คณะทำงำน
ชื่อ – สกลุ : นางสาวจรยิ าภรณ์ สงั ข์จรญู ตาแหน่ง รองผอู้ านวยการโรงเรียนวัดเทพกระษัตรี ชอ่ื – สกุล : นางตรียาภรณ์ จนั ทวงศ์ ช่อื – สกลุ : นายโสทอน หมวดหรี่ ตาแหนง่ : ครแู กนนา ตาแหน่ง : ครูแกนนา ชื่อ – สกุล : นายจิระศกั ด์ิ จนั เจือ ชื่อ – สกลุ : นางสาวตรองฤทยั แสงสรี ตั นกลุ ชัย ตาแหนง่ : ครแู กนนา ตาแหนง่ : ครแู กนนา ชือ่ – สกลุ : นางสาวพวงเพ็ญ ศรีเมือง ชื่อ – สกลุ : นางสาวดารารตั น์ ยาบา ตาแหนง่ : ครูแกนนา ตาแหน่ง : ครแู กนนา
กรอบแนวคดิ ในกำรพฒั นำ แนวทำงในกำรจดั กำรเรียนรโู้ ดยใชก้ จิ กรรมกำรเชงิ รกุ (Active Learning) กจิ กรรมกำรเรียนรเู้ นน้ กำรลงมือปฏบิ ตั ิของผเู้ รยี น กิจกรรมทเี่ น้นให้นักเรียนสร้ำงองคค์ วำมรี ูด้ ว้ ยตนเอง มีปฏิสัมพันธ์กับเพอ่ื นนกั เรียน ครู และผู้อนื่ แบ่งออกเป็น 7 ลกั ษณะในกำรจดั กจิ กรรมเชงิ รกุ เน้นกำรคดิ ข้นั สงู กิจกรรมที่นักเรยี นลงมอื ปฏิบัติเป็นหลัก (มำกกวำ่ 50% ของกจิ กรรมที่ออกแบบ) นกั เรียนมกี ำรแลกเปล่ียน อภิปรำย สำรวจ ชมุ ชน ลงพ้นื ท่จี ริง นกั เรยี นได้รับข้อมูลยอ้ นกลบั จำกครูในขณะปฏิบัตกิ จิ กรรม นกั เรยี นแสดงออกถงึ กำรสรำ้ งองค์ควำมรดู้ ว้ ยตนเอง (เกิดขนึ้ ในขณะสอน) นกั เรยี นแสดงออกถงึ กำรใช้กำรคดิ วเิ ครำะห์และกำรคดิ ข้ันสงู นกั เรยี นแสดงควำมรบั ผดิ ชอบในกำรเรยี นร้ขู องตนเอง กำรทำงำนกลุ่ม/วนิ ัยในกำรเรยี นรู้ นักเรียนสะทอ้ น/แสดงผลกำรเรียนรขู้ องตนเองทงั้ ทำงด้ำนเน้อื หำสำระและทักษะทกี่ ำหนด
หน่วยกำรเรียนรู้ ธมี หนว่ ยกำรเรยี นรู้ เรอ่ื งเล่ำของหนว่ ยกำรเรียนรู้ ชมุ ชนบา้ นดอน ตงั้ อยู่ ณ ตาบลเทพกระษัตรี อาเภอถลาง จงั หวัดภเู ก็ต ถือเป็นแหล่งศกึ ษาเรยี นรู้ ทางประวัตศิ าสตรค์ วามเป็นมาสาคญั ของประวตั ิศาสตร์ท้องถิ่นเมืองถลาง เก่ยี วขอ้ งข้องกบั เหตกุ ารณก์ ารสาคัญ เหตกุ ารณห์ น่งึ ในประวตั ิศาสตร์ไทย นั่นคือ เหตกุ ารณ์สงครามเกา้ ทัพ โดยมีท้าวเทพกระษตั รี ทา้ วศรสี ุนทร เปน็ ผนู้ าทัพสู้ศึกกับทัพพม่า ผ่านการฝึกฝนท่เี ข้มแข็ง ใช้ยทุ ธวธิ กี ารรบท่ีหลากหลาย ปัจจบุ ันยังคงหลงเหลอื ร่องรอย ทางประวตั ศิ าสตรไ์ ว้หลายแห่ง เช่น วัดม่วงโกมารภจั น์ วดั พระนางสร้าง ทุ่งถลางชนะศึก เปน็ ตน้ อกี ทั้งยังเป็น แหลง่ ชมุ ชนทอ้ งถ่นิ ที่รวบรวมวิถีชีวติ ดงั้ เดมิ ของชาวถลางภูเกต็ มกี ารประกอบอาชีพท่ีน่าสนใจและหลากหลาย มี วัฒนธรรมประเพณีในด้านตา่ ง ๆ เชน่ ประเพณีบุญสารทเดือนสบิ หรอื วัฒนธรรมดา้ นอาหารพื้นถ่ิน เชน่ ขนมต้ม หัวหมัด เป็นตน้ ท่ีบง่ บอกรอ่ งรอยแหง่ ความภาคภมู ิใจครง้ั อดีตจวบจนปัจจบุ นั จึงเร่ืองราวอันหลากหลายและนา่ ประทบั ใจนี้ กลายมาเปน็ หน่วยเรยี นร้ใู หก้ บั เยาวชนรนุ่ ปจั จบุ นั ในหน่วยการเรียนรทู้ ี่ชื่อว่า “ศึกษาชมุ ชน สืบค้นภูมิ รู้ พัฒนาสู่การคดิ ขัน้ สงู ”
นำไปใชใ้ นกำรจดั กำรเรยี นรอู้ ยำ่ งไร โรงเรยี นวัดเทพกระษตั รี จดั การเรยี นการสอนในรูปแบบ แผนการจัดการเรยี นรบู้ ูรณาการแบบ คูข่ นาน 8 กลุ่มสาระการเรยี นร้หู นว่ ยการเรียนรู้ทีช่ ่ือวา่ “ศกึ ษาชุมชน สบื ค้นภูมริ ู้ พัฒนาสกู่ ารคิดข้ันสูง” จดั การเรียนการ สอนในกลุม่ สาระการ เรยี นรู้ ดงั น้คี อื 1) กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ ังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 2) กลมุ่ สาระการ เรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ 3) กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 4)กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย 5) กลมุ่ สาระการเรียนรสู้ ขุ ศึกษาและพลศกึ ษา 6) กลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาตา่ งประเทศ 7) กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ และ 8) กล่มุ สาระการ เรยี นร้กู ารงานอาชีพ โดยจัดการเรยี นการสอนระดับชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 4 - 6
แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้แบบบรู ณำกำร การประเมินสมรรถนะนกั เรียนตามมาตรฐานสากล (PISA) ชน้ั ประถมศึกษำปีที่ 6 ภำคเรียนที่ 2 แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ เร่ือง ศกึ ษำชมุ ชน สืบคน้ ภูมริ ู้ พฒั นำสูก่ ำรคดิ ขน้ั สงู เวลำ ....... ช่วั โมง ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1.สำระ 1.1 กลุ่มสำระกำรเรยี นรสู้ ังคมศึกษำ ศำสนำและวฒั นธรรม (เร่อื ง สงครำมเก้ำทัพ) มาตรฐาน ส 4.3 เข้าใจความเป็นมาของชาติไทย วัฒนธรรม ภูมิปัญญาไทย มีความรัก ความภูมิใจและ ธารงความเปน็ ไทย ป.6/1 อธิบายพัฒนาการของไทยในสมัยรตั นโกสนิ ทร์โดยสงั เขป ป.6/3 ยกตัวอย่างผลงานของบคุ คลสาคญั ด้านต่าง ๆ สมยั รตั นโกสนิ ทร์ มาตรฐาน ส 5.1 เข้าใจลักษณะทางกายภาพของโลกและความสัมพันธ์ของสรรพสิ่งซ่ึงมีผลต่อกัน ใช้แผนท่ี และเคร่ืองมือทางภูมิศาสตร์ในการค้นหา วิเคราะห์ และสรุปข้อมูลตามกระบวนการทางภูมิศาสตร์ ตลอดจนใช้ภมู สิ ารสนเทศอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ ป.6/1 สืบค้นและอธิบายข้อมูลทางกายภาพของประเทศไทยด้วยแผนท่ี รูปถ่ายทางอากาศ และภาพจาก ดาวเทยี ม 1.2 กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้กำรงำนอำชพี ( เรือ่ งงำนอำชีพในทอ้ งถ่ิน ) มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ ง 4.1 เขา้ ใจ มีทกั ษะท่จี าเปน็ มปี ระสบการณ์ เห็นแนวทางในงานอาชพี ใชเ้ ทคโนโลยี เพ่ือพฒั นาอาชพี มคี ุณธรรม และมเี จตคติที่ดตี ่ออาชีพ ตัวช้ีวัด ง 4.1 ป.6/1 สารวจตนเองเพื่อวางแผนในการเลอื กอาชพี ง 4.1 ป.6/2 ระบคุ วามรู้ ความสามารถ และคณุ ธรรมทส่ี มั พันธก์ ับอาชีพทสี่ นใจ 1.3 กลุม่ สำระกำรเรยี นรภู้ ำษำไทย ( เร่อื ง ลักษณะประโยคพำเพลิน ) สำระท่ี 4 หลกั การใช้ภาษาไทย มำตรฐำนกำรเรียนรู้ ตัวช้ีวัด มาตรฐาน ท 4.1 เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษาและพลัง
ของภาษา ภมู ปิ ัญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัตขิ องชาติ ท 4.1 ป.6/4 ระบลุ ักษณะของประโยค การวิเคราะห์ส่วนประกอบของประโยค - กลุ่มคาหรือวลี - ประโยคสามัญ - ประโยครวม - ประโยคซ้อน 1.4 กล่มุ สำระกำรเรียนร้ภู ำษำตำ่ งประเทศ (เร่อื ง Asking and Giving the Directions ) สาระที่ 1 ภาษาเพ่ือการส่ือสาร มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรอ่ื งที่ฟังและอ่านจากสอื่ ประเภทตา่ งๆ และแสดงความคิดเหน็ อยา่ งมีเหตผุ ล ต 1.1.3 เลือก/ระบปุ ระโยคหรอื ข้อความสัน้ ๆ ตรงตามภาพ สัญลกั ษณ์ หรือเครื่องหมายท่อี ่าน ต 1.1.4 บอกใจความสาคัญ และตอบคาถามจากการฟังและอ่านบทสนทนา นทิ านง่ายๆ และ เรือ่ งเลา่ มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปล่ยี นข้อมลู ขา่ วสาร แสดงความรสู้ กึ และ ความคิดเห็นอย่างมปี ระสิทธิภาพ ต 1.2.1. พูด/เขยี นโต้ตอบในการส่ือสารระหว่างบุคคล สาระที่ 2 ภาษาและวฒั นธรรม มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธร์ ะหวา่ งภาษากับวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา และนาไปใช้ได้ อย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ ต 2.1.1 ใชถ้ อ้ ยคา นา้ เสียง และกริ ิยาท่าทางอย่างสภุ าพ เหมาะสม ตามมารยาทสังคมและ วฒั นธรรมของเจ้าของภาษา 1.5 กล่มุ สำระกำรเรียนรู้คณิตศำสตร์ (เรอื่ ง สรำ้ งรปู เรขำคณติ สำมมิติฯ ) มำตรฐำนกำรเรยี นรู้ มาตรฐาน ค 2.2 เขา้ ใจและวิเคราะห์รูปเรขาคณติ สมบัตขิ องรูปเราขาคณิต ความสมั พนั ธ์ระหว่างรปู เรขาคณติ และทฤษฎีบททางเรขาคณิต และนาไปใช้ ตัวชว้ี ัด ป.6/1 จาแนกรปู สามเหลีย่ มโดยพิจารณาจากสมบัตขิ องรูป ป.6/3 บอกลักษณะของรูปเรขาคณิตสามมิติชนิดตา่ งๆ ป.6/4 ระบรุ ูปเรขาคณติ สามมิตทิ ี่ประกอบจากรปู คล่ี และระบรุ ูปคลี่ของรูปเรขาคณติ สามมติ ิ 1.6 กลุ่มสำระกำรเรียนรูศ้ ิลปะ ( เรื่อง สรำ้ งสรรค์งำนศลิ ป์ 3 มิติ ) มำตรฐำน ศ1.1 สรา้ งสรรคง์ านศิลปต์ ามบจนิ ตนาการและความคิดสรา้ งสรรค์ วิเคราะห์
วพิ ากษว์ จิ ารณค์ ณุ ค่างานทัศนศลิ ป์ถ่ายทอดความรู้ ความคิดต่องานศลิ ป์อยา่ งอสิ ระช่ืนชมและ ประยุกต์ใช้ ในชีวติ ประจาวนั ต. ศ 1.1.3 สร้างงานทัศนศิลป์จากรปู แบบ 2 มิติ – มิติ โดยใช้หลักการของแสงเงา มำตรฐำน ศ 1.2 เขา้ ใจความสมั พนั ธ์ระหว่างทัศนศิลปป์ ระวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เป็นคุณคา่ งาน ทัศนศิลปท์ ่เี ป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมปิ ัญญาท้องถ่ิน ภมู ปิ ญั ญาไทยและสากล ต.ศ 1.2.3 ระบแุ ละบรรยายอิทธิพลทางวฒั นธรรมในท้องถิ่นที่มีผลตอ่ การสรา้ งงานทัศนศลิ ปข์ องบุคคล 1.7 กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี ( เรือ่ งเหตผุ ลเชงิ ตรรกะกบั กำรกำรแก้ปัญหำ) มำตรฐำน ว 2.3 เขา้ ใจความหมายของพลงั งาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสมั พนั ธ์ ระหวา่ งสสารและพลงั งาน พลงั งานในชีวิตประจาวนั ธรรมชาตขิ องคลื่น ปรากฏการณ์ที่ เกยี่ วข้องกับเสียง แสง และ คล่นื แม่เหล็กไฟฟา้ รวมท้งั นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ตัวชวี้ ัด ว 2.3 ป 6/5 ออกแบบการทดลองและทดลองด้วยวธิ ที ี่เหมาะสมในการอธบิ ายการตอ่ หลอดไฟฟา้ แบบอนกุ รมและแบบขนาน ว 2.3 ป 6/6 ตระหนกั ถงึ ประโยชน์ของความรู้ของการตอ่ หลอดไฟฟา้ แบบอนุกรมและแบบขนาน โดย บอกประโยชน์ ขอ้ จากัดและการประยกุ ต์ใชใ้ นชีวิตประจาวนั มำตรฐำน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคิดเชงิ คานวณในการแกป้ ญั หาท่ีพบในชวี ิตจริงอย่างเป็นขน้ั ตอนและ เปน็ ระบบใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สารในการเรียนรู้ การทางาน และการแก้ปัญหาได้อยา่ งมี ประสิทธภิ าพ รเู้ ท่าทนั และมีจริยธรรม ตัวชว้ี ดั ว 4.2 ป 2/1 แสดงลาดับขนั้ ตอนการทางาน หรือ การแกป้ ญั หาอยา่ งง่ายโดยใชภ้ าพ สญั ลักษณ์ หรอื ขอ้ ความ ว 4.2 ป 2/4 ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัย ปฏิบัตติ ามข้อตกลงในการใชค้ อมพวิ เตอร์ร่วมกนั ดแู ลรักษาอุปกรณเ์ บื้องตน้ ใชง้ านอยา่ งเหมาะสม 1.8 กลุ่มสำระกำรเรยี นสขุ ศึกษำและพลศึกษำ ( เร่ือง กำยบรหิ ำรประกอบเพลงนำรศี รีถลำง) การเคลื่อนไหวประกอบเพลงนารีศรีถลาง เปน็ การเคลอ่ื นไหวร่างกายรว่ มกับผู้อ่นื แบบผสมผสาน ทงั้ แบบ อยู่กับท่ี และเคลื่อนที่ โดยใช้จังหวะเพลงประกอบ ตวั ชว้ี ัด/จดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้ ตวั ชีว้ ัด พ3.1 6/1 แสดงทักษะการเคลอื่ นไหวร่วมกบั ผู้อ่นื ในลกั ษณะแบบผลดั และแบบผสมผสานได้ตามลาดบั ทง้ั แบบอยกู่ บั ท่ี เคลื่อนที่ และใช้อปุ กรณป์ ระกอบ และการเคล่อื นไหวประกอบเพลง 2. จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 1. อธิบายพฒั นาการของเหตุการณส์ าคญั ในชว่ งรตั นโกสนิ ทร์ตอนต้นได้ (K) 2. อธบิ ายความสนใจ ความสามารถ และทักษะทจ่ี าเปน็ เพื่อวางแผนเลอื กอาชีพในอนาคต (K) 3. อธิบายคุณธรรมในการประกอบอาชีพได้ (K)
4. นาเสนออาชพี ตา่ ง ๆ ในทอ้ งถน่ิ ด้วยตุ๊กตาอาชพี ได้ (K) 5. อธิบายลักษณะของประโยคสามัญ ประโยครวม และประโยคซอ้ นได้ ได้ (K) 6. วเิ คราะห์ แยกแยะ ความแตกตา่ งของประโยคสามัญ ประโยครวม และประโยคซ้อนได้ (K) 7. ระบปุ ระโยคสามัญ ประโยครวม และประโยคซ้อนได้ (K) 8. จับใจความ สรุปสาระสาคญั ถามตอบ เขยี นประโยคบทสนทนาสื่อสาร อธบิ ายการเดินทาง (K) 9. เลือกใชเ้ ทคโนโลยมี าใช้ในการสอ่ื สาร (K) 10.แยกแยะความแตกตา่ งรปู เรขาคณิตทรงปรซิ มึ ส่เี หล่ยี มและพีระมิดฐานส่ีเหล่ยี มได้ (k) 11. ใชเ้ หตุผลของการใหน้ ้าหนักและแสงเงา 12. ออกแบบการแกป้ ัญหาในชวี ติ ประจาวันได้ โดยใช้เหตผุ ลเชิงตรรกะ (K) 13. ใหเ้ หตุผลท่ากายบริหารทสี่ ัมพนั ธ์กับเพลง K 1. ใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ในการสืบค้น รวบรวม วิเคราะห์ ข้อมูลความเป็นมาของสถานท่ีสาคัญใน ชมุ ชน (P) 2. ใชส้ ารสนเทศทางภมู ิศาสตร์ในการศึกษาเส้นทางประวตั ิศาสตร์ (P) 3. สารวจตนเองเพ่ือวางแผนในการเลือกอาชพี ในอนาคตได้ (P) 4. ระบุความรู้ ความสามารถ และคุณธรรมทส่ี มั พนั ธ์กบั อาชีพท่สี นใจ (P) 5. ทกั ษะในการนาคุณธรรมไปใช้ในการประกอบอาชีพได้ถูกต้องและเหมาะสม (P) 6. ออกแบบและประดิษฐต์ กุ๊ ตาอาชพี ในท้องถนิ่ ได้ (P) 7. ออกแบบการแก้ปญั หาในชีวิตประจาวันได้ โดยใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะ (K,P) 8.ออกแบบและสร้างประโยคลกั ษณะต่าง ๆ (P) 9. วางแผน ออกแบบและสร้างชิ้นงาน นาเสนอลกั ษณะประโยคพาเพลนิ อย่างสรา้ งสรรค์ได้ (P) 10. เขียนออกแบบ ประยกุ ต์ใชบ้ ทสนทนา อธิบายการเดนิ ไปสถานทสี่ นใจ (P) 11.. สร้างรปู เรขาคณิตสามมิติทรงปริซมึ สเี่ หลย่ี มและพีระมดิ ฐานส่เี หล่ียมได้ (P) 12. ออกแบบงานทศั นศลิ ป์ รปู แบบ 3 มติ ิ (p) 13. ออกแบบการแกป้ ญั หาในชีวิตประจาวันได้ โดยใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะ (P) 14. ออกแบบท่ากายบรหิ ารประกอบเพลง (P) 1. ทางานรว่ มกับผูอ้ ่นื ไดแ้ ละมคี วามกระตือรือรน้ ในการทางาน (A) 2. เห็นความสาคัญของการสารวจตนเองเพ่ือวางแผนในการเลอื กอาชีพ (A) 3. มีสว่ นรว่ มในการประดษิ ฐ์ตกุ๊ ตาอาชีพในท้องถนิ่ ด้วยความตง้ั ใจและกระตอื รือร้น (A) 4.รับผดิ ชอบในบทบาทหนา้ ทขี่ องตนเองและของทีม ยอมรับความคิดเหน็ ที่แตกตา่ งสู่การตดั สินใจเป็นทมี ได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ (A) 5.ยกตัวอยา่ งการแก้ปัญหาโดยใชเ้ หตผุ ลเชงิ ตรรกะในชีวติ ประจาวนั ได้ (A)
6. ยกตวั อย่างการแก้ปัญหาโดยใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะในชีวติ ประจาวันได้ (A) 7. มีส่วนรว่ มและกระตืนรอื รน้ ในการร่วมกิจกรรม (A) 3. สำระสำคัญ / ควำมคิดรวบยอด ความเป็นมาของชนชาติไทยมีพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ท่ียาวนาน จากบรรพบุรุษได้เสียสละชีวิตใน การสร้าง ปกป้อง และรวมแผ่นดินจนเป็นปึกแผน่ ไดอ้ ย่างปจั จบุ ัน ในช่วงสมัยรัตนโกสินทร์ เป็นช่วงที่ประวัติศาสตร์ไทยมีความเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นด้าน เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และอื่น ๆ อีกมากมาย จึงเป็นอีกช่วงเวลาหน่ึงที่น่าสนใจในการศึกษาค้นคว้า หลายๆ เหตุการณ์ยังส่งผลต่อสภาพสังคมไทยในปัจจุบัน เช่น การเลิกทาส การก่อตั้งโรงเรียน เป็นต้น ผลงานของบุคคล สาคญั ที่สร้างคณุ ูปการแก่สังคมไทย ลว้ นเป็นสง่ิ ท่นี ่าสนใจในการศกึ ษา ค้นควา้ สรุปองค์ความรตู้ ่าง ๆ จังหวัดภูเก็ตเองก็เป็นอีกจังหวัดหนึ่ง ท่ีมีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน และยังเป็นสถานท่ีท่ีเป็นส่วน สาคัญในเหตุการณ์ สงครามเก้าทัพ อีกทั้งยงั เกิดวีรสตรี 2 ท่าน คือท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร เหตุการณ์คร้ัง นั้นได้ทิ้งร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่กลายเป็นแหล่งเรียนรู้อยู่ในจังหวัดมากมาย อาทิเช่น อนุสาวรีย์ท้าวเทพ กระษัตรี ท้าวศรีสุนทร ทุ่งถลางชนะศึก เป็นตน้ การศึกษาค้นคว้าเรอ่ื งราวเหตุการณ์ บุคคล และสถานท่สี าคัญใน ประวัติศาสตร์ จะทาให้ทราบถึงความเป็นมา ภมู ิใจและธารงรกั ษาความเปน็ ชาตไิ ด้เปน็ อยา่ งดี ในการศึกษาประวัติศาสตร์ท้องถิ่นซึ่งเก่ียวข้องกับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ไทย จึงต้องศึกษาผ่าน เหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ไทยก่อนเป็นอันดับแรก นั่นก็คือ สงครามเก้าทัพ เป็นสงครามใหญ่ที่ไทยรบกับพม่า ในชว่ งรตั นโกสินทร์ที่แสดงถึงกาลังความสามารถของกองทัพไทยในการทาศึกสงคราม เมื่อศึกษาสงครามท่ีเป็นต้น กาเนิดของแหล่งประวัติศาสตร์และบุคคลสาคัญของเมืองถลางแล้ว นาเข้าสู่บทเรียนที่เป็นประวัติศาสตร์ท้องถิ่น เมืองถลาง สถานที่สาคัญที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นวัดพระนางสร้าง วัดพระทอง วัดม่วงโกมาร ภจั น์ เป็นต้น รวมท้ังการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศทางภูมิศาสตร์มาใชใ้ นการสืบค้นเส้นทางสถานท่ีสาคัญ ในประวัติศาสตร์เมืองถลาง เช่น การใช้แอพพลิเคชั่น Google Earth ซ่ึงสามารถแสดงเส้นทาง และภาพสามมิติ ผ่านฟงั ก์ช่นั Google Street View จากนั้น ดึงขอ้ มลู แผนท่ีออกมาเป็นกระดาษโปสเตอร์ แล้ววาดแผนท่ีเพื่อเป็นแบบใน การสร้างแบบจาลองเส้นทางประวตั ิศาสตรข์ องตาบลเทพกระษัตรี โรงเรยี นวดั เทพกระษตั รี ตง้ั อยใู่ นท้องถิ่นทม่ี ีความสาคัญในประวัติศาสตร์ มีวัฒนธรรม ภูมิปญั ญาทส่ี าคัญ นามาสืบสาน บูรณาการการเรียนรใู้ หก้ ับนกั เรยี น โดยนกั เรยี นได้ใช้วธิ กี ารทางประวตั ิศาสตรใ์ นการสืบคน้ รวบรวม วิเคราะห์ ข้อมูลความเป็นมาของสถานท่ี สาคัญในชุมชน ใช้สารสนเทศทางภูมิศาสตร์ในการศึกษาเส้นทางประวัติศาสตร์ ใช้ข้อมูลจากการสืบค้น อธิบาย ลักษณะของประโยคสามญั ประโยครวม และประโยคซอ้ น วิเคราะห์ แยกแยะ ความแตกตา่ งของประโยคสามัญ ประโยครวม และประโยคซ้อน มีส่วนร่วมในการวางแผน ออกแบบและสร้างชิ้นงาน นาเสนอลักษณะประโยคพา เพลนิ อย่างสรา้ งสรรคไ์ ด้ การเรยี นรคู้ าศัพท์ ประโยค บทสนทนา เก่ยี วกบั สถานท่แี ละการบอกทิศทางภาษาอังกฤษ ช่วยให้ พูดแนะนาหรือชักชวนไปสถานท่ีต่าง ๆ พร้อมทั้งขอและใหข้ ้อมูลเก่ียวกับเส้นทาง เป็นการเรียนรู้ภาษาอังกฤษเพ่ือ นาไปใช้ส่ือสารในชีวิตประจาวันโดยนักเรียนสามารถ วิเคราะห์ ตัดสินใจเลือกบทสนทนา และต่อยอด เขียน
ออกแบบบทสนทนา ประยุกต์ใช้ เพ่ือขอและให้ข้อมูลอธิบายการเดินทางตามสถานการณ์ท่ีเกิดขึ้นในชุมชน และ เลอื กใช้เทคโนโลยีมาใชใ้ นการสื่อสาร นกั เรียนเกิดการบวนการคิดขั้นสงู ในการสรา้ งรปู เรขาคณติ สามมิติทรงปริซึมส่ีเหลย่ี มและพีระมิดฐาน ส่เี หลย่ี ม โดยใช้โพรแทรกเตอร์และวงเวียนทาใหม้ ุมทสี่ รา้ งมขี นาดตามท่กี าหนด การวาดภาพเหมอื นจรงิ จาก รปู แบบ 2 มิติ เป็น 3 มติ ิ โดยใชห้ ลักการของแสงเงาและน้าหนกั จะทาให้ภาพมีมิติ มองเหน็ ระยะใกล้-ไกล และ ความลกึ ของภาพ การคดิ การให้เหตผุ ลเชิงตรรกะกับการแก้ปัญหา เปน็ การนาหลักการ กฎเกณฑ์หรอื เง่ือนไขท่ี ครอบคลุมทกุ กรณีมาใชเ้ พ่ือตรวจสอบความสมเหตุสมผลหรือพจิ ารณาความเป็นไปได้ของการมุ่งหาคาตอบและ แก้ปญั หา มคี วามรับผิดชอบในบทบาทหนา้ ที่ของตนเองและของทมี ยอมรบั ความคิดเหน็ ท่ีแตกต่างสู่การตดั สนิ ใจที่ เปน็ ทีมได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ มีคุณธรรมในการประกอบอาชพี เป็นลกั ษณะนสิ ัยที่ดี ทคี่ วรปฏบิ ตั ใิ นขณะประกอบ อาชพี 4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 4.1 ความสามารถในการส่อื สาร 4.2 ความสามารถในการคดิ 4.3 ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4.4 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวติ 4.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. สำระกำรเรยี นรู้ สังคมศึกษำ ศำสนำและวัฒนธรรม 1. สงครามเก้าทัพ 2. ทา้ วเทพกระษตั รี ท้าวศรีสนุ ทร 3. สถานท่สี าคญั ทางประวตั ิศาสตรใ์ นอาเภอถลาง จงั หวดั ภเู ก็ต 4. การสร้างแผนทเ่ี ส้นทางประวตั ศิ าสตร์ กำรงำนอำชพี 1. อธบิ ายความหมายของอาชีพและประเภทของอาชีพ 2. อธิบายความสนใจ ความสามารถ และทักษะทจ่ี าเป็นเพื่อวางแผนเลือกอาชพี ในอนาคต 3. สัมภาษณผ์ ปู้ ระกอบอาชีพต่าง ๆ ในท้องถิ่น 4. บอกคุณธรรมในการประกอบอาชพี ภำษำไทย 1. กล่มุ คาหรือวลี 2. ประโยคสามญั เปน็ ประโยคท่ีมีใจความเพยี งอยา่ งเดยี ว 3. ประโยครวมเปน็ การนาประโยคสามญั ตง้ั แต่ 2 ประโยคขน้ึ ไปมารวมกัน โดยมีคาสันธาน
เชือ่ มประโยคเพ่ือใหไ้ ด้ใจความต่อเน่ืองเป็นประโยคเดยี วกัน 4. ประโยคซ้อนเปน็ ประโยคท่มี ีใจความสาคัญเปน็ ประโยคหลักและมีประโยคย่อยอีกประโยคซ้อนอยู่ ภำษำอังกฤษ 1. คาศพั ท์ ประโยค เกีย่ วกบั สถานที่ คาบอกทศิ ทาง 2. การพดู การเขยี นประโยคบทสนทนา อธิบายการเดินทางไปสถานทีตา่ ง ๆ 3. บทสนทนาตามมารยาททางสงั คมและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา คณติ ศำสตร์ 1.สรา้ งรูปเรขาคณิตสามมติ ทิ รงปรซิ มึ สีเ่ หล่ียมและพรี ะมดิ ฐานส่เี หลี่ยม ศลิ ปะ 1.เทคนคิ การใชแ้ สงและเงาและน้าหนัก วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี 1.เหตุผลเชิงตรรกะกับการแกป้ ญั หาจากสถานการณป์ ัญหาใกลต้ วั ทีก่ าหนดได้ สุขศึกษำและพลศกึ ษำ 1.การออกแบบท่ากายบริหาร 6. จุดเนน้ สู่กำรพฒั นำคณุ ภำพผเู้ รยี น ทักษะศตวรรษท่ี 21 (กำรเรยี นรู้ 3R × 8C) 3R R1 – Reading (อ่านออก) R2 – Writing (เขยี นได)้ R3 – Arithmetic (คิดเลขเปน็ ) 8C C1 – Critical Thinking and Problem Solving (ทกั ษะด้านการคิดอยา่ งมวี ิจารณญาณและทักษะในการแก้ปญั หา) C2 – Creativity and Innovation (ทกั ษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรรม) C3 – Cross-cultural Understanding (ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์) C4 – Collaboration, Teamwork and Leadership (ทักษะดา้ นความร่วมมือการทางานเปน็ ทีมและภาวะผนู้ า) C5 – Communication, Information and Media Literacy (ทักษะด้านการสอื่ สารสารสนเทศและร้เู ท่าทนั ส่ือ) C6 – Computing and ICT Literacy (ทักษะดา้ นคอมพวิ เตอรแ์ ละเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สาร) C7 – Career and Learning Skills (ทักษะอาชพี และทกั ษะการเรียนรู้) C8 – Compassion (ความมีเมตตากรุณา วนิ ยั คณุ ธรรม จรยิ ธรรม) 7. ช้นิ งำนหรือภำระงำน
สงั คมศกึ ษำ 1. ใบงานท่ี 1 เรอื่ งสงครามเกา้ ทพั 2. ใบงานที่ 2 เร่อื งทา้ วเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร 3. แผนทเี่ ส้นทางประวัตศิ าสตร์ การงานอาชพี 1. ใบงานท่ี 1 เรอื่ งการสารวจตนเองเพอื่ วางแผนในการเลือกอาชีพ 2. ใบงานที่ 2 เร่อื งการระบุความรู้ ความสามารถ และคณุ ธรรมทสี่ ัมพันธ์กับอาชีพทต่ี นเองสนใจ 3. ชิน้ งานต๊กุ ตาอาชีพในทอ้ งถ่นิ ภำษำไทย 1. ใบงาน 1 เร่อื งแตง่ ประโยคสามัญ จากภาพ 2. ใบงาน 2 เรื่องระบปุ ระโยคสามัญ ประโยครวม และประโยคซ้อน 3. ชนิ้ งานนาเสนอลักษณะประโยคพาเพลิน ภำษำอังกฤษ 1. ใบกจิ กรรมท่ี1 เร่อื ง Giving Direction 2. ใบกจิ กรรมท่ี 2 เรื่อง Listen and number 3. ใบกจิ กรรมที่ 3 เร่อื ง Read the direction and choose the correct word. 4. ใบกิจกรรมท่ี 4 เรอ่ื ง Put the sentences in the correct order. 5. ใบกจิ กรรมที่ 5 เรื่อง Write conversation. 6. นาเสนอบทสนทนา คณติ ศำสตร์ 1. ใบงานท่ี 1 เรื่อง ลกั ษณะและส่วนตา่ ง ๆ ของปริซึม 2. ใบงานท่ี 2 เรื่อง ลักษณะและส่วนต่าง ๆ ของพีระมิด 3. ใบงานที่ 3 เรอื่ ง ความแตกต่างระหวา่ งปรซิ ึมกับพีระมิด 4. ชน้ิ งานท่ี 1 รูปปรซิ ึม 3 รปู 5. ชน้ิ งานที่ 2 รปู พีระมดิ 3 รูป 6. ชิน้ งานท่ี 3 ปรซิ มึ สี่เหลย่ี ม 7. ช้ินงานท่ี 4 พีระมดิ ฐานสเ่ี หลยี่ ม ศลิ ปะ 1. ใบงานกจิ กรรมที่ 1 2. ใบงานกิจกรรมที่ 2 ภาพวาดสญั ลักษณ์ 3 มิติ ทใ่ี ช้น้าหนักสีในแผนท่ี 1. ใบงานท่ี 1. เรื่อง ต่อยอดการแกป้ ญั หาด้วยเหตผุ ลเชิงตรรกะ 2. กจิ กรรมฝกึ ทักษะที่ 1 เรือ่ งจับครู่ าวงมาตรฐาน 3. กจิ กรรมฝกึ ทักษะท่ี 2 เชยี รก์ ีฬา พาเพลนิ วิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี 1. นาเสนอ เร่อื ง การใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะในชีวิตประจาวัน
สขุ ศึกษำและพลศกึ ษำ 1. ใบกจิ กรรมที่ 9 2. ปฏบิ ตั ิกายบริหารประกอบเพลง 3. กจิ กรรมทักษะกระบวนการพลศึกษา 8. กจิ กรรมกำรเรียนรู้ กจิ กรรมที่ 1 กลุ่มสำระกำรเรยี นร้สู งั คมศกึ ษำ ศำสนำและวฒั นธรรม (เรือ่ ง สงครำมเก้ำทัพ) ชว่ั โมงท่ี 1 สงครำมเกำ้ ทพั 1. นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน 2. เข้าสู่บทเรียนโดยการทบทวนความรูเ้ ดิม และกล่าวถึงการสถาปนากรุงรตั นโกสินทร์ และคณุ ูปการของ บูรพกษัตริยาธิราช ดังนี้ “กรุงรัตนโกสินทร์สถาปนามาอย่างยาวนานมากกว่า 200 ปี นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ ใน พ.ศ. 2325 นับตั้งแต่น้ันมาพระมหากษัตริย์ทุก พระองค์ได้สร้างสรรค์ พัฒนาจนกลายเป็นประเทศไทยท่ีรุ่งเรืองได้อย่างในปัจจุบัน” ผ่านวีดิโอ เร่ืองการสถาปนา กรุงรัตนโกสนิ ทร์ 2. ครูบรรยายผ่านส่ือประกอบการสอน เร่ือง สงครามเก้าทัพ ซ่ึงเป็นสงครามที่เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 กอ่ ใหเ้ กดิ วรี กรรมของบุคคลสาคญั ตา่ งๆมากมาย 3. นักเรียนจับคู่กันเพ่ือทาใบงานที่ 1 เร่ืองสงครามเก้าทัพ โดยศึกษาหาความรู้จากสื่อประกอบการสอน เรือ่ งสงครามเก้าทัพ และขอ้ มูลผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต - สงครามเกา้ ทพั เกิดขน้ึ ในปี พ.ศ. ใด ตรงกับรชั สมยั ของกษตั รยิ ์ไทยพระองค์ใด (แนวคาตอบ สงครามเก้าทัพเกิดข้ึนในปี พ.ศ. 2328 หลังสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ได้ 3 ปี ตรง กบั รชั สมยั พระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช) - ทม่ี าของคาวา่ สงครามเกา้ ทัพ นา่ จะมาจากสาเหตใุ ด (แนวคาตอบ ช่ือสงครามเก้าทัพ มาจาก ทัพพม่าได้แต่งกองทัพล้อมเข้าตีขนาบหัวเมือง และกรุง รัตนโกสินทรจ์ านวน 9 ทพั ) - ผลของสงคราม เป็นอย่างไร และส่งผลให้เกิดเหตกุ ารณใ์ ดข้นึ (แนวคาตอบ พระเจา้ ปดุง ยงั ทรงไมย่ อมแพ้ต่อการรกุ รานสยาม จงึ มพี ระราชโองการให้พระโอรส คอื อนิ แซะมหาอุปราช นาไปสู่ การรบกบั พม่าครั้งสุดทา้ ยคือ สงครามรบพมา่ ที่ท่าดินแดง ฝา่ ยสยามเป็นฝ่ายชนะ) - เหตกุ ารณ์สงครามเกา้ ทพั เกี่ยวขอ้ งกับวรี กรรม ท้าวเทพกระษตั รี ท้าวศรีสุนทร หรือไม่ อย่างไร (แนวคาตอบ เหตุการณ์สงครามเก้าทัพเก่ียวข้องกับวีรกรรม ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร กลา่ วคอื ย่ามกุ ย่าจนั ไดน้ าทัพและใช้ยุทธวธิ ีการรบท่ชี าญฉลาดเพื่อปกป้องเมอื งถลาง) 4. ครใู ชค้ าถามกระตนุ้ ความคิด - เหตใุ ดจงึ เกดิ สงครามเกา้ ทัพในสมัยรัชกาลที่ 1 (แนวคาตอบ เนอื่ งจากพมา่ เห็นความอ่อนแอของไทย เน่ืองจากเพิ่งสถาปนากรงุ ไดไ้ ม่นาน และ กองกาลังทหารนอ้ ย) - ผลของสงครามเกา้ ทพั ทเ่ี กิดขึน้ ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งไทยกับพมา่ อย่างไร
(แนวคาตอบ ความสัมพันธ์ระหวา่ งไทยกับพมา่ เปน็ ไปในทศิ ทางที่ดี ไม่มกี ารรุกรานจากพมา่ เป็น เวลายาวนาน) - จุดเดน่ ของการรบั มือสงครามเก้าทัพที่ไทยมีตอ่ พม่าเปน็ อยา่ งไน (แนวคาตอบ การตั้งทพั รับหลายแบบ ยุทธวิธีการรบที่หลากหลาย) 5. นกั เรียนร่วมกันตรวจสอบความถูกต้องของใบงานและสรปุ ความรรู้ ่วมกัน (แนวการสรุปความรู้ เหตุการณส์ งครามเก้าทัพเกิดขน้ั ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟา้ จุฬาโลก หลังสถาปนากรุงรัตนโกสมินทร์ได้เพียง 3 ปี เน่ืองจากพระเจ้าปดุง กษัตริย์พม่าทรงมองเห็นว่า ไทยเพิ่งสถาปนา บ้านเมอื งใหม่ ยงั มจี ุดอ่อนในการปกป้องบ้านเมือง จึงจัดทพั มาถึงเกา้ ทพั เข้าตีขนาบหัวเมอื งและกรงุ รัตนโกสนิ ทร์ จากทุกทิศ ท้ายทสี่ ดุ กองทัพฝ่ายไทยใช้ยุทธวิธกี ารรบทีห่ ลากหลาย ทาให้ไดร้ ับชยั ชนะเหนือทัพพมา่ ) 6. นกั เรยี นได้ความรูพ้ ื้นฐานเรื่องสงครามเก้าทัพเพื่อนาไปต่อยอดในการศึกษาประวตั ิศาสตรท์ ้องถิ่นเมือง ถลาง ชว่ั โมงที่ 2 ท้ำวเทพกระษตั รี ทำ้ วศรีสุนทร 1. ครูนาเข้าสู้บทเรียนโดยนักเรียนทบทวนความรู้เดิมเรื่องสงครามเก้าทัพ ปลุกความสนใจของนักเรียน ด้วยรูปภาพทา้ วเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร 2. นักเรียนศึกษาสื่อประกอบการสอน เรื่อง ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร ซ่ึงเป็นบุคคลสาคัญท่ีมี บทบาทในประวตั ิศาสตร์ชาตไิ ทย อีกท้ังยังเป็นบุคคลสาคัญในทอ้ งถิ่นที่นักเรียนอาศยั อยู่ 3. นักเรียนรว่ มกันตัง้ ประเดน็ คาถามกระตนุ้ ความคิด - เกิดความภาคภูมิใจอย่างไรท่ีพบว่าบุคคลในประวัติศาสตร์ท้องถิ่นของตนเอง ไดส้ ร้างคณุ ูปการ แกป่ ระวัติศาสตร์ชาตไิ ทย (แนวคาตอบ มีความภูมิใจท่ีบุคคลในชุมชนมีบทบาทในการปกป้องรักษาบ้านเมืองให้อยู่ร่มเย็น และสงบสขุ ) 4. นักเรียนร่วมกันทาใบงานที่ 2 เร่ืองท้าวเทพกระษตั รี ท้าวศรสี ุนทร เป็นคู่ โดยศึกษาค้นควา้ ความรูผ้ ่าน ระบบเครอื ข่ายอินเทอรเ์ นต็ - ประวตั ทิ า้ วเทพกระษตั รี ทา้ วศรีสุนทร (แนวคาตอบ ท้าวเทพกระษัตรี หรือ คุณหญิงจัน ท้าวศรีสุนทร หรือ คุณมุก เป็นบุตรสาวของ จอมร้างเจ้าเมอื งถลาง ตอ่ มาได้พระยาสุรนิ ทราชาพมิ ล (ขนั ) เจา้ เมืองถลาง และนาทพั เขา้ สศู้ กึ ) 5. นกั เรียนรว่ มกันสรปุ ความรู้จากใบงานที่ 2 (แนวสรุปความรู้ ท้าวเทพกระษัตรี (เกิดราวปี พ.ศ. 2278 หรือ 2280 - ราวปี พ.ศ. 2336) และ ท้าวศรี สุนทร ได้รับยกย่องให้เป็นวีรสตรีของชาติจากเหตุการณ์วรี กรรมของท่านทั้งสอง ที่ได้ปกป้องเมืองถลางให้พ้นจาก การรุกรานของพม่า เมื่อปลายปีมะเส็ง พ.ศ. 2328 ตามท่ีมีบันทึกในพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสนิ ทร์รัชกาลที่ ๑ ฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ ในฐานะภรรยาพระยาถลางท่ีเพิ่งถึงแก่อนิจกรรมไปไม่นานท่านและน้องสาวได้ เกณฑ์กรมการกับพลทหารทงั้ ชายหญิงสู้รบกับพม่า ทาการป้องกันเมืองถลางให้พ้นจากข้าศึกได้ ในสงครามเกา้ ทัพ สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ศึกครั้งน้ันสู้รบกันอยู่ประมาณเดือนเศษ ทัพพม่ายังหักเอาเมืองไม่ได้ ขาดเสบียงอาหาร จงึ ถอยทัพลงเรือกลับไป ความทราบถึงพระเนตรพระกรรณ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จึง
ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งต้ัง คุณจันขึ้นเป็นท้าวเทพกระษัตรี และมุกน้องหญิงขึ้นเป็นท้าวศรีสุนทร เพ่ือ เปน็ บาเหน็จความชอบและประกาศเกียรติคณุ ในความกลา้ หาญ) 6. นกั เรยี นไดเ้ รียนรูป้ ระวตั ิของบุคคลสาคัญของเมืองถลาง ชั่วโมงที่ 3 สถำนทสี่ ำคัญในประวตั ศิ ำสตร์ถลำง 1. เข้าสู่บทเรียนโดยการ กล่าวถึงการป้องกนั เมอื งถลางในสมยั สงครามเก้าทัพ ดังนี้ “ในสมัยสงครามเก้าทัพ เมืองถลางได้รับการปกป้องจากวีรสตรีผู้กล้าหาญ 2 ท่าน โดยการนาหญิง 500 คน แต่งกายเป็นชาย ใช้ทางมะพร้าวเป็นอาวธุ เพื่อหลอกทัพพม่าวา่ มีกาลังทหารจานวนมาก ทาใหส้ ุดท้ายกองทัพ พม่าตอ้ งเสยี ไพร่พล จึงยกทพั กลบั ทาให้ป้องกนั เมืองถลางได้ในทส่ี ุด” 2. นกั เรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 6 กล่มุ จับฉลากหัวข้อสถานท่สี าคญั ทางประวัติศาสตรใ์ นอาเภอถลาง - วัดถลางพระนางสรา้ ง - ทุง่ ถลางชนะศึกถลาง - วัดพระทอง - วดั ม่วงโกมารภจั น์ - เรือนย่ามกุ ย่าจัน - วัดเทพกระษัตรี 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันค้นหาข้อมลู ทางประวัติศาสตร์ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและใบความรู้ เร่ืองชมุ ชนถลาง แลว้ สรุป สรา้ งองค์ความรทู้ างประวตั ิศาสตรใ์ นรูปแบบท่ีตนเองสนใจ 4. นักเรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลการค้นคว้าและองค์ความรู้ของตนเองให้เพ่ือนร่วมช้ันเรียนฟัง พร้อมท้ัง พดู คุย ซกั ถาม แลกเปล่ยี นเรยี นรู้ 5. นกั เรยี นร่วมกนั สรปุ องค์ความรู้ไดล้ งสมดุ (แนวสรุปความรู้ ประวตั ิศาสตรท์ อ้ งถิน่ เมอื งถลาง เก่ียวข้องข้องกับเหตุการณ์การสาคัญเหตุการณห์ นึง่ ใน ประวัตศิ าสตร์ไทย นั่นคือ เหตุการณ์สงครามเกา้ ทัพ โดยมีท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร เป็นผู้นาทัพสู้ศกึ กับทัพ พม่า ผ่านการฝึกฝนทเ่ี ข้มแข็ง ใชย้ ุทธวิธกี ารรบท่ีหลากหลาย ปัจจุบนั ยังคงหลงเหลือร่องรอยทางประวัติศาสตร์ไว้ หลายแห่ง เช่น วัดม่วงโกมารภัจน์ วัดพระนางสรา้ ง เป็นต้น) 6. นักเรยี นได้รบั หวั ขอ้ เรื่องในการศกึ ษาประวตั ศิ าสตร์ท้องถนิ่ เมืองถลาง ชั่วโมงท่ี 4 กำรสร้ำงแผนท่ีเสน้ ทำงประวตั ศิ ำสตร์ 1. ครูนาเข้าสบู่ ทเรียนโดยการทบทวนความรเู้ รื่องสถานทสี่ าคญั ในท้องถิ่น 2. นักเรียนแบ่งกลุ่ม 6 กลุ่ม (ตามกลุ่มจากชั่วโมงเรียนที่แล้ว) แล้วสืบค้นฐานข้อมูลสารสนเทศทาง ภมู ศิ าสตร์ โดยการใช้ google map, google earth สืบค้นเส้นทางการเดินทางและสถานทตี่ ้ัง 3. นกั เรยี นพมิ พภ์ าพแผนที่จาก google earth แสดงอาณาเขต เส้นทาง ท่ตี ้งั แล้ววาดภาพแผนทเี่ สน้ ทาง ประวตั ศิ าสตรต์ ามหัวข้อของกลุม่ ตนเอง - นกั เรียนนาแผนทท่ี ี่พมิ พ์ออกมา กาหนดขนาด และเทยี บมาตราส่วนกบั แผนที่ทจ่ี ะวาดจริง - นกั เรียนร่วมกันวาดตารางกาหนดมาตราส่วน เพอ่ื ไมใ่ หอ้ าณาเขตผดิ เพย้ี น - นกั เรียนคน้ หารายละเอียดของแผนท่ผี ่าน google earth ประกอบกบั แผนทที่ ี่พิมพ์ออกมา 4. นกั เรยี นนาเสนอแผนท่แี ละเสน้ ทางประวัตศิ าสตร์
5. นักเรียนสรุปความรู้ร่วมกัน ใน 2 ประเดน็ คอื - นักเรยี นไดป้ ระโยชน์อย่างไรในการทาแผนท่ี (แนวการสรปุ ความรู้ ได้ความรูใ้ นการสานวจพืน้ ท่ี อาณาเขตตา่ งๆ) - นกั เรยี นมวี ธิ วี างแผนการทางานอย่างไร (แนวการสรุปความรู้ มกี ารวางแบง่ หน้าทกี่ ารทางาน สืบค้นความรตู้ า่ งๆ) 6. นักเรยี นไดแ้ บบร่างแผนทเ่ี พื่อนาไปประกอบแบบจาลอง กิจกรรมท่ี 2 กลมุ่ สำระกำรเรยี นรภู้ ำษำไทย ( เรื่อง ลักษณะประโยคพำเพลิน ) ชั่วโมงที่1 ขั้นที่ 1 นำเข้ำสบู่ ทเรียน ครชู ี้แจงกิจกรรมเบ้อื งตน้ ว่า การจดั กิจกรรมการเรยี นรใู้ นคร้งั น้ี เป็นการเรียนเร่ืองลักษณะประโยคตา่ ง ๆ และการร่วมกนั วางแผนออกแบบสร้างชนิ้ งานลกั ษณะประโยคพาเพลิน ขั้นท่ี 2 สอน 1.ครูแบง่ นกั เรียนเป็นกลุ่มละ 4 -5 คน แล้วแจกปา้ ยข้อความทคี่ รเู ตรยี มไว้ใหน้ ักเรยี น รว่ มกันวิเคราะหว์ า่ ปา้ ย ข้อความของตนเป็นวลีหรือประโยคสามัญ แล้วรว่ มกันวิเคราะหแ์ ละแยกแยะความแตกต่างระหว่างวลีกับประโยค สามญั แล้วนาเสนอทล่ี ะกล่มุ (ข้อความหรือบทความทางประวัตศิ าสตร)์ วลี เช่น กรงุ รัตนโกสนิ ทร์คือราชธานแี ห่งใหม่ , ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศจ์ ักรี , องอาจกล้าหาญมิได้ เกรงกลัวยอ่ ท้อต่อขา้ ศึก , อนุสรณ์แหง่ ความกล้าหาญของสตรีในประวัตศิ าสตร์ชาตไิ ทย ประโยคสำมัญ เชน่ คุณจันซ้ือขายดบี ุกกับพ่อค้าชาวตา่ งชาติ , ทหารระดมยิงปืนใหญ่ส้รู บกับพมา่ ฟรานซิสไลทเ์ จ้าเมืองปีนงั แจง้ ขา่ วเร่อื งศึกพม่า , ย่ีว่นุ ยกทพั เรือไปตีเมืองตะกัว่ ป่าตะกั่วทงุ่ ประโยคเหล่านล้ี ้วนมใี จความเดียว เราเรียกวา่ ประโยคสำมัญ 2. ครนู าภาพเร่อื งราวทางประวตั ศิ าสตร์จากหนังสอื หรือจากอินเทอร์เนต็ มาให้กลุ่มละภาพ 2 ภาพ และแจก กระดาษให้นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ แตง่ ประโยคสามญั มาภาพละ 2 ประโยค พร้อมนาเสนอที่หน้าชั้นเรียน กลุ่มไหน เสร็จเร็วและถูกต้องเปน็ ผู้ชนะ 3. นักเรยี นร่วมกนั ตรวจสอบความถกู ต้องของสว่ นประกอบประโยค 4. นักเรยี นและครูรว่ มกนั สรุปความรู้ ดังนี้ ประโยคสามัญหรือประโยคความเดียว คือประโยคที่กลา่ วถึงส่งิ ใดสิ่ง หนง่ึ เพยี งอยา่ งเดียว และสิง่ น้ันแสดงกริ ยิ าอาการ หรืออยูใ่ นสภาพอยา่ งใดอย่างหน่ึงเพยี งอย่างเดียว มี ส่วนประกอบสาคญั 2 ส่วน คอื ภาคประธานและภาคแสดง ชว่ั โมงท่ี2 1. ครูและนกั เรียนรว่ มกันทบทวนเร่อื งประโยคจากคาบเรยี นที่แล้ว คาถาม ประโยคประกอบดว้ ยอะไรบ้าง (คาตอบ) ประธาน + กรยิ า หรือ ประธาน + กริยา + กรรม ฯลฯ 2. ครูใหน้ กั เรยี นหนง่ึ คน ถือแถบประโยคที่มขี ้อความทีว่ า่ เรำตอ้ งรว่ มต่อสู้กับขำ้ ศกึ นักเรยี นอีกคนหน่งึ ถือแถบ ประโยค จะสูญเสียเอกรำช อภิปรายว่านคี่ อื ประโยคเหมือนกัน ให้ยืนซ้อนกนั ใหน้ ักเรียนช่วยกนั คดิ ว่าทา อยา่ งไรจึงจะให้ทั้งสองประโยครวมกันเปน็ ประโยคเดียว
3. ครนู าบตั รคาคาวา่ มฉิ ะนนั้ ใหน้ กั เรยี นคนท่ี 3 ถอื และอ่านให้เพ่ือน ๆ ฟงั ใหน้ ักเรยี นช่วยกันคิดว่า จะวางไว้ ตรงไหนดี เชน่ ขา้ งหน้า ตรงกลาง หรอื ข้างหลัง ครูใหค้ นถือประโยคยนื เหมือนเดิม ส่วนคนท่ี 2 ใหย้ ืนข้างหน้า และให้คาว่า มิฉะน้นั ไวต้ รงกลาง ดังน้ี เรำต้องรว่ มต่อสู้กับข้ำศกึ มฉิ ะน้นั จะสูญเสียเอกรำช 4. ครูและนกั เรยี นช่วยกันสรุปลกั ษณะของประโยครวมวา่ จะตอ้ งมคี าสนั ธานเช่อื ม 5. ใหน้ กั เรียนช่วยกันหาคาเช่ือมใหป้ ระโยคต่าง ๆ ดงั น้ี ๏ ชาวถลางมีความรกั สามัคคี ไมเ่ ชน่ นนั้ คงจะตอ้ งตกเปน็ เมอื งขึน้ เขา ๏ คนไทยมีความกล้าหาญ และสามัคคีจึงรกั ษาบา้ นเมืองไว้ได้ ๏ คุณจนั กบั คุณมุกชว่ ยกันวางแผนการรบกับพมา่ ๏ เจ้าเมอื งถลางค้าขายดบี กุ กับต่างชาติ เพรำะดีบกุ เป็นที่ต้องการของชาตติ ะวนั ตก ๏ กองทัพข้าศกึ บุกมาถงึ เมืองถลาง ดังนัน้ ทุกคนจึงรว่ มตอ่ ส้ปู กปอ้ งบ้านเมอื ง ๏ เราทกุ คนจะร่วมกนั ต่อสู้ หรือจะยอมแพข้ า้ ศึก 6. นักเรียนช่วยกันสรุปลกั ษณะของประโยครวมว่าคือประโยคสามญั ต้ังแตส่ องประโยคข้ึนไป มารวมกนั โดยมคี าสนั ธานเชื่อมประโยค เพื่อใหไ้ ด้ใจความต่อเน่ืองเปน็ ประโยคเดยี วกนั มี 4 ชนิด ดงั น้ี 1) ประโยคความรวมท่ีมใี จความคล้อยตามกนั 2) ประโยคความรวมที่มใี จความขัดแย้งกนั 3) ประโยคความรวมท่ีมีใจความให้เลอื กอย่างใดอย่างหน่ึง 4) ประโยคความรวมท่ีมีใจความเปน็ เหตเุ ปน็ ผล 7. ครนู าแถบประโยคมาตดิ ท่ีหน้าชนั้ เรยี น ใหน้ กั เรียนรว่ มกันจาแนกสว่ นประกอบของประโยค ทหารกลับบา้ นเมื่อเสรจ็ ศึก ประโยคหลักคือ ทหารกลบั บ้าน ประโยคย่อย เสรจ็ ศึก ทาหน้าที่ขยาย “กลบั ” ซึง่ เป็นคากริยาของประโยค คาเชอื่ มประโยค คือ “เม่ือ” 3. นักเรยี นสบื ค้นประโยคซ้อน หรือประโยคความซอ้ นจากอินทอรเ์ น็ต ประโยคซ้อนประโยคทม่ี ีใจความสาคัญ เปน็ ประโยคหลกั และมปี ระโยคย่อยอีกประโยคซ้อนอยู่ ประโยคยอ่ ยนี้อาจทาหนา้ ท่ขี ยายประธานทเี่ ป็นคานาม หรือเป็นคาสรรพนามใหส้ งั เกตจากคาเช่ือม ท่ี ซง่ึ อนั หรอื ทาหนา้ ทขี่ ยายภาคแสดงทเี่ ป็นคากรยิ าหรือคาวเิ ศษณ์ คาเชอื่ ม คอื เมือ่ จน เพ่ือ เพรำะ ตั้งแต่ ฯลฯ 4. นักเรยี นร่วมกนั หาคาเชื่อมจากประโยคซ้อนที่กาหนดให้ แล้วจาแนกประโยคหลักและประโยคย่อย - คนในชาติรักสามัคคีอันทาให้ประเทศชาตสิ งบสุข ประโยคหลกั คอื คนในชาติรักสามัคคี ประโยคยอ่ ย คือ ประเทศชาตสิ งบสุข คาเชอ่ื มประโยค คอื “อัน” - ประเทศไทยมีทางออกทะเลซึ่งประเทศลาวไม่มี ประโยคหลกั คอื ประเทศไทยมที างออกทะเล ประโยคยอ่ ย คอื ทางออกทะเลประเทศลาวไม่มี คาเชื่อมประโยค คือ “ซง่ึ ”
5.นักเรยี นช่วยกนั ยกตัวอย่างประโยคซ้อนเพมิ่ เติม ชว่ ยกันหาคาเชือ่ ม จาแนกประโยคหลักประโยค-ย่อย ชว่ ยกนั ตรวจสอบความถูกต้อง 6. นกั เรียนรว่ มกันสรปุ ความรู้เร่ืองประโยคซอ้ น 7. นักเรยี นร่วมกันทาใบงานท่ี 2 เรื่อง ระบปุ ระโยคสามัญ ประโยครวม และประโยคซ้อนแลว้ รว่ มกันตรวจสอบ ความถกู ต้อง ช่ัวโมงท่3ี -4 1. ครูให้นักเรียนดูตัวอย่างชิ้นงานป๊อปอัพ แล้วแบ่งนักเรียนกลุ่มละ 4-5 คน ให้นักเรียนร่วมกันสืบค้นการทา ชน้ิ งานสื่อจากอนิ เทอรเ์ นต็ วางแผน ออกแบบชนิ้ งานเสนอลกั ษณะประโยคพาเพลนิ 2. นักเรียนแบง่ กันเตรียมอุปกรณ์ และรว่ มกันประดษิ ฐช์ ้นิ งานเสนอลักษณะประโยคพาเพลิน 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอช้ินงานเสนอลักษณะประโยคพาเพลิน พร้อมทั้งบอกปัญหาอุปสรรค และ แนวทางแกไ้ ข ขั้นที่ 3 สรปุ 1. นกั เรยี นและครูรว่ มกนั สรปุ ความรโู้ ดยใช้คาถามดงั ต่อไปน้ี คาถาม ลักษณะของประโยคตา่ ง ๆ มคี วามแตกต่างกนั อย่างไรบา้ ง (แนวทางการสรุป) ประโยคสามัญเป็นประโยคที่มีใจความเพยี งอย่างเดียว , ประโยครวมเป็นการนา ประโยคสามัญตง้ั แต่ ๒ ประโยคขน้ึ ไปมารวมกนั โดยมีคาสันธานเช่ือมประโยคเพ่อื ใหไ้ ด้ใจความตอ่ เนื่องเปน็ ประโยคเดียวกนั และประโยคซ้อนเป็นประโยคท่ีมใี จความสาคญั เป็นประโยคหลักและมีประโยคย่อยอีกประโยค ซอ้ นอยู่ คาถาม กำรรว่ มกันออกแบบและประดิษฐช์ ้นิ งานปอ๊ ปอัพลกั ษณะประโยคพาเพลนิ มีประโยชน์อยา่ งไร บา้ ง (แนวทางการสรปุ ) ฝกึ ความคิดสรา้ งสรรค์ , ฝกึ การทางานร่วมกนั , การรู้จกั แบง่ หนา้ ท่ตี ามความถนดั , การยอมรบั ฟังความคิดเหน็ , เพมิ่ ความรคู้ วามเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะของประโยคต่าง ๆ กจิ กรรมท่ี 3 กลมุ่ สำระกำรเรยี นรกู้ ำรงำนอำชพี ( เรือ่ งงำนอำชีพในท้องถ่ิน ) ชั่วโมงท่ี 1 สำรวจตนเอง 1. ครนู าเข้าสู่บทเรยี นโดยถามคาถามเพื่อกระตุ้นความคิดและความสนใจของนักเรียนรู้ว่าตนเองเหมาะสมท่ี จะประกอบอาชพี ใดในอนาคต โดยนักเรียนรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกับอาชพี ที่ตนเองสนใจ โดยครใู ช้ คาถาม ดังนี้ ถำม นักเรียนสนใจอาชพี ใดมากทส่ี ุด เพราะเหตุใด (ตวั อย่ำงคำตอบ อำชพี แพทย์ เพรำะได้ ช่วยเหลือชีวติ คน) ถำม นกั เรยี นคิดว่าการจะประกอบอาชีพทต่ี นสนใจ ตอ้ งมีความรู้ความสามารถอะไรบ้าง (ตัวอย่ำงคำตอบ มีควำมรู้เก่ียวกบั อวัยวะคน กำรรักษำโรค ลกั ษณะของโรคตำ่ ง ๆ) ถำม ถา้ ต้องการมีความรู้ความสามารถดงั กลา่ วนกั เรยี นจะทาอย่างไร (ตวั อย่ำงคำตอบ ต้ังใจเรยี นหนงั สือแล้วศกึ ษำต่อในอำชีพท่ีสนใจ)
ถำม อาชีพในทอ้ งถนิ่ มีอาชีพอะไรบ้าง และต้องมีความรูความสามารถอะไรบ้าง (ตัวอยำ่ งคำตอบ อำชพี ประมง รูจ้ กั กำรหำปลำ กำรขับเรอื กำรดนู ำขนึ้ นำลง ข้ำงขึ้นข้ำงแรม ชนดิ ของกุ้ง หอย ปุ ปลำ , อำชีพทำสวนยำงพำรำ สำมำรถกรดี ยำง ทำแผ่นยำง กำรปลกู ยำงพำรำ , อำชพี ค้ำขำย คดิ เลขได้ ร้จู กั สนิ คำ้ ของตน มีควำมซื่อสัตย์ ฯลฯ) ขั้นท่ี 2 ขั้นสอน 1. ใหน้ ักเรยี นศึกษาเนอื้ หาเรื่องการสารวจตนเองแลว้ ร่วมกันแสดงความคดิ เหน็ โดยครใู ชค้ าถาม ดงั น้ี ถำม เพราะเหตุใดการเลอื กอาชพี ท่เี หมาะสมต้องมีการสารวจตนเอง (ตัวอยำ่ งคำตอบ เพื่อให้มแี นวทำงในกำรวำงแผนและตัดสนิ ใจเลอื กอำชีพ) ถำม การสารวจตนเองตอ้ งสารวจเกย่ี วกับอะไรบา้ ง (ตวั อย่ำงคำตอบ ควำมสนใจ ควำมสำมำรถ และทกั ษะ) ถำม สิ่งใดเป็นจุดเรมิ่ ต้นของการเลอื กอาชพี (ตัวอยำ่ งคำตอบ ควำมสนใจ) ถำม สิง่ ใดเปน็ แรงเสรมิ ให้การประกอบอาชีพประสบความสาเรจ็ (ตวั อย่ำงคำตอบ ควำมสำมำรถ และทักษะ) ถำม ความตอ้ งการของตลาดแรงงานหรืออาชีพของท้องถ่ิน เปน็ ปัจจัยในการประกอบอาชีพ หรอื ไม่อยา่ งไร (ตัวอยำ่ งคำตอบ เปน็ ได้ประกอบอำชใี นทอ้ งถิ่นตนตำมควำมสำมำรถ ไม่ต้องไปทำงำนไกล บำ้ น ฯลฯ) 3. ครูตดิ แถบประโยคความสามารถท่ีกาหนดใหบ้ นกระดาน แลว้ เรยี กนักเรยี นทลี ะคนให้ลกุ ขึน้ อ่านแถบ ประโยคที่ครูชที้ ลี ะใบ จากนัน้ ให้นกั เรียนแต่ละคนตอบคาถามเดียวกันทุกคนจนครบทกุ แถบประโยค ดังน้ี ถำม บุคคลที่มีความสามารถตามแถบประโยคนค้ี วรเลือกประกอบอาชีพใด ตัวอยำ่ งแถบประโยคควำมสำมำรถ อำชพี ชอบทำงำนที่เกี่ยวข้องกบั เคร่ืองมือ เคร่ืองใช้ เครื่องจกั รกล วศิ วกร ชำ่ งซ่อม สำมำรถหยิบจบั และใช้เคร่ืองมือได้อย่ำงคลอ่ งแคลว่ ชอบทำงำนที่เกี่ยวกบั ตวั เลข กำรแก้ปัญหำเป็นลำดบั นกั คณิตศำสตร์ ครูสอน- ขนั้ ตอน คณิตศำสตร์ พนกั งำน- ธนำคำร พนกั งำนบญั ชี
ชอบทำกำรค้นคว้ำหำควำมรู้ใหม่ ๆ สนใจใคร่รู้เก่ียวกบั นกั วิทยำศำสตร์ ควำมเป็นไปตำมธรรมชำติ เป็นคนช่ำงสงั เกต ชำ่ งซกั ถำม นกั วิจยั และต้องกำรค้นคว้ำหำคำตอบในสง่ิ ท่ีตนสงสยั ชอบพบปะกบั ผ้คู น มีควำมสำมำรถในกำรพดู เพื่อเชญิ ชวน ค้ำขำย นกั กำรเมือง และโน้มน้ำวใจผ้อู ่ืน นกั พดู ประชำสมั พนั ธ์ นกั จดั รำยกำรวทิ ยุ พิธีกร ชอบทำงำนในเชงิ สร้ำงสรรค์ ใช้จินตนำกำรสร้ำงสรรคผ์ ลงำน จิตรกร งำนโฆษณำ ท่ีออกมำเป็นรูปธรรมให้ผ้อู ่ืนเข้ำใจ ด้วยควำมประณีต นกั แสดง สวยงำม ชอบทำงำนที่เกี่ยวกบั กำรค้นคว้ำหำควำมรู้เรื่องรำวตำ่ ง ๆ นกั เขียน บรรณำธิกำร จำกกำรอำ่ นและถ่ำยทอดควำมคดิ เห็นด้วยกำรขีดเขียน นกั วชิ ำกำร ครู-อำจำรย์ ตวั อย่ำงแถบประโยคควำมสำมำรถ อำชีพ ชอบทำงำนเก่ียวข้องกบั จินตนำกำร สร้ำงสรรคเ์ ก่ียวกบั ดนตรี นกั ดนตรี นกั แสดง และกำรแสดง นกั ร้อง ชอบงำนท่ีคอยชว่ ยเหลือ ให้ควำมสนใจ เอำใจใสด่ แู ล และ แพทย์ พยำบำล บริกำรผ้อู ื่น พนกั งำนต้อนรับ ชอบงำนที่อยภู่ ำยในอำคำร ซงึ่ ต้องกำรควำมละเอียดถ่ีถ้วน พนกั งำนธรุ กำร แมน่ ยำ และงำนที่เกี่ยวข้องกบั เอกสำรตำ่ ง ๆ
ชอบออกกำลงั กำย เลน่ กีฬำเป็นประจำ สนใจดกู ีฬำทกุ นกั กีฬำ ประเภทร่ำงกำยแข็งแรง ชอบปลกู ต้นไม้ เลีย้ งสตั ว์ และได้ผลผลติ ที่ดีจำกกำรเอำใจใส่ เกษตรกร ชำวประมง ดแู ลรักษำ 4. นักเรียนรว่ มกันสนทนาแลกเปลีย่ นความคิดเห็นวา่ เพื่อนนกั เรียนแต่ละคนตอบคาถามเก่ยี วกบั ความสามารถของบคุ คลสอดคล้องกับอาชีพหรือไม่ ถา้ ไมส่ อดคล้องควรปรบั เปล่ยี นอย่างไร 5. นักเรียนร่วมกันแสดงความคดิ เห็น โดยครใู ช้คาถามท้าทาย ดังน้ี ถำม “Put the right man on the right job” หมายถึงอะไร อย่างไร.............. ตอบ ใชค้ นให้เหมาะสมกบั งาน อย่างไร................ ขั้นที่ 3 ขัน้ สรปุ 1. นกั เรียนร่วมกันสรุปความรู้ ดงั น้ี การวางแผนและตดั สินใจเลือกอาชีพทเี่ หมาะสมกบั ตนเองต้องมีการสารวจตนเองเกยี่ วกบั ความสนใจ ความสามารถ และทักษะความชานาญเฉพาะตัว ขน้ั ท่ี 4 ขน้ั ฝกึ ฝนนกั เรยี น 1. นักเรยี นสารวจความพร้อมของตนเองในดา้ นความสนใจ ด้านความรู้ ความสามารถ และความถนัด ลงชน้ิ งานท่ี 1 เรื่อง การสารวจตนเองเพอ่ื วางแผนในการเลือกอาชพี และนาเสนอหน้าชน้ั เรียน โดยมคี รูและเพือ่ น คอยให้คาแนะนาใหน้ กั เรยี นสามารถสารวจตนเองได้ถูกต้อง ข้นั ท่ี 5 ข้ันนำไปใช้ 1.นกั เรียนมกี ารวางแผนและตดั สนิ ใจเลือกอาชีพทเี่ หมาะสมกบั ตนเองในอนาคตตามความสนใจ ความสามารถ และทักษะความชานาญเฉพาะตัว ช่ัวโมงที่ 2 ลกั ษณะของงำนอำชีพ ขั้นท่ี 1 ขนั้ นำเขำ้ สู่บทเรยี น 1. ครูและนกั เรียนรว่ มกันทบทวนเนื้อหาในการเรียนช่วั โมงท่ี 1 เพือ่ เชื่อมโยงความรู้ทจ่ี ะเรียนในชวั่ โมงท่ี 2 ขน้ั ที่ 2 ขัน้ สอน 1. นักเรยี นแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 5–6 คน วางแผนการสบื คน้ สมั ภาษณ์ผูป้ ระกอบอาชีพ ลกั ษณะของงาน และ คณุ ธรรมของอาชีพตา่ ง ๆในชมุ ชนหรอื ท้องถิ่นของตน ไปศึกษาค้นควา้ บันทึก และสรปุ ผล ในใบงานที่ 2 เร่ือง การระบุความรู้ ความสามารถ และคุณธรรมท่สี มั พนั ธ์กับอาชีพในท้องถนิ่ ที่ตนเองสนใจ (เพอื่ นำมำร่วมกันสนทนำในกำรเรยี นครงั้ ต่อไป)
2. ครอู ธิบายเพิ่มเติมเกย่ี วกับลกั ษณะของงานอาชีพ โดยบูรณาการสังคมศึกษาฯ เรื่อง การประกอบอาชีพ ของคนในท้องถ่ิน ขน้ั ท่ี 3 ขนั้ สรปุ 1. นกั เรียนร่วมกันวเิ คราะห์และอภปิ รายสรุปเร่อื ง ความพรอ้ มของตนเอง 2. นกั เรียนรว่ มกนั ระดมความคดิ เรอ่ื ง ลักษณะของงานอาชีพ โดยครคู อยเพ่ิมเตมิ ในส่วนทน่ี กั เรียนสรุปไม่ สมบูรณ์ใหส้ มบูรณย์ ิ่งข้ึน ขน้ั ท่ี 4 ขั้นฝกึ ฝนนกั เรียน 1. นกั เรียนสารวจตนเองว่ามีความสนใจ ความรคู้ วามสามารถ และทักษะอะไร และเหมาะทจี่ ะประกอบ อาชพี อะไร พร้อมอธิบายเหตุผลประกอบ 2. นกั เรียนแบง่ กลุม่ กล่มุ ละ 4–5 คน จบั สลากเลือกหวั ข้อต่อไปน้ี งานบา้ น งานเกษตร งานชา่ ง งาน ประดษิ ฐ์ งานธุรกจิ ในท้องถน่ิ แลว้ ชว่ ยกันสืบคน้ ความรู้ ความสามารถ และคณุ ธรรมท่ีสมั พนั ธก์ ับอาชพี ใน ทอ้ งถ่ินทเี่ ลอื ก ขั้นที่ 5 ขน้ั นำไปใช้ 1. นกั เรยี นนาความรู้เรอ่ื ง ความพร้อมของตนเอง ไปวางแผนในการประกอบอาชีพในอนาคต 2. นกั เรยี นนาความรเู้ รอื่ ง ลักษณะของงานอาชพี ไปเตรียมความพร้อมของตนเองใหเ้ หมาะกับลักษณะของ อาชพี นั้น ๆ ช่ัวโมงท่ี 3 คณุ ธรรมในกำรประกอบอำชีพ ขนั้ ที่ 1 ขัน้ นำเขำ้ สบู่ ทเรียน 1. ครูนาเข้าสบู่ ทเรยี นโดยถามคาถามเพื่อกระตุน้ ความคิดและความสนใจของนักเรยี น เชน่ คณุ ธรรมในการ ประกอบอาชีพคืออะไร มีความสาคัญอย่างไร 2. นักเรยี นแสดงความคดิ เห็นว่าคุณธรรมในการประกอบอาชพี มีส่วนสาคัญทจี่ ะทาให้คนในสงั คมอยู่ร่วมกนั ได้อยา่ งมีความสุขอยา่ งไรบา้ ง ขน้ั ท่ี 2 ข้ันสอน 1. ครูใหน้ กั เรยี นสง่ ตัวแทนออกมานาเสนอผลงานการสบื ค้น สมั ภาษณผ์ ู้ประกอบอาชีพ ลักษณะของงาน และคณุ ธรรมของอาชีพต่าง ๆ ในชุมชนหรอื ท้องถ่นิ ของตนหน้าชั้นเรียน ขน้ั ที่ 3 ขั้นสรปุ 1. นกั เรียนรว่ มกันอภิปรายสรุปเร่ือง ลักษณะของงานอาชีพและคณุ ธรรมในการประกอบอาชพี โดยสรา้ ง เปน็ แผนทค่ี วามคดิ ขั้นท่ี 4 ขน้ั ฝึกฝนนักเรียน 1. นักเรียนร่วมกนั สร้างแผนภาพความคิดลกั ษณะของงานอาชีพและคุณธรรมในการประกอบอาชพี 2. ครตู รวจใบงานที่ 2 เร่ือง การระบุความรู้ ความสามารถ และคณุ ธรรมของอาชีพในท้องถน่ิ ทีส่ ัมพันธ์ กบั อาชีพที่ตนเองสนใจ ขน้ั ท่ี 5 ขน้ั นำไปใช้
1.นกั เรยี นนาความรเู้ รื่อง คณุ ธรรมในการประกอบอาชีพ ไปใชเ้ ปน็ แนวทางในการประกอบอาชีพในอนาคต ชวั่ โมงท่ี 4 - 5 ประดิษฐต์ ๊กุ ตำอำชพี ในทอ้ งถนิ่ ขั้นที่ 1 ขัน้ นำเขำ้ สบู่ ทเรยี น 1. ครนู าเขา้ สบู่ ทเรียนโดยแสดงตกุ๊ ตาอาชพี ต่าง ๆ ใหน้ ักเรยี นดเู ป็นตวั อยา่ งในการออกแบบและประดษิ ฐ์ ขัน้ ท่ี 2 ข้ันสอน 1. ครแู บ่งกลมุ่ นักเรยี นกลุ่มละ 4–5 คน รว่ มกนั ออกแบบและประดษิ ฐต์ ๊กุ ตาอาชีพ ขัน้ ท่ี 3 ขนั้ สรุป 1.นกั เรียนรว่ มกันอภปิ รายสรุปการออกแบบและการวางแผนการประดิษฐต์ ุ๊กตาอาชีพ ข้นั ท่ี 4 ขั้นฝึกฝนนักเรยี น 1.นักเรียนชว่ ยกันประดิษฐต์ ุ๊กตาอาชพี ในทอ้ งถ่ินตามที่ออกแบบไว้ ใหส้ วยงาม ขน้ั ท่ี 5 ข้นั นำไปใช้ 1.นกั เรียนนาความรู้จากการประดษิ ฐต์ ุ๊กตาอาชีพ ไปใชเ้ ป็นแนวทางในการประกอบอาชีพในอนาคต กิจกรรมที่ 4 กลุ่มสำระกำรเรียนร้ภู ำษำตำ่ งประเทศ (เรือ่ ง Asking and Giving the Directions ) ชวั่ โมงท่ี 1-2 ชี้แจงกิจกรรมเบื้องต้นวา่ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ในคร้งั นี้ เปน็ การบรู ณาการ 8 สาระวชิ า ไดแ้ ก่ โดย กจิ กรรมจดั อย่ภู ายใตห้ วั ข้อ คือ ศกึ ษาชมุ ชน สบื คน้ ภูมิรู้ พัฒนาสกู่ ารคิดขั้นสูง Review 1. นกั เรียนแบ่งกลมุ่ กล่มุ ละ 5-6 คน ระดมความคิด รวบรวมคาศัพท์สถานท่ีสาคญั โดยสามารถใช้ อุปกรณ์แทบ็ เลต็ ในการสืบคน้ ทบทวน คำถำม คำศัพทท์ นี กั เรียนคน้ หำ นำมำจัดกลมุ่ และอธิบำยเหตผุ ลในกำรจำแนกคอื (แนวคำตอบ สถำนทีร่ ำชกำร สถำนที่ทอ่ งเที่ยว สถำนสำคัญทำงประวัติศำสตร์) 2. นกั เรยี นนาเสนอคาศพั ท์ 3.นกั เรยี นและครรู ว่ มกนั อภปิ ราย ความประทบั ใจ ความภาคภูมใิ จ ความสาคัญ สถานทสี่ าคญั ในจังหวัด ภเู กต็ What is your favorite places in Phuket? What is your favorite places in Thalang district? Can you tell me about …………….? Why? Presentation
1. ครูถามนกั เรยี น 2-3 คน เกีย่ วกับเส้นทางจากโรงเรียนไปสถานท่ีท่ีนักเรยี นประทับใจ ชนื่ ชอบ ขณะท่ี นักเรยี นบอกเสน้ ทางให้ครูวาดเส้นทางดงั กล่าวบนกระดาน เมื่อนกั เรยี นคนดังกล่าวพดู จบ ครพู ดู บอกเสน้ ทางเปน็ ภาษาองั กฤษจากเสน้ ทางบนกระดาน 2. ครูบอกนักเรยี น จะไดเ้ รยี นคาศัพท์เกยี่ วกบั การบอกทิศทาง และการถามและอธิบายเสน้ ทางการ เดนิ ทางไปยังสถานท่ีตา่ งๆ 3. นกั เรยี นแบ่งกลุม่ ๆละ 3-4 คน ศึกษาใบกจิ กรรมที่ 1 Giving Direction และฝึกการออกเสยี ง Practice 4. นกั เรียนทากจิ กรรม ใบกิจกรรมที่ 2 Listen and Number (Smile 6 อจท.) 1. Walk along the road. 2. Turn left here. 3. The bank is on the corner. 5. นักเรยี 4น.แTบu่งrกnลrมุ่ igๆhลtะ h3e-4reค. น ศึกษาคาศัพท์ เสน้ ทาง ท่ีตงั้ ของสถานท่ี จากแผนผังรูปภาพ และตอบ คาถาม ท่มี า Giving Direction สืบคน้ เม่ือ 26 พฤศจกิ ายน 2563 จากเว็บไซต์: liveworhsheet.com 1. How can I get to the hospital? แนวคำตอบ Go straight on, turn left and turn right into River road. Go straight, the hospital is on your right.
2. How can I get to the shopping center? แนวคำตอบ Go straight on, turn right and turn left into Green street. Go straight, pass the cinema and turn left ,the shopping center is on your right. Production 5. นักเรียนทากิจกรรม ในใบกิจกรรมท่ี 3 Read the direction and choose the correct words. ชวั่ โมงท่ี 4 Review 1. นกั เรยี นและครูทบทวนบทสนทนาทีใ่ ช้ในการ Giving Direction Presentation 2. ครแู จ้งใหน้ กั เรยี นทราบวา่ จะเรยี นรู้บทสนทนาในการ Giving Direction โดยใชถ้ ้อยคา น้าเสยี ง และกริ ยิ าทา่ ทางอยา่ งสภุ าพ เหมาะสม ตามมารยาทสังคมและ วฒั นธรรมของเจ้าของภาษา 3. นักเรียนแบ่งกลุ่มๆ ละ 3-4 คน ศึกษาบทสนทนา ค้นหาบทสนทนา จาก internet Practice 4. นักเรียนรวบรวมบทสนทนา จัดกลุ่มประโยค ข้อความ อธบิ ายการเดนิ ทาง อภปิ ราย ตดั สินใจเลือกบท นทนาทสี่ ามารถนามาใชใ้ นชวี ิตประจาวันไดเ้ หมาะสม 5. นกั เรยี น เขยี น ออกแบบบทสนทนาเพ่ือใชใ้ นการส่ือสารตามมารยาทของเจา้ ของภาษา จากภาพที่ กาหนด Avenue street Main stree t ทม่ี า Giving Direction
สืบคน้ เมื่อ 27 พฤศจิกายน 2563 จากเวบ็ ไซต:์ imgarcade.com Production 7. นักเรยี นนาเสนอบทสนทนาโดยใชถ้ ้อยคา นา้ เสยี งและกิริยาทา่ ทางอย่างสุภาพ เหมาะสม ตามมารยาทสงั คมและ วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา (แนวการนาเสนอ) A: Excuse me. Where the library? B: It’s on the Main street, opposite the postoffice. A: How can I get there? B: Walk along Avenue Street, turn right at the intersection. Go straight then pass firehouse and intersection. The library is on the corner. A: Thank you so much. B: You’re welcome. ชว่ั โมงท่ี 5 Review 1. ครูทบทวนถึงสถานที่สาคัญในอาเภอถลาง และเชื่อมโยงกับกลุม่ สาระการเรยี นรู้สังคมศึกษาฯ ถึงที่ต้ัง สถานที่สาคญั ผ่าน Google Map 2. นักเรยี นแสดงแผ่นท่ี ท่ีได้จัดทาในกล่มุ สาระการเรยี นรู้ สังคมศึกษาฯ Presentation 3. นักเรียบแบ่งกลมุ่ 3-4 คน และระดมความคิด เลือกใชส้ ื่อเทคโนโลยี หรือชน้ิ งานกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สงั คมศึกษาฯ และอธิบายการเดินทาง นักเรียนหยิบสถานการณ์ Situation 1 On the phone. Jack and Jew are talking on the phone. Jack asks Jew to make merit at Wat Phathong. Jew doesn’t know the direction . How would you give the direction? Situation 2 On the road The tourists ask for direction from you. They want to know the way to Thalang National Museum. Situation 3 Police station You have just come to Talang district for the first time . You want to ask the police officer for direction to the monument. Practice 4. นกั เรียนจบั กลุม่ ออกแบบ เขียน บทสนทนาอธิบายการเดินทางไปสถานท่สี าคัญ หรือสนใจในอาเภอ ถลาง โดยใชแ้ ผ่นท่ีได้จัดทาในกลุ่มสาระการเรยี นรู้ สังคมศึกษาฯ หรือสือ่ เทคโนโลยี เชน่ Google map 5. นักเรียนค้นหาความร้เู พม่ิ เตมิ โดยใชอ้ ปุ กรณ์แท็บแล็ต Production
6. นักเรียนนาเสนอบทสนทนา กจิ กรรมที่ 5 กลุ่มสำระกำรเรียนรู้คณิตศำสตร์ (เรื่อง สร้ำงรปู เรขำคณิตสำมมิตฯิ ) ช่ัวโมงที่ 1 ขัน้ นำเขำ้ สบู่ ทเรียน 1. ครูทบทวนความรู้เรื่องรูปเรขาคณิตสองมิติ โดยให้นักเรียนดูกระดาษรูปเรขาคณิตสองมิติ พร้อมท้ัง บอกชือ่ และสูตรการหาพื้นท่ีรูปเรขาคณิตสองมิตนิ ั้น ได้แก่ รูปสามเหลี่ยม รปู ส่ีเหลี่ยมจัตุรัส รปู ส่ีเหลี่ยมผืนผ้า รูป ส่ีเหล่ียมขนมเปยี กปนู รูปสีเ่ หลย่ี มด้านขนาน รปู ส่เี หล่ียมคางหมู รปู ส่ีเหลี่ยมรปู ว่าว และวงกลม ขัน้ สอน 1. นักเรียนพิจารณาบัตรภาพรูปปริซึม ได้แก่ ปริซึมสามเหลี่ยม ปริซึมส่ีเหลี่ยม และปริซึมห้ามเหลี่ยม แล้วร่วมกันอภปิ รายถึงลักษณะทต่ี า่ งกนั หรอื เหมือนกันและชื่อรูปเรขาคณิตสามมิตแิ ต่ละชนดิ 2. ครแู บ่งนักเรยี นเปน็ กลมุ่ ๆ ละ 4 คน โดยใหน้ กั เรียนดภู าพและตอบคาถามรว่ มกัน ดังน้ี - คาถาม นักเรียนคดิ วา่ ปรซิ มึ นีม้ ีท้ังหมดกหี่ น้า (แนวคาตอบ 7 หนา้ ) - คาถาม นกั เรยี นคดิ วา่ รูปเหลยี่ มทเ่ี ปน็ ฐานของปรซิ ึมมกี รี่ ปู ไดแ้ ก่รปู อะไรบ้าง (แนวคาตอบ 2 รปู รูปห้าเหลย่ี มดา้ นเท่า) - คาถาม นกั เรียนคดิ ว่า รปู เหลี่ยมทีเ่ ปน็ ดา้ นของปรซิ ึมมกี ่ีรูป ได้แก่รปู อะไรบ้าง (แนวคาตอบ 5 รปู รปู ส่เี หลี่ยมด้านขนาน) - คาถาม นักเรยี นคิดวา่ รปู เหลยี่ มทุกรูปทเี่ ปน็ ด้านขา้ งของปริซึมเทา่ กันทุกประการหรือไม่ (แนวคาตอบ เท่ากันทกุ ประการ) 3. ครูใช้การถาม - ตอบประกอบการอธิบาย โดยเชื่อมโยงความรู้เพื่อให้ได้ข้อสรุปถึงลักษณะของปริซึม ดังน้ี Dรูปเรขาคณิตสามมิติทรงตัน มีหน้าตัด หรือฐาน 2 หน้าเป็นรูปหลายเหลี่ยมที่เท่ากันทุกประการ และอยู่บนระนาบท่ีขนานกัน หน้าข้างเป็นรปู สีเ่ หล่ยี มดา้ นขนาน เรียกว่า ปริซมึ 4. ครูให้นักเรียนดูภาพของปริซึมชนิดต่างๆ พร้อมอธิบายการเรียกชื่อส่วนต่างๆ ของปริซึม โดยเรียกช่ือ ตามฐานของปริซึมพร้อมทั้งยกตัวอย่างประกอบ เช่น ฐานเป็นรูปสี่เหล่ียม เรียกว่า ปริซึมสี่เหลี่ยม ฐานเป็นรูป สามเหล่ียม เรยี กว่า ปริซมึ สามเหลย่ี ม เปน็ ต้น
หน้าขา้ ง หน้าขา้ ง หน้าตัดหรอื ฐาน หนา้ ตดั หรอื ฐาน 5. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเขียนช่ือส่ิงของต่างๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับปริซึม โดยเขียนให้ได้มากท่ีสุด ภายในเวลาทกี่ าหนด กล่มุ ใดเขยี นไดม้ ากและถูกต้องเป็นผูช้ นะ ครูและนักเรียนร่วมกนั ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง 6. ครใู ห้นักเรียนทาใบงานท่ี 1 ลกั ษณะและส่วนตา่ งๆ ของปรซิ ึม เม่ือเสร็จแล้วให้นักเรียนชว่ ยกันตรวจสอบ ความถกู ต้อง จากนัน้ ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันเฉลยกิจกรรมในใบงานที่ 1 ขน้ั สรุป 1. ครูและนักเรยี นร่วมกันสรุปส่ิงที่ได้เรยี นรรู้ ่วมกันเกี่ยวกับการหาลกั ษณะและส่วนต่างๆ ของปริซึม ดังนี้ รปู เรขาคณติ สามมิติทรงตัน มีหน้าตัด หรือฐาน 2 หน้าเปน็ รูปหลายเหล่ียมที่เท่ากันทกุ ประการ และอยู่บนระนาบ ท่ขี นานกนั หน้าข้างเป็นรูปสเ่ี หลีย่ มด้านขนาน เรียกว่า ปริซมึ ชัว่ โมงที่ 2 ขน้ั นำเข้ำสูบ่ ทเรียน 1. ครทู บทวนความรเู้ ดมิ เรอ่ื งปริซึม ในคาบเรียนทีแ่ ลว้ โดยใช้การถาม – ตอบ ประกอบการอธบิ าย 2. ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับรูปเรขาคณิตสามมิติอ่ืนๆ ที่มีลักษณะแตกต่างจากปริซึม พร้อมทั้ง ใหน้ ักเรียนยกตวั อย่างวตั ถหุ รอื ส่ิงของที่พบเหน็ ในชวี ติ ประจาวนั (พรี ะมิดในประเทศอียิปต์ ขนมเทียน กรวยจราจร กระโจมอนิ เดียนแดง ฯลฯ) ขนั้ สอน 1. ครูนาพีระมิดจาลองท่ีมีฐานเป็นรูปหลายเหล่ียมต่างๆ มาแสดงให้นักเรียนพิจารณาและอภิปราย รว่ มกัน ถึงลักษณะและสว่ นประกอบของพรี ะมดิ แตล่ ะชนิด พรี ะมดิ ฐำนสำมเหล่ียม ยอด สันหรือเสน้ ขอบ สนั หรอื เสน้ ขอบ ฐาน
ยอด สนั หรอื เส้นขอบ ฐาน สันหรอื เส้นขอบ พีระมิดฐำนส่ีเหล่ยี ม พรี ะมดิ ฐำนห้ำเหลย่ี ม ยอด สนั หรือเสน้ ขอบ สันหรือเส้นขอบ ฐาน 2. ครูให้นกั เรยี นร่วมกันพิจารณา สงั เกต วิเคราะห์ และอภปิ รายลกั ษณะและสว่ นประกอบต่างๆ ของ พรี ะมิดแตล่ ะแบบว่ามีความเหมอื นหรือแตกต่างกนั อยา่ งไร - คาถาม นกั เรยี นคดิ ว่า ฐานของพรี ะมดิ เป็นรูปเหล่ียมชนดิ ใด (แนวคาตอบ รปู สามเหล่ียม, รปู ส่ีเหลย่ี ม, รปู หกเหลยี่ ม ) - คาถาม นกั เรียนคิดว่า ดา้ นข้างของพีระมดิ ที่เป็นรูปสามเหลย่ี มเรียกวา่ อะไร (แนวคาตอบ หนา้ ข้างของพีระมดิ ) - คาถาม นักเรียนคิดว่า ขอบของแต่ละหน้าที่ไมเ่ ปน็ สว่ นหนึ่งของฐานเรียกวา่ อะไร (แนวคาตอบ สันหรอื เสน้ ขอบ) - คาถาม นักเรยี นคดิ ว่า พรี ะมิดแตล่ ะชนิดมคี วามเหมอื นกันอย่างไร (แนวคาตอบ มีหนา้ ทุกหนา้ เปน็ รูปสามเหลีย่ ม) - คาถาม นกั เรยี นคิดวา่ พีระมดิ แต่ละชนิดมคี วามแตกต่างกนั อย่างไร (แนวคาตอบ มฐี านแตกตา่ งกัน เป็นรปู หลายเหล่ียมชนิดต่างๆ) 3. ครูใชก้ ารถาม - ตอบประกอบการอธบิ าย และเช่ือมโยงความรู้ทไ่ี ด้จากการอภิปรายข้างต้น เพ่ือให้ ได้ถึงลกั ษณะของพีระมดิ ดงั นี้ พรี ะมิดเป็นรปู เรขาคณติ สามมติ ิทรงตัน มีฐานเปน็ รูปหลายเหลีย่ ม มยี อดแหลมซึ่งไมอ่ ยูบ่ น ระนาบ เดยี วกนั กบั ฐาน และมหี นา้ ข้างเปน็ รปู สามเหล่ียม 4. ครูอธิบายเพิ่มเติมถึงการเรียกช่อื ของพรี ะมิดว่าใหเ้ รยี กชือ่ ตามฐานของพีระมดิ น้นั เช่น ฐานพรี ะมิด เป็นรูปสามเหลี่ยม เรียกวา่ พีระมิดฐานสามเหลี่ยม ฐานพรี ะมิดเป็นรูปส่ีเหล่ยี ม เรียกว่า พีระมิดฐานส่ีเหล่ียม ฐาน พีระมดิ เป็นรปู ห้าเหลี่ยม เรยี กวา่ พีระมิดหา้ เหลี่ยม เปน็ ต้น 5. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเขียนชื่อสิ่งของต่างๆ ท่ีมีลักษณะคล้ายคลึงกับพีระมิด โดยเขียนให้ได้มาก ทส่ี ุดภายในเวลาทก่ี าหนด กลมุ่ ใดเขยี นไดม้ ากและถูกตอ้ งเปน็ ผชู้ นะ ครูและนกั เรียนรว่ มกนั ตรวจสอบความถูกต้อง
6. ครูให้นักเรียนทาใบงานที่ 2 ลักษณะและส่วนต่างๆ ของพีระมิด เมื่อเสร็จแล้วให้นักเรียนช่วยกัน ตรวจสอบความถูกตอ้ ง จากน้นั ครูและนกั เรยี นร่วมกันเฉลยกจิ กรรมในใบงานที่ 2 ข้นั สรุป 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรปุ สิ่งท่ไี ด้เรียนรู้รว่ มกนั เก่ียวกับการหาลักษณะและส่วนต่างๆ ของพีระมิด ดังนี้ พีระมิดเป็นรูปเรขาคณิตสามมิติทรงตัน มีฐานเป็นรูปหลายเหลี่ยม มียอดแหลมซ่ึงไม่อยู่บนระนาบ เดียวกัน กบั ฐาน และมหี น้าขา้ งเป็นรปู สามเหลีย่ ม ช่ัวโมงท่ี 3 ขนั้ นำเขำ้ ส่บู ทเรยี น 1. ครูทบทวนความรู้เก่ยี วกบั ลักษณะและสว่ นตา่ งๆ ของปริซมึ - คาถาม นกั เรียนคดิ วา่ ปริซมึ น้ีมที ้ังหมดกี่หน้า (แนวคาตอบ 6 หน้า) - คาถาม นกั เรียนคดิ ว่า รปู เหลยี่ มท่เี ปน็ ฐานของปรซิ มึ มีกรี่ ูป ได้แก่รปู อะไรบ้าง (แนวคาตอบ 2 รปู รปู สี่เหลย่ี มผนื ผ้า) - คาถาม นักเรยี นคิดว่า รูปเหลย่ี มทเี่ ป็นด้านของปริซึมมกี รี่ ูป ได้แก่รปู อะไรบา้ ง (แนวคาตอบ 4 รูป รปู สเ่ี หลยี่ มผืนผ้า) - คาถาม นกั เรียนคดิ ว่า รปู เหลยี่ มทุกรปู ทเ่ี ปน็ ดา้ นข้างของปริซึมเทา่ กันทกุ ประการหรือไม่ (แนวคาตอบ เทา่ กันทกุ ประการ) 2. ครทู บทวนความรู้เกย่ี วกับลักษณะและส่วนต่างๆ ของพรี ะมิด - คาถาม นกั เรยี นคิดวา่ ฐานของพรี ะมิดเปน็ รปู เหลยี่ มชนดิ ใด (แนวคาตอบ รูปห้าเหลย่ี ม )
- คาถาม นักเรยี นคดิ ว่า ดา้ นขา้ งของพีระมดิ ทเ่ี ป็นรูปสามเหลย่ี มเรียกวา่ อะไร (แนวคาตอบ หนา้ ข้างของพรี ะมิด) - คาถาม นกั เรียนคิดว่า ขอบของแตล่ ะหน้าที่ไม่เป็นสว่ นหน่ึงของฐานเรยี กวา่ อะไร (แนวคาตอบ สันหรือเส้นขอบ) - คาถาม นักเรยี นคิดวา่ พีระมดิ แตล่ ะชนิดมคี วามเหมอื นกนั อย่างไร (แนวคาตอบ มหี นา้ ทกุ หน้าเปน็ รปู สามเหลี่ยม) - คาถาม นกั เรยี นคดิ วา่ พรี ะมดิ แต่ละชนิดมีความแตกตา่ งกนั อยา่ งไร (แนวคาตอบ มีฐานแตกตา่ งกนั เป็นรปู หลายเหลี่ยมชนิดตา่ งๆ) ขั้นสอน 1. ครูนาสอ่ื วัสดุทเ่ี ปน็ ของจรงิ เช่น กล่องสบ่กู ล่องยาสีฟัน กล่องชอลก์ และกลอ่ งนม ขนมเทยี น กรวย จราจร ใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั พจิ ารณาถงึ ลกั ษณะของแตล่ ะส่ิงวา่ มีลักษณะอย่างไร 2. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่มๆ ละ 5 คน จากน้ันครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเขียนความแตกต่าง ระหว่างปริซมึ และพีระมิด 3. นักเรียนแต่กลุ่มนาเสนอผลงานของกลุ่มตนเอง โดยมีครูและนักเรียนช่วยกันตรวจสอบความถูก ตอ้ ง 4. ครูให้นักเรยี นทาใบงานท่ี 3 เรอ่ื ง ความแตกตา่ งระหว่างปริซึมกับพีระมิด ขัน้ สรปุ 1. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปส่ิงท่ีได้เรียนรู้รว่ มกนั เกีย่ วกับการหาลักษณะและส่วนต่างๆ ของพีระมิด ดังน้ี - รูปเรขาคณติ สามมิติทรงตัน มีหน้าตัด หรือฐาน 2 หน้าเป็นรูปหลายเหลี่ยมที่เท่ากันทุกประการ และอยู่บน ระนาบทีข่ นานกนั หนา้ ข้างเป็นรูปสเี่ หลีย่ มด้านขนาน เรยี กวา่ ปริซมึ - รปู เรขาคณิตสามมิติทรงตนั มีฐานเป็นรูปหลายเหล่ียม มียอดแหลมซงึ่ ไมอ่ ย่บู นระนาบ เดียวกนั กับฐาน และ มีหนา้ ข้างเปน็ รปู สามเหลยี่ ม เรยี กวา่ พรี ะมิด ชัว่ โมงที่ 4 ขัน้ นำเขำ้ ส่บู ทเรียน 1. ให้นักเรียนทบทวนความรู้เรื่อง ลักษณะและส่วนต่างๆ ของปริซึม โดยครูให้นักเรียนช่วยกันบอก ลกั ษณะและส่วนตา่ งๆ ของปริซมึ ข้นั สอน 1. ครเู ลอื กรูปเรขาคณิตสามมิติ 1 รปู แล้วติดบัตรภาพรปู คลีบ่ นกระดาน ดงั นี้
ครูถามคาถามกระตนุ้ ความคดิ ของนักเรยี น ดังน้ี - คาถาม นกั เรยี นคิดวา่ มรี ูปส่ีเหลี่ยมผนื ผา้ ก่ีรูป (แนวคาตอบ 5 รปู ) - คาถาม นกั เรยี นคิดวา่ มรี ปู หา้ เหล่ียมกร่ี ปู (แนวคาตอบ 2 รูป) - รปู คลี่นีเ้ ปน็ รปู คลข่ี องรูปเรขาคณิตสามมติ ิใด (แนวคาตอบ ปริซึมห้าเหล่ียม) 2. ครูเลือกรูปเรขาคณติ สามมติ ิ 1 รูป แล้วตดิ บัตรภาพรูปคลีบ่ นกระดาน ดงั น้ี ครถู ามคาถามกระตุ้นความคิดของนกั เรียน ดังน้ี - คาถาม นักเรยี นคดิ วา่ มรี ปู สเ่ี หลย่ี มผนื ผา้ กรี่ ูป (แนวคาตอบ 6 รูป) - รปู คลน่ี ้เี ปน็ รูปคลีข่ องรปู เรขาคณติ สามมติ ใิ ด (แนวคาตอบ ปรซิ มึ สี่เหลี่ยม) 3. ครแู บ่งนกั เรียนเป็นกลมุ่ กลุ่มละ 3 คน แจกรปู คล่ีของรูปเรขาคณิตสามมติ ิให้กล่มุ ละ 3 แผ่น จากนนั้ ให้นกั เรียนชว่ ยกนั บอกว่าเป็นรูปคลข่ี องรูปเรขาคณิตสามมิตใิ ด แล้วใหน้ ักเรียนประกอบรปู คลี่ 4. สมาชิกทั้ง 3 คน ออกมานาเสนอผลงานหน้าช้ันเรียน ครูและนักเรียนกลุ่มอ่ืนๆ ร่วมกันตรวจสอบ ความถูกต้อง ข้ันสรปุ 1. ครูและนักเรยี นร่วมกนั สรปุ สงิ่ ท่ีได้เรียนรูร้ ่วมกัน ดังน้ี รูปคลขี่ องปริซึม เมื่อคล่ีออกจะไดร้ ูปท่ี ประกอบดว้ ยรูปเรขาคณิตที่สามารถประกอบเปน็ รปู ปรซิ มึ ได้ ชว่ั โมงท่ี 5 ขน้ั นำเข้ำสูบ่ ทเรียน 1. ใหน้ ักเรยี นทบทวนความรู้เร่ือง ลักษณะและส่วนต่างๆ ของพีระมิด โดยครูให้นักเรียนช่วยกันบอก ลักษณะและสว่ นต่างๆ ของพีระมิด
ขัน้ สอน 1. ครเู ลือกรปู เรขาคณิตสามมติ ิ 1 รปู แล้วติดบตั รภาพรูปคลี่บนกระดาน ดังนี้ ครูถามคาถามกระตนุ้ ความคิดของนกั เรยี น ดงั นี้ - คาถาม นกั เรยี นคดิ ว่า มรี ปู สีเ่ หล่ยี มจสั ตรุ สั กร่ี ปู (แนวคาตอบ 1 รปู ) - คาถาม นักเรียนคดิ วา่ มีรูปสามเหลี่ยมกรี่ ปู (แนวคาตอบ 4 รูป) - รปู คลี่นเี้ ปน็ รูปคล่ขี องรปู เรขาคณิตสามมติ ิใด (แนวคาตอบ พรี ะมดิ ฐานสี่เหลีย่ ม) 2. ครูเลือกรปู เรขาคณติ สามมิติ 1 รูป แล้วตดิ บตั รภาพรูปคลี่บนกระดาน ดงั นี้ ครูถามคาถามกระตุ้นความคิดของนักเรยี น ดังน้ี - คาถาม นกั เรยี นคดิ วา่ มีรูปเจด็ เหลยี่ มมีกีร่ ูป (แนวคาตอบ 1 รปู ) - คาถาม นักเรียนคิดวา่ มรี ปู สามเหล่ยี มก่รี ปู (แนวคาตอบ 4 รปู ) - รูปคล่ีนเ้ี ปน็ รปู คลี่ของรปู เรขาคณติ สามมิติใด (แนวคาตอบ พีระมดิ ฐานเจ็ดเหลีย่ ม) 3. ครแู บ่งนักเรยี นเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3 คน แจกรปู คลี่ของรูปเรขาคณิตสามมิติใหก้ ลุ่มละ 3 แผน่ จากนั้นใหน้ กั เรยี นช่วยกันบอกวา่ เปน็ รูปคล่ขี องรูปเรขาคณิตสามมิตชิ นิดใด แลว้ ให้นักเรียนประกอบรูปคล่ี
4. สมาชิกทั้ง 3 คน ออกมานาเสนอผลงานหน้าชั้นเรียน ครูและนักเรียนกลุ่มอ่ืนๆ ร่วมกันตรวจสอบ ความถกู ตอ้ ง ขน้ั สรปุ 1. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันสรุปส่ิงท่ีได้เรยี นรรู้ ว่ มกัน ดังน้ี รปู คลข่ี องพีระมิด เม่ือคลี่ออกจะได้รปู ท่ี ประกอบด้วยรูปเรขาคณิตทสี่ ามารถประกอบเปน็ รปู พรี ะมิดได้ ชัว่ โมงท่ี 6 ขน้ั นำเขำ้ สู่บทเรยี น 1. นกั เรียนทบทวนความรู้ เรื่อง เครอื่ งมือสาหรบั การวัดขนาดของมมุ และหนว่ ยการวัดขนาด ของมมุ พร้อมทัง้ บอกส่วนประกอบ ขนั้ สอน 1. ครใู หน้ กั เรยี นจดั กล่มุ ๆ ละ 4 คน จากนั้นครแู จกอุปกรณ์ใหน้ ักเรียนโดยมี กรรไกร 1 อัน โพรแทรกเตอร์ 1 อนั กระดาษแข็ง 2 แผน่ 2. ครูสอนนักเรียนแต่ละกลุ่มสร้างปริซึมสี่เหลี่ยมตามขนาดของครู โดยเริ่มสร้างจากฐานให้เป็น รูปส่ีเหลี่ยมจัตุรัส ด้านละ 5 ซม. ทามุม 90 ท้ัง 4 มุม และมีหน้าข้างยาว 7 ซม. กว้าง 5 ซม. โดยหน้าข้างจะมี ทัง้ หมด 4 หนา้ หลังจากนนั้ ให้นกั เรยี นตัดกระดาษและประกอบเป็นปริซึมสเี่ หล่ียม 3. ครูแจกโจทย์ใหน้ ักเรียนแต่ละกลมุ่ สร้างปรซิ มึ สเ่ี หลย่ี ม ซง่ึ แต่ละกลุม่ จะได้โจทยท์ ่ีแตกต่างกนั 4. นกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ นาเสนอผลงานของตนเอง ขัน้ สรุป 1. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั สรปุ สิง่ ทีไ่ ด้เรยี นร้รู ว่ มกัน ดังน้ี การสรา้ งปรซิ ึมสเ่ี หลีย่ มสามารถสร้างได้ หลากหลายขนาดตามความต้องการ และมมุ ทุกมมุ เป็นมุมฉาก ช่วั โมงที่ 7 ขั้นนำเข้ำสู่บทเรียน 1. นกั เรียนทบทวนความรู้ เร่อื ง เครอื่ งมอื สาหรบั การวัดขนาดของมุม และหน่วยการวดั ขนาด ของมุม พรอ้ มทั้งบอกส่วนประกอบ ขั้นสอน 1. ครูให้นักเรียนจัดกลมุ่ ๆ ละ 4 คน จากนนั้ ครูแจกอปุ กรณใ์ ห้นักเรียนโดยมี กรรไกร 1 อนั วงเวยี น 1 อัน โพรแทรกเตอร์ 1 อนั ไมบ้ รรทดั 1 อัน กระดาษแขง็ 2 แผน่ 2. ครูสอนนักเรียนแต่ละกลุ่มสร้างพีระมิดฐานส่ีเหลี่ยมตามขนาดของครู โดยเริ่มสร้างจากฐาน โดยใช้โพรแทรกเตอร์ให้เป็นรูปส่ีเหล่ียมจัตุรัส ด้านละ 6 ซม. ทามุม 90 ท้ัง 4 มุม จากนั้นกางวงเวียน 6 ซม. ต้ัง บนจดุ ทง้ั 4 ด้าน ก็จะได้จดุ ตดั 3 จดุ จากนัน้ ใช้ไม้บรรทดั ทาบแล้วลากเสน้ ไปยังจดุ ตดั และใหน้ ักเรียนตัดกระดาษ และประกอบเป็นพรี ะมดิ ฐานส่ีเหล่ยี ม 3. ครูแจกโจทย์ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มสร้างพีระมิดฐานส่ีเหล่ียม ซึ่งแต่ละกลุ่มจะได้โจทย์ที่ แตกต่างกัน 4. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มนาเสนอผลงานของตนเอง ขน้ั สรุป
1. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั สรปุ สง่ิ ที่ได้เรยี นรู้รว่ มกนั ดังนี้ การสร้างพรี ะมิดฐานส่เี หลย่ี มสามารถ สร้างไดห้ ลากหลายขนาดตามความตอ้ งการ โดยฐานของพรี ะมิดเปน็ มมุ ฉากทุกมุม หน้าข้างของพรี ะมดิ เปน็ รปู สามเหลย่ี มและมีมุมภายในเท่ากับ 180 กจิ กรรมที่ 6 กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้ศิลปะ ( เร่ือง สรำ้ งสรรรคง์ ำนศลิ ป์ 3 มิติ ) ช่วั โมงที่ 1-2 ชแี้ จงกิจกรรมเบ้ืองต้นว่า การจัดกจิ กรรมการเรียนรูใ้ นครง้ั น้ี เปน็ การบูรณาการ 8 สาระวชิ า ไดแ้ ก่ โดยกิจกรรมจัดอยู่ภายใตห้ ัวข้อ คือ ศึกษาชมุ ชน สบื คน้ ภมู ริ ู้ พัฒนาสกู่ ารคิดขั้นสงู ขั้นนำ 1.ครใู ห้นกั เรยี นดภู าพวาด 2 ภาพ แลว้ ช่วยกนั บอกความแตกต่างของภาพวาดทั้ง 2 ภาพ จากน้นั ครูเฉลยคาตอบใหน้ กั เรียนฟงั 2.นักเรยี นแต่ละคนศกึ ษาความรูเ้ รื่อง งานทศั นศลิ ป์ 2 มิติ ที่เกี่ยวกบั สญั ลักษณ์ป้ายนเิ ทศ ป้าย จราจรตา่ งๆที่ใชบ้ นแผนที่ 3.ครเู ตรยี มวสั ดแุ ละอปุ กรณ์ที่ใช้ในการวาดภาพ 2 มติ ิ และแจกใหน้ ักเรยี นแตล่ ะคนหรือให้ นักเรียนเตรยี ม มาเอง ข้ันสอน ครสู าธติ การวาดภาพ 2 มิติ ให้นกั เรยี นดู แลว้ ใหน้ กั เรยี นฝึกปฏบิ ตั ติ าม และเปิดโอกาสให้ นกั เรียนไดซ้ ักถามข้อสงสยั เพ่อื ให้เกดิ ความเขา้ ใจทถ่ี ูกตอ้ ง ข้ันสรุป ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรปุ ความรเู้ ก่ียวกบั งานทัศนศลิ ป์ 2 มิติ และข้ันตอนในการสร้างสรรค์ผลงาน นักเรยี นแต่ละคนวาดภาพสญั ลกั ษณ์บนแผนที่ ในรปู แบบ 2 มิติ ใบงานกจิ กรรมท่ี 1 ภาพวาดสญั ลกั ษณ์ 2 มิติ ท่ใี ช้แสงเงาในแผนท่ี เสรจ็ แล้วนาส่งครูตรวจเพ่อื ประเมนิ ผล ชัว่ โมงที่ 2 ขน้ั นำ 1. ครสู นทนากบั นักเรียนเกยี่ วกบั งานทัศนศลิ ป์ 2 มติ ิ เพื่อทบทวนความรู้เดมิ แล้วใหน้ กั เรยี นดูภาพวาด ระบายสี จากนั้นครูถามนักเรียนว่า ภาพวาดระบายสีน้จี ัดเป็นงานทัศนศลิ ป์ 2 มติ ิ หรอื 3 มติ ิ เพราะอะไร 2. ครูเฉลยคาตอบ และให้นักเรียนศกึ ษาความรู้เร่ือง งานทัศนศิลป์ 3 มติ ิ จากหนังสือเรียน 3. ครูสาธติ การวาดภาพ 3 มิติ ให้นักเรยี นดู เพ่ือใหน้ ักเรียนสงั เกตและจดจา ขนั้ สอน 1. นกั เรยี นแตล่ ะคนฝึกวาดภาพ 3 มิติ ตามแบบที่ครูสาธิตให้ดู 2. ครใู หน้ กั เรยี นวาดภาพระบายสี 3 มติ ใิ นรปู แบบสญั ลักษณ์บนแผนท่ี ขั้นสรุป ใหน้ ักเรยี นฝกึ ฝนใหเ้ กดิ ความชานาญ
กจิ กรรมท่ี 7 กลุ่มสำระกำรเรยี นสุขศึกษำและพลศึกษำ ( เรอ่ื ง กำยบรหิ ำรประกอบเพลงนำรีศรถี ลำง) ขั้นสอน 1.นักเรยี นรวมกลมุ่ จากแผนการจัดการเรียนรู้ แล้วฝกึ ปฏิบตั ิกายบรหิ ารประกอบเพลง นารีศรถี ลาง 2. นกั เรียนร่วมกนั สรปุ ขั้นตอนในการฝึกปฏบิ ตั กิ ายบริหารประกอบเพลงนารีศรถี ลาง 3. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ออกมาแสดงทา่ กายบริหารประกอบเพลงนารีศรีถลาง แลว้ บันทึกผลการปฏิบตั ิ ลง ในใบงำนท่ี 9.2 เร่ือง กำยบริหำรประกอบเพลงนารศี รีถลาง เสร็จแลว้ นาใบงานสง่ ครู เพื่อวดั ผล ประเมินผล 4. นกั เรียนตอบคาถามกระต้นุ ความคดิ กำรปฏบิ ตั กิ ำยบรหิ ำรประกอบเพลง ก่อให้เกิดผลดตี ่อร่ำงกำยอย่ำงไรบำ้ ง จงอธบิ ำย (พิจารณาตามคาตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ในดลุ ยพนิ จิ ของครผู ู้สอน) 5. นกั เรียนทาแบบฝึกกจิ กรรม เคลอ่ื นไหวประกอบเพลง จากแบบวัดฯ เป็นการบา้ น เสรจ็ แล้วนา ส่งครู ตรวจในช่ัวโมงถดั ไป 6. นกั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยการเรียนรู้ ครูมอบหมำยใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มเลอื กเพลงประกอบกำยบรหิ ำร 1 เพลง แล้วร่วมกนั ฝกึ ปฏบิ ัติกำยบริหำรประกอบเพลงดังกล่ำว จำกน้ันมำทดสอบกบั ครูเป็นรำยกลุ่ม (นอกเวลำเรียน) โดยใหค้ รอบคลุมประเดน็ ตามท่ีกาหนด ดงั นี้ 1) การอบอนุ่ รา่ งกาย 2) การปฏบิ ัติกายบรหิ ารประกอบเพลง 3) การควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย 4) ความพร้อมเพรยี งในการปฏิบตั ิกายบรหิ ารประกอบเพลง กิจกรรมท่ี 8 กลุ่มสำระกำรเรียนรูว้ ทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี ( เรอื่ งเหตุผลเชงิ ตรรกะกบั กำรกำรแกป้ ัญหำ) ช่ัวโมงที่ 1 ข้ันที่ 1 สร้างความสนใจ (engagement) 1.ครูทบทวนความรู้เรื่องการต่อวงจรไฟฟ้าแบบอนุกรม และแบบขนานให้กบั นกั เรยี น 2.ครูนาวิดโี อ และภาพตวั อยา่ งแบบจาลองต่าง ๆ เช่น แบบจาลองอาคารบา้ นจดั สรร แบบจาลองสถานท่ี หนว่ ยงานของราชการ แบบจาลองจุดต่าง ๆ ในพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ ทมี่ ีการแสดงตาแหน่งของสถานที่โดยความสว่าง ของหลอดไฟ เมื่อกดปุ่มสัญญาณ (แล้วต้ังคาถามกระต้นุ ความคิดของนักเรียนว่า นกั เรยี นคดิ ว่าสามารถออกแบบ และนาความรู้เร่ืองการตอ่ วงจรไฟฟ้าแบบตา่ ง ๆ มาประยุกตใ์ ช้ไดห้ รอื ไม่ อย่างไร ใหน้ ักเรียนแสดงความคิดเห็น ร่วมกนั ) ข้นั ที่ 2 สารวจและคน้ หา (exploration)
1. นกั เรยี นแบ่งกลุม่ กล่มุ ละ 5 คน จากนน้ั ให้นักเรยี นดูคลิปวดี โี อการตอ่ สร้างแบบจาลองแสดงสถานที่ ต่าง ๆ 2. ช่วยกันระดมความคิดสรุปความรู้จากการดูวีดีโอ และการสืบคน้ เพม่ิ เติม เพิ่มตอบคาถามตอ่ ไปน้ี - แบบจาลองทม่ี ี่การต่อวงจรไฟฟา้ แบบต่าง ๆ ทาได้อยา่ งไร 3. นักเรียนแต่ละกลุ่มลงมือออกแบบ และสรา้ งแบบจาลองท่ีมกี ารต่อวงจรไฟฟ้าตามแบบทก่ี ลุ่มของ นกั เรยี นออกแบบ ขน้ั ท่ี 3 อธบิ ายและลงข้อสรุป (explanation) 1. ตัวแทนนกั เรยี นแต่ละกลมุ่ นาเสนอผลการออกแบบชิ้นงานในขนั้ ที่ 2 หน้าชั้นเรียน เพื่อเปรียบเทยี บ และตรวจสอบความถกู ต้อง 2. นักเรียนรว่ มกันอภปิ รายเก่ียวกบั การออกแบบช้ินงานของแตล่ ะกลุ่ม รว่ มแลกเปล่ยี นเรยี นรู้ จุดดอ้ ยจุดเดน่ ของแต่ละกลมุ่ เพอ่ื นาไปปรบั ใช้กบั ชนิ้ งานของกลุ่มตนเอง 3. นักเรยี นร่วมกนั สรปุ ความรู้เก่ียวกับการสังเกตแบบจาลองชิ้นงานท่ีแตล่ ะกลุม่ ออกแบบ แล้วรว่ มกัน สรปุ วา่ รูปแบบการตอ่ วงจรไฟฟ้าทีค่ วรเลือกใช้ในชิน้ งานแบบจาลองของกลุ่มนักเรยี น ควรใช้การต่อวงจรไฟฟา้ แบบใด (เชน่ หลอดไฟฟา้ ทต่ี ่อแบบขนาน เม่อื กระแสไฟฟา้ มาถึงจดุ ต่อ กระแสไฟฟ้าจะแยกผ่านหลอดไฟฟ้าแต่ละ ดวง เช่น หลอดไฟฟ้า ต่อขนานกัน 2 ดวง กระแสไฟฟา้ จะแยกผา่ นทั้ง 2 ดวง เหมือนกันทุกประการ ท้งั นี้ เม่ือ หลอดไฟฟ้าหลอด ใดหลอดหนึง่ ทต่ี ่อกนั แบบขนานชารุด หลอดไฟฟา้ ทีเ่ หลือยังคงทาใหว้ งจรไฟฟ้าเปน็ วงจรไฟ กระแสไฟฟ้ายงั คงผา่ นวงจรได)้ (โดยระหว่างนี้ ครูผ้สู อนตงั้ คาถามกระต้นุ ความคดิ ของผ้เู รยี นควบคู่กัน เชน่ นักเรียนคิดว่าแบบจาลองของ กลุ่มตนสามารถปรับปรงุ หรือตกแต่งชิ้นงานเพื่อเพ่ิมความน่าสนใจไดอ้ ย่างไรบา้ ง เช่น การกาหนดจุดแสดง ตาแหนง่ ของแหล่งเรยี นรูป้ ระวัตศิ าสตร์ในชมุ ชนทห่ี า่ งกนั โดยใชส้ ายไฟทส่ี น้ั ยาวไมเ่ ท่ากัน หรือการใช้หลอดไฟท่ใี ห้ สตี า่ งกนั แทนตาแหนง่ ของแหล่งเรยี นร้จู ุดต่าง ๆ ตาแหนง่ การวางวสั ดอุ ปุ กรณใ์ นวงจรไฟฟา้ ในชนิ้ งาน เปน็ ตน้ ) ขนั้ ท่ี 4 ขยายความรู้ (elaboration) 1. นักเรียนแต่ละกลุ่มรว่ มกันทาแบบบันทึกกจิ กรรม 2. ครูเป็นทีป่ รึกษาในการดาเนนิ กจิ กรรม ขน้ั ท่ี 5 ประเมนิ (evaluation) ครปู ระเมนิ การเรียนรขู้ องนักเรยี น ดงั นี้ สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นขณะทางานร่วมกัน สังเกตการตอบคาถามของนักเรียนในชน้ั เรยี น ประเมนิ แบบบันทึกกิจกรรม และประเมินทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 โดยใช้แบบประเมินตามสภาพจรงิ ชัว่ โมงท่ี 2 ข้นั ที่ 1 สร้างความสนใจ (engagement) 1. ครูทบทวนความรู้ และขอ้ สรปุ ที่นักเรียนและครูไดส้ รุปร่วมกันในช่ัวโมงการเรียนร้ทู ี่ผ่านมา จากน้นั ครู ตง้ั คาถามเก่ียวกับส่ิงประดิษฐ์ที่ใช้ความร้เู กย่ี วกับการการต่อวงจรไฟฟา้ แบบต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้ใหเ้ กดิ ประโยชน์ และแกป้ ัญหาในชีวิตประจาวันได้ เชน่ แผนทส่ี ามมิติ แตะปบุ๊ บอกทางปบ๊ั ช่วยนาทางคนตาบอด เป็นต้น
2.กาหนดสถานการณใ์ หผ้ ู้เรียนออกแบบและแก้ปญั หาโดยนาความรูเ้ กี่ยวกับการต่อวงจรไฟฟ้าแบบตา่ ง ๆ มาใชต้ อ่ ในแบบจาลองแผนท่ีสามมิติ เพ่ือระบุแหลง่ เรยี นรู้ประวัตศิ าสตรท์ สี่ าคัญในชมุ ชน เชน่ วดั เทพ-กระษัตรี วัดถลางพระนางสรา้ ง ทุ่งถลางชนะศึก วัดพระทอง วดั ม่วงโกมารภจั น์ นบนางดกั เรือนย่ามุก – ย่าจัน เปน็ ต้น ซง่ึ แผนทสี่ ามมิติท่ตี อ่ วงจรไฟฟ้าแบบต่าง ๆ น้ี จะต้องชว่ ยแก้ปัญหาให้กับนักท่องเทย่ี วในการบอกขอ้ มลู เบื้องตน้ ของ แหลง่ เรยี นรู้ เช่น ชอื่ และทตี่ ั้ง เวลาในการเดินทาง เปน็ ต้น โดยเม่อื นักท่องเทยี่ วกดปมุ่ ต่าง ๆ ในแผนทส่ี ามมิตกิ จ็ ะ มีสัญญาณไฟแสดง ขั้นท่ี 2 สารวจและคน้ หา (exploration) 1. นักเรยี นแบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ 5 คน แล้วรว่ มกนั สร้างแบบจาลองแหล่งเรยี นรู้ประวัติศาสตร์ในชมุ ชนเทพ กระษัตรีที่มีการต่อวงจรไฟฟ้าตามแบบท่ีกลุ่มของนักเรยี นออกแบบและปรบั แก้เรียบร้อย 2. สืบคน้ ข้อมูลแหลง่ เรียนรปู้ ระวัติศาสตร์ในชุมชนเทพกระษัตรี เพอื่ นามาประกอบเป็นข้อมูลเพ่มิ เติมใน การนาเสนอช้ินงานของกลมุ่ ขนั้ ท่ี 3 อธิบายและลงข้อสรปุ (explanation) 1. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มนาเสนอผลการทากิจกรรมในขั้นท่ี 2 หน้าชนั้ เรยี น เพอื่ ทดสอบการใชง้ านและ ปรับปรุงแก้ไขประสิทธิภาพของชิ้นงาน 2. นกั เรยี นร่วมกนั อภปิ รายเก่ียวกบั การทางานของแต่ละกลุ่ม ปญั หาอุปสรรคที่พบเจอ และข้อสรุปใน แนวทางแก้ไข ขั้นที่ 4 ขยายความรู้ (elaboration) 1. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั ปรบั ปรุงแก้ไขชิ้นงาน ตามข้อสรุปแนวทางแก้ไขที่ค้นพบ 2. ครูเป็นทปี่ รกึ ษาในการดาเนนิ กิจกรรม ขั้นที่ 5 ประเมนิ (evaluation) ครปู ระเมนิ การเรียนรู้ของนักเรียน ดงั นี้ ตรวจสอบประสิทธภิ าพของชิน้ งาน สังเกตพฤติกรรมของนักเรียน ขณะทางานร่วมกัน สงั เกตการตอบคาถามของนกั เรยี นในช้ันเรียน และประเมนิ ทักษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21 โดยใช้ แบบประเมินตามสภาพจรงิ ส่ือกำรเรยี นรู้ / แหล่งกำรเรียนรู้ 1. สอ่ื ประกอบการสอน เรอื่ ง สงครามเก้าทัพ 2. รปู ภาพ ท้าวเทพกระษัตรี ทา้ วศรสี ุนทร 3. ใบความร้เู รอื่ งชุมชนถลาง 4. google map 1. ใบงานที่ 1 เรอ่ื งการสารวจตนเองเพื่อวางแผนในการเลือกอาชีพ 2.ใบงานที่ 2 เรอ่ื งการระบุความรู้ ความสามารถและคณุ ธรรมทส่ี ัมพันธ์กบั อาชีพในท้องถ่นิ ทีต่ นเองสนใจ 3.ใบความรเู้ รอื่ ง ลักษณะของงานอาชีพ 4.ใบความร้เู ร่อื ง คุณธรรมในการประกอบอาชีพ
5.ตวั อย่างภาพการประกอบอาชีพตา่ ง ๆ 6.ตัวอยา่ งพฤตกิ รรมของการประกอบอาชพี 7.ส่ือโทรทศั น์ วิทยุ และเวบ็ ไซตต์ ่าง ๆ 8.สถานท่ตี า่ ง ๆ เช่น ห้องสมดุ โรงเรียน บา้ น และชุมชน 9.บคุ คลตา่ ง ๆ เชน่ ครู และผ้ทู มี่ ีความรู้และมีคณุ ธรรมในการประกอบอาชีพตา่ ง ๆ 10. หนงั สือเรยี น รายวชิ าพนื้ ฐาน การงานอาชีพ ช้นั ป. 6 11.ชน้ิ งานตุก๊ ตาอาชพี ในทอ้ งถนิ่ 1. ข้อความที่เป็นกลุ่มคา (วลี) และประโยคต่าง ๆ 2. ภาพสถานการณ์ประวตั ิศาสตร์ตา่ ง ๆ 3. ใบงานท่ี 1 เร่อื ง ฝึกแตง่ ประโยคสามัญ จากภาพ 4. ใบงานที่ 2 เร่ือง ระบปุ ระโยคสามัญ ประโยครวม และประโยคซ้อน 5. ชนิ้ งานป๊อปอัพลกั ษณะประโยคพาเพลิน 6. อินเทอรเ์ นต็ 7. Youtube 1. ใบกิจกรรมที่1 เรอื่ ง Giving Direction 2. ใบกจิ กรรมท่ี 2 เร่อื ง Listen and number 3. ใบกิจกรรมท่ี 3 เร่อื ง Read the direction and choose the correct word. 4. ใบกจิ กรรมท่ี 4 เร่อื ง Put the sentences in the correct order. 5. ใบกิจกรรมที่ 5 เร่ือง Write conversation. 6. นาเสนอบทสนทนา 1. หนงั สอื เรียนคณติ ศาสตร์ สสวท. ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 6 2. กระดาษรปู เรขาคณิตสองมติ ิ 3. บัตรภาพรูปปริซมึ 4. พีระมดิ จาลอง 5. กลอ่ งสบกู่ ล่องยาสฟี ัน กลอ่ งชอล์ก และกลอ่ งนม ขนมเทียน 1. ใบงานกิจกรรมที่ 1 2. ใบงานกิจกรรมที่ 2 ภาพวาดสัญลกั ษณ์ 3 มติ ิ ทีใ่ ช้น้าหนกั สีในแผนที่ 1.หนังสอื เรียนรายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาการคานวณ ป.6 2.คลิปวีดีโอการต่อวงจรไฟฟา้ แบบตา่ ง ๆ 3.https://www.youtube.com/watch?v=s2t_8EeE-lg 4.วัสดุ อปุ กรณ์กิจกรรมกาต่อวงจรไฟฟ้าแบบต่าง ๆ
9. กำรวดั และกำรประเมินผลกำรเรียนรู้ สังคมศึกษำ ส่งิ ที่จะประเมิน จดุ ประสงค์ เครอ่ื งมอื วดั ผล เกณฑก์ ำรผ่ำน ได้คะแนนตง้ั แต่ ความรู้ (K) - อธิบายพัฒนาการของเหตุการณ์สาคัญในช่วง 1. ใบงานท่ี 1 รอ้ ยละ 80 ขึ้นไป รัตนโกสินทร์ตอนต้นได้ 2. แบบประเมิน ได้คะแนนต้งั แต่ รอ้ ยละ 80 ขน้ึ ไป การนาเสนองาน ทักษะและ - ใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ในการสืบค้น 1. ใบงานท่ี 2 กระบวนการ (P) รวบรวม วเิ คราะห์ ข้อมูลความเป็นมาของสถานที่ 2. แบบประเมิน สาคญั ในชมุ ชน การนาเสนองาน - ใช้สารสนเทศทางภูมิศาสตร์ในการศึกษา เส้นทางประวัติศาสตร์ คุณลกั ษณะอัน - ทางานรว่ มกับผู้อนื่ ได้ มีความกระตือรือรน้ ใน 1.แบบประเมิน ได้คะแนนตง้ั แต่ พึงประสงค์ (A) การทางาน พฤติกรรม ร้อยละ 80 ขึ้นไป รายบุคคล ภำษำไทย สงิ่ ท่ีจะประเมิน จดุ ประสงค์ เครื่องมอื วดั ผล เกณฑก์ ำรผำ่ น ความรู้ (K) - อธิบายลกั ษณะของประโยคสามัญ ประโยค ได้คะแนนตั้งแต่ รวม และประโยคซ้อนได้ ได้ 1. ใบงานที่ 1 ร้อยละ 80 ข้ึนไป ทกั ษะและ - วเิ คราะห์ แยกแยะ ความแตกต่างของประโยค 2. ใบงานที่ 2 กระบวนการ (P) สามัญ ประโยครวม และประโยคซ้อนได้ 3. ชิน้ งานปอ๊ ปอัพ ไดค้ ะแนนตั้งแต่ ลักษณะประโยค ร้อยละ 80 ข้นึ ไป คุณลักษณะอัน - ทาใบงานได้ พาเพลิน พึงประสงค์ (A) - สร้างประโยคลักษณะต่าง ๆ ไดค้ ะแนนตง้ั แต่ - วางแผน ออกแบบและสร้างช้นิ งาน นาเสนอ 1. ใบงานท่ี 1 ร้อยละ 80 ขนึ้ ไป ลักษณะประโยคพาเพลินอยา่ งสร้างสรรคไ์ ด้ 2. ใบงานท่ี 2 3. ชิน้ งานป๊อบอัพ - รบั ผดิ ชอบในบทบาทหนา้ ที่ของตนเองและของ ลกั ษณะประโยค ทมี ยอมรับความคิดเหน็ ท่แี ตกต่างสกู่ ารตัดสินใจ พาเพลนิ ทเ่ี ปน็ ทีมไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพ 1.แบบประเมิน พฤติกรรม รายบุคคล
กำรงำนอำชพี สิง่ ท่จี ะประเมิน จดุ ประสงค์ เครื่องมอื วัดผล เกณฑ์กำรผำ่ น ความรู้ (K) 1. สังเกตการแสดงความคดิ เห็น การระดมความคิด 1. ใบงานที่ 1 ไดค้ ะแนนตัง้ แต่ การอภปิ รายและการแสดงความคิดเหน็ 2. ใบงานที่ 2 รอ้ ยละ 80 ขน้ึ ไป 2. ตรวจสรปุ ผลการสารวจตนเอง 3. ช้นิ งานตกุ๊ ตา 3.ตรวจผลงานและสรุปผลคุณธรรมในการประกอบ อาชพี ในท้องถิ่น อาชพี 4. นาเสนออาชีพต่าง ๆ ในท้องถน่ิ ด้วยตุ๊กตาอาชพี 5.ตรวจการทาใบงาน ทักษะและ 1. สังเกตพฤติกรรมขณะปฏิบตั กิ ิจกรรม 1. ใบงานที่ 1 ได้คะแนนตง้ั แต่ กระบวนการ (P) 2. สังเกตพฤติกรรมการสารวจตนเอง 2. ใบงานที่ 2 รอ้ ยละ 80 ขึ้นไป 3. ประเมนิ พฤติกรรมตามแบบประเมนิ ดา้ นทกั ษะ/ 3. ช้ินงานตุ๊กตา กระบวนการ อาชีพในท้องถิน่ 4. ออกแบบและประดิษฐต์ กุ๊ ตาอาชีพในทอ้ งถิ่น คณุ ลักษณะอนั 1. สงั เกตความสนใจและกระตอื รอื รน้ ในการทา 1.แบบประเมนิ ไดค้ ะแนนตัง้ แต่ พงึ ประสงค์ (A) กจิ กรรม พฤติกรรม รอ้ ยละ 80 ขึน้ ไป 2. สงั เกตการชว่ ยเหลอื และความรบั ผดิ ชอบในการ รายบคุ คล ทางานรว่ มกบั ผู้อ่ืน 3. สงั เกตการณ์มสี ว่ นรว่ มในการประดิษฐ์ตุ๊กตา อาชีพในท้องถน่ิ ดว้ ยความตั้งใจและความ กระตือรือรน้ ภำษำอังกฤษ สงิ่ ที่จะประเมนิ จุดประสงค์ เครื่องมือวัดผล เกณฑ์กำรผำ่ น ความรู้ (K) 1.จบั ใจความ สรุปสาระสาคัญ ถามตอบ เขียน 1. ใบกจิ กรรมที่ 1- ได้คะแนนต้งั แต่ ประโยคบทสนทนาสื่อสาร อธิบายการเดินทาง 5 ร้อยละ 80 ข้ึนไป (K) 2. เลอื กใช้เทคโนโลยีมาใชใ้ นการสื่อสาร (K) ทักษะและ 3 เขียนออกแบบ ประยุกต์ใช้บทสนทนา อธิบาย 1. แบบประเมนิ ได้คะแนนตงั้ แต่ กระบวนการ (P) การเดินไปสถานที่สนใจ (P) การเขียน รอ้ ยละ 80 ข้นึ ไป 2. แบบประเมิน การพดู ส่ือสาร คณุ ลกั ษณะอัน 4 ความม่นั ใจในการใชภ้ าษาอังกฤษ (A) 1.แบบประเมิน ไดค้ ะแนนตั้งแต่ พึงประสงค์ (A) พฤติกรรม รอ้ ยละ 80 ขน้ึ ไป รายบุคคล
คณิตศำสตร์ สงิ่ ทจ่ี ะประเมิน จดุ ประสงค์ เครื่องมอื วัดผล เกณฑก์ ำรผำ่ น ความรู้ (K) แยกแยะความ ใบงานท่ี 1 เร่ือง ลกั ษณะและสว่ นต่าง ๆ ของ ไดค้ ะแนนตง้ั แต่ แตกตา่ งรูปเรขาคณติ ปริซึม ร้อยละ 80 ขนึ้ ไป ทรงปรซิ ึมสีเ่ หล่ียม ใบงานที่ 2 เรอ่ื ง ลักษณะและส่วนต่าง ๆ ของ และพรี ะมิดฐาน พรี ะมิด สเี่ หลี่ยมได้ ใบงานที่ 3 เร่อื ง ความแตกตา่ งระหว่างปริซมึ กับพีระมดิ ชิ้นงานท่ี 1 รูปปรซิ มึ 3 รูป ช้ินงานที่ 2 รปู พรี ะมิด 3 รูป ทักษะและ สรา้ งรปู เรขาคณิตสาม ชน้ิ งานท่ี 3 ปริซมึ สีเ่ หล่ียม ไดค้ ะแนนต้ังแต่ กระบวนการ (P) มติ ิทรงปริซมึ สีเ่ หลย่ี ม ช้นิ งานที่ 4 พีระมิดฐานส่ีเหลีย่ ม รอ้ ยละ 80 ขึ้นไป และพีระมิดฐาน สเี่ หล่ียมได้ คณุ ลกั ษณะอัน มคี วามรบั ผดิ ชอบใน แบบประเมนิ ได้คะแนนตั้งแต่ พงึ ประสงค์ (A) การทางาน ร้อยละ 80 ข้ึนไป ศลิ ปะ ส่ิงทจี่ ะประเมิน จุดประสงค์ เครอ่ื งมือวัดผล เกณฑ์กำรผำ่ น ความรู้ (K) ใชเ้ หตผุ ลของการให้นา้ หนักและแสงเงา 1. ใบงานท่ี 1 ได้คะแนนต้งั แต่ 2. ใบงานท่ี 2 ร้อยละ 80 ขน้ึ ไป ทักษะและ งานทัศนศลิ ป์ 3 มติ ิ 1. ใบงานที่ 1 ได้คะแนนตั้งแต่ กระบวนการ (P) 2. ใบงานที่ 2 รอ้ ยละ 80 ขึน้ ไป คุณลักษณะอัน - ทางานร่วมกนั เปน็ ทีม 1.แบบประเมนิ ไดค้ ะแนนต้ังแต่ พงึ ประสงค์ (A) พฤติกรรมแบบ ร้อยละ 80 ขนึ้ ไป กลุม่
สขุ ศึกษำและพลศกึ ษำ สง่ิ ที่จะประเมิน จุดประสงค์ เครอื่ งมือวัดผล เกณฑ์กำรผำ่ น ไดค้ ะแนนตั้งแต่ ความรู้ (K) 1. ให้เหตผุ ลท่ากายบริหารท่ีสัมพนั ธก์ ับเพลง(K) 1. ใบกจิ กรรมที่ ร้อยละ 80 ขึน้ ไป 2. แบบทดสอบ ไดค้ ะแนนตง้ั แต่ ทักษะและ 1. ออกแบบทา่ กายบริประกอบเพลง (P) หลังเรียน รอ้ ยละ 80 ขึ้นไป กระบวนการ (P) 1. แบบประเมิน ได้คะแนนต้ังแต่ คุณลักษณะอนั 4 มสี ว่ นรว่ มและกระตอื รือรน้ (A) การปฏิบัติกาย ร้อยละ 80 ขน้ึ ไป พึงประสงค์ (A) บรหิ าร ประกอบเพลง 2. แบบประเมิน ทกั ษะ กระบวนการพล ศึกษา 1.แบบประเมนิ คุณลักษณะอนั พึง ประสงค์ วิทยำศำสตร์ วธิ กี ำรประเมิน เครอื่ งมือกำรประเมิน เกณฑก์ ำรประเมนิ จุดประสงค์ ตรวจใบงานที่ 1. เรอ่ื ง แบบประเมนิ การทาใบ สามารถออกแบบการ ออกแบบการแกป้ ัญหา ตอ่ ยอดการแก้ปัญหา งานที่1. เรือ่ ง ต่อยอดการ แก้ปญั หาโดยใชเ้ หตุผลเชงิ ในชวี ติ ประจาวันได้ โดย ด้วยเหตผุ ลเชิงตรรกะ แก้ปัญหาดว้ ยเหตผุ ลเชิง ตรรกะ ระดบั คุณภาพพอใช้ ใชเ้ หตผุ ลเชิงตรรกะ ตรรกะ ข้ึนไป (K,P) ตรวจกจิ กรรมฝกึ ทักษะ กิจกรรมฝึกทกั ษะท่ี 1 สามารถแก้ปญั หาไดถ้ ูกต้อง ที่ 1 เร่อื งจับคูร่ าวง เรื่องจบั ครู่ าวงมาตรฐาน ตามเงอ่ื นไข 60% ขึ้นไป มาตรฐาน ตรวจกจิ กรรมฝึกทักษะ กจิ กรรมฝกึ ทกั ษะท่ี 2 สามารถแก้ปญั หาได้ถกู ตอ้ ง ที่ 2 เชยี รก์ ฬี า พาเพลนิ เชยี รก์ ีฬา พาเพลิน ตามเงื่อนไข 60% ข้นึ ไป ยกตวั อยา่ งการแกป้ ัญหา ประเมนิ การนาเสนอ แบบประเมนิ การนาเสนอ สามารถนาเสนอ เร่ือง การ โดยใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะ เร่ือง การใช้เหตผุ ลเชงิ เรอื่ ง การใชเ้ หตุผลเชงิ ใชเ้ หตุผลเชงิ ตรรกะใน ในชีวติ ประจาวันได้ (A) ตรรกะในชวี ิตประจาวัน ตรรกะในชีวติ ประจาวัน ชีวิตประจาวันระดบั คณุ ภาพ ระดับพอใชข้ ้ึนไป
11. บนั ทกึ หลงั กำรจัดกำรเรยี นรู้ ผลกำรสอน ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ปัญหำและอุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ข้อเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ ................................................................ ( ............................................................ ) ครูผ้สู อน …………./…………../…………… ลงชื่อ ................................................................ ( นายมานติ คลายสุวรรณ ) ผ้อู านวยการโรงเรยี นวดั เทพกระษัตรี …………./…………../……………
แบบประเมนิ ใบงำน/ช้ินงำน เคร่ืองมือ Six thinking hats คำชี้แจง ให้ครผู ้สู อนประเมินใบงานของนักเรยี นแลว้ ใหท้ าเคร่อื งหมาย ลงในชอ่ งที่ตรงกบั ระดับคะแนน ลำดบั ช่อื – สกลุ ผลงำน ควำมตงั้ ใจ ควำม กำรตรงต่อ รวม ท่ี สอดคลอ้ ง ในกำร ทักษะ สมบรู ณข์ อง เวลำ 20 กับหัวขอ้ ทำงำน กระบวนกำร ผลงำน คะแนน 43214321432143214321 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 ลงช่อื ................................................................ผปู้ ระเมิน ...................../..................../................... เกณฑ์กำรใหค้ ะแนน เกณฑ์กำรตดั สินคณุ ภำพ ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 4 คะแนน ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภำพ ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 2 คะแนน 18-20 ดีมาก ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมน้อยครง้ั ให้ 1 คะแนน 14-17 ดี 10-13 พอใช้ ปรบั ปรุง ต่ากว่า 10
เกณฑ์กำรวดั และประเมินผล Six thinking hats (Rubric) ประเด็นกำร 4 เกณฑ์กำรใหค้ ะแนน 1 ประเมนิ 32 ผลงานสอดคลอ้ ง ผลงานสอดคลอ้ งกบั ผลงานสอดคล้องกบั ผลงานไมค่ ่อย ผลงานไมส่ อดคล้อง สอดคลอ้ งกบั หวั ข้อ กบั หวั ขอ้ หรือเร่อื ง กับหัวข้อ หวั ข้อหรือเร่ืองที่ หัวขอ้ หรือเรื่องท่ี หรือเร่ืองทีก่ าหนด ทก่ี าหนด มีทักษะในการสรา้ ง มีทกั ษะในการสรา้ ง กาหนด กาหนดในบางสว่ น งานแต่ไม่มีความ งานสม่าเสมอ เรยี บร้อย ความต้งั ใจในการ มีความตั้งใจในการ มคี วามตง้ั ใจสรา้ ง มีทักษะการทางาน มีทักษะในการ ไม่เป็นระบบแบบ ทางาน ทางาน ละเอียด ผลงานไดอ้ ย่าง สรา้ งสรรค์งานศลิ ปะ แผน รอบคอบ สะอาด เหมาะสม การออกแบบมีการ ผลงานไม่มีความ จัดองคป์ ระกอบของ สมบูรณ์ การ เรยี บรอ้ ย สร้างผลงาน ภาพไดเ้ หมาะสม ออกแบบไม่มีการ จดั องคป์ ระกอบ ไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง ส่งงานที่ไดร้ บั ของภาพ มอบหมายช้ากวา่ ทางานไมเ่ สร็จและ ทกั ษะ ใชท้ กั ษะทางดา้ นศลิ ปะ สร้างสรรคง์ านศลิ ปะ เวลาที่กาหนด สง่ งานชา้ กระบวนการ มีเทคนิคและวธิ กี ารที่ จากทักษะตาม หลากหลายในการ รปู แบบได้อย่าง สรา้ งสรรคง์ านศลิ ปะได้ เหมาะสม อย่างถูกต้อง ความสมบรู ณ์ของ ผลงานมคี วามสมบรู ณ์ การออกแบบมกี าร ผลงาน การออกแบบมกี ารจัด จัดองค์ประกอบของ องค์ประกอบของภาพ ภาพไดเ้ หมาะสม ได้เหมาะสม สวยงาม สวยงาม เรยี บร้อย เรียบรอ้ ย สะอาด สะอาด ความตรงต่อเวลา ส่งงานตรงเวลา มี สง่ งานที่ไดร้ ับ ความรบั ผิดชอบในงาน มอบหมายตรงตาม ทไี่ ด้รบมอบหมาย เวลาทก่ี าหนด สรา้ งสรรคง์ านศิลปะได้ อย่างถูกต้อง
แบบประเมินกำรสังเกตพฤติกรรมนักเรียนรำยบคุ คล ช้ันประถมศกึ ษำปที ี่........................ สงั เกตพฤตกิ รรมกำรเรียนรู้ เกณฑก์ ำรให้คะแนน ลำดบั ชอ่ื – สกลุ ควำม ควำม กำรตอบ มีสว่ นรว่ ม รวม ระดบั ที่ ต้งั ใจใน สนใจและ คำถำม ใน (16) คณุ ภำพ กำรเรียน กำร (4) กจิ กรรม (4) ซักถำม (4) (4) 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 ลงชอ่ื ................................................................ผ้ปู ระเมิน ...................../..................../...................
เกณฑ์กำรใหค้ ะแนนดงั ตำรำงแนบทำ้ ย เกณฑก์ ำรประเมนิ ในกำรสังเกตพฤตกิ รรมกำรเรียนรู้ ดงั นี้ ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภำพ 14-16 ดมี าก 11-13 ดี 8-10 พอใช้ 0-7 ปรับปรุง เกณฑ์กำรสรุปผลกำรประเมิน นกั เรยี นท่ีไดร้ ะดับคุณภาพพอใชข้ ้นึ ไป ถือวา่ ผ่ำน เกณฑ์กำรวดั และประเมินผลกำรสังเกตพฤตกิ รรมนกั เรียนรำยบุคคล (Rubric) ประเดน็ กำร ดีมำก (4) เกณฑก์ ำรใหค้ ะแนน ตอ้ งปรับปรงุ (1) ประเมนิ ดี (3) พอใช้ (2) 1. ความตง้ั ใจใน สนใจในการเรยี นไมค่ ยุ สนใจในการเรียนคุย สนใจในการเรยี นคยุ ไมส่ นใจในการเรียน การเรยี น หรอื เล่นกันในขณะ กันเล็กนอ้ ยในขณะ กนั และเลน่ กนั คยุ และเล่นกนั 2. ความสนใจ และการซักถาม เรียน เรยี น ในขณะเรยี นเปน็ ในขณะเรียน 3. การตอบ บางครั้ง คาถาม มกี ารถามในหวั ข้อที่ตน มีการถามในหัวข้อท่ี มกี ารถามในหวั ข้อที่ ไม่ถามในหวั ข้อที่ 4. มสี ่วนรว่ มใน กิจกรรม ไมเ่ ข้าใจทกุ เรอื่ งและ ตนไมเ่ ข้าใจเป็น ตนไม่เข้าใจเปน็ ตนไม่เข้าใจและไม่ กล้าแสดงออก สว่ นมากและกล้า บางครง้ั และไม่ค่อย กลา้ แสดงออก แสดงออก กลา้ แสดงออก ร่วมตอบคาถามในเรื่อง รว่ มตอบคาถามใน ร่วมตอบคาถามใน ไมต่ อบคาถาม ทีค่ รูถามและตอบ เรอื่ งท่ีครูถามและ เรือ่ งท่ีครูถามเป็น คาถามถูกทุกข้อ ตอบคาถามส่วนมาก บางครง้ั และตอบ ถกู คาถามถูกเปน็ บางครั้ง รว่ มมือและช่วยเหลือ ร่วมมือและชว่ ยเหลอื รว่ มมอื และช่วยเหลือ ไม่มีความรว่ มมือ เพ่ือนในการทา เพื่อนเป็นสว่ นใหญ่ใน เพื่อนในการทา ในขณะทากิจกรรม กจิ กรรม การทากิจกรรม กจิ กรรมเป็นบางครั้ง
แบบประเมนิ พฤติกรรมรำยบคุ คล สมำชกิ 1. ……………………………………………………………. 4. …………………………………………………………… 2. ……………………………………………………………. 5. …………………………………………………………... 3. ……………………………………………………………. 6. …………………………………………………………… คำชีแ้ จง ทาเครื่องหมาย ลงในช่องท่ีตรงกับความจริงมากท่ีสดุ เกณฑ์กำรให้คะแนน ระดับคะแนน 3 = ดี ระดบั คะแนน 2 = พอใช้ ระดบั คะแนน 1 = ปรับปรุง ระดับคะแนน 0 = ไมป่ รากฏพฤติกรรม ลำดับท่ี รำยกำรประเมนิ ระดบั คะแนน 32 1 0 1 นักเรยี นมีความกระตือรือรน้ 2 นกั เรียนกลา้ แสดงความคิดเห็น 3 นกั เรยี นยอมรบั ความคิดเหน็ 4 นักเรยี นมคี วามรับผดิ ชอบ รวม เกณฑ์กำรตัดสนิ คณุ ภำพ ระดบั คะแนน ระดับคุณภำพ 9 - 12 ดี 5 - 8 พอใช้ 1 - 4 ปรบั ปรงุ 0 ควรปรับปรุงอย่างยง่ิ เกณฑ์กำรผำ่ น ตงั้ แต่ระดบั คุณภาพพอใชข้ น้ึ ไป ระดบั คุณภาพปรบั ปรุง / ควรปรับปรุงอย่างยง่ิ สรุป ผา่ น ไม่ผ่าน ข้อเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
Search