนแปลงตามภาชนะที่บรรจุ และมีการรักษาระดับผิวหน้าของเหลวให้อยู่ในแนวราบเสมอ แต่ของแข็งมี รูปร่างคงท)ี่ ข้ันขยายความรู้ 17.นกั เรียนรว่ มกนั อภิปรายคำตอบใน ฉันรูอ้ ะไร โดยครอู าจเพิ่มเติมคำถามในการอภิปรายเพ่ือให้ได้แนว คำตอบตามคำถามท้ายกิจกรรมนี้
18.นักเรยี นสรุปสิง่ ทไ่ี ด้เรียนรู้ในกจิ กรรมน้ี ดว้ ยภาษาของตนเอง จากน้ันนกั เรียนอ่าน ส่ิงทีไ่ ดเ้ รียนรู้ และ เปรียบเทยี บกับข้อสรุปของตนเอง ขนั้ ประเมนิ 19.ครชู กั ชวนนักเรียนตอบคำถามใน นำเรอื่ ง วา่ ของเหลวมสี มบัตอิ ะไรบา้ ง (มีมวล ต้องการทอ่ี ยู่ ปรมิ าตร คงที่ รูปรา่ งไม่คงท่ี รักษาระดับผวิ หน้าให้อยู่ในแนวราบเสมอ) 20.นักเรียนตั้งคำถามใน อยากรู้อีกว่า ลงในแบบบันทึกกิจกรรม จากนั้นครูสุ่มนักเรียน 2-3 คน นำเสนอ คำถามของตนเองหน้าชน้ั เรียน 21.ครูนำอภิปรายเพื่อให้นักเรียนทบทวนว่าได้ฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะการ เรยี นรใู้ นศตวรรษท่ี 21 ในขน้ั ตอนใดบ้างแลว้ ให้บันทึกในแบบบนั ทึกกิจกรรม 22. นกั เรียนรว่ มกนั อา่ น รูอ้ ะไรในเรือ่ งน้ี ในหนงั สอื เรียน แลว้ ชักชวนนกั เรยี นอภิปรายเพื่อนำไปสู่ข้อสรุป เก่ยี วกบั ส่งิ ที่ได้เรียนรู้ในเรื่องนี้ จากน้ันครกู ระตุน้ ให้นักเรียนตอบคำถามในชว่ งท้ายของเนื้อเรื่องว่าเมื่อเกิดน้ำท่วม แมว้ ่าเราจะกอ่ กำแพงกั้นรอบบา้ น ทำไมน้ำยงั ท่วมบ้านได้ ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันอภปิ รายแนวทางการตอบคำถาม เช่น น้ำท่วมภายในบ้านได้แม้จะก่อกำแพงไว้รอบบ้านเพราะน้ำสามารถไหลมาตามท่อใต้พื้นดิน เมื่อน้ำเข้ามา ภายในบ้านถ้าระดับบ้านต่ำกว่าระดับน้ำนอกบ้าน น้ำก็จะไหลจากนอกบ้านเข้ามาในบ้านจนกระทั่งระดับน้ำนอก บ้านและในบา้ นเทา่ กันเนอื่ งจากน้ำรกั ษาระดับผวิ หนา้ ตามแนวราบเสมอ) 7. สื่อการสอน 1. หนังสอื เรยี น 2. แบบบนั ทกึ กิจกรรม 3. PowerPoint 4. บกี เกอร์ ขนาด 50 cm3 5. แบบจำลองศกึ ษาสมบัตขิ องของเหลว 6. น้ำสี 7. ดนิ สอสี 8. การวดั และประเมนิ ผล 1. ประเมนิ ความรเู้ ดมิ จากการอภปิ รายในชนั้ เรยี น 2. ประเมนิ การเรยี นรจู้ ากคาตอบของนกั เรยี นระหวา่ งการจดั การเรยี นรแู้ ละจากแบบบนั ทกึ กจิ กรรม 3. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 จากการทากจิ กรรม ของนกั เรยี น
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 18 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วิชา ว 14101 ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 เรอ่ื ง แก๊ส เวลา 1 ชวั่ โมง หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 วสั ดแุ ละสสาร เวลาเรยี น 21 ชวั่ โมง ครูผสู้ อน นางสาวนวฉัตร นาเมืองรักษ์ สอนวันท่ี …..….. เดือน ….………… พ.ศ. …..………. โรงเรยี นชุมชนวัดบา้ นระกาศ สำนักงานเขตพน้ื ทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาสมทุ รปราการ เขต 2 1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตวั ชี้วัด สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัตขิ องสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งสมบัติของ สสารกับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมี ตวั ชว้ี ดั ป. 4/3 เปรียบเทียบสมบัติของสสาร ทั้ง 3 สถานะ จากข้อมูลท่ี ได้จากการสังเกต มวล การ ตอ้ งการทอ่ี ยู่รปู รา่ ง และปรมิ าตรของสสาร ป. 4/4 ใช้เครื่องมอื เพอ่ื วัด มวล และปรมิ าตรของสสารทง้ั 3 สถานะของวสั ดุ 2. สาระสำคัญ วัสดุต่าง ๆ เป็นสสารซึ่งมีสถานะของแข็ง ของเหลวและแก๊ส สสารในสถานะต่าง ๆ มีสมบัติบาง ประการเหมือนกันและสมบัติบางประการแตกต่างกัน แก๊สมีมวล ต้องการที่อยู่ รูปร่างและปริมาตรของแก๊ส จะ เปล่ียนแปลงไปตามรปู ร่างและปรมิ าตรของภาชนะทีบ่ รรจุ และฟงุ้ กระจายเตม็ ภาชนะท่บี รรจุเสมอ 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. สงั เกตและอธบิ ายสมบัติของสสารในสถานะแกส๊ 4. สาระการเรียนรู้ วัสดุต่าง ๆ เป็นสสารซึ่งมีสถานะของแข็ง ของเหลวและแก๊ส สสารในสถานะต่าง ๆ มีสมบัติบางประการ เหมือนกันและสมบตั ิบางประการแตกต่างกัน ของแข็งมีมวล ต้องการที่อยูร่ ูปร่างและปริมาตรคงท่ีของเหลวมมี วล ต้องการท่ีอยู่ รูปร่างจะเปลี่ยนแปลงไปตามภาชนะที่บรรจุ ปริมาตรคงท่ี แก๊สมีมวล ต้องการที่อยู่ รูปร่างและ ปรมิ าตรของแกส๊ จะเปล่ียนแปลงไปตามรูปร่างและปริมาตรของภาชนะทบ่ี รรจุ และฟงุ้ กระจายเตม็ ภาชนะที่บรรจุ เสมอ 5. สมรรถนะท่ีสำคัญของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการส่ือสาร
2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต 6. กจิ กรรมการเรียนรู้ ขนั้ สร้างความสนใจ (5 นาที) 1. ครทู บทวนความรู้พื้นฐานจากกิจกรรมทีผ่ ่านมาเกี่ยวกบั สมบัติของของแข็งและของเหลว โดยใช้คำถาม ดังต่อไปน้ี 1.1 ของแขง็ มีสมบตั อิ ย่างไร (นักเรยี นตอบไดต้ ามความเขา้ ใจ ซึ่งนักเรียนต้องตอบได้ว่า ของแข็งมีมวล ตอ้ งการท่อี ยู่ รปู รา่ งและ ปรมิ าตรคงท)่ี 1.2 ของเหลวมสี มบัตอิ ยา่ งไร (นักเรียนตอบตามความเข้าใจของตนเองซึ่งต้องตอบได้วา่ ของเหลวมมี วล ต้องการทอ่ี ยู่ ปรมิ าตรคงท่ี แตร่ ูปรา่ งไมค่ งที่เปลย่ี นแปลงตามภาชนะทีบ่ รรจุ ผวิ หนา้ ของของเหลว รกั ษาระดบั ) ขั้นสำรวจและค้นหา (20 นาท)ี 2. ครตู รวจสอบความรเู้ ดิมของนักเรียนเก่ียวกับสมบัตขิ องแกส๊ โดยใช้คำถามดังต่อไปน้ี 2.1 นกั เรยี นคดิ ว่ารอบตวั เรามีอะไรบา้ งทเ่ี ป็นแกส๊ ยกตวั อยา่ ง และเพราะเหตใุ ดจึงคิด เชน่ นนั้ (นกั เรียนตอบได้ตามความเข้าใจของตนเอง) 2.2 แกส๊ มสี มบัตอิ ะไรบา้ ง (นักเรยี นตอบได้ตามความเขา้ ใจของตนเอง) 2.3 สมบัตขิ องแก๊สเหมอื นและแตกตา่ งจากของแขง็ และของเหลวอย่างไร (นักเรยี นตอบได้ ตามความเข้าใจของตนเอง) ครูบันทึกคำตอบของนักเรียนเพื่อเป็นข้อมูลในการแก้ไขความเข้าใจคลาดเคลื่อนของ นักเรยี น 3. นักเรียนอ่านชื่อเรื่องและ คิดก่อนอ่าน ในหนังสือเรียน จากนั้นนักเรียนลองตอบคำถามตามความ เข้าใจของตนเอง ครูบันทึกคำตอบของนักเรียนบนกระดานเพื่อใช้เปรียบเทียบคำตอบหลังการอ่าน นักเรียนอ่าน คำศัพทใ์ น คำสำคญั หากนักเรยี นอา่ นไมไ่ ด้ ครคู วรสอนการอ่านที่ถกู ต้องแก่นกั เรยี น ขน้ั อภิปรายและลงข้อสรุป (20 นาท)ี 4. ครใู ห้นักเรยี นอา่ นเนอื้ เรอ่ื ง จากน้ันใชค้ ำถามเพอ่ื ตรวจสอบความเขา้ ใจจากการอา่ น ดงั นี้ 4.2 เรือ่ งทอ่ี ่านเป็นเรือ่ งเกย่ี วกับอะไร (แก๊ส) 4.2 จากเรอื่ งท่อี ่าน กล่าวถึงแกส๊ อะไรบ้าง (แกส๊ ออกซเิ จน (O2) แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) แก๊สปโิ ตรเลยี มเหลว) 4.4 แกส๊ แตล่ ะชนิดมีประโยชนห์ รอื มีโทษ อย่างไร (มีประโยชน์ เชน่ แกส๊ ออกซิเจนช่วยใน การหายใจ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์พืชใชส้ รา้ งอาหาร แกส๊ ปโิ ตรเลียมเหลวใช้เป็นเชอ้ื เพลิง) ขนั้ ขยายความรู้ (5 นาที)
5. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายว่า แก๊สเป็นสถานะอย่างหนึ่งของสสาร รอบตัวเรามีแก๊สหลายชนิดซึ่ง นำมาใช้ประโยชน์ได้ต่างๆ กัน นอกจากนี้ในอากาศยังมีแก๊สอกี หลายชนิดผสมกันอยู่ ครูควรยกตัวอยา่ งแก๊สอื่น ๆ เช่น ไนโตรเจน ขัน้ ประเมิน (10 นาที) 6. นกั เรยี นตอบคำถาม รู้หรอื ยงั ในแบบบนั ทึกกจิ กรรม 7. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อเปรียบเทียบคำตอบของนักเรียนในรู้หรือยังกับคำตอบที่เคยตอบ และบันทกึ ไวใ้ นคดิ ก่อนอ่านว่าเหมือนหรือตา่ งกนั อย่างไร และแกไ้ ขคำตอบท่ีผดิ ใหถ้ กู ต้อง 8. ครูเน้นย้ำกบั นักเรียนเก่ียวกับคำถามท้ายเน้ือเรื่องว่าสสารใดบา้ งมีสถานะเป็นแกส๊ และมีสมบัตอิ ย่างไร เพือ่ ชักชวนให้นักเรยี นหาคำตอบรว่ มกนั ในกจิ กรรมต่อไป 7. สื่อการสอน 1. หนังสือเรียน 2. แบบบันทกึ กจิ กรรม 3. PowerPoint 4. รปู ภาพ 8. การวัดและประเมนิ ผล 1. ประเมนิ ความรเู้ ดมิ จากการอภปิ รายในชนั้ เรยี น 2. ประเมนิ การเรยี นรจู้ ากคาตอบของนกั เรยี นระหว่างการจดั การเรยี นรแู้ ละจากแบบบนั ทกึ กจิ กรรม 3. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 จากการทากจิ กรรม ของนกั เรยี น
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 19 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหัสวชิ า ว 14101 ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 เร่ือง แก๊สมมี วลและต้องการทอ่ี ยู่หรือไม่ เวลา 1 ชว่ั โมง หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 4 วัสดแุ ละสสาร เวลาเรยี น 21 ชัว่ โมง ครูผ้สู อน นางสาวนวฉตั ร นาเมืองรักษ์ สอนวนั ท่ี …..….. เดือน ….………… พ.ศ. …..………. โรงเรยี นชมุ ชนวดั บ้านระกาศ สำนกั งานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการ เขต 2 1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชวี้ ัด สาระที่ 2 วทิ ยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน มาตรฐาน ว 2.1 เขา้ ใจสมบัตขิ องสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งสมบัติของ สสารกับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี ตัวชี้วัด ป. 4/3 เปรียบเทียบสมบัติของสสาร ทั้ง 3 สถานะ จากข้อมูลท่ี ได้จากการสังเกต มวล การ ตอ้ งการที่อยรู่ ูปร่าง และปรมิ าตรของสสาร ป. 4/4 ใช้เครอ่ื งมือเพื่อวดั มวล และปริมาตรของสสารท้งั 3 สถานะของวัสดุ 2. สาระสำคญั วัสดุต่าง ๆ เป็นสสารซึ่งมีสถานะของแข็ง ของเหลวและแก๊ส สสารในสถานะต่าง ๆ มีสมบัติบาง ประการเหมือนกันและสมบัติบางประการแตกต่างกัน แก๊สมีมวล ต้องการที่อยู่ รูปร่างและปริมาตรของแก๊ส จะ เปลยี่ นแปลงไปตามรปู รา่ งและปรมิ าตรของภาชนะทบ่ี รรจุ และฟ้งุ กระจายเต็มภาชนะทีบ่ รรจุเสมอ 3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. สังเกต และอธิบายเกย่ี วกบั มวลและการตอ้ งการท่อี ยู่ของแก๊ส 4. สาระการเรยี นรู้ วัสดุต่าง ๆ เป็นสสารซึ่งมีสถานะของแข็ง ของเหลวและแก๊ส สสารในสถานะต่าง ๆ มีสมบัติบางประการ เหมือนกันและสมบัติบางประการแตกต่างกัน ของแข็งมีมวล ต้องการที่อยูร่ ปู รา่ งและปริมาตรคงที่ของเหลวมมี วล ต้องการท่ีอยู่ รูปร่างจะเปลี่ยนแปลงไปตามภาชนะที่บรรจุ ปริมาตรคงท่ี แก๊สมีมวล ต้องการที่อยู่ รูปร่างและ ปรมิ าตรของแกส๊ จะเปลีย่ นแปลงไปตามรูปร่างและปรมิ าตรของภาชนะที่บรรจุ และฟุ้งกระจายเต็มภาชนะที่บรรจุ เสมอ 5. สมรรถนะทส่ี ำคญั ของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต 6. กจิ กรรมการเรียนรู้ ขัน้ สร้างความสนใจ (5 นาที) 1. ครูนำเขา้ สกู่ ิจกรรม โดยตรวจสอบความรเู้ ดมิ ของนักเรยี นเพ่ือเขา้ สกู่ จิ กรรมใหม่เกีย่ วกบั สมบัติของแก๊ส โดยอาจใช้คำถามว่านักเรียนคิดว่ารอบตัวเรา มีอะไรบ้างที่เป็นแก๊ส ยกตัวอย่าง เพราะเหตุใดจึงคิดเช่นน้ัน (นักเรียนตอบตามความเขา้ ใจของตนเองซึ่งครูตอ้ งซักถามเพื่อใหน้ ักเรียนใหเ้ หตุผลวา่ แก๊สในความคิดของนักเรยี น ตอ้ งมสี มบตั ิอย่างไร) 2. นักเรียนเปิดหนังสือเรียนหน้า 59 อ่านชื่อกิจกรรม และ ทำเป็นคิดเป็น ตรวจสอบความเข้าใจของ นกั เรยี นเก่ยี วกบั สง่ิ ท่จี ะเรยี น โดยใช้คำถามดังตอ่ ไปน้ี 2.1 กิจกรรมนน้ี กั เรียนจะไดเ้ รียนเกย่ี วกบั เรอ่ื งอะไร (มวล และการต้องการที่อยู่ของแก๊ส) 2.2 นกั เรียนจะได้เรยี นเร่อื งน้ีด้วยวิธใี ด (การสังเกต) 2.3 เม่อื เรียนแล้วนักเรียนจะทำอะไรได้ (สามารถอธิบายเก่ยี วกบั มวล และการต้องการท่อี ยู่ ของแก๊ส) นักเรียนบันทกึ จดุ ประสงค์ของกิจกรรม จากน้ันอ่านส่งิ ทตี่ ้องใชใ้ นกิจกรรมซงึ่ ครูนำวัสดุอุปกรณ์ ต่าง ๆ มาแสดงให้นกั เรียนดทู ีละอย่างและยังไม่แจกอปุ กรณใ์ ห้แก่นักเรียน 3. นักเรยี นอา่ น ทำอย่างไร ตอนท่ี 1 ในหนังสือเรยี นหนา้ 59 โดยครใู ช้วธิ กี ารอา่ นตามความเหมาะสมกับ ความสามารถของนักเรยี น ครตู รวจสอบความเข้าใจข้ันตอนการทำกจิ กรรมทีละขอ้ โดยใช้คำถาม ดงั น้ี 3.1 กจิ กรรมนี้ใช้อะไรเป็นตวั แทนของแกส๊ (กิจกรรมนี้ใช้อากาศเป็นตัวแทนของแก๊ส) 3.2 นกั เรียนตอ้ งทำอย่างไรบา้ งในกิจกรรมตอนท่ี 1 (อภปิ รายว่าอากาศมีมวลหรือไม่ และหา วธิ ีตรวจสอบมวลของอากาศจากอุปกรณท์ ีก่ ำหนดให้) 3.3 จากรายการอุปกรณใ์ นสิ่งที่ต้องใช้ นกั เรียนจะเลอื กอุปกรณใ์ ดบ้างมาใช้หามวลของ อากาศ (นักเรียนตอบตามความเขา้ ใจ เชน่ ใชล้ ูกโปง่ ยางรดั ของ และเครอ่ื งชงั่ แบบคาน 3 แขน) 4. ครูให้เวลานักเรียนวางแผนการตรวจสอบมวลของอากาศโดยใช้อปุ กรณ์ที่กำหนดแล้วนำเสนอ ครู บนั ทกึ ผลการนำเสนอของนกั เรียนบนกระดาน จากน้ันรว่ มกันอภิปรายขน้ั ตอนการทำกิจกรรมซึง่ ควรไดผ้ ลดังนี้ ช่ัง มวลของลูกโป่งและยางรัดของ →เป่าลูกโป่ง รัดด้วยยางรดั ของแลว้ ชั่งมวล →คำนวณหามวลของอากาศ ครูให้ คำแนะนำวา่ เมอ่ื จะชง่ั ลูกโป่งทเ่ี ปา่ แลว้ ให้นักเรียนวางลกู โป่งบนเทปกาว 2 หนา้ ท่ีครูติดไวท้ เ่ี คร่ืองชัง่ เพื่อกันไม่ให้ ลูกโป่งลอย 5. ครใู หต้ ัวแทนนักเรียนมารบั อุปกรณ์และลงมอื ทำกจิ กรรม ตามขัน้ ตอนดังน้ี • รว่ มกันอภิปรายและให้เหตุผลเกยี่ วกับอากาศมีมวลหรือไม่ • ตรวจสอบมวลของอากาศ บันทกึ ผล
• อภปิ รายและลงข้อสรุปเกี่ยวกบั มวลของแกส๊ 6. หลังจากทำกิจกรรมแลว้ แตล่ ะกลุม่ เก็บอุปกรณ์ใหเ้ รยี บร้อยและนำเสนอผลการทำกจิ กรรม 7. ครูและนกั เรียนรว่ มกันอภปิ รายผลการทำกิจกรรม ตามแนวคำถามดังน้ี 7.1 มวลของลกู โปง่ เหมอื นหรอื แตกตา่ งกันระหวา่ งก่อนและหลงั การเปา่ อากาศเข้าไปใน ลูกโปง่ อยา่ งไร (แตกตา่ งกัน มวลของลกู โป่งเมอ่ื เป่าอากาศเข้าไปมมี วลมากกว่า) 7.2 นกั เรียนคน้ พบอะไรบา้ งจากกิจกรรมนี้ (อากาศมมี วล) 7.3 นกั เรยี นคดิ ว่าแกส๊ อืน่ ๆ มีมวลหรอื ไม่ และคิดวา่ มีวิธีตรวจสอบอยา่ งไร (แกส๊ มีมวล ตรวจสอบได้โดยนำแกส๊ นัน้ ๆ บรรจใุ นภาชนะทปี่ ดิ สนทิ แล้วนำมาชัง่ ) 7. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันอภิปรายและลงขอ้ สรุปว่า แก๊สมีมวล 8. ครูนำเขา้ สู่กจิ กรรม ตอนท่ี 2 โดยทบทวนสงิ่ ท่นี กั เรยี นไดเ้ รียนรเู้ ก่ียวกับสมบตั ิของแก๊สในกิจกรรมตอน ทผี่ ่านมา ซงึ่ นกั เรียนควรบอกได้วา่ กิจกรรมทผ่ี ่านมาไดเ้ รียนรวู้ า่ แก๊สมมี วล 9. นักเรียนอา่ น ทำอย่างไร ตอนท่ี 2 จากน้นั ร่วมกนั อภิปราย โดยใช้คำถามดงั นี้ 9.1 จุดประสงคข์ องกิจกรรมตอนที่ 2 คอื อะไร (สงั เกตและอธบิ ายเกี่ยวกบั การต้องการทอ่ี ยู่ ของแกส๊ ) 9.2 กิจกรรมน้ใี ชอ้ ะไรเป็นตวั แทนแกส๊ (กิจกรรมนี้ใชอ้ ากาศเป็นตัวแทนของแกส๊ ) 9.3 นักเรยี นต้องทำอะไรบ้างในกจิ กรรมน้ี (นักเรยี นควรตอบได้วา่ เม่ือบรรจนุ ้ำใหเ้ ตม็ แกว้ แล้วคว่ำลงในอ่างนำ้ จากนน้ั นำถงุ พลาสตกิ เปลา่ บรรจอุ ากาศให้เตม็ เสียบหลอดดูดท่ปี ากถุงแลว้ มัดปากถุงดว้ ยยาง รัดของให้แน่น คาดคะเนว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าสอดปลายหลอดดูดอีกด้านหนึ่งเข้าไปในแก้วที่บรรจุน้ำแล้วบีบถุง บรรจอุ ากาศเข้าไปในแก้ว บนั ทกึ ผล จากน้นั ทำกิจกรรมเพื่อตรวจสอบการคาดคะเน) 9.4 การบนั ทกึ ผลการคาดคะเนและการสังเกต นกั เรยี นทำอยา่ งไร ครแู นะนำให้นกั เรยี นดูแบบบนั ทึกประกอบ (จดบันทกึ และวาดรูป) 10. ตวั แทนนักเรยี นรับอปุ กรณ์แลว้ เร่มิ ทำกิจกรรม ตามขน้ั ตอนดงั น้ี • อภปิ รายและใหเ้ หตผุ ลเกี่ยวกบั อากาศตอ้ งการทอี่ ยู่หรือไม่ • บันทกึ ผลการคาดคะเนในแบบบันทกึ • วางแผนและตรวจสอบการต้องการท่อี ยู่ของอากาศ บนั ทกึ ผล • อภิปรายและลงข้อสรปุ เกยี่ วกบั การตอ้ งการทอ่ี ยขู่ องอากาศ 11.หลงั จากทำกิจกรรมแล้วแต่ละกลุ่มเกบ็ อปุ กรณ์และนำเสนอผลการทำกจิ กรรม 12. ครูอภปิ รายผลการทำกจิ กรรมรว่ มกบั นักเรียน โดยใชค้ ำถาม ดงั นี้ 12.1 เมอื่ บบี อากาศจากถงุ พลาสตกิ เขา้ ไปในแก้วนำ้ นกั เรยี นสังเกตเห็นอะไรบ้าง (นกั เรียน ตอบตามทสี่ งั เกตเหน็ ซึง่ ควรตอบไดว้ า่ เห็นฟองอากาศผดุ ข้นึ มาในน้ำสี ระดับนำ้ สีในแกว้ ลดลง) 12.2 ระดบั นำ้ สีทล่ี ดลงเป็นเพราะเหตุใด (เพราะอากาศจากถงุ พลาสติกเขา้ ไปอยแู่ ทนทีน่ ้ำทำ ใหน้ ้ำสบี างส่วนต้องยา้ ยทอี่ อกมาอยใู่ นอ่างนำ้ ) 12.3 จากสิ่งท่ีสงั เกตเหน็ อากาศตอ้ งการท่อี ยหู่ รือไม่ รไู้ ดอ้ ย่างไร (ต้องการท่ีอยู่ เพราะเมือ่
บบี อากาศเขา้ ไปในแก้วน้ำ ระดับน้ำสจี ะลดลง แสดงว่าอากาศเขา้ ไปแทนพื้นทีส่ ่วนที่นำ้ สีเคยครอบครองอยู่) 12.4 นักเรยี นค้นพบอะไรบา้ งจากกจิ กรรมนี้ (อากาศต้องการ ทอ่ี ยู่) 12.5 นกั เรียนสรปุ กจิ กรรมตอนน้ไี ด้อย่างไร (แก๊สต้องการ ทีอ่ ยู่) 13. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปราย และลงข้อสรุปกิจกรรมทั้ง 2 ตอนอีกครั้งหนึ่งว่า แก๊สมีมวลและ ต้องการทีอ่ ยู่ 14. นกั เรียนร่วมกันอภิปรายคำตอบใน ฉันร้อู ะไร โดยครูอาจเพมิ่ เติมคำถามในการอภิปรายเพื่อใหไ้ ด้ แนวคำตอบตามคำถามทา้ ยกจิ กรรมนี้ 15. นักเรียนเขียนสรุปส่ิงท่ีได้เรียนรู้ในกิจกรรมน้ี ด้วยสำนวนภาษาของตนเอง จากนั้นครูให้นกั เรยี นอ่าน สิ่งท่ีไดเ้ รียนรู้ และเปรียบเทียบกบั ข้อสรุปของตนเอง 16. ครชู ักชวนนกั เรยี นตอบคำถาม เร่อื งแกส๊ ว่าสสารใดบ้างมสี ถานะเปน็ แก๊สและรู้ได้อย่างไร (อากาศเป็น แกส๊ เพราะ มมี วลและต้องการทอ่ี ยู่ ปริมาตรและรปู ร่างของแก๊สไม่คงท)ี่ 17. นกั เรยี นตั้งคำถามใน อยากรอู้ กี ว่า ลงในแบบบันทกึ กิจกรรม จากน้นั ครสู ุ่มนักเรียน 2-3 คน นำเสนอ คำถามของตนเองหนา้ ชัน้ เรยี น 18. ครูนำอภิปรายเพื่อให้นักเรียนทบทวนว่าได้ฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะการ เรยี นรใู้ นศตวรรษที่ 21 ในขั้นตอนใดบ้างแลว้ ใหบ้ ันทกึ ในแบบบนั ทกึ กิจกรรม 7. ส่ือการสอน 1. หนังสอื เรยี น 2. แบบบนั ทกึ กิจกรรม 3. PowerPoint 4. รปู ภาพ 5. เครื่องชั่งแบบคาน 3 แขน 6. ลกู โปง่ 7. เทปใส 8. แกว้ น้ำใส 9. อ่างน้ำ 10. หลอดดูดแบบงอได้ 11. ถงุ พลาสติกใส 12. ยางรดั ของ 8. การวดั และประเมินผล 1. ประเมนิ ความรเู้ ดมิ จากการอภปิ รายในชนั้ เรยี น 2. ประเมนิ การเรยี นรจู้ ากคาตอบของนกั เรยี นระหวา่ งการจดั การเรยี นรแู้ ละจากแบบบนั ทกึ กจิ กรรม 3. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 จากการทากจิ กรรม ของนกั เรยี น
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 20 กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วิชา ว 14101 ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 4 เรื่อง แกส๊ มีปรมิ าตรและรปู ร่างเปน็ อย่างไร เวลา 1 ชัว่ โมง หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 4 วัสดแุ ละสสาร เวลาเรียน 21 ช่วั โมง ครูผสู้ อน นางสาวนวฉัตร นาเมอื งรกั ษ์ สอนวนั ท่ี …..….. เดอื น ….………… พ.ศ. …..………. โรงเรียนชมุ ชนวัดบา้ นระกาศ สำนักงานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษาประถมศกึ ษาสมุทรปราการ เขต 2 1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชว้ี ดั สาระที่ 2 วทิ ยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของ สสารกับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมี ตวั ช้วี ดั ป. 4/3 เปรียบเทียบสมบัติของสสาร ทั้ง 3 สถานะ จากข้อมูลที่ ได้จากการสังเกต มวล การ ตอ้ งการทอ่ี ยู่รปู รา่ ง และปริมาตรของสสาร ป. 4/4 ใชเ้ ครือ่ งมือเพอื่ วัด มวล และปริมาตรของสสารทั้ง 3 สถานะของวสั ดุ 2. สาระสำคญั วัสดุต่าง ๆ เป็นสสารซึง่ มีสถานะของแข็ง ของเหลวและแก๊ส สสารในสถานะต่าง ๆ มีสมบัติบาง ประการเหมือนกันและสมบัติบางประการแตกต่างกัน แก๊สมีมวล ต้องการที่อยู่ รูปร่างและปริมาตรของแก๊ส จะ เปลี่ยนแปลงไปตามรปู ร่างและปรมิ าตรของภาชนะทีบ่ รรจุ และฟุง้ กระจายเตม็ ภาชนะท่ีบรรจุเสมอ 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. สงั เกตและอธบิ ายเก่ียวกบั ปริมาตรและรปู ร่างของแกส๊ 4. สาระการเรยี นรู้ วัสดุต่าง ๆ เป็นสสารซึ่งมีสถานะของแข็ง ของเหลวและแก๊ส สสารในสถานะต่าง ๆ มีสมบัติบางประการ เหมือนกันและสมบตั ิบางประการแตกต่างกัน ของแข็งมีมวล ต้องการที่อยู่รปู รา่ งและปริมาตรคงท่ีของเหลวมมี วล ต้องการท่ีอยู่ รูปร่างจะเปลี่ยนแปลงไปตามภาชนะที่บรรจุ ปริมาตรคงที่ แก๊สมีมวล ต้องการที่อยู่ รูปร่างและ ปรมิ าตรของแก๊ส จะเปลี่ยนแปลงไปตามรูปร่างและปริมาตรของภาชนะที่บรรจุ และฟุ้งกระจายเต็มภาชนะที่บรรจุ เสมอ 5. สมรรถนะที่สำคญั ของผู้เรยี น
1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 6. กิจกรรมการเรยี นรู้ ขัน้ สรา้ งความสนใจ 1. ครูนำเข้าสู่กิจกรรม โดยทบทวนความรู้จากกิจกรรมที่ผ่านมาและนำเข้าสู่กิจกรรมใหม่เกี่ยวกับสมบัติ ของแกส๊ โดยอาจใชค้ ำถามดงั นี้ 1.1 จากกจิ กรรมที่ผา่ นมาเราได้เรยี นรูว้ า่ แกส๊ มสี มบตั ิอะไรบ้าง (แก๊สมมี วลและต้องการท่ี อยู่) 1.2 นอกจากแก๊สมีมวลและต้องการท่อี ยู่แลว้ ยงั มสี มบตั อิ ะไร อีกบ้าง (นกั เรียนตอบตาม ความเขา้ ใจ) ขัน้ สำรวจและค้นหา 2. นักเรียน อ่านชื่อกิจกรรม และ ทำเป็นคิดเป็น ในหนังสือเรียนหน้า 62 ครูตรวจสอบความเข้าใจของ นักเรยี นเกี่ยวกบั ส่ิงทจ่ี ะเรยี น โดยใชค้ ำถามดังต่อไปน้ี 2.1 กิจกรรมนี้นกั เรยี นจะไดเ้ รยี นเกีย่ วกบั เรอ่ื งอะไร (ปรมิ าตรและรูปรา่ งของแกส๊ ) 2.2 นักเรียนจะได้เรยี นเรื่องนดี้ ้วยวิธีใด (การสงั เกต) 2.3 เมอ่ื เรยี นแลว้ นักเรียนจะทำอะไรได้ (สามารถอธบิ ายเกีย่ วกับปรมิ าตรและรปู ร่างของ แกส๊ ) นกั เรยี นบนั ทกึ จุดประสงค์ของกิจกรรมและอา่ นสงิ่ ท่ีต้องใช้ในการทำกจิ กรรม จากนน้ั ครนู ำอุปกรณ์มาแสดง ให้นักเรียนดูทลี ะอย่าง 3. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ อา่ น ทำอยา่ งไร ตอนที่ 1 และอภิปรายร่วมกัน โดยครูอาจใชค้ ำถามดงั นี้ 3.1 จุดประสงค์ของกจิ กรรมตอนที่ 1 คอื อะไร (สังเกตและอธิบายเกยี่ วกับปรมิ าตรของ อากาศ) 3.2 นกั เรยี นตอ้ งทำอยา่ งไรบ้างในกิจกรรมตอนน้ี (ดงึ ก้านหลอดฉดี ยาเพอื่ ดดู อากาศเข้าไปใน หลอดจนเต็ม อ่านปริมาตรของอากาศในหลอดฉีดยา จากนั้นคาดคะเนว่าเมื่อปิดปลายหลอดฉีดยาและดันก้าน หลอดฉีดยาจนดันต่อไปไม่ได้ ปริมาตรของอากาศจะเป็นอย่างไรและเมื่อปล่อยก้านหลอดฉีดยา ปริมาตรของ อากาศจะเปน็ อยา่ งไร ทำกจิ กรรมเพอื่ ตรวจสอบการคาดคะเน) 3.3 ในการบนั ทกึ ผลการสังเกต นักเรียนทำอยา่ งไร ครใู ห้นักเรียนเปิดแบบบันทึก และ แนะนำวธิ บี ันทกึ 4. ตวั แทนนักเรยี นมารบั อุปกรณ์และเรม่ิ ทำกจิ กรรม ตามลำดับขน้ั ตอนดงั น้ี
• ดงึ กา้ นหลอดฉดี ยาจนสุด บนั ทกึ ปริมาตรอากาศ • คาดคะเนว่าถา้ ใชม้ ือปิดปลายหลอดฉีดยาและดนั ก้านหลอดฉีดยาจนดันต่อไปไม่ได้ ปริมาตรของอากาศจะเป็นอยา่ งไร และเมอ่ื ปล่อยกา้ นหลอดฉีดยา ปรมิ าตรของอากาศจะเป็นอย่างไร บนั ทกึ ผล • ทำกจิ กรรมเพ่ือตรวจสอบการคาดคะเน บนั ทกึ ผล เม่อื ดันกา้ นหลอดฉดี ยาไม่ได้ และเมือ่ ปลอ่ ยกา้ นหลอดฉดี ยา • อภิปรายและลงขอ้ สรุปเก่ยี วกับปรมิ าตรของแก๊ส 5. หลงั จากทำกิจกรรมเสรจ็ แล้วใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลุ่มเก็บอุปกรณ์ใหเ้ รยี บร้อยและและนำเสนอผลการทำ กิจกรรม 6. ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั อภิปรายผลการทำกจิ กรรม ตามแนวคำถามดงั ตอ่ ไปนี้ 6.1 นกั เรยี นสังเกตเหน็ อะไรบา้ งเม่ือดันกา้ นหลอดฉีดยา จนดันตอ่ ไปไมไ่ ดแ้ ละเม่ือปลอ่ ยมือที่ ดันก้านหลอดฉีดยา (สามารถดันก้านหลอดฉีดยาได้ระดับหนึ่ง พบว่าปริมาตรของอากาศลดลงและเมื่อปล่อยมือที่ ดนั ก้านหลอดฉดี ยาจะเลื่อนขึน้ แสดงวา่ ปรมิ าตรของอากาศเพิ่มขนึ้ ) 6.2 อากาศภายในหลอดฉดี ยาออกมาภายนอกหลอดฉีดยาหรือไม่ (ไม่มี เพราะ อดุ ปลายหลอดฉีดยาแน่นจนอากาศออกมาไมไ่ ด้) 6.3 จากสิง่ ทค่ี ้นพบ ลงความเห็นไดว้ ่าอย่างไร (ปรมิ าตร ของอากาศเปล่ยี นแปลงได้) 6.4 จากสิ่งท่คี ้นพบ แก๊สมสี มบัติอย่างไร (ปริมาตรของแก๊สไมค่ งท)ี่ 7. ครูนำเข้าสู่กิจกรรมตอนท่ี 2 โดยให้นกั เรยี นอภิปรายว่าแก๊สยังมีสมบตั ิอะไรอีกบา้ ง จากนั้นให้นักเรยี น อ่าน ทำอย่างไร ตอนท่ี 2 และอภิปรายรว่ มกนั โดยครูอาจใช้คำถามว่าจุดประสงค์ของกจิ กรรมตอนท่ี 2 คืออะไร (เพอื่ สังเกตรปู รา่ งของอากาศ) 8. หลังจากนักเรียนเข้าใจวิธีการทำกิจกรรมแลว้ ครูให้ตัวแทนนักเรียนมารับอุปกรณ์และเริ่มทำกิจกรรม ตามขัน้ ตอนดังน้ี เป่าอากาศเข้าไปในลกู โปง่ • คาดคะเนว่าถา้ ใหอ้ ากาศจากลูกโปง่ ผา่ นหลอดพลาสติกแขง็ เขา้ ไปในถงุ มือยาง รปู รา่ งของ ถุงมือยางจะเป็นอย่างไร • ทำกจิ กรรมเพ่อื ตรวจสอบการคาดคะเน บันทึกผล ( • อภปิ รายและลงข้อสรปุ เกี่ยวกับรูปร่างของแก๊ส 9. หลังจากทำกิจกรรมเสร็จแล้วนักเรียนแต่ละกลุ่มเก็บอุปกรณ์ให้เรียบร้อยและนำเสนอผลการทำ กิจกรรม ขัน้ อภิปรายและลงขอ้ สรปุ 10.ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันอภปิ รายผลการทำกจิ กรรม ตามแนวคำถามดังตอ่ ไปนี้ 10.1 รปู ร่างของอากาศในลูกโป่งเปน็ อยา่ งไร (อากาศ มรี ปู ร่างคล้ายทรงกลมเหมือนลกู โป่ง) 10.2 เม่ือปลอ่ ยอากาศจากลกู โป่งเขา้ ไปในถงุ มือยางรปู รา่ งของอากาศเปน็ อย่างไร (อากาศที่ เข้าไปในถุงมือยาง จะมีรปู ร่างเหมือนถุงมอื ) 10.3 จากสิง่ ท่ีคน้ พบ นกั เรียนลงความเหน็ ได้ว่าอยา่ งไร (อากาศมรี ปู รา่ งไม่คงที่ เปลี่ยนแปลง
ตามภาชนะที่บรรจุ และฟงุ้ กระจายเต็มภาชนะ) 10.4 จากสิ่งทคี่ ้นพบ แกส๊ มีสมบตั อิ ยา่ งไร (แก๊สมีรูปร่าง ไมค่ งท่ี เปลย่ี นแปลงตามภาชนะท่ี บรรจุ และฟ้งุ กระจายเต็มภาชนะ) 11. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั อภิปรายกิจกรรมที่ 3.1 และ 3.2 และลงข้อสรุปร่วมกนั ว่า แกส๊ มมี วล ตอ้ งการ ที่อยู่ รูปร่างและปริมาตรไม่คงที่ ครูอาจใช้คำถามเพื่อเปรียบเทียบสมบัติของสสารทั้ง 3 สถานะว่าสมบัติของแก๊ส เหมือนและแตกต่างจากของแข็งและของเหลวอย่างไร (แก๊สมีมวลและต้องการที่อยู่เช่นเดียวกับของแข็งและ ของเหลว แก๊สมีสมบัติแตกต่างจากของแขง็ คือ ปริมาตรและรูปร่างของแก๊สไม่คงที่ ในขณะที่ปริมาตรและรปู ร่าง ของของแข็งคงที่ เมื่อเปรียบเทียบสมบัติของแก๊สกับของเหลวพบว่า แก๊สและของเหลวมีสมบัติที่เหมือนกันคือ รูปร่างไม่คงที่ เปลี่ยนแปลงตามภาชนะที่บรรจุ แต่สมบัติที่แตกต่างกันคือ ของเหลวไม่ฟุ้งกระจายขณะที่แก๊สฟุ้ง กระจายได้ และปริมาตรของของเหลวคงท่ี ขณะทป่ี ริมาตรของแก๊สไม่คงที่) ขัน้ ขยายความรู้ 12.นักเรียนตอบคำถาม ฉันรู้อะไร และ อยากรู้อีกว่า ในแบบบันทึกกิจกรรม จากนั้น นักเรียนนำเสนอ คำถามคนละ 1 ข้อ หน้าชั้นเรียน และให้ระบุว่า ในกิจกรรมนี้นักเรียนได้ฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และทกั ษะในศตวรรษที่ 21 อะไรบ้างแล้วบนั ทกึ ลงในแบบบันทกึ กจิ กรรม 13. นกั เรยี นร่วมกันอภปิ รายคำตอบใน ฉันรู้อะไร โดยครอู าจเพ่มิ เติมคำถามในการอภปิ รายเพ่อื ให้ได้แนว คำตอบตามคำถามทา้ ยกจิ กรรมน้ี ขั้นประเมนิ 14. นักเรียนเขยี นสรปุ สิ่งทไ่ี ดเ้ รยี นรใู้ นกจิ กรรมนีด้ ว้ ยสำนวนภาษาของตนเอง จากนนั้ นกั เรยี นอ่าน สิง่ ท่ไี ด้ เรียนรู้ และเปรยี บเทยี บกับข้อสรปุ ของตนเอง 15. ครูชักชวนนักเรียนตอบคำถามจากเนื้อเรือ่ งในเรื่องแก๊ส ว่ามีอะไรบ้างที่เป็นแก๊สและมีสมบัติอย่างไร (จากเนื้อเร่ือง มีแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ไอน้ำ และลมหายใจ แก๊สมีสมบัติดังนี้ แก๊สมีมวล ต้องการที่อยู่มีรูปร่าง และปริมาตรไม่คงท)ี่ 16. นักเรียนร่วมกันอ่าน รู้อะไรในเรื่องนี้ ในหนังสือเรียน จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเพ่ือ นำไปสู่ข้อสรุปเกี่ยวกับสิ่งที่ได้เรียนรู้ในเรื่องนี้และการนำแก๊สมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน เช่น จากนั้นครู ชักชวนใหน้ ักเรียนอภิปรายเกีย่ วกับการนำแก๊สมาใช้ประโยชน์ เช่น การเปา่ อากาศเข้าไปในห่วงยางสำหรับใช้พยุง ตวั ในการวา่ ยน้ำ เปน็ ตน้ 7. สอ่ื การสอน 1. หนังสอื เรียน 2. แบบบนั ทึกกิจกรรม 3. PowerPoint 4. รูปภาพ 5. หลอดฉดี ยา
6. ถงุ มือยาง 7. ลกู โป่ง 8. ยางรัดของ 9. หลอดพลาสติกแขง็ 8. การวัดและประเมินผล 1. ประเมนิ ความรเู้ ดมิ จากการอภปิ รายในชนั้ เรยี น 2. ประเมนิ การเรยี นรจู้ ากคาตอบของนกั เรยี นระหว่างการจดั การเรยี นรแู้ ละจากแบบบนั ทกึ กจิ กรรม 3. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์และทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 จากการทากจิ กรรม ของนกั เรยี น
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 21 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหัสวิชา ว 14101 ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 4 เร่อื ง ทบทวนสถานะของสสาร เวลา 1 ชวั่ โมง หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 4 วัสดุและสสาร เวลาเรียน 21 ชว่ั โมง ครผู สู้ อน นางสาวนวฉัตร นาเมอื งรกั ษ์ สอนวันท่ี …..….. เดือน ….………… พ.ศ. …..………. โรงเรียนชมุ ชนวดั บา้ นระกาศ สำนักงานเขตพืน้ ทกี่ ารศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการ เขต 2 1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตวั ชีว้ ดั สาระท่ี 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบตั ขิ องสสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งสมบัติของ สสารกับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกดิ ปฏิกิริยาเคมี ตวั ชีว้ ดั ป. 4/3 เปรียบเทียบสมบัติของสสาร ทั้ง 3 สถานะ จากข้อมูลท่ี ได้จากการสังเกต มวล การ ต้องการท่ีอยู่รปู รา่ ง และปริมาตรของสสาร ป. 4/4 ใชเ้ ครอื่ งมอื เพอ่ื วัด มวล และปริมาตรของสสารทง้ั 3 สถานะของวสั ดุ 2. สาระสำคญั วัสดุต่าง ๆ เป็นสสารซึ่งมีสถานะของแข็ง ของเหลวและแก๊ส สสารในสถานะต่าง ๆ มีสมบัติบาง ประการเหมอื นกันและสมบัตบิ างประการแตกตา่ งกัน 3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. เปรียบเทียบสมบัติของสสารในสถานะของแข็ง ของเหลวและแก๊ส จากการสังเกต มวล การต้องการท่ี อยู่ รปู รา่ ง และปริมาตร 2. ใชเ้ ครอ่ื งมือวัดมวล ปรมิ าตรของสสารในสถานะของแขง็ ของเหลวและแกส๊ 4. สาระการเรียนรู้ วัสดุต่าง ๆ เป็นสสารซึ่งมีสถานะของแข็ง ของเหลวและแก๊ส สสารในสถานะต่าง ๆ มีสมบัติบางประการ เหมือนกันและสมบตั ิบางประการแตกต่างกัน ของแข็งมีมวล ต้องการที่อยู่รูปรา่ งและปริมาตรคงท่ีของเหลวมมี วล ต้องการที่อยู่ รูปร่างจะเปลี่ยนแปลงไปตามภาชนะที่บรรจุ ปริมาตรคงท่ี แก๊สมีมวล ต้องการที่อยู่ รูปร่างและ ปริมาตรของแก๊ส จะเปลยี่ นแปลงไปตามรูปร่างและปริมาตรของภาชนะที่บรรจุ และฟงุ้ กระจายเต็มภาชนะท่ีบรรจุ เสมอ 5. สมรรถนะทีส่ ำคญั ของผู้เรียน
1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 6. กจิ กรรมการเรียนรู้ ขั้นสรา้ งความสนใจ 1. นกั เรยี นวาดรปู หรอื เขียนสรุปส่ิงท่ไี ด้เรียนร้จู ากบทน้ี ในแบบบนั ทึกกจิ กรรม ข้ันสำรวจและคน้ หา 2. นกั เรียนตรวจสอบการสรุปสงิ่ ทีไ่ ด้เรยี นร้ขู องตนเองโดยเปรยี บเทยี บกบั แผนภาพในหวั ข้อ รอู้ ะไรในบท นี้ ในหนังสอื เรียน 3. นักเรียนกลับไปตรวจสอบคำตอบของตนเองใน สำรวจความรู้ก่อนเรียน ในแบบบันทึกกิจกรรม หน้า 34 อีกครั้ง หากคำตอบของนักเรียนไม่ถูกต้องให้ขีดเส้นทับข้อความเหล่านั้น แล้วแก้ไขให้ถูกต้อง หรืออาจแก้ไข คำตอบด้วยปากกาต่างสี นอกจากนี้ครูอาจนำสถานการณ์ ในรูปนำบทในหนังสือเรียน มาร่วมกันอภิปรายคำตอบ อีกครั้ง ดังน้ี “การเป่าฟองสบู่ มีสสารในสถานะใดบ้าง” ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายแนวทางการตอบคำถาม เชน่ มีแกส๊ ของแข็งและของเหลว โดยนำ้ สบเู่ ป็นของเหลว ขวดเปน็ ของแขง็ อากาศท่อี ย่ใู นฟองสบู่เปน็ แก๊ส ขน้ั อภปิ รายและลงข้อสรุป 4. นักเรียนทำ แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 2 จากนั้นนำเสนอคำตอบหน้าชั้นเรียน ถ้าคำตอบไม่ถูกต้องครูนำ อภิปรายหรือให้สถานการณ์เพม่ิ เตมิ เพอื่ แกไ้ ขแนวคิดคลาดเคล่ือนให้ถูกต้อง ขน้ั ขยายความรู้ 5. นักเรียนร่วมกนั ทำกิจกรรม รว่ มคิดรว่ มทำ ขน้ั ประเมนิ 6. นักเรยี นร่วมกันอ่านและอภิปรายเนื้อเรอ่ื งในหวั ขอ้ วทิ ยใ์ กล้ตัว 7. สือ่ การสอน 1. หนังสอื เรยี น 2. แบบบนั ทกึ กจิ กรรม 3. PowerPoint 4. รปู ภาพ 8. การวดั และประเมนิ ผล 1. ประเมนิ ความรเู้ ดมิ จากการอภปิ รายในชนั้ เรยี น
2. ประเมนิ การเรยี นรจู้ ากคาตอบของนกั เรยี นระหวา่ งการจดั การเรยี นรแู้ ละจากแบบบนั ทกึ กจิ กรรม 3. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 จากการทากจิ กรรม ของนกั เรยี น
หน่วยที่ 5 โลกและอวกาศ
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 1 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วชิ า ว 14101 ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 4 เรอ่ื ง โลกและอวกาศ เวลา 2 ชวั่ โมง หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 4 วัสดุและสสาร เวลาเรียน 16 ช่ัวโมง ครูผ้สู อน นางสาวนวฉตั ร นาเมืองรักษ์ สอนวนั ที่ …..….. เดือน ….………… พ.ศ. …..………. โรงเรียนชุมชนวัดบา้ นระกาศ สำนกั งานเขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษาประถมศกึ ษาสมุทรปราการ เขต 2 1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวช้ีวัด สาระที่ 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิต และการประยุกต์ใช้ เทคโนโลยอี วกาศ ตวั ชี้วดั ป. 4/1. อธิบายแบบรปู เส้นทางการข้ึนและตกของดวงจันทร์ โดยใชห้ ลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ ป. 4/2 สร้างแบบจำลองที่อธิบายแบบรูปการเปลี่ยนแปลงรูปร่างปรากฏของดวงจันทร์และพยากรณ์ รปู รา่ งปรากฏของดวงจนั ทร์ 2. สาระสำคัญ ดวงจันทร์เป็นดาวที่มีลักษณะคล้ายทรงกลม เป็นบริวารของโลก ในคืนวันเพ็ญจะมองเห็นดวง จันทร์มีรูปร่างคล้ายวงกลม มีสีขาวนวล มีร่องรอยสีเทาแต่งแต้ม ดวงจันทร์มีปรากฏการณ์การขึ้นและตกและการ เปลีย่ นแปลงรปู ร่างอยา่ งต่อเนอ่ื งและคงทเ่ี ปน็ แบบรปู 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายแบบรูปการมองเห็นการข้นึ และตกของดวงจันทร์ 2. สรา้ งแบบจำลองทอ่ี ธบิ ายและพยากรณก์ ารเปลีย่ นแปลงรูปร่างของดวงจนั ทรใ์ นแตล่ ะวัน 4. สาระการเรยี นรู้ ดวงจันทร์เป็นดาวที่มีลักษณะคล้ายทรงกลม เป็นบริวารของโลก ในคืนวันเพ็ญจะมองเห็นดวงจันทร์มี รปู ร่างคล้ายวงกลม มีสขี าวนวล มีร่องรอยสีเทาแต่งแต้ม ดวงจนั ทร์มปี รากฏการณ์การข้ึนและตก ซ่ึงเกิดจากการท่ี โลกหมุนรอบตัวเองในทิศทางทวนเข็มนาฬิกาเม่ือมองจากบริเวณเหนือขั้วโลกเหนือ ทำให้คนบนโลกมองเห็นดวง จันทร์ปรากฏขึ้นจากขอบฟ้าทางด้านตะวันออกและลับ ขอบฟ้าทางด้านตะวันตก รูปร่างของดวงจันทร์ที่มองเห็น
บนทอ้ งฟา้ ในแต่ละวันแตกตา่ งกัน โดยช่วงเวลาท่ีมองเหน็ ดวงจันทร์มสี ว่ นสวา่ งมากขน้ึ จนสว่างเต็มดวง เปน็ ข้างขึ้น ส่วนช่วงเวลาทส่ี ว่ นสวา่ งลดลง จนมดื ทงั้ ดวงเป็นขา้ งแรม 5. สมรรถนะทสี่ ำคญั ของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 6. กจิ กรรมการเรียนรู้ ข้ันสรา้ งความสนใจ 1. นำเข้าสู่บทเรียนโดยให้นักเรียนนำเสนอนิทานที่เกี่ยวกับดวงจันทร์ จากนั้นครูสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับ ดวงจันทรด์ ว้ ยคำถามดงั น้ี 1.1 ดวงจนั ทรใ์ นนิทานมรี ปู รา่ งอยา่ งไร (นักเรยี นตอบไดต้ ามความคิดของตนเอง) 1.2 ในอวกาศดวงจนั ทรม์ รี ปู รา่ งอยา่ งไร เหมือนหรือแตกตา่ งจากดวงจนั ทร์ที่มองเห็นบน ทอ้ งฟ้า (นกั เรยี นตอบได้ตามความคดิ ของตนเอง) 1.3 ดวงจนั ทรเ์ กยี่ วข้องกบั เราหรือไม่ อย่างไร (นักเรยี นตอบได้ตามความคดิ ของตนเอง) ขัน้ สำรวจและค้นหา 2. นักเรียนอภปิ รายความรู้พน้ื ฐานเกย่ี วกับการขน้ึ และตกของดวงอาทิตย์ทน่ี ักเรยี นเคยสังเกต โดยอาจใช้ คำถามดังนี้ 2.1 นกั เรยี นร้จู ักปรากฏการณ์อะไรบา้ งทีเ่ กย่ี วกับดวงอาทิตย์ (ปรากฏการณก์ ารข้ึนและตก ของดวงอาทติ ย์ กลางวนั และกลางคืน) 2.2 นกั เรียนรจู้ ักปรากฏการณ์อะไรบา้ งที่เก่ียวกบั ดวงจนั ทร์ (นกั เรียนตอบไดต้ ามความเข้าใจ ของตนเอง แต่เมื่อจบบทเรียนนักเรียนควรตอบได้ว่า ปรากฏการณ์การขึ้นและตกและปรากฏการณ์การ เปล่ียนแปลงรูปรา่ งของดวงจันทร์) 3. ครูชกั ชวนนักเรยี นศึกษาเร่อื ง ดวงจันทรข์ องเรา โดยใหน้ กั เรยี นอา่ นหนังสอื เรียนบทท่ี 1 ของหนว่ ยท่ี 5 หน้า73 โดยเริ่มจากการอ่านชื่อบทและจุดประสงค์การเรียนรู้ประจำบท จากนั้นครูตรวจสอบความเข้าใจด้วย คำถามดังน้ี 3.1 เม่อื จบบทเรยี นนักเรยี นจะสามารถทำอะไรไดบ้ ้าง (อธิบายแบบรูปการมองเหน็ การขึ้น และตกของดวงจันทร์ และสร้างแบบจำลองที่อธิบายและพยากรณ์การเปลี่ยนแปลงรูปร่างของดวงจันทร์ในแต่ละ วนั ) ข้ันอภิปรายและลงข้อสรปุ 4. นกั เรียนเปิดหนังสือเรยี นหน้า 74 อ่านช่อื บท และแนวคิดสำคัญ โดยครูอาจใชค้ ำถาม ดังนี้ 4.1 ในบทนี้จะเรยี นเรือ่ งอะไรบา้ ง (ในบทนจี้ ะไดเ้ รียนเรอื่ งปรากฏการณก์ ารขนึ้ และตกและ การเปลี่ยนแปลงรปู ร่างของดวงจนั ทร์)
5. นักเรียนอ่านเนื้อเรื่องในหนังสือเรียน หน้า 74 โดยใช้วิธีอ่านตามความเหมาะสม แล้วถามประเมิน ความเข้าใจจากการอ่านทลี ะย่อหน้าตามแนวคำถามดังตอ่ ไปน้ี 5.1 จากเน้อื เรอื่ งกลา่ วถึงดาวดวงใดบ้าง (ดวงอาทติ ย์ โลก และดวงจนั ทร์) 5.2 คนบนโลกสามารถสงั เกตดวงจันทร์ไดช้ ดั เจนในเวลาใด (ยามค่ำคืน) 5.3 นักเรยี นคิดว่า ปรากฏการณ์ มีความหมายวา่ อย่างไร (นักเรียนตอบได้ตามความเข้าใจ ของตนเอง ครูอาจให้นักเรียนช่วยกันเปิดพจนานุกรมฉบบั นักเรียน และให้ความรู้ว่า ปรากฏการณ์ หมายถึง สิ่งท่ี สำแดงหรือแสดงออกมาให้เหน็ ) 5.4 เม่อื สังเกตท้องฟา้ นักเรยี นเคยเห็นปรากฏการณ์ของดวงจันทรอ์ ย่างไรบ้าง (ปรากฏการณ์การขึ้นและตกของ ดวงจันทร์ และปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงรูปร่าง โดยนักเรียนอธิบาย ปรากฏการณด์ งั กล่าวไดต้ ามความเข้าใจของตนเอง) ขน้ั ขยายความรู้ 6. ครูชักชวนนักเรียนทำสำรวจความรู้ก่อนเรยี น ตั้งคำถามว่านักเรียนรู้อะไรแล้วบ้างเกี่ยวกับดวงจันทร์ ของเรา 7. นักเรียนทำสำรวจความรูก้ อ่ นเรียน ในแบบบันทกึ กิจกรรม หน้า 76 โดยอา่ น ชือ่ หน่วย ช่อื บท ขั้นประเมนิ 8. นักเรยี นอา่ นคำถาม ครูตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี นเก่ียวกับคำถามแตล่ ะข้อ จนแน่ใจว่านักเรียน สามารถทำได้ด้วยตนเอง จึงให้นักเรียนตอบคำถาม โดยคำตอบของแต่ละคนอาจแตกต่างกันได้ และอาจตอบถูก หรือผิดกไ็ ด้ 9. ครูสังเกตการตอบคำถามของนักเรียนเพื่อตรวจสอบว่านักเรียนมีแนวคิดเกี่ยวกับการขึ้นและตกและ รูปร่างของดวงจันทร์อย่างไรบ้าง โดยยังไม่ต้องเฉลยคำตอบที่ถูกต้องกับนักเรียน แต่จะให้นักเรียนย้อนกลับมา ตรวจสอบอีกครั้งหลังเรียนจบบทนีแ้ ล้ว ทั้งนี้ครูอาจบันทึกแนวคิดคลาดเคลื่อนหรอื แนวคิดท่ีน่าสนใจของนกั เรยี น แล้วนำมาออกแบบการจัดการเรียนการสอนเพ่ือแก้ไขแนวคิดใหถ้ ูกต้อง 7. ส่ือการสอน 1. หนงั สอื เรยี น 2. แบบบันทึกกิจกรรม 3. PowerPoint 4. รูปภาพ 8. การวัดและประเมินผล 1. ประเมนิ ความรเู้ ดมิ จากการอภปิ รายในชนั้ เรยี น 2. ประเมนิ การเรยี นรจู้ ากคาตอบของนกั เรยี นระหวา่ งการจดั การเรยี นรแู้ ละจากแบบบนั ทกึ กจิ กรรม
3. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 จากการทากจิ กรรม ของนกั เรยี น
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 2 กลุม่ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รหสั วชิ า ว 14101 ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 เรอ่ื ง การข้นึ และตกและรปู ร่างของดวงจันทร์ เวลา 2 ชวั่ โมง หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 วัสดุและสสาร เวลาเรียน 16 ชวั่ โมง ครผู ู้สอน นางสาวนวฉตั ร นาเมอื งรกั ษ์ สอนวันที่ …..….. เดือน ….………… พ.ศ. …..………. โรงเรยี นชุมชนวัดบ้านระกาศ สำนักงานเขตพนื้ ท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาสมทุ รปราการ เขต 2 1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวช้วี ดั สาระท่ี 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะที่สง่ ผลต่อสิ่งมีชีวติ และการประยุกต์ใช้ เทคโนโลยีอวกาศ ตวั ช้ีวัด ป. 4/1. อธบิ ายแบบรูปเสน้ ทางการขึน้ และตกของดวงจันทร์ โดยใช้หลักฐานเชงิ ประจักษ์ ป. 4/2 สร้างแบบจำลองที่อธิบายแบบรูปการเปลี่ยนแปลงรูปร่างปรากฏของดวงจันทร์และพยากรณ์ รูปร่างปรากฏของดวงจนั ทร์ 2. สาระสำคัญ ดวงจันทร์เป็นดาวที่มีลักษณะคล้ายทรงกลม เป็นบริวารของโลก ในคืนวันเพ็ญจะมองเห็นดวง จันทร์มีรูปร่างคล้ายวงกลม มีสีขาวนวล มีร่องรอยสีเทาแต่งแต้ม ดวงจันทรม์ ีปรากฏการณ์การขึ้นและตกและการ เปลย่ี นแปลงรปู รา่ งอยา่ งต่อเนือ่ งและคงท่เี ป็นแบบรูป 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธบิ ายลกั ษณะการเคลอื่ นที่ท่ีสมั พันธก์ ันของดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์ 2. สรา้ งแบบจำลองและอธิบายปรากฏการณก์ ารขน้ึ และตกของดวงจันทร์ 3. สร้างแบบจำลองท่ีอธิบายและพยากรณป์ รากฏการณ์การเปลยี่ นแปลงรปู รา่ งของ ดวงจนั ทร์ในแตล่ ะวัน 4. พยากรณก์ ารเปล่ียนแปลงรปู ร่างของดวงจนั ทร์ในแต่ละวนั 4. สาระการเรยี นรู้ ดวงจันทร์เป็นดาวที่มีลักษณะคล้ายทรงกลม เป็นบริวารของโลก ในคืนวันเพ็ญจะมองเห็นดวงจันทร์มี รปู ร่างคลา้ ยวงกลม มีสขี าวนวล มีร่องรอยสเี ทาแต่งแตม้ ดวงจันทร์มปี รากฏการณ์การขนึ้ และตก ซ่ึงเกิดจากการท่ี โลกหมุนรอบตัวเองในทิศทางทวนเข็มนาฬิกาเมื่อมองจากบริเวณเหนือขั้วโลกเหนือ ทำให้คนบนโลกมองเห็นดวง จันทร์ปรากฏขึ้นจากขอบฟ้าทางด้านตะวันออกและลับ ขอบฟ้าทางด้านตะวันตก รูปร่างของดวงจันทร์ที่มองเหน็
บนท้องฟ้าในแตล่ ะวนั แตกต่างกัน โดยชว่ งเวลาทมี่ องเหน็ ดวงจนั ทรม์ สี ่วนสวา่ งมากขน้ึ จนสวา่ งเต็มดวง เป็นข้างข้ึน สว่ นชว่ งเวลาทส่ี ว่ นสว่างลดลง จนมืดทัง้ ดวงเปน็ ข้างแรม 5. สมรรถนะทสี่ ำคัญของผูเ้ รียน 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 6. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขนั้ สรา้ งความสนใจ 1. ครูนำเข้าสู่บทเรียน โดยให้นักเรียนชมวีดิทัศน์หรือรูปนักบินอวกาศบนดวงจันทร์ จากนั้นตรวจสอบ ความรูเ้ ดมิ เกยี่ วกับ ดวงจนั ทร์ โดยใชค้ ำถามดังน้ี 1.1 ดาวดวงแรกท่นี ักบินอวกาศเดนิ ทางไปลงบนดาวดวงน้ีคือดาวอะไร (ดวงจันทร์) 1.2 เหตุใดนกั ดาราศาสตรจ์ ึงใหค้ วามสนใจดาวดวงน้ี (นกั เรยี นตอบไดต้ ามความคิดของ ตนเอง) 1.3 นกั เรยี นอยากรอู้ ะไรเก่ียวกับดวงจนั ทรอ์ กี บ้าง (นกั เรียนตอบได้ตามความคดิ ของตนเอง) ครูเชื่อมโยงสู่การเรียนเรื่องการขึ้นและตกและรูปร่างของดวงจันทร์ โดยกล่าวว่า จากคำถามของนักเรียนอาจหา คำตอบได้เมอ่ื นักเรียนอ่านเรื่องการขึ้นและตกและรูปร่างของดวงจันทร์ ขนั้ สำรวจและคน้ หา 2. นักเรียนอ่าน ชื่อเรื่อง และคำถามใน คิดก่อนอ่าน ในหนังสือเรียน แล้วร่วมกันอภิปรายในกลุ่มเพือ่ หา แนวคำตอบ ครูบนั ทกึ คำตอบของนกั เรียนบนกระดานเพ่ือใช้เปรยี บเทียบคำตอบหลังการอ่านเรื่อง 3. นกั เรยี นอ่านคำใน คำสำคญั ทง้ั ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ครูอาจใหน้ ักเรียนอธบิ ายความหมายตาม ความเข้าใจ และชักชวนใหห้ าความหมายที่ถกู ตอ้ งจากการอ่านเน้ือเรื่อง 4. ครูชวนนักเรียนอ่านเนื้อเรือ่ ง โดยฝึกการอ่านตามวิธีทีเ่ หมาะสมกับความสามารถของนักเรียน จากน้ัน ร่วมกันอภปิ รายใจความสำคัญตามแนวคำถามดงั น้ี 4.1 ดวงจนั ทร์มลี กั ษณะอยา่ งไร (ดวงจนั ทร์มลี ักษณะคลา้ ยทรงกลม มีพื้นผิวขรขุ ระเป็นหลุม บ่อ) 4.2 เหตุใดดวงจันทรจ์ งึ เปน็ บรวิ ารของโลก (เพราะ ดวงจนั ทร์เคล่อื นทีห่ รอื โคจรรอบโลก) 4.3 ดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์มีการเคล่อื นทส่ี มั พนั ธ์กันอย่างไร (ดวงจนั ทร์หมนุ รอบ
ตัวเองและโคจรรอบโลกในทิศทางทวนเข็มนาฬิกา ขณะที่โลกหมุนรอบตัวเองและโคจรไปรอบดวงอาทิตย์ ใน ทศิ ทางทวนเขม็ นาฬิกา เมือ่ สังเกตจากบริเวณเหนือข้ัวโลกเหนือ) ครอู าจให้นกั เรียนแสดงบทบาทสมมติ แสดงการ เคลื่อนที่ที่สัมพันธ์กันของดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์ โดยให้นักเรียน จัดกลุ่ม กลุ่มละ 3 คน แสดงบทบาท สมมตติ ามท่ีกำหนด 4.4 บนดวงจนั ทร์มีกระต่าย หรอื ตากับยายจรงิ หรอื ไม่ เพราะเหตุใด (ไมม่ จี รงิ เพราะ สงิ่ ที่ มองเห็นคอื รอ่ งรอยสีเทา ซ่ึงบางคนอาจจนิ ตนาการเป็นรปู ร่างแตกต่างกนั เชน่ กระตา่ ย) 4.5 ความสวา่ งของทอ้ งฟา้ ในคืนท่มี ีดวงจันทรเ์ ตม็ ดวงเป็นอย่างไร เก่ยี วข้องกับการมองเหน็ อย่างไร (ท้องฟ้าจะสวา่ งกวา่ คนื อ่ืน ๆ สามารถมองเห็นสงิ่ ตา่ ง ๆ ชัดเจน) 4.6 รปู ร่างของดวงจนั ทรเ์ กยี่ วขอ้ งกบั ความสวา่ งของท้องฟา้ อย่างไร (รูปร่างของดวงจนั ทร์ เกี่ยวข้องกับความสว่างของท้องฟ้า โดยถ้ารูปร่างของดวงจันทร์เป็นเสี้ยวขนาดใหญ่จนเต็มดวง จะมองเห็นดวง จันทร์มีส่วนสว่างมาก จึงทำให้ท้องฟ้าสว่างไปด้วย แต่ถ้ารูปรา่ งของดวงจันทร์เป็นเสี้ยว ขนาดเล็กจนมืดไปท้งั ดวง จะมองเห็นดวงจันทร์มีสว่ นสวา่ งนอ้ ย หรือมองไมเ่ หน็ เลย จึงทำให้ท้องฟา้ สวา่ งน้อยลงไปด้วยเชน่ กัน) 4.7 ถา้ นกั เรยี นจะออกไปดูดาว ควรเลอื กดูในคืนท่ี ดวงจนั ทร์มรี ปู ร่างเป็นอยา่ งไร เพราะเหตุ ใด (นักเรียนสามารถตอบได้ตามความคิดของตนเอง แต่คำตอบและเหตุผลควรสอดคล้องกัน เช่น เลือกสังเกต ท้องฟ้าในคืนที่ดวงจันทร์เป็นเสี้ยวขนาดเล็กหรือมองไม่เห็นดวงจันทร์เลย เนื่องจากท้องฟ้าไม่สว่างมีแสงรบกวน น้อยจงึ เหน็ ดาวต่าง ๆ ชัดเจน) ขั้นอภปิ รายและลงข้อสรปุ 5. ครชู ักชวนนักเรยี นช่วยกนั สรปุ เร่ืองที่รปู ร่างของดวงจนั ทรก์ ็มผี ลต่อความสว่างของท้องฟ้า 6. นกั เรยี นตอบคำถามใน ร้หู รือยัง ในแบบบนั ทึกกิจกรรม ข้ันขยายความรู้ 7. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั อภปิ รายเพ่ือเปรียบเทียบคำตอบของนักเรียนใน รู้หรอื ยัง กับคำตอบท่ีเคยตอบ ตอนทำกิจกรรม คดิ กอ่ นอ่าน ซ่งึ ครบู นั ทึกไว้ ขั้นประเมนิ 8. ครูชกั ชวนนักเรยี นลองตอบคำถามท้ายเรื่องท่ีอ่าน โดยทบทวนสาเหตกุ ารเกิดปรากฏการณ์การข้ึนและ ตกของดวงอาทิตย์ ว่าเกดิ จากการหมนุ รอบตัวเองของโลก จากนั้น กระตุ้นใหน้ กั เรียนสงสยั วา่ การหมนุ รอบตัวเอง ของโลก ทำให้เกิดปรากฏการณ์การขึ้นและตกของดวงจันทร์ด้วยหรือไม่ อย่างไร และ ในแต่ละวันมองเห็นดวง จันทร์มีการเปลี่ยนแปลงรปู ร่างอย่างไร ครูบันทึกคำตอบของนักเรียนบนกระดานโดยยังไม่เฉลยคำตอบแต่ชกั ชวน ใหน้ กั เรยี นไปหาคำตอบจากการทำกจิ กรรม 7. สอื่ การสอน 1. หนงั สอื เรยี น 2. แบบบนั ทึกกิจกรรม
3. PowerPoint 4. รปู ภาพ 5. วดิ ที ัศน์ 8. การวดั และประเมินผล 1. ประเมนิ ความรเู้ ดมิ จากการอภปิ รายในชนั้ เรยี น 2. ประเมนิ การเรยี นรจู้ ากคาตอบของนกั เรยี นระหว่างการจดั การเรยี นรแู้ ละจากแบบบนั ทกึ กจิ กรรม 3. ประเมนิ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละทกั ษะแห่งศตวรรษท่ี 21 จากการทากจิ กรรม ของนกั เรยี น
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 3 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รหสั วชิ า ว 14101 ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 4 เรอื่ ง ดวงจนั ทรม์ ีการขนึ้ และตกหรือไม่ อยา่ งไร เวลา 2 ช่ัวโมง หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 5 โลกและอวกาศ เวลาเรียน 16 ช่ัวโมง ครผู ูส้ อน นางสาวนวฉัตร นาเมอื งรักษ์ สอนวนั ที่ …..….. เดือน ….………… พ.ศ. …..………. โรงเรยี นชมุ ชนวัดบา้ นระกาศ สำนักงานเขตพ้นื ทกี่ ารศึกษาประถมศกึ ษาสมุทรปราการ เขต 2 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวชี้วดั สาระที่ 2 วทิ ยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะที่สง่ ผลต่อสิ่งมีชีวิต และการประยุกต์ใช้ เทคโนโลยอี วกาศ ตัวชว้ี ัด ป. 4/1. อธิบายแบบรปู เส้นทางการขึ้นและตกของดวงจนั ทร์ โดยใช้หลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ ป. 4/2 สร้างแบบจำลองที่อธิบายแบบรูปการเปลี่ยนแปลงรูปร่างปรากฏของดวงจันทร์และ พยากรณร์ ปู ร่างปรากฏของดวงจันทร์ 2. สาระสำคัญ ดวงจันทร์เป็นดาวที่มีลักษณะคล้ายทรงกลม เป็นบริวารของโลก ในคืนวันเพ็ญจะมองเห็นดวง จันทร์มีรูปร่างคล้ายวงกลม มีสีขาวนวล มีร่องรอยสีเทาแต่งแต้ม ดวงจันทรม์ ีปรากฏการณ์การขึน้ และตกและการ เปล่ียนแปลงรูปร่างอยา่ งตอ่ เนือ่ งและคงท่เี ปน็ แบบรปู 3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธบิ ายลกั ษณะการเคลอื่ นทท่ี ีส่ มั พันธ์กนั ของดวงอาทติ ย์ โลก และดวงจนั ทร์ 2. สรา้ งแบบจำลองและอธบิ ายปรากฏการณ์การขึ้นและตกของดวงจันทร์ 3. สรา้ งแบบจำลองท่อี ธบิ ายและพยากรณ์ปรากฏการณก์ ารเปลย่ี นแปลงรปู ร่างของ ดวงจันทรใ์ นแต่ละวัน 4. พยากรณก์ ารเปล่ียนแปลงรูปรา่ งของดวงจนั ทร์ในแต่ละวนั 4. สาระการเรยี นรู้ ดวงจันทร์เป็นดาวที่มีลักษณะคล้ายทรงกลม เป็นบริวารของโลก ในคืนวันเพ็ญจะมองเห็นดวงจันทร์มี รูปร่างคล้ายวงกลม มีสีขาวนวล มีรอ่ งรอยสีเทาแต่งแต้ม ดวงจนั ทรม์ ปี รากฏการณ์การข้นึ และตก ซง่ึ เกิดจากการท่ี โลกหมุนรอบตัวเองในทิศทางทวนเข็มนาฬิกาเมื่อมองจากบริเวณเหนือขั้วโลกเหนือ ทำให้คนบนโลกมองเห็นดวง จันทร์ปรากฏขึ้นจากขอบฟ้าทางด้านตะวันออกและลับ ขอบฟ้าทางด้านตะวันตก รูปร่างของดวงจันทร์ที่มองเห็น
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127