ค่มู ือการจดั ตง้ั ศูนยเ์ ฝา้ ระวงั ทางวฒั นธรรม ในสถานศกึ ษา (พิมพค์ รั้งที่ ๒) ส�ำนักเฝา้ ระวังทางวัฒนธรรม ส�ำนักงานปลดั กระทรวงวัฒนธรรม
การจัดตง้ั ศูนยเ์ ฝา้ ระวงั ทางวฒั นธรรมในสถานศึกษา ช่ือหนงั สอื : คมู่ อื การจัดต้ังศูนยเ์ ฝ้าระวงั ทางวฒั นธรรมในสถานศกึ ษา (พมิ พ์ครั้งท่ี ๒) ISBN ท่ปี รึกษา ศาสตราจารยอ์ ภินนั ท ์ โปษยานนท์ ปลดั กระทรวงวัฒนธรรม นางสาววมิ ลลกั ษณ์ ชชู าต ิ รองปลัดกระทรวงวฒั นธรรม นางยพุ า ทววี ฒั นะกจิ บวร ผูอ้ �ำนวยการส�ำนักเฝ้าระวัง ทางวฒั นธรรม พิมพ์ครงั้ ที่ ๒ : กันยายน ๒๕๕๙ จำ� นวนพิมพ์ : ๕๐๐ เล่ม จดั พมิ พโ์ ดย : ส�ำนกั งานปลัดกระทรวงวฒั นธรรม พมิ พ์โดย : บรษิ ัท สามเจรญิ พาณิชย์ (กรุงเทพ) จำ� กดั โทรศพั ท์ ๐-๒๔๒๔-๑๙๖๓ โทรสาร ๐-๒๔๓๕-๒๗๙๔ สงวนลขิ สทิ ธิ์ตามพระราชบญั ญตั ิ ห้ามลอกเลยี นแบบส่วนหน่งึ ส่วนใดของหนังสือเลม่ นโ้ี ดยไมไ่ ด้รับอนุญาตจากเจ้าของลขิ สิทธ์ิ
การจดั ตงั้ ศนู ยเ์ ฝ้าระวงั ทางวฒั นธรรมในสถานศึกษา พระราชด�ำรัส ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั รชั กาลที่ ๙ ------------ “…อาสาสมคั รจะตอ้ งระลึกอยู่เสมอวา่ ศรทั ธาในการอาสาสมัคร เพ่อื ช่วยเหลอื ผู้อ่นื นั้น เกิดขึ้นดว้ ยตัวเอง มีความรสู้ ึกเหน็ ชอบในงานอาสาสมคั ร มศี รัทธาท่ีจะท�ำงาน มีเวลาท่จี ะปฏบิ ัตงิ าน และพร้อมทีจ่ ะเป็นอาสาสมัคร...” “...วัฒนธรรมเป็นสมบัตขิ องคนทั้งชาติ ทกุ คนมสี ว่ นทำ� ให้เกดิ ความเจริญรงุ่ เรือง หรอื เสอ่ื มสลายลงได้ ดังนนั้ จงึ เปน็ เรือ่ งที่ ทกุ คนต้องชว่ ยกนั เฝา้ ระวงั และรกั ษาวฒั นธรรมอันดงี ามให้ดำ� รงอย่ตู ลอดไป...” “...การรกั ษาวฒั นธรรม คือ การรกั ษาชาต.ิ ..”
การจัดต้ังศนู ย์เฝ้าระวงั ทางวฒั นธรรมในสถานศึกษา ค�ำนำ� ตามที่ส�ำนักเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม ส�ำนักงานปลัด กระทรวงวฒั นธรรม ไดร้ ณรงคใ์ หส้ ถานศกึ ษาดำ� เนนิ การจดั ตงั้ ศนู ย์ เฝ้าระวังทางวัฒนธรรมในสถานศึกษาขึ้น เพ่ือให้สอดคล้อง กับนโยบายของรฐั บาลพลเอกประยทุ ธ์ จนั ทรโ์ อชา ในการขยาย เครือข่ายการเฝ้าระวังทางวัฒนธรรมและการสร้างภูมิคุ้มกัน ทางวฒั นธรรมใหก้ บั สงั คม โดยเนน้ เยาวชนซงึ่ เปน็ กลมุ่ เสยี่ งทไ่ี ดร้ บั ผลกระทบ จากการเบย่ี งเบนทางวฒั นธรรมและกำ� ลงั อยใู่ นวยั ศกึ ษา เลา่ เรยี น ในสถานศึกษา อนั จะเตบิ โตเปน็ ก�ำลงั ของชาติตอ่ ไป ส�ำนักเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม ได้ด�ำเนินการจัดท�ำคู่มือ การจัดต้ังศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรมในสถานศึกษาขึ้น เพ่ือให ้ ผู้บริหารสถานศึกษา ครูอาจารย์ในสถานศึกษา ผู้สนใจและผู้ที่ เกย่ี วขอ้ งไดน้ ำ� ไปใชป้ ระโยชนใ์ นการดำ� เนนิ การจดั ตงั้ ศนู ยเ์ ฝา้ ระวงั ทางวัฒนธรรมในสถานศึกษาและขยายเครือข่ายการเฝ้าระวัง ทางวัฒนธรรม โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดท�ำคู่มือในคร้ังนี้ จะน�ำไปสู่การด�ำเนินการจัดต้ังศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรม ในสถานศึกษา ท่ีทุกภาคส่วนในสังคมมีส่วนร่วมได้อย่าง มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ก่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ของงาน และสอดคลอ้ งกบั การบรหิ ารกจิ การบ้านเมืองท่ีดตี อ่ ไป ส�ำนักเฝ้าระวงั ทางวัฒนธรรม สำ� นักงานปลัดกระทรวงวฒั นธรรม สิงหาคม ๒๕๕๙ ก
การจัดตัง้ ศูนยเ์ ฝ้าระวังทางวัฒนธรรมในสถานศึกษา สารบญั บทที่ ๑ บทน�ำ หนา้ ระเบียบ กฎหมาย ๓ นโยบายรฐั บาล ๔ วสิ ัยทศั น์ และยุทธศาสตรก์ ระทรวงวัฒนธรรม ๕ นโยบายรฐั มนตรีวา่ การกระทรวงวัฒนธรรม ๖ บทท่ี ๒ แนวคดิ เก่ยี วกบั การเฝา้ ระวงั ทางวฒั นธรรม ๑๑ สถานการณ์เกี่ยวกับเด็กและเยาวชนและผลกระทบ ๑๓ เดก็ และเยาวชนไทยกับนัยทางวฒั นธรรม ๒๑ เด็กและเยาวชนไทยกับสขุ ภาพกายและสขุ ภาพจติ ๒๔ เดก็ และเยาวชนไทยกบั พฤติกรรมบริโภคนิยม ๒๗ เดก็ และเยาวชนไทยกับพฤตกิ รรมการแสดงออกทางเพศ ๓๑ เด็กและเยาวชนไทยกับพฤติกรรมดา้ นความรนุ แรง ๓๘ เดก็ และเยาวชนไทยกบั พฤติกรรมดา้ นการติดสารเสพตดิ ๔๓ องค์ความรดู้ ้านการเฝา้ ระวงั ทางวฒั นธรรม ๔๔ แนวทางการดำ� เนนิ งานดา้ นการเฝ้าระวังทางวฒั นธรรม ๖๐ องคค์ วามรดู้ า้ นการรู้เท่าทนั สอ่ื บทท่ี ๓ การจดั ต้ังศนู ย์เฝา้ ระวงั ทางวัฒนธรรมในสถานศึกษา ๖๙ หลักการและเหตุผล ๗๐ วัตถุประสงค ์ ข
การจัดตง้ั ศนู ยเ์ ฝ้าระวังทางวฒั นธรรมในสถานศกึ ษา สารบญั (ต่อ) หนา้ การจัดตัง้ ศนู ยเ์ ฝา้ ระวงั ทางวฒั นธรรมในสถานศกึ ษา ๗๐ คณะกรรมการศูนย์เฝ้าระวงั ทางวัฒนธรรมในสถานศึกษา ๗๒ ขัน้ ตอนการด�ำเนินการจัดตง้ั ๗๒ โครงสร้างของคณะกรรมการฯ ๗๒ ภารกิจหนา้ ท ี่ ๗๓ ระบบการเฝ้าระวงั ทางวฒั นธรรม ๗๔ บทบาทหน้าท่ขี องเยาวชนกับการเฝา้ ระวังทางวัฒนธรรม ๗๕ บรรณานกุ รม ๗๘ ภาคผนวก ๘๑ แบบแจง้ /รับแจง้ ๘๓ แบบรายงานสรปุ ผลการด�ำเนนิ งาน ๘๕ การเฝา้ ระวังทางวัฒนธรรม แบบรายงานผลการจดั ต้ังศูนย์เฝ้าระวงั ทางวัฒนธรรม ๘๖ ในสถานศกึ ษาและจำ� นวนเครือขา่ ย หน่วยงานภาครัฐท่ีติดตอ่ ประสานงาน ๙๐ กฎหมายและระเบียบทเี่ กี่ยวขอ้ ง ๙๑ ค
บทที่ ๑ บทนำ�
2
การจัดตั้งศูนยเ์ ฝ้าระวงั ทางวัฒนธรรมในสถานศึกษา ระเบยี บ กฎหมาย • รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับช่ัวคราว) พ.ศ.๒๕๕๗ มาตรา ๔ ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญน้ี ศกั ดศ์ิ รคี วามเปน็ มนษุ ย์ สทิ ธิ เสรภี าพ และความเสมอภาค บรรดา ที่ชนชาวไทยเคยได้รับการคุ้มครองตามประเพณีการปกครอง ประเทศไทย ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรง เป็นประมุข และตามพันธกรณีระหว่างประเทศท่ีประเทศไทยมี อยู่แล้ว ย่อมได้รับการคุม้ ครองตามรัฐธรรมนูญน ้ี • พระราชบญั ญัตวิ ฒั นธรรมแหง่ ชาติ พ.ศ.๒๕๕๓ มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตนิ ี้ “วัฒนธรรม” หมายความว่า วิถีการด�ำเนินชีวิต ความคดิ ความเชอ่ื คา่ นยิ ม จารตี ประเพณี พธิ กี รรม และภมู ปิ ญั ญา ซ่ึงกลุ่มชนและสังคมได้ร่วมสร้างสรรค์ สั่งสม ปลูกฝัง สืบทอด เรยี นรู้ ปรับปรงุ และเปล่ยี นแปลง เพอื่ ใหเ้ กิดความเจริญงอกงาม ทง้ั ดา้ นจติ ใจและวตั ถุ อย่างสันตสิ ุขและยั่งยืน ฉะนั้น บุคคลซึ่งรวมกันเป็นชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิม ย่อมมี สทิ ธอิ์ นรุ ักษห์ รือฟน้ื ฟจู ารีตประเพณี ภมู ิปัญญาทอ้ งถนิ่ ศลิ ปะหรอื วัฒนธรรมอันดีของท้องถิ่น และของชาติ และมีส่วนร่วมในการ จัดการ บ�ำรุงรักษา และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ และสง่ิ แวดลอ้ มอยา่ งสมดลุ และยง่ั ยนื และมหี นา้ ทปี่ อ้ งกนั ประเทศ 3
การจัดต้งั ศูนย์เฝ้าระวงั ทางวฒั นธรรมในสถานศึกษา รับราชการทหาร เสียภาษีอากร ช่วยเหลือราชการรับการศึกษา อบรม พิทักษ์ ปกป้อง และสืบสานศิลปวัฒนธรรมของชาติและ ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ และอนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม ทัง้ นี้ตามทก่ี ฎหมายบญั ญตั ไิ ว้ นโยบายรฐั บาล • นโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดา้ นท่ี ๔ คอื การศกึ ษาและเรยี นรู้ การทะนบุ ำ� รงุ ศาสนา และศลิ ปะ วัฒนธรรม “รัฐบาลจะน�ำการศึกษา ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ความภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์ และความเป็นไทย มาใช้สร้าง สังคมให้เข้มแข็งอยา่ งมีคณุ ภาพและคณุ ธรรมควบคกู่ ัน ดังน้ี” ขอ้ ๔.๘ อนรุ กั ษ์ ฟื้นฟู และเผยแพรม่ รดกทางวฒั นธรรม ภาษาไทยและภาษาถน่ิ ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ รวมทง้ั ความหลากหลาย ของศิลปวัฒนธรรมไทย เพ่ือการเรียนรู้ สร้างความภาคภูมิใจ ในประวตั ิศาสตร์และความเปน็ ไทย นำ� ไปสกู่ ารสรา้ งความสมั พนั ธ์ อันดีในระดับประชาชน ระดับชาติ ระดับภูมิภาค และระดับ นานาชาติ ตลอดจนเพ่ิมมลู คา่ ทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศ ขอ้ ๔.๙ สนบั สนนุ การเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ วฒั นธรรม ของประเทศเพอื่ นบา้ นและวฒั นธรรมสากล และการสรา้ งสรรคง์ าน ศิลปะและวัฒนธรรมที่เป็นสากล เพ่ือเตรียมเข้าสู่เสาหลัก 4
การจดั ต้ังศูนยเ์ ฝา้ ระวังทางวัฒนธรรมในสถานศกึ ษา วัฒนธรรมของประชาคมอาเซียนและเพื่อการเป็นส่วนหนึ่งของ ประชาคมโลก ขอ้ ๔.๑๐ ปลกู ฝงั คา่ นยิ มและจติ สำ� นกึ ทดี่ ี รวมทง้ั สนบั สนนุ การผลิตส่ือคุณภาพ เพื่อเปิดพื้นที่สาธารณะให้เยาวชนและ ประชาชนไดม้ โี อกาสแสดงออกอยา่ งสร้างสรรค์ • ค่านิยมหลักของคนไทย ๑๒ ประการ ตามนโยบาย ของคณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาติ (คสช.) ข้อ ๕ รกั ษาวฒั นธรรมประเพณีไทยอนั งดงาม วสิ ยั ทัศน์ และยุทธศาสตร์กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรมได้ก�ำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์ ในการด�ำเนนิ งานด้านวฒั นธรรม ทั้งเชิงรุกและเชงิ รบั เพือ่ เปน็ การ ปอ้ งกนั แกไ้ ขปญั หา และพฒั นาสงั คมควบคกู่ บั การพฒั นาเศรษฐกจิ ใหเ้ กดิ ความสมดลุ พรอ้ มๆกนั ไป โดยกำ� หนดวสิ ยั ทศั นข์ องกระทรวง คอื “เป็นองคก์ รหลักที่อนุรกั ษ์ สบื สาน และสร้างสรรคว์ ัฒนธรรม โดยการมสี ่วนรว่ มทุกภาคสว่ น เพอ่ื เสรมิ สร้างรากฐานการพฒั นา สงั คมทเ่ี ขม้ แข็งและเศรษฐกิจทย่ี ั่งยืน” เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ดังกล่าว พร้อมกับด�ำเนินงาน ท่ี มุ ่ ง ไ ป สู ่ ก า ร พั ฒ น า สั ง ค ม ค ว บ คู ่ ไ ป กั บ ก า ร พั ฒ น า เ ศ ร ษ ฐ กิ จ กระทรวงจึงได้ก�ำหนดยุทธศาสตร์เพ่ือใช้เป็นวิถีในการด�ำเนินงาน ๕ ยุทธศาสตร์ ดังนี้ 5
การจัดตง้ั ศูนยเ์ ฝา้ ระวงั ทางวฒั นธรรมในสถานศกึ ษา ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๑ พฒั นาคณุ ภาพและมาตรฐานในการอนรุ กั ษ์ และสบื ทอดวัฒนธรรม ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๒ เสรมิ สรา้ งภมู คิ มุ้ กนั ทางสงั คม เพอื่ สบื สาน เอกลกั ษณ์ อัตลกั ษณ์ความเป็นไทย ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๓ ส่งเสริม สนบั สนุน ใหค้ วามรู้ และพัฒนา สนิ คา้ และบรกิ ารทางวฒั นธรรมเพอ่ื สรา้ งมลู คา่ เพมิ่ ทางเศรษฐกจิ ยทุ ธศาสตรท์ ี่ ๔ พฒั นาคณุ ภาพและมาตรฐานในการจดั การ ศึกษา วิจัย และบริหารจัดการองค์ความรู้ด้านศาสนา ศิลปะ และวฒั นธรรม ยทุ ธศาสตรท์ ่ี ๕ สรา้ งความเขม้ แขง็ ของประเทศไทยรองรบั ประชาคมอาเซียนด้านสังคมและวัฒนธรรมและพัฒนาศักยภาพ ไทยสสู่ ากล นโยบายรฐั มนตรวี า่ การกระทรวงวฒั นธรรม “นโยบายวัฒนธรรมขับเคล่ือนประเทศ ๓ มิติ ๘ จุดเน้น เลง็ ดันมาตรการภาษีหนุนบริจาคเงนิ ดำ� เนินงานด้านวัฒนธรรม” นโยบายนำ� วัฒนธรรมขับเคลอ่ื นประเทศ ๓ มิติ ไดแ้ ก่ (๑) เป็นกระทรวงพัฒนาคนในชาติให้มีคุณธรรมจริยธรรม ภาคภูมิใจในความเปน็ ไทย สร้างสังคมใหค้ วามเออื้ อาทร (๒) เสริมสร้างความกินดีอยู่ดีและความม่ันคงของชาติ โดยใช้มรดกทางวฒั นธรรม 6
การจัดตง้ั ศูนยเ์ ฝ้าระวงั ทางวัฒนธรรมในสถานศกึ ษา (๓) ใช้วัฒนธรรมสร้างเกียรติภูมิของชาติสู่เวทีนานาชาติ และสร้างความสมั พันธร์ ะหว่างประเทศ การท�ำงานจะเน้นผลักดัน ๘ เรื่องเร่งด่วนตามนโยบาย ของนายกรฐั มนตรี ประกอบด้วย (๑) การสร้างทรัพยากรบุคคลบนพ้ืนฐานค่านิยมความเป็น ไทย ๑๒ ประการ (๒) การน�ำศาสนา ศิลปวัฒนธรรม เป็นเครื่องมือสันติสุข สามคั คีในทกุ หม่บู ้าน ชุมชน และประเทศ (๓) การสรา้ งภาพยนตรแ์ หง่ ชาติ เพอ่ื สง่ เสรมิ การทอ่ งเทยี่ ว ดว้ ยงบประมาณเบ้ืองต้น ๒๐ ลา้ นบาท (๔) การพฒั นาวฒั นธรรมเชิงเศรษฐกจิ สรา้ งสรรค์ (๕) พัฒนาแหล่งประวัติศาสตร์ มรดกโลก อุทยาน ประวัติศาสตร์ และโบราณสถานขึ้นทะเบียนทั่วประเทศ โดยจะ พัฒนาและเปิดพ้ืนท่ีเป็นแหล่งเรียนรู้ และจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพอื่ การเรียนร้ปู ระวตั ิศาสตรแ์ ละศลิ ปวฒั นธรรมของชาติ (๖) ด้านงานต่างประเทศ ใช้วัฒนธรรมสร้างเกียรติภูมิ ขยายผลสู่การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพ่ือให้ไทยเป็น ศูนยก์ ลางแลกเปลีย่ นเรยี นรวู้ ัฒนธรรมอาเซียน (๗) สง่ เสรมิ การเรยี นการสอนดา้ นศลิ ปวฒั นธรรม ตลอดจน สง่ เสรมิ ศลิ ปนิ ทางวฒั นธรรม ใหม้ พี น้ื ทเ่ี ผยแพรแ่ ละจำ� หนา่ ยผลงาน ศิลปะ โดยจะท�ำงานรว่ มกับภาคเอกชนอย่างเข้มขน้ 7
การจัดตง้ั ศูนย์เฝา้ ระวังทางวฒั นธรรมในสถานศกึ ษา (๘) ด�ำเนินการโดยเร่งด่วนตามกฎหมายท่ีจะส่งผลดีท�ำให้ เกิดความคล่องตัวในการท�ำงานของกระทรวงวัฒนธรรม ได้แก ่ พ.ร.บ.กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พ.ศ.๒๕๕๘ และ พ.ร.บ.สง่ เสรมิ และรักษามรดกภมู ปิ ญั ญาทางวฒั นธรรม พ.ศ. ๒๕๕๙ อีกท้ัง แนวคดิ ในผลกั ดนั มาตรการภาษี เพ่อื สนบั สนุน การบริจาคเงินเพ่ือการด�ำเนินงานด้านวัฒนธรรม โดยมาตรการนี้ เพ่ือสนับสนุนกรณีผู้บริจาคเงินให้เพื่อการบูรณะโบราณสถาน โบราณวัตถุ และศิลปวัตถุ และการบริจาคเพ่ือการพัฒนางาน ดา้ นหอจดหมายเหตแุ ละหอสมุด จะท�ำใหผ้ ู้บริจาคได้รบั การยกเว้น ภาษีเงินได้ ส�ำหรับเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหัก ค่าลดหย่อนเป็นจ�ำนวน ๒ เท่าของจ�ำนวน ที่บริจาคคาดหวังจะ ผลักดันให้สมบูรณ์ให้ทันการยื่นภาษีในปีหน้า ท้ังนี้ การก้าวสู่ ความสำ� เรจ็ ๘ ยทุ ธศาสตรน์ น้ั มจี ดุ เนน้ คอื (๑) กระทรวงวฒั นธรรม จะต้องเป็นกระทรวงตัวอย่างของความซ่ือสัตย์ สุจริต โปร่งใส (๒) กระทรวงวฒั นธรรมจะทำ� งานรว่ มกบั ทกุ ภาคสว่ น ทง้ั กระทรวง ศึกษาธิการ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ เอกชน และมูลนิธิ เพราะ วัฒนธรรมเป็นสมบัติของประชาชน ด�ำเนินการโดยประชาชน มสี ่วนร่วม ผลประโยชน์กลับส่ปู ระชาชน (๓) สง่ เสริมบทบาทของ หน่วยงานกระทรวงวัฒนธรรมท่ีตั้งอยู่ส่วนภูมิภาค ผลักดันให ้ เข้มแขง็ ทำ� งานร่วมกับทอ้ งถิ่น ................ 8
บทที่ ๒ แนวคิดเกย่ี วกับการเฝ้าระวงั ทางวฒั นธรรม 9
10
การจัดตั้งศนู ยเ์ ฝ้าระวังทางวัฒนธรรมในสถานศกึ ษา สถานการณเ์ ก่ยี วกบั เดก็ และเยาวชน และผลกระทบทเี่ กิดขนึ้ การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ความก้าวหน้าทาง เทคโนโลยีและการสื่อสารเพื่อตอบสนองความตองการของ ผูคนอยางรวดเร็ว ในรูปแบบที่หลากหลาย เชน อินเทอรเน็ต ความเรว็ สงู ระบบโทรศพั ทม อื ถอื สมารท์ โฟน เปน ตน สง ผลใหผ คู น ทุกเชื้อชาติสามารถติดตอส่ือสารกันอยางไรพรมแดนและรวดเร็ว ทันใจ จึงเปนโอกาสในการสรา งชองทางใหมๆ เพ่ือการเสริมสราง สังคมแหงการเรียนรูและดึงดูดความสนใจของเด็กและเยาวชน ให้เป็นคนใฝ่เรียนรู้จุดประกายความคิดและจินตนาการใหม่ๆ ในเชิงสร้างสรรค์ แต่ในขณะเดียวกันก็เปนภัยคุกคามตอเด็กและ เยาวชนจากกระแสการคล่ังไคลและเสพติดเทคโนโลยี รวมทั้ง เปนขอจ�ำกัดตอผูมีฐานะยากจนที่ไมสามารถเขาถึงเทคโนโลยี ไดอ ยา งเทา เทียมคนทวั่ ไป การเปลย่ี นแปลงทางสงั คมและวฒั นธรรม การเปลยี่ นแปลง สังคมไทยจากสังคมเกษตรกรรม สู่สังคมอุตสาหกรรม และสังคม ฐานความรู้ สง่ ผลใหป้ ระเทศไทยรบั เอาคา่ นยิ ม ทงั้ จากตะวนั ตกและ ตะวนั ออกมาเชอื่ มโยงกบั วถิ คี วามเปน็ ไทย โดยเกดิ การเปลย่ี นแปลง ท่ีส�ำคญั คือ ๑. การเลียนแบบพฤติกรรมของซีกโลกตะวันตก ที่มีความ อิสระเสรีในการแสดงออกถึงอัตลักษณ์ความเป็นตัวตนและความ 11
การจดั ตง้ั ศูนย์เฝ้าระวงั ทางวัฒนธรรมในสถานศกึ ษา ต้องการของแต่ละบุคคล ท�ำให้นิยามของความสุขแตกต่าง หลากหลายโดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ซ่ึงมีวุฒิภาวะทาง อารมณนอย ยอมไดรับผลกระทบมากและสงผลตอเน่ือง ไปยัง ครอบครวั และสงั คม ๒. การตอบสนองต่อการเปล่ียนแปลงที่รวดเร็ว ผานทาง โลกเสมอื นจรงิ ทำ� ใหผ คู นมคี วามรมู ากขน้ึ เกดิ เครอื ขา ย ทางสงั คม ในโลกเสมือนจริงซ่ึงมีอิทธิพลตอการด�ำรงชีวิตมากขึ้นทุกขณะ อีกท้ังเกิดความคิดสรางสรรคที่หลากหลาย แต่การปฏิสัมพันธ ในโลกแหง ความเปนจริงมนี อยลง โดยเฉพาะเดก็ และเยาวชนจะมี การเรยี นรผู า นเทคโนโลยที ท่ี นั สมยั และการสอ่ื สารไดอ ยา่ งสะดวก รวดเรว็ ทกุ ทที่ กุ เวลา สำ� หรบั คนทไ่ี มม ภี มู คิ มุ้ กนั และไมส ามารถเลอื ก สิ่งดีๆไดดวยตนเอง จะเปน กลุมทตี่ กอยใู นภาวะเสีย่ ง ประกอบกบั หากพ่อแม่ไมเขาใจและเขาไมถึงโลกเสมือนจริง จะมองกิจกรรมที่ เด็กเข้าไปร่วมออนไลน์ในทางลบเท่าน้ัน ท�ำให้เกิดช่องว่างใน ครอบครัว และเกดิ ความเหล่อื มล้�ำในการเขา้ ถงึ เทคโนโลยี ๓. คนไทยเร่ิมหวนค�ำนึงถึงความสงบสุขแบบในอดีต ทามกลางสภาพสังคมท่ีมีความขัดแยง สับสนวุนวาย มีวิถีชีวิต เรงรีบ แกงแยงแขงขัน จึงเปนโอกาสในการสนับสนุนสงเสริม ใหเด็กและเยาวชนปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตมาเปนแบบพอเพียงและหัน มาดำ� เนนิ ชวี ติ อยา งสงบสขุ ทั้งนี้สถานการณ์ในปัจจุบันท่ีเก่ียวข้องกับเด็กและเยาวชน ในมติ ิวัฒนธรรม สามารถจำ� แนกไดด้ ังนี้ 12
