ระบบการจดั การรา้ นซอ่ มรถมอเตอร์ไซค์ ศุภศักด์ซิ ปุ เปอรไ์ บค์ จัดทำโดย นายอำนาจ จนั ทร เลขที่ 24 นายศภุ กิตต์ิ พันชนัง เลขที่ 36 เสนอ ครจู ิรวรรณ มะลาไสย รายงานเล่มนเี้ ปน็ ส่วนหน่งึ ของรายวิชาการวิเคราห์และออกแบบระบบเชิงวตั ถุ รหัสวิชา 3204–2006 สาขาวิชาเทคโนโลยธี ุรกิจดิจิทลั ระดับชัน้ ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสงู (ปวส.) วิทยาลัยเทคนิคจันทบุรี ประจำภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2564
ระบบการจัดการร้านซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ สุภศักดซิ์ ปุ เปอร์ไบค์ จดั ทำโดย นายอำนาจ จันทร เลขท่ี 24 นายศภุ กิตต์ิ พันชนงั เลขท่ี 36 เสนอ ครูจริ วรรณ มะลาไสย รายงานเลม่ นเี้ ปน็ สว่ นหน่ึงของรายวิชาการวเิ คราห์และออกแบบระบบเชงิ วตั ถุ รหัสวชิ า 3204 – 2006 สาขาวิชาเทคโนโลยธี ุรกิจดจิ ิทลั ระดบั ชัน้ ประกาศนียบัตรวชิ าชพี ชน้ั สงู (ปวส.) วทิ ยาลัยเทคนิคจันทบุรี ประจำภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2564
คำนำ รายงานเลม่ นีจ้ ัดทำขน้ึ เพ่อื ประกอบการเรยี นในวิชาการวิเคราะห์และออกแบบระบบเชิงวัตถุ รหัสวิชา 30204-2003 หลักสูตรประกาศนยี บัตรวิชาชีพชั้นสงู (ปวส.) อาชีวศึกษา โดยจัดทำขึ้นเพ่อื ศกึ ษาการวิเคราะหแ์ ละออกแบบรา้ นซ่อมรถมอเตอรไ์ ซค์ สุภศกั ดิ์ซุปเปอรไ์ บค์ และเปน็ การศึกษาการ เรยี นรู้โดยตัวผ้เู รยี นศกึ ษา และปฏิบตั โิ ดยใช้ทกั ษะตามรายวชิ า คณะผูจ้ ดั ทำได้ทำรายงานผลการวิจยั ไดม้ กี ารศกึ ษาค้นควา้ รวบรวมข้อมูลและนำมาวเิ คราะห์ ออกแบบระบบการทำงาน คณะผ้จู ดั ทำหวังว่ารายงานเลม่ นี้จะเป็นประโยชนแ์ กผ่ ู้ท่ีอ่านหรือผู้ท่ีสนใจ และกำลงั ศึกษาเรอื่ งน้อี ยู่ หากมขี ้อผิดพลาดประการใด คณะผ้จู ัดทำขออภัยมา ณ ท่ีนด้ี ว้ ย คณะผู้จัดทำ ก
สารบญั หนา้ ก คำนำ ข สารบัญ ง สารบญั ตาราง จ สารบญั ภาพ บทที่ 1 บทนำ 1 1 1.1 หลกั การและเหตุผล 1 1.2 วัตถุประสงคข์ องการวิเคราะหแ์ ละออกแบบระบบ 1 1.3 เป้าหมาย 2 1.4 การติดตามผลและการประเมิน 2 1.5 ประโยชน์ทค่ี าดวา่ น่าจะไดร้ บั 1.6 ระยะเวลาที่ใชใ้ นการวเิ คราะห์และออกแบบระบบ 3 บทท่ี 2 เอกสารท่ีเก่ยี วข้อง 5 2.1 ระบบฐานข้อมลู 5 2.2 ประโยชน์ของการวเิ คราะหร์ ะบบ 6 2.3 การวเิ คราะหร์ ะบบ 8 2.4 การออกแบบระบบ 14 2.5 การพฒั นาระบบ 15 2.6 การนำไปใชแ้ ละบำรงุ รักษา 2.7 ประเภทของระบบงาน 18 บทที่ 3 วิธีดำเนนิ การวิจยั 19 3.1 การเก็บรวบรวมข้อมลู 21 3.2 วิเคราะห์ระบบโดยใช้ DFD 22 3.3 ออกแบบ ER-Model 3.4 ออกแบบฐานข้อมลู และสร้างความสัมพันธโ์ ดยใช้ Microsoft Access ข
สารบัญ (ตอ่ ) หนา้ บทท่ี 4 ผลการดำเนินงาน 25 4.1 ออกแบบหนา้ จอ Output 28 4.2 การจดั เก็บ Data base 32 บทท่ี 5 สรปุ ผลการวิเคราะห์ ออกแบบระบบและข้อเสนอแนะ 32 5.1 วตั ถุประสงคข์ องการวเิ คราะหแ์ ละออกแบบระบบ 32 5.2 การเก็บรวบรวมขอ้ มูล 32 5.3 ข้อเสนอแนะ 33 5.4 สรปุ ผลการวิเคราะห์และออกแบบระบบ 35 บรรณานกุ รม ภาคผนวก ก 37 Context Diagram หรอื DFD ระดับ 0 ของ รา้ นซอ่ มรถมอเตอรไ์ ซค์ 39 ภาคผนวก ข 41 Context Diagram หรือ DFD ระดบั 1 ของ ร้านซ่อมรถมอเตอรไ์ ซค์ ภาคผนวก ค 44 45 ER-Model แบบ Chen Model and Crow'sFoot Model ร้านซ่อมรถมอเตอรไ์ ซค์ 46 ภาคผนวก ง Entity Relationship Diagram รา้ นซอ่ มรถมอเตอร์ไซค์ ภาคผนวก จ สรปุ บทสมั ภาษณ์ คำถาม 9 ข้อ คำถาม 15 ขอ้ ค
สารบญั ตาราง หนา้ ตารางท่ี 2 1.1 ระยะเวลาที่ใช้ในการวิเคราะหแ์ ละออกแบบระบบ 18 4.2.1 แสดงชนดิ ข้อมลู User 18 4.2.2 แสดงชนดิ ข้อมูลลกู คา้ 18 4.2.3 แสดงชนิดขอ้ มูลรถลกู คา้ 28 4.2.4 แสดงชนิดข้อมลู รายการสั่งซ่อมรถ 29 4.2.5 แสดงชนิดข้อมลู การซอ่ ม 29 4.2.6 แสดงชนดิ ขอ้ มลู พนักงาน 29 4.2.8 แสดงชนิดขอ้ มลู ใบเสร็จรบั เงนิ ง
สารบญั ภาพ หน้า ภาพท่ี 4 2.1 Database 4 2.2 Database System 10 2.3 เข้าใจปญั หา (Problem Recognition) 10 2.4 ศกึ ษาความเป็นไปได้ (Feasibility Study) 11 2.5 การวิเคราะห์ (Analysis) 12 2.6 การออกแบบ (Design) 13 2.7 การพฒั นาระบบ (Construction) 13 2.8 การปรบั เปลย่ี น (Construction) 14 2.9 บำรุงรักษา (Maintenance) 19 3.1 Context Diagram Level 0 ระบบร้านซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ 20 3.2 Context Diagram Level 1 ระบบร้านซอ่ มรถมอเตอร์ไซค์ 21 3.3 Chen ER-MODEL ระบบรา้ นซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ 21 3.4 Craw's Foot ER-MODEL รา้ นซ่อมรถมอเตอรไ์ ซค์ 22 3.5 การออกแบบตารางข้อมูลรา้ นซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ 22 3.6 การออกแบบตารางขอ้ มูล User 22 3.7 การออกแบบตารางข้อมูล ลูกค้า 23 3.8 การออกแบบตารางข้อมูล พนักงาน 23 3.9 การออกแบบตารางขอ้ มูล สงั่ ซอ่ ม 23 3.10 การออกแบบตารางข้อมูล การซอ่ ม 23 3.11 การออกแบบตารางขอ้ มูล Category 24 3.12 การออกแบบตารางข้อมูล ใบเสร็จรับเงิน 24 3.13 การออกแบบตารางขอ้ มูล User 24 3.14 การสรา้ งความสัมพันธห์ รอื Entity Relationship Diagram 25 4.1 หนา้ จอเข้าใช้งาน 25 4.2 หน้าจอ Output ลูกค้า 26 4.3 หน้าจอ Output รายการส่งั ซ่อม 26 4.4 หน้าจอ Output รายการซอ่ ม 27 4.5 หนา้ จอ Output พนกั งาน 27 4.6 หน้าจอ Output ใบเสรจ็ รับเงนิ จ
สารบัญภาพ(ต่อ) ภาพท่ี หน้า 4.7 ข้อมูลลกู คา้ 30 4.8 ข้อมูลอะไหลร่ ถ 30 4.9 ข้อมูลรายการส่ังซอ่ ม 30 4.10 ข้อมูลการซอ่ ม 31 4.11 ขอ้ มูลพนกั งาน 31 4.12 ขอ้ มลู ใบเสร็จรับเงนิ 31 ฉ
บทที่ 1 บทนำ 1.1 หลกั การและเหตผุ ล ร้านซ่อมรถมอเตอรไ์ ซค์ สุภศักดิ์ซุปเปอรไ์ บค์ ได้เปิดมาเป็นเวลายาวนานกว่า 20 ปี เพื่อทำ การบริการซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ให้กับบคุ คลทั่วไป ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่นิยมรถบิ๊กไบค์ และรถ มอเตอรไ์ ซค์ทว่ั ไป ซงึ่ ทางร้านสามารถซ่อมไดท้ กุ อาการ หรอื แม้กระทั่งการปรับแต่งรถใหด้ สู วยงาม ซึ่ง ทางรา้ นซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ สุภศักด์ิซปุ เปอร์ไบค์ ยงั มีบรกิ ารขับรถไปรบั รถลูกค้าทา่ นใดท่เี สียระหว่าง ทางมาร้านไดร้ อบเขตตัวเมืองจันทบุรี ลูกค้าสามารถชำระเงนิ ก่อนการซ่อมได้ หรือชำระเงินหลังการ ซอ่ มเสร็จก็ไดเ้ ชน่ กัน มปี ญั หาหลงั การซอ่ มทางร้านพรอ้ มรับประกนั ทุกอาการ เนื่องจากร้านซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ สุภศักดิ์ซุปเปอร์ไบค์ มีพนักงานให้บริการเพยี งแค่สองคน ทำให้มกี ารใหบ้ รกิ ารที่ไมท่ ว่ั ถงึ จงึ เกดิ การบริการทลี่ ่าช้าจงึ ไดพ้ ฒั นาและวเิ คราะห์ระบบการทำงานร้าน ซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ สุภศักดิ์ซุปเปอร์ไบค์ ให้มีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้นตามความต้องการ ของเจา้ ของธุรกจิ ดงั นั้น คณะผู้จัดทำได้มแี นวคดิ ในการทำระบบของร้านซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ สุภศักดิส์ มศกั ด์ิ น้ี ข้นึ มาเพ่ือประยุกต์ใหร้ า้ นซอ่ มมอเตอรไ์ ซค์ ใหม้ ีระบบและประสทิ ฺธิภาพทดี่ ีข้ึน โดยมเี ทคโนโลยีต่าง ๆ มาวเิ คราะห์ในส่วนของระบบภายในและระบบภายนอกใหอ้ อกมาอย่างมีระบบ 1.2 วัตถปุ ระสงค์ของการวิเคราะห์และการออกแบบระบบ 1.2.1 เพือ่ วิเคราะหแ์ ละออกแบบระบบร้านซอ่ มรถมอเตอร์ไซค์ สุภศกั ดิ์ซปุ เปอร์ไบค์ 1.2.2 เพ่ือศึกษาและสำรวจร้านซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ สุภศักด์ิซุปเปอร์ไบค์ 1.2.3 เพือ่ เรยี นรู้และเก็บประสบการณจ์ ากการทำธุรกิจของผู้ประกอบการ 1.3 เปา้ หมาย 1.3.1 สามารถนำระบบที่วิเคราะห์และออกแบบมาใชง้ านไดจ้ รงิ 1.3.2 เรียนร้กู ารทำงานธรุ กิจกบั ผปู้ ระกอบการเพ่อื นำไปใช้ในอนาคต 1.4 การติดตามผลและการประเมนิ 1.4.1 การตดิ ตามผล และระบบในทกุ ๆ ครั้ง 1.4.2 รายงานสรปุ ผลการวเิ คราะห์และออกแบบระบบ
2 1.5 ประโยชนท์ ีค่ าดว่านา่ จะได้รบั 1.5.1 ไดร้ ะบบสารสนเทศท่ีมีลักษณะของสารสนเทศทด่ี คี รบถว้ น 1.5.2 เจ้าของธุรกิจหรือพนักงานมีความพอใจในการนำระบบที่มีการวิเคราะห์และออกแบบใน ระดบั ดถี ึงดีมาก 1.5.3 สามารถความรูเ้ กี่ยวกบั การวเิ คราะหแ์ ละออกแบบระบบนำไปใชใ้ นอนาคตได้ 1.6 ประโยชน์ทไี่ ดร้ ับ ตารางในการวเิ คราะหแ์ ละออกแบบระบบครง้ั น้ใี ช้ระยะเวลา ตั้งแตเ่ ดอื นพฤศจิกายน พ.ศ 2564 ถึง เดือนมนี าคม พ.ศ 2565 ดงั ตารางที่ 1.1 ข้ันตอน สัปดาห์ท่ี การดำเนนิ งาน 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 1. กำหนดโครงงาน 2. เสนอโครงงาน 3. ศกึ ษารายละเอยี ดข้อมูล 4. ออกแบบระบบ 5. ดำเนนิ การทำระบบ 6. นำเสนอระบบ 7. ประเมินผลและสรุปผล 8. จัดทำเอกสารโครงงาน ตารางที่ 1.1 ระยะเวลาท่ีใช้ในการวเิ คราะหแ์ ละออกแบบระบบ
บทท่ี 2 เอกสารที่เกีย่ วข้อง การวเิ คราะหร์ ะบบร้านซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ สภุ ศักดซิ์ ุปเปอรไ์ บค์ ทางผูพ้ ฒั นาไดท้ ำการศึกษา หลักการทฤษฎีต่าง ๆ เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งแหล่งที่มาของข้อมูลที่มีความจำเป็นในการ พัฒนาระบบ เพื่อที่ทำให้ได้มีระบบงานที่มีความถูกต้องและรวดเร็วในการดำเนินงาน โดยมี รายละเอียดดังตอ่ ไปน้ี 2.1 ระบบฐานขอ้ มลู ระบบฐานข้อมูล (Database System) หมายถึง การรวมตัวกันของฐานข้อมูลตั้งแต่ 2 ฐานข้อมูลเป็นต้นไปที่มีความสัมพันธ์กันโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการลดความซ้ำซ้อนของข้อมูล และทำให้การบำรุงรกั ษาตัวโปรแกรมง่ายมากขน้ึ โดยผ่านระบบการจัดการฐานข้อมูล หรอื เรียกย่อ ๆ ว่า DBMS องค์ประกอบของระบบฐานข้อมูล ระบบฐานข้อมลู เปน็ เพยี งวธิ ีคดิ ในการประมวลผลรูปแบบ หน่งึ เท่านน้ั แต่การใช้ฐานข้อมูลจะตอ้ งประกอบไปดว้ ยองค์ประกอบหลักดงั ตอ่ ไปนี้ 2.1.1 แอพลิเคชนั ฐานข้อมลู (Database Application) 2.1.2 ระบบจดั การฐานข้อมูล (Database Management System หรือ DBMS) 2.1.3 ดาตา้ เบสเซิร์ฟเวอร์ (Database Server) 2.1.4 ข้อมูล (Data) 2.1.5 ผู้บริหารฐานข้อมูล ((Database Administrator หรอื DBA) แอพพลเิ คชันฐานข้อมูล เปน็ แอพพลเิ คชนั ท่ีสร้างไว้ให้ผ้ใู ชง้ านสามารถติดต่อกับฐานข้อมูลได้ อยา่ งสะดวก ซ่งึ มรี ูปแบบการติดต่อกบั ฐานขอ้ มลู แบบเมนหู รอื กราฟฟิก โยผู้ใชไ้ ม่จำเปน็ ตอ้ งมีความรู้ เกี่ยวกบั ฐานขอ้ มลู เลยก็สามารถเรียกใชง้ านฐานขอ้ มูลไดเ้ ชน่ บรกิ ารเงนิ สด ATM ระบบจัดการฐานขอ้ มูล หมายถงึ กลมุ่ โปรแกรมหรือซอฟต์แวร์ชนดิ หนง่ึ ที่สร้างขึน้ มาเพ่ือทำ หน้าที่บรหิ ารฐานข้อมูลโดยตรง ให้มีประสิทธิภาพมากท่ีสุด เป็นเครื่องมือที่ช่วยอำนวยความสะดวก ให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องรับรู้เกี่ยวกับรายละเอียดภายในโครงสร้าง ฐานข้อมูล พูดง่าย ๆ ก็คือ DBMS นี้เป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงระหว่างผู้ใช้ และโปรแกรมต่างๆ ท่ี เกี่ยวข้องกับระบบฐานข้อมูล ตัวอย่างของ DBMS ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ได้แก่ Microsoft Access, FoxPro, SQL Server, Oracle, Informix, DB2 เป็นตน้ หนา้ ทีข่ องระบบจดั การฐานข้อมลู มดี งั นี้ 2.1.6 กำหนดมาตรฐานข้อมลู 2.1.7 ควบคมุ การเข้าถงึ ข้อมูลแบบต่าง ๆ
4 2.1.8 ดูแล-จัดเก็บขอ้ มูลให้มคี วามถกู ต้องแมน่ ยำ 2.1.9 จดั เร่ืองการสำรอง และฟืน้ สภาพแฟม้ ข้อมูล 2.1.10 จัดระเบียบแฟม้ ทางกายภาพ (Physical Organization) 2.1.11 รกั ษาความปลอดภัยของข้อมูลภายในฐานข้อมลู และปอ้ งกันไม่ใชข้ อ้ มลู สญู หาย 2.1.12 บำรุงรกั ษาฐานขอ้ มลู ให้เปน็ อิสระจากโปรแกรมแอพพลเิ คชันอื่น ๆ 2.1.13 เชื่อมโยงข้อมูลที่มีความสัมพันธ์เข้าด้วยกัน เพื่อรองรับความต้องการใช้ข้อมูลในระดบั ต่าง ๆ ภาพที่ 2.1 Database ดาต้าเบสเซิร์ฟเวอร์ เป็นคอมพิวเตอร์ที่คอยให้บริการการจัดการฐานข้อมูล ซึ่งก็คือเครื่อง คอมพิวเตอร์ที่ระบบจัดการฐานข้อมูลทำงานอยู่นั่นเอง เพราะฉะนั้นควรเป็นคอมพิวเตอร์ที่มีความ รวดเรว็ ในการทำงานสูงกวา่ คอมพิวเตอร์ที่ใชง้ านโดยทวั่ ไป ข้อมูล คือ เนื้อหาของข้อมูลที่เราใช้งาน ซึ่งจะถูกเก็บในหน่วยความจำของดาต้าเบส เซิร์ฟเวอร์ โยจะถกู เรยี กมาใช้งานจากระบบจัดการฐานขอ้ มูล ผู้บริหารฐานข้อมูล คือ กลุ่มบุคคลที่ทำหน้าที่ดูแลข้อมูลผ่านระบบจัดการฐานข้อมลู ซึ่งจะ ควบคุมใหก้ ารทำงานเป็นไปอย่างราบรนื่ นอกจากนย้ี งั ทำหน้าทีก่ ำหนดสิทธิการใช้งานข้อมูล กำหนด ในเร่ืองความปลอดภัยของการใช้งาน พร้อมท้ังดูแลดาตา้ เบสเซิร์ฟเวอร์ใหท้ ำงานอยา่ งปกติดว้ ย ภาพที่ 2.2 Database System
5 ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ (Relational Database) ฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์เป็นฐานข้อมูลที่นิยม นำมาใชง้ านในปัจจบุ นั มากท่ีสุดฐานข้อมูลหน่งึ โดยผู้ริเรม่ิ พฒั นากค็ ือ อีเอฟ คอดด์ (E.F.Codd) และ ระบบจัดการฐานข้อมูลที่ใช้ฐานข้อมูลแบบนี้ ได้แก่ Microsoft Access, DB2 และ Oracle เป็นต้น ลักษณะโครงสร้างข้อมูลของฐานข้อมูลชนิดนี้ ข้อมูลถูกจัดเก็บในรูปแบบของคาราง (Table) ซึ่ง ภายในตารางก็จะแบ่งออกเป็นแถว (Row) และคอลัมน์ (Column) แต่ละตารางจะมีจำนวนแถวได้ หลายแถว และจำนวนคอลมั นไ์ ดห้ ลายคอลัมน์ แถวแต่ละแถวสามารถเรียกชื่อได้อกี อย่างว่า ระเบียน หรอื เรคคอร์ด (Record) และคอลัมนแ์ ต่ละคอลมั นเ์ รียกได้อกี ช่อื หนงึ่ ว่า เขตข้อมลู หรอื ฟิลด์ (Field) 2.2 ประโยชนข์ องการวิเคราะห์ระบบ 2.2.1 ช่วยให้ฝ่ายบริหารเข้าใจ วิธีปฏิบัติกระบวนการปฏิบัติและระบบต่างๆ และหาหนทาง ปรบั ปรงุ แกไ้ ขใหก้ ารปฏบิ ัตงิ านตา่ ง ๆ เป็นไปอย่างมปี ระสิทธภิ าพ 2.2.2 ช่วยใหเ้ กดิ การใชท้ รัพยากรอยา่ งประหยัด 2.2.3 ช่วยใหก้ ารควบคมุ การปฏบิ ัตงิ านเป็นไปตามแผนขององคก์ ารและกอ่ ให้เกดิ การ 2.2.4 ประสานงานทดี่ ีตอ่ กันทำให้การวเิ คราะหส์ ถานการณ์มีความน่าเช่ือถือ 2.2.5 ทำใหผ้ ้วู เิ คราะห์ไดท้ ำงานอย่างเปน็ ระบบ 2.2.6 ทำใหผ้ ู้รับสารไดร้ บั ข้อมลู การวเิ คราะหท์ ่ีครบถ้วนและมีข้อมูลอ้างอิง 2.2.7 ทำให้เกดิ องค์ความร้ใู หมท่ ส่ี ามารถนำไปตอ่ ยอดได้ 2.2.8 สามารถจัดทำแนวทางการพจิ ารณาจัดอบรมพนกั งาน 2.2.9 ใช้เป็นขอ้ มูลในการกำหนดแผนงานเพื่อพัฒนาศกั ยภาพพนกั งาน 2.2.10 ใชเ้ ปน็ แนวทางกำหนดมาตรฐานการปฏิบตั งิ าน 2.2.11 ใช้ประโยชนใ์ นการบรรจุพนกั งานตามทักษะของแต่ละบคุ คล 2.2.12 ใช้เปน็ กรอบในการพิจารณาคา่ ตอบแทนในการทำงานให้เปน็ ไปอย่างยตุ ิธรรม 2.3 การวเิ คราะหร์ ะบบ การวิเคราะห์ระบบ (systems analysis) เป็นการศึกษาถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในระบบงาน ปัจจุบัน (Current System) เพื่อออกแบบระบบการทำงานใหม่ (New System) นอกจาก ออกแบบสร้างระบบงานใหม่แล้ว เป้าหมายในการวิเคราะห์ระบบต้องการปรับปรุงและแก้ไข ระบบงานเดมิ ใหม้ ีทิศทางทด่ี ขี นึ้ โดยกอ่ นทร่ี ะบบงานใหม่ ยังไมน่ ำมาใช้งาน ระบบงานท่ีดำเนนิ การอยู่ ในปัจจุบันเรียกว่า ระบบปัจจุบัน แต่ถ้าต่อมามีการพัฒนาระบบใหม่และนำมาใช้งาน เราะจะเรียก ระบบปัจจุบันท่ีเคยใชน้ น้ั วา่ ระบบเก่า (Old system) ขัน้ ตอนการวิเคราะห์ และออกแบบระบบได้แก่
6 2.3.1 วงจรการพฒั นาระบบ (System Development Life Cycle) 2.3.2 วศิ วกรรมซอฟตแ์ วร์ (Software Engineering and Water Fall Model) 2.3.3 แผนภาพกระแสข้อมูล (Data Flow Diagram) 2.3.4 การบริหารโครงการ (Project Management) 2.3.5 แนวคดิ เชิงวตั ถุ (Object-Oriented Concept) 2.3.6 การวิเคราะห์และออกแบบระบบเชิงวัตถุด้วย UML (Object-Oriented Analysis and Design with UML) 2.4 การออกแบบระบบ การวเิ คราะหร์ ะบบงาน คำวา่ วเิ คราะห์มาจากคำว่า พิเคราะห์ ซึ่งเป็นการเปลีย่ น พ เปน็ ว ในภาษาไทยซ่ึงแปลความหมายได้ว่า การพินิจพิเคราะห์ การพิจารณา การใคร่ครวญ การไต่สวน ความหรือเรื่องราว ส่วนในภาษาอังกฤษก็ได้ให้ความหมายใกล้เคียงกันคือ Determine, Examine และ Investigate ซึ่งคำวา่ วเิ คราะหน์ ส้ี ามารถนำไปใชก้ ับวิชาการต่างๆ ได้มากมาย เชน่ การวเิ คราะห์ โครงสรา้ ง การวิเคราะห์เชิงคณุ ภาพ การวิเคราะห์เชิงปรมิ าณ การวเิ คราะหป์ ญั หา เป็นต้น คำว่า วิเคราะห์ ที่ใช้กับการวิเคราะห์ระบบนั้น ตรงกับภาษาอังกฤษว่า “Analysis” ซ่ึง แปลว่า การาแยกสิ่งที่ประกอบกันออกเป็นส่วนๆ เช่น การแยกระบบใหญ่ออกเป็นส่วนย่อย ๆ คือ เป็นการแยกปญั หาออกเปน็ สว่ นๆ เพื่อสะดวกในการพิจารณาหรอื ตัดสินใจ จากความหมายของคำว่า วิเคราะห์ดังกล่าวนี้ จะเห็นว่าการวิเคราะห์ระบบงานไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยากหรือเรื่องที่สลับซับซ้อนแต่ ประการใด การพิจารณาใครค่ รวญในปัญหาต่างๆ ของคนเราน้ัน มีวธิ ีการใหญ่ๆ อยดู่ ว้ ยกัน 2 วิธี คือ 2.4.1 วิธีธรรมดา (Natural Determination) เป็น วิธีที่คนส่วนมากใช้กันเป็นปกติธรรมดาโดย อาศัยประสบการณ์และสามัญสำนึกของแต่ละบุคคลเปน็ หลัก คนที่มีวจิ ารณญาณสูงๆ อาจจะสามารถ พิจารณาตัดสินใจในปัญหาต่างๆ ได้อย่างถูกต้องและรวดเร็วไม่แพ้นักวิชาการทางด้านวิเคราะห์ระ อยา่ งไรก็ตามาการพิจารณาใคร่ครวญและตัดสินใจด้วยวิธีการนโ้ี อกาสที่จะผดิ พลาดย่อมมีสูง ซึ่งเป็น เหตุให้เกดิ การสูญเสยี แก่ธุรกิจเป็นอย่างมากเชน่ เดยี วกนั ดงั น้นั ถา้ เปน็ งานสำคญั ๆ ทางธุรกิจแล้วไม่ ควรใช้วิธีนี้เปน็ อย่างยิ่ง 2.4.2 วิธีการทางวิทยาศาสตร์ Methodology Determination หรือ System Analysis เป็น วิธีการพิจารณาใคร่ครวญและตัดสินใจโดยอาศัยระบบทางวิทยาศาสตร์ เช่น สถิติ และการคำนวณ เป็นต้น วิธนี ้เี ป็นวิธที ่ีใช้หลักวิชาการแขนงต่างๆ ทจ่ี ะใช้ในการวเิ คราะหแ์ ละออกแบบระบบงาน จึงได้ มีการจัดใหส้ อนในสถาบนั การศึกษาตา่ ง ๆ ขนึ้ นอกจากนย้ี งั มีคำที่ใกล้เคียงกนั หรือคล้ายคลึงกันกับคำว่า วเิ คราะห์ ท่คี วรจะทำความเข้าใจ เพือ่ ป้องกนั การสบั สนในการใช้ เช่น คำว่า การวจิ ัย การค้นควา้ การคน้ คิด เป็นตน้ ซ่งึ ความจริงแล้ว
7 การวเิ คราะหก์ บั การวิจยั เป็นคนละเรื่อง คนละความมงุ่ หมายกนั แต่มคี วามใกล้เคยี งกนั มาก การวิจัย นั้นมุ่งในการค้นหาข้อเทจ็ จริง หรือความถูกตอ้ งที่สดุ ของปัญหา เช่น การวจิ ัยภาวะของผู้มีรายได้น้อย คือ การคน้ สภาพของผู้มีรายได้น้อย เป็นการหาสาเหตุวา่ เปน็ เพราะอะไรที่ทำให้คนเหล่าน้ีมารายได้ นอ้ ย และเขาเหล่านมี้ ีความเปน็ อย่กู นั อย่างไร มคี วามเดอื ดรอ้ นในเรอ่ื งอะไรบ้าง เหลา่ น้ีเป็นต้น ส่วน การวิเคราะห์นนั้ จะเปน็ การมงุ่ หาสาเหตุเพื่อทำการแก้ปัญหาทีเ่ กิดข้นึ นั้นให้ดีที่สุดหรือเหมาะสมที่สุด เทา่ ที่จะทำได้ การแกป้ ัญหาทีไ่ ด้จากการวเิ คราะห์ระบบน้นั อาจไมใ่ ชท่ างท่ีถกู ตอ้ งที่สุด แต่เป็นทางที่ดี ท่ีสดุ ทคี่ วรจะกระทำเท่านน้ั ท้ังนเ้ี พราะการแก้ไขปัญหาของนกั วิเคราะหร์ ะบบเป็นการประนีประนอม กับบุคคลในหลาย ๆ ฝ่ายที่จะต้องทำงานร่วมกันเพื่อให้การทำงานของระบบมีประสิทธิภาพสูงสุด นน่ั เอง การวิเคราะหร์ ะบบ (System Analysis) หมายถงึ วธิ ีการวิเคราะหร์ ะบบใดระบบหนึง่ โดยมี การคาดหมายและจุดมุง่ หมายที่จะมีการปรับปรุงและแกไ้ ขระบบน้ัน การวิเคราะหน์ ั้นจะตอ้ งทำการ แยกแยะปญั หาออกมาใหไ้ ด้ แล้วกำหนดปญั หาเป็นหัวขอ้ เพอ่ื ทำการศกึ ษา และหาวิธแี กไ้ ขในทส่ี ดุ การวิเคราะห์และออกแบบระบบ (System Analysis and Design) หมายถึง วิธีการที่ใช้ใน การสร้างระบบสารสนเทศขึ้นมาใหม่ในธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง หรือในระบบย่อยของธุรกิจ นอกจากการ สรา้ งระบบสารสนเทศใหม่แลว้ การวิเคราะหร์ ะบบช่วยในการแกไ้ ขระบบสารสนเทศเดิมท่ีมีอยู่แล้วให้ ดขี ้นึ ด้วยก็ได้ การวเิ คราะห์ระบบ คอื การหาความต้องการ (Requirements) ของระบบสารสนเทศว่า คอื อะไร หรอื ตอ้ งการเพ่ิมเตมิ อะไรเขา้ มาในระบบ การออกแบบระบบงาน หมายถึง การนำเอาความต้องการของระบบมาเป็นแบบแผนหรือ เรียกว่า พมิ พเ์ ขียวในการสร้างระบบสารสนเทศให้ใช้งานได้จริง ความตอ้ งการของระบบ เช่น สามารถ ตดิ ตามยอดขายได้เปน็ ระยะ เพือ่ ให้ฝา่ ยบรหิ ารสามารถปรบั ปรงุ การขายไดท้ ันทว่ งที 2.4.3 นักวิเคราะหร์ ะบบ (System Analysis) เมื่อได้ทำความรู้จักและเข้าใจถึงความหมายของ การวิเคราะหแ์ ละออกแบบระบบแล้วกต็ ้องมาทำความรู้จักกับผ้ทู ่ีจะมาทำการวเิ คราะห์และออกแบบ ระบบทไ่ี ดก้ ล่าวถงึ มาต้งั แตต่ ้นให้ดกี ่อนที่จะไปเรมิ่ การทำการวเิ คราะหแ์ ละออกแบบระบบต่อไป 2.4.4 นักวเิ คราะห์ระบบ (System Analysis) คือ บุคคลที่ศึกษาปัญหาซบั ซอ้ นทเี่ กดิ ข้นึ ในระบบ และแยกแยะปัญหาเหล่านั้นอย่างมีหลักเกณฑ์ นักวิเคราะห์ระบบหรือที่เราเรียกกันว่า SA จะทำ หน้าที่หาวิธีการแก้ไขปัญหาที่แยกแยะเหล่านั้น พร้อมทั้งให้เหตุผลด้วยการวิเคราะห์ระบบนั้น นกั วิเคราะหร์ ะบบจะต้องกำหนดขอบเขตการวเิ คราะห์ และตอ้ งกำหนดจุดมุง่ หมายหรือเป้าหมายใน การวิเคราะหน์ น้ั ดว้ ย นอกจากนย้ี ังต้องทำความเข้าใจโครงสรา้ งลกั ษณะขององคก์ ารนั้นในด้านตา่ ง ๆ
8 2.4.5 นกั วิเคราะหร์ ะบบ (System Analysis) คอื บคุ คลทม่ี ีหน้าที่วิเคราะห์และออกแบบระบบ ซึ่งปกติแล้วนักวเิ คราะหร์ ะบบควรจะอยูใ่ นทีมระบบสารสนเทศขององคก์ รหรอื ของธรุ กิจนั้น ๆ 2.4.6 นักวิเคราะห์ระบบ (System Analysis) คือ บุคคลที่มีหน้าที่ในการออกแบบและพัฒนา ระบบงานในระบบการประมวลผลข้อมูล ด้วยระบบและวิธีการต่าง ๆ เพื่อให้ระบบงานบรรลุถึง เป้าหมายตามต้องการของผู้ใช้ระบบ เริ่มตั้งแต่การวิเคราะห์ระบบข้อมูล การออกแบบระบบการ ปฏิบัติงานในการประมวลผลข้อมูล การสร้างขั้นตอนการปฏิบัติงาน การพัฒนาโปรแกรม และการ เขียนเอกสารต่าง ๆ ประกอบการปฏบิ ตั ิงานของระบบ 2.5 การพฒั นาระบบ การพัฒนาระบบ เป็นการสร้างระบบงานใหม่หรือปรับเปลี่ยนระบบงานเดิมที่มีอยู่แล้วให้ สามารถทำงานเพื่อแก้ปัญหาการดำเนินงานทางธุรกิจได้ตามความต้องการของผู้ใช้งานโดยอาจนำ คอมพิวเตอรเ์ ข้ามาชว่ ยในการนำข้อมูลเขา้ สู่ระบบเพื่อประมวลผลเรียบเรียง เปลี่ยนแปลงและจัดทำ ให้ได้ผลลพั ธต์ ามต้องการ วธิ ีการพัฒนาระบบสารสนเทศมี 5 วิธี ดงั ต่อไปน้ี 2.5.1 การพัฒนาระบบงานแบบดั้งเดิม (Traditional SDLC Methodology) เป็นการพัฒนา ระบบสารสนเทศตามวงจรการพฒั นาระบบท่ีมขี ั้นตอนทีแ่ น่นอน วธิ นี เ้ี ปน็ วิธีเก่าแก่ท่ีสุดและนิยมเรียก ยอ่ ๆ วา่ SDLC (System Development Life Cycle: SDLC) 2.5.2 การสร้างต้นแบบ (Prototyping) เป็นการสร้างระบบต้นแบบขึ้นมาเพือ่ ให้ผู้ใช้ทดลองใช้ งานซึ่งนอกจากผูใ้ ช้จะได้แนวคิดเกีย่ วกับสารสนเทศท่ีต้องการแลว้ ยงั ชว่ ยใหม้ องเหน็ ภาพของระบบท่ี จะพัฒนาไดช้ ดั เจนขนึ้ 2.5.3 การพฒั นาระบบโดยผใู้ ช้ (End-user Development) 2.5.4 การใช้บรกิ ารจากแหลง่ ภายนอก (Outsourcing) เน่ืองจากองค์การไมม่ บี ุคลากรท่ีมีทักษะ ความชำนาญ การจ้างหนว่ ยงานหรอื บริษัทภายนอกที่มีความชำนาญด้านน้ีมาทำการพัฒนาระบบให้ ซึ่งการทำสัญญาจ้างให้หน่วยงานภายนอกมาทำงานเกี่ยวกับการดำเนินงานของฝ่ายคอมพิวเตอร์นี้ เรยี กว่า IT Outsourcing ในท่ีนีจ้ ะเรียกสัน้ ๆ วา่ Outsourcing 2.5.5 การใช้ซอฟแวร์สำเร็จรูปประยุกต์ (Application Software Package) เป็นทางเลือกหน่ึง ในการพัฒนา เช่น ระบบงานเงินเดือน ระบบบัญชีลูกหนี้ หรือระบบควบคุมสินค้าคลคลัง หาก ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปสามารถสนองต่อความตอ้ งการระบบงานขององค์การได้ องค์การก้ไม่จำเปน็ ต้อง พฒั นาขนึ้ เอง เน่ืองจากโปรแกรมสำเรจ็ รูปได้รับการออกแบบและผ่านการทดสอบแล้ว จงึ
9 ช่วยลดค่าใช่จ่ายและเวลาในการพัฒนาระบบใหม่และยังช่วยให้การทดสอบ การติดตั้ง และการ บำรงุ รักษาระบบเป็นไปได้ง่ายข้ึน หลักในการพัฒนาระบบใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพ 2.5.6 คำนึงถงึ เจา้ ของและผ้ใู ชร้ ะบบ 2.5.7 เข้าถึงปญั หาใหต้ รงจุด 2.5.8 กำหนดข้นั ตอนหรอื กจิ กรรมในการพฒั นาระบบ 2.5.9 กำหนดมาตรฐานในการพฒั นาระบบ 2.5.10 ตระหนักวา่ การพัฒนาระบบเป็นการลงทุนประเภทหน่ึง 2.5.11 เตรียมความพร้อมหากจะตอ้ งยกเลกิ หรอื ทบทวนระบบสารสนเทศท่ีกำลงั พฒั นา 2.5.12 แตกระบบสารสนเทศทจ่ี ะพัฒนาออกเป็นระบบย่อย 2.5.13 ออกแบบระบบให้สามารถรองรบั ตอ่ การขยายหรือการปรบั เปลี่ยนในอนาคต ปัจจัยที่มีผลต่อการพัฒนาระบบสารสนเทศ ปัจจัยที่มีผลต่อการพัฒนาระบบสารสนเทศให้ ประสบความสำเรจ็ 2.5.14 การสนับสนนุ จากฝา่ ยบรหิ าร 2.5.15 การกำหนดขอบเขตและวัตถุประสงค์ทช่ี ัดเจน 2.5.16 ความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ของทีมพัฒนาระบบ 2.5.17 การเลือกใช้เทคโนโลยีสารสนเทศท่เี หมาะสม 2.5.18 การบรหิ ารโครงการพฒั นาระบบสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ วงจรการพัฒนาระบบ คือ กระบวนในการพัฒนาระบบสารสนเทศ เพื่อแก้ปัญหาทางธุรกิจ และตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้ โดยภายในวงจรน้ันจะแบ่งกระบวนการพัฒนาออกเป็นกลมุ่ งานหลกั ๆ ดงั น้ี ด้านการวางแผน (Planning Phase) ดา้ นการวิเคราะห์ (Analysis Phase) ด้านการ ออกแบบ (Design Phase) ดา้ นการสร้างและพัฒนา (Implementation Phase) ความสำคัญ ระบบ สารสนเทศทั้งหลายมีวงจรชีวติ ท่ีเหมือนกันต้งั แต่เกิดจนตายวงจรน้ีจะเป็นข้ันตอน ท่ีเป็นลำดับต้ังแต่ ต้นจนเสร็จเรียบร้อย เป็นระบบที่ใช้งานได้ ซึ่งนักวิเคราะห์ระบบต้องทำความเข้าใจให้ดีว่าในแต่ละ ขนั้ ตอนจะต้องทำอะไร และทำอยา่ งไร ข้นั ตอนการพัฒนาระบบมีอยู่ด้วยกัน 7 ขั้น ด้วยกนั คือ 2.5.19 เข้าใจปญั หา (Problem Recognition) 2.5.20 ศกึ ษาความเปน็ ไปได้ (Feasibility Study) 2.5.21 วิเคราะห์ (Analysis) 2.5.22 ออกแบบ (Design) 2.5.23 สร้างหรือพฒั นาระบบ (Construction)
10 2.5.24 การปรบั เปลยี่ น (Conversion) 2.5.25 บำรุงรักษา (Maintenance) ขั้นตอนที่ 1 : เข้าใจปญั หา (Problem Recognition) ภาพท่ี 2.3 เข้าใจปญั หา (Problem Recognition) ระบบสารสนเทศจะเกดิ ขน้ึ ไดก้ ต็ อ่ เมื่อผู้บริหารหรอื ผู้ใชต้ ระหนกั วา่ ตอ้ งการระบบสารสนเทศ หรือระบบจัดการเดิม ได้แก่ระบบเอกสารในตู้เอกสาร ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอที่ตอบสนองความ ต้องการในปัจจุบัน ปัจจุบันผู้บริหารตื่นตัวกันมากที่จะให้มีการพัฒนาระบบสารสนเทศมาใช้ใน หน่วยงานของตน ในงานธุรกิจ อุตสาหกรรม หรือใช้ในการผลิต ตัวอย่างเช่น บริษัทของเรา จำกัด ติดต่อซื้อสินค้าจากผู้ขายหลายบริษัท ซึ่งบริษัทของเราจะมีระบบ MIS ที่เก็บข้อมูลเกี่ยวกับหนี้สินท่ี บริษัทขอเราติดค้างผู้ขายอยู่ แต่ระบบเก็บข้อมลู ผู้ขายไดเ้ พียง 1,000 รายเท่านั้น แต่ปัจจุบันผู้ขายมี ระบบเก็บข้อมูลถึง 900 ราย และอนาคตอันใกล้นี้จะเกิน 1,000 ราย ดังนั้นฝ่ายบริหารจึงเรียก นกั วิเคราะหร์ ะบบเข้ามาศึกษา แก้ไขระบบงาน ข้นั ตอนที่ 2 : ศกึ ษาความเปน็ ไปได้ (Feasibility Study) ภาพที่ 2.4 ศึกษาความเปน็ ไปได้ (Feasibility Study)
11 จุดประสงค์ของการศึกษาความเป็นไปได้ก็คือ การกำหนดว่าปัญหาคืออะไรและตัดสินใจวา่ การพัฒนาสร้างระบบสารสนเทศ หรือการแก้ไขระบบสารสนเทศเดิมมีความเปน็ ไปได้หรอื ไม่โดยเสยี ค่าใช้จ่ายและเวลาน้อยที่สุด และได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ปัญหาต่อไปคือ นักวิเคราะห์ระบบจะต้อง กำหนดใหไ้ ดว้ ่าการแก้ไขปญั หาดังกล่าวมีความเป็นไปไดท้ างเทคนิคและบุคลากร ปัญหาทางเทคนิคก็ จะเกี่ยวข้องกับเรื่องคอมพิวเตอร์ และเครื่องมือเก่าๆถ้ามี รวมทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์ดว้ ย ตวั อยา่ งคือ คอมพวิ เตอรท์ ใี่ ช้อยู่ในบริษัทเพียงพอหรือไม่ คอมพิวเตอรอ์ าจจะมีเนอ้ื ที่ของฮาร์ดดิสก์ไม่ เพียงพอ รวมท้ังซอฟต์แวร์ ว่าอาจจะตอ้ งซอ้ื ใหม่ หรอื พฒั นาขน้ึ ใหม่ เป็นตน้ ความเป็นไปได้ทางด้าน บุคลากร คือ บริษัทมีบุคคลที่เหมาะสมที่จะพัฒนาและติดตั้งระบบเพียงพอหรือไม่ ถ้าไม่มีจะหาได้ หรือไม่ จากที่ใด เป็นต้น นอกจากนัน้ ควรจะให้ความสนใจว่าผู้ใช้ระบบมีความคิดเห็นอย่างไรกบั การ เปลยี่ นแปลง รวมทัง้ ความเหน็ ของผ้บู ริหารดว้ ย ข้ันตอนท่ี 3 : การวเิ คราะห์ (Analysis) ภาพท่ี 2.5 การวเิ คราะห์ (Analysis) เริ่มเข้าสู่การวิเคราะห์ระบบ การวิเคราะห์ระบบเริ่มตั้งแต่การศึกษาระบบการทำงานของ ธุรกิจนั้น ในกรณีที่ระบบเราศึกษานั้นเป็นระบบสารสนเทศอยู่แล้วจะต้องศึกษาว่าทำงานอย่างไร เพราะเป็นการยากที่จะออกแบบระบบใหม่โดยที่ไม่ทราบว่าระบบเดิมทำงานอย่างไร หรือธุรกิจ ดำเนินการอย่างไร หลังจากนั้นกำหนดความต้องการของระบบใหม่ ซึ่งนักวิเคราะห์ระบบจะต้องใช้ เทคนคิ ในการเก็บข้อมลู (Fact-Gathering Techniques) ดงั รปู ไดแ้ ก่ ศึกษาเอกสารทมี่ ีอยู่ ตรวจสอบ วิธีการทำงานในปัจจุบัน สัมภาษณ์ผู้ใช้และผู้จัดการที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบ เอกสารที่มีอยู่ได้แก่ คมู่ ือการใช้งาน แผนผังใช้งานขององค์กร รายงานต่างๆท่หี มุนเวียนใน ระบบการศึกษาวิธีการทำงาน ในปัจจุบันจะทำให้นกั วิเคราะห์ระบบรู้ว่าระบบจริงๆทำงานอย่างไร ซึ่งบางครั้งค้นพบข้อผิดพลาดได้ ตวั อยา่ ง เชน่ เมือ่ บรษิ ทั ได้รับใบเรียกเกบ็ เงินจะมีขัน้ ตอนอย่างไรในการจ่ายเงิน ข้ันตอนที่เสมียนป้อน ใบเรยี กเก็บเงนิ อยา่ งไร เฝา้ สังเกตการทำงานของผู้เกี่ยวข้อง เพอื่ ใหเ้ ขา้ ใจและ
12 เห็นจริงๆ ว่าขั้นตอนการทำงานเป็นอยา่ งไร ซึ่งจะทำใหน้ ักวิเคราะหร์ ะบบค้นพบจดุ สำคัญของระบบ ว่าอยู่ที่ใดการสัมภาษณ์เป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่นักวิเคราะห์ระบบควรจะต้องมีเพื่อเข้ากับผู้ใช้ได้ง่าย และสามารถดึงสิ่งท่ีต้องการจากผู้ใช้ได้ เพราะว่าความต้องการของระบบคือ สิ่งสำคัญที่จะใช้ในการ ออกแบบต่อไป ถ้าเราสามารถกำหนดความต้องการได้ถูกต้อง การพัฒนาระบบในขั้นตอนต่อไปกจ็ ะ ง่ายขึ้น เมื่อเก็บรวบรวมข้อมูลแล้วจะนำมาเขยี นรวมเป็นรายงานการทำงานของ ระบบซึ่งควรแสดง หรือเขยี นออกมาเป็นรูปแทนที่จะร่ายยาวออกมาเปน็ ตวั หนังสอื การแสดงแผนภาพจะทำให้เราเข้าใจ ได้ดีและง่ายขึ้น หลังจากนั้นนักวิเคราะห์ระบบ อาจจะนำข้อมูลที่รวบรวมได้นำมาเขียนเป็น แบบ ทดลอง (Prototype) หรือตวั ต้นแบบ แบบทดลองจะเขียนข้ึนดว้ ยภาษาคอมพิวเตอร์ตา่ งๆ และทช่ี ่วย ใหง้ ่ายข้นึ ไดแ้ ก่ ภาษายุคที่ 4 (Fourth Generation Language) เปน็ การสร้างโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ข้ึนมาเพอ่ื ใชง้ านตามทีเ่ ราตอ้ งการได้ ดังนั้นแบบทดลองจึงช่วยลดขอ้ ผดิ พลาดที่อาจจะเกิดข้ึนได้ ขนั้ ตอนท่ี 4 : การออกแบบ (Design) ภาพที่ 2.6 การออกแบบ (Design) ในระยะแรกของการออกแบบ นกั วิเคราะหร์ ะบบจะนำการตัดสนิ ใจ ของฝา่ ยบริหารท่ีได้จาก ขั้นตอนการวิเคราะห์การเลือกซื้อคอมพิวเตอร์ ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ด้วย (ถ้ามีหรือเป็นไปได้) หลังจากนั้นนักวิเคราะห์ระบบจะนำแผนภาพต่างๆ ที่เขียนขึ้นในขั้นตอนการวิเคราะห์มาแปลงเป็น แผนภาพลำดบั ขั้น (แบบตน้ ไม)้ ดงั รปู ขา้ งลา่ ง เพื่อให้มองเหน็ ภาพลกั ษณ์ที่แน่นอนของโปรแกรมว่ามี ความสัมพนั ธ์กนั อยา่ งไร และโปรแกรมอะไรบ้างท่ีจะตอ้ งเขียนในระบบ หลงั จากน้นั ก็เริ่มตัดสินใจว่า ควรจะจัดโครงสร้างจากโปรแกรมอย่างไร การเชื่อมระหว่างโปรแกรมควรจะทำอย่างไร ในขั้นตอน การวเิ คราะหน์ กั วเิ คราะหร์ ะบบต้องหาวา่ จะตอ้ งทำอะไร (What) แต่ในขน้ั ตอนการออกแบบต้องรู้ว่า จะต้องทำอย่างไร(How) ในการออกแบบโปรแกรมต้องคำนึงถงึ ความปลอดภยั (Security) ของระบบ ด้วย เพ่ือปอ้ งกันการผิดพลาดทีอ่ าจจะเกิดขนึ้ เชน่ \"รหัส\" สำหรับผใู้ ชท้ ่ีมีสทิ ธิส์ ำรองไฟล์ขอ้ มูลท้ังหมด เปน็ ต้น
13 ขัน้ ตอนท่ี 5 : การพัฒนาระบบ (Construction) ภาพท่ี 2.7 การพัฒนาระบบ (Construction) ในข้นั ตอนน้ีโปรแกรมเมอร์จะเร่ิมเขยี นและทดสอบโปรแกรมว่า ทำงานถกู ต้องหรอื ไม่ ต้องมี การทดสอบกับขอ้ มลู จรงิ ทเี่ ลือกแลว้ ถา้ ทกุ อย่างเรยี บร้อย เราจะได้โปรแกรมทพ่ี รอ้ มทจ่ี ะนำไปใช้งาน จริงต่อไป หลังจากนั้นต้องเตรียมคู่มือการใช้และการฝึกอบรมผู้ใช้งานจริงของระบบ ระยะแรกใน ขั้นตอนนี้นักวิเคราะห์ระบบต้องเตรียมสถานที่สำหรับ เครื่องคอมพิวเตอร์แล้วจะต้องตรวจสอบว่า คอมพวิ เตอรท์ ำงานเรยี บรอ้ ยดี โปรแกรมเมอรเ์ ขียนโปรแกรมตามข้อมลู ทไ่ี ด้จากเอกสารข้อมูลเฉพาะ ของการออกแบบ (Design Specification) ปกติแล้วนักวิเคราะห์ระบบไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องในการ เขียนโปรแกรม แต่ถ้าโปรแกรมเมอร์คิดว่าการเขียนอย่างอื่นดีกวา่ จะต้องปรึกษานักวิเคราะห์ระบบ เสียก่อน เพือ่ ทว่ี ่านกั วเิ คราะห์จะบอกได้ว่าโปรแกรมที่จะแกไ้ ขนน้ั มีผลกระทบกบั ระบบทง้ั หมดหรือไม่ โปรแกรมเมอร์เขียนเสร็จแล้วต้องมีการทบทวนกับนักวิเคราะห์ระบบและผู้ใช้งาน เพื่อค้นหา ข้อผิดพลาด วิธีการนี้เรียกว่า \"Structure Walkthrough \" การทดสอบโปรแกรมจะต้องทดสอบกับ ข้อมูลที่เลือกแล้วชุดหนึ่ง ซึ่งอาจจะเลือกโดยผู้ใช้ การทดสอบเป็นหน้าที่ของโปรแกรมเมอร์ แต่ นักวเิ คราะห์ระบบต้องแน่ใจว่า โปรแกรมทั้งหมดจะต้องไม่มขี ้อผดิ พลาด ขั้นตอนที่ 6 : การปรับเปล่ยี น (Construction) ภาพที่ 2.8 การปรบั เปลี่ยน (Construction)
14 ขั้นตอนนี้บริษัทนำระบบใหม่มาใช้แทนของเก่าภายใต้การดูแลของนักวิเคราะห์ระบบ การ ป้อนข้อมลู ต้องทำให้เรียบร้อย และในที่สดุ บรษิ ทั เรมิ่ ตน้ ใช้งานระบบใหม่น้ไี ด้ การนำระบบเข้ามาควร จะทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปทีละน้อย ที่ดีที่สุดคือ ใช้ระบบใหม่ควบคู่ไปกับระบบเก่าไปสักระยะหน่ึง โดยใช้ข้อมูลชุดเดยี วกันแล้วเปรียบเทียบผลลัพธ์ว่าตรงกันหรือไม่ ถ้าเรียบรอ้ ยกเ็ อาระบบเก่าออกได้ แลว้ ใช้ระบบใหมต่ อ่ ไป ข้นั ตอนที่ 7 : บำรุงรกั ษา (Maintenance) ภาพท่ี 2.9 บำรุงรักษา (Maintenance) การบำรงุ รกั ษาไดแ้ ก่ การแกไ้ ขโปรแกรมหลงั จากการใช้งานแล้ว สาเหตทุ ่ตี อ้ งแกไ้ ขโปรแกรม หลังจากใช้งานแล้ว สาเหตุที่ต้องแก้ไขระบบส่วนใหญ่มี 2 ข้อ คือ1. มีปัญหาในโปรแกรม (Bug) 2. การดำเนินงานในองค์กรหรือธุรกิจเปล่ียนไป จากสถิติของระบบท่ีพัฒนาแล้วทั้งหมดประมาณ 40% ของค่าใช้จ่ายในการแก้ไขโปรแกรม เน่ืองจากมี \"Bug\" ดงั นน้ั นักวิเคราะห์ระบบควรให้ความสำคัญกับ การบำรุงรกั ษา ซ่ึงปกติจะคดิ วา่ ไม่มีความสำคญั มากนัก เม่อื ธุรกจิ ขยายตวั มากขึน้ ความต้องการของ ระบบอาจจะเพิ่มมากข้ึน เช่น ต้องการรายงานเพิ่มขึ้น ระบบที่ดีควรจะแก้ไขเพิ่มเติมสิ่งที่ต้องการได้ การบำรุงรักษาระบบ ควรจะอยู่ภายใตก้ ารดูแลของนกั วิเคราะห์ระบบ เมือ่ ผู้บรหิ ารต้องการแก้ไขส่วน ใดนักวิเคราะห์ระบบต้องเตรียมแผนภาพต่าง ๆ และศึกษาผลกระทบต่อระบบ และให้ผู้บริหาร ตัดสินใจต่อไปวา่ ควรจะแกไ้ ขหรอื ไม่ 2.6 การนำไปใช้และบำรุงรักษา เมื่อได้ดำเนินงานตั้งแต่ระยะแรกจนถึงระยะสุดท้าย นั่นคือตั้งแต่ระยะของการวางแผน โครงการ การวิเคราะห์ และการออกแบบ ในระยะถัดไปก็คือ ระยะของการนำระบบไปใช้และ บำรุงรักษาเป็นระยะสุดท้ายของการพัฒนาระบบท่ีจะกล่าวถงึ ในบทนี้ ประกอบด้วยกิจกรรมย่อย ๆ คอื การพัฒนา การทดสอบ การนำไปใชโ้ ดยการติดต้งั พรอ้ มทงั้ ตดิ ตามการใช้งานการจัดทำคู่มือและ ฝึกอบรม และการบำรุงรักษา จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม สามารถบอกนำวิธีการใช้ติดตั้งระบบไป ประยุกต์ใชง้ านไดส้ ามารถบอกขอ้ ดีและขอ้ เสียของการติดตั้งระบบด้วยวธิ ีตา่ ง ๆบอกรายละเอียด
15 เก่ยี วกับประเภทของการฝึกอบรมไดบ้ อกแนวทางในการประเมินผลได้อย่างถูกต้องสามารถนำวิธีการ บำรงุ รกั ษาระบบไปประยุกตใ์ ช้งานได้ เมื่อนักวเิ คราะหร์ ะบบได้ดำเนินการผ่านขัน้ ตอนการวเิ คราะห์และออกแบบระบบงานเป็นท่ี เรียบร้อยแลว้ ครั้นระบบงานถูกพัฒนาขึ้นและมีการทดสอบการใช้งาน จนได้รับการยอมรับจากผ้ใู ช้ ระบบสามารถตอบสนองการใชง้ านแก่ผู้ใช้ได้เป็นอยา่ งดี ดงั นั้นข้ันตอนต่อไปกค็ อื การติดต้ังระบบงาน ทจ่ี ะไดร้ ับการตดิ ตงั้ และใชง้ านเป็นท่เี รียบร้อยแลว้ ก็ตาม ใช่วา่ จะไมม่ กี ารปรับแกซ้ งึ่ ต้องเขา้ ใจวา่ คงไม่ มรี ะบบใดในโลกที่จะสมบูรณร์ ้อยเปอร์เซ็นต์ อกี ทง้ั ความต้องการทเ่ี พิม่ ข้นึ ของผู้ใชก้ อ็ าจมเี พ่มิ ขึ้นในวัน ข้างหน้าได้ รวมถึงเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลง ส่งผลถึงความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ ฮาร์ดแวร์ ดังนนั้ การบำรุงรักษาระบบจงึ ถูกนำมาใช้เพ่ือรองรบั กับเหตุการณ์น้ซี ง่ึ การบำรุงรักษาระบบ จะมีอยู่ 4 วธิ ีดว้ ยกนั ก็คอื 2.6.1 การบำรุงรักษาระบบด้วยการปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้องถึงแม้ว่าระบบงานจะได้รับการ ทดสอบเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ตาม แต่ใน บางครั้งข้อผิดพลาดที่เกิดขึน้ อาจไม่สามารถถูกค้นพบไดใ้ น ระยะการทดสอบ ดังนั้นกรณีที่พบข้อผิดพลาดที่เพิ่งค้นพบใหม่ก็จะต้องปรับปรุงแก้ไขโปรแกรมให้ ถูกต้อง 2.6.2 การบำรุงรักษาระบบด้วยการดัดแปลงการบำรุงรักษาระบบด้วยการดัดแปลงนี้ มัก เก่ยี วข้องกบั การเปลยี่ นแปลงด้านสภาพแวดล้อมทางธรุ กิจ ทีจ่ ำเปน็ ต้องมกี ารเพ่ิมคณุ สมบตั หิ รือความ ตอ้ งการใหม่ ๆ เพ่มิ เขา้ ไปในระบบ 2.6.3 การบำรุงรักษาระบบด้วยการปรับประสิทธิภาพเป็นการบำรุงรักษาระบบด้วยการ เปลยี่ นแปลงระบบท่ีใช้งานอยู่ ให้มปี ระสทิ ธภิ าพสูงขน้ึ กว่าเดมิ เช่น การปรบั เปล่ียนยูสเซอร์อินเตอร์ เฟซท่ีเดมิ เปน็ แบบขอ้ ความ มาเป็นแบบกราฟิกเพื่อให้ให้การโต้ตอบกับระบบมีความสะดวก และง่าย ขน้ึ กวา่ เดิม 2.6.4 การบำรังรักษาระบบด้วยการปอ้ งกัน เป็นการบำรุงรักษาระบบ เพอื่ หลีกเล่ียงปัญหาที่จะ เกิดขึ้นในวันข้างหน้า เช่น การปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นเพื่อรองรับ เหตุการณ์ข้างหนา้ เชน่ การเพม่ิ ความจุฮาร์ดดสิ ก์ เพอ่ื รองรบั ข้อมูลท่เี พิ่มข้นึ ในอนาคต เป็นต้น 2.7 ประเภทของระบบงาน ประเทถของระบบงานมหี ลากหลายระบบดงั นี้ 2.7.1 ระบบธรรมชาติ หมายถึง ระบบทีแค่เป็นไปตามธรรมชาติ หรือปล่อยให้เป็นไปตาม ธรรมชาติ หรอื โดยอาศยั ธรรมชาตเิ ปน็ สว่ นใหญ่ 2.7.2 ระบบที่คนสร้างขึ้น หมายถึง ระบบที่สร้างขึ้นซึ่งอาจเป็นการสร้างจากระบบธรรมชาติ หรอื อาจจะไม่ได้ อาศยั ระบบธรรมชาตเิ ดิมกไ็ ด้
16 2.7.3 ระบบปิด หมายถึง ระบบที่มีการควบคุมการทำงาน และการแก้ไขด้วยตัวของระบบเอง โดยระบบไมเ่ ปิดโอกาสให้บคุ คลภายนอก เข้าไปปฏิบตั ไิ ดด้ ้วยตนเอง 2.7.4 ระบบเปิด หมายถึง ระบบที่ไม่มีการควบคุมการทำงานด้วยตัวระบบเอง จะต้องดูแล ควบคมุ ดูแลดว้ ยมนษุ ย์ ระบบทเ่ี ปดิ โอกาสใหบ้ คุ คลภายนอกเขา้ ไปปฏิบัตงิ านได้ 2.7.5 ระบบคน หมายถงึ ระบบทมี่ กี ารปฏิบัติงานส่วนใหญ่จะใช้แรงงานของคน หรือระบบที่ใช้ แรงงานของคนในการทำงานโดยตรง อาจจะมีเครื่องจักรช่วยในการทำงานบ้างก็ได้ แต่จะต้องเป็น เครื่องจักรทอี่ ยภู่ ายใตก้ ารควบคมุ ดูแลของคนโดยตรง 2.7.6 ระบบการทำงานที่ใช้เครื่องจักร หมายถึง ระบบการทำงานที่ใช้เครื่องจักรโดยตรง คือ เคร่อื งจกั รจะเป็นผูท้ ำงานให้ ซ่งึ อาจจะใช้คนบา้ งเพ่อื ควบคมุ ให้เครื่องจกั รทำงานไปได้เทา่ น้ัน 2.7.6 ระบบคน-เครื่องจักร หมายถึง ระบบที่มีการทำงานร่วมกัน ของคนและเครื่องจักรซ่ึง จะตอ้ งมที ้ังสองอย่าง จะขาดสงิ่ ใดสง่ิ หน่งึ ไมไ่ ด้ 2.7.7 ระบบหลัก หมายถึง ระบบที่ได้วางไว้เป็นหลัก หรือแนวทางสำหรับ การกำหนด หรือ สำหรับการจดั ทำระบบรอง เพื่อใหเ้ หมาะสมกับสถานการณบ์ างอยา่ ง 2.7.8 ระบบรอง หมายถงึ ระบบทีช่ ว่ ยเสรมิ ระบบหลกั ให้สมบรู ณห์ รือมปี ระสิทธภิ าพยิง่ ขึน้ 2.7.9 ระบบใหญ่ หมายถึง ระบบรวม หรอื ระบบที่รวบระบบยอ่ ยๆ ต้งั แตห่ นึ่ง ระบบขนึ้ ไป เพ่ือ ปฏบิ ัตงิ านอยา่ งใดอย่างหนงึ่ โดยมวี ัตถปุ ระสงค์หรอื เป้าหมายเดยี วกัน 2.7.10 ระบบย่อย หมายถึง ระบบย่อยของระบบใหญ่ เพื่อปฏิบัติงานอย่างใดอย่างหนึ่งของ ระบบใหญ่ 2.7.11 ระบบธุรกจิ ระบบทำงานเพื่อจุดประสงค์ด้านธุรกจิ โรงงานอตุ สาหกรรม เป็นระบบธรุ กจิ เพ่อื จดุ ประสงค์ดา้ นการผลิต ระบบขนส่ง ระบบโรงแรม ระบบการพมิ พ์ ระบบธนาคาร 2.7.12 ระบบสารสนเทศ ระบบที่ช่วยในการจดั การ ข้อมูลที่ต้องการใช้ในระบบธุรกิจ ช่วยเก็บ ตวั เลขและข่าวสาร เพ่อื ชว่ ยในการดำเนินธุรกจิ และการตดั สนิ ใจ 2.7.13 ระบบการประมวลผลข้อมูล (DS) หมายถงึ ระบบขอ้ มูลของคอมพิวเตอร์ ท่ีถูกพฒั นาขึ้น เพือ่ ตอบสนองความต้องการ ของธรุ กจิ เพื่อใช้ประมวลข้อมลู จำนวนมากๆ เปน็ ประจำ 2.7.14 ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหาร (MIS) หมายถึง ระบบที่นำข้อมูลมาทำการวิเคราะห์ โดยมจี ดุ ประสงค์เพอ่ื การสร้าง ขอ้ มลู ใหก้ ับนกั บรหิ าร เพ่ือประกอบการตดั สนิ ใจ 2.7.15 ระบบช่วยการตัดสินใจ หมายถึง ระบบการทำงานที่มีลักษณะ โครงสร้างการทำงาน คลา้ ยกบั ระบบสารสนเทศ เพ่ือการบริหาร จะแตกต่างกันตรงท่ี ระบบนไ้ี ม่ไดม้ ีการนำข้อมูลมาใช้เพื่อ ประกอบการตัดสินใจเท่านั้น แต่ระบบนี้จะนำข้อมูล มาทำการวิเคราะห์พร้อมกับพิจารณา ถึง ทางเลอื กท่เี ป็นไปได้ทง้ั หมดของธรุ กิจ
17 2.7.16 ระดับของผู้ใช้ระบบ เมื่อมีระบบเกดิ ขึ้นมาแล้วกย็ ่อมต้องมีผู้ใช้ระบบเกดิ ตามขึ้นมาดว้ ย ผู้ใช้ระบบในที่นี้ หมายถึง บุคคลซึ่งเชื่อมโยง เกี่ยวข้อง หรือมีความสัมพันธ์ระบบ ประเภทของผู้ใช้ ระบบสามารถแบ่งออกตามขอบเขตหนา้ ที่ และความรบั ผิดชอบอย่างกวา้ งๆ เปน็ 4 กลมุ่ คอื 2.7.17 เสมียนพนักงานและผู้ให้บริการ หมายถึง พนักงานที่มีหน้าที่เกี่ยวกับ การจัดกิจกรรม หรอื จดั กิจกรรมหรือ จดั ทำข้อมลู ในลกั ษณะที่ใช้ประจำวนั ในธรุ กจิ หรอื หนว่ ยงานทสี่ ังกดั อยู่ 2.7.18 หัวหน้าหน่วยหรือซุปเปอร์ไวเซอร์ หมายถึง ผู้ที่ทำหน้าที่ควบคุมกิจกรรมที่เกิดข้ึน ประจำวนั ของธรุ กิจ หรอื อาจกล่าวอีกอย่างหนง่ึ คอื บุคคลกลมุ่ นี้ จะทำหนา้ ที่ควบคุมการปฏิบัติงาน ในกลุ่มของพนกั งานเสมยี นและผู้ให้บริการ 2.7.19 ผ้จู ดั การหรือผู้บรหิ ารระดบั กลาง หมายถงึ บคุ คลที่ทำงานเก่ียวกบั แผนงานธุรกิจ ซึ่งโดย สว่ นใหญ่ จะเป็นแผนงานระยะสัน้ ทำหน้าที่ คอยควบคมุ และจัดการ ให้การปฏิบตั งิ านของหน่วยงาน ท่ีมีเปน็ ไปตามแผนงานระยะสั้น ทไี่ ด้วางเอาไว้ 2.7.20 ผอู้ ำนวยการหรอื ผูบ้ ริหารระดับสูง หมายถึง บุคคลท่รี บั ผิดชอบต่อการวางแผนระยะยาว และการกำหนดนโยบาย เพื่อให้ธุรกิจนั้นดำเนินไปได้ อย่างมีเป้าหมาย เป็นบุคคลที่จะมองธุรกิจไป ข้างหนา้ เสมอ
17 บทที่ 3 วธิ ดี ำเนนิ การวิจยั ในการดำเนินงานวเิ คราะห์และออกแบบระบบร้านซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ สภุ ศักดิ์ซุปเปอร์ไบค์ คณะผู้จัดทำได้มีการรวบรวมข้อมูลและนำมาวิเคราะห์ระบบและกำหนดกระแสข้อมูลต่าง ๆ โดยมี หวั ขอ้ ดังน้ี 3.1 การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู 3.2 วิเคราะห์ระบบโดยใช้ DFD 3.3 ออกแบบ ER-Model 3.4 ออกแบบฐานขอ้ มลู และสร้างความสมั พนั ธโ์ ดยใช้ Microsoft Access 3.1 การเก็บรวบรวมข้อมลู คณะผู้จัดทำได้มีการรวบรวมข้อมูลจากผู้ประกอบการหรือเจ้าของร้าน โดยมีการตั้งคำถาม ตา่ ง ๆ และไดด้ ำเนนิ การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลเพอื่ ใช้ในการดำเนินงานดง้ั นี้ 3.1.1 คณะผู้จัดทำ ทำการเกบ็ วางแผนและรวบรวมขอ้ มูลเพ่ือดำเนนิ กจิ กรรม 3.1.2 คณะผจู้ ัดทำได้ทำการสร้างคำถามข้นึ จำนวน 24 ข้อ เพื่อสัมภาษณ์กับเจ้าของร้านที่จะไป ศกึ ษา 3.1.3 คณะผู้จัดทำได้ทำการสัมภาษณ์กับเจ้าของโดยใช้คำถามที่สร้างขึ้นจำนวน 24 ข้อกับ เจา้ ของรา้ นผา่ นทาง หน้ารา้ นโดยตรง 3.1.4 นำข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์กับเจ้าของร้านมาเรียบเรียงและวิเคราะห์เพื่อนำมา ออกแบบระบบ 3.2 วเิ คราะห์ระบบโดยใช้ DFD คณะผู้จดั ทำได้ทำการวิเคราะหร์ ะบบโดยใช้ DFD โดยมรี ปู แบบดังนี้
19 3.2.1 Context Diagram Level 0 ระบบรา้ นซอ่ มรถมอเตอร์ไซค์ ศภุ ศักด์ซิ ปุ เปอรไ์ บค์ ภาพที่ 3.1 Context Diagram Level 0 ระบบร้านซ่อมรถมอเตอรไ์ ซค์ ศภุ ศักดิซ์ ปุ เปอรไ์ บค์ จากภาพที่ 3.1 Context Diagram Level 0 ระบบร้านซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ สุภศักดิ์ซุปเปอร์ ไบค์ มีขบวนการทำงานดังนี้ ข้อมูลเริ่มต้นจาก ลูกค้าสั่งซ่อม ไปที่ระบบร้านซ่อมรถ ระบบจะส่ง รายการซ่อมรถไปที่เจ้าของร้าน เจ้าของร้านรับรายการซ่อมรถจากลูกค้าแล้วบันทึกข้อมูลรายการ ส่ังซื้อไหลร่ ถของลกู ลกู ค้า ไปที่ตัวแทนจำหน่ายใหเ้ จ้าของร้านสั่งซ้อื อะไหลร่ ถ โดยประกอบดว้ ย Process : ระบบการซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ Data Flow in : คำสง่ั ซ่อมรถ, รายการซอ่ ม, รถท่ีต้องซอ่ ม, ชำระเงิน, ข้อมูลรายงานการส่ังซื้อสินค้า, รายงานการสง่ั ซ้ือสินคา้ , รายงานการซอ่ มรถ Data Flow out : ใบเสร็จรบั เงิน Extemal Entity : ลกู คา้
20 3.2.2 Context Diagram Level 1 ระบบร้านซอ่ มรถมอเตอรไ์ ซค์ ศภุ ศักดซิ์ ุปเปอรไ์ บค์ ภาพท่ี 3.2 Context Diagram Level 1 ระบบรา้ นซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ ศภุ ศกั ดซิ์ ปุ เปอร์ไบค์ จากภาพที่ 3.2 Context Diagram Level 1 ระบบร้านซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ สุภศักดิ์ซุปเปอร์ ไบค์ มีขบวนการทำงานดังนี้ข้อมูลเริ่มต้นจาก ลูกค้าสั่งซ่อมรถแล้วข้อมูลของลูกค้าจะถูกตรวจสอบ ของข้อมลู ลูกค้า ให้เจ้าของร้าน เจ้าของรา้ นรับคำสง่ั ซ่อมรถจากลกู ค้าตอ้ งการและบันทึกการส่ังซ่อม รถของลกู ค้า และ ตรวจสอบคลังเกบ็ ไหลซ่ อ่ มรถและชำระเงนิ ได้ใบเสร็จรับเงนิ สว่ นตัวแทนจำหน่าย เจ้าของร้านจะสัง่ ซ้ืออะไหล่รถเขา้ รา้ น โดยประกอบด้วย สิ่งที่ติดต่อกับระบบ : ลกู ค้า, ตัวแทนจำหนา่ ย, เจ้าของร้าน ขบวนการภายในระบบ : ตรวจสอบขอ้ มูลลูกคา้ , บันทกึ ขอ้ มูลการซือ้ อะไหล่รถ, คลงั เกบ็ อะไหล่ซ่อม รถ,การจัดทำรายงานต่าง ๆ , แผนกจดั ซอื้ , การเงิน ขอ้ มูลตา่ ง ๆ : ข้อมูลซ่อมรถ, รายการซ่อมรถ, รายการซอ้ื อะไหล่รถ, ขอ้ มูลอะไหลร่ ถนำเข้า, รายการ การเงนิ
21 3.3 ออกแบบ ER-Model เม่อื คณะผู้จัดทำได้ทำการวิเคราะห์ระบบในสว่ นของ DFD เรยี บรอ้ ยแล้วหลงั จากนัน้ คณะ ผ้จู ัดทำไดท้ ำการออกแบบ ER-Model ข้ึนมาโดยมีดังนี้ ภาพท่ี 3.3 Chen ER-MODEL ระบบรา้ นซอ่ มรถมอเตอร์ไซค์ ศุภศักดซ์ิ ุปเปอร์ไบค์ 3.3.2 Craw's Foot ER-MODEL ร้านซอ่ มรถมอเตอรไ์ ซค์ ศุภศักดิซ์ ปุ เปอรไ์ บค์ ภาพที่ 3.4 Craw's Foot ER-MODEL ร้านซอ่ มรถมอเตอร์ไซค์ ศภุ ศกั ด์ิซุปเปอร์ไบค์
22 3.4 ออกแบบฐานขอ้ มลู และสร้างความสัมพนั ธ์โดยใช้ Microsoft Access หลังจากที่คณะผู้จัดทำได้ทำการศึกษาและวิเคราะห์ระบบ ได้ทำการออกแบบตารางข้อมูล และสร้างความสมั พนั ธห์ รือ Entity Relationship Diagram ของระบบฐานข้อมลู การขายสนิ คา้ 3.4.1 การออกแบบตารางข้อมูล ภาพท่ี 3.5 การออกแบบตารางขอ้ มลู รา้ นซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ ศุภศักดซ์ิ ุปเปอรไ์ บค์ 3.4.1.1 การออกแบบตารางข้อมูล User ภาพที่ 3.6 การออกแบบตารางขอ้ มูล User 3.4.1.2 การออกแบบตารางข้อมูล ลูกค้า ภาพท่ี 3.7 การออกแบบตารางขอ้ มูล ลูกค้า
23 3.4.1.3 การออกแบบตารางข้อมลู พนกั งาน ภาพที่ 3.8 การออกแบบตารางข้อมูล พนกั งาน 3.4.1.4 การออกแบบตารางข้อมูล รายการสั่งซอ่ ม ภาพที่ 3.9 การออกแบบตารางขอ้ มูล รายการสง่ั ซอ่ ม 3.4.1.5 การออกแบบตารางขอ้ มลู ขอ้ มลู ซ่อม ภาพที่ 3.10 การออกแบบตารางขอ้ มูล ข้อมลู ซ่อม 3.4.1.6 การออกแบบตารางขอ้ มลู Category ภาพท่ี 3.11 การออกแบบตารางขอ้ มูล Category
24 3.4.1.7 การออกแบบตารางขอ้ มูล ใบเสรจ็ รบั เงิน ภาพที่ 3.12 การออกแบบตารางขอ้ มลู ใบเสรจ็ รับเงนิ 3.4.1.8 การออกแบบตารางข้อมลู User ภาพท่ี 3.13 การออกแบบตารางขอ้ มลู User 3.4.2 การสร้างความสัมพนั ธห์ รือ Entity Relationship Diagram หลังจากที่คณะผู้จัดทำได้ทำการออกแบบตารางของข้อมูลเรียบร้อยแล้ว ก็จะมา ดำเนินการสร้างความสมั พันธห์ รือ Entity Relationship Diagram ดังภาพที่ 3.14 ภาพที่ 3.14 การสร้างความสัมพันธห์ รอื Entity Relationship Diagram
26 บทที่ 4 ผลการดำเนนิ งาน 4.1 ออกแบบหนา้ จอ Output 4.1.1 หน้าจอเข้าใชง้ าน ภาพที่ 4.1 หน้าจอเข้าใช้งาน 4.1.2 ออกแบบหน้าจอลูกค้า ภาพที่ 4.2 หน้าจอ Output ลูกค้า
26 4.1.3 ออกแบบหน้าจอรายการสั่งซ่อม ภาพที่ 4.3 หนา้ จอ Output รายการส่งั ซอ่ ม 4.1.4 ออกแบบหน้าจอขอ้ มูลซ่อม ภาพท่ี 4.4 หน้าจอ Output ข้อมูลซอ่ ม
27 4.1.5 ออกแบบหน้าจอพนักงาน ภาพที่ 4.5 หนา้ จอ Output พนกั งาน 4.1.6 ออกแบบหนา้ จอใบเสร็จรับเงนิ ภาพที่ 4.6 หนา้ จอ Output ใบเสรจ็ รับเงิน
28 4.2 การจัดเก็บ Data base ตารางท่ี 4.2.1 แสดงชนดิ ข้อมลู User ชื่อ ชนดิ ข้อมูล อธบิ าย ID AutoNumber อธิบาย รหสั ลกู ค้า Username Short Text ชอื่ ลูกคา้ ทีอ่ ยลู่ ูกค้า Password Short Text รหัสไปรษณีย์ หมายเลขโทรศัพท์ ตารางท่ี 4.2.2 แสดงชนดิ ข้อมูลลกู คา้ อธิบาย ชือ่ ชนดิ ข้อมลู รหสั ชนิดรถ ยี่ห้อรถ Customer_ID Short Text รายละเอียดรถ Customer_Name Short Text อธบิ าย รหสั การสงั่ ซ่อม Customer_Address Short Text รหสั ลกู คา้ วันทส่ี ง่ ซอ่ ม Customer_Post Short Text วันที่สง่ รถคืน Customer_PhoneNumber Short Text ตารางที่ 4.2.3 แสดงชนิดขอ้ มลู รถลกู ค้า ชือ่ ชนิดขอ้ มูล Category_ID Short Text Category_Name Short Text Category_Description Short Text ตารางท่ี 4.2.4 แสดงชนิดข้อมลู รายการส่ังซอ่ ม ชอื่ ชนดิ ข้อมูล Order_ID Short Text Customer_ID Short Text Order_Date Date/Time Shipped_Date Short Text
29 ตารางที่ 4.2.5 แสดงชนิดขอ้ มูลการซอ่ ม ชอื่ ชนดิ ขอ้ มูล อธิบาย รหัสชนิดรถ Category_ID Short Text รหัสรถ ยี่ห้อรถ Product_ID Short Text รูปภาพรถ อาการรถ Product_Name Short Text ราคาซ่อมรถ Product_Pic attachment อธบิ าย รหัสพนกั งาน Product_Condition Short Text ช่อื พนกั งาน ท่ีอยู่พนกั งาน Unit_Price Short Text ตำแหน่งพนักงาน เงนิ เดอื นพนักงาน ตารางท่ี 4.2.6 แสดงชนดิ ข้อมลู พนกั งาน หมายเลขโทรศพั ท์ ช่ือ ชนิดขอ้ มลู อธบิ าย รหสั ใบเสรจ็ รับเงิน Employee_ID Short Text วันทีอ่ อกใบเสรจ็ ยอดเงินทง้ั หมด Employee_Name Short Text รหสั ลกู คา้ รหสั พนกั งาน Employee_Address Short Text Employee_Position Short Text Employee_Salary Currency Employee_Phonenumber Short Text ตารางที่ 4.2.8 แสดงชนิดข้อมลู ใบเสรจ็ รับเงิน ชื่อ ชนดิ ข้อมลู Receipt_ID Short Text Receipt_Date Date/Time Receipt_Price Short Text Customer_ID Short Text Emp_ID Short Text
30 4.2.1 ลกู ค้า ภาพที่ 4.7 ขอ้ มูลลูกค้า 4.2.2 อะไหล่รถ ภาพที่ 4.8 ข้อมูลอะไหล่รถ 4.2.3 รายการสั่งซอ่ ม ภาพท่ี 4.9 ขอ้ มูลรายการสั่งซ่อม
31 4.2.4 การซ่อม ภาพท่ี 4.10 ขอ้ มูลการซ่อม 4.2.5 พนักงาน ภาพท่ี 4.11 ข้อมูลพนกั งาน 4.2.7 ใบเสร็จรบั เงนิ ภาพท่ี 4.12 ขอ้ มูลใบเสร็จรบั เงนิ
33 บทท่ี 5 สรุปผลการวเิ คราะห์ ออกแบบระบบและขอ้ เสนอแนะ การวิเคราะห์และออกแบบระบบ ร้านซอ่ มรถมอเตอร์ไซค์ สภุ ศกั ดซิ์ ุปเปอร์ไบค์ ซง่ึ การ วเิ คราะห์และออกแบบระบบในคร้ังนม้ี วี ัตถุประสงคด์ ังนี้ 5.1 วัตถปุ ระสงค์ของการวิเคราะห์และออกแบบระบบ 5.1.1 เพอ่ื วิเคราะห์และออกแบบระบบรา้ นซอ่ มรถมอเตอรไ์ ซค์ สุภศกั ดิ์ซุปเปอรไ์ บค์ 5.1.2 เพื่อศกึ ษาและสำรวจระบบรา้ นซอ่ มรถมอเตอร์ไซค์ สภุ ศกั ดซิ์ ุปเปอรไ์ บค์ 5.1.3 เพ่อื เรียนรู้และเกบ็ ประสบการณจ์ ากการทำธุรกิจของผู้ประกอบการ 5.2 การเกบ็ รวบรวมข้อมูล 5.2.1 คณะผ้จู ัดทำ ทำการเก็บวางแผนและรวบรวมข้อมลู เพื่อดำเนินกิจกรรม 5.2.2 คณะผจู้ ดั ทำ ได้ทำการสร้างคำถามขึ้นจำนวน 24 ขอ้ เพอื่ สมั ภาษณก์ ับเจา้ ของร้านที่จะไป ศกึ ษา 5.2.3 คณะผู้จัดทำ ได้ทำการสัมภาษณ์กับเจ้าของโดยใช้คำถามที่สร้างขึ้นจำนวน 24 ข้อ กับ เจา้ ของรา้ นผา่ นทาง หนา้ รา้ นโดยตรง 5.2.4 นำข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์กับเจ้าของร้านมาเรียบเรียงและวิเคราะห์เพื่อนำมา ออกแบบระบบ 5.3 ขอ้ เสนอแนะ ระบบร้านถั่วงอกเทพฤทัยอาจจะมีข้อผิดพลาดอันเนื่องมาจาก ความรู้และประสบการณ์ใน การ วเิ คราะห์งานยงั ไมม่ ากนกั อาจทำ ใหร้ ะบบท่อี อกมายงั ไม่สมบรู ณเ์ ท่าท่คี วร 5.3.1 ในการจดั ทำควรทำการศกึ ษาและวเิ คราะหข์ อ้ มูลอย่างละเอยี ดให้ไดข้ ้อมูลท่ีถกู ตอ้ ง 5.3.2 ควรออกแบบฟอรม์ ให้งา่ ยตอ่ ผใู้ ช้ให้มากทสี่ ดุ และเป็นไปไดข้ อใหส้ มบรู ณม์ ากทีส่ ุด 5.3.3 ควรออกแบบระบบให้มีประสิทธิภาพตรงตามที่ต้องการของผู้ใช้ มีระบบฐานข้อมูลที่มี ประสทิ ธิภาพ 5.4 สรปุ ผลการวเิ คราะห์และออกแบบระบบ คณะผู้จัดทำได้ทำการศึกษา วิเคราะห์และออกแบบระบบร้านซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ สุภศักด์ิ ซุปเปอร์ไบค์ โดยได้ใช้ DFD, ER-Model ในการวิเคราะห์ข้อมูล และ Microsoft Access ในการ จัดการฐานข้อมูลและออกแบบหน้าจอของระบบ ซึ่งได้ทำการทดลองระบบแล้วได้ผลสรุปออกมาอยู่ ในระดบั ดีมาก
33 บรรณานกุ รม อาจารย์ สุณิษา แย้มกลิ่นหอม (2556) การออกแบบระบบ [ออนไลน์] สืบค้นจาก https://sites.google.com/site/xxkbaebrabb/bth-thi-3-khwam-sakhay- khxng-kar-wikheraah-laea-xxkbaeb-rabb/khwam-hmay-khxng-kar-wikheraah- laea-xxkbaeb-rabb ครอู รพรรณ คงมนั่ (2554) การพฒั นาระบบ [ออนไลน์] สบื ค้นจาก https://sites.google.com/site/eportorra/wicha-kar-wikheraah-laea- xxkbaeb-rabb-3204-2006/hnwy-thi-2-khwam-kheaci-phun-than-khxng-kar- phathna-rabb อาจารย์ สุณิษา แยม้ กลิน่ หอม (2558) ประเภทของระบบงาน [ออนไลน์] สืบค้นจาก https://sites.google.com/site/xxkbaebrabb/bth-thi-1-rabb- system/prapheth-khxng-rabb
ภาคผนวก ก Context Diagram หรอื DFD ระดบั 0 ของ ร้านซ่อมรถมอเตอรไ์ ซค์ สภุ ศกั ดิ์ ซปุ เปอร์ไบค์
35
ภาคผนวก ข Context Diagram หรอื DFD ระดบั 1 ของ ร้านซ่อมรถมอเตอรไ์ ซค์ สภุ ศกั ดิ์ ซปุ เปอร์ไบค์
37
ภาคผนวก ค ER-Model แบบ Chen Model and Crow'sFoot Model ร้านซ่อมรถมอเตอรไ์ ซค์ สุภศักด์ซิ ปุ เปอรไ์ บค์
39
40
ภาคผนวก ง Entity Relationship Diagram รา้ นซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ สภุ ศักด์ซิ ุปเปอร์ไบค์
42
Search