หนังสือเรียนสาระการประกอบอาชีพ รายวชิ าช่องทางการเข้าสู่อาชีพ (อช11001) ระดบั ประถมศึกษา (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ) หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขนั พนื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 หา้ มจาํ หน่าย หนงั สือเรียนเล่มนีจดั พมิ พด์ ว้ ยเงินงบประมาณแผ่นดินเพือการศึกษาตลอดชีวติ สาํ หรับประชาชน ลิขสิทธิเป็ นของ สาํ นกั งาน กศน. สาํ นกั งานปลดั กระทรวงศึกษาธิการ สํ านักงานส่ งเสริ มการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย สํานกั งานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงศึกษาธิการ
หนังสือเรียนสาระการประกอบอาชีพ รายวชิ าช่องทางการเข้าสู่อาชีพ (อช11001) ระดับประถมศึกษา ฉบับปรับปรุง พ.ศ. เอกสารทางวชิ าการหมายเลข 24/2555
คาํ นาํ กระทรวงศึกษาธิการไดป้ ระกาศใชห้ ลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขนั พืนฐาน พทุ ธศกั ราช เมือวนั ที กนั ยายน พ.ศ. แทนหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการจดั การศกึ ษานอกโรงเรียน ตามหลกั สูตรการศกึ ษาขนั พนื ฐาน พุทธศกั ราช ซึงเป็นหลกั สูตรทีพฒั นาขึนตามหลกั ปรัชญา และ ความเชือพนื ฐานในการจดั การศึกษานอกโรงเรียนทีมีกลุ่มเป้ าหมายเป็ นผูใ้ หญ่มีการเรียนรู้และสังสม ความรู้ และประสบการณ์อย่างต่อเนือง ในปี งบประมาณ กระทรวงศึกษาธิการไดก้ าํ หนดแผนยุทธศาสตร์ในการขบั เคลือน นโยบายทางการศึกษาเพือเพิมศกั ยภาพและขดี ความสามารถในการแข่งขนั ใหป้ ระชาชนไดม้ ีอาชีพที สามารถสร้างรายไดท้ ีมงั คงั และมนั คง เป็นบุคลากรทีมีวินยั เปี ยมไปดว้ ยคุณธรรมและจริยธรรม และมี จิตสํานึกรับผิดชอบต่อตนเองและผอู้ ืน สํานกั งาน กศน. จึงได้พิจารณาทบทวนหลักการ จุดหมาย มาตรฐาน ผลการเรียนรู้ทีคาดหวงั และเนือหาสาระ ทงั กลุ่มสาระการเรียนรู้ ของหลกั สูตรการศึกษา นอกระบบระดบั การศึกษาขนั พืนฐาน พุทธศกั ราช ใหม้ ีความสอดคลอ้ งตอบสนองนโยบาย กระทรวงศึกษาธิการ ซึงส่งผลใหต้ อ้ งปรับปรุงหนังสือเรียน โดยการเพิมและสอดแทรกเนือหาสาระ เกียวกบั อาชีพ คุณธรรม จริยธรรม และการเตรียมพร้อมเพือเขา้ สู่ประชาคมอาเซียน ในรายวิชาทีมี ความเกียวขอ้ งสัมพนั ธ์กนั แต่ยงั คงหลกั การและวิธีการเดิมในการพฒั นาหนังสือทีให้ผูเ้ รียนศึกษา คน้ ควา้ ความรู้ดว้ ยตนเอง ปฏิบตั ิกิจกรรม ทาํ แบบฝึกหัดเพอื ทดสอบความรู้ความเขา้ ใจ มีการอภิปราย แลกเปลียนเรียนรู้กบั กลุ่ม หรือศึกษาเพิมเติมจากภูมิปัญญาทอ้ งถิน แหล่งการเรียนรูแ้ ละสืออืน การปรับปรุงหนังสือเรียนในครังนี ไดร้ ับความร่วมมืออย่างดียิงจากผูท้ รงคุณวุฒิในแต่ละ สาขาวิชา และผเู้ กียวขอ้ งในการจดั การเรียนการสอนทีศึกษาคน้ ควา้ รวบรวมขอ้ มูลองคค์ วามรู้จากสือ ต่าง ๆ มาเรียบเรียงเนือหาให้ครบถว้ นสอดคล้องกบั มาตรฐาน ผลการเรียนรู้ทีคาดหวงั ตวั ชีวดั และ กรอบเนือหาสาระของรายวิชา สํานกั งาน กศน.ขอขอบคุณผมู้ ีส่วนเกียวขอ้ งทุกท่านไว้ณ โอกาสนี และ หวงั ว่าหนังสือเรียนชุดนีจะเป็ นประโยชน์แก่ผูเ้ รียน ครู ผูส้ อน และผูเ้ กียวขอ้ งในทุกระดบั หากมี ขอ้ เสนอแนะประการใด สาํ นกั งาน กศน. ขอนอ้ มรับดว้ ยความขอบคุณยงิ
สารบัญ หน้า คาํ นํา 1 คาํ แนะนําการใช้หนงั สือเรียน 2 โครงสร้างรายวชิ าช่องทางการเข้าสู่อาชีพระดบั ประถมศึกษา 5 บทที 1 การงานอาชีพ 39 50 เรืองที 1 ความสําคญั และความจาํ เป็นในการประกอบอาชีพ 52 เรืองที 2 อาชพี ในชุมชน 53 เรืองที การประกอบอาชีพในภูมภิ าค ทวีป 60 บทที 2 ช่องทางการเข้าสู่อาชีพ 69 เรืองที 1 ความจาํ เป็นในการมองเห็นช่องทางการประกอบอาชีพ 72 เรืองที 2 ความเป็นไปไดใ้ นการเขา้ สู่อาชีพ เรืองที 3 การลาํ ดบั อาชีพและเหตุผล 92 บทที 3 การตดั สินใจเข้าสู่อาชีพ 93 เรืองที ตดั สินใจเขา้ สู่อาชีพดว้ ยปรชั ญาคิดเป็น 95 เรืองที การตดั สินใจเขา้ สู่อาชีพดว้ ยการวเิ คราะห์ศกั ยภาพ 96 บทที 4 ความพร้อมในการเข้าสู่อาชีพ เรืองที ตรวจสอบความเป็นไปไดใ้ นการประกอบอาชีพ ภาคผนวก บรรณานุกรม
คาํ แนะนําการใช้หนังสือเรียน หนงั สือเรียนสาระการประกอบอาชีพ รายวิชาช่องทางการเขา้ สู่อาชีพ ระดบั ประถมศึกษา เป็นหนงั สือเรียนทจี ดั ทาํ ขนึ สาํ หรับผูเ้ รียนทีเป็นนกั ศกึ ษานอกระบบ ในการศึกษาหนงั สือเรียนสาระการประกอบอาชีพ รายวิชาช่องทางการเขา้ สู่อาชีพ ผเู้ รียนควร ปฏิบตั ดิ งั นี 1. ศกึ ษาโครงสร้างรายวชิ าใหเ้ ขา้ ใจในหวั ขอ้ สาระสาํ คญั ผลการเรียนรู้ทคี าดหวงั และขอบข่าย เนือหา 2. ศึกษารายละเอียดเนือหาของแตล่ ะบทอย่างละเอียดและทาํ กิจกรรมตามที กาํ หนด แลว้ ตรวจสอบ กบั ผูร้ ู้ ครู 3. หนงั สือเรียนเลม่ นีมี 4 บท คอื บทที 1 การงานอาชีพ บทที 2 ช่องทางการเขา้ สู่อาชีพ บทที 3 การตดั สินใจเขา้ สู่อาชีพ บทที 4 ความพร้อมในการเขา้ สู่อาชีพ
โครงสร้างรายวชิ าช่องทางการเข้าสู่อาชีพ ระดบั ประถมศึกษา สาระสําคัญ การมอี าชีพเป็นความภูมิใจของคนทุกคน ซึงเราสามารถเลือกประกอบอาชีพใหเ้ หมาะสมกบั ความถนดั ความชอบของตน และตรงกบั ความตอ้ งการของตลาด นอกจากนีควรเป็ นอาชีพทีตอ้ งไม่มี ผลกระทบใด ๆ ตอ่ สิงแวดลอ้ ม ดงั นนั การจะตดั สินใจเลือกอาชีพใดอาชีพหนึงจะตอ้ งศึกษา วิเคราะห์ ขอ้ มลู อาชีพอยา่ งถ่องแท้ เพอื ทจี ะตดั สินใจเลือกอาชพี ใหม้ คี วามเสียงนอ้ ยทีสุด ผลการเรียนทีคาดหวงั 1. อธิบายความหมาย ความสําคญั วเิ คราะห์ลกั ษณะงาน ขอบข่ายการงานอาชีพใน ชุมชน สงั คม ประเทศ และภูมภิ าค ทวีป ไดแ้ ก่ ทวปี เอเชีย ทวีปออสเตรเลีย ทวีปอเมริกา ทวีป ยโุ รป และทวีปแอฟริกา เพือการเขา้ สู่อาชีพได้ 2. อธิบายเหตุปัจจยั ความจาํ เป็นในการตดั สินใจเลือกอาชีพทเี หมาะสมกบั ศกั ยภาพ ของตนได้ 3. ยอมรบั และเห็นคุณคา่ ในอาชีพทีตดั สินใจเลือก 4. ปฏิบตั กิ ารวิเคราะหต์ ดั สินใจเลือกอาชีพได้ ขอบข่ายเนือหา บทที 1 การงานอาชีพ บทที 2 ช่องทางการเขา้ สู่อาชีพ บทที 3 การตดั สินใจเขา้ สู่อาชีพ บทที 4 ความพรอ้ มในการเขา้ สู่อาชีพ สือการเรียนรู้ 1. ใบงาน 2. หนงั สือเรียน
1 บทที 1 การงานอาชีพ สาระสําคัญ อาชีพต่าง ๆ ใน ภูมิภาคหลกั ของโลกนีมีมากมาย แต่อาจจะแบ่งกลุ่มได้ ดงั นี งานอาชีพ ดา้ นเกษตรกรรม งานอาชีพดา้ นอุตสาหกรรม งานอาชีพดา้ นพาณิชยกรรม งานอาชีพด้านความคิด สร้างสรรค์ งานอาชีพดา้ นอาํ นวยการและอาชีพเฉพาะทาง ซึงแต่ละอาชีพสามารถแบง่ เป็นอาชีพยอ่ ย ๆ ไดอ้ ีกมาก ดงั นนั ควรศึกษาวิเคราะห์ขอบขา่ ยอาชีพ กระบวนการทาํ งาน การบริหารจดั การอาชีพใหเ้ ขา้ ใจ เพอื การมองเห็นช่องทางในการเลือกอาชีพไดอ้ ยา่ งเหมาะสมกบั ตนเอง ชุมชน สงั คม ตวั ชีวัด 1. อธิบายความสําคญั และความจาํ เป็นในการประกอบอาชีพ 2. อธิบาย วเิ คราะห์ ลกั ษณะขอบขา่ ยกระบวนการผลิตงานอาชีพในชุมชน สังคม ประเทศ และภูมิภาค ทวีป ไดแ้ ก่ ทวปี เอเชีย ทวีปออสเตรเลีย ทวีปอเมริกา ทวีปยโุ รป และทวีป แอฟริกา 3. อธิบายการจดั การอาชีพในชุมชน สังคม ประเทศ และภูมิภาค ทวีป ไดแ้ ก่ ทวีปเอเชีย ทวีปออสเตรเลีย ทวีปอเมริกา ทวปี ยโุ รป และทวีปแอฟริกา 4. อธิบายคุณธรรม จริยธรรม ในการทาํ งานอาชีพ 5. อธิบายการอนุรักษพ์ ลงั งานและสิงแวดลอ้ มในการทาํ งานอาชีพในชุมชน สังคม ประเทศ และภูมภิ าค ทวีป ไดแ้ ก่ ทวีปเอเชีย ทวีปออสเตรเลีย ทวีปอเมริกา ทวีปยโุ รป และทวีป แอฟริกา ขอบข่ายเนือหา เรืองที 1 ความสําคญั และความจาํ เป็นในการประกอบอาชพี เรืองที 2 อาชีพในชุมชน เรืองที การประกอบอาชีพในภูมภิ าค ทวปี สือการเรียนรู้ 1. ใบงาน 2. หนงั สือเรียน
2 ขันตอนการเรียนรู้ กจิ กรรม การวัด สือการเรียนรู้ และประเมนิ ผล ใบงานที ลกั ษณะบ่งชี ความสําเร็จของผ้เู รียน . ผเู้ รียนและครูร่วมกนั . สงั เกตความสนใจ ใบงานที อธิบายงานอาชีพ ในชุมชน อภิปรายความสาํ คญั และ ความเขา้ ใจจากการทาํ ระบุอาชีพทที าํ ไดใ้ น ความจาํ เป็นของการมี ใบงานที ชุมชนอยา่ งนอ้ ย อาชีพ อาชีพ . ครูอบรมใหผ้ เู้ รียนศึกษา เรืองงานอาชีพในชุมชนใน หนงั สือเรียนเพอื เตรียม เรียนรู้ตอ่ ไป . สาํ รวจอาชพี ในชุมชน . พิจารณาจากผล ประเทศ และภูมภิ าค การสาํ รวจจาก ทวีป ไดแ้ ก่ทวปี เอเชีย ใบงานที ทวีปออสเตรเลีย ทวีป อเมริกา ทวีปยโุ รป และ ทวีปแอฟริกา เรืองที 1 ความสําคัญและความจําเป็ นในการประกอบอาชีพ อาชีพ หมายถึง การประกอบการทมี รี ายไดต้ อบแทนโดยใช้แรงงาน ความรู้ ทกั ษะ อุปกรณ์ เครืองมอื สถานที วธิ ีการ ตอ้ งเป็นอาชีพสุจริต และไม่มผี ลเสียต่อชุมชน สงั คม และประเทศชาติ มนุษยเ์ ราจาํ เป็นตอ้ งมีปัจจยั ตา่ ง ๆ เพอื ตอ้ งการดาํ รงชีวิต เชน่ มที ีอยอู่ าศยั มีอาหารรับประทาน มเี ครืองนุ่งห่ม มียารักษาโรคต่าง ๆ ซึงทงั 4 อย่างนีจะเป็นพนื ฐานของการดาํ รงชีวติ ทวั ไป แต่บางคนก็ อาจมคี วามจาํ เป็นอืน ๆ อีก เช่น รถยนต์ โทรศพั ท์มือถือ ขึนอยู่กบั ความจาํ เป็ นในการประกอบอาชีพ หรือความจาํ เป็นตอ่ การดาํ รงชีวติ ประจาํ วนั การจะมีปัจจยั ต่าง ๆ เหล่านีขึนอยกู่ บั ฐานะทางการเงนิ ซึงก็ คือความสามารถในการหารายไดข้ องแตล่ ะบุคคล
3 ใบงานที 1 อภปิ รายความสําคญั และความจําเป็ นของการมอี าชีพ ให้ผ้เู รียนและครูร่วมกนั พดู คยุ ตามประเด็นทกี าํ หนดให้บนฐานความรู้และประสบการณ์ของผู้เรยี น และช่วยกนั สรุปโดยผู้เรียนแต่ละคนบันทกึ ลงในแบบบนั ทกึ ตามความเข้าใจของตนเอง แบบบันทึก ประเดน็ อภปิ ราย คนเราต้องมอี าชีพจริงหรอื จาํ เป็ นอย่างไร ให้เหตผุ ลประกอบ ผ้รู ่วมอภปิ ราย ……………………………………………………………………………………………………... …………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………....... ……………………………………………………………………………………………………...
4 สรุปความคดิ เห็น ……………………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………………... ……………………………………………………………………………………………………... ลงชือ………………………………………………................ ครูประจาํ กลุ่ม ศรช.………………………………………………………….
5 เรืองที 2 อาชีพในชุมชน การเปลียนแปลงทางดา้ นสังคมและสิงแวดลอ้ ม ความเจริญกา้ วหนา้ ทางดา้ นเทคโนโลยีมีผล ตอ่ ชีวิตความเป็ นอยู่ และโดยเฉพาะการประกอบอาชีพของคนในหมู่บา้ น ได้แก่ การเกิดอาชีพใหม่ หรือการอนุรักษอ์ าชีพเดิมใหอ้ ยใู่ นทอ้ งถิน ดงั นี 1. การสร้างอาชีพจากช่องว่างระหว่างอาชีพ โดยอาศยั ช่องว่างระหว่างอาชีพ 2 อาชีพ เช่น อาชีพขยายลาํ ไมไ้ ผ่ โดยซือจากแหล่งปลูกไปขายใหก้ บั แหล่งทาํ เครืองจกั สาน 2. การสร้างอาชีพจากผลของการประกอบอาชีพ โดยอาศยั ผลพลอยไดจ้ ากอาชีพเดิม เช่น ทาํ ภาชนะใส่ของจากทางมะพร้าว จากตน้ มะพร้าวทปี ลูกเป็นอาชีพอยแู่ ลว้ 3. การสร้างอาชีพจากทรัพยากรท้องถิน เป็นการสร้างอาชีพใหม่ โดยการนาํ ทรัพยากรทีมีอยู่ ในทอ้ งถินมาใชใ้ หเ้ ป็นประโยชน์ เช่น ทาํ อิฐจากดินเหนียวทีมีอยใู่ นทอ้ งถิน 4. การสร้างอาชีพจากความต้องการของตลาด เป็นการสร้างอาชีพใหม่ โดยอาศยั ขอ้ มูลทาง การตลาด เช่น เลียงกบเพราะตลาดมีความตอ้ งการมาก หรือปลูกผกั ปลอดสารพษิ 5. การสร้างอาชีพทขี าดแคลนในท้องถิน เป็นการสร้างอาชีพใหม่ โดยอาศยั ขอ้ มลู ในทอ้ งถิน เช่น อาชีพรับซ่อมมอเตอร์ไซคเ์ กิดขึนเพราะช่างในหมู่บา้ นขาดแคลน 6. ประกอบอาชีพตามบรรพบุรุษ พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ทาํ อาชีพอะไร รุ่นลูก รุ่นหลาน ก็จะ ดาํ เนินการต่อ เช่น อาชีพขายก๋วยเตียว ถา้ มีชือเสียงก็จะขายจนกระทงั รุ่นลูก รุ่นหลาน 7. ประกอบอาชีพตามสภาพภมู ิประเทศ ซึงในประเทศไทยประกอบดว้ ยสภาพพืนที ทีเป็ น ภูเขา ทีราบลุ่ม ทีดอน ดงั นันการเพาะปลูกขึนอยู่กบั สภาพพืนทีดว้ ย เช่น ทีราบลุ่ม สามารถทาํ นาได้ อยูใ่ กลท้ ะเลประกอบอาชีพดา้ นประมง หรือบางทาํ เลสามารถจดั เป็ น แหล่งท่องเทียวได้ 8. ประกอบอาชีพตามนโยบายของรัฐบาลหรือของผู้ประกอบการเอง ซึงในพืนทีไม่เคยทาํ มาก่อน เช่น นาํ ยางพาราไปปลูกทางภาคอีสาน แต่เดิมยางพาราจะปลูกกนั ทางภาคใตเ้ ป็น ส่วนใหญ่ อาชีพในโลกนีมหี ลากหลาย และคนเราตอ้ งมีอาชีพ เพือให้มีรายไดเ้ ลียงตนเอง ครอบครัว การมีอาชีพของตนเองตอ้ งอาศยั ปัจจยั หลายอย่าง เช่น ความรู้ความสามารถ เงินทีใชใ้ นการลงทุน มสี ถานที มีตลาดรองรับ ตวั อยา่ ง งานบา้ น งานผา้ และเครืองแต่งกาย งานบ้าน เป็นอาชีพทเี กียวกบั งานบา้ น เช่น รับจา้ งซกั – รีดเสือผา้ อาหารปินโต ฯลฯ
6 งานผ้าและเครืองแต่งกาย งานผา้ และเครืองแต่งกาย สิงสําคญั คือ ผา้ สําหรับใชเ้ ป็ นวสั ดุทีสําคญั ในการนาํ ผา้ มาทาํ เครืองนุ่งห่มแลว้ ยงั มีประโยชนใ์ ชส้ อยอยา่ งอืนอีก เช่น ผา้ ปูโตะ๊ หมอนอิง ทีนอน ผา้ ม่าน ดงั นนั จึงควร มคี วามรู้ความเขา้ ใจเกียวกบั ผา้ นอกจากนีอาจจะมีงานบริการทเี กียวขอ้ งตา่ ง ๆ เช่น งานซกั รีด งานรับ ปะชุนเสือผา้ ผ้าทนี ิยมเลือกใช้ ชนิดของผา้ ทีเรารู้จกั กนั แพร่หลาย ไดแ้ ก่ ผา้ ฝ้ าย ผา้ ลินิน ผา้ ไหม ผา้ ขนสัตว์ และผา้ ทีทาํ จาก เส้นใยสังเคราะห์ ซึงจะแบ่งไดเ้ ป็น 2 ประเภท คอื 1. เส้นใยธรรมชาติ ไดแ้ ก่ 1.1 เสน้ ใยทีไดม้ าจากสัตว์ เช่น แกะ กระตา่ ย ไหม 1.2 เสน้ ใยทีไดม้ ากจากพืช เช่น ฝ้ าย ลินิน ปอ ป่ าน และใยสับปะรด 1.3 เสน้ ใยทีไดม้ าจากแร่ เช่น ใยหิน 2. เส้นใยสังเคราะห์ เช่น ไนล่อน เทโตรอน ใยแกว้ อาชีพทเี กยี วข้องกบั งานผ้าและเครืองแต่งกาย 1. งานตดั เยบ็ เสือผ้า เช่น ตดั เสือ ตดั กระโปรง ตดั กางเกง 2. งานตดั เยบ็ เครืองใช้ต่าง ๆ เช่น ผา้ มา่ น ปลอกหมอน ผา้ ปทู นี อน 3. อาชีพทเี กยี วกบั การทอผ้าเช่น ทอผา้ ไหมผา้ ฝ้ าย โดยทอเป็นชินแลว้ นาํ ไปตดั เยบ็ เป็นเสือผา้ หรือของใชต้ า่ งๆ นอกจากนีอาจมกี ารทอเป็นของใช้ เช่น ทอผา้ ขาวมา้ ผา้ ปูโตะ๊ ผา้ ปูทนี อน 4. อาชีพซ่อมแซมและตกแต่งดัดแปลงเสือผ้า เป็นอาชีพบริการรับจา้ งซ่อมแซม เสือผา้ ที ชาํ รุด เช่น การปะ การชุน การกุน๊ การดาม เป็ นอาชีพหนึงทีทาํ รายได้ดี ลงทุนไม่สูงนัก มีความรู้ความสามารถในการปะชุน กุ๊น ดาม ตามทีลูกคา้ ตอ้ งการ 5. อาชีพตกแต่งดัดแปลงเสือผ้าเครืองแต่งกาย เป็นการตกแต่งดดั แปลงใหท้ นั สมยั หรือตาม ตอ้ งการใหด้ ูสวยงามกว่าของเดิม หรือตกแต่งดดั แปลงเพือใชอ้ อกงานไดห้ ลายแห่ง ทาํ ให้ ประหยดั ค่าใชจ้ ่าย วตั ถุประสงค์ในการดดั แปลง มดี งั นี 5.1 ตกแตง่ เพมิ เติมหรือปิ ดบงั รอยชาํ รุด โดยใชล้ ูกไม้ กระดุม ลูกปัด สติกเกอร์ มาติด เพมิ เติม เช่น รูปดอกไม้ รูปหวั ใจ 5.2 ดดั แปลงเสือ กระโปรง กางเกง เช่น ทาํ ให้สนั ลง ยาวขนึ
7 5.3 ดดั แปลงใหม่ทงั หมด เช่น นาํ ชุดของคนอว้ นมาดดั แปลงสาํ หรับคนผอมกวา่ การจดั การงานอาชีพ 1. การเลอื กทาํ เลทตี งั ถา้ เป็นอาชีพบริการเช่นรา้ นตดั เสือผา้ หรือรบั ตกแต่งดดั แปลงก็ควรตอ้ งอยู่ ในยา่ นชุมชนการคมนาคมเดินทางสะดวกแต่ถา้ เป็นอาชีพทอผา้ กอ็ าจทอทบี า้ นได้ แล้วนาํ ไปส่ง ยงั ร้านคา้ อีกตอ่ หนึง 2. การออกแบบเพือแนะนําลูกค้า การมีความรู้เกียวกบั ศิลปะการออกแบบดว้ ยจะช่วยให้ ลูกคา้ พอใจยิงขึน นอกจากนนั ควรมีความรู้เกียวกบั การออกแบบเสือผา้ ใส่ไปงานใน ลกั ษณะต่าง ๆ ความนิยมของวยั ต่าง ๆ รูปร่างทรวดทรงของผูส้ วมใส่ ชนิดของผา้ ทงั หมด จะตอ้ งใหเ้ หมาะสมกบั การออกแบบ โดยการออกแบบลงในกระดาษก่อน แล้วจึงไปวาง ทาบกบั ผา้ ทจี ะใชต้ ดั 3. การตัดเย็บ เป็ นการตดั เย็บตามแบบทีกาํ หนด ซึงตอ้ งอาศยั ทกั ษะในการตดั เยบ็ เสือผา้ ที ออกแบบจึงดูเรียบร้อย สวยงาม 4. การเกบ็ งานและการตกแต่ง เมือเยบ็ เป็นตวั แลว้ ก็มีการเก็บงานใหเ้ รียบร้อย และตกแต่งให้ สวยงาม เช่น การทาํ โบวผ์ กู 5. การรีดผ้า ตอ้ งศึกษาลกั ษณะของผา้ กบั ความแรงของเตารีดไฟฟ้ า ส่วนใหญ่จะพรมนํา ก่อนรีดเสือผา้ เพอื ใหด้ ูสวยงาม 6. การหาลกู ค้า เป็นการหากลุ่มเป้ าหมายด้วยการประชาสัมพนั ธ์ จดั โปรโมชันพิเศษ และ การบอกต่อของลูกคา้ คนอืน ๆ อาชีพการทอผา้ งานออกแบบ มีความสาํ คญั การกาํ หนดสีทีใช้ การนําไปใช้ ซึงเป็ นความรู้ ของภูมปิ ัญญามากอ่ น แต่ปัจจุบนั มีการพยายามทีจะนาํ ความรู้สมยั ใหมเ่ ขา้ ไปดดั แปลง เช่น การเลือกลาย การใชส้ ีทยี อ้ ม พยายามใชส้ ีเคมบี า้ ง เพือมใิ หผ้ า้ สีตกจะทาํ ให้ผา้ เก่าชา้ สภาพปัญหา 1. สภาพปัญหาทพี บผปู้ ระกอบการขาดคุณธรรม จริยธรรม เช่น สินคา้ เสร็จไม่ตรงตามนดั ไม่มีความรับผดิ ชอบต่อคุณภาพสินค้า เช่น เยบ็ ไม่เรียบร้อย ไม่ตรงกบั แบบทีตอ้ งการ ไม่อดทนตอ่ การตาํ หนิของลูกคา้ ควรใหค้ วามสําคญั ตอ่ ลูกคา้ 2. ผปู้ ระกอบอาชีพขาดทกั ษะในการออกแบบงานผา้ เช่น การออกแบบงานตดั เยบ็ เสือผา้ การออกแบบลวดลายเกียวกบั การทอผา้ 3. การบริการ ขาดการมมี นุษยสัมพนั ธ์ต่อลูกคา้
8 การอนุรักษ์พลงั งานและสิงแวดล้อม 1. เศษผา้ ทีเหลืออาจดดั แปลงเป็ นผลิตภัณฑ์อืน ๆ ทีเหมาะสมกับขนาดของเศษผา้ เช่น งานประดิษฐ์ การทาํ ดอกไม้ เยบ็ เป็นผา้ ห่มโดยเอาเศษผา้ มาต่อกนั หรือทาํ พรมเช็ดเทา้ 2. สีทีใชใ้ นการยอ้ มผา้ ในปัจจุบนั มีการนาํ สีวทิ ยาศาสตร์มาใช้ เนืองจากคงทนกวา่ สีธรรมชาติ ดงั นนั ควรเนน้ การใชส้ ีธรรมชาติ เพือไม่ใหเ้ ป็นอนั ตรายต่อสิงแวดลอ้ ม อาหารและโภชนาการ ความหมายของอาหาร อาหาร หมายถึงสิงทีคนรับประทานหรือกินเขา้ ไปแลว้ มผี ลทาํ ใหร้ ่างกายเจริญเตบิ โต แข็งแรง และทาํ ใหร้ ่างกายดาํ เนินชีวิตอยไู่ ด้ ซึงอาหารนนั รวมไปถึงนาํ ดว้ ย ความสําคญั ของอาหาร 1. ทําให้ร่างกายมีการเจริญเติบโต เป็ นสิงทีสําคญั สําหรับการเจริญเติบโตของเด็ก หาก รบั ประทานอาหารไม่เพยี งพอกบั ความตอ้ งการของร่างกาย อาจทาํ ใหเ้ กิดโรคต่าง ๆ ได้ และ มสี ภาพร่างกายไม่สมบรู ณ์ 2. ทาํ ให้ร่างกายมีภูมิต้านทานโรค เมือไดร้ ับอาหารทีเหมาะสมตามหลกั โภชนาการแลว้ ร่างกายสามารถทีจะต่อสู้กบั เชือโรคตา่ ง ๆ ได้ 3. มอี ายุยืน เมอื รับประทานอาหารครบถว้ น ร่างกายแขง็ แรง ทาํ ใหส้ ุขภาพดี และมผี ลทาํ ให้ อายยุ ืนยาว อาหารหลกั 5 หมู่
9 หม่ทู ี 1 ได้แก่ อาหารประเภทเนือสตั วต์ ่าง ๆ ไข่ ปลา นม ถวั เมล็ดแห้ง เป็ นแหล่งของ สารอาหารประเภทโปรตีน หม่ทู ี 2 ไดแ้ ก่ อาหารประเภทขา้ ว แป้ ง นาํ ตาล เผอื ก มนั ขา้ วโพด เป็นแหล่งของสารอาหาร ประเภทคาร์โบไฮเดรต หม่ทู ี 3 ไดแ้ ก่ อาหารประเภทผกั ใบเขียวพืชผกั ต่างๆ เป็นแหล่งของสารอาหารประเภทแร่ธาตุ ต่าง ๆ และวติ ามนิ หม่ทู ี 4 ไดแ้ ก่ อาหารประเภทผลไมต้ ่าง ๆ เป็นแหล่งของสารอาหารประเภท คาร์โบไฮเดรต เพราะมีนําตาลมากจึงทาํ ใหไ้ ดพ้ ลงั งานมากกว่าผกั และเป็นแหล่งของแร่ธาตุ และวติ ามินต่าง ๆ หม่ทู ี 5 ไดแ้ ก่ อาหารประเภทไขมนั ทีไดจ้ ากสัตวแ์ ละพชื เช่น นาํ มนั หมู นาํ มนั จากถวั เหลือง นาํ มนั งา นาํ มนั ราํ ขา้ ว เป็นแหล่งของสารอาหารประเภทไขมนั อาหารหลกั 5 หมู่ ทกี าํ หนดขนึ อยู่กบั ผบู้ ริโภค ควรรับประทานใหค้ รบประจําทุกวนั และได้ สดั ส่วนทเี หมาะสมกบั ความตอ้ งการของร่างกาย เพอื ร่างกายมสี ุขภาพทีดี ไม่เป็ นโรคขาดสารอาหาร การเลอื ก เตรียม ประกอบ และการปรุงอาหาร การเลือกซืออาหารสด อาหารแหง้ ตอ้ งมีหลกั เกณฑแ์ ละวธิ ีการถูกตอ้ ง เพอื จะไดอ้ าหารทีมที งั คุณภาพและปริมาณคุม้ ค่ากบั เงินทตี อ้ งจ่ายไป ดงั นี
10 1. ซืออาหารเพอื คุณภาพของอาหาร หลกั เกณฑแ์ ละเป้ าหมายสําคญั ของการเลือกซืออาหาร ไม่ใช่เพือให้ไดอ้ าหารปริมาณมากทสี ุด หรือจ่ายเงินน้อยทีสุด แต่ตอ้ งคาํ นึงถึงเพือให้ได้ อาหารมปี ระโยชนส์ ูงสุด ทงั ในดา้ นคุณภาพอาหารและปริมาณ 2. ซืออาหารจากแหล่งผลติ ขายส่ง อาหารทุกชนิดทีจาํ หน่ายตามแหล่งผลิตหรือขายส่ง จะมี ราคาตาํ กว่าแหล่งทีซือมาขายตอ่ หรือขายปลีก 3. การซืออาหารตามฤดูกาล จะไดร้ าคาถูกและคุณภาพสูง การซือตอ้ งเปลียนแปลงและเน้น การใชผ้ ลิตผลตามฤดูกาล 4. รู้จักใช้อาหารแทนกนั ได้ หากไม่มผี ลผลิตทีตอ้ งการกใ็ หเ้ ลือกซือสิงทีทดแทนกนั ได้ โดย ไม่ทาํ ใหผ้ ลผลิตมีคุณภาพตาํ ลง 5. การเลอื กซืออาหาร ควรมคี วามรู้เกียวกบั คุณภาพอาหาร จะไดอ้ าหารทีมีคุณภาพสูงคุม้ ค่า กบั เงินทเี สียไป หลกั การในการเตรียมอาหาร ประกอบ และปรุงอาหาร หลกั ในการปรุงอาหาร ยดึ หลกั 3 ส ดงั นี 1. สงวนคณุ ค่า ดว้ ยวิธีการปรุงทชี ่วยสงวนคุณค่าของอาหารใหผ้ บู้ ริโภคไดร้ ับประโยชนเ์ ตม็ ที 2. สุกเสมอ คอื ใชค้ วามรอ้ นในการปรุงอาหารเพือทาํ ลายเชือโรค และสารเคมีทีอาจปนเปื อนติด มากบั อาหาร 3. สะอาด ควรคาํ นึงถึงความปลอดภยั ของอาหาร และการปรุงอาหาร
11 การเกบ็ ถนอมอาหาร การถนอมอาหาร เป็นวิธีการเก็บอาหารใหม้ ีอายยุ นื นาน สามารถนาํ มารับประทานได้ โดยมี หลายวิธี คือ 1. การตากแห้ง เป็นวธิ ีทางธรรมชาติโดยใชแ้ สงแดดทาํ ใหอ้ าหารแหง้ อาหารทนี าํ มาตากแหง้ ตอ้ งเป็นอาหารทีมีคุณภาพและเป็นอาหารสด 2. การรมควนั เป็นการถนอมอาหารทีแตกต่างจากการทาํ ใหอ้ าหารแหง้ ดว้ ยความรอ้ น เพราะ นอกจากเป็นการทาํ ใหอ้ าหารแห้งแลว้ ยงั มคี วนั ของไมช้ ่วยรักษาอาหารใหเ้ ก็บไวไ้ ดน้ าน 3. การดอง การดองผกั ผลไม้มีหลายรูปแบบ เช่น การดองเคม็ ดองเปรียว ดองหวาน เป็นตน้ 4. การทาํ เคม็ เป็นวิธีการถนอมอาหารโดยใชเ้ กลือเป็นวตั ถุกนั เสีย สําหรับเก็บรกั ษาอาหาร ให้อยไู่ ดน้ าน 5. การใช้นําตาล เป็นวิธีการใชค้ วามหวานของนาํ ตาลเกบ็ รักษาอาหารใหอ้ ยไู่ ดน้ าน เช่น การเชือม การกวน การฉาบ การแช่อิม การเกบ็ อาหารสดและอาหารแห้ง 1. การเกบ็ เนอื สัตว์ มีวิธีการเก็บ ดงั นี 1.1 เนือหมู เนือววั ควรลา้ งแลว้ เกบ็ ไวใ้ นตเู้ ยน็ ก่อนเกบ็ ตอ้ งเอาออกจากวสั ดุทีห่อหุม้ อยู่ ลา้ งแลว้ ซบั ใหแ้ ห้ง จึงใส่กล่องหรือถึงพลาสติกปิ ดใหแ้ น่น แช่ในช่องเยน็ จดั 1.2 เนือสัตวจ์ าํ พวกปลา เป็ด ไก่ อาจใชว้ ธิ ีรวน ตม้ นึง ยา่ ง ก็ได้ จะเก็บไดน้ านขึน 2. การเกบ็ ผัก ถา้ ยงั ไมน่ าํ ผกั มาประกอบอาหาร ควรพรมนาํ ห่อพนั ดว้ ยใบตอง เก็บไวใ้ นทรี ่ม หรือบรรจุถุงพลาสตกิ เก็บไวใ้ นตเู้ ยน็ ช่องธรรมดา 3. การเกบ็ ไข่ มวี ิธีการเกบ็ ดงั นี 3.1 เลือกไขท่ ใี หมแ่ ละสะอาด ไม่ควรเก็บไข่ไวห้ ลายวนั 3.2 ไม่ควรลา้ งไข่ก่อนเก็บ นอกจากสกปรก เพราะเชือโรคจะผา่ นเขา้ ไปไดง้ ่าย 3.3 ควรเก็บไขแ่ ยกใส่ช่องทีเก็บไข่ในตเู้ ยน็ โดยวางส่วนป้ านขึนจะทาํ ใหเ้ ก็บไดน้ าน
12 อาชีพทเี กยี วข้องกบั อาหารและโภชนาการ 1. อาชีพเปิ ดร้านขายอาหาร เช่น ขายขา้ วแกง ขายอาหารตามสัง ขายก๋วยเตียว ขายขนมจีน บางร้านอาจจะขายเฉพาะอย่างหรือหลายอยา่ งอยใู่ นรา้ นเดียวกนั ขนาดของร้านขึนอยกู่ บั การลงทุน และจาํ นวนลูกคา้ ดงั นนั การตงั ร้านอาหาร จะตอ้ งเลือกทาํ เล สํารวจลกั ษณะ ของลูกคา้ เช่น รายไดข้ องลูกคา้ ความชอบ ชนิดและรสชาติของอาหาร การเปิ ด รา้ นอาหารตอ้ งควบคูไ่ ปกบั การขาย เครืองดืม 2. อาชีพขายเครืองดืม ร้านประเภทนีจะเนน้ เครืองดืมเป็ นหลกั ถา้ เครืองดมื ขนาด เล็กอาจจะ ขายเฉพาะเครืองดมื ประเภทกาแฟ ซึงมีหลากหลายชนิด อาจขายตามขา้ งทางหรือห้างกไ็ ด้ ถา้ ขายเครืองดืมทมี ีแอลกอฮอลก์ ็อาจจะมีอาหารประเภทของวา่ งใหแ้ กลม้ ดว้ ย ส่วนใหญ่ กจ็ ะมีดนตรี และอาจมสี ถานทีสาํ หรับเตน้ รําได้ ทเี รียกกนั ว่า Pub (ผบั ) 3. อาชีพขายขนม อาจมีบางคนทตี อ้ งการเปิ ดร้านขายขนมอยา่ งเดียวเช่น ขายขนมทีมคี วามเยน็ ขายขนมประเภทไข่ ขายขนมไทย เช่น บวั ลอยเผือก เตา้ ส่วน ขายประเภทเบเกอรี ซึงอาจ ควบกบั การขายเครืองดืมดว้ ย 4. อาชีพขายอาหารปิ นโต อาชีพนีไม่จาํ เป็นตอ้ งเปิดร้านขายอาหาร แต่ใชว้ ิธีประชาสัมพนั ธ์ ให้ทราบว่ามีธุรกิจประเภทนีเพือให้ลูกคา้ สังจอง ราคาและชนิดของอาหารขึนอย่กู บั การตกลงกนั บางคนรบั อาหารเฉพาะวนั ทาํ งาน และสามารถเลือกอาหารได้ อาชีพนีตอ้ ง อาศยั รสชาตขิ องอาหารเป็นหลกั การส่งตรงต่อเวลา การเลือกสถานทีก็ไม่จาํ เป็ นอาจจะ ใชส้ ถานทใี นบา้ นได้ 5. อาชีพถนอมอาหาร การถนอมอาหารเหมือนการเก็บอาหารใหม้ ีอายุยนื คงทน เช่น การตากแห้ง การรมควนั การดอง การทาํ เคม็ การใชน้ าํ ตาล อาชีพนีขึนอยกู่ บั วสั ดุ ทรัพยากรทมี ีอย่ใู น ทอ้ งถิน เช่น อยใู่ กลท้ ะเลก็อาจจะทาํ ปลาเคม็ ปลาแดดเดียว หอยดอง หรือในท้องถินทีมี พืชผกั มากกจ็ ะถนอมผกั โดยการดองผกั หรือมีผลไมม้ ากก็ใชว้ ิธีเชือม เช่น ทาํ มะตูมเชือม 6. อาชีพบริการจดั เลยี ง เป็นอาชีพทีมีบริการจดั เลียงอาหารนอกสถานที เช่น จดั แบบบุฟเฟ่ ต์ โตะ๊ จีน รายละเอียดเกียวกบั ราคาและชนิดของอาหารขึนอยกู่ บั การตกลง
13 การจดั การงานอาชีพ 1. ทาํ เลทตี ัง อาชีพทีเกียวกบั อาหาร เช่น การเปิ ดร้านขายอาหาร ขายเครืองดืม ขายขนม นอกจากรสชาติอาหารยงั จะตอ้ งอาศยั ทาํ เลทีตงั ร้าน จึงจาํ เป็ นตอ้ งเลือกสถานทีทีอยใู่ น ยา่ นชุมชน 2. การจดั สถานที ควรออกแบบรา้ นใหด้ ูโลง่ จดั โตะ๊ และเกา้ อี รวมทงั ของใชภ้ ายในร้านตอ้ ง มคี วามสะอาดและถูกอนามยั 3. ควรเลอื กซืออาหารทมี คี ณุ ภาพ มีความสดใหม่ ถา้ เป็ นอาหารแหง้ ควรหลีกเลียงทีเกบ็ ไวน้ าน ตรวจสอบวา่ มเี ชือราหรือไม่มสี ารอืนปนเปือนหรือไม่ 4. การปรุงอาหาร ควรคาํ นึงถึงคุณค่าอาหาร เช่น การใชค้ วามร้อน การรักษา ความสะอาด การใชผ้ งชูรส การคงคุณค่าของอาหารทงั 5 หมู่ การจดั อาหารให้เหมาะสมกบั วยั เช่น วยั ผใู้ หญ่เป็นวยั ทีตอ้ งการเสริมสรา้ งเซลล์ต่างๆ เพือรักษาสมรรถภาพการทาํ งานในร่างกาย ใหค้ งที จึงควรไดร้ ับอาหารทงั 5 หมู่ ในสดั ส่วนทีเหมาะสม 5. การบริการในธุรกิจขายอาหาร มีความสําคญั ยิง ผูบ้ ริการตอ้ งใส่ใจกับการมีมารยาทใน การบริการ มีความรูเ้ กียวกบั การเสิร์ฟอาหารและเครืองดืม 6. การมคี ุณธรรม จริยธรรม ต่อลูกค้า เช่น การคิดราคาอาหารทีเป็ นธรรม รับผิดชอบใน กรณีทอี าหารตอ้ งมีความสดหรือมคี ุณค่าทางอาหาร กิจวตั รประจาํ วนั ของอาชีพขายอาหารอาจไมเ่ หมือนอาชีพอืน ๆ เช่น ตืนเชา้ ไปซือของทีตลาด แลว้ เตรียมอาหารเพือใหท้ นั ขาย ช่วงทีเหนือยในการบริการลูกคา้ ก็คือช่วงเช้า ช่วงกลางวนั ช่วงเยน็ ซึงเป็ นช่วงทลี ูกคา้ ส่วนใหญ่มารับประทานอาหาร ช่วงเวลาอืน ๆ อาจจะเป็นงานเบา เช่น ช่วงทีเตรียม อาหาร มีการหันผกั หนั เนือ สภาพปัญหา 1. ขาดการบริการทดี ี ไม่มีมนุษยสัมพนั ธ์ ไม่สนใจลูกคา้ เมือมาใชบ้ ริการ ดงั นนั จึงควร ปรับปรุงดา้ นการบริการทีดีต่อลูกคา้ เช่น เมือลูกคา้ เขา้ ร้านควรยมิ แยม้ แจ่มใส พร้อม จดั หาโตะ๊ ใหน้ งั บริการตามลาํ ดบั ทีลูกคา้ เขา้ มาใชบ้ ริหาร 2. เจ้าของร้านมกั ขาดทนุ เนืองจากการขายอาหารสามารถถูกคดโกงไดห้ ลายทาง ถา้ เจา้ ของ หรือผูไ้ วใ้ จไดไ้ ม่ได้ดูแลอย่างใกลช้ ิด เช่น คนเก็บเงินไม่ซือสัตย์ ลูกจา้ งมกั หยิบฉวย สิงของไปใชใ้ นบา้ น 3. คณุ ภาพสินค้าไม่คงที เช่น ไม่สุก ไม่สะอาด เสือมคุณภาพ ทาํ ใหล้ ูกคา้ ไม่มาใชบ้ ริการ
14 การอนุรักษ์พลงั งานและสิงแวดล้อม การอนุรักษ์พลงั งานและสิงแวดล้อมในครอบครัวทาํ ได้ ดงั นี 1. การเลือกซือเครืองใชไ้ ฟฟ้ ามาใชป้ ระกอบอาหาร เช่น กระทะไฟฟ้ า ควรเป็นเครืองใชไ้ ฟฟ้ า ทีระบฉุ ลากประหยดั ไฟ 2. เมอื เปิ ดก๊อกนาํ ประปาควรใชน้ าํ ในปริมาณพอเพียง แลว้ ปิดก๊อกนาํ ทนั ที อย่าปล่อยใหน้ าํ ไหลจนลน้ ภาชนะ 3. นาํ ใชแ้ ลว้ เช่น นาํ ซาวขา้ ว นาํ ลา้ งผกั ผลไม้ นาํ ซกั ผา้ ครังสุดทา้ ยก็นาํ ไปรด ตน้ ไมไ้ ด้ 4. ถุงขยะในบา้ นตอ้ งมีฝาปิ ดให้มิดชิด เพราะเป็ นจุดรวมของสัตว์ทีเป็นพาหะนําโรค เช่น หนู แมลงสาบ งานเกษตร งานเกษตรหมายถึงงานทเี กียวกบั การปลูกพืชเลียงสัตว์ และอาชีพทีเกียวขอ้ งตาม กระบวนการผลิต และการจดั การผลผลิต มีการใชเ้ ทคโนโลยีเพือการเพิมผลผลิต ปลูกฝังความรับผิดชอบ ขยนั อดทน การอนุรักษพ์ ลงั งานและสิงแวดลอ้ มงานเกษตรส่วนใหญ่เกียวขอ้ งกบั การปลูกพืช จะเห็นว่าในอดีตเรามี พืชหลายชนิดทีสามารถส่งออกไปขายต่างประเทศได้ เช่น ขา้ ว ยางพารา ขา้ วโพด มนั สําปะหลงั ส่วน การเลียงสัตว์และการประมงยงั น้อย โดยเฉพาะการประมงตอ้ งอาศยั สภาพพืนทีทีติดชายทะเล การประกอบอาชีพเกษตรจะกา้ วหนา้ อยา่ งไร ตอ้ งเขา้ ใจพนื ฐานเกษตรโดยเฉพาะเรืองดินและป๋ ยุ ทีเป็ น สิงสาํ คญั ในการเจริญเติบโตของพืช
15 ดนิ 1. ความหมายของดนิ ดินเกิดจากการผพุ งั สลายตวั ของหินและแร่ผสมกบั ซากพืชซากสัตวท์ ตี ายทบั ถม เป็นเวลา หลายลา้ นปี หลงั จากเปิ ดป่าใหม่ ๆ ดินยงั อุดมสมบรู ณ์ ปลูกพืชลงไปก็จะงามและใหผ้ ลผลิตสูง แต่ถา้ ปลูกพชื ติดต่อกนั หลาย ๆ ปี ไม่มีการปรับปรุงดิน ดินจะเสือมโทรมเพราะอินทรียวตั ถุและธาตอุ าหาร พืช เปรียบเสมือนรากฐานของชีวติ เกษตรกร หรือกล่าวอีกนยั หนึง คุณภาพของดินเท่ากบั คุณภาพชีวิตของ เกษตรกร 2. ส่วนประกอบดนิ (1) อนินทรียวตั ถุ เป็นส่วนทีไดจ้ ากการผพุ งั สลายตวั ของแร่และหิน เป็นแหล่งธาตุ อาหารพชื ทีสาํ คญั ทสี ุดดินส่วนใหญ่ทใี ชป้ ลูกพชื ในประเทศไทยมอี นินทรียวตั ถุเป็ น ส่วนประกอบถึงร้อยละ 97-99 ของนาํ หนกั แหง้ ของดิน (2) อินทรียวัตถุ เป็ นส่วนทีไดจ้ ากการเน่าเปื อยผพุ งั สลายตวั ของเศษซากพืช และ สัตว์ทีทบั ถมกนั อยใู่ นดิน อินทรียวัตถุมีปริมาณธาตุอาหารพืชอย่นู ้อย แต่มี ความสําคญั ในการทาํ ดินใหโ้ ปร่ง ร่วนซุย ระบายนาํ และถ่ายเทอากาศไดด้ ี ทงั ยงั เป็นแหล่งพลงั งานของจุลินทรียใ์ นดิน ดินส่วนใหญ่ทีใชเ้ พาะปลูกพืชในประเทศ ไทย มีอินทรียวตั ถุอยเู่ พียงรอ้ ยละ 1-3 ของนาํ หนกั แหง้ ของดิน โดยเฉพาะอย่าง ยงิ ในภาคอีสานดินส่วนใหญ่อินทรียวตั ถุ ตาํ มาก (น้อยกว่าร้อยละ 1) จึงควรให้ ความสําคญั ต่อการเพมิ อินทรียวตั ถุใหแ้ ก่ดิน (3) นําในดิน ทาํ หน้าทีช่วยละลายธาตุอาหารพืชในดิน และจาํ เป็ นสําหรับใชใ้ น การเคลือนยา้ ยธาตุอาหารและสารประกอบต่าง ๆ เขา้ ไปในตน้ พืช (4) อากาศในดิน ทาํ หนา้ ทีใหอ้ อกซิเจนแก่รากพืชและจุลินทรียใ์ นดิน สําหรับใชใ้ น การหายใจ 3. หน้าตดั ดิน ดินมีความลึกหรือความหนา ถา้ มองลึกลงไปในแนวดิง จะพบว่า ดินมีลกั ษณะเป็นชนั ๆ เรียกส่วนนีว่า หนา้ ตดั ดิน ดินทวั ๆ ไปมกั มีอินทรียวตั ถุสะสมอย่ทู ีดินบนและปริมาณอินทรียวตั ถุจะ ลดนอ้ ยลงในดินล่าง ระดบั ทีลึกลงไปตามแนวหนา้ ตดั ดิน จะพบหินทีกาํ ลงั ผุพัง สลายตัวในชนั ล่าง เรียกวา่ วตั ถุตน้ กาํ เนิดดิน ชนั ทีอยลู่ ึกลงไปถดั จากวตั ถุตน้ กาํ เนิดดิน เรียกว่า พนื หิน ซึงเป็ นชนั หินทียงั ไม่ไดผ้ ่านกระบวนการผพุ งั สลายตวั
16 รากพืชเจริญเติบโตและดูดธาตุอาหารเฉพาะในส่วนทีเป็นดินบนและดินล่าง ซึงดินแต่ละ ชนิดมีความลึกไม่เท่ากนั ดินทีลึกจะมีพืนทีใหพ้ ืชหยงั ราก และดูดธาตุอาหารไดม้ ากกว่าดินทีตืน การปลูกพชื ใหไ้ ดผ้ ลดี จึงควรพิจารณาความลึกของดินดว้ ย 4. การเจริญเติบโตของพชื ทกุ สรรพสิง (สิงมีชีวิตและสิงไมม่ ชี ีวิต) ในระบบนิเวศล้วนเชือมโยงสัมพนั ธ์กนั เป็ น เหตุปัจจยั ซึงกนั และกนั สําหรับปัจจยั หลกั ทีมผี ลตอ่ การเจริญเติบโตของพืช มีดงั ตอ่ ไปนี (1) แสงแดดเป็นแหล่งพลงั งานทพี ืชใชใ้ นการสังเคราะหแ์ สง (2) อุณหภูมิของดินและบรรยากาศ มีผลต่อกระบวนการต่าง ๆ ภายในตน้ พืช เช่น การสังเคราะห์แสง การหายใจ เป็นตน้ (3) ความชืนและนาํ เป็ นวตั ถุดิบในการสังเคราะห์แสง ทาํ ใหเ้ ซลล์แตกตวั เป็ น ตวั กลางขนยา้ ย ธาตุอาหาร และอินทรียสารในส่วนต่าง ๆ ของพชื (4) สภาพกรด- ด่างของดนิ นิยมบอกเป็นคา่ พีเอช (pH) โดยทวั ไปพชื เจริญเตบิ โตได้ดี ในดินทีมีพีเอชใกลเ้ ป็นกลาง (pH 6.0-6.5) (5) ชนิดและปริมาณของกา๊ ซตา่ งๆในดินอากาศส่วนใหญ่ในดินประกอบดว้ ยก๊าซออกซิเจน ไนโตรเจนและคาร์บอนไดออกไซต์รากพชื ใชก้ ๊าซออกซิเจนในการหายใจถา้ ก๊าซออกซิเจน ไม่พอระบบรากของพืชจะอ่อนแอ (6) โรคและแมลงศัตรูพืช ถา้ พืชมีโรคและแมลงศตั รูพืชรบกวนมาก ย่อมยบั ยงั การเจริญเติบโต และการใหผ้ ลผลิตของพชื
17 (7) ปริมาณธาตุอาหารพชื ในดิน และสมบตั ขิ องดิน สมบตั ทิ างเคมี โดยเฉพาะความเป็ น กรด - ด่าง ของดิน สมบตั ิทางกายภาพ เช่น ความร่วนซุยของดิน การระบายนํา การถ่ายเทอากาศ ฯลฯ และสมบตั ิทางชีวภาพไดแ้ ก่ จุลินทรีย์ และสัตวเ์ ล็ก ๆ ในดิน มผี ลต่อการเจริญเตบิ โตของพชื (8) ความรู้ความสามารถในการจดั การไร่นาของเกษตรกร ซึงนบั วนั จะยงิ สําคญั มากขึน เนืองจากการแข่งขนั ทีรุนแรงขนึ ทงั ดา้ นประสิทธิภาพ คุณภาพ และตน้ ทุนการผลิต 5. ความต้องการธาตุอาหารของพืช ในจาํ นวน 17 ธาตุทีพืชตอ้ งการใช้ในการเจริญเติบโต และให้ผลผลิตได้ 3 ธาตุ จากนาํ และอากาศ คอื คาร์บอน ไฮโดรเจน และออกซิเจน ส่วนอีก 14 ธาตไุ ดจ้ ากดิน ใน 14 ธาตุนัน มี 6 ธาตุทีพืชตอ้ งการในปริมาณมาก คือ ไนโตรเจน (เอ็น) ฟอสฟอรัส (พี) โพแทสเซียม (เค) แคลเซียม แมกนีเซียม และกาํ มะถัน แต่การใส่ป๋ ุย จะเน้นเฉพาะ เอ็น-พี-เค จึงเรียกว่า ธาตุอาหารหลกั ส่วนแคลเซียม แมกนีเซียม และ กาํ มะถันนนั ดินส่วนใหญ่ทีใชป้ ลูกพชื ในปัจจุบนั มกั ไม่ขาด และเมือใส่ป๋ ุย เอ็น-พี-เค ลงไปในดินมกั มี 3 ธาตุนีปนลงไปดว้ ยเสมอซึงเรียกว่าธาตอุ าหารรอง ส่วนธาตุอาหารเสริม (จุลธาตุ) ไดแ้ ก่ เหลก็ สงั กะสี โบรอน เป็นตน้ ถา้ พชื ขาดธาตุหนึงธาตุใดธาตนุ นั จะเป็นตวั จาํ กดั การเจริญเติบโตและการให้ผลผลิตของพืช 6. การสูญเสียธาตอุ าหารพชื ในดนิ ธาตอุ าหารพืชในดินสูญเสียออกไปไดห้ ลายทาง ดงั นี (1) สูญเสียไปกบั ผลผลิตพชื ทีเก็บเกียวออกไป (2) ถูกชะลา้ งออกไปจากบริเวณรากพชื โดยเฉพาะไนโตรเจน เช่น ถา้ เกิดฝนตกหนกั หลงั จากใส่ป๋ ยุ ไนโตรเจน โดยเฉพาะในดินทราย เกษตรกรอาจได้รับประโยชน์ จากการใส่ป๋ ยุ เพยี งร้อยละ10 เทา่ นัน เพราะไนโตรเจน ละลายไปกบั นาํ ง่ายมาก (3) สูญหายไปในรูปกา๊ ซ เช่น กรณีของไนโตรเจน (4) การตรึง โดยเฉพาะฟอสฟอรัส การตรึง หมายถึง ธาตุอาหารพืชถูกดินหรือ สารประกอบในดินจบั ไว้ พืชจึงไมส่ ามารถดูดธาตุอาหารเหล่านนั ไปใชป้ ระโยชน์ ไดท้ งั หมด ซึงความเป็นกรด - ด่างของดนิ เป็นปัจจยั สําคญั ทีสุดทีมีผลต่อการตรึง ธาตอุ าหารพชื ในดิน (5) สูญเสียไปกบั การชะลา้ งและพงั ทลายของดินพนื ทีทมี ีความลาดและมีสภาพโล่งเตียน ปราศจากพืชพนั ธุ์หรือสิงปกคลุมหนา้ ดนิ หรือมีการไถพรวนดินเพือเตรียมปลูกพืช
18 ถา้ ฝนตกหนกั จะเกิดการกดั เซาะผวิ ดิน ธาตอุ าหารพชื ในดินยอ่ มสูญหายออกไปจาก พนื ทีดว้ ย เมือมกี ารเพาะปลูกพชื ธาตุอาหารจะถูกดูดไปใชใ้ นการเจริญเติบโตและถูกเก็บสะสมไวใ้ น ส่วนตา่ ง ๆ ของพชื ไดแ้ ก่ ใบ ลาํ ตน้ ดอก ผล ฯลฯ เมือเกบ็ เกียวผลผลิตออกจากพืนที ธาตุอาหารพืช ยอ่ มถูกนําออกไปจากพนื ทดี ว้ ย ในพนื ทกี ารเกษตร ธาตอุ าหารพืช ในดินสูญเสียไปกบั ผลผลิตมากทีสุด การปลูกพืชติดต่อกัน ยาวนานโดยไม่มีการเพมิ เตมิ ธาตุอาหารลงไปในดิน ความอุดมสมบูรณ์ของดินจะลดลง และในทา้ ยทีสุด ดินจะไมส่ ามารถให้ผลผลิตพืชสูงได้ ดงั นนั ควรเพมิ เติมธาตอุ าหารพชื ลงไปในดินใหเ้ พยี งพอ ซึงการใส่ป๋ ุยเป็นวิธีการหนึง เพราะ การฟืนฟูดินใหก้ ลบั มาอุดมสมบูรณ์อีกครังหนึง ตอ้ งใชเ้ วลาและค่าใชจ้ ่ายสูงมาก จึงควรดูแลรักษาความ อุดมสมบูรณข์ องดินใหด้ ีอยเู่ สมอ
19 สารฆ่าศัตรูพชื และสัตว์ สารฆา่ ศตั รูพชื และสตั วส์ ่วนใหญ่เป็นสารประกอบอนินทรีย์ เป็ นพิษกบั แมลงและ ศตั รูพืช หากใชอ้ ย่างไม่ระมดั ระวงั ย่อมเป็ นโทษต่อสุขภาพของทงั ผูใ้ ชแ้ ละผูบ้ ริโภค ทงั ยงั มีสารพิษตกคา้ งใน สิงแวดลอ้ มอีกดว้ ย จึงมกั มีคาํ เตือนบนฉลาก ตวั อยา่ งเช่น ควรเก็บเกียวผลผลิตหลงั จากฉีดพ่นยา 20 วนั เป็นตน้ มฉิ ะนนั สารพษิ ตกคา้ งจะเป็นอนั ตรายต่อผบู้ ริโภค ป๋ ยุ และประโยชน์ของป๋ ยุ ป๋ ุย คอื วสั ดุทีมธี าตอุ าหารพืชเป็นองคป์ ระกอบหรือสิงมีชีวิตทีก่อให้เกิดธาตุอาหารพืช เมือ ใส่ลงไปในดินแลว้ จะปลดปล่อย หรือสงั เคราะหธ์ าตุอาหารทจี าํ เป็ นใหแ้ ก่พชื การเพาะปลูกพืชในดินทมี ีความอดุ มสมบูรณ์สูงจึงตอ้ งการธาตุอาหารเพิมเตมิ จากป๋ ุยนอ้ ยกวา่ ดินทีมีความอุดมสมบูรณต์ าํ ป๋ ุยแบ่งออกเป็ น 3 ประเภท ดังนี (1) ป๋ ุยเคมี คือสารประกอบอนินทรียท์ ีใหธ้ าตอุ าหารพืชเป็นสารประกอบทีผา่ น กระบวนการผลิต ทางเคมี เมือใส่ลงไปในดินทีมีความชืนทีเหมาะสม ป๋ ุยเคมีจะละลายให้พืชดูดไปใช้ ประโยชน์ไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว (2) ป๋ ุยอินทรีย์ คือ สารประกอบทีไดจ้ ากสิงมีชีวิต ได้แก่ พืช สัตว์ และจุลินทรีย์ ผ่าน กระบวนการผลิตทางธรรมชาติ ป๋ ุยอินทรียส์ ่วนใหญ่ใชใ้ นการปรับปรุง สมบตั ิทาง กายภาพของดิน ทาํ ให้ดินโปร่ง ร่วนซุย ระบายนําและถ่ายเทอากาศไดด้ ี รากพืชจึง ชอนไชหาธาตุอาหารไดง้ ่ายขึน ป๋ ุยอินทรียม์ ี 3 ประเภท คือ ป๋ ุยหมกั ป๋ ุยคอก และป๋ ุยพืชสด ป๋ ุยอินทรีย์ มปี ริมาณธาตอุ าหารพชื อยนู่ อ้ ยเมอื เปรียบเทียบกบั ป๋ ยุ เคมีและธาตุอาหารพชื ส่วนใหญ่อยใู่ น รูปของสารประกอบอินทรีย์ เช่น ไนโตรเจน อย่ใู นสารประกอบ จาํ พวกโปรตีน เมือใส่ ลงไปในดิน พชื จะไม่สามารถดูดไปใชป้ ระโยชน์ไดท้ นั ที แต่ตอ้ งผ่านกระบวนการย่อย สลายของจุลินทรียใ์ นดินแลว้ ปลดปล่อยธาตุ อาหารเหล่านันออกมาในรูปสารประกอบ อินทรียเ์ ช่นเดียวกนั กบั ป๋ ยุ เคมี จากนนั พืชจึงดูดไปใชป้ ระโยชนไ์ ด้ (3) ป๋ ุยชีวภาพ คือ ป๋ ุยทีประกอบด้วยจุลินทรียท์ ียงั มีชีวิตอยู่ และคุณสมบตั ิพิเศษสามารถ สังเคราะหส์ ารประกอบธาตุอาหารพชื ไดเ้ องหรือสามารถเปลียนธาตอุ าหารพืชทอี ยูใ่ นรูปที ไม่เป็ นประโยชนต์ ่อศตั รูพืชใหม้ าอยใู่ นรูปทีพชื สามารถดูดไปใชป้ ระโยชน์ได้ และยงั มี ประโยชน์อนื ๆ อีก เช่น
20 1. ทาํ ใหศ้ ตั รูพชื ลดลงชวั คราว เพราะไม่ชอบกลินหรือความเป็ นกรดของป๋ ุยชีวภาพ แต่เมือศตั รูพชื ปรับตวั ได้ ก็จะทาํ ลายพืชเหมอื นเดิม 2. ในกรณีทีเกษตรกรใชป้ ๋ ุยเคมีสูตรเดิม ๆ อยา่ งต่อเนือง ทาํ ใหม้ ีการสะสมธาตุอาหาร พชื บางตวั ในดินมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยงิ ฟอสฟอรัสและโพแทสเซียม เมือ หยุดใชป้ ๋ ยุ เคมีแลว้ ใชป้ ๋ ยุ ชีวภาพแทนพืชจะคงเจริญเตบิ โตไดด้ ี 3. ในบางกรณี ดินมีความเป็ นด่างหรือธาตุอาหารพืชบางตวั ไม่ละลาย เมือใช้ป๋ ุย ชีวภาพทีมีความเป็นกรดใส่ลงไป จะทาํ ใหส้ ภาพดินดีขึนชวั คราว และปลดปล่อย ธาตอุ าหารพชื ออกมามากขนึ 4. ในกรณีทีดินนนั ขาดธาตอุ าหารรองบางตวั ป๋ ุยชีวภาพทีมีธาตุอาหาร ดงั กล่าวจะ เขา้ ไปทดแทนทาํ ใหเ้ กิดผลดีตอ่ พชื 5. มีฮอร์โมนพืชบางอยา่ งทีถูกสังเคราะห์ขึนในกระบวนการหมกั และมีปริมาณ เหมาะสมกบั พชื นนั ๆ จึงทาํ ใหพ้ ืชเจริญเตบิ โตดีขึน ปริมาณธาตอุ าหารพชื ในป๋ ุยเคมี ฉลากของป๋ ุยเคมีทุกชนิดมีตวั เลข 3 จาํ นวนเรียงกัน ตวั เลขแต่ละจาํ นวนแสดงปริมาณ ธาตไุ นโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม (เอ็น-พ-ี เค) ตามลาํ ดบั เรียกว่า สูตรป๋ ุย ซึงมีหน่วยเป็ น เปอร์เซ็นต์ (%) โดยนาํ หนกั ทงั หมดของป๋ ุยเคมี ตวั อยา่ งเช่น ป๋ ยุ สูตร 13-0-46 แสดงว่าป๋ ุยเคมีหนัก 100 กิโลกรัม มีไนโตรเจน 13 กิโลกรัม ไม่มีฟอสฟอรัส และมีโพแทสเซียม 46 กิโลกรัม ส่วนธาตอุ าหารพชื ตวั อืน ๆ ในป๋ ยุ เคมี ผผู้ ลิตจะระบุ หรือไมก่ ็ได้ แตถ่ า้ ระบจุ ะใส่ขอ้ มลู ว่า มธี าตอุ าหารรองและจุลธาตอุ ะไรบา้ ง? ในปริมาณ (%) เทา่ ไหร่? ถา้ เกษตรกรตอ้ งการผสมป๋ ุยเคมีใช้เอง เพราะป๋ ุยสูตรทีมีจาํ หน่ายในทอ้ งตลาดไม่ตรงกับ ความตอ้ งการ แนะนาํ ใหใ้ ชแ้ ม่ป๋ ุยดงั ตอ่ ไปนี (1) ป๋ ยุ ไนโตรเจน (ป๋ ยุ เอ็น) เช่น ป๋ ยุ ยเู รีย (46-0-0) ป๋ ยุ แอมโมเนียซัลเฟส (21-0-0) (2) ป๋ ยุ ฟอสฟอรสั (ป๋ ยุ พ)ี เช่นป๋ ยุ ทริปเปิ ลซุปเปอร์ฟอสเฟส (0-46-0) ป๋ ยุ ไดแอมโมเนียมฟอสเฟส (18-46-0) (3) ป๋ ยุ โพแทสเซียม (ป๋ ยุ เค) เช่น ป๋ ยุ โพแทสเซียมคลอไรด์ (0-0-60) ป๋ ุยโพแทสเซียม ซลั เฟส (0-0-50)
21 การพจิ ารณาเลอื กซือป๋ ยุ เคมี ตามพระราชบญั ญตั ิป๋ ุย 2518 ได้กาํ หนดให้ผขู้ ายป๋ ุยเขียนข้อความทีสําคญั ต่าง ๆ เป็ น ภาษาไทยหรือทเี รียกว่า ฉลากป๋ ุยไวท้ ีกระสอบป๋ ุยให้เด่นชดั คือ (1) ชือทางการคา้ และมีคาํ ว่า ป๋ ุยเคมี (2) สูตรป๋ ยุ (3) นําหนักสุทธิของป๋ ุย (4) ปริมาณธาตุอาหารรอง (5) เครืองหมายการคา้ (6) ผูผ้ ลิตและ สถานทีผลิตหรือสถานทีตงั ของผแู้ ทนจาํ หน่ายทีชดั เจน (7) ทะเบียนเลขที ยกเวน้ ป๋ ุยเคมีมาตรฐาน 7 ชนิด เช่น ยเู รีย (46-0-0) ซุปเปอร์ฟอสเฟส (0-20-0) โพแทสเซียมคลอไรด์ (0-0-60) เป็ นตน้ ทีไม่ตอ้ ง ขึนทะเบียน อาชีพทเี กยี วข้องกบั งานเกษตร 1. อาชีพปลูกพชื อาจจะปลูกพชื ชนิดเดียวหรือปลูกพืชหลายชนิดผสมกัน เช่น ปลูกพืชผกั แต่มหี ลายชนิด หรือปลูกพชื ประเภทต่าง ๆ เช่น ปลูกผกั ปลูกผลไม้ และทาํ นาดว้ ย 2. อาชีพเลยี งสัตว์ เป็นอาชีพทีทาํ ไดท้ วั ประเทศ การเลียงสตั วบ์ างชนิดขนึ อยูก่ บั สภาพพืนที ทรัพยากรและสิงแวดลอ้ ม เช่น การเลียงหอยนางรม การเลียงปลาในกระชงั 3. อาชีพเกษตรผสมผสาน เป็ นอาชีพเกษตรประกอบดว้ ยหลายประเภททีมีการเกือกูลกนั เช่น มีการปลูกพืชรวมกบั การเลียงสตั วโ์ ดยนาํ เศษพืชมาให้สัตวก์ ิน เอามูลสัตวไ์ ปใส่พืช หรือ ผสมผสานกนั ระหว่างพืช เช่น เกือกูลกนั โดยอาศยั ร่มเงาจากตน้ ไมท้ ีใหญ่กวา่ 4. อาชีพแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร โดยนําผลผลิตทางการเกษตรทีเหลือจาก การขาย หรือเป็นช่วงทีมีราคาตกตาํ ก็นาํ มาแปรรูปได้เช่น การตากแห้งการดองการรมควนั การเชือม 5. อาชีพพ่อค้าคนกลาง เป็นอาชีพทีรับซือสินคา้ จากอีกทีหนึงไปยงั อีกทีหนึง ซึงไม่ตอ้ งเป็น ผผู้ ลิตเอง เช่น มีการรับซือสินคา้ หลากหลายจากผผู้ ลิตไปขายตลาด 1. การปลูกพชื 1.1 ประเภทของการปลูกพชื สามารถแบ่งพชื ออกตามลกั ษณะการใช้ ดงั นี (1) พชื ไร่ คอื เป็นไมป้ ระเภทไมล้ ม้ ลุก และไมท้ นแลง้ ตอ้ งการนาํ นอ้ ย มีอายุการปลูก และการเก็บเกียวไม่นาน และเมือใหผ้ ลผลิตแลว้ ลาํ ตน้ กจ็ ะตาย เช่น ขา้ วโพด ออ้ ย ขา้ ว มนั สําปะหลงั (2) พืชสวน คือ พืชทปี ลูกในพืนทีไม่มากหรือมาก ๆ ก็ได้ แต่ตอ้ งปฏิบตั ิดูแลอย่าง ใกลช้ ิดมากกว่าพืชไร่ ส่วนมากอายยุ ืนสามารถเก็บเกียวไดน้ านเป็ นเวลาหลายปี ติดตอ่ กนั เช่น พชื ผกั ผลไม้ ไมด้ อกไมป้ ระดบั
22 (3) พชื ป่ า เป็ นพืชทีไม่ตอ้ งการดูแลรักษา หรือมนุษยป์ ลูกขึนโดยอาศยั ธรรมชาติที สอดคลอ้ งกบั พืชชนิดทีเกิดขนึ เองในป่ า เช่น การปลูกสกั ปลูกไผ่ (4) พืชสมนุ ไพร หมายถึง พชื ทีมีสรรพคุณในการรักษาโรคไดท้ งั หมด พืชและสัตว์ บางชนิดยงั นํามาสกัดเป็ นเครืองสําอาง เช่น ว่านหางจระเข้ อญั ชัน ขมิน เป็ น อาหารเสริม เช่น กระชาย กระเทยี ม เป็นเครืองดืม เช่น บวั บก คาํ ฝอย ตะไคร้ ใช้ ปรุงแต่งอาหาร เช่น หอมแดง มะนาว 1.2 กระบวนการผลติ พชื การปลูกพืชชนิดใดก็ตาม ควรมขี นั ตอนการเตรียม ดงั นี (1) การจดั เตรียมก่อนเพาะปลูก 1. จดั เตรียมสภาพพืนที เตรียมดินใหเ้ หมาะสมกับพืชทีจะปลูกจดั หานําใชอ้ ย่าง เพียงพอ 2. เตรียมวสั ดุอุปกรณ์ เช่น เตรียมพนั ธุ์พืช วสั ดุในการปลูกพืชนาํ มนั เครืองมือ ทจี าํ เป็น อาจมีการเตรียมตรวจสอบเครืองจกั รทีจะใช้ เช่น เครืองสูบนํา อาจ ตอ้ งมกี ารเปลียนอะไหล่บางชินกไ็ ดใ้ หจ้ ดั หาไวล้ ่วงหนา้ 3. เตรียมทุน ในทีนีหมายถึงเงินทุนทีจะเตรียมซือวสั ดุอุปกรณ์ จา้ งแรงงาน 4. เตรียมแรงงาน แรงงานทใี ชอ้ าจจะเป็นแรงงานในครอบครัว หรือแรงงานจา้ ง ขา้ งนอก ตอ้ งวางแผนการใชแ้ รงงานวา่ ช่วงใดตอ้ งใชม้ ากน้อยเพยี งใด 5. ศกึ ษาราคาของตลาดพชื ในช่วงนนั ๆ เพอื วางแผนการปลูกใหต้ รงกบั ช่วงทีมี ราคาแพง 6. เตรียมพนั ธุ์พชื อาจไดพ้ นั ธุ์มาจากการเพาะเมลด็ กิงตอน กิงทาบ การแยกหน่อ การเสียบยอด ซึงตอ้ งพจิ ารณาขอ้ ดีขอ้ เสียของแต่ละวิธี และความเหมาะสม ของพืชทีจะใชป้ ลูก (2) การปลูกพชื เมอื เตรียมสถานทีแลว้ กล็ งมอื ปลูก การปลูกมีหลายวิธี เช่น หว่านเมล็ด การขดุ หลุมปลูก ขึนอยกู่ บั ชนิดของพืชดว้ ย (3) การดูแลรักษา เมือปลูกแลว้ ตอ้ งมีการดูแลรักษา มีการใหน้ าํ ให้ป๋ ุยบาํ รุงดิน ป้ องกนั กาํ จดั ศตั รูพชื ทงั นีขึนอยกู่ บั ชนิด อายุ ของตน้ พืชดว้ ย (4) อายกุ ารเก็บเกียว มีความแตกต่างตามชนิดของพืชขึนอยูก่ บั ระยะเวลา หรือใช้ วิธีการสงั เกต พืชอาจเก็บเกียวดว้ ยแรงคน เครืองทุ่นแรงหรือเก็บเกียว ไดท้ งั แรง คนและเครืองจกั รกต็ อ้ งขึนอยกู่ บั ขนาดของธุรกิจดว้ ย
23 (5) การขาย พชื มีวธิ ีการขายไดห้ ลายวธิ ี เช่น มีพอ่ คา้ คนกลางมาซือถึงบา้ น ไปขายเอง ทีตลาด ส่งร้านคา้ ประจาํ เช่น ส่งตามหา้ งสรรพสินคา้ ส่งกลุ่มสหกรณ์ สภาพปัญหา 1. พนื ฐานความรู้ของเกษตรกรรายย่อยส่วนใหญ่มีการศึกษาน้อย เช่น จบ ป.4 ป.6 หรือลืม หนงั สือไปแลว้ ทาํ ใหม้ ีปัญหาในการศกึ ษาหาความรู้ โดยเฉพาะการศกึ ษาขอ้ มูลการผลิต กบั ขอ้ มลู ทางการตลาด จึงเป็นสาเหตุทที าํ ใหก้ ารผลิตยงั คงเดิมหรือตาม ๆ กนั ไป 2. ราคาพชื ผลไม่แน่นอน ไม่มหี ลกั ประกนั ในการรบั ซือผลผลิตทางการเกษตร เมือผลผลิต เกบ็ เกียวไดแ้ ลว้ จึงหาตลาด ไม่มกี ารหาตลาดไวล้ ่วงหนา้ ดงั นนั ผลผลิตทางการเกษตรจึง ถูกกาํ หนดราคาโดยพ่อคา้ คนกลาง เนืองจากผลผลิตทาง การเกษตรมีอายสุ ัน ทาํ ให้ เกษตรกรตอ้ งรีบขาย ถา้ ไมข่ ายทนั ทีตอ้ งเตรียมยงุ้ ฉางสาํ หรับเกบ็ เช่น ขา้ ว 3. ระบบชลประทาน การวางระบบชลประทานของภาครฐั บาลไมท่ วั ถึง บางแห่งมนี าํ ใชท้ าง การเกษตรตลอดปี บางแห่งตอ้ งอาศยั นาํ ตามธรรมชาติ 4. การช่วยเหลอื ในการสร้างถนนเข้าไปในพืนทีของเกษตรกรยังไม่ทวั ถึง ทาํ ให้ไม่สะดวก ในการขนส่งผลผลิตทางการเกษตรออกมาจากฟาร์ม 5. การจัดการของเกษตรกรยังไม่คุ้มค่ากบั การลงทุน มีการใชท้ ุนมากกว่าผลทีได้ ทาํ ให้ ขาดทนุ ทุกปี จนเกิดเป็นหนีสินเพิมขนึ ๆ 6. ราคาผลผลิตตกตํา เมือผลผลิตออกมากจะทาํ ให้ราคาผลผลิตตกตาํ อาจแกป้ ัญหาโดย การทาํ ใหอ้ อกนอกฤดูกาล หรือเพมิ มูลคา่ ผลผลิต โดยการแปรรูปอาหาร หรือถนอมผลผลิต การอนุรักษ์พลงั งานและสิงแวดล้อม 1. ใช้พลงั งานไฟฟ้ าทางการเกษตรอย่างประหยดั เช่น เครืองปันไฟฟ้ า 2. ประหยดั นํามนั เชือเพลงิ ในการดาํ เนินงานควรวางแผนการดาํ เนินงานก่อนเพือประหยดั ในการใชน้ ํามนั เช่น วางแผนซือวสั ดุอุปกรณใ์ หน้ อ้ ยครัง 3. ไม่ควรเผาตอซังในพนื ทีนา ไร่ สวน นอกจากจะทาํ ใหเ้ กิดมลพิษทางอากาศแลว้ ยงั ทาํ ใหห้ น้าดิน ซึงประกอบดว้ ยแร่ธาตอุ าหารสูญเสียไปดว้ ย โดยการถูกความร้อน 4. การใช้ผลผลิตให้เกิดประโยชน์ ผลผลิตทีเหลือจากการจําหน่ายควรนํามาใชใ้ ห้ เกิด ประโยชน์ต่อไป เช่น มูลสตั ว์ ใหน้ าํ มาใชห้ มกั ป๋ ุย เศษพืชนาํ มาใหส้ ัตวก์ ิน หรือทาํ ป๋ ยุ หมกั
24 2. การเลยี งสัตว์ 2.1 ประเภทของการเลยี งสัตว์ แบ่งตามลกั ษณะของสตั วไ์ ด้ ดงั นี (1) สัตว์ใหญ่ นิยมเลียงกนั แพร่หลาย เป็นสัตวท์ ีเลียงไวเ้ พือใช้งาน ใชเ้ ป็ นพาหนะ เลียงเป็นอาชีพ เช่น โคเนือ กระบอื (2) สัตวเ์ ล็ก นิยมเลียงในครัวเรือนเป็ นอาชีพ เป็ นอาหารหรือเพือความเพลิดเพลิน เช่น สุกร แพะ กระต่าย (3) สัตวป์ ี ก เป็นสตั วป์ ระเภทมีปี ก เช่น ไก่ เป็ด ห่าน นก (4) สัตวน์ าํ เป็นสตั วท์ ีอาศยั ในนาํ หรือครึงบกครึงนาํ เช่น ปลา กงุ้ กบ และตะพาบนํา 2.2 กระบวนการผลิตสัตว์ (1) การเตรียมการก่อนการเลียงสัตว์ คล้ายกบั การเตรียมการปลูกพืช มีการเตรียม สถานที วสั ดุอุปกรณ์ เตรียมทุน แรงงาน ศึกษาราคาตลาด เตรียมพนั ธุ์ ซึงสิงของ เครืองใชอ้ าจแตกต่างกนั การเตรียมสถานทตี อ้ งมีการเตรียมเพมิ เติม เช่น เตรียม โรงเรือน เตรียมบอ่ นําสาํ หรับการเลียงสัตวบ์ างชนิด (2) การเลยี งสัตว์ ตอ้ งจดั สถานทีใหเ้ หมาะสมกบั สตั วช์ นิดนนั ศึกษาความชอบ ชนิด และปริมาณอาหารทตี อ้ งการตามวยั ของสัตว์ (3) การดูแลรักษา อาจตอ้ งมีการใหอ้ าหารเสริม หรือบางชนิดตอ้ งใหอ้ อกกาํ ลงั กาย มี การสังเกตเพือป้ องกนั โรคตา่ ง ๆ (4) การขาย ขายเมือสัตวเ์ จริญเติบโตเตม็ ที ถา้ เลียงต่อไปจะทาํ ให้ตน้ ทุนสูง ตอ้ งเสีย คา่ อาหาร ค่าแรงงานเลียง และอืน ๆ อีก การขายก็เช่นเดียวกนั กบั การจาํ หน่าย ผลผลิตทีเกียวกบั พืช เช่น มีพอ่ คา้ คนกลางมาซือ หรือส่งตาม หา้ งสรรพสินคา้ งานช่าง งานช่าง หมายถึง งานหรือสิงทีเกิดขึนจากการทาํ งานของช่างทมี คี วามรู้ ความชาํ นาญ ในงาน นนั ๆ ทกั ษะเป็นสิงจาํ เป็นในการเป็นช่าง เพราะเป็นการสร้างความรู้ ความชาํ นาญในการ ทาํ งานสิงใด สิงหนึง โดยมีขนั ตอนดงั นี 1. การศึกษาหาความรู้กับงานช่างนัน ๆ ก่อนทีจะลงมือปฏิบตั ิงานนนั ๆ เพือให้ทราบ ธรรมชาตขิ องงาน เช่น งานไฟฟ้ าตอ้ งเขา้ ใจเกียวกบั ธรรมชาติของกระแส ไฟฟ้ า การทาํ งาน ของอุปกรณต์ ่าง ๆ จากคูม่ ือประกอบของอุปกรณ์นนั ๆ
25 2. การวิเคราะห์สาเหตุของการชํารุดเสียหายของชินส่วนอุปกรณ์หรือสิงก่อสร้าง ศกึ ษาชนิด ของวสั ดุและหน้าทีของชินส่วนอุปกรณ์ในแต่ละส่วนก่อนทําการถอดหรื อแก้ไข ซ่อมแซม 3. การจัดเตรียมอุปกรณ์ในการถอดประกอบชินส่วนในแต่ละอุปกรณ์ เครืองมือในการซ่อม เช่น คอ้ น คีม ไขควง ตลบั เมตร ฯลฯ ใหเ้ หมาะสมกบั ลกั ษณะงานนนั 4. การวางแผนและกําหนดขันตอนการปฏิบัติงานในแต่ละส่วนให้เหมาะสม และการใช้วสั ดุ อุปกรณอ์ ะไรบา้ ง งบประมาณทีใชค้ วามคุม้ ค่ากบั การซ่อมบาํ รุง 5. การปฏิบัตงิ าน คอื การทาํ งานทลี ะขนั ตอนตามทีได้ศึกษาวิเคราะห์และวางแผนไวเ้ ป็ น การฝึกใหม้ ีการสังเกต ตรวจสอบ และคน้ ควา้ เพือทาํ การทดลองและแกไ้ ขขอ้ บกพร่อง หรือจุดเสียใหด้ ีขึนหรืออยู่ในสภาพเดิมทสี ามารถใชไ้ ดต้ ่อไป 6. เมอื ทาํ การซ่อมแซมเรียบร้อยแล้วให้ตรวจสภาพความเรียบร้ อย อุปกรณ์ใส่ครบถว้ น ถูกตอ้ งหรือไม่ แลว้ จึงทาํ การทดลองวา่ สามารถใชไ้ ดห้ รือไม่ หรือตอ้ งทาํ การปรบั ปรุงแกไ้ ข ใหด้ ีต่อไป ประเภทของงานช่าง 1. ช่างไฟฟ้ า เป็นผมู้ ีความชาํ นาญเกียวกบั ธรรมชาตแิ ละการทาํ งานของระบบไฟฟ้ า ประโยชน์ และโทษของไฟฟ้ า เช่น เดนิ สายไฟในอาคาร ช่างวิทยุ โทรทศั น์ 2. ช่างไม้ เป็นผมู้ ีความชาํ นาญเกียวกบั งานไม้ เช่น การทาํ เฟอร์นิเจอร์จากไม้ ทาํ โตะ๊ เกา้ อี หรืองานก่อสรา้ งจากไม้ 3. ช่างยนต์ เป็นผมู้ ีความชาํ นาญเกียวกับเครืองยนต์ กลไก การทาํ งานของเครืองยนต์ เช่น เป็นช่างซ่อมรถยนต์ รถจกั รยานยนต์ 4. ช่างประปาเป็นผมู้ ีความชาํ นาญเกียวกบั การวางทอ่ ประปาธรรมชาติการไหลของนําการเชือมต่อ ทอ่ ในลกั ษณะต่าง ๆ 5. ช่างปูน เป็นผมู้ ีความชาํ นาญเกียวกบั การก่ออิฐถือปูน การฉาบ การเทพนื คอนกรีต 6. ช่างทาสี เป็นผมู้ ีความชาํ นาญเกยี วกบั การทาสีกบั วสั ดุตา่ ง ๆ แลว้ ยงั มคี วามชาํ นาญเกียวกบั การเลือกใชส้ ีกบั วสั ดุตา่ ง ๆ 7. ช่างเชือม เป็นผมู้ ีความชาํ นาญเกียวกบั งานเชือม การใชเ้ ครืองมอื เครืองจกั รในการเชือม อาชีพทีเกียวขอ้ ง เช่น อาชีพทาํ เหลก็ ดดั ประตู หนา้ ตา่ ง
26 อาชีพทเี กยี วข้องกบั งานช่าง 1. เป็ นอาชีพตามความชํานาญ เช่น ช่างไฟฟ้ า ช่างไม้ ช่างยนต์ ช่างประปา ช่างปูน ช่างทาสี ช่างเชือม โดยอาจใชค้ วามรู้ความสามารถรับงานเอง มกี ารบริหาร จดั การ คดิ ราคาไดเ้ อง ติดตามการทาํ งานเอง จดั การหาลูกคา้ เอง หรือบางคนใชค้ วามชาํ นาญเป็ นลูกจา้ งงาน ก่อสร้าง 2. เปิ ดร้านซ่อม เช่น ซ่อมเครืองไฟฟ้ า ซ่อมเครืองรถยนต์ ขึนอยกู่ บั ความชาํ นาญของแต่ละคน กระบวนการงานของช่าง 1. ออกแบบงานช่างตอ้ งมีการออกแบบมาก่อน เพอื ใหช้ ่างต่าง ๆ ทาํ ตาม และเป็นการคดิ งาน มาทงั ระบบแลว้ มกี ารกาํ หนดชนิดของวสั ดุทีตอ้ งใชอ้ ยา่ งละเท่าใด สังเกตว่าเมือเราซือ อุปกรณ์งานช่างก็มคี ูม่ ือการติดตงั มากบั ชุดอุปกรณด์ ว้ ย 2. อ่านแบบ ช่างจะตอ้ งอ่านแบบใหเ้ ขา้ ใจ สามารถแยกวสั ดุอปุ กรณท์ ีใชไ้ ด้ทาํ ใหค้ ิดคา่ ใชจ้ ่าย ได้ และเรียนรู้ระบบ/ขนั ตอน การติดตงั หรือประกอบงานนนั 3. จัดเตรียมวสั ดุอุปกรณ์ตามทกี ําหนด ใชว้ สั ดุอุปกรณ์ชนิดใดบา้ ง จาํ นวนกีชิน ชนิดของ เครืองมอื ทใี ชจ้ ดั เตรียมใหพ้ ร้อมก่อนลงมือปฏิบตั ิ 4. ลงมอื ปฏิบตั ิ นาํ วสั ดุอุปกรณม์ าใหพ้ ร้อม แลว้ ปฏิบตั ิตามขนั ตอนทีกาํ หนดอยา่ งเคร่งครัด 5. ทดลองใช้ ควรตรวจสอบกบั แบบอีกครังก่อนทดลองใช้ เพอื ไมใ่ หเ้ กิดการผดิ พลาด งานประดษิ ฐ์ งานประดษิ ฐ์ หมายถึงสิงทที าํ ขนึ ใหม่โดยใชว้ สั ดุต่างๆ ทงั ทีเป็นวสั ดุเหลือใชห้ รือวสั ดุทวั ๆ ไป แลว้ นาํ ไปใชใ้ ห้เกิดประโยชน์ เช่น 1. เป็นกิจกรรมทชี ่วยใหเ้ กิดความคิดริเริมสรา้ งสรรค์ 2. เป็นการใชเ้ วลาว่างใหเ้ กิดประโยชน์ 3. เป็นการฝึ กใหร้ ู้จกั สังเกตสิงรอบ ๆ ตวั และนาํ มาใชป้ ระโยชน์ได้ 4. สร้างความภาคภูมิใจกบั ผปู้ ระดิษฐ์ 5. สามารถสร้างงานและสรา้ งรายไดเ้ พือเป็นพนื ฐานการประกอบอาชีพได้ 6. ลดคา่ ใชจ้ ่าย
27 ขอบข่ายของงานประดษิ ฐ์ งานประดิษฐ์ต่าง ๆ สามารถเลือกทาํ ไดต้ ามความตอ้ งการและประโยชน์ใชส้ อย ซึงแบง่ เป็ น 4 ประเภท ไดด้ งั นี 1. ประเภทของเล่น เป็ นของเล่นเพือความเพลิดเพลิน ของเล่นเพือการคิด เช่น งานปัน งานจกั สาน วสั ดุทีใช้ เช่น กระดาษ ผา้ เชือก พลาสติก 2. ประเภทของใช้ อาจทาํ ขึนเพือใชใ้ นชีวติ ประจาํ วนั เช่น ตะกรา้ กระบุง งานไมไ้ ผ่ ผา้ เช็ดเทา้ ผา้ ปูโตะ๊ วสั ดุทใี ช้ เช่น กระดาษ ไมไ้ ผ่ ดิน ผา้ เหลก็ ใบตอง 3. ประเภทของตกแต่ง ใชต้ กแต่งสถานที บา้ นเรือนใหม้ ีความสวยงาม เช่น การประดิษฐ์ ดอกไม้ แจกนั ภาพวาด งานแกะสลกั 4. ประเภทเครืองใช้งานพธิ ี ทาํ ขึนเพือใชใ้ นพิธีทางศาสนาในช่วงโอกาสต่าง ๆ และงาน ประเพณี เช่น ลอยกระทง งานเขา้ พรรษา งานออกพรรษา งานศพ เครืองใชใ้ นงานพิธี ทางศาสนา เช่น พานพุ่ม มาลยั เครืองแขวน บายศรี การจดั ดอกไม้ ในงานศพ วสั ดุอุปกรณท์ ีใชใ้ นงานประดิษฐ์จะตอ้ งใชว้ สั ดุ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ดงั นี . วสั ดุธรรมชาติ เช่น ใบไม้ กอ้ นหิน ขนสตั ว์ เกลด็ ปลา เปลือกไข่ ฯลฯ . วสั ดุสังเคราะห์ เช่น กระดาษ ผา้ พลาสติก เชอื กไนลอน ฯลฯ . เศษวสั ดุ มีทงั วสั ดุธรรมชาติและวสั ดุสังเคราะห์ เช่น เศษผา้ เศษไม้ เศษโลหะ ฯลฯ อุปกรณท์ ใี ชใ้ นงานประดิษฐ์ ไดแ้ ก่ ไมบ้ รรทดั ไมฉ้ าก ไมค้ รึงวงกลม กรรไกร มีดคตั เตอร์ เขม็ ดา้ ย กาว ตะปู คอ้ น จกั รเยบ็ ผา้ ฯลฯ อาชีพทเี กยี วข้องกบั งานประดิษฐ์ อาชีพนักประดษิ ฐ์ เป็นอาชีพทผี ลิตสิงของเครืองใช้ ซึงจะตอ้ งเป็นผทู้ ีมคี วามคดิ สร้างสรรค์ ทนั ต่อความตอ้ งการของตลาด ลกั ษณะการประกอบอาชีพ ไดแ้ ก่ ผลิตเสร็จแลว้ ขายความคดิ ใหก้ บั บริษทั หรือคดิ แลว้ ผลิต เองส่งขายใหร้ ้านคา้ หรือผลิตเองแลว้ ขายเองโดยตรง กระบวนการผลิตงานประดษิ ฐ์ งานประดิษฐ์ มีขนั ตอน ดงั นี 1. ออกแบบงานประดษิ ฐ์ เช่นประดิษฐ์ดอกไมจ้ ะตอ้ งออกแบบขนาดของใบ ขนาดของกลีบดอก เกสรดอกไม้ กา้ นดอก
28 2. จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อม เช่น กระดาษ กรรไกร มีด กาว วสั ดุทีจะใช้ทาํ สิงประดิษฐ์ 3. ปฏบิ ัติ เมือออกแบบและเตรียมวสั ดุแลว้ ใหน้ าํ มาประกอบตามตอ้ งการ 4. การตกแต่ง อาจมีการตกแต่งใหส้ วยงามดว้ ยการหาวสั ดุมาตกแต่งเพิมเติม เพือเพิมมูลค่า ใหผ้ ลิตภณั ฑ์ เช่น ตกแตง่ ดว้ ยการทาสี 5. ตรวจสอบชินงาน โดยตรวจสอบกบั แบบทีกาํ หนดไวอ้ ีกครังหนึง ว่ามีการติดวสั ดุครบถ้วน หรือไม่ หรือตรวจสอบโดยผชู้ าํ นาญใหแ้ สดงความคดิ เห็น ปัญหาในการผลติ ชินงาน 1. วตั ถดุ บิ ปัจจุบนั วสั ดุธรรมชาตโิ ดยการหาจากพืชในทอ้ งถิน ถูกใชอ้ ยา่ งฟ่ มุ เฟื อยไมม่ ีการปลูก ทดแทน วสั ดุมรี าคาแพงขึน เช่น กระดาษ 2. การส่งเสริมและพัฒนาผลิตภณั ฑ์ ผูผ้ ลิตส่วนใหญ่ไม่มีความรู้เรืองการออกแบบ ทาํ ให้ บรรจุภณั ฑไ์ มท่ นั สมยั และไมม่ คี ุณคา่ 3. กระบวนการผลติ ส่วนใหญ่ขนั ตอนการผลติ ยงั ใชว้ ธิ ีเก่า มกี ารนําเทคโนโลยีเขา้ มาใชน้ อ้ ย ตน้ ทุนสูง การอนุรักษ์พลงั งานและสิงแวดล้อม 1. งานประดิษฐ์ทผี ลิตโดยโรงงานทีเป็ นระบบอุตสาหกรรม จะมีการใชพ้ ลงั งานไฟฟ้ ากบั เครืองจกั ร ดงั นนั จึงควรดูแลใชไ้ ฟฟ้ าภายในโรงงาน เช่น มีการติดประกาศวิธีการใช้ ไฟฟ้ าอยา่ งประหยดั 2. งานประดิษฐ์ทีเป็ นระบบอุตสาหกรรมควรคาํ นึงถึงสิงแวดล้อม เช่น การทงิ ของเสียทีเป็น สารเคมลี งสู่แม่นาํ ลาํ คลอง หรือปล่อยควนั พษิ สู่บรรยากาศ โดยเฉพาะวสั ดุทีทาํ เป็ นสาร พลาสตกิ หรือยางสงั เคราะห์ งานธุรกจิ งานธุรกจิ หมายถึง การดาํ เนินกิจกรรมการผลิต หรือจาํ หน่ายสินคา้ การแลกเปลียนสินคา้ ในเรือง ของสินคา้ และบริการ และบริการโดยมงุ่ หวงั ผลกาํ ไร ลกั ษณะของธุรกจิ การประกอบธุรกิจมหี ลากหลายรูปแบบ แต่ละรูปแบบมีขอ้ ดีและขอ้ เสียแตกต่างกนั ในเรือง ของการจดั ตงั การขยายกิจการ ความรับผดิ ชอบของเจา้ ของ จึงควรศึกษาใหเ้ ขา้ ใจเพือเลือกรูปแบบให้ เหมาะสมกบั ตนเอง
29 1. กจิ การเจ้าของคนเดียว หมายถึง กิจการทมี บี คุ คลเดียวเป็นเจา้ ของกิจการ เป็นผดู้ ําเนินงาน และรับผดิ ชอบบริหารงานเพียงลําพงั คนเดียว ทาํ ใหก้ ารตัดสินใจเป็ นไปดว้ ยความรวดเร็ว ผปู้ ระกอบการหรือเจา้ ของธุรกิจเป็นผรู้ ับผดิ ชอบในผลการ ประกอบการนนั ทงั หมด ไม่ว่า จะเป็ นกาํ ไรหรือขาดทุนโดยไม่จํากดั จาํ นวนแต่เพียงผูเ้ ดียว กล่าวคือ หากธุรกิจมีกาํ ไร กาํ ไรทงั หมดกจ็ ะเป็นของผปู้ ระกอบการนนั แต่หากธุรกิจขาดทนุ ผปู้ ระกอบการก็ตอ้ งรับ ผลขาดทุนนนั ทงั หมด 2. ห้างหุ้นส่วน หมายถึง กิจการทีมบี คุ คลตงั แต่ 2 คนขึนไป ตกลงร่วมดาํ เนิน กิจการดว้ ยกนั เพอื แสวงหาผลกาํ ไรจากการดาํ เนินกิจการนนั 3. บริษัทจํากดั หมายถึง กิจการทจี ดั ตงั ขึนโดยมกี ารแบ่งทุนเป็นหุน้ ทมี บี ุคคลถือหุน้ มีมูลค่า เท่า ๆ กนั และผถู้ ือหุน้ แต่ละคนรบั ผดิ ชอบเพียงค่าหุน้ ทตี นนาํ ส่งใช้ไม่ครบตามมูลคา่ ของหุน้ ทีตนถือเทา่ นัน ระบบสหกรณ์ สหกรณ์ เป็นองคก์ รธุรกิจรูปหนึงทีประกอบดว้ ยบุคคลมารวมกนั โดยวธิ ีการช่วยเหลือซึงกนั และกนั อย่างมีวตั ถุประสงค์ เพือส่งเสริมผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของสมาชิก การประกอบธุรกิจ ระบบสหกรณเ์ ป็นการจดั การไม่ม่งุ คา้ กาํ ไร ยดึ หลกั การช่วยเหลือซึงกนั และกนั ของสมาชิก ป้ องกนั มิให้ ถูกเอาเปรียบจากพอ่ คา้ คนกลางหรือบุคคลอืน ๆ ลกั ษณะของสหกรณ์ 1) เป็นองคก์ รทมี ีการรวมกลุ่มบคุ คลทีมีวตั ถุประสงคแ์ ละความสนใจเหมือนกนั 2) องคก์ รมีจุดหมายหลกั ในการส่งเสริมผลประโยชนท์ างเศรษฐกิจแก่สมาชิก 3) การจดั องคก์ รยดึ รูปแบบประชาธิปไตย โดยให้ทุกคนมสี ่วนร่วมในการจดั การ การกาํ กบั ดูแล การจดั หาทุน และรับผดิ ชอบ หลกั การของสหกรณ์ 1) การเป็นสมาชิกสหกรณ์ ตอ้ งเขา้ มาดว้ ยความสมคั รใจ ยอมรับระเบียบ กฎเกณฑ์ ของ สหกรณต์ ามหลกั เสรีภาพ 2) สมาชิกทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกนั ตามหลกั ประชาธิปไตย 3) การมีผลกาํ ไรตอ้ งมีความยตุ ิธรรม
30 4) การดาํ เนินธุรกิจถือหลกั วา่ เงินส่วนเกินหรือผลกาํ ไรเป็นของสมาชิกทกุ คน 5) ส่งเสริมใหบ้ คุ ลากรมคี วามรู้ความสามารถในการดาํ เนินงานสหกรณ์ และสนบั สนุนให้ สมาชิกไดฝ้ ึก ศกึ ษาหาความรู้ในการประกอบอาชีพของตน 6) มคี วามร่วมมอื ระหว่างสมาชิกสหกรณ์ เพอื ใหบ้ รรลเุ ป้ าหมายของการอยดู่ ี กินดี และมีสุข ของสมาชิกในประเทศไทย มพี ระราชบญั ญตั ิสหกรณ์ พ.ศ. 2511 เป็ น กฎหมายรองรับ การดาํ เนินงานของสหกรณ์ ประเภทของสหกรณ์ ระบุไวว้ ่ามี 2 ประเภท คือ สหกรณ์ จาํ กดั และไม่จาํ กัด แต่ในการปฏิบตั ิสหกรณ์ในประเทศไทย แบ่งได้ 6 ประเภท คือ สหกรณ์การเกษตร สหกรณก์ ารประมง สหกรณน์ ิคม สหกรณ์ร้านคา้ สหกรณอ์ อมทรัพย์ สหกรณบ์ ริการ วสิ าหกิจชุมชน วสิ าหกิจชุมชน คอื การประกอบการโดยชุมชนทีมสี มาชิกชุมชนเป็ นเจา้ ของปัจจยั การผลิต การคา้ และการเงนิ เพือใหเ้ กิดประโยชน์ทงั ดา้ นเศรษฐกิจ คอื การสร้างรายไดแ้ ละอาชีพ ดา้ นสังคม คือ การยดึ โยงร้อยรดั ความเป็ นครอบครัวและชุมชนให้ ร่วมคิด ร่วมทาํ ร่วมรับผิดชอบ แบ่งทุกขป์ ันสุข ซึงกนั และกนั วิสาหกิจชุมชนจะเป็นเครืองมือในการสร้าง ฐานรากทางเศรษฐกิจและสงั คมใหเ้ ขม้ แขง็ ตลอดจนพงึ พาตนเองไดใ้ นทีสุด หลกั การวสิ าหกจิ ชุมชน 1) ชุมชนหรือองคก์ รชุมชนเป็นเจา้ ของปัจจยั การผลิตและทรพั ยากรธรรมชาติ 2) เคารพหลกั การและเป้ าหมายการดาํ รงชีวิตร่วมกนั แบ่งปันกนั พงึ พงิ กนั ภายในชุมชนอยา่ ง เสมอภาคและเคารพหลกั การอยู่ร่วมกันของชุมชนกับสิ งแวดลอ้ ม ระบบนิเวศน์แบบ ปฏิสัมพนั ธภาพ 3) มกี ารทาํ งานแบบมสี ่วนร่วมของชุมชน จดั การและวางแผนแมบ่ ทพฒั นาชุมชนดว้ ยตนเอง 4) สร้างทุนของชุมชนหรือกองทนุ ของชุมชนหลากหลายรูปแบบ เป็นหลกั ประกนั ความเสมอภาค ทางเศรษฐกิจและสิทธิมนุษยชน 5) วิสาหกิจชุมชนเป็นหลกั การมีส่วนร่วมและกระจายผลประโยชน์ควบคู่ไปกับการสร้าง สงั คมสวสั ดิการทีเกิดจากสมาชิกชุมชนร่วมมือขนึ มา เรียกวา่ สวสั ดิการ 6) เศรษฐกิจชุมชนมาจากฐานการผลิตทีหลากหลาย เป็นองคก์ รรวมดา้ นปัจจยั สี ตอบสนองตลาด ในชุมชนก่อน
31 วสิ าหกิจชุมชน เป็นแนวคดิ ทีมุ่งผลิตหรือบริการโดยสมาชิกในชุมชน เพือการบริโภค และ สร้างรายไดใ้ หช้ ุมชนจากผลผลิตทีหลากหลายในชุมชน ทงั ในด้านการบริโภคแบบพึงพาตนเอง การเก็บหรือถนอมอาหารไวก้ นิ ในครอบครัว ในชุมชน จะช่วยลดรายจ่ายของครอบครัว และเสริมสร้าง สุขภาพสังคม สุขภาพอนามยั ทดี ี มคี ุณธรรม ไม่เห็นแก่ประโยชนด์ า้ นกาํ ไรสูงสุด ดงั นนั การจดั ตงั วิสาหกิจชุมชนจึงตงั อยบู่ นกระบวนการคดิ และปฏิบตั ิ ดงั นี 1) จุดเริมตน้ ของการแปรรูปหรือผลิตสินคา้ ของชุมชน สมาชิกชุมชนตอ้ งมี เป้ าหมายเพือ บริโภคอุปโภคของตนเองเป็ นหลกั ดา้ นการผลิตสินคา้ หลายชนิด หลายประเภท เพือ การพงึ พาตนเอง ลดรายจ่ายทเี สียไปจากการซือ ป้ องกนั ไม่ให้เงินไหลออกไปจากชุมชน จะส่งผลให้การหมุนเวียนและแพร่สะพดั อยใู่ นชุมชน 2) สมาชิกในชุมชนผลิตสินคา้ เป็นระบบอุตสาหกรรม เพือลดรายจ่ายของตนเอง หรือเป็ น หลกั พึงพิงตนเองได้แลว้ จึงค่อยขยบั ขยายการผลิตออกไปสู่ชุมชนเพือนบา้ น เพือลด ภาระการซือของแพงแก่ชุมชนเพือนบา้ น 3) การเริมตน้ ดาํ เนินการวิสาหกิจชุมชน ตอ้ งคาํ นึงถึงการลงทุนตาํ อุปกรณ์ง่าย ๆ การใช้ แรงงานในชุมชน และการรู้จักพฒั นาจากภูมิปัญญาดงั เดิมมาใช้ ขอบข่ายของงานธุรกจิ การประกอบธุรกิจแบ่งออกตามอาชีพ เช่น ธุรกิจการเกษตร ธุรกิจอุตสาหกรรม การทอ่ งเทียว อุตสาหกรรมยานยนต์ ธุรกิจการก่อสร้าง ธุรกิจการเงิน ธุรกิจเกียวกบั งานบา้ น ธุรกิจเกียวกบั งาน ประดิษฐ์ ซึงทกุ อาชีพนอกจากมีกระบวนการผลิตแลว้ ยงั มีงานธุรกิจแทรกไปกบั อาชีพดว้ ย 1. ข้อมูลทีเกียวข้องกับธุรกจิ เช่น ประกอบธุรกิจการเกษตรก็ควรมีขอ้ มูลทางการเกษตร เช่น ผลผลิตเป็นอะไร ใชว้ สั ดุอุปกรณใ์ ดบา้ ง สถานทผี ลิตอยทู่ ใี ด และในลกั ษณะเช่าหรือ เป็นของตนเอง มกี ระบวนการผลิตอย่างไร ขายทีใด ใชแ้ รงงานอยา่ งไร จะผลิตเมือใด ซึง ขอ้ มลู เหล่านีจะมปี ระโยชนต์ อ่ งานธุรกิจใชใ้ นการวางแผน 2. งานการเงนิ และบัญชี เป็ นการวางแผนเกียวกบั รายไดแ้ ละรายจ่าย เพือให้ใชจ้ ่ายเงินได้ เพียงพอกบั รายได้ และมีเงินออมไวใ้ ชจ้ ่ายในอนาคต ประโยชน์ของการทําบญั ชี 1. เจา้ ของกิจการทราบวา่ ธุรกิจมีกาํ ไรหรือขาดทุน 2. ทราบเกียวกบั ราคาสิงของทีซือและราคาขายผลผลิต 3. เป็นขอ้ มูลการทาํ ธุรกจิ ในครัวตอ่ ไป
32 4. ง่ายต่อการตรวจสอบเนืองจากเป็ นการบนั ทึกรายการทงั รายรับ-รายจ่าย ตามลาํ ดบั เหตุการณ์ ก่อน-หลงั อาชีพทเี กยี วข้องกบั งานธุรกิจ ทุกอาชีพทีกล่าวมาส่วนหนึงของการดาํ เนินงาน คือ งานธุรกิจ 1. ธุรกิจการเกษตร เป็นธุรกิจทีเกียวขอ้ งกบั การเกษตร 2. ธุรกจิ อุตสาหกรรม เป็นธุรกิจทีเกียวกับงานช่าง เช่น ธุรกิจผลิตเครืองใชไ้ ฟฟ้ า ธุรกิจผลิต รถยนต์ 3. ธุรกจิ อุตสาหกรรมการท่องเทยี ว เป็นธุรกิจจดั การท่องเทยี ว เช่น บริษทั จดั ทวั ร์ มกี ารบริการ การเดินทาง ทพี กั อาหาร มีมคั คุเทศก์ เป็นการบริการอยา่ งครบวงจร 4. ธุรกิจการก่อสร้าง เช่น ธุรกิจรับก่อสร้างบา้ น อาคาร 5. ธุรกิจการเงิน เช่น ธุรกิจการธนาคาร 6. ธุรกิจให้บริการ เช่น ธุรกิจร้านเสริมสวย ธุรกิจนวดแผนโบราณ
33 7. ธุรกิจซือมาขายไป เป็ นกิจการทีซือขายสินคา้ ทงั ขายส่งและขายปลีก โดยไม่ใช่ ผูผ้ ลิต เช่น หา้ งสรรพสินคา้ รา้ นขายผลไม้ สภาพปัญหา 1. บุคลากรขาดความชํานาญการทาํ ธุรกิจ บุคลากรส่วนใหญ่โดยเฉพาะธุรกิจ ขนาดย่อม ขาดความชาํ นาญการทาํ ธุรกิจ เช่น การวิเคราะห์แนวโนม้ ความตอ้ งการของตลาด การทาํ บญั ชีการเงินต่าง ๆ 2. ขาดการสร้างความเชือถือและทาํ ความรู้จักกับลูกค้า ขาดความเชือถือจากลูกคา้ เช่น การปลอมปนสินคา้ การส่งมอบสินคา้ ไม่ตรงเวลา นอกจากนียงั ขาดความเขา้ ใจลูกคา้ ซึง ผปู้ ระกอบการจะตอ้ งทาํ ความรูจ้ กั กบั ลูกคา้ เช่น รสนิยมความชอบไม่ชอบ กลุ่มอายุกาํ ลงั ซือ ของลูกคา้
34 ใบงานที 2 สาํ รวจอาชีพในชุมชน ภูมิภาค ภูมิภาค ทวีป ไดแ้ ก่ ทวปี เอเชีย ทวีปออสเตรเลีย ทวีปอเมริกา ทวีปยโุ รป และทวีปแอฟริกา ให้ผ้เู รียนสํารวจอาชีพในชุมชน ภูมิภาค และในโลกมา 10 อาชีพ ลงในแบบสํารวจ โดย ดําเนินการดังนี 1. ครูและผเู้ รียน ศกึ ษาวิธีการสาํ รวจ แลว้ ร่วมกนั กาํ หนดแบบสํารวจ และกาํ หนดวธิ ีการทจี ะ ใชส้ ํารวจ 2. ดาํ เนินการสํารวจแลว้ กรอกรายละเอียด ดงั นี 2.1 ชือผเู้ รียน ศรช. สถานศกึ ษา ชือครูประจาํ กลุ่ม 2.2 ชืออาชีพ เช่น เพาะเห็ด 2.3 ทาํ เลทีตงั เช่น บา้ นเลขที 207 หมทู่ ี 11 แขวงท่าขา้ ม เขตบางขุนเทยี น กรุงเทพมหานคร 2.4 การประกอบอาชีพให้มีรายละเอียดเกียวกบั ระยะเวลาการประกอบอาชีพ ตงั แต่เริมตน้ จนถึงปัจจุบนั จุดเริมตน้ หรือเหตจุ ูงใจในการประกอบอาชีพ วสั ดุ อุปกรณ์ (หลกั ) ทใี ช้ กระบวนการผลิต กระบวนการตลาด ปัญหา อุปสรรค การสร้างความมนั คงในอาชีพ
35 แบบสํารวจ ชือผเู้ รียน ………………………………………….......... ศรช. … …………………...………… สถานศึกษา………………………………………….........ชือครูประจาํ กลุ่ม………………………………………
36 กลุ่มอาชีพใหม่ จากการเปลียนแปลงในบริบทโลกทงั ในส่วนการรวมกลุ่มทางการเงิน การเปลียนแปลง เทคโนโลยีอยา่ งรวดเร็ว การเปลียนแปลงของธรรมชาติและสิงแวดลอ้ ม การเปลียนแปลงพฤติกรรม ของผบู้ ริโภค การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ และประการสําคญั คอื การเปลียนแปลงโครงสร้างประชากร ทางสงั คม ดงั นนั อาชีพในปัจจุบนั จะตอ้ งมีการพฒั นาวธิ ีการและศกั ยภาพในการแข่งขนั ไดใ้ นระดบั โลก ซึงจะตอ้ งคาํ นึงถึงบริบทภูมิภาคหลกั ของโลก หรือ “รูศ้ กั ยภาพเขา” หมายถึง ทวีปเอเชีย ทวีปอเมริกา ทวีปยโุ รป ทวีปออสเตรเลีย และทวีปแอฟริกา และจะตอ้ ง “รูศ้ กั ยภาพเรา” หมายถึง รูศ้ กั ยภาพหลกั ของ พนื ทีประเทศไทย คือ ศกั ยภาพของทรัพยากรธรรมชาติในแต่ละพืนที ศกั ยภาพของศิลปะ วฒั นธรรม ประเพณี และวิถีชวี ิตของแต่ละพืนที และศกั ยภาพของทรัพยากรมนุษยใ์ นแต่ละพนื ที ดงั นันเพอื ใหก้ าร ประกอบอาชีพสอดคลอ้ งกบั ศกั ยภาพหลกั ของพนื ทีและสามารถแขง่ ขนั ในเวทีโลก จึงไดก้ าํ หนดกลุ่ม อาชีพใหม่ 5 กลุ่มอาชีพ คอื กลุ่มอาชีพใหมด่ า้ นการเกษตร กลุ่มอาชีพใหมด่ า้ นพาณิชยกรรม กลุ่มอาชีพ ใหม่ดา้ นอุตสาหกรรม กลุ่มอาชีพใหมด่ า้ นความคิดสร้างสรรค์ และกลุ่มอาชีพใหม่ดา้ นบริหารจดั การ และบริการ . กล่มุ อาชีพใหม่ด้านการเกษตร คือการพฒั นาอาชีพในดา้ นการเกษตรเกียวกบั การปลูกพชื เลียงสัตว์ การประมง โดยนาํ องคค์ วามรูใ้ หม่ เทคโนโลย/ี นวตั กรรม มาพฒั นาใหส้ อดคลอ้ งกบั ศกั ยภาพ หลกั ของพนื ที คือ ศกั ยภาพของทรัพยากรธรรมชาติในแต่ละพืนที ตามลกั ษณะภูมิอากาศ ศกั ยภาพของ ภูมิประเทศ และทาํ เลทีตงั ของแตล่ ะพนื ที ศกั ยภาพของศิลปะ วฒั นธรรม ประเพณี และวิถีของแต่ละ พนื ทีและศกั ยภาพของทรัพยากรมนุษยใ์ นแต่ละพืนที อาชีพใหม่ดา้ นการเกษตร เช่น เกษตรอินทรีย์ เกษตรผสมผสาน เกษตรทฤษฎีใหม่ วนเกษตร ธุรกิจการเกษตร เป็นตน้ . กลุ่มอาชีพใหม่ด้านพาณิชยกรรม คือ การพฒั นาหรือขยายขอบข่ายอาชีพด้าน พาณิชยกรรม เช่น ผูใ้ หบ้ ริการจาํ หน่ายสินคา้ ทงั แบบคา้ ปลีกและคา้ ส่งใหแ้ ก่ผูบ้ ริโภคทงั มีหนา้ รา้ นเป็น สถานทจี ดั จาํ หน่าย เช่น หา้ งร้าน ห้างสรรพสินคา้ ซุปเปอร์สโตร์ ร้านสะดวกซือ และการขายทีไม่มี หนา้ รา้ น เช่น การขายผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ . กลุ่มอาชีพใหม่ด้านอตุ สาหกรรม คือ การพฒั นาอาชีพทอี าศยั องคค์ วามรู้ เทคโนโลย/ี นวตั กรรม อาชีพเกยี วกบั งานช่าง ซึงไดแ้ ก่ ช่างไฟฟ้ า ช่างไม้ ช่างยนต์ ช่างประปา ช่างปูน และช่างเชือม ให้สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของตลาดในประเทศ และตา่ งประเทศและศกั ยภาพหลักของพืนที เช่น ผูผ้ ลิตชินส่วนอิเล็กทรอนิกส์เครืองใชไ้ ฟฟ้ า หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์โดยทวั ไป เช่น IC PCB ผูป้ ระกอบรถยนต์และยานยนต์ประเภทต่าง ๆ ผูผ้ ลิต ตวั แทนจําหน่ายหรือผูป้ ระกอบชินส่วนหรือ อะไหล่รถยนต์ ผใู้ หบ้ ริการซ่อมบาํ รุงรถยนต์ ผจู้ ดั จาํ หน่ายและศนู ยจ์ าํ หน่ายรถยนตท์ งั มอื หนึงมือสอง
37 ผผู้ ลิตและจาํ หน่ายเครืองจักรและเครืองมือทุกชนิด เช่น เครืองจกั รกลหนัก เครืองจกั รกลเบา ผลิต อุปกรณ์หรือส่วนประกอบพืนฐานของเครืองใชไ้ ฟฟ้ าตา่ ง ๆ เช่น สายไฟ หลอดไฟ ฉนวนไฟฟ้ ามอเตอร์ ต่าง ๆ การผลิตอลูมิเนียม ผลิตและตวั แทนจาํ หน่ายผลิตภณั ฑเ์ หล็ก สเตนเลส ผผู้ ลิตจาํ หน่ายวสั ดุ ก่อสรา้ ง วสั ดุตกแต่ง สุขภณั ฑ์ การก่อสร้างอาคาร หรือทอี ยอู่ าศยั 4. กลุ่มอาชีพใหม่ด้านความคดิ สร้างสรรค์ ท่ามกลางกระแสการแขง่ ขนั ของโลกธุรกิจ ทไี ร้พรมแดนและการพฒั นาอยา่ งกา้ วกระโดดของเทคโนโลยกี ารสือสารและการคมนาคม การแลกเปลียน สินคา้ จากทีหนึงไปยงั อีกสถานที ทีอยู่ห่างไกลนนั เป็ นเรืองง่าย ในปัจจุบนั เมือขอ้ จาํ กดั ของการขา้ ม พรมแดนมิใช่อุปสรรคทางการคา้ ต่อไปจึงทาํ ใหผ้ บู้ ริโภค หรือผซู้ ือมีสิทธิเลือกสินคา้ ใหม่ไดอ้ ยา่ งเสรี ทงั ในดา้ นคุณภาพและราคา ซึงการเรียนรู้และพฒั นาสินคา้ และบริการตา่ ง ๆ ทมี อี ยใู่ นตลาดอยู่แลว้ ใน ยคุ โลกไรพ้ รมแดนกระทาํ ไดง้ ่าย ประเทศทีมีตน้ ทุนการผลิตตาํ เช่น ประเทศจีน อินเดีย เวียดนาม และ ประเทศในกลุ่มยโุ รปตะวนั ออก จะมีความไดเ้ ปรียบในการแข่งขนั ดา้ นราคา ดว้ ยเหตุนีประเทศผนู้ ําทาง เศรษฐกิจหลายประเทศ จึงหนั มาส่งเสริมการดาํ เนินนโยบายเศรษฐกิจสรา้ งสรรคเ์ พอื พฒั นาสินคา้ และ บริการใหม่ ๆ และหลีกเลียงการผลิตสินคา้ ทตี อ้ งต่อสูด้ า้ นราคา โดยหลกั การของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ คอื แนวคิดหรือแนวปฏิบตั ิทสี ร้าง/เพิมมูลค่าของสินคา้ และบริการไดโ้ ดยไม่ตอ้ งใชท้ รัพยากรมากนัก แต่ใชค้ วามคดิ สตปิ ัญญา และความสร้างสรรคใ์ ห้มากขึน ทศิ ทางของแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาตฉิ บบั ที 11 (พ.ศ. 2555 – 2559) ได้ กําหนดยุทธศาสตร์การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจสู่ การเจริญเติบโตอย่างคุณภาพและยงั ยืน ให้ ความสําคญั กบั การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจบนฐานความรู้ ความคิดสร้างสรรคแ์ ละภูมิปัญญา ภายใต้ ปัจจยั สนับสนุนทีเอืออาํ นวย และระบบการแข่งขนั ทีเป็ นธรรมเพือสร้างภูมิคุ้มกนั ให้กับประเทศ มุง่ ปรบั โครงสร้างและการลงทนุ ให้สอดคล้องกับความตอ้ งการของตลาดทงั ภายในและต่างประเทศ สร้างมูลค่าเพิมให้กับสาขาบริการ ทีมีศกั ยภาพบนพืนฐานของนวตั กรรมและความคิดสร้างสรรค์ พฒั นาธุรกิจสร้างสรรคแ์ ละเมืองสร้างสรรค์ เพิมผลิตภาพของภาคเกษตรและสร้างมูลค่าเพิมดว้ ย เทคโนโลยีและกระบวนการผลิตทีเป็ นมิตรกบั สิงแวดลอ้ ม พฒั นาภาคอุตสาหกรรมสู่อุตสาหกรรม ฐานความรู้เชิงสร้างสรรคแ์ ละเป็ นมิตรต่อสิงแวดลอ้ ม พฒั นาโครงสร้างพนื ฐาน และระบบโลจิสติกส์ สร้างความมนั คงดา้ นพลงั งานควบคูไ่ ปกบั การปฏิรูปกฎหมายและกฎระเบยี บต่าง ๆ ทางเศรษฐกิจ และ การบริหารจดั การเศรษฐกิจส่วนรวมอยา่ งมีประสิทธิภาพ เพือใหเ้ ป็ นฐานเศรษฐกิจของประเทศที เขม้ แขง็ และขยายตวั อยา่ งมคี ุณภาพ กลุ่มอาชีพใหม่ดา้ นความคิดสร้างสรรค์ จึงเป็ นอาชีพทีอยู่บนพืนฐานของการใช้ องคค์ วามรู้ (Knowledge) การศึกษา (Education) การสร้างสรรคง์ าน (Creativity) และการใชท้ รพั ยส์ ิน
38 ทางปัญญา (Intellectual Property) ทเี ชือมโยงกบั พืนฐานทางวฒั นธรรม (culture) การสังสมความรู้ของ สงั คม (Wisdom) และเทคโนโลยี/นวตั กรรมสมยั ใหม่ (Technology and Innovation) (อาคม เติมพิทยา ไพสิฐ, 2553) ดงั นนั กลุ่มอาชีพใหมด่ า้ นความคดิ สร้างสรรค์จึงเป็นการต่อยอดหรือการพฒั นาอาชีพใน กลุ่มอาชีพเดิม คอื กลุ่มอาชีพเกษตรกรรม กลุ่มอาชีพอุตสาหกรรม กลุ่มอาชีพพาณิชยกรรม กลุ่มอาชีพ คหกรรม กลุ่มอาชีพหัตถกรรม และกลุ่มอาชีพศิลปกรรม กลุ่มอาชีพใหมด่ า้ นความคดิ สรา้ งสรรค์ เช่น แฟชนั เสือผา้ เครืองประดบั เครืองสําอาง ทรงผม สปาสมุนไพร การออกแบบสือ/ภาพยนตร์/โทรทศั น์ เครืองใชไ้ ฟฟ้ า เฟอร์นิเจอร์ วสั ดุก่อสร้าง แบบประหยดั พลงั งาน เซรามกิ ผา้ ทอ จกั สาน แกะสลกั รถยนตพ์ ลงั งานทางเลือก ขากลอตั โนมตั ิเพือ ผพู้ กิ าร การท่องเทียวเชิงวฒั นธรรม ตลาดนําอโยธยา เป็นตน้ 5. กลุ่มอาชีพใหม่ด้านบริหารจัดการและบริการ เช่น ธุรกิจบริการท่องเทียว ธุรกิจ บริการสุขภาพ ธุรกิจบริการโลจิสติกส์ ธุรกิจภาพยนตร์ ธุรกิจการจดั ประชุมและแสดงนิทรรศการ บริการทปี รึกษาดา้ นอสงั หาริมทรัพย์ ทีปรึกษาทางธุรกิจ งานอาชีพใหม่ทงั กลุ่ม ในอนาคตจะมีการเติบโตทางธุรกิจมากขนึ จึงมคี วามตอ้ งการ เจา้ หนา้ ที บุคคล พนกั งาน เพือควบคุมและปฏิบตั ิงานทีมีความรู้ ความสามารถ และทกั ษะฝี มือเป็ น จาํ นวนมาก
39 เรืองที การประกอบอาชีพในภูมิภาค ทวีป ภูมิภาคของโลกประกอบดว้ ย 5 ภูมิภาค ไดแ้ ก่ เอเชีย อเมริกา ยโุ รป ออสเตรเลีย แอฟริกา ซึงใน แต่ละภูมิภาคจะมีลกั ษณะการประกอบอาชีพทีแตกตา่ งกนั เพราะมีความแตกต่างกนั ทางสภาพบริบท ของพืนที ได้แก่ทรัพยากรธรรมชาติและพืนที ลักษณะภูมิอากาศ ภูมิประเทศ ศิลปะ วฒั นธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และการดาํ รงชีวิตของประชาชน ดังนันในการประกอบอาชีพ ผูป้ ระกอบการ จาํ เป็นตอ้ งเขา้ ใจในความแตกตา่ งของสภาพบริบทของพืนทีดงั กล่าว เพราะในอนาคตการติดต่อทาง การคา้ จะสามารถเชือมโยงตดิ ตอ่ ซือขายไดอ้ ยา่ งไมม่ ีขอบเขตจาํ กดั ความแตกต่างของลกั ษณะงานอาชีพ ในแตล่ ะภูมิภาค มรี ายละเอียดดงั นี ภูมิภาคเอเชีย ส่วนใหญ่ของประเทศในภูมิภาคเอเชียประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็ นหลัก ไดแ้ ก่ การปลูกพชื การเลียงสัตว์ การประมง ป่ าไม้รวมถึงงานอาชีพทางดา้ นเหมอื งแร่ และอุตสาหกรรม ดว้ ย โดยในแต่ละอาชีพทีประกอบการในภูมิภาคเอเชีย มีลกั ษณะการประกอบอาชีพ ดงั นี การปลูกพชื เป็นอาชีพเกษตรกรรมทีประชาชนส่วนใหญ่ในแต่ละประเทศของภูมิภาค เอเชียดาํ เนินการประกอบเป็นอาชีพ แต่มีความแตกต่างกนั ไปตามลกั ษณะภูมิอากาศ ภูมปิ ระเทศ และ การดาํ รงชีวติ ของประชากร โดยประเทศในเขตพนื ทีราบทีมีปริมาณฝนเพียงพอ และประชากรอาศยั อยู่ อย่างหนาแน่น จะมีการดาํ เนินการประกอบอาชีพการปลูกพืชเพือเลียงตนเอง แต่ในเขตพืนทีทีมี ภูมิอากาศแบบป่ าดิบชืน มีประชากรอยู่บางเบา จะประกอบอาชีพเกษตรกรรมปลูกพืชแบบเลือนลอย ทงั นีในพืนทีทีเป็นทุง่ หญา้ มรี ะบบชลประทาน ส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพปลูกพชื พร้อมการเลียงสัตว์ โดยพนื ทีใดของประเทศทีอยใู่ นเขตอากาศหนาว เขตทะเลทราย และเขตภูเขา จะเป็นพนื ทีทไี ม่สามารถ ประกอบอาชีพเกษตรกรรมปลูกพืชได้ สําหรับพืชเศรษฐกิจทีสําคัญนิยมปลูกในประเทศของภูมิภาคเอเชีย เช่น ข้าวเจ้า ขา้ วโพด มะพร้าว ปาลม์ นาํ มนั มะกอก ชา ฝ้ าย ปอ ป่ าน ยางพารา เป็นตน้ การเลียงสัตว์ อาชีพเกษตรกรรม การเลียงสัตว์ เป็ นอีกอาชีพหนึงทีประชาชนใน ประเทศต่าง ๆ ของภูมภิ าคเอเชียนิยมประกอบอาชีพ แต่มีความแตกต่างกนั ไปตามสภาพภูมิประเทศ และภูมิอากาศ โดยในประเทศทมี ีอากาศแหง้ แลง้ แถบเอเชียตะวนั ตกเฉียงใต้ และตอนกลางของภูมิภาค ซึงมลี กั ษณะพนื ทีเป็ นทงุ่ หญา้ กึงทะเลทราย ประชากรในเขตดงั กล่าวจงึ นิยมเลียงสตั วแ์ บบเร่ร่อน ไดแ้ ก่ อูฐ แพะ แกะโค มา้ และจามรี โดยการเลียงสตั วใ์ นลกั ษณะดงั กล่าว เป็นการประกอบอาชีพเพือตอ้ งการนม และเนือนาํ มาใชเ้ ป็ นอาหาร ส่วนในเขตอากาศร้อนชืนและอบอุ่น ประชากรจะนิยมเลียงสัตว์เพือ
40 การบริโภคและการส่งเป็นสินคา้ ออก ได้แก่ สุกร ไก่ เป็ ด ทงั นีในเขตอากาศดังกล่าว จะนิยมเลียงโค กระบือ และมา้ เช่นเดียวกนั แต่เป็ นการเลียงไวเ้ พือใชง้ าน การประมง การประกอบอาชีพประมงของภูมิภาคเอเชีย มีการดาํ เนินการประกอบ อาชีพประมงใน 2 ลกั ษณะ ไดแ้ ก่ ประมงนาํ จืด และประมงทางทะเล การประกอบอาชีพประมงนําจืด ส่วนใหญ่จะนิยมทาํ อาชีพประมงควบคู่กบั การปลูกพืช โดยเฉพาะพืชผกั สําหรับการประกอบอาชีพ ประมงทางทะเล มีการประกอบอาชีพในเขตน่านนําแถบชายฝังตะวนั ออกของภูมิภาคเอเชีย ตงั แต่ อ่าวไทยไปจนถึงช่องแคบเบริง ทีกระแสนําอุ่นกุโรชิโว ไหลมาบรรจบกบั กระแสนําเย็นโอยาชิโว เพราะเป็ นแหล่งทีมีอาหารสมบูรณ์ ทาํ ให้มีสัตวน์ ําอยเู่ ป็ นจํานวนมาก ประเทศญีป่ ุนเป็ นประเทศทีมี การประกอบอาชีพประมงทางทะเลมากทีสุดในโลก นอกจากการประกอบอาชีพประมงจบั สตั วน์ าํ ทะเล แลว้ ตามแนวชายทะเล ยงั มกี ารประกอบอาชีพการเลียงหอยประเภทต่าง ๆ รวมถึงสาหร่ายทะเล ซึงมี การประกอบอาชีพเช่นนีกระจายโดยทวั ไปในประเทศทีมพี นื ทีชายทะเล ป่ าไม้ อาชีพป่ าไม้มีการดาํ เนินงานอาชีพใน 2 ลกั ษณะตามเขตภูมิอากาศ คอื ป่ าไมใ้ น เขตร้อน จะเป็นไมป้ ระเภทไมเ้ นือแข็ง ในเขตประเทศ ไทย พม่า ลาว กมั พชู า เวยี ดนาม อินเดีย และใน ประเทศกลุ่มหมูเ่ กาะ ส่วนป่าไมใ้ นเขตหนาวจะเป็นป่ าตน้ สนโดยมีการนําไมส้ นมาใชท้ าํ เป็นกระดาษและ ลงั ไม้ เหมอื งแร่ ภูมิภาคเอเชีย เป็นภูมภิ าคทอี ุดมไปดว้ ยแร่ธาตุนานาชนิด เนืองจากมีสภาพ ภูมิประเทศเป็ นเทือกเขาทมี ีอายแุ ตกต่างกนั แร่ธาตทุ ีสําคญั ทีมกี ารขุดขึนมาใชป้ ระโยชน์ ไดแ้ ก่ เหล็ก ถ่านหิน ดีบุก นํามนั แมงกานิส เพชร พลอย เป็นตน้ อุตสาหกรรม ในภูมิภาคเอเชีย การประกอบอาชีพดา้ นอุตสาหกรรม ส่วนใหญ่จะเป็ น อุตสาหกรรมแบบหตั ถกรรม หรืออุตสาหกรรมในครัวเรือน ในลกั ษณะงานฝีมอื ของทรี ะลึก เช่น ผา้ ทอ เครืองโลหะ เครืองแกะสลกั เครืองจกั สาน เป็ นตน้ สําหรับอุตสาหกรรมใหม่ ประเทศญีปุ่น เกาหลี ไตห้ วนั และสิงคโปร์ ถูกจดั ใหเ้ ป็นประเทศในกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ ลกั ษณะวธิ กี ารค้าในภูมภิ าคเอเชีย การคา้ ขายแต่เดิม ประเทศในภูมภิ าคเอเชีย จะใชว้ ิธี ต่างคนตา่ งขาย แต่อนาคตตงั แต่ปี พ.ศ.2558 กลุ่มประเทศในแถบเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ ในนามของ อาเซียน กาํ หนดทลายกาํ แพงทางภาษี และร่วมคา้ ขายกบั ประเทศในภูมิภาคอืน เพือใหส้ ามารถกระจาย สินคา้ และสรา้ งพลงั การต่อลองราคา
41 ภมู ภิ าคอเมริกา เนืองจากภูมิภาคอเมริกา มีความแตกต่างกนั ในดา้ นภูมปิ ระเทศภูมอิ ากาศ และ วิถีการดาํ รงชีวติ ค่อนขา้ งสูง ในเขตอเมริกาใต้และอเมริกาเหนือ การประกอบอาชีพของทงั 2 เขต จึงมี ความแตกต่างกนั ไปดว้ ย ดงั นี การปลูกพชื นิยมปลกู พชื มดี งั นี อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ ประเภท ขอ้ มลู ประเภท ขอ้ มลู กาแฟ ปลูกมากในประเทศบราซิล มี ไม่มีการปลูก มากถึงรอ้ ยละ 50 ของโลก และ ยงั มีการปลูกในประเทศ โคลมั เบีย และเอกวาดอร์ โกโก้ ปลูกเพือนาํ มาทาํ เป็น ไม่มกี ารปลูก ช็อกโกแลต เครืองดืม และ ขนมหวาน นิยมปลูกใน ประเทศบราซิล เอกวาดอร์ ขา้ วโพด เป็นพชื ทีปลูกมากในประเทศ ขา้ วโพด เป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศ บราซิล รวมถึง ประเทศ สหรัฐอเมริกา ปลูกมากในแถบ อาร์เจนติน่า เวเนซูเอลา เปรู ภาคกลางของประเทศ และโคลมั เบีย ขา้ วสาลี นิยมปลกู ในประเทศบราซิล ขา้ วสาลี ปลูกมากในประเทศ อาร์เจนติน่า ชิลี สหรัฐอเมริกา และแคนาดา โดยประเทศสหรฐั อเมริกา จะปลกู ขา้ วสาลีฤดูหนาว ประเทศแคนาดา จะปลกู ขา้ วสาลีฤดูใบไมผ้ ลิ ออ้ ย ปลูกมากในประเทศบราซิล ไม่มีการปลูก กลว้ ย ปลูกมากในประเทศเอกวาดอร์ ไม่มีการปลูก
42 ประเภท อเมริกาใต้ ประเภท อเมริกาเหนือ ฝ้ าย ขอ้ มลู ฝ้ าย ขอ้ มลู ปลูกมากในประเทศบราซิล ถวั เหลือง ปลูกมาในบริเวณลุ่มแมน่ าํ อาร์เจนติน่า ยาสูบ มิสซิสซิปปี ภาคตะวนั ตกของ รัฐแอริโซนา และแคริฟอร์เนีย ไม่มกี ารปลูก ขา้ วเจา้ ปลูกมากในเขตทรี าบภาคกลาง ผกั และผลไม้ ของประเทศสหรฐั อเมริกา ไม่มกี ารปลูก ตา่ ง ๆ เป็นพืชเศรษฐกิจทีสรา้ ง ชือเสียงใหแ้ ก่ประเทศ ไม่มีการปลูก สหรฐั อเมริกา ปลกู มากในเขต ไม่มีการปลูก ภาคตะวนั ออกของประเทศ สหรฐั อเมริกา ปลูกมากในเขตภาคใตข้ อง ประเทศสหรฐั อเมริกา ในภาคตะวนั ออกของประเทศ สหรัฐอเมริกา มกี ารปลูก เชอร์รี สตรอวเ์ บอร์รี แอปเปิ ล ภาคใต้ ปลูกส้ม สับปะรด ชายฝงั ตะวนั ตกเฉียงใต้ ปลูกองุน่ มะกอก สม้ มะนาว การเลยี งสัตว์ ในเขตอเมริกาใต้ และอเมริกาเหนือ มกี ารเลียงสตั ว์ ดงั นี โคเนือ ในเขตอเมริกาใต้ นิยมเลียงในประเทศบราซิล อาร์เจนติน่า และ อุรุกวยั ส่วนในเขตอเมริกาเหนือ นิยมเลียงในแถบตะวนั ตกของประเทศ และจะเลียงเป็นฟาร์มปศุสตั ว์ ขนาดใหญ่
43 โคนม เขตอเมริกาใตไ้ มม่ กี ารเลียงโคนม ในส่วนของอเมริกาเหนือ นิยมเลียง ในเขตทรี าบภาคกลางและภาคตะวนั ออกของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยพืนทีดังกล่าว จะมีการปลูก ขา้ วโพด และถวั เหลือง ซึงมีการนาํ ขา้ วโพด และถวั เหลือง มาใชเ้ ป็ นอาหารสัตว์ เพอื ใหโ้ คนมมีสุขภาพ แขง็ แรง แกะ เขตอเมริกาใต้ นิยมเลียงในประเทศอุรุกวยั โดยมีการเลียงจํานวนมาก เป็นอนั ดบั 2 ของโลก ในเขตอเมริกาเหนือ นิยมเลียงในภาคตะวนั ตก และตะวนั ตกเฉียงใตข้ องประเทศ สหรัฐอเมริกา สุกร เขตอเมริกาใต้ นิยมเลียงในประเทศเปรู และบราซิล ส่วนเขตอเมริกา เหนือ นิยมเลียงในเขตทีเลียงโคนม โดยใชห้ างนมนํามาเลียงสุกร ป่ าไม้ เขตอเมริกาใต้เป็นแหล่งไมเ้ นือแขง็ ทีมีอยอู่ ยา่ งอุดมสมบูรณแ์ ละกวา้ งขวาง แต่ นาํ มาใชป้ ระโยชนไ์ ดน้ อ้ ย เพราะการคมนาคมไมส่ ะดวก สําหรบั เขตอเมริกาเหนือ ส่วนใหญ่ประกอบ อาชีพป่าไม้ ทีส่วนใหญ่เป็นไมเ้ นืออ่อน เหมอื งแร่ เขตอเมริกาใตแ้ ละอเมริกาเหนือ มีแร่ธาตุทีสาํ คญั อืน ไดแ้ ก่ อเมริกาใต้ อเมริกาเหนือ ขอ้ มลู ประเภท ขอ้ มลู ประเภท ถา่ นหิน มีมากแถบเทอื กเขาดา้ น ไม่มที รพั ยากรและการผลิต ตะวนั ตกของประเทศ สหรฐั อเมริกา เหลก็ มมี ากในประเทศบราซิล มกี าร เหล็ก มมี ากทีบริเวณเทอื กเขาเมซาบี ผลิตมากเป็นอนั ดบั 2 ของโลก รฐั มินนิโซตา และเป็นแหล่ง รวมทงั เวเนซูเอรา โบลิเวยี ชิลี เหล็กทสี าํ คญั ทสี ุดในเขต อเมริกาเหนือ ทองคาํ มีมากในประเทศบราซิล ทองคาํ แหล่งผลิตทสี าํ คญั อยทู่ ี เทอื กเขารอกกี ทองแดง มมี ากเป็นอนั ดบั ที 1 ของโลก ทองแดง แหล่งผลิตทสี าํ คญั อยู่ที ในประเทศชลิ ี รวมทงั ใน เทอื กเขารอกกี ประเทศบราซิล และเปรู
44 อเมริกาใต้ อเมริกาเหนือ ประเภท ขอ้ มลู ประเภท ขอ้ มลู ไม่มีทรพั ยากรและการผลติ บอกไซต์ เป็นแร่ธาตทุ นี าํ มาใชเ้ พอื การผลติ อลูมิเนียม มีมากทีรัฐอาร์คนั ซอ ดีบุก ประเทศโบลเี วยี มกี ารผลิตดีบกุ ไม่มีทรพั ยากรและการผลิต มากเป็นอนั ดบั 2 ของโลก สงั กะสี ผลิตมากในประเทศเปรู บราซิล ไม่มีทรัพยากรและการผลิต และอาร์เจนตนิ ่า นาํ มนั ประเทศเวเนซูเอรา เป็นประเทศ นาํ มนั มแี หลง่ ผลิตทางตอนเหนือของ ทีมกี ารผลิตมากทีสุด และยงั มี รฐั อาลาสกา และภาคกลาง ในประเทศบราซิล โบลีเวีย ตอนล่างของประเทศแคนาดา เอกวาดอร์ อตุ สาหกรรม ในเขตอเมริกาใต้ จะเป็นอุตสาหกรรมเบา เช่น การผลิตนําตาล อาหาร กระป๋ อง ประเทศทีมีอุตสาหกรรมเจริญกา้ วหน้าเป็ นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ไดแ้ ก่ ประเทศบราซิล และอาร์เจนตินา เป็ นการผลิตเหล็กกลา้ นาํ มนั และปิ โตรเคมี ส่วนอเมริกาเหนือ เป็ นส่วนภูมิภาคที เจริญกา้ วหนา้ มากทางอุตสาหกรรม โดยเฉพาะการผลิตในอุตสาหกรรมหลกั ภูมภิ าคยุโรป การดาํ เนินงานอาชีพของประเทศในภูมิภาคยุโรปมลี กั ษณะการประกอบอาชีพดงั นี การปลูกพชื พืนทีการปลูกพืชของภูมิภาคยุโรป ส่วนใหญ่ปลูกในยุโรปตะวนั ออก และภาคใตข้ องประเทศองั กฤษ ภาคเหนือและภาคตะวนั ตกของประเทศฝรังเศส รวมถึงตอนเหนือของ ประเทศเยอรมนั พืชทีสําคญั และมผี ลต่อเศรษฐกิจไดแ้ ก่ ขา้ วสาลี ปลูกมาในประเทศยเู ครน ฝรังเศส อิตาลี สเปน โรมาเนีย บลั กาเรีย เยอรมนั ฮงั การี ขา้ วโอ๊ต ขา้ วบาร์เลย์ ถวั มนั ฝรัง ปลูกไดโ้ ดยทวั ไปของประเทศต่าง ๆ ใน ภูมิภาคยโุ รป องุ่น ส้ม มะกอก มะนาว แอปเปิ ล ปลูกมากในประเทศทีมลี กั ษณะอากาศแบบ เมดิเตอร์เนียน ไดแ้ ก่ ประเทศอิตาลี ฝรังเศส สเปน กรีซ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105