194 10) เซตอนนั ต 5. เซตตอไปน้เี ซตใดบา งทเ่ี ปน เซตท่ีเทากนั 1) A = B 2) D = E 3) F G 4) Q = H แบบฝกหดั ท่ี 2 2). B A = { 0,1,2,3,4 ,5} 1) ถา A = { 0,1,2,3,4,5}, และ B { 1,2,3,4 } จงหา 4). B A = { 1,2,3,4 } 1) A B = { 0,1,2,3,4,5} 6). B – A = 3). A B = { 1,2,3,4 } 5). A – B = {0,5} 2). กาํ หนดให U = { 1,2,3,..,10 } A = { 2,4,6,8,10 } B = { 1,3,5,7,9} C = { 3,4,5,6,7 } จงหา 9. A B = { } 10. B C = { 1,3,4,5,6,7,9} 11. B C = { 3,5,7} 12. A C = { 4,6} 13. C = { 1,2,8,9,10} 14. C A = { 2,8,10 } 15. C B = {1,9} 16. ( A = { 1,3,5,7,9}
195 แบบฝก หดั ที่ 3 1. จงแรเงาแผนภาพทก่ี าํ หนดใหเพอื่ แสดงเซตตอไปนี้ 1) B 2) A B 3) A
196 4) A B 5) A B 2. จากแผนภาพท่ีกาํ หนดให จงหาคา 1. A ={ 6,7,8} 2. A B= {1,2,3,6,7,8} 3. AUB = { 4,5,6,7,8} 4. A B = { 6,7,8}
197 3. จากแผนภาพ 40-6 6 25-6 =34 =19 100-34-6-19 = กําหนดให U , A, B และ AB41เปนเซตท่มี ีจํานวนสมาชกิ 100 ,40,25, และ 6 ตามลาํ ดบั จงเติม จาํ นวนสมาชกิ ของเซตตา ง ๆ ลงในตารางตอไปนี้ เซต A-B B-A AB A B ( A B จาํ นวนสมาชกิ 34 19 6 19 + 41 = 60 34 + 41 = 75 34 + 6 + 19 = 59 4. จากการสอบถามผูเรยี นชอบเลนกีฬา 75 คน พบวา ชอบเลนปง ปอง 27 คน ชอบเลนแบตมินตนั 34 คน ชอบเลน ฟุตบอล 42 คน ชอบท้ังฟตุ บอลและปงปอง 14 คน ชอบท้ังฟตุ บอลและแบตมนิ ตัน 12 คน ชอบ ทงั้ ปงปองและแบดมินตัน 10 คน ชอบทงั้ สามประเภท 7 คน จงหาวา นกั ศกึ ษาท่ีชอบเลน กฬี าประเภทเดียวมี กค่ี น วธิ ที าํ A = เลน ฟุตบอล 42 คน B = เลนแบดมินตนั 34 คน C = เลนปง ปอง 27 คน ฟุตบอล แบดมินตัน ปงปอง จาํ นวนนกั ศกึ ษาทีช่ อบเลนกฬี าประเภทเดยี ว = 23 + 17 + 12 = 52 คน
198 แบบฝกหดั ท่ี 1 เฉลย บทที่ 4 การใหเหตุผล จงเตมิ คําตอบลงในชองวา งตอไปนี้ = 56 6) 1, 4, 9, 16, 25 , 36 , 49 , 64, 81 , 100 + 16 = 72 7) 2, 7, 17, 32 , 52 , 77 , 107 8) 5, 10, 30, 120, 600 , 3,600 9) 36 = 444444444 45 = 555555555 81 = 999999999 10) 2 + 4 + 6 + 8 + 10 = 30 2 + 4 + 6 + 8 + 10 + 12 = 42 2 + 4 + 6 + 8 + 10 + 12 + 14 2 + 4 + 6 + 8 + 10 + 12 + 14
199 แบบฝก หดั ที่ 2 1. จงตรวจสอบผลทไ่ี ดวาสมเหตุสมผลหรือไม 1) สมเหตุสมผล 2) สมเหตสุ มผล 3) ไมส มเหตุสมผล 4) ไมส มเหตุสมผล 5) ไมสมเหตุสมผล แบบฝกหดั ที่ 3 1. จงตรวจสอบผลท่ไี ดว าสมเหตสุ มผลหรือไม โดยใชแผนภาพเวนน – ออยเลอร 1) ฝนตก ไมออกนอกบาน แคทลียา จากเหตทุ ี่ 1 และ 2 สรปุ ไดวา สมเหตุสมผล
200 2) คนขยันเรยี น คนขยนั เรยี น สมชาย สมชาย คนขยันเรยี น สมชาย จากเหตุที่ 1 และ 2 จะเหน็ ไดว า ผลทีจ่ ะเกดิ ขน้ึ มไี ดห ลาย ผลดวยกัน สรุปไดวา ไมสมเหตุสมผล 3) จะเห็นไดว า จากเหตกุ ารณท ง้ั 3 เหตุ ผลสรุปทไ่ี ดน ัน้ สมเหตสุ มผล
201 4) จาํ นวนบวก จาํ นวนลบ จะเหน็ ไดว า จากเหตุที่ 1 และ 2 ผลทไี่ ดนนั้ สมเหตสุ มผล 5. สตั ว 2 ขา สัตว 2 ขา จะเห็นไดว า จากเหตุท่ี 1 และ 2 ผลทจ่ี ะเกดิ ขนึ้ มไี ดห ลาย ผลดว ยกัน สรุปไดว า ไมสมเหตสุ มผล
202 แบบฝก หดั ที่ 1 เฉลย บทท่ี 5 ตรโี กณมิติ 1. จากรปู สามเหลย่ี มมมุ ฉากทก่ี ําหนดใหตอไปนี้ จงเขยี นความสัมพนั ธของความยาวของรปู สามเหล่ยี มมมุ ฉาก โดยใชทฤษฎีบทปท าโกรสั และหาความยาวของดานที่เหลอื (1) วิธที ํา a2 252 242 = 625 – 576 = 49 a=7 (2) วิธีทาํ c2 122 92 = 144 +81 = 225 a = 15
203 2. กําหนด ABC เปน รูปสามเหลีย่ มมมุ ฉาก มี Cˆ 900 และความยาวของดานทั้งสาม ดังรูป จงหา 1) sin A , cos A และ tan A 2) sin B , cos B และ tan B B sin A = 5 sin B = 12 13 13 cos A = 12 cos B = 5 13 13 tan A = 5 tan B = 12 12 5 3. จงหาวาอัตราสว นตรีโกณมติ ทิ ก่ี าํ หนดใหต อไปนี้ เปน คา ไซน( sin) หรือโคไซน( cos) หรือแทนเจนต( tan) ของ มุมทกี่ ําหนดให 1. sin A 2. 1 tan B 3. cos A 4. cos B
204 4. กาํ หนด ABC เปนรปู สามเหลี่ยมมมุ ฉาก โดยมมี มุ C เปนมุมฉาก มดี าน AB = 10 และ AC = 8 จงหา 1 ) ความยาวดา น BC วิธที าํ AB2 102 82 A = 100 - 64 = 36 10 8 a=6 2) sin A = 6 Ba C 10 cos A = 8 10 tan A = 6 8 3) sin B = 8 10 cos B = 6 10 tan B = 8 6
205 5. กาํ หนดใหร ูปสามเหลีย่ ม ABC โดยมีมมุ C เปน มุมฉาก และ a,b,c เปน ความยาวดานตรงขา มมมุ A, มุม B และ มมุ C ตามลําดบั (1) ถา cot A = 3 , a = 5 จงหาคา b,c B วธิ ีทํา cot A AC = b c a A C BC a 3b 5 b5 3 จากทฤษฏีบทปท าโกรสั AB2 = AC2 + BC2 b c2 = b2 + a2 = ( 5 3 ) 2 5 2 = 75 25 = 100 (2) ถา cos B = 3 และ a = 9 จงหาคา tan A 5 วิธีทํา cos a = a c 3a 5c c a 5 = 15 c จากทฤษฎีบทปท าโกรสั AB2 = AC2 + BC2 หรอื c2 = b2 + a2 152 = 62 + 92 b2 = 225 – 81 = 144 b = 12 ดังนั้น tan A = a 9 3 b 12 4
206 แบบฝกหดั ที่ 2 1. จงหาคาตอไปนี้ 1) sin 300 sin 600 cos300 cos600 1 3 3 1 =0 2 2 2 2 3 1 4 1 2) sin 600 2 cos600 2 44 4 3 2 1 2 = 2 2 3) 1 tan 450 1 12 0 2. จงหาคา อัตราสวนตรีโกณมติ ติ อไปนจ้ี ากตาราง 1) sin 200 = 0.342 2) sin 380 = 0.616 3) cos500 = 0.643 4) cos520 = 0.616 5) tan 770 = 4.331 6) tan890 = 57.290 3. ให ABC เปนรปู สามเหลยี่ มมมุ ฉาก มมี ุม C เปนมมุ ฉาก ดังรปู วิธีทํา AB2 = AC2 + BC2 = 52 + 122 = 25 + 144 = 169 AB = B cos B = 12 13 sin B = 5 13 tan B = 5 12 sec B = 13 12
207 cosec B = 13 5 cot B = 12 5 4. จงหาคา a, b หรือ c จากรปู สามเหลย่ี มตอ ไปน้ี (1) จาก cos300 2 3 c 32 3 2c c= 2 32 4 3 จาก sin 300 a c 1a 24 a 1 4 2 2 ดังนน้ั a = 2 และ c = 4 (2)
208 จาก sin 450 b 2 8 1 b 28 b 8 4 2 จาก tan 450 b 2 a 1 4 2 a a= 4 2 ดงั นน้ั a = 4 2 และ b 4 (3) จาก BCˆD มี BCˆD = 900 sin 450 CD BD 1 CD 232 CD 32 3 2 tan 450 CD BC 1 3 a a =3
209 จาก ABC มี ACˆB = 900 sin 600 BC AB 33 2c c 32 3 c2 3 cos 600 AC AB 1 b 2 23 b 1 2 3 2 b 3 ดังนัน้ a = 3 , b 3 และ c 2 3
210 แบบฝก หดั ท่ี 3 1. ตน ไมตน หน่ึงทอดเงายาว 20 เมตร แนวของเสน ตรงที่ลากผานปลายของเงาตน ไม และยอดตน ไม ทาํ มมุ 30 องศา กบั เงาของตนไม จงหาความสูงของตน ไม
211 2. วินัยตองการหาความสูงของเสาธงโรงเรยี น จงึ ทํามมุ ขนาด 45 องศา เพื่อใชใ นการเล็งไปทีย่ อดเสาธง ถา ในขณะที่เล็งนน้ั เขามองไปที่ยอดเสาธงไดพอดี เมื่อกา วไปอยทู ่จี ดุ ซงึ่ อยหู า งโคนเสาธง 16 เมตร วินยั มคี วามสูง 160 เซนตเิ มตร จงหาวา เสาธงสูงประมาณกเ่ี มตร
212 3. จุดพลุข้นึ ไปในแนวดิ่ง โดยกาํ หนดจดุ สงั เกตการณบ นพนื้ ดนิ หา งจากตําแหนงทจี่ ุดพลุ 1 กิโลเมตร ในขณะที่ มองเหน็ พลุทํามุม 60 องศา กับพืน้ ดนิ พลขุ น้ึ ไปสงู เทา ใด และอยูหางจากจุดสงั เกตการณเปน ระยะทางเทา ใด
213 เฉลย บทที่ 6 การใชเครอ่ื งมอื และการออกแบบผลติ ภณั ฑ แบบฝก หดั ท่ี 1 1. กําหนดมุมส่เี หลย่ี มมุมฉากดังรูป ก. ผนื ผา ข. 90 องศา ค. แนวทแยง ง. สามเหลยี่ ม BDE 2 รปู ประกอบกบั เปน สีเ่ หลี่ยม BDEG 2. จงเขยี นรปู คลี่ของทรงสามมติ ติ อไปน้ี
214
215 3. จงเขยี นรปู ทรงสามมิตจิ ากมมุ มองภาพดา นบน ภาพดา นหนา ภาพดานขา งที่กําหนดให
216 แบบฝกหดั ท่ี 2 1. ใหเขียนภาพที่เกิดจากการเลือ่ นขนานจากรปู ตน แบบและทิศทางทีก่ ําหนดให ก. ข. A C B D C A B 2. ใหเขียนภาพการเลอ่ื นขนานโดยกําหนดภาพตนแบบ ทิศทางและระยะทางของการเล่อื นขนานเอง ก. ข.
217 3. ภาพ พกิ ดั ของตําแหนงท่ีกาํ หนดให A(- Y C (5 , - 3) B(- C X 0 A/(2,- B/(1,- C Y A(-5 , - 3 ) D B(-3 , - 5 ) C(0 , - 2) C A D/(- B X 0 A/ C/ B/
218 แบบฝก หดั ที่ 3 คําชี้แจง จงพิจารณารูปทกี่ ําหนดใหแลว - เขยี นรูปสะทอ น - เขยี นเสน สะทอ น - บอกจุดพกิ ดั ของจดุ ยอดของมุมของรปู สามเหลย่ี มท่เี กิดข้ึนจากการสะทอ น - บอกจดุ พกิ ัดบางจดุ บนเสนสะทอนทไ่ี ด Ä
219 แบบฝก หดั ท่ี 4 1. Y ใหเ ตมิ รปู สามเหลีย่ ม ABC ที่ เกดิ จากการหมุนสามเหลยี่ ม ABC B X เพียงอยางเดยี ว โดยหมุนทวนเขม็ C นาฬิกา 90๐ และใชจดุ (0 , 0) เปน จุดหมุน A 0 A (2,2) B (-4,6) C (-5,4)
220 2. Y Y ใหเ ตมิ รูปส่เี หลยี่ ม O/X/Y/Z/ ทีเ่ กดิ X จากการหมนุ สเี่ หลี่ยม OXYZ X เพียงอยางเดียว โดยหมุนทวนเข็ม Z นาฬิกา 270๐ และใชจ ดุ (0 , 0) O เปนจดุ หมุน
221 3. Y B ใหเ ติมสวนของเสน ตรง AB ท่ี เกิดจากการหมุนสว นของเสนตรง 0 AB เพยี งอยา งเดยี ว โดยหมนุ ตาม X เขม็ นาฬิกา 90๐ และใชจุด (-2, -2) A เปนจุดหมุน A (1,-5) B (4,-8)
222 4. Y ใหเตมิ รูปสามเหลี่ยม ABC ที่ เกิดจากการหมุนสามเหลีย่ ม ABC 0 เพยี งอยางเดยี ว โดยหมุนทวนเข็ม X นาฬกิ า 90๐ และใชจ ดุ (-4 , -2) B เปน จุดหมุน A C
223 เฉลย บทที่ 7 สถติ ิ แบบฝกหดั ท่ี 1 1. จงเขียนขอมลู สถิติทเี่ ก่ยี วขอ งกับบคุ คลในครอบครวั เชน เพศ อายุ สถานภาพ อาชพี ตอบ อายุเฉลีย่ ของคนในครอบครวั 45.2 ป อาชีพ : รบั ราชการ, ลูกจา ง, ทาํ งานอิสระ 2. จงยกตวั อยางขอ มูลเชงิ คุณภาพและเชิงปรมิ าณมาอยางละ 5 ชนดิ ตอบ ขอมูลเชิงปริมาณ 1. จํานวน รถยนตใ นกรุงเทพมหานคร 2. จํานวนบตุ รในครอบครวั 3. นา้ํ หนักเฉล่ยี ของนักศกึ ษา กศน.บานแพว 4. จํานวนคนงานแยกตามเงินเดอื น 5. จํานวนของผูเขา รว มประชมุ ทมี่ อี ายุ 20 ไปขนึ้ ไป ขอ มูลเชงิ คณุ ภาพ 1. สถานภาพของผเู ขา รวมอบรม 2. รายชอ่ื จงั หวัดทม่ี ีนกั ศกึ ษาทีเ่ ขาสอบ 3. โรคท่ีมีผปู วยมารกั ษามากทส่ี ดุ ในเดือนมกราคม 54 3 ลาํ ดับ 4. กลุมเลอื ดของคนในโรงงาน 5. ศาสนาครสิ ตที่คนในประเทศไทยนับถอื 3. จงพิจารณาวาขอ มลู ตอไปน้ีเปน ขอ มูลเชิงคุณภาพ และขอ มูลเชิงปริมาณ - พนกั งานในรงงานแหง หน่งึ ถกู สอบถามถึงสขุ ภาพรา งกายในขณะปฏบิ ัติงาน คุณภาพ ปรมิ าณ เปน ขอมลู เชงิ คณุ ภาพ เพราะคาํ ตอบจะไมใ หต อบออกมาเปนตัวเลข - นกั ศกึ ษาจํานวนหนง่ึ ที่ถกู สอบถามถงึ คาใชจ า ยในการไปพบกลุมทหี่ องสมุด คณุ ภาพ ปริมาณ เปน ขอ มลู เชงิ ปริมาณ เพราะคา ใชจา ยเปนขอ มลู ทางตัวเลข สามารถนาํ มาเปรียบเทียบกนั ได 4. ขอมูลปฐมภมู ิตา งจากขอมูลทตุ ยิ ภูมอิ ยา งไร จงอธิบายและยกตัวอยา ง ตอบ ขอ มูลปฐมภมู เิ ปนขอมูลทีเ่ ราตอ งเก็บ หรือสํารวจจากแหลงทีเ่ ปนขอ มลู โดยตรง ฯลฯ ขอมูลทุติยภมู ิเปน ขอ มลู เกบ็ จากแหลง ขอมูลท่ีมีการเกบ็ รวบรวมไวก อนแลว
224 5. ขอ มลู ตอ ไปนคี้ วรใชวิธใี ดในการรวบรวม (ตอบไดหลายคําตอบ) ตอบ 1 สาํ รวจ สมั ภาษณ ใชแ บบสอบถาม 2 สาํ รวจ สัมภาษณ ใชแบบสอบถาม 3 ใชแบบสอบถาม ขอมูลจากสาธารณสุขชุมชนไปชัง่ นํา้ หนกั เดก็ ในหมูบานทลี ะคน 4. แบบสอบถาม ทดลอง 5 ขอ มลู จากสาธารณสุข 6. จงบอกขอดขี อ เสียของการเก็บรวบรวมขอ มลู โดยวธิ กี ารตา ง ๆ ตอบ ขอดี 1. ถูกตอ งแมน ยาํ 2. ไดข อมลู เชิงลึก 3. ความสมบูรณค รบถวนของขอ มูล 4. ตรงความตอ งการของผูใ ช ขอ เสยี 1. ตอ งใชเวลา 2. มคี าใชจา ยเปนปจ จบุ นั 3. การเกบ็ ขอ มูลอาจบันทึกคาดเคลื่อน 7. ขอ มูลการสํารวจอายุ ( ป ) ของคนงานจํานวน 50 คนในโรงงานอตุ สาหกรรมแหงหนง่ึ เปนดังน้ี 27 35 2 49 24 29 22 37 32 49 33 28 30 24 26 45 38 22 40 46 20 31 18 27 25 42 21 30 25 27 26 50 31 19 53 22 28 36 24 23 21 29 37 32 38 31 36 28 27 41 กําหนดความกวา งของอันตรภาคชนั้ เปน 8
225 1. จงสรา งตารางแจกแจงความถี่ คะแนน รอยขีด ความถ่ี 9 16 – 23 //// //// 22 24 – 31 //// //// //// //// // 10 5 32 – 39 //// //// 4 40 – 47 //// 48 – 55 //// 2. จงหาขดี จาํ กัดชน้ั ท่แี ทจรงิ และจุดกง่ึ กลางช้นั คะแนน ความถี่ ขีดจาํ กดั บน ขดี จํากดั ลาง จุดกึ่งกลางช้ัน 15.5 19.5 16 – 23 9 23.5 23.5 27.5 24 – 31 22 31.5 31.5 33.5 40.5 43.5 32 – 39 10 39.5 47.5 51.5 40 – 47 5 47.5 48 – 55 4 55.5 3. จงหาความถ่สี ะสม ความถสี่ มั พัทธ และความถสี่ ะสมสัมพัทธ คะแนน ความถี่ ความถ่ี ความถส่ี ะสม ความถส่ี ะสม สัมพัทธ สัมพทั ธ 0.18 16 – 23 9 0.18 9 0.62 24 – 31 22 0.44 31 0.82 0.92 32 – 39 10 0.2 41 1 40 – 47 5 0.1 46 48 – 55 4 0.08 50 4. จงหาพิสยั ของขอ มลู ชดุ น้ี 53 – 18 = 35 5. จงหาจาํ นวนคนงานที่มีอายตุ ํ่ากวา 45 ป 44 คน
226 แบบฝก หดั ท่ี 2 1. จงหาคา เฉล่ียเลขคณิต มธั ยฐาน และฐานนยิ มของนํ้าหนักเดก็ 20 คน ซึ่งมีน้าํ หนกั เปน กโิ ลกรัม ดังนี้ 32 60 54 48 60 52 46 35 60 38 44 48 49 54 47 48 44 48 60 32 คาเฉลยี่ x 959 47.95 20 มัธยฐาน 32 32 35 38 44 44 46 47 48 48 48 48 49 52 54 54 60 60 60 60 ตาํ แหนง ของมัธยฐาน = N 1 10.5 2 = 48 ฐานนยิ ม 48 และ 60 2. ตารางแสดงรายไดพเิ ศษตอวันของลูกจา งในสํานกั งานแหงหนึ่ง ความถีส่ ะสม รายได (บาท) จาํ นวน (f) จุดกลาง (x) fx 1 140 – 144 1 142 142 3 145 – 149 2 147 294 37 150 – 154 34 152 5168 62 155 – 159 25 157 3925 72 160 – 164 10 162 1620 77 165 - 169 5 167 835 80 170 – 174 3 172 516 f 80 fx 12 , 500 1. คา เฉลี่ยเลขคณติ ( x ) = fx f = 12 , 500 80 = 156.25 รายไดพเิ ศษตอ วันเฉล่ีย 156.25 บาท
227 2. มัธยฐาน : N 80 40 มธั ยฐานอยใู นขนั้ 155 – 159 22 อนั ตรภาคชนั้ ที่มมี ัธยฐานอยูค ือ 155 – 159 N fl 2 จากสูตร Md Lo i fm เมอื่ N = 80 , i = 50, Lo = 154.5 , f l 37 , fm = 25 Md 154.6 5 40 37 155.10 25 มธั ยฐานของรายไดพิเศษตอวันมคี า เปน 155.10 บาท 3. ฐานนยิ ม : ฐานนยิ มอยใู นชัน้ 150 – 154 จากสูตร Mo Lo i d1 d 1 d 2 เม่ือ Lo = 149.5, d1 = 34 – 25 = 9, d2 = 34 – 2 = 32, I = 5 Mo 149.5 5 9 150.5 9 32 ฐานนยิ มของรายไดพเิ ศษตอวัน มีคาเปน 150.5 บาท
228 แบบฝก หัดที่ 3 1. กําหนดใหว า จาํ นวนคนไข (คนไขใน) ของโรงพยาบาลอาํ เภอแหงหน่ึงในป 2545 และ 2546 ซ่ึงไดม าก จากการสาํ รวจของโรงพยาบาลเปนดงั น้ี พ.ศ. 2545 มีเพศชาย 4,571 คน หญงิ 3,820 คน ป 2546 มเี พศ ชาย 5,830 หญงิ 4,259 คน จงนาํ เสนอขอ มูล ก. ในรปู บทความ ผลจากการสํารวจจาํ นวนคนไขใ นโรงพยาบาลแหงหนง่ึ ในป 2545 และ 2546 มดี งั นี้ ป 2545 มีจํานวนคนไข ทง้ั หมด 8,391 แบง เปน ชาย 4,571 คน หญงิ 3,820 คน และในป 2546 มจี าํ นวน ทัง้ หมด 10,089 คน แบง เปน ชาย 5,830 หญงิ 4,259 คน ข. ในรปู บทความ / ขอความกงึ่ ตาราง ผลจากการสํารวจจาํ นวนคนไขในโรงพยาบาลแหงหนึ่ง ในป 2545 และ 2546 มีดงั น้ี พ.ศ. 2545 มเี พศชาย 4,571 คน หญิง 3,820 คน พ.ศ. 2546 มีเพศชาย 5,830 หญงิ 4,259 คน 2. จากขอ มลู ท่ีนําเสนอในรปู ตาราง รอยละของนกั ศกึ ษาระดบั มัธยมศึกษาตอนตน ของสถาบนั การศกึ ษาแหง หน่งึ ไดผลการเรียนใน 4 วิชาหลักในป 2546 มีดังนี้ ระดับผลการเรียน หมวดวิชา 4 3 2 10 คณติ ศาสตร 4.49 9.51 22.88 43.58 16.28 ภาษาไทย 5.82 12.14 26.55 41.18 13.10 วิทยาศาสตร 4.82 11.23 23.50 39.81 19.91 สังคมศกึ ษา 9.04 16.60 29.10 34.75 9.09 รวม 84.55 13.67 จากตารางจงตอบคําถามตอไปน้ี 1. หมวดวิชาใดทน่ี กั ศกึ ษาไดร ะดับผลการเรยี น 4 มากทส่ี ุดและไดระดับ 0 นอยท่สี ดุ และคดิ เปน รอ ยละเทาไร ตอบ วชิ าทไี่ ดร ะดบั ผลการเรยี น 4 มากท่สี ดุ คอื วิชาสงั คมศกึ ษา คิดเปน รอ ยละ 9.04 และไดระดับ 0 นอยที่สุด คอื วิชาสังคมศกึ ษา คดิ เปน รอยละ 9.09
229 2. นกั ศกึ ษาสว นใหญไดร ะดับผลการเรยี นใด ตอบ ผลการเรยี น 1 3. ระดบั ผลการเรียนที่นกั ศกึ ษามจี าํ นวนมากทส่ี ุดไดร บั ตอบ ผลการเรยี น 1 วิชาคณติ ศาสตร 4. ระดบั ผลการเรยี นที่นกั ศึกษามจี ํานวนนอ ยทส่ี ุดไดรับตอบ ผลการเรยี น 4 วชิ าคณติ ศาสตร 5. กลา วโดยสรุปถึงผลการเรยี นของสถาบนั แหง น้ีเปน อยา งไร ตอบ สถาบันแหงน้นี กั ศกึ ษาสว นใหญจ ะมรี ะดบั ผลการเรียนอยทู ่ี เกรด 1 และเกรด 2 ทกุ วิชา วิชาท่มี ี นักศกึ ษาสอบไมผา น (ไดเ กรด 0) มากท่ีสุด คอื คณิตศาสตร รองลงมาเปนวิทยาศาสตร ภาษาไทย และสงั คม ศกึ ษา 6. ตารางแสดงปริมาณผลติ ยางพาราของประเภทตา ง ๆ ในป พ.ศ. 2544 และป พ.ศ. 2545 ดงั น้ี ประเทศ ปรมิ าณการผลติ ( ลานตนั ) มาเลเซีย ป 2544 ป 2545 อนิ โดนเี ซยี 2.5 3.0 ไทย 3.0 4.0 เวียดนาม 2.0 3.5 1.5 2.0 ลาว 1.0 1.5 จงเขยี น 1. แผนภูมิแทง แสดงการเปรียบเทียบการผลติ ยางพาราของประเทศตาง ๆ ในป 2544 3 ยางพารา 2.5 ไทย เวยี ดนาม ลาว 2 1.5 1 0.5 0 มาเลเซยี อนิ โดนเ่ี ซยี
230 2. แผนภมู ิแทง แสดงการเปรยี บเทียบการผลิตยางพาราของประเทศตา ง ๆ ในป 2544 และในป 2545 4 พ.ศ.2544 3.5 พ.ศ.2545 3 ไทย เวยี ดนาม ลาว 2.5 2 1.5 1 0.5 0 มาเลเซยี อนิ โดนเี ซยี 3. แผนภูมิวงกลมแสดงการเปรียบเทียบการผลิตยางพาราของแตละประเทศในป 2544 มาเลเซีย อินโดนเี ซยี ไทย เวยี ดนาม ลาว 4. จงเขียนกราฟแสดงการเปรยี บเทยี บปริมาณสัตวน ํ้าจดื และสัตวนาํ้ เค็มทจ่ี ับไดต้งั แต พ.ศ. 2540 ถงึ พ.ศ. 2546 ปริมาณทจ่ี บั ได ( พันตัน ) พ.ศ. สตั วน ้ําจืด สตั วน ํ้าเคม็ 2540 1,550 130 2541 1,529 141 2542 1,395 159 2543 2,068 161 2544 1,538 122 2545 1,352 147 2546 1,958 145
231 กราฟแสดงการเปรยี บเทยี บปริมาณสัตวน าํ้ จดื และสัตวน ้ําเค็มที่จบั ไดต ้ังแตพ .ศ. 2540 – 2546 2,500 สตั วน ํา จดื 2,000 สตั วน ํา เค็ม 1,500 1,000 500 0 2540 2541 2542 2543 2544 2545 2546 แบบฝก หดั ท่ี 4 1. การเลอื กขอ มลู มาใชประกอบการตัดสนิ ใจตอ งอาศยั หลักการใดบาง 1. เชื่อถือได 2. ครบถวน 3. ทนั สมัย 2. ขอ มูล ตางกับ สารสนเทศ อยางไร จงอธิบายพรอมยกตัวอยางประกอบดว ย ขอมลู หมายถงึ ขอ เท็จจริง หรือเหตกุ ารณทีเ่ กีย่ วของกับสิ่งตา ง ๆ เชน บุคคล ส่งิ ของ สถานท่ี ฯลฯ ขอ มลู เปนเร่อื งเกยี่ วกบั เหตกุ ารณทเ่ี กดิ ขึน้ อยา งตอ เนอ่ื ง ขอมูลตองถกู ตอ งแมนยํา ครบถว นขนึ้ อยู กับผดู ําเนนิ การทใี่ หค วามสําคญั ของความรวดเร็วของการเก็บขอมูล สารสนเทศ เกิดจากการนําขอ มลู ผานระบบการประมวลผล คํานวณ วิเคราะหและแปลความหมายเปน ขอ ความที่สามารถนําไปใชประโยชนไ ด
232 แบบฝก หดั ท่ี 1 เฉลย บทท่ี 8 ความนา จะเปน 1. โยนเหรียญ 1 เหรียญ 3 ครัง้ จงหาจํานวนทเ่ี หรียญจะขึน้ หนาตา งๆ โดยวิธเี ขียนแผนภมู ิตน ไม 2. ในการทดสอบวชิ าคณติ ศาสตร ประกอบดว ย โจทยแ บบปรนยั 4 ตวั เลอื ก จาํ นวน 5 ขอ โจทยแตล ะขอ มี คําตอบท่ีถกู ตอ งเพียงหนงึ่ ตวั เลือกเทานน้ั แลว จํานวนวิธีการตอบคําถามทเ่ี ปนไปไดทงั้ หมดมกี ่วี ธิ ี มี 4 4 4 4 4 = 1,024 วิธี 3. มนี กั เรยี น 5 คน ยนื เขาแถวเพือ่ ซอื้ อาหารกลางวนั ของรานหนึ่ง จงหาวาจาํ นวนวธิ ีทย่ี ืนเขาแถวทแ่ี ตกตางกนั มที ง้ั หมดกี่วิธี ตอบ 5 4 3 2 1 = 120 วิธี 4. มีชาย 6 คน หญงิ 5 คน ตองการจดั คแู ขง ขันระหวา งชาย 1 คน หญิง 1 คนในการแขงขนั กฬี าแทนนิสมี จํานวนท้ังหมดกวี่ ธิ ี ตอบ 6 5 = 30 วิธี 5. เพอ่ื น 3 คน นดั กันไปรบั ประทานอาหารเยน็ ทภ่ี ตั ตาคารและ ซอ้ื ของท่หี างสรรพสินคา โดยเลือกทจี่ ะไป รบั ประทานอาหารและซอื้ ของ ซึง่ มภี ตั ตาคาร 5 แหง และมีหา งสรรพสินคา 4 แหง ทงั้ สามคนนจ้ี ะมวี ธิ ีเลอื ก กระทําดังกลาวไดทั้งหมดกว่ี ธิ ี ตอบ 5 4 = 20 วิธี
233 6. บริษทั แหงหนึง่ เปดรบั สมคั รพนกั งานเขาทาํ งาน โดยพจิ ารณาจากเง่ือนไขคือ เพศชาย หญิงระดบั อายมุ ี 6 ระดบั และมีสาขาวชิ าชีพ 10 ประเภท แลว บรษิ ทั น้จี ะมวี ธิ ีการจาํ แนกผสู มัครไดท ั้งหมดกว่ี ิธี ตอบ มี 2 X 6 X 10 = 60 วธิ ี 7. จากการสมั ภาษณรับคนเขา ทาํ งานจํานวน 8 คน จะมวี ธิ จี ะคดั เลือกไดพนกั งานหน่งึ คนจากผูเขา สัมภาษณ ทง้ั หมด ตอบ 8 วธิ ี 8. จงเขียนแผนภาพตน ไมเ พื่อแสดงผลทเ่ี กิดขนึ้ จากการโยนเหรียญ 1 เหรยี ญ 4 คร้ัง จงหาจาํ นวนวธิ ีท่ี แตกตา งกนั ในการโยนเหรียญครั้งนี้ โดยท่ี 1. ไมมีหนา หวั เลย 2. มหี นาหวั เพยี ง 1 ครง้ั 3. มีหนา ทั้ง 2 ครั้ง 4. มหี นา หัวเพียง 3 คร้งั 5. มีหนา หัว 4 ครง้ั ตอบ คร้ังที่ 1 ครั้งท่ี 2 คร้ังท่ี 3 ครง้ั ที่ 4 เหตกุ ารณ 1 (T,T,T,T) = 1 วิธี 2. (H,T,T,T),(T,H,T,T),(T,T,H,T),(T,T,T,H) = 4 วธิ ี 3. (H,H,T,T),(H,T,H,T),(H,T,T,H),(T,H,H,T)(T,H,T,H) (T,T,H,H) = 6 วิธี 4. (H,H,H,T)(H,H,T,H) (H,T,H,H) (T,H,H,H) = 4 วธิ ี 5. (H,H,H,H) = 1 วธิ ี
234 แบบฝกหดั ท่ี 2 2. จากการทดลองสมุ ตอไปน้ี จงเขียนแซมเปลสเปซและเหตกุ ารณที่สนใจในการทดลองนั้นๆ (1) ไดห ัวสองเหรียญจากการโยนเหรยี ญสองอนั หน่ึงคร้งั ผลท่เี กดิ ข้นึ ทงั้ หมด (H,H) , (H,T) ,(T,H) ,(T,T) เหตกุ ารณท ส่ี นใจ = (H,H) = 1 4 (2) ไดผ ลรวมของแตมบนหนา ลกู เตาท้ังสองเปน 2 หรอื 6 จากการโยนลกู เตา สองลกู หนงึ่ ครั้ง ผลท่เี กิดขน้ึ ทง้ั หมด {(1,1),(1,2),(1,3),(1,4),(1,5),(1,6), (2,1),(2,2),(2,3),(2,4),(2,5),(2,6), (3,1),(3,2),(3,3),(3,4),(3,5),(3,6), (4,1),(4,2),(4,3),(4,4),(4,5),(4,6), (5,1),(5,2),(5,3),(5,4),(5,5),(5,6), (6,1),(6,2),(6,3),(6,4),(6,5),(6,6)} เหตุการณท ่สี นใจ = (1,1) (1,5), (2,4), (3,3), (4,2) ,(5,1) (3) หยบิ ไดส ลากหมายเลข 5 หรอื 6 หรือ 7 หรอื 8 จากสลาก 10 ใบซงึ่ เขยี นหมายเลข 1 ถงึ 10 กํากบั ไว ผลที่เกดิ ขนึ้ ท้ังหมด 1,2,3,4,5,6,7,8,9,10 เหตกุ ารณท่สี นใจ = 5, 6, 7, 8 (4) ไดนักเรยี นทถี่ นดั มอื ซา ยในหองเรยี นที่ทานเรยี นอยู ตอบ อยูในดลุ ยพินจิ ของผูสอน (5) ไดส ลากทม่ี ีรางวัลจากการจับสลากทปี่ ระกอบดวยสลากทม่ี รี างวลั 3 ใบ และไมมรี างวัล 7 ใบ ผลทีเ่ กิดข้นึ ท้งั หมด รางวัลที่ ถ1, ถ2, ถ3, ผ1, ผ2, ผ3, ผ4, ผ5, ผ6, ผ7 เหตกุ ารณท ี่สนใจ คือโอกาสทถ่ี กู รางวลั = ถ1, ถ2, ถ3 (6) ไดค าํ ตอบจากครอบครัว 3 ครอบครวั วา มจี กั รเย็บผา ใชทั้งสามครอบครัว ผลท่ีเกดิ ขนึ้ ทั้งหมด มมี มี ,ี มีมไี ม, มีไมม,ี มไี มไม, ไมม มี ,ี ไมม ไี ม, ไมไมม,ี ไมไมไ ม เหตุการณที่สนใจ คอื มีเครื่องซักผาทง้ั 3 ครอบครัว มีมีมี (7) ไดล กู บอลสขี าว 2 ลกู สดี าํ 1 ลูก ในการหยบิ ลกู บอลทลี ะลกู แบบไมใ สค นื 3 ลกู จากกลอ งซ่งึ บรรจลุ ูกบอลสีขาว 3 ลกู และสดี ํา 2 ลูก ให ข แทนบอลสขี าว และ ด แทนบอลสีดํา ผลท่ีเกดิ ขน้ึ ทง้ั หมด คอื ขคข, ขขค, ขคข, ขคค, คขข, ดขด, ดดข เหตุการณท่สี นใจ คือ ขคข, ขขค, ขคข, คขข (8) ไดแตม ท่ีเหมือนกันหรือไดแ ตม 2 จากลกู เตา ลกู ใดลูกหน่ึงในการทอดลกู เตา พรอมกนั สองลกู
235 ผลท่เี กิดขนึ้ ทัง้ หมด {(1,1),(1,2),(1,3),(1,4),(1,5),(1,6), (2,1),(2,2),(2,3),(2,4),(2,5),(2,6), (3,1),(3,2),(3,3),(3,4),(3,5),(3,6), (4,1),(4,2),(4,3),(4,4),(4,5),(4,6), (5,1),(5,2),(5,3),(5,4),(5,5),(5,6), (6,1),(6,2),(6,3),(6,4),(6,5),(6,6)} เหตกุ ารณท ่สี นใจ = (1,1) (2,2), (3,3), (4,4), (5,5) ,(6,6) (9) ไดห วั และแตมท่มี ากกวา 4 จากการโยนเหรยี ญหนึ่งเหรียญและทอดลูกเตา หนึ่งลกู หนึง่ คร้ัง ผลที่เกดิ ข้นึ ทั้งหมด (H,1) ,(H,2), (H,3),(H,4),(H,5),(H,6) (T,1) ,(T,2), (T,3),(T,4),(T,5),(T,6) เหตุการณท่ีสนใจ = (H,5),(H,6) (10) ไดสีทช่ี อบคอื สฟี าหรอื สชี มพูจากการสอบถามนางสาวสุชาดาถึงสขี องกระดาษเชด็ หนาที่ ชอบสองสจี ากสที ้งั หมด 5 สี คือ ขาว ฟา ชมพู เขียว และเหลอื ง ผลทเี่ กิดขนึ้ ขาว, ฟา , ชมพ,ู เขยี ว, เหลอื ง เหตุการณทีส่ นใจ ฟา , ชมพู 1. ถา S = {0, 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 } 1 = { 0, 2, 4, 6, 8 } 2 = {1, 3 ,5 ,7 ,9 } 3 ={ 2, 3, 4, 5 } (2) 1 2 = { } และ 4 = { 1, 6, 7 } (4) 3 4 2 = {1} จงหาสมาชกิ ของ S ทีอ่ ยใู นเหตกุ ารณต อ ไปนี้ (2) 1 3 = {0, 2, 3, 4, 5, 6, 8,} (3) 3 = {0, 1, 6, 7, 8, 9} (5) S 3 = {0, 1, 6, 7, 8} (6) 1 2 3 = { } 2. จากเหตกุ ารณ 1 , 2 , 3 ในขอ 2 จงเขียนแผนภาพของเวนน – ออยเลอรแ สดงเหตุการณตอ ไปนี้ (1)1 2 = {0, 2, 4, 6, 8} (2) 1 2 = {0, 1, 2, 3, 4, 5, 6} (3) 1 3 2
236 3. ในการสํารวจอายขุ องผปู ว ยแผนกเดก็ (อายไุ มเกนิ 15 ป ) ของโรงพยาบาลแหงหนง่ึ ถา 1 เปน เหตกุ ารณทผ่ี ปู ว ยมีอายตุ ัง้ แต 1 ถงึ 9 ป 2 เปนเหตุการณท ผ่ี ูปว ยมีอายุนอ ยกวา 5 ป และ 3 เปน เหตุการณทผี่ ูป วยมอี ายมุ ากกวา 9 ป จงหา (1)1 2 เปนเหตกุ ารณท ีผ่ ปู ว ยมอี ายนุ อยกวา 9 ป (2) 1 2 เปนเหตุการณท่ีผูปวยท่อี ายตุ ั้งแต 1 ป ถงึ อายุนอยกวา 5 ป (3) 1 3 2 เปน เหตุการณทผี่ ูปวยมอี ายตุ ั้งแตเกดิ จนตาย (4) 2 3 เปนเหตุการณท ่ผี ูปวยอายนุ อ ยกวา 5 ป และอายมุ ากกวา 9 ป 5 ในการจบั สลาก 1 ใบ จากสลาก 10 ใบ ซึ่งมีเลข 0 ถงึ 9 กาํ กับอยู ถา สนใจเลขท่เี ขยี นกํากบั ไวใ นสลากใบทีจ่ บั ได โดยให 1 เปนเหตุการณที่เลขที่เขยี นกาํ กบั ไวเปน จํานวนคู 2 เปน เหตุการณที่เลขท่ีเขียนกาํ กับไวเปน จาํ นวนค่ี 3 เปน เหตกุ ารณทเี่ ลขที่เขียนกาํ กับไวเปนจํานวนเฉพาะ 4 เปนเหตุการณท่เี ลขที่เขยี นกาํ กับไวเ ปน จาํ นวนทห่ี ารดว ย 3 ลงตัว จงเขียนเหตกุ ารณต อไปนใี้ นรปู 1 , 2 , 3 หรือ 4 พรอมท้ังแจกแจงสมาชิกเมอื่ (5) เลขทีเ่ ขยี นกํากับไวเปน จํานวนคหู รือค่ีหรอื จํานวนเฉพาะ = {1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9} (6) เลขทีเ่ ขียนกาํ กบั ไวเ ปน จาํ นวนเฉพาะที่หารดวย 3 ลงตวั ={3} (7) เลขทเ่ี ขียนกาํ กบั ไวไ มเ ปน จํานวนค่ี และไมเ ปน จํานวนทห่ี ารดวย 3 ลงตัว = {0, 2, 4, 6, 8} {1, 2, 4, 5, 7, 8} (8) เลขทีเ่ ขยี นกาํ กบั ไวเ ปน จาํ นวนคูที่เปน จาํ นวนเฉพาะหรือจาํ นวน ={ }
237 แบบฝก หดั ที่ 3 1. ในการโยนลกู เตา 1 ลกู 1 ครัง้ จงหาความนา จะเปนของเหตุการณ และสรุปถึงโอกาสท่ีจะเกดิ ข้นึ วา มมี าก หรอื นอยเพียงใด 1. ไดแตม 4 E แทนเหตุการณท ีโ่ ยนลกู เตา 1 ลกู หงายแตม 4 P ( E ) 1 0.167 6 เหตกุ ารณน ้ีมีโอกาสเกดิ ขึ้นนอยมาก 4. ไดแ ตมคู E แทนเหตุการณท โ่ี ยนลูกเตา 1 ลกู ไดแ ตมคู P ( E )31 62 เหตกุ ารณน มี้ ีโอกาสเกดิ ขนึ้ และไมเกดิ ขนึ้ เทา ๆ กนั หรอื มโี อกาสเกิดรอ ยละ 50% 5. ไดแ ตม มากกวา 4 E แทนเหตกุ ารณท ี่โยนลกู เตา 1 ลกู ไดแตมมากกวา 4 P ( E ) 2 1 0.33 63 เหตุการณน ม้ี ีโอกาสเกดิ นอย 6. ไดแตม นอ ยกวา 7 E แทนเหตกุ ารณท ่ีโยนลูกเตา 1 ลูก ไดแ ตมนอ ยกวา 7 P ( E ) 6 1 6 เหตกุ ารณน ี้มโี อกาสเกดิ ขน้ึ แนน อน 7. ไดแ ตมมากกวา 0 E แทนเหตกุ ารณท โ่ี ยนลกู เตา 1 ลกู ไดแ ตม มากกวา 0 P ( E ) 6 1 6 8. ไดแตม มากกวา 6 หรือเปน แตมคี่ E1 แทนเหตุการณทโี่ ยนลูกเตา 1 ลกู ไดแ ตม มากกวา 6 หรอื แตมคี่ E2 แทนเหตุการณท โ่ี ยนลกู เตา 1 ลูก ไดแ ตมคี่ P ( E1 E 2 ) 3 1 0.5 62 เหตุการณน ีม้ โี อกาสเกดิ ข้ึน 50%
238 7. ไดแ ตม มากกวา 3 และเปน แตมคี่ E1 แทนเหตุการณทโี่ ยนลกู เตา 1 ลูก ไดแ ตม > 3 E2 แทนเหตุการณทโ่ี ยนลูกเตา 1 ลกู ไดแตมคี่ P ( E1 E 2 ) 1 0.166 6 เหตกุ ารณน ีม้ ีโอกาสเกดิ ข้ึนนอ ยมาก 2. ทอดลกู เตา 2 ลกู สองคร้ัง ความนาจะเปนทจ่ี ะไดแตมรวมเปน 7 ในครง้ั แรกและไดแตม รวมเปน 10 ใน คร้งั ที่ 2 เทา กบั เทา ใด E1 แทนการทอดลูกเตา 2 ลกู ไดแ ตม รวมเปน 7 E2 แทนการทอดลกู เตา 2 ลกู ไดแ ตม รวมเปน 10 P ( E1 E 2 ) 3 2 1 0.166 36 36 6 เหตกุ ารณน ้ีมีโอกาสเกดิ นอยมาก 3. ชางกอสรา งกลมุ หนึ่งมี 10 คน ประกอบดว ย ชา งปนู 6 คน และชางไม 4 คน ถา ตอ งการเลอื กชา ง 7 คน จากกลุมน้ี ความนา จะเปน ทจ่ี ะไดชางปนู 4 คน และชางไม 3 คน เทากบั เทาใด 4. กลอ งใบหนง่ึ บรรจุหลอดไฟสแี ดง 6 หลอดซึ่งเปนหลอดดี 4 หลอและหลอดไฟสีน้ําเงิน 4 หลอด ซง่ึ เปน หลอดดี 2 หลอด ในการสมุ หยบิ หลอดไฟคร้ังละ 1 หลอด 2 ครง้ั แบบไมใสคนื ความนาจะเปน ท่ีจะได หลอดไฟสีเดยี วกัน และเปนหลอดดที ้ังสองครง้ั มีคาเทากบั เทาใด 5. กลอ งใบหน่ึงมลี กู บอลสีแดง 3 ลกู และสีขาวจาํ นวนหน่ึง โดยทีจ่ ํานวนวธิ ีการหยบิ ลกู บอล 2 ลกู เปนลกู บอลสเี หมอื นกัน เทา กบั 9 ถา สมุ หยบิ ลกู บอลพรอมพนั 2 ลกู แลว ความนา จะเปน ทจ่ี ะไดล กู บอลสขี าวทงั้ 2 ลกู เทา กบั เทาใด
239 เฉลย บทที่ 9 การใชทักษะกระบวนการทางคณติ ศาสตรใ นงานอาชีพ แบบฝก หดั ที่ 1 1. ศภุ างคไ ดร บั เงินเดอื น ๆ ละ 9,000 บาท กําหนดเวลาทํางานตามปกตวิ ันละ 8 ชวั่ โมง 9,000 ดังน้ัน ศภุ างคจ ะมรี ายไดว ันละ 30 = 300 บาท และศภุ างคมรี ายไดชวั่ โมงละ 300 = 37.50 บาท 8 2. เดือนธนั วาคม อาทิตย จันทร อังคาร พธุ พฤหัส ศกุ ร เสาร 1234567 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 เดอื นธันวาคม สุภาพไดรบั คา จางในวันทาํ งาน 19 วนั และมสี ทิ ธิไดรับคาจางในวนั หยดุ ตามปกติ 3 วัน และไดค า จางวนั ละ 370 บาท ดังนั้น สุภาพไดรบั คาจา งเดือนธันวาคม = (19 + 3) 370 = 8,140 บาท
240 3. เดือนสิงหาคม อาทิตย จันทร อังคาร พุธ พฤหัส ศุกร เสาร 123456 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 25 26 27 28 29 30 31 ธิดามีรายไดเดือนละ 12,000 บาท ทํางานวันละ 8 ชั่วโมง 12,000 คา จา งที่ไดรับชวั่ โมงละ = 8 30 = 50 บาท ธิดามีสิทธไิ ดรับคาจางในวนั หยดุ ทกุ ประเภท จึงไดร บั คาจา ง เมื่อมาทาํ งานในวนั หยุดตามประเพณี อีก 1 เทา ทาํ งานในวันหยดุ ตามประเพณี 1 วนั ๆ ละ 8 ชว่ั โมง ดังนั้น ทาํ งานในวันหยุดคดิ เปน 8 ชว่ั โมง ธิดาไดรบั คา จางในวันหยดุ = 1 50 8 = 400 บาท ทาํ งานวันเสาร ซ่งึ เปน วันหยดุ ประจําสัปดาห จะไดร บั คา ทาํ งานในวนั หยดุ 2 เทา ของคาจางใน วนั ทํางาน ทาํ งานวันเสาร 4 วนั ๆละ 3 ชว่ั โมง = 4 3 = 12 ชว่ั โมง ดังนั้น จะไดรบั คาจางในวนั เสาร = 2 50 12 = 1,200 บาท จะไดรบั คาทาํ งานในวนั หยดุ ทัง้ ส้นิ = 400 + 1,200 = 1,600 บาท และจะไดร บั คา จางท้ังหมดของเดือนสงิ หาคม = 12,000 + 1,600 = 13,600 บาท
241 4. บัญชแี สดงรายรับ – รายจา ยของ................................... ใน 1 สัปดาห วนั เดือน ป รายการรับ จํานวนเงนิ วัน เดือน ป รายการจา ย จาํ นวนเงนิ บาท สต. บาท สต. 6 พ.ย. 54 รับเงนิ คา จา งจากการ 2,100 - 6 พ.ย. 54 คารถประจําทาง 44 - ทํางาน 1 สปั ดาห คาอาหาร 120 - วนั ละ 300 บาท เปนเงนิ 7 พ.ย. 54 คารถ 44 - คา อาหาร 120 - คา โทรศัพท 100 - 8 พ.ย. 54 คา รถ 44 - คา อาหาร 120 - คานํา้ คาไฟฟา 150 - 9 พ.ย. 54 คารถ 44 - คาอาหาร 100 - 10 พ.ย. 54 คา รถ 44 - คา อาหาร 110 - คา หนังสอื 50 - 11 พ.ย. 54 คารถ 44 - คาอาหาร 150 - คาเสอ้ื ผา 299 - 12 พ.ย. 54 คารถ 44 - คาอาหาร 115 - คาโทรศพั ท 50 - รวมรายรบั 2,100 - รวมรายจาย 1,792 - ยอดคงเหลอื ยกไป 308 -
242 5. คา นายหนาในการขาย = 30 45,000 100 = 13,500 บาท ดังน้นั อญั ชลไี ดเ งนิ คานายหนา 13,500 บาท 6. เงินปนผลตอหุนของหุน ปุริมสิทธิ = อตั ราเงนิ ปนผล มลู คา หุน ปุรมิ สทิ ธิ = 5% 160 5 = 100 160 = 8 บาท แตพจมานมหี นุ ปุริมสทิ ธทิ ้ังหมด 1,500 หนุ ดังนัน้ พจมานจะไดเ งนิ ปน ผลทั้งสน้ิ = 8 1,500 = 12,000 บาท 7. สภุ ัทราไดด ําเนนิ การ ดงั นี้ 1. สุมกลมุ ตวั อยา งวัยรนุ จํานวน 50 คน 2. สอบถามกลมุ ตัวอยางทงั้ 50 คน เรอื่ งสีของขวดบรรจแุ ชมพูไดขอสรุปดังนี้ สี ความถี่ สีฟา 15 สชี มพู 32 สขี าว 3 รวม 50 3. เนื่องจากเปน การสํารวจความนยิ มของกลุมตัวอยาง ถาเปน คา สถติ ิทใ่ี ช คือ คา ฐานนิยม (Mode) จากแบบฝก หดั คา ฐานนิยม คือ สีชมพู เพราะกลมุ ตวั อยา งนิยมมากทส่ี ดุ (ความถี่ = 32) 4. นําขอ มูลจากขอ 2 มานําเสนอโดยใชแผนภมู แิ ทง 35 สีฟา 30 สชี มพู 25 สีขาว 20 15 สีชมพู สขี าว 10 5 0 สีฟา
243 8. วิธที าํ นายศกั ด์มิ เี งนิ ไดพงึ ประเมนิ = 25,000 12 = 300,000 บาท หัก คาใชจ ายไดร อ ยละ 40 ของเงินไดพงึ ประเมินแตไ มเ กนิ 60,000 บาท 40 คาใชจา ย 100 300,000 = 120,000 บาท แตคา ใชจ ายของนายศกั ดค์ิ ํานวณได 120,000 บาท แตสามารถหักไดแค 60,000 บาทเทา นน้ั หัก คา ลดหยอ น ผูม เี งนิ ได 30,000 บาท คา เบ้ียประกนั ชวี ิต 50,000 บาท คา เบี้ยประกนั สุขภาพของมารดานายศกั ด์ิ 20,000 บาท รวมหกั คาลดหยอนได = 30,000 + 50,000 + 20,000 = 100,000 บาท เงินไดส ุทธิของนายศักด์ิ = เงนิ ไดพ ึงประเมนิ – (หกั คา ใชจ าย + หกั คา ลดหยอ น) = 300,000 – (60,000 + 100,000) = 140,000 บาท ตามตารางอัตราการเสยี ภาษีเงนิ ไดบคุ คลธรรมดา เงินได 0 – 150,000 บาท ไมตองเสียภาษีเงินได นายศกั ดไิ์ มตองเสียภาษี เพราะมเี งนิ ไดส ุทธิ 140,000 บาท ไดรบั การยกเวน ภาษี แตต อ งย่นื แบบ แสดงรายการภาษีเงนิ ไดบ คุ คลธรรมดา (ภ.ง.ด. 91) 9. วธิ ที าํ พนื้ ทแี่ ผน ไวทิลท่ใี ชโ ฆษณา = กวาง ยาว = 0.9 1.8 = 1.62 ตารางเมตร คาจัดทํา = 1.62 250 = 405 บาท จะตองจา ยเงินทั้งหมด = คา จัดทํา + คา ออกแบบ = 405 + 500 = 905 บาท
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254