การจัดตั้งศูนยเ์ ฝ้าระวงั ทางวัฒนธรรมในสถานศกึ ษา เด็กและเยาวชนไทยกับนยั ทางวัฒนธรรม ท่ามกลางภาพรวมของสถานการณ์เด็กไทยท่ีได้กล่าวไป ขา้ งตน้ ไดส้ ะทอ้ นปรากฏการณว์ ฒั นธรรมการใชช้ วี ติ เดก็ ไทยยคุ ใหม ่ ทด่ี จู ะมแี นวโนม้ ทน่ี า่ เปน็ หว่ งหลายเรอ่ื ง ทงั้ นเี้ มอื่ พจิ ารณาถงึ สาเหตุ ปจั จยั เงอื่ นไขทเี่ กี่ยวข้องภายใต้บรบิ ทตา่ งๆ จะเห็นวา่ ตา่ งมปี ัจจยั ส�ำคัญร่วมของการอธิบายปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมการใช้ชีวิต ของเด็กไทย ดังน้ี ๑. โครงสร้างสังคมและครอบครัวท่ีเปลี่ยนไป สภาพ ครอบครัวเด่ียว ครอบครัวเล็กลงและมีทางเลือกมากขึ้น รูปแบบ ของครอบครัวมีความหลากหลาย ค่านิยมและความเช่ือของ ครอบครัวเปลี่ยนตามอิทธิพลตะวันตกภายใต้สังคมท่ีสลับซับซ้อน หลายมติ มิ พี ลวตั สงู อกี ทง้ั ความไมเ่ ทา่ ทนั ของการดำ� เนนิ ชวี ติ ภายใต้ กระแสโลกาภิวัฒน์และการขยายตัวของความเป็นเมืองสมัยใหม ่ ไดส้ ง่ ผลตอ่ ครอบครวั ไทย ปจั จยั ทท่ี ำ� ใหค้ รอบครวั ทอ่ี อ่ นแอลงเรอ่ื ยๆ นอกจากสิ่งที่กล่าวมาแล้ว ยังเนื่องมาจากโครงสร้างสังคมไทย ขาดระบบกลไกดแู ลครอบครวั ในภาพรวม การขาดการสง่ เสรมิ การ เรยี นรู้ ไมม่ โี รงเรยี นส�ำหรับพอ่ แม่ รวมถงึ ระบบการศึกษาที่ไมเ่ อ้ือ ต่อการรักษาหรือสร้างความพร้อมให้ครอบครัวท่ามกลางภาวะ ผนั ผวนทางเศรษฐกจิ สงั คม ปญั หาความยากจนของครอบครวั ทตี่ อ้ ง ท�ำงานหารายได้นอกบ้าน ครอบครัวต้องเคลื่อนย้าย ไปท�ำงาน ต่างถิ่น ปัญหาครอบครัวขาดความรู้และความพร้อมในการเล้ียงดู เด็กซ่ึงสภาพปัญหาเหล่าน้ีเป็นเงื่อนไขส�ำคัญท่ีส่งผลต่อชีวิตเด็ก 13
การจัดตัง้ ศูนย์เฝา้ ระวังทางวัฒนธรรมในสถานศกึ ษา และเยาวชนไทย ทั้งปัญหาสุขภาพกายสุขภาพจิต ปัญหาด้าน คา่ นิยมบริโภคนิยม นำ� ไปสู่พฤติกรรมของเดก็ ในวัยตา่ ง ๆ ในทางท่ี ไม่เหมาะสม และเป็นสาเหตุ ของการใช้ชีวิตเสี่ยงของเด็กไทย หรือวิถีชีวิตในแบบต่างๆ ซ่ึงล้วนแล้วแต่มาจากปัจจัยด้านพ้ืนฐาน ครอบครวั ทั้งส้นิ อีกท้งั การเข้ามสี ว่ นรว่ มของเด็กในเวทีตา่ งๆ ซ่งึ เดก็ ยงั ขาด โอกาสในการเขา้ มามีสว่ นรว่ มในกิจกรรมต่างๆ เน่อื งจากความคิด ความเชอ่ื ของผใู้ หญท่ ย่ี งั มองเดก็ เปน็ เพยี งผรู้ บั บรกิ าร ประสบการณ์ น้อยอาจก่อให้เกิดความเสียหายได้ และในกรณีท่ีมีการเปิดโอกาส ให้เด็กมีส่วนร่วมมักจะเปิดโอกาสให้เด็กมีส่วนร่วมในบางข้ันตอน และขาดการเตรียมความพร้อมให้กับเด็กในการเข้ามามีส่วนร่วม ข่าวสารกิจกรรมท่ีเปิดโอกาสให้เด็กมีส่วนร่วมมีการแพร่กระจาย ไม่กว้างขวาง ท�ำให้เด็กสามารถเข้ามามีส่วนร่วมเพียงบางกลุ่ม เทา่ นนั้ นอกจากน้ี บางครง้ั เดก็ ตกเปน็ เหยอ่ื ของการแสวงประโยชน์ จากผใู้ หญใ่ นกจิ กรรมการเขา้ มามสี ว่ นรว่ มทง้ั ทางดา้ นเศรษฐกจิ และ การเมอื ง ๒. พลวัตทางวัฒนธรรมในสังคมพหุลักษณ์พหุวัฒนธรรม อทิ ธพิ ลของกระแสพหวุ ฒั นธรรมของโลกสมยั ใหมท่ ม่ี าพรอ้ มกบั กระ แสโลกาภวิ ตั นเ์ มอ่ื ปะทะกบั สภาพของสงั คมพหลุ กั ษณ์ ทเ่ี ปน็ พนื้ ฐาน เดมิ ของสงั คมไทยทมี่ มี าแตช่ า้ นาน สง่ ผลใหเ้ กดิ พลวตั ทางวฒั นธรรม ท่ีมีผลกระทบตอ่ การใชช้ ีวติ ของเด็กยคุ ใหม่ อทิ ธพิ ลของกระแสพหุ วัฒนธรรมที่เต็มไปด้วยการปะทะกันหลายกระแสต่างเรียกร้อง 14
การจัดต้งั ศูนย์เฝา้ ระวังทางวฒั นธรรมในสถานศึกษา ให้สังคมไทยต้องเรียนรู้ท้ังในการรู้รับปรับปรนทางวัฒนธรรม ตลอดจนยอมรบั ชนื่ ชมความแตกตา่ งทางวฒั นธรรม แตใ่ นตรงกนั ขา้ ม หาไดเ้ ปน็ เชน่ นนั้ ไม่ เราจงึ เหน็ ไดจ้ ากสถานการณค์ วามขดั แยง้ และ รอยรา้ วทางวฒั นธรรม ทนี่ บั วนั ยงิ่ เพม่ิ มากขน้ึ สาเหตทุ ก่ี ลา่ วไมเ่ พยี ง แตเ่ พราะพลวตั ทางวฒั นธรรมทไี่ หลบา่ มาอยา่ งรวดเรว็ หากแตเ่ ปน็ เพราะสงั คมไทยเองขาดการต้ังหลกั เรยี นรู้ รับ เลอื ก ทดี่ ี ต้งั แต่ ภาพรวมที่ขาดกลไกการประสานจัดการทางวัฒนธรรม คนท�ำงาน ทางวัฒนธรรมไม่มีทกั ษะการจดั การทางวฒั นธรรม อกี ท้งั ไมม่ พี ้นื ท่ี เรียนรู้แลกเปลี่ยน ไม่มีการสอนและส่ือสารสร้างการเรียนรู้ ทางวัฒนธรรม อีกทั้งการเรียนรู้ของสังคมท่ีผ่านมากลับถ่ายทอด ความรู้ทางประวัติศาสตร์ ดิ่งเดี่ยว สร้างรอยร้าว และความไม่ ปรองดองของการอยูร่ ่วมกัน รวมถึงขาดครูพหุวฒั นธรรม ซ่ึงสง่ ผล ต่อวัฒนธรรมการใช้ชีวิตเด็กไทยรุ่นใหม่ที่มีชีวิตเสี่ยง ถูกเหวี่ยง และแปลกแยกมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างย่ิงแนวโน้มภูมิคุ้มกัน ทางวัฒนธรรมอ่อนแอลงเร่ือยๆ ท้งั สังคม ๓. ศาสนาที่เปลี่ยนไป ท่ามกลางกระแสทุนนิยม บวกกับ โครงสรา้ งทางสงั คมเศรษฐกจิ และวทิ ยาการสมยั ใหม่ ทวี่ ทิ ยาศาสตร์ สมัยใหม่ได้เข้ามาอธิบายปรากฏการณ์ต่างๆ ได้อย่างมีเหตุผลและ เปน็ รปู ธรรม ไดส้ ง่ ผลกระทบตอ่ สถาบนั ศาสนาทเี่ คยเปน็ หลกั ยดึ ใน ศรทั ธาและสจั ธรรมชวี ติ ทแี่ ปรเปลยี่ นสภาพไปตามพลวตั ของสงั คม ยุคใหม่ วถิ ีชวี ิตทเ่ี ปล่ยี นไปภายใต้คำ� ตอบใหม่ของสังคม ไดส้ ่งผลให้ เกิดปรากฏการณ์เด็กไกลวัด หรือแปลกแยกจากศาสนามากยิ่งข้ึน 15
การจดั ตัง้ ศูนย์เฝ้าระวงั ทางวฒั นธรรมในสถานศึกษา กระแสปัจเจกนิยมท่ียึดอัตตาและสุขนิยมเป็นเป้าหมายท�ำให้เด็ก ไมน่ อ้ ยเชอื่ “ตวั ก”ู มากกวา่ “ตวั กรรม” หรอื “ตวั ธรรม” และมากกวา่ นั้นภายใต้พลวัตของตัวศาสนาเองที่ถูกบดบังด้วยกระแสสังคม วัตถุนิยม ท�ำให้ศาสนาเผชิญกับอาการส�ำลักทุนนิยมที่แปรสภาพ จากแหลง่ เผยแพรธ่ รรมไปสู่แหลง่ ธรรมะพาณิชยม์ ากเกินไป กอ่ ให้ เกิดความเส่ือมศรัทธาต่อศาสนิกชนบวกกับกระแสแนวโน้มของ ศาสนาทค่ี นจำ� นวนไมน่ อ้ ยทร่ี สู้ กึ วา่ ตนไมจ่ ำ� เปน็ ตอ้ งมศี าสนาชดั เจน แต่ยึดแค่ความรู้สึกว่าตนท�ำดีก็เพียงพอแล้ว ก็มีจ�ำนวนเพิ่มขึ้น เร่อื ย ๆ ในปัจจุบัน ท้ังนี้นอกจากโครงสร้าง และพลวตั ของสถาบนั ศาสนาที่เปล่ยี นแปลงแลว้ ระบบสงั คม ท่ีกลไกการดูแลทำ� นุบ�ำรุง ศาสนาอ่อนด้อย การสร้างศาสนทายาทอ่อนแอ การขาดตัวแบบ การขาดธรรมทางเลอื ก หรอื ทางเลือกของการเขา้ ถึงหลกั ยดึ เหนย่ี ว ทางจติ วญิ ญาณ รวมถงึ ระบบเมด็ เงนิ มหาศาลจากการบรจิ าคทำ� บญุ ก็ไม่เคยน�ำมาใช้เพ่ือสังคมเท่าที่ควรตามแนวคิดกองทุนภาษีบุญ ท�ำให้เด็กไทยยิ่งรู้สึกห่างเหินศาสนาและแสวงหากลไกการสร้าง คนดีทางเลือกหรือพื้นที่ทางเลือกในการท�ำความดีมากกว่าการ ทอ่ งบน่ ธรรมะทเ่ี ขา้ ใจไดย้ าก สงิ่ เหลา่ นลี้ ว้ นแลว้ แตเ่ ปน็ สาเหตปุ จั จยั ทสี่ ะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ การทศ่ี าสนาไมส่ ามารถเขา้ ถงึ ชวี ติ และเปน็ หลกั ประคองชวี ติ ของเดก็ ไทยได้ ๔. ระบบการศึกษา โรงเรยี น และการเรียนรู้ ภายใต้สภาพ สงั คมไทยทก่ี ารศกึ ษายงั ถกู ควบคมุ อำ� นาจโดยสว่ นกลาง แมก้ ระแส ปฏิรูปโครงสร้างอ�ำนาจและการบริหารราชการแผ่นดิน ท่ีเน้นการ 16
การจดั ต้งั ศูนยเ์ ฝ้าระวงั ทางวัฒนธรรมในสถานศึกษา กระจายอำ� นาจไปสทู่ อ้ งถนิ่ หากแตใ่ นภาพรวมการศกึ ษาไทยในรอบ หลายปยี ังยึดติดกบั ระบบราชการเป็นหลัก กระแสปฏริ ปู การศกึ ษา ท่ีไหลบ่ามาเกินทศวรรษที่พยายามผลักให้โรงเรียนต้องปรับตัว เพ่อื ตอบโจทยก์ ารศึกษาทแี่ ทจ้ ริง ที่นำ� พาผเู้ รียนไปสูก่ ารเรยี นร้ทู ่ดี ี กลับกลายเป็นปัจจัยกดดันสร้างภาระใหม่ให้กับบุคลากรทางการ ศกึ ษา เกดิ กระแสแข่งขันที่รุนแรงขนึ้ โรงเรียนอยากได้ดที ป่ี ระกนั ความอยู่รอดได้ ระบบการคัดกรอง เหว่ียงเด็กร้าย เอาใจเด็กด ี ถูกเข้ามาแทนที่ระบบการคัดกรองเพ่ือการพัฒนาเด็กอย่างแท้จริง บวกกบั ปจั จยั จากกระแสแขง่ ขนั และเสรภี าพของการศกึ ษายคุ ใหม่ กระแสมาตรฐานและคุณภาพสูงท่ีเน้นให้ครูแข่งคว้ารางวัล ครจู ำ� นวนไม่นอ้ ย สำ� ลักวิทยฐานะ รวมถงึ ปัจจยั การไมม่ ีระบบการ ดแู ล ไม่สอนทกั ษะชวี ิตท่ดี พี อ ซึง่ ท้งั หมดลว้ นเปน็ เหตปุ ัจจัยทีส่ ง่ ผล ใหเ้ ดก็ หลดุ กรอบ ไรห้ ลกั ลอยลอ่ ง ถอดใจเรยี น และหมดศรทั ธากบั ตวั เองและชวี ติ ในอนาคตในทสี่ ดุ เดก็ กลมุ่ นเ้ี องทพี่ รอ้ มจะกา้ วเขา้ สู่ วถิ ชี ีวิตเสยี่ งท่ีซึง่ บนั่ ทอนคุณภาพกำ� ลงั คนของสงั คมเราลงไปอีก ๕. ส่ือวัฒนธรรมและการสื่อสารของคนรุ่นใหม่ กระแส โลกาภิวัตน์และกระแสบริโภคนิยมที่มาพร้อมกับเศรษฐกิจเสร ี บวกกับกระแสความก้าวหน้าของเทคโนโลยีส่ือสารสมัยใหม่ ได้น�ำพาสื่อและวัฒนธรรมการสื่อสารของคนรุ่นใหม่ให้เปล่ียน โฉมหนา้ ไปอยา่ งรวดเรว็ ตลาดของสอื่ เทคโนโลยที แี่ ขง่ ขนั กนั อยา่ ง รุนแรงเน้นประโยชน์ของธุรกิจเป็นหลักเพ่ือท�ำยอดรายได้ติดระดับ โลก สง่ ผลใหเ้ กดิ การพฒั นานวตั กรรมสอื่ และเทคโนโลยจี ำ� นวนมาก 17
การจัดต้งั ศนู ยเ์ ฝา้ ระวังทางวัฒนธรรมในสถานศกึ ษา เกดิ กระแสทะลกั ของเครอ่ื งมอื สอ่ื สารยคุ ใหม่ ทนี่ ำ� พาการเรยี นรแู้ ละ การเขา้ ถงึ ขอ้ มลู ขา่ วสารไดจ้ ากทกุ ทที่ กุ เวลา (Anytime Anywhere) และสนองความตอ้ งการของผบู้ รโิ ภคในทกุ อารมณ์ ไมเ่ พยี งแตภ่ าพ ปรากฏการณเ์ ดก็ ไทยตดิ สอื่ สำ� ลกั สอื่ เสยี เพราะสอื่ เชน่ สอ่ื โปล๊ ามก กลาดเกลอื่ น สงั คมไทยเองกข็ าดภมู คิ มุ้ กนั สอื่ เชน่ กนั นอกจากปจั จยั ข้างต้นแล้ว สภาพการจัดระเบียบทางสังคมของไทย ต้ังแต่ระดับ นโยบายภาครฐั ลงไปถงึ ระดบั ทอ้ งถน่ิ ตา่ งกใ็ หเ้ สรภี าพกบั สอื่ ในการ เสริมให้เกิดการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารท่ีทันสมัยข้ึน แต่ในขณะ เดียวกันก็เปิดทางให้เกิดการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่ทันสมัยข้ึน และเปิดทางให้เกิดการขยายตัวของส่ือร้ายกระจายเกลื่อนทุกพื้นที่ ซ่ึงกฎหมายและการตรวจจับปราบปรามยังไม่สามารถเข้าถึงได ้ ทุกกลุ่ม ขณะท่ีครอบครัวไทยส่วนใหญ่ก็ตกขอบก้าวไม่ทันความ กา้ วหนา้ ของสอ่ื สมยั ใหมแ่ ละไมส่ ามารถชว่ ยปกปอ้ ง สรา้ งภมู คิ มุ้ กนั สอื่ ทด่ี ใี หแ้ กบ่ ตุ รหลานได้ นอกจากนป้ี จั จยั ทสี่ ำ� คญั อกี ประการคอื แม้ ภาพรวมจะมสี อื่ ดอี ยไู่ มน่ อ้ ยรวมทง้ั สอ่ื ทางเลอื กตา่ ง ๆ แตย่ ทุ ธศาสตร์ การขยายส่ือที่ดีในรอบหลายปีท่ีผ่านมา ก็ขาดประสิทธิภาพ ไปไม่ทั่วถึงทุกพ้ืนที่ อย่างไรก็ตามการเข้ามาของ New Media และการเกดิ Social Network ของกลมุ่ เยาวชน ไดส้ รา้ งโอกาสใหม่ ของการใช้สื่อและเครือข่ายเหล่านี้น�ำสื่อดีไปสู่เด็กและครอบครัว จำ� นวนมากขนึ้ ควบคไู่ ปกบั การมปี จั จยั สง่ เสรมิ อน่ื ๆ เชน่ การรณรงค์ วัฒนธรรมการอ่านหนังสือให้ลูกฟัง เพื่อสร้างรสนิยมการรับส่ือ จากฐานครอบครัว ตลอดจนระบบการส่งเสริมคนท�ำงานด้านสื่อ 18
การจัดตง้ั ศนู ย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรมในสถานศึกษา และนวัตกรรมสรา้ งสรรค์ผ่านกลไกสนับสนนุ เช่น กองทนุ พฒั นา สอื่ ปลอดภัยและสร้างสรรค์ เป็นต้น สื่อกับเด็ก เด็กถูกละเมิดและกระท�ำความรุนแรงโดยสื่อ เปน็ ประจำ� ทง้ั ในดา้ นการนำ� เสนอขา่ วเกยี่ วกบั เดก็ ทสี่ รา้ งผลกระทบ ต่อการด�ำรงชีวิตตามปกติของเด็กที่ตกเป็นข่าว ส่ือน�ำเสนอ ส า ร ส น เ ท ศ ท่ี ไ ม ่ เ ห ม า ะ แ ล ะ เ ส ริ ม ส ร ้ า ง ค ่ า นิ ย ม บ ริ โ ภ ค นิ ย ม ความฟุ่มเฟือยแก่เด็ก สื่อท่ีดีและเหมาะสมส�ำหรับเด็กยังมีน้อย และเด็กยังมีส่วนร่วมในการผลิตรายการส�ำหรับเด็กน้อยมาก นอกจากน้ี สื่ออิเลค็ ทรอนคิ ส์ยงั เปน็ ช่องทางในการละเมดิ ลอ่ ลวง และแสวงประโยชน์จากเด็ก และในส่วนตัวเด็กน้ันยังขาด กระบวนการวเิ คราะห์เพือ่ เลอื กรับสอ่ื เน่ืองจากไม่มกี ารช้แี นะจาก ผู้ใหญ่อีกท้ังไม่มีมาตรการควบคุมส่ือท่ีมีประสิทธิภาพ (ข้อมูลจาก: ส�ำนกั งานส่งเสรมิ สวัสดิภาพและพทิ กั ษ์เดก็ เยาวชน ผดู้ ้อยโอกาส และผ้สู ูงอาย)ุ ๖. โครงสร้างทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ปัจจัยส�ำคัญที่มีส่วนอธิบายปรากฏการณ์ชีวิตเด็กไทยอีกด้านหน่ึง คือเรื่องของโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมท่ีเปลี่ยนไป โดยเฉพาะอย่างย่ิงเศรษฐกจิ ในยคุ ปัจจุบนั ทีม่ กี ารปะทะกนั ระหว่าง กระแสทุนนิยมเสรีกับกระแสทุนนิยมท้องถ่ิน แรงผลักจากท้ังสอง กระแสทำ� ใหว้ ถิ ชี วี ติ คนสงั คมเมอื งดน้ิ รนแขง่ ขนั ในขณะทค่ี นสงั คม ชนบทก็ถูกกระแสเศรษฐกิจการพัฒนา แบบทุนนิยมรุกล�้ำท�ำลาย ทรัพยากรและรากฐานทางวัฒนธรรมด้วยการเร่งรัดการพัฒนา ส่งผลกระทบต่อชีวิตของเด็กและเยาวชนไทยและช่องว่างระหว่าง 19
การจัดตั้งศนู ย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรมในสถานศกึ ษา คนร่วมผืนแผ่นดินเดียวกัน ขณะท่ีภาพรวมของสภาพทรัพยากร สิ่งแวดล้อมน้ันที่มีจ�ำกัดถูกน�ำมาใช้ให้หมดไปเรื่อยๆอย่างรวดเร็ว ภายใต้กระแสการพัฒนาที่ขาดการวางแผนอย่างรอบคอบส่งผล กระทบต่อระบบนิเวศวิทยาท่ีเป็นต้นทุนทางทรัพยากรการท�ำมา หากินของชมุ ชน จงึ ไมแ่ ปลกท่จี ะเหน็ ภาพของชอ่ งวา่ งในสังคมไทย นี้ถูกซ้�ำเติมด้วยความขัดแย้งจากการแย่งชิงผลประโยชน์และ ทรัพยากรธรรมชาติ อันส่งผลต่อเนื่องมาถึงกระแสการอพยพ ย้ายถ่ินหนีความด้อยโอกาสและภาวะไร้พลังต่อสู้ของครอบครัว และเดก็ ในชนบทจำ� นวนมากขน้ึ เรอื่ ยๆเขา้ สเู่ มอื งใหญ่ ทง้ั นี้ เงอ่ื นไข ที่ส�ำคัญที่น่าจะสร้างจุดเปล่ียนจากสภาพดังกล่าวได้มาก คือ กระแสทางเลือกของการพัฒนาท่ีมีท้องถ่ินเข้ามาเป็นพลังส�ำคัญ โดยการสร้างกลไกภาคท้องถ่ินและภาคประชาสังคมชุมชนต่าง ๆ มารว่ มพลกิ ฟน้ื ภมู ปิ ญั ญา รว่ มกบั การใชค้ วามรแู้ ละเทคโนโลยสี มยั ใหม่บนฐานต้นทุนทางวัฒนธรรมและทรัพยากรชุมชนในการสร้าง คุณภาพชีวิตที่ดี และการมีอาชีพท่ีมั่นคงในท้องถ่ิน อันจะมีนัย ตอ่ การพฒั นาคุณภาพชวี ติ เดก็ ไทยในทุกท้องถ่ินมากขึ้น กล่าวโดยสรุปคือ ภายใต้สถานการณ์เด็กไทยในมิติ วัฒนธรรมที่ดูเผชิญกับปรากฏการณ์หลายด้าน และมาพร้อมด้วย เงื่อนไขปัจจัยแวดล้อม ท่ีส่งผลกระทบต่อวัฒนธรรมการใช้ชีวิต เด็กไทยยุคใหม่ล้วนแล้วแต่ช้ีให้เห็นประเด็นส�ำคัญในเชิงนโยบาย หลายเร่อื ง ย่งิ เมอื่ ทบทวนความเคล่ือนไหวจากกระแสต่างประเทศ และในประเทศไทยยิ่งชี้ชัดถึงความจ�ำเป็นในการมี นโยบายและ ยทุ ธศาสตรท์ างวัฒนธรรมทีม่ พี ลังมากขึ้นต่อการพัฒนาเด็ก 20
การจดั ตงั้ ศนู ย์เฝา้ ระวงั ทางวัฒนธรรมในสถานศกึ ษา เดก็ และเยาวชนไทยกบั สขุ ภาพกายและสขุ ภาพจติ จ�ำแนกเป็นกลุ่มเด็กตามความจ�ำเป็นของการพัฒนา คือ กลมุ่ ๐-๕ ปี และ ๖-๑๘ ปี ในดา้ นต่าง ๆ ดงั นี้ สขุ ภาพกาย - กลมุ่ อายุ ๐-๕ ปี สถานการณท์ ว่ั ไปพบวา่ หญงิ ตงั้ ครรภ์ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังมีปัญหาภาวะขาดสารไอโอดีน ทารกมีน�้ำหนักน้อยกว่า ๒,๕๐๐ กรัม ยังมีอัตราส่วนสูงเกินกว่า ทก่ี �ำหนด ปัญหาภาวะอ้วนมีแนวโน้มเพิ่มขนึ้ เด็กนอกเขตเทศบาล มรี ะดบั สตปิ ญั ญา (IQ) ลดลงเมอ่ื อายเุ พม่ิ ขน้ึ และในดา้ นสง่ิ แวดลอ้ ม สุขาภิบาล ยังมีปัญหาด้านคุณภาพน�้ำบริโภคไม่ได้มาตรฐาน หอ้ งนำ้� หอ้ งสว้ มส่วนใหญ่ยังไม่ถกู สุขลักษณะ สถานศกึ ษาบางแหง่ ยงั ไมม่ กี ารแยกขยะ ส�ำหรับการจัดการส่งเสริมสุขภาพยังมีปัญหาที่ส�ำคัญ คอื พอ่ แม่ขาดความรู้และทักษะในการเลีย้ งดบู ตุ ร การฝากครรภ์ ชา้ ทำ� ใหไ้ ดร้ บั การบรกิ ารสาธารณสขุ ไมค่ รบขนั้ ตอน อตั ราการเลย้ี ง ลูกด้วยนมแม่ลดลง นโยบายสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า มีผลกระทบอย่างมากต่อการส่งเสริมคุณภาพเด็ก ท�ำให้เด็กขาด สารอาหารท่มี ีสทิ ธิได้รับอาหารเสริม ไมไ่ ดร้ บั ถึงรอ้ ยละ ๔๗.๒ - กลมุ่ อายุ ๖-๑๘ ปี ปญั หาทพี่ บ คอื มภี าวะโภชนาการเกนิ อ้วนเพิ่มขนึ้ และมภี าวะเต้ีย ดา้ นทันตะสขุ ภาพ มโี รคฟันผุรนุ แรง และตอ่ เนอ่ื ง ภาวะสายตาเดก็ ในเขตเมอื ง มสี ายตาผดิ ปกตมิ ากกวา่ นอกเขตเทศบาล นกั เรยี นในเขตกรงุ เทพมหานครมปี ญั หาการไดย้ นิ 21
การจัดต้ังศนู ย์เฝา้ ระวังทางวฒั นธรรมในสถานศกึ ษา ทผ่ี ดิ ปกตมิ ากทส่ี ดุ แตเ่ ดก็ ในเขตชนบทมปี ญั หาดา้ นการไดย้ นิ มากวา่ เด็กในเมือง เด็กวัยรุ่นมีระดับเชาว์ปัญญาอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างต่�ำ โดยเด็กนอกเขตเทศบาลจะต�่ำกว่าเด็กในเขตเทศบาล ในด้าน พฒั นาการดา้ นอารมณ์ จิตใจ และสังคมจริยธรรม พบวา่ เมอ่ื เดก็ อายุมากข้ึน มีพฤตกิ รรมทางลบสงู ขึ้น และพบว่าเดก็ หญงิ ทุกกลุม่ อายมุ พี ฒั นาการทางจรยิ ธรรมดา้ นการประหยดั ความซอื่ สตั ย์ และ ละอายเกรงกลัวต่อบาปดีกวา่ เดก็ ชาย สุขภาพจิต เด็กไทยมีปัญหาท่ีจ�ำแนกตามกลุ่มอาการ ได้ ๔ กล่มุ คือ - กลมุ่ โรคทางพัฒนาการ ได้แก่ เด็กทภ่ี าวะสมองหยดุ การพัฒนาหรือพัฒนาไมส่ มบรู ณ์ และเดก็ ออทสิ ตกิ ซึ่งมแี นวโน้ม สงู ข้นึ - กลุ่มโรคที่มีปัญหาต่อการเรียนในโรงเรียน ได้แก่ เดก็ สมาธิสน้ั ซ่งึ น�ำไปส่พู ฤติกรรมหนุ หันพลันแลน่ ขาดความย้ังคดิ เมื่อเป็นผู้ใหญ่จะมีความเส่ียงสูงต่อการล้มเหลวในการด�ำเนินชีวิต ดา้ นตา่ ง ๆ - กลุ่มบกพร่องทางด้านการเรียนรู้ (Learning Disorder) คือ กลมุ่ ที่มีผลสัมฤทธิท์ างการเรียนต�ำ่ และกลุ่มเดก็ สติ ปญั ญาเปน็ เลิศ ซ่งึ จะมปี ญั หาในการปรับตัวในระบบ การเรียนการ สอนปกติ - กลุ่มโรคท่ีเกิดจากการตกเป็นเหยื่อหรือเป็นผู้รับผล จากสงั คม ไดแ้ ก่ เด็กถกู ทารณุ ทางเพศ เดก็ ฆ่าตวั ตาย เดก็ อันธพาล และเด็กใช้สารเสพติด และเมื่อจ�ำแนกตามวัยพบว่า วัยเด็กเล็ก 22
การจดั ต้งั ศูนยเ์ ฝา้ ระวังทางวฒั นธรรมในสถานศึกษา มปี ญั หาการปรบั ตวั ของครอบครวั ตอ่ การเลยี้ งดเู ดก็ เดก็ วยั เรยี นพบ ปัญหาซึมเศร้า และวัยรุ่นพบว่ามีปัญหาทางพฤติกรรมมากท่ีสุด เด็กท่ีได้รับผลกระทบจากเอดส์ มีปัญหาในด้านสุขภาพป่วยบ่อย เรยี นไมท่ นั เพอ่ื นและไมอ่ ยากไปโรงเรยี น ขาดสอ่ื ทเ่ี หมาะสม ในการ ให้ความร้กู บั กลุ่มเดก็ ทไี่ ดร้ บั ผลกระทบ การมสี ว่ นรว่ มของเยาวชน ในการแก้ไขปัญหา HIV ยังมีอยู่ในระดับต่�ำ สังคมไม่ยอมรับ ผู้ติดเชื้อท�ำให้ผู้ป่วย เข้าไม่ถึงบริการด้านสุขภาพ ถูกละเมิดสิทธ ิ ในเรื่องการตรวจเชื้อโดยเด็กไม่ยินยอม การส่งต่อระหว่างองค์กร ไม่เป็นความลับส่งผลต่อผู้ป่วย เด็กท่ีป่วยไม่สามารถอยู่ร่วมกับ ครอบครัวได้ และยังมีเด็กในระบบการศึกษาจ�ำนวนมากไม่ได้รับ การชว่ ยเหลอื และแก้ไขปญั หา สถานการณด์ า้ นความปลอดภยั เดก็ มแี นวโนม้ เสยี ชวี ติ จากอบุ ตั ิเหตแุ ละบาดเจ็บสูงข้ึน โดยการจมน้ำ� เป็นสาเหตนุ ำ� ในการ เสียชีวิตของเด็ก (ซ่ึงส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กเล็ก) อันดับสอง คือ การเสียชีวติ จากการขนสง่ ซ่งึ สว่ นใหญเ่ ปน็ กล่มุ เด็กโต โดยสาเหตุ ส�ำคัญของการเสียชีวิตเกิดจากการไม่ให้ความส�ำคัญกับความ ปลอดภยั ในบ้านและบรเิ วณทีอ่ ยอู่ าศยั และขอ้ คน้ พบ ทส่ี ำ� คญั คือ กลุ่มวัยรุ่นอายุ ๑๕–๑๙ ปีและกลุ่มอายุ ๒๐–๒๔ ปี มีความเส่ียง ต่อการตายจากอุบตั เิ หตรุ วมและอุบัติเหตุจราจรสงู กวา่ กลมุ่ อื่น 23
การจัดตั้งศนู ยเ์ ฝา้ ระวงั ทางวฒั นธรรมในสถานศกึ ษา เดก็ และเยาวชนไทยกับพฤตกิ รรมการบริโภคนิยม ทา่ มกลางกระแสแหง่ บรโิ ภคนยิ ม (Consumerism) ทแี่ ผข่ ยาย ปกคลุมไปทั่วโลกอย่างรวดเร็วในทุกวันน้ี ไม่เพียงแต่น�ำมาซ่ึง การเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และ วัฒนธรรมของชาวโลกแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนวิถีชีวิต และวัฒนธรรมเด็กไทยอย่างเห็นได้ชัด สิ่งที่เกิดขึ้นกับเด็ก และ เยาวชนในปจั จุบัน คือ เดก็ และเยาวชน ตกเป็นเปา้ ของยคุ บริโภค นิยม อนั เนอื่ งมาจากพ่อแม่รกั ลูก ใจออ่ น ตามใจลกู ผ่อนปรนต่อ การสร้างลักษณะนิสัยในการรับประทานอาหารที่ถูกต้องแก่ลูก กระแสบริโภคนิยมท่ีผ่านการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านส่ือสาร ทกุ รปู แบบสนิ คา้ ตา่ งๆ รวมถงึ วฒั นธรรมการเลยี้ งดเู ดก็ และเยาวชน แบบคนยุคใหม่ ท่ีผลักดันให้เด็กและเยาวชนว่ิงเข้าหาวัฒนธรรม บริโภคนิยมได้ง่ายขึ้น อีกทั้งการปรับเปล่ียนกลยุทธ์ทางการตลาด ของสินค้าต่างๆ อาหารจานด่วน กระตุ้นให้เกิดการอยากซ้ือของ ผูบ้ ริโภค น่ันคือ เด็กและเยาวชน จงึ เห็นไดช้ ัดว่า เด็กและเยาวชน ไมเ่ พยี งแตต่ อ้ งตกอยทู่ า่ มกลางโลกแหง่ การบรโิ ภคอยา่ งไมท่ นั ตงั้ ตวั แล้ว ในขณะเดียวกันวัฒนธรรมบริโภคนิยมที่มีสินค้าสมัยใหม ่ ทส่ี ามารถตอบสนองความตอ้ งการของเดก็ และเยาวชน ซง่ึ เปน็ กลมุ่ คนท่ีขาดสติพิจารณา ปัจจุบันเด็กและเยาวชนต้องเผชิญปัญหา ภาวะโรคอ้วนมากข้ึนและเร็วข้ึนจนน่าวิตก และได้ท�ำลายค่านิยม การบริโภคแบบพอเพียงของคนรุ่นก่อน รวมทั้งยังได้สร้างค่านิยม ใหม่ของการบริโภคท่ีมีความเชื่อเบื้องหลังที่ว่า มนุษย์จะต้องสร้าง 24
การจดั ตง้ั ศนู ยเ์ ฝา้ ระวงั ทางวฒั นธรรมในสถานศึกษา สขุ ใหเ้ กดิ ขน้ึ แกต่ นเองได้ และวธิ กี ารทจ่ี ะสรา้ งสขุ ทไี่ ดผ้ ลคอื การตอบ สนองความอยาก ให้หรือได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นความอยาก เพื่อมีวัตถมุ าเสพบริโภค หรือความอยากท่จี ะใหเ้ กิดความพงึ พอใจ สูงสุด เด็กมีแนวโน้มตกเป็นเหยื่อการโฆษณามากขึ้นท่ามกลาง การแขง่ ขนั ของภาคธรุ กจิ ทต่ี า่ งพยายามครอบครองกำ� ลงั ซอ้ื ของเดก็ ในขณะเดยี วกัน การศึกษาก็มิได้ใหท้ กั ษะชีวติ ทีพ่ อเพียงในการเปน็ ผบู้ ริโภคที่ชาญฉลาด รวมท้งั วิธเี ล้ยี งลกู แบบวตั ถนุ ิยมสมัยใหมแ่ ละ การขาดแบบอย่างของผู้ใหญ่ในสังคมท�ำให้เด็กไทยมีแนวโน้ม เปน็ ผู้เสพโดยสมบรู ณใ์ นอนาคต ปัจจัยท่ีเป็นแรงขับต่อพฤติกรรมบริโภคนิยมของเด็กไทย มดี ังนี้ - อิทธิพลของส่ือโฆษณา งานวิจัยท่ีเกี่ยวข้องได้ชี้ให้เห็น ปัญหาเด็กและเยาวชนจ�ำนวนมากท่ีรู้ไม่เท่าทันส่ือ และติดกับ การบรโิ ภคสนิ คา้ ตา่ งๆ ทผี่ า่ นมาทางสอ่ื โฆษณาทงั้ หลาย ปญั หาแรง ย่ัวยุของสื่อต่างๆ ได้ดึงดูดเด็กให้ติดกับ การบริโภคอย่างรุนแรง อิทธิพลของสื่อท่ีส่งผลท�ำลายสุขภาพกาย สุขภาพจิต และปัญญา ของเด็ก และสง่ ผลกระทบต่อสุขภาวะของสังคม - การอบรมเลี้ยงดูของพ่อแม่ยุคใหม่ที่รักลูกแบบไม่ถูกทาง พอ่ แมย่ คุ ใหมป่ รนเปรอลกู ปญั หาพฤตกิ รรมการบรโิ ภคแบบ ไมเ่ ลอื ก หรือเลือกไม่เป็น ปัญหาเด็กอ้วน ปัญหาวัยรุ่นคลั่งผอม หรือแม้ ค่านิยมติดห้าง ติดวัตถุนิยมของเด็กและเยาวชนล้วนเป็นผลพวง มาจากการอบรมเลยี้ งดูของพ่อแมย่ ุคใหม่ทปี่ รนเปรอลกู มากเกนิ ไป และยงั เปน็ ปจั จยั เงอื่ นไขทม่ี ผี ลตอ่ การพฒั นาทศั นคติ และวถิ ดี ำ� เนนิ 25
การจัดตงั้ ศูนยเ์ ฝ้าระวงั ทางวฒั นธรรมในสถานศึกษา ชีวิตของเด็กไทยยุคใหม่ที่รักความสะดวกสบายและการบริโภค ส่ิงของตามใจตามกระแสเกนิ ตัว - การขยายตัวของธุรกิจ การแข่งขันทางการตลาด ของภาคเอกชนขยายตัวอย่างรวดเร็วซึ่งมีผลต่อค่านิยมการบริโภค ตามกระแส - ทัศนคติ โลกทัศน์ของเด็กและเยาวชน ที่อยากมีตัวตน ใ น ก ลุ ่ ม เ พื่ อ น ห รื อ ค ว า ม รู ้ สึ ก ก า ร เ ป ็ น ก ลุ ่ ม ห รื อ พ ว ก เ ดี ย ว กั น ในกลุ่มเด็กและเยาวชนและเห็นแบบอย่างการบริโภค กิน ด่ืม ใช้ สินค้า หรือของฟุ่มเฟือยต่าง ๆ ของผู้ใหญ่ในสังคม ซึ่ง สง่ ผลกระทบตอ่ วัฒนธรรมการบรโิ ภคนยิ มของเดก็ และเยาวชน - การศึกษาไม่ได้สอนคุณค่าการใช้ชีวิต ปัญหาจากการ ท่ีระบบการศึกษามุ่งสอนแต่ความรู้โดยไม่ได้สอนทักษะชีวิต และเหน็ คุณคา่ ตา่ ง ๆ ใชช้ ีวิตอย่างถูกต้องเหมาะสมไดส้ ง่ ผลให้เด็ก และเยาวชนตดิ กบั การบรโิ ภคเกนิ ขนาดมากกวา่ การเหน็ คณุ คา่ การ บรโิ ภคหรือกินดื่มใช้อยา่ งพอเพียง - ความอยากมีตัวตนในกลุ่มเพื่อน ท่ามกลางธรรมชาต ิ ของเดก็ และเยาวชนทอี่ ยากมตี วั ตนในกลมุ่ เพอ่ื นไดท้ ำ� ให ้ เรอ่ื งคา่ นยิ ม บริโภคตามเพ่ือนกลายเป็นสิ่งส�ำคัญของชีวิตเด็กไทย ซึ่งส่งผล กระทบทงั้ ผลบวกและลบตอ่ ตวั เดก็ และเยาวชน ดงั เหน็ ไดจ้ ากปญั หา การตดิ แบรนดเ์ นม การอนิ เทรนดก์ บั แฟชนั่ ทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ งตามเพอ่ื น แนวโนม้ การตดิ หรขู องเดก็ และเยาวชน ตามเพอื่ นนี้ นอกจากทำ� ให้ เดก็ และเยาวชนใชเ้ งนิ ฟมุ่ เฟอื ย โดยไมจ่ �ำเปน็ และยังสง่ ผลตอ่ การ พฒั นาอตั ลกั ษณเ์ ฉพาะตวั ของเดก็ และเยาวชน ทตี่ อ้ งไลต่ ามแฟชนั่ 26
การจดั ตัง้ ศนู ยเ์ ฝ้าระวงั ทางวัฒนธรรมในสถานศกึ ษา กบั เพ่ือนตลอด หรือหลงเพื่อนจนไม่สามารถอย่คู นเดียวได้ - แบบอย่างผู้ใหญ่ในสังคม สถานการณ์ปัญหาการบริโภค ของเด็กและเยาวชน ในยุคนี้ท่ีมีความต้องการบริโภครุนแรง และไมร่ เู้ ทา่ ทนั ไมร่ ตู้ วั มากยงิ่ ขนึ้ นี้ สบื เนอื่ งมาจากการเหน็ แบบอยา่ ง ผู้ใหญ่ในสังคม และมีผลต่อการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชน ทม่ี แี นวโนม้ จะมคี า่ นยิ มและพฤตกิ รรมทกี่ นิ อยา่ งหรอู ยอู่ ยา่ งคนรวย จนน�ำไปสู่ปัญหาการอยากมีอยากได้วัตถุ ปัญหาการขายบริการ ทางเพศ ปัญหาการพนันท่ีหวังรวยลัด ปัญหาอาชญากรปล้นจ ้ี ตา่ ง ๆ ทีน่ บั วนั จะมากยง่ิ ข้ึน การปลูกฝังค่านิยมพอเพียงและการสร้างชีวิตให้สมดุล ในทกุ มิตคิ อื หลักแห่งความมัน่ คงทางเศรษฐกจิ ในระยะยาว ในทาง กลับกันหากเรายังปล่อยปละละเลยให้เด็กและเยาวชนลุ่มหลง อยใู่ นวัฒนธรรมบริโภคนิยม อนาคตเด็กและเยาวชนเหล่านจ้ี ะก้าว เข้าสู่ภาวะหน้ีสินเร็วและแรงข้ึนจากการมีแบบแผน การใช้ชีวิต ท่ีไม่พอเพียง เกินสมดุล ส่งผลกระทบถงึ เศรษฐกจิ และความม่ันคง คงชาตติ ่อไปในอนาคต เด็กและเยาวชนไทยกับพฤติกรรมการแสดงออก ทางเพศ อนิ เทอรเ์ น็ตและเครือ่ งมือสื่อสารดิจิทลั เคลอ่ื นท่ี กลายเป็น สว่ นหนงึ่ ในชวี ติ ประจำ� วนั ของคนยคุ ใหมท่ ม่ี ปี ระชากรหลายรอ้ ยคน ใช้ในการติดต่อสื่อสาร ส่ังซ้ือสินค้าออนไลน์ ใช้ท�ำงาน วางแผน 27
การจัดตัง้ ศูนย์เฝา้ ระวังทางวฒั นธรรมในสถานศึกษา ท่องเท่ียว เป็นต้น แต่มีคนจ�ำนวนไม่น้อยเช่นกันท่ีใช้เคร่ืองมือ ดังกล่าวเพื่อสนองความตอ้ งการทางเพศ อีกทัง้ ส่ือลามกออนไลน์ท่ี มมี ากขน้ึ กลมุ่ ทเี่ ขา้ ถงึ สอ่ื เหลา่ นี้ สว่ นใหญเ่ ปน็ กลมุ่ เดก็ และเยาวชน ซ่ึงเป็นวัยที่มีความอยากรู้อยากลอง อยากเลียนแบบ รวมทั้งการ เจริญเติบโตทางด้านร่างกายและพัฒนาการในเร่ืองเพศจากการ เปลย่ี นแปลงของฮอรโ์ มน ทำ� ใหเ้ รมิ่ มคี วามรสู้ กึ หรอื มคี วามตอ้ งการ ทางเพศ หากได้รับการกระตุ้นจากส่ือลามกที่เข้าถึงง่ายจาก อินเทอร์เน็ต ผ่านมือถือหรือคอมพิวเตอร์ซ่ึงสามารถเข้าถึงได้ทุกที่ ทุกเวลา และหากหมกมุ่นให้ความสนใจกับส่ิงเหล่าน้ันมากกว่า การเรยี น สถานการณ์การเสพสื่ออนาจารของเด็กและเยาวชนไทย วิกฤตหนักตามความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ถึงขั้นถ่ายเป็นวีดิโอ ร่วมเพศให้โหลดไปดูฟรี ในอดีตกระแสความนิยมของผู้เล่น อนิ เทอร์เนต็ ตามเวบ็ บอรด์ ลามกอนาจาร ไดป้ รับเปลยี่ นพฤตกิ รรม จากเดิมท่ีเคยโพสต์รูปโป๊เปลือยเพียงอย่างเดียว ปัจจุบันมือถือรุ่น ใหม่โหลดภาพวีดิโอร่วมเพศจากเว็บไซต์ฟรี ได้เห็นท้ังภาพ เคล่ือนไหวพร้อมเสียงชัดเจน พฤติกรรมของเด็กและเยาวชนไทย ถูกหล่อหลอมมาจากการบริโภคส่ือเป็นหลักจนเป็นความเคยชินท่ี ขาดไม่ได้ในชีวิตประจ�ำวัน และกลายเป็นค่านิยมด้วยนิสัยของ วัยรุ่นที่อยู่ในช่วงอยากรู้อยากลอง ต้องการความต่ืนเต้นอย่างเช่น การถา่ ยภาพนูด้ ในมอื ถอื แลว้ น�ำไปโพสต์ขายตามอนิ เทอรเ์ น็ตและ ได้รับเสียงตอบรับจากผู้บริโภคท้ังท่ีอยู่ในวัยเดียวกันและท่ีต่างวัย กม็ ีไม่นอ้ ย 28
การจัดต้ังศูนยเ์ ฝ้าระวงั ทางวฒั นธรรมในสถานศกึ ษา ผลกระทบที่ตามมาจากการเสพส่ือลามกมากเกินไปคือ ผลการเรียนต�่ำลง เด็กและเยาวชน มีแนวโน้มท่ีจะมีเพศสัมพันธ์ เรว็ ขน้ึ ชดั เจน และทน่ี า่ เปน็ หว่ งกวา่ นน้ั คอื ทศั นคตกิ ารมเี พศสมั พนั ธ์ ก่อนแต่งงาน ตลอดจนการอยู่ก่อนแต่งโดยไม่ผูกมัด เสี่ยงเกิด อาชญากรรมทางเพศ หรือมีความเสี่ยงจะถูกคุกคามทางเพศ มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร ติดโรคทางเพศสัมพันธ์ ตั้งครรภ์ ไม่พร้อม รวมไปถึงการท�ำแท้ง ซ่ึงขณะน้ีประเทศสหรัฐอเมริกา ยกระดับอันตรายส่ือลามกอยู่ในขั้นรุนแรงเข้าขั้นวิกฤต มีอันตราย ต่อประชาชนเทียบกับปัญหารุนแรงทางสาธารณสุข โดยพบว่า สื่อลามกอนาจารกลายเป็นสาเหตุหนึ่งท่ีเกี่ยวข้องกับการกระท�ำ รนุ แรงทางเพศ ผู้ชายทีด่ ูสอ่ื ลามกต้ังแตอ่ ายุยังน้อยมีแนวโนม้ จะมี เพศสัมพนั ธท์ อ่ี ีกฝ่ายไมส่ มยอม โดยผลสำ� รวจพฤติกรรมการมีเพศสมั พนั ธข์ องวยั รุน่ พบว่า วยั รุน่ มีเพศสมั พนั ธ์คร้งั แรกทีอ่ ายุเฉลยี่ ประมาณ ๑๔-๑๘ ปี และมี กับเพ่ือนหรือคู่รักมากกว่าหญิงบริการทางเพศ ในกลุ่มคนโสด มีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงานในอัตราเพ่ิมมากข้ึน เยาวชนหญิง ในเขตเมืองยอมรับแนวคิดและมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงานมากข้ึน และมีแนวโน้มว่าอายุเฉล่ียในการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกมีแนวโน้ม ต่ำ� ลงเรอื่ ย ๆ ในภาพรวมทุกประเทศ โดยเฉลย่ี เรม่ิ มปี ระสบการณ์ ทางเพศคร้ังแรกในระดับมัธยมตอนปลาย และบางส่วนเร่ิมมี ประสบการณท์ างเพศครง้ั แรกในระดบั มธั ยมตอนตน้ อยา่ งไรกต็ าม วัยรุ่นชายยังคงมีแนวโน้มที่จะหาประสบการณ์ทางเพศก่อนวัยรุ่น หญิงอยา่ งชดั เจน 29
การจัดตง้ั ศูนยเ์ ฝ้าระวังทางวฒั นธรรมในสถานศกึ ษา จากสถานการณ์การมเี พศสัมพันธ์กอ่ นวัยอันควรของวัยร่นุ เปน็ สาเหตขุ องปญั หาการตง้ั ครรภไ์ มพ่ งึ ประสงค์ โดยผลการสำ� รวจ สถานการณก์ ารคลอดบตุ รของวยั รนุ่ ไทยปี ๒๕๕๕ ของกระทรวงการ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตามเกณฑ์สากลของ องค์การอนามัยโลก โดยการก�ำหนดนิยามอัตราการคลอดบุตร ของวยั รนุ่ หมายถึง การคลอดบุตรของหญงิ ทม่ี อี ายุ ๑๕ – ๑๙ ปี ในจ�ำนวน ๑,๐๐๐ คนโดยใช้ข้อมูลการจดทะเบียนเกิดจากข้อมูล ทะเบยี นราษฎรส์ ำ� นกั บรหิ ารงานทะเบยี นกรมการปกครองกระทรวง มหาดไทยในช่วง ๕ ปที ีผ่ า่ นมา (ป๒ี ๕๕๑ - ๒๕๕๕) การคลอดบตุ ร ของวยั รนุ่ ไทยเพมิ่ ขน้ึ อยา่ งตอ่ เนอื่ งโดยเฉพาะกลมุ่ มารดาอายตุ ำ�่ กวา่ ๑๕ ปีซึ่งในจ�ำนวนน้ีมีแม่วัยรุ่นอายุน้อยที่สุด ๘ ปีรายละเอียด ตามแผนภมู ทิ ป่ี รากฏ 30
การจดั ตงั้ ศูนย์เฝ้าระวงั ทางวฒั นธรรมในสถานศึกษา ภาพรวมของประเทศไทย ในปี ๒๕๕๕ พบว่า อัตรา การคลอดบตุ รของวยั รนุ่ ตอ่ ผหู้ ญงิ ในกลมุ่ เดยี วกนั จำ� นวน ๑,๐๐๐ คน อยู่ท่ี ๔๖.๙๒ คน เมื่อจ�ำแนกรายภาค พบว่าภาคกลางมีอัตรา การคลอดบุตรของวัยรุ่นสูงสุด อยู่ท่ี ๕๕.๒๐ คน รองลงมาเป็น ภาคเหนือ ๔๔.๗๔ ภาคใต้ ๔๔.๔๗ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ๔๔.๑ และกรุงเทพมหานคร ๔๓.๓๐ ตามล�ำดบั เดก็ และเยาวชนไทยกบั พฤตกิ รรมดา้ นความรนุ แรง ความรนุ แรง หมายถงึ การกระทำ� ใด ๆ ทเ่ี ปน็ การลว่ งละเมดิ สทิ ธสิ ว่ นบคุ คล ทง้ั ทางกาย วาจา จติ ใจ และทางเพศ โดยการบงั คบั ขเู่ ขญ็ ทำ� รา้ ยทบุ ตี คกุ คาม จำ� กดั กดี กนั เสรภี าพ ทง้ั ใน ทส่ี าธารณะ และในการดำ� เนนิ ชวี ติ ส่วนตัว ซง่ึ เปน็ ผลหรืออาจจะเป็นผลใหเ้ กดิ ความทกุ ข์ทรมานท้ังทางร่างกายและจติ ใจแก่ผู้ถูกกระท�ำ ปัจจุบันเด็กไทยต้องเติบโตท่ามกลางสังคมท่ีเต็มไปด้วย ปัญหามากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเผชิญหน้ากับกระแสโลกาภิวัตน์ ท่ีเต็มไปด้วยความหลากหลาย สลับซับซ้อนและเปล่ียนแปลง อย่างรวดเร็ว และเต็มไปด้วยการแข่งขันช่วงชิงและการต่อสู้ ในรปู แบบตา่ ง ๆ ท่นี บั วันจะทวคี วามรนุ แรงขึ้น กรณีการทะเลาะ เบาะแว้งไปจนถึงท�ำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บหรือถึงขั้นเสียชีวิต การดูถกู เหยียดหยามคนตา่ งศาสนาต่างผวิ หรอื แมแ้ ตค่ วามขัดแยง้ ระหวา่ งคนตา่ งกลมุ่ ตา่ งพืน้ ที่ ซง่ึ ลว้ นแล้วแตส่ ะทอ้ นถงึ ปญั หาของ 31
การจดั ต้ังศนู ย์เฝ้าระวงั ทางวัฒนธรรมในสถานศึกษา เด็กไทยที่ส่วนหน่ึงน้ันสืบเนื่องมาจากความไม่เข้าใจในความ แตกต่างและความหลากหลายทางวัฒนธรรม ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็กและ เยาวชน สถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็กและเยาชนในสังคมไทย และสังคมโลก ยงั คงทวีความรุนแรงเพิม่ ขน้ึ สวนทางกับแนวโน้ม ของจ�ำนวนประชากรเด็กท่ีลดลง จากข้อมูลสถิติที่มีหน่วยงาน จัดเกบ็ และขอ้ มลู ท่ีปรากฏเป็นขา่ วตามส่ือต่าง ๆ สะท้อนให้เหน็ ถึง ความรนุ แรงของสถานการณป์ ญั หาไมว่ า่ จะเปน็ การปลอ่ ยปละละเลย ทอดทง้ิ การทารณุ กรรม การแสวงหาประโยชนท์ างดา้ นเศรษฐกิจ และทางเพศและความรุนแรงในรูปแบบต่าง ๆ แม้ว่าจะยังไม่มี ข้อมูลส�ำหรับการอ้างอิงที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน แต่ได้สะท้อนถึง สภาพการณ์ตา่ ง ๆ จากรายงาน Hidden in Plain Sight ขององค์กรยนู ิเซฟ ท่ีได้ศึกษาข้อมูลสถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็กใน ๑๙๐ ประเทศ ทเี่ กดิ ขนึ้ ในสถานการณท์ คี่ วรจะมคี วามปลอดภยั ตอ่ เดก็ ไมว่ า่ จะเปน็ ชมุ ชน โรงเรยี นที่และทบี่ ้าน พบวา่ ผลกระทบความรนุ แรงต่อเดก็ สามารถสง่ ผลสบื ทอดตอ่ ไปยงั คนอกี รนุ่ หนง่ึ ในระยะเวลาทยี่ าวนาน ซงึ่ เดก็ ทถี่ กู กระทำ� ดว้ ยความรนุ แรง เมอื่ เตบิ โตไปแลว้ จะมแี นวโนม้ ท่ีจะอยู่ในสภาพแรงงาน ยากจนและใช้ความรุนแรงต่อผู้อื่น นอกเหนือจากน้ีพบวา่ 32
การจัดต้งั ศนู ย์เฝา้ ระวังทางวัฒนธรรมในสถานศกึ ษา ๑. ความรุนแรงทางเพศ พบว่า มีเดก็ หญิง ๑๒๐ ลา้ นคน ทมี่ อี ายุน้อยกว่ายสี่ บิ ปีทั่วโลก จ�ำนวน ๑ ใน ๑๐ คน เคยประสบกบั การถกู บงั คบั ใหม้ เี พศสมั พนั ธห์ รอื การกระทำ� ทางเพศแบบบงั คบั อน่ื ๆ ๒. ๑ ใน ๕ ของเหยื่ออาชญากรรมท่ัวโลกเป็นเด็ก และ วัยรุน่ ทอี่ ายนุ ้อยกว่า ๒๐ ปี ๓. มีเด็กนักเรียนมากกว่า ๑ ใน ๓ ท่ีมีอายุ ๑๓-๑๕ ป ี ท่ัวโลกประสบปัญหาการรังแกกันในโรงเรียน ๔. ประมาณร้อยละ ๑๗ ของจ�ำนวนเด็กใน ๕๘ ประเทศ ตกเปน็ เหยือ่ ของการลงโทษทางกายทใี่ ชค้ วามรนุ แรง สถานการณค์ วามรนุ แรงในประเทศไทย ข้อมูลจากส�ำนักบริหารการสาธารณสุข กระทรวง สาธารณสุขในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ สถิติการให้ความช่วยเหลือเด็กและ สตรจี ากโรงพยาบาล ๖๓๑ แหง่ เพม่ิ ขนึ้ เปน็ ๓๑,๘๖๖ ราย หรอื เฉลย่ี วันละ ๘๗ คน ร้อยละ ๖๐ เปน็ เด็ก เกอื บ ๙ ใน ๑๐ ของเด็กท่ถี กู กระทำ� รุนแรงเป็นเดก็ หญิง สว่ นใหญ่อายุ ๑๐-๑๕ ปี คดิ เปน็ ร้อยละ ๔๖ รองลงมา คอื อายุ ๑๕-๑๘ ปี คดิ เปน็ ร้อยละ ๔๐ และพบอายุ ต�่ำกว่า ๕ ปี ประมาณ ๑,๐๐๐ คน คิดเป็นร้อยละ ๕ ลักษณะ ความรุนแรงท่ีเกิดขึ้นอันดับ ๑ คือ การถูกกระท�ำทารุณทางเพศ รอ้ ยละ ๗๒ บางรายตงั้ ครรภไ์ มพ่ งึ ประสงค์ รองลงมาเปน็ การกระทำ� ทารุณทางกายร้อยละ ๒๑ ผู้กระท�ำส่วนใหญ่เป็นบุคคลท่ีเด็กรู้จัก ไวว้ างใจ และมคี วามสมั พนั ธใ์ กลช้ ดิ กบั เดก็ สาเหตสุ ว่ นใหญม่ าจาก 33
การจัดตั้งศนู ย์เฝา้ ระวงั ทางวฒั นธรรมในสถานศึกษา สภาพแวดลอ้ ม ไดแ้ ก่ สอ่ื ลามก ความใกลช้ ดิ และโอกาสเออ้ื อำ� นวย เป็นตน้ กระทรวงการพฒั นาสงั คมและความมน่ั คงของมนษุ ยด์ ำ� เนนิ การสำ� รวจความรนุ แรงตอ่ เด็กในบรบิ ทตา่ ง ๆ ทัง้ ในบ้าน โรงเรยี น สถานทด่ี แู ลเด็ก พบวา่ ๑. เดก็ ถกู กระทำ� ดว้ ยความรนุ แรงทงั้ ทางกาย วาจาและเพศ โดยบคุ คลในครอบครวั ครูและเพอื่ น รวมทั้งเพ่ือนบ้าน โดยเกิดข้นึ ในชวี ติ ประจำ� วนั ๒. ความรนุ แรงมที กุ รูปแบบ และมีระดบั ความรนุ แรงนอ้ ย ไปจนถงึ มาก จนเป็นอันตรายตอ่ ชวี ติ ๓. เด็กเป็นทั้งผู้ถูกกระท�ำและผู้กระท�ำความรุนแรงเอง ส่วนใหญ่เด็กชายจะถูกกระท�ำและเป็นผู้กระท�ำความรุนแรง มากกว่าเด็กหญงิ ๔. บุคคลในบ้านท่ีกระท�ำความรุนแรงทางกายและวาจา ต่อเด็ก คือ แม่ พ่อและพี่ยกเว้นความรุนแรงทางเพศ จะมีพ่อ เป็นผู้กระทำ� สูงสุด รวมทง้ั พแี่ ละเพื่อนแถวบา้ น ๕. ความรนุ แรงในสถาบนั การศกึ ษา พบวา่ เดก็ ในโรงเรยี น สังกัดของกรุงเทพมหานครค่อนข้างถูกกระท�ำมากกว่าสังกัดอ่ืน และเมือ่ จ�ำแนกตามภูมภิ าค พบว่า เดก็ ในกรุงเทพฯและปริมณฑล และภาคกลางจะถกู กระท�ำมากกว่าภูมภิ าคอนื่ ในขณะท่ภี าคเหนือ ถกู กระท�ำความรนุ แรงทางเพศที่โรงเรยี นคอ่ นขา้ งสูงกวา่ ภาคอ่ืน 34
การจัดต้ังศูนย์เฝ้าระวงั ทางวัฒนธรรมในสถานศึกษา ท่ีผ่านมาหน่วยงานภาครัฐ ได้ร่วมกับเครือข่ายองค์กรที่ ทำ� งานด้านเด็ก ๖๐ องคก์ ร และหน่วยงานอื่นทเ่ี กยี่ วข้อง มบี ทบาท ในการป้องกนั แก้ไขความรุนแรงท่เี กดิ ขน้ึ ต่อเดก็ ในรปู แบบต่าง ๆ แต่ถึงกระน้ันการกระท�ำความรุนแรงต่อเด็กยังคงทวีความรุนแรง มากขึ้น จึงจ�ำเป็นต้องรณรงค์ให้คนท่ีอยู่แวดล้อมเด็ก ได้แก่ ครอบครัว โรงเรียน ชุมชน ส่ือมวลชน คนในสังคมตระหนักใน ปญั หาและเขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการปอ้ งกนั แกไ้ ขปญั หาความรนุ แรง ตอ่ เดก็ รว่ มรณรงคย์ ตุ ิการใชค้ วามรุนแรงต่อเดก็ ทุกรปู แบบ ๑๐ ขอ้ เทจ็ จรงิ สถานการณค์ วามรนุ แรงตอ่ เดก็ ในระดบั โลก (จากรายงาน Hidden in Plain Sight, UNICEF) ๑) ในปี ๒๕๕๕ มีการมาตรกรรมเด็กและเยาวชนอายุ ต่�ำกวา่ ๒๐ ปี กวา่ ๙๕,๐๐๐ ราย หรอื นับเปน็ ๑/๕ ของจ�ำนวน การฆาตกรรมที่เกิดข้ึนท้ังหมดในปนี ั้น ๒) ๖ ใน ๑๐ ของเด็กอายุ ๒-๑๔ ปี ท่วั โลก (กวา่ หมน่ื ลา้ น คน) ถกู ลงโทษทางกายจากผู้ปกครองเปน็ ประจำ� ๓) ๑ ใน ๓ ของเด็กนักเรยี นอายุ ๑๓-๑๕ ปี รายงานวา่ เคย ทะเลาะกันรนุ แรงมากกวา่ ๑ ครง้ั ในปที ี่ผ่านมา ๔) ๑ ใน ๓ ของเดก็ นักเรยี นอายุ ๑๓-๑๕ ปี ถกู รังแกเปน็ ประจำ� ๕) ๑ ใน ๓ ของวัยรุ่นอายุ ๑๑-๑๕ ปี ในยุโรป และอเมรกิ าเหนือยอมรับวา่ ถกู รังแกในโรงเรยี น อยา่ งนอ้ ย ๑ คร้งั 35
การจดั ต้ังศนู ยเ์ ฝา้ ระวงั ทางวัฒนธรรมในสถานศกึ ษา ในช่วง ๒-๓ เดอื นท่ผี า่ นมา ๖) ประมาณรอ้ ยละ ๓๕ ของเดก็ หญงิ อายุ ๑๕-๑๙ ปที วั่ โลก (เกือบ ๗๐ ล้านคน) รายงานว่าถูกกระท�ำความรุนแรงทางกาย ตง้ั แตอ่ ายุ ๑๕ ปี ๗) ๑ ใน ๑๐ ของเด็กหญิงอายุต่�ำกว่า ๒๐ ปี ท่ัวโลก (๑๒๐ ลา้ นคน) ถูกละเมดิ ทางเพศรปู แบบใดรูปแบบหนง่ึ อยา่ งนอ้ ย ๑ ครั้งในช่วงชีวิตที่ผ่านมา เด็กชายก็เส่ียงต่อการละเมิดทางเพศ เช่นเดียวกัน ถึงแมจ้ ะไมม่ กี ารจดั เก็บข้อมลู เร่ืองนอ้ี ยา่ งเป็นระบบ ๘) ๑/๓ ของเด็กหญิงอายุ ๑๕-๑๙ ปี ทั่วโลก (กว่า ๘๔ ลา้ นคน) เคยตกเปน็ เหยอื่ ความรนุ แรงทางอารมณ์ ทางรา่ งกาย และทางเพศ ซ่งึ กระท�ำโดยสามหี รือคนรกั ในชว่ งเวลาใดเวลาหน่งึ ๙) ผู้ใหญ่ ๓ ใน ๑๐ คน เชือ่ วา่ การลงโทษทางร่างกายแก่ เดก็ เปน็ เรอ่ื งจ�ำเปน็ สำ� หรบั การเลยี้ งดูและใหเ้ ด็กเรียนรู้ ๑๐) คร่ึงหน่ึงของเด็กหญิงอายุ ๑๕ ถึง ๑๙ ปี ทั่วโลก (กวา่ ๑๒๖ ลา้ นคน) คดิ วา่ บางครงั้ การทส่ี ามที ำ� รา้ ยภรรยา เปน็ เรอ่ื ง ทย่ี อมรบั ได้ ปัจจัยท่ีเป็นแรงขับต่อพฤติกรรมที่รุนแรงของเด็กและ เยาวชน มีดังนี้ ๑. ครอบครัวท่ีแตกแยก เน่ืองจากพ่อแม่ไม่มีเวลาอบรม ส่ังสอน และดแู ลอยา่ งใกลช้ ิด หรอื พอ่ แม่ดแู ลลูกดีจนเกินไป 36
การจัดต้ังศูนย์เฝา้ ระวังทางวฒั นธรรมในสถานศกึ ษา ๒. เด็กขาดระเบียบวินัย และไม่มีความอดทน ขาดความ เข้มแข็งจนไม่สามารถทนต่อความผิดหวังได้ ไม่เคยต่อสู้อุปสรรค ปัญหาใดๆ ๓. สังคมและการศึกษาสอนให้เห็นแก่ตัว สภาพสังคม ท่ีแข่งขันและระบบการศึกษาที่เน้นแต่ความรู้มากกว่าความดี ท�ำให้เด็กไทยเติบโตมาพร้อมกับโลกทัศน์ยึดตัวเอง เป็นศูนย์กลาง อนั นำ� ไปสปู่ ญั หาการไมเ่ ขา้ ใจในความแตกตา่ งทางวฒั นธรรม ปญั หา การดูถกู เหยียดหยาม ๔. สื่อส่งเสริมความก้าวร้าวรุนแรง ปัญหาเด็กต่างสถาบัน ตีกัน ปัญหาอาชญากรรมต่าง ๆ ส่วนหน่ึงเป็นผลมาจากสื่อท่ี น�ำเสนอภาพท่ีสอดแทรกความรุนแรงเป็นประจ�ำ ท�ำให้เร่ือง ของความแตกรา้ วระหวา่ งเดก็ ตา่ งสถาบนั ทเ่ี กดิ ขน้ึ กลายเปน็ สงิ่ ปกติ รายวัน และมีผลต่อพฤติกรรมเลียนแบบก้าวร้าวรุนแรงที่นับวัน จะมีใหเ้ หน็ มากยิง่ ข้นึ ๕. ขาดพ้ืนท่ีในการแสดงออก/ท�ำกิจกรรมที่สร้างสรรค์ ปัญหาความรุนแรงและรอยร้าวทางวัฒนธรรมในด้านต่างๆ ท่ีเกิดข้ึน มีสาเหตุมาจากสภาพการณ์ปัจจุบันที่เด็กไทยไร้พื้นท ี่ อยู่ท่ียืน ไม่มีพ้ืนท่ีท่ีจะเรียนรู้ หรือท�ำกิจกรรมต่าง ๆ และการ ท�ำความเข้าใจในความแตกต่างท่ีพอเพียง เด็กและเยาวชนไทย ขาดทิศหรือหลักคิดที่จะน�ำปัญญาให้เห็นคุณค่าของเพ่ือนมนุษย์ และเหน็ ความงามในความหลากหลายทางวัฒนธรรม 37
การจดั ตั้งศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรมในสถานศึกษา ๖. รายงานวิจัยผลกระทบของการด่ืมสุราในฐานะปัจจัย ร่วมการเกิดปัญหาความรุนแรงในครอบครัวของมูลนิธิเพ่ือนหญิง ร่วมกับ สสส. พบว่า ร้อยละ ๗๐-๘๐ ของกลุ่มตัวอย่างผู้ชาย ทด่ี ม่ื สรุ าจากทวั่ ประเทศ มกี ารใชค้ วามรนุ แรง กบั ภรรยาและบคุ คล ในครอบครัวหลังจากการดื่ม และจากการส�ำรวจของโรงพยาบาล ชุมชนท่ัวประเทศพบว่า การดื่มเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ก่อให้เกิด ความรุนแรงและอาชญากรรมประมาณร้อยละ ๗ ของคดี อาชญากรรมทงั้ หมด โดยแบง่ ออกเปน็ รปู แบบความผดิ เกยี่ วกบั เพศ ร้อยละ ๓๕ และความผิดต่อร่างกายร้อยละ ๒๐ แต่เชื่อว่ากรณี อาชญากรรมและความรุนแรงจริง ๆ ต้องมีมากกว่าน้ีเน่ืองจาก ยังมผี เู้ สยี หายอกี จ�ำนวนมากทีไ่ ม่กลา้ แจง้ ความ เด็กและเยาวชนไทยกับพฤติกรรมดา้ นการติดสาร เสพติด จากการส�ำรวจสถานการณ์และปัญหาที่เกิดขึ้นจากการดื่ม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของเด็กและเยาวชนไทยพบข้อมูลที่น่าตกใจ เนอื่ งจากการเพม่ิ สงู ขนึ้ ทง้ั ปรมิ าณการดม่ื จำ� นวนเดก็ ทดี่ มื่ และการ ลดลงของอายุเด็กท่ีเริ่มด่ืมท่ีมีการเปล่ียนแปลงเพ่ิมข้ึนภายในเวลา ไมน่ าน ปัจจุบันการบริโภคเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ ก่อให้เกิดปัญหา ต่อสุขภาวะทางกาย จิตใจ และปัญญา และผลกระทบจาก 38
การจัดต้งั ศูนยเ์ ฝ้าระวงั ทางวฒั นธรรมในสถานศกึ ษา เคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้จ�ำกัดอยู่เพียงตัวผู้บริโภคเท่านั้น ครอบครวั บคุ คลรอบขา้ ง ชมุ ชนสงั คม และประเทศลว้ นมสี ว่ นแบก รับภาระจากผลกระทบการบริโภคเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ก่อให้เกิด ปญั หาต่อสุขภาวะทางกาย จติ ใจ สงั คม และปัญญา แต่กลับพบว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีการบริโภคเครื่องด่ืมแอลกอฮอล์มากเป็น อนั ดบั ๓ ของทวีปเอเชีย จากการสำ� รวจ ปี ๒๕๕๔ พบวา่ ปริมาณ การบริโภคเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ ของประชากรไทยโดยเฉลี่ยเป็น ๕๒ ลิตร/คน/ปี หรือคิดเป็น ๗.๑ ลิตรแอลกอฮอล์บริสุทธิ์/คน/ป ี นักด่ืมในวัย ๑๕ ปีข้ึนไป คิดเป็นร้อยละ ๓๑.๕ และนักดื่มในวัย ๑๕-๑๙ ปี คิดเป็น ร้อยละ ๑๔ ในแต่ละปีประเทศไทยมีนักดื่ม หน้าใหมเ่ พิ่มข้นึ ประมาณ ๒๕ แสนคน สว่ นใหญน่ กั ดมื่ เหลา่ น้ี คือ กลมุ่ เดก็ และเยาวชน และนกั ดม่ื ในกลมุ่ นส้ี ดั สว่ นของนกั ดม่ื ประจำ� เพิ่มสูงข้ึน ร้อยละ ๗๐ ภายในระยะเวลา ๓ ปี (๒๕๕๑-๒๕๕๓) ปจั จบุ นั คนไทยใชเ้ วลาโดยเฉล่ียเพียง ๔.๕ นาที ในการเดนิ ทางไป รา้ นขายเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ เด็กและเยาวชนท่ีอายุตำ�่ กว่า ๒๐ ปี ถึงร้อยละ ๙๘.๗ ยังสามารถซ้ือหาเคร่ืองดื่มแอลกอฮอล์ได้ ด้วยตวั เอง องค์การอนามัยโลกเผย ประชากรโลก ๓๘% ด่ืมเหล้า เปน็ ประจ�ำ เสียชีวติ กวา่ ๓.๓ ล้านราย สว่ น คนไทยด่ืมเฉลี่ยคนละ ๕ ลติ รต่อปี ซึ่งเป็นต้นเหตขุ องอุบตั เิ หตุบนท้องถนน นายพรหมมินทร์ กัณธยิ ะ ผู้อ�ำนวยการสำ� นักงานเครือขา่ ย ลดอุบัติเหตุ (สคอ.) เปิดเผยว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) 39
การจัดต้ังศูนย์เฝา้ ระวงั ทางวฒั นธรรมในสถานศกึ ษา ออกรายงานฉบับใหม่ว่าด้วยการด่ืมแอลกอฮอล์ของโลกประจ�ำปี ๒๕๕๗ ระบุว่า ประชากรทั่วโลกมากกว่า ๓๘% ด่ืมแอลกอฮอล์ เป็นประจำ� และมผี ู้เสยี ชวี ติ จากการดม่ื แอลกอฮอล์ ๓.๓ ลา้ นราย ท่ัวโลกในแต่ละปี และประเทศท่ีมีการดื่มสูงสุดคือ เบลารุส ดมื่ แอลกอฮอลเ์ ฉลย่ี ปลี ะ ๑๗.๕ ลติ รตอ่ คน เมอื่ จำ� แนกเปน็ กลมุ่ อายุ พบว่าผู้สูงอายุท่ัวโลกดื่มแอลกอฮอล์เฉลี่ยปีละ ๖.๒ ลิตรต่อคน ขณะทีก่ ล่มุ อายุทบี่ ริโภคแอลกอฮอล์มากทีส่ ดุ คอื วัย ๑๕ ปี ส�ำหรับ ประเทศไทย มอี ัตราการด่ืมแอลกอฮอลเ์ ฉลยี่ ประมาณ ๕ ลติ รต่อปี ต่อคน และการด่ืมแล้วขับคือปัจจัยเส่ียงท่ีส�ำคัญท่ีส่งผลให้เกิด อุบัติเหตุบนท้องถนน ซ่ึงสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุจากการดื่ม เครอ่ื งดมื่ แอลกอฮอลส์ งู ถงึ ๓๙.๑% ขบั รถเรว็ เกนิ ทก่ี ฎหมายกำ� หนด ๒๓.๖% จักรยานยนต์มากที่สุด และการดื่มท�ำให้ความสามารถ ในการขบั ขย่ี านพาหนะลดลง สภาพรา่ งกายไมพ่ รอ้ มทจ่ี ะควบคมุ รถ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากขับรถขณะมึนเมาและขาดสติ ประมาท ขับเรว็ เกนิ กำ� หนดการเกิดอุบตั เิ หตจุ ะมคี วามรุนแรงมากย่ิงข้นึ จากข้อมูลศูนย์อ�ำนวยการความปลอดภัยทางถนน ระบุว่า ปจั จบุ นั มีคนไทยเสียชีวติ จากอบุ ตั เิ หตุทางถนนเฉลยี่ วนั ละ ๓๓ ราย เฉล่ียปีละไม่นอ้ ยกวา่ ๑๒,๐๐๐ ราย จนองคก์ ารอนามัยโลกรว่ มกบั สถาบันวิจัยด้านการคมนาคม มหาวทิ ยาลัยมิชิแกน สหรฐั อเมริกา จดั อนั ดบั ใหป้ ระเทศไทย มผี เู้ สยี ชวี ติ จากอบุ ตั เิ หตทุ อ้ งถนนมากทส่ี ดุ เป็นอนั ดับ ๒ ของโลก รองจากประเทศนามเิ บีย 40
การจัดตง้ั ศูนยเ์ ฝ้าระวังทางวัฒนธรรมในสถานศกึ ษา จากภาพรวมสถานการณท์ กี่ ลา่ วมาทง้ั หมดชใี้ หเ้ หน็ แนวโนม้ ทน่ี า่ วติ กไมน่ อ้ ยตอ่ เสน้ ทางชวี ติ ของวยั รนุ่ นกั ดมื่ จำ� นวนมาก หากยงั ไม่มีการแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ เด็กวัยรุ่นของเราคงต้อง ตายไปอกี ปลี ะหลายพนั คน ยงั ไมร่ วมผทู้ จี่ ะตอ้ งพกิ ารอกี จำ� นวนมาก อีกนับหมื่นคนที่จะพาตัวเองไปสู่การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ตั้งใจหรือ ไม่ระวังจนน�ำมาสูก่ ารตง้ั ท้องและการทำ� แทง้ ในภายหลงั และอกี มากมายที่การกินเหล้าน�ำไปสู่ความรุนแรง และการทะเลาะวิวาท ท้ังกับคนในครอบครัวและคนอื่นๆ หากคิดเป็นความสูญเสียทาง เศรษฐกิจก็นับว่ามากมาย แต่ความสูญเสียทางสังคมจริยธรรม ดจู ะหยงิ่ หนกั กวา่ จนประเมนิ ไมไ่ ด้ โดยเฉพาะความสญู เสยี ทเ่ี กดิ ขน้ึ กับสภาพจิตใจของสตรีท่ีท�ำแท้ง สภาพจิตใจของญาติหรือพ่อแม ่ ผเู้ สยี ชวี ติ ตลอดจนความรสู้ กึ ของคนในสงั คมโลกโดยรวมตอ่ ปญั หา รุมเรา้ ตา่ ง ๆ ในครอบครวั และสังคมท่ีเป็นผลมาจากเหล้า ประเด็นปัญหาเรื่องการเสพของมึนเมาของวัยรุ่น จึงไม่ใช่ ปัญหาเลก็ ๆ แตเ่ ป็นปัญหาทมี่ ีผลกระทบสงู ทางสังคม และหากเรา ไดเ้ ล็งเห็นถึงผลกระทบลูกโซ่ท่มี ีมากมายดังกลา่ วแล้ว การผลักดนั นโยบายทางสังคมเพื่อที่จะแก้ปัญหานี้จึงมีความส�ำคัญย่ิง การแก้ ปัญหาเดก็ ไทยทเี่ ขา้ สู่วังวนของความมนึ เมา คือ เรื่องสำ� คัญทมี่ ใิ ช่ เป็นเพียงการรักษาเยียวยาเด็กเท่าน้ัน แต่ยังเท่ากับเป็นการรักษา เยียวยาสังคมให้มีสติสัมปชัญญะและมีความมั่นคงมากย่ิงขึ้นด้วย จากการประมวลสถานการณ์เด็กไทยในมิติการเสพของมึนเมา พบวา่ เด็กไทยปจั จุบนั ใช้ชวี ิตท่ามกลาง “วัฒนธรรมการด่ืมน�้ำเมา” 41
การจดั ตั้งศนู ยเ์ ฝ้าระวังทางวฒั นธรรมในสถานศกึ ษา ต่าง ๆ มากข้ึน ท้ังน้ีปัจจัยท่ีผลักดันให้มีจ�ำนวนเด็กไทยด่ืม แอลกอฮอลใ์ นจำ� นวน ทีส่ งู ขึ้นอยา่ งรวดเรว็ นนั้ ได้แก ่ - สอื่ โฆษณาประชาสมั พนั ธโ์ ฆษณาสนิ คา้ แอลกอฮอลต์ า่ งๆ ที่นับวันจะมีกลวิธียั่วยุให้เด็กเข้าสู่ตลาดน้�ำเมาได้เร็ว และง่ายข้ึน ซึ่งส่งผลต่อการเพิ่มปริมาณผู้ดื่มสุราวัยเยาว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับปริมาณวัยรุ่นหญิงที่นิยมด่ืมเคร่ืองด่ืมที่มีส่วนผสมแอลกอฮอล์ ซง่ึ มแี นวโน้มเพ่มิ จ�ำนวนสูงข้ึน ดูจะเป็นผลมาจากยทุ ธการทางการ ตลาดแบบเหนอื ชนั้ ท่ีผา่ นมาทางตวั สนิ ค้า และพรีเซนเตอรต์ า่ ง ๆ ซ่งึ สรา้ งคา่ นยิ มชวนเชื่อและกอ่ ให้เกิด แฟชนั่ การดื่ม ในหมู่วยั รุ่น - ธุรกิจคิดแต่ขาย กระแสธุรกิจแอลกอฮอล์ได้เติบโต และขยายวงกวา้ งระบาดไปทว่ั ทกุ พน้ื ที่ แมแ้ ตพ่ นื้ ทรี่ อบสถานศกึ ษา ปัม๊ น�ำ้ มนั หรือเส้นทางผ่านคมนาคมสญั จรต่าง ๆ ผลพวงจากการ ขยายตัวของธุรกิจแอลกอฮอล์มุ่งแต่จะขายสินค้าเช่นนี้ได้ส่งผล กระทบต่อปัญหาวัยรุน่ ไทยอยา่ งมาก ตวั เลขเด็กติดเหล้า เมาแล้ว เสียตัวเสียคน เหยื่อเมาแล้วขับ หรือการสูญเสียในชีวิตและ ทรพั ยส์ นิ ทน่ี บั วนั จะมยี อดตวั เลขแหง่ ความสญู เสยี ทง้ั ในระดบั บคุ คล และระดับสงั คมท่สี ูงยิ่งขน้ึ - นิสัยเสี่ยง ซ่า กล้า สนุกของวัยรุ่น วัฒนธรรมการด่ืม น�้ำเมาในหมู่วัยรุ่นแม้จะเร่ิมต้นจากการสังสรรค์ หากแต่เม่ือ ประกอบกบั ธรรมชาตวิ ยั รนุ่ ทม่ี ลี กั ษณะนสิ ยั ชอบเสย่ี ง ซา่ กลา้ สนกุ ด้วยแล้ว ท�ำใหก้ ารดื่มได้น�ำไปส่หู ายนะอื่น ๆ ตามมา ดังเห็นได้จาก ปัญหาเด็กเมาแล้วเสียตัวเสียคน เกิดอุบัติเหตุ จบชีวิตหรือพิการ 42
การจดั ต้ังศนู ย์เฝา้ ระวังทางวัฒนธรรมในสถานศกึ ษา โดยมีต้นเหตุมาจากการสนุก การด่ืมจนลืมตัว ซ่าจนเกินเหตุ และเศร้าเพราะเมาขาดสติ ซ่ึงดูจะเป็นวงจรชีวิตน้�ำเมาของเด็ก ยุคใหม่ - ครอบครวั ละเลย ปญั หาจากความอ่อนแอของครอบครัว การขาดการอบรมบ่มเพาะทักษะการปฏิเสธ หรือทักษะการดื่ม เพอ่ื สมานมติ ร หรอื การปลอ่ ยปละละเลย ของพอ่ แมไ่ ดเ้ ปดิ ชอ่ งทาง ใหเ้ ดก็ เขา้ สวู่ งจรนำ้� เมาแบบไม่รู้ทนั ได้งา่ ยขึ้น ข้อมลู จากงานวจิ ัย ยงั ชใ้ี หเ้ หน็ ชดั วา่ การทค่ี รอบครวั ละเลยตอ่ การดมื่ มองขา้ มกจิ กรรม สังสรรค์ของเด็ก หรือแม้แต่การให้ค�ำปรึกษาการใช้ชีวิตของ เด็กวัยรุ่นได้กลายเป็นช่องว่าง ที่ท�ำให้เด็กไทยหันไปพึ่งน้�ำเมาเป็น เครื่องมอื แกป้ ัญหาชีวิตมากขนึ้ ด้วย - จุดอ่อนของสภาพการศึกษาไทยท่ีไม่อาจไล่ทันปัญหา ใหม่ ๆ ของเด็กไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโรงเรียนท่ีไม่สามารถ ให้ทักษะชีวิตหรือการรู้จักปฏิเสธต่อแรงย่ัวยุจากกระแสน้�ำเมา ทงั้ หลายหรอื ไมอ่ าจเปน็ แหลง่ บม่ เพาะปญั ญาใหเ้ ดก็ รทู้ นั ภยั จากการ ด่ืมที่เกนิ พอดี องค์ความรูด้ า้ นการเฝ้าระวังทางวฒั นธรรม การเฝา้ ระวงั ทางวฒั นธรรม หมายถงึ กระบวนการดำ� เนนิ งาน ในลักษณะต่าง ๆ เพื่อจัดเก็บ วิเคราะห์หรือตีความหมาย และแปลผลข้อมูล หรือความรู้ทางวฒั นธรรม ซงึ่ มกี ารด�ำเนินการ อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง รวมถึงการน�ำข้อมูลหรือความรู้ที่ได้ 43
การจดั ต้งั ศูนยเ์ ฝ้าระวังทางวัฒนธรรมในสถานศึกษา ไปใช้ประโยชน์ในการวางแผน จัดท�ำมาตรการ ด�ำเนินการและ ประเมินผลการด�ำเนินการเพ่ือป้องกัน แก้ไข หรือบรรเทาปัญหา ทางวัฒนธรรม แนวทางการดำ� เนินงานดา้ นการเฝา้ ระวัง ทางวฒั นธรรม แนวทางการด�ำเนินงานด้านการเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม ประกอบด้วยภารกจิ งานหลัก ๓ ส่วน ไดแ้ ก่ ภารกิจการเฝ้าระวงั ทางวัฒนธรรม การภิจการสร้างเครือข่ายการเฝ้าระวัง ทางวฒั นธรรม และภารกจิ การพฒั นาสอื่ ปลอดภยั และสรา้ งสรรค์ ซ่ึงในการด�ำเนินงานดังกล่าวต้องมีการก�ำหนดกรอบหรือขอบเขต แนวทาง ขั้นตอนและบทบาทการด�ำเนินงานใหช้ ัดเจน ดงั น้ี ๑ ภารกิจการเฝ้าระวงั ทางวัฒนธรรม การด�ำเนินการเฝ้าระวังทางวัฒนธรรมสามารถขับเคล่ือน โ ด ย ใ ช ้ มิ ติ ท า ง ด ้ า น วั ฒ น ธ ร ร ม บู ร ณ า ก า ร ร ่ ว ม กั น ทุ ก ภ า ค ส ่ ว น ของสงั คม ทง้ั แนวทางในเชงิ รกุ และเชงิ รบั กลา่ วคอื (กลมุ่ เฝา้ ระวงั ทางวฒั นธรรม, ๒๕๔๘ : ๖) แนวทางการเฝา้ ระวังทางวฒั นธรรมเชิงรกุ ภารกจิ สำ� คัญ คือ ด�ำเนินการศึกษาวิจัย วิเคราะห์ สภาพปัญหา สถานการณ์ พฤติกรรมที่เป็นปญั หาและมีแนวโน้มเบยี่ งเบน เพอ่ื จดั ทำ� แนวทาง การด�ำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกทิศทางทั้งใน ระดับนโยบายและการปฏิบัติ อีกทั้งรณรงค์ประชาสัมพันธ์และ 44
Search