Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หน่วย1_เอกภพ

วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หน่วย1_เอกภพ

Description: วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หน่วย1_เอกภพ

Search

Read the Text Version

วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 6 กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 2 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 3 Slide PowerPoint_ส่ือประกอบการสอน บรษิ ทั อักษรเจริญทศั น์ อจท. จำกดั : 142 ถนนตะนำว เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 Aksorn CharoenTat ACT.Co.,Ltd : 142 Tanao Rd. Pranakorn Bangkok 10200 Thailand โทร./แฟกซ์ : 0 2622 2999 (อัตโนมัติ 20 ค่สู ำย) [email protected] / www.aksorn.com

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 1 เอกภพ ตัวช้วี ดั • ว 3.1 ม.6/1 อธิบำยกำรกำเนิดและกำรเปลีย่ นแปลงพลงั งำน สสำร ขนำด อุณหภูมิของเอกภพหลงั เกดิ บกิ แบงในช่วงเวลำตำ่ ง ๆ ตำมววิ ฒั นำกำรของเอกภพ • ว 3.1 ม.6/2 อธิบำยหลักฐำนที่สนับสนนุ ทฤษฎบี ิกแบงจำกควำมสมั พันธร์ ะหวำ่ งควำมเรว็ กบั ระยะทำงของกำแลก็ ซี รวมท้ังขอ้ มูลกำรคน้ พบไมโครเวฟพื้นหลงั จำกอวกำศ • ว 3.1 ม.6/3 อธบิ ำยโครงสร้ำงและองค์ประกอบของกำแล็กซีทำงช้ำงเผอื ก และระบตุ ำแหนง่ ของระบบสรุ ิยะ พร้อมอธบิ ำยเชอ่ื มโยงกับกำรสังเกตเหน็ ทำงชำ้ งเผอื กของคนบนโลก • ว 3.1 ม.6/4 อธบิ ำยกระบวนกำรเกดิ ดำวฤกษ์ โดยแสดงกำรเปล่ียนแปลงควำมดัน อณุ หภมู ิ ขนำดจำกดำวฤกษก์ ่อนเกดิ จนเปน็ ดำวฤกษ์ • ว 3.1 ม.6/5 ระบุปจั จยั ทสี่ ่งผลต่อควำมสอ่ งสว่ำงของดำวฤกษ์ และอธบิ ำยควำมสัมพันธ์ระหว่ำงควำมสอ่ งสวำ่ งกับโชตมิ ำตรของดำวฤกษ์

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 เอกภพ ตัวชว้ี ดั • ว 3.1 ม.6/6 อธิบำยควำมสัมพนั ธร์ ะหว่ำงสี อณุ หภูมิผิว และสเปกตรัมของดำวฤกษ์ • ว 3.1 ม.6/7 อธบิ ำยลำดบั ววิ ัฒนำกำรที่สัมพันธ์กับมวลตง้ั ต้น วิเครำะหก์ ำรเปลย่ี นแปลงสมบตั บิ ำงประกำรของดำวฤกษ์ • ว 3.1 ม.6/8 อธบิ ำยกระบวนกำรเกดิ ระบบสรุ ิยะ และกำรแบง่ เขตบรวิ ำรของดวงอำทิตย์ และลักษณะของดำวเครำะหท์ เ่ี อือ้ ต่อกำรดำรงชวี ติ • ว 3.1 ม.6/9 อธบิ ำยโครงสร้ำงของดวงอำทติ ย์ กำรเกดิ ลมสุริยะ พำยสุ รุ ยิ ะ และสบื ค้นขอ้ มูล วเิ ครำะหแ์ ละนำเสนอปรำกฏกำรณห์ รือเหตกุ ำรณ์ที่เก่ยี วข้อง กบั ผลของลมสุริยะและพำยุสุรยิ ะทมี่ ีตอ่ โลกรวมทัง้ ประเทศไทย • ว 3.1 ม.6/10 สืบคน้ ข้อมูล อธบิ ำยกำรสำรวจอวกำศโดยใชก้ ลอ้ งโทรทรรศนใ์ นชว่ งควำมยำวคลื่นต่ำงๆ ดำวเทยี ม ยำนอวกำศ สถำนีอวกำศ และนำเสนอแนวคดิ กำรนำควำมรู้ทำงด้ำนเทคโนโลยีอวกำศมำประยกุ ต์ใชใ้ นชีวิตประจำวนั หรือในอนำคต

เอกภพในอดีตกบั ปจั จุบนั เหมอื นกันหรอื ไม่ ?

ทฤษฎบี ิกแบง เมอื่ ประมาณ 13.8 ลา้ นปกี ่อน เกดิ บิกแบงข้ึน โดยชว่ งเริม่ ต้นเอกภพมี ขนาดเล็กและอณุ หภูมสิ งู จากนั้นเอกภพขยายใหญ่ขึน้ และอุณหภูมิลดลง

ทฤษฎีบิกแบง 10-32 วนิ าทหี ลงั บกิ แบง เกิดอนุภำคมูลฐำน (elementary particle) และปฏยิ ำนภุ ำค (antiparticle) ควาร์ก อเิ ลก็ ตรอน นวิ ทรโิ น แอนตคิ วาร์ก โพซิตรอน แอนตินิวทริโน

ทฤษฎีบิกแบง เกิดอนุภำคโปรตอน (นิวเคลยี สของไฮโดรเจน) และอนุภำคนวิ ตรอน จำกกำรรวมตัวกันของควำร์ก 10-6 วินาทีหลังบิกแบง นวิ ตรอน โปรตอน u = up quark ประจุ + 2 d = down quark ประจุ − 1 3 3



ทฤษฎีบกิ แบง 3 นาทหี ลังบกิ แบง เกดิ นิวเคลยี สของฮเี ลยี มจำกกำรรวมกันของโปรตอนและนิวตรอน

ทฤษฎีบกิ แบง 300,000 ปีหลงั บิกแบง เกิดอะตอมไฮโดรเจน และอะตอมฮีเลียม ไฮโดรเจน ฮีเลยี ม

ทฤษฎีบกิ แบง 1,000 ล้านปีหลงั บกิ แบง เกดิ เนบิวลำรนุ่ แรก ดำวฤกษ์ และกำแล็กซี เนบวิ ลา กาแลก็ ซี

ทฤษฎบี ิกแบง 13,800 ล้านปหี ลังบิกแบง (ปัจจุบัน) เอกภพในปจั จุบนั

หลกั ฐานสนบั สนุนบกิ แบง กฎฮับเบิล ย่ิงกำแล็กซีอยู่ห่ำงจำกผู้สังเกตมำก ควำมเร็ว ในกำรเคล่อื นทอ่ี อกหำ่ งจำกผสู้ ังเกตจะยงิ่ มีคำ่ มำก v = H0D นน่ั คอื เอกภพกำลังขยำยตวั

หลกั ฐานสนับสนนุ บกิ แบง พบรงั สีไมโครเวฟพ้นื หลงั จำกอวกำศท่หี ลงเหลือมำหลังจำกเกดิ บิกแบง

กาแลก็ ซี กำแลก็ ซี ประกอบดว้ ยดำวฤกษ์หลำยแสนลำ้ นดวง และเทห์ฟ้ำอื่นๆ เชน่ เนบิวลำ และสสำรระหวำ่ งดำว

กาแล็กซี ประเภทของกาแล็กซี กาแล็กซีรี กาแล็กซีปกติ กาแลก็ ซไี มม่ ีรปู แบบ กาแลก็ ซกี งั หัน กาแล็กซเี ลนส์ กาแล็กซกี ังหนั กาแล็กซีกงั หัน แบบธรรมดา แบบมีคาน

กาแลก็ ซี กาแลก็ ซีทางช้างเผอื ก เปน็ กำแล็กซกี ังหนั แบบมคี ำน นิวเคลยี ส ส่วนป่องตรงกลาง มีดาวฤกษ์อยู่หนาแน่น 30,000 ปแี สง จาน ส่วนทแ่ี บนออกเปน็ ระนาบ ระบบสรุ ยิ ะ อยู่หา่ งจากจดุ ศนู ย์กลาง ฮาโล บรเิ วณท่ลี อ้ มรอบ 30,000 ปีแสง กาแล็กซีเปน็ ทรงกลม

ดาวฤกษ์ ความสอ่ งสว่าง : พลงั งำนทีด่ ำวฤกษป์ ลดปลอ่ ยออกมำในเวลำ 1 วนิ ำทีต่อหน่วยพื้นท่ี ณ ตำแหนง่ ของผสู้ ังเกต ปัจจัย ตำแหนง่ ของผสู้ งั เกต ขนำดของดำวฤกษ์ โชติมาตร : ค่ำท่ีแสดงระดับควำมส่องสว่ำงของดำวฤกษ์ ณ ตำแหน่งของผ้สู ังเกต โชตมิ าตรปรากฏ : โชติมำตรของดำวฤกษท์ ี่สังเกตเหน็ จำกโลก โชติมาตรสัมบรู ณ์ : โชตมิ ำตรเมื่อดำวฤกษอ์ ยู่ห่ำงจำกโลก 10 พำร์เซก

ดาวฤกษ์ สี อณุ หภมู ิผวิ และชนิดสเปกตรมั O B A น้ำเงนิ น้ำเงนิ แกมขำว ขำว > 30,000 K 10,000 - 30,000 K 7,500 - 10,000 K F G K M ขำวแกมเหลอื ง เหลือง ส้ม แดง 6,000 – 7,500 K 4,900 - 6,000 K 3,500 - 4,900 K 2,500 - 3,500 K

ดาวฤกษ์ เกิดปฏิกิริยำเทอรม์ อนวิ เคลยี ร์ ดำวฤกษก์ ่อนเกดิ กลำยเป็นดำวฤกษ์ กาเนดิ ดาวฤกษ์ สสำรภำยในเนบิวลำยุบตัว ควำมดันและอณุ หภูมเิ พ่มิ ข้ึน เกดิ ดำวฤกษก์ อ่ นเกิด ดำวฤกษ์อยู่ในสภำพ สมดุลอุทกสถิตและปลดปล่อย พลงั งำนเป็นเวลำนำน

ดาวฤกษ์ มวล ววิ ฒั นาการของดาวฤกษ์ เวลา นอ้ ย ดาวฤกษก์ อ่ นเกิด ดาวฤกษก์ อ่ นเกดิ ดาวฤกษก์ ่อนเกิด มาก น้อย มวล 9-25 เทา่ ของดวงอาทิตย์ มวลมากกวา่ 25 เทา่ ของดวงอาทติ ย์ มวล 0.08-9 เท่าของดวงอาทติ ย์ ดาวฤกษ์ ดาวยักษ์ใหญ่ ดาวยกั ษ์ใหญ่ คล้ายดวงอาทติ ย์ (super giant) (super giant) (main sequence) ดาวยกั ษ์ใหญ่แดง ซูเปอรโ์ นวา ดาวยักษ์แดง (red supergiant) (supernova) (red giant) เนบิวลาดาวเคราะห์ ซูเปอรโ์ นวา หลมุ ดา (planetary nebula) (supernova) (black hole) มาก ดาวแคระขาว ดาวนวิ ตรอน (neutron star) (white dwaf)

ระบบสรุ ยิ ะ สสำรบริเวณรอบๆ รวมตวั กนั เป็นดำวเครำะห์วงใน ดำวเครำะหว์ งนอก กาเนดิ ระบบสรุ ิยะ และบรวิ ำรของดวงอำทติ ย์ สสำรภำยในเนบวิ ลำสรุ ิยะ รวมตวั กัน มวล 99.8% ของเนบวิ ลำ ดำวฤกษก์ ่อนเกิด กลำยเปน็ ดวงอำทติ ย์ รวมตวั กนั บริเวณใจกลำง สสำรอ่นื ๆ เร่ิมรวมตวั กนั เกดิ เป็นดำวฤกษ์ก่อนเกดิ และมวล 0.2% รวมตัวกนั เป็นจำนรอบๆ

ระบบสรุ ยิ ะ แถบดำวเครำะหน์ อ้ ย แถบไคเปอร์ การแบ่งเขตบรวิ ารของดวงอาทติ ย์ ดำวเครำะห์วงใน ดำวเครำะห์วงนอก - ดำวเครำะหห์ นิ - ดำวเครำะห์แก๊ส - ผิวดำวเป็นของแขง็ - ผวิ ดำวเปน็ แกส๊



ระบบสุริยะ ดาวเคราะหท์ ี่เอ้อื ตอ่ การดารงชีวติ โคจรรอบดวงอำทติ ยใ์ นระยะท่เี หมำะสม มีอุณหภมู ิเหมำะสม สำมำรถเกิดน้ำทย่ี ังคงสถำนะเปน็ ของเหลว

ดวงอาทติ ย์ คอโรนา (corona) โครโมสเฟยี ร์ (chromosphere) โฟโตสเฟียร์ (photosphere) เขตการพาความรอ้ น (convection zone) : ไดร้ ับพลงั งำน จำกเขตกำรแผร่ ังสแี ล้วส่งไปยังชั้นบรรยำกำศ เขตการแผร่ งั สี (radiation zone) : ไดร้ บั พลงั งำน จำกแกน่ แลว้ สง่ ต่อไปยงั เขตกำรพำควำมร้อน แกน่ (core) : บรเิ วณใจกลำงซ่ึงเกดิ ปฏกิ ิรยิ ำ เทอรม์ อนิวเคลียรฟ์ วิ ชัน

ดวงอาทติ ย์ จุดมดื (sunspot) : บริเวณท่ีมีอณุ หภูมติ ำ่ ทสี่ ดุ บนดวงอำทิตย์ เปลวสรุ ยิ ะ (prominence) : กำรระเบิดอยำ่ งรุนแรงบริเวณจดุ มืดบนดวงอำทติ ย์ การลุกจ้า (flare) : กำรระเบิดอย่ำงรุนแรงบรเิ วณจดุ มดื บนดวงอำทติ ย์

ดวงอาทติ ย์ พายสุ รุ ิยะ เกิดจำกกำรพ่นมวลคอโรนำรว่ มกบั กำรลกุ จำ้ ทำให้อนภุ ำคทีม่ ีประจเุ คลื่อนทดี่ ว้ ยควำมเร็วสูง ลมสรุ ยิ ะ เกิดจำกกำรปลดปลอ่ ยอนุภำค ทม่ี ีประจุไฟฟ้ำพลังงำนสงู จำกชั้นคอโรนำ ทาใหเ้ กิด มคี วำมเร็ว 200 – 900 km/s ทาใหเ้ กดิ หำงของดำวหำง แสงเหนือแสงใต้ รบกวนกำรส่ง กระทบวงจร กระแสไฟฟ้ำ อเิ ล็กทรอนกิ ส์ และกำรสื่อสำร ของดำวเทยี ม

เทคโนโลยีอวกาศ กลอ้ งโทรทรรศน์ท่สี ังเกตการณ์บนพนื้ โลก ชว่ งคล่นื แสงท่ตี ามองเห็น ใชศ้ กึ ษำดวงจันทร์ ดำวเครำะห์ ดำวฤกษ์ กำแลก็ ซี ชว่ งคลนื่ วทิ ยุ ใช้ศึกษำซูเปอร์โนวำ หลมุ ดำ กำแลก็ ซี

เทคโนโลยีอวกาศ ชว่ งคลืน่ ไมโครเวฟ ใช้ศึกษำรงั สีไมโครเวฟพ้ืนหลงั จำกอวกำศ กล้องโทรทรรศน์อวกาศ ชว่ งคลื่นอินฟราเรด ใชศ้ กึ ษำดำวฤกษเ์ กิดใหม่ กำแล็กซี ช่วงคลน่ื อลั ตราไวโอเลต ใช้ศกึ ษำสสำรระหว่ำงดำว กำแลก็ ซี เนบิวลำดำวเครำะห์ ชว่ งคล่นื รังสเี อกซ์ ใชศ้ ึกษำดำวนิวตรอน เศษซำกของดำวฤกษจ์ ำกซูเปอร์โนวำ ช่วงคลืน่ รงั สีแกมมา ใชศ้ กึ ษำดำวนิวตรอน สสำรมดื กำรลุกจ้ำของดวงอำทติ ย์

เทคโนโลยอี วกาศ วงโคจรคา้ งฟ้า ≈ 35,780 km (Geostationary Earth Orbit ; GEO) ดาวเทียม วงโคจรระดบั กลาง ≈ 10,000 – 20,000 km (Medium Earth Orbit ; MEO) วงโคจรระดับตา่ ≈ 160 – 2,000 km (Low Earth Orbit ; LEO)

เทคโนโลยอี วกาศ ยานอวกาศ : ยำนพำหนะท่ถี กู ส่งไปสำรวจอวกำศและวตั ถทุ ้องฟำ้ ตำ่ งๆ สถานอี วกาศ : หอ้ งปฏบิ ตั ิกำรทำงวิทยำศำสตร์ท่อี ยู่ในอวกำศ

เทคโนโลยอี วกาศ ด้านอาหาร ▪ กำรทำแห้งเยือกแขง็ แบบสุญญำกำศ (freeze drying) การประยุกต์ใชเ้ ทคโนโลยอี วกาศ ดา้ นการแพทย์ ดา้ นวสั ดศุ าสตร์ ▪ กล้องส่องตรวจและผำ่ ตดั อวัยวะภำยใน 3 มติ ิ ▪ ยำงรถยนต์ทีใ่ ช้งำนได้นำน ▪ เครอื่ งวดั อณุ หภมู ทิ ำงหู ▪ เคร่อื งตรวจจบั ควัน ▪ เซลลส์ รุ ิยะ ▪ ชดุ นกั ดับเพลงิ ▪ ท่นี อนลดกำรปวดเมื่อย

สรุป บกิ แบง เอกภพเร่ิมจำกขนาดเลก็ มากและอุณหภูมิสงู มาก จำกนัน้ เอกภพขยายตวั ใหญ่ข้ึนและอุณหภมู ลิ ดลง 300,000 ปี หลงั บิกแบง เกิดอะตอมไฮโดรเจน ระหว่ำงท่เี อกภพขยำยตวั มีกำรเปล่ียนแปลงสสำรและพลงั งำน อะตอมฮีเลยี ม และรังสี ไมโครเวฟพ้นื หลงั 13,800 ล้านปี หลังบิกแบง 10-6 วินาที หลังบิกแบง เอกภพปจั จบุ นั ประกอบดว้ ยเนบวิ ลำ กำแล็กซี และวัตถทุ ้องฟ้ำตำ่ งๆ เกดิ อนภุ ำคโปรตอน และอนภุ ำคนิวตรอน 1,000 ล้านปี หลังบิกแบง หลักฐานสนับสนนุ บิกแบง เกิดเนบวิ ลำ ดำวฤกษ์ และกำแลกซีรนุ่ แรก - กำรขยำยตวั ของเอกภพตำมกฎฮับเบิล 3 นาที หลงั บิกแบง V=H0D เกิดนิวเคลยี สของฮีเลยี ม ยง่ิ กาแล็กซอี ยู่ห่างจากผู้สงั เกตมาก 10-32 วินาที หลงั บิกแบง ความเร็วในการเคลื่อนท่ีออกห่าง เอกภพขยำยตวั รวดเร็ว จากผ้สู งั เกตก็จะย่งิ มคี ่ามาก เกดิ อนภุ ำคและปฏิยำนภุ ำค - กำรพบรงั สีไมโครเวฟพน้ื หลงั จำกอวกำศ

สรปุ กาแล็กซี ทางชา้ งเผือก คอื จำนกำแลก็ ซที ีม่ องเหน็ จำกโลก กาแล็กซีทางช้างเผือก ฮาโล บรเิ วณทรงกลมที่ ระบบสรุ ยิ ะ เปน็ กำแล็กซกี ังหันแบบมีคำน ล้อมรอบกำแลก็ ซี อยูบ่ รเิ วณจำนกำแล็กซี จาน หำ่ งจำกศูนย์กลำงของกำแล็กซี ส่วนทแ่ี บนออก ประมำณ 30,000 ปีแสง เปน็ ระนำบ นิวเคลยี ส สว่ นป่องตรงกลำงกำแลก็ ซี มีดำวฤกษ์อยู่หนำแน่น

สรปุ ดาวฤกษ์ โชติมาตร ความส่องสว่าง คำ่ แสดงระดับควำมส่องสว่ำงของดำวฤกษ์ ณ ตำแหนง่ ของผู้สงั เกต พลงั งำนจำกดำวฤกษท์ ่ีปลดปล่อย ออกมำในเวลำ 1 วนิ ำทตี อ่ หนว่ ย โชติมาตรมาก ความส่องสว่างน้อย พ้นื ที่ ณ ตำแหน่งของผ้สู ังเกต โชตมิ าตรนอ้ ย ความส่องสว่างมาก สี อุณหภูมิผวิ และ ชนดิ สเปกตรมั สี นา้ เงิน น้าเงินแกมขาว ขาว ขาวแกมเหลือง เหลอื ง ส้ม แดง อณุ หภมู ิผวิ (K) >30,000 10,000-30,000 7,500-10,000 6,000-7,500 4,900-6,000 3,500-4,900 2,500-3,500

สรุป ววิ ฒั นาการของดาวฤกษ์ ดาวฤกษ์ ดาวยกั ษแ์ ดง เนบิวลาดาวเคราะห์ ดาวแคระขาว คลำ้ ยดวงอำทติ ย์ ดาวฤกษก์ ่อนเกดิ นวล 0.08-9 เท่ำ ของดวงอำทิตย์ ดาวยกั ษใ์ หญแ่ ดง เนบิวลา ดาวฤกษ์ก่อนเกิด ดาวยกั ษใ์ หญ่ ซูเปอรโ์ นวา กำรระเบดิ อยำ่ งรนุ แรง มวล 9-25 เท่ำ ดาวนวิ ตรอน ของมวลดวงอำทิตย์ ดาวฤกษ์ก่อนเกิด ซูเปอร์โนวา หลุมดา มวลมำกกว่ำ 25 เท่ำ กำรระเบดิ อยำ่ งรุนแรง ของมวลดวงอำทติ ย์ ดาวยักษ์ใหญ่

สรปุ คอโรนา บรรยำกำศช้ันนอกสุด มีบรรยำกำศเบำบำง ดวงอาทิตย์ โครโมสเฟียร์ อยูถ่ ัดจำกชน้ั โฟโตสเฟียร์ อุณหภมู ิประมำณ 4,000 – 20,000 เคลวนิ โฟโตสเฟียร์ ชน้ั บรรยำกำศทีต่ ิดกบั เขตกำรพำควำมรอ้ นซึ่งเปลง่ แสงออกสอู่ วกำศ เขตการพาความรอ้ น บรเิ วณทไี่ ดร้ บั พลงั งำนจำกเขตกำรแผ่รงั สี แล้วสง่ ตอ่ ไปยังชน้ั บรรยำกำศ เขตการแผ่รังสี บริเวณทไี่ ด้รับพลังงำนจำกแก่น แลว้ สง่ ต่อไปยังเขตกำรพำควำมรอ้ น แก่น บรเิ วณใจกลำง ซึ่งเกดิ ปฏกิ ิรยิ ำเทอรม์ อนิวเคลยี รฟ์ ิวชัน อุณหภมู สิ งู ถงึ 15 ล้ำนเคลวิน จุดมืดดวงอาทติ ย์ (sunspot) การลูกจา้ (flare) และเปลวสรุ ิยะ (prominence) เกิดจำกแกรนลู ซ่งึ เป็นบริเวณท่ีมีอณุ หภูมติ ่ำท่สี ุด เปน็ กำรระเบิดอยำ่ งรุนแรงบริเวณจุดมืดบนดวงอำทิตย์

สรุป เทคโนโลยีอวกาศ การสารวจอวกาศ กลอ้ งโทรทรรศน์อวกาศ ยานอวกาศ พำหนะที่ใชส้ ำรวจอวกำศ กลอ้ งโทรทรรศนท์ ตี่ ิดต้งั บนโลก ใชศ้ กึ ษำวตั ถุ ใช้ศกึ ษำวตั ถุ - ช่วงคลื่นอนิ ฟรำเรด สถานอี วกาศ - ชว่ งคล่นื แสงท่ีมองเหน็ - ชว่ งคลืน่ อัลตรำไวโอเลต หอ้ งปฏบิ ตั ิกำรทำงวิทยำศำสตร์ - ช่วงคล่นื วทิ ยุ - ชว่ งคลนื่ รังสเี อกซ์ ที่อยู่ในอวกำศ - ชว่ งคลืน่ รังสแี กมมำ การประยุกต์ใช้ ด้านวัสดุศาสตร์ ดา้ นอาหาร ด้านการแพทย์ - กำรทำแห้งเยอื กแข็งแบบ - ยำงรถยนต์ทีใ่ ช้งำนได้นำน - กลอ้ งสอ่ งตรวจและผ่ำตดั อวัยวะ - เคร่ืองตรวจจับควนั สญุ ญำกำศ (freeze drying) ภำยในร่ำงกำย 3 มิติ - เซลล์สรุ ิยะ - ชุดนกั ดับเพลิง ลดอุณหภมู ิและควำมช้ืนในอำหำร - เครือ่ งวดั อณุ หภมู ิทำงหู - ทีน่ อนลดกำรปวดเมอ่ื ย ทำให้อำหำรมนี ้ำหนกั เบำ เก็บไวไ้ ดน้ ำน (infrared ear thermometer)