Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การขุดบ่อเลี้ยงปลา

การขุดบ่อเลี้ยงปลา

Published by Bangbo District Public Library, 2019-06-19 01:21:36

Description: การขุดบ่อเลี้ยงปลา

Search

Read the Text Version

การเล้ยี งปลาแบบเศรษฐกจิ พอเพยี ง ภาคกลาง กสกิ รรมธรรมชาติสมนุ ไพรไท วงั จนั ทร์ 99 หมู่ 1 ตาบลปา่ ยบุ ใน อาเภอวงั จนั ทร์ จงั หวัดระยอง การเล้ียงปลาแบบเศรษฐกิจพอเพียงนั้น ทาให้สามารถมีปลาไว้ปริโภคภายใน ครัวเรือนแลว้ ยังสามารถจาหน่ายเพื่อเปน็ รายได้เสรมิ ในครวั เรือนไดอ้ ีกด้วย วัสดุอุปกรณ์ 1) ผา้ พลาสติก 1 ผนื 2) ไม้ไผ่ตัดตามขนาดบ่อ 6 - 7 ทอ่ น 3) ผ้าตาขา่ ยกนั แดด 1 ผนื 4) พนั ธ์ปุ ลาท่จี ะนามาเล้ียง เช่น ปลาดกุ ปลานิล ขั้นตอนการทา 1) ขุดขนาด 2 x 4 เมตร ลกึ 1 เมตร 2) ใช้ผ้าพลาสตกิ ปบู อ่ ใหเ้ ต็ม เพือ่ ป้องกนั น้าซึมออก 3) นาไม้ไผท่ ีเ่ ตรียมไว้ทาขอบบอ่ และเสาเพือ่ ทาที่กันแดด 4) เตมิ นา้ ลงไปให้เตมิ บอ่ 5) เตรียมอาหารโดยวิธีการปรุงน้า โดยใช้น้าหมักชีวภาพ เพ่ือเป็นการสร้างแหล่ง อาหารใหล้ กู ปลาวยั อ่อนทีน่ ามาปล่อย 6) ปลอ่ ยปลา บ่อละ 300 - 400 ตวั ประโยชน์ 1) ใช้ต้นทนุ ตา่ ประหยดั พนื้ ทใ่ี นการเล้ียง 2) สามารถสง่ ขายเป็นรายไดเ้ สรมิ และสามารถนามาประกอบอาหารในครัวเรอื นได้

ศูนย์เรยี นรปู้ ราชญช์ าวบา้ นอาเภอเขาสมิง 230/1 หมู่ 6 ตาบลเขาสมิง จังหวัดตราด 23130 การเลยี้ งปลาดุกบ๊ิกอยุ ในบอ่ ปูผ้าพลาสตกิ ปลาดกุ บิก๊ อุยหรือชาวบ้านเรียกว่า ประดุกอุยเทศเป็นการผสมข้ามพันธุ์ระหว่างปลา ดุกอุย เพศเมียกบั ปลาดกุ เทศเพศผู้ และเป็นท่ีนิยมเลี้ยง เน่ืองจากเลี้ยงง่าย มีอัตราเจริญเติบโตดี ทนทานต่อโรค และสภาพแวดล้อมดี มีการบริโภคกนั อย่างแพรห่ ลายเพราะรสชาติดี ราคาถกู 1) การเล้ียงแบ่งออกเปน็ 3 ประเภท 1.1) การเลย้ี งในบอ่ ดิน 1.2) การเล้ียงในบ่อซเี มนต์ (แบบครัวเรือน) 1.3) การเล้ียงในบอ่ ปูผา้ พลาสตกิ (แบบครวั เรอื น) 2) ข้ันตอนการเลี้ยงในบอ่ ปผู า้ พลาสตกิ 1) การเตรยี มบ่อเลย้ี ง - เตรียมพื้นที่เพ่ือดาเนินการเล้ียงโดยการขุดบ่อดินหรือยกพื้นด้วย กระสอบทรายหรอื กระสอบปุ๋ย ความกวา้ งยาวตามทกี่ าหนด แล้วปูด้วยผ้าพลาสติกหากฉีกขาดหรือ มีรอยรั่ว ควรตรวจสอบให้เรียบร้อย ผ้าพลาสติกควรแช่น้าอย่างน้อย 2 - 3 วัน และล้างทาความ สะอาดด้วยฟองนา้ หรอื วสั ดุ ที่ไม่ทาให้ผา้ พลาสติกชารุดเสยี หายและเป็นพษิ ตอ่ สัตวน์ ้า - บริเวณบอ่ ควรอยู่ในพ้ืนที่ที่ดูแลได้ง่าย เช่น ในบริเวณบ้านเรือน หรือ ทม่ี ีรม่ เงา และเป็นบริเวณที่สามารถปฏิบัติงานได้ง่าย เช่น การถ่ายน้า เพ่ิมน้า หรือทาความสะอาด และไม่มศี ตั รูรบกวน 2) นา้ ท่ีใชใ้ นการเลี้ยง ประเภทของน้า - นา้ ประปา ควรมีการพกั อย่างน้อย 1 - 2 วัน เพื่อลดสารเคมี เช่นคลอรีน - น้าบาดาล ควรมีการพักเช่นเดียวกัน แบบน้าประปา - น้าตามแหล่งน้าธรรมชาติ ควรตรวจสอบคุณภาพน้า เช่น ไม่อยู่ในแหล่งท่ีใช้ สารเคมีหรือบรเิ วณท่ีมีน้าเสยี และไม่มีศัตรทู จี่ ะทาความเสยี หายต่อสัตว์น้า 3) การเตรียมสภาพบอ่ - ควรสร้างห่วงโซ่อาหารเพิ่มเติมโดยใช้วัสดุธรรมชาติ เช่น ฟาง ปุ๋ยหมัก หรือ หญา้ แห้งมดั เป็นก้อน และแชน่ ้าไวป้ ระมาณ 2 – 3 วัน กอ่ นปลอ่ ยปลาเพื่อสรา้ งไรธรรมชาติ - ตรวจสอบไม่ใหม้ ศี ัตรภู ายในบ่อ และสภาพความเหมาะสมของน้า

4) การปลอ่ ยปลา - ควรตรวจดูสภาพของปลาให้อยู่ในลักษณะที่แข็งแรง เช่น ลักษณะสี ขนาดตัว เท่า ๆ กนั ไมแ่ ตกตา่ งกนั มาก และไมม่ ีแผลภายนอก - ก่อนปลอ่ ยควรมกี ารปรบั สภาพอุณหภูมิในถุงและบอ่ ใหเ้ ท่ากันไม่ควรเกนิ 1 - 2 องศา และแชถ่ งุ ปลาไวป้ ระมาณ 15 - 20 นาที แล้วค่อย ๆ ปลอ่ ยปลา - เวลาปล่อยควรปล่อยในเวลา เช้าหรือเย็น หรือในสภาพภูมิอากาศที่ไม่ร้อน จัด การปล่อยในวนั แรกไม่ควรใหอ้ าหาร ควรให้ในวนั รงุ่ ขึ้น อัตราการปลอ่ ยที่เหมาะสม - ควรปล่อยในอัตรา 40 - 100 ตัวต่อตารางเมตร หรือตามพื้นท่ีของปริมาตรน้า เพือ่ ง่ายตอ่ การดูแลและไม่หนาแนน่ เกินไป เพราะอาจทาใหเ้ กิดโรคได้งา่ ยและโตชา้ 5) การป้องกันโรคและลดความเครยี ดของปลาก่อนปลอ่ ย - ใช้เกลอื แกงประมาณ 300 - 500 กรมั /บ่อ - ใชฟ้ อรม์ มาลีนประมาณ 20 - 50 ซซี /ี บ่อ - ใช้วติ ามินผสมอาหารประมาณ 5 กรมั /กก. (วติ ามินซี) 6) การถา่ ยน้าและดแู ล ระยะเรม่ิ ตน้ ในการเลี้ยง ระดับความลึกของน้าในบ่อประมาณ 30 ซม. เมื่อเลี้ยง ปลาโตข้ึนควรเพ่ิมน้าอาทิตย์ละ 1 คร้ัง ๆ ละประมาณ 10 ซม. จนในเดือนที่ 2-3 ควรมีการถ่ายน้า ออกบางส่วน 20-30 เปอร์เซ็นต์ หรือถ่ายน้าออกประมาณ อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง และดูดหรือตักเศษ อาหารและสิ่งปฏิกูลออกทุกครั้ง และควรใส่เกลือทุกคร้ังที่ถ่ายน้า แต่ในการเล้ียงแบบน้าอาจมีการ ระเหยของน้า ควรมีการเติมนา้ หรือคอ่ ย ๆ เติมตามความจาเป็น 7) การให้อาหาร เมื่อปล่อยปลาควรให้อาหารวันละ 2 ครั้ง เช้า - เย็น ควรให้ทั่ว ๆ บ่อและใช้ ระยะเวลาการให้ 10 - 15 นาที ประมาณ 1 - 2 อาทิตย์ ก็สามารถฝึกการกินอาหารของปลาได้ ควรตรวจการกินอาหารให้แนน่ อนทุกครง้ั และเอาอาหารเกา่ ออกทุกครง้ั ที่ให้อาหารใหม่ อาจมีการ ลดต้นทุนอาหารด้วยการให้อาหารธรรมชาติที่มีอยู่ในท้องถิ่น ได้เช่น ปลวก แมลงต่าง ๆ มะละกอ กลว้ ย ฝักทอง ฯลฯ 8) การเกิดโรคในขณะการเลยี้ ง มักเกิดจากปัญหาคุณภาพน้าในบ่อเลี้ยงไม่ดี เนื่องจากการให้อาหารมากเกินไป อาหารเหลอื เนา่ เสียทาให้คณุ ภาพน้าไม่ดี เราสามารถปอ้ งกนั ไดโ้ ดย

- เมือ่ ปลาไม่กินอาหารจะต้องหยดุ ให้อาหารทนั ที เพราะปลาดุกชอบกินอาหารใหม่ - ควรใหอ้ าหารเป็นเวลา และไม่มากจนเกินไป - อาหารตอ้ งอยู่ในสภาพที่ดไี ม่เปน็ อาหารคา้ งเกา่ และหมดอายุ 9) วิธปี อ้ งกันโรคในขณะทเี่ ลยี้ ง - เตรียมบอ่ และน้าตามวธิ กี ารทเ่ี หมาะสม กอ่ นปล่อยปลาลงเลย้ี ง - หมั่นตรวจอาการของปลาและดูคุณภาพนา้ กาจดั สิ่งปฏิกูลออกเป็นประจา - ใช้เกลอื หรือปูนขาว ปรบั สภาพทกุ คร้งั ท่ีถ่ายนา้

ศนู ย์เรยี นรู้เศรษฐกิจพอเพียงเพอื่ นพ่ึง (ภาฯ) ยามยาก ตงั้ อยบู่ ้านเลขที่ 55/2 หมู่ที่ 2 ตาบล บ้านแห อาเภอเมอื ง จังหวัดอ่างทอง การเล้ียงปลาดุกในบอ่ พลาสติก 1. การปูพลาสติก * พลาสตกิ สขี าว (บาง) * พลาสติกสีดา (หนา) * ดินรองกน้ หลมุ 2. การใสน่ ้า * นา้ ประปา (ไมม่ ีคลอรนี ) * นา้ คลอง * น้าบอ่ บาดาล * ใสน่ ้าให้เตม็ บ่อเพือ่ รกั ษาคณุ ภาพพลาสติก * หาผักตบชวามาปลกู ในบ่อ เป็นทพ่ี กั ปลา 3. การบาบัดนา้ เสีย * ใสน่ ้าพอ่ คร่งึ ขวดนา้ พรอ้ มกากน้าตาล 5 ชอ้ นโตะ๊ * เติมนา้ หมักชวี ภาพก่อนปลอ่ ยปลาประมาร 5 วัน * ควรเติมนา้ หมกั ชวี ภาพทุกอาทติ ย์ * ถา่ ยน้าต่อเมอ่ื คนขา้ งบา้ นบ่น 4. การใหอ้ าหารปลา * ปลากนิ อาหารดใี นเวลากลางคืน * กนิ อาหารวนั ละ 1 คร้งั ตะวนั ตกดิน * ใหอ้ าหารให้พอเพียง แต่ไม่เหลือ * ทาอาหารให้กนิ เอง 5. การบรโิ ภคปลาดุกใหอ้ รอ่ ย * วงบอ่ ใส่น้าสะอาดไว้ * หยุดใหอ้ าหาร 2 – 3 วัน * กนิ ไมห่ มด ใสบ่ ่อเลย้ี งตามเดิม

ศูนยเ์ ครอื ข่ายปราชญช์ าวบ้าน กลมุ่ ธรรมชาตเิ พาะพันธส์ุ ตั ว์นา้ จังหวดั สมุทรสาคร อยู่เลขท่ี 34/1 หมู่ 3 ตาบลคลองตัน อาเภอบา้ นแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร การเลี้ยงปลาหมอไทย วัสดุอุปกรณ์ 1) พน้ื ท่ีเล้ยี ง ตงั้ แต่ 1 งานข้นึ ไป 2) บอ่ ซีเมนต์ 3) อาหารปลาเลก็ กลาง ใหญ่ 4) น้าจุลลนิ ทรีย์ชีวภาพ 5) ลูกปลาหมอ วธิ ที า/ข้นั ตอน (1) การเตรยี มบ่อเพ่อื การเลี้ยง 1) บ่อขุดใหม่ ให้ตากบ่อให้แห้ง ประมาณ 1 สัปดาห์ จากน้ันก็เอาน้าเข้า ความ ลึกของน้าเริ่มต้นท่ี 1 เมตร ประมาณ 1 วัน ก็ปล่อยปลา เมื่อปล่อยปลาแล้วก็ค่อยๆเติมน้า ให้มี ความลกึ ประมาณ 2 เมตร จนตลอดอายกุ ารเล้ยี ง สาหรับผูท้ ีย่ ังไมเ่ คยเล้ียงมาก่อน ขอแนะนาให้ใช้ พนื้ ท่ใี นการเลย้ี งประมาณ 1 งาน หรอื 1 ไร่ เพื่อง่ายต่อการดูแล 2 บ่อ ท่ีมีอยู่แล้ว ให้เอาน้าออกให้ หมด และตากบ่อให้แห้ง เพื่อกาจัดศัตรูของลูกปลาหมอ คือ ปลาช่อน ตากบ่อให้แห้งประมาณ 1 สัปดาห์ จากนนั้ กเ็ อานา้ เข้า และกป็ ล่อยปลา ความลึกของนา้ เทา่ กัน 2) บอ่ ซีเมนต์ เติมน้าตามปกติ จากนัน้ ก็ปลอ่ ยปลา หลงั จากที่ปล่อยปลาแล้ว ไม่ ตอ้ งเตมิ สารอะไรเลย เชน่ น้ายาปรบั สภาพน้า หรอื อ่ืนๆ (2) อตั ราการปลอ่ ยลกู ปลาหมอไทย 1) พนื้ ท่ีขนาด 1 งาน สามารถปลอ่ ยได้ 5,000 ตัว 2) พ้ืนทีข่ นาด 1 ไร่ สามารถปลอ่ ยได้ 20,000 ตวั 3) บอ่ ซีเมนต์ สามารถปล่อยไดต้ ารางเมตรละ 15 ตัว (3) อตั ราการให้อาหาร 1) เมือ่ ปล่อยปลาลงในนา้ แล้ว ก็ให้กินอาหารไฮเกรดเม็ดเล็ก ไประยะหนึ่ง หรือ ประมาณ 1 เดือน ในปริมาณม้ือละ 1 กิโลกรัม ต่อปลา 5,000 ตัว เล้ียง 3 มื้อ และก็ค่อยๆเพ่ิม ปริมาณในแตล่ ะมอ้ื ให้มากขึ้น ตามความเหมาะสม

2) จากนั้นในช่วงเดือนท่ี 2 ก็เริ่มให้กินอาหารปลาดุกเล็กขนาดพิเศษ หรือ จะดู จากขนาดของปลาวา่ ปลามีขนาดทจี่ ะกนิ อาหารเมด็ ขนาดนี้ไดห้ รอื ยงั 3) จากนั้นกค็ ่อยๆเปล่ียนขนาดของอาหาร ตามความเหมาะสมของขนาดปลา ใช้ อาหารปลาดุกเล้ียงไปประมาณ 2 - 3 เดือน จากน้ันเมื่อเข้าเดือนท่ี 4 - 5 ก็เอาอาหารสด เช่น ไส้ ปลา ไส้ไก่ ปลาเป็ด หวั ไก่ มาบดและผสมกับรา ให้ปลากนิ แทนอาหารสาเร็จรปู เพ่ือลดต้นทุน 4) จากที่เคยเลี้ยงอาหาร 3 ม้ือ ก็ให้ลดลงเหลือ 2 มื้อ เช่น มื้อเช้า อาจจะเป็น อาหารสาเร็จรูป ม้ือเย็นก็อาจจะเป็นอาหารสด ให้เล้ียงในลักษณะนี้ไปประมาณ 5 - 6 เดือน ปลา หมอ ก็จะมขี นาด 5 - 7 ตวั ต่อ 1 กโิ ลกรัม (4) ลกั ษณะการเล้ยี ง ลักษณะการเลี้ยง เหมือนกับการเลี้ยงปลาดุก เล้ียงให้น้ามีสีเขียวข้น แต่ไม่ใช่เน่า เพือ่ ใหป้ ลามีการเจรญิ เตบิ โตดีข้ึน ถา้ น้าขน้ มากก็ใหเ้ ตมิ น้าใหล้ ้นออก (5) ราคาของปลาโดยประมาณ 1) ห้องเย็น จะรับซื้อขนาดปลาที่ 8, 7, 6, 4, 3 ตัว ต่อ 1 กิโลกรัม ในราคาท่ี ตา่ งกนั เริม่ ต้นท่ี 40 บาท สาหรบั ขนาดเลก็ สดุ (7, 8, 9 ตัว ต่อ 1 กิโลกรัม) ราคาแพงสุดท่ี 90 บาท ในขนาดใหญท่ ส่ี ดุ (4, 3, 2 ตัว ตอ่ 1 กิโลกรัม) ราคาปลาท้ังนต้ี ้องขน้ึ อยู่กบั แหลง่ รบั ซอื้ ที่ต่างกนั 2) สะพานปลา จะรับซื้อปลาทุกขนาด ราคาก็จะต่างกัน ตามขนาดของปลา ราคากจ็ ะถูกกว่าห้องเยน็ ไมก่ ี่บาท แตเ่ ขาจะรับซอ้ื หมด ปลาที่ส่งสะพานปลาจะต้องส่งเป็นปลาเป็นๆ และจะตอ้ งเข้าแพปลาในชว่ งเช้า ๆ เพ่อื จะไดร้ าคาทีด่ ี (6) วิธกี ารจบั ปลาหมอไทย 1) ตีอวนลากปลาหมอให้ปลาในบ่อ เหลือบางที่สุดจากน้ันก็วิดน้าแห้ง และจับ ก้นบ่อ 2) ปลาท่ีเอาขนึ้ มาแล้ว ควรจะคัดขนาด แยกขงั ไว้ เพอื่ งา่ ยตอ่ การจาหนา่ ย (7) ต้นทนุ การเล้ยี งโดยเฉล่ีย ต้นทุนอาหารโดยเฉล่ีย ประมาณ 2 - 3 บาท ต่อ 1 ตัว ปลา 10,000 ตัว กิน อาหารประมาณ 20,000 - 30,000 บาท

(8) ราคาลกู ปลาหมอท่ีจาหน่าย - 25 สตางค์ ขนาดเท่าเมลด็ ฟกั ทอง - 35 สตางค์ ขนาด 2 เซนติเมตร - 45 สตางค์ ขนาด 1 นวิ้ (9) ขอ้ แนะนาสาหรบั ผู้ท่ีต้องการจะเลยี้ งและกาลังเลีย้ ง 1) สารวจตลาดใกล้บ้านก่อน เพอ่ื ง่ายต่อการจาหนา่ ย 2) สารวจแหล่งอาหารที่สามารถลดต้นทุนการเล้ียง อาหารท่ีเลี้ยงจะต้องเป็น อาหารปลากนิ เน้ือเท่านัน้ 3) ผู้ที่เลี้ยงปลาในบ่อซีเมนต์ ต้องหม่ันเติมน้าให้ล้นออกทุกวัน อย่าปล่อยให้น้า เน่า 4) ระวังอย่าให้ศัตรูของปลาหมอเข้าไปในบ่อในช่วงที่มีขนาดเล็กอยู่ เช่น ปลา ช่อน ตัวเงินตัวทอง ประโยชน์ 1) สามารถนาความรู้ท่ีได้รับไปประกอบอาชีพการเลี้ยงปลาหมอไทยอย่างถูกต้อง เหมาะสม 2) เล้ียงไว้เป็นอาหารในครัวเรือนเหลือจากการรับประทานก็นามาจาหน่ายเป็น รายไดเ้ สรมิ ได้ 3) สามารถลดตน้ ทุนการผลิตโดยรู้วิธีการให้อาหารและการทาอาหารสดแทนอาหาร สาเรจ็ รปู ได้

ภาคเหนือ ศูนยเ์ รยี นรเู้ ศรษฐกิจพอเพียงบา้ นทาป่าเปา ต้ังอยเู่ ลขท่ี 48 หมทู่ ่ี 6 บา้ นทาปา่ เปา ตาบลทาปลาดุก อาเภอแมท่ า จังหวัดลาพนู การเลีย้ งปลาดุกในบอ่ พลาสติก ขนั้ ตอนการเลย้ี ง 1. การจัดเตรียมบ่อ ขุดบ่อขนาดกว้าง 2 เมตร ยาว 4 เมตร ลึก 0.90 เมตร ก้น 1 เมตร จัดทาขอบบ่อให้มีระดับเดยี วกนั ปผู ้าพลาสติกสดี ากนั น้าซึม 2. การปรับสภาพน้าในบ่อปลาเปิดน้าใส่บ่อจนเต็มจากนั้นใส่จุลินทรีย์ EM จานวน 1 ลิตร ผสมกากน้าตาล 1 กิโลกรัม สับต้นกล้วยลงในบ่อ ทิ้งไว้ 5 - 7 วัน เพ่ือเป็นการปรับ สภาพนา้ และลดการเน่าเสยี ของนา้ จากนนั้ ก็ปลอ่ ยปลาลงเล้ยี งได้ 3. พนั ธุ์ปลาดุกขนาดยาว 5 - 7 ซม. จานวน 600 - 800 ตัว เล้ียงประมาณ 2 - 3 เดือน ก็สามารถจับบริโภคได้ การทาอาหารปลาดกุ ส่วนผสม 1. ราละเอียด 1 กระสอบปุย๋ 2. กากมะพร้าว 0.50 กระสอบปยุ๋ 3. ปลาปน่ 4 กโิ ลกรมั 4. กากถั่วเหลือง 4 กโิ ลกรัม 5. จุลินทรีย์ EM 1 ลติ ร 6. กากน้าตาล 400 - 500 ซซี ี 7. น้ามันพืช 1 - 2 ลิตร วธิ ที า 1. นาสว่ นผสมข้อ 1, 2, 3,4 คลุกให้เขา้ กนั 2. นาส่วนผสม ข้อ 5, 6 ผสมน้า 10 ลิตร เพ่ือคลุกเคล้าส่วนผสม ข้อ 1 หมักไว้ 12 ช่วั โมง 3. นาส่วนผสมทห่ี มกั ไวใ้ นข้อ 1, 2 ผสมกบั ราละเอยี ด 1 กระสอบและน้ามันพืช 1 - 2 ลติ ร คลกุ เคลา้ ผงึ่ แดด 2 วนั เกบ็ ไวไ้ ด้ 2 เดือน

เกร็ดความรู้ 1. การซ้ือพันธุ์ปลาก่อนการเคลื่อนย้ายให้ปลาอดอาหาร 1 – 2 วัน เพ่ือป้องกันปลา ดิน้ และทาให้ปลาไสข้ าดเวลาเลี้ยงปลาจะไม่โต 2. การป้องกนั ปลาหนจี ากบอ่ เวลาฝนตก ใช้วิธีหากมีฝนตกให้หว่านอาหารให้ปลากิน สัก 2 - 3 คร้ัง เพอ่ื หลอกว่าเวลาฝนตกจะไดก้ ินอาหารแล้วปลาจะไม่หนี 3. ถ้าน้ามกี ลน่ิ นา EM 250 ซีซี + กากนา้ ตาล 2,500 ซีซี + น้า 20 ลิตร คนให้เข้า กนั ท้งิ ไว้ 10 นาที แลว้ เทลงในบอ่ 4.การจับปลาเพื่อบริโภคโดยใช้วิธีใช้สายยางฉีดน้าเหมือนกับฝนตกปลาจะเล่นน้า จากนั้นใช้สวงิ ตกั ปลาทเี่ ล่นน้าทนั ที ปลาจะไมร่ สู้ ึกถึงอันตรายและจะกนิ อาหารตอ่ และไมห่ นี ขอ้ ดีของการเล้ยี งปลาดุกในบอ่ พลาสตกิ ใช้พ้ืนที่เล้ียงน้อย สามารถเลี้ยงได้ทุกที่ ก่อสร้างบ่อเล้ียงได้ง่าย ระยะเวลาเล้ียงสั้น เลยี้ งงา่ ย อดทนต่อสภาพน้าไดด้ ี บรโิ ภคเองในครวั เรอื น และมีเหลอื จาหน่าย การเลือกสถานที่สรา้ งบ่อ สถานทีใ่ กลบ้ า้ น ในช่วงฝนแรกหรือแดดจดั อยู่ในท่ีรม่ หรือมหี ลงั คา มแี หล่งน้า การสรา้ งบอ่ ขุดลงในดิน

การให้อาหารปลา เริม่ แรกให้อาหารเม็ดเล็กและบบุ พอแตกสาหรับปลาเล็ก อาหารสดพวกเศษเนื้อสับให้ ปลากินได้ในเดือนที่ 2 ตัวปลวก แมลงเม่าและแมลงอื่นๆ โปรยให้ปลากิน ให้อาหารเป็นเวลา วัน ละ 2 มอื้ เชา้ - เย็น และให้อาหารแต่พออ่มิ (ปลา 10 กโิ ลกรัม/อาหาร 1 กิโลกรมั ) ตน้ ทุน 1. พลาสติกปูพื้นบ่อ (PVC # 3.5x 6 ม.) 2. คา่ อาหารเมด็ (เลี้ยงนาน 3 เดือน #30 กก. ) 3. ค่าพันธ์ปุ ลาดุก (ขนาด 1 นิ้ว 500 ตวั ) 4. รวมท้ังส้ิน ประมาณ 1,500 – 2,000 บาท การจบั ปลา - เลยี้ ง 3 – 4 เดอื น ได้ปลาขนาด 100-200 กรมั /ตัว - อัตรารอดประมาณ 80 – 90% - ไดผ้ ลผลติ ปลา ประมาณ 30 - 50 กโิ ลกรมั /บ่อ -คดิ เป็นมลู คา่ (กิโลกรัมละ 40 บาท)

ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื ศนู ย์เรียนรูเ้ ศรษฐกิจพอเพียงเพ่ือนาไปสู่การพ่ึงตนเองอย่างยงั่ ยนื ต้ังอยู่แปลงเกษตร นายเรม่ิ ชูรัตน์ เลขที่ 105 หมู่ที่ 17 บา้ นโนนยาง ตาบลกาแมด อาเภอกดุ ชุม จังหวัดยโสธร การทาบ่อเล้ยี งปลาขนาดเล็ก ในปัจจุบันอะไรก็ต้องซื้อ โดยเฉพาะอาหารท่ีจะมาบริโภคกันในครัวเรือนมักจะซ้ือกัน เกือบทุกม้ือ เราต้องหาหนทางที่จะลดรายจ่ายในครอบครัว เช่น การเลี้ยงปลา อาจเป็นอีกวิธีการ หนึ่งทีเ่ ราสามารถทาได้ แตม่ ีหลายคนที่เห็นว่าการเล้ียงปลาคงทาไม่ได้เพราะไม่มีที่ดินท่ีว่างพอท่ีจะ ทาสระได้ และถ้าไม่ทาสระน้าใหญ่ลึกจะไม่มีน้าที่เพียงพอตลอดฤดูแล้ง เหตุนี้เองการเล้ียงปลาจึง เป็นปัญหามาก สาหรับหลายคน แต่เรามีวิธีการท่ีจะเลี้ยงปลาได้โดยง่ายและยังประหยัดเนื้อท่ีใน การทาบ่อ โดยมวี ธิ ีดังน้ี 1. ขุดบอ่ กวา้ ง 2 เมตร ยาว 4 เมตร ลึก 1.5 เมตร 2. หาผา้ พลาสติกบาง หนา้ กว้าง 4 เมตร ยาว 6 เมตร มาปู 3. ปูผา้ พลาสตกิ ดา้ นบนใหด้ นิ กลบพลาสติกโดยรอบ 4. ด้านลา่ งใชด้ ินกลบประมาณ 30 ซม. ใชป้ ุ๋ยคอกลงเพ่อื ใหเ้ กดิ แพลงตอน 5. ใสน่ ้าให้เตมิ บอ่ ทง้ิ ไว้ 3 - 5 วัน 6. นาปลาลงเลี้ยงประมาณ 300 - 500 ตวั อาหารปลา ปลากินพืช เช่น ปลานิล ปลาตะเพยี น ปลาไน ปลูกพืชผักที่ปลาชอบกินไว้ตามบริเวณ ขอบบอ่ ปลากินเน้ือ ท่ีนิยมเล้ียงกัน คือ ปลาดุก อาหาร คือ พวกไส้เดือน ปลวก จะช่วยลดรายจ่ายมากไม่ ต้องซือ้ หวั อาหารท่ีมีราคาแพง ข้อสังเกต ปลากินเนื้อ จะทาให้น้าเสียเร็วกว่า ปลากินพืช ให้ใช้จุลินทรีย์ลงบาบัดบ่อ ใช้จะลินทรีย์ 2 ช้อน กากน้าตาล 2 ช้อน น้าสะอาด 1 ป๊ีบ ใส่ลงในบ่อประมาณ 5 วัน ต่อ 1 ครั้ง น้าจะไม่เสีย ปลาจะไมม่ ีกลน่ิ คาว เวลาจับปลาเพอ่ื มาบริโภค ต้องระวังไม่ควรลงไปจับปลาในบ่อเพราะอาจทาให้ พลาสตกิ ขาดได้ และจะทาใหป้ ลาตกใจทาให้ไมก่ นิ อาหาร

ศูนย์เรียนรู้เกษตรทฤษฎีใหม่มหาวชิ ชาลยั ภูมปิ ัญญาไทอสี านคืนถิน่ ต้ังอย่เู ลขที่ 142 หมู่ท่ี 10 บ้านกุดซวย ตาบลคาพระ อาเภอหัวตะพาน จังหวดั อานาจเจริญ การเลยี้ งปลาดุกบก๊ิ อุย ในปัจจุบัน ปลาดุกลูกผสมอุย-เทศ หรือบิ๊กอุยนั้น เป็นท่ีนิยมเล้ียงของเกษตรกร เนอ่ื งจาก เล้ยี งง่ายมีการเจรญิ เติบโตรวดเร็ว อีกทั้งทนทานต่อโรคและสภาพแวดลอ้ มไดด้ ี และเป็นท่ี นยิ มบรโิ ภค ของประชาชน เน่ืองจากมรี สชาตดิ ี ราคาถกู และเปน็ อาหารโปรตีนท่ียอ่ ยไดง้ ่าย ปัจจัยจาเป็นทีต่ ้องใช้ (1) การศึกษาความรเู้ รอื่ งของชนดิ ปลาทจ่ี ะเลีย้ ง (2) การเลอื กทาเลท่เี หมาะสมในการสร้างบอ่ เลย้ี งปลา (3) แหลง่ น้าท่จี ะใชใ้ นการเลี้ยงปลา (4) บอ่ ดิน หรือบ่อซเี มนต์ (5) แหล่งพนั ธุ์ปลา (6) แหล่งอาหาร (7) สภาพแวดล้อมอ่นื ๆ อาทิ เสน้ ทางคมนาคม ตลาด แรงงาน การเลี้ยงปลาดุกบ๊ิกอุยเพ่ือให้ได้ขนาดตามท่ีตลาดต้องการนั้น สามารถเล้ียงได้ท้ังใน บ่อดนิ และบ่อซเี มนต์ โดยมีข้นั ตอนการเลยี้ งดงั นี้ การปลอ่ ยลกู ปลา ลูกปลาขนาด 2-3 เซนติเมตร ควรปล่อย 40-100 ตัวต่อตารางเมตรขึ้นอยู่กับชนิด อาหาร ขนาดบอ่ และระบบการเปลี่ยนถ่ายน้า ปกติอัตราการปล่อยเลี้ยงประมาณ 50 ตัวต่อตาราง เมตร ใช้นา้ ยาฟอรม์ าลนิ ใสใ่ นบ่อเลย้ี งอัตราความเขม้ ข้น 30 สว่ นในล้าน (3 ลติ รต่อนา้ 100 ตัน) การให้อาหาร ในวนั ท่ปี ล่อยลกู ปลายงั ไม่ต้องให้อาหาร ควรเร่มิ ใหใ้ นวนั รงุ่ ขน้ึ โดยให้อาหารผสมคลุก น้าป้ันเป็นก้อนให้กินวันละ 2 ครั้ง หว่านให้กินท่ัวบ่อโดยเฉพาะบริเวณขอบบ่อ เม่ือโตข้ึนให้กิน อาหารเม็ดหรืออาหารเสรมิ ชนดิ ต่างๆ เช่น ไส้ไก่ เศษขนมปงั เศษเสน้ หมี่ เศษเลือดหมู เลอื ดไก่ และ เศษอาหารต่างๆ แต่ควรต้องระวังเรื่องคุณภาพน้าในบ่อเลี้ยงด้วย เม่ือเล้ียงปลาได้ประมาณ 3-4 เดือน จะได้น้าหนักตัวประมาณ 200-400 กรัม ผลผลิตท่ีได้ 10-14 ตัน/ไร่ อัตรารอดตาย 40-70 เปอรเ์ ซน็ ต์

การถ่ายเทน้า เม่อื เรม่ิ เล้ียง ควรใหน้ ้าในบอ่ มคี วามลกึ ประมาณ 30 - 40 เซนติเมตร และค่อยๆ เพ่ิม ระดับน้าขึ้นทุกๆ สัปดาห์ จนได้ระดับความลึกของน้า 1.20 - 1.50 เมตร การถ่ายเทน้า ควรเร่ิม ต้ังแต่การเล้ียงผ่านไปประมาณ 1 เดือน โดยถ่ายน้าประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ของน้าในบ่อ 3 วันต่อ ครงั้ ถา้ น้าในบ่อเริ่มเสียจะตอ้ งถ่ายนา้ มากกวา่ ปกติ การปอ้ งกนั โรค ซ่ึงมักเกิดจากปัญหาคุณภาพของน้าในบ่อเล้ียงไม่ดี เพราะให้อาหารมากเกินไป อาหารเหลือเน่าเสีย ป้องกันได้โดยหมั่นสังเกตว่าเม่ือปลาไม่กินอาหารแล้วจะต้องหยุดให้ทันที ปริมาณอาหารทใ่ี หไ้ มค่ วรเกนิ 4-5 เปอร์เซน็ ตข์ องน้าหนกั ตวั ปลา การเลี้ยงในบอ่ ซเี มนต์ ควรปรบั สภาพของน้าในบ่อท่เี ล้ียงใหม้ ีสภาพเปน็ กลาง หรอื เป็นด่างเล็กน้อย และต้อง แน่ใจวา่ บ่อซีเมนตต์ อ้ งหมดฤทธิ์ปนู การเลยี้ งในบอ่ ดนิ ต้องเตรียมบ่อ โดยเริ่มจากการตากบ่อ เพื่อให้พื้นบ่อแห้ง และปรับสภาพพ้ืนบ่อให้ สะอาด จากนนั้ ใส่ปนู ขาวเพอื่ ปรับสภาพดินแล้วจึงใส่ปุ๋ยคอกเพ่ือให้เกิดอาหารธรรมชาติ สาหรับลูก ปลา จากนั้นทาการระบายน้าโดยนาน้าเข้าบ่อ มีการกรองไม่ให้ศัตรูของลูกปลาติดเข้ามากับน้า เวลาที่เหมาะสมในการปลอ่ ยลกู ปลาควรเปน็ ตอนเยน็ หรือตอนเชา้ ตอ้ งปรับสภาพอณุ หภมู ขิ องนา้ ใน ถงุ และในบอ่ ใหใ้ กล้เคยี งกัน โดยแช่ถุงบรรจุลูกปลาในบอ่ เล้ยี งไวน้ านประมาณ 20 นาที จึงปลอ่ ยได้ ผลผลิต ผลผลิตเฉล่ยี ประมาณ 3,280 กิโลกรัมตอ่ ไร่ ตลาดและผลตอบแทน ตลาดรับซ้อื มอี ยทู่ ัว่ ทกุ ภาคของประเทศ ราคาทีเ่ กษตรกรขายได้จะอยู่ท่รี าคาประมาณ 20-21 บาทต่อกโิ ลกรัม โดยมีตน้ ทนุ การผลติ อยทู่ ่ีราคาประมาณ 16 บาทตอ่ กโิ ลกรัม

ศูนย์เรียนรู้ปราชญ์เกษตรอนิ ทรีย์ตาบลในเมือง ต้งั อย่เู ลขที่ 53 หมู่ที่ 1 ตาบลในเมือง อาเภอบ้านไผ่ จังหวดั ขอนแก่น การเลยี้ งปลาดุก ลกั ษณะเพศและการวางไข่ การแยกเพศ ถอื วา่ เปน็ เรอื่ งสาคญั การเพาะพันธ์ุ ลักษณะท่ีเหน็ ไดง้ ่ายและเด่นชัด คือ บรเิ วณใกล้ช่องทวารของปลาดุกตัวผู้ จะมีอวัยวะแสดงเพศซ่ึงมีลักษณะเรียวยาวยื่นออกมา ถ้าเป็น ตัวเมีย อวัยวะแสดงเพศจะมีลักษณะค่อนข้างกลม และเห็นได้ชัดว่าสั้นกว่า ขนาดของปลาดุกท่ีจะ แยกเพศได้ถนัดน้ัน ต้องเป็นปลาที่มีขนาดยาวเกินกว่า 15 เซนติเมตร ลักษณะท่ีสังเกตได้ง่ายอีก ประการหนึ่งคือ ในฤดูวางไข่ บริเวณส่วนท้องของปลาตัวเมียจะอูมเป่งกว่าปกติ ถ้าใช้มือบีบเบาๆ ตรงบรเิ วณท้องจะมีไข่ออกมา 15 เซนติเมตร ฤดทู ปี่ ลาดุกจะเริ่มวางไข่ อยู่ในระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงเดือนพฤศจิกายน ช่วงเวลาที่ปลาดุกวางไข่มักจะอยู่ ในระหวา่ งเดือนซ่ึงมฝี นตกชุก ฉะน้ันการเพาะพนั ธ์ปุ ลาดุก จงึ ควรกระทาในระยะเวลาดงั กล่าว อาหารและการใหอ้ าหาร อาหารลูกปลา ลูกปลาซึ่งมีถุงไข่แดงยุบหมดแล้ว ควรจะให้อาหารจาพวกไรน้าต่อไป ประมาณ 5-7 วนั ในเวลาเขา้ และเยน็ ตอ่ จากนัน้ ก็ให้อาหารจาพวกเนอ้ื สตั ว์ไดแ้ ก่ 1) อาหารจาพวกแมลง เชน่ ปลวก ลูกน้า ไรน้า ฯลฯ 2) เน้ือสัตว์ เช่น เศษเนอื้ วัว ควาย ปลา ไส้เป็ด ไสไ้ ก่ เลอื ด และเครื่องใน 3) เนอื้ กุ้ง หอย และปูตา่ ง ๆ 4) เนอ้ื สตั วจ์ าพวกกบ เขยี ด และอื่น ๆ อาหารจาพวกเนื้อสัตว์เหล่านี้จะต้องนามาสับ จนละเอียด แต่สาหรับเนื้อปลาน้ัน ควรใช้ต้มท้ังตัวให้สุก เสียก่อน แล้วจึงให้ลูกปลากินระวังอย่าให้ อาหารมากจนเกนิ ขนาดจะทาใหป้ ลาตายได้ เน่ืองจากอาหารย่อยไม่ทัน ท้ังอาหารท่ีเหลือก็จะทาให้ น้าเสียได้ง่าย นอกจากอาหารจาพวกเนื้อแล้ว อาหารจาพวกพืช เช่น กากถั่ว ราต้ม กากมัน ก็นิยม ให้เปน็ อาหารสมทบ การให้อาหารลูกปลา ควรให้วันละประมาณ 5% ของนา้ หนกั รวมของปลา

ที่เลี้ยงท้ังหมด แต่ควรสังเกตดูว่าอาหารที่ให้จะเหลือมากน้อยเพียงใด ถ้าเหลือมากควรลดปริมาณ อาหารลงบา้ ง การให้อาหารแตล่ ะครง้ั ควรใหใ้ นปริมาณที่ปลาจะกนิ ได้หมดในชว่ งเวลาที่ไม่มากนกั อาหารปลาใหญ่ ปลาดุกเป็นปลาทีก่ นิ อาหารได้ท้ังเนื้อและผกั ซ่งึ พอจะแบ่งไดด้ ังน้ี 1) อาหารจาพวกเนื้อ ได้แก่ เนื้อปลา เนื้อสัตว์ต่างๆ ที่เหมาะสมตามแต่จะหาได้ และ พวกแมลง เชน่ ปลวก หนอน ตวั ไหม และไส้เดอื น ฯลฯ 2) อาหารจาพวกพืชผัก ได้แก่ ราข้าว ปลายข้าว กากถ่ัว แป้งมัน และผักต่างๆ เพื่อ เป็นการเพิม่ อาหารหรอื อาจจะใหม้ ลู สัตว์ เชน่ มูลไก่ มูลหมู มลู แพะ ฯลฯ โดยท่ัวไปแล้ว ปลาดุกชอบกินอาหารประเภทเน้ือสัตว์มากกว่า อาหารประเภทพืช และประเภทแป้ง แต่การให้อาหารประเภทเนื้อสัตว์เพียงอย่างเดียว จะทาให้อาหารประเภทเน้ือใน อตั รา 30 - 50% ของอาหารประเภทพืช และแป้ง การเตรียมบอ่ บ่อใหม่ ปกติแล้วดินจะมีสภาพเป็นกรดอย่างอ่อนๆ หรืออาจจะมีสภาพเป็นกรดสูง ขึ้นอยู่กับลักษณะท้องที่ ฉะน้ันควรใช้ปูนขาวประมาณ 1 กิโลกรัม ต่อพื้นที่ 10 - 25 ตารางเมตร โดยสาดปูนขาวให้ท่ัวบ่อแล้วตากบ่อไว้ ประมาณ 7 - 10 วันก่อน จึงสูบน้าเข้าบ่อตามระดับที่ ตอ้ งการ แต่ควรมรี ะดับนา้ ลึกประมาณ 50 ซม. แล้วจงึ ปล่อยปลาลงเลีย้ ง บ่อเก่า เม่ือเลี้ยงปลาดุกผ่านไปรุ่นหน่ึงแล้ว ควรตากบ่อให้แห้งประมาณ 10-15 วัน พร้อมท้ังโรยปูนขาวให้ท่ัวบ่อในอัตราส่วนปูนขาวอยู่เดิม และเป็นการให้จุลินทรีย์เน่าสลายทาให้ อินทรยี ์สารทีต่ กคา้ งอยู่ในบอ่ หมดไปด้วย เม่ือเลี้ยงปลาดุกได้ประมาณ 3-4 รุ่น ควรลอกเลนและทา คันบ่อใหม่ เน่ืองจากบ่ออาจตื้นเขินและขอบคันอาจเป็นรู เป็นโพรงมาก ทาให้บ่ออาจเก็บกักน้าไม่ อยแู่ ละไม่สะดวกในการจับปลาอีกด้วย

ศูนย์เรียนรู้ปราญ์ชาวบ้านมะเมียง ต้งั อย่เู ลขที่ 3 หมู่ 4 บ้านมะเมียง ตาบลโชคนาสาม อาเภอปราสาท จังหวดั สุรินทร์ การเพาะเลยี้ งปลาหลด ปลาหลดเป็นปลาพื้นบ้านของไทยอาศัยอยู่ตามห้วยหนองคลองบึงตามธรรมชาติ เป็น ปลาทม่ี คี วามอดทนสูง ชอบอาศยั ตามพื้นทอ้ งน้า มีนสัยชอบหากินในเวลากลางคืน เป็นปลากินเน้ือ เช่น ไส้เดือน หนอน ตัวอ่อนของแมลง เป็นต้น ปัจจุบันปลาหลดถือว่าเป็นปลาท่ีหายากและเป็นท่ี นิยมในท้องตลาด ราคาขายปัจจุบันอยู่ที่ 150 บาท/กิโลกรัม ดังนั้นถ้าหากเกษตรกรสามารถ เพาะเล้ียงปลาหลดได้ ก็ช่วยให้สามารถมีรายได้และช่วยพัฒนาชุมชนท่ีอยู่อาศัยให้มีเศรษฐกิจท่ี เขม้ แขง็ สง่ ผลใหป้ ระเทศชาติมีการพัฒนาที่ดีตอ่ ไป การเพาะพันธุ์ปลาหลด นาปลาหลดพ่อแม่พันธุ์ท่ีสมบูรณ์จากธรรมชาติ มีข้อสังเกตดังนี้ คือ เพศเมีย มีลาตัว อ้วนป้อม และตัวโตกว่าเพศผู้ ลักษณะท่ีแตกต่างชัดเจนคือเพศเมียจะมีต่ิงเพศ เมื่อบีบท้องแรง ๆ จะมีติ่งเพศย่ือนออกมา เมอ่ื ถึงฤดูผสมพันธทุ์ ้องจะอทู เป่งและนิ่ม ช่องเพศและติ่งเพศจะขยายตัว ถ้า กดเบา ๆ จะมนี า้ เชอ้ื สขี าวไหลออกมา เสร็จแลว้ ก็ทาการฉีดฮอร์โมนกระตุน้ การวางไขด่ ังน้ี เพศเมีย ใช้ชุปรีแฟกค์ ความเข้มข้น 45 ไมโครกรัม/กิโลกรัม ร่วมกับ โมทีเล่ียม 10 มิลลิกรัม/ กิโลกรัม เพศผู้ ใช้ชุปรีแฟกค์ ความเข้มข้น 20 ไมโครกรัม/กิโลกรัม ร่วมกับ โมทีเลี่ยม 10 มิลลิกรัม/ กิโลกรมั เสรจ็ แลว้ นาพ่อแม่พันธปุ์ ล่อยรวมกันในถังเดยี วกัน โดยมีพู่ฟางวางไว้เพื่อให้ไข่ติด และแยก พ่อแม่พันธ์ุในตอนเชา้ ลกู ปลาจะฟกั เป็นตัวภายใน 40 - 48 ช่วั โมง การอนบุ าลลูกปลาหลด จะใชเ้ วลา 14 วนั โดยจะให้ไรแดง หนอนแดง หรอื ไส้ดือนเปน็ อาหารเมอ่ื ปลาคอ่ ย ๆ โตข้นึ การเล้ยี งปลาหลด สามารถเลี้ยงได้ท้ังบ่อดินและซีเมนต์ หากเลี้ยงในบ่อซีเมนต์ 4 X 4 เมตร ควรปล่อย ปลาขนาด 3 - 4 น้ิว จานวน 2,000 - 2,500 ตัว ควรวางท่อหรือโรงไม้เพื่อให้ปลาได้หลบพักด้วย อาหารท่ีใช้เลี้ยง คือ หอยเชอร่ีนามาทุบสับให้ละเอียด แล้วนาไปวางกองไว้บริเวณชายพื้นรอยต่อ ทรายกับซีเมนต์ หรือไส้เดือนก็เปน็ อาหารท่ปี ลาหลดชอบมาก การเลี้ยงจะใช้เวลา 6 - 7 เดือน ก็จะ ไดข้ นาดจาหนา่ ย ประมาณ 30 - 50 ตวั /กโิ ลกรัม

การทาสารปอ้ งกันแมลงศัตรพู ืช(จานวน 50 ลติ ร) สว่ นผสม (1) สมุนไพร 30 กโิ ลกรมั กิโลกรัม (2) นา้ ตาล 10 ลติ ร ซอง (3) น้า 30 (4) สารเรง่ พด.7 1

ศูนยเ์ รียนร้ปู ราญ์ชาวบ้านมะเมียง ตั้งอยเู่ ลขท่ี 3 หมู่ 4 บ้านมะเมยี ง ตาบลโชคนาสาม อาเภอปราสาท จังหวัดสรุ ินทร์ การเพาะเลี้ยงปลา การเพาะขยายพันธุ์ปลานั้นมีความสาคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากในปัจจุบัน ประเทศ ไทยมปี ระชากรเพ่มิ มากขน้ึ ทาใหข้ าดแคลนอาหารในสภาพธรรมชาติปริมาณสัตว์น้าในธรรมชาติได้ ลดจานวนลง จงึ จาเป็นตอ้ งมารเพาะขยายพันธ์ุปลาเพื่อเพ่ิมปริมาณและปล่อยลงสู่แหล่งน้า รวมท้ัง การเล้ียงเพื่อเป็นอาหาร ในการเพาะขยายพันธ์ุปลานั้นการคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ปลาเป็นขั้นตอนที่ สาคัญมาก เน่ืองจากการคัดเลือกพ่อแม่พันธ์ุท่ีไม่สมบูรณ์มาเพาะพันธ์ ก็จะทาให้การเพาะพันธ์ุ ล้มเหลวการคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ปลานิยมทากันในช่วงเช้า โดยการตีอวนในช่วงเช้าคัดพ่อแม่พันธ์ุ ปลาที่มีไข่แก่และน้าเช้ือที่สมบูรณ์มาเพาะพันธ์ุ โดยก่อนท่ีจะทาการจับหรือตีอวน จะไม่ให้อาหาร ปลาพ่อแม่พนั ธุ์ในบอ่ 1 วัน เพ่อื ใหป้ ลาถ่ายของเสียของอาหารที่กินออกไปให้หมด เพราะเม่ือจับไป แล้วอาจถา่ ยของเสียสบู่ ่อเพาะพนั ธ์ทุ าใหน้ า้ เกิดการเน่าเสียได้ และป้องกันการเข้าใจผิดเพราะถ้าให้ อาหารกินก่อน จึงเพาะพันธุ์ เม่ือปลากินอิ่มลักษณะท้องจะอูมใหญ่ทาให้เข้าใจผิดได้ว่าตัวน้ี สมบูรณ์น้าเชื้อและไข่แกด่ ี ในการตีอวนสาเหตุท่ีมีการตีอวนตอนเช้าเพราะ อากาศไม่ร้อนเกินไป คัดเลือกง่าย ปลามีระยะเวลาพักผ่อนก่อนนาไปเพาะพันธ์ุนาน และทาให้ปลาชินกับสภาพแวดล้อมในบ่อ เพาะพันธ์ใุ นเวลาตอนเยน็ ซงึ่ มีความสงบ ปอ้ งกันการรบกวนขณะปลาผสมพันธุก์ ัน หลักและวธิ กี ารคัดเลอื กลักษณะของพอ่ แมพ่ ันธ์ุ มดี ังนี้ (1) ลกั ษณะพอ่ แม่พันธุ์ท่ดี ี ควรมีลักษณะดังน้ี (1.1) ไม่ได้รับความกระทบกระเทือนอย่างแรง หรือลาเลียงมาจากระยะทางไกล เพราะปลาจะเครยี ด และออ่ นแอ ทาใหค้ วามสมบรู ณ์ของพอ่ แมพ่ ันธุไ์ ม่พร้อมทจี่ ะผสมพนั ธุ์ (1.2) ไมม่ ีสว่ นใดสว่ นหนึง่ ขาด หรอื รา่ งกายพิการ (1.3) ไมม่ บี าดแผลตามลาตวั หรอื ไม่บอบช้า (1.4) ไมม่ โี รคพยาธเิ บียดเบยี น และโรคตดิ ตอ่ ทางพนั ธุกรรมทีร่ ้ายแรง (1.5) ควรเป็นปลาที่เจริญเติบโตรวดเร็วในคอก หรือในบ่อและไม่ควรใช้พ่อแม่พันธ์ุ จากบอ่ หรอื คอกเดยี วกนั เพือ่ ป้องกนั การผสมกนั ของสายเลือดชิด (1.6) ไม่มีนิสยั เกเรหรอื เข้ากลุม่ ไม่ได้ เชน่ ไลก่ ัดปลาต่างขนาดกัน (1.7) ไมค่ วรเปน็ ปลาท่อี ้วนหรือผอมเกนิ ไป (1.8) ควรเป็นปลาท่ไี มแ่ ก่หรือมีอายุการเลีย้ งมาก

(2) ลักษณะพ่อแม่พนั ธ์ุท่สี มบูรณเ์ พศ (2.1) พ่อแม่พันธุ์ ส่ิงสาคัญท่ีสุดของพ่อแม่พันธ์ุคือคุณภาพน้าเชื้อ ซ่ึงมีผลต่อการ ประสบความสาเร็จในการเพาะพันธ์ุอย่างมาก การประเมินคุณภาพน้าเช้ือดูได้จากกล้องจุลทรรศน์ และจากการสังเกตุสีของน้าเช้ือ แต่ส่วนใหญ่จะประเมินจากความสมบูรณ์เพศของพ่อแม่พันธ์ุ โดย พจิ ารณาดงั นี้ (2.1.1) ตุ่มสิว ปลาที่มีตุ่มสิวมาก และมีความสากมากเท่าไร แสดงว่าปลาตัวน้ัน มีคุณภาพน้าเชื้อดี ปลาที่ส่วนใหญ่ใช้การสัมผัสตุ่มสิว ได้แก่ ปลานวลจันทร์เทศ ปลาไน ปลา ตะเพียน โดยใชม้ ือลบู ที่ครบี หขู องปลา จะรสู้ ึกสากมือเหมือนกระดาษทราย เปน็ ต้น (2.1.2) ติ่งเพศ ปลาที่มีต่ิงเพศ เช่นปลานิล ปลาดุก ซึ่งสังเกตุเห็นง่ายอยู่บริเวณ ส่วนทอ้ ง ติง่ เพศของพ่อแม่พันธปุ์ ลาจะมสี ชี มพเู รอ่ื ๆ ท่ปี ลายตง่ิ แสดงว่าน้าเชือ้ มีคณุ ภาพดี (2.1.3) ช่องเพศ ปลาตวั ผทู้ ุกชนดิ เมื่อสมบูรณ์เพศพบว่า ช่องเพศจะมีสีชมพูเร่ือ ๆ ปนแดง (2.1.4) ช่องทวาร ปลาตัวผู้ที่สมบูรณ์เพศพบว่าช่องทวารมีสีชมพูแดง โดยช่อง ทวารจะอยู่ก่อนต่งิ เพศ (2.1.5) สนี ้าเช้ือ ปลาตัวผ้ทู สี่ มบูรณ์เพศน้าเช้ือดี ควรมีสีน้าเช้ือเป็นสีขาวขุ่นไม่มี สีอนื่ ปน ถา้ หากมีสีอื่น เช่น สีแดง สีจางใส แสดงว่าเป็นน้าเช้ือท่ีไม่ดี การสังเกตุว่ามีน้าเช้ือดีหรือไม่ ก็โดยการกดท่ีบริเวณท้องเบา ๆ ก็จะสังเกตุเห็นมีน้าสีขาวขุ่นออกมา โดยจะเห็นได้ชัดในฤดูผสม พันธ์ขุ องปลา ปลาทส่ี ามารถรดี น้าเช้อื ดูได้ เชน่ ปลาตะเพียนขาว ปลาไน ปลายส่ี กเทศ เปน็ ต้น (2.2) อายแุ ละขนาดของพอ่ แมพ่ ันธ์ทุ ส่ี มบรู ณ์เพศ (1) ปลานลิ 0.5 - 2 ปี นา้ หนัก 0.3 - 0.8 กิโลกรมั (2) ปลาไน 1 - 3 ปี น้าหนัก 1 - 4 กโิ ลกรัม (3) ปลาตะเพยี น 1 - 2 ปี นา้ หนกั 0.4 - 1 กิโลกรัม (4) ปลายสี่ ก 1.5 - 3 ปี น้าหนัก 2 - 4 กิโลกรมั (5) ปลาดกุ อยุ 1 – 2 ปี น้าหนัก 0.3 - 0.5 กโิ ลกรมั (แม่พนั ธ์ุ) (6) ปลาดุกยกั ษ์ 1 - 2 ปี นา้ หนัก 1 – 2 กโิ ลกรัม(พอ่ พันธุ์)

(2.3) แม่พันธ์ุ สิง่ ท่ีสาครญั ที่สดุ ของแม่พนั ธป์ุ ลาทกุ ชนิด ได้แก่ คุณภาพของไข่ ซ่ึงมี ผลต่อการเพาะพนั ธุป์ ลาเป็นอย่างย่ิง พิจารณาไดด้ ังนี้ (2.3.1) ท้อง แม่ปลาทุกชนิดที่สมบูรณ์ท้องจะอูมเป่งหรือท้องใหญ่ แสดงว่า ปลามีไข่แก่เหมาะท่ีจะเป็นม่พันธุ์ และผนังท้องควรจะบางและนิ่มเมื่อใช้มือกด การสังเกตุว่าไข่แก่ เตม็ ที่ ดูที่รอยซอ้ นของเกรด็ แยกจากกนั และงดใหอ้ าหาร 1 วนั กอ่ นการนามาผสมพันธุ์ (2.3.2) ตง่ิ เพศ แม่พันธท์ุ ่ีสมบูรณเ์ พศ ตรงบริเวณปลายต่ิงเพศจะมีสชี มพเู รือ่ ๆ (2.3.3) ช่องเพศ แม่พันธุ์ที่ไม่มีติ่งเพศ เช่น ปลาตะเพียนขาว ปลาไน ฯลฯ เมอื่ สมบรู ณเ์ ต็มที่ จะมชี ่องเพศขนาดใหญ่หรอื ขยายใหญ่ข้นึ และมีสชี มพูเรอื่ ๆ ปนแดง (2.3.4) ชอ่ งทวาร แม่พันธส์ุ มบรู ณจ์ ะมีชอ่ งทวารสแี ดง (2.3.5) การสุ่มไข่ โดยการใช้สายยางพลาสติกขนาดเล็ก สอดเข้าไปในช่อง เพศเล็กน้อยแล้วดูดไข่ออกมา เม่ือเทใส่ในน้าพบว่ามีการกระจายตัวได้ดี เม็ดมีขนาดเท่ากัน มีสีมัน วาวเปน็ ประกาย แสดงวา่ ไขแ่ ก่ วิธีนีน้ ิยมใชใ้ นปลาทีม่ ขี นาดใหญ่ เช่น ปลบ่ ึก ปลากระโห้

ศูนย์เครือข่ายปราชญ์ชาวบ้านตาบลหนองสูงเหนือ สถานทต่ี ้ัง เลขที่ 73 ม.5 ตาบลหนองสูงเหนือ อาเภอหนองสูง จังหวดั มุกดาหาร การเลยี้ งปลานิลเพื่อบริโภคในครัวเรือน การเตรยี มบอ่ ควรเป็นบ่อดินรูปส่ีเหล่ียมผืนผ้า ขนาดตั้งแต่ 400 ตร.ม. ข้ึนไป ระดับของน้าในบ่อ ควรลึกประมาณ 1 เมตรตลอดปี ทั้งนี้เพ่ือจะได้ใช้เลี้ยงปลาซ่ึงมีขนาดโต และใช้สาหรับเพาะพันธุ์ ปลาพร้อมกันไปด้วย ถ้าเป็นบ่อซึ่งมีขนาดเล็กลูกปลาท่ีเกิดข้ึนใหม่จะทวีจานวนจนแน่นบ่ออย่าง รวดเร็ว ทาให้ลูกปลาเหล่าน้ีมีขนาดไม่โต โดยที่ปลานิลเป็นปลาที่วางไข่โดยการขุดหลุมตามก้นบ่อ ดังน้ัน จึงควรมีชานบ่อหรือทาให้ตามขอบบ่อมีส่วนเชิงลาดเทมาก ๆ ซึ่งจะเป็นแหล่งตื้น ๆ สาหรับ ใหแ้ ม่ปลาวางไข่ ถ้าบ่อน้ันอยู่ใกลก้ บั แม่นา้ เชน่ คู คลอง แม่น้า กไ็ ม่จาเปน็ ท่จี ะตอ้ งวิดน้าเข้า - ออก เพียงแตท่ าท่อระบายน้าแลว้ กรดุ ว้ ยตะแกรงตาถเี่ พอ่ื ปอ้ งกันไม่ให้ปลาท่เี ลย้ี งไว้หลบหนอี อกไปกใ็ ชไ้ ด้ และยงั เป็นการป้องกนั ไม่ใหศ้ ัตรูของปลาจากภายนอกเล็ดลอดเขา้ มาอกี ด้วย แต่ถ้าบ่อไม่สามารถทา ท่อระบายน้าได้ ก็จาเป็นที่จะต้องสูบน้าเข้าบ่อเม่ือเวลาน้าลดลง และต้องหมั่นเปล่ียนน้าในเวลาท่ี เกิดนา้ เสยี การให้อาหาร ปลานิลเป็นปลาที่กินอาหารธรรมชาติท่ีมีอยู่ในบ่อ เช่น ไรน้า ตะไคร่น้า ตัวอ่อนของ แมลง และสัตวเ์ ลก็ ๆ ท่อี ยู่ในบ่อ ตลอดจนสาหร่ายและแหน ถ้าต้องการให้ปลาโตเร็วควรให้อาหาร สมทบ เช่น รา ปลายข้าว กากถ่ัวเหลือง กากถั่วลิสง กากมะพร้าว แหน เป็ด และปลาป่น เป็นต้น การให้อาหารแต่ละครงั้ ไม่ควรให้ปรมิ าณมากจนเกินไป ควรให้ในปริมาณทีเ่ พยี งพอต่อความต้องการ ของปลาเท่าน้ัน ส่วนมากควรเป็นน้าหนักราว 5% ของน้าหนักปลาที่เล้ียง ถ้าให้อาหารมากเกินไป ปลาจะกนิ ไมห่ มด เสียค่าอาหารไปโดยเปล่าประโยชน์ และยังทาให้น้าเน่าเสีย เป็นอันตรายแก่ปลา ได้

ศูนยเ์ รยี นรู้ไรน่ าสวนผสมมหาวทิ ยาลัยชีวิตแบบยั่งยนื ต้ังอยทู่ ี่ 65 หมู่ 2 บ้านคมึ ชาด ตาบลไร่สีสกุ อาเภอเสนางคนคิ ม จงั หวัดอานาจเจริญ การเลยี้ งปลาแบบเศรษฐกิจพอเพยี ง การเลี้ยงปลาเป็นอาชีพคู่กับเกษตรกร เพราะปลาเป็นอาหารคู่กับข้าว ประเทศเพื่อน บ้านท่ีทาการเพาะปลูก เช่น ประเทศในแถบอินโดจีน มาเลเซีย อินโดนิเซีย และฟิลิปปินส์ ต่างก็ เลยี้ งปลาไดผ้ ลดี การเลี้ยงปลานอกจากทาให้ปลาเป็นอาหารแล้ว ยังให้ความเพลิดเพลินด้วย เหลือ กินกข็ ายเป็นการเพม่ิ รายไดอ้ ีกสว่ นหน่งึ หรอื เล้ยี งมาก ๆ ก็เป็นสินคา้ ให้รา่ รวยได้ วธิ กี ารเล้ยี งปลาอาศัยหลกั การ ดงั น้ี 1) เลือกท่ีริมแม่น้าลาคลอง ท่ีมีน้าอุดมสมบูรณ์ ดินดี น้าดี น้าไม่ท่วม ใกล้ทางหลวง และชุมชน 2) ขุดบ่อใหก้ วา้ ง ยาว และลกึ พอเลยี้ งปลาไดต้ ามทตี่ อ้ งการ 3) เลือกปลาท่ีควรจะเลี้ยงในบ่อให้เหมาะสมกับท้องท่ี ปลาที่เล้ียงควรเป็นพันธ์ุดี มี ขนาดไล่เล่ยี กนั 4) พนั ธ์ปุ ลาท่ีใชเ้ ลยี้ ง ได้จากการรวบรวมจากธรรมชาติ ซอ้ื หรอื เพาะพนั ธเุ์ องกไ็ ด้ 5) มีอาหารปลาสม่าเสมอ ด้วยการใส่ปุ๋ยหมัก และหาอาหารสมทบให้มีพอดี ไม่มาก เกนิ ไปหรอื นอ้ ยเกินไป 6) พ้ืนที่บ่อ 1 ตารางเมตร ไม่ควรเลี้ยงลูกปลาเกิน 50 ตัว และปลาขนาดใหญ่ไม่เกิน 5 ตัว นอกจากจะมอี าหารสมบรู ณม์ าก ทัง้ น้แี ลว้ แต่ชนิดของพันธปุ์ ลา 7) ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกบั ปลาท่จี ะเล้ียง และวธิ ีเลยี้ งด้วยการเอาใจใสอ่ ย่างสมา่ เสมอ 8) ป้องกนั ศตั รูของปลา เชน่ นก นาก งู และโรคพยาธิ ถ้ามกี ช็ ่วยกาจดั ทาเลท่คี วรขุดบอ่ ปลา 1) ใกล้แหล่งน้า คือ อยู่ใกล้แม่น้าลาคลองที่มีน้าสะอาด อาศัยน้าได้ตลอด สะดวกแก่ การระบายหรือเปลี่ยนน้าในบ่อ และควรอยู่ไกลโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งอาจจะระบายเศษกาก วตั ถดุ ิบลงไปในนา้ ทาให้เกิดนา้ เสียสง่ ผลกระทบมาถึงปลาได้ 2) ดนิ ควรเปน็ ดินเหนยี ว หรือดินเหนยี วปนทราย เพราะสามารถเกบ็ กกั นา้ ได้ 3) ระดับพื้นที่ ควรเป็นท่ีราบเรียบ ไม่เป็นโขด หรือดอนเกินไป จะทาให้ต้องใช้ แรงงานในการขุดดนิ 4) พืชเป็นเคร่ืองช้ีบอกว่าดินดีเพียงใด และพืชบางชนิดก็ใช้เป็นอาหารของคน ปลา และเป็นปุ๋ยในบ่อปลาได้ แต่ถา้ มีพันธ์ุไม้ใหญม่ าก ควรขุดโคน ถอนราก

5) น้าไม่ท่วม ที่นั้นไม่ควรเป็นที่ระดับน้าท่วม หรือไหลบ่าจนยากแก่การป้องกันไม่ให้ ปลาหนี 6) ใกล้ตลาดเพือ่ เพ่ิมรายได้ ทีน่ ้นั ควรอยู่ใกล้ตลาด ร้านค้าชุมชน สามารถขายปลาสด ได้ทนั เวลา และไดร้ าคาสงู 7) การขนส่ง บอ่ ปลาควรอยใู่ กล้ทางคมนาคมที่มียานพาหนะผ่านไปมาสะดวก ติดต่อ ได้สะดวกรวดเร็ว 8) แรงงาน ในการสร้างบอ่ ปลา ควรอาศยั คนท่ีชานาญงาน ทาเลนัน้ จึงควรเปน็ ท่ีซงึ่ จะ จา้ งเหมาหาแรงงานไดส้ ะดวก 9) ความปลอดภัย บริเวณที่สงบสุข ไม่มีโจรผู้ร้ายเบียดเบียน และไม่เป็นแหล่งโรค พยาธิที่จะรบกวนสขุ ภาพอนามัย การสร้างบ่อควรดาเนนิ ตามหลักเกณฑ์ ดงั นี้ 1) วางผังบอ่ ในเนอ้ื ที่ทีม่ ีอยู่ ควรกาหนดขดุ สร้างเป็นขั้น ๆ ตามกาลัง ถ้าเลี้ยงปลาเพ่ือ การค้าก็ควรกะใหส้ ามารถขยายได้ 2) กรยุ ทางสาหรับยกคันบอ่ ตามแนวทว่ี างไว้ในแผนผัง แล้วเก็บเศษไม้ ก่งิ ไม้ออก 3) ยกคันบ่อให้สูงกว่าระดับน้าสูงสุดในรอบปีประมาณ 30 ซม. คันบ่อควรมีฐานเชิง ลาด กว้างเท่ากับส่วนสูงของคันดนิ 4) เว้นช่องและสร้างประตรู ะบายนา้ ตรงที่ใกล้ หรือติดต่อกับแหล่งน้าให้พื้นประตูของ ทางนา้ ออก 5) สาหรับปลาน้าจืด บ่อจะเป็นรูปใดขนาดใดก็ได้ แต่ควรเป็นส่ีเหลี่ยมผืนผ้า เพื่อ สะดวกในการดแู ลรกั ษาและการจบั ปลา รวมทัง้ ให้น้าขังไดต้ ลอดปี 6) สาหรับบ่อเพาะพันธุ์ปลา ควรอยู่ใกล้บ้านผู้เล้ียงที่สุด และมีขนาดเล็กกว่าบ่อเลี้ยง เพอื่ ดแู ลรักษาอยา่ งใกล้ชดิ และปอ้ งกนั ศัตรูไดส้ ะดวก 7) พ้ืนบ่อควรเรียบเตียนเสมอกัน แต่ลาดไปทางประตูระบายน้าออกเพื่อสะดวกใน การล้างบอ่ และจบั ปลา 8) ก่อนปล่อยปลาลงเล้ียง ควรโรยปูนขาวให้ทั่วเพื่อฆ่าเช่ือโรค ตากท้ิงไว้ประมาณ 7 วนั จงึ ปลอ่ ยน้าเขา้ อีกประมาณ 7 วัน ต่อมาจงึ ถา่ ยนา้ ออกเพอ่ื รับน้าใหม่ 9) ใสป่ ๋ยุ มูลสตั วต์ ากแห้งเพอื่ ใหเ้ กิดอาหารพวกพืช และไรนา้ สาหรับเป็นอาหารปลา 10) บนคนั ดินควรปลูกต้นไมไ้ ว้เป็นร่มเงาแก่ปลาท่ีเล้ียงบ้าง ส่วนภายในบ่อก็ควรปลูก ผกั หญา้ ที่จะใชเ้ ปน็ อาหารสาหรับคนและปลาได้บ้างเล็กนอ้ ย

11) เพื่อความสะดวกในการให้อาหารปลาและรักษาความสะอาด ควรทากระบะไม้ เป็นทีร่ องอาหารไว้ใตร้ ะดับนา้ ในบ่อ 12) ปล่อยปลาทค่ี ัดเลอื กแล้วลงในบ่อเลี้ยงในเวลาเชา้ หรือเยน็ ปลาท่ีควรเล้ียง พันธ์ุปลาที่ดีและควรเล้ียง ได้แก่ ปลาท่ีเล้ียงง่าย โตเร็ว หาพันธุ์ได้ง่าย มีลูกมาก อดทน เนือ้ มีรสดี มีผู้นิยมรบั ประทาน ซ่ึงมักเปน็ ปลากินพชื เป็นอาหาร 1) ปลาเล้ยี งง่าย ได้แก่ ปลาท่ีกินอาหารง่าย ไมเ่ ลอื กอาหาร เชน่ กนิ ผกั กนิ หญ้า 2) ปลาโตเร็ว เพยี ง 6 เดอื น หรอื 1 ปี ก็ใชเ้ ปน็ อาหารหรือขายได้ 3) ปลาท่ีหาพันธุ์ได้ง่าย เช่น เพาะพันธ์ุได้ภายในบ่อ หรือหาพันธุ์ได้ในท่ีใกล้เคียงเพื่อ จะไดม้ ปี ลาเล้ยี งอย่เู สมอ 4) ปลาที่มลี กู มาก จะชว่ ยเพิ่มจานวนให้เลี้ยงได้มากขึน้ เป็นการเพมิ่ อาหารและรายได้ 5) ปลาทอ่ี ดทนต่อสภาพทอ้ งทแี่ ละลมฟา้ อากาศ และเกดิ โรคพยาธไิ ม่ตายง่าย 6) ปลาทเ่ี นอื้ มรี สดี เป็นท่นี ยิ มของผ้รู บั ประทาน โดยท่วั ไปมรี าคาสงู ปลาชนิดที่มีคุณลักษณะดังกล่าวและเลี้ยงได้ผลดี คือ ปลาไน ปลาแรด ปลาสลิด ปลากระบอก ปลาดกุ ปลานวลจันทร์ ปลาสวาย และปลากะพงขาว อาหารของปลา อาหารน้ันควร หาได้ง่าย และมากพอที่จะเลี้ยงปลาให้เจริญเติบโตด้วย ปลาแต่ละชนิดกินอาหารไม่เหมือนกัน กลา่ วคอื 1) ปลานิล เป็นปลาท่ีเจริญเติบโตเร็ว เล้ียงปลาในเวลา 1 ปี จะมีน้าหนักตัวถึง 500 กรัม และเป็นปลาท่ีแพร่ขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว หากพบว่ามีลูกปลาเกิดข้ึนเป็นจานวนมาก ควร จับลกู ปลาแยกไปเล้ียงบ่ออ่ืน ประโยชน์ของปลานิลซ่ึงเป็นปลาเนื้อมาก และมีรสดี สามารถนามา ปรุงอาหารได้ง่าย นอกจากน้ียังสามารถแปรรูปเป็นปลาเค็ม ปลาส้ม นับเป็นการเพ่ิมรายได้อีกทาง หนึ่ง 2) ปลาไน กินจุลินทรีย์ในน้า แหน ไรน้า ลูกน้า สาหร่าย ตะไคร่น้า รา ราก และใบ ผักบุง้ ผกั แพงพวย ลูกกุง้ แมลง และหนอน 3) ปลาสลดิ กนิ ตะไครน่ ้า แหน ไรน้า รา ตวั ปลวก 4) ปลาดกุ กินอาหารประเภทเนอ้ื สัตว์มากกวา่ อาหารจาพวกพืช เช่น ปลาเป็ด เคร่ือง ในสัตว์ เศษเน้ือ เน้ือหอย เนื้อปู ไส้เดือน แมลง ประเภทพืช ได้แก่ ราข้าว ปลายข้าว กากถั่ว กาก มนั แปง้ ขา้ วโพด 5) ปลาสวาย กินพืช ไรน้า ตัวปลวก หนอน รา เศษเน้ือ เศษอาหาร ผักสดท่ีมี เน้ืออ่อน เช่น ผักบงุ้ และแหน กากมะพรา้ ว ปลาป่น

อาหารธรรมชาติและแหลง่ อาหาร 1) จุลินทรีย์ หมายถึง พืช และไรน้าเล็ก ๆ ท่ีอาศัยอยู่ในน้าเกิดข้ึนเองโดยธรรมชาติ หากต้องการเพ่มิ จานวนก็ใช้ปุ๋ยคอกหรือป๋ยุ พืชหมกั ใสล่ งไปในบ่อ 2) แหน เป็นพืชชนิดหน่ึงเกิดบนผิวน้าในหนองบึง หรือบ่อที่มีน้าน่ิง และในท่ีท่ีได้รับ แสงแดด เป็นพืชท่ีขยายพนั ธไุ์ ด้รวดเร็ว 3) ผัก หญ้า ได้แก่ จอก สาหร่าย หญ้าขน ผักกระเฉด ผักตบชวา รากผักเหล่านี้ใช้ เปน็ อาหารปลาบางชนิดได้ 4) ตะไคร่น้า เกิดข้นึ เองตามธรรมชาติ อาหารสมทบ 1) รา ควรใช้เป็นอาหารเพ่ิมเติมแก่ปลา เพื่อช่วยให้ปลาโตเร็วโดยผสมกับผักบุ้ง หรือ สาหรา่ ยบด ปลาป่น คลกุ จนเขา้ กันดใี หเ้ หนียว ปน้ั เป็นกอ้ นได้ 2) เศษเน้ือ เช่น เน้ือววั เนอ้ื หมู เป็ด ไก่ กุ้ง ปลา บดหรือหน่ั เป็นชนิ้ เลก็ ๆ 3) แมลง เช่น ตัวปลวก หนอน ตัวไหม แมลง และไข่ของแมลง เช่น ไข่มดบางชนิด ส่วนแมลงอาจใช้ตะเกยี งจดุ ล่อใหต้ กลงไปในบอ่ 4) เศษอาหาร เช่น กากมะพร้าว ถัว่ ขา้ วสกุ และเศษอาหารเหลอื ผสมกบั ราใหก้ ิน 5) ปลาป่น ทาไดจ้ ากปลาราคาถูก ๆ อาจใชเ้ ศษปลาตากแหง้ แลว้ บด อาหารควรใหเ้ ป็นเวลา และประจา เพ่อื ฝกึ หัดปลาใหเ้ คยชิน การใสป่ ุ๋ย ดินดีและน้าดีทาให้ปลาโตเร็ว เช่นเดียวกับดินดีน้าดี ดังน้ัน บ่อปลาจึงต้องการปุ๋ย เช่นเดียวกบั ทน่ี าทสี่ วน ปุ๋ยสาหรับใส่บารุงบอ่ ปลา ใช้ไดท้ ้ังมูลสตั ว์ตากแห้ง ปุ๋ยเคมี หรือปุ๋ยหมัก ปุ๋ย เหล่าน้ีทาให้เกิดจุลินทรีย์ พืช และไรน้าเล็ก ๆ ซ่ึงเป็นอาหารธรรมชาติท่ีดีของปลาและลูกปลาที่ เลี้ยง นบั วา่ เปน็ การเพิ่มอาหารทาให้ปลาเจริญเติบโต และเป็นการสะสมอาหารให้มีอยู่สม่าเสมอใน บอ่ ปลา แต่ปยุ๋ มหี ลายชนิดและอตั ราส่วนที่เหมาะสม มดี ังนี้ 1) ปุ๋ยคอก ได้จากมูลสัตว์ เช่น โค กระบือ เป็ด ไก่ หมู ควรตากให้แห้งก่อนใช้ปุ๋ย 1 กโิ ลกรัม ตอ่ เนื้อท่ี 3 ตารางเมตร 2) กากถั่ว ได้จากถ่ัวเหลือง ถ่ัวลิสงที่คั้นเอาน้ามัน หรือเหลือจากทาขนนอัดเก็บเป็น แผ่น ใช้กากถ่วั 1 กโิ ลกรมั ต่อเนอื้ ท่ี 20 ตารางเมตร 3) ปุ๋ยหมัก มีวิธีง่าย ๆ โดยนาเศษหญ้า ฟาง หรือผักตบชวา มากองรวมกันรดน้าให้ ชุม่ แลว้ โรยปุ๋ยคอก ปยุ๋ ยูเรยี หรอื น้าตาลทราย จะชว่ ยทาให้ปยุ๋ หมักเปน็ เรว็ ข้ึนทาสลับกนั เปน็ ช้นั ๆ

นาดินโรยทับช้ันบนสุด รดน้าให้ชุ่ม พอหน้าดินแห้งดีให้ใช้ไม้ไผ่เสียบลงในกองปุ๋ย เพื่อให้อากาศใน กองปยุ๋ ถา่ ยเทไดส้ ะดวกใช้ปุ๋ยหมัก 6 กโิ ลกรัม ต่อเนอ้ื ที่ 10 ตารางเมตร 4) ปูนขาว ได้จากเปลือกหอยหรือหินบด นามาผสมกับปุ๋ยอ่ืน ๆ ช่วยให้การใช้ปุ๋ย ได้ผลอย่างรวดเรว็ ใชป้ ูนขาว 1 กโิ ลกรัม ต่อเน้อื ท่ี 50 ตารางเมตร หากดนิ คอ่ นข้างเปน็ กรด วิธีเลี้ยงปลา ปลาแต่ละชนิดก็มีลักษณะและการกินอยู่แตกต่างกัน ฉะน้ันก่อนที่จะเลี้ยงปลาไม่ว่า ชนดิ ใดกต็ าม ผูเ้ ลย้ี งควรทราบลกั ษณะ และนสิ ยั ของปลานั้นก่อน ๆ 1) ปลาไน มีกาเนิดมาจากประเทศจีน มีผู้นาไปเลี้ยงในประเทศต่าง ๆ ท่ัวโลก เนื่องจากเป็นปลาที่เลี้ยงง่าย โตเร็ว สืบพันธุ์ในบ่อเล้ียง และมีไข่เป็นจานวนมาก เน้ือมีรสดีจึงได้รับ นิยมอย่างแพร่หลาย รูปร่างคลายปลาตะเพียนเกล็ดใหญ่ มีขนาด 4 เส้น ครีบหลังยาวถึงโคนหาง หางเวา้ สีตา่ งกัน โดยมากเป็นสีดาแถบเขียว ปลาไนต้องการบ่อกว้าง ถา้ เป็นบ่อเล็กควรถ่ายเทน้าได้ สะดวกและมนี า้ ไหลอยเู่ สมอ แม้จะต้ืนเพียง 50 ซม. ขอ้ เสียของปลาไน มักชอบขดุ ค้ยุ กนิ ราก หน่อ และยอดอ่อนของวชั พชื ตามขอบบอ่ การเพาะพันธ์ุปลาทาได้ตลอดปี โดยผ้เู ลีย้ งตอ้ งดาเนินการคัดเลือกพ่อแม่ปลา และทาท่ีวางไข่ปลาท่ี ใช้ทาพันธ์ุ ควรเลือกปลาขนาดใหญ่สมบูรณ์ ขนาดน้าหนักตัวประมาณ 500 กรัมข้ึนไป ปลาไนตัวผู้ น้ันเม่ือโตเต็มวัย หากเอามือลูบบริเวณหัวตรงแก้มจะสาก ระคายมือ ส่วนตัวเมียจะลื่น แต่ถ้าขังไว้ นานจะสังเกตความแตกต่างยาก ลักษณะท่ีบอกเพศอีกอย่างหนึ่ง คือ ถ้ารีดท้องปลาแต่เบา ๆ ตัวผู้ จะมนี ้าสขี าวขนุ่ ๆ ไหลออกมาจากช่องเพศ สว่ นตวั เมยี ท่มี ีไข่แกพ่ รอ้ มจะผสมพนั ธ์ไุ ด้ บรเิ วณทอ้ งจะ ขนาดใหญ่ พืน้ ทอ้ งน่มิ ถ้าเอามอื กดจะมไี ขไ่ หลออกมา การเพาะพันธ์ปุ ลาไน จาเปน็ ต้องเตรยี มอุปกรณ์เพอ่ื ให้ปลาวางไข่ ดังนี้ (1) วัสดุวางไข่ของปลา ได้แก่ สาหร่ายหางม้า ผักท่ีมีรากยาวจาพวกผักบุ้ง เพื่อเป็นที่ ให้ไขต่ ดิ ถ้าเปน็ ผักควรรวบให้เป็นกา (2) บ่อเพาะพันธุ์ปลา จะเป็นดิน หรือซีเมนต์ก็ได้ บ่อดินควรมีเน้ือท่ีไม่ต่ากว่า 50 ตารางเมตร ลึก 1 เมตร บ่อซเี มนตม์ ีขนาดต้งั แต่ 10 ตารางเมตร ขึ้นไป ลึก 1 เมตร ควรเป็นบ่อที่ทา ความสะอาดได้ง่าย (3) การทาความสะอาดบ่อ ถ้าเปน็ บอ่ ดนิ ควรตากใหแ้ หง้ แล้วจึงปล่อยนา้ เขา้ บ่อ (4) การเคล่อื นย้ายไข่ปลา เมอ่ื วางไขต่ ิดกบั วัสดุท่ีเตรียมไว้ให้ จึงย้ายไปเพาะฟักยังบ่อ อนบุ าลลกู ปลา

2) ปลาสลิด รูปร่างคล้ายปลากระดี่ แต่มีขนาดโตกว่า สีพ้ืนของลาตัวค่อนข้างดาและ มีลายดาเป็นริ้ว ๆ พาดขวางลาตัวตัดกับลายดาเป็นแถบยาวจากหัวถึงโคนหาง ขนาดใหญ่ยาว ประมาณ 20 เซนติเมตร ชอบอยู่ในน้าน่ิงที่มีพรรณไม้น้า เช่น ผัก และสาหร่าย ซ่ึงเป็นที่พักอาศัย กาบังและก่อหวอดวางไข่ ปลาสลดิ กินไรนา้ และพชื ผักเป็นอาหาร เนอ้ื ท่บี ่อ 1 ตารางเมตร เลี้ยงปลา สลิดขนาดเล็กได้ 20 - 30 ตัว ขนาดใหญ่ 3 - 5 ตัว ปลาสลิดวางไข่ในฤดูฝน คือ เดือนเมษายน ตลอดจนถึงสิงหาคม ปลาท่ีจะเพาะควรเลือกขนาดใหญ่ อวัยวะดีครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่มีโรคพยาธิ ปลาสลิดตัวผู้ลาตัวยาวเรียว สันหลังกับเส้นท้องเกือบขนานกัน ครีบหลังมีปลายแหลมยาวถึงหรือ เลยโคนหาง มีสีและลวดลายเข้ม ส่วนตัวเมีย ลาตัว ครีบหลังมนยาวไม่ถึงโคนหาง สีจางกว่าตัวผู้ เมื่อมีไข่สว่ นทอ้ งจะบวมเป่ง เมื่อตัวเมียวางไข่ตัวผู้ก็จะก่อหวอดเป็นฟองตัวเมียก็จะไข่ติดกับฟองน้า ที่ตวั ผ้ทู าหวอดไว้ตัวผู้กจ็ ะฉีดน้าเชื้อใส่ไข่หลังจากน้ัน 24 ช่ัวโมง ไข่ก็จะฟักเป็นตัว เล้ียงอนุบาลให้มี ขนาด 2 - 3 เซนตเิ มตร จงึ แยกออกจากบ่อ 3) ปลาดุก เป็นปลาน้าจืดที่ชาวไทยนิยมรับประทาน เนื้อมีรสดี เล้ียงง่าย โตเร็ว และ อดทนต่อส่ิงแวดล้อม พันธ์ุปลาหาได้ง่าย โดยการเพาะหรือรวบรวมจากแหล่งน้าธรรมชาติ ปลาดุก รูปร่างเรียวยาว ไม่มีเกล็ด ครีบหลังยาวไม่มีกระโดง ครีบก้นยาวเกือบถึงโคน ครีบหางมีขนาด 4 คู่ และมีอวัยวะพิเศษช่วยในการหายใจ ทาให้ปลาดุกอดทนสามารถอยู่พ้นน้าได้นาน ปลาดุกที่นิยม เล้ียงมีอยู่ 2 ชนิด คือ ปลาดุกด้าน และปลาดุกอุย แตกต่างกันที่กระดูกท้ายทอย ด้านหลังของปลา ดุกด้านมลี กั ษณะแหลมกวา่ ปลาดุกอุย อาหาร ปลาดุกกินได้ท้ังเนื้อและผัก แต่ถ้าเล้ียงด้วยอาหารประเภทเนื้อสัตว์ 30 - 50% ของอาหารท้ังสองประเภท จะทาให้ปลาเจริญเติบโต และมีน้าหนักดีกว่าเล้ียงด้วยอาหาร ประเภทเดียว ศัตรูของปลาดุกมีไม่มากนัก แต่ปลามักท่ิมแทงกันเอง กินอาหารจุ ควรระบายน้าใน บอ่ บ่อย ๆ เพราะอาหารจะทาให้นา้ เสียเร็ว ปลาดุกใช้เวลาเลี้ยง 4 - 6 เดือน ปลาดุกแม้จะเล้ียงง่าย แตม่ กั เป็นโรคระบาดและลกุ ลามอย่างรวดเร็ว อาจตายหมดบ่อได้ ปลาดุกวางไข่ในเดือนกุมภาพันธ์ถึงพฤศจิกายน เดือนที่มีฝนตกชุกจะวางไข่มาก พ่อ แมป่ ลาทีน่ ามาเพาะควรมีขนาดยาวไมน่ ้อยกวา่ 20 ซม. เปน็ ปลาทีเ่ ตบิ โตเร็ว ไม่มโี รคพยาธิ มีไข่หรือ น้าเช้ือแก่เต็มที่ พ่อแม่ควรมีขนาดไล่เล่ียกันใช้พ่อแม่ปลาประมาณ 10 คู่ต่อเนื้อท่ีบ่อเพาะ 200 ตารางเมตร อวัยวะแสดงเพศผู้อยู่ที่บริเวณใกล้ทวาร มีลักษณะเรียวยาวย่ืนออกมาทางด้านหาง สว่ นปลาตวั เมยี ลักษณะดังกลา่ วจะสั้นกวา่ ค่อนข้างกลม บ่อเพาะฟักปลาดุก แบ่งออกเป็น 2 ตอน คือ บ่อสาหรับขุดเล้ียงพ่อแม่พันธ์ุ โดยปกติ จะมคี วามกว้างประมาณ 5 - 10 ม. ยาว 10 - 20 ม. ลกึ 1.50 - 2.00 ม. เช่ือมตดิ กบั แปลงเพาะ

ขยายพนั ธุ์ ซึง่ มรี ะดบั นา้ ตื้นกว่าบ่อขุดเลี้ยงพ่อ–แม่ แต่เน้ือที่มากกว่าประมาณ 2 - 3 ไร่ แปลงเพาะ ลูกปลาน้ขี ดุ ซอยเป็นร่องติดกับบ่อพ่อแม่พันธุ์ วิธีเพาะพันธ์ุปลาดุก ควรใช้พ่อแม่พันธุ์ที่มีอายุต้ังแต่ 6 - 8 เดือน ข้ึนไป น้าหนัก ประมาณ 4 - 5 ตัวต่อกิโลกรัม แล้วนามาเล้ียงไว้ในบ่อขุด โดยให้อาหารที่มีคุณค่าสูงทั้งโปรตีน เกลอื แร่ และวิตามิน เช่น ปลาเป็ดบดผสมรา ปลายข้าวต้มสุก และวิตามิน ใช้เวลาขุดประมาณ 2 - 3 เดือน ปลาจะจับคู่กนั ไปวางไขต่ ามโพรงท่จี ้องไวใ้ หใ้ นแปลงเพาะฟกั ต่อมาอีกประมาณ 10 วัน จะ สามารถรวบรวมลกู ปลาลาเลียงไปยังบอ่ อนบุ าล และใหพ้ อ่ แม่ปลากลับมายงั บ่อขดุ เลีย้ งตามเดิม เมื่อปลาวางไข่ สังเกตได้จากตัวผู้ และตัวเมียจะว่ายเข้าออกในบริเวณโพรงบ่อย ๆ ปลาตวั ผู้จะเฝ้าดแู ลรักษาไขจ่ นกระทัง่ ฟักออกเป็นตัว และถุงไข่แดงบริเวณท้องยุบ อีกประมาณ 5 - 7 วนั ระหวา่ งน้ีลกู ปลาจะผุดขึ้นผุดลงเพอ่ื หายใจประมาณ 10 วนั จึงรวบรวมลูกปลาแยกไปอนุบาล ต่อไป การเตรยี มพันธุป์ ลา ในกรณเี พาะพนั ธุ์ปลาได้เองนับว่ามผี ลดี ดังนี้ (1) ช่วยลดภาระการรวบรวมลกู ปลา จากแหลง่ น้าธรรมชาติ (2) การซื้อพนั ธุ์ปลาจากผอู้ ่ืนอาจประสบปัญหา เช่น มรี าคาแพง หรือไม่ได้ขนาด และ จานวนตามท่ตี ้องการ (3) ไม่ไดล้ กู ปลาในชว่ งทีต่ อ้ งการ (4) ไม่สามารถคัดพันธุ์ปลาท่ีดีได้ เนื่องจากปัจจุบันผู้จาหน่ายพันธ์ุปลามักจะไม่ คานึงถึงการคัดพันธ์ุปลาที่ดี ปลาท่ีควรเลี้ยงมีบางชนิดที่สามารถจะเพาะพันธุ์ในบ่อได้ คือ ปลาไน ปลาสลิด ปลาดุก ปลาแรด และปลาหมอตาล

ศูนย์เครือข่ายปราชญช์ าวบ้านตาบลหนองสูงเหนอื สถานท่ตี ้ัง เลขท่ี 73 ม.5 ตาบลหนองสงู เหนอื อาเภอหนองสูง จงั หวัดมกุ ดาหาร การเลยี้ งปลาตะเพยี นขาวเพ่ือบริโภคในครัวเรือน รปู ร่างลกั ษณะและนสิ ยั ปลาตะเพียนขาว มีลักษณะลาตัวแบนข้าง ขอบหลังโค้งยกสูงข้ึน หัวเล็ก ปากเล็ก ริม ฝปี ากบาง จะงอยปากแหลม มีหนวดเส้นเล็ก ๆ 2 คู่ มีเกล็ดตามเส้นข้างตัว 29 - 31 เกล็ด ลาตัวมีสี เงิน บริเวณส่วนหลังมีสีคล้า ส่วนท้องเป็นสีขาวนวล ปลาตะเพียนขาวซึ่งมีขนาดโตเต็มที่แล้วจะมี ลาตัวยาวที่สุดเกือบ 50 ซม. ปลาตะเพียนขาวเป็นปลาน้าจืด อาศัยอยู่ทั่วไปทั้งในแม่น้า ลาคลอง หนอง บึง แต่เจริญเติบโตแพร่ขยายพันธุ์ได้ในแหล่งน้าซ่ึงมีความกร่อยเล็กน้อย ฉะนั้นจึงสามารถ เลีย้ งให้เจรญิ เตบิ โตได้ทง้ั ในบอ่ นา้ จืดและน้ากร่อย อ่างเก็บนา้ ตลอดจนในนาข้าว วธิ ีการเพาะขยายพนั ธุ์ หลงั จากคดั เลอื กพอ่ - แม่พันธไุ์ ดแ้ ล้ว นาพ่อ - แมพ่ ันธไุ์ ปปล่อยไวใ้ นกรงลวด ในอัตรา ตัวเมีย 1 ตัว ต่อตัวผู้ 2 ตัว หรือ ตัวเมีย 3 ตัว ต่อตัวผู้ 5 ตัว กรงลวดแต่ละกรงนั้น ควรปล่อยแม่ ปลาประมาณ 5 - 10 ตัว การเพาะพันธ์ุปลาตะเพียนขาว ต้องทาในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ถึง ก ล า ง เ ดื อ น มิ ถุ น า ย น เ พ ร า ะ เ ป็ น ช่ ว ง ฤ ดู ว า ง ไ ข่ ผ ส ม พั น ธุ์ ข อ ง ป ล า ต ะ เ พี ย น ข า ว เมื่อพอ่ - แม่พันธเ์ุ รมิ่ รัด หรอื ผสมพนั ธุ์กนั แล้วประมาณ 2 ชว่ั โมง แม่พนั ธ์กุ ็จะออกไข่ หมด เม่ือยกกรงลวดออกจากกระชังผ้าไนลอนแก้ว (พ่อ - แม่พันธุ์ติดออกมาด้วย) จะพบว่า มีไข่ ปลาจมอยทู่ ่ีกน้ กระชังผา้ เปน็ จานวนมาก ควรแยกไข่ปลาไปฟักในกระชังผ้าใบอ่นื เพื่อไม่ให้ไข่ทับถม กันจนแน่นเกินไป ไข่ปลาจะฟักออกเป็นตัวภายในเวลา 8 - 12 ช่ัวโมง แต่ทั้งน้ีขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ ของน้าและอากาศ ถ้าอุณหภูมิสูงจะทาให้ไข่ฟักออกเป็นตัวเร็วกว่าอุณหภูมิต่า ถ้าหากไม่สามารถ หากรงลวดและกระชังไนลอนได้ เราก็สามารถเพาะขยายพันธุ์ปลาตะเพียนขาวในบ่อผสมพันธุ์ได้ เลย (บอ่ ดินขนาด 100 ตร.ม. บอ่ ซเี มนต์ 10 ตร.ม.) ถ้าเป็นบ่อซีเมนต์ขนาด 10 ตร.ม. ใช้พ่อ - แม่ พันธ์ุ ในอัตราส่วน ตัวเมีย 3 ตัว ต่อตัวผู้ 5 ตัว เตรียมบ่อเพาะขยายพันธุ์โดยการเปล่ียนน้าใหม่ ประมาณครึ่งบ่อ การปล่อยน้าให้ไหลลงบ่อตลอดเวลา พ่อ - แม่พันธ์ุจะเร่ิมผสมพันธุ์และวางไข่ใน เวลาประมาณ 04.00 - 05.00 น. ของวันรุ่งข้ึน ในขณะท่ีปลาตะเพียนกาลังผสมพันธุ์และวางไข่นั้น ปลาจะส่งเสียงร้องอุด ๆ ตลอดเวลา และจะไล่เคล้าเคลียกันเป็นฝูง ในวันรุ่งขึ้นต้องจับพ่อ - แม่ พันธุ์ข้ึนจากบ่อ ทิ้งให้ไข่ท่ีได้รับการผสมพันธ์ุแล้วฟักเป็นตัวภายในบ่อ และเม่ือลูกปลามีอายุได้ ประมาณ 15 วนั ตอ้ งนาลกู ปลาไปเลย้ี งในบ่ออนุบาลตอ่ ไป

การอนุบาลลูกปลาตะเพียนในกระชังผ้าไนลอนแก้ว ในระยะแรกประมาณ 3 - 5 วัน นั้น นบั ว่าเป็นวิธีท่ีดี เพราะสามารถดูแลได้ใกล้ชิดกว่าปล่อยไว้ในบ่อดิน เพราะถ้าผู้เลี้ยงไม่สามารถ ดูแลปลาได้ใกล้ชิดแล้ว จะไม่รู้ว่าลูกปลาที่กาลังอนุบาลอยู่น้ันเหลือมากน้อยเพียงใด อีกประการ หนึ่ง การอนุบาลลูกปลาในกระชังผ้าดังกล่าว สามารถมองเห็นลูกปลาได้ถนัดตั้งแต่ผิวน้าจนถึง บริเวณก้นกระชัง ทาให้เห็นลูกปลาตายมากน้อยเพียงใด ซ่ึงจะหาวิธีแก้ไขได้สะดวก ทั้งยังสามารถ คานวณปรมิ าณอาหารที่ใหใ้ นแต่ละครงั้ ได้ดว้ ย ว่ามีปรมิ าณมากน้อยเพยี งพอหรือไม่ การเตรียมบ่อ หากเป็นบ่อท่ีขุดใหม่ ดินมักจะเป็นกรด ควรใช้ปูนขาวโรยให้ทั่วบ่อ ในอัตรา 1 กิโลกรัม ต่อเน้อื ท่ี 10 ตารางเมตร การเตรียมบอ่ เก่า จาเป็นต้องปรับปรุงบ่อ โดยกาจัดวัชพืชออกให้หมด เช่น ผักตบชวา จอก บัว และ หญา้ ตา่ ง ๆ เพราะวัชพืชเหล่านจี้ ะปกคลุมผวิ น้า เป็นอปุ สรรคต่อการหมุนเวียนของอากาศ และเป็น ท่ีอย่อู าศัยของศัตรไู ด้ คันบ่อควรลอกเลนขน้ึ มาตกแต่ง และทาทอ่ ระบายนา้ ใหเ้ รียบร้อย ตากบอ่ ทง้ิ ไว้จนแห้ง แสงแดดจะช่วยกาจัดเชื้อโรคและช่วยให้คุณภาพของดินในบริเวณบ่อมีคุณสมบัติดีข้ึน การปล่อยปลาลงเลี้ยง ต้องกาจัดศัตรูของปลาตะเพียน ได้แก่ พวกปลากินเนื้อ เช่น ปลาช่อน ปลา ชะโด ปลาดกุ กบ เขยี ด และงู ฯลฯ โดยการระบายน้าออกจากบ่อให้แห้งขอดแล้วจับขึ้นให้หมด ใน กรณีที่ไม่สามารถระบายน้าได้ ควรใช้โล่ติ๊นสด 1 กิโลกรัม ต่อปริมาณน้า 100 ลูกบาศก์เมตร วิธีใช้ คือ ทุบ หรือบดโล่ติ๊นให้ละเอียด นาลงแช่น้าสัก 1 หรือ 2 ป๊ีบ ขยาโล่ติ๊นเพ่ือให้น้าสีขาวออกมาจน หมด แล้วนาไปสาดให้ท่ัวบ่อ ศัตรูพวกปลาดังกล่าวก็จะตาย แล้วลอยขึ้นมา ต้องเก็บออกท้ิงอย่า ปลอ่ ยให้เนา่ อยู่ในบ่อเพราะจะทาให้น้าเสียได้ ก่อนท่ีจะปล่อยปลาลงเล้ียง ควรทิ้งระยะไว้ประมาณ 7 - 10 วนั เพ่ือใหฤ้ ทธ์ิของโล่ติน๊ สลายตวั

ศูนยเ์ รยี นรู้เกษตรกรรมแบบยัง่ ยืน (ศูนยป์ ราชญช์ าวบ้าน) บา้ นหนองบัวคาแสนใต้ ” เลขที่ 66/2 หมู่ 4 ตาบลดา่ นชา้ ง อาเภอนากลาง จงั หวัดหนองบัวลาภู ปลาเลยี้ งคน คนเลย้ี งปลา (1) การเตรยี มตัวเอง ดังนี้ (1.1) การเตรียมความคดิ เพราะความคิดท่ีถูกต้องนาไปสู่การวางแผนที่ดี ต้องมีการ เตรียมความคดิ โดยการเรยี นรคู้ วามคดิ โดยมีสติรู้เท่าทันความคดิ ไมหลงความคิด ทบทวนอดีต เพ่ือ เปน็ ครู่ ค่อยเป็นคอ่ ยไป เดินทีละก้าว กนิ ขา้ วทลี ะคา ทาทีละอย่าง เพอ่ื การกา้ วอย่างท่ีมั่นคง อยา่ ตงั้ ฐานของความคิดไว้กับความโลภ ความเห็นแก่ตัว อย่าตั้งฐานความคิดไว้กับเศรษฐกิจตาโตโดยเอา กาไรเปน็ ตัวต้ัง ถา้ ทาเพอ่ื ความพอเพียงจะมสี ว่ นเกนิ ได้ขายถา้ ทาเพอื่ ขาย อาจไมพ่ อกนิ (1.2) เตรียมความรู้ เปน็ คนกระหายความรู้ พรอ้ มทจ่ี ะเรยี นรู้ จงคดิ เสมอวา่ ตนเองยงั รไู้ มพ่ อ อยา่ ถือตวั เองเป็นน้าล้นแก้ว ถ้าขาดความรู้ย่อมส่งผลถึงความสาเร็จของงาน ต้ังแต่การอ่าน – การฟัง การเรียน จากสัมผัสท้ัง 6 เพ่ือเตรียมตัวเรียนพร้อมท่ีนาสู่การปฏิบัติเพื่อให้เกิด องค์ ความรู้ทแ่ี ทจ้ รงิ (1.3) การเตรยี มประสบการณ์ คือ การนาความรู้ท่ีได้จากการเรียนรู้ นาสู่การปฏิบัติ ความรู้คือหลักของทฤษฎี ถ้าไม่นาปฏิบัติก็เปรียบเสมือนมีตาราท่ีเก็บไว้ในตู้ฉันใด การรู้ถ้ายังไม่ได้ นาไปใช้คู่กับการปฏิบัติองค์ความรู้ก็ยังไม่เกิด ดังภาษิตที่ว่า “ หนึ่งภาพมีค่ากว่าหมื่นคา หน่ึงการ กระทามคี า่ กว่าหมน่ื คาพรรณนา ” ต้องเริม่ ตน้ จากเลก็ ไปหาใหญ่ ตอ้ งเรมิ่ ทดลอง เพอื่ หาคาตอบว่า จะทามากข้ึนใหญ่ข้ึน หรือลดลง เลก็ ลง ตอ้ งเป็นคาตอบที่เกิดจากคาถามของตนเอง และตัวเองเป็น คาตอบและคาตอบน้ันได้มาจาการปฏิบัติ นั่นคือคาตอบท่ีถูกต้องกว่าแต่ไม่ท่ีสุด จึงแสวงหาส่ิงท่ี ดีกวา่ ถูกต้องกวา่ อยา่ หาสิ่งท่เี ปน็ ท่ีสุดเลย ท่านไม่มีโอกาสพบที่สุดเลย หากท่านคิดว่าท่านพบที่สุด แลว้ ความรู้ทา่ นจะหยุดนง่ิ ทนั ที ทา่ นจะเป็นคนเสียโอกาส ตลอดชวี ติ ก็ได้ (1.4) การเตรยี มครอบครัว ครอบครัวเป็นส่วนหน่ึงของตัวเรา หลายคนมองข้ามลูก- สามี –ภรรยา-พ่อ-แม่ หรือบคุ คลอ่ืน ๆ ซึง่ เปน็ ทั้งผู้รว่ มงานและผู้ให้กาลังใจ รวมทั้งให้การสนับสนุน ถือว่าเป็นองค์ประกอบที่สาคัญ หรือด่านแรกของความสาเร็จ ก่อนถึงด่านอ่ืน ๆ ครอบครัว เปรยี บเสมือนเรอื คนในครอบครัวเปรียบเสมือนท้าย เรือ – ฝีพาย – หัวเรือ ที่ต่างคนต่างทาหน้าท่ี ของตนเอง ภาระหน้าท่ีต่างคนต่างรับผิดชอบจะเกื้อกูลกันภายในเรือที่จะเคลื่อนไปข้างหน้าให้ถึง จุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย อย่างน้อยครอบครัวต้องพร้อมที่จะเดินเคียงบ่าเคียงไหล่ ต่อสู่ อปุ สรรคและพรอ้ มท่จี ะใหก้ าลงั ใจเม่อื เจอปัญหาเม่ือท้อแท้ เม่ือล้มเหลว ไม่มีใครในโลกนี้ดุด่าว่าเรา ภายใต้ความหวังดี นอกจากคนในครอบครวั เท่านนั้

(1.5) การเตรียมภายนอก เมื่อมีการเตรียมพร้อมภายในพร้อมแล้ว การเตรียมความ พร้อมอน่ื ซึง่ เป็นความพร้อมทตี่ อ้ งมีและตอ้ งมคี วามพร้อมภายนอกโดยเฉพาะความพร้อมตอ่ ไปนี้ (1.6) เงินทุน ทุนที่จาเป็นที่จะใช้ในการลงทุน ให้มองเข้าหาตังเองก่อน ถ้าไม่จาเป็น อย่าใช้ทุนท่ีมีภาระผูกพันสูง เช่น ดอกเบ้ียสูง ระยะคืนทุนสั้น เสี่ยงต่อการลงทุนและให้มองทุน ตัวเองก่อนค่อยมองออกไปรอบตัว ทุนใกล้ตัวต้ังแต่ไม่ต้องคืนไม่มีดอกเบี้ย ดอกเบ้ียน้อย เงื่อนไข ไมเ่ สี่ยงต่อการลงทนุ หรือทุนที่ใหเ้ ปล่า (1.7) เตรียมเลือกทาเล การท่ีจะคิดเลี้ยงปลาไม่ว่าขนาดเล็ก ขนาดกลางหรือขนาด ใหญ่ก็ตาม ทาเลกม็ สี ่วนสาคญั สง่ิ จาเป็นที่จะตอ้ งดู คือ - น้า เป็นปัจจัยต่อการเล้ียงปลาอันดับต้น ๆ ถ้าน้าไม่พอถือว่าผลของ ความสาเร็จนอ้ ยมาก ต้องดูแลเร่ืองของน้าต้งั แต่ชลประทาน –หนอง-บึง นา้ ใต้ดินถ้าจาเป็นหรือท่ีลุ่ม เกบ็ น้าดี - ดิน ทาเลที่มีความอุดมสมบูรณ์ของดิน ดินดี ดูได้ง่ายคือ ดินที่ปลูกพืชงามดี มี แรธ่ าตุอาหารของพืชเพียงพอ จะลดตน้ ทนุ ในการเลี้ยง หรือการลงทุนได้มาก อาหารพชื มาก อาหาร สตั ว์ก็มีมาก - ทางคมนาคม ต้องการมีถนนหนทางเข้าออกได้ตลอดท้ังปีโดยเฉพาะการ ลาเลยี ง วัสดุ/ เครือ่ งมอื เครอ่ื งใช้ อาหารปลา เขา้ ออกสะดวก - ไฟฟ้า ไฟฟ้ าก็เป็นส่ วนหน่ึ งท่ีมี ความจาเป็นต่อการเล้ี ยงปลา แสงสว่ าง - ส่ิงแวดล้อม ดูว่ามีผลกระทบต่อคนอื่น ๆ หรือไม่ ต้ังแต่เร่ืองของน้าเสียจาก ภายนอก หรือจากภายในไปกระทบต่อภายนอก หรือจากภายในไปกระทบต่อภายนอก คนสังคม รอบขา้ ง - กลุ่มผู้บริโภค เป็นกลุ่มท่ีมีความสาคัญต่อการจาหน่ายหรือ การตลาด เป็น ชุมชนขนาดใหญ่ หรอื ขนาดเลก็ ท่ีมกี ลุ่มเป้าหมายรองรับการจาหน่ายในระยะสั้น และระยะยาว แต่ อยา่ งไรกต็ าม ของแนะนาใหท้ าจากเล็กไปหาใหญ่ ตงั้ แตเ่ พ่ือกนิ เหลอื กินแจก เหลือแจกสดุ ท้ายขาย การขดุ บ่อเลี้ยงปลา การขุดบ่อเล้ียงปลา ให้ดูต้ังแต่ระยะส้ัน จนถึงระยะยาว ประโยชน์ใช้สอย วัตถุประสงค์ ขนาดความเหมาะสมของบ่อและความจากัดของพื้นท่ี ขอแนะนาการวางผังของบ่อที่ จาเป็น คือ (1) ลักษณะของบ่อ ควรเป็นบ่อท่ีมีขนาดตามวัตถุประสงค์ของการใช้ประโยชน์ เช่น บ่อเล้ยี ง- บอ่ อนุบาล บ่อพกั นา้ บอ่ เก็บน้า แต่อย่างไรกต็ ามให้คานึงถงึ การเปลี่ยนแปลงของงาน

วตั ถุประสงคอ์ าจเกิดการเปลยี่ นแปลงได้ ในอนาคตลักษณะของบอ่ ควรเปน็ รูปสี่เหล่ยี มผืนผา้ เพราะ ประโยชน์ให้สะดวกต้งั แต่ การให้อาหารปลา การจบั ปลาลงอวน (2) ขนาดของบ่อ ไม่ควรต่ากว่า 1 ไร่ แต่ต้องข้ึนอยู่กับทะเลและความจาเป็นของ พืน้ ที่ อาจเพม่ิ หรือลดได้ - ลึก เก็บน้าได้ไม่ต่ากว่า 1.20 เมตร สาหรับบ่อเลี้ยง และอนุบาลถ้าเป็นบ่อ เก็บน้า –พักนา้ ไมค่ วรตา่ กว่า 2 เมตร - คันบ่อ ไม่ต่ากว่า 8-10 เมตร เพื่อแก้ปัญหาการซ่อมคันบ่อบ่อย ๆ รวมทั้ง ประโยชน์ใชส้ อยให้เกือ้ กูล ปลูกพืชผักได้ ความลาดเอียงของคันบ่อไม่ควรเกนิ 50 องศา (3) ให้ดูทางน้า การวางผังของบ่อให้ดูทางน้า คือ อย่าทาบ่อปิดทางเดินของน้าต้อง วางแผนทางระบายน้า และเผ่ือเม่ือฉกุ เฉินทาท่อน้าเข้า – น้าออก ถ้าเป็นไปได้น้าเข้ากับน้าออกอย่า ให้อยูด่ ้านเดยี วกัน ต้องให้กระจายน้าในบ่อไดท้ ้งั บ่อ ถา้ มกี ารเปลย่ี นน้าหรือปรับสภาพของน้า (4) ให้ดูทิศทางลม ลมเป็นส่วนหน่ึงในการเลี้ยงปลา พัดหมุนเวียนน้าในบ่อ ทาให้ อากาศในน้าเพียงพอต่อการดารงชีวิตของพืชและสัตว์น้า ซ่ึงเป็นอาหารของปลา รวมท้ังปลาด้วย ถ้าไม่ถูกจากัดด้วย พ้ืนที่ ทาเล และทางเดินทางน้า ถือว่าเป็นความจาเป็นต้องให้ความสาคัญอย่าง มากอย่ามองข้าม โดยทาบ่อใหค้ วามยาวของบอ่ ยาวตามทิศทางของลม (5) การเตรยี มบอ่ การเลี้ยงปลาให้ได้ผลดี บ่อเล้ียงต้องมีการเตรียมบ่อให้ดี การเตรียมบ่อแต่ละ ประเภทใชส้ อยแตกต่างกันตามความเหมาะสมและจาเป็นเพอื่ วัตถปุ ระสงค์ คือ - กาจัดวัชพชื ภายในบอ่ ให้สะดวก ซึง่ เป็นทีห่ ลบซอ่ นของศัตรขู องปลา - กาจัดศตั รู ของปลาออกให้หมด หรอื ให้ได้ดที ส่ี ุด - ตากก้นบอ่ เพอ่ื ลดการเนา่ เสยี กน้ บอ่ และฆ่าเชอื้ ในบอ่ - ใชป้ ุ๋ยรองกน้ บอ่ เพอื่ ให้บ่อมีความสมบูรณ์มากขึน้ - ใชแ้ รป่ รบั สภาพดิน นา้ ที่เปน็ กรม หรอื เปน็ ดา่ ง - เตรียมสร้างแหลง่ อาหารของปลาทีเ่ กิดข้ึนเองธรรมชาติ การเตรียมบอ่ ขอแบง่ ออกตามประเภทของบอ่ ดังน้ี บ่อใหม่ หมายถึง บ่อที่มีการขุดใหม่ ซ่ึงมีความสมบูรณ์ของหน้าดินน้อยมากเพราะ หน้าดินท่ีมีความสมบูรณ์ถูกขุดหรือดันไปอัดไว้ในคันบ่อ จึงมีความจาเป็นต้องสร้างความสมบูรณ์ ของหน้าดนิ ใหม่ การเตรียมให้ปฏิบตั ดิ ังนี้

- ปลกู แฝก ตามขอบบอ่ เพอื่ ปอ้ งกนั การพังทลายของดนิ อยา่ งน้อย 2 แถวระยะห่างแต่ ละแถวประมาณ 1 เมตร ชว่ งระหว่างแถวปลูกผักบุง้ จนี เพ่อื คลุมหน้าดนิ และเปน็ อาหารของปลากนิ พืช - ก้นบ่อ ใช้ปุ๋ยคอก หว่านให้ท่ัวในอัตรา 500 - 1,000 กิโลกรัม ต่อ 1 ไร่ เพ่ิมหรือ ลดลงขนึ้ อยูก่ บั ปุย๋ คอกท่ีใช้ - ใช้ปูนขาว หว่านให้ท่ัวก้นบ่อเพ่ือปรับสภาพดิน ก้นบ่อ ในอัตราส่วน 200 กิโลกรัม/ ไร่ - ถ้าเตรียมบ่อเล้ียงไม่ใช่อนุบาล ให้ทากองปุ๋ยหมักหรือกองปุ๋ยพืชสด ตามมุมของบ่อ อยา่ งนอ้ ย 4 กอง - เอาน้าเข้าบ่อ โดยการกรองน้าด้วยตาข่ายเขียว ขนาดตา 20 ตา/1 ตาราง เซนติเมตร - 24 ตา/ตารางเซนติเมตร ย่ิงดีระดับน้าให้ลึกประมาณ 50 ซม. ท้ิงไว้ 1 สัปดาห์ ค่อย เติมนา้ เข้าอกี ให้ได้ 1 - 1.20 เมตร พรอ้ มที่จะปล่อยปลาลงเลีย้ งตอ่ ไป บ่อเก่าทส่ี บู นา้ ออกได้ การเตรยี มให้ปฏบิ ตั ดังน้ี - สบู น้า ออกจากบอ่ ใหแ้ ห้งและจับปลาทกุ ชนดิ ออกให้หมด เพอื่ ความแน่ใจ ตากบอ่ 1 สปั ดาห์เพ่ือเอาปลาออกใหห้ มด - กาจัดเอาวัชพืชในบ่อ บริเวณขอบบ่อที่เป็นแหล่งหลบซ่อนของศัตรูปลาออกให้ สะอาด ถ้าเปน็ หญ้าสดใหใ้ ช้กองทาปุย๋ พืช เพ่อื เป็นแหล่งอาหารของปลาให้เกิดตะใคร่น้าและ สัตว์ นา้ เลก็ ๆ ในนา้ เป็นอาหารของปลา - ใชป้ นู ขาว ใชป้ ูนร้อนได้ยิ่งดี เพราะจะกาจัดท่ีหลงเหลือในโคลนตมแทนการใช้โล่ต๊ิน ( หางไหล ) เป็นการประหยัดกว่า ซึ่งได้ประโยชน์หลายอย่างทั้งฆ่าเช้ือก้นบ่อ ปรับสภาพดินและน้า ฆ่าปลาที่ก้นบ่อที่เตรียมออกไม่หมด ในอัตราส่วน 50 กิโลกรัม-100 กิโลกรัม ต่อ 1 ไร่ มากน้อย ขนึ้ อยู่กับสภาพของก้นบอ่ - ใส่ปุ๋ยคอกรองก้นบ่อ ถ้าได้ปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพย่ิงดี และพืชจะข้ึนได้ดี ปุ๋ยคอกใน อัตรา 200-500 กิโลกรมั /ไร่ ป๋ยุ อินทรียช์ ีวภาพ อัตรา 100-200 กิโลกรมั /ไร่ - ตากบอ่ ท้งิ ไว้ 1 สัปดาห์ หน้าดินก้นบ่อจะเริ่มมีสีเขียว จึงเติมน้าเข้าบ่อโดยการกรอง ด้วยข่ายเขียวตาถ่ี ไม่ให้ปลาอื่น ๆ เข้าได้ ระดับน้าให้ลึก 70-120 เซนติเมตร พร้อมท่ีจะปล่อยปลา ต่อไป บ่อเกา่ ท่ีไม่สามารถสูบนา้ ลา้ งบ่อได้ หมายถงึ บอ่ ท่ีมีขนาดใหญน่ ้ามาก การสูบน้าลงทนุ หรอื ไมม่ ีแหลง่ นา้ ใกล้เคยี งท่ีจะเอา

- หาทางจับปลาท่ีมีอยู่ในบ่อออกให้เหลือน้อยท่ีสุด ตัวอย่างใช้อวนลากหลายรอบ ประกาศมกรรมจับปลา หรือใช้วิธีสุดท้ายใช้ หางไหลทุบแซ่น้าสาดให้ท่ัว อาจลงทุนสูงหน่อย แต่ถ้า ไม่หม่ันใจการแก้ปัญหา คือ วิธีอนุบาลลูกปลาให้มีขนาด 5-7 หรือ 7-10 ซม. ปล่อยจะแก้ปัญหาได้ มาก ถา้ ใช้ยาเบื่อปลา (หางไหล ) ต้องปลอ่ ยท้ิงไว้ 7 วนั จึงปล่อยปลา - ทากองปุ๋ยหมัก หรือ ปุ๋ยพืชสด ตามบริเวณขอบบ่อ 7 ไร่ / กอง กองละ ประมาณ 1,000 กิโลกรัม จะเป็นการเพิ่มแหล่งอาหารให้กับปลาท่ีจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติที่ปลาต้องการ เมื่อไหร่จะมีกินทุกเวลา จะทาให้ลดต้นทุนในการเลี้ยงลงเกิน 20 % เม่ือกองปุ๋ยหมักและ ปุ๋ยพืช สดหมดเนื่องจากการเน่าเปลือย ย่อยสลายและปลาบางชนิดกินโดยตรง เช่น ปลากินพืชเน่าเปลือย (นวลจันทรเ์ ทศ - ยี่สกเทศ – ปลาแรด - สลิด เป็นต้น ) ให้ทาเพิ่มในระหว่างการเล้ียงได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะในฤดฝู น วัชพชื ที่ใช้ทาปุ๋ยพชื สดมากหาไดง้ ่าย - ถ้าน้ามีความเป็นกรดหรือเป็นด่าง ควรมีการปรับสภาพดิน โดยการใส่ปูนขาวปรับ สภาพของน้ามากน้อยข้ึนอยู่กับสภาพของน้ามากน้อยข้ึนอยู่กับสภาพของน้าถ้าน้าไม่มีปัญหาก็ไม่ จาเป็นต้องเพมิ่ ตน้ ทุน - ควรเติมปุ๋ยคอก นอกจากการทากองปุ๋ยหมัก ปุ๋ยพืชสด เพ่ือให้ดินและน้ามีความ สมบูรณ์ของอาหารพืช เพ่ือให้พืชน้าเกิด เพื่อเป็นอาหารของปลาอย่างเพียงพอ เช่น ตะไคร่น้า แพ รงต้อนสตั ว์ เป็นตน้ จะทาใหป้ ุ๋ยคอกหรอื ปยุ๋ อนิ ทรยี ์ชวี ภาพ ควรเติมเปน็ ชว่ งๆ อย่าให้ขาดถ้าขาดจะ ทาใหพ้ ืชในนา้ (ตะไคร่) ตาย นา้ จะเนา่ เสีย ปลาจะลอยหวั และตายได้ วัสดุท่ีใชท้ ากองปยุ๋ พืชสด – ปุ๋ยหมัก ขอแนะนาดังน้ี - เศษซากวัชพชื ทกุ ชนิด - หญา้ สด - ฟางขา้ ว ตอซังข้าว - อื่น ๆ ที่หาได้งา่ ยในพนื้ ท่ี - ปยุ๋ คอก ขี้วัว - ข้ีหมู - ขไี้ ก่ อ่นื ๆ - ไมไ้ ผ่เพอื่ ทาหลักปักลอ้ มกองปุ๋ยไมใ่ ห้กระจาย วิธที า - ใช้หลักไม้ไผ่ปักบริเวณมุมบ่อ หรือชายตลิ่งล้อมเป็นวงกลม หรือคร่ึงวงกลม ขนาด เสน้ เผา่ ศูนย์กลาง 2-3 เมตร ตามขนาดของกองปยุ๋ - นาวัชพืช หรือวัสดุท่ีเตรียมไว้ กองทับอัดกันในน้า บริเวณหลัก ท่ีปักล้อมไว้ให้น้า ประมาณ 30 - 50 ซม. ใช้ป๋ยุ คอกหรือปยุ๋ อินทรียช์ ีวภาพ เททบั กระจายให้ทวั่ บนกองวตั ถุดบิ นนั้ ถ้า

ปุ๋ยคอกให้หนาประมาณ 10 เซนติเมตร ถ้าเป็นปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ ประมาณช้ันละ 50 กิโลกรัม ทา เหมอื นกบั ครั้งแรกเปน็ ช้นั ๆ ใหไ้ ด้ 3-5 ชั้น แล้วแต่ปริมาณของวัตถุดิบ ความลึกของน้าปริมาณของ ปลา ชั้นบนสุดให้ใช้วัชพืชดิบคลุมอีกคร้ังไม่ให้ปุ๋ยตากแดด รดด้วยน้าหมักชีวภาพให้เปียกชุ่มเป็น เสร็จ ถ้าไมม่ นี า้ หมักชวี ภาพใหใ้ ช้นา้ ธรรมดาในบ่อ รดให้ชุ่ม เป็นเสร็จ การทากองปุ๋ยหมัก ในบ่อ ปลา หรอื กองปยุ๋ พชื สด การเล้ยี งปลา การเล้ียงปลา หรือการปล่อยปลา นอกจากจะมีการเตรียมบ่อและอ่ืน ๆ ตามที่ได้ นาเสนอมาแล้ว ถึงจะทาได้ดีอย่างไร ก็ไม่ทาให้การเล้ียงสาเร็จ ถ้าขาดความรู้และประสบการณ์ ที่ไดก้ ล่าวไว้ในเบอ้ื งต้นของหนังสอื ฉบบั น้ี จึงอยากจะขอเสนอต่อท่านผู้อ่านและผู้ท่ีสนใจ ที่คิด จะ ปล่อยปลาในบ่อดินในนาข้าว ในกระซัง บ่อซีเมนต์ บ่อพลาสติก สิ่งที่ควรรู้และควรศึกษาท่ีจาเป็น เพ่ือป้องกันความผิดพลาด ที่จะเกิดข้ึนกับเลี้ยงปลา ซึ่งมันเคยเกิดกับคนท่ีเขียนมาแล้ว ซ้าแล้วซ้า เล่าหลายครง้ั ทีทอ้ แท้ หลายครงั้ ทีห่ มดกาลงั ใจ แตค่ วามอดทนเรียนรู้กับมัน ทาใหผ้ ่านวิกฤตมาได้ไม่ อยากให้ปัญหามันเกิดกับท่านผู้คิดจะลองเลี้ยงปลา ไม่ว่าจะเลี้ยงแบบไหน วิธีใด ให้มีปัญหาน้อย ท่ีสุด เมื่อเจอปัญหาในการปฏิบัติจริง จะได้แก้ไขได้ง่ายขึ้น และรวดเร็วขึ้น ก่อนท่ีจะเกิดความ เสียหาย จนล้มเหลว และท้อแท้ หมดกาลังใจ จะได้มีวิธีป้องกันไว้ก่อน ดีกว่าการแก้ไข ปัญหา บางอย่าง การแก้ไขทาได้ยาก ปัญหาบางอย่างต้องปล่อยให้ครบรอบการเล้ียงก่อน และแก้ไขใน รอบต่อไป ซ่ึงเป็นการสูญเสียที่ไม่อาจเอากลบมาแก้ไขได้ การนาเสนอผู้เขียนขอนาเอาความรู้ที่ เกิดจากประสบการณ์จาก 30 กวา่ ปีทีส่ ระสมมา นาเสนอ 6 ด. ดังน้ี ดอที่ 1 สายพันธ์ดุ ี ดอที่ 2 ประเภทปลาเหมาะดี ดอที่ 3 ความหนาแน่น พอี ดอที่ 4 คณุ ภาพดี ดอท่ี 5 อาหารดี ดอที่ 6 บรหิ ารจดั การดี ดอที่ 1 สายพันธด์ุ ี สัตว์ท้ังหลายในโลกนี้ต้องอาศัยสายพันธ์ หรือภาษาเรียกว่า พันธุกรรมดังภาษิตท่ีว่า จะดูวัวให้ดูหาง จะดูนางให้ดูแม่ จะดูให้แท้ต้องดูถึงตาถึงยาย ภาษิตน้ีใช้ได้กับทุกอย่างท้ังพืชและ สัตว์ เพราะฉะน้ันลูกปลาที่จะนาไปเล้ียงจาเป็นหรือเป็นปัจจัยหนึ่งของความสาเร็จในการเล้ียงปลา ลูกปลาทนี่ ามาเล้ยี งตอ้ งเกดิ จากพ่อแม่พันธทุ์ ดี่ ี พ่อแม่พันธุท์ ดี่ ี ตวั อย่าง เช่น

(1) อายุ 1 ปขี นึ้ ไป แตไ่ มเ่ กิน 3 ปี ยกเว้นปลาบางชนดิ ที่เปน็ ปลาขนาดใหญ่ การเจริญ พนั ธย์ุ าว (2) น้าหนักไม่น้อยกว่า 1 กิโลกรัมขึ้นไป ยกเว้นปลาท่ีมีขนาดเล็ก เช่น ปลาตะเพียน ไมค่ วรต่ากว่าครงึ่ กโิ ลกรมั ขึ้นไป (3) ไมพ่ ิการทกุ สว่ น (4) ลักษณะของสายพนั ธไุ์ มผ่ ิดจากลักษณะสายพันธุเ์ ดมิ ถ้าได้ลกู ปลาจาก พอ่ พนั ธท์ุ ี่ ดีที่กล่าวมา เล้ียงง่ายโตเร็ว ผลตอบแทนคุ้มค่า หลีกเล่ียงการเอาพ่อแม่ลูกหลานของปลาผสมกัน หลายรอบจะทาใหป้ ลาโตชา้ เลือดชดิ วิธีตัดสินใจแบบง่าย ๆ ให้ดูที่การบริหารจัดการเป็นหลัก หรือความเช่ือมั่นในการ บรหิ ารจัดการซ่งึ เป็นแหลง่ ทม่ี าของลกุ ปลา ก่อนตดั สนิ ใจซื้อ ดอท่ี 2 ประเภทของปลาเหมาะสมดี ประเภทของปลาจาเป็นท่ีผู้เลี้ยงจะต้องศึกษา เรียนรู้ทาความเข้าใจก่อนเล้ียง หรือ นามาเลย้ี ง ตั้งแต่ (1) เรื่องการกินอาหาร ประเภทอาหาร ว่าปลาแต่ละชนิดกินอาหารไม่เหมือนกัน ซ่ึง ขอแบ่งไว้ 3 ประเภทคือ - กินเน้อื - กนิ พชื - กนิ ทัง้ เนือ้ และพชื ให้ดทู ที่ าเลหรือบ่อของเราเป็นหลัก และให้คานึงถึงอาหารท่ีเกิดขึ้นในบ่อ ตั้งแต่ความ สมบูรณ์ของดินและน้าทาให้เกิด หรือเราทาให้เกิด ตามหลักการเตรียมบ่อที่ได้พูดถึงมาแล้ว ใน ขั้นตอนการเตรียมบอ่ (2) ระดับหากินของปลา ปลาแต่ละชนิดมีระดับการหาอาหารต่างกัน นอกจากจะกิน อาหารตา่ งกนั ซ่งึ แบ่ง ออก 3 ระดับ คือ - ระดบั ผวิ นา้ - ระดับกลาง - กน้ บ่อ เพราะฉะน้ันการหาอาหารของปลาในบ่อต่างกันต่างระดับ จะทาให้การสูญเสียของ อาหารปลาน้อยลง และลดมลพษิ ของบอ่ ได้อีกด้วย ขอยกตวั อยา่ งปลาตามระดบั การหาอาหาร คอื

- ระดับผวิ น้า ปลาตะเพยี น และปลาทกี่ นิ พชื สดทุกชนดิ - ระดับกลางน้า เปน็ ปลาทกี่ ินหญา้ เนา่ ตะใคร่น้า แพลงตอนด์ เช่น ปลาจีน ปลานลิ สวาย - ระดบั กน้ บอ่ เปน็ ปลาท่ีกินหญ้าเน่า ตะใคร่นา้ รากพชื เศษอาหารตามกน้ บอ่ เช่น ปลาไน –นวลจนั ทร์เทศ เพื่อใหเ้ กิดความเกื้อกลู ของปลาควรศึกษาเพื่อประกอบการวางแผนใน การเล้ยี ง และการกาหนดประเภทของปลา - นิสยั และสงิ่ แวดลอ้ มทีเ่ หมาะสม เพื่อใหป้ ลาที่เลี้ยงเจรญิ เติบโตในแหล่งน้าท่ีเป็น ธรรมชาติของปลาแตล่ ะชนิด เช่น นา้ ลึก นา้ ตนื่ น้าไหล น้านิ่ง เราต้องศึกษาสิ่งแวดล้อมท่ีเหมาะสม กับประเภทของปลาใหเ้ หมาะสมกับทาเล หรอื บอ่ ของเราทีม่ ีอบยู่ ดอท่ี 3 ความหนาแนน่ มีความเหมาะสมดี ขอใหค้ วามสาคญั เปน็ อับดับหน่ึง สาหรับปัจจัยความหนาแน่น ถ้าปลาความหนาแน่น อย่างเดียว จะทาให้ปัญหาอื่นลดลงตามลาดับความหนาแนน่ แต่ผูเ้ ลีย้ งปลาส่วนมาก มองข้ามปัจจัย นี้เพราะมันทวนกระแสของความโลภ จึงทาให้ผู้เลี้ยงหลงทาง การปล่อยพันธุ์ปลาในบ่อเลี้ยงย่ิงลด ความหนาแนน่ ลงได้เท่าไหร่ คือการลดต้นทนุ ลงได้เทา่ นนั้ ตามลาดบั และต้นทนุ อ่ืน ๆ จะลดลงด้วย เพราะฉะนน้ั ผเู้ ล้ียงตอ้ งศกึ ษาเรียนรอู้ ัตราความหนาแนน่ ของปลาแตล่ ะชนิด และความหนาแน่นรวม ของปลาในบ่อ เช่น ความหนาแน่นรวม 1 ไร่/ ตัว หรือปลาแต่ละประเภทมีความเป็นอยู่หนาแน่น ตา่ งกนั เชน่ ปลาจนี - ปลานลิ - ไน มีความหนาแนน่ ในการปลอ่ ยเลีย้ งตา่ งกัน ขอแนะนาดงั นี้ อัตราการปลอ่ ยปลา ระยะเวลา 6 เดือน อัตรา ระยะเวลา 12 เดอื นอตั ราการ ความหนาแนน่ ปล่อย / ไร่ ปลอ่ ย/ไร่ รวม/ไร่ ประเภทพันธป์ุ ลา 3,000 - 5,000 ตวั 5,000 - 10,000 หวั 3,000 - 10,000 ตวั พันธปุ์ ลารวม 1,000 - 1,500 1,500 - 3,500 ปลานลิ 1,000 - 1,500 1,500 - 2,500 ปลาตะเพยี น 300 - 700 700 - 1,500 ปลาไน 300 - 500 500 - 1,000 ปลายีส่ กเทศ 300 - 500 500 - 1,000 ปลานวลจนั ทรเ์ ทศ ปลาจนี และปลาขนาดใหญ่ 100 - 300 300 - 500 และโตเรว็ อนื่ ๆ ปลาดุก (บิ๊กอุ่ย) บ่อดินระยะเวลาการเลี้ยง - บ่อซีเมนต์ 60 - 90 วนั - บ่อพลาสตกิ 50 - 100 ตวั /ตารางเมตร - ระยะเวลา 60 - 90 วัน 100 - 150 ตวั ต่อ

อัตราการปล่อยตามตารางที่แสดงให้ศึกษา ไม่ใช้เกณฑ์ท่ีตายตัวและลงตัว แต่เป็นแค่ หลังจากประสบการณ์ของผู้เขียน แต่ให้คานึงถึงทาเลของบ่อเล้ียงที่แตกต่างและแหล่งอาหาร ที่ แตกตา่ งรวมท้งั การบริหารจัดการที่แตกต่าง เพราะฉะน้ันให้นาไปปฏิบัติและปรับใช้ให้เหมาะสมกับ สภาพความเป็นจริงของบ่อ และตัวผู้เลี้ยงเองจะได้พบกับคาตอบที่แท้จริงว่าจะเพ่ิมจานวนหรือ ลด จานวนความหนาแนน่ ลงจากตวั เองและจากการกระทาจริง จะไดส้ ่ิงทด่ี ีกว่าแน่นอน ดอที่ 4 คณุ ภาพลกู ปลาดี เร่ืองคุณภาพนาไปสู่ความเก่ียวข้องต้ังแต่จานวนการรอด ของปลา การเจริญเติบโต ลดต้นทุนในการเลี้ยง และลดเวลาการเล้ียง รวมท้ังปัญหาต่าง ๆ ในช่วงเวลาเล้ียงน้อยลง การดู คณุ ภาพของปลา ขอแนะนาดังต่อไปนี้ (1) ขนาดของปลาใกล้เคียงกัน หรือมีขนาดปลาทุกประเภทจะปล่อยเล้ียงในบ่อ เดียวกัน มีขนาดไร่เร่ียกนั (2) ถ้าเลือกได้ให้ปล่อยปลา หรือเลือกซื้อขนาดไม่ควรต่ากว่า 3 - 5 ซม. ขึ้นไป ย่ิงโต ขึ้นเทา่ ไหร่ยิ่งดเี ล้ียงง่ายโดยเร็ว จานวนเปอร์เซ็นตก์ ารอดตายสูง (3) แข็งแรง สุขภาพดี การพักปลา การเลี้ยงจัดการดี ไม่ขนย้ายไกลเกินไป หรือช่วง อากาศร้อนมาก ไม่ติดเช้อื หรือขาดออกซิเจน (4) ลูกปลาไมป่ นกนั จนไมส่ ามารถแยกประเภทเพอ่ื นบั จานวนลงปล่อยใหเ้ หมาะสม ดอท่ี 5 อาหารดี อาหารดีคือส่ิงท่ีจาเป็นต่อการเล้ียงและการดารงชีวิตของสิ่งมีชีวิตโดยเฉพาะอาหาร เพยี งพอและตรงกบั ความต้องการของปลา น้อยเกินไปก็ไม่เหมาะสมกับความต้องการ มากเกินไปก็ ทาให้เหลือเป็นเศษอาหาร โดยเฉพาะปลาจะไม่ยอมกินอาหารท่ีเหลือในมื้อต่อไป จะทาให้อาหาร เน่าเสีย น้าเน่าเสีย ก้นบ่อเกิดกรดแก๊สเป็นพิษ ปลาขาดออกซิเจน ลอดหัวตอน เช้า โตช้า ไม่กิน อาหาร คายเยื่อ หนักเข้าปลาจะตาย เพราะฉะน้ันขอแนะนาให้ผู้เล้ียงปลาและผู้อ่านทุกท่าน ตระหนักถึงว่าอาหารท่ีให้ไม่ว่าจะเป็นอาหารสาเร็จรูป ลอยน้า หรือจมน้า อาหารทาเอง ขอให้ไป ปรบั ลด – เพ่ิม ให้พอเหมาะแก่การให้อาหาร อยากจะแนะนาว่าอาหารที่มีในบ่อตามธรรมชาตินั้น สาคญั ไม่แพ้อาหาร ทเ่ี ราให้แนะให้สรา้ งอาหารให้เกดิ เองซ่ึงได้นาเสนอไวแ้ ลว้ ในขั้นตอนการเตรียม บอ่ ซ่ึงปลาสามารถกนิ ได้ทกุ เวลาท่ีมนั ต้องการไม่ตอ้ งรอถงึ เวลา

ขอแนะนาสตู รอาหารปลา สูตรประหยดั วัตถดุ บิ - ปลายขา้ ว 2 กิโลกรัม - ผักสด/ผกั บงุ้ สด 2 กโิ ลกรมั - ปลาปน่ 1 กโิ ลกรมั - ราอ่อน 10 กิโลกรัม - เกลอื แกง 300 กรมั วธิ ที า - ต้มปลายข้าวโดยห่ันผัก/ผักบุ้ง ต้มผสมกัน ใส่น้าให้ข้าวสุก น้าหมดพอดี ปล่อยให้ เยน็ ตม้ ตอนเชา้ ใหต้ อนเยน็ - ใช้ราอ่อนผสมปลาป่น และเกลือแกง ผสมให้เข้ากันดี นาไปคลุกเคล้ากับปลาย ขา้ วตม้ /ผัก จนเหนย่ี ว ปั้นก้อนโต ถ้าเหลวใหเ้ ติมราออ่ นจนพอดี นาไปโยนบ่อให้ปลา หรือวางกะบะ รองให้ลึกประมาณ 50 ซม. ถ้าจาเป็นใช้มากเพ่ิมตามส่วนวัตถุดิบ เวลาให้อาหารท่ีดี ควรให้อาหาร ปลาตอนเช้าตั้งแต่ 08.00 ข้นึ ไปไม่เกนิ 10.00 ตอนเย็นประมาณเวลา 15.00 น. – 18.00 น ไม่ควร ใหอ้ าหารปลากนิ พชื ในเวลากลางคนื ปลาไมค่ อ่ ยกินจะใหเ้ น่าเสีย เป็นอันตรายต่อการดารงชีวิตของ ปลา นอกจากปลากินพืชแต่ไม่ควรเกิน 20.00 น. ปริมาณการให้ ขอแนะนาแบบง่าย ๆ ให้หา ประสบการณ์ จากการปฏิบัติไม่อยากให้สูตรตายตัวเพราะการกินอาหารของปลาเพ่ิมลดได้ โดยเฉพาะตัวอย่าง เช่น ปลาป่วย - ปลาถูกรบกวนต่ืนตกใจ ขาดออกซิเจน - น้าเสีย - ร้อนจัด - เย็นจัด ทาให้มีผลกระทบต่อการกินอาหารของปลา จะเพ่ิมหรือลดอาหารให้สังเกตง่าย ๆ ดังนี้ หลงั จากให้อาหารไปแล้วประมาณ 20-30 นาที ให้ไปดูว่าอาหารเหลือหรือหมดมื้อต่อไปควรจะเพิ่ม หรือลด ขอใหท้ ่านเรียนร้จู ากประสบการณจ์ ริง ดอท่ี 6 การบริหารจัดการ การบริหารจัดการเป็นปัจจัยท่ีต้องไปเก้ือหนุนให้การดาเนินการให้ 5 ดอ และการบริหารอ่ืน ๆ บรรลุเป้าหมาย หากความบกพร่องเกิดขึ้นกับการบริหารจัดการทาให้ขบวนทั้งขบวน ต้ังแต่ดอที่ 1 จนถึงดอท่ี 5 เสียขบวน ชวนเซไปตามกัน และรวมไปถึงขบวนอ่ืนๆ ตั้งการเตรียมตัวหรือพูดง่าย ๆ ว่าความรู้จากประสบการณ์ของการบริหารจัดการ โดยเฉพาะการเล้ียงแบบเกษตรกรธรรมดายิ่งถ้า ทายตวั เอง และสง่ ผลตอ่ ความสาเรจ็ มาก เพราะเกษตรกรก็คือเกษตรกรวันยังค่า ความรู้ การศึกษา เป็นข้อจากดั แต่ไมไ่ ด้แต่ต่างกับอาชีพการเกษตรอ่ืน ๆ เลย ที่ผู้สนใจต้องเรียนรู้จากการปฏิบัติ โดย เร่มิ จากเลก็ ๆ ก่อน ลองผดิ ลองถกู เพือ่ สงั่ สมประสบการณ์เดินไปทีละก้าวเป็นขั้นตอน โดยใช้ความ เพยี รพยามเป็นตวั ตั้ง เพราะคาวา่ ผูจ้ ดั การเป็นศัพทว์ ชิ าการ แตง่ านในตาแหนง่ น้ีมอี ยใู่ นตวั ของ

เกษตรกรไทย โดยสายเลือดอยู่แล้ว เพราะเป็นทั้งผู้จัดการฝ่ายผลิต การตลาด ทั่วไป หรือจัดการ อ่ืนๆ ไม่เคยได้จ้างเลย มันอยู่ในตัวของคนๆ เดียวหมด จึงพูดได้ว่ามันท้าทาย การบริหารงานของ เกษตรกร นอกจากจะเปน็ ในตาแหนง่ ผู้จัดการแล้ว ตาแหนง่ ตั้งแต่พนกั งาน คนงาน ภารโรง แม่บ้าน รับเหมาหมด โดยไมม่ ีวุฒบิ ัตรรับรองเลย และเอาวุฒิบัตรรับรอง คือ ความขยันหม่ันเพียร สมถะอด ออม ซื่อสัตย์สุจริตอดทนเป็นที่ต้ังทนต่อความผิดพลาดซ้าแล้วซ้าอีก จนเกิดความแกร่งในตัวเอง น่ี คือของดีของเกษตรกรไทย ท้ายการนาเสนอ ขอเน้นย้ากับท่านผู้อ่านว่า ความสาเร็จท้ังปวง ไม่ได้ ขึ้นอยู่กบั ความรู้ ความรูท้ ี่มนุษย์ยกยอ่ งสรรเสรญิ คือ มหนั ตภยั ของสงั คม ถา้ ขาดคณุ ธรรมนาทาง ถา้ ทาได้ หกดี ไม่มีพลาด เหมอื นกับวาด บรรจง ลงไว้กอ่ น จะปรากฏ ผลลัพธ์ กบั ทกุ ตอน อยากขอวอน ผอู้ ่าน ทานหกดอ ดอทห่ี นง่ึ สายพนั ธุ์ดี ไมม่ พี ลาด ดอทสี่ อง ประเภทปลา ใหเ้ หมาะสม ดอทีส่ าม ความหนาแน่น ใหเ้ กลยี วกลม ดอทสี่ ี่ คุณภาพสม แขง็ แรงดี ดอทีห่ า้ อาหารพอ มคี รบถ้วน ดอที่หก ครบกระบวน บรหิ าร ครบหกดอ เร่อื งปญั หา ไมแ่ พ่วพาน ใชห้ กดอ สอดประสาน งานดเี อ๋ย

ศนู ยบ์ ้านไรไ่ ผ่งามฟาร์ม ลุงประยงค์ ใจเปน็ ต้ังอยู่ 57/1 หมู่ 5 บ.หนองตอ ตาบลเชียงยนื อาเภอเมือง จังหวดั อุดรธานี การเลยี้ งปลาให้ประสบผลสาเร็จ ลักษณะท่วั ไปของปลานลิ ปลานลิ เป็นปลาที่มีรูปทรงแบบข้าง ริมฝีปากบนและล่างเสมอกัน แก้มมีเกล็ด 4 แถว มีลายพาดขวางลาตัว 9 - 10 แถบ ครีบหลังมีก้านครบี แข็ง 15 - 18 อัน กา้ นครีบออ่ น 12 - 14 อัน เกลด็ ตามแนวเส้นขา้ งลาตวั 33 เกลด็ กระดกู แก้มมีจุดสีเข็ม 1 จุด ครีบ ก้นและหางมีจุดสีขาว และ เส้นสีดาตัดขวางทวั่ ไป ลักษณะของปลานิลเพศผแู้ ละเพศเมีย ปลานิลเพศเมีย มีลักษณะของต่ิงเพศปลายมน มี ช่องเปิดบน ต่ิงเพศ 2 ช่อง คือ ช่องปิดที่ปลายต่ิง เป็นช่องปัสสาวะ และช่องเปิดบริเวณก่ึงกลางติ่งเป็นช่องทางอกของไข่ บริเวณใต้คางมีสีค่อนข้าง เหลือง ปลานลิ เพศผู้ ติ่งเพศมีลักษณะยาวเรียว ปลายแหลม ช่องเปิดมีเพียงช่องเดียวท่ีปลายต่ิง ใต้คางมีสี คอ่ นข้างคลา้ เปน็ สแี ดงอมม่วง (1) ปลานิลเพศเมียจะมพี ฤติกรรมเล้ียงลกู โดยแม่ปลาจะอมไข่ไว้ในปากเพื่อฟักเป็นตัว ในชว่ งอมไขแ่ ม่ปลาจะกนิ อาหารไม่ได้ ทาใหแ้ ม่ปลาผอม (2.)ปลานิลสามารถผสมพันธ์ุและวางไข่ได้ดีโดยวางไข่ได้ทุกๆ 15 วัน ทาให้แพร่พันธุ์ ในบ่อไดเ้ รว็ มากจนประชากรหนาแนน่ เกินไป จึงมีอตั ราการเจริญเตบิ โตตา่ เลยี้ งปลานิลแปลงเพศแล้วดีอย่างไร (1) อัตราการเจริญเติบโตดี ตน้ ทุนการผลิตตา่ (2) ไดป้ ลาที่มีขนาดใกลเ้ คยี ง (3) ไมม่ ีลกู ปลานิลเกิดมากในบอ่ ลดปญั หาประชากรปลาแนน่ บอ่

เลีย้ งปลานลิ แปลงเพศแล้วดีอย่างไร (1) อตั ราการเจริญเตบิ โตดี ตน้ ทุนการผลติ ตา่ (2) ได้ปลาท่มี ขี นาดใกล้เคยี ง (3) ไม่มีลูกปลานลิ เกดิ มากในบ่อ ลดปญั หาประชากรปลาแนน่ บ่อ วิธกี ารแปลงเพศปลานลิ (1) รวบรวมพอ่ แม่พันธุ์ดี (2) นาพ่อแมพ่ ันธุท์ ี่ได้ลงผสมพันธ์ุกนั ในกระชงั ในอัตราสว่ นตวั ผู้ 1 ตวั ตอ่ ตัวเมีย 2 ตัว (3) อัตราการปล่อย 2 ตัวต่อตารางเมตร ท้ิงไว้ 7 วัน สามารถเก็บไข่จากปากแม่ปลา ขนึ้ มาทาการฟกั และอนบุ าลในระบบนา้ หมนุ เวียน (4) ไข่ระยะที่ 1 - 3 ฟักในกรวยฟัก ส่วนตัวอ่อนระยะที่ 4 ให้นาอนุบาลในถาดจน แขง็ แรงและถงุ ไขแ่ ดงยุบ (5) นาลูกปลาท่ีถงุ ไข่แดงยบุ แล้ว ลงอนุบาลในกระชงั อัตรา 5,000 ตัว ต่อตารางเมตร (6) ให้อาหารผสมฮอรโ์ มนทเ่ี ตรยี มไว้ 21 วัน จะไดล้ กู ปลานิลแปลงเพศผู้ทั้งหมด ตาม ต้องการ สูตรอาหารผสมฮอร์โมน (1 กโิ ลกรมั ) (1) ผสมฮอร์โมน 17 - methyltestosterone ในแอลกอฮอล์ 95% (ethanal) อัตรา 0.5 กรมั /แอลกอฮอร์ 1 ลิตร เก็บในขวดสีชา (2) บดอาหารให้ละเอียด หรืออาจใช้อาหารสาเร็จรูปผสมกับสารละลายฮอร์โมนที่ ผสมไวใ้ น ข้อ 1 ในอตั รา 120 ml./ อาหาร 1 กิโลกรัม (3) เตมิ วติ ามิน c น้าหนกั 10 กรมั คลุกเกลา้ ให้เข้ากนั ใช้เวลา 5 นาที (4) ใส่แฮลกอฮอร์ 95% (ethanal) ผสมกับอาหารคลุกเคลา้ ให้เข้ากนั นาน 10 นาที (5) นาอาหารที่ผสมเข้ากันดีแล้วตากแดดให้แห้งหรือ อบด้วยตู้อบที่อุณหภูมิ 80o c นาน 2 ชั่วโมง เก็บอาหารท่ีได้ในภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิดหรือเก็บใส่ถุงพลาสติกและนาเข้าเก็บใน ตเู้ ยน็

ศูนยฝ์ กึ อบรมเกษตรผสมผสานบา้ นโนนรังบรู พา ตงั้ อยเู่ ลขท่ี 138 บ้านโนนรงั หมูท่ ี่ 6 ตาบลตลาดไทร อาเภอชมุ พวง จงั หวดั นครราชสมี า การเพาะพนั ธปุ์ ลาดุก ปลาดุกใช้ประกอบอาหารที่นยิ มรับประทานของคนไทยทุกภาพ แม้ว่าศูนย์เรียนรู้ไม่มี อุปกรณ์ที่ทันสมัยมาตรวจสอบความรู้ว่า “ปลาดุกมีสารบางชนิดท่ีช่วยชะล้างสารพิษตกค้างในตับ ตามการเรียนรู้ของชาวต่างประเทศ” แต่ก็สามารถค้นพบเบื้องต้นในแง่มุมที่สามารถพึ่งตนเองได้ ในการเพาะพันธ์ุภายหลังเข้ารับการอบรมจากการส่งเสริมของหน่วยงานทางการ รวมทั้งกลวิธีการ เลยี้ งจากการออกแบบขึ้นเอง ทท่ี าให้เนอ้ื ปลาดุกมีรสชาติอร่อยเหมือนปลาดุกที่มีชีวิตตามธรรมชาติ ในทุ่งนา ท่คี นทัว่ ไปมักเสาะหาซอ้ื ปลานากนิ ด้วยการฝึกให้ปลาดกุ ตั้งแต่ยังเป็นลูกปลา ฝึกกินพืชผัก ที่หมักด้วยน้าหมักชีวภาพปนด้วยหัวอาหารในช่วงแรก ๆ และค่อย ๆ ลดหัวอาหารให้น้อยลงใน เวลาตอ่ ๆ มา (1) สิ่งที่ต้องเตรียม ได้แก่ (1) บ่อเพาะ ควรทาเป็นบ่อซีเมนต์ กว้างประมาณ เมตร คร่ึงถึงสองเมตร ยาวสามถึงสี่เมตร ลึกประมาณหน่ึงเมตร ก้นบ่อทาเป็นพ้ืนลาดเอียง โดยเอียงจาก กลาง บ่อต่าไปทางด้านท่อระบายน้าท้ิง และ (2) บ่ออนุบาลมีขนาดเดียวกับบ่อเพาะ แต่ในการ เตรยี ม มีขั้นตอนตามลาดับ คือ ลาดับแรกโรยปูนขาวในอัตรา 1 กิโลกรัมต่อเนื้อที่ 1 งาน ต่อไปให้ โรยขี้ไก่พันธุ์ไข่ในอัตรา 50 กิโลกรัม ต่อเนื้อที่ 1 งาน (การใช้ขี้ไก่พันธ์ุไข่ก็เพราะมีธาตุอาหารมาก และสร้างน้าเขียวได้เร็ว ซึ่งเป็นน้าท่ีมีแพลงตอนที่เป็นเศษอาหารของลูกปลา) แล้วท้ิงบ่อให้แห้ง จากน้นั ปล่อยน้าเข้าบ่อสูงไมเ่ กิน 50 เซนติเมตร ขงั นา้ ไวเ้ พยี ง 1 คนื กอ่ นนาลกู ปลามาอนุบาล (ท้ังน้ี เพราะถ้านาน้าเข้านานกว่าน้ันหลายวันอาจมีแมลงศัตรูปลาจาพวก แมลงหัวควาย แมลงข้าวสาร เปน็ ตน้ ) (2) อุปกรณ์ท่ีใช้ในการเพาะพันธุ์ปลา ประกอบด้วย แม่พันธ์ุปลาดุกอายุ 1 ปีข้ึนไป ประมาณ 1 กิโลกรัม โดยตัวแม่พนั ธุแ์ ต่ละตัวไม่ควรมีน้าหนักต่ากว่า 2 ขีด พ่อพันธุ์ปลาดุก ในอัตรา 1 ตัวต่อ แม่พันธ์ุ 3 ตัว โดยในการคัดเลือกพ่อพันธ์ุปลาดุกน้ัน ควรเลือกตัวที่มีรูปร่างใหญ่ยาว แขง็ แรง แต่ละตวั ควรมีนา้ หนกั 1 กโิ ลกรัมขนึ้ ไป และควรมกี อ้ นน้าเช้ือขนาดใหญ่ น้ายาฮอร์โมน 10 ไมโครกรัม ยาเมด็ โมตเิ นยี มเอม็ 1 เมด็ (ซ่ึงใช้เป็นตัวกระตุ้นให้ไข่ปลาโดขึ้น) น้ากลั่น 90 ไมโครกรัม ครกขนาดเล็กสาหรับบดยา เข็มฉีดยาขนาดบรรจุได้ 100 ไมโครกรัม (ปริมาณที่กาหนดข้างต้นเป็น อัตราส่วนอยา่ งต่า ถา้ ต้องการเพิม่ ปรมิ าณควรเพ่มิ อปุ กรณ์ทกุ อย่างข้ึนตามสดั สว่ น ใหส้ อดคล้องกนั )

(3) วธิ ที า มีลาดบั ขัน้ ตอน ดังนี้ (1) บดยาเม็ดโมติเนียมเอ็ม ให้ละเอียด แล้วผสมกับน้ายาฮอร์โมน และน้ากลั่น แลว้ ดดู ใสห่ ลอดของเข็มฉดี ยา (2) ฉีดส่วนผสมในข้อ 1 เข้าไปในตัวแม่พันธุ์ตรงครีบท้อง โดยมีอัตราการฉีด 10 ไมโครกรัมต่อน้าหนักตัวปลา 1 ขีด และช่วงเวลาที่ควรฉีด คือ ประมาณหนึ่งทุมถึงสองทุ่ม (19.00- 20.00 น.) ซึ่งเปน็ เวลาทเี่ หมาะในการเตรียมวางไขต่ ามธรรมชาตขิ องปลาดุกในเวลาเช้า หลังจากน้ัน นาแมพ่ นั ธ์ลุ งบอ่ พัก (3) รีดไข่แม่พันธุ์ปลาดุกในช่วงเวลาประมาณตีส่ี (04.00 น.) ซ่ึงเป็นเวลาตาม ธรรมชาตขิ องปลาในการวางไข่ วิธีรีดไข่ใหจ้ ับแมพ่ ันธ์ุควา่ ลง เชดิ หน้าปลาขึน้ เลก็ นอ้ ย และควรใช้ผ้า รองมอื เพือ่ ป้องกนั การล่ืนหลุดมอื แล้วรดี ไข่ ลงในภาชนะรองรบั (4) จับพ่อพันธ์ุจากบ่อพัก โดยมีผ้าแห้งรองมือ จับหงายท้อง ใช้มีดกรีดตรงท้อง เป็นรูปตัวที ใช้น้ิวสอดเข้าไปใต้แผล จะพบเม็ดสีขาว 2 เม็ดท่ีมีรูปร่างเรียวยาว ให้ดึงออกมาแล้ว นามาขย้ีในผ้ามุ้ง พร้อมกับเทน้ากลั่นราดลงในผ้ามุ้ง เพ่ือให้น้าเชื้อลงไปผสมกับไข่ในภาชนะที่ได้ เตรียมไวแ้ ล้ว ใช้ขนไก่คนไปมาให้น้าเชื้อผสมกับไข่ให้ได้มากที่สุด จากน้ันนาลงวางในบ่อเพาะโดยมี ผา้ ม้งุ รองกนั ไวเ้ พ่อื ป้องกนั ไข่จม เมอ่ื เวลาผ่านไป 1 วนั จะเหน็ ไข่ฟกั ออกมาเปน็ ตวั ลูกปลาดุก ปล่อย ไว้จนกระทั่งวันที่ 2 จึงย้าย ลูกปลาลงบ่ออนุบาล โดยควรย้ายในเวลาสองโมงถึงสิบโมงเช้า (8.00- 10.00) ซง่ึ เป็นเวลาทป่ี ลาแตกตวั ออกมาจากไข่ ลูกปลาอยใู่ นบอ่ อนบุ าลประมาณ 10-15 วัน จึงย้าย ลงบ่อเลี้ยง (การเตรียมบ่อเล้ียงนั้น เตรียมเหมือนบ่ออนุบาล แต่มีระดับน้าลึกกว่า โดยควรลึกไม่ เกิน 1 เมตร มิฉะนั้นจะไม่สอดคล้องกับธรรมชาติของปลาดุก และบ่อเล้ียงควรมีพื้นที่ต้ืนเขิน ต่อเนื่องกับพื้นที่ ลาดเอียงเพื่อให้ปลาได้ว่ิงเลน่

ศูนยบ์ า้ นไรไ่ ผง่ ามฟาร์ม ลุงประยงค์ ใจเป็น ตั้งอยู่ 57/1 หมู่ 5 บ.หนองตอ ตาบลเชียงยืน อาเภอเมอื ง จังหวัด อุดรธานี เทคโนโลยีการแปลงเพศปลานลิ ปลานลิ ชื่ออังกฤษ : Nile Tilapia ชอ่ื วิทยาศาสตร์ : Oreochromis niloticus ถ่ินกาเนดิ : ทวปี แอฟริกา การแปลงเพศปลานิล ปลานลิ แปลงเพศคือปลาท่ไี ดร้ บั การเปลยี่ นเพศให้เปน็ เพศผซู้ ึง่ มีหลายวิธีแต่วธิ ที นี่ ยิ มมี 2 วธิ ีคอื (1) โดยการใหก้ นิ อาหารผสมฮอรโ์ มนเพศผู้ (2) โดยการถ่ายทอดทางพันธุกรรม สาเหตทุ ตี่ ้องแปลงเพศ ปลานิลเพศผูเ้ จริญเตบิ โตดกี ว่าเพศเมีย การแปลงเพศโดยใชฮ้ อร์โมนเพศผู้  ขุนเลีย้ งพอ่ - แมพ่ ันธุ์แบบแยกเพศในบ่อหรอื กระชังนาน 30 วัน  ปล่อยลงเพาะในกระชัง 7 - 10 วัน อัตราส่วนเพศเมีย : เพศผู้ 2:1 ความ หนาแน่น 2.25 ตวั /ตร.ม.  เกบ็ ไข่จากแม่ปลามาเพาะในถาด  เมื่อไขฟ่ ักออกเปน็ ตัวและถุงไขแ่ ดงยบุ แล้วให้กนิ อาหารผสมฮอร์โมน วันละ 4 ครั้ง นาน 21 วัน การผสมฮอรโ์ มนกบั อาหาร วสั ดุ (1) ราละเอยี ด 1 สว่ น (2) ปลาป่น 3 สว่ น (3) ฮอรโ์ มน (4) เอทธลิ แอลกอฮอร์ วิธกี าร (1) ช่งั ฮอร์โมน 0.5 กรัม ละลายในเอทธลิ แอลกอฮอร์ 1 ลิตร (2) นาสารละลายฮอร์โมน 120 cc ผสมกบั วัสดุอาหารคลุกเคล้าใหเ้ ข้ากัน

(3) ใหว้ ติ ามินสาหรับสัตวน์ ้าลงในอาหาร 10 กรมั / 1 กิโลกรัม (4) ใสแ่ อลกอฮอร์บริสุทธิ์ 120 cc ผสมลงในอาหารคลกุ เคลา้ ให้เข้ากัน (5) นาไปตากในท่ีรม่ ให้แหง้ หรอื อบในตู้อบอณุ หภูมิ 80 องศา นาน 2 ช่วั โมง (6) เกบ็ ให้มดิ ชดิ เพ่อื ใช้เล้ียงปลา การให้อาหาร  เมอ่ื ไขป่ ลาฟกั อกเปน็ ตวั และถงุ ไขแ่ ดงยุบแลว้ ให้อาหารผสมฮอร์โมน ปริมาณท่ใี ห้  สัปดาหแ์ รก 30% สปั ดาหส์ อง 25% สปั ดาห์สาม 20% กระชงั อนุบาล  สปั ดาห์แรก 30% สปั ดาห์สอง 25% สัปดาหส์ าม 20% กระชงั อนุบาล  ขนาด 2.5* 2.5* 1.2 ม. อนุบาลลกู ปลาได้ 36,000 ตัว การจาหนา่ ย (1) ลูกปลา 21 วัน ตวั ละ 0.25 บาท (2) ลูกปลา 30 วนั ตวั ละ 0.35 บาท (3) ลกู ปลา 40 วนั ตวั ละ 0.40 บาท การบรรจุถุง  ถุงขนาด 20*30 นิ้ว อัดลกู ปลาได้ 1,000 ตวั นาน 8 – 10 ชวั่ โมง

ศูนยเ์ รยี นรู้ชุมชนบา้ นดงบงั ตั้งอยู่เลขที่ 68 หมทู่ ี่ 4 บ้านดงบงั ตาบลคอนฉิม อาเภอแวงใหญ่ จังหวัดขอนแกน่ การเลย้ี งปลาดุก ปลาดุกลูกผสมบ๊ิกอุย เป็นปลาดุกลูกผสมระหว่างแม่ปลาดุก กับพ่อปลาดุกเทศ เล้ียง ง่าย โตเร็ว เนื้ออร่อย ตลาดต้องการ สามารถเล้ียงได้ท้ังในบ่อดิน กระชัง บ่อซีเมนต์ และบ่อ พลาสติก เหมาะสมกับเกษตรกรที่มีพ้ืนที่น้อย สาหรับเล้ียงเพื่อยังชีพ เพ่ือให้ครอบครัวมีอาหาร โปรตนี ระดบั นา้ ทใี่ ชเ้ ลยี้ ง ควรใช้ระดับน้าเล้ียงสงู 30 - 50 ซม. อัตราการปล่อย 50 - 100 ตัว/ลบ.ม. การเลอื กซื้อพนั ธ์ุปลา ควรเลือกซ้ือพันธุ์ปลาจากฟาร์มโดยตรง เพราะจะเช่ือถือได้ทั้งปริมาณและคุณภาพ โดยรวมกลุ่มกันซ้ือ ไม่ควรซื้อจากรถเร่ ลูกปลาท่ีซ้ือจะต้องแข็งแรง ขนาดโตเท่ากันไม่บอบช้า ไม่มี บาดแผล ถ้าเลี้ยงบ่อดิน ดูแลเร่ืองศัตรูได้ดี แนะนาให้เล้ียงปลาขนาดเล็ก ตัวละ 0.50 บาท จะลด ต้นทุนกว่า แต่ถ้าเลี้ยงบ่อซีเมนต์และบ่อพลาสติก ควรเล้ียงปลาตัวใหญ่ตัวละ 1 บาท ขนาด 2 - 3 นิ้วขึน้ ไป จะรอดสูงกว่า อาหารปลา ใช้อาหารปลาดุกสาเร็จรูปท่ีโปรตีนอย่างน้อย 20–30 % สามารถลดรายจ่ายค่าซ้ือ อาหารได้โดยการให้อาหารเสริม เช่น ปลวก ดักแด้ แมลง กระดูกไก่บด ผสมราอ่อน และปลาสด เมื่อปลาโตพอสมควร แต่ต้องระวังเร่ืองสภาพน้าจะเน่าเสียง่าย ต้องมีการเปลี่ยนน้าบ่อยๆ ตาม ความเหมาะสมประมาณ 7 วัน/ครั้ง โดยน้าท่ีเปล่ียนออกสามารถนามารดพืชผักสวนครัว ที่ปลูกไว้ บริโภคเพื่อลดรายจ่าย บรเิ วณขอบบอ่ จะงามดี วธิ ีการให้อาหาร เม่ือนาถุงบรรจุปลามาถึงบ่อ ให้ลอยถุงปลาในบ่อเพื่อปรับสภาพอุณหภูมิน้าในบ่อ และถงุ เทา่ กนั อยา่ งนอ้ ย 30 นาทีข้นึ ไป จึงปลอ่ ยปลาออกจากถุง โดยเปิดปากถุงตะแคงให้น้าในบ่อ ไหลเข้าไปในถุงปลา ให้ปลาค่อยๆ ว่ายออกจนหมด จากน้ันประมาณ 1 ชั่วโมง จึงให้อาหาร ปริมาณการให้มื้อแรก ประมาณตัวละ 1 เม็ด โดยควรแช่อาหารให้พอนุ่มก่อนจึงให้ปลากิน ใน ระยะแรก 7 วันแรก ปริมาณการให้ครั้งต่อไปควรให้กินอ่ิมพอดี คือให้หมดภายใน 5–10 นาที ไมค่ วรให้มากจนเหลือ

ข้อสาคัญในการเล้ยี งปลาดกุ ลูกผสม ( 1) ถ้าเล้ยี งในบ่อปนู บ่อต้องจืด โดยการนามลู สัตวห์ รือใบไม้ ใบหญา้ ลงหมกั ใส่น้า ให้เต็มบ่อ ทิ้งไว้ 14 - 21 วัน จึงถ่ายน้าท้ิง แล้วเล้ียงปลา ถ้าเป็นบ่อพลาสติกเพื่อเล้ียงปลา 100 ตัว ควรขุดขนาด 1 คูณ 1 ลึก 0.50 เมตร โดยขุดลึก 30 เมตร เอาดินท่ีขุดออกมาทาคูรอบอีก 20 เมตร ปพู ลาสติก (2) น้าทีใ่ ช้เล้ยี งต้องสะอาด ไมใ่ ชน้ ้าประปาท่มี คี ลอรีนและนา้ ฝน (3) การให้อาหารตอ้ งพอดี ถา้ มากจะทอ้ งบวมตาย (4) เม่ือเล้ียงได้ 30 วัน เริ่มจับปลาตัวโตมาทาอาหารกินได้เรื่อยๆ ในครัวเรือน จะ สญู เสียเงนิ มากและทาให้นา้ เสยี เร็ว ตอ้ งถ่ายน้าบ่อย ควรให้อาหารปลาอย่างนอ้ ยวนั ละ 2 คร้ัง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook