เอกสารประกอบการสอนไวยากรณภ์ าษาองั กฤษ โดย อาจารย์บณั ฑติ อนุญาหงษ์ คาํ อธบิ ายไวยากรณ์ Parts of Speech โดย อาจารย์บณั ฑิต อนญุ าหงษ์ สาํ นกั วิชาพ้นื ฐานและภาษา สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปนุ่ Thai-Nichi Institute of Technology 泰日工業大学 English Grammar Page 1
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณภ์ าษาองั กฤษ โดย อาจารย์บัณฑติ อนญุ าหงษ์ Chapter 1 Nouns A. Countable Noun คอื นามทีน่ บั นบั ได้ ไดแ้ ก่ นามท่ีมีรูปร่าง นบั เป็นชิน้ ได้ จะใช้ a , an นําหน้าเมื่อไมช่ ้ี เฉพาะเจาะจง และสามารถทําเปน็ พหูพจน์ได้ คือ อาจเติมคาํ two, three, four, etc. ลงหนา้ คํานามน้นั ได้ เชน่ two tables, three pencils Countable Nouns แบ่งเป็น 2 ชนดิ คอื 1. Common Nouns (นามทัว่ ไปหรือสามานยนาม) เป็นได้ทง้ั เอกพจน์และพหูพจน์ เชน่ city, baby, man, desk, ect.. 2. Collective Nouns (สมหุ นาม) นามท่ีอยู่รวมกันเป็นหมู่ เป็นพวก เชน่ herd, flock, bunch, etc. Collective Nouns นี้บางคํา เชน่ family, group, committee, class , jury, cabinet, etc..... จะใชก้ รยิ าเป็นเอกพจน์ก็ได้ย่อมแล้วแต่ความหมาย ถ้าหมายถึงกล่มุ เดยี ว (unit) กใ็ ช้กริยาเปน็ เอกพจน์ ถ้า หมายถงึ จาํ นวนแยกแยะรายตัวบุคคล (individual) ก็ใชก้ รยิ าเป็นพหูพจน์ The committee has agreed on a plan. (คณะกรรมการท้งั คณะเหน็ พ้องกันในแผนการ) The committee have not agreed on the plan. (คณะกรรมการแต่ละคนไมม่ ีความเหน็ พ้องกนั ในแผนการ) Collective Nouns มักจะใชร้ วมกับ Common Nouns ได้ เช่น an army of soldiers (ทหารหนง่ึ กอง) a bunch of keys(grapes) (อง่นุ หนงึ่ พวง) a band of musicians(นกั ดนตรีคณะหนึ่ง) a heap of stones (หินกองหนึ่ง) a crowd of people (คนกลมุ่ หนึง่ ) a team of football-players(นักฟตุ บอลทีม หนง่ึ ) a staff of teachers (ครคู ณะหนึ่ง) a flock of sheep (แกะฝงู หน่ึง) a shoal of fish (ปลาฝูงหน่ึง) a set of cards (ไพส่ าํ รับหน่ึง) a series of books (หนังสือชดุ หนงึ่ ) a pair of shoes (รองเทา้ คู่หน่ึง) a fleet of ships (เรือหมู่หนึ่ง) a group of boys (เดก็ กลมุ่ หนึ่ง) a gang of robbers (โจรหมู่หนง่ึ ) a herd of deer (กวางฝงู หนึ่ง) a cluster of stars (ดาวกล่มุ หนงึ่ ) a basket of fruit (ผลไมต้ ระกร้าหนึ่ง) a hive of bees (ผ้ึงัวงหนึง่ ) a tribe of people (ชนเผา่ หนึง่ ) a bouquet of flowers (ดอกไม้ช่อหน่งึ ) a range of mountains (ภเู ขาเทือกหนึ่ง) etc. English Grammar Page 2
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณภ์ าษาอังกฤษ โดย อาจารย์บัณฑติ อนุญาหงษ์ B. Uncountable Nouns คือ นามท่นี ับจํานวนไม่ได้ มีรูปเปน็ เอกพจน์เสมอ ไม่มี article นําหน้า แต่จะใช้ the นําเมอ่ื ช้เี ฉพาะเจาะจง 1. Mass Nouns (หรือ material nouns) นามท่ีอยรู่ วมกันเป้นหล่มุ เปน็ กอ้ น แสดงความมาก น้อยดว้ ยปริมาณ (quantity) ไมใ่ ช่จํานวน (number) เช่น water , air, meat ,coffee ,sugar ,salt, pork, ink, chalk, paper, butter, flour, rice,etc. วิธีใช้ Mass Nouns a) ใช้เดี่ยวๆ ได้เลย โดยไมต่ อ้ งไปรวมกับคําอ่ืน ไมต่ ้องมี article นาํ หนา้ ถา้ ไมเ่ ฉพาะเจาะจง และใช้กริยาเป็นเอกพจน์ เช่น She drinks milk every morning. Water is neccessary for life. b) ใชค้ าํ นามอื่นมาช่วย เม่อื ตอ้ งการทราบหนว่ ย โดยนบั ไดจ้ ากภาชนะทีบ่ รรจุ หรอื จํานวน นํ้าหนกั เช่น a bowl of ------- rice , sugar a bottle of ------- ink, milk, water, beer a cup of ------- tea , coffee a bar of -------- soap ,chocolate a jug of ---------water , milk a tube of -------- toothpaste a tin of -------- jam a jar of ------- jam , water , honey a sheet (piece) of ------ paper an item of ---------- news a piece of --------- news , furniture , information a slice (piece) of --------- bread , ham a loaf of -------------- bread a kilo (pound) of -------- sugar , cheese , steak, etc. ถา้ ต้องการทาํ เป็นพหูพจน?ใหเ้ ตมิ s , es ที่นามซึ่งอยู่ขา้ งหน้า \"of\" เช่น two pounds of sugar five pieces of paper c) ใช้กับคํา much , a lot of, plenty of, a great deal of, little , a little เมือ่ พูดถึง ปรมิ าณมากหรอื น้อย เช่น There is plenty of cheese in that shop. much salt little rice a little tea a lot of coffee a great deal of steak English Grammar Page 3
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณภ์ าษาอังกฤษ โดย อาจารย์บัณฑติ อนุญาหงษ์ 2. Abstract Nouns (อาการนาม) ไดแ้ ก่ a) นามท่แี สดงสภาพ (state) เชน่ poverty , richness, pleasure , etc b) นามทีแ่ สดงคุณสมบัติ (quality) เช่น beauty , honesty, kindness , cleverness, etc. c) นามทแี่ สดงการกระทาํ (action) เช่น movement , flight , revenge , etc. ขอ้ สังเกต นามนบั ไมไ่ ด้และนามพหูพจนไ์ ม่ต้องการ article เว้นแต่เป็นการชเี้ ฉพาะ ซง่ึ ต้องใช้ the นําหน้า เชน่ 1. a) Air is necessary for life. b) The air in this room is fresh. 2. a) Books are good friends. b) The books in the library was all new คํานามคือคําทใี่ ชเ้ รียกช่ือคน สตั ว์ สงิ่ ของมดี ังน้ี The plural of nouns (คํานามพหูพจน์) 1.คาํ นามท่ีอยู่ในรปู ของพหพู จน์สว่ นใหญ่จะเตมิ s หรอื es ทา้ ยคํา Singular Plural Meaning boat boats เรอื hat hats หมาก house houses บา้ น river rivers แม่น้ํา chair chairs เกา้ อี้ boy boys เดก็ ผ้ชู าย girl girls เดก็ ผู้หญิง computer computers เครอื่ งคอมพวิ เตอร์ car cars รถยนตร์ 2.คํานามท่ีลงท้ายดว้ ย yหนา้ y เปน็ พยัญชนะเม่ือต้องการทําเป็นนามพหูพจนใ์ หเ้ ปลย่ี น y เปน็ i แลว้ เตมิ es Singular Plural cry cries รอ้ งไห้ แมลงวัน fly flies ลูกกวาด เมอื ง candy candies สภุ าพสตรี เดก็ ทารก city cities งานเล้ียง lady ladies baby babies party parties Note:ถ้าหนา้ y เป็นสระใหเ้ ติม s ไดเ้ ลย English Grammar Page 4
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณภ์ าษาองั กฤษ โดย อาจารย์บัณฑิต อนุญาหงษ์ day days วัน key keys กุญแจ monkey monkeys ลิง 3. คาํ นามท่ีลงท้ายด้วย o หนา้ o เปน็ พยญั ชนะให้เติม es Singular Plural มะเขือเทศ tomato tomatoes มะมว่ ง mango mangoes มันฝรง่ั potato potatoes ส้มโอ pamelo pameloes วรี ะบุรุษ hero heroes Note:ถา้ หน้า o เป็นสระให้เติม s ได้เลย Singular Plural zoo zoos สวนสตั ว์ วทิ ยุ radio radios โรงถา่ ยทาํ studio studios คํายกเว้น แมว้ า่ หนา้ o จะเปน็ พยัญชนะแต่ต้องเตมิ s ไดเ้ ทา่ นั้น photo รูปถ่าย piano เปียโน casino กาซิโน 4. คํานามพหูพจนบ์ างตวั จะเปลี่ยนรูปไปจากนามเอกพจน์ Singular Plural ผู้หญงิ woman women ผชู้ าย man men เด็ก child children มดี knife knives ฟัน tooth teeth เทา้ foot feet รถบสั bus buses คน ประชาชน person people ใบไม้ leaf leaves ภรรยา wife wives ชวี ติ life lives กอ้ น แถว (ขนมปงั ) loaf loaves English Grammar Page 5
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณภ์ าษาอังกฤษ โดย อาจารย์บัณฑติ อนญุ าหงษ์ box boxes กลอ่ ง kiss kisses จูบ glass glasses แก้ว กระจก cactus cacti ต้นตะบองเพชร fungus fungi เช้ือรา nucleus nuclei นิวเคลียส syllabus syllabi หลักสูตร thesis theses วทิ ยานิพนธ์ crisis crises วิกฤติการณ์ phenomenon phenomena ปรากฎการณ์ criterion criteria บรรทดั ฐาน มาตรการ 5. คํานามบางคําท่มี รี ปู เดยี วกันท้ังเอกพจน์และพหูพจน์ Singular Plural แกะ sheep sheep ปลา fish fish ชนดิ species species กวาง deer deer 6.คาํ นามบางคํามีรูปเปน็ พหูพจนแ์ ต่ใชเ้ ปน็ เอกพจน์ Page 6 Examples: news ข่าว The news is on at 6.30 p.m. athletics:นกั กีฬา นกั กรฑี า Athletics is good for young people. liguistics:ภาษาศาสตร์ Linguistics is the study of language. darts เกมปาเปา้ Darts is a popular game in England. 7.คาํ นามบางคําเป็นรปู พหูพจน์และใชเ้ ป็นพหูพจน์ trousers: กางเกงขายาว My trousers are too tight. English Grammar
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณ์ภาษาองั กฤษ โดย อาจารยบ์ ัณฑติ อนญุ าหงษ์ jeans: กางเกงยนี ส์ Her jeans are black. glasses: แว่นตา Those glasses are his. scissors กรรไกร shorts กางเกงขาส้ัน thanks ขอบใจ stairs บันได congratulations ขอแสดงความยนิ ดี wages ค้าจ้าง ค่าแรง spectacles แว่นตา goods สนิ ค้า Countable and Uncountable Nouns (นามนบั ไดแ้ ละคํานามนับไม่ได้) 1.Countable nouns (นามนับได้) a. สาํ หรับสิง่ ทเี่ ราสามารถนบั ไดเ้ ชน่ one dog สนุ ขั หน่งึ ตวั a cat แมวหน่งึ ตัว six men ผชู้ ายหกคน a house บ้านหนึ่งหลัง b. มีรปู เปน็ เอกพจน์และพหูพจน์เชน่ three dogs สนุ ขั สามตัว ten ducks เป็ดสบิ ตัว a woman ผู้หญิงหนง่ึ คน the shops. ร้านค้าหลายร้าน 2. Uncountable nouns (นามนบั ไม่ได้) Page 7 a. คือส่ิงท่ีเราไม่สามารถนับไดเ้ ช่น tea นา้ํ ชา sugar น้ําตาล water นา้ํ air อากาศ rice ข้าว food อาหาร English Grammar
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณภ์ าษาอังกฤษ โดย อาจารยบ์ ณั ฑติ อนญุ าหงษ์ milk นม snow หิมะ dust ฝุน่ wood ไม้ hair ผม money เงิน meat เนื้อ coffee กาแฟ b. นามทบี่ อกอาการ ความรู้สกึ สภาพ ลักษณะเช่น richness ความรํ่ารวย movement ความเคล่ือนไหว beauty ความสวย love ความรกั knowledge ความรู้ Compound Nouns (คาํ นามผสม) คํานามผสมเป็นการเอาคําตัง้ แต่สองคําข้ึนไปมาผสมกันซ่งึ เป็นการผสมระหวา่ ง 1.noun +noun girl + friend = girlfriend เพอ่ื นหญิง traffic + lights =traffic lights สญั ญาณไฟจราจร noun + verb head + ache = headache ปวดหัว 2. verb + noun work + man = workman กรรมกร 3. noun + verb hair + cut = haircut การตัดผม 4. verb + prep. hold + up = holdup การปล้น 5. adj.+ noun green +house = greenhouse เรือนกระจก quick + silver = quicksilver ปรอท English Grammar Page 8
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ โดย อาจารยบ์ ัณฑติ อนุญาหงษ์ Proper Nouns (นามเฉพาะ) Capital letters อกั ษรตัวพิมพ์ใหญ่ :เราใชอ้ กั ษรตวั พิมพ์ใหญส่ ําหรบั 1. ช่ือ นามสกลุ และตาํ แหนง่ Somchai the President of the United States 2 ชอ่ื งาน ช่อื ภาพยนตรชอ่ื หนังสอื Death in Venice, The Barber of Seville 3.ชอื่ เดือน ชื่อวัน และชื่อวันหยดุ Monday, October, Easter 4. คาํ คณุ ศัพท์ที่มาจากคาํ นามเฉพาะ Thai cooking, a German car 5. ชือ่ ทางภมู ิศาสตร์ French Alps, the Nile , the Atlantic 6. ชือ่ ถนน ชอื่ อาคารสถานท่ี ช่ือสวนสาธารณะ Main Street, Central Park, Silom Road English Grammar Page 9
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณภ์ าษาองั กฤษ โดย อาจารยบ์ ัณฑติ อนุญาหงษ์ Chapter 2 Pronouns Pronoun ( คําสรรพนาม ) คอื คําทใี่ ชแ้ ทนคํานามหรือคําเสมอนาม ( nouns- equivalent ) เพ่ือหลกี เลี่ยง การกล่าวถึงซํ้าซาก หรือแทนส่งิ ทีร่ ้กู ันอยู่แล้วระหวา่ งผ้พู ูด ผู้ฟงั หรือแทนสิง่ ของที่ยงั ไม่รู้ หรอื ไม่แน่ใจวา่ เปน็ อะไร คําสรรพนาม (pronouns ) แยกออกเปน็ 7 ชนิด คอื • Personal Pronoun ( บรุ ุษสรรพนาม ) เชน่ I, you, we, he , she ,it, they • Possessive Pronoun ( สรรพนามเจ้าของ ) เช่น mine, yours, his, hers, its,theirs, ours • Reflexive Pronouns ( สรรพนามตนเอง ) เปน็ คาํ ทม่ี ี - self ลงทา้ ย เช่น myself, yourself,ourselves • Definite Pronoun ( หรือ Demonstrative Pronouns สรรพนามเจาะจง ) เชน่ this, that, these, those, one, such, the same • Indefinite Pronoun ( สรรพนามไมเ่ จาะจง ) เช่น all, some, any, somebody, something, someone • Interrogative Pronoun ( สรรพนามคาํ ถาม ) เช่น Who, Which, What • Relative pronoun ( สรรพนามเช่ือมความ ) เชน่ who, which, that 1. Personal Pronouns (บรุ ุษสรรพนาม) คอื สรรพนามทใ่ี ช้แทนบุคคลหรอื ส่ิงของในการพดู สนทนา มี 3 บุรุษคอื บุรษุ ที่ 1 ไดแ้ ก่ตัวผู้พดู I, we บุรุษท่ี 2 ได้แกผ่ ู้ฟัง you บุรุษที่ 3 ไดแ้ ก่ผู้ ที่พูดถึง ส่งิ ท่ีพูดถึง he, she. it , they รูปทีส่ ัมพนั ธ์กนั ของคําสรรพนาม รูปประธาน รปู กรรม Possessive Form Pronoun Reflexive Adjective mine Pronoun I me my ours myself we us our yours ourselves you you your his yourself he him his hers himself she her her its herself it it its theirs itself they them their themselves English Grammar Page 10
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณ์ภาษาองั กฤษ โดย อาจารย์บณั ฑิต อนุญาหงษ์ เชน่ I saw a boy on the bus. He seemed to recognize me. ฉันเจอเด็กคนหนงึ่ บนรถประจําทาง เขาดเู หมือนจะจาํ ฉันได้ ( He ในประโยคทสี่ องแทน a boy และ me แทน I ในประโยคทหี่ นึง่ ) My friend and her brother like to swim. They swim whenever they can. เพือ่ นฉันและน้องชายของเธอชอบวา่ ยน้ํา พวกเขาไปวา่ ยนํ้าทกุ ครงั้ ทีม่ โี อกาส ( they ในประโยคท่สี อง แทน My friend และ her brother ในประโยคที่ 1 ) การใช้ Personal Pronouns ท่ีทาํ หนา้ ท่เี ป็นประธานและเปน็ กรรมมีหลกั ดงั นี้ Personal Pronoun ท่ีตามหลังคาํ กริยาหรือตามหลงั บุพบท ( preposition ) ตอ้ งใช้ในรปู กรรม เชน่ Please tell him what you want. โปรดบอกเขาถึงสิง่ ที่คณุ ต้องการ ( ตามหลังดาํ กรยิ า tell ) Mr. Wilson talked with him about the project. คุณวิลสนั พูดกับเขาเก่ยี วกับโครงการ ( ตามหลงั บพุ บท with ) หมายเหตุ ถ้ากริยาเป็น verb to be สรรพนามทตี่ ามหลงั จะใช้เป็นประธานหรือเป็นกรรม ให้ พิจารณาดูว่า สรรพนามใน ประโยคน้นั อยใู่ นรปู ผู้กระทาํ หรือ ผู้ถกู กระทํา เช่น It was she who came here yesterday. เธอคนนึ้ ท่ีมาเม่ือวานนี้ ( ใช้ she เพราะเปน็ ผ้กู ระทํา ) It was her whom you met at the party last night. เธอคนนที้ ่คี ุณพบทง่ี านเลี้ยงเมอ่ื คืนนี้ (ใช้ her เพราะเป็นกรรมของ you met ) 2. Possessive Pronouns ( สรรพนามเจ้าของ ) คือสรรพนามท่ีใช้แทนคํานามเม่ือแสดงความเป็นเจา้ ของ ได้แก่คาํ ต่อไปน้ี mine,ours, yours, his, hers,its,theirs The smallest gift is mine. ของขวัญชิ้นที่เล็กทส่ี ดุ เปน็ ของฉัน This is yours. อนั นข้ี องคุณ His is on the kitchen counter. ของเขาอยบู่ นเคาน์เตอรใ์ นครัว Theirs will be delivered tomorrow. ของพวกเขาจะเอามาส่งพรงุ่ น้ี Ours is the green one on the table . ของพวกเราคืออนั สเี ขยี วทอ่ี ยู่บนโต๊ะ Possessive pronouns มคึ วามหมายเหมือน possessive adjectives แตห่ ลกั การใช้ต่างกัน This is my book. นค่ี อื หนังสือของฉัน ( my ในประโยคนีเ้ ปน็ possessive adjective ขยาย book ) This book is mine. English Grammar Page 11
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ โดย อาจารยบ์ ัณฑติ อนญุ าหงษ์ หนงั สือนเ้ี ป็นของฉัน ( mine ในประโยคนเ้ี ป็น possessive pronoun ทําหนา้ ที่เปน็ ส่วนสมบรู ณ์ ( complement) ของคํากริยา is) 3. Reflexive Pronouns (สรรพนามตนเอง) คือสรรพนามทแ่ี สดงตนเอง แสดงการเน้น ยํา้ ให้เห็นชัดเจน มักเรยี กว่า -self form of pronoun ไดแ้ ก่ myself. yourself, yourselves, himself, herself, ourselves. themselves, itself มหี ลักการใชด้ ังนี้ • ใช้เพ่อื เนน้ ประธานให้เห็นวา่ เป็นผูก้ ระทําการนน้ั ๆ ใหว้ าง ไว้หลังประธานน้นั ถา้ ตอ้ งการเน้นกรรม (object ) ให้ วางหลงั กรรม เช่น She herself doesn't think she'll get the job. The film itself wasn't very good but I like the music. I spoke to Mr.Wilson himself. • วางหลังคาํ กริยา เม่ือกรยิ าของประโยคเปน็ กริยาที่ทาํ ต่อ ตวั ประธานเอง They blamed themselves for the accident. พวกเขาตําหนติ นเองในอุบัตเิ หตุทเี่ กดิ ขนึ้ ( ตามหลงั กรยิ า blamed ) You are not yourself today. วันนคี้ ณุ ไม่เปน็ ตัวของคุณเอง ( ตามหลงั กริยา are ) I don't want you to pay for me. I'll pay for myself. ฉันไม่อยากให้คุณเปน็ คนจา่ ยเงนิ ให้ ฉันจะจ่ายของฉันเอง Julia had a great holiday. She enjoyed herself very much. จเู ลียมีวันหยุดท่ดี ี เธอสนุกมาก George cut himself while he was shaving this morning. จอร์จทํามดี บาดตวั เองขณะทีโกนหนวดเมอ่ื เชา้ นี้ หมายเหตุ ปกติ จะใช้ wash/shave/dress โดยไม่มี myself • เม่อื ต้องการจะเน้นวา่ ประธานเป็นผูท้ าํ กจิ กรรมนั้นเอง Who repaired your bicycle for you? Nobody, I repaired it myself. ใครซ่อมรถจกั รยานใหค้ ุณ. ไม่มใี ครทําใหฉ้ ันซ่อมเอง I'm not going to do it for you. You can do it yourself. ฉนั จะไมท่ ํา( อะไรสักอย่างทร่ี กู้ ันอยู่ ) ให้นะ คุณต้องทาํ เอง English Grammar Page 12
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณภ์ าษาองั กฤษ โดย อาจารย์บณั ฑติ อนญุ าหงษ์ By myself หมายถงึ คนเดยี ว มคี วามหมายเหมอื น on my own เช่นเดียวกบั คาํ ต่อไปนี้ on ( my/your/his/ her/ its/our/their ) own มคี วามหมายเหมือนกับ by ( myself/yourself ( singular) /himself/ herself/ itself/ ourselves/ yourselves(plural)/ themselves ) เช่น I like living on my own/by myself. ฉนั ชอบใช้ชวี ิตอยู่คนฎเดียว Did you go on holiday on your own/by yourself? เธอไปเท่ียววันหยดุ คนเดียวหรอื เปลา่ Learner drivers are not allowed to drive on their own/ by themselves. ผู้ทเี่ รียนขบั รถไมไ่ ด้รบั อนุญาตใหข้ บั รถดว้ ยตัวเองคนเดยี ว Jack was sitting on his own/by himself in a corner of the cafe. แจค๊ น่ังอยู่คนเดียวฎทีมุมห้องในคาเฟ 4. Definite Pronouns หรือ Demonstrative Pronouns คือสรรพนามทีบ่ ่งชช้ี ัดเจนว่าใชแ้ ทนส่งิ ใด เช่น this, that, these, those, one, ones, such, the same, the former, the latter That is incredible! นัน่ เหลอื เช่อื จริงๆ (อ้างถงึ สิง่ ท่เี ห็น) I will never forget this. ฉนั จะไม่ลมื เรือ่ งนี้เลย (อ้างถึงประสบการณ์เมอ่ื เร็วๆนี้) Such is my belief. นั่นเป็นสิ่งทฉี่ ันเชือ่ (อา้ งถึงส่ิงที่ไดอ้ ธบิ ายไปก่อนหนา้ นี้ ) Grace and Jane are good girls. The former is more beautiful than the latter. เกรซและเจนเป็นเด็กดที งั้ คู่ แต่คนแรก (เกรซ)จะสวยกว่าคนหลัง (เจน) 5. Indefinite Pronouns (สรรพนามไมเ่ จาะจง) หมายถึงสรรพนามท่ีใช้แทนนามไดท้ ่ัวไป มิไดช้ ี้ เฉพาะเจาะจงวา่ แทนคนน้นั คนนี้ เช่น everyone everybody everything some each someone somebody all any many anyone anybody anything either neither no one nobody nothing none one more most enough few fewer little several more much less Everybody loves somebody. คนทกุ คนย่อมมีความรักกับใครสักคน Is there anyone here by the name of Smith? มใี ครท่ีนีช่อื สมิธบ้าง One should always look both ways before crossing the street. ใครก็ตามควรจะมองทั้ง สองดา้ นก่อนข้ามถนน Nobody will believe him. จะไมม่ ีใครเชื่อเขา Little is expected. มีการคาดหวังไวน้ ้อยมาก English Grammar Page 13
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ โดย อาจารยบ์ ณั ฑติ อนญุ าหงษ์ We, you, they ซงึ่ ปกตเิ ป็น personal pronoun จะนาํ มาใช้เป็น indefinite pronoun เม่อื ไม่ เจาะจง โดยมากใช้ในคาํ บรรยาย คาํ ปราศยั เช่น We should prepare ourselves to deal with any emergency. เรา ( โดยท่ัวไป) ควรจะ เตรียมพร้อมไว้เสมอสาํ หรบั เหตุการณ์ฉุกเฉิน) You sometimes don't know what to say in such a situation. บางครงั้ พวกคุณกไ็ ม่รวู้ า่ จะพูด อย่างไรในสถานการณ์เช่นนน้ั . 6. Interrogative Pronouns (สรรพนามคาํ ถาม) เปน็ สรรพนามที่แทนนามสําหรับคาํ ถาม ได้แก่ Who, Whom, What, Which และ Whoever, Whomever, Whatever, Whichever เชน่ Who want to see the dentist first? ใครอยากจะเข้าไปหาหมอฟันเปน็ คนแรก? (who ในท่นี ้เี ปน็ ประธาน ) Whom do you think we should invite? เธอคดิ ว่าเราควรจฎะเชญิ ใคร? (whom ในท่ีน้เี ปน็ กรรม - object ) To whom do to wish to speak? เธออยากจะพูดกับใคร? (whom ในทน่ี ้ีเปน็ กรรม - object ) What did she say? เธอพูดวา่ อะไรนะ? (what เปน็ กรรมของกรยิ า say ) Which is your cat? แมวของเธอตัวไหน? (which เปน็ ประธาน ) Which of these languages do you speak fluently? ภาษาไหนในบรรดาภาษาเหล่านี้ท่ีคณุ พูด ไดค้ ลอ่ ง? (which เป็นกรรมของ speak ) หมายเหตุ which และ what สามารถใช้เปน็ interrogative adjective และ who, whom , which สามารถใชเ้ ปน็ relative pronoun ได้ 7. Relative Pronouns (สรรพนามเชือ่ มความ) คอื สรรพนามทใ่ี ช้แทนคํานามทกี่ ล่าวมาแลว้ ในประโยค ข้างหน้า และพร้อมกันนน้ั ก็ทําหนา้ ทีเ่ ชอ่ื มประโยคทงั้ สอง ใหเ้ ป็นประโยคเดียวกนั เชน่ คําตอ่ ไปนี้ who, whom, which, what, that, และ indefinite relative pronouns เช่น whoever, whomever, whichever, whatever Children who (that) play with fire are in great danger of harm. The book that she wrote was the best-seller He's the man whose car was stolen last week. She will tell you what you need to know. The coach will select whomever he pleases. Whoever cross this line will win the race? You may eat whatever you like at this restaurant. English Grammar Page 14
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณ์ภาษาองั กฤษ โดย อาจารย์บณั ฑิต อนุญาหงษ์ Chapter 3 Adjectives Adjective คือ คาํ คุณศพั ท์ ทาํ หนา้ ทีข่ ยายคาํ นาม มดี ังนิ้ 1. Descriptive Adjective บอกลักษณะคุณภาพของคน สัตวแ์ ละสิง่ ของเช่น young, rich, new, god, black, clever, happy 2. Possessive Adjective แสดงความเปน็ เจา้ ของเช่น my, your, his, her, their, our, its 3. Quantitativt Adjective บอกปริมาณมาก้อยของนามท่นี บั ไม่ได้ เช่น some, half, little, enough 4. Numeral Adjective แสดงจํานวนมากน้อย ของนามที่นบั ไดห้ รอื แสดงลาํ ดบั ก่อน- หลังของ คํานามเช่น one, two, first, many 5. Demonstrative Adjective คุณศัพท์ทชี่ ี้เฉพาะคํานาม เช่น this, that, these, those 6. Interrogative Adjective คอื คาํ คุณศพั ทท์ ีแ่ สดงคาํ ถาม เชน่ which, whose, what เป็น ตน้ จะวางอยู่หนา้ ประโยคคําถาม ตัวอย่างเช่น - Which way shall we go? - Whose dictionary is this? 7. Proper Adjective คือคําคุณศัพท์ที่มาจากคํานามที่เป็นชอื่ เฉพาะ เช่น ชอ่ื ประเทศ ทาํ หนา้ ท่ี ขยายคํานามซ่งึ มีความหมายว่า “เปน็ ของ หรอื จากประเทศน้นั ๆ ตวั อย่างเช่น which way shall we go? 8. Distributive Adjective แสดงการแบ่งแยกหรือจาํ แนก เชน่ each, every, either, neither ตาํ แหน่งของคําคณุ ศัพท์ (Positions of Adjective) 1. วางไว้หนา้ คํานาม Adjective นนั้ ทาํ หน้าท่ีขยายตัวอย่าง เชน่ * Peter wears a black suit. * Tom is a good guy. 2. วางไวห้ ลงั Verb to be และ Linking Verbs ตวั อย่าง เช่น * The traffic is terrible at 5 o’clock on Friday. * He felt tired. หมายเหตุ Linking Verb คอื คํากริยาทีเ่ ช่อื มความสมั พันธ์ระหวา่ ง subject กับ adjective ท่ตี ามมา ยกตัวอย่างเชน่ taste , smell , turn , keep , feel , appear , grow , get , become , go , look , seem , sound เปน็ ตน้ ตัวอยา่ งเชน่ * The soup tastes good. * The rose smells sweet. * Uncle’s hair turns grey. English Grammar Page 15
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณภ์ าษาองั กฤษ โดย อาจารย์บณั ฑติ อนุญาหงษ์ Adjective ตอ่ ไปน้ีวางไวห้ นา้ คํานามเท่านัน้ (หา้ มวางไว้หลงั Verb to be และ Linking Verbs) เชน่ main (สําคญั ) only (เพียง) upper (ขา้ งบน) former (แต่กอ่ น) chief (สาํ คญั ท่ีสดุ ) inner (ภายใน) outer (ภายนอก) principal (หลักสาํ คัญ) indoor (ในรม่ ) outdoor (กลางแจ้ง) elder (สูงกวา่ ) eldest (สงู วัยทีส่ ดุ ) drunken (ขเี้ มา) wooden (ทาํ ดว้ ยไม้) golden (ทําดว้ ยทอง) หลักการเรียงลาํ ดับ Adjectives 1 23 4 5678 9 10 11 12 Article Material Noun demonstrative Ordinal Cardinal Quality Size Age Shape Color Participle Origin (วัสดุ) possessive ladies the (ลาํ ดับที่) (จํานวน) (คณุ ภาพ) (ขนาด) (อายุ) (รูปรา่ ง) (สี) (v.3/v.ing) (แหล่งทม่ี า) - apples - chair - first two cute - young - - - - plastic rocks a - table those - many delicious big - - green - Chinese wooden the - job his -- - small - - blue - - - four - big - - black - - -- - - old square - broken French third - - - - - - boring - สาํ หรับการเรียงลาํ ดับ adjective หลายคาํ ทป่ี ระกอบคาํ นามคําเดียว ให้เรียงลําดับดังนี้ คาํ คุณศัพท์ (Adjective) หมายถึง คาํ ท่นี าํ มาขยายคาํ นาม (Noun) หรือ คาํ สรรพนาม (Pronoun) ให้ไดใ้ จความทส่ี มบูรณ์ย่ิงขึ้น การขยายอาจเป็นการเปล่ียนแปลงหรอื เพม่ิ ความเดน่ ชัดท้งั ในด้านคุณภาพ ชนิด ปรมิ าณ จาํ นวน ของคาํ นามหรือคําสรรพนามนั้น ๆ เชน่ He is good boy. เขาเปน็ เด็กชายท่ีดี คาํ ว่า “good” เปน็ adjective ขยายคํานาม “boy” ให้ได้ใจความทสี่ มบรู ณ์ยงิ่ ข้ึน There are ten books on the table. มีหนงั สือจาํ นวนสิบเลม่ อย่บู นโต๊ะ คําวา่ “ten” เป็นคํา adjective บอกปริมาณคํานาม “book” ให้รูจ้ าํ นวนของคาํ นามนี้วา่ มี เทา่ ไร This is a large house. คาํ วา่ “large” เปน็ คาํ adjective บอกลักษณะคาํ นาม “house” วา่ ใหญโ่ ตมาก English Grammar Page 16
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณภ์ าษาอังกฤษ โดย อาจารยบ์ ณั ฑิต อนุญาหงษ์ ทมี าของ Adjective คาํ adjective มีทม่ี าอยู่ 2 แหล่ง คือ 1. Adjective ท่มี ีลักษณะมาจากการเกิดเป็น adjective โดยตรง Adjective ทม่ี ลี กั ษณะมาจากการเกิดเปน็ adjective โดยตรง เรียกว่า “Descriptive adjective” เปน็ adjective หรอื คณุ ศัพท์ท่บี รรยายหรือบอกลักษณะต่าง ๆ ได้แก่ 1.1. แสดงจํานวน เช่น one, two, three, four, five, six, seven etc. 1.2. แสดงลาํ ดับที่ เช่น the first, the second, the third, the fourth, etc. 1.3. แสดงความเปน็ เจ้าของ เช่น his, her, my, your, its, our, their etc. 1.4. แสดงขนาด, รปู ร่าง, น้าํ หนัก, สว่ นสูง เช่น large, tall, fat, thin, small etc. 1.5. แสดงคณุ ภาพ เช่น good, bad, lovely, nice etc. 1.6. บอกสี เน้ือวัตถุ เช้อื ชาติ ภาษา เช่น white, silken, Thai, English, German etc. 2. Adjective ทีมีลกั ษณะและรปู รา่ งมาจากคําอ่ืน ๆ Adjective ท่มี ลี กั ษณะหรือรูปร่างมาจากคําอื่น ๆ ได้แก่ Adjective ท่ีมาจากคาํ นาม (Noun) ในรูป Command Noun เช่น a school boy (school เปน็ คาํ นาม แตใ่ นที่นใี้ ช้เป็น adjective ขยาย boy ท่ี เป็นคํานามแท้ ๆ) a music show (music เป็นคาํ นาม แต่ใช้ขยาย show ซ่ึงเปน็ คาํ นาม จึงใช้เป็น adjective) a college student (college ซ่งึ เปน็ คํานาม แต่ใช้ขยาย student ทเี่ ป็นคาํ นามแท้ ๆ ดังน้นั college จงึ เป็น adjective) 2.2 Adjective ที่มาจากคํากริยาทีเ่ ปน็ Non-finite Verb ประเภท Participle ในลกั ษณะ ตา่ ง ๆ คอื 2.2.1 Present Participle ใช้เปน็ Adjective ในรปู V.ing ขยายคาํ นามเพอ่ื บอกใหร้ ู้ วา่ คํานามนัน้ เป็นผกู้ ระทํา เช่น a crying boy (crying มรี ูปเปน็ Present Participle ขยาย boy ฉะน้ัน จึงใชค้ ําวา่ “crying” เปน็ adjective รูปหนึ่ง) a singing lady (singing มีรูปเป็น Present Participle ขยาย lady ซง่ึ เป็นคาํ นามท่ีบอกให้รู้วา่ เป็นผู้กระทําอาการเอง ดงั น้ัน singing จงึ ใชเ้ ปน็ adjective) a reading lamp (reading มีรปู เปน็ Present Participle ขยาย lamp ซ่ึง เปน็ คํานามท่ีบอกใหร้ ู้ว่าเปน็ ผู้กระทาํ การเอง ดังนั้น reading จงึ ใช้เป็น adjective) English Grammar Page 17
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณภ์ าษาองั กฤษ โดย อาจารยบ์ ัณฑิต อนญุ าหงษ์ 2.2.2 Past Participle ใช้เป็น adjective ในรปู Verb ชอ่ ง 3 หรอื Verb เตมิ ed ขยายคํานามเพื่อบอกให้รวู้ ่าคํานามน้นั เปน็ ผ้ถู กู กระทํา เชน่ a frighted cat (frighted เป็น Past Participle ขยาย cat ซ่งึ เป็น คํานามเพ่อื บอกให้ร้วู ่าคํานามนั้นเปน็ ผถู้ ูกกระทํา ฉะนั้น “frighted” จึงใชเ้ ป็น adjective) a punished student (punished เปน็ Past Participle ขยาย “student” ซึง่ เป็นคาํ นามเพอื่ บอกใหร้ ูว้ า่ คาํ นามนี้เปน็ ผู้ถูกกระทาํ ฉะน้นั “punished” จึงใชเ้ ปน็ adjective) a repaired radio (repaired เปน็ Past Participle ขยาย “radio” ซ่งึ เป็น คาํ นาม เพ่ือบอกใหร้ ู้ว่าคาํ นามนเี้ ปน็ ผูถ้ ูกกระทาํ ฉะนน้ั “repaired” จึงใช้เป็น adjective) a broken chair (broken เป็น Past Participle ขยาย “chair” ซงึ่ เป็น คาํ นามเพื่อบอกใหร้ วู้ า่ คํานามนี้เปน็ ผูถ้ ูกกระทาํ ฉะนนั้ “broken” จงึ ใชเ้ ปน็ adjective) 2.2.3 Perfect Participle ใชเ้ ป็น adjective ในรูป Perfect Participle Phrase ทเ่ี ป็น กลุ่มคําทจี่ ะใช้เพือ่ เนน้ ความยาวนานหรอื ช่วงของเวลาท่ีมากกว่า Present Participle หรอื Past Participle มี 2 รปู แบบ คอื รูปทเ่ี ป็นผกู้ ระทาํ เมื่อขยายคํานามหรอื คําสรรพนาม จะบอกให้รู้ว่าคํานามนน้ั เป็น ผถู้ กู กระทํา จะใช้รูป having + Verb ช่องที่ 3 เช่น Having drunk six cans of beer, Wichai handed his car-key to his friend. หลังจากด่ืมเบยี ร์ไปหกกระป๋อง วชิ ัยก็ส่งกุญแจรถให้เพ่ือนเขาขับแทน (เราใชโ้ ครงสร้าง Perfect Participle กเ็ พราะวา่ เราต้องการบอกคํานามหรือคําสรรพนามให้เห็นการ กระทําทยี่ าวนาน และมกี ารเนน้ การกระทําอย่างต่อเน่ือง ในที่นจ้ี ะเหน็ วา่ ถงึ แมว้ ิชยั เลกิ ด่ืมเบยี ร์แลว้ เพราะเขากําลังจะกลับบา้ น แตอ่ าการมนึ เมากย็ ังอยกู่ ับเขา อาจนานไปถึงตอนเชา้ ของวนั รุง่ ข้ึนหรือ ตอ่ ไปอกี ก็ได้ เปน็ การเน้นเร่ืองของเวลาอย่างเห็นไดช้ ดั และมีผลอันยาวนานมากกว่า Present Participle หรอื Past Participle น่นั เอง) รปู ทีเ่ ปน็ ผูถ้ กู กระทาํ เมื่อขยายนามจะบอกให้รวู้ ่าคาํ นามน้ันเป็นผูถ้ กู กระทาํ จะใชร้ ูป Having been exhausted for a long time, the tourists went to sleep immediately. (เราใชโ้ ครงสร้าง Perfect Participle ก็เพราะวา่ เราต้องการบอกคํานามหรือคาํ สรรพ นามใหเ้ ห็นการถกู กระทําทยี่ าวนานและมีความตอ่ เน่ือง ในทน่ี ี้จะเห็นวา่ นักทอ่ งเทยี่ วถูกทาํ ให้หมดแรง เป็นเวลานาน เพราะได้ไปทอ่ งเท่ียวตามทีต่ า่ ง ๆ มาทั้งวัน พอกลับบา้ นเขา้ ทพ่ี ักกเ็ ตรียมเขา้ นอนทันที และถึงอย่างไรก็ตาม อาการเหนด็ เหนือ่ ยก็ยังมมี าอกี ยาวนาน ซ่ึงถ้าใชใ้ นโครงสร้าง Participle อื่น ไม่ ว่าจะเปน็ Present Participle หรอื Past Participle กจ็ ะไม่ทราบว่าความเหน็ดเหนื่อยจากการ ท่องเท่ยี วมีผลยาวนานพอสมควรซ่ึงผดิ ไปจากความเปน็ จริง) 2.3 Adjective ทม่ี าจากการรวมคาํ ตา่ ง ๆ เขา้ ด้วยกัน อาจเปน็ adjective รวมกับ Noun, adverb รวมกับ Past Participle หรอื คาํ นามที่เตมิ ed (ใชเ้ ปน็ Past Participle) เช่น English Grammar Page 18
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณภ์ าษาอังกฤษ โดย อาจารยบ์ ณั ฑติ อนญุ าหงษ์ a four-door car. We have a four-door car. เรามีรถยนตส์ ี่ประตู a two-storey house This is a two-storey house. น่เี ป็นบา้ นสองช้นั a fifty-dollar note This is a fifty-dollar note. นีเ่ ป็นธนบัตร 50 ดอลลา่ ร์ a well-dressed lady She is a well-dressed lady. หล่อนเปน็ ผหู้ ญงิ ทแี่ ต่งตัวดี a carefully-written report This is a carefully-written report. รายงานทีเ่ ขยี นอย่างรอบคอบ an absent-minded man He is an absent-minded man. เขาเปน็ ผู้ชายขล้ี มื ชนดิ ของ Adjective 1. Adjective ทีแ่ สดงคุณภาพ (Adjective of Quality) คอื คาํ คณุ ศพั ท์ทบ่ี อกลกั ษณะ คุณภาพ ของคํานามหรือคําสรรพนาม เชน่ good, bad, white, blue, German, Indian เช่น Somrak is a good boxer. สมรักษเ์ ปน็ นักชกท่ดี ี The sky is blue. ท้องฟ้ามีสีน้ําเงิน He is a German sailor. เขาเป็นกะลาสีชาวเยอรมัน 2. Adjective ทแี่ สดงปริมาณ (Adjective of Quantity) คือ คาํ คุณศัพท์ทแี่ สดงปริมาณหรือ จาํ นวนของคํานามหรอื คําสรรพนามที่มันขยาย เช่น little, much, enough, no เช่น She drinks a little milk. เธอด่ืมนมเลก็ น้อย We don’t have much time. เราไมม่ ีเวลามาก I have enough money to spend. เรามีเงนิ เพยี งพอท่ีจะจ่าย It has no meaning. มนั ไม่มคี วามหมาย 3. Adjective ท่ีบอกหรือแสดงลกั ษณะชีเ้ ฉพาะ ว่าคนไหน ส่ิงไหน หรือ อนั ไหน (Demonstrative Adjective) ใชป้ ระกอบหรอื ขยายคาํ นาม หรอื คําสรรพนามท่ีกลา่ วถึง เช่น this, that, those, these เช่น This boy is taller than that. เดก็ ผู้ชายคนน้สี งู กว่าคนนัน้ English Grammar Page 19
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณภ์ าษาองั กฤษ โดย อาจารยบ์ ณั ฑิต อนญุ าหงษ์ These students like to study English. เดก็ เหล่าน้ีชอบเรียนภาษาองั กฤษ Those pictures are mine. รปู ภาพเหลา่ นั้น เปน็ ของฉนั 4. Adjective ท่บี อกหรอื แสดงอาการแยกจากกลุ่มเพ่ือบอกลักษณะของคํานามหรือคาํ สรรพ นามนน้ั ๆ เฉพาะ (Distributive Adjective) ใช้เป็นคาํ คณุ ศัพทเ์ พื่อกลา่ วถงึ คน ๆ สงิ่ ของส่ิงเดยี ว หรอื กลมุ่ เดยี วท่ีแยกจากสิง่ ของทั้งหลายสง่ิ เช่น each, every, neither เช่น Each student wants to pass the exam. นกั เรยี นแต่ละคนตอ้ งการสอบผ่าน Every boy likes to play football. เด็กผชู้ ายทุกคนชอบเลน่ ฟุตบอล Either side may win the race. แตล่ ะฝา่ ยอาจชนะการแขง่ ขัน Neither charge has been proved. ไม่มีขอ้ กลา่ วหาใด ๆ ไดร้ ับการพิสจู น์ 5. Adjective ทีใ่ ชข้ ยายหรอื ประกอบคํานามหรือคาํ สรรพนามเพ่อื ใช้เปน็ คาํ นาม (Interrogative Adjective) ใช้สรา้ งประโยคเพ่ือเป็นคําถามและขยายคาํ นาม หรือคาํ สรรพนามอีก ด้วย เชน่ what, which, whose เช่น What kind of book is it? นเี่ ปน็ หนังสอื ประเภทไหน Which way should we follow? ทางไหนที่เราควรเลอื กทาํ ตาม Whose house is that? นั่นเปน็ บ้านของใคร การสรา้ งคําคณุ ศพั ท์ 1. Adjective ที่สรา้ งมาจากคาํ นิยาม โดยการเติม ful, less, some, ish, y, en, em, ly, ous, able, ible, like, ic. al เช่น Noun Adjective harm harmful beauty beautiful trouble troublesome quarrel quarrelsome north northern day daily glory glorious duty dutiable, dutiful sense sensible talent talented English Grammar Page 20
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณภ์ าษาองั กฤษ โดย อาจารย์บัณฑิต อนุญาหงษ์ 2. Adjective ท่สี ร้างมาจากคาํ กริยา (Verb) Verb Adjective talk talkative prevent preventive destroy destructive close close run running 3. Adjective ท่ีสรา้ งมาจากคาํ คณุ ศัพท์บางคาํ Adjective Adjective red reddish comic comical glad gladsome good goodly tasty tasteful ตาํ แหน่งของคําคณุ ศพั ท์ (Position of Adjective) 1. อยหู่ น้าคาํ นามหรือคาํ สรรพนาม เพ่ือทาํ หน้าทขี่ ยายคํานามหรือคําสรรพนามนัน้ เชน่ a nice boy เด็กดี a poor man ชายทนี่ ่าสงสาร a beautiful girl เดก็ ผ้หู ญิงทส่ี วย a shot eye สายตาสัน้ He is a rich man. เขาเปน็ ชายทรี่ า่ํ รวย The warm sun melted the deep snow. ดวงอาทติ ย์ที่รอ้ นละลายหมิ ะทหี่ นา The new secretary doesn’t like me. เลขานกุ ารคนใหมไ่ มช่ อบฉัน A long road leads to the old house. ถนนท่ยี าวนาํ พาไปสบู่ า้ นหลงั เกา่ A brave soldier was awarded a medal. ทหารที่กลา้ หาญได้รับเหรียญกลา้ หาญ 2. อยู่หลัง Helping Verb (มักจะเปน็ V. to be เป็นส่วนใหญ่) และ Linking Verb (กรยิ าเช่อื ม) ได้แก่ taste, get, become, remain, grow, feel, look, appear, seem, smell, turn, keep, sound, etc. The boy feels happy. เดก็ ผู้ชายรูส้ กึ มคี วามสุข He looks pleased. ดูเขามคี วามสุข The orange tastes sour. ส้มมีรสเปรย้ี ว She keeps the roses fresh. เธอเก็บกุหลาบไว้ใหส้ ด That dress is new. ชุดนั้นใหม่ It doesn’t smell good. มันกลน่ิ ไม่ดี It is getting dark. มันกําลังมือ He becomes famous. เขามชี ่ือเสยี ง English Grammar Page 21
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ โดย อาจารยบ์ ณั ฑิต อนญุ าหงษ์ การใช้ Adjective ขยายนามตามข้อยกเว้น Adjective คือ คาํ ท่ใี ช้บรรยายคุณภาพของนาม เพ่ือให้รู้วา่ นามนัน้ มลี ักษณะดหี รือช่วั สงู หรือ ต่าํ ดาํ หรือขาวเป็นตน้ เรียกวา่ Adjective หรือคุณศัพท์ได้แกค่ าํ ว่า good = ดี bad = ชวั่ tall = สูง short = ต่ํา beautiful = สวย clever = ฉลาด fat = อว้ น thin = ผอม dirty = สกปรก white = ขาว เปน็ ตน้ Adjective เวลานําไปพดู หรือเขยี น มวี ิธใี ช้ 2 อย่าง คือ 1. เรียงไวห้ นา้ นามทค่ี ณุ ศัพท์นั้นไปขยายโดยตรงกไ็ ด้ เช่น The fat man can't run quickly. คนอ้วนไมส่ ามารถวิ่งเร็วได้ (fat เรียงไว้หนา้ นาม man โดยตรง) A clever boy can answer a difficult problem. เดก็ ฉลาดสามารถตอบปัญหาท่ยี ากได้ (คุณศัพท์ท้ังสองเรยี งไวห้ นา้ นามโดยตรง) 2. เรียงไวห้ ลัง Verb to be ก็ได้ เชน่ Somsri is beautiful. Manu is tall. สมศรีเป็นคนสวย มนูเปน็ คนสูง My gather is short. My dog is black. บดิ าของฉนั เตีย้ สนุ ัขของฉันสีดํา เปน็ ต้น ขอ้ ยกเวน้ การใช้ Adjective มาขยายตามแนวแบบขอ้ 1 ก็ได้ หรือข้อ 2 ก็ได้ หมายถึงAdjective ท่ัว ๆ ไป เท่าน้นั แต่ถ้าเป็น Adjective ที่จะกลา่ วตอ่ ไปนีแ้ ลว้ มวี ิธใี ช้ขยายนามได้เพยี งข้อใดข้อหน่ึงเท่านน้ั จะใช้แบบ ทั้ง 2 ขอ้ ตามใจไม่ได้ นั่นคือ 1. Adjective ต่อไปนี้ เมอ่ื ขยายนาม ใหใ้ ชแ้ บบเรยี งไวห้ ลงั กรยิ าเท่านัน้ หา้ มใช้แบบเรียงไว้หนา้ นาม โดยเดด็ ขาด ไดแ้ ก่:-sorry = เสยี ใจ afraid = กลวั well = อย่ดู สี บาย alive = มีชวี ิตอยู่ ashamed = ละอายใจ worth = มคี ่า awake = ตน่ื อยู่ English Grammar Page 22
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณ์ภาษาองั กฤษ โดย อาจารยบ์ ณั ฑติ อนญุ าหงษ์ ill = ไม่สบาย alike = เหมอื นกนั asleep = หลบั aware = ระวงั alone = โดยลาํ พัง content = พอใจ unable = ไมส่ ามารถ เชน่ : - ถกู : This boy is sorry. เด็กคนนเี้ สยี ใจ ผิด : This is a sorry boy. นคี่ อื เด็กทเ่ี สยี ใจ ถูก : That girl is afraid. เด็กหญิงคนนั้นกลัว ผิด : That is an afraid girl. น่นั คือเด็กหญิงที่กลัว ถูก : I am well. ผมอยู่ดสี บาย ผิด : I am a well man. ผมเป็นคนอยดู่ ีสบาย ถูก : Wilai is ill. วไิ ลไม่สบาย ผิด : Wilai is an ill girl. วไิ ลเป็นเดก็ หญิงไมส่ บาย 2. Adjective ตอ่ ไปน้เี มอ่ื ใช้ขยายนาม ใหเ้ รยี งไว้หนา้ นามโดยตรง หา้ มใช้แบบเรียงตามหลังกริยา Verb to be ได้แก่: - former = กอ่ น latter = หลงั inner = ภายใน outer = ภายนอก upper = ขา้ งบน elder = แกก่ ว่า drunken = ข้ีเมา middle = กลาง entire = ทงั้ หมด letter = ถดั มา wooden = ทาํ ด้วยไม้ golden = ทําด้วยทอง English Grammar Page 23
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณ์ภาษาองั กฤษ โดย อาจารยบ์ ณั ฑติ อนุญาหงษ์ neighboring = เพื่อนบา้ น especial = เฉพาะ เป็นต้น ถูก : Burma is a neighboring country. ผดิ : Burma is neighboring. พมา่ เป็นประเทศเพ่ือนบ้าน ถกู : She met a drunken teacher. หลอ่ นไดพ้ บครขู ี้เมาคนหนง่ึ ผดิ : The teacher was drunken. ครูคนนน้ั เปน็ คนขีเ้ มา เปน็ ตน้ 3. Adjective ทีไ่ ปขยายหรือประกอบสรรพนามผสม (Compound Pronoun) ต่อไปน้ี ให้เรียง ไวข้ า้ งหลังเสมอ ไดแ้ ก่: - someone everybody no one something everywhere nothing somebody anyone nobody somewhere anybody nowhere everyone anything เช่น:- I'll tell you something important. ฉันจะบอกคุณถงึ บางส่งิ บางอย่างทสี่ ําคัญ (อยา่ ใช้: I’ll tell you important something.) There's nothing new for us to do. ไม่มีอะไรใหม่สําหรับเราที่จะทํา (อย่าใช้: There's new nothing for us to do.) 4. Adjective ทไี่ ปแสดงการวดั (ขนาดตา่ ง ๆ ของนาม) ตอ้ งวางไวห้ ลังนามเสมอ This river is two hundred miles long. แมน่ ํ้าสายน้ียาว 200 ไมล์ (อยา่ ใช้ : This river is long two hundred miles.) This mountain is five hundred feet high. ภเู ขาน้สี งู 500 ฟุต (อย่าใช้ : This mountain is high five hundred feet) เปน็ ต้น 5. Adjective ทมี่ จี าํ นวนตั้งแต่ 2 ตัวขนึ้ ไป แล้วมาขยายนามตวั เดยี วกนั จะวางไว้หน้านามน้ัน โดยตรงกไ็ ด้ หรอื จะวางไว้หลังนามนัน้ ก็ได้ แตอ่ ยา่ English Grammar Page 24
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ โดย อาจารย์บณั ฑิต อนญุ าหงษ์ ลืมว่าหนา้ Adjective ตวั สดุ ท้ายนั้นต้องมี and มาเชอ่ื มไว้เสมอ เชน่ :- He is a witty and wise teacher. หรือ He is a teacher, witty and wise. เขาเป็นครทู ่ีมไี หวพริบและฉลาด Somsak bought a new, powerful, and expensive car. หรือ somsak bought a car, new, powerful, and expensive. สมศักด์ิได้ซื้อรถยนต์คันใหมม่ ีสมรรถภาพดแี ละราคาแพงมาหน่งึ คนั เป็นต้น 6. Adjective ทเ่ี ป็นสมญานาม ไปทําหน้าท่ขี ยายนามทเ่ี ป็นชอ่ื เฉพาะ ให้วางไว้หลงั นามนั้นเสมอ (และ Adjective ท่ีนาํ มาใช้เป็นสมญานามน้ี ต้องมี the นําหนา้ ทุกครั้ง เช่น :- King Naresuan, the great. สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช Ivan, the Terrible. อแี วนตัวดุร้าย Kukrit, the wise of Siam. คกึ ฤทธิ์, เจ้าปัญญาแห่งเมืองสยาม เปน็ ต้นชนิดของ Adjective Adjective ในภาษาองั กฤษแบ่งเปน็ 8 ชนิด คือ 1. Descriptive Adjective คุณศัพทบ์ อกลกั ษณะ 2. Proper Adjective คุณศัพท์บอกชื่อเฉพาะ 3. Quantitative Adjective คุณศัพทบ์ อกปริมาณ 4. Numberal Adjective คุณศัพท์บอกจาํ นวน 5. Demonstrative Adjective คุณศัพท์ชี้เฉพาะ 6. Possessive Adjective คุณศพั ท์บอกเจ้าของ 7. Interrogative Adjective คุณศัพท์คาํ ถาม 8. Distributive Adjective คุณศัพท์แบง่ แยก 2.1 Descriptive Adjective คุณศพั ทบ์ อกลักษณะ ได้แก่ คณุ ศัพท์ที่ใชแ้ สดงลกั ษณะหรอื คุณภาพ ของนามตา่ ง ๆ เพ่ือใหร้ ู้ว่า นามนนั้ มี ลักษณะอยา่ งไร ได้แก่คําว่า good , gat , bad , tall , short , white , thin , rich , poor , etc. เชน่ English Grammar Page 25
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณ์ภาษาองั กฤษ โดย อาจารย์บณั ฑิต อนุญาหงษ์ The rich man lives in the big house. คนรวยอาศัยอยบู่ ้านหลังใหญ่ เป็นต้น 2.2 Proper Adjective คณุ ศพั ทบ์ อกชอ่ื เฉพาะ หรือวิสามัญคณุ ศพั ท์ ได้แก่คุณศัพท์ท่ีมี รูปมาจากคํานามทีเ่ ป็นชือ่ เฉพาะนน่ั เอง หรอื อาจจะ เรยี กคณุ ศัพท์น้ีวา่ คุณศัพท์บอกสญั ชาติ จะดีกวา่ เพราะฟังเขา้ ใจงา่ ย ซงึ่ มีรปู เปลี่ยนแปลงมาจาก Proper Noun ดังต่อไปน้ี นามเฉพาะเจาะจง(proper คุณศัพท์บอกชอ่ื เฉพาะ (proper คําแปล Noun) Adjective) England English องั กฤษ America American อเมริกา Thailand Thai ไทย India Indian อนิ เดยี Germany German เยอรมนั Italy Italian อติ าลี Japan Japanese ญี่ปนุ่ China Chinese จีน 2.3 Quantitative Adjective คุณศัพทบ์ อกปริมาณ ได้แก่ คณุ ศพั ท์ที่ใช้ขยายนามบอกจํานวนของ นามว่า มากหรอื นอ้ ย แต่ไม่บ่งชัดลงไปวา่ มีจํานวนเทา่ นนั้ เทา่ นี้ เพียงแตบ่ อกมาหรือนอ้ ยเท่าน้ันเอง ไดแ้ ก่คาํ ว่า much, many, little, some, any, all เช่น He has many friends. เขามเี พื่อนมาก I have much money. ฉันมีเงินมาก Please give me some money. กรุณาให้เงนิ แกผ่ มบ้าง All boys stand up. เด็กทง้ั หมดยนื ขน้ึ เปน็ ตน้ 2.4 Numberal Adjective คุณศัพทท์ บ่ี อกจาํ นวน ได้แก่ คุณศัพท์ทใ่ี ชบ้ อกจาํ นวนของนามวา่ มี เทา่ นั้นเท่านี้ ไดแ้ ก่ one , two , tree , ...... , etc. เชน่ English Grammar Page 26
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณภ์ าษาอังกฤษ โดย อาจารย์บณั ฑติ อนญุ าหงษ์ She has two books. Daeng has friends. หลอ่ นมหี นงั สือ 2 เล่ม แดงมเี พ่อื น 10 คน I have few cars. The first girl is tall. ฉนั มีรถ 2-3 คนั เดก็ หญงิ คนทห่ี นง่ึ เปน็ คนสูง เป็นต้น 2.5 Demonstrative Adjective คณุ ศพั ทช์ เี้ ฉพาะ ได้แก่ คณุ ศัพท์ท่ใี ชข้ ยายเพื่อชเ้ี ฉพาะเจาะจงวา่ เป็นคนนน้ั คนน้ี มิได้หมายถึงคนอนื่ ได้แก่คําวา่ the same, this, that, these, those, such, such a, เชน่ This man is my brother. That woman is my mother. ชายคนนี้เป็นพ่ชี ายของฉัน หญิงคนนัน้ เปน็ มารคาของฉัน I never say such things. He is in the same room. ฉันไม่เคยพูดเชน่ นน้ั เลย เขาอยหู่ ้องเดียวกัน เป็นต้น 2.6 Possessive Adjective คุณศพั ท์บอกเจา้ ของ ได้แก่ คณุ ศัพท์ที่มรี ปู มาจากบุรุษสรรพนามรูปท่ี 3 นั่นเอง ฉะน้ันคุณศพั ท์จําพวกนเี้ วลาพดู หรอื เขียนต้องมนี ามตามหลังตลอดไปจะใช้แต่มันโดยลําพังไม่ได้ ไดแ้ ก่คําวา่ my, your, our, his, her, its, their, เชน่ This is my house. His dog is white. นี่คือบ้านของฉัน สนุ ขั ของเขาสีขาว Her hands are very clean. That is your suitcase. มอื ของเธอสะอาดมาก นนั้ คือกระเป๋าของทา่ น 2.7 Interrogative Adjective คณุ ศัพท์คําถาม ไดแ้ ก่ คุณศัพท์ที่ใชข้ ยายนามเพอื่ ให้เปน็ คําถาม ฉะนัน้ จงึ ต้องใช้นําหนา้ นามตลอดไป หากไม่มีคํานามตามหลงั มันเปน็ ปฤจฉาสรรพนามได้แก่คาํ วา่ What, Which, Whose เชน่ What book is he reading? Which book do you like? เขากําลงั อา่ นหนงั สืออะไร? ทา่ นชอบหนงั สอื เล่มไหน? Whose ruler is this? Whose house is that? น้คี ือไมบ้ รรทัดของใคร? นน้ั คอื บ้านของใคร? 2.8 Distributive Adjective คุณศพั ทแ์ บ่งแยก ไดแ้ ก่ คุณศพั ทท์ ใ่ี ช้ขยายนามเพ่ือแบง่ แยกออกจาก กนั เป็นรายบคุ คลหรือรายส่ิง ตามทผ่ี ้พู ดู ต้องการ ได้แก่คําวา่ each (แต่ละ) either (อันใดอันหนึ่ง) neither (ไม่ท้ังสอง) every (ทกุ ๆ) อน่ึงใหส้ งั เกตไว้ดว้ ยว่านามทมี่ วี ภิ าคคุณศัพท์ English Grammar Page 27
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ โดย อาจารยบ์ ณั ฑิต อนญุ าหงษ์ ตามข้อ 8 น้วี างอยู่ข้างหนา้ นามตวั นัน้ ตอ้ งเป็นเอกพจนต์ ลอดไป เชน่ Each student is writing his name. Either bank is flooded. นักศึกษาแตล่ ะคนกาํ ลงั เขยี นชอ่ื ของเขา แต่ละฝงั่ ของแม่นาํ้ ถูกน้าํ ทว่ ม Neither school is close to my house. Every girl puts a hat on her head. ไม่มโี รงเรียนใดตั้งอยู่ใกล้บา้ นฉนั เลย เดก็ หญงิ ทุกๆคนใสห่ มวดบนศีรษะของเธอ Adjective ที่มานอกแบบ นอกจาก Adjective ทง้ั 8 ชนดิ ท่กี ล่าวมาแลว้ น้ัน ยังมีคําอื่นอีกมากมายเยอะแยะทีม่ าใชเ้ ป็นคุณศัพท์ หรือใช้เสมอื นหน่ึงเป็นคณุ ศัพท์ (Adjective) ได้ ตามความเห็นของผู้เขียนแล้วอยากจะเรียกคาํ ท่นี ํามาใช้ เหมือนหนึ่งเป็นคุณศัพทน์ ัน้ ว่า \"คณุ ศพั ทท์ ม่ี านอกแบบ\" เพราะคณุ ศัพท์จําพวกน้ไี ม่มีในคุณศัพท์ 8 ชนดิ ท่ี กล่าวแล้ว ดงั นนั้ จงึ ไดเ้ รียกว่าคณุ ศัพทน์ อกแบบ ซงึ่ อนั นมี้ ิได้แตกต่างอะไรกบั ภาษาบาลีเลย ในขณะที่ทา่ น กําลังเรยี นอยูใ่ นนามกิตตก์ รยิ ากิตต์หรือสนธิน้ันจะมีปัจจยั อยูบ่ างตัวหรือบางพวกทีเ่ รยี กว่า เปน็ ปจั จัยนอก แบบนํามาใช้รว่ มกับปัจจัยในแบบ หรอื ศลี สิกขาบทของพระทา่ นกด็ นี อกจากจะมีมาในพระปาฎิโมกข์แลว้ ยังมี มานอกพระปาฎิโมกข์อีกใช่ไหมครับ หรือท่านจะคดั คา้ นกับผเู้ ขียนวา่ ไมจ่ รงิ ไม่จริงกเ็ ชิญเถิดไมข่ ัดขอ้ งดงั นัน้ คุณศัพทท์ ี่มานอกแบบก็ได้ ได้แก่คาํ ต่อไปน้ี คือ 1. คาํ นาม (noun) ใช้เปน็ Adjective ขยายนามด้วยกันได้ แตใ่ หว้ างไวห้ น้านามที่มนั ไปขยายเสมอ เช่น They study at Suan Kularb school every day. พวกเขาเรียนอยู่ท่ีดรงเรียนสวนกุหลาบทุก ๆ วัน (Suan Kularb เป็นนาม แตน่ ํามาใชเ้ ปน็ Adjective ขยาย school) เปน็ ตน้ 2. คํานามทใ่ี ชแ้ สดงความเป็นเจ้าของ โดยมี Apostrophe's มาใชค้ วบดว้ ยนน้ั นาํ มาใช้เปน็ Adjective ขยาย นามได้ และให้เรยี งไว้หน้านามตัวนน้ั ตลอดไป เช่น Daeng's house was built in Bangkok last year. บ้านของแดงไดส้ ร้างไวใ้ นกรุงเทพฯ เมื่อปกี ลายน้ี (Daeng's เปน็ คํานามทแ่ี สดงความเปน็ เจา้ ของ แตน่ ํามาใช้เปน็ Adjective ขยาย house) 3. Infinitive กรยิ าสภาวมาลา นาํ มาใช้เป็นคุณศพั ท์ขยายนามได้ แตต่ ้องวางไวห้ ลังนามทีม่ นั ไปขยายเสมอ ห้ามวางไว้หน้า เชน่ This is the book to read. นค่ี ือหนังสือสาํ หรับอ่าน (to read เปน็ Infinitive นาํ มาใชเ้ ปน็ Adjective ขยาย book) 4. Participle ซึ่งจะเรยี นอย่างละเอยี ดในอีกบทหน่ึง นํามาใช้เป็นคุณศัพท์ขยายนามทัว่ ไปได้ และใหว้ างไว้ หนา้ นามที่มนั ไปขยายทกุ คร้ังด้วย เชน่ The standing boy is afraid of the running dod. เด็กทย่ี นื อยู่กลงั สุนัขที่วงิ่ มา (standing,running เป็น Participle ทีน่ ํามาใชเ้ ป็นคุณศัพท์ขยาย boy,dog ได้) English Grammar Page 28
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณภ์ าษาอังกฤษ โดย อาจารย์บณั ฑิต อนุญาหงษ์ 5. Gerund คือคาํ กริยาท่เี ติม ing แล้วนํามาใช้อยา่ งนาม นํามาใชเ้ ปน็ Adjective ขยายนามได้ และใหว้ างไว้ หนา้ นามทม่ี นั ไปขยายเสมอ เช่น We have a swimming pool near the school. พวกเรามีสระวา่ ยนํา้ อย่ใู กล้ ๆ กบั โรงเรยี น (swimming เปน็ Gerund นํามาใชเ้ ป็นคณุ ศัพทข์ ยาย pool) 6. Adjective Clause คุณานปุ ระโยคนํามาใชเ้ ปน็ Adjective ขยายนามได้แตต่ ้องวางไวห้ ลงั นามทมี่ ันขยาย ตลอดไป เชน่ The boy who is learning English is my brother. เด็กผ้ซู ่ึงกาํ ลงั เรยี นภาษาองั กฤษอยู่คือน้องชายของผม (who is learning English เปน็ คณุ านุประโยค ทําหนา้ ทเี่ ป็นคณุ ศัพท์ขยาย boy ท่อี ยู่ข้างหนา้ เป็นตน้ ) WORD ORDER Word order คอื การเรยี งลําดับคําเกย่ี วกบั เร่ือง Word order นี้ เพ่ือทดสอบความสามารถของนักเรยี นใน เร่ืองการเรียงลาํ ดับคํา ฉะน้นั เพื่อชว่ ยใหน้ กั เรียนไดเ้ กิดความเข้าใจและสามารถจดั เรยี งหรอื วางตําแหน่งของคาํ ไดถ้ ูกตอ้ ง ขอกลา่ วสรปุ ไว้โดยย่อดังนี้ Position of Adjectives การเรยี งลาํ ดบั คาํ ในประโยคลักษณะนี้ มีเกณฑ์การเรยี งลาํ ดับกอ่ นหลงั ตามลาํ ดับขนั้ ดังน้ี ลําดับที่ 1 Pointing word ได้แก่คํา 3 ประเภท คือ ก. Articles เช่น a, an, the ข. Demonstrative Adjectives เชน่ this, that, these, those ค. Possessive Adjectives เช่น my, your, her, his ลําดบั ที่ 2 Quantity ได้แกค่ ํา 3 ประเภท คอื ก. Ordinal number เชน่ first, second, third, ข. Cardinal number เชน่ two, three, four,………… ง. Indefinite adjectives เชน่ some, many, few, a lot of ลําดบั ท่ี 3 Size คอื คาํ ที่แสดงถงึ ขนาด เช่น big, large, small, tall ลาํ ดับท่ี 4 Quality คอื คําที่ บอกคุณภาพของสง่ิ นนั้ เช่น good, bad, beautiful ลําดบั ท่ี 5 Colour คอื คาํ ท่ีบอกถงึ สี เช่น red, blue, white ลาํ ดับท่ี 6 Nationality คือ คาํ ท่ีบอกสญั ชาติ เช่น Thai, Burmese ลําดับที่ 7 Material คือ คาํ ทบ่ี อกถึงชนดิ ของวตั ถุ เช่น silk, leather , steal ลําดบั ที่ 8 Noun คอื คาํ นามท่ีเรากลา่ วถงึ เชน่ skirt, cat, purse English Grammar Page 29
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณภ์ าษาอังกฤษ โดย อาจารยบ์ ณั ฑติ อนุญาหงษ์ แบบฝกึ หัด คําสงั่ จงขีดเส้นใต้คาํ ทเ่ี ปน็ Adjective และบอกด้วยวา่ เป็น Adjective ประเภทไหน 1. He is reading an English newspaper in his room. 2. Some people have much money but never happy. 3. This car was bought from Japan last month. 4. Six boys are playing football in the field. 5. They love their teacher very much. 6. Which pencil do you like best? 7. I like to read the Thai literature every day. 8. Either bank is flooded. 9. Every girl has her lunch at school. 10. She has many friends in America. คาํ สัง่ จงขดี เสน้ ใตค้ ําทีอ่ ยู่ในวงเลบ็ ซึง่ เหน็ วา่ ถกู ตอ้ งตามหลกั การใช้ Adjective 1. Even he was (asleep, sleeping) but his brain seemed to be at work. 2. Today John is (good, well) so he smiles all time. 3. A (good, well) student must be at school every day. 4. We live in the (wooded, wood) houses. 5. I saw the (awake, waking) boy in the house last night. 6. A (ill, sick) man can't work hard. 7. He is my (older, elder) brother working with this company. คาํ ส่ัง ให้กาเครื่องหมายถูกหรือผดิ กับ Adjective ทใี่ ช้ขยายนามในประโยคต่อไปน้ี 1. (................) Seri is tall six feet. 2. (................) This road is twenty feet wide. 3. (................) She is sixteen years old. 4. (................) Is there necessary anything to do? 5. (................) I here is nothing important for us to see. 6. (................) The wise John is coming here soon. 7. (................) We love Napoleon, the Great. 8. (................) Burma is our neighboring country. 9. (................) Isabella is a well girl. 10. (................) I am a short teacher. 11. (................) David is interested in new something. 12. (................) They are twenty years old. English Grammar Page 30
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณภ์ าษาอังกฤษ โดย อาจารย์บัณฑติ อนุญาหงษ์ Chapter 4 Verbs Types (ชนิดของคาํ กรยิ า) คํากริยาเป็นการบอกอาการ หรือการกระทํา (Action) หรือความมีอยู่ เปน็ อยู่ (being) หรอื สภาวะ ความเป็นอยู่ (state of being) การกระทํา ความมีอยู่ ,เปน็ อยู่ สภาวะความเปน็ อยู่ He eats He is a boy. He seemed tired. He went home She has a beautiful house. This cake tastes good. การจาํ แนกชนดิ ของคํากรยิ า มกี ารแบ่งไว้หลายวิธีสดุ แตจ่ ะคํานึงอะไรเปน็ หลัก เชน่ 1. แบ่งตามหนา้ ท่ีโดยยดึ เปน็ กรรม (Object) เปน็ เกณฑ์มี 2 ชนิด 1.1 Transitive Verbs (สกรรมกริยา) คํากรยิ าท่ีต้องมกี รรมมารบั เชน่ He bought a book. ( a book เป็นกรรม ) 1.2 Intransitive Verbs (อกรรมกริยา) คํากรยิ าท่ไี ม่ต้องมกี รรม เชน่ He arrived late. 2. แบง่ ตามหนา้ ท่ี เปน็ คํากรยิ าหลัก (Main Verbs) และคํากริยาชว่ ย (Auxiliary Verbs) 2.1 Main Verbs ( คาํ กรยิ าหลัก) เป็นคํากรยิ าท่ีทําหน้าที่ได้อย่างอิสระในประโยค เชน่ He went to Australia last year. 2.2 Auxiliary Verbs ( คํากริยาช่วย ) ทาํ หนา้ ทช่ี ่วยคํากรยิ าหลกั เชน่ He has gone to Australia. 3. แบ่งตามหนา้ ท่ีเปน็ คาํ กรยิ าแท้ ( Finite Verbs) และกริยาไมแ่ ท้ ( Non-finite Verbs) Finite Verbs ( คํากริยาแท้ ) ทาํ หนา้ ท่แี สดงกรยิ าอาการที่แทจ้ รงิ ของประธานในประโยคมกี ารเปล่ยี นรปู ไป ตามSubject , Tense, Voice และ Mood เชน่ Subject Tense I go to school every day He goes to school every day He goes to school every day He went to school yesterday They go to school every day He's going to school tomorrow Voice Mood Someone killed the snake. ( Active ) I recommend that he see a doctor. The snake was killed . ( Passive ) (ไม่ใช่ he sees ) If I were you, I would not do it. ( ไม่ใช่ I was ) English Grammar Page 31
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณภ์ าษาอังกฤษ โดย อาจารย์บัณฑิต อนญุ าหงษ์ Non-finite Verbs ( คํากริยาไม่แท้ )หรอื Verbal เปน็ คาํ ท่มี รี ูปจากคํากรยิ าแต่ไม่ได้ทําหน้าที่คาํ กรยิ าแท้ มี 3 รูปคอื a. Infinitives เป็นคํากรยิ าทอ่ี ยู่ในรูปกริยาชอ่ งที่ 1 นาํ หน้าดว้ ย to ทําหนา้ ท่ี noun , adjective และ adverb He lacked the strength to resist. ( to resist ทําหนา้ ท่ี adjective) We must study to learn. ( to learn ทาํ หนา้ ที่ adverb) b. Gerunds เป็นคํากริยาเติม ing ทําหนา้ ทีเ่ ปน็ คาํ นาม ( noun ) เชน่ They do not appreciate my singing. พวกเขาไม่ชอบการร้องเพลงของฉัน ( singing เปน็ คํานามทีท่ ําหนา้ ทีเ่ ปน็ กรรม ) I like swimming. ฉนั ชอบว่ายนาํ้ . ( swimming เป็นกรรมของ like ) c. Participles คาํ กริยาทีเ่ ตมิ ing หรือ กรยิ าช่องที่ 3 ท่ที าํ หนา้ ทเี่ ป็นคําคุณศัพท์ ( Adjective ) มี 2 รูปแบบคือ * Present Participles เป็นคาํ กรยิ าที่เตมิ ing เช่น The crying baby had a wet diaper. เด็กทร่ี อ้ งอยู่นนั้ ผา้ ออ้ มเปยี ก ( crying เปน็ คําคุณศพั ทข์ ยาย baby ) * Past Participles เปน็ คํากริยาชอ่ งที่3 เช่น The broken bottle is on the floor. 4. แบ่งตามโครงสร้างโดยยึดการเปลี่ยนรปู ของคาํ (conjugation) ได้แก่ Regular Verbs ( คาํ กรยิ าปกติ ) เป็นคํากริยาทเ่ี ตมิ ed เมื่อเป็น past และ past participle เช่น walk walked walked stop stopped Stopped work worked worked Irregular Verbs ( คาํ กริยาอปกติ ) เป็นคาํ กริยาทมี่ ีรปู past และ past participle ต่างไปจากรูปเดมิ หรือคง รูปเดิม เชน่ send sent sent go went Gone see saw seen English Grammar Page 32
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณ์ภาษาองั กฤษ โดย อาจารยบ์ ณั ฑติ อนุญาหงษ์ Chapter 5 Adverbs Adverbs (คํากริยาวเิ ศษณ์) คือ คําที่ใชข้ ยายคาํ กริยา (verb) , ขยายคุณศัพท์ (adjective) และขยาย คํากรยิ าวเิ ศษณ์ (adverb) หนา้ ที่ของ Adverb 1. ขยายคํากริยา (verbs) เชน่ She walks clumsily. (เธอเดนิ งมุ่ งาม) v. adv. 2. ขยายคําคุณศัพท์ (adjective) เช่น She is very cute. adv. adj. 3. ขยายคํากรยิ าวิเศษณ์ (adverbs) เชน่ That dog runs very quickly. adv. adv. ชนิดของ Adverbs 1. Adverb of Manner เป็น adverb ที่บอกอาการหรือลักษณะการกระทํา ใช้ตอบคําถามท่ีขนึ้ ต้น ดว้ ย How? เชน่ hard = หนัก , fast = อย่างเร็ว , happily = อย่างมคี วามสขุ เป็นตน้ ตําแหนง่ อยู่ในประโยคคือ 1. หลังคาํ กรยิ า เช่น I run quickly. 2. หลงั กรรมตรง เชน่ She looks at me angrily. * หมายเหตุทม่ี าของ Adverb of Manner ไดจ้ ากการเติม -ly ขา้ งท้าย adjective ถ้า adjective ลงท้ายดว้ ย y หน้า y ไมใ่ ช่ a , e , o , u ให้ เปล่ยี น y เป็น i แล้วจงึ เติม -ly good เปล่ยี นเปน็ well บางคาํ ทเ่ี ปน็ ไดท้ ้ัง adjective และ adverb เชน่ hard , fast , late , early English Grammar Page 33
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณภ์ าษาองั กฤษ โดย อาจารยบ์ ัณฑติ อนุญาหงษ์ 2. Adverb of Degree บอกระดับความเข้ม เชน่ very = มาก , quite = ทีเดียว , rather = ค่อนข้าง , almost = เกือบจะ , extremely = อย่างย่ิง , too = มากไป ตําแหนง่ ในประโยค 1. ไวห้ น้าคาํ คุณศัพท์ เชน่ It's very loud. 2. ไว้หน้า adverb เช่น She sings very sweetly. 3. Adverb of Place บอกสถานที่ เชน่ up , down , here , there ตวั อยา่ งประโยค Jim came here yesterday. We have to go there. (อยหู่ ลังคํากริยา) Please bring then inside. 4. Adverb of Frequency ใช้ขยายคาํ กริยา เพ่ือบอกถงึ ความถ่ขี องการกระทํา และจะวางไวห้ นา้ คํากริยานนั้ ๆด้วย ยกเวน้ sometimes อยู่ ตน้ ประโยคก็ได้ เช่น always สมา่ํ เสมอ usually เป็นประจํา often บอ่ ยๆ sometimes บางครงั้ บางคราว seldom นานๆครั้ง never ไม่เคย Examples: Sandy always goes to school early. Mary usually cooks dinner. We often drink milk. I never go to London. Sometimes I eat pizza for lunch. 5. Adverb of time บอกเวลา ตอบคําถาม When เชน่ Tonight (คนื น้ี) , during winter (ระหว่าง ฤดหู นาว) , early (แต่เชา้ ตรู) , tomorrow (พร่งุ นี้) , yesterday (เม่อื วานนี้) , soon (ในไมช่ ้า) ตําแหนง่ ในประโยค ไวท้ ้ายประโยค I will go to London next week. วางไวต้ ้นประโยค เม่ือต้องการเนน้ เชน่ Tomorrow I will fly to Italy. English Grammar Page 34
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณภ์ าษาอังกฤษ โดย อาจารยบ์ ณั ฑิต อนญุ าหงษ์ การเรยี งลาํ ดับ Adverbs หลายคาํ ในประโยคเดยี วกัน 1. คาํ กรยิ าทวั่ ไป ใหเ้ รยี งลําดับดงั นี้ เช่น He worked carefully in the office every day last year. (M) (P) (F) (T) 2. กรยิ าทแ่ี สดงความเคลอ่ื นไหว เช่น My sun sometimes went go to school by bike last month หมายเหตุ M = Manner P = Place F = Frequency F = Time Adverb คือ คาํ ท่ีใชท้ าํ หนา้ ท่ีขยายกริยา ขยายคณุ ศัพท์ หรือขยาย Adverb ด้วยกันเองก็ได้ จะขอ ยกตัวอยา่ งพอสังเขปใหด้ ตู ่อไปนี้ ขยายกริยาเรยี งไวห้ ลังกรยิ า The old woman walks slowly. หญงิ ชราคนน้นั เดนิ อย่างชา้ ๆ (slowly เป็น Adverb เรยี งไวห้ ลงั หรยิ า walks) ขยายคณุ ศพั ท์เรียงไว้หนา้ คณุ ศัพท์ Saensak is very strong. แสนศักด์เิ ปน็ คนแข็งแรงมาก (very เป็น Adverb เรยี งไว้หน้าคุณศัพท์ strong) ขยายกริ ยาวิเศษณเ์ รยี งไว้หนา้ กริยาวเิ ศษณ์ The train runs very fast. รถไฟวง่ิ เรว็ มาก (very เป็น Adverb จึงเรยี งไว้หนา้ Adverb \"fast\") ชนดิ ของ Averb Adverb แบง่ ออกเป็นหมวดใหญ่ ๆ ได้ 3 หมวด คือ 1. Simple Adverb = กริยาวเิ ศษณส์ ามัญ 2. Interrogative Adverb= กรยิ าวิเศษณ์คาํ ถาม 3. Conjunctive Adverb= กริยาวิเศษณ์สันธาน Simple Adverb Simple Adverb คอื กริยาวิเศษณ์ทใ่ี ชข้ ยายกริยา ขยายคุณศพั ทแ์ ละขยายกริยาวิเศษณ์ ด้วยกันเองกไ็ ด้ตามธรรมดานเี้ อง Simple adverb แบ่งเป็นหมวดเลก็ ๆ ได้ 6 หมวด คอื 1. Adverb of Time คอื กรยิ าวเศษณ์บอกเวลา ไดแ้ กค่ ําว่า now, ago, then, already, soon, late, before, after, since, yesterday, tomorrow, today, every day, every week, etc. เชน่ English Grammar Page 35
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณภ์ าษาอังกฤษ โดย อาจารยบ์ ัณฑิต อนญุ าหงษ์ I must go now.ฉนั จะต้องไปเด๋ียวนี้ Somsri bought a book yesterday.สมศรีซ้อื หนังสือเล่มหนง่ึ เมอื่ วานน้ี 2. Adverb of Place คอื กริยาวิเศษณบ์ อกสถานท ไดแ้ ก่คาํ ว่า near, far, in, out, here, there, inside, outside, outside, etc, เชน่ He goes there twice a day.เขาไปท่ีนัน้ วนั ละ 2 ครงั้ We have to stay here today.พวกเราจะต้องพักอยทู่ นี่ ่ีวันนี้ The manager has just gone out when you come in. ผู้จดั การเพ่งิ จะออกไปข้างนอก ตอนคุณ เข้ามาเข้าใน เปน็ ตน้ 3. Adverb of Frequency คือ กริยาวิเศษณ์บอกความสม่ําเสมอ ไดแ้ กค่ ําว่า always, often, seldom, hardly, once, twice, again, sometimes, usually, rarely, frequently, lately, etc. เชน่ He always goes to the cinema after school. เขาไปดูหนงั เสมอ ๆ หลังจากเลิกโรงเรียนแล้ว เปน็ ตน้ 4. Adverb of Manner คอื กริยาวเิ ศษณบ์ อกกริยาอาการ ได้แก่คาํ วา่ well, slowly, quickly, fast, probably, certainly, etc. เชน่ He speaks Thai well.เขาพูดไทยไดด้ มี าก Why do you walk so quickly? ทําไมคุณจึงเดนิ เรว็ นัก? เปน็ ต้น 5. Adverb of Quantity คอื กริยาวเิ ศษณ์บอกปรมาณมากนอ้ ย ไดแ้ ก่คาํ ว่าmany, much, very, too, quite, rather, etc, เชน่ This question is very easy.คาํ ถามนีง้ ่ายมาก She loves me very much.หลอ่ นรักผมมาก เปน็ ต้น 6. Adverb of Affirmation or Negation คือ กริยาวิเศษณบ์ อกการรับหรือปฏเิ สธ ได้แก่คาํ ว่า yes, no, not, not at all เชน่ Do you understand me? คุณเข้าใจผมไหม? Yes, I do.ครบั , ผมเขา้ ใจ Does he come here every day? เขามาทีน่ ีท่ ุกวันหรือ? No, he doesn't. เปลา่ , เขาไม่ มา เป็นตน้ English Grammar Page 36
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ โดย อาจารย์บณั ฑติ อนญุ าหงษ์ Interrogative Adverb แบง่ ออกเป็นก่ีชนดิ กริยาวเิ ศษณ์ท่ใี ชข้ ยายกรยิ าเพอื่ ใหเ้ ปน็ คําถาม ซ่งึ บางคําก็เป็นคํา ๆ เดียว บางคาํ กเ็ ป็น คําผสม กริยา วเิ ศษณค์ ําถามเวลาพูดหรอื เขียนตอ้ งวางไว้ตน้ ประโยคเสมอ แบง่ ออกเป็นหมวดเลก็ ๆ ได้ 6 หมวด คอื 1. บอกเวลา (Time) ไดแ้ กค่ ําวา่ When (เม่อื ไร) How long (นานเทา่ ไร) เชน่ When will he come here again? เมอื่ ไหร่เขาจะมาท่นี ่ีอีก? Next Year.ปหี นา้ How long have you been here? คณุ ได้มาอยู่ท่ีน่นี านเทา่ ไรแล้ว? For five years.เปน็ เวลา 5 ปี แล้ว เปน็ ตน้ 2. บอกสถานที่ (Place) ไดแ้ กค่ ําวา่ When (ทไ่ี หน) เช่น Where does he live? เขาอยทู่ ีไ่ หน? He lives in Bangkok.เขาอยใู่ นกรงุ เทพฯ 3. บอกจํานวน (Number ได้แก่คาํ วา่ How many (มากเท่าไร) How often (กี่ครง้ั ) เช่น How often does she come here? หล่อนมาทีน่ ี่บ่อยไหม? (หมายถึงกี่ครัง้ นนั่ แหละ) How many books have he? Ten. เขามีหนงั สือมากเท่าไร? 10 เล่ม 4. บอกกริยาอาการ (Manner) ไดแ้ ก่คาํ วา่ How (อย่างไร) เช่น How do you do this? คุณทําสิง่ นีไ้ ด้อย่างไร How does she come here? หล่อนมาที่น่ไี ด้อย่างไร เป็นตน้ 5. บอกปริมาณ (Puantity) ไดแ้ กค่ ําว่า How much (มากเทา่ ไร) เชน่ How much do you pay? คุณจ่ายมากเทา่ ไร How much is it? ราคาเท่าไร? เป็นตน้ 6. บอกเหตุผล (Reason) ไดแ้ ก่คาํ วา่ Why (ทําไม) เช่น Why do they go to Hong Kong every day? ทาํ ไมพวกเขาจงึ ไปฮ่องกงทุก ๆ วนั ? Why doesn't she love you? ทําไมหลอ่ นจึงไม่รักคณุ ? เปน็ ตน้ Conjunctive Adverb กรยิ าวเิ ศษณ์ทีใ่ ชเ้ ป็นคาํ เชือ่ ม ซ่ึงเปน็ ท่ีรู้จักกนั ดีว่ากรยิ าวเิ ศษณต์ วั นี้จะทําหนา้ ทเี่ ชื่อมตัวนจ้ี ะทําหน้าที่ เช่อื มประโยคหน้าและประโยคหลัง ใหส้ มั พนั ธก์ นั ได้แก่คําวา่ why, where, when, how, whenever, while, as, wherever, etc. นั่นเอง สรปุ แล้ว comjunctive adverb นีก้ ท็ ําหน้าที่ 2 อยา่ ง คือ เปน็ ท้งั กรยิ าวเิ ศษณ์และสนั ธานไปพร้อม กัน เชน่ I know what you did yesterday. ผมร้วู ่า คุณทาํ อะไรเมื่อวานนี้ (what เป็น conjunctive adverb) He knows how I go there. เขาร้วู ่าผมไปท่ีนนั่ ไดอ้ ยา่ งไร (how เปน็ conjunctive adverb) Do as I told you. จงทําตามท่ีผมบอกคุณนั่นแหละ (As เปน็ conjunctive adverb) He will go wherever she goes. เขาจะไปที่ไหนก็ไดท้ ีห่ ล่อนไป (wherever เป็น conjunctive adverb) My aunt likes to visit me whenever I am at home. ป้าของผมไปเยยี่ มผมอยบู่ ้าน (whenever เปน็ conjunctive adverb) English Grammar Page 37
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ โดย อาจารยบ์ ัณฑติ อนุญาหงษ์ รูปศัพทห์ รอื แหลง่ กําเนิด ของ Adverb Adverb มีรูปศัพทห์ รือแหล่งกาํ เนิดมาจากคาํ ตา่ ง ๆ ได้ดังต่อไปนี้ คือ 1. ยืมคํานามมาใช้เปน็ adverb ได้ เชน่ Daily ประจาํ วัน, รายวนั Sometimes บางคร้ัง Week, month, etc. สัปดาห์, เดือน, เปน็ ตน้ 2. มรี ปู ของตนเองมาโดยกาํ เนิด จะต่อเติมหรอื ตัดออกแม้เพยี งส่วนใดสว่ นหนึ่งไมไ่ ด้ ไดแ้ ก่คาํ วา่ here, there, hard, always, well, often, too, very, early, seldom, etc. 3. มีรปู มาจากการรวบรวมบุรพบทเขา้ กบั นาม แลว้ นํามาใชเ้ ป็น adverb ได้ ได้แก่คําตอ่ ไปน้ี to + day = today วันนี้ to + morrow= tomorrowวันพร่งุ นี้ in + side= insideขา้ งใน out + side= outsideขา้ งนอก 4. มรี ูปมาจากการเตมิ A เขา้ ขา้ งหน้านามหรอื กริยา แล้วนามหรอื กรยิ าตัวน้ันนาํ มาใชเ้ ป็นกริยา วเิ ศษณ์ได้ ไดแ้ ก่คําตอ่ ไปนี้ a + way= awayไม่อยู่, จากไป, ไกลออกไป a + go= agoล่วงมาแล้ว a + bed= abedบนเตยี ง a + foot= afootดว้ ยเทา้ , โดยเท้า a + live= aliveมีชวี ิตอยู่ 5. มีรปู แบบมาจากคณุ ศพั ทโ์ ดยการเติมปัจจัย ly ลงขา้ งท้าย แล้วคณุ ศัพทต์ ัวนนั้ ก็จะกลับ กลายเปน็ Adverb ไปทันที แตก่ ารเตมิ ly เปน็ ปจั จยั หลกั เกณฑด์ ังต่อ ไปนีค้ ือ 5.1 ถ้า Adjective ลงทา้ ยด้วย y และหนา้ y เปน็ พยัญชนะให้เปล่ยี น y เป็น I แลว้ จงึ เติม ly เชน่ เปน็ คุณศพั ท์ คําแปล เป็นกรยิ าวิเศษณ์ คาํ แปล easy ง่าย easily อยา่ งง่าย heavy หนกั heavily อย่างหนัก happy มคี วามสขุ happily อยา่ งมีความสุข merry รา่ เรงิ merrily อย่างร่าเรงิ lazy เกียจคร้าน lazily อยา่ งเกียจครา้ น English Grammar Page 38
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณ์ภาษาองั กฤษ โดย อาจารย์บณั ฑติ อนญุ าหงษ์ 5.2 ถา้ Adjective น้ันลงทา้ ยดว้ ย e และหน้า e น้นั เปน็ l ให้เปลยี่ น e เป็น y เพราะเม่อื เปลี่ยน แลว้ มีค่าเท่ากับ ly ปจั จยั เช่น เป็นคณุ ศพั ท์ คําแปล เป็นกริยาวิเศษณ์ คาํ แปล suitable เหมาะสม suitalbly อยา่ งเหมาะสม simple งา่ ย simply อยา่ งง่าย สะดวกสบาย somfortably comfortable อย่างสะดวกสบาย 5.3 นอกจากกฎเกณฑ์ท่ีลงท้ายตามข้อ 1-2 แล้ว เม่ือต้องการให้เป็นกรยิ าวิเศษณ์ (Adverb) ใหเ้ ตมิ ly ปจั จยั ไดเ้ ลย ไมต่ ้องลังเลใจให้เสียเวลา เชน่ เป็นคณุ ศัพท์ คาํ แปล เปน็ กริยาวเิ ศษณ์ คําแปล bad เลว badly อยา่ งเลว brave กลา้ หาญ bravely อยา่ งกล้าหาญ quick รวดเรว็ quickly อย่างรวดเรว็ slow ช้า slowly อยา่ งช้า wise ฉลาด wisely อย่างฉลาด sad เศรา้ ใจ sadly อย่างเศรา้ ใจ Adverb บางคําเปน็ รูปเดยี วกับ Adjective มี Adverb อยู่บางตวั ซึ่งมรี ูปเช่นเดียวกนั กบั Adjective พูดงา่ ย ๆ กค็ ือ คาํ ๆ เดียวไดท้ ้ัง Adverb และ Adjective วา่ อย่างง้นั ทนี ้ีปัญหาตอ่ ไปอกี กค็ ือวา่ เมือ่ คาํ เหลา่ นม้ี ีรปู เหมือนกันทง้ั ใช้เปน็ Adverb และ Adjective เช่นนี้แล้วเราจะรไู้ ด้อย่างไรว่ามันเปน็ อะไรในประโยคนน้ั ๆ คาํ ต่อไปนีเ้ ปน็ ได้ท้ัง Adjective และ Adverb สดุ ท้ายแตว่ ิธใี ช้ หรือตาํ แหน่งวางไวใ้ นประโยคของมันได้แก่ fast เร็ว first ท่ีหนง่ึ fair อยา่ งยตุ ิธรรม hard หนัก deep ลึก long นาน , ยาว low ตา่ํ high สงู right ถกู loud ดงั wrong ผิด straight ตรง enough พอ short สั้น late สาย English Grammar Page 39
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณภ์ าษาอังกฤษ โดย อาจารย์บัณฑติ อนุญาหงษ์ คาํ ทั้งหมดทีก่ ล่าวมานี้ ถา้ นาํ ไปใช้โดยวางไว้หน้านามหรือหลงั Verb to be, taste, feel, smell, etc. ทาํ หนา้ ท่ี เปน็ Adjective แตถ่ ้านาํ ไปใชโ้ ดยวางไว้หลังกรยิ าทั่ว ๆ ไป นอกจาก Verb to do ฯลฯ ตามท่ี กลา่ วมาแล้ว ทาํ หน้าท่ีเปน็ Adverb ตัวอย่าง เชน่ เปน็ Adjective เปน็ Adverb This is a fast train. This train runs fast. น่คี ือขบวนรถเรว็ รถไฟขบวนนว้ี ิ่งเร็ว He is a hard worker. Kriangsak works hard today. เขาเปน็ คนทํางานหนัก วนั นเี้ กรียงศกั ดท์ิ ํางานหนัก She sings with a low voice. Con you speak low? เธอร้องเพลงด้วยน้าํ เสยี งต่ํา คุณพดู เสยี งต่าํ ๆ ไดไ้ หม? Danai is the first boy. Danai must go first. ดนยั เป็นเด็กคนหน่ึง ดนัยจะตอ้ งไปกอ่ น Adverb ทีเ่ ตมิ ly มคี วามหมายแตกต่างกับทีไ่ มีเตมิ ly รูปเดมิ คาํ แปล เมือ่ เติม ly คาํ แปล late สาย lately เมอื่ เร็วๆนี้ hard หนกั ,ยาก hardly แทบจะไม่ direct ตรง directly ทนั ที fair ยุตธิ รรม fairly พอใช้ high สงู highly อย่างยิ่ง near ใกล้ nearly เกอื บจะ short ส้ัน shortly ในไมช่ า้ ตัวอยา่ ง late , lately เปน็ Adjective : Daeng was late for his class. แดงมาเรียนสาย เปน็ Adverb : They com late. เขามาสาย English Grammar Page 40
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณภ์ าษาองั กฤษ โดย อาจารยบ์ ัณฑติ อนุญาหงษ์ แบบฝกึ หดั คําส่งั จงเตมิ คํา Adjective หรอื Adverb ท่ีเหน็ วา่ ถูกต้งทส่ี ดุ ลงในช่องว่าง 1. The weather is..................cold today. (many, much, very, too) 2. She is..................old to work with me. (very, much, little, too) 3. He writes his name..................(well, bad, quick, slow) 4. Don't go to school..................(lately, late, soon) 5. My family lived with each other..................(happy, happily, happiness) 6. It is raining..................to go out. (hardly, hard, hardness) 7. Your answer is very..................(correctly, correct) 8. I..................get up at six o'clock. (usual, usually) 9. The Thai soldiers fought with the Burmese..................(brave, bravely) 10. I..................(hard, hardly)have free time these days. 11. These students go to school..................(late, lately)every day. 12. Isabella has just heard from her husband..................(late, lately) 13. John is a..................(short, shortly)man. คาํ สัง่ จงบอกคําทีพ่ ิมพด์ ้วยตัวดาํ น้ันวา่ เป็น Adjective หรอื Adverb 14. That plane flew high over the high mountain. _____________________. 15. The water in the Chao Phaya River is deep and it runs deep. _____________________. 16. Lob comes late to class today. He is ten minutes late. _____________________. 17. Chit must work hard because his work is hard. _____________________. 18. This is a fast train and it will run fast. _____________________. 19. Your answer is right because you do it right. _____________________. 20. His voice is loud so he speaks loud. _____________________. English Grammar Page 41
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ โดย อาจารยบ์ ัณฑติ อนญุ าหงษ์ Chapter 6 Prepositions Preposition คอื คําทโ่ี ยงคาํ นาม นามวลี หรอื คําสรรพนามเขา้ กับคาํ อื่น ๆ เพื่อแสดงความสมั พันธเ์ ก่ียว เนื่องกนั เชน่ on, in, under, at, between 1. ประเภทของคาํ บุพบทคําบุพบทแบ่งเป็นประเภทต่าง ๆ ดังน้ี 1.1 คําบุพบทบอกสถานที่ (prepositions of place) เช่น at, on, in, etc. ตัวอยา่ ง Jane is at home. Henry is on the ship. The Smiths are in Italy. 1.2 คาํ บพุ บทบอกตาํ แหนง่ (prepositions of position) เชน่ above, beneath, behind, in front of, etc. ตวั อยา่ ง There is a big tree in front of Jane’s house. Henry is hiding behind the bush. Peter’s book is beneath Bill’s book. 1.3 คําบพุ บทบอกการเคลื่อนไหว (prepositions of motion) เช่น through, into, towards, out of, away from, etc. ตวั อยา่ ง The train is going through the tunnel. Peter is walking towards the monument. Ann is driving into the parking lot. 1.4 คําบุพบทบอกทศิ ทาง (prepositions of direction) เช่น up, down, across, along, etc. ตวั อยา่ ง Susan is driving up the hill. Peter is walking across the street. Jane is walking along Chaeng Watthana Road. 1.5 คาํ บุพบทบอกเวลา (prepositions of time) เชน่ on, in, at, by, after, before, etc. ตวั อย่าง I play football on Monday. I will finish the project in a year. Jane gets up at six o’clock. I arrived before Jim. English Grammar Page 42
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ โดย อาจารย์บัณฑติ อนุญาหงษ์ 1.6 คําบุพบทบอกลักษณะอาการ (prepositions of manner) เช่น in, with, without, etc. ตวั อยา่ ง Ann speaks in a very low voice. Peter listened with great interest. Nobody can live without hope. 1.7 คาํ บุพบทบอกความสัมพันธ์ (prepositions of relationship) เช่น about, of, with, in, from, etc. ตวั อย่าง The children are talking about toys. Bangkok is the capital of Thailand. The girl with long hair is my sister. The boy in the blue suit is my son. 2. การใชค้ ําบพุ บทประเด็นสําคญั เกี่ยวกบั การใชค้ ําบพุ บท มดี ังน้ี 2.1 การใช้คาํ บุพบทให้ถูกต้องมกั ต้องอาศัยการสังเกตและจดจํา วา่ ในสถานการณน์ ้ัน ๆ จะต้องใช้คาํ บุพบทคําใด เชน่ เมื่อกล่าวถึงวนั ตอ้ งใชค้ ําบุพบท on เม่อื กลา่ วถงึ เดือน ตอ้ งใช้คําบพุ บท in เปน็ ต้น ดงั ตัวอย่างตอ่ ไปน้ี I study English on Monday. I started studying English in 1990. I watch TV in the evening. 2.2 ถงึ แมว้ ่าคําบพุ บทแตล่ ะคําจะมคี วามหมายของตวั เอง แต่คําบุพบทมักถูกนําไปใช้คกู่ ับคําอืน่ ๆ และทาํ ให้เกิดความหมายพเิ ศษ มลี ักษณะคล้ายสํานวน ตัวอย่าง 1. approve of (เห็นชอบ) We approve of the new plan. 2. angry at หรอื angry with (โกรธ) We are angry at/with John. 3. satisfied with (พอใจกบั ) We are satisfied with our success. 4. believe in (เช่อื ) We believe in God. 5. depend on (พึ่งพา) We have to depend on our parents. 6. have faith in (มศี รทั ธาใน) We have faith in our government. 7. look at (มองดู) Tom is looking at a painting. 8. look after (ดแู ล) Jane looks after her aged mother. 9. look for (มองหา) Jane is looking for her lost ring. 10. proud of (ภูมิใจใน) We are proud of our children. English Grammar Page 43
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณ์ภาษาองั กฤษ โดย อาจารยบ์ ัณฑติ อนุญาหงษ์ การใช้ in on at กบั เวลา at ใช้ระบุเวลา ณ จุดใดจดุ หนึ่ง เชน่ at noon เวลาเทยี่ งวนั at night เวลากลางคืน at midday เวลาเท่ยี งวนั at six o'clock เวลาหกโมงเชา้ at Christmas ในวนั คริสต์มาส at ใชก้ บั สาํ นวนที่เก่ยี วกับเวลา เชน่ at first ในตอนแรก at once ในทนั ที at last ในท้ายสดุ at lunch time ในเวลาอาหารกลางวัน at present ขณะน้ี on ใช้กบั วนั ของสัปดาห์ทั้งหมดเช่น on Sunday วนั อาทติ ย์ on Monday วันจันทร์ on Tuesday วันองั คาร on Wednesday วนั พธุ on Thursday วันพฤหัสบดี on Friday วันศุกร์ on Saturday วนั เสาร์ on ใช้กบั วนั ที่ วันสําคัญทางศาสนาหรือทางราชการ และวนั หยดุ ต่างๆ on May 1st ในวันท่ี 1 พฤษภาคม on Christmas Day ในวนั คริสตม์ าส on New Year's day ในวนั ข้นึ ปใี หม่ on holiday ในวนั หยดุ on vacation ในวันหยดุ in ใช้กับส่วนของวนั เช่น in the morning ในตอนเชา้ in the afternoon ในตอนบา่ ย in the evening ในตอนเยน็ English Grammar Page 44
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณภ์ าษาองั กฤษ โดย อาจารย์บัณฑิต อนุญาหงษ์ in ใชก้ ับเวลาหรือระยะเวลาทยี่ าวข้นึ เช่นเดอื น ปี และฤดู in 2000 ในปี 2000 in summer ในฤดูรอ้ น in June 1999 ในเดอื นมิถนุ ายน ปี ค.ศ. 1999 in the 21th century ในศตวรรษท่ี 21 in the past ในอดตี in time ทันเวลา in the future ในอนาคต in a few months ในอกี 2-3 เดือน in two hours ภายในสองชว่ั โมง in a week's time ในหนงึ่ สัปดาห์ การใช้ in on at กบั สถานท่ี at ใช้กับบา้ นเลขทเี่ ชน่ at 224 Mango Street, at 987 Big Elm Road, at 67 Sukhumvit Road at ใช้กับสถานที่ซ่ึงเป็นจดุ เล็กๆเช่นในระดับเมืองหรือใช้ กับสถานทเี่ ล็กๆหรอื ระบตุ าํ แหนง่ ทีแ่ นน่ อนเช่น at home ที่บา้ น at the hospital ทโ่ี รงพยาบาล at the airport ทสี่ นามบนิ at the bus station ทีส่ ถานขี นส่ง at the meeting ที่ประชุม at the window ทห่ี น้าตา่ ง at the river ที่แมน่ ํ้า at the concert ที่คอนเสิร์ต at ท่ใี ช้กับสํานวนอนื่ ๆเช่น at work ขณะทาํ งาน at best อยา่ งดที ่ีสุด at will ตามความต้องการ at least อยา่ งน้อยทสี่ ุด at loss ขาดทนุ at worst อย่างแย่ที่สุด at large มอี ิสระ on ใช้เช่อื มต่อระหว่างสองทีเ่ ช่น on Silom Road บนถนนสีลม on the way home ในระหวา่ งทางกลับบา้ น English Grammar Page 45
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ โดย อาจารยบ์ ัณฑิต อนญุ าหงษ์ on the table on ใช้กบั ตาํ แหน่งบนพนื้ ผิวเช่น on the ceiling บนโต๊ะ on the sidewalk บนเพดาน on the floor บนทางขา้ งถนน on the train บนพนื้ on a bicycle บนรถไฟ on the wall บนรถจักรยาน on the coast บนผนงั on paper บนชายฝั่ง บนกระดาษ on business on ใช้กบั สํานวนตอ่ ไปนี้ on tour ว่าดว้ ยเรื่องธุรกิจ on the radio ในขณะท่องเทยี่ ว on air ในวิทยุ on television ขณะออกอากาศ on the phone ในโทรทัศน์ on purpose ทางโทรศัพท์ on fire โดยตงั้ ใจ on the list ในขณะไฟไหม้ on pleasure ในรายช่ือ on duty เพือ่ ความสนุกสนาน on guard ในขณะปฏบิ ัตหิ น้าที่ เตรียมพร้อม in ใช้กับสถานท่ีท่ีค่อนข้างใหญเ่ ช่นเมืองจงั หวัด ประเทศหรอื ทวีปเชน่ in Chiang Mai ในจงั หวัดเชียงใหม่ in Asia ในทวีปเอเชีย in the world ในโลก in the army ในกองทัพ in the sky ในทอ้ งฟา้ in the river ในแมน่ ้าํ in the sea ในทะเล in the parking lot ในลานจอดรถ English Grammar Page 46
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ โดย อาจารย์บณั ฑิต อนญุ าหงษ์ นอกจากนี้ยังยังมคี ําว่า แปลว่า ระหว่าง ใชเ้ ก่ียวกับเวลาแปลวา่ จนกระทง่ั จนถงึ during ใช้เกย่ี วกับเวลาแปลวา่ กอ่ น till, until ใช้เกย่ี วกับเวลาแปลว่า หลัง before ใช้กบั เวลาหรือสถานท่ีแปลว่า นับตั้งแต่ after แปลวา่ จาก...ถึง from แปลวา่ ตั้งแต่...ถึง from...to แปลวา่ ระหวา่ ง...ถงึ from...till แปลวา่ ด้วย(ใชก้ ับการเดนิ ทางด้วยยานพาหนะ) between... and และแปลว่า ข้าง ใกล้ by แปลว่า ข้างหน้า แปลว่า ข้างนอก ภายนอก in front of แปลว่า ข้างใน ภายใน outside แปลว่า ขา้ งหลงั inside behind English Grammar Page 47
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ โดย อาจารย์บัณฑติ อนญุ าหงษ์ Chapter 7 Conjunctions Conjunction คอื คําที่ใช้เชื่อมระหว่างประโยคต่อประโยค คาํ ตอ่ คํา หรือระหวา่ งกริยาต่อกริยา เช่น ประโยคตอ่ ประโยค I study English, but he studies French.ฉนั เรยี นภาษาองั กฤษ แต่เขาเรยี นภาษาฝรง่ั เศส คาํ นามตอ่ นาม A boy and a girl are dancing.เดก็ ชายและเดก็ หญงิ กาํ ลังเตน้ ราํ กริยาตอ่ กรยิ า He comes and stays with me at home.เขามาพักอยู่กบั ฉันท่ีบา้ น เป็นตน้ Conjunction แบง่ ออกเปน็ 2 ชนดิ คอื 1. Conjunction คาํ เดยี ว (Single Conjunction) 2. Conjunction วลหี รือผสม (Conjunction Phrase) 1. Conjunction คําเดียวที่พบเหน็ บ่อย ๆ และใชก้ ันแพร่หลายมดี ังต่อไปน้ี and or but so as because for whether until after before if though that when besides English Grammar Page 48
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณ์ภาษาองั กฤษ โดย อาจารยบ์ ัณฑติ อนุญาหงษ์ เช่น We study in the morning and play in the afternoon. He is sick so he goes to see a doctor. เขาไมส่ บาย ดังนนั้ เขาจงึ ไปหาหมอ ฯลฯ เปน็ ตน้ 2. Conjunction วลีหรือ conjunction ผสมที่พบเห็นบอ่ ย ๆ ไดแ้ กค่ าํ ต่อไปนี้ คอื either.....or ไม่อันใดก็อันหนง่ึ neither.....nor ไม่ทง้ั สอง as well as เชน่ เดียวกันกบั not only.....but also ไม่เพียงแต่.....เทา่ นน้ั แต่อีกด้วย ทง้ั หมดจะได้อธิบายเป็นรายตัว ดังตอ่ ไปนี้ Either...or แปลว่า ไม่อันใดก็อนั หนง่ึ ใชส้ าํ หรบั ใหเ้ ลอื กเอาอย่างใดอย่างหน่ึง ถ้าไปควบประธาน 2 ตวั จะใช้กริยาเปน็ รูป เอกพจนห์ รอื พหูพจน์นัน้ ต้องถือตามประธานตวั หลัง เช่น Either you or he is punished tonight. ไม่คณุ ก็เขาถูกลงโทษคนื น้ี Either he or I am mistaken. ไม่เขากผ็ มเป็นผูผ้ ดิ เป็นต้น Neither...nor แปลวา่ \"ไม่ท้ังสอง\" ใช้สําหรับปฏิเสธโดยสิ้นเชิง ถ้าไปควบประธาน 2 ตัว จะใช้กริยา เอกพจนห์ รือพหพู จนน์ ัน้ ตอ้ งถอื ตามประธานตัวหลงั เชน่ เดยี วกนั เชน่ Neither her friends nor she speaks Chinese. ทงั้ เพ่ือนของเธอและเธอไม่พดู ภาษาจนี Neither you nor he studies mathematics. ท้ังคณุ และเขาไม่ได้เรียนคณิตศาสตร์ เปน็ ตน้ as well as แปลว่า \"เชน่ เดยี วกันกับ\" เมื่อไปควบประธาน 2 ตัว จะใช้กริยาเปน็ พจน์อะไรนัน้ สาํ หรบั ตวั นีต้ อ้ งถือเอาตาม ประธานท่อี ยู่ข้างหนา้ เชน่ Manop as well as his friends is playing football. มานพก็เช่นเดียวกนั กบั เพื่อนของ เขากําลงั เลน่ ฟุตบอล He as well as I is sick. เขากเ็ ชน่ เดียวกันกับผมไมส่ บาย เปน็ ต้น Not only...but also แปลว่า \"ไม่เพยี งแต่...เท่านนั้ แต่ยัง อกี ดว้ ย\" เราใช้สันธานวลคี าํ น้ี เพื่อเนน้ นา้ํ หนกั ของข้อความทัง้ สองอยา่ งใหเ้ ดน่ ชัดขึ้นแตส่ ่ิงท่นี าํ มาให้ ใชห้ รือกลา่ วถงึ นัน้ ตอ้ งมคี วามสามารถไปทาง เดยี วกนั เชน่ ดีก็ดดี ้วยกัน เชน่ Malisa is not beautiful but also clever. มาลิสาไมเ่ พยี งแต่สวยเทา่ นนั้ แต่ยังฉลาดอีก ด้วย Wichai is not only stupid but also lazy. วชิ ัยไม่ใชเ่ พียงแตโ่ ง่เท่าน้ัน แตย่ งั ขเ้ี กียจอกี ดว้ ย English Grammar Page 49
เอกสารประกอบการสอนไวยากรณภ์ าษาองั กฤษ โดย อาจารยบ์ ณั ฑติ อนุญาหงษ์ not only.......but also \"อน่งึ ถ้า\" ไปใช้เช่ือมประธาน 2 ตวั จะใชก้ รยิ าเปน็ พจน์อะไรน้ันต้องถือตาม ประธานตัวหลงั Not only your friends but also your sister wants to see the cinema tonight. ไม่เพยี งแตเ่ พื่อนของทา่ นเท่าน้ัน แตน่ ้องสาวของทา่ นดว้ ยทีต่ อ้ งการไปดูหนังคืนน้ี Not only I but also my friends are studying English every day. ไม่เพียงแต่ผมเทา่ น้ัน แตเ่ พื่อนของผมอีกดว้ ยท่ีกาํ ลงั เรียนภาษาอังกฤษทกุ ๆ วัน แบบฝึกหัด คาํ สง่ั จงเตมิ Conjunction ทเ่ี ห็นว่าถูกตอ้ งท่สี ดุ ลงในช่องว่างต่อไปน้ี คําทกี่ าํ หนดใหเ้ ตมิ อยใู่ น กรอบด้านลา่ ง and, or, but, as, because, so, until, either...or, neither...nor, as well as, not noly...but also 1. .............. he or you are to go to see the lawyer this evening. 2. A boy.............. a girl are learning English now. 3. Suchat is..............clever.............. diligent. 4. She is ill..............she goes to hospital. 5. They nust wait..............their parents return here. 6. Prachuab..............his friends is doing his exercises. 7. Although he is a fool..............he is honest to everybody. 8. He is punished..............he was absent for school yesterday. 9. ..............Sak..............his relatives are working in the field. 10. Rice.............. curry is very nice food for Thais. 11. We like him..............he is honest. 12. You..............I are a student of English. 13. Suphat is..............writing.............. speaking. 14. Danai doesn't do his homework..............he is very lazy. 15. She her nother goes to the temple on Sundays. English Grammar Page 50
Search