Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore e-book

e-book

Published by pajhuab494044, 2019-01-21 01:49:27

Description: e-book

Search

Read the Text Version

E-book เศรษฐกิจพอเพียง จดั ทาโดย นางสาว รัตนาภรณ์ เป็งใจ เลขท่ี3 นางสาว พมิ พ์วไิ ล ป่ิ นเพช็ ร เลขที่9 นางสาว เพียงรัก แซท่ อ่ เลขที่28

คานา E-book เศรษฐกิจพอเพียงเล่มนีพ้ วกเราได้รวบรวมข้อมูลจาก เวบ็ ไซต์ตา่ งๆนามาทาเป็นหนงั สือในรูปแบบของหนงั สือออนไลน์เพอื่ สะดวก ตอ่ การเข้าใช้งานโดยมีเนือ้ หาเก่ียวกบั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เทคนิคการ ออมเงินรูปแบบต่างๆ และการทาสมุดรายรับรายจ่ายซ่ึงพวกเราหวังว่า เนือ้ หาเหล่านีร้ ุ่นน้ องที่เข้ามาอ่านจะนาไปใช้ประโยชน์ต่อตนเองและ ครอบครัวได้ไมม่ ากก็น้อย หากมีเนือ้ หาผิดพลาดประการใดพวกเราขออภยั มา ณ ท่ีนีด้ ้วย คณะผ้จู ดั ทา

เศรษฐกิจพอเพยี ง

ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาช้ีถึงแนวการดารงอยแู่ ละปฏิบตั ิตนของ ประชาชนในทกุ ระดบั ต้งั แต่ระดบั ครอบครัว ระดบั ชุมชน จนถึงระดบั รัฐ ท้งั ในการพฒั นาและบริหารประเทศใหด้ าเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะ การพฒั นาเศรษฐกิจ เพ่ือใหก้ า้ วทนั ต่อโลกยคุ โลกาภิวตั น์ ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจาเป็นท่ีจะตอ้ งมี ระบบภมู ิคุม้ กนั ในตวั ที่ดีพอสมควร ต่อการกระทบใดๆ อนั เกิดจากการ เปลี่ยนแปลงท้งั ภายในภายนอก ท้งั น้ี จะตอ้ งอาศยั ความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมดั ระวงั อยา่ งยง่ิ ในการนาวชิ าการต่างๆ มาใชใ้ นการวางแผน และการดาเนินการ ทุกข้นั ตอน และขณะเดียวกนั จะตอ้ งเสริมสร้างพ้ืนฐาน จิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจา้ หนา้ ที่ของรัฐ นกั ทฤษฎี และนกั ธุรกิจใน ทุกระดบั ใหม้ ีสานึกในคุณธรรม ความซ่ือสตั ยส์ ุจริต และใหม้ ีความรอบรู้ท่ี เหมาะสม ดาเนินชีวติ ดว้ ยความอดทน ความเพียร มีสติ ปัญญา และความ

รอบคอบ เพอ่ื ใหส้ มดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปล่ียนแปลงอยา่ ง รวดเร็วและกวา้ งขวาง ท้งั ดา้ นวตั ถุ สงั คม ส่ิงแวดลอ้ ม และวฒั นธรรมจาก โลกภายนอกไดเ้ ป็นอยา่ งดี ความหมายของเศรษฐกจิ พอเพยี ง จงึ ประกอบด้วยคุณสมบัติ ดงั นี้ ๑. ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีท่ีไมน่ อ้ ยเกินไปและไม่มากเกินไป โดยไม่เบียดเบียนตนเองและผอู้ ่ืน เช่น การผลิตและการบริโภคท่ีอยใู่ นระดบั พอประมาณ ๒. ความมีเหตุผล หมายถึง การตดั สินใจเกี่ยวกบั ระดบั ความพอเพยี งน้นั จะตอ้ งเป็นไปอยา่ งมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจยั ที่เกี่ยวขอ้ ง ตลอดจน คานึงถึงผลที่คาดวา่ จะเกิดข้ึนจากการกระทาน้นั ๆ อยา่ งรอบคอบ ๓. ภมู ิคุม้ กนั หมายถึง การเตรียมตวั ใหพ้ ร้อมรับผลกระทบและการ เปล่ียนแปลงดา้ นต่างๆ ที่จะเกิดข้นึ โดยคานึงถึงความเป็นไปไดข้ อง สถานการณ์ต่างๆ ท่ีคาดวา่ จะเกิดข้ึนในอนาคต โดยมี เงื่อนไข ของการตดั สินใจและดาเนินกิจกรรมต่างๆ ใหอ้ ยใู่ นระดบั พอเพียง ๒ ประการ ดงั น้ี ๑. เงื่อนไขความรู้ ประกอบดว้ ย ความรอบรู้เกี่ยวกบั วชิ าการต่างๆ ที่เกี่ยวขอ้ ง รอบดา้ น ความรอบคอบที่จะนาความรู้เหล่าน้นั มาพจิ ารณาใหเ้ ช่ือมโยงกนั เพอ่ื ประกอบการวางแผนและความระมดั ระวงั ในการปฏิบตั ิ ๒. เง่ือนไขคุณธรรม ที่จะตอ้ งเสริมสร้าง ประกอบดว้ ย มีความตระหนกั ใน

คุณธรรม มีความซื่อสตั ยส์ ุจริตและมีความอดทน มีความเพียร ใชส้ ติปัญญา ในการดาเนินชีวติ แนวทางการทาการเกษตรแบบเศรษฐกจิ พอเพยี ง เนน้ หาขา้ วหาปลาก่อนหาเงินหาทอง คือ ทามาหากินก่อนทามาคา้ ขาย โดยการส่งเสริม: 1.การทาไร่นาสวนผสมและการเกษตรผสมผสานเพอ่ื ใหเ้ กษตรกรพฒั นา ตนเองแบบเศรษฐกิจพอเพียง 2.การปลูกพืชผกั สวนครัวลดคา่ ใชจ้ ่าย 3.การทาป๋ ุยหมกั ป๋ ุยคอกและใชว้ สั ดุเหลือใชเ้ ป็นปัจจยั การผลิต(ป๋ ุย)เพ่ือลด คา่ ใชจ้ ่ายและบารุงดิน

4.การเพาะเห็ดฟางจากวสั ดุเหลือใชใ้ นไร่นา 5.การปลกู ไมผ้ ลสวนหลงั บา้ น และไมใ้ ชส้ อยในครัวเรือน 6.การปลูกพชื สมุนไพร ช่วยส่งเสริมสุขภาพอนามยั 7.การเล้ียงปลาในร่องสวน ในนาขา้ วและแหล่งน้า เพอื่ เป็นอาหารโปรตีน และรายไดเ้ สริม 8.การเล้ียงไก่พ้นื เมือง และไก่ไข่ ประมาณ 10-15 ตวั ต่อครัวเรือนเพอื่ เป็น อาหารในครัวเรือน โดยใชเ้ ศษอาหาร รา และปลายขา้ วจากผลผลิตการทานา ขา้ วโพดเล้ียงสตั วจ์ ากการปลกู พชื ไร่ เป็นตน้ 9.การทากา๊ ซชีวภาพจากมลู สตั ว์ พระราชดารัสโดยยอ่ เก่ียวกบั เศรษฐกิจพอเพียงในวนั ฉลองสิริราชสมบตั ิ ครบ 60 ปี พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงเขา้ พระราชหฤทยั ในความเป็นไปของ เมืองไทยและคนไทยอยา่ งลึกซ้ึงและกวา้ งไกล ไดท้ รงวางรากฐานในการ พฒั นาชนบท และช่วยเหลือประชาชนใหส้ ามารถพ่ึงตนเองไดม้ ี ความ \" พออยพู่ อกิน\" และมีความอิสระท่ีจะอยไู่ ดโ้ ดยไม่ตอ้ งติดยดึ อยกู่ บั เทคโนโลยแี ละความเปลี่ยนแปลงของกระแสโลกาภิวตั นท์ รงวเิ คราะห์วา่ หากประชาชนพ่ึงตนเองไดแ้ ลว้ กจ็ ะมีส่วนช่วยเหลือเสริมสร้างประเทศชาติ

โดยส่วนรวมไดใ้ นที่สุด พระราชดารัสที่สะทอ้ นถึงพระวสิ ยั ทศั นใ์ นการสร้าง ความเขม้ แขง็ ในตนเองของประชาชนและสามารถทามาหากินใหพ้ ออยพู่ อ กินได้ ดงั น้ี \"….ในการสร้างถนน สร้างชลประทานใหป้ ระชาชนใชน้ ้นั จะตอ้ งช่วย ประชาชนในทางบุคคลหรือพฒั นาใหบ้ ุคคลมีความรู้และอนามยั แขง็ แรง ดว้ ยการใหก้ ารศึกษาและการรักษาอนามยั เพอื่ ใหป้ ระชาชนในทอ้ งที่ สามารถทาการเกษตรได้ และคา้ ขายได…้ \" ในสภาวการณ์ปัจจุบนั ซ่ึงเกิดความถดถอยทางเศรษฐกิจอยา่ ง รุนแรงข้ึนน้ีจึงทาใหเ้ กิดความเขา้ ใจไดช้ ดั เจนในแนวพระราชดาริ ของ \"เศรษฐกิจพอเพียง\" ซ่ึงไดท้ รงคิดและตระหนกั มาชา้ นาน เพราะหาก เราไม่ไปพ่ึงพา ยดึ ติดอยกู่ บั กระแสจากภายนอกมากเกินไป จนไดค้ รอบงา ความคิดในลกั ษณะด้งั เดิมแบบไทยๆไปหมด มีแต่ความทะเยอทะยานบน รากฐานท่ีไม่มน่ั คงเหมือนลกั ษณะฟองสบู่ วกิ ฤตเศรษฐกิจเช่นน้ีอาจไม่ เกิดข้ึน หรือไม่หนกั หนาสาหสั จนเกิดความเดือดร้อนกนั ถว้ นทว่ั เช่นน้ี ดงั น้นั \"เศรษฐกิจพอเพียง\" จึงไดส้ ่ือความหมาย ความสาคญั ในฐานะ เป็นหลกั การสังคมท่ีพงึ ยดึ ถือ ในทางปฏบิ ตั ิจดุ เริ่มตน้ ของการพฒั นาเศรษฐกิจพอเพยี งคือ การฟ้ื นฟู เศรษฐกิจชุมชนทอ้ งถิ่น เศรษฐกิจพอเพยี งเป็นท้งั หลกั การและกระบวนการ ทางสงั คม ต้งั แตข่ ้นั ฟ้ื นฟแู ละขยายเครือข่ายเกษตรกรรมยง่ั ยนื เป็นการ พฒั นาขีดความสามารถในการผลิตและบริโภคอยา่ งพออยพู่ อกินข้ึนไปถึงข้นั

แปรรูปอุตสาหกรรมครัวเรือน สร้างอาชีพและทกั ษะวชิ าการที่หลากหลาย เกิดตลาดซ้ือขาย สะสมทุน ฯลฯ บนพ้นื ฐานเครือขา่ ยเศรษฐกิจชุมชน น้ี เศรษฐกิจของ 3 ชาติ จะพฒั นาข้นึ มาอยา่ งมน่ั คงท้งั ในดา้ นกาลงั ทุนและ ตลาดภายในประเทศ รวมท้งั เทคโนโลยซี ่ึงจะคอ่ ยๆ พฒั นาข้ึนมาจากฐาน ทรัพยากรและภูมิปัญญาท่ีมีอยภู่ ายในชาติ และท้งั ที่จะพงึ คดั สรรเรียนรู้จาก โลกภายนอก เศรษฐกิจพอเพยี งเป็นเศรษฐกิจที่พอเพียงกบั ตวั เอง ทาใหอ้ ยไู่ ด้ ไม่ตอ้ ง เดือดร้อน มีส่ิงจาเป็นที่ทาไดโ้ ดยตวั เองไม่ตอ้ งแขง่ ขนั กบั ใคร และมีเหลือ เพ่อื ช่วยเหลือผทู้ ่ีไม่มี อนั นาไปสู่การแลกเปลี่ยนในชุมชน และขยาย ไปจนสามารถที่จะเป็นสินคา้ ส่งออก เศรษฐกิจพอเพยี งเป็นเศรษฐกิจระบบ เปิ ดท่ีเร่ิมจากตนเองและความร่วมมือ วธิ ีการเช่นน้ีจะดึงศกั ยภาพของ ประชากรออกมาสร้างความเขม้ แขง็ ของครอบครัว ซ่ึงมีความผพู้ นั กบั “จิตวญิ ญาณ” คือ “คุณค่า” มากกวา่ “มูลค่า” ในระบบเศรษฐกิจพอเพยี งจะจดั ลาดบั ความสาคญั ของ “คุณค่า” มากกวา่ “มูลคา่ ” มูลคา่ น้นั ขาดจิตวญิ ญาณ เพราะเป็นเศรษฐกิจ ภาคการเงิน ที่เนน้ ท่ีจะตอบสนองต่อความตอ้ งการท่ีไม่จากดั ซ่ึงไร้ขอบเขต ถา้ ไม่สามารถควบคุมไดก้ ารใชท้ รัพยากรอยา่ งทาลายลา้ งจะรวดเร็วข้นึ และ ปัญหาจะตามมา เป็นการบริโภคท่ีก่อใหเ้ กิดความทุกขห์ รือพาไปหาความ ทุกข์ และจะไม่มีโอกาสบรรลวุ ตั ถุประสงคใ์ นการบริโภค ที่จะก่อใหค้ วาม

พอใจและความสุข(Maximization of Satisfaction) ผบู้ ริโภคตอ้ งใชห้ ลกั ขาดทุนคอื กาไร (Our loss is our gain) อยา่ งน้ีจะควบคุมความตอ้ งการท่ีไม่ จากดั ได้ และสามารถจะลดความตอ้ งการลงมาได้ ก่อใหเ้ กิดความพอใจและ ความสุขเท่ากบั ไดต้ ระหนกั ในเรื่อง “คุณค่า” จะช่วยลดค่าใชจ้ ่ายลงได้ ไม่ ตอ้ งไปหาวธิ ีทาลายทรัพยากรเพอื่ ใหเ้ กิดรายไดม้ าจดั สรรสิ่งท่ีเป็น “ความ อยากที่ไม่มีที่สิ้นสุด” และขจดั ความสาคญั ของ “เงิน” ในรูปรายไดท้ ี่เป็นตวั กาหนดการบริโภคลงไดร้ ะดบั หน่ึง แลว้ ยงั เป็นตวั แปรท่ีไปลดภาระของ กลไกของตลาดและการพ่งึ พิงกลไกของตลาด ซ่ึงบคุ คลโดยทวั่ ไปไมส่ ามารถ จะควบคุมได้ รวมท้งั ไดม้ ีส่วนในการป้ องกนั การบริโภคเลียนแบบ (Demonstration Effects) จะไม่ทาใหเ้ กิดการสูญเสีย จะทาใหไ้ ม่เกิดการ บริโภคเกิน (Over Consumption) ซ่ึงก่อใหเ้ กิดสภาพเศรษฐกิจดี สงั คมไม่มี ปัญหา การพฒั นายง่ั ยนื การบริโภคที่ฉลาดดงั กล่าวจะช่วยป้ องกนั การขาดแคลน แมจ้ ะไม่ร่ารวย รวดเร็ว แต่ในยามปกติกจ็ ะทาใหร้ ่ารวยมากข้ึน ในยามทุกขภ์ ยั กไ็ ม่ขาดแคลน และสามารถจะฟ้ื นตวั ไดเ้ ร็วกวา่ โดยไม่ตอ้ งหวงั ความช่วยเหลือจากผอู้ ื่นมาก เกินไป เพราะฉะน้นั ความพอมีพอกินจะสามารถอุม้ ชูตวั ได้ ทาใหเ้ กิดความ เขม้ แขง็ และความพอเพียงน้นั ไม่ไดห้ มายความวา่ ทกุ ครอบครัวตอ้ งผลิต อาหารของตวั เอง จะตอ้ งทอผา้ ใส่เอง แต่มีการแลกเปล่ียนกนั ไดร้ ะหวา่ ง หมู่บา้ น เมือง และแมก้ ระทงั่ ระหวา่ งประเทศ ที่สาคญั คือการบริโภคน้นั จะ ทาใหเ้ กิดความรู้ที่จะอยรู่ ่วมกบั ระบบ รักธรรมชาติ ครอบครัวอบอุ่น ชุมชน

เขม้ แขง็ เพราะไมต่ อ้ งทิ้งถิ่นไปหางานทา เพือ่ หารายไดม้ าเพอ่ื การบริโภคที่ ไม่เพยี งพอ ประเทศไทยอุดมไปดว้ ยทรัพยากรและยงั มีพอสาหรับประชาชนไทยถา้ มี การจดั สรรที่ดี โดยยดึ \" คุณคา่ \" มากกวา่ \" มูลค่า \" ยดึ ความสมั พนั ธ์ ของ “บคุ คล” กบั “ระบบ” และปรับความตอ้ งการท่ีไม่จากดั ลงมาใหไ้ ดต้ าม หลกั ขาดทุนเพือ่ กาไร และอาศยั ความร่วมมือเพอ่ื ใหเ้ กิดครอบครัวที่เขม้ แขง็ อนั เป็นรากฐานที่สาคญั ของระบบสงั คม การผลิตจะเสียค่าใชจ้ ่ายลดลงถา้ รู้จกั นาเอาสิ่งที่มีอยใู่ นขบวนการ ธรรมชาติมาปรุงแต่ง ตามแนวพระราชดาริในเรื่องต่าง ๆ ที่กล่าวมาแลว้ ซ่ึง สรุปเป็นคาพดู ท่ีเหมาะสมตามที่ ฯพณฯ พลเอกเปรม ตินณสูลานนท์ ท่ีวา่ “…ทรงปลูกแผน่ ดิน ปลกู ความสุข ปลดความทกุ ขข์ องราษฎร” ในการ ผลิตน้นั จะตอ้ งทาดว้ ยความรอบคอบไม่เห็นแก่ได้ จะตอ้ งคิดถึงปัจจยั ที่มีและ ประโยชน์ของผเู้ กี่ยวขอ้ ง มิฉะน้นั จะเกิดปัญหาอยา่ งเช่นบางคนมีโอกาสทา โครงการแต่ไม่ไดค้ านึงวา่ ปัจจยั ต่าง ๆ ไม่ครบ ปัจจยั หน่ึงคือขนาดของ โรงงาน หรือเคร่ืองจกั รท่ีสามารถที่จะปฏิบตั ิได้ แตข่ อ้ สาคญั ที่สุด คือวตั ถุดิบ ถา้ ไม่สามารถท่ีจะใหค้ ่าตอบแทนวตั ถุดิบแก่เกษตรกรที่เหมาะสม เกษตรกรก็ จะไม่ผลิต ยง่ิ ถา้ ใชว้ ตั ถุดิบสาหรับใชใ้ นโรงงาน้นั เป็นวตั ถุดิบท่ีจะตอ้ งนามา จากระยะไกล หรือนาเขา้ กจ็ ะยงิ่ ยาก เพราะวา่ วตั ถดุ ิบท่ีนาเขา้ น้นั ราคายง่ิ แพง บางปี วตั ถุดิบมีบริบรู ณ์ ราคาอาจจะต่าลงมา แต่เวลาจะขายส่ิงของท่ีผลิตจาก โรงงานกข็ ายยากเหมือนกนั เพราะมีมากจึงทาใหร้ าคาตก หรือกรณีใช้

เทคโนโลยที างการเกษตร เกษตรกรรู้ดีวา่ เทคโนโลยที าใหต้ น้ ทุนเพิม่ ข้ึน และผลผลิตที่เพิม่ น้นั จะลน้ ตลาด ขายไดใ้ นราคาที่ลดลง ทาใหข้ าดทุน ตอ้ ง เป็ นหน้ ีสิน การผลิตตามทฤษฎีใหม่สามารถเป็นตน้ แบบการคิดในการผลิตท่ีดีได้ ดงั น้ี 1. การผลิตน้นั มุ่งใชเ้ ป็นอาหารประจาวนั ของครอบครัว เพอื่ ใหม้ ีพอเพยี ง ในการบริโภคตลอดปี เพอื่ ใชเ้ ป็นอาหารประจาวนั และเพอื่ จาหน่าย 2. การผลิตตอ้ งอาศยั ปัจจยั ในการผลิต ซ่ึงจะตอ้ งเตรียมใหพ้ ร้อม เช่น การเกษตรตอ้ งมีน้า การจดั ใหม้ ีและดูแหล่งน้า จะก่อใหเ้ กิดประโยชน์ท้งั การ ผลิต และประโยชน์ใชส้ อยอื่น ๆ 3. ปัจจยั ประกอบอ่ืน ๆ ท่ีจะอานวยใหก้ ารผลิตดาเนินไปดว้ ยดี และเกิด ประโยชนเ์ ช่ือมโยง (Linkage) ท่ีจะไปเสริมใหเ้ กิดความยงั่ ยนื ในการผลิต จะตอ้ งร่วมมือกนั ทุกฝ่ ายท้งั เกษตรกร ธุรกิจ ภาครัฐ ภาคเอกชน เพอื่ เชื่อมโยงเศรษฐกิจพอเพียงเขา้ กบั เศรษฐกิจการคา้ และใหด้ าเนินกิจการควบคู่ ไปดว้ ยกนั ได้ การผลิตจะตอ้ งตระหนกั ถึงความสมั พนั ธ์ ระหวา่ ง “บุคคล” กบั “ระบบ” การผลิตน้นั ตอ้ งยดึ มนั่ ในเร่ือง ของ “คุณคา่ ” ใหม้ ากกวา่ “มลู ค่า” ดงั พระราชดารัส ซ่ึงไดน้ าเสนอมาก่อน หนา้ น้ีที่วา่

“…บารมีน้นั คือ ทาความดี เปรียบเทียบกบั ธนาคาร …ถา้ เราสะสมเงินให้ มากเรากส็ ามารถที่จะใชด้ อกเบ้ีย ใชเ้ งินที่เป็นดอกเบ้ีย โดยไม่แตะตอ้ งทุนแต่ ถา้ เราใชม้ ากเกิดไป หรือเราไม่ระวงั เรากิน เขา้ ไปในทุน ทุนมนั กน็ อ้ ยลง ๆ จนหมด …ไปเบิกเกินบญั ชีเขากต็ อ้ งเอาเรื่อง ฟ้ องเราใหล้ ม้ ละลาย เราอยา่ ไปเบิกเกินบารมีท่ีบา้ นเมือง ที่ประเทศไดส้ ร้างสมเอาไวต้ ้งั แต่บรรพบรุ ุษของ เราใหเ้ กินไป เราตอ้ งทาบา้ ง หรือเพิ่มพนู ใหป้ ระเทศของเราปกติมีอนาคตที่ มนั่ คง บรรพบุรุษของเราแต่โบราณกาล ไดส้ ร้างบา้ นเมืองมาจนถึงเรา แลว้ ในสมยั น้ีที่เรากาลงั เสียขวญั กลวั จะไดไ้ ม่ตอ้ งกลวั ถา้ เราไม่รักษา ไว…้ ” การจดั สรรทรัพยากรมาใชเ้ พอื่ การผลิตท่ี คานึงถึง “คุณค่า” มากกวา่ “มลู คา่ ” จะก่อใหเ้ กิดความสมั พนั ธ์ ระหวา่ ง “บุคคล” กบั “ระบบ” เป็นไปอยา่ งยง่ั ยนื ไม่ทาลายท้งั ทุนสงั คมและ ทุนเศรษฐกิจ นอกจากน้ีจะตอ้ งไมต่ ิดตารา สร้างความรู้ รัก สามคั คี และความ ร่วมมือร่วมแรงใจ มองกาลไกลและมีระบบสนบั สนุนที่เป็นไปได้ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงปลกู ฝังแนวพระราชดาริใหป้ ระชาชน ยอมรับไปปฏิบตั ิอยา่ งต่อเน่ือง โดยใหว้ งจรการพฒั นาดาเนินไปตามครรลอง ธรรมชาติ กล่าวคอื ทรงสร้างความตระหนกั แก่ประชาชนใหร้ ับรู้ (Awareness) ในทุกคราเม่ือ เสดจ็ พระราชดาเนินไปทรงเยย่ี มประชาชนในทุก ภมู ิภาคต่าง ๆ จะทรงมีพระราชปฏสิ นั ถารใหป้ ระชาชนไดร้ ับทราบถึงสิ่งท่ี ควรรู้ เช่น การปลกู หญา้ แฝกจะช่วยป้ องกนั ดินพงั ทลาย และใชป้ ๋ ุยธรรมชาติ

จะช่วยประหยดั และบารุงดิน การแกไ้ ขดินเปร้ียวในภาคใตส้ ามารถกระทาได้ การ ตดั ไมท้ าลายป่ าจะทาใหฝ้ นแลง้ เป็นตน้ ตวั อยา่ งพระราชดารัสที่เกี่ยวกบั การสร้างความตระหนกั ใหแ้ ก่ประชาชน ไดแ้ ก่ “….ประเทศไทยน้ีเป็นที่ที่เหมาะมากในการต้งั ถ่ินฐาน แต่วา่ ตอ้ งรักษาไว้ ไม่ทาใหป้ ระเทศไทยเป็นสวนเป็นนากลายเป็นทะเลทราย กป็ ้ องกนั ทา ได…้ .” ทรงสร้างความสนใจแก่ประชาชน (Interest) หลายท่านคงไดย้ นิ หรือรับ ฟัง โครงการอนั เน่ือง มาจากพระราชดาริในพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ที่มี นามเรียกขานแปลกหู ชวนฉงน น่าสนใจติดตามอยเู่ สมอ เช่น โครงการแกม้ ลิง โครงการแกลง้ ดิน โครงการเส้นทางเกลือ โครงการน้าดีไล่น้าเสีย หรือ โครงการน้าสามรส ฯลฯ เหล่าน้ี เป็นตน้ ลว้ นเชิญชวนให้ ติดตามอยา่ งใกลช้ ิด แตพ่ ระองคก์ จ็ ะมีพระราชาอธิบายแต่ละโครงการ อยา่ งละเอียด เป็นที่เขา้ ใจง่ายรวดเร็วแก่ประชาชนท้งั ประเทศ ในประการ ต่อมา ทรงใหเ้ วลาในการประเมินคา่ หรือประเมินผล (Evaluate) ดว้ ย การศึกษาหาขอ้ มลู ต่าง ๆ วา่ โครงการอนั เนื่องมาจากพระราชดาริของ พระองคน์ ้นั เป็นอยา่ งไร สามารถนาไปปฏิบตั ิไดใ้ นส่วนของตนเองหรือไม่ ซ่ึงยงั คงยดึ แนวทางที่ใหป้ ระชาชนเลือกการพฒั นาดว้ ยตนเอง ท่ีวา่ “….ขอใหถ้ ือวา่ การงานที่จะทาน้นั ตอ้ งการเวลา เป็นงานท่ีมีผดู้ าเนินมา ก่อนแลว้ ท่านเป็นผทู้ ่ีจะเขา้ ไปเสริมกาลงั จึงตอ้ งมีความอดทนท่ีจะเขา้ ไป

ร่วมมือกบั ผอู้ ่ืน ตอ้ งปรองดองกบั เขาใหไ้ ด้ แมเ้ ห็นวา่ มีจุดหน่ึงจุดใดตอ้ ง แกไ้ ขปรับปรุงกต็ อ้ งค่อยพยายามแกไ้ ขไปตามท่ีถูกที่ควร….” ในข้นั ทดลอง (Trial) เพ่ือทดสอบวา่ งานในพระราชดาริที่ทรงแนะนาน้นั จะไดผ้ ลหรือไม่ซ่ึงในบางกรณีหากมีการทดลองไมแ่ น่ชดั กท็ รงมกั จะมิให้ เผยแพร่แก่ประชาชน หากมีผลการทดลองจนแน่พระราชหฤทยั แลว้ จึงจะ ออกไปสู่สาธารณชนได้ เช่น ทดลองปลกู หญา้ แฝกเพอ่ื อนุรักษด์ ินและน้าน้นั ไดม้ ีการคน้ ควา้ หาความเหมาะสมและความเป็นไปไดจ้ นทว่ั ท้งั ประเทศวา่ ดี ยงิ่ จึงนาออกเผยแพร่แก่ประชาชน เป็นตน้ ข้นั ยอมรับ (Adoption) โครงการอนั เนื่องมาจากพระราชดาริน้นั เมื่อผา่ น กระบวนการมาหลายข้นั ตอน บ่ม เพาะ และมีการทดลองมาเป็นเวลานาน ตลอดจนทรงใหศ้ ูนยศ์ ึกษาการพฒั นาอนั เนื่องมาจากพระราชดาริและสถานท่ี อื่น ๆ เป็นแหล่งสาธิตท่ีประชาชนสามารถเขา้ ไปศึกษาดูไดถ้ ึงตวั อยา่ งแห่ง ความสาเร็จ ดงั น้นั แนวพระราชดาริของพระองคจ์ ึงเป็นส่ิงที่ราษฎรสามารถ พิสูจน์ไดว้ า่ จะไดร้ ับผลดีต่อชีวติ และความเป็นอยขู่ องตนไดอ้ ยา่ งไร แนวพระราชดาริท้งั หลายดงั กล่าวขา้ งตน้ น้ี แสดงถึงพระวริ ิยะอตุ สาหะท่ี พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงทุ่มเทพระสติปัญญา ตรากตราพระวรกาย เพือ่ คน้ ควา้ หาแนวทางการพฒั นาใหพ้ สกนิกรท้งั หลายไดม้ ีความร่มเยน็ เป็น สุขสถาพรยงั่ ยนื นาน นบั เป็นพระมหากรุณาธิคุณอนั ใหญห่ ลวงท่ีได้ พระราชทานแก่ปวงไทยตลอดเวลามากกวา่ 50 ปี จึงกล่าวไดว้ า่ พระราช กรณียกิจของพระองคน์ ้นั สมควรอยา่ งยงิ่ ที่ทวยราษฎรจกั ไดเ้ จริญรอยตาม

เบ้ืองพระยคุ ลบาท ตามท่ีทรงแนะนา สง่ั สอน อบรมและวางแนวทางไว้ เพอ่ื ใหเ้ กิดการอยดู่ ีมีสุขโดยถว้ นเช่นกนั โดยการพฒั นาประเทศจาเป็นตอ้ งทา ตามลาดบั ข้ึนตอนตอ้ งสร้างพ้ืนฐาน คือ ความพอมี พอกิน พอใช้ ของ ประชาชนส่วนใหญเ่ ป็นเบ้ืองตน้ ก่อน โดยใชว้ ธิ ีการและอุปกรณ์ที่ประหยดั แต่ถูกตอ้ งตาหลกั วชิ าการ เพอ่ื ไดพ้ ้นื ฐานที่มนั่ คงพร้อมพอสมควรและปฏิบตั ิ ไดแ้ ลว้ จึงค่อยสร้างค่อยเสริม ความเจริญ และฐานะทางเศรษฐกิจข้ึนที่สูงข้ึน ไปตามลาดบั จะก่อใหเ้ กิดความยงั่ ยนื และจะนาไปสู่ความเขม้ แขง็ ของ ครอบครัว ชุมชน และสงั คม สุดทา้ ยเศรษฐกิจดี สงั คมไม่มีปัญหา การพฒั นา ยงั่ ยนื ประการที่สาคญั ของเศรษฐกิจพอเพยี ง 1. พอมีพอกิน ปลกู พืชสวนครัวไวก้ ินเองบา้ ง ปลกู ไมผ้ ลไวห้ ลงั บา้ น 2- 3 ตน้ พอท่ีจะมีไวก้ ินเองในครัวเรือน เหลือจึงขายไป 2. พออยพู่ อใช้ ทาใหบ้ า้ นน่าอยู่ ปราศจากสารเคมี กลิ่นเหมน็ ใชแ้ ต่ของท่ี เป็นธรรมชาติ (ใชจ้ ุลินทรียผ์ สมน้าถพู ้ืนบา้ น จะสะอาดกวา่ ใชน้ ้ายาเคมี) รายจ่ายลดลง สุขภาพจะดีข้ึน (ประหยดั คา่ รักษาพยาบาล) 3. พออกพอใจ เราตอ้ งรู้จกั พอ รู้จกั ประมาณตน ไม่ใคร่อยากใคร่มีเช่น ผอู้ ่ืน เพราะเราจะหลงติดกบั วตั ถุ ปัญญาจะไม่เกิด

\" การจะเป็นเสือน้นั มนั ไม่สาคญั สาคญั อยทู่ ี่เราพออยพู่ อกิน และมี เศรษฐกิจการเป็นอยแู่ บบพอมีพอกิน แบบพอมีพอกิน หมายความวา่ อุม้ ชู ตวั เองได้ ใหม้ ีพอเพียงกบั ตวั เอง \" \"เศรษฐกิจพอเพยี ง\" จะสาเร็จไดด้ ว้ ย \"ความพอดีของตน\"

4 เทคนิคการออมเงิน..ใช้จ่ายเป็น เงินเหลือเกบ็ 1. ไม่ประมาทใช้จ่าย เหตุผลหลกั ๆ ของเงินไม่พอใช้ หรือเงินไม่เหลือเก็บ ก็คือการประมาทใช้ จ่าย ฟ่ ุมเฟื อย และหมดไปกบั การซ้ือของจุกจิกเลก็ ๆ นอ้ ยๆ และยงิ่ ถา้ หากมี โปรโมชน่ั สินคา้ ลดราคาหรือมีของแจกของแถม พ่วงมาดว้ ยแลว้ ล่ะกย็ งิ่ เป็น อนั ตรายต่อกระเป๋ าสตางคแ์ น่นอน บางคร้ังเราประมาท ไปคิดว่า “นิดเดียว หน่า” “นิดเดียวเอง” “ราคาไม่ไดแ้ พงมาก” แต่ดว้ ยราคาไม่แพง เล็กๆ นอ้ ยๆ แต่รวมๆ กนั แลว้ อาจจะกลายเป็นเงินกอ้ นใหญ่กไ็ ด้ วธิ ีแกไ้ ขง่ายๆ ก่อนอื่นกร็ ู้ตวั เองก่อนวา่ เราเป็นคนท่ีซ้ือของจุกจิก มูลค่าไม่ เยอะบ่อยๆ หรือ ซ้ือของน้อยชิ้นแต่มูลค่ามาก จากน้ันก็ทาการแบ่งเงินไว้ สาหรับชอปปิ้ งในแต่ละเดือน เม่ือช้อปปิ้ งถึงงบที่ต้ังไวก้ ็ต้องหักห้ามใจ

หยดุ ชอ้ ปทนั ที ส่ิงของอะไรที่มีอยแู่ ลว้ ก็ไม่ควรซ้ือซ้า เพราะนอกจากจะเกิน ความจาเป็นแลว้ แลว้ อาจหมดอายกุ ่อนจะไดใ้ ชป้ ระโยชน์ 2. ช้อปช่วง Sale ช่วยชีวิต เทคนิคการออมสาหรับใครท่ีช่ืนชอบ และเสพยต์ ิดการชอ้ ปเป็นชีวิตจิตใจ ในเม่ือเลิกชอ้ ปไม่ได้ ก็หนั มาชอ้ ปช่วงเซลลแ์ ทน เพราะแบรนดด์ งั แต่ละแบ รนดก์ ม็ กั จะมีช่วงเวลานาทีทอง มาดูดเงินในกระเป๋ าขาชอ้ ปอยเู่ รื่อยๆ ไดข้ อง ดี แบรนด์ ในราคาย่อมเยาวไ์ วใ้ ช้ก็เป็ นทางเลือกท่ีน่าสนใจ แต่ก็อยา่ ลืมทา การบา้ นสักนิดว่าแต่ละแบรนด์จดั โปรโมชนั่ หรือเซลล์ ในช่วงไหน จะได้ กนั เงินไวช้ อ้ ปไดท้ นั ทางที่ดีท่ีสุดคือ ต้งั สติไว้ ลดอาการเสพยต์ ิดชอ้ ปปิ้ ง คิดตรึกตรองใหด้ ี ว่า ส่ิงท่ีเรากาลงั อยากไดน้ ้นั มีความจาเป็นมากนอ้ ยแค่ไหน แลว้ “ฮึบ” ไว้ เก็บ เงินใส่กระเป๋ าตงั คไ์ วด้ ีกวา่ 3. บญั ชีสารองต้องมีไว้ เชื่อว่าทุกคนตอ้ งบญั ชีหลกั ไวอ้ ยา่ งนอ้ ย1บญั ชีเพื่อรับเงินเดือนในแต่ละ เดือน รู้ไหมว่านี่กบั ดกั หลุมโต เพราะการมีบญั ชีเดียวทาให้สามารถเขา้ ไป ถอนหรือกดเงินจากบญั ชีน้นั เม่ือไหร่ก็ได้ ผลท่ีออกมาคือในบญั ชีมีเท่าไหร่ก็ ใชห้ มดเกล้ียง สุดทา้ ยสุขภาพการเงินกย็ า่ แยเ่ ขา้ ข้นั วกิ ฤติ

ดงั น้นั การมี 2 บญั ชี สาหรับเงินเดือน 1 บญั ชี และเงินออมสารอง นี่เป็น อีกหน่ึง เทคนิคการออมเงิน ท่ีไดผ้ ล เงินเดือนเขา้ เมื่อไหร่ก็รีบทาการดึงไป ฝากไวอ้ ีกบญั ชีและยง่ิ เป็นบญั ชีฝากประจาดว้ ยแลว้ ล่ะก็จะยง่ิ ช่วยใหก้ ารออม เงินสาเร็จไดแ้ น่นอนเพราะไม่วา่ อยากจะถอนมากเท่าไหร่ กถ็ อนไม่ได้ สะสม เป็นเงินกอ้ นไวใ้ ชจ้ ่ายยามฉุกเฉินไม่ตอ้ งเดือดร้อนไปพ่ึงเงินกใู้ หเ้ สียดอกเบ้ีย ยาวๆ 4. ฝากอัตโนมตั ิทางเลือกสายลืม หลงั จากมีบญั ชีสารองแลว้ สาหรับใครที่ใจไม่แข็งพอที่จะโอนเงินเขา้ บัญชีสารองทุกๆ เดือน แล้วล่ะก็ การให้ธนาคารผูกบัญชีโอนเงินฝาก อตั โนมตั ิ ข้นั ตอนกไ็ ม่ไดย้ งุ่ ยากแค่เดินเขา้ ไปที่ธนาคาร และแจง้ ต่อเจา้ หนา้ ท่ี วา่ ตอ้ งการใหธ้ นาคารโอนเงินจานวนเท่าไหร่ไปยงั บญั ชีสารองในแตล่ ะเดือน ก็ย่ิงทาให้การออมเป็ นเร่ืองง่าย ไม่ยุ่งยาก ไม่เสียเวลา และไม่ตอ้ งกลวั ลืม เพราะธนาคารจะจดั การทุกอยา่ งใหเ้ สร็จสรรพเรียบร้อย

9 วิธี ออมเงิน แบบชิลๆ แต่ได้ผล 1. ออมวนั ละ 20 บาท เงิน 20 บาท ฟังดนู ้อยมากเลยใช่ไหมครับ แล้วแบบนีจ้ ะออมเงินเป็นก้อน ได้จริงๆ หรอ? บอกเลยว่าอย่าดถู กู ธนบตั รใบน้อยครับ หากคุณทาติดต่อกัน เป็นระยะเวลา 1 เดือน (วนั หยดุ กอ็ ย่าหยดุ ออม นะครับ) คุณจะมีเงินออมถึง 600 บาท แล้วถ้าออมติดต่อกนั 1 ปี ล่ะ? คุณจะมีเงินออมถึง 7,300 บาทเลยล่ะ! (ห้ามแกะเงินออกมาใช้ล่ะ!) สาหรับคนท่ีมองว่า ยงั ไงกน็ ้อยไปอย่ดู ี อาจจะเปลี่ยนจาก 20 บาทเป็นออม วนั ละ 50 บาท หรือ 100 บาทกไ็ ด้ แต่สิ่งที่สาคัญกค็ ือ การสร้างนิสัยการ ออมเงินอย่างสมา่ เสมอ และการสร้างวินัยการออมเงินของตนเอง อย่าหา ข้ออ้างนะครับ ใกล้สิ้นเดือนแล้ว ขอตามใจตวั เองหน่อยด้วยการนาเงินท่ีต้อง

ออมไปใช้ เพราะเมื่อคุณทาอย่างนั้นคร้ังหน่ึง ครั้งต่อๆ ไปกจ็ ะตามมา สุดท้าย กอ็ อมเงินแทบไม่ได้เหมือนเดิมครับ 2. มีสลึง พึงบรรจบ ให้ครบบาท … หากวนั นีเ้ ราไปทางาน ใช้เงินยงั ไงหากเราไม่พยายามจะใช้ให้หมดกจ็ ะต้อง ได้เศษเงินทอน ได้เหรียญกลบั มาบ้านแน่นอน จริงไหมครับ กอ็ อมเหรียญนี่ ล่ะครับ ได้มาเท่าไหร่ กเ็ กบ็ ใส่กระปุก อย่าเอาออกมาใช้ อาจจะใช้ขวดนา้ กระป๋ องอาหารล้างแล้วเจาะรูหยอดเหรียญ ทาเป็นกระปุกออมสินแบบแนวๆ กไ็ ด้ครับ ผมแนะนาใช้ขวดนา้ หรือพาชนะใสๆ เพราะเราหยอดทกุ วนั ๆ เห็น จานวนเหรียญมนั เพ่ิมขึน้ ๆ เป็นกาลงั ใจให้เราออมต่อไปได้ครับ 3. แบ่งเงินใส่ถงุ ให้คณุ ลองสังเกตตัวเองดูว่า เฉล่ียแล้วในแต่ละวนั เสียเงินไปประมาณก่ีบาท บวกเงินเข้าไปอีกนิดหน่อยเผื่อมีอะไรฉุกเฉิน หาตวั เลขกลมๆ ไว้ แล้วให้นา เงินมาใส่ถงุ เพื่อใช้ในแต่ละวนั เช่น หากคุณใช้เงินวนั ละไม่เกิน 200 บาท กอ็ าจจะใส่ซองไว้ 250 บาท เป็นจานวนซองเท่าจานวนวนั ในเดือนนั้น จากน้ันก่อนออกไปเรียนหรือไปทางาน กห็ ยิบซองเงินมาหน่ึงซอง การทา อย่างนีจ้ ะช่วยให้คณุ ใช้เงินในจานวนจากดั ที่เหลือจะได้ออมหมด และฝึ กให้ คุณวางแผนจัดการเงินในมืออย่างมีคุณค่ามากท่ีสุดด้วย

4. กินแค่ 150 ถ้าเกิน ต้องหยอดกระปกุ ตามท่ีเกิน กาหนดเลยว่า ภายในหนึ่งวนั คณุ ต้องใช้เงินไปกบั ค่าอาหารแค่ประมาณ 100 บาทเท่าน้นั หากเกินกว่านี้ เช่น คุณจ่ายค่าอาหารไป 200 บาทวนั นี้ แสดงว่าคุณต้องหยอดกระปุกเป็นเงิน 50 บาท วิธีนีน้ อกจากจะได้จากดั งบประมาณตนเองในการเลือกซื้ออาหาร ยงั ได้ออมเงินเพ่ิมอีกนิดๆ ด้วย แบบนีเ้ งินเกบ็ หนาแน่นอน 5. มีหลายๆ กระปุก สาหรับวิธีนี้ ง่ายๆ เลยกค็ ือ ให้หากระปุกมาหลายๆ กระปุก จากน้ันกเ็ ขียน แปะลงไปบนแต่ละกระปกุ เลยว่า อันนีเ้ กบ็ ไปจ่ายอะไร เช่น ค่ารองเท้าทางาน คู่ใหม่ ค่าทริปไปต่างประเทศ เป็นต้น การทาอย่างนีจ้ ะช่วยให้กาลงั ใจให้คุณ ในการออมเงินเพ่ือเป้ าหมายอะไรบางอย่าง คุณอาจนาวิธีออมเงินอื่นๆ มา ประยกุ ต์ใช้กับวิธีนีด้ ้วยกไ็ ด้ ถึงเวลาท่ีจะต้องใช้เงิน กแ็ คะกระปุกมานบั ดู 6. หักเศษเงินเดือน สมมตุ ิ คณุ ได้เงินเดือน 14,570 บาท กล็ องเอา 570 บาทท่ีเป็นเศษ ออกมาเกบ็ ไว้ เท่านีก้ ไ็ ด้รู้แล้วว่า อย่างน้อยๆ เน่ีย เดือนนีฉ้ ันมีเงินเกบ็ 570 บาทแล้วนะ ง่ายๆ เลยใช่ไหมล่ะ นี่ยงั ไม่รวมกบั การใช้วิธีอื่นๆ อีกในการ ออมเงินอีกนะเนี่ย

7. เจอแบงค์ใหม่ อย่าใช้ ถ้าคณุ ได้ธนบตั รใหม่ที่ใบยงั สวยๆ เหมือนกบั ยงั ไม่เคยผ่านมือใครมาก่อน ให้คณุ เกบ็ ไว้เลย ซ่ึงคณุ อาจถามกลบั ว่า ถ้าไปกดเงินมา หรือไปธนาคารแล้ว ได้ธนบัตรใหม่มาท้ังหมดเลย แต่ต้องกินต้องใช้น่ี? กถ็ ้าเป็นธนบตั ร 1,000 หรือ 500 บาท ยงั ไงกต็ ้องนาไปใช้แหละเนอะ แต่ถ้าเจอธนบตั ร ย่อยๆ อย่าง 100 หรือ 50 บาท อย่างนีอ้ ย่าใช้ รีบเกบ็ เลย 8. ออมเท่าค่ากาแฟ คณุ เป็นหน่ึงในคนที่ซือ้ กาแฟทุกเช้าเพื่อให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่า พร้อมทางานหรือเปล่า? ยิ่งซือ้ จากร้านช่ือดงั บางร้านแล้ว มลู ค่าแทบจะ เทียบเท่าอาหาร 3 มือ้ เลยด้วยซา้ วิธีนีจ้ ะช่วยให้คณุ ได้มองเห็นว่า การซื้อ กาแฟจากร้าน ซ่ึงดูเหมือนเป็นค่าใช้จ่ายเพียงเลก็ น้อย จริงๆ แล้วเม่ือทาทกุ วนั จะเห็นได้ว่า ค่าใช้จ่ายตรงนีแ้ หละท่ีทาให้เงินออมเราหายไปเป็นจานวนมาก สมมตุ ิคุณซื้อกาแฟทุกวนั ท่ีไปทางาน ราคาแก้วละ 70 บาท คุณจะได้ออม เงิน 1,400 บาทจากวิธีนีเ้ พียงอย่างเดียว แต่กเ็ ท่ากบั ว่าคณุ เสียเงินไป 1,400 บาทด้วยเช่นกนั ดงั นั้นถ้าซื้อกาแฟน้อยลง เงินที่จะบินออกจาก กระเป๋ าเงินของคณุ กจ็ ะน้อยลง และส่วนนนั้ กจ็ ะสามารถกลายมาเป็นเงินออม ได้ โดยปริ ยาย 9. ออม 10% จากเงินที่ได้

พ่อค้าแม่ค้า เงินท่ีได้มามกั จะไม่ค่อยได้เกบ็ เพราะเอาไปหมนุ เงินซือ้ ของเพ่ือ นามาขายต่ออีกเร่ือยๆ มีเงินในบัญชีหรือในมือเม่ือไรกเ็ อาไปลงกบั การซือ้ ของหมด ดงั นนั้ ลองใช้วิธี ออม 10% จากเงินที่ได้ในแต่ละวนั เช่น วนั นี้ ขายของได้ 5,000 บาท กใ็ ห้หยอดลงกระปุก 500 บาท วนั ไหนขายได้ มากกม็ ีเงินออมมาก วนั ไหนขายได้น้อยกม็ ีเงินออมน้อย แต่ที่สาคัญคือเรามี เงินออมทุกวนั นะครับ สาหรับผ้ทู ี่ทางานรับเงินเดือน เรากส็ ามารถทาวิธีนีไ้ ด้เหมือนกัน คือเกบ็ เงิน จากเงินเดือน แบ่งออกมา 10% ทกุ เดือนๆ แล้วฝากธนาคาร โดยเราจะต้อง ไม่นาเงินส่วนนีอ้ อกมาใช้เลย หากเราได้เงินเดือนละ 15,000 บาทกเ็ กบ็ เดือนละ 1,500 บาท เป็นต้น สิ้นปี ที มาตรวจสอบบญั ชีอีกทีอาจจะมี มากกว่าที่เราคิดกไ็ ด้นะครับ การออมเงินจริงๆ แล้วเราสามารถเร่ิมต้นได้ด้วยการออมเพียงแค่วนั ละนิดวนั ละหน่อย โดยเน้นท่ีการสร้างนิสัย และวินัยในการออมเงิน ออมวนั ละนิดกย็ งั ดีกว่ามวั แต่นั่งคิดว่าออมไม่ไหวนยะครับ ลองนาวิธีเหล่านีไ้ ปปรับใช้กบั ชีวิตประจาวนั กนั นะคะ

วธิ ีการบนั ทกึ บัญชีรายรับ – รายจ่าย ก่อนอ่ืน...เราจะเร่ิมตน้ ง่ายๆ จากการแบ่ง ประเภท \"รายรับ\" และ \"รายจ่าย\" ของเราก่อนวา่ มีอะไรบา้ ง รายรับ คือ ส่ิงท่ีบง่ บอกถึงความสามารถในการหาเงินของเราวา่ มาจากทาง ใดบา้ ง ไดแ้ ก่ o รายรับหลกั ๆ เช่น เงินเดือน ค่าแรงท่ีไดร้ ับในแต่ละเดือน o รายรับอน่ื ๆ หรือ รายรับเสริม เช่น รายรับจากอาชีพเสริมต่างๆ หรือ ผลตอบแทนจากการลงทุน ส่วน รายจ่าย คือ สิ่งท่ีบ่งบอกถึงการใชจ้ ่ายของตวั เรา วา่ ไดใ้ ชเ้ งินไป อยา่ งไรบา้ ง โดยจะแบ่งออกเป็น รายจ่ายคงท่ี และ รายจ่ายผนั แปร

o รายจ่ายคงที่ คือ รายจ่ายที่เกิดข้ึนแน่นอนและสม่าเสมอในทุกๆเดือน เช่น คา่ เช่าหอพกั คา่ เดินทาง คา่ อาหาร (ตามความจาเป็น) ค่าใชจ้ ่ายในการ ดูแลครอบครัว เป็นตน้ o รายจ่ายผนั แปร คือ รายจ่ายท่ีมีการเปล่ียนแปลงข้ึนลง ไม่เท่ากนั ในแต่ ละเดือน เช่น คา่ งานเล้ียงสงั สรรค์ คา่ รักษาพยาบาล ค่าท่องเท่ียว สันธนาการ ต่างๆ เป็นตน้ ตัวอย่างการบันทกึ บญั ชี

ประโยชน์จากการทาบัญชีรายรับ – รายจ่าย ทาให้เรารู้การใช้จ่ายของเราในแต่ละเดอื น ช่วยใหส้ ามารถตดั รายจ่ายท่ีไม่ จาเป็นในออกไปทาใหม้ ีเงินเหลือมากข้ึน เช่น ค่ากาแฟ ค่าชอ้ ปปิ้ งของที่ไม่ จาเป็ น ทาให้รู้จักคดิ ให้รอบคอบก่อนจะใช้จ่าย รู้วา่ คา่ ใชจ้ ่ายไหนเหมาะสม หรือไม่เหมาะสม เพราะถา้ เรารู้จกั ตวั เอง และมองเห็นพฤติกรรมการใชจ้ ่าย ของตนเองแลว้ การละเลิกกิจกรรมที่สร้างความฟ่ ุมเฟื อยท้งั ปวง จะเป็น จุดเร่ิมตน้ ของการออมท่ีเพมิ่ ข้ึนดว้ ยการทาบญั ชีรายรับรายจ่าย

https://sites.google.com/site/prachyasersthkicphxpheiyng12/-site-prachyasersthkicphxpheiyng12 https://www.ncb.co.th/fin-knowledge/4-tips-personal-financial https://www.moneyguru.co.th/blog/ https://aommoney.com/stories/taxbugnoms/diy-

เชญิ ชวนน้องๆมาทาแบบประเมนิ ผลความรู้ท่นี ่ี https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSesZtTOsh4_kvGP1rkXQ9Rjp699 JK02L2fd5dXnZf2WIG1Xew/viewform?fbclid=IwAR2KvThaoIjciMD95Yu55jOjbKfz qiJF-ONPoExwwgoY9c8tjgX4Ixa4no0


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook