Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การเพาะเลี้ยงปลาดุกบิ๊กอุย

การเพาะเลี้ยงปลาดุกบิ๊กอุย

Published by Bangbo District Public Library, 2019-06-18 01:52:59

Description: การเพาะเลี้ยงปลาดุกบิ๊กอุย

Search

Read the Text Version

การเพาะเลยี้ งปลาดกุ บ๊กิ อุย คานา ปลาดกุ เปน็ ปลาท่ีคนไทยรจู้ ักกันดี และมีความนยิ มบรโิ ภค ในอตั ราทส่ี ูง สามารถทารายได้ใหก้ บั เกษตรกรผเู้ พาะเลย้ี งอยา่ งงดงาม เพียงแต่มนี ้าดี สภาพพน้ื ทด่ี ี มกี ารเอาใจใสด่ ูแลให้อาหารดี รวมทงั้ ผู้เลยี้ ง ขยนั ศกึ ษาหาความรูเ้ พอ่ื ประยุกต์ใช้กบั กจิ การของตน และเพอ่ื สนองตอบปัจจยั ในการเลี้ยงปลาดกุ อย่างมี ประสทิ ธิภาพ ปลาดกุ ทีพ่ บในประเทศไทย ในประเทศเรานั้นพบว่ามปี ลาดกุ ด้วยกันทงั้ หมด 5 ชนิด แตเ่ ทา่ ทีร่ ้จู ักมีเพยี ง 2 ชนิด คือ ปลาดกุ อุย และปลาดุกด้าน ปลาดกุ ท่นี ยิ มเลี้ยงคือ ปลาดกุ ด้าน เพราะเนื้อปลาดกุ ด้านคอ่ นข้างแขง็ ทาใหส้ ามารถ ขนสง่ ไดใ้ นระยะทางไกลๆ ประกอบกบั ปลาดุกดา้ นเล้ียงงา่ ย โตเรว็ จึงเป็นทีน่ ยิ มเลี้ยงกันมาก แตส่ าหรับ ผ้บู ริโภคแลว้ จะนยิ มปลาดุกอุย เพราะให้รสชาตดิ เี น้ือปลานุ่ม ฟู กลนิ่ ดี ปลาดุกอุย ( Clarias macrocephalus ) เปน็ ปลาพ้นื บา้ นของไทยชนดิ ไมม่ ี เกลด็ รปู รา่ งเรียวยาว มีหนวด 4 เสน้ ท่รี มิ ฝีปาก สขี องผิวหนงั ค่อนข้างเหลือง มจี ดุ ประตามตัวและบรเิ วณดา้ นขา้ งของลาตวั อย่างเด่นชดั เน้ือสีออกเหลอื ง มมี ันมาก ลา คัวค่อนข้างทู่ สว่ นปลายของกระดกู ท้ายทอยจะป้านและส้ัน ปลาดุกด้าน ( Clarias batrachus ) สขี องลาตวั ค่อนข้างคลา่ เล็กนอ้ ย เนอ้ื มสี ีขาว มมี นั น้อย สว่ นหัวคอ่ นขา้ งแหลมและส่วนปลายของ กระดูกทา้ ยทอยมีลักษณะแหลมยาว ลักษณะดงั กล่าว สังเกตเหน็ ไดช้ ัดเจนมาก กลุ่มวิจยั การเพาะเลีย้ งสัตว์นา้ สถาบันวจิ ยั การเพาะเลี้ยงสตั วน์ า้ จื ด กรมประมง ได้ดาเนนิ การ ศึกษาถึงสายพันธ์ุปลาดุกที่มีการนาเขา้ มาเล้ียง ในประเทศ พบวา่ เปน็ ปลาในตระกูล catfish เช่นเดียวกับ ปลาดุกอยุ มถี นิ่ กาเนิดในทวปี แอฟริกา มีช่ือวา่ ( Clarias gariepinus African sharptooth catfish ) เป็น ปลาทมี่ ีการเจรญิ เติบใจรวดเร็วมาก สามารถกนิ อาหารได้แทบทุกชนิด มคี วามต้านทานโรคแล ะสภาพ แวดล้อมสูง เป็นปลาที่มีขนาดใหญ่เมอื่ เจรญิ เตบิ โตเตม็ ที่ แตป่ ลาดกุ ชนิดน้ีมเี นอ้ื เหลว และมสี ซี ีดขาว ไม่น่า รบั ประทาน ซึง่ กรมประมงได้ให้ชือ่ ว่า “ ปลาดุกเทศ ”

จากการศกึ ษาทางลักษณะรปู รา่ งและชีววิทยาของ ปลาดุกเทศ ทางกลมุ่ วิจัยการเพาะเลย้ี งสตั วน์ ้า สถาบนั วจิ ยั การเพาะเล้ยี งสัตวน์ ้าจืด ไดท้ าการเพาะขยายพันธป์ุ ลา โดยนามาผสมพันธุ์กับปลาดุกอุยและ ปลาดกุ เทศ ผลปรากฏวา่ การผสมขา้ มพันธุ์ ระหว่าง ปลาดกุ อุยเพศเมีย ผสมกบั ปลาดุกเทศเพศผู้ สามารถ เพาะขยายพนั ธุ์ไดด้ ี ลูกท่ี ไดม้ ีอัตราการเจรญิ เติบโต รวดเร็ว ทนทานต่อโรคสูง มีลกั ษณะใกลเ้ คียงกับปลาดุก อุย จึงทาให้เกษตรกรนาวธิ กี ารผสมข้ามพนั ธไ์ุ ปปฏบิ ัติ กนั อย่างแพร่หลาย ซง่ึ ลกู หลานทเ่ี กดิ จากคู่ผสมน้ที าง กรมประมงใหช้ ื่อวา่ ปลาดกุ อุย-เทศ แตโ่ ดย ทัว่ ๆไป ชาวบ้านเรยี กกนั ว่า บิก๊ อุย ส่วนการผสมข้ามพนั ธุ์ ระหวา่ งปลาดกุ อุยเพศผู้กบั ปลาดุกเทศเพศเมยี ลกู ท่ไี ดไ้ ม่ แขง็ แรงและเหลอื รอดนอ้ ย เมอ่ื เทยี บกบั การเพาะพนั ธุ์เพอ่ื ใหไ้ ด้ ปลาบิ๊กอุย ส่วนการผสมขา้ มพนั ธุ์ ระหวา่ ง ปลาดกุ ด้านกับปลาดุกเทศ ไม่ประสบผลสาเรจ็ เท่าท่ีควร ในปัจจุบันนี้ อาจกล่าวได้ว่า ปลาดกุ ลกู ผสม อุย- เทศ หรอื บ๊ิกอยุ นน้ั เปน็ ทนี่ ยิ มเลีย้ งของเกษตรกร เน่ืองจากเลี้ยงง่าย มีการเจรญิ เติบโตรวดเรว็ อกี ท้ังทนทาน ตอ่ โรคและสภาพแวดลอ้ มไดด้ ีทง้ั ยงั เปน็ ท่ีนยิ มบรโิ ภคของประชาชนเนือ่ งจากมีรสชาติดแี ละราคาถูก ปลาดกุ บก๊ิ อุย เป็นปลา ลูกผสม ระหวา่ งพอ่ พนั ธ์ุ “ปลาดุกเทศ” (Clarias gariepinus ) กับแมพ่ นั ธุ์ “ปลาดกุ อยุ ” ( Clarias macrocephalus ) มีลักษณะทั่วไป คล้ายกับปลาดุกดา้ น แต่มสี ่วนหัวยาวกวา่ ด้านบนกะโหลกขรขุ ระกว่า เม่ือมอง ดา้ นบนจะเหน็ หัวเปน็ เห ล่ียม ท้ายทอยแหลมเป็นโค้ง 3 โค้ง โด ย สว่ นกลาง ยนื่ ยาวมากทสี่ ดุ ลาตัว ยาว ครบี หลงั ครีบกน้ ยาว ลา ตวั ด้านบนมีสคี ล้านา้ ตาลอมเหลืองและมี ลายแตม้ แบบลายหินออ่ นบนตวั แกม้ และท้องมีสีจางครบี มีสีเข้มกว่าลาตวั เล็กนอ้ ยและอาจมีขอบเป็นสีแดง ส้ม ที่โคนครีบหางมแี ถบตามแนวตงั้ สีจาง แหลง่ กาเนดิ และถ่นิ อาศัย ปลาดกุ จะพบ แพร่ กระจายท่ัวไปในแถบเอเชียตะวันออกเฉยี งใต้ เช่น ประเทศอินเดีย พม่า ไทย ลาว กมั พูชา ฟิลปิ ปนิ ส์ เวียดนามและมาเลเซยี สาหรับประเทศไทยพบปลาดกุ ในคลอง หนอง บงึ ต่างๆทว่ั ทุกภาค เปน็ ปลาทีอ่ าศยั อยใู่ นแหลง่ นา้ จืดทัว่ ไป แม้ในหนองนา้ ทีม่ ีน้าเพยี งเล็กน้อยกย็ ังพบปลาดกุ ทง้ั น้ี เพราะปลาดกุ เป็นปลาทม่ี ีอวัยวะพเิ ศษในการหายใจ เช่นเดยี วกับปลาชอ่ น ดังนัน้ จงึ สามารถดารงชวี ิตอย่ไู ด้ ในนา้ ทมี่ อี อกซเิ จนเพียงเล็กน้อยและถึงแมว้ า่ น้าท่คี อ่ นขา้ งกรอ่ ยปลาดุกก็ยังสามารถอาศัยอยูไ่ ดเ้ ปน็ อยา่ งดี ลักษณะนิสัยของปลาดกุ ปลาดกุ มลี ักษณะท่ีตา่ งจากปลาอ่นื อย่างเหน็ ได้ชัดคือ ปลาดุกไม่มีเกล็ด รูปรา่ งเรยี วยาว มีหนวด 4 คอู่ ยู่ทร่ี มิ ฝปี าก ตามขี นาดเล็กมาก ใช้หนวดในการหาอาหาร เพราะหนวดปลาดุกมีประสาทรบั ความร้สู ึกท่ี

ดีกว่าตา ปลาดุกชอบหากินตามหนา้ ดิน มนี สิ ัยว่องไว สามารถจะขนึ้ มาอย่บู นบกได้ทนนานกวา่ ปลาชนิด อ่ืนๆ รวมถึงสามารถที่จะอาศัยอย่ใู นดนิ โคลน เลน และในน้าที่มปี ริมาณออกซิเจนตา่ ได้นาน เนอื่ งจากมี อวยั วะพิเศษชว่ ยในการหายใจน่ันเอง อาหารทปี่ ลาดกุ ชอบกนิ สว่ นมากเป็นอาหารจาพวกเน้ือสตั ว์ แต่ถา้ นามาเลย้ี งในบ่อกส็ ามารถฝกึ ใหก้ ิ นอาหารจาพวกพืชได้ รวมถึงสามารถฝกึ นสิ ยั ให้ปลาดกุ ขน้ึ มากินอาหาร บรเิ วณผิวน้าแทนการหาอาหารกนิ ตามหนา้ ดินไดเ้ ช่นเดียวกัน อาหารปลาดกุ อาหารไมว่ า่ สงิ่ มีชวี ติ ใดๆ ลว้ นแลว้ แตต่ อ้ งการอาหารเพอ่ื การดารงอยู่ดว้ ยกนั ทัง้ น้ัน เมอ่ื ปลาดุกฟัก ไข่ออกมาเป็นตัวลูกปลาดุกจะใชอ้ าหารจากถงุ ไขแ่ ดงซึ่งติดอยูด่ ้านหนา้ ท้องของลูกปลา ประมาณ 1 – 2 วนั ถุงไข่แดงจะยบุ ลงนั่นเป็นเครื่องหมายวา่ อาหารทีต่ ดิ ตัวลกู ปลาดกุ มาตั้งแตเ่ กิดได้ใชห้ มดไปแล้ว จาเปน็ ตอ้ ง มีการหาอาหารจากสภาพแวดล้อมกนิ ในชว่ งน้ีผู้เลยี้ งลกู ปลาดกุ จาเป็นตอ้ งใชอ้ าหารเพ่อื การเจริญเติ บโต ซง่ึ ตอ้ งมีปริมาณของโปรตนี สูง ได้แก่ ไข่แดงตม้ สกุ ไรแดง หรอื อาหารผสม ต่อมาเม่อื ปลาโตขึ้นสามารถที่จะ ปลอ่ ยลงสบู่ ่อเลยี้ งได้ อาหารท่ีให้ได้แก่ ปลาเป็ดสับบดละเอียดผสมกับรา หรอื อาหารผสมอดั เม็ดลอยน้า จวบจนกระทงั่ สามารถจบั ปลาดกุ ขายได้ ในธรรมชาติลกู ปลาดุก กินอาหารจาพวกโปรโตซัว ไรน้าขนาดเลก็ โรติเฟอร์และแพลงค์ตอนพืช ปลาดุกที่มขี นาดโตขึ้นจะกินอาหารจาพวกตวั อ่อนของแมลงลูกกุ้ง ลูกปู หนอน และอนิ ทรีย์สารท่ีอยตู่ ามพืน้ โคลน นอกจากนยี้ ังสามารถฝึกให้กินอาหารสมทบทง้ั ประเภทจมนา้ หรืออาหาร ชนิดเม็ดลอยน้าได้ ซึ่งมีสว่ นผสมของอาหารประเภทปลายขา้ ว รา กากถั่ว ปลาปน่ เปน็ ตน้ ปลาดกุ กินอาหารได้ทง้ั พืชและสัตว์ (Omnivorous) มนี สิ ยั ชอบหาอาหารกนิ ในเวลากลางวนั ตาม บรเิ วณพนื้ กน้ บ่อ และจะขนึ้ มากนิ อาหารบริเวณพ้นื ผวิ นา้ เปน็ บางขณะ ในบางคร้ังกถ็ อื วา่ ปลาชนดิ นเี้ ป็น พวก Scavengers เน่อื งจากเป็นปลาทมี่ ีนสิ ัยชอบกินอาหารจาพวกเศษเนือ้ ท่ีกาลงั สลายตวั ปลาดกุ มีนสิ ยั ชอบกนิ อาหารจาพวกเน้ือสัตว์มากกวา่ อาหารจาพวกพืชหรืออาหารจาพวกแปง้ อาหารต่างๆ เหลา่ นี้ ทง้ั ทม่ี ี ตามธรรมชาติทั้งทผี่ สมใหก้ ินโดยการทาเองมสี ารอาหารต่างๆซึง่ จาเปน็ ต้องให้ปลาดกุ อยา่ งครบถว้ น ตามที่ ปลาดุกต้องการ ปลาดุกจงึ เจริญเตบิ โตไดด้ ี คุณคา่ ทางอาหารทปี่ ลาดกุ ต้องการและจาเปน็ มีอยดู่ ้วยกนั 5 ชนดิ คือ โปรตีน เปน็ สว่ นสาคัญของอาหารเพ่อื นาเขา้ ไปเสรมิ สรา้ งร่างกาย ในสว่ นท่ีสกึ หรอ หรือนาไปใช้ เพื่อการเจรญิ เตบิ โต ความตอ้ งการโปรตีนของปลาดุกนัน้ จะแตกต่างกั นไปตามวยั และเวลาทเี่ พมิ่ ขึ้น ในลูก ปลาวัยอ่อนจนถึงขนาดสามารถปล่อยลงสบู่ ่อเล้ยี งได้มีความต้องการโปรตนี อย่ใู นช่วง 35 – 40 เปอรเ์ ซ็นต์ ส่วนในชว่ งระยะเวลาทอี่ ยู่ในบอ่ เลยี้ งปลาดกุ มคี วามต้องการโปรตนี 25 – 35 เปอร์เซ็นต์

คารโ์ บไฮเดรต สารอาหารประเภทน้ี เป็นสารอาหารที่ให้พลังงานได้บางส่วนแก่ร่างกาย ความ ต้องการคาร์โบไฮเดรตของปลาดุกจะอยใู่ นช่วง 35 – 40 เปอรเ์ ซน็ ต์ ซึง่ โดยส่วนใหญแ่ ล้วปลาดุกจะไมข่ าด สารอาหารประเภทน้ีเพราะมอี ยใู่ นแป้ง ปลายขา้ ว รา และในข้าวโพด นอกจากนวี้ ัตถุดบิ เหลา่ นี้ในอาหาร ผสมอัดเมด็ ลอยนา้ จะช่วยให้อาหารรวมตวั กนั ไดแ้ น่นขึ้นอีกด้วย ไขมัน ไมว่ า่ อาหารชนิดใดมักจะมีไขมันปะปนอยดู่ ว้ ยเสมอไมม่ ากก็น้อย ซง่ึ สารอาหารนเ้ี ปน็ สารอาหาร ทใ่ี ห้ พลงั งานในปริมาณที่ สูง บาง ครั้ง ปลาดกุ ท่ไี ด้ รับไขมนั เป็นจานวนมาก ก็จะมโี ทษได้ เช่นเดียวกนั กับการมปี ระโยชน์ของมัน ในอาหารที่ให้ปลาดกุ ไม่ควรจะมไี ขมันในปรมิ าณที่มากเกิน 5 – 6 % วัตถดุ ิบทมี่ ีไขมนั ในปริมาณมากไดแ้ ก่ น้ามันถ่ัวเหลอื ง น้ามนั มะพรา้ ว เปน็ ต้น วิตามนิ สารอาหารชนิดน้ีจัดไดว้ า่ เป็นอาหารบารงุ เพราะมีสว่ นช่วยให้ปลาดุกสามารถใชส้ ารอาหาร อน่ื ๆไดม้ ากข้ึน ทาใหป้ ลาดุกมี การเจรญิ เติบโตท่ีสูงข้ึน โดยท่สี ารอาหารชนดิ นเี้ องไมไ่ ดม้ สี ่วนในกา รเจริญ เตบิ โต ของปลาดกุ โดยตรงเลยดังน้ันวิตามนิ จึงมีความจาเป็นทปี่ ลาดกุ จะต้องได้รบั ตามความเหมาะสม แร่ธาตุ เปน็ สว่ นประกอบสาคญั ๆ ของสิง่ มชี ี วติ โดยเฉพาะแคลเซยี มและฟอสฟอรัส ซ่งึ เป็น ส่วนประกอบของกระดูกและฟันและยงั เปน็ สารที่ควบคมุ ปรมิ าณของนา้ ในตัวปลาแรธ่ าตุมอี ยใู่ นสารอาหาร โดยท่วั ๆ ไปอย่แู ลว้ การเพาะผสมเทยี มปลาดกุ บ๊ิกอยุ 1.การเลยี้ งพ่อ – แมพ่ ันธ์ุ ควรเลย้ี งในบ่อดินที่มขี นาดตัง้ แต่ 100 ตารางเมตร ขน้ึ ไป โดยปลอ่ ยในอัตรา 20-30 ตวั / ตารางเมตร ที่ระดับความลกึ ของนา้ ประมาณ 1.0-1.5 เมตร ควรถา่ ยเทน้าบ่อยๆ เพอื่ กระตุ้นให้ปลากิน อาหารไดด้ ี และพัฒนาระบบสบื พันธขุ์ องปลาใหม้ ไี ขแ่ ละนา้ เช้อื ดียิ่งขึน้ จะใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือน ฤดูกาลผสมพันธุป์ ลาดกุ จะอยูใ่ นชว่ งเดือนมีนาคม - ตุลาคม ก่อนฤดูกาลผสมพนั ธ์ุ ในช่วงเดือนกมุ ภาพันธ์ ควรเร่มิ คัดปลาทม่ี ไี ข่แก่สมบรู ณ์บางสว่ นมาเริ่ม ดาเนินการผสมเทยี ม 2.การคัดเลอื กพ่อ – แม่พันธุ์ พ่อแม่พันธุ์ปลาดุกท่ีนามาใชค้ วรเปน็ ปลาที่ สมบูรณ์ ไม่บอบชา้ และควรมีอายตุ ้ังแต่ 1 ปีข้นึ ไป การ สังเกตลักษณะปลาเพศเมียที่ดใี นการเพาะพนั ธ์ุดูได้ จาก ส่วนท้องจะอมู เป่ง ไมน่ ม่ิ หรอื แข็งจนเกินไป ต่ิงเพศจะมลี กั ษณะกลมมสี แี ดง หรอื ชมพูอมแดง ถ้าเอามอื บี บ เบา ๆ ทท่ี ้องจะมีไข่ลักษณะเป็นเม็ดกลมสนี ้าตาลอ่อนใสไหลออกมา ส่วนปลาดุกเพศผจู้ ะมีติง่ เพศยาวเรยี ว

มีสชี มพูเร่ือ ๆ ปลาไมค่ วรมขี นาดอ้วนหรือผอมจนเกินไป ขนาดพอ่ -แม่พนั ธุ์ปลาดุก ควรมขี นาดนา้ หนกั มากกว่า 200 กรัมข้นึ ไป หรือปลาทีม่ อี ายุประมาณ 7-8 เดือน หรอื 1 ปี ให้อาหารทีม่ ีคณุ ภาพดี เพอ่ื ให้มไี ข่ แก่ จะใชเ้ วลา 3-4 เดอื น มีการถ่ายเทน้าบอ่ ย ๆ เพือ่ กระตุ้นให้ปลาถึงวัยเจรญิ พันธุเ์ รว็ ขน้ึ สว่ นปลาดุกเทศ เพศผนู้ ิยมใช้ ขนาดนา้ หนกั ตวั มากกว่า 500 กรัมขึน้ ไป และควรเปน็ ปลาที่มีอายไุ ม่ต่ากว่า 1 ปี ลาตัวเพรียว ยาวและไม่อ้วนจนเกนิ ไป 2.อุปกรณ์และวิธีการผสมเทียม 1. พอ่ -แม่พันธ์ุปลา 2. ฮอร์โมนสงั เคราะห์ชนดิ ตา่ ง ๆ 3. ครกบดยา 4. เข็มฉดี ยา 5. เครอื่ งชัง่ นา้ หนกั 6. ภาชนะสาหรับผสมไขป่ ลากบั นา้ เชอ้ื ได้แก่ กะละมังพลาสติก และขนไก่ 7. น้าเกลอื และนา้ กลั่น 8. อุปกรณ์ในการฟกั ไขป่ ลา เช่น กระชัง อวนมุ้งเขียว 9. อปุ กรณใ์ นการอนบุ าลลูกปลา 3.ชนิดและวธิ กี ารฉดี ฮอรโ์ มน ปัจจุบนั จะใช้ฮอรโ์ มนสงั เคราะห์ (Synthetic hormone) ไดแ้ ก่ LHRHa หรอื LRH-a มีหน่วย ความเข้มขน้ เปน็ ไมโครกรมั (ug) ซึ่งในการฉีดกบั ปลาดกุ ตอ้ งใช้ร่วมกับสารระงับการทางานของระบบกา ร หลั่งฮอรโ์ มนคือ โดมเพอรโิ ดน (Domperidone) หรือมชี ื่อทางการคา้ วา่ โมทเี ลียม (Motilium) ซงึ่ มหี นว่ ยเปน็ มลิ ลกิ รัม (mg) ขนาดทีม่ ีขายโดยทวั่ ไปคอื เม็ดละ 1O มิลลิกรัม การฉีดฮอรโ์ มนผสมเทียมปลาดุกอุย โดยใช้ฮอร์โมนสังเคราะห์ สามารถฉดี เรง่ ให้แม่ปลาดกุ อุยมีไข่สกุ ได้ โดยการฉีดคร้งั เดียวที่ระดบั ความเขม้ ข้น 20-30 ไมโครกรมั /แมป่ ลานา้ หนกั 1 กก. รว่ มกบั การใช้ โดมเพอริโดนท่ีระดับความเข้มขน้ 5-10 มิลลกิ รมั / แม่ ปลาน้าหนกั 1 กก.หลังจากฉีดฮอรโ์ มนสังเคราะห์น้ีเปน็ เวลาประมาณ 16 ชัว่ โมง สามารถรีดไข่ผสมน้าเชอ้ื ได้ การฉดี ฮอร์โมนผสมเทยี มปลาดุกเทศ โดยใช้ฮอร์โม นสงั เคราะห์สามารถฉีดเร่งให้ แม่ปลาดกุ เทศมไี ข่สกุ ได้โดยการฉีดครง้ั เดยี วท่ีระดับความเข้มข้น 15- 30 ไมโครกรมั / แม่ปลาน้าหนกั 1 กก. ร่วมกบั การใส่โดมเพอริโดนทร่ี ะดับความเข้มข้น 5-10 มลิ ลกิ รมั /แม่ ปลาน้าหนัก 1 กก. หลังจากฉีดฮอร์โมนสงั เคราะห์เปน็ เวลาประมาณ 10 ชั่วโมง สามารถรดี ไข่ผสมนา้ เชื้อ

ได้ ในปลาเพศผกู้ ารกระต้นุ ใหพ้ ่อพันธุม์ ีนา้ เชือ้ มากขน้ึ โดยการฉีดฮอร์โมนสงั เคราะห์ทรี่ ะดบั ความเขม้ ข้น 5- 10 ไมโครกรัม/พอ่ ปลานา้ หนกั 1 กก.รว่ มกบั โดมเพอริโดน 5-10 มิลลกิ รมั /พ่อปลาน้าหนัก 1 กก.กอ่ นผ่าถงุ น้าเชือ้ ประมาณ 10 ช่วั โมง 4.ปรมิ าณสารละลายทใี่ ช้ หลังจากทเี่ ตรยี มฮอรโ์ มนที่จะฉีดให้กบั พ่อ-แม่พันธ์ุ ปลาดกุ แล้ว การคานวณสารละลาย ทจ่ี ะผสมกบั ฮอร์โมน เพอื่ ฉดี ใหก้ ับพอ่ -แมพ่ ันธ์ุปลา เป็นเรือ่ งท่ีควรคานงึ คือ จะตอ้ งใช้น้ากลัน่ หรอื น้า สะอาด เตมิ ในปรมิ าณท่เี หมาะสมโดยการฉดี ปลาดุก จะใชป้ รมิ าณสารละลายผสมแลว้ 1 ซซี ี / น้าหนกั ปลา 1 กก. 5.ตาแหนง่ ทฉ่ี ดี ฮอรโ์ มน การฉดี ฮอร์โมนปลาดกุ นนั้ ตาแหน่งท่ี เหมาะสมทส่ี ุดคอื บริเวณกลา้ มเนอ้ื ใต้ครบี หลังส่วนตน้ เหนือเสน้ ขา้ งตัวโดยใชเ้ ขม็ เบอร์ 22-24 แทงเข็มเอียงทา มุมกบั ลาตวั ประมาณ 30 องศาแทงลึกประมาณ 1 นว้ิ / (2 เซนติเมตร ) หลังจากฉดี ฮอร์โมนปลาดกุ แล้วขงั ใน ภาชนะท่ีมรี ะดบั นา้ เพยี งทว่ มหลังพ่อ -แมพ่ นั ธ์ุ ปลาเท่าน้นั เพราะถ้าใสน่ ้ามากเกนิ ไปปลาจะบอบช้ามาก 6.การรีดไข่ผสมน้าเช้อื การรดี ไข่ของปลาดกุ เพ่ือผสมกับน้าเช้ือนนั้ ใชว้ ธิ ี กึ่งเปยี ก เป็นวธิ ีทเี่ หมาะสมทส่ี ดุ นาแม่ปลาทไ่ี ดร้ บั การ ฉีดฮอรโ์ มนและมีไขแ่ กเ่ ตม็ ท่ีแลว้ มารีดไขใ่ ส่ในภาชนะผวิ เรยี บ เช่น กะละมงั เคลือบ พรอ้ มกันน้ผี า่ เอาถงุ นา้ เชอื้ จากพอ่ ปลา นามาวางบนผ้ามุ้งเขยี ว แลว้ ขยีใ้ ห้ ละเอียด พร้อมกับเทน้าเกลอื เขม้ ขน้ ประมาณ 0.7 % หรอื น้า สะอาดลงบนผา้ มุ้งเขยี วที่ ขยีถ้ ุงน้าเชื้อให้นา้ ไหลผ่าน เพ่อื ใหน้ ้าเชื้อลงไปผสมกับไข่ ผสมไข่กบั น้าเช้ือใหเ้ ข้ากนั โดยการคนเบา ๆ ด้วยขนไกป่ ระมาณ 2-3 นาที จงึ นาไข่ท่ีไดร้ ับการผสม ไปล้างนา้ สะอาด 1 ครง้ั แล้วนาไปฟกั นา้ เช้ือจากปลาตัวผู้หนึ่งตวั สามารถผสมกับ ไข่ท่ี ได้จากการรดี ปลาเพศเมียประมาณ 10 ตัว 7.การฟกั ไข่ ไขป่ ลาดกุ อยุ เป็นไข่ติด ไข่ท่ดี ีควรมี ลกั ษณะกลม มสี ีนา้ ตาลเขม้ ไข่ของปลาดกุ เทศกเ็ ป็น ไขต่ ิด เช่นเดยี วกบั ปลาดุกอุย ไข่ทีด่ คี วรมีลกั ษณะกลม และมสี ีเขียวเข้ม นาไข่ป ลาดุกทไี่ ดร้ ับการผสมกบั

น้าเช้อื แลว้ ไปฟกั โดยโรยไข่บนผา้ มุง้ เขยี วเบอร์ 20 ทข่ี งึ ตงึ ที่ระดบั ตา่ กว่าผิวน้าประมาณ 5-10 เซนตเิ มตร โดยระดบั น้าในบอ่ ทขี่ ึงผา้ ม้งุ เขยี วนั้นมรี ะดับน้าลึกประมาณ 20-30 เซนติเมตร เปิดน้าไหลผา่ นตลอดเวลา และควรมีเครอ่ื งเพ่ิมอากาศใส่ไว้ใน บอ่ ฟักไขป่ ลาด้วย ไข่ปลาดุกทไี่ ดร้ บั การผสมจะพัฒนาและฟกั เปน็ ตัว โดยใชเ้ วลาประมาณ 21-26 ชั่วโมง ท่ีอุณหภมู ขิ องนา้ 28-30 องศาเซลเซียส ลกู ปลาดกุ ท่ฟี กั ออกเป็นตวั จะหลดุ ลอดตาของมงุ้ เขยี วลงสพู่ ้ืนกน้ บอ่ ด้านลา่ ง หลังจากลูกปลาหลุดลอดลงส่พู ืน้ ก้นบ่อหมดแลว้ จงึ ยา้ ย ผา้ มงุ้ เขียวที่ใชฟ้ กั ไขอ่ อกจากบ่อฟกั จะใชเ้ วลา 6-8 ชั่วโมง ลกู ปลาจะคอ่ ย ๆ พัฒนาเจริญขึน้ เปน็ ลาดบั จนมี อายปุ ระมาณ 48 ชวั่ โมง จงึ เริ่มกนิ อาหาร บ่อเพาะฟกั ลูกปลาดุกควรมหี ลังคาปกคลมุ ป้องกนั แสงแดดและ นา้ ฝนไดแ้ มป่ ลาขน าดประมาณ 1 กโิ ลกรัม จะไดล้ กู ปลาประมาณ 5,000 -20,000 ตัว ท้ังนข้ี ึ้นอยูก่ ับ ฤดกู าลและขนาดแม่ปลา การอนบุ าลลูกปลา ลูกปลาดุกทีฟ่ ักออกเปน็ ตัวใหม่ ๆ จะใชอ้ าหารในถงุ ไข่แดงที่ติดมากบั ตัวเม่ือถงุ ไขแ่ ดงทต่ี ดิ มากับลูกปลายบุ ให้ไขไ่ ก่ต้มสกุ เอาเฉพาะไข่แดงบดผา่ นผา้ ขาวบางละเอียดให้ลูกปลากิน 1-2 ครั้ง หลงั จาก นั้นจึงใหล้ กู ไรแดงเป็นอาหาร 1.การอนบุ าลลูกปลาดกุ ในบอ่ ซเี มนต์ สามารถดแู ลรกั ษาไดง้ า่ ยขนาดของบอ่ ซีเมนตค์ วรมี ขนาดประมาณ 2-5 ตารางเมตร ระดับความลึกของนา้ ทใี ชอ้ นบุ าลลึกประมาณ 15-30 เซนติเมตร การ อนบุ าลลกู ปลาดุกท่ี มีขนาดเลก็ (อายุ 3 วัน) ระยะแรกควรใสน่ ้าในบอ่ อนบุ าลลกึ ประมาณ 10 -15 เซนตเิ มตร เมือ่ ลูกปลามขี นาดใหญ่ขึ้นจงึ คอ่ ย ๆ เพมิ่ ระดบั นา้ ให้สงู ขน้ึ การอนบุ าลให้ลูกปลาดุกมขี นาด 2-3 เซนติเมตรจะใช้เวลาประมาณ 10-14 วัน น้าทีใ่ ชใ้ น การ อนบุ าลจะต้องเปล่ยี นถ่ายทุกวนั เพือ่ เร่งให้ลูกปลาดกุ กนิ อาหารและมกี ารเจรญิ เติบโตดี อกี ทัง้ เป็นการป้องกนั การ เนา่ เสยี ของนา้ ดว้ ย การอนบุ าลลูกปลาดกุ จะปลอ่ ยใน อตั รา 3,000-5,000 ตวั /ตรม. อาหารท่ีใช้คอื ไรแดงเปน็ หลกั ในบางครั้งอาจให้อาหารเสริมบา้ ง เ ช่น ไข่ตุ๋น บดละเอียด เต้าหูอ้ อ่ นบดละเอียด หรอื อาจใหอ้ าหารเร่ง การเจริญเติบโต ซึ่งหากใหอ้ าหารเสริมจะต้องระวังเก่ยี วกับการย่อยของลุกปลาและการเน่าเสียของน้าใน บอ่ อนุบาลให้ดดี ้วย 2.การอนบุ าลลกู ปลาดุกในบอ่ ดิน บอ่ ดนิ ทใ่ี ช้ อนุบาลลุกปลาดุกควรมขี นาด 200 - 800 ตรม. บ่อดิน ทจี่ ะใช้อนุบาลจะต้องมกี ารกาจดั ศัตรูของลูกปลากอ่ น และพ้ืนก้นบ่อควรเรยี บ สะอาดปราศจากพชื พรรณไม้ น้าตา่ ง ๆ ควรมรี อ่ งขนาดกว้างประมาณ 0.5 -1 เมตร

ยาวจากหวั บ่อจรดท้ายบ่อ และลึกจากระดบั พืน้ ก้น บ่อประมาณ 20 เซนตเิ มตร เพ่อื ความสะดวกในการ รวบรวมลูกปลา และ ตรงปลายร่องควรมแี อ่งลึก มี พ้ืนทป่ี ระมาณ 2-4 ตรม. เพ่ือเปน็ แหลง่ รวบรวมลูก ปลา การอนบุ าลลูกปลาดกุ ในบอ่ จะต้องเตรยี ม อาหารสาหรบั ลกู ปลา โดยการเพาะไรแดงไว้ ลว่ งหน้าเพ่อื เป็นอาหารใหแ้ กล่ กู ปลาก่อนท่ีจะปลอ่ ย ลูกปลาดุก ลงอนบุ าลในบอ่ การอนบุ าลในบอ่ ดิน จะปลอ่ ย ในอตั รา 300-500 ตัว/ตรม.การอนบุ าลลกู ปลาให้เติบโตไดข้ นาด 3-4 เซนติเมตร ใช้เวลาประมาณ 14 วัน แตก่ ารอนุบาลลูกปลาดุกในบ่อดินนั้น สามารถควบคุมอัตราการเจรญิ เตบิ โตและอัตรารอดไดย้ ากกว่าการอนุบาลในบอ่ ซีเมนต์ ปัญหาในการอนุบาลลูกปลา น้าเสียเกิดขน้ึ จากการให้อาหารลูกปลามากเกนิ ไป หากลกู ปลาป่วย ให้ลดปรมิ าณอาหารลง 30-50 % ดูดตะกอนถา่ ยนา้ แลว้ คอ่ ย ๆ เตมิ น้าใหมห่ ลังจากนน้ั ใชย้ าปฏชิ วี นะออก ซเี ตตตรา้ ซัยคลิน แช่ลกู ปลาในอัตรา 10-20 กรัมต่อนา 1 ลกู บาศกเ์ มตร หรือไนไตรฟุราโชน 5-10 กรัม ต่อนา้ 1 ลูกบาศกเ์ มตร วนั ตอ่ ๆมาใชย้ า 3/4 เท่า ปลาจะลด จานวนการตายภายใน 2- 3 วัน ถา้ ปลาตายเพม่ิ ขึน้ ควร กาจดั ลกู ปลาทิง้ ไป เพื่อป้องกินการตดิ เช้ือไปยงั บ่ออ่นื ๆ การเลีย้ งปลาใหญ่ 1.อัตราปล่อยปลาดกุ ลูกผสม ( บิ๊กอุย ) ลูกปลาขนาด 2-3 ซม. ควรปลอ่ ยในอัตราประมาณ 40 - 100 ตัว / ตรม. ซ่งึ ข้นึ อยูก่ บั กรรมวิธีในการเลย้ี ง คอื ชนดิ ของอาหาร ขนาดของบอ่ และระบบการเปลี่ ยนถา่ ยน้าซึ่งปกตทิ ั่วๆไป อัตราปลอ่ ยเลี้ยงประมาณ 50 ตวั /ตรม. และเพอื่ ปอ้ งกันโรคซึ่ งอาจจะติดมากับลูกปลา ใชน้ ้ายาฟอรม์ าลนิ ใสใ่ นบอ่ เลี้ยง อัตราความ เขม้ ขน้ ประมาณ 30 สว่ นในล้าน (3 ลติ ร/น้า 1000 ตนั ) ในวันท่ปี ล่อยลกู ปลาไมจ่ าเปน็ ต้องใหอ้ าหารควรเริม่ ใหอ้ าหารในวนั รงุ่ ข้ึน 2.การใหอ้ าหาร เม่ือปลอ่ ยลกู ปลาดุกผสมลงในบอ่ ดินแลว้ อาหารทใ่ี ห้ในชว่ งที่ลูกปลาดกุ มี ขนาดเล็ก (2 – 3 ซม.)ควรให้อาหารผสมคลกุ นา้ ป้นั เป็น กอ้ นใหล้ ูกปลากิน โดยใหก้ ินวนั ละ 2 คร้ัง หวา่ นใหก้ ิน ทั่วบอ่ โดยเฉพาะในบรเิ วณขอบบ่อ เม่ือลกู ปลามีขนาด โตข้นึ ความยาวประมาณ 5-7 ซม.สามารถฝกึ ใหก้ นิ อาหารเมด็ ได้ หลังจากนัน้ เมือ่ ปลาโตขึน้ จนมีความยาว 15 ซม.ขึ้นไป จะให้อาหารเมด็ เพียงอยา่ งเดียวหรือ

อาหารเสรมิ ชนิดต่าง ๆ ได้ เชน่ ปลาเปด็ ผสมราละเอยี ด อตั รา 9 : 1 หรอื ใหอ้ าหารท่ลี ดต้นทนุ เช่น อาหารผสมบดจากส่วนผสมตา่ งๆเช่น กระดูกไก่ ไสไ้ ก่ เศษขนมปัง เศษเสน้ หมี่ เศษเลือดหมู เลอื ดไก่ เศษ เกยี้ ว หรือเศษอาหารว่างๆเทา่ ทส่ี ามารถหาไดน้ ามาบด รวมกนิ แล้วผสมใหป้ ลากนิ แต่การใหอ้ าหารประเภทน้ี จะต้องระวัง เรอื่ งคุณภาพของน้าในบ่อเลี้ยงใหด้ ี เมอื่ เล้ยี งปลาได้ประมาณ 3-4 เดือนปลาจะมีขนาด ประมาณ 200-400 กรัม/ตัว ซง่ึ ผลผลติ ที่ไดจ้ ะประมาณ 10 - 14 ตนั /ไร่ อตั รารอดตายประมาณ 40- 70 % 3. การถ่ายเท เมือ่ เร่มิ เล้ยี งใหมๆ่ ระดบั ความลึกของน้าในบอ่ ควรมีคา่ ประมาณ 30 - 40 ซม. เมื่อ ลูกปลาเจรญิ เติบโตขึ้นในเดือนแรกจึงเพิม่ ระดับนา้ สงู เปน็ ประมาณ 50 - 60 ซม. หลังจากย่างเข้าเดือนที่ สองควรเพมิ่ ระดบั นา้ ใหส้ ูงขนึ้ 10 ซม./อาทติ ย์ จนระดบั นา้ ในบ่อมีความลกึ 1.20 - 1.50 เมตร การถ่ายเท น้าควรเริ่มตั้งแตก่ ารเล้ยี งผ่านไปประมาณ 1 เดอื น โดยถ่ายนา้ ประมาณ 20 % ของนา้ ในบอ่ 3 วัน/คร้งั หรอื ถา้ นา้ ในบอ่ เริม่ เสียจะต้องถ่ายน้ามากกวา่ ปกติ 4.การปอ้ งกันโรค การเกดิ โรคของปลาดกุ ท่เี ล้ยี งมกั จะเกดิ จากปญั หาคณุ ภาพของนา้ ในบอ่ เลี้ยง ไม่ดี ซ่ึงอาจเกิดจากสาเหตุของการให้อาหารมากเกนิ ไปจนอาหารเหลอื เน่าเสยี เราสามารถป้องกนั ไมใ่ หเ้ กดิ โรคไดโ้ ดยต้องหมน่ั สงั เกตวา่ เมื่อปลาหยุดกินอาหารจะต้องหยุดใหอ้ าหารทันที เพราะปลาดุกลูกผสมมีนิ สัย ชอบกนิ อาหารทใ่ี หใ้ หม่ โดยถึงแมจ้ ะกนิ อม่ิ แลว้ ถ้าให้อาหารใหม่อีกก็จะคายหรอื สารอกอาหารเกา่ ทิ้งแล้ว กนิ อาหารให้ใหม่อีก ซงึ่ ปรมิ าณอาหาร ท่ใี หไ้ ม่ควรเกนิ 4 - 5 % ของน้าหนักตัวปลา วธิ ีการป้องกันการเกดิ โรคในปลาดุก 1. ควรเตรียมบ่อและน้าตามวธิ กี ารทีเ่ หมาะสมกอ่ นปล่อยลูกปลา 2. ชื้อพนั ธ์ปุ ลาจากแหล่งที่เชื่อถือไดว้ ่าแขง็ แรงและปราศจากโรค 3. หมั่นตรวจดูอาการของปลาอยา่ งสม่าเสมอถ้าเหน็ อาการผิดปกตติ อ้ งรีบหาสาเหตแุ ละแกไ้ ข โดยเร็ว 4. หลังจากปล่อยปลาลงเลี้ยงแล้ว 3-4 วันควรสาดน้ายาฟอรม์ าลนิ 2-3 ลติ ร/ปริมาตร น้า 100 ตัน และหากปลาที่เลย้ี งเกดิ โรคพยาธภิ ายนอกให้แกไ้ ขโดยสาดนา้ ยาฟอรม์ าลินในอตั รา 4 - 5 ลิตร/ ปริมาตรนา้ 100 ตนั 5. เปลีย่ นถา่ ยนา้ จากระดบั ก้นบ่ออย่างสม่าเสมอ 6. อย่าใหอ้ าหารจนเหลือ

ในกรณที ่ีมกี ารป้องกันอย่างดแี ล้วแตป่ ลากย็ ังป่วยเปน็ โรค ซ่ึงมักจะแสดงอาการใหเ้ ห็น โดย แบง่ อาการของโรคเปน็ กล่มุ ใหญ่ ๆ ดังนี้ 1. การติดเชอื้ จากแบคทเี รีย จะมกี ารตกเลือด มีแผลตามลาตวั และครีบ ครีบกรอ่ น ตาขนุ่ หนวด หงิก กกหูบวม ทอ้ งบวมมีนา้ ในชอ่ งทอ้ งกินอาหารนอ้ ยลงหรือไมก่ ินอาหาร ลอยตัว 2. อาการจากปรสิตเขา้ เกาะตัวปลา จะมีเมอื กมาก มแี ผลตามลาตวั ตกเลื อด ครีบเป่ือย จุดสีขาว ตามลาตวั สตี ามลาตวั ซดี หรือเข้มผิดปกตเิ หงอื กซีด วา่ ยน้าทรุ นทรุ าย ควงสวา่ นหรอื ไมต่ รงทิศทาง 3. อาการจากอาหารมีคณุ ภาพไมเ่ หมาะสม คอื ขาดวิตามนิ บี กะโหลกร้าว บรเิ วณใตค้ างจะมีการ ตกเลอื ด ตัวคด กนิ อาหารนอ้ ยลง ถ้าขาดวติ ามนิ บี ปลาจะวา่ ยนา้ ตัวเกรงและชักกระตกุ 4. อาการจากคณุ ภาพน้าในบอ่ ไม่ดี ปลาจะวา่ ยนา้ ขึ้นลงเรว็ กว่าปกติลอยหวั ครีบกรอ่ นเปื่อย หนวด หงิก เหงอื กซดี และบวม ลาตัวซีด ไมก่ นิ อาหาร ทอ้ งบวม มแี ผลตามตัว อนง่ึ ในการรักษาโรคปลาควรจะได้พิจารณาใหร้ อบคอบกอ่ นการตดั สนิ ใจเลือกใชย้ าหรือสารเคมี สาเหตขุ องโรค ระยะรักษา ค่าใชจ้ ่ายในการรักษา ฯลฯ สารเคมีและยาปฏิชวี นะทนี่ ยิ มใช้ปอ้ งกันและรักษาโรคปลา ชนิดของ วตั ถปุ ระสงค์ ปริมาณท่ใี ช้ สารเคมี/ยา กาจดั แบคทีเรยี บางชนดิ เชือ้ ราและปรสิต 0.1-0.5% แชต่ ลอด 0.5-1.0 % แชภ่ ายใต้การดแู ลอย่าง เกลอื บางชนดิ ลดความเครียดของปลา ใกลช้ ดิ ปนู ขาว ฆ่าเชือ้ ก่อนปลอ่ ยปลาปรับ PH ของดิน 60-100 กโิ ลกรัม/ไร่ ละลายนา้ แล้วสาดใหท้ ั่วบอ่ คลอรนี และนา้ ดิพเทอร์เรก็ ซ์ ฆา่ เชอื้ อุปกรณ์ตา่ ง ๆ ท่ีใช้กบั บ่อเลี้ยง 10 พพี ีเอ็ม แช่ 30 นาที แลว้ ลา้ งดว้ ยนา้ สะอาดก่อนใช้ ฟอรม์ าลนิ ปลา ออกซดี เตตรา้ ซยั คลนิ กาจดั ปลงิ ใส เหบ็ ปลา หนอนสมอ 0.25-0.5 พพี เี อม็ แชต่ ลอด ยาทีใ่ ช้ควรเป็นผงละเอียดสขี าว คลอแรมฟนิ คิ อล ถ้ายาเปล่ียนเป็นของเหลวไม่ควรใช้ กาจัดปรสติ ภายนอกทั่วไป 25-50 พพี ีเอม็ แช่ตลอด ระหวา่ งการใชค้ วรระวังการขาด ออกซิเจนในนา้ กาจัดแบคทเี รีย ผสมกับอาหารในอตั รา 3-5 กรัม/อาหาร 1 กโิ ลกรมั ใหก้ ิน นาน 7-10 วันตดิ ต่อกนั แช่ในอตั รา 10-20 กรมั ตอ่ นา้ 1 ตนั นาน 5-7 วัน กาจดั แบคทเี รยี ผสมกบั อาหารอตั รา 1 กรมั อาหาร 1 กโิ ลกรมั หน่ึงสปั ดาห์ บางครัง้ ก็ใช้ไม่ไดผ้ ลเนอ่ื งจากเช้อื แบคทีเรยี ด้อื ยา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook