Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรวิทย์ ม.ปลาย

หลักสูตรวิทย์ ม.ปลาย

Published by krupawnp, 2020-04-06 04:23:29

Description: หลักสูตรวิทย์ ม.ปลาย

Search

Read the Text Version

หลักสตู รกลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรบั ปรุง 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พ.ศ. 2551 โรงเรียนน้าปลีกศึกษา อา้ เภอเมือง จงั หวัดอ้านาจเจริญ สา้ นักงานเขตพนื้ ที่การศึกษามธั ยมศึกษา เขต 29 ส้านักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ

บันทกึ ข้อความ ส่วนราชการ โรงเรยี นน้าปลกี ศึกษา อา้ เภอเมือง จงั หวัดอ้านาจเจริญ ท่ี ............................ วันที่ 22 พฤษภาคม 2562 เรือ่ ง ขออนญุ าตสง่ หลักสูตรระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย กลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ปีการศกึ ษา 2562 เรยี น ผอู้ ้านวยการโรงเรยี นนา้ ปลกี ศึกษา ดว้ ยกลุ่มบริหารวิชาการได้จัดท้าหลักสูตรสถานศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลาง พ.ศ.2551 (ฉบับปรับปรุง 2560) เพื่อเปน็ กรอบในการดา้ เนินการจดั การเรียนการสอนในสถานศึกษา ซึ่งกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ได้ อ้างอิงหลักสูตรสถานศึกษา เพื่อน้ามาจัดท้าหลักสูตรประจ้ากลุ่มสาระฯ ในการวิเคราะห์และออกแบบการจัดการ เรียนการสอนในส่วนของรายวชิ าท่ีกลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ รับผดิ ชอบจดั การเรียนการสอน ตังแต่ภาคเรียน ท่ี 1 ปีการศึกษา 2562 เป็นต้นไป จงึ เรยี นมาเพ่ือโปรดทราบ ................................................. (นางสาวภัทริยา โพธิศ์ รีคุณ) หวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ความเห็นของผ้ชู ่วยผู้อา้ นวยการกลมุ่ บรหิ ารวิชาการ ................................................................................... ................................................................................... ลงชอ่ื ....................................................... (นายเถลงิ ศักดิ์ เถาวโ์ ท) ความเหน็ ของผู้อานวยการโรงเรยี น ......................................................................................... ....................................................................................... ลงช่อื ............................................................ (นายสุเมธ หนอ่ แก้ว)

ก คา้ น้า ตามที่คณะกรรมการการศึกษาขันพืนฐาน ได้ด้าเนินการทบทวน หลักสูตรการศึกษาขันพืนฐาน พุทธศักราช 2551 เพ่ือน้าไปสู่ปรับปรุงมาตรฐานและตัวชีวัดมาตรฐาน ในสาระวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภูมิศาสตร์และการงานอาชีพและเทคโนโลยี หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขันพืนฐาน พุทธศักราช 2551และ โรงเรยี นนา้ ปลกี ศึกษา ไดด้ ้าเนินการจัดทา้ หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขนั พืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 ในระดับชัน มัธยมศึกษาปีที่ 1 และชันมัธยมศึกษาปีที่ 4 ในปีการศึกษา 2561 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขันพืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 (ฉบับปรับปรงุ 2560) กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ จึงได้จัดท้าหลักสูตรกลุ่มสาระฯ ในเล่มประกอบด้วย วิสัยทัศน์ หลักการ จุดหมาย สมรรถนะที่ส้าคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชีวัด โครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษา โครงสร้างรายวิชา ค้าอธิบายรายวิชา เกณฑ์การวัดประเมินผล และการ จบหลกั สูตร หวังเปน็ อย่างยงิ่ ว่า หลกั สูตรกลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โรงเรียนน้าปลีกศึกษาเล่มนี จะเป็นกรอบ และทศิ ทางในการจดั การเรียนการสอนเพื่อพฒั นาผู้เรียนให้มคี วามรู้ มีทักษะพืนฐานทจ่ี ้าเปน็ สา้ หรับใช้เป็นเคร่ืองมือ ในการดา้ รงชีวิตในสงั คมทม่ี กี ารเปลย่ี นแปลงได้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์

ข หนา้ ก สารบญั ข 1 คา้ น้า 1 สารบัญ 1 วสิ ัยทศั น์ 1 พันธกจิ 2 หลักการ 2 จุดมุ่งหมาย 3 สมรรถนะความส้าคญั ของผเู้ รียน 7 คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 8 โครงสรา้ งเวลาเรยี นหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั พนื ฐาน พ.ศ.2551 13 โครงสร้างเวลาเรยี นกล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ สาระและมาตรฐานการเรียนร็กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ 58 ค้าอธิบายรายวชิ ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ระดับ ม.ปลาย บรรณานกุ รม

1 วสิ ยั ทัศน์ โรงเรียนน้าปลกี ศกึ ษา มุ่งพัฒนาผู้เรยี นแบบมีส่วนร่วม เชอ่ื มโยงชมุ ชนสปู่ ระชาคมอาเซียนให้มี คณุ ธรรม จรยิ ธรรม นา้ ความรูแ้ ละทักษะ สมรรถนะที่ส้าคัญ ตามหลักสตู รกา้ หนดอยา่ งมีคณุ ภาพ ได้ มาตรฐานการศึกษา พนั ธกิจ 1. จดั กระบวนการบรหิ ารและการจัดการศึกษาทังระบบให้เอือต่อการพัฒนาคณุ ภาพการศึกษา 2. บรหิ ารจัดการแบบมสี ่วนร่วมเออื ต่อการพัฒนาคุณภาพของผเู้ รียน 3. จัดกจิ กรรมสง่ เสริมระบบดูแลช่วยเหลือนกั เรียนให้มคี วามเขม็ แขง็ 4. จดั กิจกรรมส่งเสริมคณุ ธรรม จริยธรรมผเู้ รยี นใหม้ ีคณุ ลักษณะทพ่ี ึงประสงค์ 5. ส่งเสรมิ การจัดกระบวนการเรียนรู้ท่ีเนน้ ผู้เรยี นเปน็ สา้ คัญ 6. จดั กจิ กรรมส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้แบบบรู ณาการเช่ือมโยงบรบิ ทและวิถีชมุ ชนสู่ประชาคม อาเซียน 7. จัดกระบวนการเรยี นร้พู ัฒนาผลสัมฤทธทิ์ างวชิ าการของผเู้ รยี น 8. จัดระบบประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษาทีมีประสิทธภิ าพให้เกดิ ประสิทธิผลต่อการพัฒนา คณุ ภาพการศกึ ษา 9. จัดกจิ กรรมส่งเสรมิ ความสามารถพิเศษของผเู้ รยี น หลกั การ เป็นหลักสูตรการศึกษาเพ่ือความเป็นเอกภาพของชาติมีจุดมุ่งหมายและมาตรฐานการเรียนรู้ เปน็ เปา้ หมายสา้ หรบั พฒั นาเด็กและเยาวชน เปน็ หลักสูตรการศึกษาเพ่ือปวงชนทปี่ ระชาชนทกุ คนมโี อกาส ได้รับการศึกษาอย่างเสมอภาค และ มีคณุ ภาพ เป็นหลกั สตู รการศึกษาทสี่ นองตอ่ การกระจายอา้ นาจ เป็นหลกั สตู รการศึกษาที่มโี ครงสรา้ งยดื หย่นุ ทังด้านสาระการเรยี นรู้ เวลาและการจัดการเรียนรู้ เป็นหลกั สูตรการศึกษาท่ีเน้นผ้เู รียนเปน็ ส้าคญั เป็นหลักสูตรการศึกษา ส้าหรับการศกึ ษาในระบบ นอกระบบ และตามอธั ยาศยั ครอบคลุมทุก กลุ่มเป้าหมาย สามารถเทียบโอนผลการเรยี นร้แู ละประสบการณ์ จุดมงุ่ หมาย มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และค่านยิ มทพี่ ึงประสงค์ เหน็ คุณค่าของตนเอง มคี วามร้แู ละความสมารถในการสอ่ื สาร การคดิ การแก้ปัญหา การใช้เทคโนโลยี และมีทักษะชีวติ มสี ขุ ภาพกายและสขุ ภาพจิตท่ีดี มีสุขนิสัย และรักการออกก้าลังกาย มคี วามรักชาติ มจี ติ ส้านึกในการเป็นพลเมืองไทยและพลโลก มีจิตส้านึกในการอนุรักษว์ ัฒนธรรมและภมู ิปัญญาไทย

2 สมรรถนะความส้าคัญของผ้เู รยี น เปน็ สมรรถนะจ้าเป็นพืนฐาน 5 ประการท่ีกลมุ่ สาระการเรียนรูพ้ งึ มี สมรรถนะเหล่านไี ด้สอดแทรก บรู ณาการในมาตรฐานการเรียนรตู้ ่างๆ ทัง 8 กล่มุ สาระการเรยี นรู้ 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ๘ ประการ ท่กี า้ หนดไว้ในหลักสูตรแกนกลาง เปน็ คณุ ลักษณะที่ ตอ้ งการให้เกดิ แกผ่ เู้ รยี นทุกคน โรงเรยี นน้าปลกี ศกึ ษาได้ก้าหนดไวใ้ นหลกั สตู รสถานศึกษา ได้แก่ 1) รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ 2) ซ่ือสัตย์ สุจริต 3) มวี นิ ัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อย่อู ย่างพอเพยี ง 6) มุ่งมน่ั ในการทา้ งาน 7) รักความเปน็ ไทย 8) มีจติ สาธารณะ คุณสมบัตเิ หล่านจี ะสอดแทรก บรู ณาการในมาตรฐานและตวั ชวี ดั ของกลุ่มสาระการเรยี นรตู้ ่างๆ และสามารถ พฒั นาผา่ นกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น หรอื โครงการตา่ งๆ ของนกั เรียน

3 โครงสร้างเวลาเรยี นโรงเรยี นน้าปลีกศกึ ษา หลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ก้าหนดกรอบโครงสร้างเวลาเรยี นดงั น้ี เวลาเรยี น กล่มุ สาระการเรยี นร/ู้ กิจกรรม ระดบั ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น มธั ยมศกึ ษา ตอนปลาย ม.1 ม.2 ม.3 ม. 4-6 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ 120 ( 3นก. ) 120 ( 3นก. ) 120 ( 3นก. ) 240 ( 6 นก. ) 240 ( 6 นก. ) ภาษาไทย 120 ( 3นก. ) 120 ( 3นก. ) 120 ( 3นก. ) 240 ( 6 นก. ) 320 ( 8 นก. ) คณติ ศาสตร์ 140 ( 4นก. ) 160 ( 4นก. ) 160 ( 4นก. ) 80 ( 2 นก. ) 80 ( 2 นก. ) วิทยาศาสตร์ 160 (4 นก. ) 160 ( 4 นก. ) 160 ( 4 นก. ) 40 (1 นก .) 40 ( 1 นก .) 40 ( 1 นก .) 240 ( 6 นก. ) สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม 40 ( 1 นก.) 40 ( 1 นก.) 40 ( 1 นก.) ประวัติศาสตร์ หน้าทีพลเมือง 120 ( 3นก. ) 120 ( 3นก. ) 120 ( 3นก. ) ศาสนา ศลี ธรรม จริยธรรม วฒั นธรรมและการด้าเนินชวี ติ ในสงั คม เศรษฐศาสตร์ ภมู ิศาสตร์ สุขศึกษาและพลศกึ ษา 80 ( 2 นก ) 80 ( 2 นก ) 80 ( 2 นก. ) 120 ( 3นก. ) ศิลปะ 80 ( 2 นก ) 80 ( 2 นก ) 80 ( 2 นก ) 120 ( 3นก. ) การงานอาชีพ 40 ( 1 นก ) 40 ( 1 นก ) 40 ( 1 นก ) 120 ( 3นก. ) ภาษาต่างประเทศ 120 ( 3นก ) 120 ( 3นก ) 120 ( 3นก ) 240 ( 6 นก. ) รวมเวลาเรยี นพืนฐาน 880 ( 22 นก ) 880 ( 22 นก ) 880 ( 22 นก ) 240 ( 6 นก. ) กจิ กรรมพฒั นาผ้เู รยี น รายวิชา/กจิ กรรมทส่ี ถานศึกษาจดั เพม่ิ เตมิ 120 120 120 360 ตามความพร้อมและจุดเนน้ รวมเวลาเรยี นทงั หมด ปีละไมเ่ กิน 200 ชัว่ โมง ไม่นอ้ ยกวา่ 1,600ชวั่ โมง ไม่เกิน 1,200 ชวั่ โมง / ปี รวม 3 ปีไมน่ ้อย กวา่ 3,600 ชัว่ โมง

4 โครงสร้างหลักสูตร โรงเรียนนา้ ปลีกศึกษา แผนการเรียนที่ 1 วิทย์ - คณิต ระดับชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 4 /1 – 4 /2 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 ภาคเรยี นที่ 1 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 2 รายวชิ า/กิจกรรม เวลาเรยี น/ รายวชิ า/กจิ กรรม เวลาเรียน/ หน่วย/ชม หนว่ ย/ชม รายวชิ าสาระพนื้ ฐาน 8.0 (320) รายวชิ าสาระพ้ืนฐาน 7.0 (280) ท31101 ภาษาไทย 1.0 (40) ท31102 ภาษาไทย 1.0 (40) ค31101 คณติ ศาสตร์ 1.0 (40) ค31102 คณิตศาสตร์ 1.0 (40) ว31101 วิทยาศาสตรช์ วี ภาพ 1.0 (40) ว31182 วิทยาการคา้ นวณ 1.0 (40) ว31181 การออกแบบและเทคโนโลยี 1.0 (40) ส 31103 สังคมศึกษา( ) 1.0 (40) ส31101 สงั คมศกึ ษา ( ) 1.0 (40) ส31104 ประวตั ิศาสตร์ 0.5 (20) ส31102 ประวัตศิ าสตร์ 0.5 (20) พ31102 สุขศึกษาและพลศึกษา 0.5 (20) พ31101 สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา 0.5 (20) ศ31102 ศลิ ปะ 0.5 (20) ศ31101 ศิลปะ 0.5 (20) ง31102 การงานอาชพี ฯ(งานประดษิ ฐ์) 0.5 (20) ง31101 การงานอาชีพ(งานบา้ น) 0.5 (20) อ31102 ภาษาองั กฤษ 1.0 (40) อ31101 ภาษาองั กฤษ 1.0 (40) รายวิชาเพ่มิ เตมิ 7.5 (300) รายวิชาเพ่ิมเตมิ 8.5 (340) ว31201 ฟสิ ิกส์ 1.5 (60) ว31202 ฟสิ กิ ส์ 1.5 (60) ว31221 เคมี 1.5 (60) ว31222 เคมี 1.5 (60) ว31241 ชีววิทยา 1.5 (60) ว31242 ชีววทิ ยา 1.5 (60) ว31261 โลกดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ 1.0 (40) ว31262 โลกดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ 1.0 (40) ค31201 คณติ ศาสตร์ 1.0 (40) ค31202 คณิตศาสตร์ 1.5 (60) ส30231 หนา้ ที่พลเมือง 0.5 (20) อ31202 ภาษาอังกฤษ 1.0 (40) อ31201 ภาษาอังกฤษ 0.5 (20) ส30232 หนา้ ท่ีพลเมอื ง 0.5 (20) กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น (60) 15.5 กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น (60) 15.5 กจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน กจิ กรรมแนะแนว ( 60) กิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น ( 60) กจิ กรรมนักเรียน 20 20 - ผูบ้ า้ เพญ็ ประโยชน์/รกั ษาดินแดน/ลูกเสือ กจิ กรรมแนะแนว ลูกเสือวสิ ามัญ 20 20 - ชมรมหรือชมุ นุม 20 กิจกรรมนักเรียน 20 - ผู้บา้ เพ็ญประโยชน์/รกั ษาดินแดน/ ลูกเสอื วิสามัญ - ชมรมหรอื ชมุ นมุ กิจกรรมเพ่อื สงั คมและสาธารณประโยชน์ 20 กจิ กรรมเพ่อื สงั คมและสาธารณประโยชน์ 20 620 ชวั่ โมง รวมทั้งหมด 620 ช่วั โมง รวมทง้ั หมด หมายเหตุ 1. กจิ กรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์จดั บรู ณาการในกิจกรรมแนะแนว 2. กิจกรรมในระดบั ม.ปลาย ข้อ3.2.1 และ 3.2.2 ผเู้ รียนเลอื กเพียง 1 กจิ กรรม

5 โครงสรา้ งหลักสตู ร โรงเรียนนา้ ปลีกศึกษา แผนการเรยี นท่ี 1 วิทย์ - คณิต ระดบั ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 5/1 – 5/2 ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5 ภาคเรียนที่ 1 ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 5 ภาคเรยี นท่ี 2 รายวิชา/กิจกรรม เวลาเรยี น/ รายวชิ า/กจิ กรรม เวลาเรยี น/หนว่ ย/ ชม หนว่ ย/ชม 8.0 รายวิชาสาระพน้ื ฐาน 8.0 รายวชิ าสาระพน้ื ฐาน 1.0 (40) 1.0 (40) ท32101 ภาษาไทย 1.0 (40) ท32102 ภาษาไทย 1.0 (40) 1.0 (40) ค32101 คณติ ศาสตร์ 1.0 (40) ค32102 คณิตศาสตร์ 1.0 (40) ว32101 วทิ ยาศาสตร์กายภาพ 1.0 (40) ว32102 วิทยาศาสตร์กายภาพ 0.5 (20) 0.5 (20) ว32183 การออกแบบและเทคโนโลยี 1.0 (40) ว วทิ ยาการคา้ นวณ 0.5 (20) 0.5 (20) 32184 1.0 (40) ส32101 สงั คมศึกษา( ) 1.0 (40) ส32103 สังคมศึกษา( ) 8.0 1.5 (60) ส32102 ประวัติศาสตร์ 0.5 (20) ส32104 ประวัตศิ าสตร์ 1.5 (60) 1.5 (60) พ32101 สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา 0.5 (20) พ32102 สุขศกึ ษาและพลศึกษา 1.0 (40) ศ32101 ศิลปะ 0.5 (20) ศ32102 ศลิ ปะ 1.0 (40) 1.0 (40) ง32101 การงานอาชีพ(คอมพิวเตอร)์ 0.5 (20) ง32102 การงานอาชพี (งานเกษตร) 0.5 (20) อ32101 ภาษาอังกฤษ 1.0 (40) อ32102 ภาษาองั กฤษ 16.0 รายวิชาเพ่ิมเตมิ 8.0 รายวิชาเพมิ่ เตมิ 20 ว32201 ฟิสกิ ส์ 1.5 (60) ว32202 ฟิสิกส์ 20 20 ว32221 เคมี 1.5 (60) ว32222 เคมี ว32241 ชีววทิ ยา 1.5 (60) ว32242 ชีววิทยา ว32263 โลกดาราศาสตร์และอวกาศ 1.0 (40) ว โลกดาราศาสตร์และอวกาศ 32264 ค32201 คณิตศาสตร์ 1.0 (40) ค32202 คณิตศาสตร์ อ32201 ภาษาอังกฤษ 1.0(40) อ32202 ภาษาอังกฤษ ส30233 หนา้ ทพ่ี ลเมอื ง 0.5 (20) ส หน้าทีพ่ ลเมอื ง 30234 16.0 กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน ( 60) กิจกรรมพฒั นาผู้เรียน ( 60) กจิ กรรมแนะแนว 20 กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมนักเรยี น กิจกรรมนกั เรียน - รักษาดนิ แดน/ ผูบ้ ้าเพ็ญประโยชน์ 20 - รักษาดินแดน ผบู้ า้ เพ็ญประโยชน์ ลูกเสือวสิ ามญั 20 ลูกเสือวิสามญั - ชมรมชมุ นุม - ชมรมชมุ นมุ กจิ กรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์ 20 กจิ กรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์ 20 620 ชัว่ โมง รวมทัง้ หมด 620 ชั่วโมง รวมทัง้ หมด หมายเหตุ 1. กจิ กรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชนจ์ ัดบูรณาการในกจิ กรรมแนะแนว 2. กจิ กรรมในระดบั ม.ปลาย ขอ้ 3.2.1 และ 3.2.2 ผู้เรียนเลอื กเพียง 1 กิจกรรม

6 โครงสรา้ งหลกั สตู ร โรงเรียนน้าปลีกศกึ ษา แผนการเรยี นที่ 1 วิทย์ - คณิต ระดับชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 6/1 – 6/2 ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 ภาคเรียนท่ี 1 ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 6 ภาคเรยี นที่ 2 รายวชิ า/กจิ กรรม เวลาเรยี น/ รายวชิ า/กจิ กรรม เวลาเรยี น/ หนว่ ย/ชม หน่วย/ชม 5.5 รายวิชาสาระพนื้ ฐาน 1.0 (40) รายวิชาสาระพนื้ ฐาน 5.5 ท33101 ภาษาไทย 1.0 (40) ท ภาษาไทย 1.0 (40) 1.0 (40) 33102 ค33101 คณิตศาสตร์ 0.5 (20) ค คณิตศาสตร์ 1.0 (40) 0.5 (20) 33102 ส33101 สงั คมศึกษา( ) 0.5 (20) ส สงั คม( ) 1.0 (40) 1.0 (40) 33102 พ33101 สุขศกึ ษาและพลศึกษา 8.0 พ สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา 0.5 (20) 1.5 (60) 1.5 (60) 33102 1.5 (60) ศ33101 ศลิ ปะ 1.5 (60) ศ ศิลปะ 0.5 (20) 1.0 (40) 1.0 (40) 33102 ง33101 การงานอาชีพฯ(งานชา่ ง) 13.5 ง การงานอาชีพฯ(งานธรุ กจิ ) 0.5 (20) 20 33102 อ33101 ภาษาองั กฤษ 20 อ ภาษาองั กฤษ 1.0 (40) 20 33102 รายวชิ าเพิ่มเติม รายวชิ าเพ่มิ เติม 8.0 ฟสิ กิ ส์ ว33201 เคมี ว33202 ฟสิ กิ ส์ 1.5 (60) ว33221 ชีววทิ ยา ว33241 คณิตศาสตร์ ว33222 เคมี 1.5 (60) ค33201 ภาษาอังกฤษ อ33201 คอมพวิ เตอร์(Flash) ว33242 ชวี วทิ ยา 1.5 (60) ง33241 ค33202 คณติ ศาสตร์ 1.5 (60) อ33202 ภาษาอังกฤษ 1.0 (40) ง33242 คอมพวิ เตอร์(การเขยี นโปรแกรม 1.0 (40) ภาษา) 13.5 กิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น ( 60) กิจกรรมพฒั นาผูเ้ รียน ( 60) กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมแนะแนว 20 กจิ กรรมนกั เรียน กจิ กรรมนกั เรียน - ผูบ้ า้ เพญ็ ประโยชน์/รกั ษาดินแดน ลูกเสอื วิสามัญ - ผบู้ า้ เพ็ญประโยชน์/รกั ษาดนิ แดน 20 - ชมรมชมุ นุม ลกู เสือวสิ ามัญ - ชมรมชมุ นมุ 20 กิจกรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์ 20 กิจกรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน์ 20 620 ชั่วโมง รวมทง้ั หมด 620 ช่วั โมง รวมทัง้ หมด หมายเหตุ 1. กิจกรรมเพื่อสงั คมและสาธารณประโยชน์จัดบรู ณาการในกิจกรรมแนะแนว 2. กิจกรรมในระดบั ม.ปลาย ข้อ3.2.1 และ 3.2.2 ผ้เู รยี นเลือกเพียง 1 กจิ กรรม

7 โครงสร้างกลมุ่ สาระการเรียนวิทยาศาสตร์ ระดับมัธยมศกึ ษาปลาย กลุ่มสาระการเรียนรู้ รายวิชาพื้นฐาน ว31101 วิทยาศาสตร์ชวี ภาพ จา้ นวน 40 ชว่ั โมง 1.0 หนว่ ยกติ ว31181 การออกแบบและเทคโนโลยี จา้ นวน 40 ชัว่ โมง 1.0 หน่วยกติ ว31182 วทิ ยาการค้านวณ จา้ นวน 40 ช่วั โมง 1.0 หน่วยกติ ว32101 วทิ ยาศาสตร์กายภาพ จ้านวน 40 ชั่วโมง 1.0 หน่วยกติ ว32102 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ จ้านวน 40 ชว่ั โมง 1.0 หน่วยกติ รายวิชาเพิ่มเติม ฟสิ กิ ส์ จ้านวน 60 ชว่ั โมง 1.5 หนว่ ยกิต ว31201 ฟิสิกส์ จ้านวน 60 ช่วั โมง 1.5 หนว่ ยกิต ว31202 เคมี จ้านวน 60 ชั่วโมง 1.5 หนว่ ยกิต ว31221 เคมี จ้านวน 60 ชั่วโมง 1.5 หน่วยกิต ว31222 ชวี วทิ ยา จา้ นวน 60 ชว่ั โมง 1.5 หน่วยกิต ว31241 ชวี วทิ ยา จา้ นวน 60 ชว่ั โมง 1.5 หนว่ ยกิต ว31242 โลกดาราศาสตร์และอวกาศ จ้านวน 40 ชว่ั โมง 1.0 หนว่ ยกิต ว31261 โลกดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ จ้านวน 40 ชั่วโมง 1.0 หนว่ ยกิต ว31262 ฟิสกิ ส์ จา้ นวน 60 ชัว่ โมง 1.5 หนว่ ยกิต ว32201 เคมี จา้ นวน 60 ชว่ั โมง 1.5 หนว่ ยกิต ว32221 ชีววทิ ยา จา้ นวน 60 ชว่ั โมง 1.5 หน่วยกิต ว32241 โลกดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ จา้ นวน 40 ชั่วโมง 1.0 หน่วยกิต ว32263 ฟิสิกส์ จา้ นวน 60 ชว่ั โมง 1.5 หน่วยกิต ว32202 เคมี จ้านวน 60 ชว่ั โมง 1.5 หน่วยกิต ว32222 ชวี วิทยา จ้านวน 60 ชว่ั โมง 1.5 หน่วยกิต ว32242 โลกดาราศาสตร์และอวกาศ จ้านวน 40 ชั่วโมง 1.0 หน่วยกติ ว32264 ฟสิ ิกส์ จ้านวน 60 ชว่ั โมง 1.5 หนว่ ยกติ ว33201 เคมี จ้านวน 60 ชว่ั โมง 1.5 หน่วยกติ ว33221 ชีววิทยา จ้านวน 60 ชว่ั โมง 1.5 หน่วยกติ ว33241 ฟิสิกส์ จ้านวน 60 ชั่วโมง 1.5 หนว่ ยกติ ว33202 เคมี จา้ นวน 60 ชั่วโมง 1.5 หน่วยกิต ว33222 ชีววทิ ยา จ้านวน 60 ชว่ั โมง 1.5 หน่วยกิต ว33242

8 สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ สาระท่ี ๑ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว ๑.๑เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศความสัมพันธร์ ะหว่างสิ่งไมม่ ชี วี ิตกับส่ิงมีชวี ิตและ ความสัมพนั ธ์ระหว่างสิ่งมชี ีวิตกบั สิ่งมีชีวติ ต่างๆในระบบนิเวศการถ่ายทอดพลังงานการเปล่ยี นแปลงแทนทใ่ี นระบบ นิเวศความหมายของ ประชากรปญั หาและผลกระทบท่ีมตี ่อทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม แนวทางในการ อนรุ กั ษ์ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละการแกไ้ ขปัญหาสิง่ แวดล้อม รวมทังนา้ ความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ มาตรฐาน ว ๑.๒ เขา้ ใจสมบัติของสิง่ มีชวี ติ หน่วยพืนฐานของส่ิงมีชวี ติ การลา้ เลียงสารเข้า และออกจากเซลลค์ วามสมั พันธข์ องโครงสร้างและหนา้ ที่ของระบบต่างๆของสตั ว์และมนษุ ย์ทท่ี า้ งานสมั พันธ์กัน ความสมั พันธข์ องโครงสร้างและหน้าที่ของอวยั วะตา่ งๆของพชื ที่ท้างานสัมพันธ์กนั รวมทังน้าความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ มาตรฐาน ว ๑.๓ เขา้ ใจกระบวนการและความสา้ คญั ของการถ่ายทอดลกั ษณะทางพันธกุ รรมสารพันธกุ รรม การเปลยี่ นแปลงทางพันธกุ รรมทม่ี ผี ลต่อส่ิงมชี วี ิต ความหลากหลาย ทางชีวภาพและววิ ัฒนาการของสง่ิ มชี ีวิต รวมทงั น้าความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ สาระที่ ๒ วิทยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว ๒.๑ เขา้ ใจสมบัติของสสารองค์ประกอบของสสารความสัมพันธ์ระหวา่ งสมบตั ขิ อง สสารกบั โครงสรา้ งและแรงยึดเหน่ียวระหวา่ งอนภุ าคหลักและธรรมชาติของการเปล่ยี นแปลงสถานะของสสาร การเกดิ สารละลายและการเกิด ปฏกิ ิรยิ าเคมี มาตรฐาน ว ๒.๒ เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจา้ วัน ผลของแรงทกี่ ระทา้ ต่อวัตถุลักษณะ การ เคลอื่ นที่แบบตา่ งๆของวตั ถุ รวมทงั น้าความรู้ไปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว ๒.๓ เข้าใจความหมายของพลงั งานการเปล่ยี นแปลงและการถ่ายโอนพลงั งาน ปฏสิ มั พันธร์ ะหวา่ งสสารและพลังงานพลังงานในชวี ติ ประจ้าวนั ธรรมชาติของคลน่ื ปรากฏการณท์ เี่ กยี่ วข้องกบั เสียง แสง และคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า รวมทงั น้าความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ สาระท่ี ๓ วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ มาตรฐาน ว ๓.๑ เข้าใจองคป์ ระกอบลกั ษณะกระบวนการเกิดและวิวฒั นาการของเอกภพ กาแลก็ ซีดาวฤกษ์ และระบบสรุ ิยะ รวมทงั ปฏสิ ัมพันธ์ภายในระบบสรุ ิยะท่ีสง่ ผลต่อสิง่ มีชวี ติ และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี อวกาศ มาตรฐาน มาตรฐาน ว ๓.๒ เข้าใจองคป์ ระกอบและความสมั พันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลีย่ นแปลง ภายใน โลกและบนผวิ โลก ธรณพี บิ ัติภยั กระบวนการเปล่ียนแปลงลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศโลก รวมทังผลตอ่ ส่งิ มชี ีวิตและสิ่งแวดล้อม สาระท่ี ๔ เทคโนโลยี มาตรฐาน ว ๔.๑ เขา้ ใจแนวคดิ หลักของเทคโนโลยเี พ่ือการดา้ รงชวี ติ ในสังคมที่มกี ารเปล่ยี นแปลง อย่าง รวดเร็วใชค้ วามรแู้ ละทักษะทางดา้ นวิทยาศาสตร์คณติ ศาสตรแ์ ละศาสตร์อนื่ ๆเพือ่ แก้ปญั หาหรอื พัฒนางานอยา่ งมี ความคิดสร้างสรรคด์ ว้ ยกระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม เลอื กใชเ้ ทคโนโลยอี ย่างเหมาะสม โดยคา้ นึงถงึ ผลกระทบต่อชวี ิต สงั คม และส่งิ แวดล้อม มาตรฐาน ว ๔.๒ เขา้ ใจและใช้แนวคดิ เชิงคา้ นวณในการแก้ปัญหาทพ่ี บในชวี ติ จริงอยา่ งเปน็ ขนั ตอนและเป็น ระบบ ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สารในการเรียนรู้ การท้างานและการแก้ปัญหาไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ รูเ้ ท่าทันและมีจรยิ ธรรม

9 สาระวิทยาศาสตร์เพ่ิมเตมิ สาระชวี วิทยา ๑.เข้าใจธรรมชาติของส่งิ มชี วี ิต การศึกษาชีววิทยาและวิธกี ารทางวิทยาศาสตร์ สารที่เป็นองคป์ ระกอบของ สงิ่ มชี วี ติ ปฏิกิริยาเคมีในเซลล์ของสิง่ มีชวี ิต กล้องจลุ ทรรศน์ โครงสร้างและหน้าที่ของเซลล์ การลา้ เลยี งสารเขา้ และ ออกจากเซลล์ การแบง่ เซลล์ และการหายใจระดบั เซลล์ ๒.เข้าใจการถา่ ยทอดลักษณะทางพนั ธกุ รรม การถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม สมบตั ิ และหนา้ ที่ของสาร พนั ธกุ รรมการเกดิ มวิ เทชัน เทคโนโลยที างดเี อน็ เอหลกั ฐานข้อมูลและแนวคดิ เก่ียวกบั วิวัฒนาการของส่งิ มชี ีวิตภาวะ สมดุลขุ องฮารด์ -ไี วน์เบริก์ การเกดิ สปชสี ี์ใหมค่ วามหลากหลาย ทางชวี ภาพกา้ เนดิ ของส่ิงมชี ีวิต ความหลากหลาย ของสงิ่ มีชีวติ และอนุกรมวธิ าน รวมทังนา้ ความรู้ ไปใชป้ ระโยชน์ ๓.เข้าใจส่วนประกอบของพชื การแลกเปลยี่ นแก๊สและคายนา้ ของพืช การล้าเลียง ของพืช การสงั เคราะห์ ดว้ ยแสงการสบื พันธุข์ องพชื ดอกและการเจรญิ เตบิ โตและการตอบสนองของพืชรวมทงั นา้ ความรู้ไปใช้ประโยชน์ ๔. เขา้ ใจการยอ่ ยอาหารของสตั ว์และมนษุ ย์การหายใจและการแลกเปลย่ี นแกส๊ การล้าเลยี งสารและการ หมนุ เวียนเลือดภมู คิ ุ้มกันกนั ของร่างกาย การขับถา่ ย การรับรูแ้ ละการตอบสนองการเคล่อื นที่ การสบื พันธ์แุ ละ การเจรญิ เติบโต ฮอร์โมนกบั การรักษาดลุ ยภาพและพฤติกรรมของสัตว์ รวมทังน้าความรู้ไปใช้ประโยชน์ ๕.เข้าใจแนวคดิ เกีย่ วกับระบบนิเวศกระบวนการถา่ ยทอดพลงั งานและการหมนุ เวียน สารในระบบนเิ วศ ความหลากหลายของไบโอมการเปล่ยี นแปลงแทนท่ีของสิ่งมีชีวติ ในระบบนเิ วศ ประชากรและรปู แบบการเพิ่มของ ประชากรทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ มปญั หาและผลกระทบท่เี กดิ จากการใชป้ ระโยชน์ และแนวทางการ แกไ้ ขปญั หา สาระเคมี ๑.เข้าใจโครงสรา้ งอะตอม การจัดเรียงธาตใุ นตารางธาตุ สมบตั ิของธาตุ พนั ธะเคมี และสมบัติของสาร แก๊ส และสมบตั ิของแก๊ส ประเภทและสมบตั ิของสารประกอบอินทรีย์และพอลิเมอร์ รวมทังการนา้ ความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ๒.เข้าใจการเขียนและการดลุสมการเคมี ปรมิ าณสัมพันธใ์ นปฏิกิริยาเคมี อัตราการเกิด ปฏิกิริยาเคมี สมดุลในปฏิกริ ิยาเคมสี มบัติและปฏิกริ ยิ าของกรด-เบส ปฏิกิรยิ ารดี อกซ์และเซลลเ์ คมี ไฟฟา้ รวมทงั การน้า ความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ๓.เขา้ ใจหลักการทา้ ปฏบิ ตั ิการเคมี การวดั ปรมิ าณสาร หนว่ ยวดั และการเปลย่ี นหน่วยการค้านวณปริมาณ ของสารความเขม้ ข้นของสารละลายรวมทังการบูรณาการความรแู้ ละทักษะในการอธิบายปรากฏการณใ์ น ชีวติ ประจา้ วันและการแกป้ ัญหาทางเคมี สาระฟิสกิ ส์ ๑.เข้าใจธรรมชาติทางฟิสิกส์ปรมิ าณและกระบวนการวัดการเคลอื่ นท่แี นวตรง แรงและกฎการเคลื่อนที่ของ นวิ ตันกฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสยี ดทานสมดุลกลของวตั ถุ งานและกฎการอนุรกั ษ์พลงั งานกล โมเมนตัมและกฎ การอนุรักษ์โมเมนตัมการเคล่ือนที่แนวโคง้ รวมทังนา้ ความรู้ไปใชป้ ระโยชน์

10 ๒.เขา้ ใจการเคลอื่ นท่แี บบฮารม์ อนกิ ส์อยา่ งง่าย ธรรมชาตขิ องคลืน่ เสียงและการไดย้ นิ ปรากฏการณ์ทเี่ กี่ยวข้องกับเสยี งแสงและการเหน็ ปรากฏการณ์ทเ่ี ก่ียวข้องกับแสงรวมทังนา้ ความรู้ไปใช้ ประโยชน์ ๓.เข้าใจแรงไฟฟ้าและกฎของคลูอมบส์ นามไฟฟ้า ศกั ย์ไฟฟ้า ความจไุ ฟฟ้า กระแสไฟฟ้าและกฎของโอห์ม วงจรไฟฟ้ากระแสตรง พลงั งานไฟฟา้ และก้าลงั ไฟฟา้ การเปลี่ยนพลังงานทดแทน เปน็ พลังงานไฟฟา้ สนามแม เหลก็ แรงแมเ่ หล็กทีก่ ระท้ากับประจไุ ฟฟา้ และกระแสไฟฟ้า การเหน่ียวน้าแมเ่ หล็กไฟฟา้ และกฎของฟาราเดย์ ไฟฟ้ากระแสสลบั คล่ืนแมเ่ หลก็ ไฟฟา้ และการส่ือสาร รวมทงั นา้ ความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ๔.เขา้ ใจความสัมพันธข์ องความร้อนกบั การเปลยี่ นอุณหภมู ิและสถานะของสสารสภาพยืดหยนุ่ ของวสั ดุและ มอดุลสั ของยังความดันในของไหล แรงพยงุ และหลกั ของอารค์ ิมดี สี ความตึงผิวและแรงหนืดของของเหลวของ ไหลอุดมคติ และสมการแบร์นูลลี กฎของแกส๊ ทฤษฎจี ลน์ ของแก๊สอุดมคตแิ ละพลังงานในระบบ ทฤษฎี อะตอมของโบร์ ปรากฏการณ์โฟโตอเิ ลก็ ทริกทวิภาวะ ของคลืน่ และอนภุ าค กัมมันตภาพรงั สี แรงนิวเคลียร์ ปฏิกริ ิยานิวเคลยี ร์ พลงั งานนิวเคลยี ร์ ฟิสิกส์ อนภุ าครวมทงั น้าความรู้ไปใชป้ ระโยชน์

11 คา้ อธบิ ายรายวชิ ารายวิชาพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตรช์ ีวภาพ รหัสวชิ า ว๓๑๑๐๑ กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๔ เวลา (4๐ ช่ัวโมง/ภาคเรียน ) จ้านวน ๑.๐ หน่วยกิต ภาคเรียนท่ี ๑ ********************************************************************************** ศึกษาความหลากหลายของระบบนิเวศ การเปล่ียนแปลงแทนท่ีของระบบนิเวศ องค์ประกอบของระบบ นิเวศ ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม เซลล์และโครงสร้างพืนฐานของเซลล์ การล้าเลียงสารเข้าและออกจาก เซลล์ การรักษาดุลยภาพของน้าและแร่ธาตุ กรด-เบส อุณหภูมิในร่างกายมนุษย์ ระบบภูมิคุ้มกันความผิดปกติของ ระบบภมู ิคมุ้ กัน การสร้างอาหารของพืชด้วยกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง สารสังเคราะห์จากพืช ปัจจัยท่ีมีผลต่อ การเจริญเติบโตของพืช การตอบสนองของพืชต่อสิ่งเร้า ยีนและการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม การถ่ายทอด ลกั ษณะทางพันธกุ รรมการเปล่ียนแปลงทางพันธุกรรมระดับยีนและโครโมโซม การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีทางดี เอ็นเอ ววิ ฒั นาการของสงิ่ มีชวี ติ จากการคดั เลอื กโดยธรรมชาติ การคดั เลอื กโดยธรรมชาตขิ องสิง่ มชี ีวติ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์กระบวนการสืบเสาะหาความรู้การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การ วิเคราะห์ การอธิบาย การอภิปรายและการสรุป เพื่อให้เกิดความรู้ความคิดความเข้าใจ มีความสามารถในการ ตัดสินใจ ส่ือสารส่ิงท่ีเรียนรู้และน้าความรู้ไปใช้ในชีวิตของตนเองและดูแลรักษาส่ิงมีชีวิตอ่ืนๆ เฝ้าระวังและพัฒนา สิง่ แวดล้อมอยา่ งยงั่ ยืน มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรมและคา่ นิยมท่ีเหมาะสม ตัวชีว้ ดั ว ๑.๑ ม๔/๑ ม.๔/๒ ม.๔/๓ ม.๔/๔ ว๑.๒ ม.๔/๑ ม.๔/๒ ม.๔/๓ ม.๔/๔ ม.๔/๕ ม.๔/๖ ม๔/๗ ม.๔/๘ ม.๔/๙ ม . ๔ / ๑ ๐ ม . ๔ / ๑ ๑ ม.๔/๑๒ ว ๑.๓ ม.๔/๑ ม.๔/๒ ม.๔/๓ ม.๔/๔ ม.๔/๕ ม.๔/๖ รวม ๒๒ ตวั ช้ีวดั มาตรฐาน ว ๑.๑ ๑.สืบคน้ ขอ้ มลู และอธิบายความสัมพันธ์ของสภาพทางภมู ิศาสตรบ์ นโลกกับความหลากหลายของ ไบโอม และยกตัวอย่างไบโอมชนดิ ตา่ งๆ ๒.สืบค้นข้อมูล อภิปรายสาเหตุ และยกตัวอยา่ ง การเปล่ียนแปลงแทนท่ีของระบบนเิ วศ ๓.สืบค้นข้อมูล อธบิ ายและยกตวั อย่างเกี่ยวกับการเปลย่ี นแปลงขององคป์ ระกอบทางกายภาพ และทาง ชวี ภาพท่ีมีผลต่อการเปลยี่ นแปลงขนาด ของประชากรส่งิ มีชีวติ ในระบบนเิ วศ ๔.สบื คน้ ข้อมูลและอภปิ รายเกี่ยวกับปัญหาและผลกระทบท่ีมตี อ่ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดล้อมพร้อม ทงั นา้ เสนอแนวทางในการ อนรุ กั ษท์ รัพยากรธรรมชาตแิ ละการแกไ้ ขปญั หา ส่งิ แวดล้อม

12 มาตรฐาน ว ๑.๒ ๑.อธิบายโครงสร้างและสมบัติของเย่ือหมุ้ เซลล์ที่ สัมพนั ธก์ ับการลา้ เลยี งสารและเปรยี บเทยี บการลา้ เลียง สารผา่ นเยอื่ ห้มุ เซลล์แบบตา่ งๆ ๒.อธิบายการควบคุมดลุ ยภาพของน้าและสารใน เลือดโดยการทา้ งานของไต ๓.อธิบายการควบคุมดุลยภาพของกรด-เบสของ เลือดโดยการท้างานของไตและปอด ๔.อธบิ ายการควบคมุ ดลุ ยภาพของอุณหภูมภิ ายใน รา่ งกายโดยระบบหมุนเวียนเลอื ดผิวหนงั และ กลา้ มเนอื โครงรา่ ง ๕.อธิบายและเขียนแผนผงั เกี่ยวกับการตอบสนอง ของร่างกายแบบไมจ่ า้ เพาะและแบบจ้าเพาะต่อ สิ่งแปลกปลอมของรา่ งกาย ๖.สืบค้นข้อมูล อธิบายและยกตวั อยา่ งโรคหรือ อาการทเ่ี กิดจากความผดิ ปกตขิ องระบบ ภูมิคมุ้ กนั ๗.อธิบายภาวะภูมคิ ุ้มกนั บกพรอ่ งทม่ี สี าเหตุมาจากการติดเชือHIV ๘.ทดสอบและบอกชนิดของสารอาหารท่ีพชื สังเคราะห์ได้ ๙.สบื ค้นข้อมูลอภปิ รายและยกตวั อย่างเก่ยี วกับ การใช้ประโยชนจ์ ากสารต่างๆท่พี ืชบางชนดิ สร้างขึน ๑๐.ออกแบบการทดลองทดลองและอธิบายเกี่ยวกับปัจจยั ภายนอกท่ีมีผลตอ่ การเจรญิ เตบิ โตของพชื ๑๑.สบื คน้ ข้อมลู เกีย่ วกับสารควบคมุ การเจริญเติบโตของพืชทมี่ นุษย์สงั เคราะหข์ ึนและยกตัวอย่างการน้ามา ประยุกตใ์ ชท้ างด้าน การเกษตรของพืช ๑๒.สังเกตและอธบิ ายการตอบสนองของพืชต่อสิ่งเร้าในรปู แบบตา่ งๆที่มผี ลต่อการด้ารงชวี ติ มาตรฐาน ว ๑.๓ ๑.อธบิ ายความสัมพันธ์ระหว่างยนี การสงั เคราะห์ โปรตนี และลักษณะทางพนั ธกุ รรม ๒.อธบิ ายหลกั การถ่ายทอดลักษณะท่ีถูกควบคมุ ดว้ ยยนี ที่อย่บู นโครโมโซมเพศและมัลติเปลิ แอลลีล ๓.อธบิ ายผลที่เกดิ จากการเปลย่ี นแปลงลา้ ดับนวิ คลโี อไทด์ในดีเอน็ เอตอ่ การแสดงลักษณะของ สงิ่ มชี วี ิต ๔.สบื ค้นขอ้ มูลและยกตัวอย่างการนา้ มวิ เทชันไปใช้ประโยชน์ ๕.สืบคน้ ขอ้ มูลและอภปิ รายผลของเทคโนโลยที างดเี อน็ เอที่มีต่อมนุษยแ์ ละส่ิงแวดล้อม ๖.สบื ค้นข้อมลู อธบิ ายและยกตัวอย่างความหลากหลายของสิ่งมชี ีวิตซ่ึงเป็นผลมาจากววิ ฒั นาการ

13 ค้าอธบิ ายรายวชิ า เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี รหัสวิชา ว๓๑๑๘๑ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) กลมุ่ สาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชันมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๔ จา้ นวน ๔๐ ชว่ั โมง/ภาคเรยี น จา้ นวน ๑.๐ หน่วยกิต ภาคเรียนท่ี ๑ -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ศกึ ษา วเิ คราะห์แนวคิดหลักของเทคโนโลยี การเปล่ยี นแปลงและผลกระทบของเทคโนโลยที เี่ กดิ ขนึ และ ความสัมพนั ธ์ของเทคโนโลยกี บั ศาสตรอ์ ื่น ออกแบบ สร้าง หรอื พัฒนาผลงานส้าหรับแก้ปญั หาท่คี า้ นงึ ถงึ ผลกระทบ ต่อสังคมในประเดน็ ท่เี กี่ยวข้องกับสุขภาพและการบรกิ าร โดยใช้กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม ซ่งึ ใชค้ วามรู้ ทกั ษะ และเลือกใช้วสั ดุ อุปกรณ์ เครอ่ื งมือ กลไก ไฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนิกส์ เพ่ือแกป้ ญั หาไดอ้ ย่าง ถกู ต้อง เหมาะสม ปลอดภัย ค้านึงถงึ ทรัพยส์ ินทางปัญญา ใช้ซอฟต์แวรช์ ่วยในการออกแบบและน้าเสนอผลงาน ตัวชว้ี ดั ว ๔.๑ ม.๔/๑,ม.๔/๒,ม.๔/๓,ม.๔/๔ม.๔/๕ ตัวชว้ี ดั ว 4.1 เทคโนโลยี(การออกแบบและเทคโนโลย)ี 1. วเิ คราะหแ์ นวคดิ หลกั ของเทคโนโลยี ความสมั พันธก์ ับศาสตร์อนื่ โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์ หรอื คณติ ศาสตร์ รวมทังประเมนิ ผลกระทบท่จี ะเกดิ ขึนต่อมนุษย์ สงั คม เศรษฐกิจ และสิง่ แวดล้อม เพื่อเป็น แนวทางในการพฒั นาเทคโนโลยี 2. ระบปุ ัญหาหรือความต้องการที่มผี ลกระทบต่อสงั คม รวบรวม วิเคราะหข์ ้อมูลและแนวคดิ ท่ี เกี่ยวขอ้ งกับ ปญั หาทีม่ ีความซบั ซ้อนเพ่ือสังเคราะหว์ ิธีการ เทคนิคในการแกป้ ญั หา โดยคา้ นงึ ถึงความถกู ต้องด้าน ทรัพย์สนิ ทางปัญญา 3. ออกแบบวิธีการแกป้ ัญหา โดยวเิ คราะห์เปรยี บเทยี บ และตัดสินใจเลือกข้อมลู ท่ีจา้ เป็นภายใต้ เง่อื นไข และทรัพยากรที่มีอยู่ น าเสนอแนวทางการแกป้ ัญหาใหผ้ ้อู ื่นเขา้ ใจดว้ ยเทคนิคหรือวธิ ีการทหี่ ลากหลาย โดยใชซ้ อฟต์แวรช์ ว่ ยในการออกแบบ วางแผนขนั ตอนการท างานและด้าเนนิ การแก้ปัญหา 4. ทดสอบ ประเมินผล วเิ คราะหแ์ ละใหเ้ หตุผลของปัญหาหรือข้อบกพร่องท่ีเกดิ ขึนภายใตก้ รอบ เง่อื นไข หาแนวทางการปรับปรุงแก้ไข และนา้ เสนอผลการแกป้ ัญหา พรอ้ มทังเสนอแนวทางการพัฒนาตอ่ ยอด 5. ใช้ความรู้และทักษะเกย่ี วกับวสั ดุ อุปกรณ์ เคร่ืองมือ กลไก ไฟฟา้ และอเิ ล็กทรอนกิ ส์ และ เทคโนโลยีท่ี ซบั ซ้อนในการแก้ปญั หาหรือพฒั นางาน ได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม และปลอดภัย รวมท้ังหมด 5 ตัวชวี้ ดั

14 คา้ อธิบายรายวชิ า เทคโนโลยี (วิทยาการคา้ นวณ) รหสั วิชา ว๓๑๑๘๒ เทคโนโลยี (วิทยาการคา้ นวณ) กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๔ จ้านวน ๔๐ ชวั่ โมง/ภาคเรยี น จ้านวน ๑.๐ หน่วยกิต ภาคเรยี นท่ี ๒ -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษาหลักการของแนวคดิ เชงิ ค้านวณ การแยกส่วนประกอบและการย่อยปัญหา การหารปู แบบ การคดิ เชิงนามธรรม ตวั อยา่ งและประโยชนข์ องแนวคิดเชิงค้านวณเพอ่ื แกป้ ญั หาในชีวิตประจ้าวัน ประยุกต์ใช้แนวคิดเชิง คา้ นวณในการออกแบบขนั ตอนวธิ สี า้ หรับแกป้ ญั หา การแก้ปัญหาดว้ ย คอมพวิ เตอร์ การระบขุ ้อมูลเข้า ขอ้ มลู ออก และเงื่อนไขของปญั หา การออกแบบขนั ตอนวิธี การทา้ ซา้ การจดั เรียงและค้นหาข้อมลู ตัวอยา่ งการออกแบบ ขนั ตอนวิธเี พ่ือแกป้ ญั หาด้วยคอมพวิ เตอร์ การศกึ ษา ตวั อยา่ งโครงงานทางเทคโนโลยีสารสนเทศ การก้าหนดปัญหา ศกึ ษา วางแผน ดา้ เนินงาน สรปุ ผล และเผยแพร่ ในการพฒั นาโครงงานทม่ี กี ารบรู ณาการร่วมกับวิชาอืน่ และ เชอ่ื มโยงกบั ชีวติ จรงิ ตัวชวี้ ัด ว ๔.๒ ม.๔/๑ ตวั ชวี้ ดั ว. 4.2 เทคโนโลยี (วทิ ยาการค้านวณ) ประยกุ ตใ์ ช้แนวคดิ เชงิ ค้านวณในการพฒั นาโครงงานทีม่ ีการบรู ณาการกับวิชาอนื่ อย่าง สร้างสรรค์และ เชอื่ มโยงกับชีวิตจรงิ รวมทั้งหมด 1 ตัวชว้ี ัด

15 คา้ อธิบายรายวิชารายวชิ าพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ1(เคม)ี รหัสวชิ าว๓2๑๐๑ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 5 เวลา (4๐ ชวั่ โมง/ภาคเรยี น จา้ นวน ๑.๐ หนว่ ยกิต ภาคเรยี นท่ี ๑ ********************************************************************************** ศึกษาวิเคราะหเ์ ปรียบเทยี บแบบจ้าลองอะตอมของดอลตัน ทอมสนั รัทเทอร์ฟอรด์ โบร์และกลมุ่ หมอก อนุภาคมลู ฐานของอะตอม สัญลกั ษณน์ ิวเคลยี ร์ โมเลกลุ ไอออน และไอโซโทปของธาตุ วิวัฒนาการของการสร้าง ตารางธาตุและตารางธาตุในปัจจบุ ัน แนวโนม้ สมบตั บิ างประการของธาตุในตารางธาตุตามหมแู่ ละคาบ ศึกษาการเกดิ พันธะเคมีในโมเลกุลของสาร การเกิดพันธะโคเวเลนต์ ชนิดของพันธะโคเวเลนต์ การอา่ นชื่อสารประกอบโคเวเลนต์ สภาพขวั ของโมเลกุลโคเวเลนต์ แรงยึดเหนีย่ วระหวา่ งโมเลกุลโคเวเลนต์ สมบัตขิ องสารประกอบโคเวเลนต์ การเกิด พันธะไอออนิก การเขยี นสตู รและเรียกชื่อสารประกอบไอออนกิ และสมบตั บิ างประการของสารประกอบไอออนกิ สมบตั ขิ องกรด เบสและเกลือ สารละลายอิเล็กโทรไลตแ์ ละนอนอิเล็กโทรไลต์ สารประกอบไฮโดรคาร์บอน ศกึ ษา โครงสรา้ งสมบตั ปิ ระเภทของพอลิเมอร์ ตวั อยา่ งพอลิเมอร์ธรรมชาตแิ ละพอลเิ มอร์สังเคราะห์ปฏกิ ิริยาการสังเคราะห์ พอลิเมอร์ รวมทังการใช้แระโยชน์และผลกระทบจากการใชผ้ ลิตภณั ฑข์ องพอลเิ มอร์ ศึกษาและทดลองการ เกิดปฏกิ ริ ิยาเคมี อัตราการเกิดปฏิกิรยิ าเคมี ศึกษาและทดลองปจั จยั ที่มีผลต่ออัตราการเกิดปฏกิ ิริยาเคมี ปฏกิ ิริยา เคมใี นชีวิตประจ้าวันและการใชป้ ระโยชน์ ปฏกิ ริ ิยารดี อกซ์ ศกึ ษาสมบัติของสารกมั มนั ตรังสีและค้านวณครึ่งชวี ติ และ ปรมิ าณของสารกัมมันตรังสีประโยชน์และอนั ตรายของสารกัมมันตรงั สี โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสา้ รวจตรวจสอบ การสบื ค้นข้อมูลและการ อภปิ ราย เพอ่ื ให้ผเู้ รยี นเกดิ ความรู้ ความคดิ ความเขา้ ใจ สามารถส่อื สารสงิ่ ท่ีเรียนรู้มีความสามารถในการตดั สินใจ เหน็ คณุ คา่ ของการน้าความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ในชีวติ ประจ้าวัน มคี วามรับผิดชอบต่อส่ิงแวดลอ้ มและมเี จตคตทิ ด่ี ตี ่อ วชิ าวทิ ยาศาสตร์ รหัสตวั ช้วี ดั ว 2.๑ ม5/๑ - ม.5/25 รวม ๒5 ตัวชีว้ ดั มาตรฐาน ว ๒.๑ 1 ระบุว่าสารเปน็ ธาตหุ รอื สารประกอบ และอยใู่ นรปู อะตอม โมเลกุล หรอื ไอออนจากสูตรเคมี 2 เปรียบเทยี บความเหมอื นและความแตกตา่ งของแบบจ้าลองอะตอมของโบรก์ ับแบบจ้าลองอะตอมแบบ กลุม่ หมอก 3 ระบุจา้ นวนโปรตอน นวิ ตรอน และอเิ ล็กตรอนของอะตอม และไอออนทีเ่ กิดจากอะตอมเดียว 4 เขียนสญั ลกั ษณ์นิวเคลียรข์ องธาตุและระบกุ ารเปน็ ไอโซโทป 5 ระบุหมู่และคาบของธาตุและระบุว่าธาตุเป็นโลหะ อโลหะ กึ่งโลหะ กลุ่มธาตุเรพรีเซนเททีฟหรือกลุ่มธาตุแทรนซิ ชันจากตารางธาตุ 6 เปรียบเทยี บสมบตั ิการน้าไฟฟา้ การใหแ้ ละรบั อิเลก็ ตรอนระหว่างธาตใุ นกลมุ่ โลหะกบั อโลหะ 7 สืบค้นข้อมูลและนา้ เสนอตัวอยา่ งประโยชนแ์ ละอนั ตรายทเ่ี กดิ จากธาตเุ รพรเี ซนเททีฟและธาตแุ ทรนซิชัน 8 ระบวุ า่ พันธะโคเวเลนต์เปน็ พนั ธะเด่ยี ว พนั ธะคู่ หรือพันธะสาม และระบจุ า้ นวนคู่อเิ ลก็ ตรอนระหว่างอะตอมคู ร่วมพันธะจากสูตรโครงสรา้ ง

16 9 ระบุสภาพขวั ของสารท่ีโมเลกุลประกอบดว้ ย 2 อะตอม 10 ระบสุ ารทเ่ี กิดพนั ธะไฮโดรเจนไดจ้ ากสตู รโครงสรา้ ง 11 อธิบายความสัมพันธร์ ะหวา่ งจดุ เดอื ดของสารโคเวเลนตก์ บั แรงดึงดดู ระหว่างโมเลกลุ ตามสภาพขวั หรือการเกดิ พนั ธะไฮโดรเจน 12 เขยี นสูตรเคมีของไอออนและสารประกอบไอออนิก 13 ระบวุ า่ สารเกดิ การละลายแบบแตกตัวหรือไมแ่ ตกตัว พร้อมให้เหตผุ ลและระบวุ ่าสารละลายท่ไี ด้เป็น สารละลายอเิ ล็กโทรไลตห์ รอื นอนอิเลก็ โทรไลต์ 14 ระบุสารประกอบอนิ ทรียป์ ระเภทไฮโดรคาร์บอนว่าอ่ิมตัวหรอื ไม่อ่มิ ตัวจากสูตรโครงสร้าง 15 สืบคน้ ขอ้ มลู และเปรยี บเทยี บสมบัตทิ างกายภาพระหว่างพอลิเมอร์และมอนอเมอรข์ องพอลเิ มอรช์ นิดนัน 16 ระบสุ มบัตคิ วามเป็นกรด-เบส จากโครงสรา้ งของสารประกอบอินทรีย์ 17 อธบิ ายสมบัตกิ ารละลายในตวั ท้าละลายชนดิ ต่าง ๆ ของสาร 18 วเิ คราะห์และอธิบายความสัมพันธ์ระหวา่ งโครงสร้างกบั สมบตั เิ ทอร์มอพลาสติกและเทอร์มอเซตของพอลิเมอร์ และการนา้ พอลเิ มอรไ์ ปใช้ประโยชน์ 19 สืบค้นข้อมูลและนา้ เสนอผลกระทบของการใชผ้ ลิตภณั ฑ์พอลเิ มอร์ท่ีมีต่อสงิ่ มชี วี ติ และสิ่งแวดล้อม พร้อม แนวทางป้องกันหรือแกไ้ ข 20 ระบุสตู รเคมขี องสารตังตน้ ผลิตภัณฑ์ และแปลความหมายของสญั ลักษณ์ในสมการเคมขี องปฏิกริ ิยาเคมี 21 ทดลองและอธบิ ายผลของความเข้มข้นพนื ทผ่ี ิวอณุ หภูมิและตัวเรง่ ปฏิกิรยิ าทม่ี ีผลต่ออตั ราการเกิดปฏกิ ิริยาเคมี 22 สืบค้นข้อมลู และอธบิ ายปจั จัยที่มผี ลต่ออัตราการเกดิ ปฏิกิริยาเคมีท่ีใช้ประโยชนใ์ นชีวติ ประจ้าวันหรือใน อุตสาหกรรม 23 อธบิ ายความหมายของปฏิกิริยารีดอกซ์ 24 อธบิ ายสมบัตขิ องสารกมั มันตรงั สแี ละค้านวณคร่งึ ชีวติ และปริมาณของสารกัมมนั ตรังสี 25 สืบคน้ ข้อมูลและน้าเสนอตัวอยา่ งประโยชนข์ องสารกมั มนั ตรังสีและการป้องกันอันตรายท่ีเกดิ จาก กมั มันตภาพรงั สี

17 ค้าอธิบายรายวิชารายวชิ าพื้นฐาน วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ2(ฟสิ ิกส์) รหัสวิชาว๓2๑๐2 กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 5 เวลา (4๐ ช่ัวโมง/ภาคเรยี น จ้านวน ๑.๐ หนว่ ยกติ ภาคเรยี นที่ 2 ********************************************************************************** ศึกษา วิเคราะห์ และแปลความหมายของปริมาณที่เก่ียวข้องกับการเคลื่อนที่ ระยะทาง การกระจัด อตั ราเรว็ ความเร็ว ความเร่ง ลักษณะของแรง การหาแรงลัพธ์ กฎการเคล่ือนที่ของนิวตัน การเคล่ือนท่ีแบบโพรเจก ไทล์ การเคลื่อนท่ีแบบวงกลมและปริมาณท่ีเก่ียวข้องกับการเคลื่อนที่แบบวงกลม แรงสู่ศูนย์กลาง ความเร่งสู่ ศูนย์กลาง การประยุกต์ใช้ความรู้การเคลื่อนท่ีแบบวงกลมในการอธิบายการเคล่ือนที่ของรถบนถนนโค้ง การแกว่ง ของวตั ถุตดิ ปลายเชอื ก การสน่ั ของวัตถุตดิ ปลายสปริง แรงโน้มถ่วงและสนามโน้มถ่วง การเคลื่อนที่ของวัตถุในสนาม โนม้ ถว่ งของโลก ประโยชนจ์ ากสนามโนม้ ถ่วง แรงไฟฟ้าและสนามไฟฟา้ ผลของสนามไฟฟ้าต่ออนุภาคท่ีมีประจุไฟฟ้า ประโยชน์จากสนามไฟฟ้า แรงแม่เหล็กและสนามแม่เหล็ก ผลของสนามแม่เหล็กต่ออนุภาคท่ีมีประจุไฟฟ้า ผลของ สนามแมเ่ หลก็ ต่อตวั น้าท่ีมกี ระแสไฟฟ้า ประโยชน์จากสนามแมเ่ หลก็ แรงนวิ เคลยี ร์อย่างเข้ม แรงนิวเคลียร์อย่างอ่อน พลังงานในชวี ิตประจ้าวัน พลังงานทดแทนประเภทสนิ เปลอื ง พลังงานทดแทนประเภทหมุนเวียน ไฟฟ้าจากพลังงาน นิวเคลยี ร์ ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานนิวเคลียร์ฟิชชัน พลังงานนิวเคลียร์ฟิวชัน เทคโนโลยีด้านพลังงาน คลื่นกล ส่วนประกอบของคล่ืนกล อัตราเร็วของคลื่น สมบัติของคล่ืน เสียง สมบัติของเสียง ระดับเสียง ความเข้ม เสียง หูกับการได้ยิน บีต ดอปเพลอร์ ความถ่ีธรรมชาติและการส่ันพ้อง การน้าความรู้เร่ืองเสียงไปใช้ประโยชน์ แสง ตากบั การมองเหน็ การผสมแสงสี การผสมสารสี และการใช้ประโยชน์ การบอดสี คล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า สเปกตรัมคล่ืน แม่เหล็กไฟฟ้า ประโยชน์ของคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า อุปกรณ์ควบคุมระยะไกล การใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในการสื่อสาร ข้อมลู สญั ญาณแอนะล็อก และสัญญาณดจิ ิทัล โดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การส้ารวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การวเิ คราะห์ การอภิปราย และการสรปุ ผล เพื่อใหเ้ กดิ ความรู้ ความคิด และความเข้าใจ มีความสามารถ ในการตัดสินใจ ส่ือสารสิ่งท่ีเรียนรู้และน้าความรู้ไปใช้ในชีวิตประจ้าวัน ตลอดจนมีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรม และค่านิยมที่เหมาะสม รหสั ตัวชี้วดั ว 2.2 ม.5/1 - ม.5/10 ว 2.3 ม.5/1 - ม.5/12 รวม 22 ตัวชวี้ ดั มาตรฐาน ว ๒.๒ 1.วิเคราะห์และแปลความหมายข้อมูลความเร็วกบั เวลาของการเคลอื่ นท่ีของวัตถุ เพ่อื อธบิ ายความเรง่ ของวตั ถุ 2.สงั เกตและอธบิ ายการหาแรงลัพธท์ เ่ี กิดจากแรงหลายแรงท่อี ยู่ในระนาบเดียวกันท่ีกระท้าต่อวตั ถุ โดยการเขียน แผนภาพการรวมแบบเวกเตอร์ 3.สังเกต วเิ คราะห์ และอธิบายความสมั พันธร์ ะหวา่ งความเร่งของวตั ถุกับแรงลัพธ์ที่กระทา้ ต่อวตั ถุและมวลของวัตถุ

18 4.สงั เกตและอธิบายแรงกริ ยิ าและแรงปฏกิ ริ ิยาระหว่างวตั ถคุ หู่ นงึ่ ๆ 5.สงั เกตและอธบิ ายผลของความเร่งทีม่ ีต่อการเคลอ่ื นทีแ่ บบตา่ ง ๆ ของวัตถุ ได้แก่ การเคล่ือนทีแ่ นวตรง การเคล่อื นทีแ่ บบโพรเจกไทล์ การเคล่อื นทแ่ี บบวงกลม และการเคลื่อนที่แบบส่นั 6.สืบค้นขอ้ มูลและอธบิ ายแรงโน้มถ่วงที่เกย่ี วกับการเคลือ่ นที่ของวัตถตุ ่าง ๆ รอบโลก 7.สงั เกตและอธิบายการเกดิ สนามแมเ่ หลก็ เน่อื งจากกระแสไฟฟ้า 8.สงั เกตและอธบิ ายแรงแม่เหล็กทก่ี ระทา้ ตอ่ อนภุ าคทีม่ ีประจุไฟฟ้าทเ่ี คลื่อนที่ในสนามแมเ่ หลก็ และแรงแม่เหลก็ ที่ กระท้าต่อลวดตวั น้าท่ีมีกระแสไฟฟา้ ผา่ นในสนามแม่เหล็ก รวมทงั อธบิ ายหลักการท้างานของมอเตอร์ 9.สังเกตและอธิบายการเกดิ อเี อม็ เอฟ รวมทงั ยกตวั อย่างการนา้ ความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ 10.สบื คน้ ขอ้ มลู และอธบิ ายแรงเข้มและแรงออ่ น มาตรฐาน ว ๒.๓ 1.สบื ค้นขอ้ มลู และอธิบายพลังงานนิวเคลียรฟ์ ชิ ชนั และฟวิ ชนั และความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งมวลกับพลงั งานทีป่ ลดปลอ่ ย ออกมาจากฟิชชนั และฟวิ ชนั 2.สบื คน้ ขอ้ มลู และอธบิ ายการเปลี่ยนพลังงานทดแทนเป็นพลังงานไฟฟา้ รวมทังสบื ค้นและอภิปรายเกีย่ วกบั เทคโนโลยีทน่ี ้ามาแก้ปญั หาหรือตอบสนองความตอ้ งการทางด้านพลงั งาน โดยเน้นด้านประสิทธิภาพและความคุ้ม ค่าด้านคา่ ใชจ้ ่าย 3.สงั เกตและอธิบายการสะท้อน การหกั เห การเลยี วเบน และการรวมคล่นื 4.สงั เกตและอธิบายความถ่ีธรรมชาติ การสั่นพอ้ ง และผลที่เกิดขึนจากการสน่ั พ้อง 5.สงั เกตและอธิบายการสะท้อน การหกั เห การเลียวเบน และการรวมคลื่นของคลนื่ เสียง 6.สืบค้นข้อมูลและอธบิ ายความสมั พนั ธ์ระหวา่ งความเขม้ เสยี งกบั ระดบั เสียงและผลของความถ่ีกับระดบั เสียงที่มีต่อ การได้ยินเสียง 7.สังเกตและอธิบายการเกดิ เสียงสะท้อนกลับ บีต ดอปเพลอร์ และการส่นั พ้องของเสยี ง 8.สบื คน้ ข้อมูลและยกตวั อยา่ งการน้าความร้เู กยี่ วกบั เสยี งไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจ้าวัน 9.สงั เกตและอธบิ ายการมองเห็นสขี องวตั ถุ และความผดิ ปกตใิ นการมองเห็นสี 10.สงั เกตและอธิบายการทา้ งานของแผ่นกรองแสงสี การผสมแสงสี การผสมสารสี และการน้าไปใชป้ ระโยชนใ์ น ชีวิตประจา้ วัน 11.สบื ค้นข้อมลู และอธิบายคลืน่ แมเ่ หล็กไฟฟา้ ส่วนประกอบคลืน่ แมเ่ หล็กไฟฟ้า และหลักการทา้ งานของอุปกรณ์ บางชนดิ ท่อี าศยั คล่ืนแมเ่ หลก็ ไฟฟา้ 12.สบื ค้นขอ้ มลู และอธบิ ายการส่อื สาร โดยอาศยั คลื่นแม่เหล็กไฟฟา้ ในการส่งผ่านสารสนเทศ และเปรยี บเทียบการ สือ่ สารดว้ ยสญั ญาณแอนะล็อกกับสญั ญาณดจิ ทิ ัล

19 ค้าอธบิ ายรายวิชา รหสั วชิ า ว ๓๒๑๘๓ การออกแบบและเทคโนโลยี กลุม่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ม. ๕ เวลา ๒๐ ชั่วโมง / ภาคเรียน จา้ นวน ๐.๕ หน่วยกติ ภาคเรยี นที่ ๑ ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- คา้ อธบิ ายรายวิชา ศกึ ษาเกีย่ วกบั ความหมายของนวตั กรรม ความสัมพันธข์ องเทคโนโลยีและนวตั กรรม รูปแบบ ของเทคโนโลยี การพฒั นาอย่างยง่ั ยืน หลักปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงเพอื่ การพฒั นาอยา่ งยัง่ ยืน ระบบ ทางเทคโนโลยี กระบวนการเทคโนโลยี องค์ประกอบทสี่ ัมพันธก์ บั กระบวนการทางเทคโนโลยี การออกแบบ เชิง วิศวกรรม สะเต็มศึกษา โครงงานสะเต็ม การทา้ โครงงาน การประยกุ ต์ใช้ความรแู้ ละทักษะจากศาสตร์ ตา่ ง ๆ รวมทังทรพั ยากรในการสร้างหรือพัฒนาชนิ งาน เพื่อแก้ปัญหาในการท้างาน การทา้ โครงงาน ออกแบบและเทคโนโลยี ผลงานโครงงานการออกแบบและเทคโนโลยี โดยอาศยั กระบวนการเรยี นรูโ้ ดยใช้ปญั หา เป็นฐาน ( Problem–based Learning ) และการเรยี นรแู้ บบใช้โครงงานเป็นฐาน ( Project–based Learning ) เน้นให้ผเู้ รยี นไดล้ งมือปฏบิ ตั ิ ฝกึ ทักษะการคดิ เผชิญสถานการณก์ ารแกป้ ัญหาวางแผนการเรยี นรู้ และนา้ เสนอผ่าน การทากจิ กรรมโครงงาน เพื่อให้เกดิ ทักษะ ความรู้ ความเขา้ ใจ และทกั ษะในการวเิ คราะห์ปัญหาน้าไปสู่การสร้าง ต้นแบบ ตลอดจนสามารถน้ากระบวนการเทคโนโลยี สร้างเทคโนโลยี วธิ ีการ เพ่ือเพิ่ม ประสิทธภิ าพในการดา้ รงชวี ติ รวมทงั ค้านงึ ถึงทรพั ยส์ ินทางปัญญา ตลอดจนน้าความรู้ความเข้าใจ ในวิชา วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยไี ปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสงั คมและการด้ารงชวี ติ จนสามารถพัฒนากระบวนการคิดและ จนิ ตนาการ ความสามารถในการแกป้ ัญหาและการจัดการทกั ษะในการส่อื สาร และความสามารถในการตดั สนิ ใจ อกี ทังยังเปน็ ผู้ที่มีจิตวทิ ยาศาสตร์ มีคุณธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นิยมในการใช้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีอยา่ ง สร้างสรรค์ รหสั ตัวชีวัด ว 4.1 ม.5/1 รวมทังหมด ๑ ตัวชีวดั ตวั ชว้ี ัด 1. ประยกุ ต์ใชค้ วามรแู้ ละทกั ษะจากศาสตร์ตา่ ง ๆ รวมทงั ทรัพยากรในการทา้ โครงงาน เพอ่ื แกป้ ญั หาหรือพฒั นา งาน

20 คา้ อธิบายรายวิชา รายวิชาพน้ื ฐาน เทคโนโลยี (วิทยาการค้านวณ) กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศกึ ษา เวลา 40 ชว่ั โมง ศึกษาเกย่ี วกับวทิ ยาการคอมพวิ เตอร์ สอ่ื ดิจทิ ลั และเทคโนโลยสี ารสนเทศกบั การด้าเนนิ ชวี ติ เทคโนโลยกี าร จดั การข้อมลู ข้อมูล ฐานข้อมูล คลงั ขอ้ มลู การท้าเหมืองข้อมูล ประมวลผลขอ้ มลู วิทยาการขอ้ มลู ข้อมลู ขนาดใหญ่ การวิเคราะห์ข้อมูล วทิ ยาการขอ้ มูล โดยอาศัยกระบวนการเรยี นรโู้ ดยใชป้ ัญหาเป็นฐาน (Problem–based Learning) และการเรยี นรูแ้ บบใช้ โครงงานเป็นฐาน(Project-based Learning) เพ่อื เนน้ ให้ผ้เู รียนได้ลงมือปฏบิ ัติ ฝกึ ทักษะการคิด เผชญิ สถานการณ์ การแกป้ ัญหาวางแผนการเรียนรู้ ตรวจสอบการเรียนรู้ และน้าเสนอผ่านการท้ากิจกรรมโครงงาน เพอื่ ให้เกิดทักษะ ความรู้ ความเขา้ ใจ และทักษะในการวเิ คราะหโ์ จทยป์ ญั หา จนสามารถน้าเอาแนวคดิ เชิงคานวณมาประยุกต์ใชใ้ น การสรา้ งโครงงานได้ เพือ่ ให้ผู้เรยี นสามารถใชค้ วามรู้ทางด้านวิทยาการคอมพวิ เตอร์ สอื่ ดจิ ิทัล เทคโนโลยีสารสนเทศและการ สอื่ สาร เพื่อรวบรวมข้อมูลในชวี ิตจริงจากแหลง่ ตา่ ง ๆ และความรู้จากศาสตรอ์ ืน่ มาประยุกต์ใช้ สร้างความรูใ้ หม่ เข้าใจการเปลย่ี นแปลงของเทคโนโลยที ี่มผี ลต่อการดาเนินชีวิต อาชีพ สงั คม วัฒนธรรม และใช้อย่างปลอดภัย มจี รยิ ธรรม ตลอดจนนาความร้คู วามเขา้ ใจในวชิ าวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยไี ปใช้ใหเ้ กดิ ประโยชนต์ ่อสงั คมและ การด้ารงชวี ติ จนสามารถพฒั นากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปญั หาและการจัดการ ทักษะในการสอื่ สาร และความสามารถในการตดั สนิ ใจ และเป็นผู้ท่ีมจี ิตวทิ ยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม และ คา่ นิยมในการใชว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยอี ย่างสร้างสรรค์ ตัวชวี้ ัด ว 4.2 ม.5/1 รวม 1 ตัวชวี้ ัด 1. รวบรวม วเิ คราะหข์ ้อมูล และใชค้ วามรู้ ดา้ นวิทยาการคอมพิวเตอร์ สอ่ื ดจิ ทิ ัล เทคโนโลยีสารสนเทศในการ แก้ปญั หา หรือเพ่มิ มูลค่าให้กับบริการหรอื ผลติ ภณั ฑ์ ที่ใชใ้ นชีวิตจริงอยา่ งสรา้ งสรรค์

สาระเพิ่มเติม 4 ชีววทิ ยา 21 รหสั วิชา ว 31241 ชีววทิ ยา คา้ อธิบายรายวิชา ชีววทิ ยา ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ จา้ นวน 1.5 หน่วยกิต เวลา 60 ช่วั โมง/ภาคเรยี น ภาคเรยี นที่ 1 ค้าอธิบายรายวชิ า ศึกษาเก่ียงกับลักษณะส้าคัญของสิ่งมีชีวิต การใช้ความรู้และกระบวนการทางชีววิทยาที่เป็นประโยชน์ต่อ มนุษย์และส่ิงแวดล้อม การศึกษาชีววิทยาโดยอาศัยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และการน้าความรู้เกี่ยวกับ ชีววิทยามาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ้าวัน ศึกษาโครงสร้างและหน้าที่ของสารเคมีที่เป็นองค์ประกอบในเซลล์ของ ส่ิงมีชีวิต ปฏิกิริยาเคมีในเซลล์ของสิ่งมีชีวิต ศึกษาโครงสร้างและหน้าท่ีของส่วนประกอบของเซลล์ด้วยกล้อง จุลทรรศน์ การแพร่ การออสโมซิส การแพร่แบบฟาซิลิเทต และแอกทีฟทรานสปอร์ต การล้าเลียงสารผ่านเซลล์ การส่อื สารระหว่างเซลล์ การแบ่งเซลล์ การเปลย่ี นสภาพเซลล์ การชราภาพของเซลล์ และการหายใจระดบั เซลล์ โดยอาศัยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การ วิเคราะห์ การทดลอง การอภปิ ราย การอธิบายและสรุป เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ มีความสามารถใน การตัดสินใจ สื่อสารส่ิงท่ีเรียนรู้และน้าความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ้าวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม และ จรยิ ธรรม รหัสตวั ช้ีวัด ม.4-6/1, ม.4-6/2, ม.4-6/3, ม.4-6/4 ม.4-6/5, ม.4-6/6, ม.4-6/7, ม.4-6/8, ม.4-6/9 ม.4-6/10, ม.4-6/11, ม.4-6/12, ม.4-6/13, ม.4-6/14, ม.4-6/15, ม.4-6/16, ม.4-6/17 รวม 17 ตัวชี้วัด 1.อธิบายและสรุปสมบัติท่ีส้าคัญของส่ิงมีชีวิต และความสัมพันธ์ของการจัดระบบในส่ิงมีชีวิตท่ีท้าให้ส่ิงมีชีวิต ด้ารงชีวิตอยูไ่ ด้ 2.อภิปรายและบอกความส้าคัญของการระบุปัญหา ความสัมพันธ์ระหว่างปัญหา สมมติฐาน และวิธีการ ตรวจสอบสมมตฐิ าน รวมทังออกแบบการทดลองเพ่ือตรวจสอบสมมตฐิ าน 3. สืบค้นข้อมูล อธิบายเก่ียวกับสมบัติของน้าและบอกความส้าคัญของน้าที่มีต่อส่ิงมีชีวิต และยกตัวอย่างธาตุ ต่างๆ ท่มี ีความสา้ คัญตอ่ รา่ งกายสิ่งมชี วี ิต 4.สืบค้นข้อมูล อธิบายโครงสร้างของคาร์โบไฮเดรต ระบุกลุ่มของคาร์โบไฮเดรต รวมทังความส้าคัญของ คารโ์ บไฮเดรตทม่ี ีต่อสง่ิ มชี วี ิต 5.สบื คน้ ข้อมูล อธิบายโครงสรา้ งของโปรตนี และความสา้ คญั ของโปรตีนทมี่ ตี ่อส่งิ มชี ีวติ 6.สบื ค้นข้อมลู อธบิ ายโครงสรา้ งของลิพดิ และความสา้ คญั ของลิพดิ ทีม่ ีตอ่ สิ่งมีชวี ิต 7. อธิบายโครงสร้างของกรดนิวคลีอิก และระบุชนิดของกรดนิวคลีอิกและความส้าคัญของกรดนิวคลีอิกที่มีต่อ สง่ิ มีชวี ิต

22 8.สบื ค้นข้อมูลและอธบิ ายปฏกิ ริ ิยาเคมที เี่ กิดขนึ ในสง่ิ มีชีวิต 9.อธิบายการท้างานของเอนไซม์ในการเร่งปฏิกิริยาเคมีในสิ่งมีชีวิต และระบุปัจจัยท่ีมีผลต่อการท้างานของ เอนไซม์ 10.บอกวธิ กี าร และเตรยี มตวั อยา่ งสิ่งมีชีวิตเพื่อศึกษาภายใต้กล้องจุลทรรศน์ใช้แสง วัดขนาดโดย ประมาณ และ วาดภาพท่ปี รากฏ ภายใต้กล้อง บอกวิธีการใช้ และการดูแลรกั ษากลอ้ งจลุ ทรรศนใ์ ช้แสงที่ถูกตอ้ ง 11.อธิบายโครงสรา้ งและหนา้ ท่ีของสว่ นท่ีห่อหุ้มเซลล์ของเซลลพ์ ืชและเซลล์สัตว์ 12.สืบค้นขอ้ มลู อธิบาย และระบชุ นิดและหน้าทขี่ องออรแ์ กเนลล์ 13.อธิบายโครงสรา้ งและหนา้ ที่ของนวิ เคลยี ส 14.อธบิ ายและเปรียบเทียบการแพร่ ออสโมซสิ การแพร่แบบฟาซลิ ิเทต และแอกทีฟทราน-สปอรต์ 15.สบื ค้นขอ้ มูล อธิบาย และเขยี นแผนภาพการลา้ เลียงสารโมเลกุลใหญอ่ อกจากเซลล์ด้วยกระบวน การเอกโซไซ โทซิส และการลา้ เลียงสารโมเลกุลใหญ่เข้าสู่เซลลด์ ้วยกระบวนการเอนโดไซโทซสิ 16.สังเกตการแบ่งนวิ เคลียสแบบ ไมโทซสิ และแบบไมโอซิสจากตวั อยา่ งภายใต้กลอ้ งจุลทรรศนพ์ รอ้ มทงั อธิบาย และเปรยี บเทียบ การแบ่งนวิ เคลยี สแบบไมโทซิส และแบบไมโอซสิ 17.อธิบาย เปรียบเทียบ และสรุปขันตอน การหายใจระดับเซลล์ในภาวะท่ีมีออกซิเจนเพียงพอและภาวะท่ีมี ออกซเิ จนไม่เพียงพอ

รหัสวิชา ว 31242 ชีววทิ ยา 23 ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 4 ค้าอธิบายรายวชิ า จา้ นวน 1.5 หนว่ ยกติ ชีววิทยา กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ เวลา 60 ช่ัวโมง/ภาคเรยี น ภาคเรียนท่ี 2 ศึกษาเก่ียวกับการถ่ายทอดทางพันธุกรรม การศึกษาพันธุศาสตร์ของเมนเดล กฎการแยกและกฎการ รวมกลุ่มอย่างอิสระ ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมที่เป็นส่วนขยายของพันธุศาสตร์เมนเดล ศึกษาเกี่ยวกับยีนและโครโมโวม การค้นพบสารพันธุกรรม โครโมโซม ดีเอ็นเอ สมบัติของสารพันธุกรรม การกลาย ศึกษาเกี่ยวกับพันธุศาสตร์และ เทคโนโลยีทางดีเอ็นเอ และมุมมองทางสังคมและจริยธรรม ศึกษาเกี่ยวกับวิวัฒนาการ หลักฐานที่บ่งบอกถึง วิวัฒนาการของสง่ิ มชี วี ติ แนวคิดเก่ียวกับววิ ฒั นาการของส่งิ มีชวี ติ พัฒนาศาสตร์ประชากร กา้ เนดิ ของสปีชสี ์ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การ วิเคราะห์ การทดลอง การอธิปราย และการสรุป เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ มีความสามารถในการ ตดั สินใจ สื่อสารส่งิ ท่ีเรียนรแู้ ละน้าความรูไ้ ปใชใ้ นชีวติ ของตนเอง มจี ติ วทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรม และค่านยิ ม รหัสตวั ช้ีวัด ม.4-6/2, ม.4-6/3, ม.4-6/4 ม.4-6/5, ว4.1. ม.4-6/1, ม.4-6/7, ม.4-6/8, ม.4-6/9 ม.4-6/10, ม.4-6/6, ม.4-6/12, ม.4-6/13, ม.4-6/14, ม.4-6/15, ม.4-6/11, รวม 15 ตัวช้ีวัด ผลการเรยี นรู้ 1. สืบค้นขอ้ มูล อธิบายและสรุปผลการ ทดลองของเมนเดลได้ 2. อธิบายและสรุปกฎแห่งการแยกและกฎแห่งการรวมกลุ่มอย่างอิสระ และน้ากฎของเมนเดลนีไปอธิบาย การถ่ายทอดลักษณะทางพันธกุ รรมและใช้ในการค้านวณโอกาสในการเกิดฟีโนไทป์และ จีโนไทป์แบบ ตา่ ง ๆ ของรุ่น F1 และ F2 ได้ 3. สืบค้นข้อมลู วเิ คราะห์ อธบิ าย และสรปุ เกี่ยวกับการถา่ ยทอดลักษณะทางพันธุกรรมท่ีเป็นส่วนขยายของ พันธุศาสตรเ์ มนเดลได้ 4. สืบค้นข้อมูล วิเคราะห์ และเปรียบเทียบลักษณะทางพันธุกรรมท่ีมีการแปรผันไม่ต่อเน่ืองและลักษณะ ทางพนั ธกุ รรมท่ีมกี ารแปรผนั ต่อเนอ่ื งได้ 5. อธบิ ายการถ่ายทอดยีนบนโครโมโซม และยกตัวอยา่ งลักษณะทางพันธุกรรมทีถ่ ูกควบคมุ ด้วยยีนบนออโต โซมและยนี บนโครโมโซมเพศได้ 6. สืบค้นข้อมูล อธิบายสมบัติและหน้าท่ีของสารพันธุกรรม โครงสร้างและองค์ประกอบทางเคมีของ DNA และสรปุ การจ้าลอง DNA ได้ 7. อธิบายและระบุขันตอนในกระบวนการสังเคราะห์โปรตีนและหน้าที่ของ DNA และ RNA แต่ละชนิดใน กระบวนการสังเคราะห์โปรตีนได้

24 8. สรปุ ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งสารพนั ธกุ รรม แอลลลี โปรตีน ลกั ษณะทางพนั ธุกรรม และเช่ือมโยงกับความรู้ เรอื่ งพันธุศาสตร์เมนเดลได้ 9. สืบค้นข้อมูล และอธิบายการเกิดมิวเทชันระดับยีนและระดับโครโมโซม สาเหตุการเกิดมิวเทชัน รวมทัง ยกตวั อย่างโรคและกลุ่มอาการทเี่ ป็นผลของการเกดิ มิวเทชันได้ 10. อธิบายหลักการสร้างส่งิ มีชีวติ ดัดแปรพันธุกรรมโดยใชด้ เี อ็นเอรคี อมบแิ นนท์ได้ 11. สืบค้นข้อมูล ยกตัวอย่าง และอภิปรายการน้าเทคโนโลยีทางดีเอ็นเอไปประยุกต์ ทังในด้านส่ิงแวดล้อม นติ ิวิทยาศาสตร์ การแพทย์ การเกษตร และอุตสาหกรรม และข้อควรค้านึงถึงด้านชีวจริยธรรมได้ 12. สืบค้นข้อมูลและอธิบายเก่ียวกับหลักฐานท่ีสนับสนุนและข้อมูลที่ใช้อธิบายการเกิดวิวัฒนาการของ สิง่ มชี วี ิตได้ 13. อธิบายและเปรียบเทียบแนวคิดเก่ียวกับวิวัฒนาการของส่ิงมีชีวิตของฌอง ลามาร์ก และทฤษฎีเกี่ยวกับ ววิ ฒั นาการของสง่ิ มชี ีวิตของชาลส์ ดารว์ ินได้ 14. ระบุสาระส้าคัญและอธิบายเงื่อนไขของภาวะสมดุลของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก ปัจจัยท่ีท้าให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงความถ่ีของแอลลีลในประชากร พร้อมทังค้านวณหาความถี่ของแอลลีลและจีโนไทป์ของ ประชากรโดยใชห้ ลักของฮารด์ ี-ไวนเ์ บิร์กได้ 15. สบื คน้ ขอ้ มูล อภปิ ราย และอธบิ ายกระบวนการเกิดสปีชีสใ์ หมข่ องสง่ิ มชี วี ติ ได้

ชีววทิ ยา เล่ม 1 25 คา้ อธบิ ายรายวชิ าเพ่ิมเติม กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5 เวลา 60 ชว่ั โมง ศึกษาเกี่ยวกับการด้ารงชีวิตของพืช โครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะของพืชดอก เนือเยื่อพืช อวัยวะและ หนา้ ที่ของอวัยวะของพืช การแลกเปลี่ยนแกส๊ และการคายนา้ ของพชื การล้าเลยี งน้าและธาตุอาหาร และการล้าเลียง อาหารของพืช ศึกษาการสังเคราะห์ด้วยแสง การค้นคว้าท่ีเกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์ด้วยแสง กระบวนการ สงั เคราะหด์ ว้ ยแสง กลไกการเพิ่มความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์ในพืช C4 และพืช CAM ปัจจัยบางประการที่ มผี ลตอ่ อตั ราการสงั เคราะห์ด้วยแสง ศกึ ษาการสืบพนั ธ์ขุ องพืชดอกและการเจรญิ เติบโต วฏั จักรชีวิตของพืชดอก การ สืบพันธุ์แบบอาศัยเพศของพืชดอก การสร้างสปอร์และเซลล์สืบพันธุ์ การปฏิสนธิ โครงสร้างของผลและเมล็ด การ งอกของเมล็ด ศึกษาการตอบสนองของพชื ต่อสารเคมี และการตอบสนองของพืชตอ่ สงิ่ แวดล้อม โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การ วิเคราะห์ การทดลอง การอภิปราย การอธิบาย และการสรุป เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ มี ความสามารถในการตัดสินใจ สื่อสารส่ิงที่เรียนรู้และน้าความรู้ไปใช้ในชีวิตของตนเอง มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และคา่ นิยม ผลการเรียนรู้ 1. อธิบายเกี่ยวกบั ชนดิ และลักษณะของเนอื เยื่อพืช และเขยี นแผนผงั เพอ่ื สรุปชนดิ ของเนือเยื่อพืช 2. สังเกต อธบิ าย และเปรียบเทียบโครงสร้างภายในของรากพชื ใบเลยี งเดี่ยวและรากพชื ใบเลียงคู่จากการตัดตาม ขวาง 3. สังเกต อธิบาย และเปรยี บเทยี บโครงสร้างภายในของล้าต้นพชื ใบเลียงเด่ียวและล้าต้นพืชใบเลียงคู่จากการตัด ตามขวาง 4. สงั เกตและอธบิ ายโครงสร้างภายในของใบพชื จากการตัดตามขวาง 5. สืบคน้ ข้อมูล สังเกต และอธบิ ายการแลกเปล่ยี นแกส๊ และการคายนา้ ของพืช 6. สบื คน้ ข้อมูลและอธิบายกลไกการล้าเลียงนา้ และธาตุอาหารของพืช 7. สบื ค้นข้อมูล อธิบายความส้าคัญของธาตุอาหาร และยกตัวอย่างธาตุอาหารท่ีส้าคัญท่ีมีผลต่อการเจริญเติบโต ของพชื 8. อธิบายกลไกการล้าเลียงอาหารในพืช 9. สืบค้นข้อมูลและสรุปการศึกษาที่ได้จากการทดลองของนักวิทยาศาสตร์ในอดีตเก่ียวกับกระบวนการ สงั เคราะหด์ ้วยแสง 10. อธบิ ายขนั ตอนทเี่ กิดขึนในกระบวนการสงั เคราะหด์ ้วยแสงของพืช C3 11. เปรยี บเทยี บกลไกการตรึงคารบ์ อนไดออกไซดใ์ นพืช C3 พชื C4 และ พชื CAM 12. สืบคน้ ข้อมลู อภปิ ราย และสรปุ ปัจจัยความเข้มของแสง ความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์ และอุณหภูมิ ท่ีมผี ลตอ่ การสังเคราะหด์ ว้ ยแสงของพืช 13. อธิบายวฏั จักรชีวติ แบบสลับของพืชดอก 14. อธิบายและเปรียบเทียบกระบวนการสร้างเซลล์สืบพันธ์ุเพศผู้และเพศเมียของพืชดอก และอธิบายการ ปฏสิ นธิของพชื ดอก

26 15. อธิบายการเกิดเมล็ดและการเกิดผลของพืชดอก โครงสร้างของเมล็ดและผล และยกตัวอย่างการใช้ ประโยชน์จากโครงสรา้ งตา่ ง ๆ ของเมลด็ และผล 16. ทดลองและอธิบายเกี่ยวกับปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อการงอกของเมล็ด สภาพพักตัวของเมล็ด และบอก แนวทางในการแก้สภาพพักตวั ของเมล็ด 17. สืบค้นข้อมูล อธิบายบทบาทและหน้าท่ีของออกซิน ไซโทไคนิน จิบเบอเรลลิน เอทิลีน และกรดแอบไซซิก และอภปิ รายเกี่ยวกบั การนา้ ไปใช้ประโยชน์ทางการเกษตร 18. สืบค้นขอ้ มลู ทดลอง และอภิปรายเกี่ยวกบั สิง่ เรา้ ภายนอกที่มีผลต่อการเจริญเตบิ โตของพืช รวม 18 ผลการเรียนรู้

27 ค้าอธิบายรายวิชาเพ่ิมเติม ชวี วทิ ยา เลม่ 2 กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5 เวลา 60 ชว่ั โมง ศกึ ษาเกย่ี วกับระบบยอ่ ยอาหาร การยอ่ ยอาหารของส่ิงมีชีวิต ทังจุลินทรีย์ ส่ิงมีชีวิตเซลล์เดียวและสัตว์ การ ย่อยอาหารของมนุษย์ อวัยวะที่เก่ียวข้องกับการย่อยอาหารของมนุษย์ ความผิดปกติของทางเดินอาหารในมนุษย์ ศกึ ษาเกยี่ วกบั ระบบหายใจ การแลกเปล่ยี นแก๊สของส่ิงมีชีวิตเซลล์เดียวและของสัตว์ การแลกเปลี่ยนแก๊สของมนุษย์ โครงสร้างทีใ่ ชใ้ นการแลกเปล่ียนแก๊ส การแลกเปล่ียนแก๊ส กลไกการหายใจ การควบคุมการหายใจ การวัดอัตราการ หายใจ ความผิดปกติที่เก่ียวข้องกับปอด และโรคระบบทางเดินหายใจ ศึกษาเกี่ยวกับระบบหมุนเวียนเลือด การ ลา้ เลยี งสารในร่างกายของสัตว์และของมนุษย์ ระบบน้าเหลือง ระบบภูมิคุ้มกัน กลไกการท้างานของระบบภูมิคุ้มกัน กลไกการสร้างภูมิคุ้มกัน ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน ศึกษาเกี่ยวกับระบบขับถ่าย การขับถ่ายของส่ิงมีชีวิต เซลล์เดียวและของสัตว์ การขับถ่ายของมนุษย์ ไตและอวัยวะในระบบขับถ่ายปัสสาวะ ไตกับการรักษาดุลยภาพของ ร่างกาย โรคทีเ่ กยี่ วขอ้ งกบั ไต โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การ วิเคราะห์ การทดลอง การอภิปราย การอธิบาย และการสรุป เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ มี ความสามารถในการตัดสินใจ ส่ือสารส่ิงท่ีเรียนรู้ และน้าความรู้ไปใช้ในชีวิตของตนเอง มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และคา่ นยิ ม ผลการเรียนรู้ 1.สืบค้นข้อมูล อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้างและกระบวนการย่อยอาหารของสัตว์ที่ไม่มีทางเดินอาหาร สัตวท์ ม่ี ที างเดนิ อาหารไมส่ มบรู ณ์ และสตั วท์ ม่ี ีทางเดินอาหารสมบรู ณไ์ ด้ 2.สังเกต อธบิ าย การกนิ อาหารของไฮดราและพลานาเรียได้ 3.อธิบายเก่ียวกับโครงสร้าง หน้าที่ และกระบวนการย่อยอาหาร และการดูดซึมสารอาหารภายในระบบย่อย อาหารของมนษุ ย์ได้ 4.สืบค้นข้อมูล อธิบาย และเปรียบเทียบโครงสร้างที่ท้าหน้าที่แลกเปล่ียนแก๊สของฟองน้า ไฮดรา พลานาเรีย ไสเ้ ดอื นดิน แมลง ปลา กบ และนกได้ 5.สงั เกตและอธิบายโครงสร้างของปอดในสตั ว์เลยี งลูกดว้ ยน้านมได้ 6.สบื คน้ ข้อมลู อธบิ ายโครงสรา้ งท่ใี ชใ้ นการแลกเปล่ยี นแกส๊ และกระบวนการแลกเปลี่ยนแก๊สของมนุษยไ์ ด้ 7.อธบิ ายการทา้ งานของปอด และทดลองวัดปริมาตรของอากาศในการหายใจออกของมนุษย์ได้ 8.สืบค้นขอ้ มูล อธบิ าย และเปรยี บเทยี บระบบหมนุ เวยี นเลอื ดแบบเปดิ และระบบหมุนเวยี นเลือดแบบปดิ ได้ 9.สังเกตและอธิบายทิศทางการไหลของเลือด และการเคล่ือนท่ีของเซลล์เม็ดเลือดในหางปลา และสรุป ความสมั พันธร์ ะหว่างขนาดของหลอดเลือดกบั ความเรว็ ในการไหลของเลือดได้ 10. อธิบายโครงสรา้ งและการทา้ งานของหวั ใจและหลอดเลอื ดในมนุษย์ได้ 11. สังเกต และอธิบายโครงสร้างหัวใจของสัตว์เลียงลูกด้วยน้านม ทิศทางการไหลของเลือด ผ่านหัวใจของ มนุษย์ และเขียนแผนผงั สรปุ การหมนุ เวียนเลอื ดของมนุษย์ได้ 12. สบื ค้นข้อมลู ระบุความแตกตา่ งของเซลล์เมด็ เลือดแดง เซลลเ์ ม็ดเลือดขาว เพลตเลต และพลาสมาได้ 13. อธิบายหมเู่ ลือดและหลักการใหแ้ ละรับเลอื ดในระบบ ABO ระบบ Rh ได้

28 14. อธิบาย และสรุปเกี่ยวกับส่วนประกอบและหน้าท่ีของน้าเหลือง รวมทังโครงสร้างและหน้าที่ของหลอด นา้ เหลอื งและต่อมน้าเหลืองได้ 15. สบื ค้นข้อมูล อธิบาย และเปรียบเทียบกลไกการต่อต้านหรือท้าลายส่ิงแปลกปลอมแบบไม่จ้าเพาะและแบบ จา้ เพาะได้ 16. สบื คน้ ข้อมูล อธบิ าย และเปรยี บเทยี บการสรา้ งภมู ิคุม้ กนั กอ่ เองและภมู คิ ุ้มกนั รบั มาได้ 17. สืบค้นข้อมูล และอธิบายเกี่ยวกับความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันท่ีท้าให้เกิดโรคเอดส์ ภูมิแพ้ และการ สร้างภูมติ ้านทานตอ่ เนอื เย่อื ตนเองได้ 18. สืบคน้ ขอ้ มลู อธิบาย และเปรียบเทยี บโครงสรา้ งและหนา้ ท่ีในการก้าจัดของเสียออกจากร่างกายของฟองน้า ไฮดรา พลานาเรีย ไส้เดือนดิน แมลง และสตั ว์มกี ระดกู สนั หลังได้ 19. อธิบายโครงสร้างและหนา้ ทข่ี องไต และโครงสร้างท่ใี ช้ล้าเลยี งปสั สาวะออกจากร่างกายได้ 20. อธิบายกลไกการท้างานของหน่วยไต ในการก้าจัดของเสียออกจากร่างกาย และเขียนแผนผังสรุปขันตอน การก้าจัดของเสยี ออกจากร่างกายโดยหนว่ ยไตได้ 21. สบื คน้ ข้อมลู อธบิ าย และยกตัวอยา่ งเก่ยี วกับความผิดปกตขิ องไตอนั เนื่องมาจากโรคต่าง ๆ ได้ รวม 21 ผลการเรียนรู้

ชวี วทิ ยา เล่ม 4 29 ค้าอธบิ ายรายวชิ าเพิ่มเติม กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6 เวลา 60 ช่วั โมง ศกึ ษาเก่ยี วกบั พนั ธศุ าสตร์และวิวัฒนาการ การถ่ายทอดทางพันธุกรรม การศึกษาพันธุศาสตร์ของเมนเดล กฎของความน่าจะเป็น กฎแห่งการแยก และกฎแห่งการรวมกลุ่มอย่างอิสระการผสมเพื่อทดสอบ ลักษณะทาง พันธุกรรมทเ่ี ปน็ สว่ นขยายของพนั ธศุ าสตร์เมนเดล ศกึ ษาเกี่ยวกับยนี และโครโมโซม การถ่ายทอดยีนและโครโมโซม การค้นพบสารพันธุกรรม โครโมโซม องค์ประกอบทางเคมีของ DNA โครงสร้างของ DNA สมบัติของสาร พนั ธุกรรม มวิ เทชัน ศกึ ษาเกยี่ วกบั พันธุศาสตร์และเทคโนโลยที าง DNA พันธุวิศวกรรม การวิเคราะห์ DNA และ การศึกษาจีโนม การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีทาง DNA ความปลอดภัยของเทคโนโลยีทาง DNA และมุมมองทาง สังคมและจริยธรรม ศึกษาเก่ียวกับวิวัฒนาการ หลักฐานที่บ่งบอกถึงวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต แนวคิดเก่ียวกับ วิวัฒนาการของสิง่ มีชีวติ พนั ธุศาสตรป์ ระชากร ปจั จัยทีท่ ้าให้เกดิ การเปล่ยี นแปลงความถ่ีของแอลลีล ก้าเนิดของสปี ชีส์ และวิวัฒนาการของมนุษย์ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์กระบวนการสืบเสาะหาความ รู้ การสืบค้น ข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ การทดลอง การอภิปราย การอธิบาย และสรุป เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ มีความสามารถในการตัดสินใจส่ือสารสิ่งท่ีเรียนรู้และน้าความรู้ไปใช้ในชีวิตของตนเอง มีจิต วทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และค่านิยม ผลการเรียนรู้ 1. สืบคน้ ขอ้ มลู วเิ คราะห์ อภปิ ราย อธิบาย และสรุปการคน้ พบกฏการถา่ ยทอดทางพันธุกรรมของเมนเดล 2. สืบค้นข้อมูล วิเคราะห์ อภิปราย อธิบาย และสรุปการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมที่เป็นส่วนขยาย ของพันธุศาสตร์เมนเดลและความแปรผันทางพนั ธุกรรม 3. สบื คน้ ข้อมลู วเิ คราะห์ และอธิบายเกยี่ วกับโครโมโซม โครงสรา้ งและหนา้ ท่ขี องสารพนั ธุกรรม 4. สบื ค้นข้อมูล วิเคราะห์ อธบิ าย และสรุปเกย่ี วกับสมบตั ขิ องสารพนั ธุกรรม 5. สืบคน้ ข้อมลู วิเคราะห์ อภิปราย อธิบาย และสรุปเกี่ยวกบั การเกิดมวิ เทชนั และผลของการเกดิ มวิ เทชัน 6. สืบค้นข้อมูล วิเคราะห์ อภิปราย และอธิบายเก่ียวกับเทคโนโลยีทางดีเอ็นเอและการน้าความรู้ไป ประยุกต์ใชใ้ นดา้ นต่างๆ 7. สืบค้นข้อมูล วิเคราะห์ อภิปราย อธิบาย และสรุปเก่ียวกับหลักฐานการเกิดวิวัฒนาการ และแนวคิด เกย่ี วกบั ววิ ฒั นาการ 8. สืบคน้ ข้อมลู วเิ คราะห์ อธิบาย และสรปุ เกย่ี วกับพนั ธศุ าสตร์ประชากรและการก้าเนิดสปชี ีส์ 9. สืบค้นขอ้ มลู วเิ คราะห์ อธบิ าย และสรุปเกย่ี วกบั ววิ ัฒนาการของมนษุ ย์ รวมท้ังหมด 9 ผลการเรยี นรู้

ชวี วิทยา เล่ม 5 30 ค้าอธบิ ายรายวชิ าเพิ่มเติม กลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6 เวลา 60 ช่ัวโมง ศึกษาเก่ียวกับความหลากหลายทางชีวภาพและความย่ังยืนของสิ่งแวดล้อม ความหลากหลายของส่ิงมีชีวิต การศึกษาความหลากหลายของส่ิงมีชีวิต ก้าเนิดของชีวิต อาณาจักรของสิ่งมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพใน ประเทศไทย การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ศึกษาเก่ียวกับประชากร ความหนาแน่นและการ แพร่กระจายของประชากร ขนาดของประชากร รูปแบบการเพ่ิมของประชากร การรอดชีวิตของประชากร ประชากรมนุษย์ ศึกษาเกี่ยวกับมนุษย์กับความย่ังยืนของส่ิงแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ การใช้ประโยชน์ ปัญหาและการจัดการ หลักการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และชนิดพันธ์ุต่างถิ่นท่ีส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การสืบค้นข้อมูล การสังเกต การวิเคราะห์ การทดลอง การอภปิ ราย การอธบิ าย และสรุป เพอื่ ให้เกดิ ความรู้ ความคิด ความเข้าใจ มีความสามารถในการ ตัดสินใจ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และน้าความรู้ไปใช้ในชีวิตของตนเอง มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และ ค่านยิ ม ผลการเรียนรู้ 1. สืบค้นข้อมูล อภิปราย และอธิบายเกี่ยวกับความหมายและองค์ประกอบของความหลากหลายทาง ชีวภาพ 2. สืบคน้ ขอ้ มลู อภิปราย และอธิบายการศึกษาความหลากหลายของสงิ่ มชี ีวติ การจดั หมวดหมู่ของส่ิงมีชีวิต ชือ่ ของสิ่งมีชีวติ และการระบชุ นดิ 3. สืบค้นข้อมูล อภิปราย อธิบายและสรุปเก่ียวกับก้าเนิดของชีวิต ก้าเนิดของเซลล์โพรคาริโอตและเซลล์ยู คารโิ อต 4. สบื คน้ ขอ้ มูล ทดลอง อภปิ ราย อธิบาย และสรุปเกณฑ์ท่ีใช้ในการจัดจ้าแนกสิ่งมีชีวิตออกเป็นโดเมนและ อาณาจักร ลักษณะที่เหมือนและแตกต่างกันของส่ิงมีชีวิตในอาณาจักรมอเนอราอาณาจักรโพรทิสตาอาณาจักรพืช อาณาจกั รฟังไจ และอาณาจกั รสตั ว์ 5. สบื ค้นข้อมูล อภิปราย อธิบาย และน้าเสนอคุณค่าของความหลากหลายทางชีวภาพกับการใช้ประโยชน์ ของมนุษย์ทม่ี ผี ลต่อสังคมและสิง่ แวดลอ้ ม 6. สืบค้นข้อมูล อภิปราย และน้าเสนอสถานการณ์ความหลากหลายทางชีวภาพในประเทศไทยและ ผลกระทบจากการสูญเสียความหลากหลายทางชวี ภาพ 7. ออกแบบสถานการณจ์ า้ ลองท่ีแสดงถึงการเปล่ียนแปลงปัจจัยต่างๆ ของส่ิงแวดล้อมท่ีมีผลต่อการอยู่รอด ของส่ิงมชี ีวิต 8. วิเคราะห์ อภปิ ราย และสรปุ ได้ว่าการอยรู่ อดของสิ่งมีชวี ติ สัมพันธก์ ับความหลากหลายของส่งิ มีชวี ติ 9. สืบค้นข้อมูล อภิปราย และอธิบายเกี่ยวกับความหมายของประชากร ความหนาแน่นของประชากร อตั ราการเปล่ยี นแปลงขนาดของประชากร และปัจจัยสา้ คญั ทมี่ ผี ลตอ่ การเปล่ยี นแปลงขนาดของประชากร 10. สบื ค้นขอ้ มลู อภปิ ราย และวิเคราะหข์ ้อมูลเกยี่ วกบั เร่ืองประชากรมนุษย์ การเติบโต และโครงสร้างอายุ ของประชากรมนุษย์

31 11. สืบคน้ ขอ้ มูล อภปิ ราย และอธิบายความสัมพันธร์ ะหวา่ งมนษุ ย์กบั การใชท้ รพั ยากรธรรมชาติ 12. อภิปราย อธิบาย และสรุปแนวทางการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม รวมทังการอนุรักษ์ และพัฒนาที่ยั่งยนื พรอ้ มทังเสนอแนวทางในการอนรุ ักษท์ รัพยากรธรรมชาติ 13. สืบคน้ ข้อมูล อภิปราย และอธิบายเกี่ยวกับชนิดพนั ธตุ์ า่ งถน่ิ ท่สี ่งผลกระทบตอ่ สภาพแวดลอ้ ม รวมท้ังหมด 13 ผลการเรยี นรู้

32 ค้าอธบิ ายรายวิชา รหสั วิชา ว ๓๑๑๒๑ เคมีเพ่ิมเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี ม. ๔ เวลา ๖๐ ชว่ั โมง / ภาคเรยี น จา้ นวน ๑.๕ หน่วยกิต ภาคเรียนท่ี ๑ ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ค้าอธบิ ายรายวิชา ศกึ ษาข้อปฏบิ ตั ิเบืองต้นในการท้าปฏบิ ัติการเคมี การเลือกใช้อุปกรณแ์ ละเครื่องมือในการทา้ ปฏิบตั กิ าร การ ระบหุ น่วยวดั ปรมิ าณตา่ งๆของสาร การเปล่ียนหนว่ ยในระบบเอสไอดว้ ยการใชแ้ ฟกเตอรเ์ ปลย่ี นหน่วย ศึกษา แบบจา้ ลองอะตอม สัญลักษณ์นิวเคลยี ร์ของธาตุ อนุภาคมุลฐานของอะตอม การจัดเรียงอเิ ล็กตรอนในอะตอม การ จดั เรยี งธาตใุ นตารางธาตุ แนวโน้มสมบัติบางประการของธาตใุ นตารางธาตุตามหมู่และตามคาบ สมบัติของธาตุ โลหะแทรนซินชนั การเปรยี บเทียบสมบัตขิ องธาตุโลหะในกลุ่มธาตเุ รพรเี ซน เททีฟ ศึกษาและอธบิ าย สมบตั แิ ละค้านวณคร่ึงชวี ิตของไอโซโทปของกัมมนั ตรงั สี ยกตัวอย่างการนา้ ธาตมุ าใชป้ ระโยชน์รวมทังผลกระทบตอ่ สง่ิ มชี วี ิตและส่ิงแวดลอ้ ม ศึกษาการเกดิ พนั ธะไอออนกิ สูตรและการเรียกช่ือสารประกอบไอออนิก การเปล่ยี น พลงั งานในการเกดิ สารประกอบไอออนกิ สมบัติของสารประกอบไอออนิก ปฏิกริ ิยาของสารประกอบไอออนิก ศึกษาการเกิดพันธะและชนดิ ของพันธะโคเวเลนต์ การเขยี นสูตรและเรียกชอื่ สารโคเวเลนต์ ความยาวพันธะและ พลงั งานพันธะในสารโคเวเลนต์ พลังงานทีเ่ กี่ยวข้องกบั ปฏิกิรยิ าของสารโคเวเลนต์ รูปร่างโมเลกุลโคเวเลนต์ สภาพ ขัวของโมเลกลุ โคเวเลนต์ แรงยดึ เหนี่ยวระหว่างโมเลกลุ โคเวเลนต์ สมบัตขิ องสารโคเวเลนต์โครงร่างตาขา่ ย ศึกษา การเกิดโลหะและสมบัติของโลหะ โดยใช้การเรียนรู้ดว้ ยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความรู้ การสา้ รวจตรวจสอบ สามารถ น้าความรูแ้ ละหลักการไปใช้ประโยชน์ เชอ่ื มโยง อธบิ ายปรากฏการณ์ หรอื แกป้ ญั หา ใน ชีวติ ประจ้าวัน สามารถจดั กระทา้ และวเิ คราะหข์ ้อมลู ส่ือสารส่งิ ท่เี รยี นรู้ มีความสามารในการตัดสินใจแกป้ ัญหา มจี ิตวิทยาศาสตร์ เหน็ คณุ ค่าของวิทยาศาสตร์ มจี ริยธรรม คณุ ธรรมและค่านยิ มท่เี หมาะสม รหัส ตัวชีวัด ว ๕.๑ ม. 4 – 6 /1 – ๒๑ ว ๕.๓ ม. 4 – 6 /1 – ๔ รวมทงั หมด ๒๕ ผลการเรียนรู้

33 ผลการเรยี นรู้ ๑. บอกและอธบิ ายข้อปฏบิ ัตเิ บอื งต้นและปฏบิ ตั ิตนทแ่ี สดงถึงความตระหนักในการท้าปฏิบัตกิ ารเคมีเพือ่ ให้ มคี วามปลอดภัยทังต่อตนเองผู้อ่ืนและสิง่ แวดล้อมและเสนอแนวทางแกไ้ ขเมื่อเกิดอบุ ตั ิเหตุ ๒. เลอื กและใชอ้ ุปกรณ์หรือเครอื่ งมือในการทา้ ปฏบิ ตั ิการและวดั ปรมิ าณตา่ งๆได้อยา่ งเหมาะสม ๓. น้าเสนอแผนการทดลองทดลองและเขียนรายงานการทดลอง ๔. ระบหุ นว่ ยวดั ปรมิ าณตา่ งๆของศาลและเปล่ยี นหน่วยวดั ใหเ้ ปน็ หน่วยในระบบเอสไอด้วยการใช้แฟคเตอร์ เปลี่ยนหน่วย ๕. สืบค้นขอ้ มลู สมมุติฐานการทดลองหรือผลการทดลองที่เป็นประจักษ์พยานในการเสนอแบบจ้าลอง อะตอมของนักวิทยาศาสตร์และอธบิ ายวิวฒั นาการของแบบจา้ ลองอะตอม ๖. เขยี นสัญลักษณน์ ิวเคลียรข์ องธาตุและระบจุ ้านวนโปตรอนนิวตรอนและอิเลก็ ตอนของอะตอม จากสญั ลกั ษณน์ ิวเคลยี รร์ วมทังบอกความหมายของไอโซโทป ๗. อธบิ ายและเขยี นการจดั เรียงอิเลก็ ตอนในระดบั พลังงานหลกั และระดบั พลังงานยอ่ ยเมื่อทราบ เลขอะตอมของธาตุ ๘. ระบุหมูค่ าบความเปน็ โลหะอโลหะและกึ่งโลหะของธาตเุ รพรีเซนเททีฟและธาตุแทรนซิซนั ในตารางธาตุ ๙. วเิ คราะหแ์ ละบอกแนวโน้มสมบตั ิของธาตุเรพีเซนต์เททีฟตามหมู่และตามคาบ ๑๐. บอกสมบัตขิ องธาตโุ ลหะแทรนซิซันและเปรียบเทยี บสมบัตขิ องธาตุโลหะในกลุ่มธาตเุ รพรีเซนเททีฟ ๑๑. อธบิ ายสมบตั แิ ละค้านวณคร่งึ ชีวติ ของไอโซโทปกัมมนั ตรงั สี ๑๒. สบื คน้ ข้อมูลและยกตวั อย่างการนา้ ธาตุมาใชป้ ระโยชนร์ วมทังผลกระทบตอ่ สงิ่ มีชวี ิตและสิ่งแวดล้อม ๑๓. อธบิ ายการเกดิ ไอออนและการเกิดพันธะไอออนกิ โดยใชแ้ ผนภาพหรอื สัญลกั ษณ์แบบจุด ของลิวอสิ ๑๔. เขยี นสูตรและเรยี กชอ่ื สารประกอบไอออนิก ๑๕. ค้านวณพลังงานทเ่ี ก่ียวข้องกบั ปฏิกริ ิยาการเกิดสารประกอบไอออนิกจากวฏั จักรบอร์น-ฮาเบอร์ ๑๖. อธิบายสมบตั ขิ องสารประกอบไอออนิก ๑๗. เขยี นสมการไอออนกิ และสมการไอออนกิ สทุ ธิของปฏิกิรยิ าของสารประกอบไอออนิก ๑๘. อธบิ ายการเกิดพนั ธะโคเวเลนซ์แบบพนั ธะเด่ียวพันธะคูแ่ ละพนั ธะสามด้วยโครงสรา้ งลิวอิส ๑๙. เขยี นสูตรและเรยี กช่อื สารโคเวเลนซ์ ๒๐. วิเคราะหแ์ ละเปรียบเทยี บความยาวพนั ธะและพลังงานพนั ธะในสารโคเวเลนซร์ วมทังคา้ นวณพลงั งานที่ เก่ยี วข้องกับปฏกิ ิริยาของสารโคเวเลนซ์จากพลังงานพันธะ ๒๑. คาดคะเนรูปร่างโมเลกลุ โคเวเลนซโ์ ดยใช้ทฤษฎกี ารผลักระหวา่ งคู่อิเล็กตรอนในวงเลนซ์ และระบสุ ภาพ ขวั ของโมเลกลุ โคเวเลนซ์ ๒๒. ระบุชนิดของแรงยดึ เหนี่ยวระหวา่ งโมเลกุลโคเวเลนซแ์ ละเปรียบเทียบจดุ หลอมเหลวจดุ เดือดและการ ละลายนา้ ของสารโคเวเลนซ์ ๒๓. สบื ค้นข้อมลู และอธิบายสมบตั ขิ องสารโคเวเลนซโ์ ครงร่างตาขา่ ยชนิดต่างๆ ๒๔. อธิบายการเกดิ พันธะโลหะและสมบัติของโลหะ ๒๕. เปรียบเทยี บสมบตั บิ างประการของสารประกอบไอออนิก สารโคเวเลนซ์และโลหะสบื คน้ ข้อมูลและ นา้ เสนอตัวอย่างการใชป้ ระโยชน์ของสารประกอบไอออนิก สารโคเวเลนซ์และโลหะไดอ้ ยา่ งเหมาะสม

34 คา้ อธบิ ายรายวิชา รหสั วชิ า ว ๓๑๒๒๑ เคมีเพิ่มเตมิ กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ม. ๔ เวลา ๖๐ ช่ัวโมง / ภาคเรยี น จ้านวน ๑.๕ หน่วยกติ ภาคเรียนที่ ๒ ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ค้าอธบิ ายรายวิชา ศึกษาเก่ียวกับมวลอะตอมของธาตุ มวลของธาตุ ๑ อะตอม มวลอะตอมเฉลย่ี ของธาตุ มวลโมเลกุลของ สาร ความสัมพันธร์ ะหวา่ งจ้านวนโมล อนภุ าค มวล และปรมิ าตรของแก๊ส ท่ี STP ศกึ ษาหนว่ ยและการคา้ นวณ ความเขม้ ขน้ ของสารละลาย การทดลองเตรยี มสารละลาย การเปรียบเทยี บจุดเดือดและ จุด หลอมเหลวของสารบรสิ ุทธแ์ิ ละสารละลาย ศึกษาความหมายและเขยี นสตู รโมเลกุล สตู รเอมพริ คิ ัล หรือ สตู ร อยา่ งงา่ ย และสตู รโครงสร้าง การค้านวณหามวลเป็นรอ้ ยละจากสูตร การค้านวณหาสตู รเอมิริคัลและสตู รโมเลกลุ ของสาร ศึกษาการเขียนและดุลสมการเคมี ทดลองและค้านวณหาอัตราสว่ นจา้ นวนโมลของสารตงั ต้นทีท่ า้ ปฏกิ ริ ิยา พอดีกัน ศกึ ษาสมบตั ิของระบบปิด และระบบปิด ศกึ ษาและฝึกคา้ นวณปริมาณสาร ในปฏกิ ิริยาท่เี ป็นไป ตามกฎทรงมวล กฎสัดสว่ นคงที่ ศึกษา ทดลอง และคา้ นวณปรมิ าตรของแก๊ส ในปฏกิ ริ ิยาเคมีตามกฎของ เกย์ – ลุสแซก และกฎของอาโวกาโดร ศกึ ษาและฝึกค้านวณหาความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณของสารในสมการเคมี นันๆ และสมการเคมีที่เกย่ี วข้องมากกวา่ หนึง่ สมการ สารกา้ หนดปรมิ าณ ผลไดร้ อ้ ยละ โดยใช้การเรยี นรู้ดว้ ยกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความรู้ การสา้ รวจตรวจสอบ สามารถ น้าความรแู้ ละหลักการไปใช้ประโยชน์ เชือ่ มโยง อธบิ ายปรากฏการณ์ หรือแก้ปัญหา ใน ชวี ิตประจา้ วนั สามารถจัดกระทา้ และวเิ คราะหข์ ้อมลู ส่อื สารส่ิงทีเ่ รียนรู้ มีความสามารในการตดั สินใจแก้ปญั หา มีจติ วิทยาศาสตร์ เห็นคณุ ค่าของวิทยาศาสตร์ มจี รยิ ธรรม คุณธรรมและค่านยิ มทีเ่ หมาะสม รหสั ตวั ชี้วัด ว ๕.๒ ม. 4 – 6 /1 – ๗ ว ๕.๓ ม. 4 – 6 /๕ – ๑๑ รวมทั้งหมด ๑๔ ผลการเรยี นรู้ ผลการเรยี นรู้ ๑. บอกความหมายของมวลอะตอมของธาตุ และค้านวณมวลอะตอมเฉล่ียของธาตุ มวลโมเลกลุ และมวล สูตรได้ ๒. อธิบายและค้านวณปรมิ าณใดปรมิ าณหนึ่งจากความสมั พนั ธ์ของโมล จา้ นวนอนภุ าค มวลและปริมาตร ของแก๊สที่ STP ได้ ๓. คา้ นวณอัตราสว่ นโดยมวลของธาตุองค์ประกอบของสารประกอบตามกฎสัดสว่ นคงที่ได้ ๔. ค้านวณสตู รอย่างง่ายและสตู รโมเลกลุ ของสารได้ ๕. ค้านวณความเขม้ ขน้ ของสารในหนว่ ยตา่ งๆได้

35 ๖. อธิบายวิธีการและเตรียมสารละลายใหม้ ีความเข้มข้นในหน่วยโมลารติ ี และปริมาตรสารละลาย ตามที่ก้าหนดได้ ๗. เปรียบเทยี บจดุ เดือดและจุดเยอื กแข็งของสารละลายกับสารบริสทุ ธ์ิ รวมทงั ค้านวณจุดเดือดและจดุ เยอื กแข็งของสารละลายได้ ๘. แปลความหมายสญั ลักษณ์ในสมการเคมี เขยี นและดุลสมการเคมขี องปฏิกริ ยิ าเคมีบางชนิดได้ ๙. คา้ นวณปรมิ าณของสารในปฏิกิรยิ าเคมีท่ีเกย่ี วข้องกบั มวลสารได้ ๑๐. ค้านวณปริมาณของสารในปฏิกริ ิยาเคมที ่ีเก่ยี วข้องกบั ความเข้มขน้ ของสารละลายได้ ๑๑. คา้ นวณปริมาณของสารในปฏกิ ิรยิ าเคมีที่เกีย่ วข้องกบั ปรมิ าตรแกส๊ ได้ ๑๒. คา้ นวณปรมิ าณของสารในปฏกิ ริ ยิ าเคมหี ลายขันตอนได้ ๑๓. ระบุสารกา้ หนดปริมาณและคา้ นวณปริมาณสารต่างๆในปฏกิ ริ ยิ าเคมีได้ ๑๔. ค้านวณผลไดร้ ้อยละของผลิตภัณฑใ์ นปฏกิ ิริยาเคมีได้

36 คา้ อธบิ ายรายวิชารายวิชาเพ่มิ เติม เคมี รหสั วชิ าว๓2๑๐๑ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5 เวลา (๖๐ ชั่วโมง/ภาคเรยี น จา้ นวน ๑.5 หน่วยกิต ภาคเรียนที่ ๑ ********************************************************************************** ศกึ ษาและอธิบายความสัมพันธ์ของปริมาตร ความดัน และอุณหภูมิ ค้านวณหาปริมาตร ความดัน หรืออุณหภูมิของ แก๊สตามกฎของบอยล์ กฎของชาร์ล กฎของเกย์-ลูสแซก และกฎรวมแก๊ส ค้านวณหาปริมาตร ความดัน อุณหภูมิ จา้ นวนโมล หรือมวลของแกส๊ ตามกฎของอาโวกาโดร และกฎแก๊สอุดมคติ ค้านวณความดันย่อย หรือจ้านวนโมลของ แก๊สในแก๊สผสมโดยใช้กฎความดันย่อยของดอลตัน ศึกษาและทดลองการแพร่และอัตราการแพร่ของแก๊ส ค้านวณ เก่ียวกบั กฎการแพรผ่ ่านของเกรแฮม ศกึ ษาเทคโนโลยีทเ่ี ก่ียวขอ้ งกับสมบัติของแก๊ส ศึกษาและทดลองเก่ียวกับอัตรา การเกิดปฏิกิริยาเคมี ค้านวณหาอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีของสารจากกราฟ ศึกษาและวิเคราะห์แนวคิดเก่ียวกับ การเกิดปฏิกิริยาเคมี โดยใช้ทฤษฎีจลน์และการชนกันของอนุภาค ศึกษา ทดลอง และอธิบายผลของความเข้มข้น พืนท่ผี ิวของสารตังต้น อุณหภูมิ และตัวเร่งปฏิกิริยาที่มีต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี ยกตัวอย่างและอธิบายปัจจัยที่ มีผลต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีในชีวิตประจ้าวันและอุตสาหกรรม ศึกษาการเกิดปฏิกิริยาไปข้างหน้า ปฏิกิริยา ย้อนกลับ และปฏิกิริยาท่ีผันกลับได้ ทดลองเกี่ยวกับปฏิกิริยาที่ผันกลับได้ ศึกษาและทดลองสมดุลเคมีในปฏิกิริยา วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างความเข้มข้นของสารต่าง ๆ ณ ภาวะสมดุล ค่าคงที่สมดุลกับสมการเคมี ค้านวณหา ค่าคงที่สมดุล และหาความเข้มข้นของสารในปฏิกิริยา ณ ภาวะสมดุล ทดลองเพื่อศึกษาผลของความเข้มข้น ความ ดัน และอณุ หภูมิต่อภาวะสมดลุ และคา่ คงทส่ี มดลุ ศกึ ษาหลกั ของเลอ-ชาเตอลิเอ และการน้าหลักเลอชาเตอลิเอไปใช้ อธบิ ายสมดลุ เคมีของกระบวนการทเี่ กดิ ขึนในส่งิ มชี วี ิต ปรากฏการณใ์ นธรรมชาติ และกระบวนการในอตุ สาหกรรม โดยใช้การเรยี นรู้ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความรู้ การส้ารวจตรวจสอบ สามารถน้า ความรู้และหลักการไปใช้ประโยชน์ เชื่อมโยง อธิบายปรากฏการณ์ หรือแก้ปัญหาในชีวิตประจ้าวัน สามารถจัด กระทา้ และวิเคราะห์ข้อมลู สอ่ื สารสิง่ ท่ีเรียนรู้ มคี วามสามารถในการตดั สนิ ใจแก้ปัญหา มีจิตวิทยาศาสตร์ เห็นคุณค่า ของวทิ ยาศาสตร์ มีจริยธรรม คุณธรรมและคา่ นยิ มที่เหมาะสม ผลการเรียนรู้ 1. อธิบายความสัมพันธ์และค้านวณปริมาตร ความดัน หรืออุณหภูมิของแก๊สท่ีภาวะต่าง ๆ ตามกฎของบอยล์ กฎของชาร์ล กฎของเกย์-ลูสแซก 2. ค้านวณปรมิ าตร ความดัน หรืออุณหภมู ขิ องแก๊สทภี่ าวะตา่ ง ๆ ตามกฎรวมแก๊ส 3. ค้านวณปริมาตร ความดัน อุณหภูมิ จ้านวนโมล หรือมวลของแก๊สจากความสัมพันธ์ตามกฎของอาโวกาโดร และกฎแก๊สอุดมคติ 4. คา้ นวณความดนั ยอ่ ยหรือจา้ นวนโมลของแก๊สในแก๊สผสม โดยใช้กฎความดันยอ่ ยของดอลตนั 5. อธบิ ายการแพรข่ องแกส๊ โดยใช้ทฤษฎีจลน์ของแก๊ส ค้านวณและเปรียบเทียบอัตราการแพร่ของแก๊สโดยใช้กฎ การแพรผ่ ่านของเกรแฮม 6. สืบค้นข้อมลู น้าเสนอตัวอย่าง และอธิบายการประยุกต์ใช้ความรู้เกี่ยวกับสมบัติและกฎต่าง ๆ ของแก๊สในการ อธบิ ายปรากฏการณ์ หรอื แกป้ ัญหาในชวี ิตประจ้าวันและในอุตสาหกรรม 7. ทดลอง และเขียนกราฟการเพ่มิ ขึนหรอื ลดลงของสารทท่ี ้าการวดั ในปฏกิ ริ ยิ า

37 8. คา้ นวณอตั ราการเกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมแี ละเขียนกราฟการลดลงหรือเพ่ิมขึนของสารท่ีไม่ได้วัดในปฏิกิรยิ า 9. เขยี นแผนภาพ และอธบิ ายทิศทางการชนกันของอนภุ าคและพลงั งานทส่ี ง่ ผลต่ออัตราการเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมี 10. ทดลอง และอธบิ ายผลของความเขม้ ขน้ พนื ท่ีผวิ ของสารตังตน้ อุณหภมู ิ และตวั เรง่ ปฏิกิริยาที่มีต่ออัตราการ เกดิ ปฏิกิริยาเคมี 11. เปรียบเทียบอัตราการเกิดปฏิกิริยาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงความเข้มข้น พืนท่ีผิวของสารตังต้น อุณหภูมิและ ตัวเรง่ ปฏกิ ริ ิยา 12. ยกตัวอยา่ งและอธบิ ายปจั จยั ท่ีมผี ลต่ออตั ราการเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมีในชีวิตประจา้ วัน หรอื อตุ สาหกรรม 13. ทดสอบและอธิบายความหมายของปฏิกริ ิยาผนั กลบั ได้และภาวะสมดลุ 14. อธบิ ายการเปลีย่ นแปลงความเข้มข้นของสาร อัตราการเกิดปฏิกิริยาไปข้างหน้า และอัตราการเกิดปฏิกิริยา ยอ้ นกลับ เมือ่ เรมิ่ ปฏิกริ ยิ าจนกระทง่ั ระบบอยู่ในภาวะสมดลุ 15. คา้ นวณคา่ คงทส่ี มดุลของปฏกิ ริ ิยา 16. คา้ นวณความเขม้ ขน้ ของสารทภ่ี าวะสมดุล 17. คา้ นวณคา่ คงท่ีสมดลุ หรือความเขม้ ขน้ ของปฏกิ ิริยาหลายขนั ตอน 18. ระบุปัจจัยที่มีผลต่อภาวะสมดุลและค่าคงท่ีสมดุลของระบบ รวมทังคาดคะเนการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึนเม่ือ ภาวะสมดุล ของระบบถกู รบกวน โดยใชห้ ลกั ของเลอชาเตอลเิ อ 19. ยกตัวอย่างและอธิบายสมดุลเคมีของกระบวนการท่ีเกิดขึนในส่ิงมีชีวิต ปรากฏการณ์ในธรรมชาติและ กระบวนการในอุตสาหกรรม รวม 19 ผลการเรียนรู้

38 คา้ อธบิ ายรายวิชารายวิชาเพิม่ เตมิ เคมี รหสั วิชาว๓2๑๐๑ กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 5 เวลา (๖๐ ช่ัวโมง/ภาคเรยี น จ้านวน ๑.5 หนว่ ยกิต ภาคเรยี นท่ี 2 ********************************************************************************** ศึกษาไอออนในสารละลายกรดและเบส ทฤษฎีกรด-เบสของอารเ์ รเนียส เบรินสเตด-ลาวรี และลิวอิส ศึกษา และทดลองเกี่ยวกับการถ่ายโอนโปรตอนของสารละลายกรด-เบส ศึกษาคู่กรด-เบส ค้านวณและเขียนสมการการ แตกตัวของกรด-เบส การคา้ นวณค่าคงท่ีการแตกตัวเปน็ ไอออนของกรดออ่ นและเบสอ่อน ศึกษาและทดลองการแตก ตัวเป็นไอออนของน้า การคา้ นวณค่าคงท่ีของการแตกตวั ของนา้ pH ของสารละลายกรด-เบส ศึกษาและทดลองเรื่อง ปฏกิ ิรยิ าสะเทนิ และปฏกิ ริ ิยาการเกิดเกลือจากปฏิกิริยาระหว่างสารละลายกรดกับสารละลายเบส ปฏิกิริยาไฮโดรลิ ซิสของเกลือ ศึกษาเก่ียวกับการไทเทรตสารละลายกรด-เบส การเขียนกราฟและการหาจุดสมมูลจากกราฟของการ ไทเทรต และค้านวณหาความเข้มข้นของสารละลายกรด-เบส ศึกษาหลักการเลือกใช้อินดิเคเตอร์ส้าหรับไทเทรต กรด-เบส ศึกษาและทดลองสมบัติความเป็นบัฟเฟอร์ของสารละลาย ศึกษาและทดลองการถ่ายโอนอิเล็กตรอนใน ปฏกิ ริ ิยาระหว่างโลหะกับสารละลายของโลหะไอออน ศึกษาปฏิกิริยาออกซิเดชัน ปฏิกิริยารีดักชัน ปฏิกิริยารีดอกซ์ ตัวรดี ิวซ์ และตวั ออกซิไดส์ การเขียนและดุลสมการรีดอกซ์โดยใช้เลขออกซิเดชันและคร่ึงปฏิกิริยา ศึกษาเซลล์ไฟฟ้า เคมี ศึกษาและทดลองเก่ียวกับหลักการของเซลล์กัลวานิก ศึกษาการเขียนแผนภาพของเซลล์กัลป์วานิก การหาค่า ศักยไ์ ฟฟ้าของเซลลแ์ ละศักย์ไฟฟ้ามาตรฐานของคร่ึงเซลล์ ปฏิกิริยาในเซลล์กัลวานิกประเภทเซลล์ปฐมภูมิและเซลล์ ทุตยิ ภูมิบางชนดิ ทดลองเพือ่ ศกึ ษาหลักการสร้างและการท้างานของเซลล์สะสมไฟฟ้าแบบตะกั่ว ศึกษาหลักการของ เซลล์อเิ ลก็ โทรไลตกิ และทดลองการแยกสารละลายด้วยไฟฟ้าตามหลักการของเซลล์อิเล็ก-โทรไลติก ศึกษาการแยก สารที่หลอมเหลวด้วยไฟฟ้า ศึกษาและทดลองชุบโลหะด้วยกระแสไฟฟ้าศึกษาวิธีการท้าให้โลหะบริสุทธิ์ ศึกษาและ ทดลองเก่ียวกับการผุกร่อนและการป้องกันการผุกร่อนของโลหะ ศึกษาความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีท่ีเกี่ยวข้องกับ เซลล์ไฟฟ้าเคมี โดยใชก้ ารเรยี นรู้ดว้ ยกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความรู้ การส้ารวจตรวจสอบ สามารถน้า ความรู้และหลักการไปใช้ประโยชน์ เช่ือมโยง อธิบายปรากฏการณ์ หรือแก้ปัญหาในชีวิตประจ้าวัน สามารถจัด กระท้าและวเิ คราะหข์ ้อมูล สื่อสารส่งิ ทเี่ รยี นรู้ มีความสามารถในการตดั สินใจแก้ปัญหา มีจิตวิทยาศาสตร์ เห็นคุณค่า ของวทิ ยาศาสตร์ มีจริยธรรม คณุ ธรรมและค่านิยมทีเ่ หมาะสม ผลการเรียนรู้ 1. ระบุและอธิบายวา่ สารเป็นกรดหรือเบส โดยใชท้ ฤษฎีกรด-เบสของอารเ์ รเนียส เบรนิ สเตด-ลาวรี และลิวอิส 2. ระบุคู่กรด-เบสของสารตามทฤษฎีกรด-เบสของเบรินสเตด-ลาวรี 3. คา้ นวณ และเปรยี บเทียบความสามารถในการแตกตัวหรอื ความแรงของกรดและเบส 4. คา้ นวณค่า pH ความเข้มข้นของไฮโดรเนียมไอออนหรือไฮดรอกไซด์ไอออนของสารละลายกรดและเบส 5. เขียนสมการเคมแี สดงปฏิกริ ิยาสะเทิน และระบุความเปน็ กรด-เบสของสารละลายหลงั การสะเทิน 6. เขียนปฏกิ ริ ิยาไฮโดรลซิ สิ ของเกลือ และระบุความเปน็ กรด-เบสของสารละลายเกลอื 7. ทดลอง และอธิบายหลกั การการไทเทรตและเลือกใชอ้ นิ ดเิ คเตอร์ทเี่ หมาะสมส้าหรับการไทเทรตกรด-เบส 8. คา้ นวณปริมาณสารหรอื ความเข้มข้นของสารละลายกรดหรอื เบสจากการไทเทรต

39 9. อธบิ ายสมบัติองคป์ ระกอบและประโยชน์ของสารละลายบัฟเฟอร์ 10. สบื ค้นข้อมลู และนา้ เสนอตัวอย่างการใชป้ ระโยชน์และการแกป้ ญั หาโดยใชค้ วามรู้เกยี่ วกบั กรด-เบส 11. คา้ นวณเลขออกซิเดชัน และระบปุ ฏกิ ริ ยิ าทเ่ี ปน็ ปฏกิ ิรยิ ารีดอกซ์ 12. วิเคราะห์การเปล่ียนแปลงเลขออกซิเดชัน และระบุตัวรีดิวซ์และตัวออกซิไดส์ รวมทังเขียนครึ่งปฏิกิริยา ออกซิเดชันและคร่ึงปฏิกิรยิ ารีดักชันของปฏิกิริยารีดอกซ์ 13. ทดลอง และเปรยี บเทียบความสามารถในการเปน็ ตัวรีดวิ ซ์หรอื ตัวออกซิไดส์และเขยี นแสดงปฏิกิรยิ ารดี อกซ์ 14. ดลุ สมการรีดอกซด์ ้วยการใชเ้ ลขออกซเิ ดชนั และวิธคี ร่งึ ปฏกิ ริ ิยา 15. ระบุองค์ประกอบของเซลล์เคมีไฟฟ้า และเขียนสมการเคมีของปฏิกิริยาท่ีแอโนดและแคโทด ปฏิกิริยารวม และแผนภาพเซลล์ 16. ค้านวณค่าศักย์ไฟฟ้ามาตรฐานของเซลล์และระบุประเภทของเซลล์เคมีไฟฟ้า ขัวไฟฟ้า และปฏิกิริยาเคมีท่ี เกดิ ขึน 17. อธิบายหลกั การท้างาน และเขียนสมการแสดงปฏิกิริยาของเซลลป์ ฐมภมู ิและเซลล์ทุตยิ ภมู ิ 18. ทดลองชุบโลหะและแยกสารเคมีด้วยกระแสไฟฟ้า และอธิบายหลักการทางเคมีไฟฟ้าท่ีใช้ในการชุบโลหะ การแยกสารเคมีด้วยกระแสไฟฟ้า การทา้ โลหะใหบ้ ริสทุ ธ์ิและการปอ้ งกนั การกัดกร่อนของโลหะ 19. สืบคน้ ข้อมลู และน้าเสนอตวั อย่างความก้าวหนา้ ทางเทคโนโลยีที่เกีย่ วข้องกับเซลลเ์ คมไี ฟฟ้าในชีวิตประจา้ วัน รวม 19 ผลการเรยี นรู้

40 คา้ อธิบายรายวชิ า รหสั วชิ า ว ๓๓๒๒๑ เคมีเพ่ิมเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ี่ ม. ๖ เวลา ๖๐ ช่วั โมง / ภาคเรยี น จ้านวน ๑.๕ หน่วยกิต ภาคเรียนท่ี ๑ ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ศกึ ษาวิเคราะห์เกย่ี วกับปฏิกิริยาการถา่ ยโอนอิเลก็ ตรอน ปฏิกิริยาออกซิเดชนั ปฏิกิริยารดี ักชัน ปฏิกริ ยิ า รดี อกซ์ ฝึกเขียนและดุลสมการรดี อกซ์ หลกั การของเซลล์กัลวานิก การหาคา่ ศักย์ ไฟฟ้ามาตรฐาน ของคร่งึ เซลล์ การค้านวณค่าศักย์ไฟฟ้าของเซลล์ ปฏิกริ ยิ าในเซลล์ปฐมภูมิและเซลลท์ ุตยิ ภมู ิ บางชนิด ที่เปน็ เซลลไ์ ฟฟ้าเคมใี น ชีวิตประจ้าวนั หลกั การของเซลลอ์ เิ ล็กโทรไลต์ และปฏิกริ ิยาทเี่ กดิ ขนึ ภายในเซลล์ การแยกสารละลาย การท้าให้ โลหะบริสุทธิ์ การถลงุ แร่ และการชุบโลหะดว้ ยกระแสไฟฟ้า การอะโนไดซ์ ปฏกิ ิรยิ าการเกดิ การผกุ ร่อนของโลหะและการปอ้ งกนั การผุกร่อนของโลหะ ศกึ ษาสมบตั ิของธาตุและสารประกอบทสี่ า้ คญั ในประเทศไทย แร่เศรษฐกจิ และการน้าไปใช้ เพ่ือการ อตุ สาหกรรมในประเทศไทย อุตสาหกรรมแร่ เซรามิกส์ อุตสาหกรรม ท่เี ก่ยี วข้องกับโซเดียมคลอไรด์ เป็นวตั ถุดิบ และอตุ สาหกรรมปยุ๋ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความพร้อม การสา้ รวจตรวจสอบ การสบื คน้ ข้อมลู และ อภิปราย เพอ่ื ให้เกดิ ความรู้ ความคดิ ความเข้าใจ สามารถส่ือสาร ส่งิ ที่รู้ มคี วามสามารถ ในการตดั สินใจ น้าความร้ไู ปใช้ในชวี ิตประจ้าวัน มจี ติ วิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรมคณุ ธรรม และค่านยิ มท่เี หมาะสม รหสั ตวั ชว้ี ัด ว 3.2. ม.4-6/1- ม.4-6/7 ว 3.2. ม.4-6/8- ม.4-6/17 ว 8.1 ม.4 - 6/1 - ม.4 - 6/12 รวมท้ังหมด 17 ผลการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้ ๑. อธิบายความหมายของปฏกิ ิริยาออกซเิ ดชัน ปฏกิ ริ ิยารีดักชัน ปฏกิ ริ ยิ ารีดอกซไ์ ด้ ๒. ดลุ สมการรีอกซ์โดยใชเ้ ลขออกซิเจนและครง่ึ ปฏกิ ิรยิ า พร้อมทังต่อเซลลก์ ัลป์วานิกจากคร่ึงเซลลไ์ ด้ ๓. อธบิ ายวิธหี าคา่ ศักย์ไฟฟ้ามาตรฐานของคร่ึงเซลล์ โดยเปรียบเทยี บกับครึ่งเซลลไ์ ฮโดรเจนมาตรฐานได้ ๔. อธบิ ายหลักการทา้ งานของครึ่งเซลลก์ ลั วานิก เซลล์ปฐมภูมิ เซลล์ทุตยิ ภูมแิ ละเซลลอ์ ิเล็กโทรไลต์ ๕. อธบิ ายหลกั การของการแยกสารเคมีด้วยกระแสไฟฟ้า การชุบโลหะด้วยกระแสไฟฟ้าและการทา้ โลหะให้ บริสุทธิ์ได้ ๖. อธบิ ายสาเหตุหรอื ภาวะท่ีท้าใหโ้ ลหะเกิดการผุกร่อนพร้อมทังเขียนสมการแสดงปฏกิ ิรยิ า และวธิ ีปอ้ งกนั การ ผกุ ร่อนได้ ๗. อธบิ ายหลักการท้างานของแบตเตอรี่อิเล็กโทรไลต์แข็ง แบตเตอร่ีอากาศ การท้าอิเล็กโทรไดอะลซิ สิ นา้ ทะเล ได้

41 ๘. อธบิ ายหลักการถลงุ แร่ บอกประโยชน์ของแร่ดีบกุ ทองแดง สงั กะสี แคดเมยี ม ทงั สะเตน พลวง แทนทาลัมไนโอเบยี ม ๙. อธิบายสมบตั ิและประโยชนข์ องแร่รัตนชาตชิ นดิ ตา่ งๆและวิธพี ฒั นาคณุ ภาพของแร่รตั นชาตไิ ด้ ๑๐. อธบิ ายหลักการถลงุ แรห่ รอื สกัดแรด่ ีบกุ ทองแดง สังกะสี แคดเมียม ฯลฯ พร้อมทงั บอกประโยชน์ได้ ๑๑. อธบิ ายสมบัติ บอกประโยชน์ของแรร่ ัตนชาตชิ นิดต่างๆและวิธีพัฒนาคุณภาพของแรร่ ัตนชาตไิ ด้ ๑๒. อธิบายขันตอนส้าคัญของการทา้ ผลติ ภณั ฑ์เซรามิกซ์และบอกประโยชน์ของผลติ ภัณฑ์เซรามิกซ์พรอ้ ม ทงั ยกตัวอย่างได้ ๑๓. อธิบายวิธีการผลิตแก้ว ปนู ซีเมนต์ พรอ้ มทังบอกวิธีการผลิตเกลือสมุทรและเกลือสินเธาวไ์ ด้ ๑๔. อธบิ ายวิธีการผลิตโซเดยี มไฮดรอกไซด์และแก๊สคลอรนี จากโซเดยี มคลอไรด์ พร้อมทังเขยี นสมการ แสดง ปฏิกริ ยิ าทเ่ี กดิ ขึน 15. ท้าการทดลอง รวบรวมข้อมูล แปลความหมายข้อมลู และสรุปผล การทดลองการแยกสารละลายโซเดียม คลอไรด์ดว้ ยไฟฟ้า 16. อธิบายกระบวนการผลิตปุย๋ ไนโตรเจน ปยุ๋ ฟอสเฟต ปุย๋ โพแทสและปุย๋ ผสม ตลอดจนผลกระทบ ต่อ สิง่ แวดล้อมได้ 17. สบื ค้นขอ้ มลู ในชุมชนหรอื จากแหล่งข้อมูลต่างๆ เก่ียวกับกระบวนการผลติ และการใช้ประโยชน์ ของแร่ได้

42 คา้ อธบิ ายรายวชิ า รหสั วชิ า ว ๓๓๒๒๒ เคมีเพิม่ เติม กล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ม. ๖ เวลา ๖๐ ช่ัวโมง / ภาคเรยี น จา้ นวน ๑.๕ หน่วยกติ ภาคเรียนท่ี ๒ ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ศึกษาชนิดของพนั ธะระหว่างคาร์บอน ไอโซเมอรข์ องสารประกอบไฮโดรคารบ์ อนและทดลองเพ่ือศึกษาการ จัดตวั ของคารบ์ อนในสารประกอบชนิดต่างๆ ศึกษาและทดสอบสมบตั ิบางประการของสารประกอบไฮโดรคารบ์ อน แบบโซ่เปิด แบบวง อะโรมาติก ศกึ ษาหมู่ฟังกช์ นั สตู รเคมีของสารประกอบคาร์บอน ศึกษาและทดสอบสมบัติและ การเกดิ ปฏิกิรยิ าของแอลกอฮอล์ กรดอินทรยี ์ เอสทอร์ แอลดีไฮด์ คโี ตน แอมีน แอไมด์ รวมถึงมลพิษที่อาจเกิดจาก สารประกอบไฮโดรคารบ์ อนและการป้องกนั ศึกษาแหล่งก้าเนดิ และองค์ประกอบของปิโตรเลียม การกลั่นนา้ มนั ดบิ และการแยกแกส๊ ธรรมชาติ กระบวนการผลติ และประโยชน์ของผลติ ภณั ฑป์ โิ ตรเคมบี างชนดิ ชนิดและปฏิกริ ิยาของพอลิเมอร์ ศกึ ษา การเกิด มลพษิ ทางดนิ ทางน้า ทางอากาศ ที่เกดิ จากการผลิตและการใชผ้ ลิตภณั ฑป์ ิโตรเลียมรวมทัง การป้องกันและแกไ้ ข ศึกษาแนวโนม้ และการปอ้ งกันการเกดิ ภาวะมลพษิ ในอนาคต ศกึ ษาความส้าคัญของอาหารต่อชีวติ และสุขภาพ ชนดิ ของสารชีวโมเลกลุ ทเี่ ปน็ องค์ประกอบ ของอาหาร เชน่ โปรตนี คาร์โบไฮเดรต ไขมัน ลิพิด และ DNA ศกึ ษาองคป์ ระกอบ โครงสรา้ ง แหลง่ ทเ่ี กิด ในธรรมชาติของสาร ชวี โมเลกุล ศกึ ษาและทดสอบสมบตั ิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมีของไขมนั นา้ มัน โปรตนี และคาร์โบไฮเดรต ศกึ ษาสมบัตแิ ละการ ทา้ งานของเอนไซม์ ความกา้ วหนา้ ของเทคโนโลยที ่เี กยี่ วกบั สารชีวโมเลกลุ โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความรู้ การสา้ รวจตรวจสอบ การสบื คน้ ขอ้ มูลและการ อภิปราย เพอ่ื ให้เกิดความรู้ ความคดิ ความเข้าใจ สามารถส่อื สารสิ่งที่รู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ นา้ ความรู้ ไป ใช้ในชวี ติ ประจา้ วนั มีจิตวทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรมและคา่ นยิ มทเี่ หมาะสม รหัสตวั ชว้ี ัด ว 3.2 ม.4-6/1- ม.4-6/7 ว 3.2 ม.4-6/8- ม.4-6/17 ว 8.1 ม.4 - 6/1 - ม.4 - 6/12 รวมทัง้ หมด 13 ผลการเรยี นรู้ ผลการเรยี นรู้ ๑. สืบค้นข้อมลู อธิบายเกี่ยวกับคาร์บอนประเภทต่าง ๆ พร้อมทงั ทดลอง รวบรวมขอ้ มูล แปล ความหมายข้อมูล และสรุปผลการทดลองเกีย่ วกบั การจัดเรียงอะตอมของคารบ์ อน ในสารประกอบ อินทรยี ไ์ ด้ ๒. จา้ แนกประเภทของสารประกอบไฮโดรคารบ์ อน โดยใช้โครงสรา้ งของโมเลกุลเปน็ เกณฑ์ พรอ้ ม ทงั ยกตวั อย่าง เรยี กช่ือ และ เขยี นสูตรโครงสร้างไอโซเมอร์ของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนได้

43 ๓. ศึกษาหมู่ฟงั ก์ชนั จา้ แนกประเภท เขียนสตู ร เรยี กชื่อ และสรุปสมบตั พิ ร้อมทังบอกประโยชน์หรือโทษ ของสารประกอบประเภทแอลกอฮอล์ กรดอินทรีย์ อีเทอร์ เอสเทอร์ แอลดีไฮด์ คโี ตน เอมนี และ เอไมด์ได้ ๔. ทดลอง รวบรวมข้อมลู แปลความหมายข้อมูล และสรุปผลการทดลองเกยี่ วกบั สมบัติบางประการของเอ ทานอลและกรดแอซตี ิก สมบตั ิบางประการของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ปฏกิ ริ ิยาระหว่างกรดคาร์ บอกซิลิกกับแอลกอฮอล์ และปฏิกิรยิ าของเอสเทอรไ์ ด้ ๕. อธบิ ายความหมายการเกดิ องคป์ ระกอบทางเคมี การส้ารวจหาเชอื เพลงิ ซากดึกด้าบรรพ์ การใช้ ประโยชนจ์ ากถ่านหนิ และหินนา้ มนั กระบวนการกลั่นนา้ มันดิบ การแยกแกส๊ ธรรมชาติ พรอมทงั ยกตวั อย่างผลติ ภัณฑ์ที่ไดแ้ ละการนา้ ไปใช้ประโยชนไ์ ด้ ๖. อธบิ ายความหมายของเชอื เพลิงซากดึกด้าบรรพ์ ปโิ ตรเลยี ม เลขออกเทน เลขซีเทน ปิโตรเคมีภณั ฑ์ อุตสากรรมปโิ ตรเคมีภณั ฑ์ พอลิเมอร์ โมโนเมอร์ พลาสตกิ เสน้ ใยธรรมชาติ เสน้ ใยสงั เคระห์และ กระบวนการวัลคาไนเซชนั ได้ ๗. อธบิ ายความก้าวหน้าทางเทคโนโลยที น่ี า้ มาใชใ้ นการพฒั นาผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์สังเคราะหต์ ลอดจน ผลกระทบทเี่ กิดจากการผลติ และการใช้ผลติ ภณั ฑจ์ ากเชอื เพลงิ ซากดกึ ดา้ บรรพ์ต่อชวี ิตและสงิ่ แวดล้อม ได้ ๘. บอกสาเหตุทที่ ้าให้เกิดภาวะมลพิษทงั ทางนา้ ทางอากาศ และทางดนิ พรอ้ มทังวิธปี อ้ งกนั ไมให้เกิด ภาวะมลพิษได้ ๙. ทา้ การทดลอง รวบรวมข้อมูล อภิปราย และสรุปผลการทดลองเก่ยี วกบั สมบตั ขิ องพลาสตกิ ชนดิ ต่างๆ และการตรียมเส้นใยสังเคราะหไ์ ด้ ๑๐. อธบิ ายโครงสร้าง จ้าแนกประเภทและทา้ การทดลอง รวบรวบขอ้ มูล แปลความหมาย ข้อมลู และสรปุ ผลการทดลอง เพื่อศึกษาสมบัติ ปฏกิ ิริยาเคมบี างประการ และการน้าไปใช้ ประโยชนข์ อง โปรตนี ได้ ๑๑. อธบิ ายโครงสร้าง จา้ แนกประเภทและทา้ การทดลอง รวบรวบขอ้ มูล แปลความหมายข้อมูล และ สรปุ ผลการทดลอง เพอื่ ศกึ ษาสมบัติ ปฏิกริ ิยาเคมีบางประการ และการนา้ ไปใช้ ประโยชน์ของ คาร์โบไฮเดรตได้ ๑๒. อธบิ ายโครงสร้าง จา้ แนกประเภทและท้าการทดลอง รวบรวบขอ้ มลู แปลความหมายข้อมลู และสรปุ ผลการทดลอง เพ่ือศึกษาสมบตั ิ ปฏกิ ริ ิยาเคมบี างประการ และการน้าไปใช้ประโยชน์ ของ ลิพดิ ได้ ๑๓. อธิบาย และศึกษาสตู รโครงสรา้ ง องคป์ ระกอบ จ้าแนกประเภทของกรดนวิ คลอี ิก พรอ้ มทงั หน้าที่ ของ DNA และ RNA ในเซลลข์ องสง่ิ มีชวี ิตได้

44 รายวชิ า ฟิสิกส์ รหสั วชิ า ว๓๑๒๐๑ ฟิสิกสเ์ พ่ิมเติม กลุ่มสาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ม. ๔ เวลา ๖๐ ชั่วโมง./ภาคเรียน จา้ นวน ๑.๕ หน่วยกิต ภาคเรยี นที่ ๑ คา้ อธิบายรายวชิ า ศึกษา อธิบาย อภิปราย ปริมาณกายภาพ การค้นหาความรู้ทางฟิสิกส์ประวัติความเป็นมารวมทัง พัฒนาการของหลักการและแนวคิดทางฟิสิกส์ การวัดปริมาณทางฟิสิกส์ น้าเสนอผลรวมทังแสดงผลการทดลองใน รปู ของกราฟ ทดลอง และอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างต้าแหน่งการกระจัด ความเร็ว และความเร่งของการ เคล่ือนที่ของวัตถุในแนวตรงท่ีมีความเร่งคงตัว และสมการ รวมทังทดลองหาค่าความเร่งโน้มถ่วงของโลก และ ค้านวณปรมิ าณตา่ งๆท่ีเกย่ี วข้อง หาแรงลพั ธ์ของแรง สองแรงที่ท้ามุมต่อกัน อธิบายกฎการเคลื่อนท่ีของนิวตันและ การใชก้ ฎการเคลอ่ื นทขี่ องนวิ ตันกบั สภาพการเคล่ือนที่ อธิบายกฎความโน้มถ่วงสากลและผลของสนามโน้มถ่วงท่ีท้า ใหว้ ตั ถมุ นี ้าหนัก อธบิ ายสมดลุ กลของวัตถุ โมเมนต์ และผลรวมของโมเมนต์ที่มตี อ่ การหมุน แรงคู่ควบ โดยใชท้ กั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สบื เสาะหาความรู้ การสา้ รวจตรวจสอบ การสืบคน้ ข้อมลู บันทกึ จัดกลมุ่ ข้อมลู และการอภิปรายเพื่อใหเ้ กดิ ความรู้ ความคิด ความเขา้ ใจ สามารถน้าเสนอ ส่อื สารสิง่ ทเี่ รยี นรู้ มี ความสามารถในการตัดสินใจ เห็นคุณค่าของการน้าความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจ้าวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ คุณธรรมจริยธรรม และ คา่ นยิ มท่เี หมาะสม ผลการเรยี นรู้ 1. สืบคน้ และอธิบายการค้นหาความรู้ทางฟิสิกสป์ ระวตั คิ วามเปน็ มารวมทังพัฒนาการของหลักการและแนวคิด ทางฟสิ ิกส์ทีม่ ีผลต่อการแสวงหาความรู้ใหม่และการพฒั นาเทคโนโลยี 2. วดั และรายงานผลการวัดปรมิ าณทางฟสิ กิ สไ์ ดถ้ กู ตอ้ งเหมาะสมโดยน้าความคลาดเคลอ่ื นในการวดั มา พจิ ารณาในการน้าเสนอผลรวมทังแสดงผลการทดลองในรูปของกราฟ วเิ คราะห์และแปลความหมายจาก กราฟเส้นตรง 3. ทดลอง และอธิบายความสมั พันธร์ ะหว่างต้าแหนง่ การกระจัด ความเรว็ และความเร่งของการเคล่ือนท่ีของ วตั ถใุ นแนวตรงทีม่ ีความเร่งคงตัวจากกราฟและสมการ รวมทังทดลองหาค่าความเร่งโน้มถ่วงของโลก และ ค้านวณปรมิ าณตา่ งๆทีเ่ กีย่ วข้อง 4. ทดลอง และอธบิ ายการหาแรงลัพธ์ของแรงสองแรงที่ทา้ มมุ ตอ่ กัน 5. เขียนแผนภาพของแรงท่ีกระท้าต่อวัตถุอิสระทดลอง และอธบิ ายกฎการเคลื่อนท่ขี องนวิ ตนั และการใช้กฎ การเคลอ่ื นทข่ี องนวิ ตนั กบั สภาพการเคลอื่ นท่ีของวตั ถุรวมทังคา้ นวณปริมาณต่างๆท่ีเกย่ี วขอ้ ง 6. อธบิ ายกฎความโน้มถ่วงสากลและผลของสนามโนม้ ถ่วงที่ท้าให้วัตถุมีน้าหนัก รวมทัง คา้ นวณปริมาณตา่ งๆ ท่เี กี่ยวข้อง 7. วิเคราะห์ อธิบายและคา้ นวณแรงเสียดทานระหวา่ งผิวสมั ผสั ของวัตถุคู่หนึ่ง ๆ ในกรณีทว่ี ัตถุหยุดนง่ิ และ วตั ถเุ คลื่อนท่ี รวมทังทดลองหา สัมประสิทธ์คิ วามเสียดทานระหวา่ งผิวสมั ผสั ของวัตถคุ ูห่ นง่ึ ๆละน้า ความรเู้ ร่อื งแรงเสียดทาน ไปใช้ในชวี ติ ประจ้าวนั

45 8. อธบิ ายสมดุลกลของวตั ถุ โมเมนต์ และผลรวมของโมเมนตท์ ี่มีต่อการหมนุ แรงค่คู วบและผล ของแรงคู่ควบ ทมี่ ีตอ่ สมดุลของวัตถุ เขยี นแผนภาพของแรงท่ีกระท้าต่อวตั ถอุ ิสระเมื่อวัตถุ อยู่ในสมดลุ กล และ คา้ นวณปรมิ าณต่างๆทเ่ี กย่ี วข้องรวมทังทดลองและอธบิ ายสมดลุ ของแรงสามแรง 9. สงั เกต และอธิบายสภาพการเคลื่อนท่ีของวัตถุ เมอ่ื แรงที่กระท้าต่อวตั ถุผ่านศนู ย์กลางมวลของวัตถุ และ ผลของศูนย์ถว่ งท่ีมตี ่อเสถยี รภาพของวัตถุ 10. วิเคราะห์ และค้านวณงานของแรงคงตัวจากสมการและพืนที่ใตก้ ราฟความสัมพนั ธ์ระหวา่ งแรงกบั ต้าแหน่ง รวมทงั อธบิ ายและคา้ นวณกา้ ลงั เฉลย่ี รวม ๑0 ผลการเรียนรู้

46 รายวชิ า ฟิสกิ ส์ รหัสวชิ า ว๓๑๒๐๒ ฟิสิกสเ์ พ่มิ เติม กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ ม. ๔ เวลา ๖๐ ชั่วโมง./ภาคเรยี น จา้ นวน ๑.๕ หน่วยกติ ภาคเรยี นที่ ๒ ค้าอธิบายรายวชิ า ศกึ ษา อธบิ าย อภิปราย อธบิ าย และค้านวณพลงั งานจลน์ พลงั งานศักยพ์ ลังงานกล ท ด ล อ ง ห า ความสัมพันธ์ ระหว่างงานกับพลังงานจลน์ ความสัมพันธ์ระหว่างงานกับพลังงานศักย์โน้มถ่วงความสัมพันธ์ระหว่าง ขนาดของแรงท่ีใช้ดึงสปริงกับระยะที่สปริงยืดออกและความสัมพันธ์ระหว่างงานกับพลังงานศักย์ยืดหยุ่นรวมทัง อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างงานของแรงลัพธ์และพลังงานจลน์ อธิบายกฎการอนุรักษ์พลังงานกลรวมทังวิเคราะห์ และคา้ นวณปริมาณต่างๆ ทีเ่ ก่ียวข้องกับการเคล่ือนที่ของวัตถุในสถานการณ์ต่างๆ โดยใช้กฎการอนุรักษ์พลังงานกล การได้เปรียบเชิงกลของเคร่ืองกล อธิบาย และค้านวณโมเมนตัมของวัตถุและการดลจากสมการและพืนท่ี ใต้กราฟความสัมพนั ธร์ ะหว่างแรงลัพธก์ บั เวลา อธิบาย วิเคราะห์ และค้านวณปริมาณต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการ เคลอ่ื นท่แี บบโพรเจกไทล์ ทดลองและอธิบายความสมั พันธ์ระหว่างแรงสู่ศูนย์กลางรัศมีของการเคลื่อนท่ีอัตราเร็วเชิง เสน้ อตั ราเร็วเชงิ มุมและมวลของวตั ถุ ในการเคล่ือนท่ีแบบวงกลม และการน้าความรู้ไปประยุกต์ใช้ใน ชีวิตประจา้ วัน โดยใชท้ กั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ สืบเสาะหาความรู้ การส้ารวจตรวจสอบ การสบื คน้ ขอ้ มูล บนั ทึก จัดกลุ่มข้อมลู และการอภิปรายเพือ่ ให้เกดิ ความรู้ ความคดิ ความเข้าใจ สามารถนา้ เสนอ สื่อสารสิ่งทีเ่ รียนรู้ มี ความสามารถในการตัดสินใจ เห็นคุณค่าของการน้าความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจ้าวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ คุณธรรมจริยธรรม และ ค่านิยมทเ่ี หมาะสม ผลการเรียนรู้ 1. อธบิ าย และค้านวณพลังงานจลน์ พลงั งานศักย์พลังงานกล ทดลองหาความสัมพนั ธ์ ระหวา่ งงานกับ พลงั งานจลน์ ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งงานกับพลงั งานศักยโ์ นม้ ถว่ งความสัมพนั ธร์ ะหว่างขนาดของแรงทใ่ี ช้ดงึ สปรงิ กบั ระยะทีส่ ปริงยดื ออกและความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งงานกบั พลังงานศกั ยย์ ืดหย่นุ รวมทังอธิบาย ความสัมพนั ธ์ระหว่างงานของแรงลพั ธแ์ ละพลงั งานจลน์ และค้านวณงานทีเ่ กิดขึน 2. อธบิ ายกฎการอนุรกั ษพ์ ลงั งานกลรวมทงั วิเคราะห์ และค้านวณปริมาณตา่ งๆ ที่เกย่ี วข้องกับการเคลื่อนที่ ของวตั ถุในสถานการณ์ตา่ งๆ โดยใชก้ ฎการอนรุ ักษ์พลงั งานกล 3. อธิบายการทา้ งานประสิทธภิ าพและการได้เปรียบเชิงกลของเคร่ืองกลอย่างงา่ ยบางชนิด โดยใชค้ วามรู้เรือ่ ง งานละสมดลุ กลรวมทังค้านวณประสทิ ธิภาพและการได้เปรียบเชงิ กล 4. อธบิ าย และคา้ นวณโมเมนตัมของวัตถแุ ละการดลจากสมการและพืนท่ีใต้กราฟความสัมพนั ธร์ ะหว่างแรง ลพั ธก์ ับเวลา รวมทังอธบิ ายความสัมพันธร์ ะหว่างแรงดลกบั โมเมนตมั 5. ทดลอง อธิบาย และค้านวณปริมาณตา่ งๆ ท่เี กยี่ วกับการชนของวตั ถุในหนึง่ มิติ ทังแบบยืดหยุ่น ไมย่ ดื หย่นุ และการดีดตัวแยกจากกนั ในหนึ่งมติ ิซงึ่ เปน็ ไปตามกฎการอนรุ ักษ์โมเมนตัม


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook