Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรกลุ่มสาระสุขศึกษาและพลศึกษา

หลักสูตรกลุ่มสาระสุขศึกษาและพลศึกษา

Published by rbanditaektrakul, 2022-01-30 15:04:17

Description: หลักสูตรกลุ่มสาระสุขศึกษาและพลศึกษา

Search

Read the Text Version

48 คำอธิบำยรำยวชิ ำ พ16101 สุขศึกษำและพลศกึ ษำ กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้ สขุ ศึกษำและพลศกึ ษำ ช้นั ประถมศกึ ษำปีที่ 6 เวลำ 80 ชว่ั โมง/ปี ศกึ ษาความสาคัญและวิธีดูแลรักษาระบบสบื พันธ์ุ ระบบไหลเวียนโลหติ และระบบหายใจท่มี ีผลต่อ สุขภาพ การเจริญเติบโตและพัฒนาการให้ทางานเป็นปกติ ความสาคัญของการสร้างและรักษาสมั พันธภาพ กับผู้อื่น พฤติกรรมเสี่ยงท่ีนาไปสู่การมีเพศสัมพันธ์ การติดเช้ือเอดส์ และการต้ังครรภ์ก่อนวัยอันควร ความสาคัญและแก้ไขปัญหา ส่ิงแวดล้อมที่มีผลต่อสุขภาพส่งิ แวดล้อมท่ีมีผลต่อสุขภาพ ผลกระทบที่เกิดจาก การระบาดของโรคและเสนอแนวทางการป้องกันโรคติดต่อสาคญั ที่พบในประเทศไทย พฤติกรรมที่แสดงออก ถึงความรับผดิ ชอบต่อสุขภาพของสว่ นรวม ความรุนแรงของภัยธรรมชาติท่ีมตี ่อร่างกาย จติ ใจ และสังคม การ ปฏิบัติตนเพื่อความปลอดภัยจากภัยธรรมชาติ สาเหตุของการติดสารเสพติด และชักชวนให้ผู้อ่ืนหลีกเลี่ยง สารเสพติด หลักการ รูปแบบ การจาแนก การเคลื่อนไหวร่างกายโดยอาศัยกลไกการทางานประสานกัน ของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย สง่ ผลให้ร่างกายของคนเราเคลื่อนที่ไปในทศิ ทางท่ีต้องการเพ่ือให้เกิดการพัฒนา ทัง้ ทางดา้ นสมรรถภาพทางกาย อารมณ์ สังคมและจติ ใจ ในการออกกาลงั กาย กิจกรรมนนั ทนาการ การเล่น เกม การเล่นกีฬาไทย กีฬาสากล ทั้งประเภทบุคคลและประเภททีม และรู้กฎ กติกามารยาท ในการ เลน่ ประเภทนัน้ ๆ โดยใช้กระบวนการการสืบค้น การอภิปราย การปฏิบัติ เพื่อเกิดความรู้ ความเข้าใจนาไปสู่การ ปฏิบัติการสรา้ งเสริมสมรรถภาพเพ่อื สขุ ภาพที่ถูกต้องเหมาะสม เกิดความตระหนักและเห็นคุณค่าในการดูแล ตนเองและผู้อื่น ใฝ่เรียนรู้ มุ่งม่ันในการทางาน เล่นกีฬาท่ีตนเองช่ืนชอบ ด้วยความสามัคคีและมีน้าใจ นกั กีฬา มวี ินยั คานงึ ถึงความปลอดภัย รกั ความเปน็ ไทย การนาไปใช้ในชีวิตประจาวันไดอ้ ย่างปกตสิ ุข ตวั ชวี้ ัด มำตรฐำน พ 1.1 พ.1.1 ป.6/1 พ 1.1 ป.6/2 มำตรฐำน พ 2.1 พ 2.1 ป.6/1 พ 2.1 ป.6/2 มำตรฐำน พ 3.1 พ.3.1 ป.6/1 พ.3.1 ป.6/2 พ.3.1 ป 6/3 พ.3.1 ป 6/4 พ.3.1 ป.6/5 มำตรฐำน พ 3.2 พ.3.2 ป.6/1 พ.3.2 ป.6/2 พ.3.2 ป 6/3 พ.3.2 ป 6/4 พ.3.2 ป.6/5 พ.3.2 ป.6/6 มำตรฐำน พ 4.1 พ 4.1 ป.6/1 พ 4.1 ป.6/2 พ 4.1 ป.6/3 พ 4.1 ป.6/4 มำตรฐำน พ 5.1 พ 5.1 ป.6/1 พ 5.1 ป.6/2 พ 5.1 ป.6/3 รวม 22 ตวั ชว้ี ัด

49 คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ พ 21101 สุขศึกษำและพลศกึ ษำ ชั้นมธั ยมศกึ ษำปีท่ี 1 เวลำเรียน 2 ชวั่ โมง/สปั ดำห์ 40 ช่วั โมง/ภำคเรยี น ภำคเรียนท่ี 1 จำนวน ( 1.0 หนว่ ยกิต ) ศกึ ษา วิเคราะห์ และอธิบายเก่ยี วกบั ความสาคัญของระบบประสาทและระบบตอ่ มไรท้ อ่ ท่ีมีผลต่อ สุขภาพ การเจรญิ เติบโต และพัฒนาการของวัยรนุ่ วิธีการดแู ลรักษาระบบประสาทและตอ่ มไรท้ ่อให้ทางาน ตามปกติ ภาวะ การเจริญเตบิ โตทางร่างกายของตนเองกับเกณฑม์ าตรฐาน วิธีปรับตวั ตอ่ การเปลี่ยนแปลง ทางร่างกาย อารมณ์ จิตใจ และพฒั นาการทางเพศอยา่ งเหมาะสม แสดงทกั ษะการปฏิเสธเพอ่ื ป้องกันตนเอง จากการถกู ล่วงละเมดิ ทางเพศ ความสามารถของตนเองตามหลักการเคลอ่ื นไหวทใี่ ช้ทักษะกลไกและทักษะ พื้นฐานที่นาไปส่กู ารพัฒนาทักษะการเล่นกีฬาไทยและกฬี าสากล ประเภทบุคคลและทมี โดยใช้ทกั ษะพื้นฐาน ตามชนดิ กีฬา ร่วมกจิ กรรมนนั ทนาการและนาหลกั ความรูท้ ไี่ ด้ไปเชอื่ มโยงสมั พันธ์กบั วิชาอืน่ ความสาคญั ของ การออกกาลงั กาย และการเล่นกีฬา จนเปน็ วิถีชวี ิตท่มี ีสุขภาพดี ออกกาลงั กายและเลือกเข้าร่วมเล่นกฬี าตาม ความถนดั ความสนใจอยา่ งเตม็ ความสามารถพรอ้ มท้งั มีการประเมินการล่นของตนเองและผอู้ ืน่ ปฏบิ ตั ติ ามกฎ กตกิ าและขอ้ ตกลงตามชนิดกฬี าทเ่ี ลอื กเลน่ โดยใชก้ ระบวนการการเรยี นร้แู บบรว่ มมอื สืบค้นข้อมลู วิเคราะห์ และอภิปรายเพื่อให้เกดิ ความรู้ ความเขา้ ใจ สานกึ ในคุณคา่ และศกั ยภาพของตนเอง เพื่อให้สามารถสือ่ สารสิ่งทเ่ี รียนร้แู ละนาประสบการณไ์ ปปรบั ใช้ใหเ้ กิดประโยชน์สงู สุดในการดาเนนิ ชวี ิต ตัวช้ีวัด พ 1.1 ม.1/1, ม.1/2, ม.1/3, ม.1/4 พ 2.1 ม.1/1, ม.1/2 พ 3.1 ม.1/1 , ม.1/2, ม.1/3 พ 3.2 ม. 1/1, ม.1/2 พ 4.1 ม.1/4 รวมทงั้ หมด 12 ตัวช้วี ัด

50 คำอธบิ ำยรำยวิชำพนื้ ฐำน พ 21102 สขุ ศึกษำและพลศึกษำ ชนั้ มัธยมศกึ ษำปีท่ี 1 เวลำเรียน 2 ชว่ั โมง/สัปดำห์ 40 ชัว่ โมง/ภำคเรยี น ภำคเรียนที่ 2 จำนวน ( 1.0 หนว่ ยกติ ) ศกึ ษา วเิ คราะห์ เก่ียวกับ ปัญหาทีเ่ กิดจากภาวะโภชนาการทมี่ ีผลกระทบตอ่ สขุ ภาพ การเลือกกิน อาหารที่เหมาะสมกับวัย ควบคุมน้าหนักของตนเองให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน สร้างเสริมและปรับปรุง สมรรถภาพทางกาย สามารถดุแลตนเองเมื่อยามเจ็บป่วย มีกระบวนการสร้างเสริมความปลอดภยั ให้ตนเอง และครอบครัว สถานการณ์ท่ีอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตและความปลอดภัย การตัดสินใจและปฏิบัติตนในการ แก้ปัญหาเมื่อเผชิญกับภัยอันตราย สามารถแสดงวิธีปฐมพยาบาลและเคลื่อนย้ายผู้ป่วยอย่างปลอดภัย อธิบายลักษณะอาการของผู้ติดสารเสพติดและการป้องกันการติดสารเสพติด ความสัมพันธ์ของการใช้สาร เสพติดกับการเกิดโรคและอุบัติเหตุ แสดงวีการชักชวนให้ผู้อ่ืนเลิกสารเสพติดโดยใช้ทักษะต่างๆ รวมถึงการ วางแผนการรกุ และการปอ้ งกนั ในการเล่นกีฬาทเี่ ลือกและนาไปใชใ้ นการเลน่ อย่างเป็นระบบ ร่วมมือในการเล่น กฬี าและการทางานเป็นทีมอย่างสนุกสนาน วิเคราะห์ เปรยี บเทียบ ยอมรับความแตกต่างระหว่างวิธีการเล่น กฬี าของตนเองและผู้อื่น โดยใช้กระบวนการการเรียนรู้แบบร่วมมือ สืบค้นข้อมูล วิเคราะห์ และอภิปรายเพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ สานกึ ในคณุ ค่าและศักยภาพของตนเอง เพ่อื ให้สามารถสอ่ื สารส่ิงทีเ่ รยี นรู้และนาประสบการณ์ไป ปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการดาเนินชวี ติ ตวั ช้วี ัด พ 3.2 ม.1/3, ม.1/4, ม.1/5 , ม.1/6 พ 4.1 ม.1/1, ม.1/2, ม.1/3 พ. 5.1 ม.1/1, ม.1/2, ม.1/3, ม.1/4 รวมทัง้ หมด 11 ตัวช้ีวัด

51 คำอธบิ ำยรำยวชิ ำพน้ื ฐำน พ 22101 สุขศึกษำและพลศึกษำ กล่มุ สำระกำรเรยี นรูส้ ุขศึกษำและพลศึกษำ ชนั้ มธั ยมศึกษำปที ่ี 2 ภำคเรยี นท่ี 1 เวลำ 40 ชั่วโมง/ภำคเรยี น จำนวน 1.0 หน่วยกติ รูแ้ ละเข้าใจ เห็นความสาคัญ สามารถดูแลปฏบิ ัติตนกบั การเปล่ยี นแปลงด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญาในวัยรุ่น เข้าใจ แยกแยะและเห็นคุณค่าปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการเจริญเติบโต และ พฒั นาการด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สงั คม และสตปิ ัญญา พันธกุ รรม ส่ิงแวดล้อม การอบรมเลี้ยงดู อิทธิพล ตอ่ เจตคติในเรอื่ งเพศ ครอบครวั วัฒนธรรม เพ่ือน สื่อ ผลกระทบท่ีเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรยี น และ แนวทางแก้ไข หากเกิดกับเพื่อนและตนเองได้อย่างเหมาะสม มีความรู้ความเข้าใจและระบุประเภทหรือ ตอบสนองต่อการป้องกันตนเองและหลีกเล่ียง โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โรคเอดส์ การตั้งครรภ์โดยไม่พึง ประสงค์ เห็นความสาคัญความเสมอภาคทางเพศ การวางตัวต่อเพศตรงข้าม ปญั หาทางเพศ และแนวทางการ แก้ไขปญั หาทางเพศ นาผลการปฏิบตั ิตนเกยี่ วกบั ทักษะ เข้าใจเปรียบเทียบตอบสนองตอ่ การปฏิบัตติ นเกีย่ วกับ ทักษะกลไกและทักษะการเคลื่อนไหวในการเล่นกีฬาจากแหล่งข้อมูลที่หลากหลายมาสรปุ เป็นวิธีท่ีเหมาะสม ในบริบทของตนเองในการเล่นกีฬา เลือกวิธี ยอมรับ ยกย่อง ชมเชยต่อการเล่นกีฬาไทย กีฬาสากลตามชนิด กีฬาที่เลือก เช่น กรีฑาประเภทลู่และลาน บาสเกตบอล กระบ่ี เทนนิส ตระกร้อลอดบ่วง ฟุตบอล ว่ายน้า เท ควนั โด เปรียบเทียบประสิทธิภาพของรปู แบบการเคลื่อนไหวท่สี ่งผลต่อการเลน่ กีฬา กจิ กรรมในชีวิตประจาวัน และนาประสบการณ์จากการร่วมกิจกรรมนันทนาการไปปรบั ใช้ในชีวติ ประจาวัน นาเสนอและเหน็ ความสาคัญ ของสาเหตุการเปล่ียนแปลงทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา จากการออกกาลังกายและ การเล่นกฬี าอย่างสม่าเสมอจนเป็นวิถีชีวิต มกี ารสร้างวิถีชีวติ ที่มีสุขภาพดี โดยการออกกาลังกายและเล่นกีฬา เป็นประจาด้วยการปฏิบัตแิ ละเห็นคุณค่าการออกกาลังกายและการเล่นกฬี าไทย กฬี าสากลท้ังประเภทบคุ คล และประเภททีม มีการวิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างบุคคลเพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาการร่วมกิจกรรม การออกกาลังกายและเล่นกีฬา ชีวิตประจาวัน มีทักษะและนาประสบการณ์จากการร่วมกิจกรรม นันทนาการไปปรับใช้ในชีวิตประจาวันอย่างมีวินัยตามวินัยในการฝึก และการเล่นกีฬา ตามกฎ กติกาและ ข้อตกลง เข้าใจปฏิบัติจัดลาดับความสาคัญของรูปแบบ กลวิธีการรุก การป้องกันในการเล่นกีฬา เห็น ความสาคญั และประโยชน์ของการเล่นและการทางานเป็นทมี การให้ความรว่ มมอื ในการเลน่ ในการแขง่ ขันกฬี า และการทางานร่วมกนั เป็นทมี มีการพัฒนา ปฏิบัติรบั รู้และสนองตอบต่อการพฒั นาวิธีเล่นกฬี าทเี่ หมาะสมกับ ตนเอง เลอื กวิธีเล่น แกไ้ ขขอ้ บกพร่องการเพม่ิ ทักษะ การสร้างแรงจูงใจและความมุ่งมั่นและแขง่ ขันกฬี า รหัสตัวช้ีวดั พ 1.1 ม.2/1,ม.2/2 พ 2.1 ม.2/1,ม.2/2,ม.2/3,ม.2/4 พ 3.1 ม.2/1,ม.2/2,ม.2/3,ม.2/4 พ 4.1 ม.2/7 พ 5.1 ม.2/1 รวม 12 ตวั ช้วี ดั

52 คำอธิบำยรำยวชิ ำพน้ื ฐำน พ 22102 สุขศึกษำและพลศกึ ษำ กลมุ่ สำระกำรเรียนรสู้ ขุ ศกึ ษำและพลศึกษำ ชน้ั มธั ยมศึกษำปีที่ 2 ภำคเรยี นที่ 2 เวลำ 40 ชัว่ โมง/ภำคเรยี น จำนวน 1.0 หน่วยกติ รูเ้ ข้าใจสาเหตแุ ละมีการนาเสนอ ใหค้ วามสาคัญตอ่ การเปลยี่ นแปลงทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญาจากการออกกาลังกายและการเล่นกีฬาเป็นประจาอย่างสม่าเสมอ จนเป็นวิถีชีวิตท่ีมีสุขภาพดี เข้าใจปฏิบัติเห็นคุณค่าการออกกาลังกาย การเล่นกีฬาไทย กีฬาสากลท้ังประเภทบุคคลและทีม วิเคราะห์ ความแตกต่างระหว่างบุคคลเพ่ือเป็นแนวทางในการพัฒนา การร่วมกิจกรรมการออกกาลังกายและเล่นกีฬา อยา่ งมีวินัยตามวินัยในการฝึก และการเล่นกีฬาตามกฎ กติกา และข้อตกลง เข้าใจปฏบิ ัตจิ ัดลาดับความสาคัญ ของรูปแบบ กลวิธีการรุก การป้องกันในการเล่นกีฬา เห็นความสาคัญและประโยชน์ของการเล่นและการ ทางานเป็นทีม การให้ความร่วมมอื ในการเล่น ในการแข่งขันกีฬาและการทางานร่วมกันเป็นทีม มีการพัฒนา ปฏิบัติรับรู้และสนองตอบต่อการพัฒนาวิธีเล่นกีฬาท่ีเหมาะสมกับตนเอง การเลือกวิธีเล่น การแก้ไข ข้อบกพร่อง การเพ่ิมทักษะ การสร้างแรงจูงใจ และการสร้างความมุ่งมั่นในการเล่น และแข่งขันกีฬามารยาท ในการเล่นและการดูกีฬาด้วยความมีน้าใจนักกีฬา รู้เข้าใจ สรุป รับรู้ และสนองตอบต่อการเลือกใช้ บริการทางสุขภาพ และผลกระทบของเทคโนโลยีทีม่ ีต่อสุขภาพ เขา้ ใจ แยกแยะ รับรู้ และสนองตอบต่อความ สมดลุ ระหว่างสุขภาพกายและสุขภาพจิต รเู้ ข้าใจปฏบิ ัติรับรู้และสนองตอบในการปฏบิ ัติตนตามวิธีเพื่อจัดการ กับอารมณ์และความเครียด เห็นความสาคัญของการทดสอบสมรรถภาพทางกายและการพัฒนาสมรรถภาพ ทางกาย รู้เข้าใจนาเสนอตอบสนองต่อการฟื้นฟูผู้ติดสารเสพติด นาเสนอวิธีการหลีกเลี่ยงและให้ความสาคัญ พฤติกรรมเส่ียง สถานการณ์เสี่ยง การมั่วสุม การทะเลาะวิวาท การเข้าไปในแหล่งอบายมุข การแข่ง จกั รยานยนต์บนทอ้ งถนน พร้อมปฏิบตั แิ ละใหค้ วามสาคญั ของทักษะชวี ิตและการปอ้ งกนั ตนเอง (ทักษะปฏเิ สธ ทักษะการต่อรอง ฯลฯ) และหลกี เลยี่ งสถานการณ์คบั ขนั ที่อาจนาไปสอู่ ันตราย รหัสตวั ชี้วัด พ 3.2 ม.2/1,ม.2/2,ม.2/3,ม.2/4,ม.2/5 พ 4.1 ม.2/1,ม.2/2,ม.2/3,ม.2/4,ม.2/5,ม.2/6 พ 5.1 ม.2/2,ม.2/3 รวม 13 ตวั ชี้วัด

53 คำอธบิ ำยรำยวิชำ พ 23101 รำยวิชำ สขุ ศึกษำและพลศกึ ษำ กลุ่มสำระกำรเรียนรูส้ ขุ ศึกษำและพลศึกษำ เวลำเรียน 1 ชั่วโมง/สปั ดำห์ 20 ชั่วโมง/ภำคเรียน ภำคเรียนที่ 1 จำนวน ( 1 หนว่ ยกิต ) เปรียบเทียบการเปล่ยี นแปลงทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสตปิ ัญญา แตล่ ะชว่ งของ ชวี ิต วเิ คราะห์อิทธิพลและความคาดหวังของสังคมต่อการเปล่ียนแปลงของวัยรุ่น วิเคราะห์ สื่อ โฆษณา ท่ีมี อิทธพิ ลต่อการเจรญิ เติบโตและพัฒนาการของวยั รุ่น อธิบายอนามัยแม่และเด็ก การวางแผนครอบครัว และ วธิ กี ารปฏิบตั ิตนทเ่ี หมาะสม วิเคราะห์ปัจจัยท่ีมผี ลกระทบตอ่ การต้ังครรภ์ วิเคราะห์สาเหตุและเสนอแนวทาง ปอ้ งกัน แกไ้ ขความขดั แย้งในครอบครัว เล่นกีฬาไทยและกีฬาสากลได้อย่างละ 1 ชนิดโดยใช้เทคนิคท่ีเหมาะสมกับตนเองและทีมนาหลักการ ความรแู้ ละทักษะในการเคลื่อนไหว กิจกรรมทางกาย การเล่นกม และการเล่นกีฬาไปใช้สร้างเสริมสุขภาพ อย่างต่อเนื่องเป็นระบบ ร่วมกจิ กรรมนันทนาการอย่างน้อย 1 กิจกรรมและนาหลกั ความรู้วธิ ีการไปขยายผล การเรยี นรูใ้ หก้ ับผอู้ ่นื โดยใช้กระบวนการการเรียนรู้แบบร่วมมือ สืบค้นข้อมูล วิเคราะห์ และอภิปรายเพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ สานกึ ในคณุ ค่าและศกั ยภาพของตนเอง เพือ่ ให้สามารถสือ่ สารสิง่ ท่ีเรียนรูแ้ ละนาประสบการณไ์ ป ปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการดาเนินชีวิต รักการออกกาลังกาย ออกกาลังกายและเล่นกีฬาอย่าง สมา่ เสมอ และนาแนวคิดหลักการจากการเล่นไปพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ ของตนดว้ ยความภาคภมู ิใจ ปฏบิ ัตติ นตาม กฎ กตกิ า แสดงความมีน้าใจนกั กีฬา มีจิตวญิ ญาณในการแข่งขัน และชนื่ ชมสุนทรยี ภาพของการเล่นกฬี า ตัวชวี้ ัด พ 1.1 ม.3/1 ม.3/2 ม.3/3 พ 2.1 ม.3/1 ม.3/2 ม.3/3 พ 3.1 ม.3/1 ม.3/2 พ 3.2 ม.3/3 ม.3/4 ม.3/5 พ 4.1 ม.3/1 รวม 12 ตวั ชี้วัด

54 คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ พ 23102 สุขศึกษำและพลศกึ ษำ กล่มุ สำระกำรเรยี นรสู้ ขุ ศกึ ษำและพลศึกษำ เวลำเรยี น 1 ชั่วโมง/สัปดำห์ 40 ช่วั โมง/ภำคเรียน ภำคเรยี นที่ 1 จำนวน ( 1 หน่วยกติ ) ศึกษาแนวทางปอ้ งกัน ความรนุ แรง อิทธิพลของสือ่ ต่อพฤติกรรมสุขภาพและความรนุ แรง เครอ่ื งดืม่ ที่ มีแอลกอฮอล์กบั สขุ ภาพและการเกิดอุบัตเิ หตุ และการชว่ ยฟ้ืนคนื ชีพ โดยให้ผู้เรยี นเข้ากลมุ่ เพือ่ ศกึ ษาความรูเ้ พม่ิ เติม เพ่อื แลกเปล่ียนความคดิ เหน็ นาขอ้ มูลมาใช้วเิ คราะห์ อยา่ งมเี หตุผล ออกแบบหรือสร้างทางเลอื กที่จะนาไปส่กู ารทาใหด้ ีข้ึนกวา่ เดิม โดยเนน้ การลงมือทาจรงิ จนเกิด เปน็ ความรทู้ ีเ่ กดิ อยใู่ นตวั ผู้เรียน ให้ผเู้ รยี นไดแ้ สดงออก เพือ่ ผลในการเจรญิ งอกงามก้าวหน้าขน้ึ และสามารถ นาไปใช้ในชีวติ ประจาวนั ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ เหน็ คุณค่าและความสาคญั ของการดแู ลสุขภาพ เพือ่ นาไปเปน็ แนวทางการปฏิบัติตนในชวี ิตประจาวัน เพอื่ ใชใ้ นการดูแล รกั ษา และสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพของตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน สงั คมและสามารถนาไปปฏิบตั ใิ น ชีวติ ประจาวนั ตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ศึกษาประวัติ ความเป็นมาและวิวัฒนาการของกีฬาเปตอง ประโยชน์ของการเล่นกีฬา เปตอง สนามท่ีใช้ในการแขง่ ขันและการดูแลรกั ษาอุปกรณ์ วิธกี ารเสริมสร้างสมรรถภาพเพื่อสุขภาพและสมรรถภาพท่ี เกย่ี วข้องกับการเล่นกีฬาเปตอง ทักษะการเคล่อื นท่ีและการทรงตวั ทักษะการสรา้ งความคุ้นเคยกับลูก เป ตอง ทกั ษะการหยุดและบงั คับลกู ทักษะการตีและการหยอด ทักษะการวาง โดยนาเทคนิคการสอนกีฬาเปตองสมัยใหม่มาสอนและใช้ในการฝึกปฏิบัติ มุ่งเน้นให้ผู้เรียนใช้ กระบวนการแสวงหาความรู้ การฝึกทักษะโดยใช้กจิ กรรมการเคลอ่ื นไหว การออกกาลังกาย การเลน่ เกมและ กีฬาเปตอง เป็นเคร่ืองมือและแนวทางในการฝึกทักษะพื้นฐานในการเล่นกีฬาเปตอง รวมท้ังการเสริมสร้าง สมรรถภาพเพอื่ สขุ ภาพและสมรรถภาพท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั การเล่นกฬี าเปตอง ท้งั ทางดา้ นร่างกาย จติ ใจ อารมณ์ สงั คม และสติปญั ญา การสรา้ งเจตคตทิ ่ดี ี และสามารถนาไปปฏิบัตอิ ยู่เปน็ ประจาอย่างสมา่ เสมอ เพ่ือให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ มีทักษะพ้ืนฐานในการเล่นกีฬาเปตองมีคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ได้แก่ รักษ์ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่ อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทางาน รักษาความเป็นไทย มีความรับผิดชอบ มีจิตสาธารณะ มีความ รับผิดชอบ มีความเชื่อม่ันในตนเอง พร้อมทั้งตระหนักและเห็นคุณค่าและเจตคติที่ดีในการออกกาลังกาย ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และห่างไกลจากยาเสพติด สามารถนาไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง ชุมชน และสงั คมส่วนรวมอยา่ งเปน็ สขุ รหัสตวั ชี้วดั พ 4.1 ม.3/2 ม.3/3 ม.3/4 ม.3/5 พ 5.1 ม.3/1 ม.3/2 ม.3/3 ม.3/4 ม.3/5 พ 3.1 ม.3/3 พ 3.2 ม.3/1 ม.3/2 รวมทง้ั หมด 12 ตัวชว้ี ัด

55 คำอธบิ ำยรำยวชิ ำเพ่มิ เติม พ 11201 ว่ำยน้ำ กลุ่มสำระกำรเรยี นรสู้ ขุ ศกึ ษำและพลศกึ ษำ ช้นั ประถมศึกษำปีท่ี 1 เวลำ 40 ชว่ั โมง ศึกษาธรรมชาติของการเจริญเติบโตและพฒั นาการของมนษุ ย์ เข้าใจและเห็นคุณค่าตนเอง เห็นคณุ ค่า และมีทักษะในการสร้างเสริมสุขภาพเกี่ยวกับกีฬาว่ายน้า การป้องกันโรคและการสร้างเสริมสมรรถภาพเพื่อ สขุ ภาพในการว่ายน้า บอกลักษณะของการมสี ุขภาพดี เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์เกยี่ วกับกีฬาว่ายน้า ระบุ ของใช้และของเล่นท่ีมีผลเสียต่อสุขภาพเก่ียวกบั กีฬาว่ายน้า อธบิ ายความสาคัญของกีฬา วิธีป้องกันอุบัติเหตุ ทางน้า การบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นเก่ียวกับกีฬาว่ายน้า ปฏิบัติตามคาแนะนาเม่ือมอี าการเจ็บป่วยและบาดเจ็บ ป้องกันและหลีกเลี่ยงปัจจยั เสย่ี ง พฤติกรรมเส่ียงต่อสุขภาพ อุบัติเหตุ ปฏิบัติตนในการป้องกันอุบัติเหตุที่อาจ เกิดขน้ึ ทางนา้ และวิธีการปอ้ งกนั ปฏบิ ตั ิตนตามสัญลักษณแ์ ละปา้ ยเตือนของสง่ิ ของหรือสถานท่ีทเี่ ปน็ อนั ตราย อธิบายสาเหตุ อันตราย วธิ ปี อ้ งกันอบุ ัตเิ หตทุ างน้า ฝกึ ควบคุมการเคลื่อนไหวร่างกายขณะอยู่กับท่ี เคลื่อนที่ และใช้อุปกรณ์ประกอบในการว่ายน้า เล่น เกมเบ็ดเตล็ดและเข้าร่วมกิจกรรมทางกาย ที่อาศัยการเคล่ือนไหวเบ้ืองต้นในการว่ายน้า ทั้งแบบอยู่กับที่ เคล่อื นท่แี ละใช้อุปกรณ์ประกอบในการวา่ ยน้า รกั การออกกาลังกาย การเลน่ เกม และการเล่นกีฬาวา่ ยน้า ปฏบิ ตั เิ ปน็ ประจาอยา่ งสมา่ เสมอ มวี ินัย เคารพสิทธิ กฎ กติกา มีนา้ ใจนกั กีฬา มจี ติ วิญญาณในการแข่งขัน และช่ืนชมในสนุ ทรยี ภาพของการกฬี า ออกกาลงั กาย และเล่นเกม โดยปฏิบตั ิตามกฎ กติกาและข้อตกลงในการเล่นเกมเป็นกลุ่มไดอ้ ยา่ งสนกุ สนาน ผลกำรเรยี นรู้ 1. เขา้ ใจ มที ักษะในการเคลือ่ นไหว และกฬี าว่ายนา้ 2. ควบคุมการเคลอ่ื นไหวรา่ งกายขณะอยู่กบั ที่ เป่านา้ เตะขา ลอยตวั การน่งั เตะขา จับคิกบอรด์ เตะขา 3. รกั การออกกาลงั กาย การเลน่ เกม และการเลน่ มีวนิ ยั เคารพ สทิ ธิ กฎ กตกิ า มีนา้ ใจนักกฬี า มีจิต วิญญาณใน การแขง่ ขนั และช่ืนชมในสุนทรียภาพของการกีฬา 4. ออกกาลงั กาย ไดด้ ว้ ยตนเองอย่างสนกุ สนาน 5. ปฏบิ ัติตามกฎ กติกาและขอ้ ตกลงในการเรยี นกฬี าวา่ ยนา้ 6. อธิบายวธิ ีป้องกนั อุบัตเิ หตุทางนา้ ได้และปฏิบัติตามกฎ รวม 6 ผลกำรเรยี นรู้

56 คำอธบิ ำยรำยวชิ ำเพ่มิ เตมิ พ 12201 ว่ำยนำ้ กลุ่มสำระกำรเรยี นรสู้ ขุ ศึกษำและพลศึกษำ ชนั้ ประถมศกึ ษำปีที่ 1 เวลำ 40 ชวั่ โมง ศึกษาธรรมชาติของการเจรญิ เติบโตและพัฒนาการของมนุษย์ เขา้ ใจและเห็นคณุ ค่าตนเอง เห็นคุณค่า และมีทักษะในการสร้างเสริมสุขภาพเก่ียวกับกีฬาว่ายน้า การป้องกันโรคและการสร้างเสริมสมรรถภาพเพื่อ สุขภาพในการว่ายน้า บอกลักษณะของการมสี ุขภาพดี เลือกกินอาหารที่มปี ระโยชน์เกยี่ วกับกีฬาวา่ ยน้า ระบุ ของใช้และของเล่นท่ีมีผลเสียต่อสุขภาพเกี่ยวกบั กีฬาว่ายน้า อธบิ ายความสาคัญของกีฬา วิธีป้องกันอุบัติเหตุ ทางน้า การบาดเจ็บท่ีอาจเกิดขน้ึ เก่ียวกับกีฬาว่ายน้า ปฏิบัติตามคาแนะนาเม่ือมีอาการเจ็บป่วยและบาดเจ็บ ป้องกันและหลีกเลี่ยงปัจจัยเส่ยี ง พฤติกรรมเส่ียงต่อสุขภาพ อบุ ัติเหตุ ปฏิบัติตนในการป้องกันอุบัติเหตุที่อาจ เกิดขึน้ ทางน้า และวธิ ีการป้องกนั ปฏบิ ัตติ นตามสัญลักษณ์และป้ายเตือนของสิ่งของหรือสถานท่ที เ่ี ป็นอันตราย อธิบายสาเหตุ อันตราย วธิ ีป้องกันอุบตั เิ หตุทางนา้ ฝึกควบคุมการเคล่ือนไหวร่างกายขณะอยู่กับท่ี เคล่ือนท่ี และใช้อุปกรณ์ประกอบในการว่ายน้า เล่น เกมเบ็ดเตล็ดและเข้าร่วมกิจกรรมทางกาย ที่อาศัยการเคล่ือนไหวเบ้ืองต้นในการว่ายน้า ทั้งแบบอยู่กับที่ เคลอื่ นทีแ่ ละใช้อปุ กรณป์ ระกอบในการวา่ ยนา้ รักการออกกาลังกาย การเลน่ เกม และการเลน่ กีฬาว่ายน้า ปฏิบตั ิเป็นประจาอยา่ งสม่าเสมอ มวี ินยั เคารพสิทธิ กฎ กตกิ า มนี ้าใจนักกีฬา มจี ิตวญิ ญาณในการแขง่ ขนั และชื่นชมในสนุ ทรียภาพของการกฬี า ออกกาลังกาย และเล่นเกม โดยปฏบิ ัติตามกฎ กติกาและขอ้ ตกลงในการเลน่ เกมเป็นกลุ่มได้อย่างสนกุ สนาน ผลกำรเรียนรู้ 1. เข้าใจ มีทักษะในการเคลอื่ นไหว กจิ กรรมทางกาย การเลน่ เกม และกีฬาวา่ ยนา้ 2. ควบคมุ การเคลอ่ื นไหวร่างกายขณะอย่กู ับทีแ่ ละใชอ้ ุปกรณ์ในการวา่ ยน้า เป่านา้ เตะขา ลอยตัวการน่ังเตะขา จับคิกบอร์ดเตะขา ทาทา่ ปลาเขม็ 3. รกั การออกกาลังกาย การเล่นเกม และการเล่น กฬี า ปฏิบัตเิ ปน็ ประจาอย่างสม่าเสมอ มีวนิ ยั เคารพ สิทธิ กฎ กติกา มีนา้ ใจนกั กีฬา มีจติ วญิ ญาณในการแขง่ ขัน และช่ืนชมในสนุ ทรยี ภาพของการกฬี า 4. ออกกาลงั กาย และเล่นเกม ไดด้ ว้ ยตนเองอยา่ งสนุกสนาน 5. ปฏิบัตติ ามกฎ กติกาและข้อตกลงในการเรยี นกฬี าว่ายน้าและการเล่นเกมเปน็ กล่มุ ตามคาแนะนา 6. อธิบายวิธปี อ้ งกนั อุบัติเหตทุ างนา้ ไดแ้ ละปฏบิ ัตติ ามกฎวธิ ปี อ้ งกันอบุ ัติเหตทุ างน้า รวม 6 ผลกำรเรียนรู้

57 คำอธบิ ำยรำยวชิ ำเพิ่มเตมิ พ 13201 วำ่ ยนำ้ กลุ่มสำระกำรเรยี นรูส้ ุขศึกษำและพลศึกษำ ชน้ั ประถมศึกษำปที ี่ 3 เวลำ 40 ชว่ั โมง/ปี ศึกษาการว่ายนา้ ในระดับประถมศึกษา โดยเห็นความสาคญั ของการว่ายน้าและการช่วยเหลือตัวเอง เมอ่ื อยู่ในน้า เพ่อื ให้นักเรยี นเกดิ ความรู้ ความเข้าใจ เร่ืองการเคล่อื นไหว การออกกาลังกาย การมสี มรรถภาพ ทางกายทีด่ ี เพื่อทาให้ร่างกายแข็งแรง และเจริญเติบโตตามวัย โดยมีการเน้นทักษะกีฬาวา่ ยน้าเขา้ ชว่ ยในการ เรยี นนักเรียนจะไดร้ บั ความร้เู กยี่ วกับการลอยตวั ในนา้ การเคลอื่ นท่ใี นนา้ และใต้นา้ การกระโดดน้า การวา่ ยท่า ฟรีสไตล์ ท่ากบและการช่วยเหลือผู้ป่วย เพ่ือช่วยให้นักเรียนรู้จักการเอาตัวรอดจากการจมน้าและสามารถ ช่วยเหลอื ผ้อู ื่นได้ เห็นคุณค่าของตนเอง ครอบครัว เพศศกึ ษา มที ักษะในการดาเนนิ ชีวิต รักการออกกาลงั กาย การเล่น เกม การเล่นกีฬา ปฏิบัติเป็นประจาอย่างสม่าเสมอ มีวินัย เคารพสิทธิ กฎ กติกา มีน้าใจเป็นนักกีฬา มีจิต วิญญาณในการแข่งขัน และช่นื ชมในสุนทรียภาพของการกฬี าว่ายน้า เหน็ คณุ คา่ ในการสร้างเสริมสขุ ภาพและ การดารงสขุ ภาพอยา่ งยัง่ ยนื การลงมือปฏิบัติ ฝึกการควบเคลื่อนไหวร่างกายขณะอยู่ในน้าทั้งการเคลื่อนที่ และอยู่กบั ที่ รวมท้ังใช้ อุปกรณ์ในการว่ายน้า เพอ่ื นาทักษะการวา่ ยน้าไปใช้ชีวิตจริงเพ่ือนาไปประยุกต์ใชใ้ นชวี ติ ประจาวันใหด้ ารงชีวิต อยู่ในสงั คมอย่างมีความสขุ ผลกำรเรียนรู้ 1. นักเรยี นมีความร้แู ละความเข้าใจ ในทักษะการบริหารร่างกายที่ถกู ต้อง 2. นักเรียนมีความรูแ้ ละความเขา้ ใจ เห็นคุณค่า และประโยชน์ของการเรียนวา่ ยน้า 3. มคี วามร้แู ละความเข้าใจในทักษะเบ้ืองต้นของการลอยตวั ในน้าและสามารถปฏบิ ตั ไิ ด้อย่างถูกต้อง 4. นกั เรียนมีความรู้และความเขา้ ใจใน การเคลอื่ นทีบ่ นผวิ นา้ , ใตน้ า้ จนสามารถปฏิบตั ไิ ดอ้ ย่าง ถูกต้อง 5. นักเรยี นมคี วามรู้และความเข้าในการหายใจในน้าและสามารถปฏิบตั ิการลอยตวั ได้อย่างถกู ต้อง 6. นักเรยี นสามารถแตะขาแบบอย่กู ับท่ี ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 7. นกั เรียนสามารถเกาะแผน่ โฟมเตะขาแบบเคลื่อนที่ ไดอ้ ย่างถูกต้อง 8. นักเรยี นมนี ้าใจนกั กฬี า รู้แพ้ รชู้ นะ รูอ้ ภัย สามารถนาความร้ทู ไ่ี ดร้ ับไปประยุกต์ใช้ในชวี ิตประจาวนั ได้ ผา่ นการเลน่ เกมเบ็ดเตล็ด รวม 8 ผลกำรเรยี นรู้

58 โครงสรำ้ งรำยวชิ ำ พ 11101 สขุ ศึกษำและพลศึกษำ สำระกำรเรียนรู้สุขศกึ ษำและพลศกึ ษำ ช้นั ประถมศึกษำปที ี่ 1 เวลำ 40 ช่ัวโมง/ปี หน่วย ชอ่ื หน่วย มาตรฐาน สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด เวลา น้าหนกั ท่ี การเรยี นรู้ การเรียนรู้/ (ช่ัวโมง) คะแนน ตัวชว้ี ัด 1 การ พ 1.1 ป.1/1 อวัยวะท่ีสามารถมองเห็นได้เรียกว่าอวัยวะ 7 14 เจรญิ เตบิ โต พ 1.1 ป.1/2 ภายนอกการรู้จักดูแลรักษาสะอาดอวัยวะ และ ภายน อกอยู่เสมอเป็น การสร้างนิสัยท่ีดี พฒั นาการ ลักษณะและหน้าท่ีของอวยั วะภายนอกท่มี ีการ ของมนษุ ย์ เจรญิ เตบิ โตและพฒั นาการไปตามวัย - ตา หู คอ จมูก ผม มือ เท้า เล็บ ผิวหนัง ฯลฯ - อวัยวะในชอ่ งปาก ปาก ล้ิน ฟัน เหงือก การดูแลรักษาอวัยวะภายนอกได้ตามหลักสุข บัญญัติ 2 ชวี ติ และ พ 2.1 ป.1/1 ครอบครัวประกอบด้วยสมาชิกหลายคนการ 8 16 ครอบครัว พ 2.1 ป.1/2 ทาความรู้จัก การสร้างความคุ้นเคย และสร้าง ความผูกพันซ่ึงกันและกัน ก่อให้เกิดความ พ 2.1 ป.1/3 ภูมิใจและอบอุ่นบทบาทหน้าท่ีของสมาชิกใน ครอบครัว - ตนเอง - พอ่ แม่ - พ่นี ้อง - ญาติ ครอบครัวประกอบด้วยสมาชิกหลายคนการ ทาความรู้จัก การสร้างความคุ้นเคย และสร้าง ความผูกพันซึ่งกันและกัน ก่อให้เกิดความ ภูมใิ จและอบอนุ่ ความสาคัญของเพื่อน (เช่น พูดคุย ปรึกษา เลน่ ฯลฯ) ครอบครัวประกอบด้วยสมาชิกหลายคนการ ทาความรู้จัก การสร้างความคุ้นเคย และสร้าง ความผูกพันซ่ึงกันและกัน ก่อให้เกิดความ ภูมใิ จและอบอุ่นพฤตกิ รรมท่ีเหมาะสมกับเพศ - ความเปน็ สภุ าพบรุ ุษ - ความเป็นสภุ าพสตรี

59 3 การ พ 3.1 ป.1/1 การเคล่ือนไหวร่างกายขณะอยู่กับท่ี การ 10 20 เคลอ่ื นไหว พ 3.1 ป.1/2 เคลื่อนที่ตามธรรมชาติประกอบการเล่นเกม การออก พ 3.2 ป.1/1 และออกกาลังกาย การปฏิบัติตามกฎกติกา เวลา นา้ หนัก กาลังกาย พ 3.1 ป.1/2 และคาแนะนาในการเล่นอย่างเคร่งครัดสร้าง (ชว่ั โมง) คะแนน การเลน่ เกม ค ว า ม ป ล อ ด ภั ย แ ล ะ ค ว า ม แ ข็ ง แ ร ง ใ ห้ กั บ กีฬาไทย มาตรฐาน รา่ งกาย ธรรมชาติของการเคลือ่ นไหวรา่ งกาย 7 14 และกฬี า การเรยี นรู้/ ในชีวิตประจาวัน - แบบอยู่กับที่ เช่น นั่ง ยืน สากล ก้มเงย เอียง ซ้าย ขวา เคล่ือนไหวข้อมือ ข้อ ตวั ชีว้ ดั เทา้ แขน ขา หน่วย ชอื่ หน่วย พ 4.1 ป. ที่ การเรยี นรู้ 1/1 พ 4.1 - แบบเคลื่อนที่ เช่น เดิน วิ่ง กระโดด กล้ิง 4 กฬี าเพื่อ ป.1/2 ตวั ความเป็น พ 4.1 ป. เลศิ 1/3 - แบบใช้อุปกรณ์ประกอบ เช่น จับ โยน เตะ เคาะ กิจกรรมทางกายท่ีใช้ในการเคล่ือนไหวตาม ธรรมชาติ - การเลน่ เกมเบ็ดเตลด็ การออกกาลงั กาย และการเล่นเกมเบ็ดเตล็ด กฎ กติกา ขอ้ ตกลงในการเลน่ เกมเบ็ดเตล็ด สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การปฏบิ ัติตนตามหลักสุขบัญญัติแห่งชาติและ ปฏิบัติตนตามคาแนะนาเม่ือมีอาการเจ็บป่วย เป็นวิธปี อ้ งกนั โรคทดี่ ี การปฏบิ ัติตนตามหลกั สุขบัญญัติแห่งชาติ ลกั ษณะอาการเจ็บป่วยที่เกิดขึน้ กบั ตนเอง - ปวดศรี ษะ - ตวั ร้อน - มนี ้ามกู - ปวดท้อง - ผนื่ คนั (หนงั ศีรษะ ผิวหนัง) - ฟกช้า ฯลฯ วิธีปฏิบัติตนเม่ือมีอาการเจ็บป่วยท่ีเกิดขึ้นกับ ตนเอง

5 ความ พ 5.1 ป.1/1 ส่ิงที่ทาให้เกิดอัน ตรายภายใน บ้าน และ 8 60 ปลอดภัยใน โรงเรียน 16 ชีวติ พ 5.1 ป.1/2 การปอ้ งกันอันตรายภายในบา้ นและโรงเรยี น 80 พ 5.1 ป.1/3 อนั ตรายจากการเลน่ 20 - สาเหตทุ ่ที าใหเ้ กิดอนั ตรายจากการเลน่ 100 การขอความช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุร้ายท่ีบ้าน และโรงเรยี น - บุคคลทค่ี วรขอความชว่ ยเหลือ - คาพดู และท่าทางการขอความช่วยเหลอื รวมระหวำ่ งปี 20 ทดสอบปลำยปี 40 รวมท้งั สน้ิ ตลอดปี

61 โครงสร้ำงรำยวชิ ำ พ 12101 สุขศกึ ษำและพลศกึ ษำ สำระกำรเรียนรู้สขุ ศกึ ษำและ พลศกึ ษำ ชน้ั ประถมศึกษำปีท่ี 2 เวลำ 40 ชว่ั โมง/ปี หน่วย ช่ือหน่วย มาตรฐาน สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด เวลา นา้ หนกั ท่ี การเรียนรู้ การเรียนรู้/ (ชว่ั โมง) คะแนน ตัวช้วี ัด 1 การ พ 1.1 ป.2/1 อวัยวะภายใน เช่น สมอง หัวใจ ตบั ไต 7 14 เจริญเติบโต พ 1.1 ป.2/2 ลาไส้ มีลกั ษณะและหนา้ ที่แตกตา่ งกนั มกี าร และ พ 1.1 ป.2/3 เจริญเติบโตและพฒั นาการตามวยั จะต้อง ศึกษาและเรียนรใู้ หเ้ ขา้ ใจเกีย่ วกับลักษณะและ พัฒนาการ หนา้ ท่ขี องอวยั วะภายในแตล่ ะอย่างจึงจะ ของมนษุ ย์ สามารถอธิบายและนาไปปฏบิ ตั ิตนในการ ดารงชีวติ ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง 2 ชีวติ และ พ 2.1 ป.2/1 การรจู้ กั บทบาทหน้าที่ของตนเองและสมาชกิ 8 16 ครอบครวั พ 2.1 ป.2/2 ในครอบครัวสามารถบอกความสาคญั ของ พ 2.1 ป.2/3 เพื่อนและระบุพฤติกรรมทีเ่ หมาะสมกบั เพศ พ 2.1 ป.2/4 ความภาคภูมิใจความเป็นเพศหญงิ หรอื เพศ ชายจะทาใหช้ วี ิตในครอบครัวอยู่อย่างเปน็ สุข 3 การ พ 3.1 ป.2/1 การเคลือ่ นไหวร่างกายที่ถกู วธิ ที ้งั การอยกู่ ับท่ี 10 20 เคลื่อนไหว พ 3.1 ป.2/2 และการเคลือ่ นทีห่ รอื การใชอ้ ปุ กรณ์ การออก พ 3.2 ป.2/1 ประกอบการเคลอื่ นไหวอยา่ งถกู ต้องจะทาให้ กาลงั กาย พ 3.2 ป.2/2 การเล่นเกมหรอื การเขา้ ร่วมกจิ กรรมได้อยา่ ง การเลน่ เกม ม่ันใจปลอดภยั และสนกุ สนาน กีฬาไทย การออกกาลงั กายและเลน่ เกมเบด็ เตล็ดเป็น และกฬี า กลมุ่ จะต้องเลน่ ตาม กฎ กติกา ข้อตกลง สากล จงึ จะเลน่ ไดอ้ ย่างสนกุ สนาน และเกิด ประโยชนใ์ นการเล่นมากทีส่ ุด

62 หนว่ ย ชื่อหน่วย มาตรฐาน สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด เวลา น้าหนัก ที่ การเรียนรู้ การเรียนรู/้ (ชัว่ โมง) คะแนน การรจู้ กั เห็นคุณค่าและมีทกั ษะในการสรา้ ง 4 กฬี าเพอื่ ตวั ชว้ี ัด เสรมิ สขุ ภาพการดารงสุขภาพการป้องกันโรค 7 14 ความเปน็ พ 4.1 ป.2/1 และสร้างเสรมิ สมรรถภาพเพอื่ สุขภาพจะทาให้ เลศิ พ 4.1 ป.2/2 มสี ุขภาพท่ีดีปราศจากโรคภยั ไขเ้ จ็บและ พ 4.1 ป.2/3 ปลอดภยั จากการบาดเจ็บด้วยสาเหตตุ ่าง ๆ ได้ พ 4.1 ป.2/4 เปน็ อย่างดี พ 4.1 ป.2/5 5 ความ พ 5.1 ป.2/1 การปอ้ งกนั และหลกี เลี่ยงปจั จยั เส่ยี ง 8 16 ปลอดภัยใน พ 5.1 ป.2/2 พฤตกิ รรมต่อสขุ ภาพ อุบัติเหตุ การใชย้ า ชวี ิต พ 5.1 ป.2/3 สารเสพติดและความรุนแรงจะทาให้เกิดความ 20 80 พ 5.1 ป.2/4 ปลอดภัยในชวี ิต 40 20 พ 5.1 ป.2/5 100 รวมระหวำ่ งปี ทดสอบปลำยปี รวมทั้งสิ้นตลอดปี

63 โครงสรำ้ งรำยวชิ ำ ชือ่ รำยวชิ ำ สำระกำรเรียนรู้สขุ ศกึ ษำและพลศกึ ษำ รหสั พ 13101 ช้นั ประถมศกึ ษำศกึ ษำปีที่ 3 เวลำ 40 ชวั่ โมง หน่วย ชอ่ื หนว่ ยกำร มำตรฐำน สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด เวลำ น้ำหนกั ท่ี เรียนรู้ กำรเรียนรู้/ (ชว่ั โมง) คะแนน ตัวชวี้ ัด 1 การเจริญเตบิ โต พ 1.1 ป.3/1 การเจรญิ เติบโตของร่างกายแตล่ ะคนมคี วาม 2 2 ตามวยั ป.3/2 แตกตา่ งกนั ในด้านรูปร่าง น้าหนกั สว่ นสูง และ 3 สามารถตรวจสอบการเจริญเตบิ โตไดโ้ ดยการ เปรยี บเทยี บนา้ หนัก และส่วนสงู ของตนเองกับ เกณฑม์ าตรฐานการเจรญิ เตบิ โตของเดก็ ไทย เพ่อื จะได้ปรบั ปรุงตนเองใหม้ คี วามเจรญิ เติบโต อย่างสมวยั 2 ปัจจยั การ พ 1.1 ป.3/3 อาหาร การออกกาลงั กาย และการพกั ผ่อน 15 เจริญเตบิ โต เป็นปจั จยั สาคญั ท่มี ีผลตอ่ การเจรญิ เติบโตของ รา่ งกาย 3 ครอบครวั และ พ 2.1 ป.3/1 ความแตกต่างกันของแตล่ ะครอบครวั ยอ่ มมีผล 1 2 เพือ่ นของฉนั ป.3/2 ตอ่ การดาเนนิ ชวี ติ ของสมาชิกในครอบครัว การ 3 สร้างสมั พนั ธภาพกับครอบครัวและเพ่ือน ทาให้ เข้าใจตนเองและผู้อน่ื และสามารถอยู่ร่วมกัน อยา่ งมีความสุข 4 การล่วงละเมดิ พ 2.1 ป.3/3 การถูกล่วงละเมดิ ทางเพศเปน็ ความรนุ แรงทาง 2 5 ทางเพศ เพศที่สามารถหลีกเลยี่ งได้ หากมพี ฤตกิ รรมการ ป้องกันทถ่ี กู ตอ้ งและเหมาะสม 5 โรคควรรู้ พ 4.1 ป.3/1 การตดิ ต่อและการแพรก่ ระจายของโรค 25 สามารถปอ้ งกนั ไดห้ ากปฏิบตั ดิ ว้ ยวธิ ีท่ีถูกต้อง และเหมาะสม 6 กจิ กรรมการ พ 3.1 ป.3/1 การปฏิบตั ิกิจกรรมวา่ ยน้า เปน็ การฝึก 10 20 เคล่อื นไหวร่างกาย ปฏิบตั ิการควบคมุ การหายใจอย่าถกู วธิ กี าย (ว่ายนา้ ) การลอยตวั การเตะขา การโผตัวในนา้ การฝึก พุง่ ตัวลงนา้ ในน้า และการว่ายนา้ ท่าต่างๆ เพื่อ สรา้ งเสริมสขุ ภาพรา่ งกายใหแ้ ข็งแรงและมี

64 ประสทิ ธภิ าพในการเลน่ กฬี าวา่ ยน้า 7 เกมเบด็ เตล็ด พ 3.1 ป.3/2 การเคล่อื นไหวร่างกายท่ใี ชท้ ักษะการ 2 5 เคลอ่ื นไหวแบบบังคับทศิ ทางในการเล่นเกม เบด็ เตลด็ เปน็ การฝกึ ปฏิบตั กิ ารควบคุมร่างกาย 2 2 เพ่ือสรา้ งเสริมสขุ ภาพร่างกายให้แข็งแรงซงึ่ ต้อง 2 ปฏิบตั ใิ ห้ถกู ต้องตามกฎ กติกา และขอ้ ตกลงใน 2 การเลน่ 2 4 2 8 อาหารกับสุขภาพ พ 4.1 ป.3/2 ในแตล่ ะวนั ควรรบั ประทานอาหารให้ครบ 5 4 2 ป.3/3 หมู่ แตล่ ะหมูใ่ หห้ ลากหลายและมีสดั สว่ น 7 ปริมาณของอาหารท่ีเหมาะสม จะทาให้เรามี 3 3 สขุ ภาพทด่ี ีและเตบิ โตไดส้ มวยั 40 40 5 9 การดูแลฟันของเรา พ 4.1 ป.3/4 การแปรงฟันใหส้ ะอาดอยา่ งถกู วิธี จะช่วยทาให้ ฟนั ของเราแข็งแรงและมีสขุ ภาพช่องปากทีด่ ี 10 10 ความปลอดภัยจาก พ 5.1 ป.3/1 การปฏิบัตติ นตามหลกั การจะช่วยใหป้ ลอดภัย 80 20 อุบัติเหตุ ป.3/2 จากอุบตั ิเหตใุ นบา้ น โรงเรยี น และการเดนิ ทาง 100 รวมทั้งสามารถขอความชว่ ยเหลอื จากบคุ คล และแหลง่ ต่างๆ เม่อื เกิดเหตรุ ้าย หรอื อบุ ัตเิ หตุ 11 การบาดเจ็บและ พ 5.1 ป.3/3 การปฐมพยาบาลเบอ้ื งตน้ เพื่อชว่ ยเหลือ การปฐมพยาบาล ผไู้ ดร้ ับบาดเจบ็ จากการเลน่ จะตอ้ งทาอยา่ งถูก วธิ ี สะอาด และปลอดภัย จากเช้ือโรค 12 การละเลน่ พน้ื เมือง พ 3.2 ป.3/1 การละเล่นพ้นื เมอื งจะต้องปฏิบัตติ นตามกฎ ป.3/2 กติกา และขอ้ ตกลงของการเล่นเพอื่ สรา้ งเสริม สขุ ภาพร่างกายใหแ้ ขง็ แรง 13 สมรรถภาพทาง พ 4.1 ป.3/5 การสรา้ งเสริมสมรรถภาพทางกายทาไดโ้ ดยการ กาย ออกกาลงั กาย การพักผ่อน และการเขา้ รว่ ม กจิ กรรมนันทนาการ รวมระหว่ำงปี สรุปทบทวนภำพรวม(ทดสอบปลำยป)ี รวมทั้งสิ้นตลอดปี

65 โครงสร้ำงรำยวชิ ำ ชอ่ื รำยวชิ ำ สำระกำรเรียนรู้สุขศึกษำและพลศึกษำ รหสั พ15101 เวลำ 80 ชว่ั โมง ชน้ั ประถมศกึ ษำปีท่ี 5 เวลำ น้ำหนัก (ชัว่ โมง) คะแนน หนว่ ย ช่อื หน่วยกำรเรียนรู้ มำตรฐำนกำรเรียนรู้/ สำระสำคญั /ควำมคิดรวบ 10 8 ท่ี ตัวช้วี ัด ยอด 10 7 1 การเจริญเติบโตและ พ 1.1 ป.5/1 ระบบยอ่ ยอาหาร และ พฒั นาการของมนษุ ย์ พ 1.1 ป.5/2 ระบบขบั ถ่ายมีความสาคญั ต่อการดารงชวี ิต โดยระบบ ย่อยอาหารทาหน้าทย่ี ่อย อาหารใหม้ ีขนาดเล็ก เพอื่ ให้ร่างกายนา สารอาหารไปใช้ สาหรบั การเจรญิ เติบโต ส่วนระบบ ขบั ถา่ ยทาหน้าที่กาจัดของ เสียออกจากรา่ งกาย นักเรียนจึงควรดูแลระบบ ดงั กลา่ วใหส้ ามารถทางาน ไดอ้ ยา่ งปกตเิ พอ่ื การมี สุขภาพทีด่ ี 2 ชวี ติ และครอบครัว พ 2.1 ป.5/1 ครอบครวั เปน็ สังคมแรก พ 2.1 ป.5/2 ของเรา มีลักษณะแตกต่าง พ 2.1 ป.5/3 กนั ไปท้งั ครอบครวั เดี่ยว และครอบครัวขยาย แตส่ ่งิ ทีส่ าคญั คือ ครอบครัวต้อง มีความรักและ ความอบอนุ่ นกั เรยี นเปน็ สมาชกิ คน หนงึ่ ของครอบครวั จงึ ตอ้ ง เรยี นรู้วธิ กี ารเป็นสมาชิกที่ ดี เพื่อส่งเสริมการเป็น ครอบครวั ทอี่ บอนุ่ ตาม วฒั นธรรม

3 การเคลื่อนไหว การ พ 3.1 ป.5/1 การเคล่อื นไหวร่างกาย 20 66 ออกกาลังกาย พ 3.1 ป.5/2 แบบผสมผสาน เป็นการนา 20 พ 3.1 ป.5/3 ทักษะของการเคล่ือนไหว 28 4 การเล่นเกม กีฬาไทย พ 3.1 ป.5/4 รา่ งกายพน้ื ฐานท้ังการ และกฬี าสากล พ 3.1 ป.5/5 เคล่ือนไหวร่างกายแบบอยู่ 9 พ 3.1 ป.5/6 กบั ที่ แบบเคลือ่ นท่ี และ แบบประกอบอุปกรณ์ มา พ 3.2 ป.5/1 ผสมผสานกันในขณะ พ 3.2 ป.5/2 เคลอ่ื นไหวรา่ งกาย โดยมี พ 3.2 ป.5/3 รูปแบบท่ีสาคญั ได้แก่ การ พ 3.2 ป.5/4 เคลอ่ื นไหวร่างกายแบบอยู่ พ 4.1 ป.5/5 กับทปี่ ระกอบเพลง การ เคลื่อนไหวรา่ งกายแบบ เคล่อื นท่ปี ระกอบเพลง การเคลอ่ื นไหวร่างกาย แบบเคล่ือนทีป่ ระกอบ อปุ กรณ์ และการ เคลื่อนไหวร่างกายโดยการ รบั แรง การใช้แรงและ ความสมดุลสุขบญั ญัติ แหง่ ชาติ เป็นแนวทาง ปฏิบัตทิ ี่ทาให้เกดิ นสิ ัยและ พฤตกิ รรมสขุ ภาพ เพือ่ เปน็ การปอ้ งกันโรคและการมี สุขภาพดี ซ่ึงนักเรยี น สามารถนาไปปฏบิ ัติได้ใน ชวี ติ ประจาวัน การเล่นเกมและกจิ กรรม ทางกายชว่ ยส่งเสรมิ ทักษะ การเคลอ่ื นไหว ทกั ษะการ คิด และยังทาให้เกดิ ความ สนุกสนาน ดงั นั้นการ ปฏิบตั ิกิจกรรมดังกล่าว

จะต้องปฏบิ ตั ติ ามกฎ 67 กติกาของการเล่น เพ่อื ความปลอดภัยกิจกรรม 12 นันทนาการเป็นกจิ กรรมที่ 16 ทาในเวลาว่างและทาให้ เกดิ ความสนุกสนาน เพลิดเพลิน เปน็ การใช้ เวลาวา่ งให้เปน็ ประโยชน์ สมรรถภาพทางกายท่ีดี ย่อมมผี ลตอ่ การทางานท่ีดี การทดสอบสมรรถภาพ ทางกายจะทาให้เรา สามารถปรบั ปรงุ สมรรถภาพทางกาย เพอ่ื ประสทิ ธิภาพในการทางาน ทดี่ ี 5 การสร้างเสริมสขุ ภาพ พ 4.1 ป.5/1 สุขบัญญตั แิ หง่ ชาติ เปน็ 10 สมรรถภาพ พ 4.1 ป.5/2 แนวทางปฏบิ ตั ิทท่ี าให้เกิด 10 และการป้องกันโรค พ 4.1 ป.5/3 นิสยั และพฤตกิ รรมสขุ ภาพ พ 4.1 ป.5/4 เพ่ือเปน็ การปอ้ งกนั โรค 6 ความปลอดภัยในชวี ิต และการมีสุขภาพดี ซ่ึง พ 5.1 ป.5/1 นักเรียนสามารถนาไป พ 5.1 ป.5/2 ปฏบิ ตั ิไดใ้ นชวี ิตประจาวนั พ 5.1 ป.5/3 สารเสพติด เป็นสงิ่ ท่ีเปน็ พ 5.1 ป.5/4 โทษ มอี นั ตรายต่อผู้เสพ พ 5.1 ป.5/5 ส่งผลกระทบต่อครอบครวั สังคม และประเทศชาติ นักเรยี นในฐานะทเี่ ป็น กาลงั สาคัญในการพัฒนา ประเทศชาติให้ เจริญกา้ วหน้าต่อไปใน อนาคต จึงควรหลกี เลี่ยง

และป้องกันตนเองจากภัย 80 68 อันตรายจากสารเสพติดทกุ ชนดิ 80 รวมระหวำ่ งปี 20 สรุปทบทวนภำพรวม (ทดสอบปลำยป)ี 100 รวมทั้งสน้ิ ตลอดปี หมำยเหตุ อัตราส่วนคะแนนระหวา่ งเรยี นกบั การสอบปลายภาค 80 / 20

69 โครงสร้ำงรำยวชิ ำ พ 16101 สุขศกึ ษำและพลศกึ ษำ สำระกำรเรียนรสู้ ขุ ศกึ ษำและพลศกึ ษำ ชั้นประถมศกึ ษำปีท่ี 6 เวลำ 80 ชว่ั โมง/ปี หนว่ ย ช่ือหน่วย มาตรฐาน สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด เวลา น้าหนกั ท่ี การเรยี นรู้ การเรยี นรู/้ (ช่ัวโมง) คะแนน ตวั ช้ีวดั 1 ระบบตา่ ง พ.1.1 ป.6/1 การสืบพันธ์ุของมนุษย์เพ่ือดารงไว้ซ่ึงเผ่าพันธุ์ 10 10 ๆ ใน พ1.1 ป.6/2 ตามธรรมชาติ ต้องอาศัยเพศชายและเพศหญิง ร่างกาย ซึ่งท้ังสองเพศสามารถสืบพันธ์ุได้เม่ืออวัยวะ สืบพันธเ์ุ จริญเตบิ โตเต็มท่ี โดยมลี กั ษณะท่ีสาคัญ เช่น เพศชายมีการขับน้าอสุจิออกมา ส่วนเพศ หญงิ จะมีประจาเดอื น เปน็ ต้น 2 ชวี ติ และ พ 2.1 ป.6/1 การจะสร้างสัมพันธภาพในกลุ่มเพื่อนที่ดีต้อง 10 10 ครอบครวั พ 2.1 ป.6/2 รู้จักการสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีกับเพ่ือน โดยการ แสดงออกด้วยวธิ ตี ่างๆ เช่น การพูด การกระทา การเอือ้ เฟ้อื เผื่อแผ่ เป็นตน้ 3 การ พ.3.1 ป.6/1 กิจกรรมทางกาย เป็นกิจกรรมการเคล่ือนไหว 20 20 เคลอื่ นไห พ.3.1 ป.6/2 ร่างกายในหลากหลายรูปแบบท่ีส่งผลให้ ว การออก พ.3.1 ป 6/3 กล้ามเนื้อมัดต่างๆ ในร่างกายมีการใช้พลังงาน กาลังกาย พ.3.1 ป 6/4 เพม่ิ มากข้ึน เปน็ ผลให้ร่างกายมีความแข็งแรง มี การเลน่ พ.3.1 ป.6/5 ทรวดทรงสง่างาม และมีการควบคุมร่างกายที่ดี เกม กฬี า ซึ่งกิจกรรมทางกายทส่ี าคัญ ได้แก่ กจิ กรรมแบบ ไทย และ ผลัด และการเต้นราพ้ืนเมืองนานาชาติ โดย กีฬาสากล กิจกรรมเหลา่ นี้นอกจากจะช่วยให้ผ้ปู ฏิบัติได้รับ ผลดีดังที่กล่าวมา ยังเสริมสรา้ งความสนุกสนาน เพ ลิ ด เพ ลิ น ให้ แ ก่ ผู้ ป ฏิ บั ติ อี ก ด้ ว ย กิ จ ก ร ร ม นันทนาการ เป็นกิจกรรมที่บุคคลหรือกลุ่ม บคุ คลเลือกกระทาดว้ ยความสมัครใจในเวลาวา่ ง โดยกิจกรรมดังกล่าวไม่ส่งผลเสียต่อผู้อื่น และ สามารถทาได้ในหลากหลายรูปแบบ การละเล่น พ้ืนเมือง ซ่ึงเป็นกิจกรรมการละเล่นด้ังเดิมของ คนในชุมชนแต่ละท้องถิ่น เป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ของกิจกรรม นันทนาการที่ชว่ ยให้ผู้ปฏิบัติมีการ

70 เจริญเติบโตและมีร่างกายแข็งแรง ก่อให้เกิด ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน และถือว่าเป็นส่วน หนง่ึ ของวฒั นธรรม หนว่ ย ช่อื หนว่ ย มาตรฐาน สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด เวลา นา้ หนัก ท่ี การเรียนรู้ การเรยี นร้/ู (ชัว่ โมง) คะแนน ตัวช้ีวัด 4 กีฬาเพอ่ื พ.3.2 ป.6/1 การออกกาลังกายอย่างสม่าเสมอทาให้เรามี 20 19 ความเปน็ พ.3.2 ป.6/2 สมรรถภาพทางกายท่ีดี สร้างเสริมภูมิคุ้มกนั โรค เลศิ พ.3.2 ป 6/3 จึงทาให้ไม่เจ็บป่วยบ่อย แต่การออกกาลังกายที่ พ.3.2 ป 6/4 ให้ผลดีจะต้องประกอบไปด้วยหลักการ และ พ.3.2 ป.6/5 ขนั้ ตอนการออกกาลงั กายที่ถูกต้องเหมาะสมกับ พ.3.2 ป.6/6 สภาพร่างกาย เพศ และวัย นักเรียนจึงควร เรียนรู้ถึงหลักการดังกล่าว กีฬา เป็นกิจกรรม การออกกาลงั กายท่ีมีลักษณะเป็นการแข่งขัน มี กฎ กติกาท่ีวางไว้อย่างชัดเจน ช่วยเสริมสร้าง สมรรถภาพในการเคลื่อนไหว ช่วยให้ร่างกาย แข็งแรง และสร้างความสนุกสนานเพลิดเพลิน กีฬามีอยู่หลายประเภท มีรูปแบบการเล่นและ กฎ กติกาเฉพาะที่แตกต่างกัน และในการเล่น กีฬานอกจากผเู้ ล่นต้องมีทกั ษะเบ้อื งต้นของกีฬา ชนิดนั้น ๆ เป็นอย่างดีแล้ว จะต้องปฏิบัติตาม กฎ กติกา ท่ีกาหนดไว้อย่างเคร่งครัด รวมทั้ง ต้องมนี า้ ใจนกั กีฬาอกี ดว้ ย 5 การสรา้ ง พ 4.1 ป.6/1 ส่งิ แวดล้อมมีความสาคัญต่อมนุษย์ ส่ิงแวดล้อม 10 12 เสริม พ 4.1 ป.6/2 ที่ดีจะช่วยให้เรามีร่างกายแข็งแรง และมีจิตใจ สุขภาพ พ 4.1 ป.6/3 สดชืน่ แจม่ ใส สมรรถภา พ 4.1 ป.6/4 พ และ การ ปอ้ งกัน โรค

6 ความ พ 5.1 ป.6/1 ภัยธรรมชาติ คือผลกระทบท่ีเกิดจากอันตราย 10 71 ปลอดภัย พ 5.1 ป.6/2 ทางธรรมชาติ ดังนัน้ เราควรท่ีรู้จักวิธีปฏบิ ัติเพื่อ 9 ในชีวติ พ 5.1 ป.6/3 ความปลอดภัยจากธรรมชาติ เพ่ือป้องกันการ 80 20 เกิดผลกระทบจากภัยธรรมชาติ ทั้งด้านรา่ งกาย 100 จติ ใจ และสงั คม รวมระหวำ่ งปี ทดสอบปลำยปี รวมทัง้ สนิ้ ตลอดปี 80

72 โครงสรำ้ งรำยวชิ ำ พ 21101 รำยวชิ ำ สขุ ศึกษำและพลศึกษำ กลุม่ สำระกำรเรยี นรสู้ ขุ ศกึ ษำและพลศึกษำ ช้ันมัธยมศกึ ษำปีท่ี 1 ภำคเรียนท่ี 1 เวลำ 40 ชวั่ โมง จำนวน 1 หน่วยกิต หนว่ ย ชือ่ หนว่ ยกำรเรยี นรู้ มำตรฐำนกำร สำระสำคญั /ควำมคิดรวบ เวลำ นำ้ หนกั ท่ี เรียนรู้/ตัวชวี้ ัด ยอด (ชั่วโมง) คะแนน 1 ประสาทและต่อมไรท้ อ่ พ 1.1 ม.1/1 การทางานของระบบประสาท 6 10 ม.1/2 และระบบต่อมไร้ทอ่ มี ความสาคัญและสง่ ผลตอ่ การ เจริญเตบิ โต และพฒั นาการ ของวัยรนุ่ 2 วัยร่นุ กบั การเจริญเตบิ โต พ 1.1 ม.1/3 การประเมินการเจรญิ เติบโต 4 7 ม.1/4 และพัฒนาการทางด้าน ร่างกาย โดยการประเมนิ ที่ นยิ มใชก้ ันมากท่สี ุด คือการ ประเมินนา้ หนกั ตัวและความ ยาวหรือสว่ นสูง 3 ทกั ษะการเคลอ่ื นไหว การ พ 3.1 ม.1/1, การสร้างความคุ้นเคยในกฬี า 20 35 ออกกาลังกาย (กฬี าว่ายนา้ ) ม.1/2 ว่ายน้า เป็นส่ิงจาเป็นในการ ม.1/3 เรียนวา่ ยนา้ เพ่อื ให้นกั เรยี นมี พ 3.2 ม.1/1 ความพรอ้ มและสามารถเอา ตวั รอดเวลาอยูใ่ นน้าได้ 4 เพศและการปอ้ งกัน พ 2.1 ม.1/1 วยั รุน่ เป็นช่วงวยั ท่ีมีการ 48 ม.1/2 เปลีย่ นแปลงอยา่ งรวดเรว็ ทั้ง รา่ งกาย จิตใจ อารมณ์ ดงั น้ัน วยั รุ่นจะตอ้ งทาความเขา้ ใจ และยอมรับการเปล่ียนแปลง ที่เกดิ ขน้ึ รวมทงั้ ปรบั ตวั ให้ สอดคลอ้ งกับการเปล่ียนแปลง และหลกี เลีย่ งปฏิเสธการชวน ไปทาในสิง่ ท่ตี นเองไม่อยากทา

5 สมรรถภาพทางกาย พ 4.1 ม.1/4 การสร้างเสรมิ และปรบั ปรงุ 73 สมรรถ-ภาพทางกาย ควร ระหวำ่ งปี พิจารณาถงึ ผล 6 10 ทดสอบกลำงภำค การทดสอบสมรรถภาพทาง ทดสอบปลำยภำค กายอย่างถกู วิธีของแตล่ ะ 40 70 รวมตลอดท้ังปี บคุ คล เพือ่ เปน็ ประโยชน์ต่อ 10 สุขภาพร่างกายที่แขง็ แรง 20 40 100 หมำยเหตุ อตั รำส่วนคะแนนระหวำ่ งเรยี นกับกำรสอบปลำยภำค 80 / 20

74 โครงสร้ำงรำยวชิ ำ พ 21102 รำยวชิ ำ สขุ ศกึ ษำและพลศกึ ษำ กลุ่มสำระกำรเรยี นร้สู ขุ ศึกษำและพลศกึ ษำ ช้ันมธั ยมศกึ ษำปีที่ 1 ภำคเรยี นที่ 2 เวลำ 40 ชวั่ โมง จำนวน 1 หน่วยกิต หน่วย ชือ่ หนว่ ยกำรเรียนรู้ มำตรฐำนกำร สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบ เวลำ น้ำหนกั ท่ี เรยี นร/ู้ ตัวช้ีวัด ยอด (ช่ัวโมง) คะแนน 1 อาหารทเี่ หมาะสมกับวยั พ 4.1 ม.1/1 อาหารแต่ละชนิด มี 66 ม.1/2 สารอาหารที่ให้ประโยชน์ต่อ รา่ งกาย 2 ควบคุมน้าหนักของตนเอง พ 4.1 ม.1/4 ปญั หาภาวะโภชนาการเกิด 4 10 จากการรบั ประทานอาหารทีม่ ี ผลกระทบต่อสขุ ภาพ ดังนัน้ จึงควรเลือกรับประทาน อาหารใหเ้ หมาะสมกับวยั 3 กฬี าสร้างสขุ ภาพ (กีฬา พ 3.2 ม.1/3 แบดมินตันเป็นกฬี าที่สามารถ 20 35 แบดมนิ ตนั ) ม.1/4 เลน่ ได้ทกุ เพศทุกวัย หากมี ม.1/5 สนามกว้างพอมแี สงสวา่ งและ ม.1/6 ไม่มีลมพัดแรง กส็ ามารถใช้ เป็นสถานที่เล่นแบดมินตันได้ 4 ปฐมพยาบาลและ พ 5.1 ม.1/1 การปฐมพยาบาล คือ การ 6 10 เคลื่อนยา้ ยผู้ปว่ ย ช่วยเหลอื เบอื้ งตน้ เพื่อชว่ ย บรรเทาความเจบ็ ปวด และทา ใหไ้ ด้รบั อันตรายน้อยทีส่ ดุ กอ่ นท่จี ะนาส่งโรง พยาบาล ใหแ้ พทยร์ ักษาตอ่ ไป

75 หนว่ ย ชื่อหน่วยกำรเรียนรู้ มำตรฐำนกำร สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบ เวลำ นำ้ หนัก (ชั่วโมง) คะแนน ท่ี เรียนร้/ู ตัวช้ีวัด ยอด 4 9 5 การปอ้ งกนั สารเสพติด พ 5.1 ม.1/2 สารเสพติด ทาใหเ้ กดิ อันตราย 40 70 ม.1/3 ตอ่ รา่ งกายและจิตใจ ตอ้ งเพม่ิ 40 10 20 ม.1/4 ปรมิ าณในการเสพข้ึนเรอ่ื ยๆ 100 มอี าการขาดยาเม่ือไมไ่ ด้เสพ ดังน้นั จึงควรหลกี เล่ียงให้ หา่ งไกลจากสารเสพตดิ ระหวำ่ งปี ทดสอบกลำงภำค ทดสอบปลำยภำค รวมตลอดท้ังปี หมำยเหตุ อัตรำสว่ นคะแนนระหวำ่ งเรยี นกบั กำรสอบปลำยภำค

76 โครงสรำ้ งรำยวชิ ำ ชนั้ มธั ยมศึกษำปีท่ี 2 กลุ่มสำระกำรเรยี นรูส้ ขุ ศกึ ษำและพลศึกษำ รหสั วิชำ พ 22101 เวลำ 40 ช่ัวโมง/ปี ภำคเรียนที่ 1 ลำดับ ชือ่ หน่วยกำรเรยี นรู้ มำตรฐำนกำร สำระสำคญั เวลำ นำ้ หนกั ที่ เรยี นร/ู้ ตัวชว้ี ัด (ช่ัวโมง) คะแนน 1 กำรเจรญิ เตบิ โตและ พ 1.1 ม.2/1 พันธุกรรม สง่ิ แวดล้อม และการอบรม 3 10 พฒั นำกำรของวัยรนุ่ ม.2/2 เลย้ี งดู เป็นปัจจัยสาคัญทสี่ ง่ ผลต่อ การเจริญเติบโต และพัฒนาการทาง ด้านรา่ งกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และ สติปญั ญาในวัยรุ่น 2 ชวี ติ และครอบครัว พ 2.1 ม.2/1 การศกึ ษาวเิ คราะหป์ ัจจยั ทมี่ ีอิทธิพล 7 15 ม.2/2 ต่อเจตคตใิ นเรอื่ งเพศ จะทาให้ทราบปญั หา ม.2/3 และผลกระทบท่ีเกิดจากการมเี พศสัมพนั ธ์ ในวยั เรยี น และทาให้สามารถป้องกนั ม.2/4 ตนเองเร่ืองเพศได้อย่างถกู ต้องเหมาะสม ความเสมอภาคทางเพศ มคี วามสาคัญ ต่อการดารงชีวิตในสังคม ช่วยใหส้ ามารถ วางตัวได้อย่างเหมาะสมกบั เพศตรงข้าม และสอดคล้องกบั ค่านิยมของ สังคมไทย ตลอดจนชว่ ยหาแนวทางในการ แกไ้ ขปัญหาทางเพศทเี่ กิดข้นึ ในสงั คม 3 กำรเคล่อื นไหว กำรออก พ 3.1 ม.2/1 ความรู้ท่ัวไปเกี่ยวกับประวตั ิ ความเป็นมา 20 35 กำลังกำย (วำ่ ยน้ำ) ม.2/2 การเล่นเกมกีฬาวา่ ยน้า รูปแบบการ ม.2/3 เคล่อื นไหวแบบต่าง ๆ ตลอดจนการนา ม.2/4 หลักการทางวิทยาศาสตร์ การเคลอ่ื นไหวไป ใชใ้ นการวา่ ยน้า ตามหลกั กฎ กติกา ความ ปลอดภัย และกลวธิ ีในการเลน่ และการ แขง่ ขัน การบริหารกายและการสรา้ งความ คยุ้ เคยกบั นา้ มคี วามสาคัญมากเพราะจะ เป็นจดุ เรม่ิ ต้นของการเล่นกีฬาทุกชนิด ทกั ษะเป็นปัจจยั ทีส่ าคญั ในการเลน่ กีฬาทุก ชนดิ หากมีทกั ษะท่ถี กู ตอ้ ง กจ็ ะนาไปสู่

77 ลำดับ ช่อื หน่วยกำรเรียนรู้ มำตรฐำนกำร สำระสำคญั เวลำ นำ้ หนกั ท่ี เรยี นรู/้ ตัวชว้ี ัด (ช่วั โมง) คะแนน ความสาเร็จได้ ทง้ั นีข้ ้ึนอยู่กบั กิจกรรมกีฬา เป็นกิจกรรมทไ่ี ด้รับการยอมรับว่ามีส่วนร่วม ส่งเสริมและชว่ ยพัฒนาคุณภาพชวี ิตของ คนเราไดเ้ ปน็ อยา่ งดี กิจกรรมกฬี ามี รูปแบบท่หี ลากหลายมกี ารศกึ ษาคน้ คว้า และพฒั นารูปแบบการเล่นกฎ กติกามากข้นึ กฬี าบางชนิดได้รบั ความนิยมจนได้พัฒนา จากรปู แบบกีฬาสมัครเลน่ มาอยู่ในรปู ของ กีฬาอาชีพ การทดสอบสมรรถภาพทางกายของกีฬา หมายถงึ การวดั ระดบั ความสามารถของ ร่างกายหรอื สว่ นต่างๆ ของร่างกายท่ี ตอ้ งการวดั เพ่ือประเมินระดับ ความสามารถวา่ ดีมากน้อยเพยี งใด โดยเฉพาะ การทรงตัว ความอ่อนตัว ความ แข็งแรง ความอดทน ความเรว็ ความ คลอ่ งตัว และพละ กาลงั 4 กำรสร้ำงเสริมสุขภำพ พ 4.1 ม.2/7 การทดสอบสมรรถภาพทางกาย 55 สมรรถภำพและกำร ชว่ ยใหแ้ ต่ละบุคคลสามารถพฒั นา ปอ้ งกันโรค สมรรถภาพทางกายตนเองใหเ้ ปน็ ไป ตามเกณฑท์ ี่กาหนด และชว่ ยเสรมิ สร้าง ความสมบรู ณ์แข็งแรงใหก้ บั รา่ งกาย 5 ควำมปลอดภยั ในชวี ติ พ 5.1 ม.2/1 การช่วยเหลอื ฟน้ื ฟูผ้ตู ดิ สารเสพตดิ นั้น มี 4 5 วธิ กี ารหลายรปู แบบ ซง่ึ จะต้องอาศัย ปัจจยั ทเ่ี ก่ียวข้อง เพอื่ ส่งเสริมให้ การบาบดั ฟนื้ ฟปู ระสบความสาเร็จ รวมระหวำ่ งภำค 40 70 ทดสอบกลำงภำค 10 ทดสอบปลำยภำค 20 รวมทงั้ ส้นิ ตลอดภำค 40 100 หมำยเหตุ อตั รำสว่ นคะแนนระหวำ่ งเรยี นกบั กำรสอบปลำยภำค 80 / 20

78 ชั้นมัธยมศกึ ษำปีท่ี 2 โครงสร้ำงรำยวชิ ำ รหสั วิชำ พ 22102 ลำดบั ช่อื หนว่ ยกำรเรยี นรู้ กลุ่มสำระกำรเรียนรสู้ ขุ ศึกษำและพลศกึ ษำ เวลำ 40 ชั่วโมง/ปี ภำคเรยี นท่ี 2 ที่ 1 กำรสรำ้ งเสริมสุขภำพ มำตรฐำนกำร สำระสำคญั เวลำ น้ำหนกั เรียนร้/ู ตวั ชี้วดั (ช่วั โมง) คะแนน สมรรถภำพและกำร สุขภาพกายและสขุ ภาพจติ มี 28 ป้องกนั โรค พ 4.1 ม.2/1 ความสมั พันธ์กนั จงึ ต้องสรา้ งความสมดุล 16 ระหว่างสขุ ภาพกายและสขุ ภาพจิต 2 ควำมปลอดภัยในชีวิต ม.2/2 เพ่ือให้สามารถปฏบิ ัตติ นใน ม.2/3 การสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพกายและสุขภาพจิต ทด่ี ไี ดก้ ารมีความร้คู วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั ม.2/4 อารมณแ์ ละความเครยี ด ตลอดจน มีวธิ กี ารจดั การกบั อารมณ์และความเครยี ด ม.2/5 อยา่ งเหมาะสม ย่อมทาให้เปน็ ผู้ท่มี ี ม.2/6 สขุ ภาพจิตสดชน่ื แจม่ ใสสถานบริการ สุขภาพมขี ดี ความสามารถในการให้บริการ แตกต่างกัน จงึ ควรประเมนิ ปญั หาสขุ ภาพ ของตนเองก่อนพิจารณาเลือกสถานบริการ สุขภาพทีเ่ หมาะสมและมคี ุณภาพ เพ่อื ให้ ไดร้ บั บริการสุขภาพทดี่ ีและเหมาะสม ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ในปัจจุบนั สง่ ผลกระทบตอ่ สุขภาพ ทง้ั ด้านดีและดา้ นเสีย การรจู้ กั เลอื กใช้ เทคโนโลยีอย่างชาญฉลาดจะช่วยให้ ปลอดภัยและใชป้ ระโยชน์ได้อย่างเต็ม ประสิทธิภาพ และจะต้องรจู้ กั วิเคราะห์ และเลอื กรูปแบบการใหบ้ ริการทาง การแพทยแ์ ละสขุ ภาพที่เหมาะสม เพ่อื ให้ เกิดประโยชน์ตอ่ ตนเอง พ 5.1 ม.2/2 พฤติกรรมเส่ยี งและสถานการณเ์ สย่ี งสง่ ผล 4 8 ม.2/3 ใหเ้ กดิ อนั ตรายต่อชีวิตและทรัพยส์ ิน จงึ ควร หลกี เลย่ี งและใชท้ ักษะในการป้องกันตนเอง ทเี่ หมาะสมกบั สถานการณ์ทเี่ กดิ ข้ึน

79 ลำดับ ชอื่ หนว่ ยกำรเรยี นรู้ มำตรฐำนกำร สำระสำคญั เวลำ นำ้ หนกั ที่ เรยี นร/ู้ ตวั ช้วี ัด (ช่วั โมง) คะแนน 3 กำรเคลื่อนไหว กำรออก พ 3.2 ม.2/1 ความรทู้ ัว่ ไปเก่ียวกับประวตั ิ ความเปน็ มา 20 35 กำลังกำย กำรเล่นเกม การเล่นเกมกฬี าวอลเลย์บอลรูปแบบการ กีฬำไทย และกีฬำ พ 3.1 ม.2/2 เคลือ่ นไหวแบบต่าง ๆ ตลอดจนการนา สำกล หลักการทางวิทยาศาสตร์ การเคลือ่ นไหวไป พ 3.1 ม.2/3 ใช้ในการเล่นวอลเลยบ์ อลตามหลกั กฎ กตกิ า ความปลอดภัย และกลวธิ ีในการเลน่ และการแข่งขัน พ 3.1 ม.2/4 การทดสอบสมรรถภาพทางกายของกีฬา วอลเลย์บอล หมายถึง การวัดระดบั พ 3.1 ม.2/5 ความสามารถของ รา่ งกายหรือสว่ นต่างๆ ของรา่ งกายท่ีต้องการวัดเพ่ือประเมินระดบั ความสามารถว่าดีมากน้อยเพยี งใด โดยเฉพาะ การทรงตวั ความออ่ นตัว ความ แข็งแรง ความอดทน ความเร็ว ความ คลอ่ งตัว และพละกาลัง ทักษะเปน็ ปจั จยั ที่สาคัญในการเลน่ กีฬาทกุ ชนดิ หากมีทักษะทถ่ี กู ต้อง กจ็ ะนาไปสู่ ความสาเร็จได้ ทง้ั นข้ี ้ึนอยกู่ ับ กจิ กรรมกีฬาเปน็ กิจกรรมทีไ่ ดร้ บั การ ยอมรับวา่ มสี ่วนร่วมสง่ เสรมิ และชว่ ยพฒั นา คณุ ภาพชีวิตของคนเราได้เปน็ อยา่ งดี กจิ กรรมกฬี ามรี ปู แบบท่หี ลากหลายมี การศึกษาคน้ คว้าและพฒั นารูปแบบการเลน่ กฎ กติกามากขึน้ กีฬาบางชนิดไดร้ บั ความ นิยมจนได้พฒั นาจากรูปแบบกีฬาสมัครเลน่ มาอย่ใู นรปู ของกฬี าอาชีพ รวมระหวำ่ งภำค 40 70 ทดสอบกลำงภำค 10 ทดสอบปลำยภำค 20 รวมท้ังสนิ้ ตลอดภำค 40 100 หมำยเหตุ อัตรำส่วนคะแนนระหว่ำงเรยี นกับกำรสอบปลำยภำค 80 / 20

พ 23101 สขุ ศึกษำและพลศกึ ษำ 80 ชัน้ มธั ยมศกึ ษำปีท่ี 3 โครงสรำ้ งรำยวชิ ำ กล่มุ สำระกำรเรยี นรูส้ ุขศกึ ษำและพลศกึ ษำ เวลำ 40 ช่ัวโมง จำนวน 1 หนว่ ยกติ หนว่ ย ชือ่ หน่วยกำร มำตรฐำนกำร สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด เวลำ นำ้ หนกั ท่ี เรยี นรู้ เรยี นรู้/ตัวชีว้ ัด (ชั่วโมง) คะแนน 1 วัยและการ พ 1.1 ม.3/1 เปรยี บเทียบการเปล่ยี นแปลง เปลีย่ นแปลงตอ่ พ 1.1 ม.3/2 ทางด้านรา่ งกาย จติ ใจ อารมณ์ สงั คม 6 10 พัฒนาการของ พ 1.1 ม.3/3 และสตปิ ญั ญา แต่ละช่วงของชีวิต วัยรนุ่ วเิ คราะห์อทิ ธิพลและความคาดหวงั ของ 20 35 พ 3.1 ม.3/1 สังคมต่อการเปลี่ยนแปลงของวยั รุน่ 2 การออกกาลงั กาย พ 3.1 ม.3/2 เล่นกฬี าไทยและกฬี าสากลโดยใช้ และกีฬา(กฬี าวา่ ย พ 3.2 ม.3/3 เทคนคิ และวธิ ีการเล่นทเี่ หมาะสมกับ นา้ ) พ 3.2 ม.3/4 ตนเองและทมี พ 3.2 ม.3/5 มีความรู้และวธิ ีการจดั กจิ กรรม นันทนาการไปขยายผลการเรยี นรู้ใหก้ บั ผอู้ ื่นแสดงออกถึงการมีมารยาทและมี นา้ ใจนกั กีฬาในขณะเล่น ดูกีฬาและ นาประสบการณ์ แนวคดิ จากการออก กาลงั กายและเลน่ กฬี าอย่างสม่าเสมอไป ประยุกตใ์ ชใ้ นการพฒั นาคุณภาพชวี ติ ปฏิบัตติ นตามกฎ กติกาและขอ้ ตกลงใน การเลน่ กฬี าซงึ่ สามารถประยุกต์ ประสบการณจ์ ากการปฏิบัตติ ามกฎ กติกาและขอ้ ตกลงไปพฒั นาคณุ ภาพ ชีวิตของตนจาแนกกลวธิ ีการรกุ การ ป้องกนั และนาไปใชใ้ นการเลน่ กีฬาได้ ตามสถานการณ์ของการเล่น และตดั สนิ ใจเลอื กวิธีทีเ่ หมาะสมกบั ทมี นาเสนอผลการพฒั นาสุขภาพที่เกดิ จาก การออกกาลงั กายและเล่นกีฬาเป็น ประจา

81 3 อนามยั เจรญิ พันธ์ุ พ 2.1 ม.3/1 อธบิ ายอนามยั แม่และเด็ก การวางแผน 4 6 และการตงั้ ครรภ์ พ 2.1 ม.3/2 ครอบครวั และวิธกี ารปฏิบัติตนที่ เหมาะสม วเิ คราะหป์ ัจจัยทม่ี ีผลกระทบ 9 ตอ่ การตง้ั ครรภ์ 10 4 การสร้าง พ 2.1 ม.3/3 วิเคราะห์สาเหตแุ ละเสนอแนวทาง 6 4 70 สัมพนั ธภาพใน ป้องกัน แก้ไขความขัดแย้งในครอบครวั 10 40 20 ครอบครวั 100 5 อาหารทเ่ี หมาะสม พ 4.1 ม.3/1 การกาหนดรายการอาหารให้เหมาะสม กับวัย กบั วัย ควรคานึงถึงความประหยัดและ คณุ ค่าทางโภชนาการ รวมระหว่ำงภำค ทดสอบปลำยภำค ทดสอบปลำยภำค รวมท้ังสิ้นตลอดภำค หมำยเหตุ อัตรำสว่ นคะแนนระหวำ่ งเรยี นกบั กำรสอบปลำยภำค 80 / 20

พ 23102 สุขศึกษำและพลศกึ ษำ 82 ชัน้ มธั ยมศึกษำปีท่ี 3 โครงสรำ้ งรำยวิชำ กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้สขุ ศกึ ษำและพลศกึ ษำ เวลำ 40 ช่วั โมง จำนวน 1 หน่วยกิต หนว่ ย ชือ่ หน่วยกำร มำตรฐำนกำร สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด เวลำ นำ้ หนกั ท่ี เรียนรู้ เรียนร/ู้ ตวั ชว้ี ัด (ชั่วโมง) คะแนน 1 โรคและการป้องกัน พ 4.1 ม.3/2 การเจ็บปว่ ยและการตายของคนไทยมี 6 7 ม.3/3 สาเหตมุ าจากการเจบ็ ป่วยจากโรคตดิ ต่อ และโรคไม่ติดตอ่ จงึ ต้องมีการป้องกนั โรคอยา่ งถกู ตอ้ ง 2 การพัฒนา พ 4.1 ม.3/4 การวางแผนและจัดเวลาในการออก 46 สมรรถภาพทาง ม.3/5 กาลงั กาย การพกั ผ่อนและการสรา้ ง กายเพ่ือสุขภาพ เสรมิ สมรรถภาพทางกาย การทดสอบสมรรถภาพทางกาย และ พัฒนาได้ตามความแตกต่างระหวา่ ง บุคคล 3 การออกกาลังกาย พ 3.1 ม.3/3 เล่นกีฬาไทยและกฬี าสากลโดยใช้ 20 35 และเลน่ กีฬา พ 3.2 ม.3/1 เทคนคิ และวธิ ีการเล่นทีเ่ หมาะสมกบั (กฬี าเปตอง) ม.3/2 ตนเองและทมี นาหลักการ ความรู้ และทักษะในการ เคลอ่ื นไหว กิจกรรมทางกาย การเลน่ เกม และการเลน่ กฬี าไปกาหนดเปน็ ระบบสรา้ งเสริมสขุ ภาพอยา่ งตอ่ เนือ่ ง ความรู้และวธิ ีการจดั กิจกรรม นนั ทนาการไปขยายผลการเรยี นรู้ใหก้ บั ผู้อน่ื แสดงออกถึงการมีมารยาทและมนี า้ ใจ นกั กีฬาในขณะเลน่ ดกู ีฬาและนา ประสบการณ์ แนวคดิ จากการออกกาลัง กายและเลน่ กฬี าอย่างสม่าเสมอไป ประยุกต์ใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวติ ปฏบิ ตั ติ นตามกฎ กติกาและขอ้ ตกลงใน การเล่นกฬี าซ่งึ สามารถประยกุ ต์

83 ประสบการณ์จากการปฏิบตั ติ ามกฎ กตกิ าและข้อตกลงไปพฒั นาคุณภาพ ชวี ติ ของตน จาแนกกลวิธีการรกุ การป้องกนั และ นาไปใช้ในการเลน่ กฬี าได้ตาม สถานการณข์ องการเล่น และตัดสนิ ใจเลือกวธิ ที เ่ี หมาะสมกับทมี นาเสนอผลการพัฒนาสุขภาพท่ีเกิดจาก การออกกาลังกายและเลน่ กีฬาเปน็ ประจา 4 พฤติกรรมเสี่ยงตอ่ พ 5.1 ม.3/1 หากบุคคลใดบุคคลหน่งึ มีปัจจัยเสยี่ งต่อ 4 12 10 สุขภาพและความ ม.3/2 สขุ ภาพหรือมพี ฤติกรรมเสย่ี งตอ่ สุขภาพ รุนแรง ม.3/3 ยอ่ มส่งผลกระทบต่อครอบครัวและ ม.3/4 ชุมชน การศึกษาทาความเขา้ ใจและรู้จัก หลกี เล่ยี งพฤตกิ รรมเส่ยี งตลอดจนความ รนุ แรงตา่ งๆ จะทาให้สามารถดาเนิน ชีวิตไปไดอ้ ยา่ งมคี วามสุขและปลอดภยั 5 การช่วยฟน้ื คืนชีพ พ 5.1 ม.3/5 การช่วยฟื้นคนื ชพี อย่างถกู วธิ ี จะ 6 สามารถช่วยให้ผู้ปว่ ยปลอดภยั กอ่ นได้รับ การรักษาจากบุคลากรทางการแพทย์ รวมระหว่ำงภำค 40 70 ทดสอบกลำงภำค 10 ทดสอบปลำยภำค 20 รวมทงั้ สิ้นตลอดภำค อตั รำสว่ นคะแนนระหวำ่ งเรยี นกับกำรสอบปลำยภำค 80 / 20 40 100 หมำยเหตุ

84 โครงสร้ำงรำยวิชำ ชอ่ื รำยวิชำ วำ่ ยน้ำ รหสั พ21201 เวลำ 40 ชัว่ โมง ชน้ั ประถมศึกษำปที ่ี เวลำ นำ้ หนกั (ชว่ั โมง) คะแนน หน่วย ชอ่ื หนว่ ยกำรเรยี นรู้ ผลกำรเรยี นรู้ สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด 10 15 10 15 ท่ี 5 10 1 ทักษะกีฬาว่ายน้า 1 เขา้ ใจมีทกั ษะในการเคลื่อนไหว และกฬี าวา่ ยนา้ 5 10 5 15 2 ควบคมุ การเคล่อื นไหว 2 ควบคุมการเคลอื่ นไหวรา่ งกายขณะอยู่ 5 15 ร่างกาย (กีฬาว่ายนา้ ) กบั ที่ เป่าน้า เตะขา ลอยตวั การน่งั เตะ 20 80 ขา จับคิกบอรด์ เตะขา 20 40 100 3 รักการออกกาลังกายกฬี า 3 รกั การออกกาลังกาย การเล่นเกม และ ว่ายนา้ การเล่น มีวินัย เคารพ สิทธิ กฎ กติกา มนี ้าใจนกั กีฬา มจี ติ วิญญาณในการ แข่งขนั และชน่ื ชมในสุนทรยี ภาพของ การกีฬา 4 การเล่นเกม กฬี าไทย 4 ออกกาลงั กาย ได้ดว้ ยตนเองอย่าง และกีฬาวา่ ยนา้ สนกุ สนาน 5 ปฏบิ ัตติ ามกฎ กติกาแล 5 ปฏิบัติตามกฎ กตกิ าและขอ้ ตกลงใน ข้อตกลงกฬี าวา่ ยน้า การเรียนกีฬาว่ายนา้ 6 ออกกาลังกาย และเลน่ 6 อธบิ ายวธิ ีปอ้ งกนั อุบัตเิ หตุทางน้าได้ เกม ไดด้ ้วยตนเอง และปฏิบตั ติ ามกฎ รวมระหว่ำงปี ปลำยปี รวมตลอดปี หมำยเหตุ อัตราสว่ นคะแนนระหวา่ งเรียนกบั การสอบปลายภาค 80 / 20

85 โครงสร้ำงรำยวชิ ำ ชือ่ รำยวิชำ วำ่ ยนำ้ รหัส พ 22201 ชน้ั ประถมศึกษำปีที่ 2 เวลำ 40 ชวั่ โมง หนว่ ย ช่อื หน่วยกำรเรียนรู้ ผลกำร สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด เวลำ น้ำหนัก ท่ี เรยี นรู้ (ช่วั โมง) คะแนน 1 ทักษะกีฬาวา่ ยนา้ 1 เขา้ ใจ มที ักษะในการเคล่อื นไหว กิจกรรม 10 15 ทางกาย การเลน่ เกม และกีฬาวา่ ยน้า 2 ควบคมุ การเคลือ่ นไหว 2 ควบคมุ การเคลอื่ นไหวร่างกายขณะอยู่กบั 10 15 ร่างกาย (กฬี าว่ายนา้ ) ทแ่ี ละใช้อุปกรณใ์ นการว่ายนา้ เชน่ เปา่ น้า เตะขา ลอยตัว ลอยตัว ทาท่าปลาเขม็ และ เตะขา 3 รกั การออกกาลงั กายกีฬา 3 รักการออกกาลงั กาย การเลน่ เกม และการ 5 10 วา่ ยนา้ เลน่ กฬี า ปฏิบัติเปน็ ประจาอย่างสมา่ เสมอ มีวนิ ยั เคารพสิทธิ กฎ กตกิ า มีน้าใจ นกั กีฬา มีจติ วิญญาณในการแข่งขนั และ ช่ืนชมในสนุ ทรียภาพของการกีฬา 4 การเล่นเกม กฬี าไทย 4 ออกกาลังกาย และเลน่ เกม ไดด้ ว้ ยตนเอง 5 10 และกีฬาวา่ ยนา้ อยา่ งสนุกสนานในสระนา้ 5 ปฏิบัติตามกฎ กตกิ าแล 5 ปฏิบตั ติ ามกฎ กติกาและขอ้ ตกลงในการ 5 15 ข้อตกลงกฬี าวา่ ยน้า เรียนและการเล่นเกมเป็นกลมุ่ (ว่ายนา้ ) 6 ออกกาลังกาย และเล่น 6 ปฏิบัติตามกฎ กตกิ าและข้อตกลงในการ 5 15 เกม ได้ด้วยตนเอง เลน่ เกมเปน็ กล่มุ รวมระหว่ำงปี 20 80 สรปุ ทบทวนภำพรวม (ทดสอบปลำยป)ี 20 รวมท้งั สนิ้ ตลอดปี 40 100 หมำยเหตุ อัตราสว่ นคะแนนระหวา่ งเรียนกบั การสอบปลายภาค 80 / 20

86 โครงสร้ำงรำยวิชำ ชือ่ รำยวิชำ วำ่ ยน้ำ (เพมิ่ เติม) รหัส พ13201 ช้ันประถมศกึ ษำปที ี่ 3 เวลำ 40 ช่วั โมง หน่วย ช่ือหน่วยกำรเรยี นรู้ ผลกำรเรยี นรู้ สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด เวลำ นำ้ หนัก ท่ี (ชว่ั โมง) คะแนน 1 การบรหิ ารรา่ งกาย 1 มที กั ษะในการเคลอ่ื นไหว กจิ กรรมทาง 2 10 กาย 2 ความรู้เบือ้ งต้นของกฬี า 2 มคี วามความรเู้ บอ้ื งตน้ ของกีฬาว่ายน้า 1 10 วา่ ยน้า 3 ประโยชน์ของกีฬาวา่ ยนา้ 3 สามารถนาประโยชนข์ องกฬี าว่ายนา้ ไป 1 10 ใช้ต่อไป 4 การหายใจใตน้ ้า 4 ทักษะการหายใจใต้นา้ ในการเล่นกีฬา 4 10 วา่ ยนา้ เปน็ ส่ิงสาคญั เพือ่ เปน็ ประโยชนแ์ ละเปน็ พ้นื ฐานในการเลน่ กีฬาว่ายน้าตอ่ ไป 5 การลอยตัวในนา้ 5 ทกั ษะการลอยตัวในน้า ในการเล่นกฬี า 6 10 วา่ ยนา้ เปน็ ส่งิ สาคญั เพือ่ เป็น ประโยชนแ์ ละเป็นพน้ื ฐานในการเล่น กฬี าว่ายนา้ ตอ่ ไป 6 การเตะขาแบบอยู่กับท่ี 6 ทกั ษะการเตะขาแบบอยู่กับที่ ในการ 10 10 เล่นกฬี าวา่ ยน้า เปน็ สง่ิ สาคัญ เพอ่ื เป็น ประโยชน์และเปน็ พ้นื ฐานในการเล่น กฬี าวา่ ยนา้ ตอ่ ไป 7 การเกาะแผน่ โฟมเตะขา 7 การเกาะแผน่ โฟมเตะขาแบบเคลอ่ื นท่ี 10 10 แบบเคล่อื นที่ เป็นส่ิงสาคญั เพอ่ื เปน็ ประโยชน์และ เป็นพ้ืนฐานไปสทู่ ่าฟรสี ไตล์ 8 เกมเบด็ เตลด็ 8 นาทักษะในกฬี าว่ายน้า สู่การนาไปเลน่ 6 10 เกมเบ็ดเตลด็ รวมระหว่ำงปี 80 สรุปทบทวนภำพรวม (ทดสอบปลำยป)ี 20 รวมทง้ั ส้ินตลอดปี 40 100 หมำยเหตุ อัตราสว่ นคะแนนระหว่างเรียนกบั การสอบปลายภาค 80 / 20

87 แนวกำรจดั กำรเรยี นรู้ หลักกำรจัดกำรเรียนรู้ การจดั การเรยี นรเู้ พ่ือให้ผู้เรียนมคี วามร้คู วามสามารถตามมาตรฐานการเรยี นรู้ สมรรถนะ สาคัญ และคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงคต์ ามท่กี าหนดไวใ้ นหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน โดยยึดหลัก ว่า ผู้เรยี นมีความสาคญั ท่สี ุด เชื่อว่าทุกคนมีความสามารถเรียนร้แู ละพัฒนาตนเองได้ ยึดประโยชนท์ ี่เกดิ กับ ผเู้ รียน กระบวนการจัดการเรยี นรูต้ ้องส่งเสรมิ ให้ผู้เรียน สามารถพัฒนาตามธรรมชาตแิ ละเต็มตามศักยภาพ คานึงถึงความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคลและพัฒนาการทางสมอง เนน้ ให้ความสาคญั ทง้ั ความรู้ และคณุ ธรรม กระบวนกำรเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ผู้เรียนจะต้องอาศัยกระบวนการเรียนรู้ท่ี หลากหลาย เป็นเคร่ืองมือท่ีจะนาพาตนเองไปสู่เป้าหมายของหลักสูตร กระบวนการเรียนรู้ท่ีจาเป็นสาหรับ ผู้เรียน อาทิ กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการคิด กระบวนการ ทางสังคม กระบวนการเผชิญสถานการณ์และแก้ปัญหา กระบวนการเรียนรู้ จากประสบการณ์จริง กระบวนการปฏิบัติ ลงมือทาจริง กระบวนการจัดการ กระบวนการวจิ ัย กระบวนการเรียนรู้การเรยี นรขู้ อง ตนเอง กระบวนการพัฒนาลกั ษณะนสิ ยั กระบวนการเหลา่ น้ีเปน็ แนวทางในการจัดการเรียนรทู้ ี่ผ้เู รียนควรได้รับการฝึกฝน พัฒนา เพราะจะสามารถช่วยให้ผู้เรยี นเกดิ การเรียนรไู้ ด้ดี บรรลเุ ปา้ หมายของหลักสตู ร ดงั นั้น ผ้สู อน จึงจาเปน็ ตอ้ ง ศึกษาทาความเขา้ ใจในกระบวนการเรียนรูต้ ่าง ๆ เพื่อใหส้ ามารถเลอื กใชใ้ นการจัดกระบวนการเรียนรไู้ ด้อย่าง มปี ระสทิ ธภิ าพ กำรออกแบบกำรเรยี นรู้ ผู้สอนต้องศึกษาหลักสูตรสถานศึกษาให้เข้าใจถึงมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สมรรถนะ สาคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสาระการเรียนรู้ท่ีเหมาะสมกับผู้เรียน แล้วจึงพิจารณา ออกแบบการจัดการเรยี นรู้โดยเลอื กใช้วิธีสอนและเทคนิคการสอน ส่ือ/แหล่งเรียนรู้ การวัดและประเมินผล เพอ่ื ให้ผเู้ รยี นไดพ้ ฒั นาเตม็ ตามศกั ยภาพและบรรลตุ ามเป้าหมายที่กาหนด

88 บทบำทของผูส้ อนและผ้เู รยี น การจัดการเรยี นร้เู พื่อให้ผู้เรยี นมีคุณภาพตามเป้าหมายของหลักสูตร ท้ังผูส้ อนและผู้เรยี นควรมี บทบาท ดังนี้ 1) บทบำทของผู้สอน (1) ศึกษาวิเคราะห์ผู้เรยี นเปน็ รายบุคคล แล้วนาข้อมูลมาใช้ในการวางแผนการจดั การ เรยี นรู้ ทท่ี ้าทายความสามารถของผู้เรยี น (2) กาหนดเป้าหมายที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน ด้านความรู้และทักษะ กระบวนการ ที่เปน็ ความคดิ รวบยอด หลักการ และความสัมพันธ์ รวมทั้งคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (3) ออกแบบการเรียนรู้และจัดการเรียนรู้ที่ตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล และพฒั นาการทางสมอง เพอ่ื นาผูเ้ รยี นไปสู่เป้าหมาย (4) จัดบรรยากาศทีเ่ อือ้ ต่อการเรียนรู้ และดูแลช่วยเหลือผู้เรยี นให้เกิดการเรยี นรู้ (5) จัดเตรียมและเลือกใช้ส่ือให้เหมาะสมกับกิจกรรม นาภูมิปัญญาท้องถ่ิน เทคโนโลยีท่ีเหมาะสมมาประยุกตใ์ ชใ้ นการจดั การเรยี นการสอน (6) ประเมินความก้าวหน้าของผู้เรยี นดว้ ยวิธกี ารทห่ี ลากหลาย เหมาะสมกับธรรมชาติ ของวิชาและระดบั พัฒนาการของผเู้ รยี น (7) วิเคราะห์ผลการประเมินมาใช้ในการซ่อมเสริมและพัฒนาผู้เรียน รวมทง้ั ปรับปรุง การจัดการเรยี นการสอนของตนเอง 2) บทบำทของผู้เรยี น (1) กาหนดเปา้ หมาย วางแผน และรบั ผดิ ชอบการเรยี นรูข้ องตนเอง (2) เสาะแสวงหาความรู้ เข้าถึงแหล่งการเรียนรู้ วิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อความรู้ ต้ังคาถาม คิดหาคาตอบหรือหาแนวทางแกป้ ัญหาด้วยวิธีการต่าง ๆ (3) ลงมือปฏิบัติจริง สรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ด้วยตนเอง และนาความรู้ไปประยุกต์ใช้ ในสถานการณ์ต่าง ๆ (4) มปี ฏสิ มั พนั ธ์ ทางาน ทากิจกรรมรว่ มกบั กล่มุ และครู (5) ประเมินและพฒั นากระบวนการเรยี นรขู้ องตนเองอย่างตอ่ เนอ่ื ง

89 ส่ือกำรเรียนรู้ กลุม่ สาระการเรยี นรู้สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา ได้จัดทาส่อื และจัดให้มีแหล่งเรยี นรู้ ตามหลักการและ นโยบายของการจัดการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน ดงั นี้ ส่อื การเรยี นรูเ้ ป็นเคร่อื งมอื สง่ เสรมิ สนับสนุนการจัดการกระบวนการเรียนรู้ ให้ผู้เรียนเขา้ ถึงความรู้ ทกั ษะ กระบวนการ และคณุ ลกั ษณะตามมาตรฐานของหลกั สูตรได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ ส่อื การเรียนรมู้ ี หลากหลาย ประเภท ท้ังส่ือธรรมชาติ สอื่ สง่ิ พมิ พ์ สือ่ เทคโนโลยี และเครอื ข่ายการเรียนรู้ต่างๆ ท่ีมใี นทอ้ งถิน่ การเลือกใช้ สอื่ ควรเลอื กให้มคี วามเหมาะสมกบั ระดับพัฒนาการ และลีลาการเรียนรทู้ ่ีหลากหลายของผู้เรียน การจัดหาสอ่ื การเรียนรู้ ผ้เู รียนและผสู้ อนสามารถจดั ทาและพัฒนาขึน้ เอง หรอื ปรบั ปรงุ เลือกใชอ้ ย่างมคี ณุ ภาพ จากส่ือ ต่างๆ ทีม่ อี ยูร่ อบตัวเพื่อนามาใช้ประกอบในการจดั การเรยี นรทู้ ่สี ามารถสง่ เสรมิ และส่อื สารให้ผูเ้ รยี นเกิด การ เรียนรู้ โดยสถานศกึ ษาควรจดั ใหม้ อี ย่างพอเพยี ง เพื่อพฒั นาให้ผเู้ รียน เกดิ การเรียนรู้อยา่ งแทจ้ รงิ สถานศึกษา เขตพ้นื ท่ีการศึกษา หน่วยงานท่ีเก่ยี วข้องและผูม้ ีหนา้ ที่จัดการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน ควรดาเนินการ ดงั น้ี 1. จัดให้มีแหลง่ การเรยี นรู้ ศูนยส์ ือ่ การเรียนรู้ ระบบสารสนเทศการเรียนรู้ และเครือข่ายการเรียนรู้ ที่ มีประสทิ ธิภาพทัง้ ในสถานศกึ ษาและในชมุ ชน เพือ่ การศกึ ษาคน้ คว้าและการแลกเปลย่ี นประสบการณก์ าร เรยี นรู้ ระหวา่ งสถานศึกษา ท้องถิ่น ชุมชน สังคมโลก 2. จดั ทาและจดั หาส่ือการเรียนรูส้ าหรบั การศกึ ษาคน้ คว้าของผูเ้ รียน เสรมิ ความรู้ใหผ้ ู้สอน รวมท้งั จัดหาสิ่งที่มอี ยูใ่ นท้องถิน่ มาประยุกตใ์ ชเ้ ปน็ ส่อื การเรียนรู้ 3. เลอื กและใชส้ ื่อการเรยี นรู้ทีม่ คี ุณภาพ มคี วามเหมาะสม มีความหลากหลาย สอดคล้องกับวิธกี าร เรียนรู้ ธรรมชาตขิ องสาระการเรียนรู้ และความแตกตา่ งระหว่างบุคคลของผู้เรียน 4. ประเมินคุณภาพของสื่อการเรยี นรทู้ เี่ ลอื กใชอ้ ย่างเปน็ ระบบ 5. ศึกษาคน้ ควา้ วิจัย เพ่อื พฒั นาสื่อการเรยี นรใู้ หส้ อดคลอ้ งกบั กระบวนการเรยี นรู้ของผเู้ รียน 6. จดั ใหม้ กี ารกากบั ติดตาม ประเมนิ คณุ ภาพและประสทิ ธภิ าพเกยี่ วกบั ส่อื และการใช้สื่อการเรยี นรู้ เป็นระยะๆ และสมา่ เสมอ ในการจดั ทา การเลือกใช้ และการประเมินคณุ ภาพสอื่ การเรียนร้ทู ี่ใชใ้ นสถานศกึ ษาควรคานงึ ถงึ หลักการสาคัญของสื่อการเรยี นรู้ เชน่ ความสอดคล้องกบั หลักสตู ร วตั ถุประสงค์การเรยี นรู้ การออกแบบ กิจกรรมการเรียนรู้ การจดั ประสบการณใ์ หผ้ ู้เรยี น เนื้อหามีความถูกตอ้ งและทนั สมยั ไม่กระทบความมัน่ คง ของชาติ ไม่ขัดตอ่ ศลี ธรรม มีการใชภ้ าษาท่ีถกู ต้อง รปู แบบการน าเสนอท่ีเข้าใจง่าย และนา่ สนใจ

90 กำรวดั ผลและประเมินผล จุดมุง่ หมำยของกำรวัดและประเมินผลกำรเรียนรู้ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนต้องอยู่บนหลักการพ้ื นฐานสองประการ คือ เป็นการวัดและประเมินเพ่ือพัฒนาผู้เรียนและเพื่อตัดสินผลการเรียนรู้ การที่จะบรรลุจุดมุ่งหมายแรกได้ จะตอ้ งมกี ารเก็บรวบรวมข้อมูลเกย่ี วกับการเรยี นรู้ของผู้เรียนในระหวา่ งการเรียนการสอนอยา่ งตอ่ เนื่อง บนั ทึก วเิ คราะห์ แปลความหมายข้อมูล แลว้ นามาใชใ้ นการส่งเสรมิ หรือปรับปรุงแก้ไขการเรียนรู้ของผู้เรยี นและการ สอนของครู การวัดและประเมินผลกับการสอนจึงเป็นเรื่องที่สัมพันธ์กัน หากขาดส่ิงหนึ่งสิง่ ใดการเรียนการ สอนกข็ าดประสทิ ธิภาพ การประเมินระหว่างการเรยี นการสอนเพ่ือพฒั นาการเรียนรู้เชน่ นี้ เรียกวา่ Formative assessment เป็นการวัดและประเมินผลท่ีเกิดข้ึนในห้องเรียนทุกวัน เป็นการประเมินเพ่ือให้รู้จุดเด่น จุดที่ต้อง ปรับปรุง จึงเป็นขอ้ มูลเพ่ือใช้ในการพัฒนา ซึ่งในปัจจุบันงานวจิ ัยบ่งชี้ว่าถ้าใช้การประเมินผลย่อยอย่างถูกวิธี การประเมนิ ผลย่อยจะเป็นเครอ่ื งมอื ทท่ี รงพลงั ในการกาหนดเป้าหมาย การเรยี นการสอน แต่ทง้ั น้ผี ู้สอนต้องมี ทกั ษะในการใช้วธิ ีการและเครื่องมือการประเมนิ ที่หลากหลาย เช่น การสังเกต การซักถาม การระดมความ คิดเหน็ เพือ่ ใหไ้ ด้มติขอ้ สรปุ ของประเดน็ ท่กี าหนด การใช้แฟ้มสะสมงาน การใชภ้ าระงานทเี่ นน้ การปฏบิ ตั ิ การ ประเมินความรู้เดิม การให้ผู้เรียนประเมินตนเอง การให้เพ่ือนประเมินเพ่ือน การใช้เกณฑ์การให้คะแนน (Rubrics) และท่ีสาคัญการให้ข้อมูลย้อนกลับโดยผู้สอนต้องสามารถให้คาแนะนาเพ่ือเชื่อมโยงความรู้เดิมกับ ความรู้ใหม่ทาให้การเรยี นรูพ้ อกพูน นอกจากน้ียังต้องรู้จักใช้ผลที่ได้จากการประเมินมาวางแผนและทบทวน การสอนของตนอกี ด้วย สาหรบั จุดมุง่ หมายที่สองคอื การวดั และประเมินผลเพื่อตดั สนิ ผลการเรยี นรู้ เป็นการประเมนิ สรุปผล การเรียนรู้ เรยี กว่า Summative assessment เม่ือเรยี นจบหน่วยการเรียน หรอื จบรายวิชาเพื่อตัดสินใหค้ ะแนน หรือใหร้ ะดับผลการเรียน หรอื ให้การรับรองความรู้ความสามารถของผู้เรียนว่าผา่ นรายวชิ าหรอื ไม่ ควรได้รับ การเลื่อนช้ันหรือไม่ หรอื สามารถจบหลักสูตรหรอื ไม่ โดยสถานศึกษามหี น้าทใ่ี นการอนุมัติและรายงานผลการ เรียน งานวิจัยเสนอแนะว่าการประเมินเพ่ือตัดสินผลการเรียนท่ีดีต้องให้โอกาสผู้เรียนแสดงออกซึ่งความรู้ ความสามารถ ด้วยวิธีการที่หลากหลายและพิจารณาตัดสินบนพ้ืนฐานของเกณฑ์ผลการปฏิบัติมากกว่าใช้ เปรียบเทียบระหวา่ งนกั เรียน

91 หลักกำรวดั และประเมนิ ผลกำรเรียนรู้ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช2551 เป็น กระบวนการเก็บรวบรวม ตรวจสอบ ตีความผลการเรียนรู้ และพัฒนาการดา้ นต่างๆ ของผเู้ รยี นตามมาตรฐาน การเรียนรู้/ตัวช้ีวัดของหลักสูตร นาผลไปปรับปรุงพัฒนาการจัดการเรยี นรู้และใช้เป็นขอ้ มลู สาหรับการตัดสิน ผลการเรียน เพื่อให้การดาเนนิ การวัดและประเมินผลการเรียนรูเ้ ป็นไปอยา่ งมีคณุ ภาพและประสิทธิภาพ ผล การประเมนิ ตรงตามสภาพความรู้ ความสามารถที่แท้จริงของผู้เรียน ถูกต้องตามหลักการวัดและประเมินผล การเรียนรู้ รวมทั้งสามารถรองรับการประเมินภายในและการประเมินภายนอก ตามระบบประกันคุณภาพ การศกึ ษาไดจ้ ึงกาหนดหลักการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้เพอื่ เป็นแนวทางในการตัดสนิ ใจเกีย่ วกับการวัดและ ประเมินผลการเรียนรู้ ดงั นี้ 1. เปิดโอกาสให้ทุกฝา่ ยท่เี กี่ยวขอ้ งมีส่วนรว่ ม 2. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ต้องสอดคล้องและครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด ตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ท่ีกาหนดในหลักสูตรและจัดให้มีการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 3. การประเมินผู้เรียนพิจารณาจากพัฒนาการของผู้เรียน ความประพฤติ การสังเกตพฤติกรรม การเรียนรู้ การร่วมกิจกรรมและการทดสอบควบคู่ไปในกระบวนการเรียนการสอน ตามความเหมาะสมของแต่ ละระดับและรูปแบบการศกึ ษา 4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการจัดการเรียนการสอน ตอ้ งดาเนินการด้วยเทคนคิ วิธีการท่ีหลากหลาย เพ่ือให้สามารถวดั และประเมินผลผู้เรยี นได้อย่างรอบดา้ นทง้ั ด้าน ความรู้ ความคดิ กระบวนการ พฤติกรรมและเจตคติ เหมาะสมกบั สิง่ ท่ตี อ้ งการวัด ธรรมชาตวิ ชิ า และระดบั ช้ัน ของผเู้ รยี น โดยตงั้ อยู่บนพนื้ ฐานความเท่ยี งตรง ยตุ ิธรรม และเชอื่ ถือได้ 5. การประเมินผลการเรียนรู้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับปรุงพัฒนาผู้เรียน พัฒนาการจัดการเรียนรู้ และตัดสินผลการเรยี น 6. เปิดโอกาสให้ผู้เรยี นและผู้มีส่วนเกี่ยวขอ้ งตรวจสอบผลการประเมนิ ผลการเรียนรู้ 7. ให้มกี ารเทยี บโอนผลการเรียนระหว่างสถานศึกษาและรูปแบบการศึกษาต่างๆ

92 องค์ประกอบของกำรวดั และประเมนิ ผลกำรเรยี นรู้ 1. กำรวดั และประเมนิ ผลกำรเรียนรู้ตำมรำยวิชำ ผู้สอนทาการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ผู้เรียนเป็นรายวิชาตามตัวช้ีวัดท่ีกาหนดใน หน่วย การเรียนรู้ด้วยวิธกี ารท่ีหลากหลาย ใหไ้ ด้ผลการประเมินตามความสามารถท่ีแท้จริงของผเู้ รียน โดยทาการวัด และประเมินผลการเรยี นรไู้ ปพรอ้ มกบั การจัดการเรยี นการสอน ไดแ้ ก่ การสังเกตพฒั นาการและความประพฤติ ของผู้เรียน การสังเกตพฤตกิ รรมการเรียน การรว่ มกิจกรรมและการทดสอบ ซง่ึ ผูส้ อนตอ้ งนานวัตกรรมการวัด และประเมินผลการเรียนรู้ท่หี ลากหลาย เช่น การประเมินสภาพจริง การประเมินการปฏิบัติงาน การประเมิน จากโครงงานและการประเมินจากแฟ้มสะสมงาน ไปใช้ในการประเมินผลการเรียนรู้ควบคู่ไปกับการใช้ แบบทดสอบแบบต่างๆ และต้องใหค้ วามสาคัญกบั การประเมินระหวา่ งภาคมากกว่าการประเมินปลายภาค 2. กำรประเมินกำรอำ่ น คิดวิเครำะห์และเขยี น การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน เป็นการประเมินศักยภาพของผู้เรียนในการอ่าน การฟัง การดูและการรับรู้ จากหนังสือ เอกสารและส่ือต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง แล้วนามาคิดวิเคราะห์เน้ือหา สาระท่ีนาไปสู่การแสดงความคิดเห็น การสังเคราะห์สร้างสรรค์ในเร่ืองต่างๆ และถ่ายทอดความคิดน้ันด้วย การเขียนซ่ึงสะท้อนถึงสติปัญญา ความรู้ ความเข้าใจ ความสามารถในการคิ ดวิเคราะห์ แก้ปัญหาและ สร้างสรรค์จินตนาการอย่างเหมาะสมและมคี ุณคา่ แก่ตนเอง สังคมและประเทศชาติ พรอ้ มด้วยประสบการณ์ และ ทักษะในการเขียนท่ีมีสานวนภาษาถูกต้อง มีเหตุผลและลาดับข้ันตอนในการนาเสนอ สามารถสร้างความ เข้าใจแก่ผู้อ่านได้อย่างชัดเจนตามระดับความสามารถในแต่ละระดับช้ัน การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน สรุปผลเป็นรายภาค เพื่อวินิจฉัยและใช้เป็นข้อมูลเพ่ือประเมินการเล่ือนชั้นเรียนและการจบ การศึกษาระดบั ตา่ งๆ 3. กำรประเมนิ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ การประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และตามท่ีสถานศึกษากาหนดเพ่ิมเตมิ เป็นการประเมินรายคุณลกั ษณะแลว้ รวบรวมผลการ ประเมินจากผู้ประเมินทุกฝา่ ยนามาพิจารณาสรุปผลเป็นรายภาค เพ่ือใช้เป็นข้อมูลประเมิน การเลื่อนชั้นเรยี น และการจบการศกึ ษาระดับตา่ งๆ

93 เกณฑก์ ำรวัดและประเมนิ ผลกำรเรียนรู้ = 80 : 20 สัดส่วนการประเมินผลระหว่างภาคกบั การประเมินผลปลายภาค = 70 คะแนน รายวชิ าสขุ ศกึ ษาและพลศึกษา = 10 คะแนน = 20 คะแนน คะแนนระหวา่ งภาค : คะแนนปลายภาค = 100 คะแนน คะแนนระหว่างภาค 80 คะแนน ประเมนิ ดงั น้ี ประเมินโดยการทดสอบตามตวั ช้วี ัดและภาระงาน การทดสอบระหวา่ งภาค คะแนนสอบปลายภาค รวมคะแนนทงั้ หมด ตลอดภาค กำรตัดสนิ ผลกำรเรียน การตัดสินผลการเรียนมีการตัดสินในหลายลักษณะคือ การผา่ นรายวิชากาหนดเปน็ ภาคเรียน การ เลื่อนช้ันปีกาหนดเป็นปีการศึกษาและการจบระดับช้ันกาหนดเป็นระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย หลักเกณฑ์การวัดและประเมินผลการเรียนรู้เพ่ือตัดสินผลการเรียนของผู้เรียนตาม หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขน้ั พื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 มดี งั นี้ 1) ตัดสินผลการเรียนเป็นรายวชิ า ผ้เู รยี นตอ้ งมเี วลาเรียนตลอดภาคเรยี นไม่นอ้ ยกว่า ร้อยละ 80 ของเวลาเรยี นทงั้ หมดในรายวิชานน้ั ๆ 2) ผเู้ รยี นต้องได้รับการประเมินทุกตัวชว้ี ดั และผา่ นตามเกณฑท์ ส่ี ถานศึกษากาหนด 3) ผเู้ รียนต้องไดร้ ับการตดั สนิ ผลการเรยี นทกุ รายวชิ า 4) ผู้เรียนตอ้ งได้รบั การประเมนิ และมผี ลการประเมินผ่านตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษากาหนดในการ อา่ น คิดวิเคราะหแ์ ละเขียน คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงคแ์ ละกิจกรรมพฒั นาผเู้ รียน

94 กำรใหร้ ะดับผลกำรเรียน ในการตัดสินเพ่ือให้ระดับผลการเรียนรายวิชาของกลุ่มสาระการเรียนรู้ ให้ใช้ตัวเลขแสดงระดับผล การเรยี นเป็น 8 ระดับ รายวิชาที่จะนบั หน่วยกิตได้จะตอ้ งได้ระดับผลการเรียนตั้งแต่ 1 ขึ้นไป โดยมีแนว การให้ระดับผล การเรยี นดงั นี้ คะแนนรอ้ ยละ ระดับผลกำรเรียน ควำมหมำยของผลกำรประเมิน 80-100 4 ดเี ยยี่ ม 75-79 3.5 ดมี าก 70-74 3 ดี 65-69 2.5 ค่อนข้างดี 60-64 2 ปานกลาง 55-59 1.5 พอใช้ 50-54 1 ผ่านเกณฑ์ขนั้ ต่า 0-49 0 ตา่ กวา่ เกณฑ์ กำรประเมินกำรอำ่ น คิดวเิ ครำะห์และเขยี น และคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ให้ระดบั ผลการประเมนิ เปน็ ผา่ นและไมผ่ ่าน กรณีทีผ่ ่านใหร้ ะดบั ผลการเรยี นเปน็ ดีเยยี่ ม ดี และผา่ น ความหมายของผลการประเมนิ คุณภาพเปน็ ดีเยยี่ ม ดี และผา่ น ซ่งึ สามารถใช้ดงั นี้ 1) การประเมินอ่าน คดิ วเิ คราะห์และเขยี น ดีเยี่ยม หมายถงึ สามารถจบั ใจความสาคัญไดค้ รบถ้วน เขียนวิพากษว์ ิจารณ์ เขยี นสร้างสรรค์ แสดงความคิดเห็นประกอบอย่างมเี หตผุ ลไดถ้ ูกต้อง และสมบูรณ์ ใช้ภาษาสุภาพและเรยี บเรียงไดส้ ละสลวย ดี หมายถงึ สามารถจับใจความสาคัญได้ เขียนวิพากษว์ ิจารณแ์ ละเขยี นสร้างสรรค์ ได้โดยใช้ภาษาสุภาพ ผ่าน หมายถึงสามารถจับใจความสาคญั และเขยี นวพิ ากษ์วิจารณ์ได้บา้ ง

95 2) การประเมนิ คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ดเี ยี่ยม หมายถงึ ผเู้ รียนมีคณุ ลักษณะในการปฏบิ ตั จิ นเปน็ นสิ ยั และนาไปใช้ใน ชีวิตประจาวนั เพ่ือประโยชน์สุขของตนเองและสงั คม ดี หมายถงึ ผเู้ รียนมีคุณลักษณะในการปฏิบตั ิตามกฎเกณฑเ์ พื่อใหเ้ ปน็ ท่ี ยอมรับของสงั คม ผา่ น หมายถงึ ผู้เรยี นรับร้แู ละปฏบิ ัติตามกฎเกณฑแ์ ละเง่อื นไขทส่ี ถานศึกษากาหนด วธิ ีกำรประเมนิ ผลกำรเรียนรู้ ในการประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียน ผู้สอนควรใช้วิธีการวัดและประเมินผลอย่างหลากหลาย เหมาะสม สอดคล้องกับตัวชี้วัด/มาตรฐานการเรียนรู้ เพ่ือให้ได้ข้อมูลท่ีสะท้อนความรู้ความสามารถและ ศักยภาพของผเู้ รียน โดยผู้สอนสามารถเลอื กวธิ ีการประเมินจากวธิ ตี า่ งๆ ตอ่ ไปน้ี 1. การสังเกตพฤติกรรม เป็นการเก็บข้อมูลจากการดูการปฏิบัติกิจกรรมของผู้เรียนโดยไม่ ขัดจังหวะการทางานหรือการคิดของผู้เรียน การสังเกตพฤติกรรมเป็นสิ่งที่ทาได้ตลอดเวลา แต่ควรมี กระบวนการที่ชัดเจนและมีจุดประสงค์ที่ชัดเจนว่าต้องการประเมินอะไร โดยอาจใช้เครื่องมือ เช่น แบบ ประเมินค่า แบบตรวจสอบรายการ สมุดจดบันทึก เพ่ือประเมินผู้เรียนตามตัวช้ีวัด และควรทาการสังเกต บอ่ ยคร้งั เพื่อขจัดความลาเอียง 2. การสอบปากเปล่า เป็นการให้ผู้เรียนได้แสดงออกด้วยการพูด ตอบประเด็นเกี่ยวกับการ เรียนรู้ตามมาตรฐาน ผู้สอนเก็บข้อมูล จดบันทึก รูปแบบการประเมินน้ีผู้สอนและผู้เรียนมีปฏิสัมพันธ์กัน สามารถมีการอภิปราย โต้แย้ง ขยายความ ปรับแก้ไขความคิดกันได้ มีข้อท่ีพึงระวังคือ อย่าเพ่ิงขัดความคิด ขณะทีผ่ เู้ รียนกาลังพดู 3. การพูดคุย เป็นการส่ือสาร 2 ทางอีกประเภทหนึ่งระหว่างผู้สอนกับผู้เรียน สามารถ ดาเนินการเป็นกลุ่มหรือรายบุคคลก็ได้ โดยทว่ั ไปมกั ใช้อย่างไม่เป็นทางการเพ่อื ติดตามตรวจสอบวา่ ผู้เรียนเกิด การเรียนรู้เพยี งใด เป็นข้อมลู สาหรบั พัฒนา วิธีการน้ีอาจใชเ้ วลา แต่มปี ระโยชน์ต่อการคน้ หา วินจิ ฉยั ข้อปัญหา ตลอดจนเรอ่ื งอื่น ๆ ท่ีอาจเปน็ ปญั หา อปุ สรรคต่อการเรียนรู้ เช่น วธิ ีการเรยี นรทู้ ่ีแตกต่างกัน เปน็ ต้น 4. การใชค้ าถาม การใช้คาถามเป็นเรื่องปกติมากในการจัดการเรียนรู้ แต่ข้อมลู งานวิจัยบ่งช้ีว่า คาถามท่ีครูใช้เป็นด้านความจา และเป็นเชงิ การจัดการท่ัว ๆ ไปเป็นส่วนใหญ่ เพราะถามง่าย แตไ่ ม่ท้าทายให้ ผูเ้ รยี นต้องทาความเข้าใจและเรยี นรู้ให้ลึกซึ้ง การพัฒนาการใช้คาถามให้มีประสทิ ธิภาพแมจ้ ะเป็นเร่ืองที่ยาก แต่สามารถทาไดผ้ ลรวดเร็วขึ้น หากผสู้ อนมีการเปลยี่ นแปลงวิธกี ารประเมินในชั้นเรยี น โดยทาการประเมินเพื่อ พฒั นาใหแ้ ข็งขนั (Clarke, 2005) Clarke ยงั ไดน้ าเสนอวิธีการฝกึ ถามให้มีประสทิ ธภิ าพ 5 วิธี ดังนี้

96 วิธที ่ี 1 ให้คาตอบที่เป็นไปได้หลากหลาย เป็นวิธีทงี่ ่ายท่ีสุดในการเริม่ ตน้ เปล่ียนการถามแบบ ความจาให้เป็นคาถามทีต่ ้องใช้การคดิ บ้างเพราะมีคาตอบท่ีเปน็ ไปไดห้ ลายคาตอบ (แต่พงึ ระวังว่าการใช้คาถาม หมายความว่าผู้เรียนต้องผ่านการเรียนรู้ มีความเข้าใจพ้ืนฐานตามตัวชี้วัดที่กาหนดให้เรียนรู้มาแล้ว) คาถาม แบบน้ีทาให้ผู้เรียนตอ้ งใชก้ ารตดั สนิ ใจว่า คาตอบใดถูก หรือใกล้เคียงที่สุดเพราะเหตุใด และที่ไม่ถูกเพราะเหตุ ใด นอกจากนี้ การใช้คาถามแบบนี้จะทาให้ผู้เรยี นเรยี นรูย้ ่งิ ขึน้ อีกหากมีกจิ กรรมให้ผู้เรยี นทาเพ่อื พิสจู น์คาตอบ วิธที ี่ 2 เปล่ียนคาถามประเภทความจาให้เป็นคาถามประเภทที่ผู้เรียนตอ้ งแสดงความคิดเห็น พร้อมเหตุผล การใช้วธิ นี ี้จะต้องให้ผเู้ รียนได้อภิปรายกัน ผเู้ รียนต้องใช้การคิดทสี่ งู ข้นึ กว่าวธิ ีแรก เพราะผู้เรียน จะต้องยกตัวอย่างสนับสนุนความเห็นของตน เมื่อให้ประโยคที่ผู้เรียนจะต้องสะท้อนความคิดเห็น ผู้เรียน จะต้องปกปอ้ งหรืออธิบายทศั นะของตน การฝึกดว้ ยวิธกี ารนี้บอ่ ย ๆ จะเป็นการพฒั นาผู้เรียนให้เป็นผฟู้ งั ท่ีดี มี จติ ใจเปิดกว้างพร้อมรับฟัง และเปล่ียนแปลงความคิดเห็นโดยผ่านกระบวนการอภิปราย ครูใช้วิธีการน้ีกดดัน ให้เกดิ การอภปิ รายอย่างมคี ณุ ภาพสูงระหว่างเด็กตอ่ เดก็ และใหข้ ้อมลู เพอ่ื การพฒั นาแก่ทุกคนในช้นั เรียน วิธที ี่ 3 หาสิ่งตรงกันข้าม หรือสิ่งที่ใช่/ถูก ส่ิงที่ไม่ใช่/ผิด และถามเหตุผล วิธีการนี้ใช้ได้ดีกับ เนื้อหาที่เป็นข้อเท็จจรงิ เช่น จานวนในวชิ าคณิตศาสตร์ การสะกดคา โครงสรา้ งไวยากรณ์ในวิชาภาษา เปน็ ต้น เมื่อได้รับคาถามวา่ ทาไมทาเชน่ น้ถี ูก แต่ทาเช่นนี้ผดิ หรือทาไมผลบวกนถี้ ูก แต่ผลบวกนี้ผดิ หรือทาไมประโยค นีถ้ ูกไวยากรณ์แต่ประโยคนผ้ี ิดไวยากรณ์ เป็นตน้ จะเป็นโอกาสให้ผเู้ รียนคิดและอภิปรายมากกว่าเพียงการถาม ว่าทาไมโดยไมม่ ีการเปรียบเทียบกัน และวธิ ีการนี้จะใชก้ บั การทางานคมู่ ากกวา่ ถามทั้งห้อง แล้วใหย้ กมือตอบ วธิ ที ่ี 4 ให้คาตอบประเด็นสรุปแล้วตามด้วยคาถามให้คิด เป็นการให้ผู้เรียนต้องอธิบาย เพ่มิ เติม วธิ ที ี่ 5 ต้งั คาถามจากจุดยืนท่ีเห็นต่าง เป็นวธิ ีที่ต้องใช้ความสามารถมากท้ังผสู้ อนและผู้เรียน เพราะมปี ระเด็นท่ตี ้องอภปิ รายโตแ้ ย้งเชงิ ลึกเหมาะท่ีจะใช้อภิปรายในประเด็นท่ีเก่ียวกับสภาพเศรษฐกิจ สังคม ปัญหาสุขภาพ ปญั หาเชงิ จรยิ ธรรม เปน็ ตน้ นอกจากน้ี การใช้ Bloom’s Taxonomy เป็นกรอบแนวคิดในการตง้ั คาถามก็เป็นวิธีการท่ีดีใน การเกบ็ ข้อมลู การเรยี นรจู้ ากผ้เู รียน 5. การเขียนสะท้อนการเรียนรู้(Journals) เป็นรูปแบบการบันทึกการเขียนอีกรูปแบบหน่ึงที่ให้ ผู้เรียนเขียนตอบกระทู้ หรือคาถามของครู ซ่ึงจะต้องสอดคล้องกับความรู้ ทักษะที่กาหนดในตัวชี้วัด การ เขียนสะท้อนการเรียนรู้นี้นอกจากทาให้ผู้สอนทราบความก้าวหน้าในผลการเรียนรู้แล้ว ยังใช้เป็นเคร่ืองมือ ประเมินพฒั นาการด้านทักษะการเขยี นไดอ้ ีกด้วย

97 6. การประเมินการปฏิบัติ (Performance assessment) เป็นวิธกี ารประเมนิ งานหรือกิจกรรมที่ ผ้สู อนมอบหมายให้ผเู้ รียนปฏิบัติงานเพ่ือให้ทราบถึงผลการพัฒนาของผเู้ รียน การประเมินลักษณะนี้ ผู้สอน ต้องเตรียมส่ิงสาคัญ 2 ประการ คือ ภาระงาน (Tasks)หรือกิจกรรมที่จะให้ผู้เรียนปฏิบัติ เช่น การทา โครงการ /โครงงาน การสารวจ การนาเสนอ การสร้างแบบจาลอง การท่องปากเปล่า การสาธิต การ ทดลองวิทยาศาสตร์ การจัดนิทรรศการ การแสดงละคร เป็นต้น และเกณฑ์การให้คะแนน (Scoring Rubrics)การประเมนิ การปฏบิ ตั ิ อาจจะปรับเปลยี่ นไปตามลักษณะงานหรอื ประเภทกิจกรรม ดงั น้ี  ภาระงานหรือกิจกรรมท่ีเน้นขั้นตอนการปฏิบัติและผลงาน เช่น การทดลองวิทยาศาสตร์ การจัดนิทรรศการ การแสดงละคร แสดงเคล่ือนไหว การประกอบอาหาร การประดิษฐ์การสารวจ การ นาเสนอ การจัดทาแบบจาลอง เป็นต้น ผู้สอนจะต้องสังเกตและประเมินวิธีการทางานที่เป็นขั้นตอนและ ผลงานของผเู้ รียน  ภาระงานหรือกิจกรรมที่มุ่งเน้นการสรา้ งลกั ษณะนิสยั เช่น การรกั ษาความสะอาด การรักษาสาธารณสมบัติ/สงิ่ แวดล้อม กิจกรรมหน้าเสาธง เป็นต้น จะประเมินด้วยวิธีการสังเกต จดบันทึก เหตกุ ารณเ์ กยี่ วกับผเู้ รียน  ภาระงานที่มีลักษณะเป็นโครงการ/โครงงาน เป็นกิจกรรมท่ีเน้นข้ันตอนการปฏิบัติและ ผลงานที่ต้องใช้เวลาในการดาเนินการ จึงควรมีการประเมินเป็นระยะๆ เช่นระยะก่อนดาเนินโครงการ/ โครงงาน โดยประเมินความพร้อมการเตรียมการและความเป็นไปได้ในการปฏิบัติงานระยะระหว่างดาเนิน โครงการ/โครงงาน จะประเมินการปฏิบัติจริงตามแผน วิธีการและข้ันตอนท่ีกาหนดไว้ และการปรับปรุง ระหวา่ งการปฏิบัติสาหรับระยะสิ้นสุดการดาเนินโครงการ/โครงงาน โดยการประเมนิ ผลงาน ผลกระทบและ วิธีการนาเสนอผลการดาเนินโครงการ/โครงงาน  ภาระงานท่ีเน้นผลผลิตมากกว่ากระบวนการข้ันตอนการทางาน เชน่ การจดั ทาแผนผงั แผน ท่ี แผนภมู ิ กราฟ ตาราง ภาพ แผนผงั ความคิด เปน็ ตน้ อาจประเมนิ เฉพาะคณุ ภาพของผลงานกไ็ ด้ ในการประเมินการปฏิบตั ิงาน ผูส้ อนตอ้ งสร้างเคร่ืองมือเพื่อใช้ประกอบการประเมนิ เช่น แบบ มาตรประมาณคา่ แบบบันทกึ พฤตกิ รรม แบบตรวจสอบรายงาน แบบบนั ทกึ ผลการปฏิบัติ เปน็ ต้น 7.การประเมนิ ด้วยแฟม้ สะสมงาน (Portfolio assessment) แฟ้มสะสมงานเป็นการเก็บรวบรวม ชิ้นงานของผู้เรียนเพื่อสะท้อนความก้าวหน้าและความสาเร็จของผู้เรียน เช่น แฟ้มสะสมงานท่ีแสดง ความก้าวหน้าของผู้เรียน ต้องมีผลงานในช่วงเวลาต่างๆท่ีแสดงถึงความก้าวหน้าของผู้เรียน หากเป็นแฟ้ม สะสมงานดีเด่นต้องแสดงผลงานที่สะท้อนความสามารถของผู้เรียน โดยผู้เรียนต้องแสดงความคิดเห็นหรือ เหตุผลทีเ่ ลือกผลงานนั้นเก็บไว้ตามวัตถปุ ระสงค์ของแฟ้มสะสมงาน แนวทางในการจัดทาแฟ้มสะสมงาน มดี ังนี้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook