๙๗ ช้ัน ที่ รหัสตัวชี้วดั ตัวชี้วัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ม.1 19 ว 2.1 ม.1/1 อธิบายสมบัติทางกายภาพ • ธาตแุ ต่ละชนิดมสี มบัติเฉพาะตัวและมี ✓ บางประการของธาตุโลหะ สมบัติทางกายภาพบางประการเหมือนกนั อโลหะ และก่ึงโลหะ โดยใช้ และบางประการต่างกนั ซ่ึงสามารถนำมา หลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ทไ่ี ด้จาก จดั กลุม่ ธาตเุ ป็นโลหะ อโลหะ และกึง่ โลหะ การสงั เกตและการทดสอบ และ ธาตโุ ลหะมีจดุ เดอื ด จดุ หลอมเหลวสงู ใชส้ ารสนเทศที่ไดจ้ าก มีผวิ มนั วาว นำความร้อน นำไฟฟ้า แหล่งข้อมูลตา่ ง ๆ รวมท้ัง ดงึ เปน็ เสน้ หรือตีเปน็ แผ่นบาง ๆ ได้ จัดกลมุ่ ธาตุเปน็ โลหะ อโลหะ และมคี วามหนาแนน่ ทงั้ สงู และตำ่ และก่งึ โลหะ ธาตุอโลหะมีจุดเดือด จุดหลอมเหลวต่ำ มผี วิ ไม่มันวาว ไมน่ ำความรอ้ น ไมน่ ำไฟฟ้า เปราะ แตกหักง่าย และมคี วามหนาแน่นตำ่ ธาตกุ ่ึงโลหะมีสมบตั บิ างประการเหมือนโลหะ และสมบตั บิ างประการเหมือนอโลหะ 20 ว 2.1 ม.1/2 วิเคราะหผ์ ลจากการใช้ธาตโุ ลหะ • ธาตโุ ลหะ อโลหะ และก่ึงโลหะ ที่สามารถ ✓ อโลหะ กึ่งโลหะ และธาตุ แผร่ ังสไี ด้จดั เปน็ ธาตกุ ัมมันตรังสี กัมมนั ตรงั สี ท่ีมีตอ่ สง่ิ มีชวี ติ • ธาตุมที ั้งประโยชนแ์ ละโทษ การใช้ธาตโุ ลหะ สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจและสงั คม อโลหะ กึง่ โลหะ ธาตุกัมมนั ตรังสี จากข้อมลู ที่รวบรวมได้ ควรคำนงึ ถงึ ผลกระทบตอ่ สิ่งมชี ีวติ ส่งิ แวดลอ้ ม เศรษฐกจิ และสังคม 21 ว 2.1 ม.1/3 ตระหนักถึงคุณค่าของการใช้ ✓ ธาตโุ ลหะ อโลหะ กึ่งโลหะ ธาตุกมั มนั ตรงั สี โดยเสนอ แนวทางการใช้ธาตุ อยา่ งปลอดภัย ค้มุ ค่า 22 ว 2.1 ม.1/4 เปรยี บเทียบจุดเดือด • สารบรสิ ุทธิ์ประกอบด้วยสารเพยี งชนดิ เดียว ✓ จดุ หลอมเหลวของสารบริสทุ ธ์ิ สว่ นสารผสมประกอบดว้ ยสารตั้งแต่ และสารผสม โดยการวดั อุณหภูมิ 2 ชนดิ ข้นึ ไป สารบรสิ ุทธแ์ิ ต่ละชนดิ มี เขยี นกราฟ แปลความหมาย สมบัติบางประการที่เป็นคา่ เฉพาะตวั ขอ้ มูลจากกราฟ หรอื สารสนเทศ เช่น จดุ เดือดและจุดหลอมเหลวคงท่ี แต่สารผสมมจี ดุ เดือดและจุดหลอมเหลว ไมค่ งท่ี ข้นึ อยูก่ ับชนิดและสดั สว่ นของสาร ท่ผี สมอยูด่ ว้ ยกัน สำหรบั การจัดการเรียนรู้ ปีการศึกษา 2564 ภายใต้สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน ร่วมกับ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
๙๘ ชั้น ที่ รหัสตวั ช้ีวดั ตัวช้ีวดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ม.1 23 ว 2.1 ม.1/5 อธิบายและเปรียบเทยี บ • สารบรสิ ุทธิ์แต่ละชนดิ มีความหนาแนน่ ✓ ความหนาแนน่ ของสารบรสิ ุทธ์ิ หรอื มวลต่อหนึ่งหนว่ ยปริมาตรคงที่ และสารผสม เปน็ คา่ เฉพาะของสารนนั้ ณ สถานะและ 24 ว 2.1 ม.1/6 ใช้เคร่อื งมือเพอ่ื วัดมวลและ อณุ หภมู หิ น่ึง แตส่ ารผสมมีความหนาแน่น ✓ ปรมิ าตรของสารบริสทุ ธแ์ิ ละ ไม่คงท่ขี ้ึนอย่กู บั ชนิดและสัดส่วนของสาร สารผสม ท่ีผสมอยู่ด้วยกัน 25 ว 2.1 ม.1/7 อธบิ ายเกีย่ วกับความสมั พันธ์ • สารบรสิ ุทธแ์ิ บง่ ออกเปน็ ธาตแุ ละ ✓ ระหว่างอะตอม ธาตุ และ สารประกอบ ธาตปุ ระกอบด้วยอนภุ าค สารประกอบ โดยใชแ้ บบจำลอง ทีเ่ ล็กท่ีสดุ ทยี่ งั แสดงสมบัติของธาตนุ นั้ และสารสนเทศ เรยี กวา่ อะตอม ธาตุแต่ละชนิด ประกอบดว้ ยอะตอมเพียงชนดิ เดยี วและ ไม่สามารถแยกสลายเป็นสารอ่ืนได้ดว้ ยวธิ ี ทางเคมี ธาตุเขียนแทนด้วยสัญลักษณธ์ าตุ สารประกอบเกดิ จากอะตอมของธาตุต้งั แต่ 2 ชนดิ ขน้ึ ไปรวมตัวกันทางเคมีในอัตราสว่ น คงที่ มีสมบตั ิแตกต่างจากธาตุทเ่ี ปน็ องคป์ ระกอบ สามารถแยกเป็นธาตไุ ด้ ดว้ ยวธิ ีทางเคมี ธาตแุ ละสารประกอบ สามารถเขยี นแทนไดด้ ้วยสูตรเคมี 26 ว 2.1 ม.1/8 อธิบายโครงสร้างอะตอม • อะตอมประกอบดว้ ยโปรตอน นวิ ตรอน ✓ ท่ปี ระกอบด้วยโปรตอน และอเิ ล็กตรอน โปรตอนมีประจไุ ฟฟ้าบวก นวิ ตรอน และอิเลก็ ตรอน ธาตชุ นิดเดยี วกนั มีจำนวนโปรตอนเท่ากัน โดยใช้แบบจำลอง และเป็นค่าเฉพาะของธาตนุ ้ัน นิวตรอน เป็นกลางทางไฟฟา้ สว่ นอเิ ล็กตรอนมี ประจไุ ฟฟา้ ลบ เม่ืออะตอมมีจำนวน โปรตอนเทา่ กบั จำนวนอเิ ลก็ ตรอนจะเป็น กลางทางไฟฟ้า โปรตอนและนิวตรอน รวมกนั ตรงกลางอะตอมเรียกว่า นวิ เคลยี ส สว่ นอิเล็กตรอนเคลื่อนท่ีอยู่ในท่ีวา่ งรอบ นวิ เคลียส สำหรับการจดั การเรียนรู้ ปกี ารศึกษา 2564 ภายใตส้ ถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน ร่วมกับ สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
๙๙ ชนั้ ที่ รหสั ตัวชี้วัด ตัวชว้ี ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ม.1 27 ✓ ว 2.1 ม.1/9 อธบิ ายและเปรยี บเทียบ • สสารทุกชนิดประกอบด้วยอนุภาค การจัดเรียงอนุภาค โดยสารชนดิ เดยี วกนั ท่ีมีสถานะของแข็ง แรงยึดเหนย่ี วระหว่างอนุภาค ของเหลว แกส๊ จะมีการจัดเรียงอนภุ าค และการเคลื่อนที่ของอนุภาคของ แรงยึดเหนีย่ วระหวา่ งอนภุ าค สสารชนิดเดยี วกันในสถานะ การเคล่ือนทขี่ องอนุภาคแตกต่างกนั ของแขง็ ของเหลว และแกส๊ ซง่ึ มผี ลต่อรปู ร่างและปรมิ าตรของสสาร โดยใชแ้ บบจำลอง • อนุภาคของของแข็งเรียงชดิ กัน มแี รงยึดเหนยี่ วระหว่างอนุภาคมากทีส่ ดุ อนุภาคสนั่ อยู่กบั ทที่ ำให้มีรูปร่างและ ปริมาตรคงที่ • อนภุ าคของของเหลวอยู่ใกล้กัน มแี รงยึดเหนี่ยวระหวา่ งอนภุ าคน้อยกว่า ของแข็งแต่มากกว่าแกส๊ อนภุ าคเคล่อื นที่ได้ แตไ่ มเ่ ป็นอิสระเท่าแกส๊ ทำให้มรี ปู ร่าง ไมค่ งท่ี แตป่ ริมาตรคงท่ี • อนภุ าคของแกส๊ อยู่ห่างกันมาก มีแรงยดึ เหนย่ี วระหว่างอนภุ าคน้อยที่สุด อนภุ าค เคล่ือนท่ีไดอ้ ย่างอิสระทุกทศิ ทาง ทำใหม้ ี รปู รา่ งและปรมิ าตรไม่คงท่ี 28 ว 2.1 ม.1/10 อธบิ ายความสมั พนั ธ์ระหว่าง • ความรอ้ นมีผลต่อการเปลีย่ นสถานะของ ✓ พลงั งานความร้อนกับ สสารเมื่อใหค้ วามร้อนแกข่ องแข็ง อนภุ าค การเปล่ยี นสถานะของสสาร ของของแข็งจะมีพลงั งานและอุณหภูมิ โดยใช้หลกั ฐานเชงิ ประจักษแ์ ละ เพ่มิ ขน้ึ จนถึงระดบั หน่ึง ซ่ึงของแข็งจะใช้ แบบจำลอง ความร้อนในการเปลี่ยนสถานะเป็น ของเหลว เรียกความรอ้ นที่ใชใ้ นการเปลย่ี น สถานะจากของแข็งเปน็ ของเหลวว่า ความรอ้ นแฝงของการหลอมเหลว และ อณุ หภมู ิขณะเปลีย่ นสถานะจะคงที่ เรยี กอุณหภูมินวี้ ่า จุดหลอมเหลว • เมอื่ ให้ความรอ้ นแกข่ องเหลว อนภุ าคของ ของเหลวจะมพี ลงั งานและอุณหภมู ิเพิม่ ขึ้น จนถงึ ระดับหนงึ่ ซงึ่ ของเหลวจะใช้ ความรอ้ นในการเปลี่ยนสถานะเปน็ แกส๊ เรียกความร้อนท่ีใชใ้ นการเปล่ียนสถานะ จากของเหลวเป็นแกส๊ วา่ ความร้อนแฝง ของการกลายเปน็ ไอ และอณุ หภูมขิ ณะ เปล่ียนสถานะจะคงที่ เรยี กอุณหภมู ินี้วา่ จุดเดอื ด สำหรบั การจดั การเรยี นรู้ ปกี ารศกึ ษา 2564 ภายใต้สถานการณแ์ พรร่ ะบาดของโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน ร่วมกบั สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
๑๐๐ ชน้ั ท่ี รหัสตวั ช้ีวดั ตวั ชว้ี ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ม.1 • เม่อื ทำใหอ้ ุณหภมู ิของแก๊สลดลงจนถงึ ระดับหนงึ่ แก๊สจะเปลย่ี นสถานะเปน็ ของเหลว เรียกอณุ หภมู ิน้วี ่า จดุ ควบแน่น ซึง่ มอี ุณหภมู ิเดยี วกับจุดเดือดของ ของเหลวนนั้ • เมอ่ื ทำให้อุณหภูมขิ องของเหลวลดลง จนถึงระดับหนงึ่ ของเหลวจะเปลย่ี น สถานะเป็นของแข็งเรยี กอุณหภูมิน้ีวา่ จดุ เยือกแขง็ ซงึ่ มอี ุณหภมู ิเดียวกับ จดุ หลอมเหลวของของแข็งน้ัน • เมอื่ วตั ถุอยู่ในอากาศจะมีแรงท่อี ากาศ ✓ 29 ว 2.2 ม.1/1 สร้างแบบจำลองทอ่ี ธบิ าย กระทำตอ่ วัตถุในทุกทิศทาง แรงท่อี ากาศ กระทำตอ่ วัตถุข้นึ อยู่กับขนาดพนื้ ท่ีของ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งความดัน วตั ถุนัน้ แรงท่ีอากาศกระทำตั้งฉากกบั อากาศกบั ความสงู จากพื้นโลก ผิววัตถตุ อ่ หน่ึงหนว่ ยพื้นท่ี เรียกว่า ความดันอากาศ • ความดนั อากาศมคี วามสัมพนั ธ์กับความสงู จากพ้นื โลก โดยบรเิ วณที่สูงจากพืน้ โลกขน้ึ ไป อากาศเบาบางลง มวลอากาศน้อยลง ความอากาศก็จะลดลง 30 ว 2.3 ม.1/1 วเิ คราะห์ แปลความหมายข้อมลู • เม่อื สสารไดร้ ับหรือสูญเสยี ความร้อน ✓ และคำนวณปริมาณความร้อน อาจทำให้สสารเปลย่ี นอณุ หภูมิ เปลย่ี นสถานะ หรือเปลี่ยนรูปรา่ ง ที่ทำให้สสารเปลี่ยนอุณหภมู ิ และเปลี่ยนสถานะ โดยใช้สมการ • ปริมาณความร้อนที่ทำใหส้ สารเปลย่ี น อุณหภูมขิ น้ึ กับมวล ความร้อนจำเพาะ Q = mcΔt และ Q = mL และอุณหภูมทิ ี่เปล่ยี นไป ✓ • ปริมาณความร้อนท่ีทำให้สสารเปลยี่ น 31 ว 2.3 ม.1/2 ใชเ้ ทอรม์ อมเิ ตอร์ในการวัด สถานะข้ึนกับมวลและความร้อนแฝงจำเพาะ อุณหภูมขิ องสสาร โดยขณะทส่ี สารเปลีย่ นสถานะ อณุ หภมู ิ จะไมเ่ ปลี่ยนแปลง • ความรอ้ นทำใหส้ สารขยายตัวหรือหดตัวได้ ✓ 32 ว 2.3 ม.1/3 สรา้ งแบบจำลองท่ีอธิบาย การขยายตัวหรอื หดตวั ของสสาร เนอ่ื งจากเม่ือสสารได้รบั ความรอ้ นจะทำให้ อนุภาคเคลื่อนทเี่ รว็ ขนึ้ ทำใหเ้ กดิ เนื่องจากไดร้ ับหรือสญู เสยี การขยายตัว แตเ่ มื่อสสารคายความร้อน ความร้อน จะทำให้อนภุ าคเคล่อื นที่ช้าลง ทำใหเ้ กดิ การหดตวั 33 ว 2.3 ม.1/4 ตระหนักถึงประโยชน์ของความรู้ • ความรู้เรื่องการหยุดและขยายตวั ของ ✓ ของการหดและขยายตัวของ สสารเนอื่ งจากความรอ้ น นำไปใช้ สสารเนือ่ งจากความรอ้ น ประโยชนไ์ ด้ ด้านต่าง ๆ เช่น โดยวิเคราะห์สถานการณป์ ญั หา การสรา้ งถนน การสร้างรางรถไฟ และเสนอแนะวธิ ีการนำความรู้ การทำเทอรม์ อมเิ ตอร์ มาแก้ปญั หาในชีวิตประจำวัน สำหรับการจดั การเรียนรู้ ปกี ารศกึ ษา 2564 ภายใต้สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน ร่วมกับ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
๑๐๑ ชั้น ท่ี รหสั ตัวชี้วดั ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ม.1 34 ว 2.3 ม.1/5 วิเคราะหส์ ถานการณ์ • ความรอ้ นถ่ายโอนจากสสารที่มีอณุ หภูมิ ✓ การถ่ายโอนความร้อนและ สงู กวา่ ไปยังสสารที่มีอุณหภมู ิตำ่ กว่า คำนวณปริมาณความร้อนท่ี จนกระทั่งอุณหภมู ิของสสารท้ังสองเทา่ กนั ถ่ายโอนระหว่างสสารจนเกิด สภาพท่ีสสารท้งั สองมอี ุณหภมู ิเท่ากัน สมดลุ ความร้อนโดยใช้สมการ เรยี กวา่ สมดุลความรอ้ น Qสญู เสีย = Qได้รบั • เมื่อมีการถา่ ยโอนความร้อนจากสสารท่มี ี อณุ หภูมิตา่ งกนั จนเกิดสมดุลความรอ้ น ความรอ้ นทเี่ พ่ิมขึ้นของสสารหนง่ึ จะ เทา่ กับความร้อนทีล่ ดลงของอีกสสารหนง่ึ ซงึ่ เป็นไปตามกฎการอนุรกั ษ์พลังงาน 35 ว 2.3 ม.1/6 สร้างแบบจำลองที่อธิบาย • การถา่ ยโอนความรอ้ นมี 3 แบบ คอื ✓ การถ่ายโอนความรอ้ น โดยการนำความร้อน การนำความร้อน การพาความร้อนและ การพาความร้อน การแผร่ ังสี ความร้อน การแผร่ งั สคี วามร้อน การนำความรอ้ น 36 ว 2.3 ม.1/7 ออกแบบ เลือกใช้ และสรา้ ง เป็นการถา่ ยโอนความร้อนที่อาศยั ตัวกลาง อปุ กรณ์ เพ่ือแก้ปัญหา โดยทตี่ วั กลางไมเ่ คลอ่ื นท่ี การพาความร้อน ในชีวติ ประจำวันโดยใชค้ วามรู้ เป็นการถ่ายโอนความร้อนท่อี าศยั ตวั กลาง ✓ เกีย่ วกบั การถา่ ยโอนความรอ้ น โดยทตี่ ัวกลางเคล่ือนท่ไี ปดว้ ย สว่ นการแผ่ รงั สีความรอ้ นเปน็ การถา่ ยโอนความร้อน ท่ีไม่ต้องอาศยั ตัวกลาง • ความรูเ้ กี่ยวกับการถ่ายโอนความรอ้ น สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้ เชน่ การเลอื กใชว้ ัสดุเพื่อนำมาทำภาชนะ บรรจอุ าหารเพื่อเก็บความร้อน หรือการออกแบบระบบระบายความรอ้ น ในอาคาร 37 ว 3.2 ม.1/1 สร้างแบบจำลองที่อธบิ าย • โลกมีบรรยากาศห่อหุ้ม นกั วิทยาศาสตร์ใช้ ✓ การแบง่ ชัน้ บรรยากาศและ เปรียบเทยี บประโยชน์ของ สมบัติและองค์ประกอบของบรรยากาศ บรรยากาศแต่ละชนั้ ในการแบ่งบรรยากาศของโลกออกเปน็ ช้นั ซง่ึ แบง่ ไดห้ ลายรปู แบบตามเกณฑท์ ี่ แตกตา่ งกนั โดยท่ัวไปนักวิทยาศาสตร์ ใช้เกณฑ์การเปล่ยี นแปลงอุณหภมู ิ ตามความสูงแบ่งบรรยากาศได้เป็น 5 ช้ัน ได้แก่ ชนั้ โทรโพสเฟยี ร์ ช้นั สตราโตสเฟยี ร์ ช้นั มีโซสเฟียร์ ช้ันเทอรโ์ มสเฟียร์ และ ชั้นเอกโซสเฟียร์ • บรรยากาศแตล่ ะชั้นมปี ระโยชนต์ ่อ สง่ิ มชี วี ิตแตกต่างกนั โดยชั้นโทรโพสเฟียร์ มีปรากฏการณล์ มฟา้ อากาศที่สำคัญต่อ การดำรงชีวติ ของสิ่งมีชวี ติ ชัน้ สตราโตสเฟียร์ สำหรบั การจดั การเรียนรู้ ปกี ารศึกษา 2564 ภายใต้สถานการณแ์ พร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน ร่วมกับ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
๑๐๒ ช้ัน ท่ี รหัสตัวชี้วดั ตัวช้ีวดั สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ม.1 ช่วยดูดกลนื รงั สอี ลั ตราไวโอเลตจาก ดวงอาทิตย์ไมใ่ ห้มายังโลกมากเกนิ ไป ชน้ั มีโซสเฟยี รช์ ่วยชะลอวตั ถนุ อกโลก ที่ผ่านเข้ามาใหเ้ กิดการเผาไหม้กลายเป็น วตั ถขุ นาดเล็ก ลดโอกาสที่จะทำ ความเสียหายแก่สิง่ มีชีวติ บนโลก ชัน้ เทอรโ์ มสเฟียร์สามารถสะทอ้ น คล่นื วิทยุ และชัน้ เอกโซสเฟียร์ เหมาะสำหรบั การโคจรของดาวเทียม รอบโลกในระดับต่ำ 38 ว 3.2 ม.1/2 อธบิ ายปจั จยั ท่ีมีผลตอ่ • ลมฟ้าอากาศ เปน็ สภาวะของอากาศ ✓ การเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบ ในเวลาหนึง่ ของพื้นท่หี น่งึ ทมี่ ี ของลมฟา้ อากาศ จากขอ้ มลู การเปลีย่ นแปลงตลอดเวลา ขน้ึ อยู่กับ ทร่ี วบรวมได้ องคป์ ระกอบลมฟา้ อากาศ ได้แก่ อุณหภูมิ อากาศ ความกดอากาศ ลม ความช้นื เมฆ และหยาดน้ำฟา้ โดยหยาดน้ำฟา้ ท่ีพบบ่อย ในประเทศไทย ไดแ้ ก่ ฝน องค์ประกอบ ลมฟา้ อากาศเปล่ยี นแปลงตลอดเวลา ขนึ้ อย่กู ับปจั จยั ตา่ ง ๆ เชน่ ปริมาณรงั สี จากดวงอาทิตยแ์ ละลักษณะพ้ืนผิวโลก ส่งผลต่ออุณหภูมิอากาศ อุณหภมู ิอากาศ และปรมิ าณไอนำ้ ส่งผลตอ่ ความชื้น ความกดอากาศส่งผลต่อลม ความช้ืน และ ลมสง่ ผลต่อเมฆ 39 ว 3.2 ม.1/3 เปรยี บเทยี บกระบวนการเกิด • พายฝุ นฟ้าคะนอง เกิดจากการที่อากาศ ✓ พายุ ฝนฟ้าคะนอง และพายหุ มนุ ที่มอี ุณหภูมแิ ละความชน้ื สูงเคลื่อนทข่ี น้ึ สู่ เขตร้อน และผลทม่ี ีต่อสิ่งมชี ีวิต ระดบั ความสงู ที่มีอุณหภูมิต่ำลง และสงิ่ แวดลอ้ ม รวมทัง้ นำเสนอ จนกระท่ังไอนำ้ ในอากาศเกิดการควบแนน่ แนวทางการปฏิบตั ติ นให้ เป็นละอองน้ำ และเกดิ ต่อเน่ืองเปน็ เมฆ เหมาะสมและปลอดภยั ขนาดใหญ่ พายฝุ นฟา้ คะนอง ทำให้เกดิ ฝนตกหนกั ลมกรรโชกแรง ฟ้าแลบ ฟ้าผ่า ซึ่งอาจกอ่ ให้เกิดอันตรายต่อชวี ิตและ ทรัพยส์ ิน • พายุหมนุ เขตรอ้ นเกิดเหนอื มหาสมุทรหรอื ทะเลทีน่ ำ้ มีอุณหภมู ิสงู ต้ังแต่ 26 - 27 องศาเซลเซียสขนึ้ ไป ทำให้อากาศท่ีมี อณุ หภมู แิ ละความชน้ื สงู บริเวณน้ัน เคล่ือนท่สี ูงขึ้นอย่างรวดเรว็ เป็นบริเวณกวา้ ง อากาศจากบริเวณอน่ื เคล่ือนเขา้ มาแทนท่ี สำหรับการจดั การเรยี นรู้ ปกี ารศึกษา 2564 ภายใตส้ ถานการณแ์ พรร่ ะบาดของโรคติดเชือ้ ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน ร่วมกบั สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
๑๐๓ ช้ัน ท่ี รหสั ตวั ช้ีวัด ตัวชว้ี ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ม.1 และพัดเวยี นเขา้ หาศูนย์กลางของพายุ ย่งิ ใกลศ้ นู ย์กลาง อากาศจะเคลอื่ นที่พัดเวยี น เกอื บเป็นวงกลมและมอี ัตราเร็วสูงทีส่ ดุ พายุหมนุ เขตรอ้ นทำใหเ้ กิดคล่ืนพายุซัดฝั่ง ฝนตกหนกั ซง่ึ อาจก่อให้เกิดอันตรายตอ่ ชีวิตและทรัพยส์ นิ จึงควรปฏิบตั ติ นให้ ปลอดภัยโดยตดิ ตามขา่ วสารการพยากรณ์ อากาศ และไมเ่ ข้าไปอยใู่ นพืน้ ท่ที ่ีเสยี่ งภยั 40 ว 3.2 ม.1/4 อธบิ ายการพยากรณอ์ ากาศ • การพยากรณ์อากาศเป็นการคาดการณ์ ✓ และพยากรณ์อากาศอย่างงา่ ย ลมฟา้ อากาศท่จี ะเกดิ ขนึ้ ในอนาคต จากข้อมูลทีร่ วบรวมได้ โดยมีการตรวจวัดองค์ประกอบลมฟ้า อากาศ การส่อื สารแลกเปลี่ยนขอ้ มูล องค์ประกอบลมฟา้ อากาศระหว่างพ้นื ท่ี การวเิ คราะห์ข้อมูลและสรา้ งคำพยากรณ์ อากาศ 41 ว 3.2 ม.1/5 ตระหนักถึงคุณคา่ ของ • การพยากรณ์อากาศสามารถนำมาใช้ ✓ การพยากรณ์อากาศ ประโยชนด์ า้ นตา่ ง ๆ เชน่ โดยนำเสนอแนวทางการปฏบิ ัติ การใชช้ ีวติ ประจำวนั การคมนาคม ตนและการใช้ประโยชน์จาก การเกษตร การป้องกัน และเฝา้ ระวัง คำพยากรณ์อากาศ ภัยพิบัตทิ างธรรมชาติ 42 ว 3.2 ม.1/6 อธบิ ายสถานการณแ์ ละ • ภมู ิอากาศโลกเกิดการเปลย่ี นแปลง ✓ ผลกระทบการเปลี่ยนแปลง อยา่ งต่อเนอื่ งโดยปจั จัยทางธรรมชาติ ภูมอิ ากาศโลกจากขอ้ มูล แต่ปจั จบุ นั การเปล่ยี นแปลงภูมิอากาศ ทร่ี วบรวมได้ เกิดข้นึ อยา่ งรวดเรว็ เนอ่ื งจากกิจกรรมของ มนุษย์ในการปลดปลอ่ ยแก๊สเรอื นกระจก สู่บรรยากาศ แกส๊ เรือนกระจกทถ่ี ูก ปลดปลอ่ ยมากท่ีสุด ไดแ้ ก่ แก๊ส คารบ์ อนไดออกไซด์ ซ่ึงหมนุ เวยี นอยใู่ น วฏั จักรคาร์บอน 43 ว 3.2 ม.1/7 ตระหนักถึงผลกระทบของ • การเปล่ยี นแปลงภูมอิ ากาศโลกก่อให้เกิด การเปลย่ี นแปลงภมู ิอากาศโลก ผลกระทบต่อสิ่งมชี ีวติ และสิง่ แวดลอ้ ม ✓ โดยนำเสนอแนวทางการปฏบิ ตั ติ น เชน่ การหลอมเหลวของน้ำแข็งขว้ั โลก ภายใต้การเปล่ยี นแปลง การเพิ่มขึน้ ของระดบั ทะเล ภมู ิอากาศโลก การเปลีย่ นแปลงวัฏจักรนำ้ การเกิดโรค อบุ ัตใิ หม่และอบุ ัติซำ้ และการเกิดภยั พิบัติ ทางธรรมชาตทิ ีร่ ุนแรงขึน้ มนุษยจ์ ึงควร เรียนรแู้ นวทางการปฏิบตั ติ นภายใต้ สถานการณด์ ังกลา่ ว ทงั้ แนวทาง การปฏบิ ัติตนให้เหมาะสมและ แนวทางการลดกิจกรรมทส่ี ง่ ผลต่อ การเปลยี่ นแปลงภมู อิ ากาศโลก สำหรบั การจดั การเรยี นรู้ ปีการศึกษา 2564 ภายใตส้ ถานการณ์แพรร่ ะบาดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน ร่วมกับ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
๑๐๔ ช้นั ที่ รหสั ตัวชี้วัด ตัวช้ีวัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ม.1 44 ว 4.1 ม.1/1 อธิบายแนวคิดหลักของ • เทคโนโลยี เปน็ สงิ่ ทีม่ นษุ ย์สร้างหรอื ✓ เทคโนโลยีในชีวติ ประจำวัน พฒั นาข้ึนซง่ึ อาจเปน็ ไดท้ ้ังช้ินงานหรอื และวเิ คราะหส์ าเหตุหรือปจั จัย วธิ กี าร เพ่ือใชแ้ ก้ปญั หา สนอง ที่สง่ ผลตอ่ การเปลี่ยนแปลงของ ความต้องการ หรือเพ่มิ ความสามารถ เทคโนโลยี ในการทำงานของมนุษย์ • ระบบทางเทคโนโลยี เปน็ กลมุ่ ของ ส่วนต่าง ๆ ตัง้ แตส่ องส่วนขน้ึ ไปประกอบ เขา้ ด้วยกันและทำงานรว่ มกนั เพ่อื ให้ บรรลุวัตถุประสงค์โดยในการทำงานของ ระบบทางเทคโนโลยี จะประกอบไปดว้ ย ตวั ปอ้ น (input) กระบวนการ (process) และผลผลิต (output) ท่ีสัมพันธก์ นั นอกจากนร้ี ะบบทางเทคโนโลยอี าจมี ข้อมูลย้อนกลับ (feedback) เพอ่ื ใช้ ปรบั ปรุงการทำงานได้ตามวตั ถปุ ระสงค์ ซง่ึ การวเิ คราะหร์ ะบบทางเทคโนโลยี ชว่ ยให้เขา้ ใจองคป์ ระกอบและการทำงาน ของเทคโนโลยี รวมถึงสามารถปรบั ปรุง ให้เทคโนโลยที ำงานได้ตามต้องการ • เทคโนโลยีมีการเปล่ยี นแปลงตลอดเวลา ตั้งแตอ่ ดีตจนถงึ ปัจจบุ นั ซึง่ มีสาเหตุหรอื ปัจจยั มาจากหลายด้าน เช่น ปัญหา ความตอ้ งการ ความก้าวหนา้ ของศาสตรต์ ่าง ๆ เศรษฐกิจ สงั คม 45 ว 4.1 ม.1/2 ระบปุ ัญหาหรือความต้องการ • ปญั หาหรอื ความตอ้ งการอาจพบได้ ✓ ของชุมชนหรือท้องถน่ิ ในงานอาชีพของชุมชนหรอื ท้องถิน่ เพื่อพฒั นางานอาชพี ซึ่งอาจมหี ลายด้าน เช่น ดา้ นการเกษตร สรุปกรอบของปัญหา รวบรวม อาหาร พลงั งาน การขนสง่ วเิ คราะห์ข้อมูลและแนวคดิ ที่เกย่ี วข้องกบั ปัญหา • การวเิ คราะห์สถานการณ์ปัญหา โดยคำนึงถงึ ความถูกต้อง ช่วยให้เขา้ ใจเงื่อนไขและกรอบของปัญหา ด้านทรพั ยส์ ินทางปัญญา ไดช้ ัดเจน จากน้นั ดำเนนิ การสืบคน้ รวบรวมขอ้ มลู ความรูจ้ ากศาสตรต์ า่ ง ๆ ที่เกยี่ วข้อง เพ่ือนำไปสูก่ ารออกแบบ แนวทางการแกป้ ัญหา สำหรบั การจดั การเรียนรู้ ปีการศกึ ษา 2564 ภายใต้สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน ร่วมกับ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
๑๐๕ ชัน้ ที่ รหสั ตวั ช้ีวดั ตัวชีว้ ดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ม.1 46 ว 4.1 ม.1/3 ออกแบบวธิ ีการแกป้ ัญหา • การวิเคราะห์ เปรียบเทยี บ และตดั สินใจ ✓ โดยวิเคราะห์ เปรียบเทยี บ และ เลอื กข้อมลู ทีจ่ ำเป็น โดยคำนึงถงึ เง่ือนไข ตดั สนิ ใจเลอื กขอ้ มลู ท่จี ำเป็น และทรัพยากรที่มีอยู่ ช่วยให้ได้ นำเสนอแนวทางการแกป้ ัญหา แนวทางการแก้ปัญหาทเี่ หมาะสม ใหผ้ อู้ น่ื เข้าใจ วางแผนและ • การออกแบบแนวทางการแก้ปญั หาทำได้ ดำเนินการแกป้ ัญหา หลากหลายวิธี เชน่ การรา่ งภาพ การเขียน แผนภาพ การเขยี นผังงาน • การกำหนดขนั้ ตอนและระยะเวลา ในการทำงานก่อนดำเนินการแก้ปัญหาจะ ชว่ ยใหท้ ำงานสำเรจ็ ได้ตามเป้าหมาย และ ลดขอ้ ผิดพลาดของการทำงาน ที่อาจเกดิ ข้นึ 47 ว 4.1 ม.1/4 ทดสอบ ประเมินผล และระบุ • การทดสอบ และประเมนิ ผล ✓ ข้อบกพร่องท่เี กดิ ข้นึ พรอ้ มทั้ง เป็นการตรวจสอบชน้ิ งานหรือวธิ กี าร หาแนวทางการปรับปรุงแก้ไข ว่าสามารถแก้ปัญหาได้ตามวัตถปุ ระสงค์ และนำเสนอผลการแก้ปญั หา ภายใตก้ รอบของปัญหา เพื่อหา ข้อบกพร่อง และดำเนนิ การปรับปรุง โดยอาจทดสอบซำ้ เพื่อใหส้ ามารถ แกป้ ัญหาได้ • การนำเสนอผลงานเปน็ การถา่ ยทอดแนวคดิ เพือ่ ใหผ้ ู้อืน่ เขา้ ใจเกีย่ วกบั กระบวนการ ทำงานและชิ้นงานหรือวิธีการทไ่ี ด้ ซ่ึงสามารถทำไดห้ ลายวธิ ี เช่น การเขยี น รายงาน การทำแผ่นนำเสนอผลงาน การจัดนิทรรศการ การนำเสนอผา่ นส่อื ออนไลน์ 48 ว 4.1 ม.1/5 ใช้ความรแู้ ละทักษะเกี่ยวกบั วัสดุ • วสั ดุแต่ละประเภทมสี มบัตแิ ตกตา่ งกนั ✓ อปุ กรณ์ เครอื่ งมือ กลไก ไฟฟ้า เช่น ไม้ โลหะ พลาสตกิ จงึ ต้องมี หรอื อิเล็กทรอนิกส์ เพ่ือแกป้ ัญหา การวเิ คราะหส์ มบัติ เพ่ือเลือกใช้ ได้อย่างถกู ต้อง เหมาะสม และ ใหเ้ หมาะสมกบั ลักษณะของงาน ปลอดภัย • การสรา้ งช้ินงานอาจใชค้ วามรู้ เรือ่ งกลไก ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ เช่น LED บซั เซอร์ มอเตอร์ วงจรไฟฟ้า • อปุ กรณ์และเครอ่ื งมือในการสรา้ งชิ้นงาน หรือพฒั นาวธิ ีการมหี ลายประเภท ตอ้ งเลอื กใช้ให้ถูกต้อง เหมาะสม และปลอดภัย รวมท้งั รจู้ ักเกบ็ รกั ษา สำหรบั การจดั การเรียนรู้ ปีการศกึ ษา 2564 ภายใต้สถานการณแ์ พรร่ ะบาดของโรคติดเชือ้ ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ร่วมกับ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
๑๐๖ ชนั้ ที่ รหัสตัวช้ีวดั ตัวชีว้ ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ม.1 49 ว 4.2 ม.1/1 ออกแบบอัลกอริทมึ ที่ใช้ • แนวคิดเชงิ นามธรรม เป็นการประเมนิ ✓ ในแนวคดิ เชงิ นามธรรม ความสำคญั ของรายละเอยี ดของปัญหา เพ่อื แก้ปญั หาหรืออธบิ าย แยกแยะสว่ นท่เี ปน็ สาระสำคัญออกจาก การทำงานทพี่ บในชีวิตจริง สว่ นที่ไมใ่ ชส่ าระสำคัญ • ตัวอย่างปญั หา เชน่ ตอ้ งการปหู ญา้ ในสนาม ตามพนื้ ทท่ี ีก่ ำหนด โดยหญ้าหน่งึ ผืน มีความกว้าง 50 เซนตเิ มตร ยาว 50 เซนตเิ มตร จะใชห้ ญ้าท้งั หมดกผ่ี ืน 50 ว 4.2 ม.1/2 ออกแบบและเขยี นโปรแกรม • การออกแบบและเขยี นโปรแกรมทีม่ ีการใช้ ✓ ตัวแปร เง่อื นไข วนซ้ำ อย่างงา่ ย เพ่ือใช้แก้ปญั หา • การออกแบบอลั กอรทิ ึม เพ่ือแก้ปัญหา ทางคณิตศาสตรห์ รือวทิ ยาศาสตร์ ทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตรอ์ ย่างงา่ ย อาจใชแ้ นวคิดเชงิ นามธรรมในการออกแบบ เพื่อให้การแกป้ ญั หามีประสทิ ธภิ าพ • การแก้ปัญหาอยา่ งเปน็ ขั้นตอนจะชว่ ยให้ แกป้ ญั หาไดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพ • ซอฟตแ์ วรท์ ใี่ ช้ในการเขียนโปรแกรม เชน่ Scratch, Python, Java, C • ตวั อยา่ งโปรแกรม เชน่ โปรแกรมสมการ การเคลือ่ นที่ โปรแกรมคำนวณหาพนื้ ที่ โปรแกรมคำนวณดชั นีมวลกาย • การรวบรวมขอ้ มลู จากแหล่งข้อมูลปฐมภูมิ ✓ 51 ว 4.2 ม.1/3 รวบรวมขอ้ มูลปฐมภูมิ ประมวลผล สร้างทางเลือก ประเมนิ ผล จะทำใหไ้ ด้สารสนเทศเพือ่ ใชใ้ นการแก้ปญั หา ประมวลผล ประเมินผล หรอื การตดั สินใจได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ นำเสนอข้อมลู และสารสนเทศ • การประมวลผลเปน็ การกระทำกบั ข้อมูล ตามวัตถุประสงค์ โดยใช้ เพอื่ ใหไ้ ด้ผลลัพธท์ ่ีมคี วามหมายและ ซอฟต์แวร์หรือบริการบน มปี ระโยชนต์ ่อการนำไปใชง้ าน สามารถ อนิ เทอร์เน็ตทห่ี ลากหลาย ทำได้หลายวิธี เช่น คำนวณอัตราสว่ น คำนวณคา่ เฉลย่ี • การใช้ซอฟตแ์ วร์หรือบริการบน อนิ เทอร์เน็ตทห่ี ลากหลายในการรวบรวม ประมวลผล สร้างทางเลอื ก ประเมนิ ผล นำเสนอ จะชว่ ยใหแ้ ก้ปัญหาได้ อยา่ งรวดเรว็ ถกู ต้อง และแม่นยำ • ตวั อยา่ งปญั หา เน้นการบูรณาการกบั วชิ าอน่ื เช่น ตม้ ไขใ่ หต้ รงกบั พฤติกรรมการบริโภค คา่ ดชั นีมวลกายของคนในท้องถิ่น การสร้างกราฟผลการทดลองและ วเิ คราะห์แนวโนม้ สำหรับการจัดการเรยี นรู้ ปีการศกึ ษา 2564 ภายใตส้ ถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ร่วมกับ สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
๑๐๗ ชน้ั ท่ี รหสั ตัวช้ีวัด ตัวชวี้ ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ม.1 52 ว 4.2 ม.1/4 ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ • ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย ✓ อยา่ งปลอดภัย ใชส้ ือ่ และ เช่น การปกปอ้ งความเป็นส่วนตวั และ แหลง่ ขอ้ มูลตามข้อกำหนดและ อัตลักษณ์ ข้อตกลง • การจดั การอตั ลกั ษณ์ เช่น การต้งั รหัสผ่าน การปกป้องข้อมูลส่วนตวั • การพิจารณาความเหมาะสมของเน้ือหา เช่น ละเมิดความเปน็ ส่วนตวั ผู้อน่ื อนาจาร วิจารณผ์ อู้ ืน่ อย่างหยาบคาย • ขอ้ ตกลง ข้อกำหนดในการใช้สื่อและ แหลง่ ขอ้ มลู ต่าง ๆ เชน่ Creative commons รวม 52 ตวั ช้วี ดั 35 17 สำหรบั การจัดการเรียนรู้ ปีการศึกษา 2564 ภายใตส้ ถานการณแ์ พรร่ ะบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน ร่วมกบั สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
๑๐๘ ชั้น ที่ รหสั ตัวช้ีวัด ตวั ชว้ี ดั สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ม.2 1 ✓ ว 1.2 ม.2/1 ระบุอวยั วะและบรรยายหนา้ ท่ี • ระบบหายใจมีอวยั วะต่าง ๆ ทเ่ี ก่ียวข้อง ✓ 2 ไดแ้ ก่ จมูก ท่อลม ปอด กะบังลม และ ของอวัยวะทเี่ ก่ียวข้องในระบบ กระดูกซ่ีโครง ✓ 3 หายใจ • มนุษย์หายใจเข้า เพื่อนำแก๊สออกซเิ จน เข้าสูร่ า่ งกายเพื่อนำไปใชใ้ นเซลล์ และ ว 1.2 ม.2/2 อธบิ ายกลไกการหายใจเขา้ และ หายใจออกเพื่อกำจดั แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ออกจากร่างกาย ออก โดยใชแ้ บบจำลอง รวมทง้ั • อากาศเคล่ือนทเี่ ข้าและออกจากปอดได้ อธบิ ายกระบวนการแลกเปล่ียน เนอ่ื งจากการเปล่ียนแปลงปริมาตรและ ความดนั ของอากาศภายในช่องอก แก๊ส ซึง่ เกยี่ วข้องกบั การทำงานของกะบังลม และกระดูกซโี่ ครง ว 1.2 ม.2/3 ตระหนกั ถึงความสำคญั ของ • การแลกเปลยี่ นแก๊สออกซิเจนกับแก๊ส ระบบหายใจ โดยการบอกแนวทาง คาร์บอนไดออกไซด์ในรา่ งกาย เกิดขึน้ บริเวณถุงลมในปอดกับหลอดเลอื ดฝอย ในการดแู ลรกั ษาอวยั วะ ท่ีถงุ ลม และระหว่างหลอดเลอื ดฝอยกบั เนือ้ เยื่อ ในระบบหายใจให้ทำงานเป็นปกติ • การสูบบหุ ร่ี การสุดอากาศที่มสี ารปนเปื้อน และการเปน็ โรคเก่ยี วกบั ระบบหายใจ บางโรค อาจทำให้เกิดโรคถงุ ลมโป่งพอง ซง่ึ มผี ลให้ความจุอากาศของปอดลดลง ดงั นั้นจงึ ควรดูแลรักษาระบบหายใจ ให้ทำหน้าทเ่ี ปน็ ปกติ 4 ว 1.2 ม.2/4 ระบอุ วัยวะและบรรยายหน้าท่ี • ระบบขับถา่ ยมีอวยั วะท่เี ก่ยี วข้อง คือ ไต ✓ ของอวยั วะในระบบขบั ถ่าย ทอ่ ไต กระเพาะปสั สาวะ และท่อปสั สาวะ ✓ ในการกำจัดของเสียทางไต โดยมไี ตทำหน้าทีก่ ำจัดของเสีย เช่น ยเู รยี แอมโมเนยี กดรยรู กิ รวมท้งั สารทร่ี า่ งกาย 5 ว 1.2 ม.2/5 ตระหนักถึงความสำคญั ของ ไม่ต้องการออกจากเลือด และควบคมุ สาร ระบบขับถา่ ยในการกำจัด ท่มี ีมากหรือน้อยเกินไป เช่น นำ้ ของเสยี ทางไต โดยการบอก โดยขับออกมาในรูปปสั สาวะ แนวทางในการปฏิบัตติ นท่ี ชว่ ยใหร้ ะบบขบั ถ่ายทำหนา้ ท่ี • การเลือกรับประทานอาหารท่ีเหมาะสม ได้อยา่ งปกติ เช่น รับประทานอาหารทีไ่ ม่มีรสเคม็ จัด การดม่ื นำ้ สะอาดใหเ้ พียงพอ เป็นแนวทางหนง่ึ ที่ช่วยให้ระบบขับถา่ ย ทำหน้าท่ไี ดอ้ ย่างปกติ สำหรับการจดั การเรยี นรู้ ปีการศึกษา 2564 ภายใตส้ ถานการณ์แพรร่ ะบาดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน ร่วมกับ สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
๑๐๙ ชั้น ท่ี รหัสตวั ชี้วัด ตัวชีว้ ดั สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ม.2 6 ว 1.2 ม.2/6 บรรยายโครงสร้างและหน้าท่ีของ • ระบบหมุนเวียนเลอื ดประกอบดว้ ย หวั ใจ ✓ หวั ใจ หลอดเลอื ด และเลือด หลอดเลือด และเลือด • หัวใจของมนุษยแ์ บ่งเปน็ 4 ห้อง ได้แก่ 7 ว 1.2 ม.2/7 อธบิ ายการทำงานของระบบ หวั ใจห้องบน 2 หอ้ ง และห้องลา่ ง 2 ห้อง ✓ ระหวา่ งหัวใจหอ้ งบนและหัวใจห้องลา่ ง หมนุ เวียนเลอื ด โดยใช้ แบบจำลอง มลี ้ินหวั ใจกนั้ • หลอดเลือด แบง่ เป็น หลอดเลือดอารเ์ ตอรี หลอดเลอื ดเวน หลอดเลือดฝอย ซง่ึ มีโครงสรา้ งต่างกัน • เลือด ประกอบดว้ ย เซลล์เม็ดเลือด เพลตเลต และพลาสมา • การบีบและคลายตัวของหวั ใจทำให้เลือด หมนุ เวยี นและลำเลียงสารอาหาร แกส๊ ของเสีย และสารอืน่ ๆ ไปยังอวยั วะและ เซลล์ต่าง ๆ ทั่วรา่ งกาย • เลอื ดที่มีปรมิ าณแกส๊ ออกซเิ จนสูงจะออกจาก หวั ใจไปยังเซลลต์ ่าง ๆ ท่วั รา่ งกาย ขณะเดยี วกนั แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์จาก เซลลจ์ ะแพรเ่ ขา้ สู่เลือดและลำเลยี งกลบั เข้าสู่หัวใจและถูกสง่ ไปแลกเปลีย่ นแกส๊ ที่ปอด 8 ว 1.2 ม.2/8 ออกแบบการทดลองและทดลอง • ชพี จรบอกถงึ จังหวะการเต้นของหัวใจ ✓ ในการเปรียบเทยี บอัตราการเตน้ ซึ่งอัตราการเต้นของหวั ใจในขณะปกตแิ ละ ของหวั ใจ ขณะปกตแิ ละหลังทำ หลังจากทำกิจกรรมตา่ ง ๆ จะแตกตา่ งกัน กจิ กรรม สว่ นความดันเลอื ด ระบบหมุนเวยี นเลอื ด 9 ว 1.2 ม.2/9 ตระหนกั ถึงความสำคญั เกิดจากการทำงานของหัวใจและ ✓ ของระบบหมุนเวยี นเลอื ด หลอดเลือด โดยการบอกแนวทาง • อัตราการเต้นของหัวใจมคี วามแตกต่างกนั ในการดูแลรักษาอวัยวะ ในแต่ละบุคคล คนท่ีเป็นโรคหัวใจและ ในระบบหมุนเวียนเลอื ด หลอดเลือดจะสง่ ผลทำใหห้ วั ใจสูบฉดี เลือด ให้ทำงานเปน็ ปกติ ไม่เปน็ ปกติ • การออกกำลังกาย การเลือกรับประทาน อาหาร การพกั ผ่อน และการรักษาภาวะ อารมณ์ให้เป็นปกติ จงึ เปน็ ทางเลือกหนง่ึ ในการดูแลรกั ษาระบบหมุนเวียนเลอื ดให้ เปน็ ปกติ สำหรบั การจัดการเรยี นรู้ ปีการศึกษา 2564 ภายใต้สถานการณแ์ พรร่ ะบาดของโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน ร่วมกบั สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
๑๑๐ ช้นั ที่ รหสั ตวั ช้ีวัด ตัวช้วี ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ม.2 10 ว 1.2 ม.2/10 ระบอุ วยั วะและบรรยายหน้าที่ • ระบบประสาทสว่ นกลาง ประกอบดว้ ย ✓ ของอวัยวะในระบบประสาท สมอง และไขสันหลงั จะทำหน้าทรี่ ว่ มกับ ส่วนกลางในการควบคุม เส้นประสาทซ่งึ เป็นระบบประสาท การทำงานต่าง ๆ ของรา่ งกาย รอบนอก ในการควบคุมการทำงานของ อวยั วะต่าง ๆ รวมถงึ การแสดงพฤติกรรม 11 ว 1.2 ม.2/11 ตระหนักถึงความสำคญั ของ เพอ่ื การตอบสนองต่อส่ิงเร้า ✓ ระบบประสาท โดยการบอก • เม่ือมีส่ิงเร้ามากระตุ้นหน่วยรับความรสู้ กึ แนวทางในการดแู ลรกั ษา รวมถงึ จะเกิดกระแสประสาทส่งไปตามเซลล์ การป้องกันการกระทบกระเทือน ประสาทรับความรู้สึกไปยงั ระบบประสาท สว่ นกลาง แลว้ ส่งกระแสประสาทมา และอนั ตรายตอ่ สมองและ ไขสนั หลงั ตามเซลลป์ ระสาทสั่งการ ไปยัง หน่วยปฏบิ ตั งิ าน เชน่ กลา้ มเนอ้ื • ระบบประสาทเป็นระบบทีม่ คี วามซบั ซ้อน และมีความสัมพนั ธก์ ับทกุ ระบบในรา่ งกาย ดังนัน้ จงึ ควรปอ้ งกนั การเกดิ อุบัตเิ หตุ ทก่ี ระทบกระเทือนต่อสมอง หลีกเล่ียง การใชส้ ารเสพติด หลกี เลีย่ งภาวะเครียด และรบั ประทานอาหารทีม่ ปี ระโยชน์ เพ่อื ดูแลรกั ษาระบบประสาทให้ทำงาน เปน็ ปกติ 12 ว 1.2 ม.2/12 ระบอุ วัยวะและบรรยายหนา้ ท่ี • มนุษย์มรี ะบบสืบพนั ธุ์ทป่ี ระกอบดว้ ย ✓ ✓ ของอวัยวะในระบบสบื พันธ์ขุ อง อวัยวะต่าง ๆ ทท่ี ำหน้าท่เี ฉพาะ โดยรังไข่ ✓ เพศชายและเพศหญิง โดยใช้ ในเพศหญิงจะทำหนา้ ท่ีผลิตเซลลไ์ ข่ แบบจำลอง สว่ นอณั ฑะในเพศชายจะทำหนา้ ที่ สรา้ งเซลลอ์ สุจิ 13 ว 1.2 ม.2/13 อธิบายผลของฮอรโ์ มนเพศชาย • ฮอรโ์ มนเพศทำหน้าท่คี วบคมุ การแสดงออกของลกั ษณะทางเพศ และเพศหญงิ ท่ีควบคมุ การเปลย่ี นแปลงของรา่ งกาย ทแี่ ตกตา่ งกนั เมื่อเข้าสวู่ ยั หนุ่มสาว เมอื่ เข้าส่วู ยั หนมุ่ สาว จะมีการสร้างเซลล์ไข่และเซลลอ์ สจุ ิ การตกไข่ การมรี อบเดอื น และถา้ มี 14 ว 1.2 ม.2/14 ตระหนกั ถึงการเปลี่ยนแปลงของ การปฏสิ นธิของเซลลไ์ ข่และเซลลอ์ สจุ ิ ร่างกายเมื่อเข้าสู่วัยหนุ่มสาว จะทำให้เกิดการตั้งครรภ์ โดยการดูแลรกั ษาร่างกายและ จิตใจของตนเองในช่วงท่ีมี การเปลย่ี นแปลง สำหรับการจัดการเรียนรู้ ปีการศกึ ษา 2564 ภายใตส้ ถานการณแ์ พรร่ ะบาดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน ร่วมกับ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
๑๑๑ ชั้น ท่ี รหสั ตวั ช้ีวดั ตวั ช้วี ัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ม.2 15 ว 1.2 ม.2/15 อธบิ ายการตกไข่ การมปี ระจำเดือน • การมีประจำเดอื น มคี วามสัมพนั ธ์กบั ✓ การปฏสิ นธิ และการพฒั นาของ การตกไข่ โดยเป็นผลจากการเปลีย่ นแปลง ไซโกตจนคลอดเปน็ ทารก ของระดับฮอรโ์ มนเพศหญงิ 16 ว 1.2 เลอื กวธิ กี ารคุมกำเนิดทเ่ี หมาะสม • เมอ่ื เพศหญงิ มีการตกไข่และเซลลไ์ ข่ได้รับ ✓ ม.2/16 กับสถานการณ์ท่ีกำหนด การปฏิสนธกิ บั เซลลอ์ สุจจิ ะทำใหไ้ ด้ไซโกต 17 ว 1.2 ตระหนักถึงผลกระทบของ ไซโกตจะเจรญิ เปน็ เอ็มบรโิ อและฟตี สั ✓ ม.2/17 การตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร จนกระทั่งคลอดเป็นทารก ผนังด้านในมดลูก โดยการประพฤตติ นให้เหมาะสม รวมทง้ั หลอดเลือดจะสลายตัวและ หลดุ ลอกออก เรยี กวา่ ประจำเดอื น • การคมุ กำเนิดเปน็ วิธปี อ้ งกนั ไมใ่ หเ้ กดิ การตงั้ ครรภ์ โดยป้องกนั ไม่ให้เกิด การปฏสิ นธหิ รอื ไมใ่ ห้มกี ารฝงั ตัวของ เอ็มบรโิ อ ซ่งึ มหี ลายวธิ ี เชน่ การใช้ถงุ ยาง อนามยั การกินยาคุมกำเนิด 18 ว 2.1 ม.2/1 อธิบายการแยกสารผสม • การแยกสารผสมให้เปน็ สารบรสิ ุทธ์ิ ✓ โดยการระเหยแหง้ การตกผลึก ทำไดห้ ลายวิธีขนึ้ อยกู่ ับสมบตั ิของสารนนั้ ๆ ✓ การกลัน่ อย่างง่าย การระเหยแห้งใช้แยกสารละลาย โครมาโทกราฟีแบบกระดาษ ซึ่งประกอบด้วยตวั ละลายที่เป็นของแข็ง การสกัดด้วยตัวทำละลาย ในตวั ทำละลายทเ่ี ป็นของเหลว โดยใช้ โดยใชห้ ลักฐานเชงิ ประจักษ์ ความรอ้ นระเหยตวั ทำละลายออกไป จนหมดเหลือแต่ตัวละลาย การตกผลึก 19 ว 2.1 ม.2/2 แยกสารโดยการระเหยแห้ง ใชแ้ ยกสารละลายที่ประกอบดว้ ยตัวละลาย การตกผลึก การกลน่ั อย่างงา่ ย ที่เป็นของแขง็ ในตวั ทำละลายทเี่ ปน็ ของเหลว โครมาโทกราฟีแบบกระดาษ โดยทำให้สารละลายอ่ิมตวั แล้วปล่อยให้ การสกดั ดว้ ยตัวทำละลาย ตัวทำละลายระเหยออกไปบางส่วน ตวั ละลายจะตกผลกึ แยกออกมา การกล่นั อย่างง่ายใช้แยกสารละลาย ท่ปี ระกอบดว้ ยตวั ละลายและตวั ทำละลาย ที่เปน็ ของเหลวท่มี จี ดุ เดือดต่างกันมาก วธิ ีนจ้ี ะแยกของเหลวบริสุทธอ์ิ อกจาก สารละลาย โดยใหค้ วามรอ้ นกับสารละลาย ของเหลวจะเดือดและกลายเปน็ ไอแยกจาก สารละลายแล้วควบแนน่ กลับเป็นของเหลว อีกคร้ัง ขณะที่ของเหลวเดือด อณุ หภมู ิของ ไอจะคงที่ โครมาโทกราฟแี บบกระดาษ เปน็ วธิ กี ารแยกสารผสมท่ีมปี ริมาณน้อย โดยใชแ้ ยกสารทม่ี สี มบัติการละลาย สำหรับการจดั การเรยี นรู้ ปกี ารศึกษา 2564 ภายใตส้ ถานการณ์แพรร่ ะบาดของโรคติดเชือ้ ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ร่วมกับ สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
๑๑๒ ช้ัน ท่ี รหัสตวั ชี้วดั ตวั ชว้ี ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ม.2 ในตวั ทำละลายและการถูกดดู ซับ ด้วยตวั ดูดซับแตกต่างกัน ทำให้สาร แตล่ ะชนดิ เคล่อื นทีไ่ ปบนตวั ดูดซบั ไดต้ ่างกนั สารจึงแยกออกจากกันได้ อัตราสว่ นระหว่าง ระยะทางทสี่ ารองคป์ ระกอบแตล่ ะชนดิ เคลือ่ นที่ได้บนตวั ดูดซับกับระยะทาง ท่ีตัวทำละลายเคลอื่ นที่ได้ เป็นคา่ เฉพาะตัว ของสารแตล่ ะชนิดในตวั ทำละลายและ ตวั ดูดซบั หนงึ่ ๆ การสกัดด้วยตัวทำละลาย เป็นวธิ ีการแยกสารผสมทมี่ ีสมบัตกิ ารละลาย ในตวั ทำละลายท่ตี ่างกัน โดยชนิดของ ตัวทำละลายมผี ลต่อชนดิ และปริมาณของ สารท่สี กัดได้ การสกดั โดยการกลัน่ ดว้ ยไอน้ำ ใชแ้ ยกสารท่รี ะเหยงา่ ย ไม่ละลายน้ำ และ ไมท่ ำปฏิกิรยิ ากบั นำ้ ออกจากสารที่ระเหยยาก โดยใชไ้ อน้ำเปน็ ตัวพา 20 ว 2.1 ม.2/3 นำวธิ ีการแยกสารไปใช้แก้ปญั หา • ความร้ดู า้ นวิทยาศาสตร์เก่ียวกบั ✓ ในชวี ิตประจำวนั โดยบูรณาการ การแยกสารบูรณาการกับคณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ เทคโนโลยี โดยใช้กระบวนการ เทคโนโลยี และวิศวกรรมศาสตร์ ทางวศิ วกรรม สามารถนำไปใช้แกป้ ญั หา ในชวี ติ ประจำวนั หรือปัญหาท่ีพบในชมุ ชน หรือสรา้ งนวตั กรรม โดยมีขน้ั ตอน ดงั น้ี - ระบุปัญหาในชวี ติ ประจำวนั ที่เกยี่ วกบั การแยกสารโดยใชส้ มบตั ิทางกายภาพ หรือนวัตกรรมท่ีต้องการพัฒนา โดยใช้ หลกั การดงั กล่าว - รวบรวมขอ้ มลู และแนวคดิ เก่ียวกับ การแยกสารโดยใชส้ มบตั ิทางกายภาพ ทสี่ อดคล้องกับปญั หาที่ระบุ หรือนำไปสู่ การพัฒนานวัตกรรมนัน้ - ออกแบบวธิ กี ารแกป้ ญั หา หรือพัฒนา นวัตกรรมทีเ่ กี่ยวกับการแยกสาร ในสารผสม โดยใช้สมบัตทิ างกายภาพ โดยเช่ือมโยงความรู้ดา้ นวิทยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ เทคโนโลยี และ กระบวนการทางวิศวกรรม รวมท้งั กำหนดและควบคุมตวั แปร อย่างเหมาะสม ครอบคลุม สำหรับการจดั การเรียนรู้ ปีการศึกษา 2564 ภายใต้สถานการณ์แพรร่ ะบาดของโรคติดเชอื้ ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน ร่วมกับ สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
๑๑๓ ชนั้ ท่ี รหัสตัวช้ีวัด ตวั ชี้วดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ม.2 - วางแผนและดำเนนิ การแกป้ ัญหา หรือพัฒนานวัตกรรม รวบรวมข้อมลู จัดกระทำข้อมูลและเลือกวธิ กี าร สื่อความหมายทเ่ี หมาะสม ในการนำเสนอผล - ทดสอบ ประเมินผล ปรบั ปรุง วธิ ีการแกป้ ญั หาหรอื นวัตกรรมที่ พัฒนาขึ้น โดยใช้หลักฐานเชงิ ประจักษ์ ทร่ี วบรวมได้ - นำเสนอวิธกี ารแก้ปัญหา หรือผลของ นวตั กรรมท่ีพฒั นาขึน้ และผลที่ได้ โดยใชว้ ธิ ีการสื่อสารทเี่ หมาะสมและ นา่ สนใจ 21 ว 2.1 ม.2/4 ออกแบบการทดลองและทดลอง • สารละลายอาจมีสถานะเป็นของแข็ง ✓ ในการอธิบายผลของชนดิ ของเหลวและแก๊ส สารละลาย ตัวละลาย ชนิดตวั ทำละลาย ประกอบด้วยตวั ทำละลายและตัวละลาย อณุ หภูมิท่ีมีตอ่ สภาพละลายได้ กรณีสารละลายเกิดจากสารท่ีมีสถานะ ของสาร รวมท้ังอธิบายผลของ เดียวกนั สารทีม่ ปี รมิ าณมากที่สดุ จดั เปน็ ความดนั ทม่ี ีต่อสภาพละลายได้ ตัวทำละลาย กรณสี ารละลายเกิดจากสาร ของสาร โดยใช้สารสนเทศ ท่มี สี ถานะต่างกัน สารทม่ี สี ถานะเดียวกัน กบั สารละลายจัดเปน็ ตัวทำละลาย • สารละลายทตี่ ัวละลายไมส่ ามารถละลาย ในตัวทำละลายได้อีกท่ีอุณหภูมิหน่ึง ๆ เรยี กว่า สารละลายอิม่ ตัว • สภาพละลายได้ของสารในตัวทำละลาย เป็นค่าที่บอกปริมาณของสารทีล่ ะลายได้ ในตัวทำละลาย 100 กรมั จนได้ สารละลายอ่มิ ตัว ณ อณุ หภูมิ และ ความดนั หนง่ึ ๆ สภาพละลายได้ของสาร บ่งบอกความสามารถในการละลายได้ของ ตัวละลายในตัวทำละลาย ซง่ึ ความสามารถ ในการละลายของสารข้นึ อยู่กับชนิดของ ตวั ทำละลายและตวั ละลาย อุณหภูมิ และ ความดัน • สารชนดิ หนงึ่ ๆ มสี ภาพละลายได้ แตกตา่ งกันในตัวทำละลายที่แตกต่างกนั และสารตา่ งชนิดกันมีสภาพละลายได้ ในตวั ทำละลายหนง่ึ ๆ ไม่เท่ากนั สำหรบั การจัดการเรียนรู้ ปีการศึกษา 2564 ภายใตส้ ถานการณ์แพรร่ ะบาดของโรคติดเชือ้ ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน ร่วมกบั สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
๑๑๔ ชั้น ท่ี รหัสตัวช้ีวดั ตวั ช้ีวัด สาระการเรยี นร้แู กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ม.2 • เมอ่ื อณุ หภมู สิ ูงขนึ้ สารสว่ นมาก สภาพ ละลายไดข้ องสารจะเพ่ิมขนึ้ ยกเวน้ แก๊ส เม่ืออุณหภมู ิสงู ขนึ้ สภาพการละลายได้ จะลดลง ส่วนความดันมีผลต่อแก๊ส โดยเมอื่ ความดันเพมิ่ ขน้ึ สภาพละลายได้ จะสงู ขน้ึ • ความรู้เก่ยี วกับสภาพละลายไดข้ องสาร เมอ่ื เปลยี่ นแปลงชนิดตัวละลาย ตวั ทำละลาย และอุณหภูมิ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ ในชวี ิตประจำวัน เชน่ การทำน้ำเชื่อมเขม้ ขน้ การสกดั สารออกจากสมุนไพรให้ได้ ปริมาณมากท่สี ุด 22 ว 2.1 ม.2/5 ระบปุ รมิ าณตวั ละลาย • ความเขม้ ข้นของสารละลาย ✓ ในสารละลาย ในหนว่ ยความเข้มขน้ เปน็ การระบุปรมิ าณตัวละลายในสารละลาย เปน็ ร้อยละ ปรมิ าตรตอ่ ปริมาตร หน่วยความเขม้ ขน้ มีหลายหน่วย ที่นิยม มวลตอ่ มวล และมวลต่อปริมาตร ระบเุ ปน็ หนว่ ยเปน็ รอ้ ยละ ปริมาตรต่อ 23 ว 2.1 ม.2/6 ตระหนกั ถึงความสำคัญของการ ปริมาตร มวลตอ่ มวล และมวลตอ่ ปรมิ าตร ✓ นำความรเู้ รื่องความเข้มขน้ ของ • รอ้ ยละโดยปริมาตรต่อปริมาตร สารไปใช้ โดยยกตัวอย่างการใช้ เป็นการระบปุ รมิ าตรตวั ละลายในสารละลาย สารละลายในชวี ติ ประจำวัน 100 หนว่ ยปรมิ าตรเดยี วกัน นยิ มใช้กบั อยา่ งถูกต้องและปลอดภยั สารละลายทเ่ี ปน็ ของเหลวหรอื แกส๊ • รอ้ ยละโดยมวลตอ่ มวล เป็นการระบุ มวลตัวละลายในสารละลาย 100 หน่วย มวลเดียวกนั นยิ มใช้กบั สารละลายทีม่ ี สถานะเป็นของแขง็ • ร้อยละโดยมวลตอ่ ปริมาตร เปน็ การระบุ มวลตวั ละลายในสารละลาย 100 หนว่ ย ปริมาตรนิยมใช้กบั สารละลายทีม่ ี ตัวละลายเป็นของแขง็ ในตวั ทำละลาย ทีเ่ ปน็ ของเหลว • การใช้สารละลาย ในชวี ติ ประจำวนั ควรพจิ ารณาจากความเขม้ ขน้ ของ สารละลาย ขนึ้ อยู่กบั จดุ ประสงค์ของ การใช้งาน และผลกระทบต่อสงิ่ ชีวติ และ ส่ิงแวดล้อม สำหรบั การจดั การเรียนรู้ ปีการศึกษา 2564 ภายใต้สถานการณแ์ พรร่ ะบาดของโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน ร่วมกับ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
๑๑๕ ช้ัน ที่ รหสั ตัวช้ีวัด ตวั ชว้ี ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ม.2 24 ว 2.2 ม.2/1 พยากรณก์ ารเคลือ่ นที่ของวตั ถุ • แรงเปน็ ปรมิ าณเวกเตอร์ เมอ่ื มีหลาย ๆ แรง ✓ ทเ่ี ป็นผลของแรงลพั ธท์ ี่เกิดจาก กระทำตอ่ วตั ถุ แล้วแรงลัพธท์ ่ีกระทำตอ่ แรงหลายแรงท่ีกระทำตอ่ วตั ถุ วตั ถุมคี า่ เปน็ ศูนย์ วัตถจุ ะไมเ่ ปลย่ี นแปลง ในแนวเดียวกันจากหลักฐาน การเคลื่อนที่ แต่ถ้าแรงลพั ธท์ ี่กระทำต่อ เชิงประจักษ์ วัตถุมีคา่ ไม่เป็นศูนย์ วตั ถุจะเปลีย่ นแปลง การเคล่ือนที่ 25 ว 2.2 ม.2/2 เขียนแผนภาพแสดงแรงและ ✓ แรงลพั ธ์ทเี่ กดิ จากแรงหลายแรง ที่กระทำต่อวัตถุในแนวเดียวกัน 26 ว 2.2 ม.2/3 ออกแบบการทดลองและทดลอง • เมือ่ วัตถุอยู่ในของเหลวจะมแี รงทีข่ องเหลว ✓ ดว้ ยวิธีท่เี หมาะสมในการอธิบาย กระทำต่อวัตถใุ นทกุ ทิศทาง โดยแรงที่ของเหลว ปจั จัยท่ีมีผลตอ่ ความดันของ กระทำตั้งฉากกบั ผวิ วัตถุตอ่ หนงึ่ หนว่ ยพนื้ ท่ี ของเหลว เรียกวา่ ความดันของของเหลว • ความดันของของเหลวมคี วามสัมพันธ์กับ ความลกึ จากระดับผิวหนา้ ของของเหลว มากขนึ้ ความดันของของเหลวจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากของเหลวทีอ่ ยู่ลกึ กว่า จะมีนำ้ หนกั ของของเหลวด้านบน กระทำมากกวา่ 27 ว 2.2 ม.2/4 วเิ คราะหแ์ รงพยงุ และการจม • เมอื่ วตั ถุอยใู่ นของเหลว จะมีแรงพยุง ✓ การลอยของวัตถุในของเหลว เนอ่ื งจากของเหลวกระทำตอ่ วตั ถุ โดยมที ิศขึ้นในแนวดงิ่ การจมหรอื การลอย จากหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ ของวัตถุขน้ึ กับนำ้ หนักของวัตถุและแรงพยุง 28 ว 2.2 ม.2/5 เขยี นแผนภาพแสดงแรงที่กระทำ ถา้ น้ำหนกั ของวตั ถแุ ละแรงพยงุ ของของเหลว ✓ มีคา่ เท่ากนั วัตถุจะลอยนงิ่ อยู่ในของเหลว ต่อวัตถุในของเหลว แต่ถา้ น้ำหนักของวัตถุมคี ่ามากกวา่ แรงพยงุ ของของเหลว วัตถุจะจม สำหรับการจัดการเรยี นรู้ ปกี ารศกึ ษา 2564 ภายใต้สถานการณ์แพรร่ ะบาดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน ร่วมกบั สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
๑๑๖ ชน้ั ท่ี รหัสตัวช้ีวดั ตวั ชีว้ ัด สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ม.2 29 ว 2.2 ม.2/6 อธิบายแรงเสยี ดทานสถิตและ • แรงเสยี ดทานเป็นแรงท่เี กิดขึ้นระหว่าง ✓ แรงเสยี ดทานจลนจ์ ากหลกั ฐาน ผวิ สมั ผัสของวัตถเุ พ่ือต้านการเคลอ่ื นที่ เชิงประจักษ์ ของวตั ถุน้ัน โดยถ้าออกแรงกระทำต่อวัตถุ ทอี่ ยู่น่ิงบนพืน้ ผิวให้เคลื่อนที่ แรงเสียดทาน กจ็ ะต้านการเคล่ือนทขี่ องวัตถุ แรงเสียดทานทเี่ กดิ ขึน้ ในขณะทีว่ ตั ถุ ยงั ไมเ่ คลือ่ นท่ีเรียก แรงเสียดทานสถิต แตถ่ ้าวตั ถุกำลงั เคล่ือนที่ แรงเสยี ดทาน กจ็ ะทำให้วัตถุนั้นเคล่ือนที่ชา้ ลงหรอื หยดุ นง่ิ เรียก แรงเสียดทานจลน์ 30 ว 2.2 ม.2/7 ออกแบบการทดลองและทดลอง • ขนาดของแรงเสียดทานระหว่างผวิ สัมผัส ✓ ✓ ดว้ ยวธิ ีทีเ่ หมาะสมในการอธบิ าย ของวตั ถุขน้ึ กับลักษณะผิวสัมผสั และขนาด ✓ ปจั จัยท่ีมีผลตอ่ ขนาดของ ของแรงปฏิกิริยาตง้ั ฉากระหวา่ งผวิ สัมผัส ✓ แรงเสียดทาน • กิจกรรมในชีวิตประจำวันบางกิจกรรม 31 ว 2.2 ม.2/8 เขยี นแผนภาพแสดงแรงเสียดทาน ตอ้ งการแรงเสยี ดทาน เช่น การเปิดฝา และแรงอืน่ ๆ ท่กี ระทำต่อวตั ถุ เกลียวขวดนำ้ การใช้แผน่ กนั ลน่ื ในห้องน้ำ 32 ว 2.2 ม.2/9 ตระหนกั ถึงประโยชน์ของความรู้ บางกิจกรรมไมต่ ้องการแรงเสียดทาน เช่น เรอ่ื งแรงเสยี ดทาน โดยวเิ คราะห์ การลากวัตถบุ นพน้ื การใช้นำ้ มันหลอ่ ล่ืน สถานการณป์ ัญหาและเสนอแนะ ในเคร่อื งยนต์ วิธกี ารลดหรอื เพิ่มแรงเสียดทาน • ความรเู้ รือ่ งแรงเสยี ดทานสามารถนำไปใช้ ประโยชนใ์ นชวี ิตประจำวันได้ ท่เี ป็นประโยชนต์ ่อการทำ กจิ กรรมในชีวติ ประจำวนั 33 ว 2.2 ม.2/10 ออกแบบการทดลองและทดลอง • เมือ่ มีแรงท่ีกระทำตอ่ วัตถุ โดยไมผ่ ่าน ดว้ ยวธิ ที เ่ี หมาะสมในการอธบิ าย ศูนยก์ ลางมวลของวัตถุ จะเกิดโมเมนต์ โมเมนตข์ องแรง เม่ือวัตถุอยใู่ น ของแรง ทำให้วตั ถหุ มนุ รอบศูนย์กลางมวล สภาพสมดลุ ต่อการหมนุ และ ของวัตถนุ ้นั คำนวณโดยใชส้ มการ M = Fl • โมเมนต์ของแรงเปน็ ผลคณู ของแรงท่กี ระทำ ตอ่ วัตถกุ บั ระยะทางจากจดุ หมุนไปตง้ั ฉาก กบั แนวแรง เมื่อผลรวมของโมเมนต์ของ แรงมคี า่ เปน็ ศนู ย์ วตั ถจุ ะอยใู่ นสภาพ สมดุลต่อการหมุน โดยโมเมนต์ของแรง ในทิศทวนเข็มนาฬิกาจะมขี นาดเท่ากบั โมเมนตข์ องแรงในทิศตามเข็มนาฬิกา • ของเลน่ หลายชนิดประกอบด้วยอุปกรณ์ หลายสว่ นท่ใี ช้หลักการโมเมนต์ของแรง ความรเู้ รอื่ งโมเมนต์ของแรงสามารถ นำไปใช้ออกแบบและประดิษฐข์ องเลน่ ได้ สำหรบั การจดั การเรยี นรู้ ปีการศกึ ษา 2564 ภายใต้สถานการณแ์ พร่ระบาดของโรคติดเชอื้ ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พน้ื ฐาน ร่วมกบั สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
๑๑๗ ชั้น ที่ รหัสตวั ชี้วดั ตัวชี้วดั สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ม.2 34 ว 2.2 ม.2/11 เปรยี บเทยี บแหลง่ ของ • วตั ถทุ ี่มีมวลจะมสี นามโน้มถว่ งอยูโ่ ดยรอบ ✓ สนามแมเ่ หลก็ สนามไฟฟ้า แรงโนม้ ถ่วงท่ีกระทำต่อวตั ถุที่อยใู่ นสนาม และสนามโน้มถ่วง และทศิ ทาง โน้มถว่ งจะมที ิศพุ่งเข้าหาวัตถุทีเ่ ป็นแหล่ง ของแรงทีก่ ระทำต่อวตั ถุท่อี ยู่ใน ของสนามโน้มถ่วง แต่ละสนาม จากข้อมูลที่รวบรวมได้ • วตั ถทุ ม่ี ีประจุไฟฟ้าจะมีสนามไฟฟ้าอยโู่ ดยรอบ 35 ว 2.2 ม.2/12 เขยี นแผนภาพแสดงแรงแม่เหล็ก แรงไฟฟา้ ท่กี ระทำต่อวัตถทุ ี่มีประจุจะมีทิศ ✓ แรงไฟฟ้า และแรงโน้มถ่วงที่กระทำ พ่งุ เข้าหาหรือออกจากวตั ถุท่ีมีประจทุ เี่ ป็น ตอ่ วัตถุ แหล่งของสนามไฟฟ้า • วัตถทุ เ่ี ปน็ แม่เหล็กจะมสี นามแม่เหล็ก อยูโ่ ดยรอบ แรงแม่เหลก็ ท่ีกระทำต่อ ข้ัวแม่เหลก็ จะมีทิศพ่งุ เข้าหาหรือออกจาก ขัว้ แมเ่ หลก็ ท่ีเปน็ แหลง่ ของสนามแมเ่ หลก็ 36 ว 2.2 ม.2/13 วเิ คราะห์ความสมั พนั ธ์ระหว่าง • ขนาดของแรงโนม้ ถ่วง แรงไฟฟา้ และ ✓ ขนาดของแรงแมเ่ หลก็ แรงไฟฟา้ แรงแม่เหลก็ ท่กี ระทำต่อวัตถุที่อย่ใู น และแรงโน้มถ่วงทก่ี ระทำต่อวัตถุ สนามน้นั ๆ จะมคี ่าลดลงเม่ือวัตถุ ทอี่ ยูใ่ นสนามน้ัน ๆ กับระยะหา่ ง อยหู่ า่ งจากแหล่งของสนามนั้น ๆ มากขน้ึ จากแหลง่ ของสนามถงึ วตั ถจุ าก ขอ้ มลู ที่รวบรวมได้ 37 ว 2.2 ม.2/14 อธิบายและคำนวณอัตราเร็วและ • การเคล่อื นท่ขี องวตั ถเุ ป็นการเปลี่ยน ✓ ความเรว็ ของการเคลื่อนท่ขี องวัตถุ ตำแหน่งของวตั ถุเทียบกบั ตำแหนง่ อา้ งองิ โดยใชส้ มการ������ = ������ โดยมปี ริมาณทเี่ กี่ยวข้องกับการเคลอ่ื นที่ ซึง่ มที ้งั ปรมิ าณสเกลารแ์ ละปรมิ าณเวกเตอร์ ������ เชน่ ระยะทาง อตั ราเร็ว การกระจัด ความเร็ว ปรมิ าณสเกลาร์เปน็ ปริมาณที่มีขนาด เช่น และ ���⃑��� = ���⃑��� ระยะทาง อัตราเรว็ ปริมาณเวกเตอร์ ������ จากหลักฐานเชิงประจักษ์ 38 ว 2.2 ม.2/15 เขยี นแผนภาพแสดงการกระจัด เปน็ ปรมิ าณท่ีมีทง้ั ขนาดและทิศทาง เช่น ✓ การกระจัด ความเร็ว และความเร็ว • เขยี นแผนภาพแทนปริมาณเวกเตอร์ ได้ดว้ ยลกู ศร โดยความยาวของลูกศร แสดงขนาด และหัวลกู ศรแสดงทศิ ทาง ของเวกเตอร์นน้ั ๆ • ระยะทางเปน็ ปรมิ าณสเกลาร์ โดยระยะทางเป็นความยาวของเสน้ ทาง ทเ่ี คล่ือนทไี่ ด้ • การกระจดั เป็นปรมิ าณเวกเตอร์ โดยการกระจัดมีทิศชจ้ี ากตำแหนง่ เร่มิ ต้น ไปยังตำแหน่งสุดทา้ ยและมีขนาดเทา่ กบั ระยะทางทีส่ นั้ ทีส่ ุดระหว่างสองตำแหน่งนนั้ สำหรบั การจดั การเรียนรู้ ปีการศกึ ษา 2564 ภายใตส้ ถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชือ้ ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน ร่วมกับ สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
๑๑๘ ช้ัน ท่ี รหัสตวั ช้ีวดั ตัวชวี้ ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ม.2 • อัตราเรว็ เปน็ ปริมาณสเกลาร์ โดยอัตราเร็ว เปน็ อตั ราสว่ นของระยะทางต่อเวลา • การกระจัดเป็นปริมาณเวกเตอร์ มที ศิ เดยี วกับทศิ ของการกระจดั โดยความเร็ว เป็นอตั ราส่วนของการกระจดั ต่อเวลา 39 ว 2.3 ม.2/1 วเิ คราะห์สถานการณ์และ • เมอ่ื ออกแรงกระทำต่อวตั ถุ แล้วทำให้วตั ถุ ✓ คำนวณเกี่ยวกบั งานและกำลงั เคลอ่ื นที่ โดยแรงอย่ใู นแนวเดียวกับ ✓ ✓ ที่เกิดจากแรงท่ีกระทำต่อวัตถุ การเคลื่อนทจ่ี ะเกิดงาน งานจะมคี า่ มาก ✓ โดยใช้สมการ W = Fs หรือนอ้ ยข้นึ กบั ขนาดของแรงและ และ ������ = ������ ระยะทางในแนวเดียวกบั แรง ������ 40 • งานท่ที ำในหน่ึงหน่วยเวลา เรยี กวา่ กำลงั 41 จากข้อมลู ที่รวบรวมได้ หลักการของงานนำไปอธิบายการทำงาน ของเครอ่ื งกลอยา่ งงา่ ย ได้แก่ คาน ว 2.3 ม.2/2 วเิ คราะห์หลกั การทำงานของ พืน้ เอยี ง รอกเดยี่ ว ลมิ่ สกรู ล้อและเพลา เครือ่ งกลอย่างงา่ ยจากข้อมลู ซ่งึ นำไปใช้ประโยชนด์ ้านต่าง ๆ ที่รวบรวมได้ ในชวี ติ ประจำวัน ว 2.3 ม.2/3 ตระหนักถึงประโยชนข์ องความรู้ ของเครือ่ งกลอยา่ งงา่ ย โดยบอก ประโยชนแ์ ละการประยกุ ต์ใช้ ในชวี ิตประจำวัน 42 ว 2.3 ม.2/4 ออกแบบและทดลองดว้ ยวธิ ี • พลังงานจลนเ์ ปน็ พลงั งานของวตั ถทุ เ่ี คลอื่ นที่ ที่เหมาะสมในการอธบิ ายปัจจัย พลังงานจลน์จะมคี ่ามากหรือน้อยขน้ึ กับ ท่ีมผี ลต่อพลงั งานจลน์และ มวลและอัตราเรว็ สว่ นพลงั งานศกั ยโ์ น้มถว่ ง พลงั งานศักย์โนม้ ถ่วง เก่ียวข้องกบั ตำแหน่งของวตั ถุ จะมคี ่ามาก หรือน้อยขึน้ กับมวลและตำแหน่งของวัตถุ เมอ่ื วัตถุอยู่ในสนามโน้มถ่วง วัตถุจะมี พลังงานศักย์โน้มถว่ ง พลงั งานจลน์และ พลงั งานศักยโ์ นม้ ถ่วงเป็นพลังงานกล 43 ว 2.3 ม.2/5 แปลความหมายข้อมูลและ • ผลรวมของพลังงานศักย์โน้มถ่วงและ ✓ อธบิ ายการเปลยี่ นพลงั งาน พลงั งานจลนเ์ ป็นพลงั งานกล พลังงานศักย์ ระหวา่ งพลังงานศกั ยโ์ น้มถว่ ง โนม้ ถ่วงและพลังงานจลน์ของวตั ถหุ น่ึง ๆ และพลังงานจลนข์ องวัตถุ สามารถเปลย่ี นกลับไปมาได้ โดยผลรวม โดยพลังงานกลของวัตถุ ของพลงั งานศักยโ์ นม้ ถว่ งและพลงั งานจลน์ มคี า่ คงตวั จากข้อมลู ทีร่ วบรวมได้ มีค่าคงตวั นน่ั คือ พลงั งานกลของวัตถุ มคี า่ คงตวั สำหรับการจดั การเรียนรู้ ปกี ารศกึ ษา 2564 ภายใต้สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ร่วมกับ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
๑๑๙ ชั้น ที่ รหัสตัวช้ีวดั ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ม.2 44 ว 2.3 ม.2/6 วเิ คราะห์สถานการณแ์ ละอธิบาย • พลงั งานรวมของระบบมีค่าคงตัว ✓ การเปล่ยี นและการถ่ายโอนพลังงาน ซึง่ อาจเปล่ียนจากพลังงานหน่ึง เปน็ อีกพลงั งานหน่ึง เชน่ พลงั งานกล โดยใชก้ ฎการอนรุ ักษพ์ ลังงาน เปล่ยี นเป็นพลังงานไฟฟา้ พลงั งานจลน์ เปลีย่ นเป็นพลังงานความรอ้ น พลังงานเสยี ง พลงั งานแสง เน่ืองมาจากแรงเสยี ดทาน พลังงานเคมีในอาหารเปลยี่ นเป็นพลงั งาน ท่ีไปใช้ในการทำงานของส่งิ มีชวี ิต • นอกจากนพี้ ลังงานยังสามารถถา่ ยโอน ไปยงั อีกระบบหนง่ึ หรอื ได้รบั พลังงานจาก ระบบอืน่ ได้ เช่น การถา่ ยโอนความรอ้ น ระหวา่ งสสาร การถ่ายโอนพลังงานของ การสั่นของแหล่งกำเนิดเสียงไปยงั ผฟู้ ัง ทง้ั การเปลี่ยนพลังงานและการถ่ายโอน พลังงาน พลังงานรวมทง้ั หมดมคี ่าเท่าเดิม ตามกฎการอนรุ ักษพ์ ลงั งาน 45 ว 3.2 ม.2/1 เปรียบเทยี บกระบวนการเกิด • เช้ือเพลงิ ซากดึกดำบรรพ์ เกดิ จาก ✓ การเปลีย่ นแปลงสภาพของซากสิ่งมชี ีวติ สมบตั ิ และการใช้ประโยชน์ ในอดตี โดยกระบวนการทางเคมแี ละ ธรณีวทิ ยา เชือ้ เพลงิ ซากดึกดำบรรพ์ รวมท้ังอธิบายผลกระทบจาก ไดแ้ ก่ ถ่านหนิ หนิ นำ้ มนั และปิโตรเลียม การใช้เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ ซึง่ เกดิ จากวัตถตุ น้ กำเนิด และ จากข้อมูลทรี่ วบรวมได้ สภาพแวดล้อมการเกดิ ทแี่ ตกต่างกนั ทำใหไ้ ด้ชนิดของเชื้อเพลงิ ซากดกึ ดำบรรพ์ ที่มลี กั ษณะ สมบัติ และการนำไปใช้ ประโยชนแ์ ตกต่างกนั สำหรับปิโตรเลียม จะตอ้ งมกี ารผ่านการกล่ันลำดับสว่ นกอ่ น การใช้งานเพ่ือให้ได้ผลิตภณั ฑ์ทเี่ หมาะสม ต่อการใชป้ ระโยชน์ เชอ้ื เพลิงซากดึกดำบรรพ์ เป็นทรัพยากรทใี่ ช้แล้วหมดไป เนื่องจาก ตอ้ งใชเ้ วลานานหลายลา้ นปีจึงจะเกิดขึ้น ใหมไ่ ด้ 46 ว 3.2 ม.2/2 แสดงความตระหนักถึงผลจาก • การเผาไหมเ้ ชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ ✓ การใช้เชือ้ เพลงิ ซากดึกดำบรรพ์ ในกจิ กรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ จะทำให้เกดิ มลพษิ ทางอากาศ ซง่ึ สง่ ผลกระทบต่อ โดยนำเสนอแนวทางการใช้ สง่ิ มชี ีวิตและสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ เชือ้ เพลงิ ซากดกึ ดำบรรพ์ แก๊สบางชนดิ ท่ีเกิดจากการเผาไหม้ เชอ้ื เพลงิ ซากดำบรรพ์ เช่น แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์และ ไนตรสั ออกไซด์ ยงั เปน็ แก๊สเรือนกระจก สำหรบั การจัดการเรยี นรู้ ปกี ารศกึ ษา 2564 ภายใตส้ ถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน ร่วมกบั สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
๑๒๐ ช้ัน ที่ รหัสตวั ชี้วดั ตวั ช้ีวดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ม.2 ซง่ึ สง่ ผลใหเ้ กิดการเปลี่ยนแปลงภมู ิอากาศ ของโลกรุนแรงขึน้ ดังนน้ั จึงควรใช้ เชอื้ เพลิงซากดึกดำบรรพ์ โดยคำนงึ ถงึ ผลทเี่ กิดข้ึนต่อส่งิ มีชวี ติ และสิ่งแวดล้อม เช่น เลอื กใชพ้ ลงั งานทดแทน หรอื เลือกใช้ เทคโนโลยที ี่ลดการใชเ้ ชอื้ เพลิง ซากดึกดำบรรพ์ 47 ว 3.2 ม.2/3 เปรยี บเทยี บข้อดแี ละข้อจำกัด • เชือ้ เพลงิ ซากดึกดำบรรพเ์ ปน็ แหลง่ พลังงาน ✓ ของพลงั งานทดแทนแตล่ ะ ทส่ี ำคัญในกจิ กรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ ประเภท จากการรวบรวมข้อมลู เน่ืองจากเชื้อเพลงิ ซากดึกดำบรรพ์ และนำเสนอแนวทางการใช้ มปี ริมาณจำกัดและมักเพิ่มมลภาวะ พลงั งานทดแทนทีเ่ หมาะสม ในบรรยากาศมากขน้ึ จึงมกี ารใชพ้ ลังงาน ในทอ้ งถ่ิน ทดแทนมากข้นึ เช่น พลงั งานแสงอาทติ ย์ พลงั งานลม พลังงานน้ำ พลงั งานชีวมวล พลังงานคล่นื พลงั งานความร้อนใต้พิภพ พลงั งานไฮโดรเจน ซง่ึ พลงั งานทดแทน แตล่ ะชนิดจะมีข้อดแี ละขอ้ จำกัด ทแี่ ตกต่างกนั 48 ว 3.2 ม.2/4 สรา้ งแบบจำลองที่อธิบายโครงสร้าง • โครงสรา้ งภายในโลกแบ่งออกเปน็ ชั้น ✓ ภายในโลกตามองค์ประกอบ ตามองคป์ ระกอบทางเคมี ได้แก่ ทางเคมีจากข้อมูลท่รี วบรวมได้ เปลอื กโลก ซงึ่ อยู่นอกสดุ ประกอบด้วย สารประกอบของซิลิกอนและอะลมู ิเนยี ม เปน็ หลัก เนอ้ื โลกคอื สว่ นทอี่ ยใู่ ต้เปลือกโลก ลงไปจนถงึ แก่นโลก มีองคป์ ระกอบหลกั เป็นสารประกอบของซลิ กิ อน แมกนีเซยี ม และเหลก็ และแกน่ โลกคือส่วนทอี่ ย่ใู จกลาง ของโลก มีองค์ประกอบหลกั เป็นเหล็กและ นิกเกิล ซ่งึ แตล่ ะชนั้ มลี กั ษณะแตกตา่ งกัน 49 ว 3.2 ม.2/5 อธิบายกระบวนการผพุ งั อยกู่ ับท่ี • การผพุ ังอยู่กบั ที่ การกร่อน และ ✓ การกร่อน และการสะสมตัวของ การสะสมตวั ของตะกอน เปน็ กระบวนการ ตะกอน จากแบบจำลอง รวมท้งั เปลยี่ นแปลงทางธรณีวทิ ยา ที่ทำใหผ้ ิวโลก ยกตวั อย่างผลของกระบวนการ เกดิ การเปลยี่ นแปลงเป็นภูมิลักษณ์แบบต่าง ๆ ดังกล่าวทท่ี ำให้ผิวโลก โดยมปี จั จัยสำคญั คือนำ้ ลม ธารน้ำแข็ง เกิดการเปลยี่ นแปลง แรงโน้มถ่วงของโลก ส่ิงมีชีวติ สภาพอากาศ และปฏิกิรยิ าเคมี • การผพุ ังอยู่กับที่ คอื การทห่ี นิ ผุพังทำลายลง ด้วยกระบวนการตา่ ง ๆ ได้แก่ ลมฟ้าอากาศกบั นำ้ ฝน และรวมท้ัง การกระทำของต้นไม้กับแบคทีเรีย ตลอดจนการแตกตัวทางกลศาสตร์ ซ่ึงมีการเพ่ิมและลดอณุ หภมู ิสลบั กนั เป็นต้น สำหรับการจัดการเรียนรู้ ปกี ารศึกษา 2564 ภายใต้สถานการณแ์ พร่ระบาดของโรคติดเชอื้ ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน ร่วมกบั สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
๑๒๑ ชัน้ ท่ี รหัสตวั ชี้วดั ตัวช้วี ดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ม.2 • การกร่อน คอื กระบวนการหนงึ่ หรอื หลายกระบวนการท่ที ำให้สารเปลอื กโลก หลุดไป ละลายไปหรือกร่อนไป โดยมี ตวั นำพาธรรมชาติ คอื ลม นำ้ และ ธารนำ้ แขง็ ร่วมกบั ปัจจัยอน่ื ๆ ไดแ้ ก่ ลมฟ้าอากาศ สารละลาย การครูดถู การนำพา ทัง้ น้ีไมร่ วมถงึ การพงั ทลาย เปน็ กลมุ่ ก้อน เช่น แผน่ ดินถล่ม ภูเขาไฟ ระเบดิ • การสะสมตัวของตะกอน คือ การสะสมตวั ของวตั ถุจากการนำพาของน้ำ ลม หรือ ธารน้ำแข็ง 50 ว 3.2 ม.2/6 อธิบายลกั ษณะของชน้ั หน้าตดั ดนิ • ดนิ เกดิ จากหนิ ท่ีผุพังตามธรรมชาติ ✓ และกระบวนการเกิดดิน ผสมคลุกเคลา้ กับอินทรียวัตถุทไี่ ดจ้ าก จากแบบจำลอง รวมท้งั ระบุ การเน่าเป่ือยของซากพชื ซากสัตว์ทับถม ปจั จัยทีท่ ำให้ดนิ มลี ักษณะและ เป็นช้ัน ๆ บนผวิ โลก ช้ันดนิ แบ่งออกเป็น สมบัติแตกตา่ งกัน หลายช้นั ขนานหรือเกือบขนานไปกับ ผิวหน้าดิน แตล่ ะช้ันมลี กั ษณะแตกตา่ งกัน เนื่องจากสมบัตทิ างกายภาพ เคมี ชีวภาพ และลกั ษณะอืน่ ๆ เชน่ สี โครงสรา้ ง เนอ้ื ดิน การยดึ ตัว ความเป็นกรด-เบส สามารถสงั เกตได้จากการสำรวจภาคสนาม การเรียกชอื่ ช้ันดินหลักจะใช้อักษร ภาษาอังกฤษตัวใหญ่ ได้แก่ O, A, E, B, C, R • ช้นั หนา้ ตดั ดนิ เปน็ ชัน้ ดนิ ทีม่ ลี ักษณะ ปรากฏใหเ้ ห็นเรียงลำดับเป็นชนั้ จาก ช้ันบนสดุ ถึงช้ันล่างสดุ • ปจั จยั ที่ทำใหด้ นิ แตล่ ะท้องถิ่นมีลกั ษณะ และสมบัติแตกตา่ งกนั ได้แก่ วตั ถตุ ้นกำเนดิ ดนิ ภูมิอากาศ สงิ่ มชี วี ติ ในดนิ สภาพภมู ิประเทศ และระยะเวลา ในการเกดิ ดิน สำหรับการจดั การเรยี นรู้ ปีการศกึ ษา 2564 ภายใต้สถานการณ์แพรร่ ะบาดของโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน ร่วมกับ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
๑๒๒ ชนั้ ที่ รหัสตวั ช้ีวัด ตัวชวี้ ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ม.2 51 ว 3.2 ม.2/7 ตรวจวดั สมบัติบางประการของดิน • สมบัติบางประการของดิน เช่น เนือ้ ดิน ✓ โดยใช้เครอื่ งมือที่เหมาะสมและ ความช้นื ดนิ คา่ ความเปน็ กรด - เบส ธาตุอาหารในดนิ สามารถนำไปใช้ นำเสนอแนวทางการใช้ประโยชน์ดนิ ในการตดั สนิ ใจถึงแนวทางการใช้ประโยชน์ จากข้อมลู สมบัติของดิน ที่ดนิ โดยอาจนำไปใชป้ ระโยชนท์ างการเกษตร หรอื อื่น ๆ ซงึ่ ดินทไ่ี มเ่ หมาะสมต่อ การทำการเกษตร เช่น ดนิ จดื ดนิ เปรยี้ ว ดนิ เค็ม และดนิ ดาน อาจเกดิ จากสภาพดิน ตามธรรมชาตหิ รือการใช้ประโยชน์ จะต้องปรบั ปรงุ ให้มีสภาพเหมาะสม เพือ่ นำไปใชป้ ระโยชน์ 52 ว 3.2 ม.2/8 อธิบายปจั จยั และกระบวนการเกดิ • แหลง่ นำ้ ผวิ ดนิ เกิดจากนำ้ ฝนทตี่ กลง ✓ แหล่งน้ำผิวดินและแหลง่ น้ำใตด้ นิ บนพ้ืนโลกไหลจากทส่ี งู ลงสทู่ ่ีต่ำ จากแบบจำลอง ด้วยแรงโนม้ ถ่วง การไหลของนำ้ ทำให้ พ้นื โลกเกดิ การกดั เซาะเปน็ ร่องนำ้ เช่น ลำธาร คลอง และแมน่ ้ำ ซ่งึ ร่องน้ำจะมี ขนาดและรูปร่างแตกตา่ งกัน ขน้ึ อยู่กับ ปรมิ าณน้ำฝน ระยะเวลาในการกัดเซาะ ชนิดดนิ และหนิ และลักษณะภูมิประเทศ เชน่ ความลาดชนั ความสงู ตำ่ ของพน้ื ที่ เมือ่ น้ำไหลไปยังบรเิ วณที่เป็นแอ่งจะเกิด การสะสมตัวเป็นแหล่งนำ้ เช่น บงึ ทะเลสาบ ทะเล และมหาสมุทร • แหลง่ นำ้ ใต้ดนิ เกิดจากการซมึ ของน้ำผวิ ดนิ ลงไปสะสมตัวใต้พน้ื โลก ซ่งึ แบง่ เปน็ นำ้ ในดนิ และนำ้ บาดาล นำ้ ในดนิ เป็นน้ำ ท่ีอยรู่ ่วมกบั อากาศตามช่องว่างระหวา่ ง เมด็ ดิน สว่ นน้ำบาดาลเปน็ นำ้ ทไี่ หลซมึ ลกึ ลงไปและถูกกกั เกบ็ ไว้ในชัน้ หินหรอื ชน้ั ดิน จนอม่ิ ตวั ไปด้วยนำ้ สำหรับการจดั การเรยี นรู้ ปกี ารศึกษา 2564 ภายใตส้ ถานการณ์แพรร่ ะบาดของโรคติดเชอื้ ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน ร่วมกับ สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
๑๒๓ ช้นั ที่ รหัสตัวช้ีวดั ตัวช้วี ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ม.2 53 ว 3.2 ม.2/9 สรา้ งแบบจำลองทอี่ ธิบายการใชน้ ำ้ • แหล่งนำ้ ผวิ ดินและแหลง่ น้ำใต้ดนิ ✓ และนำเสนอแนวทางการใชน้ ้ำ ถูกนำมาใชใ้ นกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ อย่างย่ังยืนในทอ้ งถิน่ ของตนเอง ส่งผลต่อการจดั การการใชป้ ระโยชนน์ ้ำ และคุณภาพของแหล่งนำ้ เน่ืองจาก การเพ่ิมข้ึนของจำนวนประชากร การใช้ประโยชนพ์ น้ื ที่ในด้านต่าง ๆ เชน่ ภาคเกษตรกรรม ภาคอตุ สาหกรรม และ การเปลี่ยนแปลงภมู ิอากาศ ทำให้เกิด การเปลย่ี นแปลงปริมาณน้ำฝนในพ้ืนท่ลี มุ่ นำ้ และแหลง่ นำ้ ผิวดินไมเ่ พยี งพอสำหรับ กิจกรรมของมนุษย์ น้ำจากแหลง่ นำ้ ใตด้ นิ จึงถูกนำมาใชม้ ากข้นึ สง่ ผลใหป้ ริมาณ น้ำใต้ดินลดลงมาก จงึ ต้องมกี ารจัดการ ใช้น้ำอย่างเหมาะสมและยั่งยืน ซึ่งอาจ ทำไดโ้ ดยการจัดหาแหลง่ น้ำเพอื่ ให้มี แหล่งน้ำเพยี งพอสำหรบั การดำรงชีวิต การจัดสรรและการใช้น้ำอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ การอนรุ ักษแ์ ละฟื้นฟแู หล่งนำ้ การป้องกัน และแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำ 54 ว 3.2 สรา้ งแบบจำลองท่อี ธิบาย • น้ำทว่ ม การกดั เซาะชายฝ่งั ดินถลม่ ✓ ม.2/10 กระบวนการเกิดและผลกระทบ หลมุ ยุบ แผน่ ดินทรุด มีกระบวนการเกิด ของน้ำทว่ ม การกัดเซาะชายฝง่ั และผลกระทบท่ีแตกตา่ งกนั ซงึ่ อาจ ดนิ ถล่ม หลมุ ยบุ แผน่ ดินทรุด สรา้ งความเสียหายร้ายแรงแก่ชีวิต และทรัพยส์ นิ • น้ำทว่ ม เกิดจากพ้ืนท่หี น่ึงไดร้ ับปรมิ าณนำ้ เกินกว่าที่จะกักเก็บได้ ทำให้แผน่ ดนิ จมอยู่ ใตน้ ้ำ โดยข้นึ อยู่กับปริมาณน้ำและสภาพ ทางธรณีวิทยาของพ้ืนท่ี • การกดั เซาะชายฝั่ง เป็นกระบวนการ เปลี่ยนแปลงของชายฝ่ังทะเลท่เี กดิ ขนึ้ ตลอดเวลาจากการกัดเซาะของคลืน่ หรอื ลม ทำใหต้ ะกอนจากทห่ี นึ่งไปตกทบั ถม ในอกี บรเิ วณหน่ึง แนวของชายฝ่ังเดมิ จงึ เปล่ียนแปลงไป บรเิ วณที่มีตะกอน เคลื่อนเข้ามาน้อยกว่าปรมิ าณทต่ี ะกอน เคล่ือนออกไปถือว่าเป็นบริเวณที่มี การกัดเซาะชายฝ่ัง สำหรับการจดั การเรยี นรู้ ปีการศกึ ษา 2564 ภายใต้สถานการณแ์ พรร่ ะบาดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน ร่วมกบั สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
๑๒๔ ชั้น ท่ี รหัสตัวชี้วัด ตัวชว้ี ัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ม.2 • ดนิ ถลม่ เป็นการเคลื่อนที่ของมวลดนิ หรอื หนิ จำนวนมากลงตามลาดเขา เน่อื งจาก แรงโนม้ ถว่ งของโลกเปน็ หลัก ซง่ึ เกดิ จาก ปัจจัยสำคัญ ได้แก่ ความลาดชันของพ้นื ที่ สภาพธรณวี ิทยา ปริมาณน้ำฝน พชื ปกคลมุ ดนิ และการใช้ประโยชนพ์ นื้ ท่ี • หลุมยุบ คือ แอ่งหรอื หลุมบนแผ่นดนิ ขนาดต่าง ๆ ท่ีอาจเกดิ จากการถลม่ ของ โพรงถ้ำหินปูน เกลือหินใต้ดิน หรือเกิดจากนำ้ พัดพาตะกอนลงไป ในโพรงถำ้ หรือธารนำ้ ใตด้ ิน • แผน่ ดินทรดุ เกดิ จากการยบุ ตัวของช้นั ดิน หรือหินรว่ น เมอื่ มวลของแขง็ หรอื ของเหลวปริมาณมากทีร่ องรับอยู่ใต้ชั้นดิน บริเวณนน้ั ถูกเคล่อื นยา้ ยออกไปโดยธรรมชาติ หรอื โดยการกระทำของมนุษย์ 55 ว 4.1 ม.2/1 คาดการณแ์ นวโน้มเทคโนโลยี • สาเหตหุ รือปัจจัยตา่ ง ๆ เชน่ ✓ ท่จี ะเกิดขน้ึ โดยพจิ ารณาจาก ความกา้ วหน้าของศาสตรต์ ่าง ๆ สาเหตุหรอื ปจั จยั ทสี่ ง่ ผลต่อ การเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกจิ สงั คม การเปลีย่ นแปลงของเทคโนโลยี วัฒนธรรม ทำให้เทคโนโลยี และวเิ คราะห์ เปรียบเทียบ มกี ารเปลย่ี นแปลงตลอดเวลา ตดั สนิ ใจเลอื กใชเ้ ทคโนโลยี • เทคโนโลยีแตล่ ะประเภทมผี ลกระทบตอ่ โดยคำนงึ ถึงผลกระทบท่ีเกดิ ขึ้น ชีวติ สงั คม และสิ่งแวดลอ้ มที่แตกตา่ งกัน ต่อชวี ติ สงั คม และส่ิงแวดลอ้ ม จึงตอ้ งวิเคราะห์เปรยี บเทียบข้อดี ข้อเสยี และตดั สนิ ใจเลอื กใช้ให้เหมาะสม 56 ว 4.1 ม.2/2 ระบุปัญหาหรือความต้องการ • ปญั หาหรือความตอ้ งการในชุมชนหรอื ✓ ในชมุ ชนหรือท้องถ่ิน สรุปกรอบ ท้องถิน่ มหี ลายอย่าง ขึ้นกับบรบิ ทหรือ ของปญั หา รวบรวม วเิ คราะห์ สถานการณ์ท่ีประสบ เชน่ ดา้ นพลังงาน ขอ้ มูลและแนวคิดที่เกยี่ วข้อง สิง่ แวดล้อม การเกษตร การอาหาร กบั ปัญหา • การระบปุ ญั หาจำเป็นต้องมีการวิเคราะห์ สถานการณ์ของปญั หาเพอ่ื สรุปกรอบของ ปญั หาแลว้ ดำเนินการสบื ค้น รวบรวม ข้อมูล ความรูจ้ ากศาสตรต์ ่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้อง เพื่อนำไปสกู่ ารออกแบบ แนวทางการแกป้ ัญหา สำหรบั การจัดการเรียนรู้ ปกี ารศึกษา 2564 ภายใต้สถานการณ์แพรร่ ะบาดของโรคติดเชือ้ ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐาน ร่วมกบั สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
๑๒๕ ชน้ั ท่ี รหัสตวั ช้ีวัด ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ม.2 57 ว 4.1 ม.2/3 ออกแบบวิธกี ารแกป้ ัญหา • การวิเคราะห์ เปรียบเทียบ และตัดสินใจ ✓ โดยวิเคราะห์เปรยี บเทยี บ และ เลือกข้อมลู ท่จี ำเปน็ โดยคำนึงถงึ เง่ือนไข ตดั สนิ ใจเลอื กข้อมลู ท่ีจำเปน็ และทรัพยากร เชน่ งบประมาณ เวลา ภายใตเ้ งอ่ื นไขและทรัพยากร ขอ้ มูล และสารสนเทศ วสั ดุ เครือ่ งมือและ ท่ีมีอยู่ นำเสนอแนวทาง อปุ กรณ์ ช่วยใหไ้ ด้แนวทางการแกป้ ญั หาที่ การแก้ปัญหาใหผ้ อู้ ื่นเข้าใจ เหมาะสม วางแผนขัน้ ตอนการทำงาน • การออกแบบแนวทางการแก้ปัญหาทำได้ และดำเนนิ การแก้ปัญหา หลากหลายวิธี เชน่ การร่างภาพ อย่างเป็นขั้นตอน การเขียนแผนภาพ การเขียนผังงาน • การกำหนดขนั้ ตอนระยะเวลา ในการทำงานก่อนดำเนนิ การแกป้ ญั หา จะชว่ ยใหก้ ารทำงานสำเร็จได้ ตามเป้าหมาย และลดข้อผิดพลาดของ การทำงานทอ่ี าจเกดิ ขึน้ 58 ว 4.1 ม.2/4 ทดสอบ ประเมนิ ผล และอธบิ าย • การทดสอบและประเมินผล ✓ ปญั หาหรอื ข้อบกพร่องที่เกิดขึ้น เปน็ การตรวจสอบชิน้ งาน หรือวธิ กี าร ภายใตก้ รอบเงือ่ นไข พรอ้ มทั้ง ว่าสามารถแกป้ ัญหาไดต้ ามวัตถปุ ระสงค์ หาแนวทางการปรบั ปรุงแก้ไข ภายใต้กรอบของปัญหา เพื่อหาข้อบกพร่อง และนำเสนอผลการแก้ปญั หา และดำเนินการปรับปรงุ ให้สามารถแกไ้ ข ปัญหาได้ • การนำเสนอผลงานเป็นการถา่ ยทอดแนวคิด เพ่ือให้ผู้อ่นื เขา้ ใจเกย่ี วกบั กระบวนการ ทำงานและชน้ิ งานหรอื วิธีการทไ่ี ด้ ซง่ึ สามารถทำไดห้ ลายวธิ ี เช่น การเขียนรายงาน การทำแผน่ นำเสนอ ผลงาน การจัดนิทรรศการ 59 ว 4.1 ม.2/5 ใชค้ วามรู้ และทักษะเกย่ี วกบั • วสั ดุแต่ละประเภทมสี มบตั ิแตกต่างกัน ✓ วัสดุ อปุ กรณ์ เคร่ืองมือ กลไก เช่น ไม้ โลหะ พลาสตกิ จึงต้อง ไฟฟา้ และอิเลก็ ทรอนิกส์ มกี ารวิเคราะห์สมบตั เิ พอ่ื เลือกใช้ เพอื่ แกป้ ัญหาหรือพฒั นางาน ใหเ้ หมาะสมกบั ลักษณะของงาน ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง เหมาะสม และ ปลอดภยั • การสร้างช้นิ งานอาจใชค้ วามรู้ เรื่องกลไก ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ เช่น LED มอเตอร์ บัซเซอร์ เฟอื ง รอก ล้อ เพลา • อปุ กรณ์และเครอื่ งมอื ในการสรา้ งชิ้นงาน หรอื พัฒนาวิธกี ารมีหลายประเภท ตอ้ งเลือกใช้ใหถ้ ูกต้อง เหมาะสม และ ปลอดภยั รวมทง้ั รู้จักเก็บรกั ษา สำหรบั การจดั การเรียนรู้ ปกี ารศกึ ษา 2564 ภายใตส้ ถานการณ์แพรร่ ะบาดของโรคติดเชือ้ ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน ร่วมกบั สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
๑๒๖ ช้ัน ที่ รหสั ตวั ช้ีวดั ตวั ช้ีวดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ม.2 60 ว 4.2 ม.2/1 ออกแบบอลั กอรทิ ึมทใ่ี ช้ • แนวคดิ เชิงคำนวณ ✓ • การแกป้ ัญหาโดยใชแ้ นวคิดเชิงคำนวณ ในแนวคดิ เชงิ คำนวณ • ตวั อยา่ งปัญหา เช่น การเข้าแถวตามลำดบั ในการแกป้ ัญหาหรือการทำงาน ทีพ่ บในชวี ิตจรงิ ความสงู ใหเ้ ร็วทีส่ ดุ จดั เรยี งเสือ้ ให้หาไดง้ า่ ย ทส่ี ุด 61 ว 4.2 ม.2/2 ออกแบบและเขียนโปรแกรมท่ีใช้ • ตวั ดำเนนิ การบูลนี ✓ ตรรกะและฟงั กช์ นั ในการแก้ปัญหา • ฟังก์ชัน • การออกแบบและเขียนโปรแกรมทีม่ ีการใช้ ตรรกะและฟังก์ชัน • การออกแบบอัลกอริทึม เพ่ือแกป้ ญั หา อาจใชแ้ นวคดิ เชงิ คำนวณในการออกแบบ เพอื่ ใหก้ ารแก้ปญั หามีประสิทธภิ าพ • การแกป้ ัญหาอยา่ งเป็นข้ันตอนจะช่วยให้ แกป้ ญั หาไดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพ • ซอฟตแ์ วรท์ ใี่ ชใ้ นการเขียนโปรแกรม เช่น Scratch, Python, Java, C • ตวั อย่างโปรแกรม เชน่ โปรแกรมตัดเกรด หาคำตอบท้ังหมดของอสมการหลายตวั แปร ✓ 62 ว 4.2 ม.2/3 อภิปรายองค์ประกอบและ • องค์ประกอบและหลกั การทำงานของ หลักการทำงานของระบบ ระบบคอมพิวเตอร์ คอมพวิ เตอร์และเทคโนโลยี • เทคโนโลยกี ารสื่อสาร การสอ่ื สาร เพื่อประยุกต์ใช้งาน • การประยกุ ตใ์ ช้งานและการแก้ปญั หา หรือแกป้ ญั หาเบอื้ งต้น เบือ้ งตน้ 63 ว 4.2 ม.2/4 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ • ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภยั ✓ อยา่ งปลอดภัย มีความรบั ผิดชอบ โดยเลอื กแนวทางปฏบิ ตั เิ มือ่ พบเนื้อหา สรา้ งและแสดงสิทธใิ นการเผยแพร่ ทไี่ มเ่ หมาะสม เชน่ แจง้ รายงานผูเ้ กีย่ วขอ้ ง ผลงาน ป้องกันการเข้ามาของข้อมลู ท่ีไม่เหมาะสม ไมต่ อบโต้ ไม่เผยแพร่ • การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ อยา่ งมีความรบั ผิดชอบ เช่น ตระหนักถึง ผลกระทบในการเผยแพรข่ ้อมูล • การสร้างและแสดงสิทธิค์ วามเปน็ เจ้าของ ผลงาน • การกำหนดสทิ ธิการใช้ข้อมลู รวม 63 ตัวช้วี ัด 48 15 สำหรบั การจดั การเรยี นรู้ ปกี ารศึกษา 2564 ภายใต้สถานการณแ์ พรร่ ะบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน ร่วมกับ สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
๑๒๗ ช้นั ที่ รหัสตัวช้ีวดั ตัวชว้ี ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ม.3 1 ว 1.1 ม.3/1 อธิบายปฏสิ ัมพนั ธข์ อง • ระบบนเิ วศประกอบด้วยองค์ประกอบ ✓ องค์ประกอบของระบบนิเวศที่ได้ ที่มชี ีวติ เช่น พืช สตั ว์ จลุ ินทรยี ์ และ จากการสำรวจ องคป์ ระกอบท่ีไม่มีชีวิต เชน่ แสง น้ำ อณุ หภูมิ แร่ธาตุ แก๊ส องคป์ ระกอบเหลา่ นี้ มปี ฏิสัมพันธ์กัน เชน่ พชื ตอ้ งการแสง นำ้ และแกส๊ คารบ์ อนไดออกไซดใ์ นการสรา้ ง อาหาร สตั วต์ อ้ งการอาหาร และ สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการดำรงชีวิต เชน่ อุณหภูมิ ความชน้ื องคป์ ระกอบ ทงั้ สองส่วนนจ้ี ะต้องมีความสัมพนั ธก์ ัน อย่างเหมาะสม ระบบนเิ วศจึงจะสามารถ คงอย่ตู ่อไปได้ 2 ว 1.1 ม.3/2 อธิบายรูปแบบความสัมพันธ์ • ส่งิ มีชวี ิตกับสิ่งมชี ีวติ มีความสัมพนั ธก์ นั ✓ ระหว่างสิง่ มชี ีวติ กบั สงิ่ มีชีวิต ในรูปแบบต่าง ๆ เชน่ ภาวะพ่ึงพากนั รปู แบบตา่ ง ๆ ในแหลง่ ทีอ่ ยู่ ภาวะอิงอาศัย ภาวะเหย่ือกบั ผูล้ ่า เดยี วกนั ทไี่ ดจ้ ากการสำรวจ ภาวะปรสติ • สง่ิ มชี วี ติ ชนดิ เดียวกันท่อี าศัยอยูร่ ว่ มกนั ในแหล่งทอ่ี ยูเ่ ดียวกนั ในช่วงเวลาเดียวกัน เรียกวา่ ประชากร • กลุ่มส่ิงมชี วี ติ ประกอบดว้ ยประชากรของ สง่ิ มีชวี ติ หลาย ๆ ชนิด อาศยั อยู่ร่วมกนั ในแหล่งท่ีอยู่เดียวกัน 3 ว 1.1 ม.3/3 สรา้ งแบบจำลองในการอธิบาย • กลมุ่ สงิ่ มีชวี ิตในระบบนเิ วศแบง่ ตามหนา้ ที่ ✓ การถ่ายทอดพลงั งานในสายใย ได้เปน็ 3 กลมุ่ ได้แก่ ผผู้ ลิต ผู้บริโภค และ อาหาร ผู้ย่อยสลายสารอินทรีย์ สิ่งมีชวี ิตทงั้ 3 กลุ่มนี้ 4 ว 1.1 ม.3/4 อธบิ ายความสัมพนั ธ์ของผู้ผลติ มคี วามสมั พนั ธ์กัน ผู้ผลิตเป็นสงิ่ มีชีวิต ✓ ทส่ี ร้างอาหารได้เอง โดยกระบวนการ ผบู้ รโิ ภค และผยู้ ่อยสลาย สารอินทรีย์ในระบบนิเวศ สงั เคราะห์ด้วยแสง ผบู้ ริโภค เป็นสิง่ มชี ีวิต 5 ว 1.1 ม.3/5 อธิบายการสะสมสารพิษ ทไี่ มส่ ามารถสรา้ งอาหารได้เอง ✓ ในส่ิงมชี ีวิตในโซอ่ าหาร และตอ้ งกนิ ผูผ้ ลิตหรือสิ่งมชี ีวติ อนื่ เปน็ อาหาร 6 ว 1.1 ม.3/6 ตระหนักถึงความสัมพันธข์ อง เมอ่ื ผ้ผู ลิตและผู้บริโภคตายลง จะถกู ย่อย ✓ โดยผู้ยอ่ ยสลายสารอินทรีย์ซ่ึงจะเปลี่ยน ส่ิงมชี วี ิต และสิ่งแวดลอ้ ม ในระบบนเิ วศ โดยไมท่ ำลาย สารอนิ ทรีย์เปน็ สารอนนิ ทรยี ์กลับคนื สู่ ส่งิ แวดล้อม ทำให้เกดิ การหมุนเวยี นสาร สมดุลของระบบนิเวศ เปน็ วัฏจกั ร จำนวนผู้ผลติ ผูบ้ ริโภค และผู้ย่อยสลายสารอินทรยี ์ จะตอ้ งมี ความเหมาะสม จงึ ทำให้กลุม่ สงิ่ มีชวี ิต อยไู่ ด้อยา่ งสมดุล สำหรบั การจัดการเรยี นรู้ ปีการศึกษา 2564 ภายใต้สถานการณแ์ พรร่ ะบาดของโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน ร่วมกับ สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
๑๒๘ ชัน้ ที่ รหสั ตวั ช้ีวดั ตัวช้วี ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ม.3 • พลังงานถูกถา่ ยทอดจากผูผ้ ลติ ไปยงั ผบู้ ริโภคลำดับต่าง ๆ รวมทัง้ ผูย้ ่อยสลาย สารอินทรยี ์ในรูปแบบสายใยอาหาร ทป่ี ระกอบดว้ ยโซอ่ าหารหลายโซ่ ท่ีสมั พันธก์ นั ในการถา่ ยทอดพลงั งาน ในโซ่อาหาร พลังงานท่ีถูกถ่ายทอดไป จะลดลงเรื่อย ๆ ตามลำดับของการบรโิ ภค • การถ่ายทอดพลงั งานในระบบนิเวศ อาจทำให้มีสารพิษสะสมอยู่ในสง่ิ มชี วี ิตได้ จนอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อส่ิงมชี ีวติ และ ทำลายสมดุลในระบบนิเวศ ดังนั้น การดูแลรักษาระบบนเิ วศใหเ้ กิด ความสมดลุ และคงอยตู่ ลอดไป จงึ เป็นสงิ่ สำคญั 7 ว 1.3 ม.3/1 อธิบายความสมั พันธร์ ะหว่าง ยนี • ลกั ษณะทางพันธกุ รรมของส่ิงมชี วี ติ ✓ ดเี อน็ เอ และโครโมโซม โดยใช้ สามารถถายทอดจากรุ่นหนง่ึ ไปยัง แบบจำลอง อีกร่นุ หนึง่ ได้ โดยมยี นี เป็นหน่วยควบคมุ ลักษณะทางพนั ธกุ รรม • โครโมโซมประกอบด้วย ดเี อ็นเอ และ โปรตนี ขดอยใู่ นนิวเคลียส ยีน ดีเอ็นเอ และโครโมโซมมคี วามสัมพันธ์กนั โดยบางสว่ นของดีเอ็นเอทำหนา้ ท่เี ป็นยีน ทก่ี ำหนดลกั ษณะของสิ่งมชี ีวิต • สิง่ มชี วี ติ ทมี่ โี ครโมโซม 2 ชดุ โครโมโซม ทเี่ ป็นค่กู ันมกี ารเรียงลำดับของยีนบน โครโมโซมเหมอื นกนั เรียกว่า ฮอมอโลกัส โครโมโซม ยนี หนงึ่ ทอี่ ยบู่ นคู่ฮอมอโลกสั โครโมโซม อาจมีรูปแบบแตกต่างกนั เรยี กแตล่ ะรปู แบบของยนี ท่ตี ่างกันนี้วา่ แอลลีล ซ่ึงการเข้าคู่กนั ของแอลลลี ต่าง ๆ อาจสง่ ผลทำใหส้ งิ่ มชี วี ติ มีลักษณะท่ี แตกต่างกันได้ • สง่ิ มีชีวติ แต่ะชนดิ มีจำนวนโครโมโซมคงท่ี มนษุ ย์มีจำนวนโครโมโซม 23 คู่ เป็นออโตโซม 22 คู่ และโครโมโซมเพศ 1 คู่ เพศหญงิ มโี ครโมโซมเพศเป็น XX เพศชายมีโครโมโซมเพศเป็น XY สำหรับการจัดการเรยี นรู้ ปกี ารศึกษา 2564 ภายใต้สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน ร่วมกับ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
๑๒๙ ชน้ั ท่ี รหัสตวั ช้ีวดั ตวั ชวี้ ัด สาระการเรยี นร้แู กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ม.3 8 ว 1.3 ม.3/2 อธบิ ายการถ่ายทอดลักษณะ • เมนเดลไดศ้ ึกษาการถ่ายทอดลักษณะ ✓ ทางพนั ธกุ รรมจากการผสม ทางพันธุกรรมของตน้ ถ่ัวชนิดหนึ่ง และ โดยพจิ ารณาลกั ษณะเดียว นำมาสหู่ ลกั การพ้ืนฐานของการถ่ายทอด ท่แี อลลลี เดน่ ข่มแอลลลี ด้อย ลกั ษณะทางพนั ธุกรรมของสงิ่ มีชีวติ อยา่ งสมบูรณ์ • ส่ิงมชี ีวติ ทม่ี ีโครโมโวมเปน็ 2 ชุด 9 ว 1.3 ม.3/3 อธบิ ายการเกิดจโี นไทปแ์ ละ ยีนแตล่ ะตำแหน่งบนฮอมอโลกสั ✓ ฟโี นไทป์ของลูกและคำนวณ โครโมโซมมี 2 แอลลีล โดยแอลลีลหนึง่ อัตราสว่ นการเกิดจีโนไทปแ์ ละ มาจากพ่อ และอีกแอลลีลมาจากแม่ ฟีโนไทป์ของร่นุ ลูก ซ่ึงอาจมรี ูปแบบเดยี วกนั หรือแตกต่างกนั แอลลลี ทแ่ี ตกตา่ งกนั น้ี แอลลีลหน่งึ อาจมี การแสดงออกข่มอกี แอลลลี หนึ่งได้ เรยี กแอลลีลนนั้ ว่าเป็นแอลลีลเดน่ สว่ นแอลลีลทีถ่ ูกข่มอยา่ งสมบูรณ์ เรียกว่า เปน็ แอลลลี ดอ้ ย • เมอื่ มีการสรา้ งเซลลส์ บื พันธ์ุ แอลลีลท่ีเป็น คกู่ นั ในแต่ละฮอมอโลกัสโครโมโซม จะแยกจากกนั ไปสู่เซลลส์ บื พนั ธ์ุแต่ละเซลล์ โดยแตล่ ะเซลลส์ บื พันธจุ์ ะไดร้ ับเพยี ง 1 แอลลลี และจะมาเขา้ คู่กับแอลลีล ทต่ี ำแหนง่ เดยี วกนั ของอีกเซลล์สืบพันธห์ุ นึง่ เม่ือเกดิ การปฏสิ นธิ จนเกิดเป็นจโี นไทป์ และแสดงฟโี นไทป์ในรนุ่ ลูก 10 ว 1.3 ม.3/4 อธบิ ายความแตกต่างของ • กระบวนการแบง่ เซลล์ของสิง่ มชี วี ิต ✓ การแบ่งเซลล์แบบไมโทซสิ และ ไมโอซสิ มี 2 แบบ คือ ไมโทซสิ และไมโอซสิ • ไมโทซิส เป็นการแบง่ เซลลเ์ พื่อเพ่ิม จำนวนเซลลร์ า่ งกาย ผลจากการแบ่งจะได้ เซลลใ์ หม่ 2 เซลลท์ ี่มีลกั ษณะและจำนวน โครโมโซมเหมอื นเซลล์ตง้ั ต้น • ไมโอซิส เปน็ การแบ่งเซลลเ์ พ่ือสรา้ ง เซลล์สบื พนั ธ์ุ ผลจากการแบ่งจะได้ เซลล์ใหม่ 4 เซลลท์ มี่ ีจำนวนโครโมโซม เป็นครึ่งหน่ึงของเซลล์ตง้ั ต้น เมอ่ื เกิด การปฏสิ นธิของเซลล์สบื พนั ธุ์ ลกู จะไดร้ ับ การถา่ ยทอดโครโมโซมชดุ หนึ่งจากพ่อและ อกี ชดุ หนง่ึ จากแม่ จงึ เปน็ ผลให้รุน่ ลูก มจี ำนวนโครโมโซมเท่ากับรุน่ พ่อแม่ และจะคงทใ่ี นทกุ ๆ รุ่น สำหรบั การจัดการเรยี นรู้ ปกี ารศึกษา 2564 ภายใต้สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน ร่วมกบั สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
๑๓๐ ชั้น ที่ รหัสตวั ชี้วดั ตวั ชว้ี ดั สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ✓ ม.3 11 ว 1.3 ม.3/5 บอกไดว้ า่ การเปลีย่ นแปลงของ • การเปล่ยี นแปลงของยีนหรือโครโมโซม ✓ ยนี หรือโครโมโซมอาจทำใหเ้ กิด ส่งผลให้เกดิ การเปลี่ยนแปลงลักษณะ โรคทางพนั ธกุ รรม พร้อมท้ัง ทางพนั ธุกรรมของสงิ่ มชี วี ติ เช่น ยกตัวอยา่ งโรคทางพันธุกรรม โรคธาลัสซเี มียเกิดจากการเปลีย่ นแปลง 12 ว 1.3 ม.3/6 ตระหนักถึงประโยชน์ของความรู้ ของยีน กลุ่มอาการดาวนเ์ กิดจาก เรอ่ื งโรคทางพันธกุ รรม โดยรู้วา่ การเปลย่ี นแปลงจำนวนโครโมโซม กอ่ นแต่งงานควรปรึกษาแพทย์ • โรคทางพนั ธกุ รรมสามารถถา่ ยทอดจาก เพ่ือตรวจและวนิ ิจฉยั ภาวะเสยี่ ง พ่อแม่ไปสลู่ กู ได้ ดงั นัน้ กอ่ นแตง่ งาน ของลกู ท่ีอาจเกิดโรคทางพนั ธกุ รรม และมีบตุ รจงึ ควรป้องกันโดยการตรวจ และวินิจฉัยภาวะเสี่ยงจากการถ่ายทอด โรคทางพันธุกรรม 13 ว 1.3 ม.3/7 อธิบายการใช้ประโยชนจ์ าก • มนษุ ยเ์ ปลย่ี นแปลงพันธกุ รรมของสง่ิ มีชวี ิต ✓ ✓ ส่ิงมีชวี ติ ดัดแปรพนั ธกุ รรม ตามธรรมชาติ เพื่อให้ไดส้ ่งิ มีชีวิต และผลกระทบท่ีอาจมตี ่อมนุษย์ ท่มี ลี ักษณะตามต้องการ เรียกสงิ่ มชี วี ิตน้ีวา่ และสง่ิ แวดล้อม โดยใชข้ ้อมูล สง่ิ มชี วี ติ ดัดแปรพนั ธุกรรม ทรี่ วบรวมได้ • ในปัจจุบันมนุษยม์ ีการใช้ประโยชน์จาก 14 ว 1.3 ม.3/8 ตระหนกั ถึงประโยชน์และ สิง่ มชี ีวติ ดัดแปรพันธกุ รรมเป็นจำนวนมาก ผลกระทบของส่ิงมีชีวิตดัดแปร พันธุกรรมท่ีอาจมตี ่อมนุษย์ เชน่ การผลติ อาหาร การผลติ ยารักษาโรค และสิ่งแวดล้อม โดยการเผยแพร่ การเกษตร อย่างไรกด็ สี ังคมยังมีความกังวล ความรทู้ ไี่ ด้จากการโต้แยง้ เกยี่ วกับผลกระทบของสง่ิ มชี วี ิตดดั แปร ทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีข้อมูล พนั ธกุ รรมที่มีตอ่ ส่งิ มชี ีวิตและสิ่งแวดลอ้ ม สนับสนนุ ซ่ึงยังทำการติดตามศกึ ษาผลกระทบดงั กลา่ ว 15 ว 1.3 ม.3/9 เปรียบเทยี บความหลากหลาย • ความหลากหลายทางชวี ภาพมี 3 ระดบั ✓ ได้แก่ ความหลากหลายของระบบนิเวศ 16 ว 1.3 ทางชีวภาพในระดบั ชนดิ สงิ่ มีชีวติ ความหลากหลายของชนิดส่ิงมีชวี ติ ✓ ม.3/10 ในระบบนิเวศตา่ ง ๆ และความหลากหลายทางพนั ธกุ รรม ความหลากหลายทางชวี ภาพนี้ มคี วามสำคัญ อธบิ ายความสำคัญของ ตอ่ การรักษาสมดุลของระบบนิเวศ ระบบ ความหลากหลายทางชีวภาพ นิเวศท่มี ีความหลากหลายทางชีวภาพสงู ทม่ี ตี ่อการรกั ษาสมดุลของ ระบบนิเวศและต่อมนษุ ย์ จะรักษาสมดุลไดด้ ีกว่าระบบนเิ วศที่มี 17 ว 1.3 แสดงความตระหนกั ในคุณค่า ความหลากหลายทางชวี ภาพต่ำกวา่ ✓ นอกจากน้ี ความหลากหลายทางชวี ภาพ ม.3/11 และความสำคญั ของ ยงั มคี วามสำคัญตอ่ มนุษย์ในด้านต่าง ๆ ความหลากหลายทางชวี ภาพ เชน่ ใช้เปน็ อาหาร ยารักษาโรค วัตถดุ บิ โดยมสี ่วนร่วมในการดแู ลรักษา ในอุตสาหกรรมตา่ ง ๆ ดังนนั้ จึงเปน็ หนา้ ท่ี ความหลากหลายทางชีวภาพ ของทกุ คนในการดแู ลรกั ษาความหลากหลาย ทางชวี ภาพให้คงอยู่ สำหรบั การจัดการเรียนรู้ ปีการศึกษา 2564 ภายใต้สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พื้นฐาน ร่วมกับ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
๑๓๑ ชน้ั ท่ี รหัสตัวชี้วดั ตวั ชว้ี ัด สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ม.3 18 ว 2.1 ม.3/1 ระบสุ มบัตทิ างกายภาพและ • พอลเิ มอร์ เซรามิก และวัสดผุ สม ✓ การใช้ประโยชนว์ สั ดุประเภท เปน็ วัสดุทใี่ ชม้ ากในชวี ติ ประจำวัน พอลเิ มอร์ เซรามิก และวัสดุผสม • พอลเิ มอรเ์ ปน็ สารประกอบโมเลกุลใหญ่ โดยใชห้ ลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ และ ทเ่ี กดิ จากโมเลกุลจำนวนมากรวมตวั กัน สารสนเทศ ทางเคมี เชน่ พลาสติก ยาง เส้นใย 19 ว 2.1 ม.3/2 ตระหนักถึงคณุ คา่ ของการใชว้ สั ดุ ซึง่ เป็นพอลเิ มอร์ที่มสี มบัติแตกต่างกนั ✓ ประเภทพอลเิ มอร์ เซรามิก โดยพลาสตกิ เปน็ พอลเิ มอร์ที่ขน้ึ รปู และวัสดุผสม โดยเสนอแนะ เปน็ รปู ทรงตา่ ง ๆ ได้ ยางยดื หยุ่นได้ แนวทางการใช้วัสดุ สว่ นเสน้ ใยเป็นพอลิเมอร์ที่สามารถดึง อย่างประหยัดและคุม้ ค่า เป็นเสน้ ยาวได้ พอลิเมอร์จึงใชป้ ระโยชน์ ไดแ้ ตกตา่ งกัน • เซรามกิ เปน็ วสั ดทุ ี่ผลติ จาก ดิน หิน ทราย และแรธ่ าตตุ า่ ง ๆ จากธรรมชาติ และส่วนมากจะผา่ นการเผาท่ีอณุ หภมู สิ ูง เพ่ือให้ไดเ้ นื้อสารท่ีแขง็ แรง เซรามกิ สามารถทำเปน็ รปู ทรงตา่ ง ๆ ได้ สมบตั ิทวั่ ไปของเซรามกิ จะแข็ง ทนตอ่ การสกึ กร่อนและเปราะ สามารถนำไปใช้ ประโยชน์ได้ เช่น ภาชนะทีเ่ ป็น เคร่ืองปน้ั ดนิ เผา ช้นิ ส่วนอิเล็กทรอนิกส์ • วสั ดผุ สมเป็นวัสดุท่เี กิดจากวัสดุต้ังแต่ 2 ประเภท ท่มี ีสมบัติแตกต่างกนั มารวมตัวกนั เพ่ือนำไปใช้ประโยชน์ ได้มากขึน้ เช่น เสอื้ กันฝนบางชนิด เปน็ วัสดผุ สมระหว่างผา้ กบั ยาง คอนกรีตเสรมิ เหล็กเปน็ วัสดผุ สม ระหวา่ งคอนกรีตกบั เหล็ก • วสั ดบุ างชนิดสลายตวั ยาก เชน่ พลาสตกิ การใช้วัสดุอย่างฟุ่มเฟือย และไมร่ ะมัดระวงั อาจก่อปัญหาตอ่ สงิ่ แวดล้อม 20 ว 2.1 ม.3/3 อธบิ ายการเกดิ ปฏกิ ิริยาเคมี • การเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมีหรือการเปล่ยี นแปลง ✓ รวมถึงการจดั เรียงตัวใหมข่ อง ทางเคมีของสาร เปน็ การเปลี่ยนแปลงที่ อะตอมเม่อื เกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี ทำให้เกิดสารใหม่ โดยสารที่เข้าทำ โดยใช้แบบจำลองและสมการ ปฏิกิริยา เรียกว่า สารตัง้ ต้น สารใหมท่ ่ี ข้อความ เกดิ ข้ึนจากปฏิกิรยิ า เรยี กว่า ผลติ ภณั ฑ์ การเกิดปฏิกิรยิ าเคมีสามารถเขียนแทนได้ ดว้ ยสมการข้อความ • การเกิดปฏิกิริยาเคมี อะตอมของสารต้ังต้น จะมกี ารจดั เรยี งตวั ใหม่ ไดเ้ ป็นผลิตภณั ฑ์ ซึ่งมสี มบัติแตกตา่ งจากสารต้ังต้น โดย อะตอมแตล่ ะชนิดก่อนและหลัง เกิดปฏกิ ริ ิยาเคมมี จี ำนวนเท่ากนั สำหรบั การจัดการเรียนรู้ ปีการศึกษา 2564 ภายใตส้ ถานการณแ์ พรร่ ะบาดของโรคติดเชอื้ ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน ร่วมกบั สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
๑๓๒ ชั้น ที่ รหัสตัวช้ีวดั ตัวชี้วัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ✓ ม.3 21 ว 2.1 ม.3/4 อธบิ ายกฎทรงมวล โดยใช้ • เมือ่ เกดิ ปฏิกิรยิ าเคมี มวลรวมของสารตง้ั ตน้ เทา่ กับมวลรวมของผลติ ภัณฑ์ ซ่ึงเปน็ ไป หลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ ตามกฎทรงมวล 22 ว 2.1 ม.3/5 วเิ คราะห์ปฏกิ ริ ิยาดูดความรอ้ น • เม่ือเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี มีการถ่ายโอนความร้อน ✓ และปฏิกิริยาคายความร้อน ควบคไู่ ปกับการจัดเรียงตวั ใหม่ของอะตอม จากการเปล่ียนแปลงพลังงาน ของสาร ปฏกิ ิริยาทีม่ ีการถ่ายโอนความร้อน ความร้อนของปฏิกิริยา จากส่งิ แวดลอ้ มเขา้ ส่รู ะบบเป็นปฏกิ ิรยิ า ดดู ความรอ้ น ปฏกิ ิริยาที่มีการถา่ ยโอน ความรอ้ นจากระบบออกสูส่ ่งิ แวดลอ้ ม เปน็ ปฏิกิรยิ าคายความรอ้ น โดยใช้ เครอ่ื งมอื ที่เหมาะสมในการวดั อุณหภูมิ เช่น เทอร์มอมิเตอร์ หวั วดั ทส่ี ามารถ ตรวจสอบการเปลีย่ นแปลงของอณุ หภมู ิ ได้อย่างตอ่ เน่ือง 23 ว 2.1 ม.3/6 อธบิ ายปฏิกิริยาการเกิดสนมิ ของ • ปฏิกิริยาเคมีที่พบในชีวิตประจำวัน ✓ เหลก็ ปฏกิ ิรยิ าของกรดกับโลหะ มหี ลายชนิด เชน่ ปฏกิ ิริยาการเผาไหม้ ปฏกิ ริ ิยาของกรดกบั เบส และ การเกดิ สนิมของเหล็ก ปฏิกิริยาของกรด ปฏกิ ริ ิยาของเบสกับโลหะ กับโลหะ ปฏิกริ ิยาของกรดกบั เบส โดยใช้หลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ ปฏิกิรยิ าของเบสกบั โลหะ การเกิดฝนกรด และอธบิ ายปฏิกิริยาการเผาไหม้ การสงั เคราะหด์ ้วยแสง ปฏกิ ริ ิยาเคมี การเกดิ ฝนกรด การสังเคราะห์ สามารถเขียนแทนได้ดว้ ยสมการข้อความ ด้วยแสง โดยใชส้ ารสนเทศ ซงึ่ แสดงช่อื ของสารต้ังต้นและผลติ ภัณฑ์ รวมทงั้ เขยี นสมการข้อความ เช่น เช้อื เพลงิ + ออกซเิ จน → แสดงปฏกิ ิริยาดังกล่าว คารบ์ อนไดออกไซด์ + น้ำ ปฏกิ ิริยาการเผาไหมเ้ ป็นปฏิกิริยาระหวา่ ง สารกับออกซิเจน สารท่ีเกดิ ปฏกิ ริ ยิ า การเผาไหมส้ ว่ นใหญเ่ ปน็ สารประกอบ ท่มี ีคารบ์ อนและไฮโดรเจนเปน็ องคป์ ระกอบ ซง่ึ ถ้าเกิดการเผาไหม้อย่างสมบูรณ์ จะได้ ผลิตภณั ฑ์เปน็ คาร์บอนไดออกไซด์และนำ้ • การเกิดสนิมของเหล็ก เกิดจากปฏิกริ ิยาเคมี ระหวา่ งเหลก็ น้ำ และออกซิเจน ไดผ้ ลิตภณั ฑเ์ ป็นสนิมของเหล็ก • ปฏกิ ิรยิ าการเผาไหม้และการเกดิ สนิม ของเหล็กเปน็ ปฏิกริ ยิ าระหวา่ งสารต่าง ๆ กับออกซิเจน สำหรบั การจดั การเรยี นรู้ ปีการศกึ ษา 2564 ภายใตส้ ถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน ร่วมกับ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
๑๓๓ ชัน้ ที่ รหัสตัวช้ีวดั ตัวช้ีวดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ม.3 • ปฏิกิริยาของกรดกับโลหะ กรดทำปฏกิ ิรยิ ากับโลหะไดห้ ลายชนดิ ไดผ้ ลิตภัณฑ์เป็นเกลือของโลหะและ แก๊สไฮโดรเจน • ปฏกิ ริ ิยาของกรดกับสารประกอบ คาร์บอเนตไดผ้ ลติ ภัณฑเ์ ป็นแกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์เกลือของโลหะ และน้ำ • ปฏิกริ ิยาของกรดกับเบส ได้ผลิตภณั ฑ์ เป็นเกลือของโลหะและนำ้ หรืออาจได้เพยี งเกลือของโลหะ • ปฏิกริ ยิ าของเบสกบั โลหะบางชนิด ได้ผลติ ภณั ฑ์เปน็ เกลือของเบสและ แก๊สไฮโดรเจน • การเกิดฝนกรด เปน็ ผลจากปฏกิ ริ ิยา ระหว่างนำ้ ฝนกบั ออกไซด์ของไนโตรเจน หรอื ออกไซด์ของซลั เฟอร์ ทำให้น้ำฝน มีสมบตั ิเป็นกรด • การสงั เคราะห์ด้วยแสงของพืช เปน็ ปฏิกิริยาระหวา่ งแกส๊ คารบ์ อนไดออกไซด์ กบั น้ำ โดยมีแสงช่วยในการเกิดปฏกิ ิรยิ า ได้ผลติ ภณั ฑ์เปน็ นำ้ ตาลกลโู คสและ ออกซเิ จน 24 ว 2.1 ม.3/7 ระบปุ ระโยชนแ์ ละโทษของ • ปฏิกริ ิยาเคมีที่พบในชีวติ ประจำวัน ✓ ปฏิกิรยิ าเคมีที่มีต่อส่ิงมีชวี ติ และ มีทัง้ ประโยชนแ์ ละโทษต่อสิ่งมชี วี ิตและ ส่งิ แวดล้อม และยกตัวอย่าง สิ่งแวดลอ้ ม จึงต้องระมดั ระวงั ผลจาก วิธกี ารป้องกันและแกป้ ัญหา ปฏิกิรยิ าเคมี ตลอดจนรู้จักวิธปี ้องกัน ท่ีเกิดจากปฏกิ ิริยาเคมีที่พบ และแกป้ ัญหาทเี่ กิดจากปฏิกิริยาเคมที ่ีพบ ในชวี ติ ประจำวัน จากการสบื คน้ ในชีวติ ประจำวัน ข้อมูล • ความรู้เกีย่ วกับปฏกิ ริ ยิ าเคมี สามารถ 25 ว 2.1 ม.3/8 ออกแบบวิธแี ก้ปญั หา นำไปใช้ประโยชนใ์ นชวี ิตประจำวัน ✓ ในชีวิตประจำวัน โดยใช้ความรู้ และสามารถบูรณาการกบั คณิตศาสตร์ เก่ียวกับปฏิกิรยิ าเคมี โดยบรู ณาการ เทคโนโลยี และวศิ วกรรมศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เพอื่ ใชป้ รับปรงุ ผลิตภัณฑ์ให้มีคณุ ภาพ เทคโนโลยี และวิศวกรรมศาสตร์ ตามตอ้ งการหรืออาจสรา้ งนวัตกรรม เพื่อป้องกนั และแก้ปัญหาท่ีเกิดขึน้ จากปฏิกริ ยิ าเคมี โดยใชค้ วามรเู้ กย่ี วกับ ปฏกิ ริ ิยาเคมี เชน่ การเปล่ยี นแปลง พลังงานความร้อนอนั เนือ่ งมาจากปฏกิ ิริยา เคมี การเพ่ิมปรมิ าณผลผลิต สำหรบั การจัดการเรียนรู้ ปีการศึกษา 2564 ภายใตส้ ถานการณแ์ พร่ระบาดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน ร่วมกบั สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
๑๓๔ ชั้น ที่ รหสั ตัวชี้วดั ตัวชวี้ ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ✓ ม.3 26 ว 2.3 ม.3/1 วเิ คราะหค์ วามสัมพนั ธ์ระหว่าง • เม่อื ต่อวงจรไฟฟา้ ครบวงจรจะมี ความต่างศักยก์ ระแสไฟฟ้า กระแสไฟฟา้ ออกจากขัว้ บวกผา่ น และความตา้ นทาน และคำนวณ วงจรไฟฟ้าไปยงั ขว้ั ลบของแหล่งกำเนดิ ปริมาณทเ่ี กีย่ วข้อง โดยใชส้ มการ ไฟฟา้ ซงึ่ วดั คา่ ไดจ้ ากแอมมเิ ตอร์ V = IR จากหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์ • ค่าทีบ่ อกความแตกตา่ งของพลังงานไฟฟา้ 27 ว 2.3 ม.3/2 เขียนกราฟความสัมพันธร์ ะหวา่ ง ตอ่ หนว่ ยประจุระหว่างจุด 2 จุด เรยี กว่า ✓ กระแสไฟฟ้าและความต่างศักย์ไฟฟ้า ความตา่ งศักย์ ซึ่งวัดได้จากโวลตม์ เิ ตอร์ 28 ว 2.3 ม.3/3 ใช้โวลต์มเิ ตอร์ แอมมิเตอร์ • ขนาดของกระแสไฟฟา้ มีค่าแปรผันตรง ✓ ในการวดั ปริมาณทางไฟฟา้ กับความตา่ งศกั ยร์ ะหว่างปลายทัง้ สอง ของตัวนำ โดยอัตราสว่ นระหว่าง ความต่างศักย์และกระแสไฟฟ้ามคี ่าคงท่ี เรยี กค่าคงทน่ี ้ีว่า ความตา้ นทาน 29 ว 2.3 ม.3/4 วิเคราะหค์ วามต่างศักย์ไฟฟ้า • ในวงจรไฟฟา้ ประกอบดว้ ยแหล่งกำเนิด ✓ และกระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้า ไฟฟา้ สายไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้า เมื่อต่อตวั ตา้ นทานหลายตัว โดยอุปกรณ์ไฟฟา้ แต่ละชิน้ มี แบบอนกุ รมและแบบขนาน ความตา้ นทาน ในการต่อตัวต้านทาน จากหลักฐานเชิงประจักษ์ หลายตวั มีทง้ั ตอ่ แบบอนกุ รมและแบบขนาน 30 ว 2.3 ม.3/5 เขยี นแผนภาพวงจรไฟฟ้า • การตอ่ ตวั ต้านทานหลายตัวแบบอนกุ รม ✓ แสดงการต่อตัวตา้ นทาน ในวงจรไฟฟา้ ความต่างศักย์ท่ีคร่อม แบบอนกุ รมและขนาน ตวั ต้านทานแตล่ ะตัวมีค่าเท่ากับผลรวม ของความตา่ งศักย์ท่ีครอ่ มตัวต้านทาน แต่ละตัว โดยกระแสไฟฟ้าท่ีผ่านตวั ต้านทาน แต่ละตวั มีคา่ เทา่ กัน 31 ว 2.3 ม.3/6 บรรยายการทำงานของช้ินส่วน • การตอ่ ตัวต้านทานหลายตวั แบบขนาน ✓ อเิ ล็กทรอนิกส์อยา่ งง่ายในวงจร ในวงจรไฟฟา้ กระแสไฟฟา้ ท่ีผ่านวงจร จากข้อมลู ท่ีรวบรวมได้ มีค่าเทา่ กบั ผลรวมของกระแสไฟฟา้ ท่ีผ่าน 32 ว 2.3 ม.3/7 เขยี นแผนภาพและตอ่ ช้นิ ส่วน ตัวต้านทานแต่ละตัวโดยความตา่ งศักย์ ✓ ท่คี ร่อมตัวตา้ นทานแต่ละตวั มีค่าเท่ากนั อเิ ล็กทรอนกิ ส์อยา่ งง่าย • ชน้ิ ส่วนอิเล็กทรอนกิ ส์มหี ลายชนดิ ในวงจรไฟฟ้า เชน่ ตวั ต้านทาน ไดโอด ทรานซิสเตอร์ ตัวเกบ็ ประจุ โดยช้ินสว่ นแตล่ ะชนิดทำ หน้าทแี่ ตกต่างกันเพื่อให้วงจรทำงานได้ ตามตอ้ งการ ตัวตา้ นทานทำหน้าท่ีควบคุมปรมิ าณ กระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้า ไดโอด ทำหน้าทใ่ี ห้กระแสไฟฟา้ ผา่ นทางเดยี ว ทรานซิสเตอรท์ ำหนา้ ทเี่ ปน็ สวิตช์ปดิ หรือ เปิดวงจรไฟฟ้าและควบคมุ ปรมิ าณ กระแสไฟฟ้า ตัวเกบ็ ประจทุ ำหนา้ ทีเ่ ก็บ และคายประจไุ ฟฟา้ สำหรับการจัดการเรยี นรู้ ปกี ารศึกษา 2564 ภายใต้สถานการณ์แพรร่ ะบาดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน ร่วมกับ สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
๑๓๕ ชน้ั ที่ รหสั ตัวช้ีวัด ตัวชวี้ ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ม.3 • เครือ่ งใช้ไฟฟา้ อย่างงา่ ยประกอบด้วย ช้นิ ส่วนอเิ ลก็ ทรอนกิ สห์ ลายชนิดทที่ ำงาน ร่วมกนั การต่อวงจรอิเลก็ ทรอนิกส์ โดยเลือกใชช้ ิ้นสว่ นอเิ ล็กทรอนิกส์ ทเ่ี หมาะสมตามหนา้ ท่ีของชนิ้ สว่ นน้ัน ๆ จะสามารถทำให้วงจรไฟฟ้าทำงานได้ ตามตอ้ งการ 33 ว 2.3 ม.3/8 อธบิ ายและคำนวณพลังงานไฟฟ้า • เครอ่ื งใช้ไฟฟา้ จะมีคา่ กำลงั ไฟฟ้า ✓ โดยใช้สมการ W = Pt และความตา่ งศักยก์ ำกบั ไว้ ✓ รวมทั้งคำนวณค่าไฟฟ้าของ กำลงั ไฟฟา้ มหี น่วยเปน็ วัตต์ เครือ่ งใช้ไฟฟา้ ในบ้าน ความต่างศักย์มหี น่วยเป็นโวลต์ ค่าไฟฟ้าส่วนใหญ่คิดจากพลังงานไฟฟ้า 34 ว 2.3 ม.3/9 ตระหนักในคณุ ค่าของ ท่ีใช้ทัง้ หมด ซ่ึงหาได้จากผลคูณของ การเลือกใชเ้ ครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ กำลงั ไฟฟา้ ในหนว่ ยกิโลวตั ต์กบั เวลา โดยนำเสนอวธิ ีการใช้ ในหนว่ ยชวั่ โมง พลงั งานไฟฟ้ามหี นว่ ยเป็น เครื่องใช้ไฟฟา้ อย่างประหยัด กโิ ลวตั ต์ ชว่ั โมง หรือหน่วย และปลอดภัย • วงจรไฟฟ้าในบ้านมีการต่อเคร่อื งใชไ้ ฟฟ้า แบบขนานเพื่อให้ความตา่ งศักย์เทา่ กัน การใช้เคร่อื งใชไ้ ฟฟ้าในชวี ติ ประจำวนั ต้องเลือกใช้เครือ่ งใช้ไฟฟา้ ทีม่ ีความต่างศักย์ และกำลงั ไฟฟา้ ใหเ้ หมาะกับการใชง้ าน และการใชเ้ ครื่องใช้ไฟฟา้ และอุปกรณ์ ไฟฟา้ ต้องใช้อย่างถูกตอ้ ง ปลอดภยั และ ประหยัด 35 ว 2.3 ม.3/10 สร้างแบบจำลองท่ีอธบิ าย • คล่ืนเกดิ จากการสง่ ผา่ นพลงั งาน ✓ การเกดิ คลื่นและบรรยาย โดยอาศัยตัวกลางและไม่อาศัยตัวกลาง ส่วนประกอบของคลืน่ ในคล่ืนกล พลงั งานจะถูกถ่ายโอน ผา่ นตัวกลางโดยอนุภาคของตัวกลาง ไม่เคลื่อนท่ีไปกับคลนื่ คล่ืนที่แผ่ออกมา จากแหล่งกำเนิดคลนื่ อย่างตอ่ เนือ่ ง และมรี ปู แบบท่ีซำ้ กนั บรรยายได้ด้วย ความยาวคล่ืน ความถ่ี แอมพลจิ ูด สำหรบั การจดั การเรยี นรู้ ปกี ารศึกษา 2564 ภายใต้สถานการณแ์ พร่ระบาดของโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน ร่วมกับ สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
๑๓๖ ช้นั ท่ี รหสั ตัวช้ีวัด ตวั ชวี้ ดั สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ม.3 36 ว 2.3 ม.3/11 อธิบายคลื่นแมเ่ หล็กไฟฟา้ และ • คลนื่ แมเ่ หล็กไฟฟ้าเปน็ คลื่นท่ีไม่อาศัย ✓ สเปกตรัมคลืน่ แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ ตวั กลางในการเคลอ่ื นที่ มีความถ่ตี ่อเนอื่ ง จากข้อมูลที่รวบรวมได้ เปน็ ช่วงกวา้ งมาก เคล่ือนที่ในสุญญากาศ 37 ว 2.3 ม.3/12 ตระหนักถึงประโยชน์และ ด้วยอัตราเร็วเท่ากัน แตจ่ ะเคลื่อนทดี่ ว้ ย ✓ อนั ตรายจากคลื่นแมเ่ หล็กไฟฟ้า อตั ราเร็วต่างกนั ในตัวกลางอืน่ โดยนำเสนอการใชป้ ระโยชน์ คลนื่ แม่เหล็กไฟฟา้ แบ่งออกเปน็ ชว่ ง ความถ่ตี า่ ง ๆ เรียกว่า สเปกตรมั ของคลื่น ในดา้ นต่าง ๆ และอนั ตราย จากคล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟ้า แม่เหล็กไฟฟา้ แตล่ ะช่วงความถม่ี ีชอื่ เรยี ก ในชวี ิตประจำวนั ตา่ งกัน ได้แก่ คลืน่ วิทยุ ไมโครเวฟ อนิ ฟราเรด แสงทีม่ องเห็น อลั ตราไวโอเลต รังสีเอกซ์และรังสีแกมมา ซ่ึงสามารถ นำไปใชป้ ระโยชน์ได้ • เลเซอร์เปน็ คลน่ื แม่เหล็กไฟฟ้าทีม่ ี ความยาวคลืน่ เดียว เป็นลำแสงขนาน และมคี วามเขม้ สูง นำไปใช้ในด้านต่าง ๆ เชน่ ดา้ นการสอ่ื สาร มกี ารใช้เลเซอร์ สำหรบั ส่งสารสนเทศผ่านเส้นใยนำแสง โดยอาศัยหลกั การการสะท้อนกลบั หมด ของแสง ด้านการแพทย์ใชใ้ นการผ่าตัด • คล่นื แมเ่ หล็กไฟฟ้านอกจากจะสามารถ นำไปใช้ประโยชน์แลว้ ยังมโี ทษต่อมนุษย์ ดว้ ย เช่น ถา้ มนษุ ย์ไดร้ ับรังสีอลั ตราไวโอเลต มากเกนิ ไป อาจจะทำใหเ้ กดิ มะเร็งผิวหนัง หรอื ถ้าได้รังสีแกมมา ซงึ่ เปน็ คล่ืน แมเ่ หล็กไฟฟ้าทีม่ ีพลงั งานสูง อาจทำลาย เนอื้ เย่ือหรืออาจทำใหเ้ สยี ชีวติ ได้เมื่อได้รับ รงั สีแกมมาในปริมาณสูง 38 ว 2.3 ม.3/13 ออกแบบการทดลอง • เม่อื แสงตกกระทบวตั ถจุ ะเกิดการสะท้อน ✓ ✓ และดำเนินการทดลอง ซง่ึ เปน็ ไปตามกฎการสะท้อนของแสง ดว้ ยวิธที ่ีเหมาะสมในการอธิบาย โดยรงั สตี กกระทบ เสน้ แนวฉาก กฎการสะท้อนของแสง รงั สีสะท้อนอยใู่ นระนาบเดยี วกันและ 39 ว 2.3 ม.3/14 เขยี นแผนภาพการเคลื่อนทขี่ องแสง มมุ ตกกระทบเทา่ กับมมุ สะท้อน ภาพจาก แสดงการเกิดภาพจากกระจกเงา กระจกเงาเกิดจากรังสีสะท้อนตดั กันหรอื ต่อแนวรังสีสะท้อนใหต้ ัดกัน โดยถา้ รงั สี สะทอ้ นตัดกนั จริงจะเกิดภาพจริง แต่ถ้าต่อแนวรังสสี ะท้อนให้ตัดกนั จะเกดิ ภาพเสมือน สำหรับการจัดการเรยี นรู้ ปกี ารศึกษา 2564 ภายใตส้ ถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน ร่วมกับ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
๑๓๗ ชั้น ที่ รหสั ตวั ชี้วัด ตัวช้ีวัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ม.3 40 ว 2.3 ม.3/15 อธิบายการหักเหของแสง • เมือ่ แสงเดนิ ทางผ่านตวั กลางโปร่งใส ✓ เมอื่ ผา่ นตัวกลางโปร่งใสท่ีแตกต่าง ท่แี ตกต่างกนั เชน่ อากาศและน้ำ อากาศ กนั และอธบิ ายการกระจายแสง และแก้ว จะเกดิ การหักเห หรืออาจเกิด ของแสงขาวเมื่อผา่ นปรซิ ึม การสะท้อนกลบั หมดในตวั กลางทแ่ี สง จากหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ ตกกระทบ การหักเหของแสงผ่านตวั เลนส์ 41 ว 2.3 ม.3/16 เขียนแผนภาพการเคลือ่ นท่ี ทำใหเ้ กดิ ภาพท่ีมชี นดิ และขนาดตา่ ง ๆ ✓ ของแสง แสดงการเกิดภาพ • แสงขาวประกอบดว้ ยแสงสีต่าง ๆ จากเลนส์บาง เมือ่ แสงขาวผ่านปรซิ ึมจะเกดิ การกระจาย แสงเปน็ แสงสีต่าง ๆ เรียกวา่ สเปกตรัม ของแสงขาว เม่อื เคล่ือนท่ใี นตวั กลางใด ๆ ทีไ่ ม่ใชอ่ ากาศ จะมีอตั ราเร็วตา่ งกัน จงึ มีการหกั เหตา่ งกนั 42 ว 2.3 ม.3/17 อธิบายปรากฏการณท์ เี่ กย่ี วกับ • การสะท้อนและการหักเหของแสงนำไปใช้ ✓ แสง และการทำงานของทศั น อธบิ ายปรากฏการณ์ทีเ่ ก่ยี วกับแสง เช่น ✓ อุปกรณ์จากข้อมูลทร่ี วบรวมได้ รุง้ มิราจ และอธบิ ายการทำงานของ ทศั นอุปกรณ์ เช่น แวน่ ขยาย กระจกโค้ง 43 ว 2.3 ม.3/18 เขยี นแผนภาพการเคลื่อนที่ จราจร กลอ้ งโทรทรรศน์ กล้องจลุ ทรรศน์ ของแสง แสดงการเกดิ ภาพ และแวน่ ขยาย ของทศั นอุปกรณ์และเลนส์ตา • ในการมองวัตถุ เลนสต์ าจะถูกปรบั โฟกัส เพอ่ื ใหเ้ กิดภาพชดั ทีจ่ อตา ความบกพรอ่ ง ทางสายตา เช่น สายตาสัน้ และสายตายาว เปน็ เพราะตำแหนง่ ทเี่ กิดภาพไมไ่ ดอ้ ยทู่ ่ี จอตาพอดี จงึ ต้องใชเ้ ลนสใ์ นการแก้ไข เพอื่ ชว่ ยให้มองเหน็ เหมือนคนสายตาปกติ โดยคนสายตาสน้ั ใชเ้ ลนสเ์ ว้า สว่ นคน สายตายาวใหเ้ ลนส์นนู 44 ว 2.3 ม.3/19 อธบิ ายผลของความสว่าง • ความสว่างของแสงท่ีมผี ลต่อดวงตามนุษย์ ✓ ที่มตี อ่ ดวงตาจากข้อมูลทไี่ ด้ จากการสบื ค้น การใชส้ ายตาในสภาพแวดล้อมท่ีมี ✓ ✓ 45 ว 2.3 ม.3/20 วัดความสว่างของแสงโดยใช้ ความสว่างไม่เหมาะสมจะเป็นอันตรายต่อ อปุ กรณว์ ดั ความสวา่ งของแสง ดวงตา เช่น การดูวัตถุในทม่ี ีความสวา่ ง 46 ว 2.3 ม.3/21 ตระหนกั ในคุณค่าของความรูเ้ รื่อง มากหรอื น้อยเกินไป การจ้องดนู า้ จอภาพ ความสว่างของแสงที่มตี อ่ ดวงตา เป็นเวลานาน ความสวา่ งบนพนื้ ทรี่ บั แสง โดยวิเคราะหส์ ถานการณ์ปัญหา มหี น่วยเปน็ ลกั ซ์ ความรเู้ กยี่ วกับความสว่าง และเสนอแนะการจัดความสว่าง สามารถนำมาใช้จดั ความสว่างให้เหมาะสม ใหเ้ หมาะสมในการทำกจิ กรรม กับการทำกจิ กรรมตา่ ง ๆ เช่น การจัด ตา่ ง ๆ ความสว่างทีเ่ หมาะสมสำหรับการอ่านหนังสือ สำหรบั การจัดการเรยี นรู้ ปกี ารศกึ ษา 2564 ภายใตส้ ถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชือ้ ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน ร่วมกับ สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
๑๓๘ ช้นั ที่ รหสั ตัวชี้วดั ตัวชวี้ ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ม.3 47 ว 3.1 ม.3/1 อธิบายการโคจรของดาวเคราะห์ • ในระบบสรุ ิยะมดี วงอาทติ ยเ์ ป็นศนู ย์กลาง ✓ รอบดวงอาทติ ย์ด้วยแรงโน้มถ่วง โดยมดี าวเคราะห์และบรวิ าร จากสมการ F = (Gm1m2)/r2 ดาวเคราะหแ์ คระ ดาวเคราะห์นอ้ ย ดาวหาง และอน่ื ๆ เชน่ วัตถุคอยเปอร์ โคจรอยู่โดยรอบ ซง่ึ ดาวเคราะห์ และวตั ถุ เหล่านโ้ี คจรรอบดวงอาทิตย์ด้วย แรงโน้มถ่วง แรงโน้มถว่ งเป็นแรงดึงดดู ระหวา่ งวัตถสุ องวัตถุ โดยเปน็ สดั ส่วนกับ ผลคูณของมวลทง้ั สอง และเป็นสัดส่วน ผกผันกบั กำลังสองของระยะทางระหวา่ ง วัตถุท้ังสอง แสดงได้โดยสมการ F = (Gm1m2)/r2 เมื่อ F แทน ความโน้มถ่วงระหว่างมวลท้ังสอง G แทนค่านจิ โน้มถ่วงสากล m1 แทนมวลของวตั ถุแรก m2 แทนมวลของวตั ถุทสี่ อง และ r แทนระยะหา่ งระหว่างวัตถุท้ังสอง 48 ว 3.1 ม.3/2 สรา้ งแบบจำลองทีอ่ ธิบาย • การที่โลกโคจรรอบดวงอาทติ ยใ์ นลักษณะ ✓ การเกิดฤดู และการเคล่ือนที่ ทแ่ี กนโลกเอียงกับแนวตัง้ ฉากของระนาบ ปรากฏของดวงอาทติ ย์ ทางโคจร ทำใหส้ ่วนตา่ ง ๆ บนโลกไดร้ บั ปรมิ าณแสงจากดวงอาทติ ย์แตกตา่ งกนั ในรอบปี เกดิ เป็นฤดู กลางวันกลางคนื ยาว ไมเ่ ทา่ กนั และตำแหน่งการขึ้นและตกของ ดวงอาทิตย์ที่ขอบฟา้ และเส้นทางการข้ึน และตกของดวงอาทิตย์เปลี่ยนไปในรอบปี ซ่ึงสง่ ผลตอ่ การดำรงชวี ติ 49 ว 3.1 ม.3/3 สร้างแบบจำลองท่อี ธบิ าย • ดวงจันทร์โคจรรอบโลก โลกและดวงจนั ทร์ ✓ การเกิดข้างขนึ้ ข้างแรม โคจรรอบดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์รบั แสง การเปลีย่ นแปลงเวลาการขน้ึ จากดวงอาทิตยค์ ร่ึงดวงตลอดเวลา และตกของดวงจนั ทร์ และ เม่อื ดวงจนั ทรโ์ คจรรอบโลกได้หนั สว่ นสว่าง การเกดิ นำ้ ขึ้นนำ้ ลง มายงั โลกแตกต่างกนั จึงทำให้คนบนโลก สงั เกตสว่ นสว่างของดวงจันทรแ์ ตกตา่ งไป ในแตล่ ะวันเกิดเป็นข้างขึน้ ขา้ งแรม • ดวงจนั ทรโ์ คจรรอบโลกในทิศทางเดียวกัน กับท่ีโลกหมนุ รอบตัวเอง จงึ ทำให้เหน็ ดวงจนั ทร์ข้ึนช้าไปประมาณวนั ละ 50 นาที • แรงโน้มถว่ งท่ีดวงจนั ทร์ ดวงอาทิตย์ กระทำตอ่ โลกทำให้เกดิ ปรากฏการณ์ น้ำขึ้นน้ำลง ซง่ึ ส่งผลต่อส่งิ แวดลอ้ มและ สง่ิ มชี ีวติ บนโลก วนั ทนี่ ำ้ มีระดับการข้นึ สูงสดุ และลงต่ำสดุ เรียก วนั น้ำเกดิ สว่ นวนั ท่รี ะดบั น้ำมกี ารข้ึนและลงน้อย เรียกวนั นำ้ ตาย โดยวนั นำ้ เกิด น้ำตาย มีความสมั พันธก์ ับขา้ งข้ึนข้างแรม สำหรับการจัดการเรียนรู้ ปีการศกึ ษา 2564 ภายใตส้ ถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน ร่วมกับ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
๑๓๙ ชนั้ ท่ี รหัสตัวช้ีวดั ตวั ชีว้ ดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ✓ ม.3 50 ว 3.1 ม.3/4 อธิบายการใชป้ ระโยชนข์ อง • เทคโนโลยีอวกาศได้มบี ทบาทต่อ เทคโนโลยอี วกาศและยกตัวอยา่ ง การดำรงชวี ิตของมนษุ ย์ในปัจจุบัน ความก้าวหน้าของโครงการ มากมาย มนษุ ย์ได้ใช้ประโยชนจ์ าก สำรวจอวกาศ จากขอ้ มลู ท่ี เทคโนโลยอี วกาศ เชน่ ระบบนำทาง รวบรวมได้ ดว้ ยดาวเทียม (GNSS) การติดตามพายุ สถานการณ์ไฟปา่ ดาวเทยี มช่วยภยั แลง้ การตรวจคราบน้ำมันในทะเล • โครงการสำรวจอวกาศตา่ ง ๆ ไดพ้ ัฒนา เพ่ิมพนู ความร้คู วามเข้าใจต่อโลก ระบบสุริยะและเอกภพมากข้ึนเป็นลำดับ ตัวอยา่ งโครงการสำรวจอวกาศ เชน่ การสำรวจสง่ิ มีชีวิตนอกโลก การสำรวจ ดาวเคราะหน์ อกระบบสุริยะ การสำรวจ ดาวอังคารและบรวิ ารอื่นของดวงอาทิตย์ 51 ว 4.1 ม.3/1 วเิ คราะห์สาเหตุ หรือปัจจัย • เทคโนโลยมี ีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ✓ ทสี่ ง่ ผลต่อการเปลย่ี นแปลง ของเทคโนโลยี และความสมั พนั ธ์ ตัง้ แต่อดีตจนถงึ ปจั จุบัน ซึง่ มีสาเหตุหรือ ของเทคโนโลยกี บั ศาสตร์อ่นื ปัจจยั มาจากหลายดา้ น เช่น ปญั หาหรอื โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์ หรอื ความตอ้ งการของมนุษย์ ความก้าวหน้า คณติ ศาสตร์ เพอื่ เปน็ แนวทาง ของศาสตร์ตา่ ง ๆ การเปล่ยี นแปลง การแก้ปัญหาหรอื พัฒนางาน ทางด้านเศรษฐกจิ สงั คม วัฒนธรรม ส่งิ แวดลอ้ ม • เทคโนโลยีมคี วามสมั พนั ธ์กบั ศาสตร์อ่ืน โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์ โดยวทิ ยาศาสตร์ เป็นพน้ื ฐานความรทู้ น่ี ำไปสกู่ ารพัฒนา เทคโนโลยี และเทคโนโลยที ีไ่ ดส้ ามารถ เปน็ เคร่อื งมือท่ใี ชใ้ นการศึกษา คน้ ควา้ เพื่อให้ไดม้ าซ่งึ องค์ความรใู้ หม่ 52 ว 4.1 ม.3/2 ระบปุ ญั หาหรือความต้องการ • ปัญหาหรอื ความตอ้ งการอาจพบได้ ✓ ของชมุ ชนหรอื ท้องถิ่น ในงานอาชีพของชมุ ชนหรือท้องถน่ิ เพ่อื พัฒนางานอาชีพ สรุปกรอบ ซงึ่ อาจมีหลายด้าน เช่น ด้านการเกษตร ของปญั หา รวบรวม วิเคราะห์ อาหาร พลังงาน การขนส่ง ข้อมูลและแนวคิดทเี่ กย่ี วข้องกับ • การวิเคราะหส์ ถานการณ์ปัญหาช่วยให้ ปญั หา โดยคำนึงถึงความถูกต้อง เข้าใจเงื่อนไขและกรอบของปัญหาได้ ด้านทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญา ชดั เจน จากนน้ั ดำเนินการสืบค้น รวบรวมขอ้ มลู ความรูจ้ ากศาสตรต์ ่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพ่ือนำไปสกู่ ารออกแบบ แนวทางการแก้ปญั หา สำหรับการจัดการเรียนรู้ ปีการศึกษา 2564 ภายใต้สถานการณ์แพรร่ ะบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน ร่วมกบั สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
๑๔๐ ชน้ั ท่ี รหสั ตวั ชี้วดั ตัวช้ีวดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ม.3 53 ว 4.1 ม.3/3 ออกแบบวิธกี ารแก้ปญั หา • การวิเคราะห์ เปรียบเทยี บ และตัดสนิ ใจ ✓ โดยวเิ คราะห์ เปรียบเทียบ และ เลอื กข้อมลู ทีจ่ ำเป็น โดยคำนึงถึงทรัพยส์ ิน ทางปัญญา เง่ือนไขและทรัพยากร เชน่ ตัดสนิ ใจเลือกขอ้ มลู ท่จี ำเปน็ งบประมาณ เวลา ขอ้ มลู และสารสนเทศ ภายใต้เง่ือนไขและทรัพยากร วสั ดุ เครอ่ื งมือและอุปกรณช์ ่วยใหไ้ ด้ ที่มีอยู่ นำเสนอแนวทาง แนวทางการแกป้ ัญหาท่เี หมาะสม การแกป้ ัญหาให้ผู้อน่ื เข้าใจด้วย • การออกแบบแนวทางการแก้ปัญหาทำได้ เทคนคิ หรือวิธกี ารท่หี ลากหลาย หลากหลายวิธี เช่น การรา่ งภาพ การเขยี น วางแผนขั้นตอนการทำงานและ แผนภาพ การเขยี นผงั งาน ดำเนนิ การแก้ปญั หาอยา่ งเป็น • เทคนคิ หรือวธิ กี ารในการนำเสนอ ขน้ั ตอน แนวทางการแกป้ ัญหามหี ลากหลาย เช่น การใช้แผนภูมิ ตาราง ภาพเคลอื่ นไหว • การกำหนดข้นั ตอนและระยะเวลา ในการทำงานก่อนดำเนนิ การแก้ปญั หาจะ ช่วยใหก้ ารทำงานสำเรจ็ ได้ตามเป้าหมาย และลดข้อผิดพลาดของการทำงานท่อี าจ เกดิ ข้ึน 54 ว 4.1 ม.3/4 ทดสอบ ประเมนิ ผล วิเคราะห์ • การทดสอบและประเมนิ ผล ✓ และใหเ้ หตผุ ลของปัญหาหรือ เป็นการตรวจสอบช้ินงานหรอื วธิ กี าร วา่ สามารถแก้ปัญหาไดต้ ามวัตถปุ ระสงค์ ขอ้ บกพร่องที่เกดิ ขึ้นภายใต้ ภายใต้กรอบของปญั หา เพ่อื หาข้อบกพร่อง กรอบเงื่อนไข พร้อมท้งั และดำเนนิ การปรบั ปรุง โดยอาจทดสอบซ้ำ หาแนวทางการปรับปรุงแก้ไข เพอ่ื ใหส้ ามารถแก้ไขปัญหาได้ และนำเสนอผลการแกป้ ญั หา • การนำเสนอผลงานเป็นการถา่ ยทอดแนวคิด เพื่อให้ผอู้ ืน่ เขา้ ใจเก่ียวกบั กระบวนการ ทำงานและชน้ิ งานหรอื วิธกี ารทไ่ี ด้ ซ่งึ สามารถทำไดห้ ลายวิธี เช่น การเขียนรายงาน การทำแผ่นนำเสนอ ผลงาน การจดั นิทรรศการ การนำเสนอ ผา่ นส่ือออนไลน์ 55 ว 4.1 ม.3/5 ใชค้ วามรู้ และทักษะเก่ียวกับ • วสั ดแุ ต่ละประเภทมีสมบัตแิ ตกต่างกนั ✓ วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ กลไก เชน่ ไม้ โลหะ พลาสติก เซรามิก จงึ ตอ้ งมี การวิเคราะหส์ มบัติเพ่ือเลือกใช้ให้ ไฟฟา้ และอิเล็กทรอนิกส์ เหมาะสมกบั ลกั ษณะของงาน ให้ถกู ต้องกับลกั ษณะของงาน • การสรา้ งช้นิ งานอาจใชค้ วามรู้ เรือ่ งกลไก และปลอดภยั เพื่อแกป้ ญั หาหรอื ไฟฟ้า อเิ ล็กทรอนิกส์ เชน่ LED LDR พัฒนางาน มอเตอร์ เฟือง คาน รอก ล้อ เพลา • อปุ กรณ์และเคร่ืองมือในการสร้างชนิ้ งาน หรอื พัฒนาวธิ กี ารมหี ลายประเภท ต้องเลือกใช้ให้ถูกต้อง เหมาะสม และ ปลอดภยั รวมทั้งรจู้ ักเก็บรักษา สำหรบั การจดั การเรยี นรู้ ปีการศึกษา 2564 ภายใตส้ ถานการณแ์ พร่ระบาดของโรคติดเชือ้ ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน ร่วมกบั สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
๑๔๑ ชน้ั ที่ รหัสตวั ชี้วัด ตวั ชีว้ ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ม.3 56 ว 4.2 ม.3/1 พฒั นาแอปพลเิ คชัน • ขั้นตอนการพัฒนาแอปพลเิ คชนั ✓ ทีม่ กี ารบูรณาการกับวชิ าอ่ืน • Internet of Things (IoT) อยา่ งสร้างสรรค์ • ซอฟต์แวร์ทใี่ ช้ในการพฒั นาแอปพลเิ คชัน เชน่ Scratch, Python, Java, C, AppInventor • ตวั อย่างแอปพลิเคชัน เช่น โปรแกรม แปลงสกุลเงนิ โปรแกรมผนั เสียง วรรณยกุ ต์ โปรแกรมผันเสียงวรรณยุกต์ โปรแกรมจำลองการแบ่งเซลล์ ระบบรดน้ำอัตโนมตั ิ 57 ว 4.2 ม.3/2 รวบรวมข้อมูล ประมวลผล • การรวบรวมขอ้ มูลจากแหลง่ ข้อมูลปฐมภมู ิ ✓ และทุติยภมู ิ ประมวลผล สรา้ งทางเลอื ก ประเมนิ ผล นำเสนอข้อมลู และ ประเมินผล จะทำให้ได้สารสนเทศ สารสนเทศตามวัตถปุ ระสงค์ เพื่อใช้ในการแกป้ ญั หาหรือการตัดสนิ ใจได้ โดยใชซ้ อฟต์แวร์หรือบริการบน อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ อนิ เทอรเ์ นต็ ที่หลากหลาย • การประมวลผลเปน็ การกระทำกบั ข้อมูล เพอ่ื ใหไ้ ดผ้ ลลพั ธ์ท่ีมคี วามหมายและ มีประโยชน์ตอ่ การนำไปใชง้ าน • การใช้ซอฟต์แวรห์ รือบริการบน อินเทอรเ์ นต็ ที่หลากหลายในการรวบรวม ประมวลผล สรา้ งทางเลือก ประเมินผล นำเสนอ จะช่วยใหแ้ กป้ ัญหาได้ อยา่ งรวดเร็ว ถกู ต้อง และแม่นยำ • ตวั อย่างปญั หา เชน่ การเลือกโปรโมชนั โทรศัพท์ให้เหมาะกับพฤติกรรมการใช้งาน สินค้าเกษตรท่ีต้องการและสามารถปลกู ได้ ในสภาพดนิ ของท้องถน่ิ 58 ว 4.2 ม.3/3 ประเมนิ ความนา่ เชือ่ ถอื ของขอ้ มูล • การประเมนิ ความนา่ เชื่อถือของข้อมูล ✓ เชน่ ตรวจสอบและยนื ยันขอ้ มูล วิเคราะห์สอื่ และผลกระทบ โดยเทียบเคยี งจากข้อมลู หลายแหลง่ จากการให้ขา่ วสารทผี่ ดิ แยกแยะข้อมลู ทเ่ี ปน็ ขอ้ เท็จจรงิ และ เพ่ือการใช้งานอย่างรู้เท่าทัน ขอ้ คิดเหน็ หรอื ใช้ PROMPT • การสืบคน้ หาแหล่งต้นตอของข้อมูล • เหตุผลวบิ ัติ (logical fallacy) • ผลกระทบจากขา่ วสารทีผ่ ิดพลาด • การรู้เทา่ ทนั ส่ือ เช่น การวิเคราะห์ถึง จุดประสงค์ของข้อมลู และผใู้ หข้ อ้ มลู ตคี วาม แยกแยะเนื้อหาสาระของส่ือ เลอื กแนวปฏิบัติได้อย่างเหมาะสม เมอื่ พบข้อมูลต่าง ๆ สำหรับการจดั การเรยี นรู้ ปีการศึกษา 2564 ภายใต้สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน ร่วมกับ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
๑๔๒ ชน้ั ที่ รหสั ตวั ช้ีวัด ตัวชี้วดั สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ • การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ ม.3 59 ว 4.2 ม.3/4 ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ อย่างปลอดภยั เชน่ การทำธุรกรรมออนไลน์ ✓ การซอื้ สนิ ค้า ซอ้ื ซอฟตแ์ วร์ คา่ บริการสมาชิก อยา่ งปลอดภัย และ ซอื้ ไอเท็ม มีความรบั ผิดชอบต่อสังคม • การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ปฏบิ ตั ติ ามกฎหมายเกีย่ วกบั อย่างมีความรับผิดชอบ เช่น คอมพิวเตอร์ ใชล้ ิขสิทธิ์ของผู้อนื่ ไมส่ รา้ งขา่ วลวง ไม่แชรข์ ้อมูลโดยไม่ตรวจสอบ โดยชอบธรรม ขอ้ เทจ็ จรงิ • กฎหมายเก่ยี วกบั คอมพิวเตอร์ • การใชล้ ิขสิทธ์ิของผู้อนื่ โดยชอบธรรม (fair use) รวม 59 ตวั ชวี้ ัด 41 18 สำหรับการจดั การเรยี นรู้ ปีการศกึ ษา 2564 ภายใตส้ ถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน ร่วมกับ สถาบันสง่ เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
๑๔๓ ตัวชวี้ ัดและสาระการเรียนรู้แกนกลางตอ้ งรู้และควรรู้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ชน้ั ที่ รหัสตวั ชี้วัด ตวั ชีว้ ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ม.4 1 ว 1.1 ม.4/1 สบื คน้ ข้อมูลและอธบิ ำย • บรเิ วณของโลกแต่ละบริเวณมีสภำพ ควำมสมั พันธข์ องสภำพ ทำงภมู ิศำสตร์ที่แตกต่ำงกัน แบ่งออก ทำงภูมิศำสตร์บนโลกกบั ไดเ้ ปน็ หลำยเขตตำมสภำพภมู ิอำกำศ ควำมหลำกหลำยของไบโอม และปรมิ ำณนำ้ ฝน ทำใหม้ ีระบบนเิ วศ และยกตวั อย่ำงไบโอมชนิดต่ำง ๆ ทหี่ ลำกหลำย ซง่ึ ส่งผลใหเ้ กิด ควำมหลำกหลำยของไบโอม 2 ว 1.1 ม.4/2 สบื ค้นขอ้ มูล อภปิ รำยสำเหตุ • กำรเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศเกดิ ขึน้ ได้ และยกตวั อย่ำงกำรเปลี่ยนแปลง ตลอดเวลำทั้งกำรเปลยี่ นแปลงทีเ่ กิดขน้ึ แทนทขี่ องระบบนเิ วศ เองตำมธรรมชำติและเกดิ จำกกำรกระทำ ของมนุษย์ • กำรเปลยี่ นแปลงแทนท่เี ป็นกำรเปล่ียนแปลง ของกลุ่มส่ิงมชี ีวติ ที่เกดิ ข้ึนชำ้ ๆ เป็นเวลำนำน ซง่ึ เป็นผลจำกปฏสิ มั พันธ์ ระหวำ่ งองค์ประกอบทำงกำยภำพและ ทำงชีวภำพ ส่งผลให้ระบบนิเวศ เปลย่ี นแปลงไปสูส่ มดลุ จนเกิดสงั คม สมบรู ณ์ได้ 3 ว 1.1 ม.4/3 สืบคน้ ขอ้ มลู อธิบำยและ • กำรเปลีย่ นแปลงขององค์ประกอบในระบบ ยกตวั อยำ่ งเกยี่ วกับกำรเปลี่ยนแปลง นิเวศทั้งทำงกำยภำพและทำงชีวภำพ ขององค์ประกอบทำงกำยภำพ มผี ลต่อกำรเปล่ยี นแปลงขนำดของ และทำงชวี ภำพท่ีมผี ลต่อ ประชำกร กำรเปล่ียนแปลงขนำดของ ประชำกรส่งิ มีชีวิตในระบบนิเวศ 4 ว 1.1 ม.4/4 สืบค้นข้อมลู และอภิปรำยเกยี่ วกับ • มนุษย์ใช้ทรัพยำกรธรรมชำติโดยปรำศจำก ปัญหำและผลกระทบท่ีมตี ่อ ควำมระมัดระวัง และมีกำรพัฒนำ ทรพั ยำกรธรรมชำติและ เทคโนโลยีใหม่ ๆ เพ่ือช่วยอำนวย ส่งิ แวดล้อม พร้อมทั้งนำเสนอ ควำมสะดวกต่ำง ๆ แก่มนษุ ย์ ส่งผลต่อ แนวทำงในกำรอนรุ ักษ์ กำรเปลี่ยนแปลงทรัพยำกรธรรมชำติและ ทรัพยำกรธรรมชำติและกำรแก้ไข สง่ิ แวดล้อม ปญั หำสิง่ แวดล้อม • ปัญหำท่ีเกิดกับทรัพยำกรธรรมชำติและ สิ่งแวดล้อมบำงปัญหำส่งผลกระทบ ในระดับท้องถ่ิน บำงปัญหำก็ส่งผลกระทบ ในระดับประเทศ และบำงปัญหำ ส่งผลกระทบในระดับโลก สำหรบั กำรจัดกำรเรยี นรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พร่ระบำดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพ้ืนฐำน ร่วมกบั สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี
๑๔๔ ชน้ั ท่ี รหสั ตัวช้ีวดั ตวั ช้ีวัด สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง ตอ้ งรู้ ควรรู้ ม.4 • กำรลดปรมิ ำณกำรใชท้ รพั ยำกรธรรมชำติ กำรกำจดั ของเสียท่เี ป็นสำเหตขุ องปัญหำ ส่งิ แวดลอ้ ม และกำรวำงแผนจดั กำร ทรพั ยำกรธรรมชำติทดี่ ี เปน็ ตัวอยำ่ งของ แนวทำงในกำรอนรุ ักษ์ทรัพยำกรธรรมชำติ และกำรลดปญั หำส่ิงแวดล้อมทีเ่ กิดข้ึน เพือ่ ใหเ้ กิดกำรใช้ประโยชนท์ ย่ี ั่งยนื 5 ว 1.2 ม.4/1 อธบิ ำยโครงสร้ำงและสมบัติของ • เย่ือห้มุ เซลล์มโี ครงสร้ำงเปน็ เย่ือหุม้ สองชัน้ เย่อื หุ้มเซลล์ทส่ี ัมพันธก์ ับ ทีม่ ีลพิ ิดเป็นองคป์ ระกอบ และมโี ปรตีน กำรลำเลียงสำร และเปรียบเทยี บ แทรกอยู่ กำรลำเลียงสำรผำ่ นเยอื่ หุ้มเซลล์ • สำรท่ีละลำยได้ในลิพิดและสำรท่มี ขี นำด แบบตำ่ ง ๆ เล็กสำมำรถแพรผ่ ่ำนเยื่อหุ้มเซลล์ได้ โดยตรง สว่ นสำรขนำดเลก็ ที่มีประจุ ตอ้ งลำเลยี งผำ่ นโปรตนี ท่แี ทรกอยู่ที่ เยื่อห้มุ เซลล์ ซึง่ มี 2 แบบ คือ กำรแพร่ แบบฟำซลิ ิเทต และแอกทีฟทรำนสปอร์ต ในกรณสี ำรขนำดใหญ่ เชน่ โปรตีน จะลำเลยี งเขำ้ โดยกระบวนกำรเอนโดไซโทซสิ หรือลำเลียงออกโดยกระบวนกำร เอกโซไซโทซิส 6 ว 1.2 ม.4/2 อธิบำยกำรควบคุมดุลยภำพ • กำรรักษำดลุ ยภำพของนำ้ และสำรในเลอื ด ของนำ้ และสำรในเลือด เกดิ จำกกำรทำงำนของไต ซึ่งเป็นอวัยวะ โดยกำรทำงำนของไต ในระบบขบั ถ่ำยท่ีมคี วำมสำคัญ ในกำรกำจดั ของเสียทีม่ ีไนโตรเจนเป็น องค์ประกอบ รวมทัง้ นำ้ และสำรทีม่ ี ปรมิ ำณเกนิ ควำมต้องกำรของรำ่ งกำย 7 ว 1.2 ม.4/3 อธิบำยกำรควบคุมดลุ ยภำพ • กำรรกั ษำดุลยภำพของกรด-เบสในเลือด ของกรด-เบสของเลือด เกิดจำกกำรทำงำนของไตทท่ี ำหน้ำที่ขบั โดยกำรทำงำนของไตและปอด หรอื ดูดกลบั ไฮโดรเจนไอออน ไฮโดรเจน คำรบ์ อเนตไอออน และแอมโมเนียม 8 ว 1.2 ม.4/4 อธิบำยกำรควบคมุ ดุลยภำพ ไอออน และกำรทำงำนของปอดท่ที ำ ของอณุ หภูมิภำยในร่ำงกำย หนำ้ ท่ีกำจัดคำร์บอนไดออกไซด์ โดยระบบหมุนเวยี นเลอื ด ผิวหนงั และกลำ้ มเนอื้ โครงรำ่ ง • กำรรกั ษำดลุ ยภำพของอณุ หภูมิภำยใน ร่ำงกำยเกิดจำกกำรทำงำนของระบบ หมนุ เวียนเลือดทีค่ วบคุมปรมิ ำณเลือดไปท่ี ผวิ หนงั กำรทำงำนของต่อมเหงือ่ และ กล้ำมเน้ือโครงร่ำง ซงึ่ สง่ ผลถงึ ปริมำณ ควำมร้อนที่ถกู เก็บหรอื ระบำยออกจำก ร่ำงกำย สำหรบั กำรจดั กำรเรียนรู้ ปีกำรศึกษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณ์แพรร่ ะบำดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขนั้ พื้นฐำน ร่วมกับ สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี
๑๔๕ ชน้ั ท่ี รหสั ตวั ช้ีวดั ตวั ชวี้ ัด สาระการเรยี นร้แู กนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ม.4 9 ว 1.2 ม.4/5 อธบิ ำย และเขียนแผนผังเกี่ยวกบั • เมือ่ เชือ้ โรคหรือสงิ่ แปลกปลอมอน่ื เข้ำสู่ กำรตอบสนองของรำ่ งกำยแบบ เนอื้ เยือ่ ในร่ำงกำย ร่ำงกำยจะมกี ลไก ไม่จำเพำะและแบบจำเพำะต่อ ในกำรต่อตำ้ นหรือทำลำยสง่ิ แปลกปลอม สง่ิ แปลกปลอมของร่ำงกำย ทง้ั แบบไม่จำเพำะและแบบจำเพำะ • เซลลเ์ ม็ดเลือดขำวกลุ่มฟำโกไซตจ์ ะมีกลไก ในกำรต่อต้ำนหรือทำลำยสง่ิ แปลกปลอม แบบไมจ่ ำเพำะ • กลไกในกำรต่อตำ้ นหรือทำลำย สง่ิ แปลกปลอมแบบจำเพำะเปน็ กำรทำงำน ของเซลลเ์ ม็ดเลือดขำวลิมโฟไซตช์ นดิ บี และชนดิ ที ซึ่งเซลลเ์ มด็ เลอื ดขำวทง้ั สอง ชนิดจะมีตวั รบั แอนตเิ จน ทำให้เซลล์ ทง้ั สองสำมำรถตอบสนองแบบจำเพำะ ต่อแอนติเจนน้ัน ๆ ได้ • เซลล์บที ำหนำ้ ท่ีสร้ำงแอนตบิ อดี ซ่งึ ช่วย ในกำรจบั สิง่ แปลกปลอมต่ำง ๆ เพอ่ื ทำลำยต่อไปโดยระบบภมู ิค้มุ กัน เซลล์ทีทำหนำ้ ท่หี ลำกหลำย เชน่ กระต้นุ กำรทำงำนของเซลลบ์ แี ละเซลลท์ ีชนดิ อน่ื ทำลำยเซลล์ที่ติดไวรัสและเซลล์ทผี่ ิดปกติ อ่นื ๆ 10 ว 1.2 ม.4/6 สืบค้นข้อมูล อธิบำย และ • บำงกรณีร่ำงกำยอำจเกดิ ควำมผิดปกตขิ อง ยกตวั อยำ่ งโรคหรืออำกำรทเี่ กิด ระบบภมู ิคมุ้ กนั เชน่ ภมู คิ ุ้มกันตอบสนอง จำกควำมผิดปกติของระบบ ต่อแอนตเิ จนบำงชนดิ อย่ำงรุนแรงมำก ภมู คิ ุม้ กัน เกนิ ไป หรือรำ่ งกำยมีปฏิกริ ิยำตอบสนอง ตอ่ แอนตเิ จนของตนเอง อำจทำให้ร่ำงกำย เกดิ อำกำรผดิ ปกตไิ ด้ 11 ว 1.2 ม.4/7 อธบิ ำยภำวะภมู ิคมุ้ กนั บกพร่อง • บคุ คลท่ีไดร้ ับเลือดหรือสำรคัดหล่ังทม่ี ีเชอ้ื ทม่ี สี ำเหตมุ ำจำกกำรติดเช้ือ HIV HIV ซ่ึงสำมำรถทำลำยเซลล์ที ทำให้ ภมู คิ ุ้มกันบกพร่องและติดเชอ้ื ต่ำง ๆ ได้ ง่ำยขน้ึ 12 ว 1.2 ม.4/8 ทดสอบ และบอกชนิดของ • กระบวนกำรสังเครำะห์ด้วยแสง สำรอำหำรที่พืชสังเครำะห์ได้ เปน็ จดุ เร่มิ ต้นของกำรสรำ้ งน้ำตำลในพืช 13 ว 1.2 ม.4/9 สืบค้นข้อมลู อภปิ รำย และ พืชเปล่ยี นน้ำตำลไปเปน็ สำรอำหำรและ ยกตวั อยำ่ งเกยี่ วกบั กำรใช้ สำรอืน่ ๆ เช่น คำรโ์ บไฮเดรต โปรตนี ประโยชน์จำกสำรตำ่ ง ๆ ท่ีพืช ไขมัน ทีจ่ ำเป็นต่อกำรดำรงชวี ิตของพชื บำงชนิดสรำ้ งข้ึน และสตั ว์ สำหรับกำรจัดกำรเรยี นรู้ ปีกำรศกึ ษำ 2564 ภำยใต้สถำนกำรณแ์ พร่ระบำดของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้ันพ้นื ฐำน ร่วมกบั สถำบันส่งเสริมกำรสอนวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี
๑๔๖ ชนั้ ท่ี รหสั ตวั ชี้วัด ตวั ชว้ี ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ต้องรู้ ควรรู้ ม.4 • มนษุ ย์สำมำรถนำสำรตำ่ ง ๆ ทีพ่ ืชบำงชนิด สร้ำงขนึ้ ไปใชป้ ระโยชน์ เชน่ ใช้เป็นยำหรอื สมนุ ไพรในกำรรักษำโรคบำงชนดิ ใช้ใน กำรไลแ่ มลง กำจัดศัตรูพชื และสตั ว์ ใชใ้ น กำรยบั ยั้งกำรเจริญเติบโตของแบคทเี รยี และใช้เปน็ วัตถุดิบในอุตสำหกรรม 14 ว 1.2 ม.4/10 ออกแบบกำรทดลอง ทดลอง • ปัจจยั ภำยนอกท่ีมีผลต่อกำรเจรญิ เตบิ โต และอธบิ ำยเกยี่ วกับปจั จยั เชน่ แสง น้ำ ธำตุอำหำรคำร์บอนไดออกไซด์ ภำยนอกทมี่ ีผลต่อกำรเจริญเตบิ โต และออกซิเจน ปัจจัยภำยใน เช่น ฮอร์โมน ของพชื พชื ซ่ึงพืชมีกำรสงั เครำะหข์ น้ึ เพ่ือควบคุม 15 ว 1.2 ม.4/11 สบื ค้นขอ้ มลู เก่ยี วกับสำรควบคมุ กำรเจริญเติบโตในช่วงชวี ติ ตำ่ ง ๆ กำรเจรญิ เตบิ โตของพชื ท่มี นษุ ย์ • มนษุ ย์มีกำรสังเครำะห์สำรควบคุม สังเครำะห์ข้นึ และยกตัวอยำ่ ง กำรเจริญเติบโตของพืชโดยเลยี นแบบ กำรนำมำประยกุ ต์ใชท้ ำงด้ำน ฮอร์โมนพชื เพอื่ นำมำใชค้ วบคมุ กำรเกษตรของพืช กำรเจริญเติบโตและเพิม่ ผลผลติ ของพืช 16 ว 1.2 ม.4/12 สงั เกต และอธบิ ำยกำรตอบสนอง • กำรตอบสนองต่อสง่ิ เร้ำของพืชแบง่ ตำม ของพืชต่อส่ิงเรำ้ ในรปู แบบต่ำง ๆ ควำมสมั พันธ์กับทิศทำงของส่ิงเร้ำ ไดแ้ ก่ ท่มี ผี ลต่อกำรดำรงชวี ติ แบบที่มที ิศทำงสัมพนั ธก์ ับทศิ ทำงของ ส่ิงเร้ำ เช่น ดอกทำนตะวนั หันเขำ้ หำแสง ปลำยรำกเจรญิ เข้ำหำแรงโนม้ ถ่วงของโลก และแบบท่ีไม่มที ศิ ทำงสัมพันธ์กบั ทิศทำง ของส่งิ เรำ้ เชน่ กำรหบุ และบำนของดอก หรอื กำรหบุ และกำงของใบพืชบำงชนิด • กำรตอบสนองต่อสิ่งเร้ำของพืชบำงอย่ำง สง่ ผลตอ่ กำรเจรญิ เติบโต เชน่ กำรเจริญ ในทศิ ทำงเขำ้ หำหรือตรงข้ำมกบั แรง โนม้ ถ่วงของโลก กำรเจรญิ ในทิศทำงเขำ้ หำ หรอื ตรงขำ้ มกับแสง และกำรตอบสนองต่อ กำรสัมผสั สง่ิ เร้ำ 17 ว 1.3 ม.4/1 อธบิ ำยควำมสัมพันธ์ระหว่ำงยนี • ดเี อ็นเอ มโี ครงสร้ำงประกอบด้วย กำรสังเครำะหโ์ ปรตนี และ นวิ คลีโอไทด์มำเรยี งต่อกัน โดยยีนเป็นชว่ ง ลกั ษณะทำงพนั ธุกรรม ของสำยดเี อ็นเอที่มลี ำดบั นวิ คลโี อไทด์ ท่ีกำหนดลักษณะของโปรตีนท่สี งั เครำะห์ขนึ้ ซง่ึ ส่งผลใหเ้ กดิ ลกั ษณะทำงพันธกุ รรมต่ำง ๆ สำหรบั กำรจัดกำรเรยี นรู้ ปกี ำรศึกษำ 2564 ภำยใตส้ ถำนกำรณแ์ พร่ระบำดของโรคติดเช้อื ไวรัสโคโรนำ ๒๐๑๙ (Covid-19) โดย สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขัน้ พ้ืนฐำน ร่วมกับ สถำบันสง่ เสริมกำรสอนวิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376