Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เที่ยวนราบ้านเรา

เที่ยวนราบ้านเรา

Published by Fadilah Abdullateh, 2019-04-21 09:10:27

Description: AAAA

Search

Read the Text Version

เทีย่ วนราบ้าน เรา

เทีย่ วนราบ้าน ประวตั ิ เรา สถานทีท่องเที่ยว ของดีเมืองนรา

จงั หวัดนราธิวาส เดิมเปน็ เพียงหม่บู ้านชาวประมง ซึง่ ตง้ั อยู่ปาก เกิดมี โจรรา้ ยปลน้ สะดมมากมายในมณฑลปัตตานี เหลือกา้ ลงั ที่พระ แมน่ า้ บางนราติดชายทะเลอ่าวไทย ในสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธ ยาปัตตานีจะจัดการลงได้ จึงขอความช่วยเหลือ ไปยังพระยาสงขลา ยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช บ้านบางนราถกู จดั ใหอ้ ยใู่ นเขตปกครอง ให้ช่วยมาปราบปรามจนส้าเรจ็ พรอ้ มท้ังวางนโยบายแบ่งแยกเมือง ของเมืองสายบุรี ตอ่ มาถกู ยา้ ยมาอยู่ในปกครองของเมืองระแงะ ซึ่ง ปัตตานีออกเปน็ ๗ หัวเมือง คือ เมืองปัตตานี เมืองหนองจิก เมือง เปน็ เมืองหนึ่งในมณฑลปัตตานี ปี พ.ศ. ๒๓๕๕ ยะลา เมืองรามนั เมืองระแงะ เมืองสายบุรี และเมืองยะหริ่ง

ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนงั่ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั เกิดกบฏ ใน ๔ หวั เมือง ปกั ษ์ใต้ โดยมีพระยาปตั ตานี พระยาหนองจิก พระยายะลา และพระ ยาระแงะ สมคบรว่ มกนั พระยาสงขลา จึงยกกา้ ลังมาปราบปราม โดยมี พระยายะหริง่ เป็นก้าลงั สา้ คญั ช่วยท้าการปราบปรามจน สา้ เรจ็ ภายหลังได้รับการแตง่ ตง้ั ให้เป็นผู้รักษาราชการ เมืองระแงะ สืบต่อจากพระยาระแงะทีห่ ลบหนีไป และไดย้ ้ายที่วา่ ราชการ จาก บ้านระแงะมาตงั้ ใหม่ ที่ต้าบลตันหยงมัส หรืออา้ เภอระแงะ ใน ปัจจุบนั

ปี พ.ศ. ๒๔๕๘ พระบาทสมเดจ็ พระมงกฎุ เกล้าเจา้ อยู่หัว ทรง ยกเลิกการปกครองแบบเก่า ขณะเดียวกบั บา้ นบางนราได้เจริญ ขึ้นเป็นชุมชนใหญ่ จนกลายเปน็ เมืองศูนยก์ ลางทางการค้าขายท้ัง ทางบก และทางทะเล และเพือ่ ให้การดูแลและขยายเมืองเป็นไป ด้วยดี ในวนั ที่ ๒๗ กรกฎาคมปีเดียวกนั จึงมีประกาศ พระบรมราช โองการใหแ้ ยก ๗ หัวเมือง ออกจากมณฑลเทศาภิบาล เรียกว่า มณฑลปตั ตานี ในช่วงนีไ้ ด้ยา้ ย ทีว่ า่ การจากเมืองระแงะมาตัง้ ที่ บา้ นมะนาลอ ในปี พ.ศ. ๒๔๕๘ พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎเกล้า เจ้าอยู่หวั เสดจ็ ประพาสมณฑลปักษใ์ ต้ ได้เสด็จ พระราชด้าเนินยงั บ้านบางนราในวนั ที่ ๑๐ มิถุนายน และพระราชทานชื่อ วา่ นราธิวาส อันมีความหมายว่า ทีอ่ ยูข่ องคนดี ถดั มาในปี พ.ศ. ๒๔๖๕ มีการปรับปรุงระเบียบบริหารราชการส่วนภมู ิภาคครั้งใหญ่ โดยการ เปลี่ยนชือ่ เมืองมาเปน็ จงั หวัด เมืองนราธิวาส จึงเปลีย่ น มาเป็น จงั หวัดนราธิวาส นับแต่นัน้ เปน็ ตน้ มา

อา่ วมะนาว อุทยานแห่งชาติอ่าวมะนาว ต้ังอยู่หมู่ ๑ ต้าบลกะลุวอเหนือ เป็นชายหาดที่ยาวต่อเนื่องจากชายฝ่ังทะเลด้านตะวันออก ของจังหวัดปัตตานี เป็นโค้งอ่าวเชื่อมต่อกันยาว ๔ กิโลเมตร มีโขดหินค่ันสลับโค้งหาดเป็นระยะ ๆ ด้านหนึ่งติดพระ ตา้ หนกั ทกั ษิณราชนิเวศน์ บริเวณริมหาดมีสวนรุกขชาติ และ ทิวสนร่มรื่นเหมาะแก่การพักผ่อน มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ป่าชายหาด (beach forest) ระยะทาง ๑ กิโลเมตร พนั ธ์ไุ ม้ที่ พบจะเป็นไม้ที่ชอบความแห้งแล้ง เช่น จักทะเล มะนาวผี เตยทะเล (คล้ายสับปะรด) เป็นต้น และในบริเวณใกล้เคียง ยังมีบ้านพักของเอกชนใหบ้ ริการ การเดินทาง ใช้ทางหลวงหมายเลข ๔๐๘๔ นราธิวาส- ตากใบ ๓ กิโลเมตร และมีทางแยกไปสู่หาดอีก ๓ กิโลเมตร

ทะเลหมอกภเู ขาทอง ทะเลหมอกบา้ นภูเขาทอง เป็นอีกสถานทีท่ ่องเทีย่ ว แห่งหนึ่งในอา้ เภอสคุ ิริน จังหวดั นราธิวาส ที่ นกั ทอ่ งเที่ยวสามารถรับชมกับบรรยากาศของทะเล หมอกที่แสนงดงาม เปน็ สถานทีท่ ี่เหมาะแก่การกาง เต็นท์พักแรมเพื่อรอชมพระอาทิตยต์ กในยามเย็นและ รอรับไอหมอกในยามเช้า ด้วยความเปน็ ธรรมชาติทีอ่ ุดมสมบรู ณ์ สถานที่ แห่งนี้จึงสามารถมองเห็นสตั ว์นานาชนิดที่ผ่านไป - มา และเป็นสถานที่ทีจ่ ดั ได้ว่าสวยงามเป็นอันดบั ตน้ ๆ ของจงั หวัดนราธิวาสอีกดว้ ย ทะเลหมอกบ้านภูเขาทองตง้ั อยูท่ ี่ บ้านภเู ขาทอง ต้าบลภเู ขาทอง อ้าเภอสคุ ิริน จงั หวดั นราธิวาส

พระพธุ ทกั ษณิ Narathiwat พพิ ิธภณั ฑ์ขนุ ละหาร ศูนย์ฯพิกุลทอง อา่ วมะนาว ทะเลหมอกสคุ ิรนิ ตลาดตาบา เกาะยาว น้าตกปาโจ นา้ ตกสุคริ ิน มสั ยดิ 300ปี

มสั ยิด 300 ปี มสั ยิดวาดีลฮูเซน็ หรือ มสั ยิดตะโละมาเนาะ (มสั ยิด ๓๐๐ ปี) ตง้ั อยูบ่ า้ นตะโละมาเนาะ ตา้ บลลุโบะสาวอ นายวันฮู เซน็ อัส-ซานาวี ผอู้ พยพมาจากบ้านสะนอยานยา จงั หวดั ปตั ตานี เป็นผู้สรา้ งเมือ่ พ.ศ. ๒๑๖๗ เริ่มแรกสร้างหลงั คามุงใบ ลาน ตอ่ มาเปลีย่ นเป็นกระเบือ้ งดินเผา ลักษณะของ มัสยิดมีความแตกต่างจากมสั ยิดทั่วไป คือเป็นอาคาร ๒ หลงั ติดตอ่ กัน สร้างด้วยไม้ตะเคียนท้งั หลัง ลกั ษณะการสรา้ งจะใช้ไม้ สลกั แทนตะปู รปู ทรงของอาคารเปน็ แบบไทยพื้นเมืองประยกุ ต์ เขา้ กบั ศิลปะจีนและมลายู สว่ นเดน่ ทีส่ ดุ ของอาคาร คือ เหนือ หลงั คาจะมีฐานมารองรับจวั่ บนหลงั คาอย่ชู น้ั หนึง่ ส่วนหออา ซานมีลกั ษณะเป็นเกง๋ จีน ตงั้ อยู่บนหลังคา ส่วนหลงั ฝาเรือนใช้ ไมท้ ั้งแผ่นแล้วเจาะหน้าตา่ ง ชอ่ งลมแกะเป็นลวดลาย ใบไม้ ดอกไมส้ ลับลายจีน ด้านขา้ งมสั ยิดมีสสุ านชาวมุสลิม ถ้าเป็นของ ผู้ชายหินที่ประดับอยบู่ นหลมุ ฝงั ศพจะมีลกั ษณะกลม ถ้าเปน็ ของ ผ้หู ญิงจะเปน็ หินเพียงซีกเดียว

พระพุทธทกั ษิณมิ่งมงคล พระพทุ ธทกั ษิณมิ่งมงคล ซึ่งเป็นพระพุทธรปู ปาง ปฐมเทศนา ที่ถือว่า เป็นพระพุทธรูปประทับขดั สมาธิเพชร พระหัตถ์ขวายกจีบเสมอพระอุระ พระหัตถ์ซ้ายวางหงาย ประดิษฐานกลางแจ้ง เป็นองค์ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ สร้าง ด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ประดับด้วยกระเบื้องโมเสกสีทอง ท้ังองค์ หน้าตักกว้าง 17 เมตร สูงจากฐานถึงยอดพระ เกศบัวตูม 9 เมตร สงู จากระดับดินรอบเนินเขาจดพระเกศ บัวตูม 28.30 เมตร สร้างระหว่าง พ.ศ.2509-2512 ประดิษฐาน ที่ต้ัง ณ วัดเขากงมงคลมิ่งมิตรประดิษฐาราม ต. ล้าภู อ.เมือง จ.นราธิวาส บนเนื้อที่ประมาณ 142 ไร่ อยู่ ห่างจากศาลากลางจังหวัดไปตามถนนสายนราธิวาส-ระ แงะ ประมาณ 9 กิโลเมตร

ศนู ย์ศึกษาการพฒั นา ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกลุ ทอง อันเนื่องมาพระราชด้าริ จังหวัดนราธิวาส พิกลุ ทอง ดว้ ยเหตุทีจ่ งั หวดั นราธิวาส จงั หวดั ชายแดนใตส้ ุด ของประเทศไทย มี ลักษณะเปน็ พืน้ ทีล่ มุ่ ตา้่ จึงมีนา้ ขงั ตลอดทง้ั ปี หรือทีเ่ รียกว่า ดินพรุ ซึ่งเปน็ ดินคณุ ภาพตา้่ ไม่เหมาะแกก่ ารปลูกพืชทา้ การเกษตร เนื่องจากในดิน มี กรดกา้ มะถนั ทา้ ให้ดินเปรีย้ ว พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัว จึงไดพ้ ระราชทาน พระราชดา้ ริ ใหก้ อ่ ต้ังศนู ย์ศึกษาการพฒั นาพิกลุ ทองฯ ขึน้ ในปี พ.ศ. 2525 เพือ่ บรรเทาและแก้ไขปญั หาเหลา่ นี้ ใหห้ มดไปอย่างยั่งยืน ไมใ่ ห้ทีด่ ินเปล่า ประโยชน์ ทา้ การศึกษา วิจยั ทดลอง เพื่อหาแนวทางในการพัฒนาพืน้ ที่ดิน พรใุ ห้สามารถใช้ประโยชน์ทางการเกษตรได้อย่างเหมาะสม มี ประสิทธิภาพ ภายใต้การด้าเนินงานในรปู แบบพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติทีม่ ี ชีวิต ศูนย์ศึกษาการพฒั นาพิกลุ ทองฯ จึงเปน็ ทั้งตัวอยา่ งและ ต้นแบบส้าหรบั เกษตรกร และผูส้ นใจที่สามารถแวะเวียนมาศึกษา เพื่อ ปรับใช้เป็นแนวทางในการประกอบอาชีพ และประยกุ ตใ์ ชใ้ หเ้ กิดประโยชน์ สูงสดุ แกต่ นเองอย่างยั่งยืนต่อไป

จดุ สนใจอกี อยา่ งหนง่ึ ของนา้ ตกแหง่ นีค้ ือการมี ใบไม้สที อง ใบไ้ ม้สีทอง หรือ ยา่ นดาโอ๊ะ พนั ธ์ไุ ม้ชนดิ นีถ้ กู ค้นพบเป็นครัง้ แรกในโลกทีน่ ี่ เม่อื ปี พ.ศ. 2531 ใบไม้สีทองเป็นไม้เลอื ้ ย มีลกั ษณะใบคล้ายใบ ชงโคหรือใบเสีย้ ว แตม่ ขี นาดใหญ่กวา่ มาก บางใบใหญ่กวา่ ฝ่ามอื เสยี อีก มขี อบหยกั เว้าเข้าทงั้ ที่โคนใบ และปลายใบ ลกั ษณะคล้าย วงรีสองอนั อยตู่ ิดกนั ทกุ สว่ นของใบจะปกคลมุ ด้วยขนกามะหย่ี เนียนนมุ่ มสี ีทองหรือสที องแดงเหลอื บรุ้งเป็นประกายงดงามยาม ต้องแสงอาทติ ย์ สามารถมองเห็นได้จากระยะไกล และยงั มพี นั ธ์ุ ไม้ทสี่ าคญั หายาก มีราคาแพง และกาลงั จะสญู พนั ธ์ุ คือ หวาย ตะค้าทอง และบริเวณป่ าโดยรอบก็ยงั เป็นทีอ่ ยอู่ าศยั ของสตั ว์หา ยากนานาชนิด เช่น แรด ชะนีมือดา สมเสร็จ เลียงผา นกเงือก พนั ธ์หุ ายากทีใ่ กล้จะสญู พนั ธ์ุ ได้แก่ นกเงือกหวั แรด นกเงือกชน หนิ และนกเงือกหวั หงอกและที่สาคญั คอื คา่ งแวน่ ถ่ินใต้ มี ถิ่นอาศยั อยใู่ นแถบเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ ทางตอนใต้ของพมา่ ภาคใต้ของประเทศไทย ไปจนถึงมาเลเซยี และหมเู่ กาะใกล้เคียง นอกจากคา่ งแวน่ ถิ่นใต้แล้ว

น้าตกปาโจ ตั้งอยทู่ ีบ่ ้านปาโจ ตา้ บลบาเจาะ อ้าเภอบาเจาะ จังหวัด น้าตกปาโจ นราธิวาสเปน็ น้าตกใหญ่ที่มีน้าตลอดปี แต่ในหนา้ แล้งน้าค่อนข้าง นอ้ ย มีความสูงประมาณ 60 เมตร มีทางขึ้นไปสตู่ ้นน้าเป็นชัน้ ๆ รวม 9 ชนั้ นบั วา่ เป็นน้าตกที่ใหญท่ ีส่ ดุ ในจงั หวดั และสวยงามแห่งหนึง่ ของภาคใต้ เปน็ สว่ นหนงึ่ ของอทุ ยาน แห่งชาติบูโด - สไุ หงปาดี มี พื้นที่คลอบคลมุ อย่ใู นทอ้ งที่อ้าเภอบาเจาะ อา้ เภอยีง่ อ อา้ เภอระแง อ้าเภอรือเสาะ อา้ เภอสุไหงปาดี อ้าเภอจะแนะ อา้ เภอแว้ง จงั หวดั นราธิวาส อา้ เภอรามัน จังหวดั ยะลา และอา้ เภอกะพอ้ จังหวัด ปตั ตานี สมัยกอ่ นเทือกเขาบโู ด-สุไหงปาดี เปน็ ส่วนหนงึ่ ของทิว เขาสันกาลาคีรีทีแ่ บง่ เขตแดนไทย-มาเลเซีย เคยเปน็ ทีซ่ อ่ งสมุ ของ ผกู้ ่อการร้าย จึงไม่คอ่ ยมีผใู้ ดเขา้ มาสัมผัสความมหศั จรรย์ของผืน ป่าดงดิบแห่งนี้ เมื่อสถานการณค์ ลีค่ ลายลง ในปี พ.ศ. 2517 กรม ป่าไม้จึงจัดต้ังวนอุทยานน้าตกปาโจ และกลายมาเป็นอุทยาน แหง่ ชาติบูโด-สไุ หงปาดี ซึง่ มีพืน้ ที่ประมาณ 294 ตารางกิโลเมตร

พิพิธภัณฑข์ นุ ละหาร โดยเป็นความร่วมมือของชาวบ้าน อาคารจดั แสดงเป็น พพิ ธิ ภณั ฑ์ท้องถน่ิ ขุนละหาร พพิ ิธภณั ฑแ์ ห่งน้ี เกิดจาก อาคาร 2 ชนั้ ชนั้ ลา่ งแสดงเร่ืองราวของประวตั ิศาสตร์ ความตอ้ งการอนุรักษศ์ ิลป วฒั นธรรม และส่ิงของเครื่องใช้ ความเป็นมาในอดีตของท้องถิ่นนีต้ งั้ แตย่ คุ ก่อน ของผคู้ นในอดีตในชุมชนน้ีของผใู้ หญ่บา้ นรัศมินทร์ นิติ ประวตั ิศาสตร์ จนถึงช่วงลงั กาสกุ ะ ชว่ งปัตตานีดารุสลาม ธรรม สร้างข้ึนโดยใชเ้ งินส่วนตวั เพยี งอยา่ งเดียว โดย รวมถงึ เร่ืองราวของขนุ ละหาร และบคุ คลสาคญั ตา่ งๆ ใน ส่ิงของที่นามาจดั แสดงมีท้งั ของสะสม ของที่ไดร้ ับบริจาค และของท่ีซ้ือมาเอง ชมุ ชน

พพิ ธิ ภณั ฑ์แบง่ เป็น ๖ ห้อง ได้แก่ หอ้ งที่ ๑ หอ้ งภูมิหลงั จดั แสดงเครื่องมือ เครื่องใช้ เครื่องปัน้ ดินเผายคุ ก่อน ประวตั ิศาสตร์สมยั ลงั กาสกุ ะ หอ้ งที่ ๒ หอ้ งเครื่องใชไ้ มส้ อย จดั แสดงเคร่ืองมือ เคร่ืองใช้ ของชาวมลายใู น ชายแดนใต้ เชน่ เครื่องทองเหลอื ง และเครื่องปัน้ ดินเผา เป็นต้น หอ้ งที่ ๓ หอ้ งพิธีกรรม จดั แสดงแบบประเพณี พิธีกรรมของชาวมลายใู นชายแดน ภาคใต้ เช่น การแห่นก มะโยง่ และแม่พมิ พ์ขนม หอ้ งที่ ๔ หอ้ งสายน้า จดั แสดงวสั ดุ อปุ กรณ์ การประกอบอาชพี ประมงนา้ จืด ประมงนา้ เคม็ หอ้ งที่ ๕ หอ้ งศาสตราวธุ จดั แสดงศาสตราวธุ ชาวมลายใู นอดีต เชน่ กริช ดาบ หอ้ งที่ ๖ หอ้ งนนั ทนาการ จดั แสดงวสั ดุ อปุ กรณ์ สาหรับนนั ทนาการของชาวมลายู ในอดีต เชน่ ท่ีดกั นกคมุ่ กรงตก๊ั แตนประชนั เสียง

น้าตกไอกะเปาะ นา้ ตกไอกะเปาะท่ีนี่นอกจากจะเป็นน้าตกเลก็ ๆ แลว้ ยงั เป็นท่ีต้งั ของ \"โรงไฟฟ้าพลงั น้าไอกะเปาะ\" ซ่ึงเป็นหน่ึงในโครงการตามพระราชดาริอีก ดว้ ย \"เม่ือพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั เสดจ็ พระราชดาเนินไปทรง เยยี่ มเยยี นสมาชิกนิคมพฒั นาภาคใต้ ณ สานกั สงฆโ์ ตะ๊ โมะ อาเภอสุคิริน จงั หวดั นราธิวาส หลงั จากทอดพระเนตรนาข้นั บนั ได นาขา้ วไร่ บริเวณ หมู่บา้ นภูเขาทอง และการทดลองปลูกขา้ วท่ีโครงการฝายทดน้าโต๊ะโมะแลว้ พระองคท์ ่านทรงมีพระราชดาเก่ียวกบั การชลประทานและงานต่าง ๆ ทรง แนะใหพ้ ิจารณาวางโครงการและก่อสร้างฝายเกบ็ น้าไอกะเปาะพร้อมกบั โรงไฟฟ้าพลงั น้า เพอื่ นาไฟฟ้าเป็นเช้ือเพลิงใหก้ บั เครื่องสีขา้ วขนาด ๒๕ กิโลวตั ต์ ท่ีราษฎรนอ้ มเกลา้ นอ้ มกระหม่อมถวายสาหรับติดต้งั บริเวณสานกั สงฆต์ ่อไป นอกจากน้นั กาลงั ไฟฟ้าส่วนท่ีเหลือสามารถนาไปใชใ้ นหมู่บา้ น บริเวณใกลเ้ คียง อนั ไดแ้ ก่ หมู่บา้ นไอกะเปาะ หมู่บา้ นโตะ๊ โมะ และหมู่บา้ นลา ธารทองไดอ้ ีกดว้ ย หลงั จากศึกษาความเป็นไปได้ กรมพฒั นาพลงั งานทดแทนและ อนุรักษพ์ ลงั งาน กระทรวงพลงั งาน (สานกั งานพลงั งานแห่งชาติในเวลาน้นั ) จึงเริ่มก่อสร้างฝายเกบ็ น้าไอกะเปาะและโรงไฟฟ้าพลงั น้าต้งั แต่เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๒๖ และแลว้ เสร็จในเดือน กนั ยายน พ.ศ.๒๕๒๗


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook