ตารางท่ี 1 การใหว้ คั ซนี แกเ่ ดก็ ตง้ั แตแ่ รกเกดิ หรอื ภายในขวบปีแรก (ตอ่ ) อายุ วัคซีนที่ ให้ 1 ½ - 2 ปี DTP 4 ,OPV 4 , JE1 , JE2 2 ½ - 3 ปี JE 3 4 - 5 ปี DTP 5,OPV 5 นักเรียน ป.1 dT , MMR 2 , BCG* นักเรียน ป.6 dT *ให้ในกรณที ่ไี ม่มีรอยแผลเป็ นและ ไม่ทราบประวัติการได้รับวคั ซีน3/28/2018
ตารางท่ี 2 การใหว้ ัคซีนกรณีเรม่ิ เมื่ออายุระหวา่ ง 1- 6 ปีครั้งท่ี เดอื นที่ วัคซนี ท่ใี ห้ 10 BCG, DTP1,OPV1, MMR 21 HB1, JE1, JE2 32 DTP2, OPV2, HB2 44 DTP3, OPV3 57 HB3 6 12 DTP4, OPV4, JE3
ตารางที่ 3 การเรม่ิ ใหว้ ัคซีนแกเ่ ดก็ เมื่ออายุ > 6 ปีคร้งั ท่ี เดือนท่ี วคั ซนี ที่ให้ 1 0 dT1 ,OPV1, MMR, BCG* 2 1 HB1, JE1, JE2 3 2 dT2 , OPV2, HB2 4 7 HB3 5 12 dT3, OPV3, JE3* หมายเหตุ - ใหก้ รณไี มม่ ีแผลเป็นจากการฉีดครง้ั ก่อน โดยไม่มีประวัตกิ ารไดร้ ับวคั ซีน3/28/2018
1. BCG Vaccine เก็บ ทีอ่ ุณหภูมิ 4 ๐C ไม่ให้ถูกแสงสว่างเก็บไดน้ าน 1–2 ปี แต่ถ้าเปดิ ใชต้ ้องหมดใน 12 ชม.2. DTP เกบ็ 4 – 8 ๐C ห้ามแชแ่ ขง็ มีอายุ 2 ปี ฉดี 0.5 ml.เขา้ กล้ามเนอ้ื หน้าขาหรือตน้ แขน ประสิทธิภาพ จะเกิดภูมคิ มุ้ กัน 2 สัปดาหห์ ลงั ฉีดและนาน 10 ปี S/E มีไข้ ปวด บวม แดงรอ้ น เฉพาะที่3. OPV เก็บ0–8 ๐C นาน 6 เดือน -20 ๐C เกบ็ นาน 2 ปี 1 dose = 0.1 – 0.5 ml (2 – 3 หยด) ข้นึ กบั ผู้ผลิต S/E อาจทาใหเ้ กดิ อัมพาต 4.HBV เก็บที่ 2 – 8 ๐C ห้ามแชแ่ ขง็ เกบ็ ไดน้ าน 3 ปี S/E อาจมีไข้ พบ 1 – 6 % กรณแี มเ่ ปน็ พาหะ?
1. เด็ก 7 ปี มาตรวจสขุ ภาพ พบวา่ ไม่เคยไดร้ ับวัคซีนมาก่อนผล Tuberculin test negative ต้องใหว้ ัคซีนตามขอ้ ใดก. BCG HBV Dt ข. HBV OPV dTค. BCG OPV dT HBV ง. BCG OPV dT MMR2. เดก็ 6 ปี ได้รับวัคซนี ครบตามวยั ถกู ตะปูเป็นสนิมตาเทา้เปน็ แผลเลอื ดออกเลก็ นอ้ ย ควรปฏิบัตอิ ยา่ งไรเกี่ยวกับวคั ซนี ก. ไม่ต้องให้วคั ซนี ข. ให้ Tetanus toxiod 1 เข็ม ค. ให้ Tetanus antitoxin 1 เขม็ ง. ให้ทงั้ Tetanus toxiod และ Tetanus antitoxin
3. เดก็ 1 ปี ได้รบั พลาสม่า เมื่อเดือนเมษายน 2559 และกาหนดนดั ใหว้ ัคซนี ครั้งตอ่ ไปเดือนพฤษภาคม 2559 ควรใหค้ าแนะนาอย่างไร ก. เล่ือนไปรับวคั ซีน เดือนกรกฎาคม 2559 ข. เลอ่ื นไปรับวคั ซนี เดือนสิงหาคม 2559 ค. ไปรบั วคั ซนี เดอื นกันยายน 2559 ง. หลังจากออกจากโรงพยาบาลให้พาเด็กไปรบั วคั ซีนไดต้ ามกาหนด4.ขอ้ ใดกล่าวถกู ต้องในการให้ภูมิคมุ้ กันโรคแก่ทารกท่เี กิดจากมารดาท่ีมี Hbs Ag positiveก.ให้ HBIG และHBV เมื่อแรกเกิดและให้ HBV ซา้ เม่ืออายุ1 และ 6 เดอื น ข. ให้ HBV เมอ่ื แรกเกิด 1 และ 6 เดือน ค. แรกเกดิ ให้ HBIG และให้ HBV เม่ืออายุ 1, 4 และ6 เดอื น ง. ให้ HBV เม่ือแรกเกดิ ซ้าเมื่ออายุ 2 และ 6 เดือน
หวั ข้อที่ 5 การพยาบาลทารกแรกเกดิ5.1 การพยาบาลทารกเกดิ กอ่ นกาหนด5.2 การพยาบาลทารกครบกาหนดท่ีมปี ญั หา ….5.3 การพยาบาลทารกแรกเกดิ ทมี่ คี วามพิการ
#.การพยาบาลทารกนา้ หนักนอ้ ย• ทารกน้าหนกั น้อย ( Low birth weight infants ) ตาม ความหมายขององคก์ ารอนามยั โลก หมายถึง ทารกทม่ี ีนา้ หนกั แรกเกดิ นอ้ ยกว่า 2500 กรมั (IUGR. SGA,)สาเหตุ : ปัจจัยทางดา้ นมารดา /ดา้ นทารก /ด้านรกลักษณะของทารกน้าหนกั นอ้ ย :การประเมนิ อายุทารกในครรภ์มารดา : สามารถทาไดห้ ลายวิธีวธิ ีท่ใี ชก้ นั มากไดแ้ ก่ วิธีของ Usher และวธิ ีของ บาลล์ ารด์ ( Ballard’s score )
หลกั การพยาบาลทส่ี าคญั ดงั ต่อไปนี้1. การควบคมุ อณุ หภมู ิของร่างกายใหอ้ ยใู่ นระดบั ปกติ2. การดูแลดา้ นการหายใจ3. การดูแลใหอ้ าหารและนา้ ใหเ้ พียงพอ รวมท้งั วิตามนิ และแรธ่ าตุ4. การป้องกันการติดเชอื้5. การกระตุ้นประสาทสมั ผัส /ประเมนิ พัฒนาการ6. การชว่ ยเหลือดา้ นจติ ใจของบิดามารดา7. โรคทเ่ี จ็บปว่ ยมาแต่กาเนิด
ปัญหาทพ่ี บบ่อย• 1. การพยาบาลทารกที่ภาวะอุณหภูมิกายต่า Hypothermia)ผลเสยี ท่ีเกดิ ขึน้ เมื่อทารกมอี ุณหภูมกิ ายตา่1. ภาวะน้าตาลในเลือดต่า 2. Metabolic acidosis3. ความต้องการออกซิเจนมากข้ึน 4. มีความผดิ ปกติในการแขง็ ตัวของเลือด5. Shock 6. หยดุ หายใจ ( Apnea )7. เลอื ดออกในโพรงสมอง ( Intraventricular hemorrhage )8. มคี วามพกิ ารทางสมอง 9. อตั ราตายของทารกแรกเกดิ สูงข้ึน การพยาบาล : ดแู ลใหอ้ ยใู่ น NEUTRAL THERMAL ENVIRONMENT : NTE โดยใหท้ ารกมอี ณุ หภูมิกายคงที่อยไู่ ดร้ ะหวา่ ง 36.5 - 37.5 องศาเซลเซยี ส (36.8 – 37.2)
2. กลุ่มอาการหายใจลาบาก (RDS) สาเหตุ : คอื การขาดสารลดแรงตึงผิวอาการและอาการแสดง1. หายใจเรว็ และหอบ มากกว่า 60 ครง้ั /นาที2. หน้าอกบุ๋ม (subcostal retraction)3. เสียงร้องคราง(expiratory grunting)4. อาการเขียว ( cyanosis) 5. ลกั ษณะจมูกบาน (nasal flaring)6. ความดนั โลหิตต่าทัว่ ร่างกาย 7.ขนและขาบวม8. เสยี งหายใจผดิ ปกติ การดาเนนิ ของโรคจะรุนแรงที่สดุ เม่อื ทารกมีอายุ ระหว่าง 48-72 ช่ัวโมง
Bronchopulmonary Dysplasia :BPD• โรคปอดเรือ้ รงั ใน Premature baby ท่ใี ห้ O2 นานกวา่ 28 วัน การดูแลอาการ • O2 ปริมาณต่า PaO2 ~• Wean เคร่อื งช่วยหายใจไมไ่ ด้ 50 -70 mmHg • Avoid Irritant• หายใจเรว็ หายใจลาบาก • ปิด PDA ให้เร็วทส่ี ุด Cyanosis• Wheezing • ตรวจคัดกรองการมองเห็น• ทอ้ งอดื อาเจียนหลังกนิ นม และพฒั นาการ
Retinopathy of Prematurity : ROP• เปน็ ความผดิ ปกตขิ องเสน้ เลอื ดท่ไี ปเลย้ี งจอประสาทตาสาเหตุ- การไดร้ ับ PO 2 สูง ขณะอย่ใู นตอู้ บ- Vasoconstriction นานๆทาให้เสน้ เลอื ดตบี ตันการดแู ลรักษา- การตรวจตา- จดี้ ้วยความเย็น- ผา่ ตัด- ให้ O 2 อย่างเหมาะสม
3. ทารกแรกเกิดทม่ี ีการตดิ เชอื้ Neonatal Sepsis = เป็นการตดิ เชื้อท่ไี มเ่ ฉพาะเจาะจง เกดิ ในชว่ ง4 สปั ดาหแ์ รกหลงั คลอด ประเภทของ Sepsis แบ่งเป็น1. Early Sepsis : เกดิ ขึ้นภายใน 4 วัน หลงั คลอด2. Late Sepsis : เกดิ ขึน้ หลงั คลอดแลว้ 4 วัน ขึน้ ไป สงิ่ สาคญั ในการวนิ ิจฉยั ตัวเย็นหรือมีไข้ หายใจลาบาก ตัวเหลือง ทอ้ งอดื สารอกนม ไมด่ ูดนม
4..การพยาบาลทารกที่มภี าวะนา้ ตาลในเลอื ดตา่ ภาวะนา้ ตาลในเลอื ดตา่ หมายถงึ ภาวะทม่ี ีนา้ ตาลในเลอื ดตา่ กว่า 40 mg / dlอาการและอาการแสดง สั่น หยดุ หายใจ เขียว อ่อนแรง ร้องเสยี งผิดปกติ หายใจเรว็ ซดี กระสับกระสา่ ย กนิ นมไมค่ อ่ ยได้ ชัก หมดสติ เสียชวี ิต การพยาบาล -การดูแลใหน้ ม -การดแู ลใหส้ ารน้าทางหลอดเลือดดา -การประเมนิ อาการ v/s , I/O /ตดิ ตาม ผลตรวจ
5. การพยาบาลทารกแรกเกดิ ทมี่ ภี าวะตวั เหลอื งตวั เหลอื งในทารกแบ่งออกเป็น 2 ชนิด 1. ตัวเหลืองจากสรรี ภาวะ ( physiologic jaundice ) 2. ตวั เหลอื งจากพยาธิภาวะ ( pathologic jaundice ) Kernicterus : เกิดจาก unconjugated bilirubin มมี าก เกนิ ไปจะไปยอ้ มเนื้อสมอง ก้านสมอง cerebellum basal ganglia hippocampus ทาใหเ้ กดิ ความเสียหายตอ่ ระบบ ประสาท การรกั ษามี 3 วธิ ี ได้แก่ 1. การรักษาด้วยการฉายแสง ( phototherapy ) 2. การเปล่ียนถ่ายเลอื ด ( exchange transfusion ) 3. การรกั ษาดว้ ยยา
6.Necrotizing Enterocolitis (NEC)สาเหตุทท่ี าใหเ้ กิด NEC ไดแ้ ก่1. การตดิ เช้อื ในลาไสจ้ ากเชอ้ื แบคทเี รยี2. ภาวะขาดออกซเิ จน (asphyxia) ขณะคลอดตวั เยน็ (hypothermia)3. การใหน้ มทารก = ปริมาณมากและเร็วเกนิ ไป หรอื การใชน้ า้ นมทม่ี ี ความเขม้ ขน้ สงู อาการแสดงจาเพาะทจ่ี ะทาให้นกึ ถึง NEC ได้แก่ ทอ้ งอดื มาก มเี ลือดในอจุ จาระ อาเจยี นมนี ้าดปี น กดเจ็บท่ีหนา้ ทอ้ ง หรือหน้าท้องแดง คลาไดก้ ้อนในท้อง
การพยาบาลทารกท่มี คี วามพกิ ารแต่กาเนิด ปากแหวง่ เพดานโหว่ (Cleft Lip and Cleft Palate)การพยาบาล - กอ่ นผ่าตดั (การสาลัก) - หลังผา่ ตัด (ระวังแผลแยก&ติดเชอ้ื งดดดู นม) - กอ่ นกลับบา้ น (การปอ้ นนม )• คาแนะนาการดูแลเดก็ - การปอ้ นนมด้วยช้อน/ ใช้หลอดหยด / จกุ นมน่มิ รใู หญ่ สอดลึก ข้างกระพงุ้ แกม้ และหลงั ลิน้ - การใสเ่ พดานเทียม
Tracheo-Esophageal Fistula (TEF)with and without Esophageal Atresia (EA) http://www.aafp.org/afp/990215ap/910.html
อาการและอาการแสดง • การดูแลรักษา. แรกเกดิ มนี า้ ลายฟมู ปาก. เมอ่ื ให้นมจะสาลกั ตัวเขยี ว • ผา่ ตดั นาหลอดอาหารที่เปน็ ถงุ ตนั มาเปิดที่คอ เรยี กว่า Cervical esophagotomy ) เพอื่ ระบาย น้าลายป้องกันการสาลักลงสู่ หลอดลมและปอด • ทาผา่ ตัด Gastrostomy เพอ่ื ให้ อาหาร • ทาผ่าตัดตอ่ หลอดอาหาร • การดแู ลก่อนผ่าตัด • การดแู ลหลงั ผ่าตัด
Imperforate Anus การพยาบาล• ก่อนผ่าตดั- NPO, IV, NG tube• หลังผ่าตดั • การรกั ษา1. Colostomy - กลุ่ม High type ทา2. Anoplasty Colostomy- จัดทา่ นอนควา่ เปดิ Perinium - กลุ่ม Low type ทา- งดวดั ปรอททางทวารหนกั ตกแตง่ รูทวาร- ขยายทวารหนักหลงั ผ่าตดั (Anoplasty)ประมาณ 10-14 วัน
ไสเ้ ลือ่ นกระบังลมอาการและอาการแสดง การดูแลรกั ษา- ข้นึ กบั ความรุนแรง อาจมี • ทาผ่าตัดนาเอาอวัยวะในช่อง อาการหายใจลาบาก ทอ้ งทีเ่ คลอื่ นเขา้ ไปในชอ่ งอก กลับคืนและ เยบ็ ปดิ ชอ่ งทางเปิด- หนา้ ท้องแบนราบ ของกะบงั ลม • การดูเรือ่ งการหายใจ • การจัดทา่ ศรษี ะสงู • การระบายนา้ ยอ่ ยในกระเพาะ อาหารเพือ่ ลดแรงดนั ของชอ่ งทอ้ ง
1.ทารกแรกเกิดอายุครรภ์ 30 สปั ดาห์ นา้ หนกั 1,500 กรมั หลังรบั ไว้ 1 ช่ัวโมงพบวา่ T= 36 c RR= 58 ครง้ั /นาที HR= 152 ครงั้ /นาที ปลายมอื ปลายเท้าเขยี วเล็กนอ้ ย การพยาบาลอนั ดบั แรก สาหรบั ผู้ป่วยรายนี้ คอื ขอ้ ใด ก. ดูดเสมหะ เพอ่ื ทาใหท้ างเดินหายใจโลง่ ข. จดั ให้ทารกอยใู่ นตูอ้ บ เพ่ือควบคมุ อณุ หภูมิ ค. ใหส้ ารน้าทางหลอดเลอื ดดา เพอ่ื ปอ้ งกนั ภาวะนา้ ตาลในเลอื ดตา่ ง. ให้ออกซิเจนความเข้มข้นไม่เกนิ 40 % เพ่ือป้องกัน ภาวะ ROP2. ทารกแรกเกดิ หนัก 4,100 กรมั คลอดปกติ มารดาเปน็ DM type II ผลBS 2 ชว่ั โมงหลังเกดิ = 42 mg% Hct = 62 %การพยาบาลท่สี าคัญท่สี ุดสาหรบั ทารกรายนค้ี อื ข้อใด ก. กระต้นุ ใหท้ ารกดดู นมมารดาทันที ข. สังเกตอาการซึม ไม่ดดู นม ชกั และไม่รู้สกึ ตวั ค. ใหก้ ลูโคสทางหลอดเลือดดาตามแผนการรกั ษา ง. สงั เกตอาการและอาการแสดงของภาวะเลอื ดข้น
3. ทารกคลอดกอ่ นกาหนด ถา่ ยข้ีเทาช้า หลังคลอด 3 วันดูดนมมารดาไดน้ อ้ ยมีอาการเหลืองท่ีใบหนา้ ลาคอ การพยาบาลขอ้ ใดถูกตอ้ ง ก. ให้ดม่ื น้ามากๆ ข. งดนมมารดา ค. กระตนุ้ ให้นมมารดาบ่อยๆ ง. ใหท้ ารกได้รบั การส่องไฟ4. ทารกแรกเกดิ อายุ 5 วนั อายุครรภ์34 สปั ดาห์ นา้ หนัก 2,000กรัมมอี าการท้องอดื อจุ จาระมมี ูกปนเลือด ซมึ ได้รับนมผสม ดูด Content พบนมค้างในกระเพาะอาหาร จะให้การพยาบาลอยา่ งไร ก. ดูดนมทค่ี า้ งออกงดนมมอ้ื น้ัน ข.ใส่นมท่เี หลอื เขา้ กระเพาะอาหารและงดนม ค. ดูดนมทเี่ หลอื ทิ้งแลว้ ใส่นมใหมพ่ ร้อมสงั เกตอาการ ง. ใสน่ มที่เหลือเขา้ กระเพาะแลว้ ใส่นมเพม่ิ โดยหัก Content ออก
5. ทารกแรกเกิด อายคุ รรภ์ 33 สปั ดาห์ มภี าวะหายใจลาบาก ใส่ ETT ตอ่ เคร่อื งชว่ ยหายใจนาน 1 สปั ดาห์ FiO2 = 1, PIP =20 CmH2O, IMV= 60 T/min, Peep = 4 CmH2O ทารกรายนี้ เส่ยี งต่อการเกิดภาวะใดมากท่สี ุด ก. Apnea of prematurity ( AOP) ข. Bronchopulmonary dysplasia ( BPD ) ค. Respiratory distress syndrome ( RDS ) ง. Hypoxic ischemic encephalopathy ( HIE )
6. การพยาบาลทีส่ าคัญทส่ี ดุ ในการดแู ลผู้ปว่ ยเด็กหลงั ทา Repair Cleft Lipภายใน 4 ชัว่ โมงแรก คอื เรอื่ งใด ก. ให้นอนคว่าเพือ่ ระบายเสมหะ ข. ปอ้ งกนั การติดเช้ือโดยการทาความสะอาดแผลผ่าตดั ค. ป้องกนั ไม่ใหเ้ ด็กร้องมาก โดยใหเ้ ด็กดูดจกุ นมปลอม ง. ป้องกันเลือดออกจากแผลผ่าตดั โดยการปลอบโยนไมใ่ หเ้ ด็กรอ้ ง7. การพยาบาลเพื่อปอ้ งกนั ภาวะแทรกซ้อนในทารกทเี่ ป็น Tracheoesophageal fistular ก่อนผา่ ตดั ขอ้ ใดถูกต้อง ก. จัดให้นอนศรี ษะสงู ข. ระวังการสาลกั อาหาร ค. งดการดูดเสมหะในปาก ง. ดแู ลใหส้ ารนา้ สารอาหารอยา่ งเพยี งพอ
หวั ขอ้ ที่ 8การพยาบาลเดก็ ที่มีปัญหาระบบทางเดนิ หายใจ แนวคดิ และการพยาบาลบุคคลทม่ี ปี ญั หาการหายใจ - การระบายอากาศ ( Ventilation - การกาซาบ ( Perfusion ) - การซึมซาบ ( Diffusion )พฒั นาการของปอด1. ปอดจะเริม่ สรา้ ง surfactant เมื่ออายุในครรภ์ 24 – 26 - 28 สัปดาห์2. เด็กแรกเกิด จะมี alveoli ประมาณ 1 ใน 10 ของผใู้ หญร่ ะยะ 2 – 3 ปี การเจริญของปอดสว่ นใหญจ่ ะเปน็ การเพม่ิ จานวน alveoli 3 – 8 ปี การเจริญเตบิ โตจะเปน็ ท้งัแบบเพม่ิ จานวน และขยายขนาดของ alveoli
การแบ่งชนิดของโรคระบบทางเดนิ หายใจ1. โรคติดเชื้อระบบทางเดนิ หายใจส่วนบน : เป็นการติดเช้อื ที่เร่มิ จากระบบทางเดิน หายใจส่วนบนทอ่ี ย่เู หนอื กลอ่ งเสยี งข้ึนมา ได้แก่ โรคหวดั คออักเสบ และต่อม ทอนซลิ อักเสบ2. โรคตดิ เช้ือระบบทางเดนิ หายใจสว่ นล่าง : เป็นการตดิ เชื้อทเ่ี ร่มิ จากกล่องเสียงไปถงึ ถงุ ลมปอด ไดแ้ ก่ โรคหลอดลมอักเสบ หลอดลมฝอยอักเสบ กลมุ่ อาการครู๊ป และโรคปอดบวม3. โรคติดเชอ้ื ทั้งในระบบทางเดนิ หายใจส่วนบนและส่วนล่าง : รวมท้งั โรคระบบ ทางเดินหายใจอน่ื ๆ ได้แก่ ภาวะมนี า้ ในช่องเยือ่ หมุ้ ปอด ภาวะมีหนองในชอ่ งเยอ่ื หมุ้ ปอด ปอดแฟบ หืด คอตีบ และไอกรน เปน็ ตน้
1. Asthma = เปน็ ภาวะท่ีมีการอุดตันของทางเดนิ หายใจ เกดิ จากหลอดลมทัง้ ใหญแ่ ละเล็กภายในปอดมกี ารตีบแคบอยูร่ ะยะหนง่ึ เน่ืองจากถูกกระตนุ้ ด้วยสาเหตใุ ดก็ตาม เชน่ การแพ้อาหาร ฝุ่น หรอื สารบางอยา่ ง2. Croup = เป็นกลมุ่ อาการทเี่ กดิ ข้นึ เนื่องจากมีการอดุ ตนั ของทางเดินหายใจช่วงบนประกอบด้วย การหายใจเขา้ มเี สยี งดัง (Inspiratory stridor) แตม่ กี ารหายใจออกปกติและเสยี งแหบ3. หลอดลมอักเสบ = เป็นการอักเสบของแขนงทง้ั 2 ทแี่ ยกออกจากหลอดลมใหม่ภายในปอด สว่ นใหญม่ อี าการอักเสบของหลอดลมใหญร่ ว่ มดว้ ยจึงมักเรียกรวมกนั วา่Tracheobronchitis อาการ แรกๆไอแหง้ ๆ ตอ่ มาเจ็บหน้าอก มเี สมหะ4. หลอดลมฝอยอกั เสบ = เกดิ การอุดตนั ของทางเดินหายใจสว่ นลา่ ง ฟงั ปอดพบwheezing และ crepitation
1. อาการสาคัญทชี่ ่วยแยกโรคติดเชือ้ ระบบทางเดินหายใจส่วนล่างกับส่วนบนคอื ขอ้ ใด ก. ไข้ หายใจลาบาก ข. ไข้ เจบ็ คอ คออักเสบ และแดง ค. ไข้ น้ามูกข้นเหนยี วเป็นสเี หลอื ง ง. ไข้ ไอ และมเี สยี งกรอบแกรบในปอด2. เด็กหายใจหอบ นอนราบไมไ่ ด้ พบหนา้ อกด้านขวาโป่ง การเคล่ือนไหวของทรวงอกลดลง เคาะทบึ หลอดลมและเมดิแอสตินมั เบนไปทางซา้ ยฟงั เสียงหายใจลดลง เดก็ รายน้มี ภี าวะใด ก. Atelectasis ข. Pneumonia ค. Pleural effusion ง. Bronchial asthma
3. เด็ก 6 ปี มีไข้สงู ไอมาก เสมหะสีเขียว ฟังปอดด้านขวาได้ยนิ เสียง CrepitationChest x–ray พบ lung infiltrations lower lobe ควรจดั ทา่ เพอื่ เคาะปอดอย่างไร ก. นอนตะแคงซา้ ย และศรี ษะตา่ ข. นอนตะแคงซ้าย และศรี ษะสูง ค. นอนตะแคงขวา และศีรษะต่า ง. นอนตะแคงขวา และศรี ษะสงู4. เดก็ 3 ปี มาโรงพยาบาลด้วยประวตั ิ มีไขส้ งู มา 3 วัน เสยี งแหบ ไอเสียงกอ้ งมีเสมหะ ขณะทีร่ อตรวจเดก็ มีอาการหายใจมหี นา้ อกบมุ๋ นับอัตราการหายใจได้52 คร้ัง/นาที ไอมีเสมหะขน้ เหนยี ว ควรชว่ ยเหลอื เรอ่ื งใดอันดับแรก ก. เช็ดตัวลดไข้ ข. ดแู ลทางเดนิ หายใจให้โลง่ ค. ใหส้ ารน้าทางหลอดเลือดดา ง. ให้ยาปฏิชวี นะตามแผนการรักษา
5. เด็ก 7 ปี เปน็ โรคหอบหืด มไี ข้ต่าๆ ไอบอ่ ยมเี สมหะสีขาว หายใจลาบากเวลากลางคืน การพยาบาลในขอ้ ใดสาคญั ทส่ี ดุ ก. ให้ดม่ื น้าอุน่ มากๆ ข. ดูแลให้ยาปฏชิ ีวนะ ค. สอนการหายใจท่ถี กู วิธี ง. ดูแลใหย้ าพ่นขยายหลอดลม 6. การดแู ลผปู้ ่วยใส่ ICD ข้อใดถูกตอ้ ง ก. ให้นอนตะแคงดา้ นที่ทา ICD อยดู่ ้านบน ข. ดแู ลใหเ้ ด็กเปา่ ลูกโปง่ เพอื่ ปอดขยายและหนองไหลสะดวก ค. ใหเ้ ดก็ เคลอ่ื นไหวแขนและไหล่นอ้ ยทส่ี ดุ ง. ดแู ลใหไ้ ด้รับยาปฏิชีวะนะจนกว่าจะถอดสายได้
7. ผปู้ ่วยเด็กที่มกี ารบวมของเย่อื บหุ ลอดลมฝอยจะส่งผลใหเ้ กดิ ปัญหาใด ก. หลอดลมฝอยพองทาให้การลาเลียงกา๊ ซดขี ึน้ เพราะแรงดันของอากาศภายในหลอดลมสงู ข. หลอดลมฝอยพอง ทาให้แรงดนั ของอากาศภายในหลอดลมตา่ สง่ ผลให้การลาเลียงกา๊ ซลดลง ค. หลอดลมฝอยหดตวั ทาใหอ้ ากาศคา้ งในถงุ ลมสง่ ผลให้ CO2 เพ่ิมขึ้น ง. หลอดลมฝอยหดตวั ทาใหแ้ รงดันของอากาศภายในหลอดลมสูงข้ึน ส่งผลให้ออกซิเจนเพ่ิมขึน้8. ผู้ป่วยเดก็ ให้ Ventilator ตัง้ Pressure ไวส้ งู ตรวจพบอาการหายใจเรว็หัวใจเต้นเรว็ ขนาดของทรวงอกท้ังสองไม่เท่ากัน ฟังเสียงลมเข้าปอด 2 ข้างไมเ่ ท่ากนั แสดงว่ามภี าวะเส่ยี งในขอ้ ใดก. ทางเดินหายใจอุดตนั ข. ทอ่ ทางเดินหายใจเลือ่ นหลุดค. มลี มรว่ั ในชอ่ งเยื่อหุ้มปอด ง. มคี วามผิดปกติของหวั ใจร่วมดว้ ย
9. ดช.พีท อายุ 3 ปี มารดาพามารพ.ด้วยหายใจหอบ เหน่อื ยมาก ไอ เสมหะสีขาว ขนุ่ เปน็ ก่อนมารพ. 30 นาที จากการตรวจรา่ งกายพบว่าเด็กหายใจหอบลึก RR 48 ครัง้ /นาที มปี กี จมูกบานร่วมดว้ ย PR 80 คร้งั /นาที T 36.8C น้าหนกั 9 กก. มารดาใหป้ ระวตั วิ า่ เดก็ จะไอ และหายใจหอบเมอ่ื อากาศเย็นลงจากสถานการณ์ ปญั หาการพยาบาลท่ีสาคัญอนั ดบั แรกคอื ขอ้ ใด ก. การไดร้ ับออกซิเจนไม่เพยี งพอ ข. การอุดก้นั ทางเดนิ หายใจ ค. การขาดสารอาหารและนา้ ง. พกั ผอ่ นไม่เพียงพอ
หวั ข้อที่ 11การพยาบาลเดก็ ทม่ี ปี ัญหาระบบหัวใจสาเหตุ การเกดิ โรคหวั ใจพกิ ารในทารก ยังไมท่ ราบแนช่ ัดอาจเกิดจากสาเหตใุ ดๆท่ีมผี ลตอ่ การพฒั นาของหวั ใจเดก็ ในครรภ์ระยะสัปดาหท์ ี่ 4 – 7 ของการต้งั ครรภ์ รวมทั้งการติดเช้อื …
I. Ventricular Sepal Defect : VSD อาการและอาการแสดง ขนึ้ อยู่กับขนาดของรรู ว่ั อายุของเดก็ แรงต้านของหลอดเลอื ดในปอด และ แรงต้านในหลอดเลือดทไ่ี ปเลี้ยงร่างกาย1. รูร่วั มขี นาดเล็ก (< 5 ม.ม.2)= ไมพ่ บอาการ2. รูรว่ั มีขนาดปานกลาง ( 5 ม.ม.2 - 1 ซม.2)= เหนอื่ ยงา่ ยขณะดูดนม ตดิ เชือ้ ระบบหายใจบ่อย3. รรู ั่วขนาดใหญ่ (มากกว่า 1 ซ.ม.) = จะพบอาการต้งั แต่แรก ทารกจะหายใจหอบ เรว็ และแรง เกิด Eisenmenger’ s Physiology ได้
2. Atrial Septal Defect : ASD ในทารกและเด็กเลก็ มกั จะไม่พบอาการผิดปกติ ฟังเสยี งหวั ใจได้เสยี งฟู่ (murmur) ซึ่งADS ขนาดเล็กสามารถปดิ ไดเ้ อง ในเด็กโตท่มี ีอาการรุนแรงขึน้ ……. การผา่ ตัด สว่ นใหญ่จะผ่าตดั เมอื่ เด็กอายุ 2 -4 ปี หรือ ในรายทม่ี ีอาการรนุ แรง
3.Patent Ductus Arteiosus (PDA) อาการและความรุนแรงข้ึนกับ - ขนาดของ Ductus arteriosus - ความแตกตา่ งของความดนั ระหว่าง หลอดเลอื ดแดง Aorta กับหลอดเลอื ดดา Pulmonary - แรงต้านของหลอดเลอื ดในปอด - ความสามารถของกลา้ มเนอ้ื หัวใจ ทารกคลอดก่อนกาหนด : อาการจะชัดเร็ว เนื่องจากแรงต้านในปอดน้อย เลือดจงึ ไหลไปปอดและกลบั สู่หัวใจมาก จะมหี ัวใจวายเร็ว
4. Tetralogy of Fallot (TOF) อาการและอาการแสดง * ทารกแรกเกิด อาการยงั ไม่ปรากฏ ชดั เจน * เด็กเลก็ ภายหลัง 6 เดือนหลงั เกดิ อาการ เขยี วจะชัดขน้ึ จะเขียว เหน่อื ยง่าย เวลาดดู นม สมองขาดออกซเิ จน (Anoxic spell) เป็นลม ตวั ออ่ นปวกเปียก * เด็กโต จะเรยี นร้กู ารช่วยเหลอื ตัวเอง เมื่อออกกาลงั กายและเหน่ือย โดยจะนัง่ ยองๆ (Squatting) ซง่ึ เป็นลกั ษณะสาคัญ ของเด็กปว่ ยโรคนี้
ภาวะหวั ใจล้มเหลวในเดก็ :CHF : เปน็ กลมุ่ อาการทีร่ า่ งกายไม่สามารถสบู ฉดี เลือด ไปเล้ียงรา่ งกายเพยี งพอกับความตอ้ งการได้• อาการ- HR หวั ใจโต มีเสยี งควบ ตวั เย็น เหงอื่ ออก เล้ียงไมโ่ ต- Left side failure ไดแ้ ก่ Tachypnia หอบเหนื่อยเมื่อมีกจิ กรรม ดูดนมแล้วหอบ- อาการค่งั ของระบบไหลเวยี น ซึง่ เรียกว่า Right side failureไดแ้ ก่ ตบั โต หนงั ตาบวม เดก็ โตอาจพบ Neck vein โป่ง
โรคไข้รหู ์มาติค : การวนิ ิจฉยั โดยใช้ Jone’s criteriaMajor Criteria 1. หวั ใจอกั เสบ (Carditis) 2. ขอ้ อกั เสบหลายขอ้ (Polyarthritis) 3. การเคลอื่ นไหวผิดปกติ (Chorea) 4. ตมุ่ แข็งใตผ้ ิวหนงั (Subcutaneous nodules) 5. ผ่นื แดงขอบหยัก (Erythema marginatum)Minor Criteria 1. ไข้ (Fever) 2. ปวดข้อ (Arthragia) 3. ผล Lab ผดิ ปกติ และ C- reactive protein ใหผ้ ลบวก 4. คลืน่ ไฟฟ้า PR ยาว
การพยาบาล • CHD – แนะนาแม่เพ่อื ป้องกนั การตดิ เช้อื การให้อาหาร กิจกรรม • TOF position – Squatting - Knee chest position • การดแู ลการใหย้ า Digitalis – จบั pulse rate • การดแู ลหลงั ทา Cardiac cath. • การประเมนิ ภาวะ CHF
1. Asthma = เปน็ ภาวะท่ีมีการอุดตันของทางเดนิ หายใจ เกดิ จากหลอดลมทัง้ ใหญแ่ ละเล็กภายในปอดมกี ารตีบแคบอยูร่ ะยะหนง่ึ เน่ืองจากถูกกระตนุ้ ด้วยสาเหตใุ ดก็ตาม เชน่ การแพ้อาหาร ฝุ่น หรอื สารบางอยา่ ง2. Croup = เป็นกลมุ่ อาการทเี่ กดิ ข้นึ เนื่องจากมีการอดุ ตนั ของทางเดินหายใจช่วงบนประกอบด้วย การหายใจเขา้ มเี สยี งดัง (Inspiratory stridor) แตม่ กี ารหายใจออกปกติและเสยี งแหบ3. หลอดลมอักเสบ = เป็นการอักเสบของแขนงทง้ั 2 ทแี่ ยกออกจากหลอดลมใหม่ภายในปอด สว่ นใหญม่ อี าการอักเสบของหลอดลมใหญร่ ว่ มดว้ ยจึงมักเรียกรวมกนั วา่Tracheobronchitis อาการ แรกๆไอแหง้ ๆ ตอ่ มาเจ็บหน้าอก มเี สมหะ4. หลอดลมฝอยอกั เสบ = เกดิ การอุดตนั ของทางเดินหายใจสว่ นลา่ ง ฟงั ปอดพบwheezing และ crepitation
1. ข้อใดกลา่ วถงึ โรคหัวใจพิการแต่กาเนิดชนิดไมท่ าใหเ้ กิดอาการเขียวได้ถูกต้อง1.ความผิดปกตทิ ี่ก่อใหเ้ กิดการผสมกันระหว่างเลอื ดแดงและเลอื ดดาก่อนการส่งไปฟอกทป่ี อด2.ความผดิ ปกตทิ ก่ี อ่ ใหเ้ กดิ การผสมกนั ระหวา่ งเลอื ดแดงและดากอ่ นเขา้ สู่ระบบไหลเวยี นเพ่อื ไปเลีย้ งร่างกาย3.ความผิดปกติของโครงสร้างหัวใจต้งั แตเ่ กิดทาใหเ้ กิดอาการเขียวที่ส่วนปลายของรา่ งกาย4.ความผิดปกตขิ องโครงสร้างหวั ใจต้ังแต่เกิดทาให้ปริมาณเลือดแดงไปเล้ยี งร่างกายลดลงก. 1,2,3 ค. 1,3,4ข. 1,2,4 ง. 2,3,4
2) เดก็ ทเ่ี กดิ จากมารดาในขอ้ ใดเสย่ี งต่อการเปน็ โรคหัวใจพกิ ารแต่กาเนดิ1.มารดาเปน็ หัดเยอรมนั ขณะต้ังครรภไ์ ด้ 6 สัปดาห์2. มารดาเปน็ โรคเบาหวานชนิดพึ่งอนิ ซูลิน3. มารดาเปน็ โรคธาลสั ซเี มยี4. มารดาขาดสารอาหารขณะตั้งครรภ์ก. 1,2 ถูก ค. 2,3 ถูกข. 1,3 ถกู ง. 3,4 ถกู
3) มารดานาทารกมาโรงพยาบาลด้วยอาการเหนอ่ื ยหอบ บวมท้งั ตวั มีไข้ และไอในเวลากลางคืน ผลการตรวจจากหอ้ งปฏิบตั ิการ Chest x-rays พบหัวใจโตและมีจุดขาวๆทปี่ อดท้ังสองขา้ ง vital signs T 38.C , PR 140 ครง้ั /นาที, RR 65 คร้งั /นาที ,BP 87/52 mmHg . ปัญหาสาคญั ทสี่ ุดของทารกรายน้คี ือข้อใด ก. เส่ียงตอ่ ภาวะชัก จากไข้สูง ข. ประสทิ ธิภาพการหายใจบกพร่อง เนอื่ งจาก การระบายอากาศลดลง ค. มภี าวะเสยี สมดุลของสารน้าและอิเลกโตไลด์ จากการดดู ซึมผิดปกติ ง. มภี าวะพร่องออกซิเจนจากปริมาณเลอื ดไปเลย้ี งหวั ใจลดลง และเกิดการคัง่ ของเลอื ดท่ีหัวใจห้องลา่ งขวา. 4. ท่านควรใหก้ ารพยาบาลทารกอย่างไรเปน็ อันดับแรก ก. เช็ดตัวลดไข้ด้วยนา้ อนุ่ ข. ให้ออกซเิ จน box 10 L/M. ค. ใหส้ ารนา้ ทางหลอดเลือดดา ง. ให้อาหารอ่อนยอ่ ยงา่ ย
5. เดก็ 2 ปี เป็นโรคหัวใจชนิด VSD นอนราบไม่ได้ ผิวค่อนข้างซดีอณุ หภมู ิ 39 องศาเซลเซยี ส หายใจลาบาก 46 ครงั้ /นาทีปัสสาวะออกน้อย ปัญหาทางการพยาบาลใดสาคญั ทสี่ ุด ก. เส่ียงตอ่ การขาดน้าเนื่องจากมไี ขส้ งู ข. มีการติดเช้อื เนื่องจากภมู ติ ้านทานตา่ ค. การแลกเปล่ยี นก๊าซลดลงเนอ่ื งจากภาวะหายใจลม้ เหลว ง. เส่ยี งต่อการขาดออกซิเจนเนื่องจากปริมาณเลอื ดออกจากหวั ใจลดลง.
6. เด็กชายวยั 7 ปี ครนู าส่งโรงพยาบาลดว้ ยอาการเขยี วทงั้ ตวั หายใจหอบเป็นมา 15 นาที จากการตรวจรา่ งกายพบนา้ หนกั 14 กก. ผอม นวิ้ มือน้วิ เทา้คลา้ ยช้อน เขยี วคล้า หายใจหอบลึก 40 ครั้ง/นาที T 36.1C PR 94 ครั้ง/นาทีมีประวตั ิเปน็ โรคหวั ใจพกิ ารแต่กาเนดิ แผนการรักษาของแพทย์คอื ใหอ้ อกซิเจน, digoxin และ lasix การพยาบาลอันดับแรกคือข้อใด ก. ใหอ้ อกซิเจนทางจมกู 3 ลิตร/นาที ข. ให้รับประทานยา digoxin ค. จดั ใหน้ อนศรี ษะสงู เข่างอเขา้ หาตัว. ง. จัดให้นอนราบ ศรี ษะเอียงไปด้านใดด้านหนง่ึ 7. ท่านสามารถให้ยา digoxin แกเ่ ดก็ ได้เลยหรือไม่ ก. ได้เนื่องจาก PR > 90 คร้งั /นาท.ี ข. ไดเ้ นอ่ื งจาก RR > 30 ครง้ั /นาที ค. เน่อื งจาก PR < 100 คร้ัง/นาที ง. ไมไ่ ดเ้ น่อื งจาก RR < 40 คร้งั /นาที
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132