Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore S e x u a l I t

S e x u a l I t

Published by pukwan77, 2018-06-30 00:38:57

Description: S e x u a l I t

Search

Read the Text Version

 สิทธิการแสดงออกภายใตก้ ฎหมายวา่ ดว้ ยเพศ สิทธิการแสดงออกภายใตก้ ฎหมายวา่ ดว้ ยเพศ Sexual Right คือสิทธิของบุคคลท่ีถูกระบุไวใ้ นกฎหมายและขอ้ ตกลงตา่ งๆ วา่ เป็นสิทธิมนุษยชน ทุกคนจะตอ้ งไดร้ บั โดยไมถ่ ูกเลือกปฏิบตั ิ ไมม่ ีการบงั คบั และไมม่ ีความรุนแรงในเร่ืองตอ่ ไปน้ี 1.การไดร้ ับบริการดา้ นสุขภาพทางเพศและอนามยั การเจริญพนั ธุท์ ่ีมีมาตรฐาน 2.การไดร้ ับขอ้ มูลท่ีถูกตอ้ งเก่ียวกบั วิถีทางเพศ 3.การควบคุมเน้ือตวั ร่างกายของตนเอง 4.การเลือกคูค่ รอง 5.การตดั สินใจวา่ จะมีเพศสมั พนั ธห์ รือไมม่ ี 6.การสมคั รใจมีความสมั พนั ธท์ างเพศ 7.การสมคั รใจท่ีจะแตง่ งาน 8.การตดั สินใจวา่ จะมีบุตรหรือไมแ่ ละมีเม่ือใด 9.การมีชีวิตท่ีพึงพอใจและปลอดภยั

สิทธิมนุยชน (Human Right) หมายถึง สิทธิท่ีมนุษยท์ ุกคนมีความเทา่ เทียมกนั มีศกั ด์ิศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคลท่ีไดร้ ับการรับรอง ทง้ั ความคิดและการกระทาท่ีไมม่ ีการลว่ งละเมิดได้ โดยไดร้ ับการคุม้ ครองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทยและ.สนธิสญั ญาระหวา่ งประเทศ

 ปจั จุบนั ประเทศไทยเป็นภาคีสนธิสญั ญาดา้ นสิทธิมนุษยชนซ่ึงสหประชาชาติถือเป็น สนธิสญั ญาหลกั จานวน 7 ฉบบั ไดแ้ ก่ 1. อนุสญั ญาวา่ ดว้ ยสิทธิเด็ก (Convention on the Rights of the Child - CRC) สาระสาคญั ไดแ้ กเ่ ร่ืองเก่ียวขอ้ งกบั สิทธิของเด็กโดยตรงซ่ึงเนน้ หลกั พ้ืนฐาน คือการใหค้ วามสาคญั กบั เด็กทุกคนอยา่ งเทา่ เทียม การกระทาตา่ งๆ ตอ้ งคานึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นอนั ดบั แรกในการมีชีวิต การอยูร่ อด และการพฒั นาทางดา้ นจิตใจอารมณ์ สงั คม และสิทธิในการแสดงความคิดเห็นของเด็ก

2. อนุสญั ญาวา่ ดว้ ยการขจดั การ เลือกปฏิบตั ิตอ่ สตรีในทุกรูปแบบ(Convention on the Elimination of All Forms of Discrimination against Women - CEDAW) สาระสาคญั คือการขจดัการเลือกปฏิบตั ิตอ่ สตรีทุกรูปแบบรวมทง้ั การประกนั วา่ สตรีและบุรุษมีสิทธิท่ีจะไดร้ บั การปฏิบตั ิและดูแลจากรัฐอยา่ งเสมอภาคกนั

 3. กติการะหวา่ งประเทศวา่ ดว้ ยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง(International Covenant on Civil and Political Rights - ICCPR) สาระสาคญั ไดแ้ ก่ สิทธิของพลเมืองและสิทธิทางการเมืองรวมทง้ั หนา้ ท่ีของบุคคลท่ีจะสง่ เสริมและคุม้ ครองสิทธิมนุษยชน และไดร้ บั สิทธิทง้ั ดา้ นพลเมืองการเมืองเศรษฐกิจ สงั คม และวฒั นธรรมอยา่ งเทา่ เทียมกนั

 4. กติการะหวา่ งประเทศวา่ ดว้ ยสิทธิทางเศรษฐกิจ สงั คม และวฒั นธรรม(International Covenant on Economic Social and Cultural Rights - ICESCR) สาระสาคญั กลา่ วถึงกติการะหวา่ งประเทศวา่ ดว้ ยสิทธิทางเศรษฐกิจ สงั คมและวฒั นธรรม วา่ รฐั ควรดาเนินการอยา่ งเหมาะสม เคารพ คุม้ ครอง สง่ เสริม สิทธิท่ีจะมีมาตรฐานชีวิตท่ีดีพอเพียง สิทธิท่ีจะมีสุขภาวะดา้ นกายและใจท่ีดีท่ีสุดท่ีเป็นไปได้

5. อนุสญั ญาวา่ ดว้ ยการขจดั การเลือก ปฏิบตั ิทางเช้ือชาติในทุกรูปแบบ(International Conventionon theElimination of All Forms of RacialDiscrimination - ICERD) สาระสาคญั วา่ ดว้ ยการขจดัการเลือกปฏิบตั ิ การกีดกนั ทางเช้ือชาติสีผิว เช้ือสาย หรือชาติกาเนิด หรือเผา่ พนั ธุใ์ นทุกรูปแบบ

 6. อนุสญั ญาตอ่ ตา้ นการทรมานและการปฏิบตั ิหรือการลงโทษท่ีโหดรา้ ยไร้ มนุษยธรรมหรือย่ายีศกั ด์ิศรี(Convention against Torture and Other Cruel Inhuman or DegradingTreatment or Punishment - CAT) สาระสาคญั ในเน้ือหาของอนุสญั ญาฉบบั น้ีมีข้ึนเพ่ือวตั ถุประสงคใ์ นการระงบั และยบั ยง้ั การทรมานทง้ั ทางร่างกายและจิตใจ

 7. อนุสญั ญาวา่ ดว้ ยสิทธิของคนพิการ(Convention on the Rights of Persons with Disabilities-CRPD) สาระสาคญั วา่ ดว้ ยสิทธิของผูพ้ ิการท่ีพึงไดร้ ับจากสังคมและจากหน่วยงานอ่ืนของรัฐเพ่ือใหเ้ กิดความเทา่ เทียมกบั บุคคลทว่ั ไปและสามารถใชช้ ีวิตไดอ้ ยา่ งปกติสุข

 1. การหมน้ั และการแตง่ งานทงั้ ชายและหญิงจะตอ้ งมีอายุอยา่ งต่าสิบเจ็ดปีบริบูรณ์ และตอ้ งไดร้ ับความยินยอมจากบิดามารดาหรือผูป้ กครอง 2. ชายหรือหญิงจะจดทะเบียนสมรสซอ้ นไมไ่ ด้ หากมีการจดทะเบียนสมรสซอ้ นใหถ้ ือ วา่ การจดทะเบียนซอ้ น คือคร้ังท่ีสองน้ันตกเป็นโมฆะ 3. การร่วมประเวณีกนั น้ันสามีหรือภรรยาไมต่ อ้ งยอมทนตอ่ การกระทาท่ีผิดปกติ ธรรมชาติ วิปริตเกินสมควร 4. ทงั้ สามีและภรรยามีหนา้ ท่ีชว่ ยเหลืออปุ การะเล้ียงดูซ่ึงกนั และกนั ไมว่ า่ จะเป็นการ ชว่ ยดูแลบา้ นเรือน ดูแลบุตร 5. ถา้ ฝ่ายหน่ึงฝ่ายใดมีชูอ้ ีกฝ่ายหน่ึงมีสิทธิฟ้องหยา่ และเรียกคา่ ทดแทนจากอีกฝ่าย หน่ึงและจากชูไ้ ด้ 6. เม่ือผูห้ ญิงสมรสแลว้ อาจเปล่ียนคานาหนา้ นามจาก “นางสาว” เป็น “นาง” หรือไมก่ ็ ได้ นับแตว่ นั จดทะเบียนสมรส

 7. เม่ือผูห้ ญิงสมรสแลว้ มีสิทธิท่ีจะใชน้ ามสกลุ เดิมของตนตอ่ ไป หรื อจะใชน้ ามสกลุ ของสามีก็ได ้ 8. การหยา่ ทาได้ 2 วิธี คือ 8.1 ทง้ั สองฝ่ายตกลงยินยอมหยา่ ขาดจากกนั เรียกวา่ หยา่ โดยความยินยอมทง้ั สองฝ่าย 8.2 สามีหรือภรรยาฟ้องหยา่ อกี ฝ่ายหน่ึง โดยอา้ งเหตุตา่ งๆ ท่ีเกิดข้ึนอยา่ งใดอยา่ งหน่ึง เป็นเหตุในการฟ้องหยา่ ได้ เชน่ ฝ่ายหน่ึงฝ่ายใดมีชู้ ประพฤติชว่ั ทารา้ ยร่างกายจิตใจ 9. ผูใ้ ดขม่ ขืนกระทาชาเราหญิงท่ีมิใชภ่ รรยาของตน ตอ้ งระวางโทษจาคุกตงั้ แตส่ ่ีปีถึง ย่ีสิบปี และปรบั ตง้ั แตแ่ ปดพนั บาทถึงส่ีหม่ืนบาท 10. ผูใ้ ดกระทาชาเราเด็กหญิงอายุไมเ่ กินสิบหา้ ปีโดยหญิงนัน้ จะยินยอมหรือไมก่ ็ตาม ตอ้ ง ระวางโทษจาคุกตง้ั แตส่ ่ีปีถึงย่ีสิบปี

 11. ผูใ้ ดกระทาอนาจารแกบ่ ุคคลอายุกวา่ สิบหา้ ปีโดยการขูห่ รือใชก้ าลังประทุษรา้ ยตอ้ ง ระวางโทษจาคุกไมเ่ กินสิบปี หรือปรับไมเ่ กินสองหม่ืนบาท หรือทง้ั จาทง้ั ปรบั 12. ผูใ้ ดเพ่ือใหส้ าเร็จความใคร่ของผูอ้ ่ืน เป็นธุระจดั หาลอ่ ไป หรือพาไปเพ่ือการอนาจาร ซ่ึงชายหรือหญิง แมผ้ ูน้ ั้นจะยินยอมก็ตาม ตอ้ งระวางโทษจาคุกตงั้ แตห่ น่ึงปีถึงสิบปี

 มาตรา 38 หา้ มมิใหล้ ูกจา้ งซ่ึงเป็นหญิงทางานอยา่ งใดอยา่ งหน่ึงดงั ตอ่ ไปน้ี 1. งานเหมืองแร่หรืองานกอ่ สรา้ งท่ีตอ้ งทาใตด้ ิน ใตน้ ้า ในถา้ ในอุโมงคห์ รือปลอ่ งใน ภูเขา เวน้ แตล่ กั ษณะของงานไมเ่ ป็นอนั ตรายตอ่ สุขภาพ.หรือร่างกายของลูกจา้ งน้นั 2. งานผลิตหรือขนสง่ วตั ถุระเบิดหรือวตั ถุไวไฟยกเวน้ งานวิชาชีพหรือวิชาการเก่ียวกบั การสารวจ การขุดเจาะการกลน่ั แยกและผลิตภณั ฑจ์ ากปิโตรเลียมหรือปิโตรเคมี ถา้ งาน นั้นไมเ่ ป็นอนั ตราย 3. งานท่ีตอ้ งทาบนน่ังรา้ นท่ีสูงกวา่ พ้ืนดินตง้ั แต่ 10 เมตรข้ึนไป

 มาตรา 39 หา้ มมิใหน้ ายจา้ งใหล้ ูกจา้ งซ่ึงเป็นหญิงมีครรภท์ างานในระหวา่ งเวลา 22.00-06.00 น. ทางานลว่ งเวลา ทางานในวนั หยุด หรือทางานอยา่ งหน่ึงอยา่ งใด ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. งานเก่ียวกบั เคร่ืองจกั รหรือเคร่ืองยนตท์ ่ีมีความสน่ั สะเทือน 2. งานขบั เคล่ือน หรือติดไปกบั ยานพาหนะ

ในอดีตการใหค้ วามสาคญั ระหวา่ งเพศชายและเพศหญิงในสงั คมไทยนบั วา่ มีความแตกตา่ งกนั อยา่ งชดั เจนโดยเฉพาะความเทา่ เทียมกนั ในเร่ืองเพศสงั คมจะยอมรับการแสดงออกทางเพศของเพศชายไดม้ ากกวา่ เพศหญิง1. รัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทยพุทธศกั ราช2550ไดก้ าหนดบทบญั ญตั ิท่ีแสดงให้ เห็นถึงสิทธิขน้ั พ้ืนฐานในฐานะประชาชนของผูห้ ญิง มาตรา 30 “บุคคลยอ่ มเสมอกนั ในกฎหมายและไดร้ บั ความคุม้ ครองตามกฎหมายเทา่ เทียมกนั ชายและหญิงมีสิทธิเทา่ เทียมกนั ”

 2. ในอดีตเม่ือผูห้ ญิงท่ีแตง่ งานแลว้ จะตอ้ งใชน้ ามสกุลของสามีแต่ในปัจจุบนั กฎหมายบญั ญตั ิใหค้ ูส่ มรสมีสิทธิท่ีจะใชน้ ามสกุลของฝ่ายใดฝ่ายหน่ึงตามท่ีตกลง กนั หรือตา่ งฝ่ายตา่ งใชน้ ามสกลุ เดิมของตนเองก็ได้ มาตรา 12 ทาใหผ้ ูห้ ญิงมีสิทธิในการท่ีจะเลือกใชช้ ่ือสกุลของสามี หรื อนามสกุลเดิม หรือใชน้ ามสกุลเดิมเป็นช่ือรอง และใชน้ ามสกลุ ของสามีก็ได้

 3. พระราชบญั ญตั ิคานาหนา้ นามหญิง พ.ศ. 2551 เร่ิมมีผลบงั คบั ใชต้ ง้ั แต่ วนั ท่ี 4 มิถุนายน 2551 เป็นตน้ ไปทาใหผ้ ูห้ ญิงมีทางเลือกในการใชค้ านาหนา้ นามและนามสกลุ ไดต้ ามความสมคั รใจโดยมีใจความสาคญั คือผูห้ ญิงท่ีจด ทะเบียนสมรสใหม่ สามารถแจง้ ตอ่ นายทะเบียนขณะท่ีจดทะเบียนสมรสวา่ ประสงคจ์ ะใชค้ านาหนา้ นามวา่ นาง หรือนางสาว สว่ นกรณีหญิงท่ีจด ทะเบียนสมรสแลว้

ปัจจุบนั จะเห็นไดว้ า่ อิทธิพลของส่ือท่ีมีต่อการประพฤติทางเพศของวัยรุ่นน้ันมีมากมาย เช่น การแสดงบทรักและความสมั พนั ธข์ องตวั ละคร และผูแ้ สดงภาพยนตร์ ภาพโป๊ ตา่ งๆ ในนิตยสาร หนังสือตา่ งๆ การต์ ูนลามก วีซีดีลามก เป็นตน้ ส่ือตา่ งๆเหล่าน้ี ผูบ้ ริ โภคซ่ึงเป็ นวัยรุ่น จะตอ้ งใชว้ ิจารณญาณในการบริโภค อยา่ เอาอยา่ งส่ิงท่ีไมด่ ี และผูใ้ หญค่ วรเป็นหูเป็นตา เป็นท่ีปรึกษาในการบริโภคส่ือท่ีถูกตอ้ งแกเ่ ด็กดว้ ย

ภาพลกั ษณ์ (Image) ตามความหมายของพจนานุ กรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542หมายถึง “ภาพท่ีเกิดจากความนึกคิดหรื อท่ีคิดวา่ ควรจะเป็นเชน่ นน้ั ”ภาพลกั ษณ์ เป็นสว่ นหน่ึงของบุคลิกลกั ษณะความสามารถท่ีเป็นและแสดงออก สง่ ผลตอ่ การรับรู้ของผูอ้ ่ืน

 นบั เป็นความมหศั จรรยอ์ ยา่ งมากท่ีธรรมชาติไดส้ รา้ งใหม้ นุษยม์ ี 2 เพศ คือเพศ ชายและเพศหญิง แลว้ สรา้ งใหท้ ง้ั สองเพศมีฮอรโ์ มนเพศท่ีทาใหส้ นใจเพศตรงขา้ ม เม่ือถึงวยั รุ่น เม่ือคนทง้ั สองเพศมีความสนใจกนั คบหาสนิทสนมกนั ตกลงปลงใจท่ีจะใชช้ ีวิตคู่ อยูร่ ่วมกนั ก็จะแตง่ งานกนั เม่ือทง้ั คูม่ ีบุตรก็จะมีหนา้ ท่ีเป็นพอ่ แมเ่ ล้ียงดูบุตร ใหก้ ารสง่ เสียเลา่ เรียนจนจบ การศึกษาสามารถประกอบอาชีพได ้ ท่ีกลา่ วมาน้ีคือ บทบาททางเพศของชายและหญิง ซ่ึงคนสว่ นใหญจ่ ะตอ้ งประสบกบั วฏั จกั รเหลา่ น้ีเม่ือตนเองมีบทบาทเป็นอยา่ งไรแลว้ ก็ตอ้ งทาหนา้ ท่ีนัน้ ใหด้ ีท่ ีสุด

ธรรมชาติสรา้ งใหม้ นุษยผ์ ูช้ ายและมนุษยผ์ ูห้ ญิงมีจานวนใกลเ้ คียงกนั มาก ทง้ั น้ีเน่ืองจากตวั อสุจิของผูช้ ายจะเป็นตวั กาหนดเพศวา่ การท่ีผสม กบั ไขแ่ ลว้ ทารกท่ีเกิดข้ึนจะเป็นเพศหญิงหรื อเพศชาย ในการหลง่ั น้า อสุจิครั้งหน่ึงๆ จะมีตวั อสุจิออกมาประมาณ 400-500 ลา้ นตวั จะเป็น ตวั อสุจิท่ีกาหนดเพศชายและเพศหญิงมากพอๆ กนั ประมาณอย่างละ 200-250 ลา้ นตวั ดว้ ยเหตุน้ีจึงทาใหใ้ นโลกน้ีมีผูห้ ญิงกบั ผูช้ ายจานวน ใกลเ้ คียงกนั

 แมว้ า่ ธรรมชาติจะสร้างใหม้ นุษยม์ ี 2 เพศ และมีจานวนใกลเ้ คียงกนั แลว้ ยงั สร้างใหม้ ี โครงสรา้ งของร่างกายท่ีเหมือน คลา้ ยคลึงกนั และแตกตา่ งกนั ดว้ ย เชน่ มีกระดูก 206 ช้ิน เทา่ กนั มีกลา้ มเน้ือ 639 มดั เทา่ กนั มีอวยั วะตา่ งๆ เหมือนกนั บา้ ง ตา่ งกนั บา้ ง มีสภาวะจิตใจ อารมณแ์ ละลกั ษณะตา่ งๆ เหมือนกนั บา้ ง ตา่ งกนั บา้ ง ท่ีจะกลา่ วตอ่ ไปน้ีเป็ นเพียงขอ้ สงั เกตซ่ึง ผูช้ ายและผูห้ ญิงจะมีลกั ษณะแตกตา่ งกนั ทง้ั น้ีเพ่ือชว่ ยใหเ้ ขา้ ใจลกั ษณะท่ีแตกตา่ งกนั บาง ประการของเพศชายและเพศหญิง

 1. ขนาดและความแข็งแรงของร่างกายโดยทว่ั ไปผูช้ ายจะมีขนาดร่างกายโตกวา่ สว่ นสูงและน้าหนักมากกวา่ มีความแข็งแรงกวา่และทางานหนักไดม้ ากกวา่ ผูห้ ญิง สว่ นผูห้ ญิงมกั มีร่างกายบอบบางมองดูนุ่มน่ิมกวา่ ผูช้ าย 2. รูปร่างหนา้ ตาโดยทว่ั ไปผูช้ ายมกั มีรูปร่างหนา้ ตาไมส่ วยงามเหมือนผูห้ ญิง มกั มีรูปร่าง หนา้ ตามองดูแข็งแรง คมสัน บึกบึน หลอ่ มากกวา่ ความสวยงาม ส่วนผูห้ ญิงจะมีหน้าตาสวยงามผิวพรรณผุดผอ่ งเพราะมีไขมนั อยูใ่ ตผ้ ิวหนงั มากกวา่ ผูช้ ายจึงมองดูวา่ เกล้ียงเกลา เนียนและสวย 3. กิริยาทา่ ทางโดยทว่ั ไปผูช้ ายจะดูองอาจ หา้ วหาญ มกั ทาอะไรคลอ่ งแคลว่ ทะมดั ทะแมง และชอบเส่ียงภยั สว่ นผูห้ ญิงจะมีกิริยาเรียบรอ้ ย น่ารัก นุ่มนวล ออ่ นชอ้ ย โดยเฉพาะลกั ษณะการเดินจะมีทว่ งทา่ และลีลาแตกตา่ งจากผูช้ าย

 1. เป็นผูท้ ่ีเขา้ ใจความตอ้ งการของตนเอง และรูจ้ กั ตวั ตนของตนเองเป็นอย่างดี ถา้ คนเราไมร่ ูจ้ กั ตนเองจะไมเ่ ขา้ ใจตนเอง แลว้ จะกอ่ ปญั หาใหแ้ กต่ นเองและผูอ้ ่ืน 2. เป็นผูเ้ ขา้ ใจพฒั นาการทางเพศของมนุษย์ ซ่ึงก็ยอ่ มเขา้ ใจพฒั นาการทางเพศของ ตนเองดว้ ยจะทาใหเ้ ขาสามารถปรับตวั ตอ่ พฒั นาการทางเพศไดด้ ีอีกดว้ ย 3. เป็นผูท้ ่ีสามารถแยกแยะขอ้ เท็จจริงกบั ความเช่ือได้ เพราะบางคร้ังความเช่ือท่ีผิดๆ ก็ สง่ ผลกระทบตอ่ ตนเอง ผูอ้ ่ืน และสงั คมไดเ้ หมือนกนั 4. เป็นผูท้ ่ีเขา้ ใจบริบททางสงั คมในเร่ืองเพศ และรูว้ า่ จะสง่ ผลตอ่ การดาเนินชีวิตทางเพศ อยา่ งไร 5. เป็นผูท้ ่ีเขา้ ใจสิทธิของตนเอง เพ่ือจะไมถ่ ูกละเมิดหรือถูกใชค้ วามรุนแรง 6. ตอ้ งเป็ นผูท้ ่ีเขา้ ใจเร่ื องสมั พนั ธภาพ และการพฒั นาสมั พนั ธภาพ ไม่วา่ จะเป็ นกบั เพ่ือน กบั ญาติพ่ีนอ้ งกบั พอ่ แมก่ บั ครูอาจารย์ กบั นายจา้ ง และกบั บุคคลทว่ั ไป

 1. เป็นผูท้ ่ีมีความสุข สุขภาพจิตดี ไมม่ ีความผิดปกติทางจิต บุคคลเหลา่ น้ีจะทาให้ สงั คมเป็นสุข 2. ตอ้ งเป็นผูท้ ่ีรูจ้ กั พอใจในสภาพของตนเอง กลา่ วคือ มีความพอใจและยอมรับใน ความเป็นตวั ของตวั เอง 3. ตอ้ งเป็นผูท้ ่ีสามารถปรับตวั เขา้ กบั สถานการณ์ตา่ งๆ ได้ เพราะในชีวิตคนเรานั้น จะตอ้ งอยูก่ บั สงั คม 4. ตอ้ งเป็นผูท้ ่ีรูเ้ ทา่ ทนั อารมณข์ องตนเอง อาจตอ้ งมีการฝึกสมาธิ 5. ตอ้ งเป็นผูท้ ่ีสามารถควบคุมอารมณต์ นเองไดด้ ี ซ่ึงจะตอ้ งเป็นผูท้ ่ีมีสติ 6. ตอ้ งเป็นผูท้ ่ีอดทนตอ่ การไมไ่ ดด้ ง่ั ใจ อปุ สรรค และความสูญเสีย 7. ตอ้ งเป็นผูท้ ่ีแสดงออกดา้ นอารมณเ์ พศ และความรูส้ ึกทางเพศอยา่ งเหมาะสม ตอ้ ง รูจ้ กั ควบคุมอารมณท์ างเพศของตนเอง

 1. เป็นผูท้ ่ียอมรบั และเคารพความแตกตา่ งของบุคคล เขา้ ใจ 2. เป็นผูท้ ่ีไมต่ ดั สินคนอ่ืนวา่ ดี เลว ถูก หรือผิด โดยใชค้ วามรูส้ ึกนึกคิดของตนเอง 3. เป็ นผูท้ ่ีเคารพการตดั สินใจของตนเอง เม่ือตดั สินใจภายใตข้ อ้ มูลท่ีมีอยูแ่ ละใช้ ความคิดท่ ีรอบคอบแลว้ 4. เป็นผูท้ ่ีเห็นเร่ืองเพศเป็นเร่ื องธรรมชาติ อยา่ คิดวา่ เร่ื องเพศเป็ นเร่ืองสกปรก ไมค่ วร นามาพูดคุยกนั ตอ้ งปกปิดกนั ดงั เชน่ สมยั กอ่ น 5. เป็นผูท้ ่ีมีทศั นคติตอ่ ความสุขทางเพศวา่ เป็นสิทธิของบุคคลทง้ั ชายและหญิง คือ เปิด ใจกวา้ งมากข้ึนเก่ียวกบั สิทธิทางเพศ แตก่ ็ตอ้ งอยูใ่ นกรอบของสงั คม ขนบธรรมเนียม ประเพณี และวฒั นธรรมอนั ดีงามของไทย 6. เป็ นผูท้ ่ีเคารพความตอ้ งการของคู่ และสิ ทธิ ของผูอ้ ่ื นตอ้ งมีความเ ป็ นนัก ประชาธิปไตยในเร่ืองความตอ้ งการของคูแ่ ละสิทธิของผูอ้ ่ืน

 1. เป็ นผูท้ ่ีสามารถเอาตวั รอด และจดั การกบั สถานการณ์เส่ียงต่างๆ ได้ ตลอดจนหาทางออกท่ีเหมาะสมจนบงั เกิดผลดีกบั ตนเอง 2. เป็นผูท้ ่ีควบคุมพฤติกรรมตนเองได้ และไมไ่ ปละเมิดสิทธิของผูอ้ ่ืน 3. เป็ นผูท้ ่ีมีทกั ษะในการส่ือสาร บอกความตอ้ งการของตนเองได้ สามารถ ส่ือสารได้ อยา่ งเหมาะสมสอดคลอ้ งกบั สถานการณ์ โอกาส และเวลา 4. เป็นผูท้ ่ีรบั ฟงั ความคิดเห็นของผูอ้ ่ืนท่ีแตกตา่ งจากความคิดเห็นของตนเองได้ 5. เป็ นผูท้ ่ีสามารถประเมินสถานการณ์และผลท่ีจะตามมาตลอดจนวางแผน รองรบั ได้ 6. เป็นผูท้ ่ีรูจ้ กั แสวงหาขอ้ มูลขา่ วสารตา่ งๆเพ่ือใหเ้ กิดความรูแ้ ละนาความรูน้ ้ันมา ประยุกตใ์ ชใ้ นชีวิตประจาวนั เพ่ือการแกป้ ัญหาไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม

หมายถึง วฒั นธรรมท่ีมีอิทธิพลตอ่ พฤติกรรมทางเพศ ไดแ้ ก่ ระเบียบจารีตประเพณี ศีลธรรม และจริยธรรมอนั ดีงามของคนไทยในดา้ นความประพฤติเก่ียวกบั เพศซ่ึงเป็นท่ียอมรับนับถือและสืบทอดปฏิบตั ิตอ่ เน่ื องกนั มายาวนาน ตงั้ แต่สมยั โบราณจนถึงปัจจุบนั ซ่ึงไดส้ ง่ ผลใหค้ รอบครัวและสงั คมไทยมีความสงบสุขร่มเย็น

 การวางตวั ตอ่ เพศเดียวกนั การวางตวั ตอ่ เพศเดียวกนั พอจะแบง่ ไดด้ งั น้ี - การวางตวั แบบเพ่ือน จะตอ้ งวางตวั เป็นเพ่ือนท่ีดี กลา่ วคือ เป็นเพ่ือนท่ีดีตอ่ กนั ไมข่ ดั คอกนั พูดจาดีตอ่ กนั มีส่ิงใดพอจะชว่ ยเหลือไดก้ ็ควรชว่ ยเหลือกนั มีส่ิงใดท่ีเพ่ือนทาใหไ้ มถ่ ูกใจก็ควร ใหอ้ ภยั กนั แนะนาเพ่ือนไปในทางท่ี - การวางตวั แบบพ่ีนอ้ ง พ่ีจะตอ้ งวางตวั เป็นพ่ีท่ีดีของนอ้ ง ตอ้ งทาตวั เป็ นแบบอยา่ งท่ีดีเพ่ือให้ นอ้ งปฏิบตั ิตาม เป็นผูน้ าท่ีดีของนอ้ ง แนะนาส่งั สอนในฐานะท่ีมีประสบการณม์ ากกวา่ วางตวั ใหน้ อ้ งเคารพนบั ถือ ไมเ่ อาเปรียบนอ้ ง ในทางตรงขา้ ม ตอ้ งเสียสละและชว่ ยเหลือนอ้ ง สาหรับ นอ้ งก็จะตอ้ งวางตวั เป็นนอ้ งท่ีดีของพ่ี เช่ือฟังพ่ี ส่ิงใดท่ีพอจะชว่ ยเหลือไดใ้ หช้ ว่ ยพ่ี เคารพใน ความเป็นพ่ี ซ่ึงเป็นผูอ้ าวุโสกวา่

 การวางตวั ตอ่ เพศตรงขา้ ม - การวางตวั แบบเพ่ือน ลกั ษณะการวางตวั โดยภาพรวมเหมือนกบั การวางตวั ตอ่ เพศ เดียวกนั แบบเพ่ือนแตก่ ารวางตวั แบบเพ่ือนกบั เพศตรงขา้ มจะมีความละเอียดออ่ นกวา่ ผูช้ ายควรจะปกป้องดูแลชว่ ยเหลือผูห้ ญิง ขอ้ สาคญั อยา่ คิดไมด่ ีกบั เพ่ือนในทางเพศ และ ไมค่ วรลว่ งเกินโดยการถูกเน้ือตอ้ งตวั ไมว่ า่ จะโดยเจตนาหรือไมเ่ จตนาก็ตาม - การวางตวั แบบพ่ีนอ้ ง ลกั ษณะการวางตวั โดยภาพรวมเหมือนกบั การวางตวั ตอ่ เพศ เดียวกนั แบบพ่ีนอ้ ง แตก่ ารวางตวั แบบพ่ีนอ้ งกบั เพศตรงขา้ มจะมีความละเอียดออ่ นกวา่ โดยเฉพาะผูช้ ายตอ้ งสุภาพ มีความเป็นสุภาพบุรุษ วางตวั เป็นพ่ีท่ีดี ไมค่ วรลว่ งเกินทาง เพศกบั นอ้ ง

 การวางตวั แบบคูร่ ัก กอ่ นจะมาเป็นคูร่ ักกนั ก็อาจจะเร่ิมจากการวางตวั แบบเพ่ือน หรื อแบบพ่ีนอ้ งกนั มากอ่ น แลว้ ตอ่ ๆ มาก็เปล่ียนเป็นแบบคูร่ ักหรื อแฟน ซ่ึงการ คบกนั แบบน้ีจะตอ้ งวางตวั ตอ่ กนั อยา่ งเหมาะสม อยา่ คานึงถึงเร่ื องเพศมากนัก ไมค่ วรลว่ งเกินกนั จนเกินเลย และไมค่ วรมีเพศสมั พนั ธก์ นั ในขณะท่ีตนเองยงั เรียนอยู่ การคบกนั ควรใหพ้ อ่ แมห่ รือผูป้ กครองรบั รู้ - การวางตวั ในสถานะเป็นคูค่ รองกนั การท่ีชายและหญิงแตง่ งานกนั อยู่ดว้ ยกนั เป็นการเร่ิมตน้ ของชีวิตคูท่ ่ีจะตอ้ งปรับตวั เขา้ หากนั และวางตัวอยา่ งเหมาะสม ตอ้ งใชศ้ ิลปะการครองรักครองเรื อน รูจ้ กั เอาใจเขามาใสใ่ จเรา ชว่ ยเหลื อเอ้ือ อาทรกนั ใหม้ าก ถนอมน้าใจซ่ึงกนั และกนั ตอ้ งซ่ือสตั ยต์ อ่ กนั ในทุกเร่ืองไมป่ ิดบงั กนั

แหล่งบริ การช่วยเหลือท่ีเป็ นมิตรสาหรับเยาวชน ต้ังข้ึนในบริ เวณโรงพยาบาลทุกระบบทง้ั ในกรุงเทพมหานครและจงั หวดั ตา่ งๆ ในรูปของ คลินิกวยั รุ่น (TEEN Center) จุดประสงคเ์ พ่ือเพ่ิมการเขา้ ถึงบริการใหค้ วามรู้ คาแนะนา ปรึกษาและบริการดูแลทางการแพทยแ์ กก่ ลุม่ เป้าหมายท่ีเป็นเยาวชนทง้ั ในสถานศึกษาสถานประกอบการ ชุมชนและสถานท่ีท่ีเป็นแหลง่ ชุมนุมวยั รุ่นใหส้ ามารถเขา้ ถึงขอ้ มูลและบริ การสุขภาพโดยไมม่ ีการเสียคา่ ใชจ้ ่ายและขอ้ มูลทุกอย่างจะถื อเป็ นความลบั อนั จะนาไปสูก่ ารลดปัญหาของวยั รุ่น โดยเฉพาะในเร่ืองเพศ โรคติดตอ่ทางเพศสมั พนั ธแ์ ละโรคเอดส์

คลินิกวยั รุ่น เป็นจุดแรกรบั บริการท่ีเขา้ สูร่ ะบบบริการของโรงพยาบาลจึง มีทงั้ บริ การส่งเสริมสุขภาพ บริ การใหค้ วามรู้และคาแนะนาเร่ื องสุขภาพให้ คาปรึกษาดา้ นสุขภาพและอนามยั การเจริญพนั ธุร์ วมถึงการป้องกนั แกไ้ ขและ ฟ้ืนฟูปัญหาสุขภาพและอนามยั การเจริญพนั ธุ์ดว้ ย ตลอดจนทาให้บริการส่ง ตอ่ ไปยงั คลินิกอ่ืนและติดตามดูแลอยา่ งตอ่ เน่ือง การเลือกใชแ้ หลง่ บริการท่ีเป็นมิตรในพ้ืนท่ี วยั รุ่นอาจเลือกแหลง่ บริการท่ีเป็นมิตรในพ้ืนท่ีท่ีใกลท้ ่ีสุด ใหค้ านึงวา่ ขอ้ มูลของ เราจะถูกเก็บเป็นความลบั ผูใ้ หค้ าแนะนาไดร้ บั การฝึกอบรมมาใหเ้ ขา้ ใจเรามาก ท่ีสุดปญั หาทุกอยา่ งมีทางออกเสมอ

รพ.สมเด็จพระสงั ฆราชองคท์ ี่ 17 จ.สพุ รรณบรุ ี รพ.สามชุก จ.สุพรรณบรุ ี รพ.บา้ นลาด จ.เพชรบุรี รพ.เลาขวญั จ.กาญจนบุรี รพ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี รพ.มหาสารคาม รพ.วาปี ปทุม จ.นครศรีธรรมราช รพ.ปากพนงั จ.นครศรีธรรมราช

 ความสาคญั ของเพศวิถีศึกษา เพศวิถีศึกษา กระบวนการ เป็ นศึกษาท่ีเก่ียวขอ้ งกบั มนุษยต์ งั้ แตเ่ กิดจนตาย เป็นกรรมวิธีท่ีจะใหบ้ ุคคลไดเ้ รียนรูธ้ รรมชาติ ความเป็นจริงของชีวิตและสงั คม เพ่ือให้ บุคคลมีความรู้ ทศั นคติ และพฤติกรรมท่ีถูกตอ้ งในเร่ืองเพศ ตลอดจนสามารถปรับตวั ตามพฒั นาการชีวิตไดอ้ ยา่ งเหมาะสม เพศวิถีศึกษา มิใชก่ ารสอนเร่ื องเพศสมั พนั ธ์ แตเ่ ป็ นการใหค้ วามรูแ้ ละสอนใหร้ ู้จกั บทบาทและคุณคา่ ของความเป็นชายและหญิงในสงั คม เพศวิถีศึกษา จึงมีความสาคญั ตอ่ เด็กและเยาวชนไทยในการสรา้ งความเขา้ ใจและเห็น คุณค่าของตนเอง ครอบครัวมีทกั ษะในการดาเนิ นชีวิตสามารถรู้เทา่ ทนั ภัยของ โรคติดตอ่ ทางเพศสมั พนั ธ์ โรคเอดส์ และการป้องกนั การมีเพศสมั พนั ธก์ อ่ นวยั อนั ควร

 1. เร่ื องเพศเป็นความจาเป็นท่ีจะตอ้ งไดท้ ราบภายในขอบเขต เพราะเป็นเร่ื องเก่ียวกบั ชีวิตของคนทุกคน.โดยเฉพาะความเจริญทางจิตใจนั้น จะควบคูก่ นั ไปกบั ความเจริญทาง เพศ 2. ความล้ีลบั หรือการปกปิดในเร่ืองเพศ อาจนาไปสูค่ วามเขา้ ใจผิด เชน่ เคร่งครัด โดย เขา้ ใจวา่ เร่ืองเพศน้ันเป็นของหยาบโลนไมค่ วรพูดถึงเลย หรือในทางตรงกนั ขา้ มก็ละเลย จนเกินไป 3. เพศศึกษายงั นาไปสูค่ วามสมบูรณใ์ นทางศีลธรรมและวฒั นธรรมของประชาชน เม่ือ ทุกคนรูจ้ กั ใหเ้ กียรติและการปฏิบตั ิระหวา่ งเพศท่ีถูกตอ้ ง รูจ้ กั ประพฤติตนใหอ้ ยูใ่ น ขอบเขตในความสมั พนั ธอ์ นั ดีระหวา่ งกนั 4. ปัจจุบนั ความเจริญทางดา้ นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไดก้ า้ วหนา้ ไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ.อยา่ งย่ิง ดา้ นการส่ือสารสามารถพูดคุยติดตอ่ และทราบขอ้ มูลต่าง ๆ ไดท้ ว่ั โลกภายในพริบตา จนทาใหโ้ ลกของเรา แคบลงทุกวนั

 1. พฒั นาการทางเพศ (Human sexual development) หมายถึง ความรูค้ วามเขา้ ใจในเร่ืองการเจริญเติบโตและพฒั นาการทางเพศตามวยั ทงั้ ทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสงั คม 2. สุขอนามยั ทางเพศ (Sexual health) หมายถึง ความรูค้ วามเขา้ ใจและ สามารถดูแลสุขภาพอนามยั ทางเพศไดต้ ามวยั เชน่ การดูแลรักษาอวยั วะในระบบ สืบพนั ธุ์ อนามยั การเจริญพนั ธุ์ ความเขา้ ใจตา่ ง ๆ ในเร่ืองเพศ 3. พฤติกรรมทางเพศ (Sexual behavior) หมายถึง การแสดงออกถึง พฤติกรรมทางเพศท่ีเหมาะสมกบั เพศและวยั 4. สมั พนั ธภาพ (Interpersonal relation) หมายถึง การสรา้ งและ รักษาความสมั พนั ธก์ บั บุคคลในสงั คม การสรา้ งและรักษาสมั พนั ธภาพกบั เพ่ื อนเพศ เดียวกนั และตา่ งเพศ การเลือกคู่ การเตรียมตวั กอ่ นสมรส และการสรา้ งครอบครัว

 5. ทกั ษะสว่ นบุคคล (Personal and communication skills) หมายถึง ความสามารถในการจดั การสถานการณ์ท่ีเก่ียวขอ้ งกบั เร่ื องเพศ เช่น ทกั ษะ การส่ือสาร ทกั ษะการปฏิเสธ ทกั ษะการขอความชว่ ยเหลือ ทกั ษะการจดั การกบั อารมณ์ ทกั ษะการตดั สินใจและแกป้ ญั หาท่ีเก่ียวกบั เร่ืองเพศ 6. สงั คมและวฒั นธรรม (Society and culture) หมายถึง คา่ นิยมในเร่ือง เพศท่ีเหมาะสมสอดคลอ้ งกบั สงั คมและวฒั นธรรมไทย และการปรับตวั ตอ่ กระแสการ เปล่ียนแปลงของสงั คม โดยเฉพาะจากส่ือท่ียว่ั ยุตา่ ง ๆ 7. บทบาททางเพศ (Gender role) หมายถึง การสรา้ งเอกลกั ษณท์ างเพศท่ี เหมาะสมความเสมอภาคทางเพศ และบทบาททางเพศท่ีชว่ ยเหลือเก้ือกูลกนั ในสงั คม อยา่ งสมดุลการสอนเพศศึกษาในแตล่ ะชว่ งอายุดงั น้ันการใหค้ วามรูจ้ ึงตอ้ งเร่ิมใหค้ วามรู้ ตอนวยั รุ่นก็อาจจะสายเกินไป

การทาโครงงานจะสง่ เสริมผูเ้ รียนดงั ตอ่ ไปน้ี1. สง่ เสริมการเรียนรูต้ ามความถนัดและความสนใจ2. สง่ เสริมการทางานร่วมกนั3. สง่ เสริมการทางานอยา่ งเป็นระบบ4. ฝึกการแกป้ ัญหา5. ฝึกการบูรณาการความรูใ้ นศาสตรต์ า่ งๆ เขา้ ดว้ ยกนั6. ฝึกการสรา้ งองคค์ วามรูใ้ หม่7. ฝึกการเรียบเรียงผลงานทางวิชาการ8. ฝึกการนาเสนอ

1. คิดและเลือกหวั ขอ้ เรื่องโครงงานท่ีสนใจ2. ศึกษาเอกสารท่ีเก่ียวขอ้ ง3. จดั ทาเคา้ โครงในการจดั ทาโครงงาน (Proposal) 4. ลงมือทาโครงงาน5. เขียนรายงาน6. เสนอผลงาน

หลงั จากท่ีผูเ้ รียนไดห้ ัวขอ้ เร่ื องทาโครงงานท่ีพอใจ และได้ ศึกษาเอกสารอา้ งอิงตา่ งๆ อยา่ งเพียงพอขน้ั ตอนตอ่ ไปคือ การเขียนเคา้ โครงสาหรับการทาโครงงานเสนอตอ่ อาจารย์ ผูส้ อน เพ่ือขอความเห็นชอบกอ่ นดาเนินการขนั้ ตอนตอ่ ไป

เคา้ โครงย่อของโครงงานโดยท่วั ๆ ไปจะเขียนข้ึนเพ่ือแสดงแนวความคิด แผนงาน และขน้ั ตอนของการทาโครงงานนัน้ ซ่ึงควรประกอบดว้ ยหวั ขอ้ ตอ่ ไปน้ี ช่ือโครงงาน.ช่ือผูท้ าโครงงาน ช่ืออาจารยท์ ่ีปรึกษาโครงงาน ท่ีมาและความสาคญั ของโครงงาน จุดมุง่ หมายของการศึกษาคน้ ควา้ สมมุติฐานของการศึกษาคน้ ควา้ (ถา้ มี) วิธีการดาเนินงาน ควรระบุ แผนปฏิบตั ิงาน ผลท่ีคาดวา่ จะไดร้ บั เอกสารอา้ งอิง/แหลง่ ศึกษาคน้ ควา้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook