Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 605-64 ปลายภาค-16

605-64 ปลายภาค-16

Published by weriyamim1109, 2021-11-11 04:39:05

Description: 605-64 ปลายภาค-16

Search

Read the Text Version

ส33101 สงั คมศึกษา ม.6 โครงการสอน ชอื่ _น_._ส.___ย_า_________ นามสกุล___อ_ณ__ง_ม_งค_ล______ ชัน้ ม.6/_5__ เลขที่_7_6_ ๑ ่ิยุริรีว

ส33101 สังคมศกึ ษา ม.6 โครงการสอน ๒

ส33101 สงั คมศกึ ษา ม.6 โครงการสอน โครงการสอน (Course Outline) รายวชิ า ส33101 สงั คมศึกษา สถานภาพรายวิชา พน้ื ฐาน จำนวนเวลา 2 คาบ/สปั ดาห์ (40 ชัว่ โมง/ภาคเรียน) จำนวน 1 หน่วยกิต ระดบั ช้ัน มัธยมศึกษาปีท่ี 6 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 กล่มุ สาระฯ สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม โรงเรยี น สามเสนวทิ ยาลัย ผสู้ อน 1. นายณัฏฐ์ชฎลิ มาอ่นิ แก้ว ม.6/5,7,11,17 ม.6/1,8 2. นายภาณวุ ฒั น์ มัธยมนนั ทน์ ม.6/2,4,6 3. นางสาวทัศนท์ อง เขม็ กลัด ม.6/3,9,10,12 4. นางสาวภสั นนั ท์ นธิ พิ งษ์วรากลุ 1. คำอธิบายรายวชิ า ศึกษาและวิเคราะห์อารยธรรมของโลกสมยั โบราณ ได้แก่ อารยธรรมลมุ่ แมน่ ำ้ ไทกรสี – ยเู ฟรตีส อารยธรรมลมุ่ แมน่ ้ำไนล์ อารยธรรมลุม่ แม่น้ำฮวงโห อารยธรรมลมุ่ แม่น้ำสินธุ อารยธรรมกรกี และอารย ธรรมโรมนั การติดต่อระหวา่ งโลกตะวันออกกบั โลกตะวนั ตกและอิทธิพลทางวัฒนธรรมที่มีต่อกันและกัน เหตุการณ์สำคัญต่างๆ ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบัน เช่น ระบบศักดินาสวามิภักดิ์ สงครามครเู สด เป็นต้น ประวตั ศิ าสดาของศาสนาอืน่ ๆ โดยสงั เขป และหลักธรรมสำคญั ในการอยรู่ ่วมกัน อยา่ งสนั ติสขุ ของศาสนาอืน่ ๆ ได้แก่ ศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม โดยใช้วิธีการทางประวัติศาสตร์ กระบวนการคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์เหตุการณ์สำคัญต่างๆ ทางประวัติศาสตร์สากล กระบวนการสืบค้นข้อมูล กระบวนการปฏิบัติ กระบวนการทางสังคม กระบวนการเผชิญสถานการณ์ กระบวนการแกป้ ัญหา กระบวนการกลุ่ม เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ สามารถถ่ายทอดความรู้ความเขา้ ใจอย่างถูกต้องเหมาะสม รู้จัก การแก้ไขปัญหา ตระหนักถึงความสำคัญ ยอมรับและเคารพในความแตกต่างทางความเชื่อและศาสนา เพ่ือการอย่รู ว่ มกนั อยา่ งสนั ตสิ ุขท่ามกลางความหลากหลาย เหน็ ความสำคญั ของการศึกษาประวัติศาสตร์ ที่เป็นรากฐานการเจริญเติบโตของสังคมโลก และมีความซื่อสัตย์สุจริต ขยันหมั่นเพียร อดทน ใฝ่หา ความรู้ ตงั้ ใจปฏิบัตหิ นา้ ที่ รวมทงั้ ยอมรบั ผลท่เี กิดจากการกระทำของตนเอง 2. มาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตวั ชี้วดั มาตรฐานที่ 1.1 รู้และเข้าใจประวัติ ความสำคัญ ศาสดา หลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือ ศาสนาทีต่ นนับถือและศาสนาอื่น มีความศรทั ธาท่ถี กู ตอ้ ง ยดึ มัน่ และปฏิบัตติ ามหลักธรรมเพ่ืออยู่ร่วมกัน อยา่ งสันติสขุ ๓

ส33101 สังคมศึกษา ม.6 โครงการสอน มาตรฐานที่ 4.2 เข้าใจพัฒนาการของมนุษยชาติจากอดีตจนถึงปัจจุบันในด้านความสัมพันธ์ และการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์อย่างต่อเนื่อง ตระหนักถึงความสำคัญ และสามารถวิเคราะห์ ผลกระทบทเ่ี กดิ ขนึ้ จดุ เนน้ ที่ 5 ความมีวนิ ยั ในตัวเอง (ตามผลการเรยี นรวู้ ชิ าหน้าที่พลเมือง) ▪ ส 1.1 ม.4–6/17 อธบิ ายประวตั ิศาสดาของศาสนาอืน่ ๆ โดยสงั เขป ▪ ส 1.1 ม.4–6/21 วิเคราะห์หลักธรรมสำคัญในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขของศาสนาอื่นๆ และชักชวน ส่งเสริมสนับสนุนใหบ้ ุคคลอื่นเห็นความสำคัญของการทำความ ดรี ว่ มกนั ▪ ส 4/2 ม.4–6/1 วเิ คราะหอ์ ิทธพิ ลของอารยธรรมโบราณและการตดิ ตอ่ ระหว่างโลกตะวันออก กับโลกตะวนั ตกท้ังท่มี ผี ลตอ่ พัฒนาการและการเปล่ียนแปลงของโลก ▪ ส 4/2 ม.4–6/2 วิเคราะห์เหตุการณ์สำคัญต่างๆ ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกจิ และการเมืองเข้าสู่โลกสมยั ปัจจบุ นั ▪ ปฏบิ ตั ิตนเปน็ ผ้มู ีวินยั ในตนเอง มีความซื่อสัตย์สุจริต ขยันหมั่นเพียร อดทน ใฝ่หาความรู้ ตั้งใจปฏิบัติหน้าท่ี รวมท้งั ยอมรับผลที่เกิดจากการกระทำของตนเอง 3. สาระการเรยี นร้แู ละโครงการสอนระยะยาว สัปดาห์ท่ี หนว่ ยการเรยี นรู้ หัวเรอื่ ง จำนวน คาบ 1 ปฐมนเิ ทศ แนะนำรายวชิ า 1 1 2 1. ความรพู้ ้ืนฐานทาง ▪ การเทียบเวลาและยุคสมยั ทางประวัตศิ าสตร์สากล 1 ประวตั ิศาสตร์และศาสนาสากล ▪ ตวั อย่างหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรส์ ากล 3 ▪ ความรู้พ้นื ฐานทางศาสนาสากล 3 2 3 – 6 2. พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ ▪ อารยธรรมจนี 1 3 และศาสนาในโลกตะวันออก ▪ อารยธรรมอนิ เดยี 2 1 ▪ ศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู 2 2 ▪ การติดต่อระหว่างโลกตะวันออกกบั โลกตะวันตก 6 – 8, 3. พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ ▪ อารยธรรมเมโสโปเตเมียและดินแดนเอเชียไมเนอร์ 10 - 12 สมัยโบราณและศาสนาในโลก ▪ ศาสนาครสิ ต์ ตะวนั ตก ▪ อารยธรรมอยี ิปต์ ▪ อารยธรรมกรีก ▪ อารยธรรมโรมนั ๔

ส33101 สังคมศกึ ษา ม.6 โครงการสอน สัปดาหท์ ี่ หน่วยการเรยี นรู้ หัวเร่อื ง จำนวน คาบ 12 – 15 4. พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ ▪ สภาพการปกครองหลังจักรวรรดิโรมนั ลม่ สลาย ตะวันตกและศาสนาสมยั กลาง ▪ ลกั ษณะการปกครองของยโุ รปสมัยกลาง : ระบบศกั ดินาสวามิภักดิ์ 2 ▪ ลกั ษณะเศรษฐกจิ ของยุโรปสมยั กลาง : ระบบแมเนอร์ ▪ ลกั ษณะสงั คมของยุโรปสมัยกลาง: อทิ ธิพลของศาสนจักร ▪ ลกั ษณะงานศิลปะและวิทยาการของยุโรปสมยั กลาง 1 ▪ เหตกุ ารณ์สำคญั : สงครามครูเสดและสงครามร้อยปี 1 ▪ ศาสนาอิสลาม 2 ▪ การฟน้ื ฟูศิลปวิทยาการ 1 ▪ ความเข้าใจอันดรี ะหว่างศาสนา 1 9 ทบทวนบทเรียน (รวมงดการเรียน) และสอบกลางภาคเรยี น 2 16 สอบเกบ็ คะแนน 1 17 – 18 ทบทวนบทเรยี น (รวมงดการเรียน) และสอบปลายภาคเรยี น 4 รวม 36 หมายเหตุ : โครงการสอนระยะยาวเปน็ เพียงกำหนดการกอ่ นจัดการเรยี นการสอน อาจมปี รบั เปลย่ี นได้ตามความเหมาะสม 4. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ▪ การบรรยายและอภิปราย ▪ การอภปิ รายกลุ่มย่อย ▪ การศกึ ษาค้นควา้ ด้วยตนเอง ▪ การศึกษาจากแหลง่ เรยี นรู้ เช่น หอ้ งสมดุ ฐานข้อมูลออนไลน์ ▪ ศูนยก์ ารเรียน ▪ การเรียนรแู้ บบรว่ มมอื 5. สอ่ื การเรียนรู้และแหล่งการเรยี นรู้ ส่ือการเรยี นรู้ ▪ เอกสารประกอบการเรียนวิชา ส33101 สังคมศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 (ใบความรู้ / แบบฝกึ หัด) โรงเรยี นสามเสนวิทยาลัย ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2564 ▪ ส่ือ Microsoft Power Point ▪ ชุดกจิ กรรม เชน่ กจิ กรรมศนู ยก์ ารเรยี น Jigsaw II เกม และการอภปิ รายกลมุ่ ย่อย ๕

ส33101 สังคมศึกษา ม.6 โครงการสอน แหลง่ การเรยี นรู้ ▪ หอศิลปวฒั นธรรมแหง่ กรุงเทพมหานคร ▪ หอสมุดเมอื งกรุงเทพมหานคร ▪ สำนกั หอสมดุ แห่งชาติ ▪ เวบ็ ไซต์สถาบนั เอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั (http://www.ias.chula.ac.th/) ▪ เว็บไซต์สถาบันเอเชียตะวันออกศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (http://www.asia.tu.ac.th/) ▪ เวบ็ ไซต์ศนู ยย์ ุโรปศึกษาแห่งจฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั (www.ces.in.th) ฯลฯ 6. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ รหสั ตัวชี้วัด / ผลการเรยี นรู้ ก่อนกลางภาค กลาง หลังกลางภาค ปลาย ชอ่ งกรอก SGS ขอ้ 1 ขอ้ 2 ขอ้ 3 ภาค ข้อ 10 ขอ้ 11 ขอ้ 12 ข้อ 13 ภาค คะแนนเต็ม 5 10 10 20 10 10 10 5 20 อ่าน คดิ วิเคราะห์ เขียน 10 คุณลกั ษณะพึงประสงค์ 10 ส 4.2 ม.4-6/1 10 10 17 10 8 ส 4.2 ม.4-6/2 6 ส 1.1 ม.4-6/17 3 56 ส 1.1 ม.4-6/21 จดุ เน้นหนา้ ท่พี ลเมือง ข้อ 5 5 7. ภาระงานและการเก็บคะแนน SGS คะแนน ภาระงาน กำหนดสง่ ประเภทคะแนน ขอ้ ที่ สอบ งานเดยี่ ว งานกลุ่ม 21 – 25 1 5 ใบข้อมูลนกั เรียน มิถุนายน ✓ กอ่ นกลางภาค 2 10 กิจกรรมการเรยี นออนไลน์จาก เรียน ✓ Google Form* สงั เกต พฤติกรรม ✓ 3 10 การมสี ่วนร่วมในชัน้ เรยี นออนไลน์* กลาง ภาคเรียน ✓ กลาง 20 สอบกลางภาคเรยี น ภาค ๖

ส33101 สงั คมศกึ ษา ม.6 โครงการสอน SGS คะแนน ภาระงาน กำหนดสง่ ประเภทคะแนน ข้อที่ สอบ งานเด่ียว งานกลุ่ม 10 10 แบบฝกึ หดั เอกสารหน้า 81 – 97 ก่อนกลางภาค/ ✓ ปลายภาค 11 10 คุณลักษณะ สังเกต - - - พฤติกรรม 12 10 บันทกึ ความรู้ในเอกสารประกอบการเรยี น ก่อนกลางภาค/ ✓ เอกสารหน้า 1 – 80 ปลายภาค 13 5 แบบวิเคราะห์การเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนา 13 – 17 ✓ กันยายน ปลาย 20 สอบปลายภาค ปลาย ✓ ภาค ภาคเรียน หมายเหตุ : - ขอ้ มลู อาจมีการเปลยี่ นแปลงไดต้ ามความเหมาะสม หากมีการเปลีย่ นแปลงครผู ู้สอนจะแจง้ ให้ทราบ ภายหลัง - * หากนักเรียนมีคะแนนข้อที่ 2 – 3 น้อยกว่าร้อยละ 50 จะต้องทำ Infographics เปรียบเทียบ วัฒนธรรมชดเชยคะแนนและส่งก่อนสอบปลายภาคเรียน - หากนักเรยี นขาดสง่ / คดั ลอกผลงาน infographics (กรณที ำชดเชยคะแนน) เอกสารประกอบการเรียน และแบบวเิ คราะหก์ ารเข้าร่วมกจิ กรรมทางศาสนา จะได้รับผลการเรยี น ร และสอบซอ่ มโดยการรับงานชน้ิ ใหม่ ๗

ส33101 สงั คมศึกษา ม.6 สารบญั หนา้ โครงการสอน ๓ หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 ความรู้พื้นฐานทางประวัติศาสตร์และศาสนาสากล 1 ▪ ความหมายของประวตั ศิ าสตร์และอารยธรรม 1 ✓ 1 ▪ บดิ าแห่งประวตั ิศาสตร์ ความ แตก าง 2 2 ▪ เวลาและศกั ราช ▪ ยคุ สมัยทางประวตั ศิ าสตร์สากล 3 ▪ หลกั ฐานทางประวัติศาสตรส์ ากล 6 ▪ ความรูพ้ ืน้ ฐานทางศาสนา 8 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 2 พฒั นาการทางประวัตศิ าสตรแ์ ละศาสนาในโลกตะวนั ออก 10 ▪ อารยธรรมจีน 10 ▪ อารยธรรมอนิ เดยี 17 ▪ ศาสนาพราหมณ์ - ฮนิ ดู 24 ▪ การตดิ ต่อระหว่างโลกตะวันออกกบั โลกตะวนั ตก 29 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยโบราณและศาสนาในโลกตะวันตก 33 ▪ อารยธรรมเมโสโปเตเมยี และดนิ แดนเอเชียไมเนอร์ 33 ▪ ศาสนาครสิ ต์ 39 ▪ อารยธรรมอยี ปิ ต์ 44 ▪ อารยธรรมกรกี 48 ▪ อารยธรรมโรมนั 54 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 4 พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ตะวนั ตกสมยั กลาง 59 ▪ สภาพการปกครองหลังจกั รวรรดโิ รมันล่มสลาย 59 ▪ ลกั ษณะการปกครองของยุโรปสมัยกลาง : ระบบศกั ดนิ าสวามิภกั ด์ิ 60 ▪ ลักษณะเศรษฐกจิ ของยโุ รปสมยั กลาง : ระบบแมเนอร์ 61 ▪ ลกั ษณะสังคมของยโุ รปสมยั กลาง : อทิ ธิพลของศาสนจกั ร 62 ▪ ลกั ษณะงานศลิ ปะและวิทยาการของยุโรปสมัยกลาง 64 ▪ ศาสนาอสิ ลาม 67 ▪ เหตุการณส์ ำคัญ : สงครามครูเสดและสงครามร้อยปี 72 ▪ การฟ้ืนฟศู ลิ ปวทิ ยาการ 74 ▪ ความเขา้ ใจอนั ดีระหว่างศาสนา 79 เอกสารอ้างอิง 81 แบบฝึกหัด 82 ๘ ต้ีนำค่

ส33101 สังคมศกึ ษา ม.6 ช่อื บ_ท__ท_่ี_1__ค__ว_า_ม__ร_ู้พ__น้ื _ฐ_า__น_ท__า_ง_ป__ร_ะ_ว_ัต__ิศาชส้ันตรม์แ.6ล/ะ_ศ__าสเลนขาทสา_ี่ _ก_ล__ บทที่ 1 ความรูพ้ ้ นื ฐานทางประวตั ศิ าสตรแ์ ละศาสนาสากล ประวตั ิศาสตร์ หมายถงึ การศึกษาเหตุการณ์สำคัญ การศึกษาประวัติศาสตร์สากล เห อน น ของสังคมมนุษย์ในอดีตอย่างมีเหตุผล และปราศจากอคติ จำเป็นต้องทราบว่าช่วงเวลาที่ตรงกัน าง น ผ่านกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยอาศัยร่องรอย ในอดีต ชนชาติต่างๆ ในโลกเกิด ของหลักฐานหรอื พยานบคุ คล กษาภาพ รวม รอบ าน ( กเ อง) เหตุการณ์สำคัญรว่ มสมยั กันอย่างไร ง กษา อ เ จจ งใน อ ๓ รอบ าน เ นrl 0 UI ม . 6 * * อารยธรรม ตามความหมายในแงป่ ระวัติศาสตร์ หมายถึง การศึกษาพัฒนาการทางความคิดของ ระบบสังคมมนุษย์ที่ซับซ้อน อารยธรรมเป็นวัฒนธรรมขั้นสูงที่มีพัฒนาการเจริญก้าวหน้าในลักษณะ วัฒนธรรมของสงั คมเมอื ง ม ษม ษกษา ความ ด , เจความ ญ าวห า งคม ปจั จัยในการกำหนดอารยธรรม การสร้างสรรค์อารยธรรมของมนุษย์เกิดควบคู่กับการปรับตัวและพัฒนาวิถีชีวิตให้เข้ากับ ธรรมชาติในพื้นที่ อารยธรรมในภูมิภาคต่าง ๆ ของโลกที่เกิดขึ้นอาจมีลักษณะเหมือนหรือแตกต่างกัน ขึน้ อยกู่ ับปจั จยั ต่าง ๆ สรปุ ได้ดงั นี้ 1. ปัจจัยด้านภูมิศาสตร์ ได้แก่ ทำเลที่ตั้ง สภาพภูมิประเทศ สภาพภูมิอากาศ เช่น ชุมชนที่ต้ัง และศูนย์กลางของอารยธรรมมักอยู่ใก_ ลสา้แมหารลถ่งใน้,ำ น เ นทาง ไ ่ออกนามรากอุ ื ปโ ภค บร ิโ ภค การคมนาคม และ ซ,ึ่งมีน้ำใ ช, ้เพ การเพาะปลกู เล้ยี งสตั ว์ ทำให้ผู้คนเขา้ มาตัง้ ถนิ่ ฐานจำนวนมาก จนกลายเป็นสงั คมเมอื งในเวลาต่อมา 2. ปัจจัยด้านความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ได้แก่ ความสามารถในการประดิษฐ์คิดค้น เทคโนโลยีและวิทยาการ เช่น การคดิ คน้ ระบบชลป- ระทใานไเพ่ือพอใช้ทดน้ำเข้าไปในพื้นที่ที่อยหู่ ่างไกลแม่น้ำ ตลอดจนการสร้างประตูระบายนำ้ และทำนบก้นั นำ้ เพื่อปอ้ งกันนำ้ ท่วม เ เ0ช่นอนกะา>ไรตราระกเฎยหบมายเป็นเครอื่ งมือในการปกครอง 3. หรือการ ปจั จัยดา้ นการจัดระเบียบสงั ค_ ม ยอมรบั ในสถานะทีส่ งู ส่งของผปู้ กครอง เ อ4. จ ย าน การ ฒนา ระบบ ความ การ ชา บวงสรวง การ สอบถาม บ สวน าเ อ ไ ไ กษา คน แรก แ การ โกย ใ การ ทาง ประ ศาสต ตาแ งประ _ เฮโรโดตัส (Herodo/tus) ชาวกรีก (484-424 ก่อน ค.ศ.) เป็น ตะ น ตก บิดาแห่งประวัติศาสตร์โลก ผู้บัญญัติคำว่า “ประวัติศาสตร์” เป็นภาษา กรีก คือ Historiai แปลว่า ไต่สวน สืบสวน และบันทึกเหตุการณ์สงคราม ระหว่างกรีกกับเปอร์เซีย รวมทั้งเป็นผู้วางรากฐานความรู้ทาง ประวตั ศิ าสตร์ และตอ่ มาจึงพัฒนาไปสู่ “วิธกี ารทางประวัตศิ าสตร์” 1 ัวิตัว่หัข์ริตัวีธิว้ชึถ่ตึศ้ด่มัข์อ่ัถ่ืชุ่นูบีม่ืชัพ้ดัจัปีมีบีม่ม่กัม่ม้ชีมำน้ร่มิดัก้ช์ยุนัส้น้กิร์ยุนิคึศ้น้พ้กัถิร็ท้ขึศุ่ม่ืรุท้ดึศัก่ตักืม

ส33101 สังคมศกึ ษา ม.6 บทที่ 1 ความรู้พ้ืนฐานทางประวัติศาสตร์และศาสนาสากล แ งดา ตะ น ออก ซือหม่าเชียน ชาวจีนสมัยราชวงศ์ฮั่น (140-87 ก่อน ค.ศ.) เป็น บิดาแห่งประวัติศาสตร์ตะวันออก ผู้เขียนตำราประวัติศาสตร์ชื่อว่า “สือ่ จี้” แสดงประวัติศาสตรช์ นชาติจีนจนถงึ สมัยราชวงศฮ์ ั่น w ชว่ งเวลา เม ▪ ทศวรรษ : รอบ 10 ปี ตวั อย่างเช่น ทศวรรษท่ี 196r0 ตรงกับ ค.ศ.1960 – 1969 เ ม 0 จบ 9 w w w ▪ ศตวรรษ : รอบ 100 ปี ตัวอย่างเชน่ พุทธศตวรรษที่ 2r6จบตรงกบั พ.ศ.2501 - 2600 เ ม อาจ บ 00 → 1หนอน w Wvw hn บ า - 100 ▪ สหสั วรรษ : รอบ 1,000 ปี ตัวอยา่ งเช่น สหัสวรรษท่ี 3 \" ตรงกบั ค.ศ.2001 – 3000 เ ม อาจ ขอ 0 uruv w 1 ห อ นม บ ของไทย ทาง อน ก 4 า - เออ 0 / ปฏิทินโบราณ~ ไ อารยธรรมจีน นับแบบจันทรคติ ทุก 3 ปีจะเพิ่มเดือนที่▪ครอง ราช มน แตก าง ญบ . บเห อน น ใ ดวง นท ใน การ บ แ เวลา ดวง นท น สมัยโบราณนับศักราชตามปีที่ บ จาก kinq / ใน บ จบ . / โกย ชา ก า sun 11 13 จักรพรรดิครองราชย์ เรียกว่า “รัชศก” เมื่อจักรวรรดิองค์ใหม่ขึน้ คrรอi.งไราชอยาก็เอรงิ่มต้นนับรัชศกที่ 1 ใหม่ ทำให้การนับศกั ราชของจีนสมยั โบราณไมต่ ่อเนื่องแบบครสิ ต์ศักราช ปัจจุบันยังคงพบในญป่ี ุน่ เท่าน้นั !! +▪62อ1 ารย/ธไรทรยมอบินมเาดีย ในสมัยพระเจ้า,กนษาิษนกะะเแาหม่งารหาชงวเมงาศร์กบ ุษi าณะ i. มหา → พศ . นับแบบจันทรคติ ครองราชย์เมื่อ อพ.ศ . 22 คi .ศ.78 เริม่ นับศกั ราชใหม่ คือ มหาศกั ราช ซ่งึ แพรเ่ ขา้ มาสูด่ ินแดนเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต้ในเวลาต่อมา r ปรากฏในจา ก อ มา ป บ เชน ~ เ ยน ) \"\" \"\" \" ก 4 าน มา น ใน i. eb ' ในไทย ๓ต . โข ย 6 การ ราย เ ยน เ ง ' ( ว,นวันในปฏทิ ิน 365¼ วนั น ) ▪ อารยธรรมโรมนั นับแบบสรุ ยิ \\คติ คอื *ปฏิทินจเู ลียน* มจี ำน การเทยี บศักราช* * ป น ป ม อนเ นน แบบ ไ สากล ของ โลก ! าน Notei สย อน ไป ดวง นท เพราะ าว น - าง แรม 2 9- 3 เ น i. r ตาม ฤ กาล จเราะ l ไ แ อง ทด 1 . ' สลาม บ ตาม . ชดเชย น ห ด กระ ออก . นทร ค เ ย ส มอพยพ ชาว จาก เมกกะ → ๓ บ→ การ ทด ก 32 คง ๆ ศกั ราช บุคคลหรอื เหตุการณท์ ่ีนำไปสู่การเรม่ิ ต้นของศักราช ใชใ้ นสมัย ชา้ กวา่ พ.ศ. 1. มหาศักราช พระเจา้ กนิษกะแห่งราชวงศ์กุษาณะของอนิ เดีย สโุ ขทัยถึงอยธุ ยา 621 ปี (ไทยรบั ผา่ นเขมรเข้ามา) ตอนตน้ 2. จลุ ศักราช พระเจ้าบุพพะโสระหันหรอื พระเจา้ สูรยิ วิกรมของพมา่ * อยธุ ยาถึงรชั กาลท่ี 5 1,181 ปี (ไทยรบั ผา่ นล้านนาเข้ามา) *ข้อสนั นษิ ฐานแยกเปน็ 2 ทาง (พ.ศ.2432) 3. รตั นโกสนิ ทร์ศก การสถาปนากรงุ รัตนโกสนิ ทรใ์ นปี พ.ศ.2325 รชั กาลที่ 5 2,324 ปี (เป็นศักราชเดียวทเ่ี ป็นของไทย) (พ.ศ.2432-2455) 4. พทุ ธศกั ราช พระพทุ ธเจา้ ดับขนั ธ์ปรินพิ พานโดยแบง่ เป็น 2 แบบ รชั กาลท่ี 5 เปน็ ต้นมา 1. แบบลังกา เร่มิ นบั ทันทที พ่ี ระพทุ ธเจ้าปรนิ พิ พาน (ปียา่ ง) (ตั้งแต่ พ.ศ.2455) 2. แบบไทย เริ่มนับหลงั พระพุทธเจา้ ปรนิ พิ พาน 1 ปี (ปเี ตม็ ) 5. คริสต์ศักราช พระเยซูประสตู ิ - กอ่ นเร่มิ ค.ศ. ใช้ตวั ยอ่ “B.C.” (Before Chris) - เริม่ ค.ศ. แล้วใชต้ ัวย่อ “A.D” (Anno Domini หรอื In the 543 ปี year of our Lord) 2 ่ัร้ขุท้ขีมัรัยิลุม์หิฮำทัมัยุมีมิตัจันิอ่ทิฏ้ก้ตัว่ก้ดัว่ม้ข้ึข้ขีม์รัจ่กัมูดิทิฏ้ต็ปัม่รีรัทุสัว้บุทีลูจัร่ตึรัล้ขุกัร้น่ต่มันัว่วัขืมัน่ต์ธัพัส่ม์รัจ่ตัน์รัจ้ชัปุท้กัน้ม่ิร่พัน่ิร่ิร่ิรัว่หับ

ส33101 สงั คมศึกษา ม.6 บทที่ 1 ความรู้พืน้ ฐานทางประวตั ศิ าสตร์และศาสนาสากล ศกั ราช บุคคลหรอื เหตกุ ารณท์ นี่ ำไปสู่การเรมิ่ ตน้ ของศกั ราช ใชใ้ นสมัย ช้ากว่า พ.ศ. 6. ฮิจเราะห์ศกั ราช พระมฮู มั หมดั อพยพชาวมุสลิมจากเมืองเมกกะไปเมดินะห์ใน ปจั จบุ นั ปี ค.ศ.622 (เปน็ ศกั ราชเดียวทีน่ ับปตี ามจนั ทรคติ ทุก 32 ปี 1,122 ปี ครึง่ จะเพมิ่ ขนึ้ 1 ป)ี ยุคกอ่ นประวัติศาสตร์ ประ ษ เค อง อใ แ × ว กษร ' ยุคก่อนประวัติศาสตร์เน้นพัฒนาการทางเทคโนโลยีเครือ่ งมือเครื่องใช้ ยุคก่อนประวัติศาสตร์เป็น ช่วงที่มนุษย์ยังไม่รู้จักการบันทึกอักษร การศึกษาประวัติศาสตร์สมัยนี้จึงต้องอาศัยหลักฐานทาง โบราณคดีและวชิ ามานษุ ยวิทยาเป็นสำคัญ ยคุ กอ่ นประวัติศาสตรส์ รปุ ได้ดังน้ี ปัจจุบันมีการยอมรับว่ายุคก่อนประวัติศาสตร์เริ่มต้นนานกว่า 5 ล้านปีจากการ Australopithecus Africanus ค้นพบกะโหลกศีรษะของมนุษย์ Australopithecus Africanus ที่ประเทศแทนซาเนีย เคนยา และเอธโิ อเปีย ซ่ึงเป็นชิ้นส่วนมนุษยท์ ีเ่ ก่าแก่ทีส่ ุดพบในทวีปแอฟริกา นอกจากนี้ ยังพบโครงกระดกู มนุษย์ Steinheim ทป่ี ระเทศเยอรมนี อายุประมาณ 2.5-3.5 แสนปี ยุคก่อนประวตั ิศาสตรส์ รปุ ได้ดังน้ี ✗เ ง ตาม 1 กรอง ใอาด รอ ยุค หินเกา่ ยุคหิน หินใหม่ ยุคโลหะ หนิ กลาง สำริด เหลก็ ช่วงเวลา 2000 4,000 – 2,500 ปี 2,500 – 1,500 ปี 5 ลา้ น – 10,500 ปี 10,500 – 6,000 ปี 6,000 – 4,000 ปี ม ษl ด เบส ยน เครื่องมือ หนิ กะเทาะ หนิ กะเทาะประณีต หนิ ขัด สำริด เหล็ก หนา้ เดยี ว และขนาดเล็กลง (ขวานหินขดั ) (ทองแดงผสมดีบุก) แรงแรง ก า ด l นข าง(เครอ่ื งมอื ฮัวrบเ ีเยนดยี นนา)ม ใ ต → า +บ wunv ชมุ ชน ชมุ ชนล่าสัตว์ (เก็บของปา่ ล่าสัตว)์ ชมุ ชนเกษตรกรรม ชุมชนเมอื ง การ l ไ าหา เ บ l เพาะป ก เ น ' เกษตร → เ อง ตั้งถน่ิ ฐาน เร่ร่อน - ส าง อาหาร วย ต้งั ถนิ่ ฐานถาวร รวมตัวเปน็ ชุมชน เร่มิ การกอ่ ต้งั รฐั ไตน เองไ หรอื อาณาจกั รฐ การ ก ครอง อาณา กร อาศัยอยรู่ วมกัน ขนาดใหญ่ นาจ (อาศยั ตามถ้ำ เพงิ ผา) เป็นชุมชน (มกี ารจดั สรรหน้าที่) (มีชนชั้นทางสงั คม) \" ไหล ก → กรวรร (สงั คมเรม่ิ ซบั ซอ้ น) วทิ ยาการ - การใช้ไฟ - อา ยใน เครื่องจักสาน - การเพาะปลูก* การหลอมแร่โลหะ การพฒั นากองทพั - การฝงั ศพ - ไ อา ย - การเลีย้ งสตั ว์ เชน่ กลองมโหระทกึ (เพราะมีอาวุธ -* วCาMดagภaาleพnlบanนผAนrtังI * l บอก เวลา ท่แี ข็งแรงข้นึ ) - การทอผ้า ห อ สาม l เ ยก นาม ถ้ำหรือเพิงผา i - เครื่องป้ันด.นิ เผาขา บอก ความ 1 อ l / ค น กลาง นม เกษตร วาด ภาพ + สวด ชา แทบ พระเ า , l เ อ ความ ปl ทาง เศรษฐ จ * * ดมสม ร * !! ม ษค ง แรก ของ เกษตร → ๓ สา 3 ปl บ ป 3→ จ น \\ ใ I.7. ้ชับุจัปิตัวิฏัต้ัข่ฏุอ์ยุน้ัร์ณูบุอิกิตัวิฏ้พ้ขูบ่หุย้ข้ม่วัล้ว้ํตัศิดัจุลำอัจัย้ด่ม้ด้รืม็ปูลัก่ล่ลุท้วัห์วัส่ล้ชีวิรำส่ว์ยุนุจัข้ชีม่ขัอัต่ต้ชืม่ืร์ฐิดัม

hvw , มค สาย ษย กปรบ - นุสุ

ส33101 สงั คมศกึ ษา ม.6 บทท่ี 1 ความรู้พืน้ ฐานทางประวตั ิศาสตร์และศาสนาสากล ม ย ใก เ ยง ยุค ยุคหนิ ยุคโลหะ ดม ษ ใน นเ า หินเก่า หินกลาง หนิ ใหม่ สำรดิ เหล็ก l ใคร น ยอง เหตกุ ารณ์ - เพาบ ช ิ ้ → ่ ๓ ก ตาย ย์ - พบการเพาะปลูก *- *Stoสneางheแรnงge กรรม - เมืองโมเฮนโจดาโร นส วนมนุษ หรือ \" ฝ งเศส สำคัญ โบราณ เช่น มนุษย์ และเลี้ยงสัตว์อยู่บ้าง โบสถ์ไร้หลังคาใน และฮารัปปาในลุ่ม ชวา มนษุ ยป์ ักกง่ิ และ แลว้ สหราชอาณาจ ัก ร แม่น้ำสินธุที่จัดอยู่ใน างจาก /มนุษย์หยวนโหม่ว เป็นสถาปัตยกรรม ยุคสำริด แม้จะพบ ง → มวล แสมอง ละมนุษย์นีแอน- เพื่อศาสนาชิ้นแรก จารึกจำนวนมาก เดอร์ทัลทเ่ี ยอรมนี ของมนุษย์ เ อยเรา มา ๆ แต่ยังไม่มีผู้ใดอ่าน จาก ไกล - พบศิลปะแบบ - การเพาะปลูกถือ ออก (ยงั ไม่ถอื วา่ เขา้ สู่ เมกกาเลเนียน คือ เป็นการปฏิวัติทาง สมัยประวัตศิ าสตร)์ ภาพเขียนสีวัวป่าใน เศรษฐกิจครั้งแรก ถำ้ อลั ตามิรา แห่งมนษุ ยชาติ (Altamira) ของสเปน ภาพฝูงวัวและม้าใน ถ้ำลาสกา (Lascaux) ภาพม้า วัวป่า สิงโต และแรดในถ้ำโชเว (Chauvet) ของ ฝรง่ั เศส มนษุ ยโ์ ครมนั ยองทพี่ บในเพิงหินโครมันยองทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝร่ังเศสถือเป็น มนษุ ยย์ ุคหินเกา่ รนุ่ สดุ ท้ายที่มีลกั ษณะเหมือนมนุษยใ์ นปจั จุบันมาก อายุราว 40,000 ปี ยุคประวัติศาสตร์ ยุคประวัติศาสต.ร์เชนาว้นพเมัฒเ นยนาการทางเทคโนโลยีการบันทึกอักษร ยุคประวัติศาสตร์ของโลก สันนิษฐานว่าเริ่มขึ้นโดยชาวสุเมเรียนในอารยธรรมเมโสโปเตเมียจากการประดิษฐ์ตัวอักษรคูนิฟอร์ม www.(Cuneiform) หรืออักษรลิ่ม เมื่อ 3,500 ปีก่อนคริสต์ศักราช จนมีคำกล่าวว่า “ประวัติศาสตร์เริ่มขึ้นท่ี ซเู มอรนแ์”ดน(Hชาisวtoเมrเyยbนe→ginานs ก เ องราว ภาพรวมยุคประวตั ิศาสตร์ของโลกสรปุ ได้ดงั น้ี at Sumer) อารยธรรมตะวันออก อารยธรรมตะวันตก อารยธรรมจนี อารยธรรมอนิ เดยี แบง่ ตามรปู แบบการปกครอง แบ่งตามศนู ยก์ ลางอำนาจ แบง่ ตามเหตกุ ารณส์ ำคญั ของ าน 1 0 ] สมัยโบราณ (*เร่มิ ต้นเมือ่ ชาวสุเมเรยี นประดษิ ฐต์ วั อกั ษรคูนิฟอร์ม และสน้ิ สดุ เมอื่ จักรวรรดโิ รมันตะวนั ตกล่มสลาย) * → สมัยราชวงศ์ : ชาง โจว ฉิน ฮั่น สมยั จกั รวรรดิ (ราชวงศเ์ มารยะ เมโสโปเตเ1ม0ยี ม →อยี ิปตเส์ อกมรงกี การวางรากฐานกษสรกู่ บานรกสระรด้าองงจเ กั ารวรรดิ ' โรมัน รวม เจ ญ อา รบ การสง่ั สมอารยธรรมและความเจริญ กุษาณะ คปุ ตะ), นเ น กรวรร ค ง แรก l ราชวง ง → นะน อง เ จักรวรรดิของชาวอารยัน * ก stop ของ ส ย อน ห า ดจะ เ น start ของ ส ย อไป * 4 ่ตัมุจ็ป้น่กัมุล้ต่รัซิน์ศ้ัริดัจ่ดัอิร่ตัอักัม้บ่ืรัท้บีรุสิดีรุส่ีท่ืร่ลัจ่ต่ัรัม้ชิพ้ร่ัซูล้ข่กิหุส่ีท์ยุนีค้ล่ีทัยุน

ส33101 สังคมศกึ ษา ม.6 บทที่ 1 ความรู้พนื้ ฐานทางประวัติศาสตร์และศาสนาสากล อารยธรรมตะวนั ออก อารยธรรมตะวันตก อารยธรรมจนี อารยธรรมอนิ เดีย แบง่ ตามรูปแบบการปกครอง แบ่งตามศูนย์กลางอำนาจ แบง่ ตามเหตุการณ์สำคญั → เขา แอบ ออกไป เ น เ อ * พบ เมก า ! ก น ความ ด สมัยกลาง*(เร่ิมต้นหลังจักรวรรดิโรมนั ตะวนั ตกลม่ สลาย และสนิ้ สุดเม่ือครสิ โตเฟอร์ โคลัมบสั ค้นพบดินแดนอเมรกิ า)โรป โรปr สมยั ราชวงศ์ : สุย ถงั ซง่ หยวน/มองไกล ดสลุ ตา่ นแหง่ เดลฮี สมยั ศกั ดินาสวามิภกั ดิ์ ผสานจกั รวรรดิ พัฒนาความเจริญ จักรวรรดิของชาวมุสลมิ การครอบงำโดยคริสต์ศาสนาและระบบ จนถกู ชาวมองโกลรุกราน (เชอื้ สายอฟั กาน)+ เ ก ขุนนาง เ มไ ใ น แ จกั รวรรดอิ ินเดยี (ราชวงศม์ ูคัล) สมยั ฟ้นื ฟศู ลิ ปวิทยาการ จักรวรรดิของชาวมสุ ลมิ การฟื้นฟูอารยธรรมกรีกและโรมันสมัย (เชอ้ื สายเตริ ก์ + มองโกล) โบราณ สมยั ใหม่ (เร่ิมต้นหลงั ครสิ โตเฟอร์ โคลัมบัสคน้ พบดนิ แดนอเมริกา และสน้ิ สดุ เมอ่ื จบสงครามโลกครง้ั ท่ี 2) โท เฮา → เ ง มาก สมยั ราชวงศ์ : หมิง ชิง / ค อนแอ สมยั การปฏวิ ตั ทิ างอารยธรรม ' สมัยอาณานิคมองั กฤษ การสำรวจและค้นพบดินแดน การปฏิรูป ขับไล่มองโกล และสิ้นสุดจาขกอกงารน \" ตะ น ออก อนแอ ลง l น+ น ศาสนา การปฏวิ ตั ิวทิ ยาศาสตร์ การปฏิวัติ ปกครองโดยชาวแมนจู อุตสาหกรรม การปฏิวัติการปกครอง และ สงครามโลกครัง้ ที่ 1 และ 2 ยาl วโ น → เ ย Eng สงคราม ชนะ สมยั ปจั จบุ นั (เริ่มต้นเมือ่ เริม่ สงครามเย็นถึงปัจจบุ ัน) สมยั สาธารณรัฐประชาธปิ ไตย สมยั การไดเ้ อกราชและการ สมัยสงครามเยน็ สมัยสังคมนยิ มคอมมิวนสิ ต์ แยกประเทศ ' หลาย ศาสนา มาก สงครามอดุ มการณ์ ง แยกประเทศ ▪ การเทยี บชว่ งเวลาทางประวตั ศิ าสตรไ์ ทย ประวตั ศิ าสตรต์ ะวนั ออก และประวตั ศิ าสตรต์ ะวนั ตก ประวตั ศิ าสตร์ไทย ประวตั ิศาสตร์ตะวันออก ประวัติศาสตร์ตะวันตก - พทุ ธศตวรรษท่ี 12 อาณาจกั รทวารวดี - ค.ศ.476 จักรวรรดโิ รมนั ตะวนั ตกล่มสลาย I เจริญรงุ่ เรอื ง ส ย โบราณ ตะ น ตก จบ นาน แ ว ไทย แ l ง เ น แ มชน ไ เจ ญ 5 ิร่มุช่ก็ปัย่ม่ํงัพ้ลัวัมัขำท้ปีม้ลัหำนัอัข่อัวัข่อุย่กันูช้ทัข่ช่ม่ิรัริตึย้ริดุยิคักัปุย

ส33101 สังคมศกึ ษา ม.6 บทที่ 1 ความรู้พ้นื ฐานทางประวัติศาสตร์และศาสนาสากล ประวตั ิศาสตร์ไทย ประวตั ศิ าสตรต์ ะวนั ออก ประวตั ศิ าสตรต์ ะวนั ตก -*พ.ศ.1826 พอ่ ขุนรามคำแหงประดิษฐ์ - ค.ศ.1294 จักรวรรดิ กบุ ไล ขา่ น สวรรคต - ค.ศ.1r21อ5นอไทังยกฤtษooร่างกฎบัตรแมกนา ลายสือไทย * ' โข ย คารต์ า ' นนาง ง บการการ ชใ ใ บ ปชช . - ค.ศ.1291 ส้ินสุด.สงดครนาแมดคนรเู สสลดาม กฎหามา บ ว เ อง ภา l - พ.ศ.2006 สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ - ค.ศ.1420 พระราชวงั ต้องหา้ มแห่งราชวงศ์ - ค.ศ.1492 คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสค้นพบ ผนวกสุโขทัยรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ หมิงสร้างเสรจ็ ดินแดนอเมรกิ า อาณาจกั รอยุธยา ' เพราะไ น เ น - ค.ศ.1517 มาร์ติน ลูเธอร์นำการปฏิรูป ้ การ ต ย 2 อาณา กร - พ.ศ.2092 สมเด็จพระสรุ โิ ยทัยสิน้ พระชนม์ บนคอช้างในศกึ ตะเบ็งชะเวตี้ ศาสนา - พ.ศ.2135 สงครามยุทธหัตถี - ค.ศ.1632 พระเจา้ ชาห์ ชะฮันแหง่ ราชวงศ์ - ค.ศ.1608 กาลิเลโอ กาลิเลอิประดิษฐ์ มคู ลั เร่มิ สรา้ งทชั มาฮาล กลอ้ งโทรทรรศน์ - พ.ศ.2228 สมเด็จพระนารายณส์ ่งคณะ - ค.ศ.1688 อังกฤษปฏิวัติอันรุ่งโรจน์เป็น ราชทตู ไปเจริญสมั พนั ธไมตรกี ับฝรัง่ เศส ประชาธปิ ไตยประเทศแรก - พ.ศ.2310*เสยี กรงุ ศรีอยุธยาครั้งท่ี 2 * บ พ า - ค.ศ.1750 องั กฤษเร่ิมปฏิวัตอิ ุตสาหกรรม -*พ.ศ.2325 สถาปนากรงุ เทพมหานคร* - ค.ศ.1776 ชาวอเมริกนั ทำสงคราม - พ.ศ.2331 สังคายนาพระไตรปิฎกฉบับ ประกาศอสิ รภาพกบั องั กฤษ ' แ ก า ก งเทพ 6 - ค.ศ.1789 การปฏวิ ัติฝรงั่ เศส ทองใหญ่ - พ.ศ.2398 ทำ*สนธิสัญญาเบาว์ริงสมัย - ค.ศ.1858 อนิ เดยี ตกเปน็ อาณานิคมของ - ค.ศ.1865 สหรัฐอเมริกาเลิกทาสในสมัย ' องั กฤษ - ค.ศ.1860 สิน้ สดุ สงครามฝิ่นระหวา่ งจนี อบั ราฮัม ลินคอลน์ เ รชั กาลท่ี 4* ยอม เพราะ Eng อนไทย 50 นาจ มาก สมัยราชวงศ์ชงิ กับองั กฤษ - พ.ศ.2461Aรัชกาลที่ 6 ทดลองดุสิตธานี - ค.ศ.1911 การปฏิวตั ซิ ินไฮ่ของจนี - ค.ศ.1917 การปฏิวตั ิรัสเซีย เปลีย่ นเป็นปร.ะเชชานธอปิ ไตiย4ส0้นิ สดุ สมยั ราชวงศ์ - ค.ศ.1918 ส้นิ สดุ สงครามโลกครงั้ ที่ 1 เมืองประชาธปิ ไตยจำลอง* - พ.ศ.2482 จอมพลแปลก พิบูลสงคราม - ค.ศ.1941 ญปี่ ่นุ โจมตีอา่ วเพริ ล์ ในฮาวาย - ค.ศ.1939 เร่มิ สงครามโลกครั้งท่ี 2 เปล่ยี นชอ่ื ประเทศ “สยาม” เปน็ “ไทย” - พ.ศ.2489 รัชกาลที่ 9 เสด็จขึ้นครอง - ค.ศ.1947 อินเดยี ได้รบั เอกราชจากองั กฤษ - ค.ศ.1945 สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ราชสมบัติ - ค.ศ.1949 จีนปฏิวตั เิ ปล่ียนเป็นเผด็จการ และเร่ิมต้นสงครามเยน็ คอมมิวนสิ ต์ นำโดยเหมา เจอ๋ ตงุ - พ.ศ.2535 เกดิ เหตกุ ารณพ์ ฤษภาทมฬิ - ค.ศ.1991 สหภาพโซเวยี ตล่มสลาย และ สนิ้ สดุ สงครามเย็น ยคุ สมยั อารยธรรมตะวนั ออก อารยธรรมตะวนั ตก อารยธรรมจนี อารยธรรมอนิ เดยี - โครงกระดกู มนุษย์สไตนไ์ ฮม์ นีแอนเดอร์ทลั โครมันยอง ยุคก่อน - โครงกระดูกมนุษยป์ กั กงิ่ - เมืองโบราณโมเฮนโจดาโร - - ภาพเขยี นสีในถ้ำอลั ตามรี า ถำ้ ลาสกา ถ้ำโชเว ประวัติศาสตร์ - เครอื่ งป้นั ดนิ เผาในวฒั นธรรม ฮารัปปา - Stonehenge ในองั กฤษ หยางเชา–หลงชาน 6 ัปู่ยำอัป่กีมำทัขุร่ว่ก่มักัจัร็ปัว่มีช้ริอิดัยักัก้ช้หัคับุขัทุสีข้ก

ส33101 สงั คมศึกษา ม.6 บทท่ี 1 ความรู้พ้นื ฐานทางประวตั ศิ าสตร์และศาสนาสากล ยุคสมยั อารยธรรมตะวันออก อารยธรรมตะวันตก อารยธรรมจนี อารยธรรมอินเดยี สมยั โบราณ - จารกึ อักษรภาพบนกระดอง - คัมภรี ์พระเวท - ประมวลกฎหมายฮัมมูราบี เต่า และภาชนะสำรดิ - คัมภีร์พระธรรมศาสตร์ - คัมภรี ์มรณะ (Book of the Dead) - สสุ านจักรพรรดฉิ นิ ซี - งานเขียนประวัติศาสตร์กรีก – - ส่ือจี้ (ตำรากฎหมาย และศาสนบญั ญัติ โรมัน เช่น ประวัติศาสตร์สงคราม ในศาสนาพราหมณ์ - ฮนิ ด)ู เปอร์เซยี ของเฮโรโดตสั ประวัตศิ าสตร์ - คมั ภีร์อรรถศาสตร์ สงครามเพโลพอนนีเชียนของทซู ิดิดสี บนั ทึกสงครามกอลของจเู ลยี ส ซีซาร์ (ตำราการปกครองและเศรษฐกิจ) - มหากาพยอ์ ีเลียดและโอดสิ ซี - จารึกพระเจา้ อโศกมหาราช (เสาหนิ อโศก) สมยั กลาง - งานบันทึกประวัติศาสตร์ - ประวัติสุลต่าน ฟีรุส ชาห์ - ประวัติศาสตรข์ องพวกแฟรงก์ ราชวงศ์ เช่น สื่อลู่ (จดหมายเหตุ ตุคลุก (คำแนะนำในสุลต่านแห่ง (อนารยชนผู้สถาปนาจกั รวรรดโิ รมัน อนั ศกั ดส์ิ ิทธิ์ในดินแดนกอล) ประจำรชั กาล) เดลฮีทุกพระองค์ทรงปฏิบัติหน้าท่ี ตอ่ ศาสนาอิสลาม) - มหากาพย์ชองซอง เดอ โรลองด์ - แหลง่ โบราณคดถี ้ำพทุ ธศลิ ป์ - วรรณกรรมของอะมรี ์ คสุ เรา (สดุดีอัศวนิ ของฝร่งั เศสในสมัยกลาง) เช่น ถ้ำหลงเหมินในสมัยราชวงศถ์ งั (กวีในราชสำนกั สุลตา่ นแห่งเดลฮ)ี - ทะเบียนราษฎร (โดยพระเจ้า วิลเลียมที่ 1 แห่งอังกฤษเพื่อควบคุม อำนาจของขนุ นางทอ้ งถิน่ ) - กฎบัตรแมกนา คาร์ตาของ อังกฤษ - หนงั สือแหง่ กาลเวลา (วิถีชวี ติ ชนชั้นของคนในสมยั กลาง) สมยั ใหม่ - วรรณกรรมของโจว ซูเ่ หริน - บนั ทึกประวตั ิของอกั บาร์ - เอกสารคำประกาศอิสรภาพ (หลู่ ซ่นุ ) เช่น บ้านเกดิ ขงจอื๊ กับ - พระบรมราชโองการของ ของสหรฐั อเมริกา สงั คมสมัยใหมข่ องจนี สมเดจ็ พระราชนิ ีนาถวิกตอเรยี - รัฐธรรมนญู แห่งสหรฐั อเมริกา (คำสัญญาในการเข้าปกครองของ - เอกสารคำประกาศหลกั สทิ ธิ องั กฤษแก่ชาวอนิ เดีย) มนษุ ยชนและพลเมอื งของฝรั่งเศส - สนธิสัญญาแวร์ซายส์ (ข้อตกลง หลงั จบสงครามโลกคร้ังท่ี 1) - ประวัติศาสตร์ความเสื่อมและ การส้ินสุดของจักรวรรดโิ รมนั สมยั ปัจจบุ นั - แถลงการณร์ ่วมระหว่างกลุ่ม - ผลงานของมารก์ บลอ็ ก เช่น สังคมฟวิ ดัลทักษะของนักประวตั ิศาสตร์ - งานเขียนประวตั ิศาสตรข์ องนกั ผู้นำประเทศในอาเซียนกับ ประวัติศาสตร์รุ่นใหม่ เช่น ประธานาธิบดีเจียง เจ๋อ หมิน ของจีน ค.ศ.1997 อารยธรรมและทนุ นยิ ม ครสิ ตศ์ ตวรรษ ที่ 15-18 / ศกึ ษาประวัติศาสตร์ 7

ส33101 สังคมศกึ ษา ม.6 ชื่อ_______________บ_ท__ท_่ี_1__ค__ว_า_ม__ร_ู้พ__้นื _ฐ_า_นชทน้ั างมป.6ร/ะ_ว_ตั__ศิ าเลสขตทร์สี่__า_ก_ล_ ม ษท ะ > เ น แ แนว ด / ความ เ น ของ กเฉพาะ ม เ น เ องใด ไ ไ เ น อง เ น ศาสนา l exi ปกครอง รบ V. บ, ' 1 เค อษ d ศาสนา (Religion) หมายถึง ระบบความ.เชื่อที่เป็นศูนย์รวมแห่งความเคารพนับถือของมนุษย์ มีจุดมงุ่ หมายใหท้ กุ คนประพฤติปฏบิ ตั ิดี เพื่อความพ้นทกุ ข์และเป็นที่พึ่งทางจิตใจ ลัทธิแตกต่างจากศาสนา เพราะลัทธิมีขึ้นเพื่อประโยชน์เฉพาะคนบางกลุ่ม ไม่จำเป็นต้องมีหลักคำสอนเกี่ยวกับ ศีลธรรม เนน้ จดุ มุ่งหมายสงู สุดในชวี ติ ปัจจบุ ัน ไม่มีศาสดา และไม่จำเป็นตอ้ งมพี ธิ กี รรม ม1.ลู คเวหาตมุกไมาร่รู้เ(กอิดวิชศชาเาขสา)บนขาสาา→ดrใคนชวา\"านสมกทรฤยาตคู้ วามเขา้ ใจในธรรมชาติหรอื กโารเชเดอกาาิดเมปนษรยานกาจฏกากงากบรายณเห+์ธรอรญมรญมาษณชยาดตลิ นดาล ทพ จงึ เชอื่ ว่ามีเท, พชเาจ,้าอหนรวอือนส→ิ่งศบรกั รพดิส์ ษทิ ,ธญิ์มญีอาำณนนายจม เsหนนือไ ม.นเษุ ขาย์ดลบันดาล 2. ความกลวั เกิดจากความไมร่ ู้ 3. ความจงรักภักดี ความกลัวทำให้เกิดความเสื่อมใสในความศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้าหรือส่ิง ศกั ดิ์สทิ ธนิ์ ำไปส่กู ารเกิดพิธกี รรม เพอื่ เซ่นสรวงบชู าเทพเจ้าหรือส่งิ ศกั ดิส์ ิทธติ์ ามความเชื่อ 1 0 การ ทรมาน ๓ ใจ 4. ความตอ้ งการทพ่ี ่งึ ทางจิตใจและศนู ยร์ rวมกำลงั ใจ 5. ความต้องการหาเหตผุ ล มนษุ ย์ไดศ้ กึ ษาความเปน็ ไปของธรรมชาติให้เกิดความรู้ความเข้าใจ ' ด \\ อบรม ดเกลา ตใจ เ ด ความ เกรงก ว การ ประเภทของศาสนา ▪ แบ่งตามผนู้ ับถอื 1. ศาสนาสากล (Universal Religions) คือ ศาสนาที่เกิดในประเทศหนึ่ง แต่มีผู้ยอมรับนับถือ หลายประเทศทวั่ โลก เช่น ศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดู พระพทุ ธศาสนา ศาสนาคริสต์ ศาสนาอสิ ลาม 2. ศาสนาของชาติ (National Religions) คอื ศาสนาที่เกดิ ในประเทศนั้น และมีผู้นบั ถือเฉพาะ ในประเทศนัน้ เชน่ ศาสนาชนิ โต ▪ แบง่ ตามสภาพการณใ์ นปจั จบุ นั 1. ศาสนาทต่ี ายไปแล้ว (Dead Religions) 2. ศาสนาที่ยังมีผู้นับถือ (Living Religions) เช่น ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู พระพุทธศาสนา ศาสนายูดาห์ ศาสนาคริสต์ ศาสนาอสิ ลาม ▪*แบ่งตามrคคววาามม1เชอือ่ t เรื่องพระเจา้ * 1. ศาสนาเท_ พวรนะเยิ าม (Theism) คอื ศาสนาทน่ี ับถือพระเจ้า มีเช่ือวา่ พระเจ้ามีอยู่จริง เป็นผู้สร้าง mv สรรพส่ิงและลิขิตชีวิตมนุษย์ มีจุดมุ่งหมายสูงสดุ เพอื่ ชวี ิตนิรนั ดร์รว่ มกบั พระเจ้า แบง่ เปน็ - เอกเทวนิยม (Monotheism) คือ ศาสนาที่เชื่อในพระเจ้าองค์เดียว เช่น ศาสนายูดาห์ ศาสนาครสิ ต์ ศาสนาอิสลาม - พหุเทวนิยม (Polytheism) คอื ศาสนาทเ่ี ชื่อในพระเจ้าหลายองค์ เช่น ศาสนาพราหมณ-์ ฮนิ ดู 8 ้จ้ขิผำทัลิกิจัขัขุทีมูภ้ม้ติวุรุบ้อูบิวูภับุนัลึลำอ็ป่วิคิวิว่รีมุน่วัสัถัต่ฏัก็ป้ต็ปำจ่ม้ด็ก่ืร็ปุ่ล์ยุน็ปิค่ค็ปิธัล

r ญ เ ดเ น คน อไ า โลก หนา าย กรรม ไ ด ง โลก ห า ไ เ น อง /r // ีม้ต็ปำจ่ม้นึถูพ่มีธิพีม่ถ่พ่วัม็ปิกุบำท

ส33101 สังคมศึกษา ม.6 บทท่ี 1 ความรู้พ้ืนฐานทางประวัติศาสตร์สากล 2. ศาสนาอเทวนิยม (Atheism) คอื ศาสนาที่ไมน่ ับถือพระเจ้า เชอ่ื ว่าพระเจ้ามีอยู่จริง แต่มิได้ สร้างสรรพสิ่งและลิขิตชีวิตมนุษย์ มนุษย์เป็นผู้ลิขิตชีวิตตัวเอง จุดมุ่งหมายสูงสุดเพื่อรอดพ้นจาก ความทุกข์ เช่น พระพุทธศาสนา ศาสนาเชน องค์ประกอบของศาสนา 1. ศา.สดาวตคนืออ ผจู้กง่อตาตมั้งหหกรฐือานผทู้ปางรปะรกะ าศศาศสาตสนา ซึ่งมีตัวตนอยู่จริงตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ฮินดูท่ไี มป่ , ไราเกจอฏไนาไมไศาส→ดเา)าแ เ น ไป (ยกเว้นศาสนาพราหมณ์ – > 3 ooo 2. *หลักคำสอน** คือ คำสอนเกี่ยวกับศีลธรรมจรรยาที่ศาสดาสร้างขึ้นให้เป็นหลักในการดำเนิน ชวี ิต มีการจดจำหรอื บันทึกเปน็ ลายลักษณอ์ ักษร เกดิ เป็นคัมภรี ์ หลักคำสอนแบง่ ออกเปน็ - ระดบั ศีลธรรม : สอนเรอ่ื งการละเว้นความช่วั ทำความดี เพ่ือความสงบสขุ ของสงั คม - ระดบั ปรมัตถ์สัจจะ : สอนเร่อื งสร้างความสขุ นิรันดร์เพื่อม่งุ ไปสูจ่ ุดมุง่ หมายสงู สุดของชีวติ 3. นักบวช คือ บุคคลหรือสาวกผู้ปฏิบัติศาสนกิจสืบทอดเผยแผ่ศาสนาโดยตรง (ยกเว้นศาสนา อสิ ลามไม่มนี ักบวช)_ เขา ง ศาสนาไ เอง นก บวช ะ > ห าม ประกอบ ศาสนา โดย ไ | 4. ศาสนพิธี คือ การประกอบพิธีต่างๆ ตามแนวความเชื่อของแต่ละศาสนา เพื่อแสดงความเป็น ก ศาสนา หนง่ึ ของศาสนิกชนและสร้างความศักดิ์สิทธ์ิในหลกั คำสอน 5. ศาสนสถาน คือ สถานทีศ่ ักดส์ิ ทิ ธิ์ท่ีใชป้ ระกอบศาสนกิจและศาสนพิธีของศาสนา ประโยชน์ของศาสนา 1. เปน็ ทพ่ี ่ึงและยึดเหนีย่ วทางจิตใจของมนุษย์ 2. เปน็ แนวทางการดำเนินชวี ติ เพ่ือความสำเร็จ และแก้ไขปญั หาในการดำเนินชีวติ อยา่ งมีสติ 3. เป็นหลักจริยธรรมที่สอนให้มนุษย์มีจิตบริสุทธิ์ ยกระดับจิตใจ และพัฒนาให้เป็นมนุษย์ ทสี่ มบูรณ์ 4. มุ่งหวงั ให้เกิดประโยชนส์ ขุ แกท่ กุ คน เสรมิ สร้างความความสามัคคีให้เกิดเอกภาพในสังคม ]- อ งคม 5. เป็นบอ่ เกดิ ของการสรา้ งสรรค์วัฒนธรรม กลายเปน็ มรดกและเอกลักษณข์ องชาติ 9 ัส่ตีมุทำนู้ผ่มิอีม่ม้ดัดัขิก่ก่กีม่ม้ด่ม่ม์ริตัวัลิรู่ยัตีม

ส33101 สังคมศกึ ษา ม.6 บชทื่อท__ี่ _2__พ__ัฒ_น__า_ก__า_ร_ท_า__ง_ป_ร_ะ__ว_ตั _ิศ__า_ส__ต_ร_แ์ _ล_ ะชศ้ันาสมน.6า/ใ_น_โ_ล__กตเละขวทนั ่ี_อ_อ_ก__ บทท่ี 2 พฒั นาการทางประวตั ิศาสตรแ์ ละศาสนาในโลกตะวนั ออก 7อ อารยธรรมตะวันออก ได้แก่ อารยธรรมจีนและอินเดีย จีนเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุดดินแดน มีเหตุการณ์สำคัญหรือความ หนึ่ง หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สามารถค้นคว้าไปบ่งชี้ว่า โดดเดน่ ในแตล่ ะสมยั อยา่ งไรบ้าง อารยธรรมจนี มอี ายุถึง 5,000 ปี ▪ ปัจจัยทีม่ อี ิทธิพลต่อการสรา้ งสรรค์อารยธรรมจนี - ลุ่มแม่น้ำฮวงโห (แม่น้ำวิปโยคหรือ แมน่ ำ้ เห. ลานือตะงก)อนเปแ น็ ป→จั เจอัยทอ ่สีเกง่ษเตสรร+ิมการต้ังถ่ินฐาน ของชนชาติจีนบนพื้นที่กว้างใหญ่ทางภาคเหนือ ของจีนที่มคี วามอุดมสมบูรณ์ + แ แยง ใตอน หลาย อ าง Block ' - เ ท ื อ ก เ ข.า ด ้มา า น ต ะ ว ั นย บ กจาก น 1 ตบ ก แ ล ะ ใ ต้ ใ เ ด การ ท รแปซิฟิกด้าน ตะวันออก ทะเลทรายอ มหากราน ยาก ' r บ อก มอง รถ ม ุ บ น ส โกบีและทุ่งหญ้าตอนเหนือ เป็นปราการ ธรรมชาติที่ป้องกันการรุกรานจากภายนอก มีส่วนช่วยให้อารยธรรมจีนคงอยู่มาต่อเนื่อง ยาวนาน โดยไดร้ บั อทิ ธิพลจากดินแดนอ่ืนนอ้ ยมาก * นให ▪ จนี ยุคกอ่ นประวัตศิ าสตร์ หยาง เขา ➢ วัฒนธรรมหยางเชา อยู่ในยุคหินใหม่ อายุประมาณ 7,000 ปี พบ เครื่องป้ันดนิ เผาลายเขยี หนhสYี รงูปบเอรกข→าคคสณายิต ตน้ ไม้านเชยงขอสไทัตยวต์ ่างๆ และลายเชอื กทาบ หลง ชาน สา ก หยาง เชา ฮาว โห เครอ่ื งป้ันดินเผา ลายเขียนสี หลง ชาน ด น เงา วัฒนธรรมหลงชาน อยู่ในยุคสำริด อายุประมาณ 5,000 ปี พบ muun เคร่ืองปัน้ ดินเผาขัดมนั เงา ใช้แปน้ หมนุ มเี น้ือละเอยี ดและบาง นยิ มทำหม้อ 3 ขา ➢ โลกทัศน์ของชาวจีน ชาวจีนมองว่า*ชนชาติตนเป็นศูนย์กลางของโลก* มีวัฒนธรรมที่เจรญิ เหนือกว่าชนชาติอื่น และหวงแหนในวัฒนธรรมค/วเจามญเจานริญฒขนอธรงรม เครอ่ื งป้ันดินเผา ตนโดยไม่ยอมรบั วัฒนธรรมจากดนิ แดนอ่นื จึงมองวา่ ชนชาตทิ ี่ไมย่ อมรับวัฒนธรรม ขดั มนั เงา จนี เปน็ ชนชาตทิ ีป่ ่าเถ่ือน ซ่งึ ตอ่ มาอารยธรรมจีนได้เป็นแม่แบบของวัฒนธรรมญ่ีปุ่น เกาหลี และเวียดนาม ด อ บแ น\" ำ ตอบ แทน เรา น\" exu หยก , เค อง ➢ การกำเนดิ สรรพสิ่ง คือ สมดลุ ของ 2 ธาตทุ ต่ี รงข้ามกบั ไดแ้ ก่ หยิน (ธาตุ ออ่ น) และหยาง (ธาตแุ ข็ง) เมอื่ ทัง้ สองมาผสมกนั จะเกดิ เปน็ สิง่ ตา่ งๆ ในจักรวาลข้ึน l า งใด ง ห ง มาก เ น ไป ใ เ บ วย → ใ ใน การ แพท 10 ์ย้ช่ปัข้หำทิก่ัน่ัส่ิส้ถ้ึข้รืท่ม้ํม่ร่ืว่ยำ่ก้กัก่ติตัว้ดิรัมัข้บัร่มัห็ล่ีท้ด้ขัขักุริก้หำท่ยีมักัวัลัล่ห้ตัซำ้น่มำน่ต้อำน่ม่ถัข

ส33101 สงั คมศึกษา ม.6 บทท่ี 2 พฒั นาการทางประวตั ิศาสตร์และศาสนาในโลกตะวันออก อารยธรรมจีนสมัยโบราณ (1,776 ปีกอ่ น ค.ศ. – ค.ศ.220) จนี สมัยโบราณอยใู่ นสมัยราชวงศ์ ประกอบด้วย 4 ราชวงศ์ ไดแ้ ก่ ราชวงศช์ าง โจว ฉนิ และฮนั่ แรก ! ▪*ราrชวงศ์ชาง*(1,776 – 1,122 ปีก่อน ค.ศ.) : ราชวงศ์แรกของจีนยคุ ประวัตศิ าสตร์ ของ น ปกครอง * ➢ ลักษณะการปกครองและเศรษฐกิจ ฐนคร s กระจาย นาจ สมยั ราชวงศ์ชางแบง่ การปกครองเป็น*นครเราฐั ก(ชนเผ่า*) เป็นสังคม แค น M\" เกษตรกรรมมขี นาดนอ้ ยใหญก่ วา่ 200 รฐั ศูนย์กลางอย่ทู ี่เมอื งอนั หยาง อาณา กร L รวม มรดกทางวัฒนธรรม :นาจ → kingเน กรวรร xl n ➢→ กรพรร _ เรา ช วง แรก A * อั กษรภาพบนr พระ เอก i. 1. กร ะดองคเชา ขว . * ะด ูกม ัง กร ) ตัวอักษรภาพโบราณ , เต่ า*(กร ของจีนที่เป็นหลักฐานแสดงถึงการเข้าสู่ยุคประวัติศาสตร์ของจีน สันนิษฐานว่าเป็นกระดูกเซียมซีที่ใช้สำหรับเสี่ยงทาย ทำนายโชคชะตา หรอื พยากรณ์เร่อื งราวของกษตั รยิ ์ รวมไปถงึ หยก การนบั ถอื เทพชางตี้ (เทพแหง่ การเพาะปลกู ) อกั ษรภาพบนกระดอง เตา่ สมยั ราชวงศช์ าง ➢ วิทยาการสำคัญ : เครื่องปั้นดินเผา เครื่องมือสำริด การทำ ปฏทิ นิ บอกฤดูกาลตา่ งๆ สำหรับเพาะปลูกและเกบ็ เกย่ี ว การใช้ทศนิยม ▪ ราชวงศ์โจว (จวิ ) (1,122 –ปกครอง ยาวนาน กใน 10 ราชวง 249 ปีก่อน ค.ศ.) : ราชวงศ์ทปี่ กครองจนี ยาวนานท่สี ดุ . ➢ ลักษณะการปกครองและเศรษฐกจิ นาจ อ ใน 0 นนาง - สมัยราชวงศ์โจวแบ่งการปกครองเป็นแคว้นโดยใช*้ระบบ/ศักดินาสวามิภักด์ิ ก* ษัตริย์แบ่ง 1 ดินแดนออกเป็นแคว้นLต่างๆ ให้ขุนนางและหัวหน้าชนเผ่าต่างๆ ถือครองและใช้ประโยชน์จากที่ดิน รวมทั้งแต่งตั้งให้เปน็ เจา้ ผู้ครองนครหรือปกครองแคว้นต่างๆ ขุนนางจะตอบแทนให้กษัตริย์เปน็ เงนิ ตรา หรือผลผลิตตา่ งๆ ศูนย์กลางอยู่ที่เมอื rงเฉนาองอาLนooo(ซีอาน) - ปรากฏ*แนวคr ิดการเ๓ทบียเนนหโอมรสิงส*หวรรรืออาณัติสวรรค์ ซึ่งเชื่อว่าสวรรค์จะมอบอำนาจการปกครองให้ wuvu อรสสวรรค์คน เขาพา อก ฮ่องเต้ ฮ่องเต ้จ ึงม ีฐ านะ เ ป ร ี ย บเส ม ือน เ ป ็น โ / ทรงเป็นเจ้าแห่งแผ่นดินที่อยู่ภายใต้สวรรค์มา wnnn ปกครองบ้านเมืองให้เป็นระเบียบเรียบร้อยและสงบสุข หากฮ่องเต้ปกครองบ้านเมืองโดยไร้คุณธรรม ทำให้ประชาชนเดือดร้อน ส ว ร ร ค ์ จ ะ เ พ ิ ก ถ_ อนอปชช าณัติสม กบตรย ว ร ร ค ์แ ล ะ ม อ บ ใ ห ้ บ ุค ค ล อ ื ่ น ท ี่ ม ี ค ุ ณ ธ ร ร ม ป ก ค ร อง . แทน แนวคิดการเมอื งนี้ส่งผลใหแ้ ผ่นดนิ จนี เกิดการแย่งชิงอำนาจและเปลี่ยนราชวงศ์บอ่ ยคร้ัง ➢ มรด.กเ ทนางวัฒนธรรม *ยุคแห่งปรัชญาเมธ*ี คือ ยุคทองแห่งภูมิปัญญา เป็นยุคที่ยกย่องคนมีความรู้ เกิดจากปลาย wunrvw ส* มัยราชวงศ์โจว*เกิดความแตกแยกและวุ่นวาย เนื่องจากแต่ละแคว้นพยายามสร้างความยิ่งใหญ่ จนนำไปสู่สงครา.มยราวณนารนัฐหล(Wายaอrยring State) ทำให้มีนักปราชญ์ที่พยายามเสนอทางออก เพื่อแก้ปัญหา ความแตกแยกภายในแผ่นดินจีน นักปราชญ์คนสำคัญ ได้แก่ ขงจื๊อr ค(รลอัทบคธิขวง, บจรื๊อร)พแลษะเล่าจื๊อ (ลัทธิเต๋า) + ฟาเ ย / ซง่ึ สง่ มีอทิ ธพิ ลต่อระบบความเช่อื คา่ นยิ ม และปรชั ญาของสังคมจีนมาจนถึงปัจจุบัน ห ก ธรรม ยม ธรรมชา มษ วความ → กรอบ งบ 11 ัคับีม่ัชีม์ยุนิติน้ต่พัลันุรุบัรัข้ร่ด้ลัล่ีท์ค็ปัรัป๊ขู่ย็ปุขัมู่ยำอ์ศุสุยิดัจิดัจ่ดำอัจ้วำอัรุส้ลัจ

ส33101 สงั คมศึกษา ม.6 บทที่ 2 พฒั นาการทางประวตั ศิ าสตร์และศาสนาในโลกตะวันออก ครอบค ว , บรรพ ษ ำ\"\" 2 ท ห ก คน นใ รง ๓ เราหา ธรรมชา เสพ ลปะ × การ กษา .ลัทธิขงจอ๊ื \" าน งคม ลัทธิเตา๋/ , อ1 ' ตรง าม บบง ควร นำ อก บ อ ตอน งแสดง บทบาท น งคม นวาย ร และ น สถานภาพ เน้นความ/ สัมพันธ์ของบุคคลในสังคมจีน 5 ประการ ได้แก่ เน้นการดำเนินชีวิตที่เรียบง่าย จักรพรรดิกับราษฎร บิดากับบุตร พี่กับน้อง สามีกับภรรยา ให้มนุษย์เข้าใจ ยอมรับ และ และเพื่อนกับเพื่อน โดยบุคคลนั้นต้องปฏิบัติหน้าที่ให้ ปรบั ตวั เข้ากบั ธรรมชาติ เหมาะสมกับสถานภาพตามโครงสร้างทางสังคม เคร่งครัดในระเบียบแบบแผน พิธีกรรม และจารีตประเพณี ไม่ยึดระเบียบแบบแผน ต่อต้าน โบราณ (แนวคดิ เปน็ แบบอนรุ กั ษน์ ิยม) กฎเกณฑ์ เนน้ ความกตญั ญูตอ่ บรรพบุรุษ เคารพผอู้ าวโุ ส ใหค้ วามสำคญั เขา้ หาธรรมชาติ รกั ษาสมดุลของ กับครอบครัว เน้นความสำคัญของการศึกษาและคุณธรรม ธรรมชาติ หลีกหนีสังคม ปฏิเสธ ทำใหส้ งั คมจีนยกยอ่ งผู้ที่มีการศึกษา เชน่ ครูอาจารย์ บัณฑิต การศกึ ษาและประเพณี จอ.หงารวานชกาขรนุ นาง เป็นตน้ มีอทิ ธพิ ลตอ่ ชนช้ันปกครองจีน เชน่ จักรพรรดิ ขุนนาง มีอทิ ธพิ ลต่อศลิ ปินและกวีจีน ถอื เปน็ หลักสำคัญในการดำเนินชวี ิตของคนจีนจนถึงปจั จบุ นั มีลกั ษณะ*ตรงข้ามกับลัทธขิ งจ๊ือ* ➢ วิทยาการสำคัญ : ความรู้ด้านการแพทย์ (ฝังเข็ม) แม่เหล็ก การนับเวลา (พบว่า 1 ปีมี 365¼ วัน) การประดิษฐ์ตะเกยี บคบี อาหาร และขุดคลองชลประทานเพอ่ื การเกษตร กรวรร น เเ อว → 15 ฐ→ เอง 206 ปีกอ่ น อลาย บง o▪gราชวงศ์ฉิน . (221 – ค.ศ.) : ราชวงศ์ที่สถาปนาจกั รวรรดิจีน (จนิ๋ ) ➢ ลกั ษณะการปกครองและเศรษฐกจิ - สมัยราชวงศ์ฉิน จักรพรรดิจิ๋นซี (ฉินส่ือหวงต้ี) รวมแผ่นดินต่างๆ ให้เป็น w ปึกแผ่นและมีเอกภาพครั้งแรกโดยการสถาปนาจักรวรรดิจีน กำเนิดระบอบ wmvwunrnnv สมบูรณาญาสิทธิราชย์ขึ้น ผู้ปกครองมีฐานะเป็นจักรพรรดิ (ฮ่องเต้) รวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลางโดยให้ มณฑลต่างๆ ขึ้นตรงต่อเมืองหลวง (ฉางอาน) มีการเกณฑ์แรงงานทำงานก่อสร้างและเป็นทหารอย่าง เข้มงวด รวมไปถึงต่อต้านปรัชญาเมธี มีการเผาตำราขงจื๊อมิให้เผยแพร่ ฆ่านักปราชญ์ที่อ่านตำราขงจื๊อ เปน็ จำนวนมาก * เ ด ส ย ราช วว โจว แ มาใ ใน น * - สมัยราชวงศ์ฉินใช้หลัก_ นิติธรรมนิยม (ฟาเฉีย) เป็นกฎหมายหลักในการปกครองอย่าง เคร่งครัด ซึ่งเกิดขึ้นตอนปลายสมัยราชวงศ์โจว มีความเชื่อว่าโดยธรรมชาติมนุษย์ชั่วร้าย ดังนั้น รัฐจึงต้องใช้อำนาจเด็ดขาด และใช้กฎหมายที่รุนแรงในการควบคุม โดยการลงโทษผู้กระทำผิดและให้ รางวลั แกผ่ ทู้ ำความดี ซ่ึงนำไปใชเ้ ปน็ หลกั การของกฎหมายจนี ในเวลาตอ่ มา พยายาม ใ เ ห อน น หมด ➢ มรดกท. างวัฒนธรรม สร้างมาตรฐานจักรวรรดิให้เป็นเอกภาพ เช่น ภาษาเขียน ระบบชั่งตวงวัด เงินตรา ระบบ ภาษี ซงึ่ กำหนดใหใ้ ช้เปน็ แบบเดยี วกนั ท้งั จกั รวรรดิ เพอ่ื ให้เกิดความเป็นอันหนึ่งอันเดยี วกนั 12 ัก่ม้หำท์น้ชำน่ตัมิก้ขำท้ต่ํฝัซ้ิจ้ดุนีมิดัจัรัข้ขู่คักัก่ึซุ่วัส้กันัล็ก้ขัก้ขัส้ดึศิศิต่วัชำด้ชัข่ีทัลิธัล้ึรุรุบัร

ส33101 สังคมศกึ ษา ม.6 บทท่ี 2 พัฒนาการทางประวัติศาสตร์และศาสนาในโลกตะวันออก ➢ วิทยาการสำคัญ : - กำแrพเกงณเมแือรงงงจาีนนไปสร้างเพื่อปอ้ งกนั การรุกรานของอนารยชนเผ่า murrv ทางตอนเหนือ โดยสร้างต่อจากแนวกำแพงที่มีต้ังแตส่ มัยราชวงศช์ างและ เชื่อมต่อเป็นแนวมีความยาว 21,196.18 กิโลเมตร (รวมระยะที่สร้างเพ่ิม ในสมัยราชวงศ์หมิง) ถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในสมัยโบราณที่ยังคง สุสาน จิ๋นซีฮ่องเต้ ความสมบูรณอ์ ยู่ ปราก*ฏ*แ/นวปคกดิ ญโญลากณหทลหางั รความตาย** - สสุ านจ๋ินซฮี ่องเต้ เมอื งซีอาน อ น 400 → แ น าน ก าง มาก บง (206 ปกี อ่ น ค.ศ. ถงึ ใ ราชวงศ์ฮน่ั_ . ค.ศ.220) ▪รอบ ราชการ สายไหม/ ➢ ลักษณ. เะกนาi.รปกครองและเศรษฐกจิ - จ ี น ใ น ส ม ั ย ร า ช ว ง ศ ์ ฮ ั ่ น ป ก ค ร อ ง แ บบ* รั ฐ • ข้าราชการA เ*ริ่มมีการสอบเข้ารับราชการ (จอหงวน) และฟื้นฟูลัทธิขงจื๊ออีกครั้งโดยใชm้ตำrรnาvขงwจื๊อเป็นตำรา หลกั ในการสอบ เ น ด ความ สามารถ เ อ เน นใน งคมไ เส * - เศรษฐกิจในสมัยราชวงศ์ฮั่นเกิดเส้นทากก จากการรบ ง dhhhht องสนาพยวไกหซมงห(Sil*k Road) เป็นเสน้ ทอามางใกเารนคกาา้รทาางบกโบราณ เส้นทางสายไหมทางบก (โบราณ) และทางทะเล whn * *ไ ดานียเมเปโสอรบ์เซียป * เริ่มจากเมืองฉางอานและเชื่อมต่ออารยธรรมตั้งแต่จีน อินเ mvw กรีก และโรมัน นำไปสู่การ แลกเปลี่ยนอารยธรรมและสินค้าระหว่างโลกตะวันออกกับโลกตะวันตlก าจขีนายใช้เบสจา้นกท๓าว ง๓น7ี้ใ๓นวกOารขยาย ะการค้าผ้าไหม เครือ่ งลายครามเครอ่ื งเทศ และหนงั สตั ว์ ➢ มรดกทางวฒั นธรรม - ภาพวาดทิวทศั น์ธรรมชาติ (อิทธพิ ลลัทธเิ ต๋า) นิยมวาดลงบนผ้าไหม แผน่ หิน และหลมุ ฝังศพ _ - ตำราประวตั ิศาสตร์ของซือ หมา่ เชยี น (บดิ าแห่งประวตั ิศาสตรต์ ะวันออก) คือ ส่อื จี้ - พระพุทธศาสนาเรมิ่ เผยแผจ่ ากอนิ เดยี เข้ามา ➢ วิทยาการสำคัญ*: *ประดิษฐ์กระดาษ* *(ชนชาติแรกของโลกในปี ค.ศ.105) พู่กัน เข็มทิศ (ใช้ใน การเดินเรือและการทหาร) ลูกคดิ เครอื่ งวัดแผ่นดนิ ไหว การถลุงเหล็ก ประวตั ิศาสตรจ์ ีนหลังสมยั โบราณถงึ สมยั ปจั จุบัน สมัยราชวงศ์ของจีนตั้งแต่หลังสมัยโบราณ ประกอบด้วย 6 ราชวงศ์ ได้แก่ ราชวงศ์สุย ถัง ซ่ง หยวน หมงิ และชิง หลงั จากนั้นกส็ ้ินสดุ สมยั ราชวงศ์ เขา้ สู่สมยั ประชาธิปไตยและสมยั คอมมวิ นสิ ต์ ราชวงศ์ ลกั ษณะการปกครอง เหตุการณ์สำคญั สมัยสามกก๊ (ก่อนสุย) - สมัยแห่งความแตกแยก หลังราชวงศ์ฮั่นเสื่อม เกิดการแย่งชิง mrnrnnn ค.ศ.589|สยุ อำนาจและนำไปสู่ความแตกแยกเป็น 3 กลุ่ม คือ ก๊กวุ่ย ก๊กฮั่น – 618 และก๊กอู๋ หลังสมยั สามก๊กต่อมาราชวงศ์สยุ ปกครองจนี เวลาส้ันๆ 1 น 3o นเ ด จ ง ห ง ราชวง ม ๆ 13มา เ ยน ปลาย ราช งหยวน ัวีขำน่ล่ัฮ์คัลิริกัป้ัสัร้ค์ติยีอัก่ผ่ม้ค็ป้ช่ตูนัก้ปุบุบีร้ดัส่ัช้ลัว้น่ด้ช้ว่ถ่ผัป้ขูฟัฟิวุลำท์ฑ

ส33101 สังคมศกึ ษา ม.6 บทท่ี 2 พัฒนาการทางประวตั ศิ าสตรแ์ ละศาสนาในโลกตะวนั ออก คทอง ราชวงศ์ ลกั ษณะการปกครอง เหตกุ ารณส์ ำคญั ถงัง ทอง - ย* ุคทองของศิลปวัฒนธรรมจีน*โดยเฉพาะด้านวรรณกรรม ง พ ทรง ศลิ ปกรรมและพระพทุ ธศาสนา ' เ นแ แบบ ญป . เกาห ' พา w มหายาน นมา บ อ / ค.ศ.618 รวม กรวรร - รับเ_อางพพรระ ะบพุทธว ศาสนามาจากอินเดีย โดยพระเสวียนจังเดินทาง – 907ขยาย อาณาเขต ะไตรปิฎงทาง ๓ใจ ่าดนาเยสใ อ ' ' ก→ ผ บง าง สา ย ไห ม รับมาประดิษฐานท่ี วงเ ดทวาราว ไปศึกษาพร ้นท จีน และแปลพระไตรปฎิ กเปน็ ภาษาจนี - วทิ ยาการสำคญั คือ*ดหนิ งปอืน*และ*ธ.นในบคตั วรแร*ก(จขอีนงเโรลิ่มก ใช้เป็นชนชาติแรก) - ซง่ - ยุคทองของจติ รกรรมจนี เกดิ *เครือ่ rงมเครดลกือบลญา๓ยตค. รอานมปวศ . า ทางทะเล , (ซอ้ ง) - ฟนื้ ฟลู ัทธิขงจ๊ือ ผสมผสานแนวคดิ ลัทธิขงจือ๊ เตา๋ และศาสนาพทุ ธ เค อง เคส OV , - เกิดธรร.มงเบนอียกชมนกานร,รเ ัดาสขวอ้ ยเท้าของสตรี ค.ศ.960ด อเ าสต – 1279 - ว ิ ทย า ก l รกสนำเคห ั ญน → กเ ประา หลาย น ์ แ ท ่ นเ พด ิ มพ์ การอน turope า คือ ดิษฐ , เจง ส าน ขยาย อาณา กร ตอ่ เรือ ใช้เขม็ ทศิ แม่เหล็กในการเดินเรือ รักษา อ . โรคดว้ ยการฝังเขม็ ประดิษฐล์ ูกคดิ ปืนใหญ่ เชคประเทศ เพราะ ก มอง โกล ครอง หยวนเบน มอง ไกล × น\\ จกั รวรรดิม\\องโกล - ยา้ ยเมืองหลวงไปอยู่ทป่ี กั กิง่ วางผังเมอื งเปน็ อยา่ งดี ตรง ส ย / ภาพ อาหาร เ น ไป ตา สปา 11 ๓ (ราชวงศ์แรกท่ี โข ย ค.ศ.1279 - ชาวตะวันตกเข้ามาติดต่อค้าขาย เช่น มา. ร์โค โปโล พ่อค้าชาว wuhhhv – 1368 ชนชาตอิ ืน่ เข้า อิตาเลียนที่เข้ามาทำการค้าในจีนและได้บันทึกเรื่องราวต่างๆ * ปกครองจีน) ถือเปน็ ชาวยโุ รปคนแรกท่เี ดนิ ทางขา้ มทวีปมาเอเชียได้สำเรจ็ - เริ่มแลกเปลี่ยนอารยธรรมกับตะวันตก โดยเฉพาะศาสนาคริสต์ ก า ขวาง* เ น กรวรร ก า ก กรวรร และรบั ชาวต่างชาติเขา้ รับราชการในราชสำนัก ใน ปง ศ . โลก * * ไ ก า น เ น น กลาง - ขยายอำนาจส่ภู มู ิภาคเอเชียตะวันออกเฉยี งใต้ โลก - เริ่มการติด.ตอ่อทนราางมกพายรายทาูตมกับกไอมาตณาจักรสุโขทัย ในสมัยจักรพรรดิ 1 มา โรค เลย เ า มา การ เ น เ อ → เ ง เหอะ กุบไล ข่านดำเนินการค้าในระบบบรรณาการ (จิ้มกอ้ ง) ชาวจนี เขา้ ปกครอง - ยุคทองของสถาปัตยกรรมจีน เกิดการสรา้ งพระราชวังปักกิ่งหรือ , หมงิรอบ โลก ตรงส ย ค.ศ.1368 อีกครั้งหนึ่ง (ขับไล่ พระราชวังตอ้ งหา้ ม อ ธยา – 1644 ชาวมองโกลออกไป) - ฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมจีน กลับไปเลียนแบบงานศิลปกรรมสมัย อำ าม แพง ! ราชวงศ์ถัง มีความเป็นอนรุ กั ษน์ ยิ มสงู ต่อต. า้ โนกนชาดวมาตา่ งชาติ งแเรหกขอองบสุกลกเบเิกนกเาอรไส → ตะ น ตก ่นสำกมอง ป เสธ* -*น าย_ พเ ลนเคจนิ้ ำรวจดินแดน เรอบโลก ป็ นมหานาย พล ขนันทชาีทว ี . เรือขนาดใหญ่ออกสำรวจดินแดนจนถึงชายฝั่งตะวันออกของ พระราชวังต้องห้าม แอฟรกิ าใช้เวลา 28 ปี เป็นชว่ งที่การค้าระบบบรรณาการเฟ่ืองฟู หลังจากน้นั จีนก็ปดิ ประเทศ เพราะกลัวอิทธิพลของชาติตะวันตก - วทิ ยาการสำคัญ คือ การค้าทางทะเลและการตอ่ เรือทร่ี ุ่งเรอื งมาก จกั รวรรดขิ อง - เผชิญ/ เกพับราภะเัยนคอุกคกาชมนจยมากมาลกัทไปธิจักรวรรดินิยมของตะวันตก ซึ่งเป็น / ชงิ โยกชาวแมนจู, น เห ยใก hN hrhv เกาห ตรง ส ย ury ช่วงท่ีกลบั มาตดิ ตอ่ คา้ ขายกับชาติตะวนั ตกอีกครงั้ (เชง็ )ปลาย อ ธยา - ตน ตก ฑํ่ น กวาง งl การ า ระบบ ง l าขาย าน โคหอง ไ ด อ โดย ตรง กเ น สาน ค ง ว 14 ัห่ึร็ปัถ่ติต่ม่ผ้คุ้ต่คัขัรุยีล้ลันัจัมัรุน็ปิฏิลุมัท้ขัว้ดืริด่ีท็ปึยำก้ด่ตุยัม้ิจ้ร่ด้ขีรูผุข่พ์ยูศ็ปัจ่ว่ย่มิดัจุท่ว­ง้ว่ีทิดัจ็ปัทุสำกำล่อ็ปำนัมัขำ้ยูถัจ่ขีก่กิกัว่ทัร็ม่ิลีร่ท้ขัร้ท้ัช่บ้ร้ค่กัคำสัรืสันีดิก่ช้ข้ช้ทุสัจ่ึพ่ีท้ัขำชัก่ัสิดัจีล่ม็ป้กันัหัถัถุย

ส33101 สงั คมศกึ ษา ม.6 บทที่ 2 พฒั นาการทางประวัติศาสตรแ์ ละศาสนาในโลกตะวันออก ราชวงศ์ น โกน งกฤษ ง บ เหตุการณส์ ำคญั - จีน/แพ้สงอคนรามฝิ่นกับอังกฤษ จึงถูกบังคับให้ทำสนธิสัญญา ชงิ (ราชวงศ์ของ นาr นเ กน ิงนในแบปบี ของ ตะ น ตก ✓ ประเทศ น ชนชาตอิ นื่ ) (ต่อ) ค.ศ.1842 ซ่งึ มสี าระสำคัญดงั น้ี สนธิสัญญานานกงิ ค.ศ.1644 กบฏไทผ่ ิง 1. ยกเลิกการการคา้ ผูกขาด (ก้งหอง) เปน็ การค้าเสรี – 1911 กบฏนักมวย 2. กำหนดภาษีขาเข้าในอตั ราต่ำและแนน่ อน 3. เปิดเมอื งท่า 5 แหง่ ให้อังกฤษทำการคา้ โดยเสรี 4. การคา้ ฝน่ิ เปน็ ส่ิงถูกกฎหมาย ทำได้โดยเสรี ถือเปน็ ยารกั ษาโรค ยกเกาะฮ่องกงใหอ้ งั กฤษ/เชงก่าฤนษฬาตนม นา จาก เกาะไ อะไร 5. ค.ศ.189817 99 ปี ต้งั แตป่ ี 6. เสียสทิ ธิสภาพนอกอาณาเขต ง ส น ธ ิ สrัญeญx า. เนหานอนกเิงขเาป ็ ต ้น แบ บ ของ ส น ธ สิ ั ญ ญ าที ่ ชาติ ต ะว ัน ตก ทำ น กับชาตอิ นื่ ในเอเชยี ในลักษณะเดียวกัน - เกิดความวุ่นวายภายในประเทศ เชน่ ทก ใ่ผนิ ปวส. น น อ าน แบน + ตะ น ตก 1.การ กบฏนแรง ไ ิ - า ี ั ิ ้ ต ่ อ ต ้ า น ผ ู ้ ป ก ค ร อ ง ช า ว ง เก ด กช า วจ นที่ร ก ชา ต ได จ แมนจู และไม่พอใจชาติตะวันตกที่เข้ามารกุ ราน เกิดการทำลาย เจดยี ก์ ระเบื้องนานกงิ 2. ก_ บพรฏะนนางักมโวทยเฮาเกกิดใยจ1าอกงชหางวจีนต่อตา้ นชาวตะวันตกและชาวจีนที่ เข้ารีตนบั ถือศาสนาคริสต์ 3. จีนทำสงครามแพ้ญี่ปุ่น ต้องทำสัญญาชิโมโนเซกิ ยกเกาหลี ใหแ้ กญ่ ่ปี ุ่น วรรณกรรมจีนสำคัญในยุคราชวงศ์ ได้แก่ ตำราขงจื๊อ (แต่งขึ้นสมัยราชวงศ์โจว) สามก๊ก (แต่งขึ้นสมัยราชวงศ์ หยวน) ไซอิว๋ (แต่งขน้ึ สมยั ราชวงศ์หมิง) ความรกั ในหอแดงหรือหงโหลวเมิ่ง (แตง่ ข้ึนสมยั ราชวงศ์ชิง) ▪ สมยั ประชาธปิ ไตย (ค.ศ.1911 – 1949) ดฺร.ซุนป ต→เ เ จัดตจ การ กษา ตปท . - ยั ซน ัน น ิ บ า ต (ตงเหมิงหุ้ย) นำการปฏิวัติ wu wnn ั้งส มาคมส ซินไฮ่ในปี ค.ศ.1911 เพื่อโค่นล้มจักรพรรดิอ้ายซิงเจี่ยหรอ ฝูอี้ (ปูยี) ของ w ราชวงศ์ชิงที่ยอมอยู่ภายใต้อำนาจของญี่ปุ่นกดขี่คนจีนเป็นอย่างมาก mrr และเปลี่ยนประเทศเป็นสาธารณรัฐจีน ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย โดยประกาศลัท. ธิไต3 รนโรยาบษายฎร์ ประกอบด้วย หา ลักเอกราชของชาติ (โค่นล้ม แมนจู) ห2 ลักอธิปไตยเป็นของประชาชน (ตั้งสาธารณรัฐ) และ3หลักความยุติธรรมในการครองชีพ (ช่วยเ.หลดือสรครนยนาใกจน) ตชาว นา ่อมาได้จัดตั้งพรรคก๊กมินตั๋ง แ บญจง จาก แ ล ะ ใ ช*้ห ล_ ั เ าอธ2ิป ไต ย*ใ นกา ร บ ริ ห า รป ร ะเทศ ก (บริหาร นิติบญั ญัติ ตลุ าการ สอบแขง่ ขัน และตรวจตราควบคมุ ) เพื่อมอบอำนาจอธิปไตยแก่ราษฎร เ งอ ดน ไ ใคร า เหมา w w w {w 15 ๊ัห้ิตัช่ข่ีซุซ้ข่บ้หิด่ีทัจีมึศ็รำสู้ผิตัวิฏำนู้ผัล้ขัชีสู้ซัวูข้ต่ตัจัจุสุรฺฎัรัวืมีม่มัอัอ่กำทัว้ต็ป่ิฝ้ืซัคับัอ้ข

ส33101 สังคมศกึ ษา ม.6 บทท่ี 2 พฒั นาการทางประวตั ศิ าสตร์และศาสนาในโลกตะวันออก งน ด เบน มา r เพราะ เ นไ ตลอด ๓ ในใจ จ ง องการ เ น ก → ตาย อน - ห\\ ยวน ซื่อ_ไข่ อดีตแม่ทัพของราชวงศ์ชิง ได้ร่วมมือกับ ดร.ซุน mrn ยัตเซน เป็นผู้นำกองกำลังปฏิวัติซินไฮ่ และดำ ร งตำ แหนยอม ่ง ป ร ะธ า น า ธ ิ บ ด ี ค น r แรกของสาธารณรัฐจีน ภายหลังกลับฟื้นฟูร.ะบงบจคน ักดร!พรรดิขึ้นมาอีกคร้ัง เนื่องจากต้องการสถาปนาตนเองขึ้นเป็นจักรพรรดิขึ้นปกครองไปตลอด แต่ก็ เสียชีวิต. ในปีานมา ค5.ศ.1916 ต่อมาจีนเข้าสู่ยุคขุนศึก เกิดความแตกแยก ภายในประเทศ แ กรม ว ส เหมาเ อ ง _ ประชา ปไตย -- เจีย. งกไคองเชนก ด เซน ขึ้นเป็นผู้นำจนี และผู้นำพรรคก๊กมนิ ต๋ัง สืบต่ออุดมการณ์ของ ดร. mv คน แรก ผู้ปราบขุนศึก ซุน ยัดเซน ที่เสียชีวิตลง และพยายามรวมแผ่นจีนให้เป็นปึกแผ่นอีกครั้ง แต่รัฐบาลของเจียง ไค เชก ก็ประสบปัญหาฉ้อราษฎร์บังหลวง กดขี่ราษฎร และปราบปรามพรรค คอมมิวนิสต์อย่างรุนแรง ทำให้เกิดความแตกแยกในจีนกลายเป็นสงคราม กลางเมือง ประชาชนจึงหันไปสนับสนุนเหมา เจ๋อตง ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ แทน ในที่สุดพรรคคอมมิวนิสต์ได้ปฏิวัติจีนอีกครั้งในปี ค.ศ.1949 และบุกเข้า ยึดการปกครองได้สำเร็จ ฝ่ายของเจียง ไคเชกพ่ายแพ้จึงย้ายสาธารณรัฐจีนมา จดั ตง้ั รัฐบาลพลัดถิ่นทไี่ ต้หวัน (เกาะฟอรโ์ มซา) ▪ สมยั คอมมิวนสิ ต์ (ค.ศ.1949 ถงึ ปัจจุบัน) - เหมา เจ๋อตุง ประธานพรรคคอมมิวนิสต์แห่งสาธารณรัฐประชาชน wunm wuunnvw จีน ได้สถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน ปกครองด้วยระบอบเผด็จการ คอมมิวนิสต์ ยึดหลักพึ่งตนเอง ใช้ระบบนารวม ปฏิวัติอุตสาหกรรมแบบก้าว กระโดดไกล_ แโดยระดมดประเทศราษฎรเพื่อเร่งการผลิต และดำเนินการปฏิวัติ hhhhhl แ ใ แรงงาน คน เน้นการสร้างความเท่าเทียมในสังคม เพื่อทำลายจารีตศักดินาไอ ประบบนารวม →กแ นใเาน ฒนธรรม วัฒนธรรม ในช่วงปี . ๆ ค.ศ.1966 – 1976 ฐ แบบ าวกระโดด ดประเทศ r , การแบ่งชนชั้น และผู้ท่ีไม่เห็นด้วยกับพรรคคอมมิวนิสต์ โดยเฉพาะผู้ที่สนับสนุนแนวคิดทุนนิยม โดยใช้ เยาวชนขบวนการพิทักษ์แดง (Red Guard) เปน็ กำลงั สำคญั เสี่ยวผิง ประนเจ คอม ว - เติ้ง/ ญ ชน แบบ แ รร ม า ธ ิการ ท ี ่ปร ึก ษ า ส่ วน ก ลา งแ ห ่ง พร รคค อมมิ ว นิ ส ต์ ของจีน ธานคณะกอนคลาย ลง ดำเนินนโยบาย 4 ทันสมัย ได้แก่ การพัฒนาด้านเกษตรกรรม อุตสาหกรรม การป้องกันประเทศ และ www. มาระบบ (ระบบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ผสมนโยบาย วิทยาศาสตร์–เทคโนโลยี และบริหารประเทศด้วยนโยบายหนึ่งประเทศสอง า ประเทศ - งไ เวร ญ → คอม a ' เจ ญแ ว → เศรษฐ จ2 ระบบ เศษ บ ย hhrvw ระบบทนุ r นเศิยรมษฐ) โจดเจยทญำการเปดิ ประเทเศศรษแฐละจไ เจ ญ wu ค.ศ.1989 เกิดวิกฤตการณ์ เทียนอันเหมิน นักศึกษาและ เ ดำเนินการค้าเสรี ส่งผลให้ปลายทศวรรษที่ / น การ ประ วง ค ว ยา 1970 จีนก้าวขึ้นมาเป็นชาติมหาอำนาจทาง ประชาชนรวมตัวกันเรียกร้อง \\ เ งปราบปราม เศรษฐกิจมากขึ้น แต่ยังไม่เปลี่ยนแปลง ปชช . การปกครองเปน็ ประชาธปิ ไตย ประชาธิปไตย แต่ไม่สำเรจ็ ปจั จบุ ันจนี ไดฐ้ านเศรษฐกิจคนื คือ ฮ่องกง (ได้คนื จากอังกฤษปี ค.ศ.1997) และมาเกา๊ (ได้คืนจาก__โ_ป_ร___เ_ก_ส_____ ปี ค.ศ.1999 ถอื วา่ สนิ้ สดุ ยุค___ก_ร_ว_ร_ร____ย__ม_ต__ะ__น_ต_)ก แผน การ 16 ก ชวน ตอนบนj → ปรก ปชช ปไ วน ส /\\ / นรก ร v. สาน อ อไ เชค ชน เหมา 1 ๓ ง - ~ nw ~/ ง ไ ัถ่ข้ัต๊ัฑฺพ่ต่ข้ืซ้มัวันิดัจุต้ิตำนัร้ท็ปิริกิร่มิกันุท้พิก้ลิริม่มัย่ผ่ตัมิรัขัวิตัวิฏับ้ช่ต้กัก่ท้ห่กัปัรัข่ติธัยุซ้นูลุต๋จ้นัม้พัป่ผิผ่ึพ่กัจ็ป้ติรึพัยุซัว้ัช้ด็ป

ส33101 สงั คมศึกษา ม.6 บช่ือท_ท_่ี_2__พ__ัฒ__น_า__ก_า_ร_ท__า_ง_ป__ร_ะ_ว_ัต__ิศ_า_ส__ต_ร_แ์__ละชศ้นั าสมน.6า/ใ_น__โ_ลกเลตขะทวนั่ี__อ_อ__ก เ าแ เห อน น ตรง มแ เา / r rอ ท yป - เอเ ยใ ด ใน โลก 7อ ราก พ ยว น ▪ ปัจจยั ทม่ี ีอทิ ธพิ ลตอ่ การสร้างสรรคอ์ ารยธรรมอนิ เดยี n Hindu → Sindhy ลุ่มแม่น้ำสินธุ (ประเทศปากีสถานปจั จุบนั ) ตั้งอยู่ b India ← Indus ทางทศิ ตะวันตกเฉยี งเหนือของอนิ เดยี เป็นปจั จัยที่ส่งเสริม การตั้งถิ่นฐานของชนชาติอินเดีย ดินแดนนี้เดิมเรียกว่า “อนทุ วีป” หมายถงึ ดินแดนในภูมภิ าคเอเชียใต้ท้งั หมด เ า ▪ อนิ เดียยุคกอ่ นประวัติศาสตร์ ➢ สมยั สินธ- ุ (คปสราระำมาณ 3,000 – 1,500 ปกี ่อน ค.ศ.) อารยธรรมของชนพื้นเมืองผิวดำ คือ ชาวทราวิฑ (HDravidian)* หรืออrนจารง เิยจกญะ! มิลักขะ ทัสยุ unrv บซากเมชา- คน ชน น เ ยก มีรูปร่างเล็ก ผิวคล้ำ จมูกแบนกว้าง (ปัจจุบันคือพวกทมิฬ) ญพ ื อ ประกอบอาชีพเกษตรกไรรเมจ ง โบราณขนาดใหญ่ในลุ่มแม่น้ำสินธุ คือ*เมืองโมเแฮสนดงโคจวดามา1โรญร*แถลfyะแงเiมา ือ1 งบฮนารัปปา* เป็นชุมชนเมืองขนาดใหญ่ ในยุคสำริด มีความเจริญทางอารยธรรม wดงั นu้ี min ✓ mm แ น จา ก เ ยน แ ไ ใคร าน ออก www.Modern- การวางผังเมืองเป็นระเบียบรูปสี่เหลือม แบ่งเขต ภายในเมืองเป็นสัดส่วน เช่น ที่ทำการของรัฐ ย่านที่อยู่อาศัย ย่านการค้า ฯลฯ อาคารบ้านเรือนก่อสร้างด้วยอิฐดินเผา มีป้อม ปราการ ถนน ประปา ท่อรมะากบ!ายนำ้ ยุ้งฉาง โรงอาบนำ้ สาธารณะ ww แบบจำลองผังเมอื งโมเฮนโจดาโร - การเพาะปลูกและการเลย้ี งสัตว์ มกี ารปลกู ฝ้ายเพ่ือการทอผ้า ข้าวสาลี ถ่ัว งา และการเลี้ยง ควาย แพะ หมู สุนขั เป็ด และไก่ รวมทั้งร้จู กั ใชโ้ ลหะทองแดงและสำริด ป มา กรรม → การ๓ กบวช - การจารกึ ตัวอกั ษร แต่ยงั ไมม่ ีผอู้ า่ นได้ พบรปู ปั้นสำรดิ จงึ อาจจัดวา่ อย่ใู นยคุ กึง่ ประวัติศาสตร์ uvw wnrw ท้ายที่สุด เมืองโมเฮนโจดาโรและเมืองฮารัปปา ล่มสลายลงจากภัยธรรมชาติ คือ อุทกภัยและ พายทุ ราย โรคระบาด ประกอบกบั ถกู ชนเผ่าอารยนั เขา้ รกุ ราน wnrnrnvw เมืองโมเฮนโจดาโรและเมืองฮารัปปาสันนิษฐานว่ามีอายุใกล้เคียงกับอารยธรรมเมโสโปเตเมีย ซึ่งพบเหรียญของ เมโสโปเตเมียทเี่ มืองแหง่ นดี้ ้วย สันนิษฐานวา่ มกี ารตดิ ตอ่ ค้าขายระหวา่ งกัน ➢ สมยั พ. ศราะสเนวาท, ค(วปารมะ1 ม0าณ 1,50305อ–อ 500 ปีกอ่ น ค.ศ.) ' เ ธรรมขอด วรรณะ ชาวอริย. กะเ ยก(Aryan)ว เอง า เจ ญ อา งช น ผ ิว ขา ว คือ ร ย เป็นพวกกึ่งเร่ร่อนและเลี้ยงสัตว์ในเขต I คม -> นไ ไ แห้งแล้ง มีรูปร่างสูง ผิวขาว จมูกโด่ง ซ ึ ่ ง ม ี ถ ิ ่ น ฐ า น เ ด ิ ม อ ย ู ่ บ ร ิ เ ส. าบแคสเปียนใอพยพ มาหา แห ง น ภ ู ม ิ ภ า ค เ อ เ ชี ย วณท ะงเ ล กลาง ชาวอารยันมีความสามารถในการรบและชำนาญในการประดิษฐ์อาวุธ จึงอพยพหาแหล่ง าบวริเด พระราม → ยาว อุดมสมบูรณ์และได้เข้ารุกราน เกิดเป็นสง ครา ม ขั บ ไล่ ช_าว ดรมา ่น ลงท าง ใต้ และยึดครอง ียทนศใหน ้ถอ→ยร ดนิ แดนลุม่ แมน่ ้ำสินธุ การปกครองระยะแรกเปน็ แบบชนเผ่า แตล่ ะเผ่าแยกกนั อยแู่ ละเป็นอสิ ระไม่ขึ้นต่อ กัน มีผู้ปกครองเป็นหัวหน้าในแต่ละเผ่า ต่อมาปกครองแบบราชาธิปไตย ปรากฏแนวคิดเทวราชา มีพิธี เสริมสร้างพระราชอำนาจของกษตั รยิ ์ เชน่ พิธอี ศั วเมธหุ รอื พธิ ปี ล่อยม้าอุปการ 17 ำก้ฑัก์ตักำรำน่ล้ด่มักำนิร่วัตีริกัป้ชันัยัร่ต่อีม่ม่ตีขึร่ผีมัดัว้สีรัอิติร่มิริร่ัทุย่ลฺพ้ตีชีวุนัก้ถำทัค้ขุส่ก่กำน่มุ่ส่ีท่ก่ีทัขืม

ส33101 สังคมศึกษา ม.6 บทท่ี 2 พฒั นาการทางประวตั ศิ าสตรแ์ ละศาสนาในโลกตะวนั ออก ชาวอารยันรับอารยธรรมของชาวดราวิเดียนบางประการ และ การสร้างสรรค์อารยธรรมใหม่ เช่น กำเนิดศาสนาพราหมณ์ เกิดคัมภีร์ พระเวท แนวคิดพหุเทวนิยม และระบบวรรณะ ได้แก่ วรรณะพราหมณ์ (นักบวชหรือครูอาจารย์) วรรณะกษัตริย์ (นักปกครองหรือนักรบ) วรรณะ แพศย์ (พ่อค้า) และวรรณะศูทร (กรรมกร ทาส หรือเกษตรกร) จนต่อมา พัฒ. นดาเจสนก่ศู าาพสรนาหามฮินดู เกดิ คัมภรี ์อุปนิษทั วา่ ด้วยเร่ือโงมกกาษระ,เวบยี รนร ว/า่ ยดตงาหยมาเกย ิดง ด อวาวพรร- ณกJ ร4รมวรทรณาะงศ_ าสทรน→าขดรอางเชยานวอารยนั เขยี นเป็นภาษาสันสกฤต แ เ แ ง ตาม วรรณกรรมทสี่ ำคญั ไดแ้ ก่ ด จาก - ' °ำกล3 ุ่มนพงรอาารหนมณ์ชาวอารยันได้รว,บตรอวนมแรบก ทอสง วด→สรารนเสกรเิญนเภทาพษาเจน้าสทกีส่ ฤืบตทอดด้วย คัมภีร์พระเวทวรรณกรรม ทาง , ศาสนา \" บท สวด วธิ ที อ่ งจำและถ่ายทอดสืบต่อกันมาเปน็ คัมภรี ์ ประกอบดว้ ย 4 คัมภีร์ ไดแ้ ก่ คัมภรี ฤ์ คเวท คัมภรี ์ยชุรเวท คัมภีร์สามเวท และคัมภีร์อาถรรพเวท ถือเป็นวรรณกรรมทางศาสนาที่เก่าแก่ที่สุด กล่าวถึงชาวอารยัน เรม่ิ แรกทอี่ พยพเขา้ มาตั้งถน่ิ ฐานในอนิ เดยี และที่มาของช่ือสมัยพระเวท - มหากาพย์รามายณะ แต่งโดยฤๅษีวาลมิกี มีเนื้อหาเกี่ยวกับการ ท) ทำสงครามระหว่างชาฝว่าอยารธรนรมะ ง ขาว และฝ่าชยาอว ธนา รรารวำม ย(ยนัก(ษทร์ า (_ลิง นำโดยพระราม) นำโดยท.ศเ กขัณวาฐถล์)าำผู้แต่งมีจุดมุ่งหมายที่จะแสดงถึงวีรกรรมของชาวอารยันท่ี น ความ จง ก ก ของ ทำสงครามขับไล่ชนพนื้ เมืองชาวทราวฑิ ออกไปไดส้ ำเรจ็ เ นนาง อ การ ตร ใน - มหากาพย์มหาภารตะ แต่งโดยฤๅษีวยาสะ มีเนื้อหาเกี่ยวกับการฐาน พระนาราย อวตาร 7 ' มหากาพยร์ ามายณะพระราม - การ อวตาร ตรง ทำสงครามแย่งชิงแม่น้ำคงคาระหว่างกษัตริย์อารยัน 2 ราชวงศ์ที่เป็นพี่น้อง การ อวตาร ของ 2 ตระกูล คือ ตระกูลปาณฑพและตระกูลเการพ และยังรวบรวมนิทาน เ า พระนาราย คง 9 ประเพณี และตำราความรตู้ ่างๆ มากมาย มีบทที่ไพเราะทส่ี ุด คือ ภควัฑคีตาบท เพลง ของพระ , ! \" ะกฤษณะาโล าง นา าน พระ ทธเ า (แปลว่า บทเพลงของพระเจ้า) เ ป ็ น บ ท ส น ท น าต อ บ โต ้ร ะ ห ว ่ าง พ ร (อสรดุ นยเ อนดกาวร๓รรVณคดขี องฮนิ ดู hnnhn ' ท ราว ตา ร กบั อ.รสอชนนุใ : มหากาพย์ท่ียาวทีส่ ดุ ในโลก) ' มหากาพยม์ หาภารตะ , การ อวตาร i. ทรา ปน C ของ ค ว 8 พระนาราย น : - คัมภีร์พระธรรมศาสตร์ มีเนื้อหาเป็นหลักกฎหมาย ศาสนบัญญัติ จารีตประเพณี หลัก ศลี ธรรม และการทำหนา้ ท่ขี ' อโธงใชนาสวฮยินอดธู ยา - ตำรานาฏยศาสตร์ มีเนื้อหาเกี่ยวกับท่าร่ายรำของพระอิศวรที่ฟ้อนรำเพื่อปราบปรามฤๅษีท่ี ประพฤตผิ ดิ ซึ่งภารตมนุ ีไดบ้ ันทึกทา่ ร่ายรำนไ้ี ว้ สมัยพระเวทไม่ปรากฏหลักฐานงานศิลปะของชาวอารยัน ส่งผลให้ศิลปะของ อนิ เดียขาดช่วงไปเปน็ เวลาเกือบหนึ่งพันปี นเ ยแ อารยธรรมอินเดียสมยั โบ.ราณ เสอบ 3 ooo แสง ยุคประวัติศาสตร์ของอินเดียเริ่มในคริสต์ศตวรรษที่ 7 – 8 ก่อน คริสต์ศักราช เมื่อมีอักษรพราห์มิลิปิใช้ อารยธรรมอินเดียสมัยโบราณ อกั ษรพราห์มิลปิ ิของอินเดีย มีพฒั นาการที่สำคญั ดังน้ี 18 ่ัทัป้ท้ดัอุยัมูดิฮ์ณัทัรุพัร็ปุช้หุพ้จุพูถ้ร้ถ่หูข่ีท้ัร์ณ้ข้ท์ณัย่ตุขีดัภัร้น้ขิว้ดัลัยัส็ปัห้บำจ่ทัยัอ่ผัลิก่ตีดิวูศีช่บุสูสุ่มุจุล์ณ่วัช

ส33101 สงั คมศึกษา ม.6 บทที่ 2 พฒั นาการทางประวัตศิ าสตร์และศาสนาในโลกตะวันออก ▪ สมัยจกั รวรรดิมคธ (600 – 321 ปกี อ่ น ค.ศ.) รวม แก น างๆ ➢ ลักษณะการปกครอง r งไ การ รวม นาจ จ ง ๆ อาณา กร \" แ ง เ น แค น จักรวรรดิมคธสถาปนาขึ้นร่วมสมัยพุทธกาล เป็นจักรวรรดิที่ยังไม่ได้รวมดินแดนแคว้นต่างๆ ให้เป็นหนึ่งเดียว ตั้งอยู่บริเวณด้านตะวันออกของแม่น้ำคงคา มีศูนย์กลางอยู่ที่แคว้นมคธ ปกครองแบบ นม สาร า นม ราชาธิปไตย กษัตริย์องค์สำคัญ ได้แก่ พ ร ะเ จ ้ า พ ิ ม, พทธิสมาามรกแะล ะ พ ร ะเ จ ้ า อรา ู ้ ขย า ย อ ำ น า จ แ ล ะ wnr ด 12 วรรณ ชา ตน ศกัตาร อได อาณาเขตไปอย่างกว้างขวาง แ ล ะเ ป ็น สมั ย ที่ อิ น เดlียสเ จางริ ญร ุ่ งเรือ งด้ ว ย พ ร ะ พุ ทธ ศาส น า โดยได้รับการ อุปถมั ภ์จากกษัตริย์ ทำให้แควน้ มคธเปน็ ศูนย์กลางของการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ➢ การล่มสลาย ห าน จักรวรรดิมคธิล่มสลายจากการรุกรานของจักรวรรดิเ,ปอร์เซียและการรุกรานของพร ะเจ้า กซาน,เดดอไร มหารหลาย เ อง มาก จ→ักรววยรตรายดิ - ทาง กาย อเล็ ์ ่งผลทหาร ใหก้ศตาาสยน า พร าห ม ณ์ เส ื ่ อ มล ง มีศาสดาประกาศศาสนา าชแห่ง กรีก ส' ทางใจ → ใหม่ เชน่ พระพุทธศาสนา ศาสนาเชนlhhhhhn W การ เพศ สม าน บ ชาย → เ มแ ง และบางแควน้ มีชาวกรกี ปกครอง เช่น พระยามิลนิ ท์ (เมนันดอร)์ ▪ สมัยจกั รวรรดิเมารยะหรอื โมริยะ (321 – 184 ปีก่อน ค.ศ.) ➢ ลกั ษณะการปกครอง หลังจากจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์มหาราชแห่งจักรวรรดิกรีก ยกกองทัพมาเพื่อหวังจะบุกยึดอินเดีย ส่งผลให้เวลาต่อมาพระเจ้า จันทรคุปต์แห่งราชวงศ์เมารยะรวมดินแดนให้เป็นปึกแผ่นครั้งแรก uurn mw โดยการส*ถาปนาจักรวรรด*ิเมารยะ รวมอำนาจเป็นจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่ wmnnrn พระเจ้าจันทรคปุ ต์ ปกครองแบบราชาธิปไตย โดยตั้งอยู่บริเวณตอนเหนือของอินเดีย มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองปาฏลีบุตรทางภาคตะวันออกของอินเดีย จักรวรรดิเมารยะมีการสร้างถนนขนาด ใหญ่เชื่อมการคมนาคมระหว่างเมืองหลวงกับเมืองสำคัญต่างๆ พร้อมทั้งมีกองทัพที่ยิ่งใหญ่เพื่อรักษา ความม่ันคงของจกั รวรรดิ ศาสนา ทธ กษัตริย์องค์สำคัญในราชวงศ์เมารยะ ได้แก่ พ| ระ. เจด้านอแโกศนกไมหนหาเรผายชแพ(2ศ7าส2นา– ท2ธ32 ปีก่อน ค.ศ.) mnrnnrn ได้ขยายดินแดนจักรวรรดิเมารยะจนกวา้ งใหญ่ไปถงึ อัฟกานสิ ถานในปัจจุบัน ตอ่ มาใช้หลักธรรมวิชัยเป็น หลักในการปกครอง คือ การใช้ธรรมะและศีลธรรมในการปกครองบ้านเมือง จัดระเบียบและควบคุม สังคม เน้นความสำคัญของหนา้ ทท่ี างมนุษยธรรมของรัฐ และขยายดินแดนโดยการเผยแผธ่ รรมะ ➢ มรดกทางวฒั นธรรม : ความเจริญของพระพุทธศาสนา โดยพระเจ้าอโศกมหาราชที่ศรัทธาใน พระพทุ ธศาสนาอย่างแนน่ แฟน้ ทรงทำนุบำรงุ พระพุทธศาสนาอยา่ งจริงจัง มีการ จัดส่งสมณทูตเผยแผ่พระพุทธศาสนาในดินแดนต่างๆ และสร้างสถาปัตยกรรม ทางพระพทุ ธศาสนาไว้มากมาย เชน่ สiถบปู กสระาญกจี เสr าาiนหแกนิานนอแอกโโศนศกกทธอยา่ งไรก็ตาม แมว้ ่า ww vww พระเจ้าอโศกมหาราชจะทรงเป็นพุทธมามกะ แต่ก็ทรงให้เสรีภาพในการเลือกนับ ถือศาสนาแกป่ ระชาชน โดยเฉพาะศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู เสาหินอโศก 19 ุพ้ดูดัก่ดุพ่ร็กัดัยุพ็ข้ขัก้บัม็กัรู่ค่ปืม้ดึย่ริอุรัว้ร่ต้มูลำนิพ่ฆันุสุพ้ว็ป่บัจิรำอีม่มัย่ตัว

ส33101 สังคมศึกษา ม.6 บทที่ 2 พัฒนาการทางประวตั ศิ าสตร์และศาสนาในโลกตะวันออก 500 ▪ สมัยแหง่ ความแrตกแยกและการรุกรานจากภายนอก www.➢ ลกั ษณะการปกครอง หลังราชวงศ์เมารยะล่มสลาย อินเดียก็เข้าสู่สมัยแห่งการรุกรานและปกครองโดยชนชาติอ่ืน บ้านเมืองแตกแยกออกเป็นแคว้นต่างๆ เกิดสงครามแย่งชิงอำนาจระหว่างกัน มีการรุกรานจากชนเผ่า ภายนอกทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือ เช่น เปอร์เซีย กรีก ซึ่งได้ถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนศิลปะและ วทิ ยาการใหแ้ กอ่ ินเดีย โดยเฉพาะด้านสถาปตั ยกรรมและประตมิ ากรรม เ ม น มา หา กราช → กรอง ราช ราชวงศเออ ์กุษา. ณะเข้าปกครองอินเดียช่วง 200 ปีก่อน ค.ศ. ถึง ค.ศ.320 โดยพระเจ้ากนิษกะ uuvw wmv มศี นู ยก์ ลางอยู่ท่แี คว้นแคชเมยี รใ์ นปจั จุบนั hhht น 1 ย เห อ - ปา สถาน ' ➢ มรดกทางวฒั นธรรม - ความเจริญของพระพุทธศาสนานิกายมหายาน โดยพระเจ้ากนิษกะ ทรงนับถือและอุปถัมภ์ mrrv พระพุทธศาสนาอยา่ งจรงิ จงั มีการเผยแผพ่ ระพุทธศาสนาไปยงั จนี และญี่ปนุ่ - ศิลปะคันธาระ : มีการสร้างพระพุทธรูปท่ีผสมผสานระหว่างศิลปะ umv * อนิ เดียกับกรกี * (ลักษณะเหมือนมนษุ ยเ์ สมือนจริงงดงามตามธรรมชาติ) wurnrv - ศิลปะอมราวดี : มีการสร้างพระพุทธรูปให้มีพระพักตร์ยาว มีเกตุ มาลา เส้นพระเกศาขมวดเปน็ ปม สมยั จักรวรรดิคปุ ตะ (ค.ศ.320 – 535)▪ ยคทองของ อารยธรรม น 1เจ ญ→ ความเยอะ นา ยแ r , (น) น เ ย -เรา ก ➢ ลักษณะการปกค\\ รงอเงอง → พราหม - น X ทธ *พระพทุ ธรูปศลิ ปะคันธา/ระ* พระเจ้าจันทรคปุ ตท์ ี่ 1 ทรงขับไล่ชาวต่างชาติออกไป รวบรวมแควน้ ตา่ งๆ ท่แี ยกตัวเป็นอิสระ เข้ามาอยู่ภายใต้อำนาจการปกครอง สถาปนาจักรวรรดิคุปตะขึ้นทางตอนเหนือของอินเดีย สถาปนา ราชวงศ์คุปตะขึ้นปกครองจกั รวรรดิ มศี ูนย์กลางอยูท่ ี่เมอื งปาฏลบี ตุ ร และเร่ิมตน้ ใชร้ ะบบศกั ดนิ าข้ึน ➢ มรดกทางวฒั นธรรมและวิทยาการสำคัญ ยุคทองของอารยธรรมอินเดีย ศิลปะแบบคุปตะได้รับการยกย่องว่าเป็นศิลปะอินเดียอย่าง แท้จริงและมีความงดงาม แสดงถึงความเจริญของศา.สานเบาลพโรลาาหมณ์-ฮินดูที่กลับมาอีกครั้ง ในขณะท่ี พระพุทธศาสนาเริ่มเส่ือมความนยิ มลง ความเจริญในสมยั นี้ มดี ังน้ี * วิทยาการสำคัญของอินเดีย * w คือ ตัวเลขอารบิก ตัวเลข 0 - ด้านการศกึ ษา มีก่อต้งั มหาวิทยาลยั เช่น ม,หมาหวาทิ ยยาลทธัยนาลันทา ทศนิยม รากที่สอง เลขกำลัง ' ย ศาสนา แ ง แรก สอง ค่า Pi ค ๓ ศาสต ! ! มหาวิทยาลยั พาราณสี มหาวิทยาลยั อชันตา) มหา งมหา ย ของ โลก - ด้านวรรณคดี มีความเจริญรุ่งเรืองมากโดยได้รับการสนับสนุน จากราชสำนัก กวคี นสำคัญ คอื กาลิทาส ผ้แู ต่งบทละครศกนุ ตลา - ด้านศิลปกรรม พบศาสนสถานในถำ้ เชน่ ถำ้ อชันตา (พทุ ธ) ถำ้ เอลโลร่า (ฮินดู) คน ๓ แพทย ! - ด้านวทิ ยาการ*การผ่าตัด* การทำสบู่และทำปูนซีเมนต์ ซงึ่ เผยแพร่ไปยังยุโรป , mnn แม้ว่าในสมัยราชวงศค์ ุปตะ กษัตรยิ อ์ ปุ ถัมภศ์ าสนาพราหมณ์ – ฮินดู แตก่ ส็ นับสนุนพระพทุ ธศาสนา เช่น สมยั พระเจ้าจันทรคปุ ตท์ ่ี 2 หลวงจนี ฟาเหียนได้เดนิ ทางจากจีนมาสืบพระไตรปฎิ กจากอนิ เดียกลับไปจนี (สมัยราชวงศ์ฮ่นั ) 20 ์ร้ณ์ฆ่สัล่หัลุพัล่ร้ถุพูด้ัป์ณืรุ่รัร้ตัอูดัอ้ท้ถัอิร้ดัอุยีกืนัดัอัศ้ต่ิรัปัป

ส33101 สังคมศกึ ษา ม.6 บทท่ี 2 พฒั นาการทางประวัตศิ าสตรแ์ ละศาสนาในโลกตะวนั ออก ➢ การลม่ สลาย หลงั จากราชวงศ์คุปตะล่มสลาย อนิ เดียก็เขา้ สู่สมัยแหง่ ความแตกแยก แคว้นตา่ งๆ ทำสงคราม แย่งชิงอำนาจกัน มีอาณาจกั รต่างๆ ผลดั เปลย่ี นกันขึ้นมาเป็นผ้ปู กครองอินเดยี ในระยะสั้นๆ โดยชนชาติ ที่เข้ามารุกรานในอินเดยี ตอนเหนอื เป็นชาวพราหมณ์ – ฮินดู จึงสั่งให้ทำลายศาสนสถานและศาถ้ำอชนั ตา สนวัตถุในพระพทุ ธศาสนา ส่วนอนิ เดียตอนใต้ปรากฏอาณาจกั รสำคัญ ไดแ้ ก่ 1. อาณาจักรปัลลวะ มีการถ่ายทอดตัวอักษรปัลลวะเข้าสู่ ดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นตัวอักษรต้นแบบให้แก่อักษร มอญ อกั ษรไทย อักษรลาว และอักษรชวา 2. อาณาจักรโจฬะ มีการถ่ายทอดศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู ไปยังพม่า มลายู และชวา ศ\" ย ๙จม ทธ ญ น ถ แยก ประเทศ ส ม เ า มา โกน Eng , ' เม , อักษรปลั ลวะในจารึกปราสาท . ประวัติศาสตร์อินเดียหลังสมยั โบราณถงึ สมยั ปัจจุบัน เขาน้อย จังหวัดสระแก้ว อนา s ▪ สมยั อาณาจกั รสลุ ตา่ นแหง่ เดลฮี (ค.ศ. 1206 – 1526) เข้ารุกรานทางตอน ! อินเดียในสมัยนี้ปกครองโดยมุสลิมเชื้อสายเต_ิรๆ์กรจาก+ ภบูมกาิภาคเอเชียกลาง บ ยง คง น whv w uN เหนือของอินเดีย และสถาปนาอาณาจักรขึ้นมา ตั้งเมืองเดลฮีเป็นเมืองหลวง กษัตริย์ในราชวงศ์มัมลุค ศรัทธาศาสนาอิสลามเป็นอย่างมาก จนสถาปนาศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำอาณาจักร และ ww mnv พยายามขยายศาสนาอิสลาม โดยการปราบปรามและบีบบังคับให้ชาวอินเดียเปลี่ยนศาสนามานับถือ อิสลาม เกิดการทำลายศาสนสถานของศาสนาฮินดูและพุทธ และทำลายมหาวิทยาลัยนาลันทา ซึ่งถือ บภาใครไ บ บ สลาม ะ าย เป็นการทำลายพระพุทธศาสนาอย่างเด็ดขาด ร ว ม ไ ป ถ ึ ง เ ก็ ษี ิ จากราษฎรที่ไม่ใช่ชาว _ จ ซย า (jizya) mrn มสุ ลมิ ในอตั ราสงู นโยบายทางศาสนาในสมัยนี้สง่ ผลให้อินเดียเกิดความแตกแยกและความขัดแย้งรุนแรง mn ระหว่างชาวฮินดูและชาวมุสลิมมาจนถึงปัจจุบัน ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้นำไปสู่การเกิดศาสนาสิกข์ขึ้นมาทาง W hrv mnvw ตอนเหนือของอินเดยี เพื่อผสานความเช่อื ระหวา่ งศาสนาพราหมณ์ – ฮนิ ดแู ละศาสนาอสิ ลาม บน w wuvu มรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญ คือ ภาษาอูรดู (Urdu) ชาวเติร์กได้นำเอาภาษาสันสกฤต ภาษา wnrrv w อารบิก และภาษาเปอร์เซยี มาผสมกนั ซึง่ เปน็ ภาษาท่ชี าวมสุ ลมิ ใชก้ นั ในประเทศอินเดียปัจจบุ ัน vw ww mn ▪ สมัยจกั รวรรดมิ คู ลั (โมกุล) (ค.ศ. 1526 – 1858) ุส.ลคิมนเลชะ กื้อสม บ เดล อ ิ น เ ด ีย ใน ส มั ย น้ี ป กค ร อง โ ด ย ม ิ ร์ ก – มองโกลจากเปอร์เซีย (สมัยราชวงศ์ตีมูร์) ายเต ที่เข้ารุกรานและรวบรวมดินแดนอินเดียตอนเหนือและตอนใต้ แล้วสถาปนาจักรวรรดิมูคัลขึ้น ราชวงศ์ มูคัลถือเป็นราชวงศ์สุดท้ายที่ปกครองอินเดีย เป็นราชวงศ์ที่สนับสนุนและเผยแผ่ศาสนาอิสลามอย่าง กวา้ งขวาง ทำให้เกดิ ความแตกแยกระหว่างชาวฮนิ ดูกบั ชาวมสุ ลิม และในสมยั นีเ้ รม่ิ มีชาติตะวนั ตกเข้ามา ตดิ ตอ่ คา้ ขาย ชาติแรก คือ โปรตุเกส 1 วาง โก กา กา มา 21 ัยักุ่ล่ข่อักัน่มูดัยักัอักึย้ขิลุมีม่ิร์ธัพูสุพัชิวีร้ต

ส33101 สังคมศึกษา ม.6 บทที่ 2 พัฒนาการทางประวัติศาสตรแ์ ละศาสนาในโลกตะวนั ออก กษัตริย์องค์สำคัญในราชวงศ์มูคลั ได้แก่ -*พระเจ้าrอใกั บtาreรe์มdหomาราใชนก*า:ร บ อ ศาสนา บ คน น เ า งาน ทรงนับถือศา, สนาอสิ ลาม แต่ก็ทรง ให้เสรีภาพในการนับถือศาสนาแก่ทุกชนชั้น ยกเลิกการเก็บภาษีจิซยา ทรงรบั ชาวฮนิ ดเู ข้ารบั ราชการในราชสำนัก สร้างความสามคั คีใหเ้ กิดขึ้น ในจกั รวรรดิ และสามารถขยายอิทธิพลไปทางตอนใต้ของอินเดีย - พระเจา้ ชาร์ชะฮาน : ทรงเปน็ มสุ ลิมทเ่ี ครง่ ครดั และศรัทธาใน ศาสนาอิสลาม จึงยกเลิกการให้เสรีภาพในการนับถือศาสนา และทรง บันทึกประวัตขิ อง สร้างทัชมาฮาล เป็นอนุสรณ์สถานแด่พระมเหสีของพระองค์ จัดเป็น พระเจ้าอกั บาร์มหาราช * * สิง่ มหัศจรรยข์ องโลกสมยั ใหม่ เป็นศิลปะอนิ เดยี ผสมศลิ ปะเปอรเ์ ซีย glyr ว ขอม r หอคอย - พระเจ้าออร. ก ังเซปบ มา เค :ง ะ 71 สบถภเาปานปาลศด ราาสชกนาาร อนิส ลา ม เ ป ็นศา สนา ' ท รง สลาม ล ประจำจักรวรรดิ และทำลายล้างศาสนาพราหมณ์ – ฮินดูอย่างรุนแรง เทวสถานของศาสนาพราหมณ์ – ฮนิ ดูถูกทำลาย กลบั มาเก็บภาษจี ิซยา และขา้ ราชการชาวฮนิ ดูถูกปลด สง่ ผลให้ชาวฮินดูกอ่ กบฏข้ึนหลายคร้ัง ทัชมาฮาล >- ส ม อย่างไรก็ตาม ปลายสมัยจักรวr ร1สรอดบิมูคัล กษัตริย์ทรงใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ต้องเพิ่มภาษีและเพิ่มการ เกณฑ์แรงงาน ทำให้ประชาชนอดอยาก และยังกดขี่ทำลายล้างศาสนาพราหมณ์ – ฮินดูอย่างรุนแรง ทำใหย้ ่ิงเพม่ิ ความแตกแยกภายในจกั รวรรดิ บอย → ว เรา ใน การ ด _ ความ รส อม (ค.ศ.1858 ▪ สมยั อา ณานคิ มอนิ เดยี แห่งองั กฤษลกบlฏ – 1947) สาเห อังกฤษเข้าปกครองอินเดียงแr ความเ อมของประเทศ การการ อย ว เซU นาจ นแกนของ งกฤษ า ) การ ขยาย ➢\" อ กบฏ คน r 2) ความ 1 สอบ ของ ล → รอ ง 1ฃ U l Eng มา ดครอง งาบ นสกฤต 3) กบฏ ยขอา อังกฤษโค่นล้มราชวงศ์มูคัล และสถาปนาอาณานิคมอินเดียแห่งอังกฤษ (Brงiกtฤisษh R. aj) ในปี i ค.ศ.1858 มีสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งอังกฤษเป็นจักรพรรดินีแห่งอินเดีย ทรงแต่งตั้งข้าหลวง คน น 1 บ ท Eng าง อ กบฏ ใ ใหญ่เป็นผู้แทนรัฐบาลจากอังกฤษเข้าปกครองอินเดียโดยตรง เรียกว่า “อุปราช” (Viceroy) ซึ่งหลัง อินเดียเป็นอาณานิคมของอังกฤษ อังกฤษเข้าปกครองอินเดีย l Eng ไ พอใจ → เ น 1 มอง น .กโดายใช*้หรลักแบ่งแยกแล้วปกครอง*(Div.ideนdฤ อandบ Rสuมleไ*) ไ ซึง่ เป็น านวอฮ เ ยว บ ศาสนา ส ม แยก เบน ค ว า ม พ ย า ย าฺ มใ ใแหย้ชก ิ นด+ ส ูและชาวมุสาง ความ แตกแยก ล→ ิ ั น เ อ ง ม ขัด แย้งก Muslim leauge เขตการปกครองในอาณานิคมอินเดียแห่งอังกฤษ แบ่งเป็น 2 ลกั ษณะ คือ 1. แคว้นที่อังกฤษปกครองโดยตรง เรียกว่า อินเดีย ของอังกฤษ (Bwrituish ญIndia\") ปปกกคครรอองงโโดดยยตอรงปุ ราช 2. แคว้นที่อังกฤษให้มหาราชาในท้องถิ่นปกครอง แผนท่แี สดงเขตการปกครองในอาณานคิ ม เรยี กวา่ อินเดียของชาวอินเดยี (Indian I_nไdiเaจ) ญ อนิ เดียแห่งอังกฤษตงั้ แตป่ ี ค.ศ.1858 wmrv นอกจากนี้ องั กฤษยังปฏิรูปและวางรากฐานใหแ้ กอ่ นิ เดีย เช่น 1. วางรากฐานการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยให้อินเดยี ' ญหา → ว ง 22 ่ีทิยัปีมิร่มำ่หิลุมัก่ีก้รู่ยัก้ห้ด่มัลุมักู่ยัฮ้ข็ป้หำท่ม่ก้ขักัอัซัอัสำคึยัรัถูม่กำอัอักัร่ย่ต้ัต้ลุตัถูมัยัตัซิลุมิอูด้ัช้ขัก่รัลัหำท้ขูด้ัปัรัถัน้ห

ส33101 สังคมศึกษา ม.6 บทท่ี 2 พฒั นาการทางประวตั ศิ าสตรแ์ ละศาสนาในโลกตะวันออก 2. จัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน กฎหมาย การศาล และการศึกษาในดินแดนต่างๆ ของ อินเดียให้เป็นแบบเดียวกันภายใต้การปกครองเดียวกัน อังกฤษพยายามสร้างความเป็นเอกภาพให้แก่ อนิ เดีย แมว้ า่ อนิ เดยี จะเป็นดินแดนท่ีกว้างใหญ่ มคี วามหลากหลายทางเช้ือชาตแิ ละศาสนามาก 3. ปฏริ ปู ระบบกฎหมายและการศาล โดยยกเลิกประเพณลี ้าหลงั บางอยา่ งของอนิ เดยี เชน่ mv - การแบ่งวรรณะและการเหยียดจณั ฑาลตามหลักศาสนาพราหมณ์ – ฮนิ ดู - พธิ สี ตี คือ การเผาตัวตายตามสามขี องแม่หมา้ ยชาวฮินดู - การบชู ายญั ด้วยมนษุ ย์เพอ่ื บูชาพระแม่กาลี 4. สร้างสาธารณปู โภคพ้นื ฐาน เช่น รถไฟ ถนน ไปรษณีย์โทรเลข ➢ การเรียกร้องเอกราชจากอังกฤษ ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขบวนการชาตินิยมในอินเดีย ชื่อว่า คองเกรสแห่งชาติอินเดีย (Indian National Congress) เพื่อเรียกร้อง เอกราชจากอังกฤษ นำโดยชวาหระลาล เนห์รู และมหาตมะ คานธีที่ใช้หลกั \\ สัตยาเคราะห์ (การต่อสู้ด้วยความจรงิ ) และห_ลไักใอหควิงาสมาว(มกาอรต่อสู้อย่างสงบ มหาตมะ คานธี น โดยไมใ่ ชก้ ำลัง) รวมไปถงึ ขบวนการสวาเทสิ (ต่อตา้ นสนิ คา้ ของชาติตะวันตก และสนบั สนุนสนิ คา้ ของอนิ เดยี ) มีประชาชนจำนวนมหาศาลเขา้ รว่ ม อังกฤษ ใช้กำลังรุนแรงเข้าปราบปรามอย่างไร้มนุษยธรรมจนนานาชาติประณาม ในที่สุดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 พรรคแรงงานของอังกฤษชนะการเลือกตั้ง ด้วยนโยบายปลดปล่อยประเทศอาณานิคมให้ได้รับเอกราช ส่งผลให้อินเดีย ไดร้ บั เอกราชจากอังกฤษ เม่ือวนั ที่ 15 สิงหาคม 1947 แยก ว น อ ➢ อินเดยี หลังได้รับเอกราช ชวาหระลาล เนห์รู ' สลาม บ tng - อนิ เดยี ได้รับเอกราช โดยชวาหระลาล เนหร์ ูขึน้ ดำรงตำแหน่ง สว่ นมrหากตารมะกษาคตาะนนธตถี กูก→ลสอวดบมสา ังห1 ายรม . อยาก ใ นายกรฐั มนตรคี นแรกของอินเดีย ส ม ฮก พปพ - นำไปสู่การ( ชน ) ชาว นเ ยไ ยอม ความแตกแยกทางเชื้อชาติและศาสนาในอินเดีย ไเ น วย แยกประเทศปmากีสถiiาน\"อมอกจากประเทศอินเดียใน ค.ศ.1947 (เหตุผล ความแตกต่างทางศาสนา) แบ่งดินแดนออกเป็น 2 ส่วน คือ ปากีสถาน แ แฐลฒะนกา แา ตะ ยกปนตก ลเศารษเทฐ ศจ ต ะ ว ั น ตr กเจแญล ะ ป า ก ี ส ถ า น ต ว ั นตกi.ออกก . ร ะ เ ท ศ บ ั ง ค, แผนท่ปี ากีสถานหลงั แยกประเทศ ะ รแ w uvww (ปากีสถานตะวันออก) ออกจากประเทศปากีสถานใน ค.ศ.1971 (เหตุผลความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ) รวมไปถึงเกิดความขัดแย้งทางเชื้อชาติและศาสนา เช่น ความขัดแย้งทางศาสนาในแคว้นแคชเมียร์ ความขัดแย้งทางเชอ้ื ชาติในศรีลังก-า (ททธมฬิ และสิงหล) uun - อินเดียปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยที่มีเสถียรภาพ เนื่องจากไม่เคยเกิดการปฏิวัติและ รัฐประหารทางการเมือง เพราะอังกฤษวางรากฐานการปกครองระบอบประชาธิปไตยมาเป็นอย่างดี อินเดยี ได้ชอ่ื ว่าเปน็ ประเทศประชาธปิ ไตยท่ีใหญ่ทสี่ ดุ ในโลก 23 ุพิกัว่ตัพัร่ยิร้ถ่ห่ม่ม้ตัอูดิลุมัรูดุน้หัทำทัวึศีมัก์ย่ัส่ตักัตูดิฮืม่ร้ห่ม

ว นส . ส ฬา ออก สอบ hg ส33101 สังคมศกึ ษา ม.6 บชทือ่ ท__่ี _2__พ__ัฒ__น_า_ก__า_ร_ท__า_ง_ป_ร__ะ_ว_ตั __ศิ _า_ส__ต_ร_แ์ __ละชศั้นาสมน.6า/ใ_น_โ_ล_กเลตขะวทนั ่ี__อ_อ_ก_ 6อ พัฒนาการ ในธรรมชา เ า มาก → ไ พบ ศาสดา ศาสนาพราหมณ์เป็นศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก มีอายุกร ว่า 3,500 ปี จึงไม่ปรากฏนามหรือ , หลักฐานของศาสดาผู้ก่อตั้ง กำเนิดบริเวณลุ่มแม่น้ำสินธุในดินแดนอินเดียโบราณ - กรรม ชา โดยช/ าชวนออพารยพยัน อเทพเ า เพราะ ทะเล ทราย → ex . ขอ (อรยิ กะ) เดมิ เรียกวา่ “สนาตนธรรม” หมายถึง ศาสนาหรอื ธรรมะอันเป็นของเกา่ หรือนริ ันดร์ เม่ือมีอายุ 1,0_00วง ทธศาสนา - คนา บ ไป บ 0 ได้ ปีก็เสื่อมลง ต่อมามีการฟื้นฟูจนกลายเป็นศาสนาฮินดู ซึ่งก็ยังเป็นศาสนาของชาวอารยัน จึงเรยี กศาสนาใหม่ว่า “ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู” อา อง น สมัยอริยกะ (1,500 ปกี ่อนร▪ฒนาความ 1 ° Focus \" / ฒนา การ น ร ไย ความ เจ ญ อาร ค.ศ.) : น การผสมผสานความเชอ่ื ก่อนเกิดศาสนาของ 2 กลมุ่ ชน , า ยน - พหเุ ทวนิยม เปน็ ความเชอื่ แบบวิญญาณนยิ มและธรรมชาตินิยมของกลุ่มคน ได้แก่ ดรา เ 1. ชาวดราวิเดียน นิยมบูชาโลกธาตุ 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ (ธรรมชาตินิยม) และบูชาบวงสรวง ' เกษตรกรรม วญิ ญาณบรรพบรุ ษุ ตามธรรมชาติฝ่ายบุรษุ (วิญญาณนิยม) 2. ชาวอารยัน นิยมบูชาสุริยเทพ (ธรรมชาตินิยม) และบูชาบรรพบุรุษ (วิญญาณนิยม) มีการ ทำพลี (ใช้อาหา' รวคาวางมทสาีพ่ มาน้ื รถดรินบเ+พอื่เสบงชูส๓า)เ อน ต่อมาชาวอารยันอพยพหาแหล่งอุดมสมบูรณ์มาถึงลุ่มแม่น้ำสินธุ จึงเกิดสงครามรบกับชาว ทดราวนเิ ดlียแน1ชาวอาrรพยรันะรชานมะและเขา้ ปกครอง ทำให้อารยธรรมและความเชอ่ื ของ 2 ชนชาติผสมผสานกัน เ ยว ) เด ม ระบบ วรรณะ ▪ สมัยพ,ระเวท (1,500 – 1,000 ปกี ่อน ค.ศ.) : ชาวอารยนั ขยายการต้งั ถนิ่ ฐาน สรา้ งความเจรญิ i์ และพัฒนาความเชือ่ \" ไตรเพท -า ค แรก ส ย พราหมณ - พหุเทวนิยม พัฒนามาจากวิญญาณนิยมและธรรมชาตินิยม เกิดเทพเจ้าตามธรรมชาติอีก X พระเวท หลายองค์ บชู าอยา่ งอิสระตามโอกาสต่างๆ ไม่มกี ารจดั ลำดบั ความสำคญั แบง่ เปน็ 1. เทพเจา้ แห่งสวรรค์ เชน่ พระอินทร์ พระวิษณุ 2. เทพเจา้ แห่งทอ้ งฟ้า เชน่ พระวรณุ พระวาตะ พ3ัฒ. เนทาพพเจิธา้ ีกแรหรง่มพบนื้ ูชดานิ เทเชพน่ เจพ้าโรไดะยอกคั านรี บพูชร.ะายยกัญม.ารใแงทบเวนนยกาภ๓รพทตำพใลี - un เทพ เ า มีบทสวดและถวายเคร่ืองบูชาที่ คิดว่าเทพเจา้ โปรดปราน และอญั เชิญวิญญาณบรรพบุรมุ าร่วมพธิ ีด้วยเสมอ เริม่ แ/ บง่งไชในชวรน้ัรณะเป_ ็นไ ว ว + วรรณะ พทราหมณ์ - (นักบวช) กษัตรยิ ์ (นกั รบ) แพศย์ (พ่อค้า) 3 กลุ่ม คือ - ก* ำเนิดคัมภีร์พระเวท* กลุ่มพราหมณ์แข่งกันสร้างศรัทธาโดยคิดค้นพิธีกรรมและบทสวด อ้อนวอนพระเจา้ ที่เปน็ คว/ าคมนชลนับขนอนงตรตะากมลู ไตโน →ตอ่ พมราาหกมณล่มุจะพไราเ หนมชณานผ์ ้ใู ใหหญ่ไดดร้i.วพบรราหวมมบทงสกวาดกขารอ๓ งตระกูล uvu พราหมณ์เป็น “คัมภีร์พระเวท”Fโดยเชื่อว่ารับจาก,พพรระะเเจา้าาโยดทยอตด รโดงย(ทศรงรุติ)yxคgำสอนออกมาจากลมหายใจ ของพระพรหม* จงึ ถอื ว่าปราศจากข้อผดิ พลาดทงั้ ปวง แรกเร่ิมมี 3 คัมภรี ย์ อ่ ย เรียกวา่ “ไตรเพท” ไดแ้ ก่ 1. ฤคเวท คือ บทสวดออ้ นวอนและสรรเสรญิ เทพเจ้า (←เก่าแกท่ สี่ ดุ *เป็นพนื้ ฐานของคัมภรี ์) 2. ยชุรเวท คือ บทอธบิ ายวธิ ีประกอบพธิ ีกรรมของพราหมณ์ 3. สามเวท คอื บทขบั กล่อมในพธิ ีถวายน้ำโสมแก่พระอนิ ทร์ และขับกล่อมเทพเจ้าองค์อน่ื ๆ Y นม มา ชา 24 ูบำน่ถ้จ์ยัร่วูส์ณุส่ญ่ีท้บ็ป้ด้ก่มำทัอ้ัชูสัผัม่ม่ช่มัย้ข้ห์วัส้วัชัสีมิพ้ตุฟัมุย์รีภัคิกีข่ย้ฑักฺศ่ร่ร่วัยัมีดิว้ัสูกัยิรัทัก้น่ต่ีทัพ้ชัพัถันัรุพัมัท่ชำนู่ย้จูบ้ัชัพีมิต่ม่ก้ขูกูกัตำล

ความ เห อน และ แตก าง ! ม่ตื

ส33101 สังคมศึกษา ม.6 บทท่ี 2 พฒั นาการทางประวตั ศิ าสตร์และศาสนาในโลกตะวันออก วรรณะ ห ก โมกษะ ! ! ▪ / _ เอา เทวะ → พระพรหม ปีก่อน ค.ศ.) : กลุ่มพราหมณ์ชาวอารยันมีบทบาทสูง ได้กำเนิด สมัยพราหมณ์ (1,000 – 400 ปรมา ๓ น ศาสนาพราหมณ์ขึ้นมาอยา่ งเป็นระบบ โดยพฒั นาจากความเชอื่ เรื่องธรรมชาตินิยมและวญิ ญาณนยิ ม J เอา ๓ น ) ญญาณ า ดวง - เอกเทวนิยม ชาวอารยันได้ยกย่องพระพรหม เทพผู้สร้างโลกและสรรพสิ่ง เป็นเทพเจ้าสูงสุด-) อา บ าง ** เ น เอก เทวะ ส ย เสย ว *ไ วตน เชน นามธรรม → เสย ม าย + ศาสดา ไ พบ . ** * ง ใน สมช 2. ให → ภพ t เพียงองคเ์ ดยี ว ถอื เปน็ “ประชาบดี” (ผ้เู ปน็ ใหญใ่ นหมู่สรรพสัตว์) ไม่มตี ัวตน 1 ย น าย ตาย เ า - กำเนิดหลักคำสอน เช่น หลกั ปงใรหมาตมญนัญาง(พ.รพหระมพมรหันม)สหางลักงปชรุ ษุ ๓รถะ หลกั อาศรม 4 ฏ1 สงสาร ) Whhl hhrv ห ดเ อไ กรรม - กำเrนเิดดรจะาบกบววรรแณงะตวามรรอณา ะพ แปลว่า สี หมายถึง สีผิวของคนอินเดีย 2 กลุ่ม ระบบวรรณะ t น เป็นการกำหนดอาชีพของบุคคลในสังคม พัฒนามาจากการแบ่งชนชั้นในสมัยพระเวท มาจากความเชื่อ กลบ พรหม ที่ว่ามนุษย์เกิดมาไม่เท่าเทียมกัน ระบบวรรณะมีนัยของการเหยียดสีผิวโดยชาวอารยัน ซึ่งต้องการ เหยยี ดชาวดราวิเดียนให้อยภู่ ายใต้การปกครอง จงึ ตง้ั กฎเกณฑ์ให้พวกตนเป็นใหญ่ วรรณะล เห จาก ~ ชนชาติ แหล่งกำเนิด หนา้ ท่ี อารยนั จากพระพรหม 1 อ ชา นักบวช ผู้ประกอบพิธีกรรม ติดต่อเทพเจ้า ศึกษาและจดจำคัมภีร์ ปาก พระเวท (วรรณะสูงสุด) แ ใ อา พ พราหมณ์ ผู้ปกครองและนักรบ ปกป้องบ้านเมือง ศกึ ษาการปกครองและยทุ ธวธิ ี ใน การ แ ง มือ กษตั รยิ ์ แพศย์ ขา ค้าขายและประกอบอาชีพอืน่ ๆ เปน็ คนสว่ นใหญ่ในสงั คม ศูทร ดราวเิ ดียน เทา้r ยอม เพราะ ความ 1 อ กรรมกร เป็นแรงงานใหบ้ คุ คลวรรณะอื่น (วรรณะตำ่ สดุ ) l อง พระ เา - จัณฑาล เป็นบคุ คล “อวรรณะ” คือ คนท่ีเกดิ จากบดิ า-มารดาทต่ี า่ งวรรณะกนั ไม่มสี ิทธปิ ระกอบอาชพี ใดๆ ไ เ น วรรณะ นอกจากขอทาน เปน็ บคุ คลต้องหา้ ม หา้ มคบค้าสมาคม ห้ามเขา้ ใกล้แมแ้ ตเ่ งากห็ ้ามสมั ผสั แ ๓ ก า ทร - เพิม่ เตมิ คัมภีรพ์ ระเวท เล่มท่ี 4 คอื คมั ภีร์อ. ามถนรรขพาวเวทลเากยย่ี งวกปมบั งไคสลยศาสตร์ คาถาอาคมตา่ งๆ hlhln จาก เ ม 3 เ ม (ไตรเวท ) ไ 1 เพ่อื ทำลายส่งิ อัปมงคล (กลุ่มพราหมณ์บางกลุ่มไม่ยอมรับวา่ รวมอยู่เปน็ คมั ภรี พ์ ระเวท) สามารถประกอบ อา พไ นอก จาก ขอทาน พระ ทธเ า เ ด → พราหมณ ง เส อม ลง → ป บ เบสบน เปน /▪ ส,มยั ฮินดู (400 ปีกอ่ น ค.ศ. ถึง ค.ศ.200) น ง ความศ ทธา นศาสนาพราหมณค์ วามนิยมลดลง เนื่องจากปลายสมยั พราหมณ์พระพุทธศาสนาเจริญข้ึน สมัยนี้ จงึ เกดิ การฟื้นฟศู าสนาเกดิ เปน็ “ศาสนาฮนิ. ดมู”แ (ภาษาเปอรเ์ ซียทีเ่ พย้ี นจากคำว่า “สินธุ”) ปแบบ ดงเทพ WU ส พราหม → ไ วตน - พหเุ ทวนิยมตอนพราหม เค→าเอราพเทนวะบั ถอื เทพเจ้า 3 องคโ์ ดยเท่าเทยี มกัน เรียกรวมกันว่า *“ตรีมรู ,ติ”*ได้แก่ / น ยธIรพ2รรมภาหา\"นมวะำ้ ปธแรลรมะช้อ1น.'ส\\พกแำรหบะดรมพาับ→ร→หห1 ยปถมดแบเอ:นบนเยทดลพเจงนผไฟู้สนร(ม้าพพีงรสะาเวรหทรนพเยะอสะเWมปิ่งากน็ ม)หี 4งสพ์ ปักตระรท์ 4ับกอรยบู่ ทนรยงอถดือเคขัมาภพีรร์พะสระเุ มเวรทุ xv สย คนโท 1ห อ ม ลูกประคำ นส เ 2ม. พระนารายณ์ (วิษณุ)การอวตารมาเ า เ อ :กเษทาโพลกผใู้คนุ้มาคนรอดงรักษา มี 4 ก.รอทรงถือศาสตราวุธเป็น ตรี คฑา จักร . w และสังข์ พาหนะเป็นครุฑ มีพญานาคเป็นบัลลังก์ เมื่อโลกเกิดยุคเข็ญ ฝ่ายอธรรมแข็งแกร่งกว่าฝ่าย ธรรมะ พระนารายณ์จะทรงอวตารลงมาปราบยุคเขญ็ 10 ปาง เชน่ รามา7วตาร กฤษณ8 าวตาร พทุ ธ9าวตาร ' \" สงคราม \\ ท ตถะ เ 3ม. พระศิวะ (อิศวร) : พระราม พักตร์ 4 กร ทรงถือศาสตรา เทพผู้ทำลายและเทพแห่งการฟ้อนรำ มี 3 วุธเป็นตรี ธนู และคฑาหัวกะโหลก พระศอดำห้อยด้วยประคำร้อยหัวกะโหลกและมีงูพันรอบเป็น สังวาลย์ มีศิวลึงค์เป็นเคร่อื งหมายพลงั แห่งการสรา้ งสรรค์ มพี าหนะเป็นโคนนที ประทับบนเขาไกรลาส แ function กษณะไ อง 25 ้ต่มัล่คำจัธิสำนิตุย่ิพืมุส่ีท้หัร้พ่กีม่ิพ่ก่กุส่ก์ณัม้มูรุน้ขัชูรัลีมูดัยัมุผัตีม่ม์ณ่ยีม์ณูรุสูสำน่มุ่ลักัรึถูดัอัรึจิก้จุพ้ดีช่ม่ลิดัอ่สำท์ตูถ่ว่ีก่ต็ป่ม้ข้ร้ข่บีช้ช่ติต้ขุตูมัมำท่มัมุยีช่บิผ้ัสิกัวัวีมัล้รัก่ญัย่ก่วัว่มัล่รักิว่มัก่งัตีม่มัม็ปัมัมัล์น

๙ พราหมณ

ส33101 สงั คมศกึ ษา ม.6 บทท่ี 2 พฒั นาการทางประวัตศิ าสตร์และศาสนาในโลกตะวันออก O“โอม” หมายถงึ Oตรมี รู ติ เป็นสญั ลกั ษณข์ องศาสนาพราหมณ์-ฮนิ ดู คอื พ(เกรดิะศจาวิ กะก/ารเมอะย่ พครือะนพ1ารพมะรขพหอรมงหเทมนพ)เ)จhา้ ท้งั h3fมอาlงรคว์ มได้แนก่ อุ คอื พระนารายณ์ / อะ (1 - ความเชื่อเรื่องวันสิ้นโลก โลกที่พระพรหมสร้างขึ้นมีอายุขัย ระยะเวลาตั้งแต่สร้างโลกจนถึง % ความ ห ง ใน ยม 2 แก่ กฤตยุนความา00 ล้างทำลายโลก เรียกว่า “กัลป์” แบ่งเป็น 4 ยุค (มหายุค) ได้ ค เต, รตผาลยุค ทวrาปรยุค และ ความ ไ ไ พระนารายณไ์จะอกวยต, าโหลรลภลงะงโกมรธาปราบยุคเข\\็ญเ บ วย กลี ยุคหา ะยุคคว ามดีงามในโลกจะลดลง . โดยในแต่ล จนกระทั่ง เมอื่\" โไลกสนขาสดรคร วรามดใี นท่ีสดุ พระศิวะจะเปน็ ผนทู้ ำลายโลก o โลก ขาด ความ วะ ลาย ส างพรหม ณ โลกให - กำเนิดปรชั ญาทรรศนะ 6 ปรัชญาชาวฮนิ ดู 6 คน ได้คดิ ค้นหลกั ศาสนาฮินดมู ปี รัชญาทรรศนะ ไว/เศฐษเกิ นะยาสยาะ งขยะ โยคะ 3 ทงั้ 6 สำนัก คือ นยายะ มมี างสา และเวทานตะ_ สอบสวน ม n ตา โย/ คะ บน ชท . กก 'nการ ความ 1 \"9 \" \" ' ต กาย . อร ขาย บ รพระเวท คัมภีร์ ม พราหม !→ พระเวท ไ vw ' เ า มาก - หา แ งไ น คัมภีรข์ องศาสนา-พราหมณ์-ฮนิ ดู แบง่ เปน็ 2 ประเภท ได้แก่ 1. คัมภีร์ศรุติ คือ สิ่งที่ได้ยินได้ฟังจากพระเจ้าโดยตรง ไม่มีผู้แต่ง พบโดยกลุ่มพราหมณาจารย์ wmrrn คือ คมั ภรี ์พระเวท มที งั้ หมด 4 เล่ม แตล่ ะเล่มมี 4 หมวด ไดแ้ ก่ . . - มนตระหรอื สมั หิตา ใชข้ บั กลอ่ มสรรเสริญออ้ นวอนพระเจ้า (สัมหิตา) ไตรเพท + า YN y ส ย พระเวท -พราหม พรามหณะ ใช้อธบิ ายประกอบพิธกี รรม - อารณั ยกะ ใชเ้ ป็นคู่มอื ปฏบิ ตั ิตนของพราหมณ์ - อุปนิษัท เปน็ ปรชั ญาว่าดว้ ยจุดมุ่งหมายสงู สุดของชีวติ (โมกษะ) 2. คัมภรี ์สมฤติ คอื สิ่งทมี่ นุษย์สร้างขน้ึ ภายหลงั เชน่ wmrv - คัมภรี ์อุปนิษัท เปน็ บทสรปุ ของคัมภีร์พระเวททถี่ ือเปน็ การค้นพบทางปรัชญาอันลึกซึ้งของ ฮนิ ดู ซึ่งวา่ ด้วยเรื่องพรหมมัน อาตมัน โมกษะ สงั สารวฏั พระเจา้ โลก และมนุษย์ - คัมภรี ์อิติสาหะ เป็นมหากาพย์ประวตั ิศาสตรว์ ่าด้วยวรี กรรมของวรี บุรษุ ที่เล่าสืบตอ่ กนั มา 1. รามายณะ เพ่อื สอนคณุ ธรรม (ธรรมะชนะอธรรม)อธรรม - ธรรมะ l ง - ก ) (อาร ำน - ดาว ยน ) ( Pg. า 8) _ 2. มห_อาาภรานรแตะง แมีบทนร้อเอยงกรองสำคัญบทหนึ่งที่ได้ชื่อว่าเป็นคัมภีร์หัวใจของศาสนาฮินดู คือ คัมภีร์ภควทั คีตา เปน็ หลกั ปรชั ญาวา่ ดว้ ยเรื่องการทำหน้าท่ีของตนเองอย่างสมบรู ณแ์ ละการหลุดพ้น - คมั ภรี ์พระธรรมศาสตร์ เปน็ หลักกฎหมาย จารีตประเพณี วางระเบียบความประพฤติ - คัมภรี ป์ ุราณะ กล่าวถงึ การกำเนดิ เทพเจ้าตรมี รู ติ และการสร้างโลก และการทำลายโลก - คมั ภีรต์ นั ตระ เปน็ บทสนทนาของพระศิวะและพระอุมาเร่ืองการสรา้ งและความพนิ าศ 26 ักำน่ม่ยัย้ดัยัยัล์ณัม้ด่ม่ตู้ผ่กีณ์รีภัคัภักิจู้รัฎัถ้วุอ่รัภ้ก้นิพ่ม้รำทิศัถ­มัค่ม่ปัขุทีม่ม้ด่ม้ด้ชำทัวัดัดักุนัคัวัม

ส33101 สงั คมศึกษา ม.6 บทที่ 2 พฒั นาการทางประวัตศิ าสตร์และศาสนาในโลกตะวนั ออก กก . การ ง1 ก สรรพ / สมชว . / หลักคำสอนและความเชือ่ หลักปงรใมหาตมr หนั ขวา(พบวรหrมพนั ระปพรรุ หุษมะเ )น ส าง ก ง พราหม ▪ ญญาน Origin of ปรมาตมันTคือา สรวิ่งมยญิ่งญใหาณญ่อันเป็นศูนย์รวมวิญญาณ และสรรพสิ่งในสากลโลก (วิญญาณสากล) แหล่งกำเนิดสรรพสิ่ง (ปฐมวิญญาณ) เกิดขึ้นเอง เป็นนามธรรม ไม่มีรูปร่างหรือตัวตน เป็นสัจธรรม เทีย่ งแท้ ไม่มจี ุดเร่มิ ตน้ และสนิ้ สดุ อ. าาตม๓นั (ชวี าตมัน) คือ วิญญาณที่แยกออกมาจากปรมาตมัน แลว้ เข้าไปสิงสถิตในสง่ิ มชี วี ิต เมื่อ ตายร่างกายจะเสื่อมสลาย อาตมันไม่แตกดับจะออกจากร่างเก่าไปอาศัยร่างใหม่ เรียกว่า “ภพ” (ชาติ) เวยี นว่ายตายเกดิ (สงั สารวัฏ) สาเหตมุ าจากผลกรรมหรอื ยึดถือในอวชิ ชา คือ ความหลงผิด (ความไมร่ ู)้ พราหม ▪ หลักโมกษะ : จุดมุ่งหมายสูงสดุ ของชีวติ โมกษะ คือ ภาวะทอ่ี าตมนั รู้แจ้งในอวิทยา และหลดุ พ้นจากสังสารวฏั (ไม่เวยี นวา่ ยตายเกิดอีก) กลบั ไปr ร6 วบมขใานชนป→รมอาตสวมรนัร เป็นนริ นั ดร์ (อนันตะ) โดยวิธีปฏบิ ัติเพ่ือเข้าถงึ โมกษะเรยี กว่า โยคะ 3 ไดแ้ ก่ 1. กรรมโยคะ คือ การทำแตค่ วามดีตามหนา้ ที่ เพื่อดับความปรารถนาทเ่ี ปน็ เหตใุ หเ้ กิดกรรม |ไ อง อง - 2. ชยานโยคะ คือ การกระทำโดยใชป้ ัญญาด้วยจิตอนั บริสทุ ธิ์ เพอื่ ใหเ้ กดิ ความรูแ้ จ้ง 3. ภักr ตกโิ ยคะ คือ การกระทำความจงรักภักดีตอ่ พระเจ้า โดยสวดสรรเสรญิ ปฏิบัตติ ามคำสอน บน พราหม ▪ หลักอาศรม 4 คือ ขั้นตอนการดำเนินชีวิตตามช่วงวัยของชาวพราหมณ์ โดยแบ่งช่วงชีวิตไว้ ' เ น ๓ ตาม 4 ชว่ ง ดังนี้ การ วง ย 1. พรหมจารี คือ วัยศกึ ษาเล่าเรียนที่เหมาะสมตามวรรณะ เชอ่ื ฟังคำส่งั สอนครูอาจารย์ 2. คฤหสั ถ์ คอื วัยครองเรือน ประกอบอาชพี สุจริตเลย้ี งดูครอบครัว 3. วานปรสั ถ์ คอื วยั ชราท่แี สวงหาความสงบ ออกปฏิบตั ธิ รรมในป่า 4. สันยาสี คือ วยั ชรา สละชวี ิตทางโลก ออกบวช แสวงหาความจริงของชีวิต เพ่ือมงุ่ สู่โมกษะ ▪ หลกั ปุรษุ ารถะคอื จุดมงุ่ หมายสงู สดุ ของชวี ติ ตามหลักอาศรม เพื่อดำเนินชีวติ ที่ดี 4 ประการ ได้แก่ จุดมุ่งหมายทางโลก (วัยคฤหสั ถ)์ - กา/มใชคือ๓กhaาpรpแyสวงหาความสขุ ทางโลกตามแนวทางของหลักธรรม - อรรถ คอื ความสมบูรณ์ดว้ ยทรพั ย์ เกียรตยิ ศ ชอื่ เสยี ง สร้างฐานะทางเศรษฐกจิ จุดมงุ่ หมายทางธรรม - ธรรม คือ การถงึ พรอ้ มดว้ ยคุณธรรม (ทำความดี ละเว้นความชวั่ ) เหมาะกับวัยวานปรัสถ์ - โมกษะ คือ การเขา้ ถงึ ความหลุดพ้นจากทุกข์สน้ิ เชงิ (สังสารวัฏ) เหมาะกบั วัยสนั ยาสี \" Final destination ▪ หลักธรรม 10 ประการ- แ เ น ของ พราหม ธฤติ (ความเพียร) กษมา ทมะ (ความมีสติทธการวธรรม () (ความอดทน) . ข่มจิตใจ) อโกธะ (ความไม่โกรธ) อินทรยี นิครหะ (การตรวจสอบร่างกาย) เศาจะ (การกระทำตนให้บรสิ ุทธท์ิ ั้งกายและใจ) อสั เตยะ (การไม่ ลักขโมย) ธี (การมคี วามรู้และปญั ญา) วิทยา (การมคี วามรูท้ างปรชั ญา) และสัตยะ (ความซือ่ สัตย์) 27 ุพ์ณ็ป่กำจ่ว้ัชัว่ชัว้ช้นำด์ณัถัภ่ท้ต่ม์คู่ยัท์ณ่วัช่ว่ล้หำ้หิว์ณ่ิสุท้รู้ผ็ปัก่ญ่ิย่สันำก

โมกษะ i ย น ๓ ะ บ พาน ะ อ ๓๓ 7 นันันั

ส33101 สังคมศึกษา ม.6 บทที่ 2 พฒั นาการทางประวัตศิ าสตรแ์ ละศาสนาในโลกตะวนั ออก ศาสนพธิ ี ▪ ขอ้ ปฏิบตั เิ ก่ยี วกับวรรณะ - อาชพี : ตอ้ งประกอบอาชพี ตามท่กี ำหนดในวรรณะของตนเองเทา่ น้ัน - การสมr รมส ง: ชคนู่สมรสต้องเหมาะสมกับวรรณะ วรรณะชาวอารยันห้ามสมรสกับวรรณะศูทร มิฉะนน้ั บตุ รจะกลายเป็นจัณฑาล ซึ่งการสมรสถอื เป็นหน้าทข่ี องทกุ คน - อาหาร : หา้ มคนวรรณะต่ำปรงุ อาหารใหค้ นวรรณะสูง ▪ พิธีสังเสากนาร ะบท พิธีประจำบ้านของชาวอารยัน (ยกเว้นวรรณะศูทร) ทุกคนต้องผ่านพิธีนี้จึงจะเป็น ผู้บริสุทธิ์ โดยมีพราหมณเ์ ปน็ ผปู้ ระกอบพิธี เดมิ มที ั้งหมด 13 พธิ ี ได้แก่ คร1ร1ฬภาอธงาน (ทราบการตั้งครรภ์) ปุงสวัน (ปฏิบัติต่อทารกในครรภ์ให้เกิดเป็นเพศชาย) สีมันโตนยัน (ตัดผมมารดาระหว่างท่ีตั้งครรภ์) ชาตกรรม (คลอดบุตร) น* ามอ กรรม*(ตั้งชื่อเด็ก) นิษกรมณ์ (นำทารกออกไปดูดวงอาทิตย์ยามเช้า) *อันนปอ ราศัน* (ป้อนข้าวเด็ก) *อุปานยัน* (พิธีคล้องด้ายศักดิ์สิทธิ์ให้แก่เด็กชาย เรียกว่า “ยัชโญปวีต”. ค ายปฐม เทศs ย พรหมจรร เา แสดงการเข้าสู่วัยพรหมจรรย์) เกศานตกรรม (ตัดผม) สมาวรรตนะ (กลับบ้านหลังจบการศึกษา) 8 ขวบ ไ ไแ แห สงอดางรกนาหรมเกข้าสู่วัยคฤหัสถ์ * วิวr ากหาระ ี ส ม ร ส วรรณะศูทรทำได้เฉพาะพิธีนี้) และเปรตกรรม (พิธีศพ) *(พิธ แต่ปจั จุบันเหลือเพยี ง 4 พิธี ไดแ้ ก่ นามกรรม อนั นปราศนั อปุ านยัน และวิวาหะ อน~ ศร เท รา 1อ ▪ พิธศี .ราทธ์ คือ พธิ ีพลีกรรม โดยการถวายขา้ วปณิ ฑะ (ข้าวสุกป้ัน) ให้แกว่ ญิ ญาณบรรพบุรษุ wmn ชา เท เ า ▪ พิธีศิวาราตรี คือ พธิ ีบูชาพระศิวะ เพ่อื ลอยบาปและล้างบาปดว้ ยการอาบน้ำในแมน่ ้ำคงคา (เช่ือ ว่ามาจากพระเศียรของพระศวิ ะ) การแยกนิกาย - พราหมณ น แยก 4 กาย ศาสนาพราหมณ-์ ฮนิ ดูมีเหตผุ ลในการแยกนิกาย คือ หลังสมัยฮนิ ดู ชาวฮนิ ดูไม่ได้ให้ความเคารพ เทพเจ้าตรีมูรตเิ ท่าเทยี มกนั เปล่ยี นมาเคารพบูชาเทพเจ้าองค์ใดองคห์ น่ึงมากกวา่ เกิดเป็นนิกายดงั น้ี นบั ถือพระศวิ rะ} เfปunน็ cเtทi0พn เใจนา้ าสองงู ส→ดุ สเานง น้, กมคารรอบง ,ชู าลศายิวลึงค์ ▪ นิกายไศวะ wu นบั ถือพร( ะษนา)ราrย3ณ(fเ์ )ปI็นnเทonพeเจา้ สงู สดุ ▪ นิกายไวษณะ nnrnn และเชือ่ ในลทั ธินารายณอ์ วตาร ▪ นิกา- ยเ พาแรหมด นบั ถอื พระพรห.ม3เ(ปf)น็ iเnทพonเeจา้ สูงสดุ Feminist ▪ นับถือพระมเหสีเทวีของตรีมูรติ ได้แก่ พระสุรัสวดี พระลักษมี พระอุมา ยกย่อง นิกrายศักติ และใหค้ วามสำคัญแกส่ ตรี แต่ไมไ่ ด้แยกเป็นนิกายเฉพาะ จะเคารพบูชาตามพระสวามีใน 3 นิกายหลกั 1. พระสรุ ัสวดี : เทพแี หง่ วาจาและการศึกษา เป็นพระเทวขี องพระพรหม 2. พระลกั ษมี : เทพีแห่งความงามและโชคลาภ เปน็ พระเทวขี องพระนารายณ์ ทรงอวตารคูก่ ัน 3. พระอมุ า : เทพีแหง่ อำนาจ เป็นพระเทวีของพระศวิ ะ มี 3 ปาง ไดแ้ ก่ ปาเสรววยตอเี าทรมวนี (เทพีโสภา) \" เจ ทุรคาเทวี (เทพแี ห่งสงคราม) และกาลีเทวี (เทพแี ห่งความโหดร้าย) เทพ แ ง ความ 28 ็รำส่หัถุส่ก่กุณิวำทุ้ค้ร์คันูดัย้ขูพูบ้กัยัลำท้ีน้ช้พ่ค้ดำทูส์ยัวู่ส้ขิน้ลฺกู่ยีมู่ยีม้ท์ิธุสิรู้ผ้ันัริพ่ผุถุค

ส33101 สงั คมศกึ ษา ม.6 บชทื่อท__ี่ _2__พ_ัฒ__น__า_ก_า__ร_ท_า__ง_ป_ร_ะ__ว_ัต_ศิ__า_ส_ต__ร_์แ_ล_ะชศนั้ าสมน.6า/ใ_น_โ_ล_กเตละขวทัน่ี_อ__อ_ก_ / น เ น ใ หลาย ๆ 1 อง อารยธรรมจีน ▪ เอเชียตะวนั ออก : เกาหลีเคยอยู่ภายใต้การปกครองของจีนเป็นเวลานาน จงึ ไดร้ บั อารยธรรมจีน อย่างสมบูรณ์ แต่ญี่ปุ่นเลือกรับและปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมจีนให้เหมาะสมกับพื้นฐานวัฒนธรรมญี่ปุ่น เชน่ ตวั อักษร ความเชอื่ วรรณคดี ▪ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ : เวียดนามเคยอยู่ภายในการปกครองของจีนเป็นเวลานาน จึงได้รับ อารยธรรมจีนอย่างสมบูรณ์เช่นกัน ส่วนประเทศอื่นรับอารยธรรมจีนน้อยมาก สิ่งที่เห็นชัดเจน คือ การยอมรบั การคา้ แบบบรรณมาอกงาร( ๓กตบั . จหยีนวนเ,พโขอื่ ผย )ลประโยชน์ทางการค้า ▪ เอเชียใต้ : อนิ เดยี ไมป่ รากฏว่ารับอทิ ธิพลจากอารยธรรมจนี เดน่ ชัด \" I บ ▪ เ อ เ ช ี ย ตr ซะาว ั นาต กอ ี ห าน - มา ประ อ เ ี ก า ง : เป็นบริเวณที่เส้นทางสายไหมผ่าน จึงเป็นดินแดนท่ี ช ย ล กเ,ฉ ย งใ ต้แ ละเ เชื่อมอารยธรรมจีนกบั อารยธรรมตะวนั ตก แรกเริม่ ชาวอาหรับไดน้ ำวิทยาการและสงิ่ ประดษิ ฐต์ ่างๆ ของ จีน เช่น การแพทย์ กระดาษ การพิมพ์ และดินปืนไปเผยแพร่ให้ชาวยุโรปอีกต่อหนึ่ง ต่อมาในสมัย จักรวรรดิมองโกลที่ขยายอาณาเขตไปถึงยุโรป ส่งผลให้เสน้ ทางสายไหมปลอดภัยและเดินทางได้สะดวก ชาวยโุ รปจงึ เข้ามาติดต่อกับจีนไดโ้ ดยตรง โดยไมต่ อ้ งผ่านชาวอาหรับหรือมุสลมิ อกี ตอ่ ไป การแลกเปลี่ยนสนิ ค้าและวทิ ยาการผ่านเส้นทางสายไหม อารยธรรมอินเดีย ▪ เอเชียตะวันออก : อินเดียสมัยราชวงศ์กุษาณะเจริญรุ่งเรืองด้วยพระพุทธศาสนานิกายมหายาน แr ผน่ไเปนยทาังงจมาีน น1 บ 10 ง จีนฟาราชวง น ทำให้ เผ ย ะส มณ ทู ตม ารั บ พร ะ พุ ทธ ศ าส น าท ี ่ อิน เดีย เช่น ห ลวง. ต๓ เ ี ย น ใ น ส มั ย ที่ ส่งพร . ห เ' น ย ตรง ราชวงศฮ์ ั่น พระเสวียนจงั ในสมยั ราชวงศถ์ งั บ เรา ณะ ▪ เอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ : เป็นภูมิภาคที่รบั อทิ ธพิ ลของอารยธรรมอินเดยี เดน่ ชดั มากท่สี ดุ หลาย ประเทศรับอารยธรรมอินเดยี เกือบทกุ ด้าน ทงั้ ศาสนา ความเชือ่ กาเรทปวรกาคชารอง ศิลปกรรม และตัวอกั ษร ▪ เอเชียตะวันตกเฉียงใต้ : พบเครื่องปั้นดินเผาสมัยสินธุของอินเดียบริเวณลุ่มแม่น้ำไทกริส- ยูเฟรติส และพบเหรียญเมโสโปเตเมียบริเวณเมืองโบราณสมัยสินธุ จึงสันนิษฐานว่า 2 อารยธรรมมีการ ติดต่อกัน ต่อมาชาวอาหรับได้นำวิทยาการของอินเดียไปใช้หลายด้าน ได้แก่*การแพทย์ คณิตศาสต*ร์ และดาราศาสตร์ โดยเฉพาะการแพทยท์ ่ีชาวอาหรับรับจากอนิ เดียแลว้ นำไปเผยแพร่ในยุโรปอีกทอดหน่งึ 29 ้กัอุกัก่ัฮ์ศักัอ่ดัขัรุ่ห่ัอุ้ร้ย้ซ่รัรัอ้ถุอัทุส้ก้ิจ้ร้หู้ผ็ปัข

ส33101 สงั คมศกึ ษา ม.6 บทท่ี 2 พัฒนาการทางประวัตศิ าสตรแ์ ละศาสนาในโลกตะวันออก ▪ เอเชียกลาง : ก่อนศาสนาอิสลามจะขยายอิทธิพลเข้ามา ภูมิภาคนี้ได้รับอิทธิพลของอารยธรรม อนิ เดียมากอ่ น โดยเฉพาะศาสนสถานและศาสนวัตถุในพระพุทธศาสนา นกิ ายมหายาน โลกตะวันออกและโลกตะวันตกมีการติดต่อระหว่างกันเป็นระยะเวลานาน ทำให้เกิดการรับ แลกเปลี่ยนและถ่ายทอดความเจริญแก่กันทั้งทางตรงและการนำมาปรับปรุงให้เหมาะส มกับสังคม ของตน อันส่งให้เกิดการผสมผสานของอารยธรรมตะวันออกและตะวันตก โดยปัจจัยสำคัญในการ ตดิ ต่อกันเพ่อื แสวงหาประโยชน์ทางการค้า ความต้องการขยายดินแดน และความต้องการเผยแผ่ศาสนา รูปแบบการติดต่อ * * ▪ การติดต่อคา้ ขาย จาง เ ยน _ -* เส้นทางสายไหม* เป็นเส้นทาง คน แรก ใ การค้าระหว่างโลกตะวันออกและโลก ตะวนั ตกทใ่ี ช้ตดิ ตอ่ ค้าขายเปน็ เวลากว่า 1,000 ปี จนกระทั่งมีการสำรวจทางทะเลในปลาย คริสต์ศตวรรษที่ 1r 5เ คนเ วาามบสากำค→ัญเ อจาึงยลกดาลง เส้นทางสายไหมเริ่มจากนครฉางอานของจีน ไปทางทิศตะวันตก ผ่านอินเดีย ทะเลทรายใน ภูมิภาคเอเชียกลาง เมโสโปเตเมีย จนถึงชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนทาง อารยธรรมในทกุ สาขาระหว่างโลกตะวันออกและโลกตะวนั ตก นักเดินทางคนสำคญั ทใี่ ช้เส้นทางสายไหม ในการเดินทาง เช่น พระเสวียนจงั ชาวจนี มาร์โค โปโลชาวอิตาเลยี น เปน็ ตน้ 30 ่ว่ง้รำล้ท่ดฺก้ช่ีทีข

ส33101 สงั คมศกึ ษา ม.6 บทที่ 2 พฒั นาการทางประวตั ศิ าสตร์และศาสนาในโลกตะวันออก - เส้นทางเครื่องเทศ เป็นการติดต่อกันระหว่างโลกตะวันออกและโลกตะวันตกทางทะเล เนื่องจากชาวตะวนั ตกตอ้ งการเคร่ืองเทศไวถ้ นอมอาหาร เ น 1 0 รอบ โลก คน แรก วา ) / ( จาก น แ ระสหวม่าง - น ค.ศ.1405 – 1433 สมัยราชวงศ์ การเดินทางสำรวจทางทะเลของนายพลเจิ้งเrหอ ur nv หมิงของจีน โดยเดินทางสำรวจไปถึงชายฝั่งตะวันออกของทวีปแอฟริกา ทำให้สินค้าจีนโดยเฉพาะ ผ้าไหม เครือ่ งเคลือบ และใบชาได้รับความนิยมแพรห่ ลาย ▪ การเผยแผ่ศาสนา การเผยแผ่พระพุทธศาสนาจากอินเดียไปยังจีน (นิกายมหายาน) และดินแดนเอเชียตะวันออก เฉียงใต้ (นิกายเถรวาท) ล้วนมีอิทธิผลต่อการสร้างสรรค์วัฒนธรรมของโลกตะวันออก ส่วนการเผยแผ่ ศาสนาครสิ ตข์ องชาวตะวนั ตกไปยังโลกตะวันออกเกดิ ขน้ึ พร้อมกบั การตดิ ตอ่ ค้าขาย ชาวตะวันตกมคี วาม เชื่อวา่ พระเจ้าจะพอพระทยั มากหากเชิญชวนใหผ้ คู้ นหันมานบั ถือศาสนาคริสต์ได้มากข้นึ ▪ การขยายอำนาจ - การขยายอำนาจของพระเจ้า อเล็กซานเดอร์มหาราชแห่งจักรวรรดิ กรีกจากคาบสมุทรบอลข่านไปจนถึง บริเวณปากีสถานในปัจจบุ ัน ส่งผลให้อารย ธรรมกรีกแผ่ขยายไปถึงทวีปเอเชียและ แอฟริกา เช่น พระพุทธรูปศิลปะคันธาระ แผนที่แสดงอาณาเขตของจักรวรรดิกรีกสมัยพระเจ้าอเล็กซานเดอรม์ หาราช แผนทีแ่ สดงอาณาเขตของจกั รวรรดิมองโกสมยั ราชวงศห์ ยวนของจีน (คันธาราฐ) ของอินเดียที่คล้ายคลึงกับ เทพอะพอลโลของกรกี - การขยายอำนาจของจักรพรรดิ เจงกr หลาน เ น คน อ ว ราชวง หยวน ( น ) ี ิ อ ง โ ก ล ม า ส ข่า น แห่งจั กรวร ร ด ม จนถงึ ฮงั การีในยโุ รปตะวันออก - สงครามครูเสด เป็นสงคราม ระหว่างชาว. คแ รงิสเ ตอง์ เ(โดลพกรตะเะยวันอตก)ส กมับชาว มุสลิม (โลกตะวันออก) ส่งผลให้เกิด การแลกเปลี่ยนสินค้าและอารยธรรม ระหว่างกัน 1 โรป - เอเ ย แผนทีก่ ารเคลื่อนทัพของชาวคริสตใ์ นสงครามครเู สด 31 ีชุยิลุม่ีทู่ย่ีทูซิกืม่ยัข์คัต่ก็ปิลุม่ีท้ข้มัขัร่ด

ส33101 สังคมศกึ ษา ม.6 บทท่ี 2 พฒั นาการทางประวตั ิศาสตร์และศาสนาในโลกตะวันออก ▪ การแสวงหาพันธมิตร การแสวงหาพันธมิตรมีจุดเริ่มต้นจากจักรพรรดิจีนสมัยราชวงศ์ฮั่นได้ส่งจางเชียนเป็นทูตไป ดินแดนทางตะวันตกของจีน เพื่อแสวงหาพันธมิตรช่วยปราบปรามพวกซงหนู ซึ่งเป็นอนารยชนที่มา รุกรานจีน จางเชียนเดินทางไปจนถึงดินแดนในภูมิภาคเอเชียกลาง และได้รับรู้เรื่องราวของจักรวรรดิ โรมนั ทร่ี ่งุ เรอื งมากในขณะนั้น ซงึ่ จนี เรียกวา่ “ต้าฉิน” ( ใ เ นทางสายไหม ) ▪ การแสวงหาดินแดนใหม่ ชาวตะวันตกสนใจดินแดนโลกตะวันออกโดยเฉพาะจีนและอินเดีย เนื่องจากเป็นดินแดนที่มี ทรพั ยากรและสนิ คา้ สำคัญเปน็ ทต่ี ้องการ เชน่ ผ้าไหม เครอื่ งเทศ ซ่ึงเปน็ ท่ตี อ้ งการของชาวตะวันตกเป็น อย่างมาก จึงเริ่มมีนักเดินเรือชาวตะวันตกแสวงหาเส้นทางเดินเรือสู่ดินแดนโลกตะวันออกในสมัยใหม่ นำไปสกู่ ารค้นพบดนิ แดนใหม่ทเี่ ข้าไปสำรวจ ตงั้ ถ่นิ ฐาน และเผยแพร่วฒั นธรรมในเวลาต่อมา ▪ การผจญภัย การผจญภัยเริ่มจากมีนักเดินทางระหวา่ งทวีปที่ชื่นชอบการผจญภัย เพื่อไปยังดินแดนที่ตนเอง ไม่รู้แน่ชัด มีความลี้ลับ ท้าทาย และไม่เกรงกลัวอันตราย เรื่องราวของนักเดินทางทั้งหลายได้กลายเปน็ แรงบนั ดาลใจใหน้ ักเดนิ ทางรนุ่ ใหมท่ ำตาม เชน่ อิบน์ บะฏูเฏาะฮ์ (ค.ศ.1325 - 1356) ชาวโมร็อกโก Ibn Battuta และการเดินทาง ตัวอยา่ งการแลกเปลีย่ นอารยธรรม ▪ ความต้องการสินค้าจากโลกตะวนั ออก ชาวยุโรปมีความต้องการสินค้าจากโลกตะวันออก เช่น ผ้าไหม เครื่องเทศและพริกไทย ใบชา รวมไปถึงเสน้ บะหม่จี ีนที่มาร์โค โปโลนำไปเผยแพรใ่ นอิตาลี จนเกดิ เปน็ เส้นสปาเกต็ ตี อังกฤษซื้อใบชาจากจีนไปปลูกในอาณานิคม เช่น ศรีลังกา อินเดีย และนำไปปรุงรสและกล่ิน จนเกดิ เป็นชาฝร่ัง ▪ เลขอารบิกและระบบการคำนวณ ชาวยุโรปใช้เลขอารบิกและตัวเลข 0 ท่ชี าวอาหรับรบั มาจากอินเดยี สมัยราชวงศ์คุปตะที่มีความ เจรญิ สูงสุดทางศิลปวทิ ยาการ ▪ เข็มทศิ ชาวยุโรปนำความรเู้ รือ่ งเขม็ ทิศทช่ี าวอาหรับรบั มาจากจนี ไปใช้ 32 ช้ส้

ส33101 สังคมศึกษา ม.6 บชท่ือท_ี่_3__พ__ัฒ__น_า__ก_า_ร_ท__า_ง_ป__ร_ะ_ว__ตั _ศิ _า__ส_ต_ร__์ส_ม_ัย__โ_บ_ร_า__ณ__แ_ลชะศน้ั ามส.น6า/ใ_น__โลเลกขตทะว่ี__ัน_ต__ก บทท่ี 3 พฒั นาการทางประวตั ิศาสตรส์ มยั โบราณและศาสนาในโลกตะวันตก yอ r อารยธรรม แรก ของ โลก ! - > 6000 px แ ง ตาม ท ป . เ ม น ของ บก ๓ ว ๓ . × แพ ตะ น ออก เลย 1 Ww . งเพราะ านไป ๓ว ต . อารยธรรมเมโสโปเตเมีย (Mesopotamia) เป็นอารยธรรม ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก มีอายุประมาณ 6,000 ปี ได้รับการยกย่องว่า ประวตั ิศาสตรต์ ะวันตกสมยั โบราณ ได้แก่ อารยธรรม เปน็ อารยธรรมแรกของโลก เมโสโปเตเมีย อียิปต์ กรีก และโรมัน ได้สร้างสรรค์ “เมโสโปเตเมีย” เป็นภาษากรีก แปลว่า ดินแดนระหว่าง มรดกทางวฒั นธรรมทโี่ ดดเดน่ แม่น้ำ 2 สาย หมายถึงาr 1 ม ๓ o - อาห บ ที่ราบลุ่มแม่น้ำไทกริสและยูเฟรติส เป็น อยา่ งไรบา้ ง ดินแดนอุดมสมบรู ณ์ท่ีลอ้ มรอบด้วยพ้ืนที่แหง้ แลง้ โดยรอบในภูมิภาค เอเชียตะวนั ตกเฉยี งใต้ (ตะวันออกกลาง) ปจั จุบันอยู่ในประเทศอิรกั 5 ก ม คน แ ง ง อ ▪ ปัจจยั ท่ีมีอิทธิพลต่อการสรา้ งสrรรคอ์ ารยธรรมเมโสโปเตเมยี งเส ม - อารยธรรมลุ่มแ. ม่น้ำไทกริส – ยูเฟรติส (Tigris – Euphrates) มีรูปร่างโค้งยาวระหว่างสองลุ่มแม่น้ำ จึงมักเรียกว่าเป็น “ดินแดนรูปพระจันทร์เสี้ยว” (Fertile Crescent) ทอดโค้งจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไปจรด อ่าวเปอร์เซีย ลุ่มแม่น้ำตอนบนมีความแห้งแล้งจึงต้อง พัฒนาระบบชลประทาน แต่ลุ่มแม่น้ำตอนลา่ งมีตะกอนมา ทับถมโดยเฉพาะบรเิ วณปากแม่น้ำจึงมีค_วเหามมาอะ ดุ บมกสารมเกบษรู ตณร เ์ ก ๆ ** - บริเวณเมโสโปเตเมียตั้งอยู่ในเขตอากาศร้อน ทไ ะเ เอล อ ยอ จดุ เดน่ ของอารยธรรมเมโสโปเตเมยี คอื มี ภ ู ม ิ อ.า กปสารศรคก ึ่งา- ราการ ฝนตกน้อย มีพายุรุนแรง - เปน็ อารยธรรมทก่ี ลมุ่ ชนหลายเชอื้ ชาติ ท ผลัดเปลี่ยนเขา้ มาปกครอง สภาพภูมิอากาศไม่เอื้อต่อก.ารดำรงชีวิตเพราะ อน มาก จึงเป็นปัจจัยที่ - เป็นจุดเริ่มต้นของอารยธรรมตะวันตก (History begins at Sumer) บั่นทอนกำลังของผู้คนให้ขาดความกระตือรือร้น เมื่อมี ผรู้ ุกรานกม็ กั ยอมพ่ายผู้รุกราน เปน็ ลกั ษณะนี้มาโดยตลอด นl สามารถ มา ด และ ผ ด ไครอง ไ- > ป\" หลาย 1 0 ชา เ า มา ผ ดเป ยน น ครอง กล่มุ ชนทีส่ ร้างสรรคอ์ ารยธรรมเมโสโปเตเมีย ▪ สุเมเรียน : Sumerian (4,0- 06000–o 2,334 ปกี ่อน ค.ศ.) e ยาวนาน ลกั ษณะการปกครอง➢ ฐด' เจรญ → นคร เ กๆ ชาวสุเมเรียนเป็นชนกลุ่มแรกที่สรา้ งสรรค์อารยธรรมบนดินแดนเมโสโปเตเมีย เดิมตั้งถิ่นฐาน โลหะ าก เ ป ็ น ช ุ มช น เ กษ ตร กร ร ม แ ล ะพั ฒ น า เ ป ็ น ช.ุมชค -> “ซูเมอร์” (Sumer) ต่อมาสถาปนา นเมื เรียกบริเวณน้ีว่า อง นครรฐั สุเมเรีย มจี ำนวน 12 นครรฐั ผ้ปู กครองมีฐานะเปน็ กษตั ริย์นักบวช ควบคุมระบบชลประทาน mrv , ชน น คนใน นแดน ] แ ง ใน บ อ . เกรงใจ มไชนโว-ยควนายเกรงใจแทบไ ไร _ 33 เปรยน แปลง ีม่ม่มุชักันำน่บิด่ีท้ัชัรัสุย็ลัรุสัป้กัก่ีลัล้ขิตัชัส่ม้ดักัลึย้รู่ย่ต้อ่มุอ็ลักิร่สู่ย่ีทัข่ยุ่ลัร่ด่ผ่ัสัว่ร้ต่ิรัปีว่บ้ข

ส33101 สงั คมศกึ ษา ม.6 บทที่ 3 พัฒนาการทางประวตั ิศาสตร์สมัยโบราณและศาสนาในโลกตะวันตก มรดกทางวัฒนธรรม :➢ ชา ว10 ก 1ขาว ชน แรก >- ชาว / - ความเชื่อ :*พห. เุเทด วอนนิยมเอ*กชเทาาวสยุเมมเรียนบูชาเทพเจ้าหลายองค์ เชื่อในอำนาจของเทพเจ้าตาม ธรรมชาติ เคารพดวงดาว แม่น้ำ และปรากฏการณ์ตามธรรมชาติที่ยังหาคำตอบไม่ได้ และเชื่อชีวิตใน ปจั จุบัน เ อไ เ อง โลก ห า \" ประทาน ความ ดมสม ร - - อักษรศาสตร์ : อักษรคูนิฟอร์มหรืออักษรล่ิม ซเู มอรก์ า้ วเขา้ สยู่ คุ ประวตั ศิ าสตร์ เปน็ ดนิ แดนแรกของโลก (Cuneiform) ชาวสุเมเรียนเป็นชนชาติแรกของโลกที่สามารถ ป* ระดิษฐ์ตัวอักษรขึ้น*คูนิฟอร์ม*มีลักษณะเป็นตัวอักษรภาพ ใช้ไม้ปลายแหลมที่ทำจากต้นอ้อกดลงบนแผ่นดินเหนียวเปียกๆ เปน็ สัญลักษณห์ รอื ตัวอักษรรูปภาพแทนความหมายของคำ และ นำไปตากแห้งหรืออบด้วยความร้อน ถือเป็นหลักฐานทาง ประวัติศาสตร์ที่เป็นลายลักษณ์อักษรที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในโลก มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ประโยชน์ทางด้านศาสนกิจเป็นสำคัญ โดยพวกพระหรือนักบวชใช้จดบันทึกบทบัญญัติทางศาสนา บัญชีรายรับรายจ่าย บัญชีจำนวนที่ดินที่วัดให้ชาวนาเช่าและ คา่ เชา่ ขนาดของฝูงสตั ว์ เมลด็ พันธ์ุพืชท่ีใชใ้ นการหว่าน เป็นตน้ สถาปัตยกรรมชา เทพเ า (Ziggurat) เาน เห ยว ค าย ปฬร็นดว หแ ไ แหลม - ิ ก/ก ู แ รวตย ิ :*ซ \" *, าร ไ อย ทนทาน → บชาันพใรดะเ า รูปทรงภูเขาจำลองขนาดใหญ่ ทึบตัน ี ท ม างขึ้นเป็น ขั้น (คล้ายพีระมิดขั้นบันได) สร้างขึ้นจากอิฐทีท่ ำจากดนิ เหนียวตากแห้ง (ไม่คงทน) เพื่อบูชาเทพเจ้าประจำ เมือง แสดงถึงพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ของเทพเจ้า ชาวสุเมเรียนเกรงกลัวอำนาจของเทพเจ้า จึงเชื่อว่า มนษุ ย์มหี น้าท่ีรบั ใชเ้ ทพเจ้า นอกจากนี้ซกิ กแู รตยังใชเ้ ปน็ ศูนยศ์ ลิ ปหัตrถกกรอรามแพละสถานพยาบาลอีกดว้ ย - วรรณกรรม :*มหาr กเ าาพแ ย์กดิลในกโาลเกม-ซ¥ค(วนEามโpตicาวยมof Gilgamesh) บันทึกด้วยอักษรคูนิฟอร์มลงบน แผ่นดินเหนียวเมื่อ 2,700 ปีก่อนคริสต์ศักราช มีเนื้อหาเกี่ยวกับการผจญภัยของวีรบุรุษกิลกาเมซ ที่แสวงห.าชาีวทาิตยอมนตาะจพสระาเมาารถรอดจากเหตุการณ์น้ำท่วมโลก แต่ในที่สุดก็ไม่สามารถเอาชนะความตาย และเทพเจ้าได้ ต่อมาความเชื่อนี้ปรากฏในพันธสัญญาเดิม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพระคริสตธรรมคัมภีร์ (Bible) จึงเช่ือว่าได้รบั อิทธิพลจากมหากาพย์เรอ่ื งนี้ ➢ วิทยาการสำคญั : นวณ เวลา - ค#ณิตศาสตร์ :* เลขฐาน 12 (โหล) ฐาน 2.4 (ชั่วโมง) ฐาน 60 (นาที) และฐาน 90 (มุมฉาก) การคูณ การหาร การถอดกรณ. ฑส์กำลังสอง และกำลังสาม การหาพื้นที่ของวงกลม การนับเวลาตาม ' นวณ น จนั ทรคติ และมาตราช่ัง ต.วบงอนวดั มาก - เกษตr ร6กอรงรมบ: หทารำ น ้ ำ เนื่องจากดินแดนซูเมอร์มีความแห้งแล้ง ปริมาณน้ำฝน นบกั้น ไม่เพียงพอต่อการเกษตร จึงต้องพัฒนาระบบชลประทาน โดยการขุดคลองส่งน้ำเช่ือมแหล่งน้ำกับพื้นท่ี เพาะปลูกที่อยู่ห่างไกลจากแม่น้ำ สร้างเขื่อน ประตูน้ำ และอ่างเก็บน้ำ ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มผลผลิตทาง 34 ้ดิรำน้ร่ีทัพำคัถำค้จำอ้ท่ทุส่ก่กีชึต้จูบ่ค่ม่ม่ตัม้ลีน่ถ้ดำท้จูบ์ณูบุอ้น้ร่ืช่ม่น่กิกิยิต

ส33101 สงั คมศกึ ษา ม.6 บทท่ี 3 พัฒนาการทางประวตั ศิ าสตร์สมัยโบราณและศาสนาในโลกตะวนั ตก การเกษตรให้มากขึ้น เช่น ข้าวสาลี ข้าวบารเ์ ลย์ นอกจากนี้ ยังรู้จักประดิษฐ์คนั ไถดว้ ยสำริด และใช้วัวคู่ มาเทยี มคนั ไถเพอื่ ทุ่นแรงมนุษย์ - หัตถกรรม : แป้นจานหมุนสำหรับทำเครื่องปั้นดินเผา ถือเป็นเครื่องกลชิ้นแรกของโลก เครอื่ งมือสำรดิ และเหลก็ และการทอผ้า - วิศวกรรม : วงลอ้ ประกอบเพลาใช้กับเกวยี นและรถศกึ เพ่อื ขนสง่ ผคู้ นท่เี ดนิ ทางและสนิ คา้ อย มาก เพราะ ไ เ ด การ เป ยนแปลง → ไกพ ท . แ ไ ส างไร ▪ อัคคr าเดยี น : Acadian (2,334 – 2,154 ปกี อ่ น ค.ศ.) ชาวอัคคาเดียนไดส้ ถาปนาอาณาจกั รอัคคาเดยี ขน้ึ รับวธิ ีเขยี นดว้ ยตัวอกั ษรคูนฟิ อรม์ มาใช้ ▪ อะมอไรต์ : Amorite (1,895 – 1,595 ปีก่อน ค.ศ.) ➢ ลักษณะการปกครอง ชาวอะมอไรต์อพยพมาจากซีเรียเข้ายึดครองดินแดนซูเมอร์และสถาปนาจักรวรรดิบาบิโลเนีย (Babylonia) ขึ้น มีศูนย์กลางอยู่ที่เมือฺงเบาบิโลนองหลวง มีอำนาจทางการทห.ารทนี่เาขจ้ม+แอขา็งธป→กคมรองแการ บา บ รวมอำนาจ มีการเกณฑท์ หาร การเกบ็ ภาษี และการค้าท่รี ัฐควบคุมอย่างเขม้ งวด า5+-otthie.ฮwัมตาoมrูรlอdา➢ตบาี มรนดกอทางนว ั ฒนธรรม :*ประมrวลคนกกฎว หมการ ายพกระเจ้า *(The Code of Hammurabi) เป็นประมวลกฎหมาย ไ * ←ฉบับแร.กcขiอviง1โลljaกw(*ลายลกั ษณ์อกั ษร) บันทึกด้วยอกั ษรคูนิฟอร์ม โ12 ะ จัดทำในสมัยพระเจ้าฮัมมูราบี (1,792 – 1,750 ปีก่อน คริสต์ศักราช) นำหลักกฎหมายของชาวสุเมเรียนมาปรับปรุง และจัดระเบียบเป็นหมวดหมู่ ใช้หลักการตาต่อตา ฟันต่อฟัน ประมวลกฎหมายพระเจ้าฮัมมรู าบี กล่าวคือ ให้ชดใช้การกระทำความผิดด้วยการกระทำอย่าง เดียวกัน มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความยุติธรรมและระเบียบวินัยในสังคม มีอิทธิพลต่อผู้คนทั้งด้าน เศรษฐกิจ การถือครองที่ดิน การทำมาหากิน แสดงให้เห็นว่าจักรวรรดิบาบิโลเนียมีลักษณะเป็นรัฐ สวัสดิการ โดยรัฐดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในด้านต่างๆ เช่น กำหนดค่ารักษาพยาบาล ค่า ก่อสรา้ ง และราคาสินคา้ เพอื่ มใิ หป้ ระชาชนถกู เอารัดเอาเปรยี บ รวมทงั้ เปน็ กฎหมายฉบับแรกทีค่ มุ้ ครอง สทิ ธสิ ตรี เช่น ให้สทิ ธิสตรีฟอ้ งหยา่ สามีได้ เป็นต้น จักรวรรดิบาบิโลเบยี ระยะหลังถูกพวกฮrิตไอทตใ์ ทะเล จากอนาโตเลยี (ตรุ กี) เข้ารกุ รานเมอ่ื ประมาณ 1,590 ปี (Hittite) ก่อนครสิ ต์ศกั ราชหลงั ทำสงครามกับอยี ิปต์ มีความสามารถในการรบโดยใช้เหลก็ หลอมทำอาวธุ และใชร้ ถศกึ เทียมม้า คะ ห ก ▪ แอส. ซีเรียน : Assyrian (1,392 - 609 ปีกอ่ น ค.ศ.) ➢ ลักษณะการปกครอง ชาวแอสซีเรียนเป*็นนักรบที่เข้มแข็งและกล้าหาญ* ใช้อาวุธที่ทำดว้ ยเหลก็ อย่างมีประสิทธิภาพ เข้ายึดครองเมโสโปเตเมียจากชาวอะมอไรต์และสถาปนาจักรวรรดิแอสซีเรีย มีศูนย์กลางอยู่ที่เมือง 35 ัลุยำค้ตู่ย้ตู้ส่มัพ่ตัท่ตัผำทัล้คุคุวำอีมืม้ร่ม่ต้ด้ย่ีลิก่ม้นัม

ส33101 สังคมศกึ ษา ม.6 บทท่ี 3 พัฒนาการทางประวัตศิ าสตร์สมยั โบราณและศาสนาในโลกตะวันตก นเิ นเวหr์ (เNiอnงeหvลeวhง) และขยายอาณาเขตไปถึงชายฝ่งั ตะวนั ออกของทะเลเมดเิ ตอร์เรเนียนและตอนเหนือ ของอียิปต์ นอกจากนี้ยังปรากฏแนวคิดเทวราชา กษัตริย์มีพระราชฐานะเปr แบบเทวราชา ็น- สมเจอ มวต,ไิเทพอย (ดผู้แทนของ พระเจ้า) กษัตริย์แอสซีเรียนจึงมีเกียรติและมีฐานะสูงกว่ากษัตริย์สุเมเรียน กษัตริย์องค์สำคัญ คือ พระเจ้าอัสซูร์บานปิ าล : Ashurbanipal (668 – 627 ปกี ่อนคริสต์ศกั ราช) ➢ มรดกทางวฒั นธรรม : - สถาปัตยกรรม : พระ*ราชวังของจักรพรรดิซากอน* เป็นสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ ตัวอาคารสร้างเป็นรูปครึ่งวงกลมและ พระราชวังของจกั รพรรดิซากอน มีโดมr +ชปารวะแโอสง ซแบเี บรียAนRCถือคติเทวราชา จึงนิยมสรา้ งพระราชวังขนาด ใหญ่มากกว่าศาสนสถาน เพื่อใช้เป็นที่ประทับและศูนย์กลางการ ปกครอง ป มา กรรม > ๓ กรรม นr - ประติมากรรม : *ภาพ/สลเจักญนูนดต่ำyมีการเคลื่อนไหวตาม ธรรมชาติ เป็นภาพการดำเนินชีวิตประจำวันของชาวแอสซีเรียน เช่น ภาพการล่าสัตว์ ภาพการทำสงครามกับชนชาติต่างๆ เป็นต้น เป็นภาพที่ใช้ประดับพระราชวงั เพือ่ เชดิ ชูกษตั ริยใ์ นฐานะนกั รบ ภาพสงิ โตตวั เมยี ใกล้ตาย ➢ วทิ ยาการสำคัญ ☒: ห้องสมุดเมืองนิเนเวห์*เป็นห้องสมุดที่เกา่ แกท่ ่ีสดุ ในโลก รวบรวมงานเขียน ที่จารึกเรื่องราวต่างๆ บนแผ่นดินเหนียวตากแห้งจำนวนมากถึง 22,000 แผ่น เช่น เพลงสวด นิยาย ปรัมปรา วรรณกรรม ประวัติศาสตร์ การปกครอง เป็นต้น สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอัสซูร์บานิปาล ซ่งึ เป็นสมัยทศี่ ิลปวฒั นธรรมของชาวแอสซีเรยี นเจรญิ รุ่งเรอื งมาก ▪ คาrลสเดยยี นเผย: แCพhaศlาdสeนaาnท(ธ609 – 539 ปีกอ่ น ค.ศ.) ➢ ลกั ษณะการปกครอง ชาวคาลเดียนเข้ายึดครองดินแดนเมโสโปเตเมียจากชาวแอสซีเรียน และได้สถาปนาจักรวรรดิ งนอใยห NE อ บาบิโลเนียใหม่ ศ ู น ย ์ ก ล.า ู ่ - า บ ิ โ ล น ซึ่งขยายให้กว้างใหญ่ขึ้น มีกำแพงล้อมรอบ และสร้าง มืองบ ที่เ พระราชวังและวิหารขนาดใหญ่บนฝั่งแม่น้ำยูเฟรตีส กษัตริย์องค์สำคัญ คือ พระเจ้าเนบูคัดเนซซาร์ : Nebuchadnezzar (605 – 562 ปกี อ่ นคริสตศ์ ักราช) ➢ มรดกทางวัฒนธรรม สวนลอ. ยแสบดางบงโิ คลวนาม*(เHจ aญn→ginงgมGศaจrdรรenขอsง โลก #- Babylon) of เป็นสวนขนาดใหญ่อย่บู ริเวณระเบียงของพระราชวัง มหี ลายชั้น แต่ละชั้นปลูกพืชนานาพันธุ์ มีกังหันวิดน้ำขึ้นไปรดน้ำบนสวน ชั้นบนได้ แสดงถึงความเจริญของระบบชลประทานและ วิศวกรรม ทำให้สวนแห่งนี้มีพืชพรรณเขียวชอุ่มตลอดปี เป็นสถาปตั ยกรรมทเ่ี ปน็ สิง่ มหศั จรรย์ของโลกในยคุ โบราณ สวนลอยบาบโิ ลน -*หอคอยแหง่ บาเบล*(Tower of Babel) มลี ักษณะคล้ายซิกกูแรตขนาดใหญ่ 36 ์ยัห่ัสิรัถ่มัอุพ่รัมุสิร้ขัตัห้คูตัว่ค่มัวืม

ส33101 สงั คมศกึ ษา ม.6 บทที่ 3 พัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยโบราณและศาสนาในโลกตะวนั ตก ➢ วิทยาการสำคญั : - การคำนวณเวลา : แบ่งสัปดาหอ์ อกเปน็ 7 วัน วันละ 12 คาบ คาบละ 120 นาที - ดาราศาสตร์ : การคำนวณสุริยุปราคาและคำนวณเวลาโคจรของดวงอาทิตย์ในรอบปี ชาวคาลเดยี นเปน็ *ชนชาติแรก*ทน่ี ำความรดู้ าราศาสตรม์ าทำนายโชคชะตามนษุ ย์ ➢ การล่มสลาย : จักรวรรดิบาบิโลเนียถูกจักรวรรดิเปอร์เซียยึดครองเมื่อ 537 ปีก่อน ครสิ ต์ศกั ราช ถือเป็นจดุ ส้ินสุดอารยธรรมเมโสโปเตเมยี าน ครส กอ แบบ รวม กชน ชา โรป > Asia ' น ด แรก วน อย าง จาก ' Asia .การสร้างสrรรคอ์ ารยธรรมในเอเชียไมเนอร์ เอเชียไมเนอร์เป็นดินแดนที่อยู่ระหว่างคาบสมุทรบอล ข่า. นและป จบ . → กคากบสม,ุทตรออนาใหรับในภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ปัจจุบันมีพื้นที่อยู่ในประเทศตุรกี อิสราเอล และซีเรีย เมื่อ ประมาณ 1,200 – 700 ปีก่อนคริสต์ศักราช มีชนชาติเก่าแก่อื่นๆ ท่ีอาศยั อยไู่ ดถ้ ่ายทอดความเจรญิ ให้แก่อารยธรรมตะวันตก ดังนี้ A ▪ ฟนิ ิเชียน (Phoenician) , การ า ทะเล t เ น l ° r ๙ คน โร น ด ➢ ลกั ษณะการปกครอง ' กษร Alphabet ชาวฟินิเชียนมีชือ่ เดิมว่า “แคนาไนต์” (Canaanite) อาศัยอยู่บริเวณแคบๆ ของชายฝั่งทะเล เมดิเAต.อเร์เนรเดนทียานงใกนารพื้นาท*ี่ประเทศเลบานอนในปัจจุบัน มีการปกครองแบบนครรัฐ และเมื่อประมาณ 750 ปีก่อนคริสต์ศักราช ดินแดนต่างๆ ของชาวฟินิเชียนถูกยึด ครองโดยชาวแอสซีเรียน และเมื่อ 146 ปีก่อนคริสต์ศักราชจึงถูก ทำลายโดยกองทำเรอื ของจักรวรรดโิ รมนั ➢ มรดกทางวัฒนธรรม : อ ั ก เ าแ → า เ บาตตาชยาายว ฟ ิ น ิ เ ช ี ย น ษ. รอัล ฟ นำตัวอักษรคูนิฟอร์มและอักษรเฮียโรกลิฟฟิกมาดัดแปลงเป็น พยัญชนะ 22 ตัว เมื่อประมาณ 1,000 – 900 ปีก่อนคริสต์ศักราช กลายเป็นต้นแบบตัวอักษรกรีกและละติน ➢ วิทยาการสำคัญ :itการค้าทางทะเลและการเดินเรือ☒ ชาวฟินิเชียนตั้งถิ่นฐานบริเวณชายฝั่ง ทะเล สร้างเรือใบขนาดใหญ่ในการเดินทะเล สามารถควบคุมการค้าในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และจัดต้ัง เมืองท่าชายฝัง่ ทะเลเมดิเตอรเ์ รเนียนหลายแหง่ เช่น เมืองคาเทจ (Carthage) นอกจากนี้ยังเปน็ กลุม่ ชน ท่ีสง่ ผ่านอารยธรรมเมโสโปเตเมียและอยี ปิ ตไ์ ปเผยแพร่ยังชายฝ่ังตะวนั ตกของยโุ รป * ▪ อ า คนกลาง พวกลิเดียนรจู้ กั ใช้เหรียญกษาปณ์เป็นชนชาตแิ รก เปอรเ์ rซยี น (Persia) เปอรเ์ ซ' ยี สน)ตองั้าถรยน่ิ ธฐรารนมออยอู่บกร7เิ วตณกทรี่ าบสงู อิหร่าน เปน็ บรรพบรุ ษุ ของชาวอิหรา่ น 37 ้ค่พ่ยู่ป่ก่ก้คุจ็ปัอึยัมัริด้ค้ตีร่ต่ีท่ย่สุยิตุท้ขัต่ม์ินุพุช้ส


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook