Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอนแผนการจึดการเรียนรูสมรรถนะ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ฯ 12563

แผนการสอนแผนการจึดการเรียนรูสมรรถนะ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ฯ 12563

Published by ratchanin23, 2020-06-26 04:23:46

Description: แผนการสอนแผนการจึดการเรียนรูสมรรถนะ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ฯ 12563

Search

Read the Text Version

แผนการสอน / แผนการจัดการเรยี นรู้สมรรถนะอาชพี รหสั 20204-2005 วิชา เครอื ข่ายคอมพิวเตอรเ์ บือ้ งตน้ แผนกวิชา คอมพวิ เตอรธ์ รุ กิจ หลักสูตรประกาศนียบตั รวิชาชพี (ปวช.) ประเภทวิชา พาณิชยกรรม จัดทำโดย นายกฤษณะ ราชนิล แผนกวิชา คอมพิวเตอร์ธรุ กิจ วทิ ยาลยั เทคนิคพิมาย สำนักงานคณะกรรมการการอาชวี ศึกษา กระทรวงศกึ ษาธกิ าร รหสั หอ้ ง (Classroom)

คำนำ แผนจัดการเรียนรู้ฉบับนี้จัดทำข้ึนเพื่อให้นักเรียนระดับชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพ ได้ทำการศึกษาถึง พื้นฐานการส่ือสารข้อมูล เครือข่ายคอมพิวเตอร์ ประเภทของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โครงสร้างการเชื่อมต่อเครือข่าย ลักษณะการให้บรกิ ารของเครือข่าย เพ่ือท่ีจะนำความรู้ความสามารถท่ีได้ไปประกอบอาชีพ และใช้เป็นพน้ื ฐานในการต่อยอด ความรใู้ ห้สงู ย่ิงๆข้ึนไป การส่ือสาร ( Communication ) เป็นกิจกรรมหน่ึงในชีวิตประจำวันของมนุษย์ ซ่ึงมีท้ังระยะใกล้ และ ระยะไกล การสื่อสารระไกลน้ันได้ช่วยให้วิถีชีวิตของเรานั้นเป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็วและมีความต่อเน่ืองนอกจากนี้การ สอื่ สารที่คล่องตวั ยงั กอ่ ใหเ้ กดิ การพัมนาด้านตา่ งๆ อยา่ งมากมายตามมาอกี ด้วย ผู้เรียบเรียงหวังเป็นอย่างย่ิงว่าแผนการจัดการเรียนรู้จะเป็นประโยชน์ต่อการสอนของคณาจารย์ และการ เรียนรู้ของนักศึกษา เพื่อให้การศึกษาทัดเทียมกับระดับสากล สุดท้ายนี้ผู้เรยี บเรียงต้องขอขอบคุณแหล่งข้อมูลสำคัญที่ทำให้ แผ่นการจัดการเรียนรู้ฉบับนี้สมบูรณ์ข้ึนมาได้ คือ ห้องสมุดมหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา ,อาจารย์บุญสืบ โพธ์ิศรีและ คณะ, อาจารย์อัมรนิ ทร์ เพช็ รกุล , เว็บ ไซต์ในการช่วยคน้ หา google.com เปน็ อยา่ งสงู นายกฤษณะ ราชนิล วนั ที่........เดอื น..................พ.ศ. ...............

สารบัญ 1 2 เรือ่ ง 3 หนา้ 4 5 สารบัญ 6 แผนการสอนรายวชิ า 7 รายชอ่ื หนว่ ยงานสอน 8 แบบตารางวเิ คราะห์ 9 รายชอ่ื หน่วยการสอน/การเรียนรู้ 11 แผนการสอน/จัดการเรียนรู้ 12 จดุ ประสงค์การเรียนการสอน 14 เนอื้ หาสาระ การบรู ณาการกจิ กรรมการเรียนการสอนตามหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง 16 กจิ กรรมการเรียนการสอน 18 งานที่มอบหมายหรือกจิ กรรม สื่อการเรียนการสอน การประเมินผลการเรียนรู้ - แบบฝกึ หัด/คำถาม/ปัญหา - รายงาน/ชน้ิ งาน - แบบทดสอบ บันทกึ หลงั การสอน ภาคผนวก

ชื่อรายวชิ า เครอื ข่ายคอมพิวเตอร์เบื้องตน้ รหัสวิชา 2204-2003 ระดบั ชนั้ ประกาศนียบตั รวชิ าชีพ แผนกวชิ า คอมพิวเตอร์ธรุ กิจ หน่วยวชิ า 2 หนว่ ยกิต จำนวนคาบ/สัปดาห์ 3 คาบ จำนวนคาบรวม 54 คาบ ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2561 จดุ ประสงคร์ ายวชิ า 1. เขา้ ใจระบบเครอื ขา่ ยและสามารถประยกุ ตใ์ ช้งานได้ 2. มีกจิ นิสัยและส่งเสริมคณุ ธรรม จริยธรรม ค่านิยมท่ดี ี ในการใช้คอมพวิ เตอร์ คำอธบิ ายวชิ า ศึกษาและปฏบิ ตั เิ กีย่ วกบั ความหมายของระบบเครือข่าย ประเภทของเครือขา่ ย มาตรฐานการเชอ่ื มตอ่ ระบบ เครอื ข่าย ปฏบิ ัตกิ ารเชื่อมต่อระบบเครือข่าย การใชร้ ะบบปฏิบัติการบนเครือข่าย ปฏิบตั ิการรับสง่ ข้อมูลบนเครือขา่ ย การ บรหิ ารดูแลระบบเครือข่าย ระบบเครือขา่ ยอนิ เทอรเ์ นต็ คำอธิบายรายวิชา (เพ่มิ เติม) สามารถเลือกใชร้ ะบบปฏิบัตกิ ารเครือขา่ ย และประเภทของเครอื ข่ายใชง้ านได้ และ ตอ่ ยอดในการศึกษาในระดบั สงู ๆขนึ้ ไปได้ สมรรถนะของรายวชิ า 1. อธิบายความหมาย ความสำคัญ ประเภท และการทำงานของระบบเครอื ข่ายได้ 2. ใช้ระบบเครอื ขา่ ยในการคน้ หาข้อมลู ได้

หนว่ ยเรียน/กำหนดการสอน เครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์เบ้ืองต้น รหสั วิชา 2204-2003 จำนวน 18 ตอ่ สัปดาห์ หน่วยการจดั การเรยี นรู้ 4 หนว่ ย จำนวน 54 ชงั่ โมง ชอื่ เรอ่ื ง / ชื่อหน่วย จุดประสงค์การเรยี นรู้ประจำหน่วย สมรรถนะประจำหน่วย (สามารถอธิบาย) บทท่ี 1 พื้ นฐานระบ บ -ความหมายของระบบเครือขา่ ย -ความหมายของระบบเครือข่าย เครือข่ายคอมพิวเตอร์ -ประโยชนข์ องเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ -ประโยชน์ของเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ -หลกั การทำงานของระบบเครือขา่ ย แ ล ะ อุ ป ก ร ณ์ ร ะ บ บ -หลักการทำงานของระบบเครอื ขา่ ย -แบบจำลองโอเอสไอ (OSI Model) -องคป์ ระกอบของระบบเครือขา่ ย เครอื ข่าย -แบบจำลองโอเอสไอ (OSI Model) -อุ ป ก ร ณ์ เ ชื่ อ ม ต่ อ เ ค รื อ ข่ า ย คอมพิวเตอร์ -องคป์ ระกอบของระบบเครือข่าย -Repeater -Bridge -อปุ กรณ์เช่ือมตอ่ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ -Hub -Switch -Repeater -Router -Gateway -Bridge -Server -Client -Hub -Modem -อุปกรณร์ ักษาความปลอดภยั -Switch -Firewall -AAA Server -Router -อปุ กรณ์ไรส้ าย -Wireless NICs -Gateway -Wireless Access Points -Wireless Bridge -Server -Client -Modem -อปุ กรณ์รกั ษาความปลอดภัย -Firewall -AAA Server -อุปกรณไ์ รส้ าย -Wireless NICs -Wireless Access Points -Wireless Bridge บทท่ี 2 ประเภทของ -เครอื ข่ายแลน (LAN) -เครือข่ายแลน (LAN) เครือข่าย และ ตวั กลาง การเช่ือมต่อเครือข่าย -ความหมายเครือขา่ ยแลน -ความหมายเครอื ขา่ ยแลน -องคป์ ระกอบของเครอื ข่ายแลน -องค์ประกอบของเครอื ข่ายแลน -ประเภทของเครือข่ายแลน -ประเภทของเครอื ขา่ ยแลน -มาตรฐานเครอื ขา่ ยแลน -มาตรฐานเครือข่ายแลน -Ethernet -Ethernet -รปู แบบการเชื่อมต่ออเี ธอร์เน็ต -รูปแบบการเชอื่ มตอ่ อีเธอรเ์ น็ต -วธิ กี ารเข้าใช้ตัวกลางของอเี ธอร์เน็ต -วธิ กี ารเข้าใชต้ วั กลางของอีเธอรเ์ นต็ -ประเภทของมาตรฐานการเชื่อมต่ออีเธอร์ -ประเภทของมาตรฐานการเชื่อมต่ออี เนต็ เธอร์เน็ต -อเี ธอร์เน็ตแบบ 10Base5 -อเี ธอรเ์ นต็ แบบ 10Base5

-อเี ธอร์เนต็ แบบ 10Base2 -อเี ธอร์เน็ตแบบ 10Base2 -อีเธอร์เน็ตแบบ 10Base-T -อเี ธอร์เน็ตแบบ 10Base-T -อีเธอร์เน็ตแบบ 10Base-FL -อีเธอร์เนต็ แบบ 10Base-FL -อีเธอร์เน็ตความเรว็ สูง -อีเธอรเ์ นต็ ความเร็วสูง -ฟาสตอ์ ีเธอรเ์ น็ต (Fast Ethernet) -ฟาสตอ์ เี ธอรเ์ นต็ (Fast Ethernet) -กกิ ะบติ อเี ธอรเ์ น็ต -กิกะบติ อเี ธอรเ์ นต็ -เครือขา่ ยแลนไร้สาย -เครือข่ายแลนไร้สาย -ระบบความปลอดภัยบนเครือข่ายแลนไร้สาย -ระบบความปลอดภัยบนเครือข่าย -มาตรฐานเครอื ข่ายแลนไร้สาย แลนไรส้ าย -อุปกรณ์ที่ใชใ้ นการตดิ ต่อเครอื ข่ายไรส้ าย -มาตรฐานเครอื ข่ายแลนไร้สาย -การประยุกต์ใช้งานเครือข่ายแลน -อุปกรณ์ที่ใช้ในการติดต่อเครือข่ายไร้ -โทเค็น (Token) สาย -โทเคน็ บัส (Token Bus) -การประยกุ ตใ์ ชง้ านเครอื ขา่ ยแลน -โทเคน็ รงิ (Token Ring) -โทเคน็ (Token) -FDDI -โทเค็นบัส (Token Bus) -มาตรฐานของเครือขา่ ย FDDI -โทเคน็ ริง (Token Ring) -ประเภทสถานีของเครอื ขา่ ย FDDI -FDDI -เครือข่ายเอทเี อม็ -มาตรฐานของเครือข่าย FDDI -เครือข่ายแลนเสมอื น -ประเภทสถานีของเครือขา่ ย FDDI -เครอื ข่ายแวน (WAN) -เครือข่ายเอทเี อม็ -Leased Lines -เครอื ข่ายแลนเสมอื น -ISDN -เครือขา่ ยแวน (WAN) -Intranet and Extranet -Leased Lines -ชนิดของสายค่ตู เี กลยี ว -ISDN -สายคู่ตเี กลยี วแบบไมห่ ุ้มฉนวน -Intranet and Extranet -สายคู่ตีเกลยี วแบบหุ้มฉนวน -ชนิดของสายคตู่ เี กลียว -ลกั ษณะสายใยแก้วนำแสง -สายคตู่ ีเกลียวแบบไมห่ มุ้ ฉนวน -หลักการการส่งสัญญาณผ่านสายใยแก้วนำ -สายคู่ตีเกลียวแบบหุ้มฉนวน แสง -ลักษณะสายใยแก้วนำแสง -ชนิดของของสายใยแกว้ นำแสง -หลักการการส่งสัญญาณผ่านสายใย -การส่ือสารไร้สาย แกว้ นำแสง -ชนดิ ของของสายใยแก้วนำแสง -การสือ่ สารไร้สาย บทท่ี 3 โปรโตคอล และ -ความหมายของโปรโตคอล -ความหมายของโปรโตคอล รปู แบบการเช่ือมต่อ -โปรโตคอล TCP/IP -โปรโตคอล TCP/IP เครอื ขา่ ย -สถาปตั ยกรรมชุดโปรโตคอล TCP/IP -สถาปตั ยกรรมชุดโปรโตคอล TCP/IP -โปรโตคอล FTP (File Transfer Protocol) -โป ร โ ต ค อ ล FTP (File Transfer -โทโพโลย(ี Topology) Protocol) -รปู แบบการเชอื่ มต่อเครือข่าย -โทโพโลยี(Topology) -การเชื่อมตอ่ อินเทอร์เนต็ แบบใชส้ าย -รูปแบบการเช่อื มต่อเครือข่าย

-การเชือ่ มตอ่ อนิ เทอรเ์ นต็ แบบใช้สาย 4 การติดตั้ง -ความหมายระบบปฏบิ ตั ิการเครือข่าย ความหมายระบบปฏิบัตกิ ารเครอื ขา่ ย ระบบปฏิบัติการเครือขา่ ย และการใช้โปรแกรม -ตวั อยา่ งระบบปฏิบัติการบนเครือขา่ ย -ตัวอยา่ งระบบปฏิบัตกิ ารบนเครือข่าย ประยกุ ต์และโปรแกรม ยูทลิ ติ ี้บนเครอื ข่าย -ระ บ บ ป ฏิ บั ติ ก ารวิ น โด ว ส์ (Microsoft -ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ (Microsoft Windows) Windows) -ระบบปฏิบัติการยูนกิ ซ์ (UNIX) -ระบบปฏบิ ตั กิ ารยนู กิ ซ์ (UNIX) -ระบบปฏิบัติการลีนุกซ์ (Linux) -ระบบปฏิบัติการลีนกุ ซ์ (Linux) -การใช้โปรแกรม TeamViewer -การใชโ้ ปรแกรม TeamViewer -การใช้โปรแกรม PuTTY -การใช้โปรแกรม PuTTY -การใชโ้ ปรแกรม FileZilla -การใช้โปรแกรม FileZilla -การใช้โปรแกรม Advanced IP Scanner -ก า ร ใช้ โป ร แ ก ร ม Advanced IP Scanner

ตารางวิเคราะห์ ชอ่ื วิชา เครือขา่ ยคอมพิวเตอรเ์ บอ้ื งตน้ รหัสวิชา 2204-2003 พฤติกรรม จำนวนคาบทป่ี รับแลว้ จำนวนคาบที่สอนจริง อันดับความสำคัญ รวม ทกั ษะ การประเมินค่า การวิเคราะห์ การนำไปใช้ ความเข้าใจ ความรู้ เนื้อหา น้ำหนักของแต่ละพฤติกรรม 10 10 10 10 10 10 60 1.พ้ื น ฐ า น ร ะ บ บ เค รื อ ข่ า ย 9 7 7 6 6 6 41 7 7.14 7 คอมพิวเตอร์ และ อุปกรณ์ระบบ เครือขา่ ย 2.ประเภทของเครือข่าย และ 9 10 10 10 8 8 55 3 9.58 10 ตัวกลางการเชอื่ มต่อเครือข่าย 3.โปรโตคอล และ รูปแบบการ 9 8 10 9 8 8 52 4 9.05 9 เชอ่ื มตอ่ เครือขา่ ย 4.การติดตั้งระบ บ ปฏิ บั ติการ 8 9 10 8 8 8 51 6 8.88 9 เครือข่าย และการใช้โปรแกรม ประยุกต์และโปรแกรมยูทิลิตี้บน เครือขา่ ย รวม 62 64 67 59 59 55 54 อนั ดับความสำคัญ 321445 การกำหนดหนว่ ยนำ้ หนกั การคิดจำนวนคาบสอน สำคญั มาก 8-10 จำนวนคาบตลอดภาคเรียน X น้ำหนกั รวมของแตล่ ะเนอื้ หา ปานกลาง 5-7 สำคญั นอ้ ย 1-4 น้ำหนกั รวมทัง้ หมด

รายช่ือหน่วยการสอน/การเรียนรู้ ชื่อวิชา เครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์เบื้องต้น รหัสวิชา 2201-2415 คาบ/สปั ดาห์ 3 คาบ คาบรวม 54 คาบ หนว่ ยที่ ชอ่ื หน่วยการสอน/การเรยี นรู้ จำนวนคาบ หมายเหตุ 1 13 พื้นฐานระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ และ อุปกรณ์ 2 ระบบเครือข่าย 13 ประเภทของเครือข่าย และ ตัวกลางการเชื่อมตอ่ 3 เครือข่าย 13 4 โปรโตคอล และ รูปแบบการเช่ือมต่อเครือขา่ ย 15 การติดตัง้ ระบบปฏิบตั ิการเครือขา่ ย และการใช้ โปรแกรมประยุกต์และโปรแกรมยูทิลติ ้ีบนเครือขา่ ย รวม 54

แผนการสอน/จดั การเรยี นรู้ หนว่ ยที่ 1 ชอ่ื วชิ า เครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์เบอ้ื งต้น รหสั วชิ า 2204-2003 สอนครง้ั ท่ี 1,2,3,4 ชื่อหน่วย พ้ืนฐานระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ และ อุปกรณ์ คาบรวม 3 ระบบเครือข่าย ชอื่ เรือ่ ง พื้นฐานการสอื่ สารข้อมลู และเครือข่าย จำนวนคน 60 หัวข้อเรอื่ ง 1.มคี วามรคู้ วามเข้าใจเก่ียวกับความหมายของการส่อื สารข้อมลู 2.มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกบั รูปแบบการส่งสัญญาณขอ้ มูล 3.มีความรู้ความเขา้ ใจเกีย่ วกบั ความหมายของเครือขา่ ย 4.มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวตั ถุประสงคข์ องระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ 5.มีความรคู้ วามเขา้ ใจเก่ยี วกับอุปกรณเ์ ชื่อมต่อเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ 6.มีความรู้ความเขา้ ใจเกย่ี วกับอปุ กรณ์รกั ษาความปลอดภัย 7.มีความรูค้ วามเข้าใจเกยี่ วกับอุปกรณไ์ ร้สาย สาระสำคัญ การสือ่ สาร (Communication) เปน็ กิจกรรมหนง่ึ ในชีวิตประจำวนั ของมนษุ ย์ ซง่ึ มที ั้งระยะใกล้ และ ระยะไกล การสื่อสารระยะไกลนั้นได้ชว่ ยใหว้ ถิ ชี วี ิตของเราน้นั เปน็ ไปอย่างสะดวกรวดเร็วและมคี วามต่อเนื่อง นอกจากนี้การ ส่ือสารทค่ี ลอ่ งตัวยังก่อใหเ้ กิดการพัฒนาดา้ นต่างๆ อย่างมากมาย รวมถึงอปุ กรณ์เช่ือมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นอุป กรณืทีใ่ ช้ในการเชอ่ื มต่อคอมพิวเตอร์เข้ากับระบบเครือขา่ ยหรือเชื่อมระหว่างเครือข่ายกับเครือขา่ ย ทำหนา้ ที่ในการรับสง่ ขอ้ มูลระหวา่ งเครือข่าย ทบทวนสญั ญาณเพอ่ื ให้สามารถส่งข้อมลู ได้ไกลหรือใช้สำหรบั ขยายเครือข่ายให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเช่น บริดจ์ ฮับ สวติ ซ์ ฯลฯ สมรรถนะอาชีพ 1.สามารถปฏบิ ตั กิ ารเขียนความหมายของการส่อื สารข้อมลู ได้ 2.สามารถปฏิบัตกิ ารเขยี นความหมายรปู แบบการสง่ สญั ญาณข้อมูลได้ 3.สามารถปฏบิ ตั กิ ารเขียนความหมายของเครือข่ายได้ 5.สามารถปฏิบตั กิ ารเขียนวัตถปุ ระสงค์ของระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ได้ 5.สามารถปฏบิ ตั กิ ารเขยี นความหมายอุปกรณเ์ ชอ่ื มต่อเครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ 6.สามารถปฏบิ ัตกิ ารเขยี นความหมายอุปกรณร์ ักษาความปลอดภัย 7.สามารถปฏบิ ตั กิ ารเขียนความหมายอุปกรณไ์ ร้สาย

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นการสอน จดุ ประสงคก์ ารเรยี น/การเรยี นรู้ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ( จุดประสงค์เชงิ พฤติกรรม ) 1.ด้านความรู้ 1.มีความรคู้ วามเขา้ ใจเกีย่ วกับความหมายของการสื่อสารข้อมลู 2.มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับรูปแบบการสง่ สัญญาณขอ้ มูล 3.มคี วามร้คู วามเข้าใจเก่ียวกบั ความหมายของเครือขา่ ย 4.มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเกีย่ วกบั วตั ถปุ ระสงคข์ องระบบเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ 5.มคี วามรูค้ วามเข้าใจเกี่ยวกบั อปุ กรณ์เชอื่ มต่อเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ 6.มีความร้คู วามเข้าใจเกย่ี วกับอปุ กรณ์รักษาความปลอดภยั 7.มีความร้คู วามเขา้ ใจเก่ยี วกบั อุปกรณไ์ ร้สาย 2. ด้านทกั ษะ 1.สามารถปฏิบตั ิการเขียนความหมายของการสือ่ สารขอ้ มูลได้ 2.สามารถปฏบิ ตั กิ ารเขยี นความหมายรูปแบบการสง่ สญั ญาณขอ้ มูลได้ 3.สามารถปฏิบตั ิการเขียนความหมายของเครือข่ายได้ 4.สามารถปฏิบตั ิการเขียนวัตถุประสงคข์ องระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ได้ 5.สามารถปฏบิ ตั ิการเขยี นความหมายอุปกรณ์เชือ่ มต่อเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ 6.สามารถปฏบิ ตั ิการเขียนความหมายอุปกรณร์ ักษาความปลอดภัย 7.สามารถปฏิบตั ิการเขยี นความหมายอปุ กรณไ์ รส้ าย 3. ด้านคณุ ธรรมจรยิ ธรรม 1. มีมนุษยสมั พนั ธ์ 2. แสดงกริ ิยาท่าทางสภุ าพ 3. พดู จาสุภาพ 4. ชว่ ยเหลือผอู้ ื่น 3.2 ความมวี ินยั 1. การแตง่ กายถกู ต้องตามระเบยี บและข้อตกลง 2. ตรงต่อเวลา 3. รกั ษาสาธารณสมบัตแิ ละส่ิงแวดล้อม

3.3 ความรับผดิ ชอบ 1. มกี ารเตรียมความพร้อมในการเรยี นและการปฏบิ ัตงิ าน 2. ปฏิบัตงิ านถูกต้องตามข้นั ตอนทเ่ี หมาะสม 3. ปฏิบตั งิ านด้วยความต้ังใจ เนอ้ื หาสาระ เน้อื หาสาระการสอน/การเรียนรู้ 1.ความหมายของระบบเครือข่าย 2.ประโยชนข์ องเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 3.หลกั การทำงานของระบบเครือขา่ ย 4.แบบจำลองโอเอสไอ (OSI Model) 5.องคป์ ระกอบของระบบเครือข่าย 6. อปุ กรณเ์ ช่อื มต่อเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ 6.1 Repeater 6.2 Bridge 1.3 Hub 1.4 Switch 1.5 Router 1.6 Gateway 1.7 Server 1.8 Client 1.9 Modem 7.อุปกรณร์ กั ษาความปลอดภัย 7.1 Firewall 7.2 AAA Server 8. อปุ กรณไ์ รส้ าย 8.1Wireless NICs 8.2Wireless Access Points 8.3Wireless Bridge

การบรู ณาการกจิ กรรมการเรยี นการสอนตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 1. ความพอประมาณ 1.ความพอประมาณกับเวลาท่ีใช้ในการใชง้ าน 2.ความพอประมาณในการใช้อปุ กรณ์ อยา่ งสนิ้ เปลือง 3.ความพอประมาณกับงบประมาณทีใ่ ช้เกยี่ วกับคอมพวิ เตอร์ 2. ความมีเหตุผล 1.เพอ่ื ให้ผเู้ รียนสามารถอธบิ ายความหมายของระบบเครือข่าย 2.เพอื่ ใหผ้ ู้เรยี นสามารถอธิบายประโยชน์ของเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ 3.เพอ่ื ให้ผเู้ รยี นสามารถอธิบายหลักการทำงานของระบบเครือขา่ ย 4.เพอ่ื ให้ผเู้ รยี นสามารถอธบิ ายองค์ประกอบของระบบเครือข่าย 5.เพ่อื ให้ผู้เรียนสามารถอธิบายหลกั การทำงานของอุปกรณ์เชือ่ มต่อเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ 6.เพ่ือใหผ้ เู้ รยี นสามารถอธิบายการทำงานของอปุ กรณร์ ักษาความปลอดภยั 7.เพอื่ ให้ผู้เรียนสามารถอธบิ ายอปุ กรณ์ไร้สาย 3. การมีภูมิค้มุ กันทด่ี ี 1.ป้องกันการตกเป็นเหยอื่ ของร้านซ่อมคอมพิวเตอร์ 4. เงื่อนไขความรู้ 1.มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความหมายของการส่ือสารข้อมูล 2.มคี วามรคู้ วามเข้าใจเกีย่ วกับรูปแบบการส่งสญั ญาณขอ้ มลู 3.มีความรคู้ วามเข้าใจเกย่ี วกบั ความหมายของเครือข่าย 4.มีความรคู้ วามเข้าใจเกย่ี วกับวตั ถุประสงคข์ องระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 5.มคี วามรู้ความเข้าใจเกยี่ วกับอุปกรณเ์ ชอื่ มต่อเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ 6.มีความรคู้ วามเขา้ ใจเก่ียวกบั อุปกรณร์ กั ษาความปลอดภัย 7.มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเกี่ยวกบั อุปกรณไ์ ร้สาย 5. เงอื่ นไขคุณธรรม 5.1 มคี วามซอ่ื สัตย์ สุจริต โดยใช้ความรูแ้ ละทกั ษะท่ไี ด้ไปใช้ในหน้าทก่ี ารงานอยา่ งสุจรติ 5.2 ........................................................................................................................................................................... 5.3 ..........................................................................................................................................................................

แบบบรู ณาการสร้างความตระหนกั รู้และมีส่วนรว่ มในการปอ้ งกนั การทุจรติ สำหรบั นกั เรยี น นกั ศึกษา เรือ่ ง ตามรอยพระยคุ ลบาท เรื่องตามพระบรมราโชวาท การดำเนนิ กิจกรรม 1.ครเู ปดิ เพลง พระราชาผทู้ รงธรรม ประกอบภาพพระราชกรณียกจิ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัวใหผ้ ูเ้ รียนได้ ชม มีการสนทนาแลกเปล่ยี นเรยี นรู้เกยี่ วกบั การทรงงานด้านต่างๆของพระองค์ทา่ น 2.ผูเ้ รยี นแบง่ กลมุ่ จำนวน 6 กลุ่ม เลอื กประธานและเลขานุการ พรอ้ มตง้ั ช่ือกล่มุ 3.ครูนำเสนอพระบรมราโชวาท และพระราชดำรัสด้วยส่อื Power Point 4.ตัวแทนกลมุ่ รับกระดาษบรู๊ฟ ปากกาเคมี 5.ผูเ้ รียนแต่ละกล่มุ รว่ มกนั วเิ คราะห์พระบรมราโชวาท และพระราชดำรัส สรา้ งแผนผังความคิดลงในกระดาษบรู๊ฟ มีการแลกเปล่ยี นเรยี นร้กู ันภายในกลุ่ม 6.สง่ ตวั แทนกลมุ่ นำเสนอ 7.ครูอธบิ ายสาระการเรียนร้ทู ้ัง 6 สาระ 8.ทุกล่มุ ส่งตวั แทนนำเสนอ 9.นำผลงานของผูเ้ รียนตดิ ปา้ ยนเิ ทศ และลงเว็บไซต์ของวิทยาลัยเพ่ือเผยแพรต่ ่อสาธารณชน

กิจกรรมการเรียนการสอน กจิ กรรมการเรียนการสอนหรอื กจิ กรรมการเรียนรู้ ขั้นตอนการสอน (กจิ กรรมครู) ขัน้ ตอนการเรยี นรู้ (กิจกรรมนกั เรียน) 1.ขัน้ เตรยี มการ 1.1 ครชู ีแ้ จงจุดประสงค์และคำอธิบายรายวชิ า 1. ผู้เรยี น ฟงั และจดบันทกึ 1.2 ครชู ี้แจงระเบยี บว่าดว้ ยเวลาเรยี นและการประเมินผล 2. ใหผ้ ู้เรยี นพดู คยุ และซักถาม ข้อสงสัย 1.3 ครูตกลงกับผเู้ รียนในการจดั กจิ กรรมกระบวนการเรียน การสอน 1.4 ครกู ำหนดหนงั สือ เอกสารและใบงานครกู ับผเู้ รียน สร้างความเป็นกันเองและความคนุ้ เคยเพอื่ ลดอาการ เครยี ดและเกรงกลวั ครูผู้สอน 2.ขั้นนำเขา้ สบู่ ทเรียน 2.1 ครูนำเข้าสู่บทเรียนโดยให้ผู้เรียนในห้องแสดงความ 1. ผู้เรียนฟัง และตอบคำถามครดู ้วยความต้ังใจ เป็นการวัด คดิ เหน็ ความร้เู ดิมของผู้เรยี น 2.2 ทดสอบก่อนเรยี นโดยการ ถาม – ตอบ ครูสรุปและอธิบาย 2. ผู้เรียนแสดงความคิดเห็นและนำเสนอผู้เรียนปรึกษาหา พร้อมกับยกตัวอย่าง จนกว่าผู้เรียนสามารถมองเห็นภาพถึงความ กันในห้องเรยี น ศึกษาจากเอกสารประกอบการเรียนและ แตกต่าง ระหว่างจำนวน กับ ตัวเลข และ เข้าใจเกี่ยวกับระบบ ช่วยกันระดมความคิดแลว้ ตอบคำถาม จำนวนต่าง ๆ ไดด้ ีย่ิงขน้ึ 3.ขั้นสอน 3.1 ทดสอบก่อนเรียนโดยการ ถาม–ตอบให้ผู้เรียน บอก 1. ให้ผ้เู รยี น ตอบคำถาม ความหมายตา่ งๆของเน้อื หาในหนว่ ยการเรียนนี้ 2. ผู้เรียนรว่ มกนั คดิ และนำเสนอในห้องเรียน 3.2 ครบู รรยาย และยกตวั อย่างประกอบในแตล่ ะหวั ข้อ 3. ให้ผู้เรียน ร่วมกันประเมินผลเพ่ือนท่ีออกแสดงความ อย่างชดั เจนเพ่ือให้ผูเ้ รยี นสามารถจดจำไดง้ ่าย คิดเห็น ว่าถูกหรือไม่ อย่างไรผู้เรียนสนใจ ตั้งใจฟังครู 3.3 สุ่มใหผ้ ู้เรียนลุกข้ึนสรปุ บทเรยี น บรรยายพรอ้ มจดบันทกึ 4. ให้ผู้เรียนสรุปผลร่วมกับครูผู้สอนและจดบันทึกผลการ สรุป 5. ผู้เรยี นทำแบบฝึกหดั หลังเรียน 6. ผเู้ รียนช่วยกันเฉลยแบบฝกึ หดั หลังเรยี นรว่ มกบั ครผู ูส้ อน ขน้ั ตอนการสอน (กจิ กรรมคร)ู ขนั้ ตอนการเรียนรู้ (กิจกรรมนักเรียน) 4.ข้นั สรปุ 1.ผเู้ รียนบอกวธิ ที น่ี ำความรจู้ ากบทเรยี นไปประยุกต์ใชใ้ ห้ 1. ครูแนะนำให้ผู้เรยี น ไปศกึ ษาจากหนงั สอื เกิดประโยชน์และประสิทธิภาพสงู สดุ ต่อไป ประกอบการเรียน

2. ทดสอบหลงั เรยี น 1. ผู้เรียนทำใบงานท่มี อบหมายส่งในเวลาทผ่ี สู้ อน 3. ครูและผ้เู รียนรว่ มกนั สรุปบทเรียนและการนำไป กำหนด ประยุกตใ์ ช้ 2. ถ้าใบงานในขอ้ ใดไมถ่ ูกต้องผู้เรยี นตอ้ งทำการแกไ้ ข ใบงานใหถ้ กู ตอ้ ง 5.ข้นั ประเมินผล 3.4 ใหท้ ำใบงานครตู รวจใบงาน พร้อมแจกคนื ใหผ้ ูเ้ รียน เพ่อื นำกลบั ไปแก้ไขข้อท่ผี ดิ แลว้ สง่ ใหมจ่ นกวา่ จะ ถูกตอ้ งหรือหมดเวลาท่ีกำหนดในการสง่ ใบงาน

งานทีม่ อบหมาย/กิจกรรม งานท่ีมอบหมาย / กจิ กรรม ก่อนเรียน 1. ครูชี้แจงใหผ้ เู้ รียน เหน็ ความสำคัญ ของเนือ้ หาในหน่วยนี้ เพอื่ เป็นประโยชนใ์ นการเรยี นรู้ และนำไปประยกุ ต์ใช้ท้งั ในชวี ิตประจำวัน 2. ครูชแ้ี จงวัตถปุ ระสงค์รายวิชา 3. ครูชแ้ี จงระเบยี บวา่ ดว้ ยเวลาเรยี น 4. ครูตกลงกบั ผู้เรียน เร่อื งการแบ่งคะแนนเก็บระหวา่ งภาค 5. ครูตกลงกับผู้เรียนเรอื่ งการปฏิบตั ิตนในห้องเรียนตามแบบประเมนิ 6. ครูบอกแนวทางในการเรียน และวิธกี ารปฏิบัติตามภาระงานทม่ี อบหมาย ขณะเรยี น 1. ทำแบบฝึกหัดก่อนเรียน โดยการถาม – ตอบ และใหแ้ สดงความคิดเหน็ 2. จดบนั ทึก สาระการเรียนรู้ 3. รว่ มกันสรุปบทเรยี น พรอ้ มบันทึกผลการสรปุ แลว้ ลกุ ข้ึนนำเสนอกบั ครผู ู้สอน 4. ผ้เู รียนและครผู ูส้ อนรว่ มกนั ประเมนิ ขอ้ สรุปของผเู้ รียนท่ีออกแสดงความคิดเหน็ เพื่อให้ไดข้ ้อสรุปท่ีถูกตอ้ ง และครผู ู้สอน แสดงความช่นื ชมกบั ผู้เรยี นทุกคนทอ่ี อกแสดงความคิดเห็นและมีส่วนร่วมในกจิ กรรมที่ มอบหมาย 5. ทำใบงาน ตรวจสอบใบงาน แกไ้ ขใบงาน 6. ทบทวนเนอ้ื หา 7. ทำแบบฝกึ หดั หลังเรียน 8. รว่ มกันเฉลยแบบฝึกหดั หลังเรยี น 1. ทำแบบฝึกหัด 2. สงั เกตผเู้ รยี นมคี วามสนใจ เกิดความเข้าใจในสาระการเรยี นรู้ ตลอดจนแสดงความกระตอื รอื รน้ ในการแสดง ความคิดเหน็ และสรุปสาระการเรียนรู้ประจำหนว่ ย 3. ทำใบงานไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง ทันเวลาท่ีกำหนด ใบงานสะอาดและเป็นระเบยี บ 4. ผเู้ รยี นทำแบบฝกึ หัดหลงั เรยี นไดถ้ ูกต้อง โดยไดค้ ะแนน 50% เปน็ อย่างตำ่

สื่อการเรียนการสอน สื่อการเรียน-การสอนและแหล่งเรยี นรู้ 1. สอ่ื สง่ิ พมิ พ์ 1.1หนงั สือเรียน อ. อมั รนิ ทร์ เพ็ชรกลุ . ระบบเครือข่ายเบือ้ งต้น 1.2 ใบความร้ปู ระจำหนว่ ย 1.3 ใบงานและแบบฝกึ หัด 2. โสตทศั น์ 2.1 เครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ 2.2 แผ่นใสและเครื่องฉายภาพข้ามศีรษะ 2.3 ซดี ีสื่อการสอน 3. หุ่นจำลอง/ของจรงิ ( ถ้ามี ) 3.1………………………………………………………………………………………………………… 3.2 ……………………………………………………………………………………………………….. 3.3 ……………………………………………………………………………………………………….. 4. สื่อชุดฝกึ /ชุดทดลอง ............................................................................................................................. ................................. ............................................................................................... ............................................................... ............................................................................................................................. ..................................

การเขียนแหลง่ การเรียนรู้ แหลง่ การเรียนรู้ 1. ในสถานศกึ ษา 1.1 ศูนย์วทิ ยบริการ 1.2 ห้องสมดุ แผนกวิชาคอมพวิ เตอร์ 2. นอกสถานศึกษา 2.1 อนิ เทอรเ์ น็ต 2.2 สถานประกอบการ

รายละเอียดการประเมินผลการเรยี นรู้ วตั ถปุ ระสงค์ข้อท่ี 1. เร่ืองผ้เู รียนมคี วามรู้ 1.1ทำแบบทดสอบ 1.2ทำการประเมนิ 1.3รปู แบบ คอื พุทธิพสิ ยั จิตพิสัย 2.เคร่อื งมือ 2.1แบบทดสอบเพื่อประเมนิ ผลหลงั การเรียนรู้ท้ายหน่วยการเรยี น 3.เกณฑ์การให้คะแนน 3.1ทางด้านพุทธพิ ิสัย คะแนนเต็ม 10 คะแนน แบ่งเป็นสองข้อ คะแนนเต็มแตล่ ะข้อคือ 5 คะแนน 3.2ทางดา้ นจิตพิสยั คะแนนเต็ม 10 คะแนน แบ่งเปน็ สองข้อ คะแนนเต็มแตล่ ะขอ้ คอื 5 คะแนน 4.เกณฑ์การตดั สินการผ่าน 4.1มรี ะดับคะแนน 1-3 อยูใ่ นเกณฑ์ควรปรับปรงุ 4.2มรี ะดับคะแนน 4-6 อย่ใู นเกณฑ์ พอใช้ 4.3มีระดบั คะแนน 7-8 อยู่ในเกณฑ์ ดี 4.4มีระดบั คะแนน 9-10 อยู่ในเกณฑ์ ดีมาก หมายเหตุ : คะแนนทไ่ี ดจ้ ะวัดจากความครบถ้วนของคำตอบ วตั ถปุ ระสงค์ขอ้ ท่ี 2. เร่ือง ผู้เรียนมคี วามรแู้ ละทกั ษะ 1.1ทำแบบทดสอบ 1.2ทำการประเมนิ 1.3รูปแบบ คือ พทุ ธพิ ิสยั จิตพสิ ัย 2.เครอื่ งมือ 2.1แบบทดสอบเพ่ือประเมนิ ผลหลงั การเรยี นรู้ท้ายหนว่ ยการเรยี น 3.เกณฑ์การใหค้ ะแนน 3.1ทางดา้ นพุทธิพิสยั คะแนนเตม็ 10 คะแนน แบง่ เป็นสองข้อ คะแนนเต็มแตล่ ะข้อคือ 5 คะแนน 3.2ทางดา้ นจิตพสิ ัย คะแนนเตม็ 10 คะแนน แบง่ เปน็ สองข้อ คะแนนเตม็ แตล่ ะขอ้ คอื 5 คะแนน 4.เกณฑ์การตดั สินการผ่าน 4.1มรี ะดบั คะแนน 1-3 อย่ใู นเกณฑ์ควรปรบั ปรงุ 4.2มีระดบั คะแนน 4-6 อยู่ในเกณฑ์ พอใช้ 4.3มรี ะดบั คะแนน 7-8 อยู่ในเกณฑ์ ดี 4.4มรี ะดับคะแนน 9-10 อยู่ในเกณฑ์ ดีมาก หมายเหตุ : คะแนนท่ีไดจ้ ะวัดจากความครบถ้วนของการปฎิบัติ วตั ถุประสงค์ขอ้ ที่ 3. เร่ือง การประพฤติตนตามข้อบงั คบั และขอ้ ตกลงของการปฏิบัติในการเรยี น 1.1ทำแบบทดสอบ 1.2ทำการประเมนิ 1.3รูปแบบ คอื พุทธิพสิ ยั จิตพสิ ยั 2.เครอ่ื งมือ 2.1แบบทดสอบเพ่ือประเมินผลหลงั การเรียนร้ทู า้ ยหนว่ ยการเรียน 3.เกณฑ์การใหค้ ะแนน 3.1ทางด้านพุทธิพิสยั คะแนนเตม็ 10 คะแนน แบง่ เปน็ สองข้อ คะแนนเตม็ แต่ละข้อคือ 5 คะแนน 3.2ทางด้านจิตพิสยั คะแนนเต็ม 10 คะแนน แบง่ เปน็ สองข้อ คะแนนเตม็ แต่ละข้อคอื 5 คะแนน

4.เกณฑ์การตดั สนิ การผา่ น 4.1มีระดบั คะแนน 1-3 อยใู่ นเกณฑ์ควรปรับปรงุ 4.2มีระดบั คะแนน 4-6 อย่ใู นเกณฑ์ พอใช้ 4.3มรี ะดับคะแนน 7-8 อยู่ในเกณฑ์ ดี 4.4มรี ะดับคะแนน 9-10 อยู่ในเกณฑ์ ดีมาก หมายเหตุ : คะแนนทไ่ี ดจ้ ะวัดจากความครบถ้วนของคำตอบ

ภาคผนวก

-1- บันทึกหลังการสอน วิทยาลยั เทคนิคพิมาย แผนกวชิ า คอมพิวเตอรธ์ รุ กจิ ช่อื วชิ า ................................. รหสั วชิ า ......................... ระดับช้ัน ................... ภาคเรยี นท่ี ........ ปกี ารศกึ ษา .................. หน่วยท.ี่ ...........เร่ือง...................................................................... สปั ดาห์ท.ี่ ..........วัน........... ท…่ี …....... เดือน……………….......... พ.ศ. .................... รายการ ระดับความเหมาะสม ไม่มี มีมาก เหมาะสม มพี อใช้ 1 1. ผลการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ 1.1 มเี นอื้ หาท่ีไมถ่ ูกต้องสอดคลอ้ งกบั สมรรถนะทีพ่ งึ ประสงค์ 432 1.2 มกี ิจกรรมการเรยี นการสอนถูกต้องตามแผนการสอน และเหมาะสมกบั นักเรียนนกั ศึกษา 1.3 มีสอ่ื การเรียนการสอนสอดคล้องกบั กิจกรรมการเรยี น การสอน เนอ้ื หาและจดุ ประสงค์ 1.4 มีเวลาที่ใชส้ อนเหมาะสมกบั กจิ กรรมการเรยี นการสอน ท่ีกำหนด 1.5 มกี ารวัดผลประเมนิ ผลสอดคลอ้ งกบั สมรรถนะทพี่ งึ ประสงค์ และกิจกรรมการเรียนการสอน 2. ผลการเรียนของนักเรียนนักศกึ ษา 2.1 มีความเข้าใจในเนื้อหาวชิ าที่เรียน 2.2 มจี ำนวนผ้เู รยี นทไ่ี ม่สนใจ ไม่ตั้งใจเรยี น 2.3 มผี ู้เรียนทส่ี ามารถนำความร้ทู ไี่ ดร้ บั ไปประยกุ ต์ใช้ 2.4 มผี ลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นของผู้เรียน 2.5 จำนวนผู้เรยี นท่ขี าด ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรม 2.6 ผ้เู รยี นมคี วามรู้ ความเข้าใจในหลักปรชั ญา ของเศรษฐกิจพอเพยี ง สามารถนำไปใชใ้ นชวี ิตประจำวนั 3. ผลการสอนของครู 3.1 เน้ือหาวิชาที่สอนขาดความถกู ตอ้ ง 3.2 จดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนตามข้นั ตอนของแผนการสอน 3.3 ใชเ้ ทคนิคการสอนและสื่อการสอน ทำให้นักเรยี นนักศึกษา สนใจและตงั้ ใจเรียนตลอดเวลา 3.4 กระบวนการและกจิ กรรมการเรยี นการสอนไม่มคี วาม ราบร่ืน 3.5 มกี ารสอดแทรกหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง และคุณธรรม จริยธรรมใหแ้ ก่ผ้เู รียน

-2- 1.ปัญหาหรอื ส่ิงทีต่ ้องการปรับปรงุ แก้ไขและพัฒนา …………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………… 2.แนวทางแก้ปัญหา ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……….………………… 3.ผลจากการวัดผลตามสภาพจริง 3.1 จำนวนนักเรยี นทั้งหอ้ ง ............. คน 3.2 เขา้ เรียน ............... คน คิดเปน็ ร้อยละ ........................ 3.3 ขาดเรยี น .............. คน คิดเปน็ ร้อยละ ........................ ดงั รายชอ่ื ตอ่ ไปน้ี 3.3.1 ...................................................... 3.3.2 ............................................................. 3.3.3 ...................................................... 3.3.4 ............................................................. 3.3.5 ...................................................... 3.3.6 ............................................................. 3.3.7 ...................................................... 3.3.8 ............................................................. 3.3.9 ...................................................... 3.3.10 ........................................................... 3.4 มาสาย .................... คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ........................... ดังรายช่อื ตอ่ ไปน้ี 3.4.1 ...................................................... 3.4.2 ............................................................. 3.4.3 ...................................................... 3.4.4 ............................................................. 3.4.5 ...................................................... 3.4.6 ............................................................. 3.5 สอบผ่าน ................. คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ........................... 3.6 สอบไมผ่ ่าน ................ คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ ........................... ดงั รายชอื่ ต่อไปน้ี 3.6.1 ...................................................... 3.6.2 ............................................................. 3.6.3 ...................................................... 3.6.4 ............................................................. 3.6.5 ...................................................... 3.6.6 ............................................................. 3.6.7 ...................................................... 3.6.8 ............................................................. 3.6.9 ...................................................... 3.6.10 ........................................................... ลงช่อื ..................................................................ครผู ู้สอน ( นายกฤษณะ ราชนลิ ) ความเห็นของหัวหน้าแผนกวชิ า ...................................................................................................................... ....................................................... ............................................................................................................................................................................ ลงชอื่ ..................................................................... ( นายวิษณุ ชำนิจ ) ความเหน็ ของรองผ้อู ำนวยการฝ่ายวิชาการ ............................................................................................................................. ................................................ ............................................................................................................................. ............................................... ลงชื่อ.............................................................. (นางสาวพรทิพย์ ภักดีนอก)

แผนการสอน/จัดการเรียนรู้ หนว่ ยท่ี 2 ช่ือวชิ า เครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์เบ้อื งต้น รหสั วิชา 2204-2003 สอนครง้ั ท่ี 5,6,7,8 ชือ่ หนว่ ย ประเภทของเครือข่าย และ ตวั กลางการเช่ือมต่อเครอื ข่าย คาบรวม 3 ชื่อเรอื่ ง ประเภทของเครือข่าย และ ตวั กลางการเชื่อมต่อเครือข่าย จำนวนคน 60 หวั ข้อเรอ่ื ง 1.มีความรูค้ วามเข้าใจเกีย่ วกับความหมายของเครอื ข่ายแลน 2.มีความรคู้ วามเข้าใจเกี่ยวกบั องค์ประกอบของเครือขา่ ยแลน 3.มคี วามรู้ความเขา้ ใจเกยี่ วกบั ประเภทของเครือข่ายแลน 4.มคี วามรู้ความเขา้ ใจเก่ียวกบั รูปแบบการเชอ่ื มตอ่ Ethernet 5.มีความรคู้ วามเขา้ ใจเกยี่ วกับมาตรฐานการเชื่อมตอ่ Ethernet 6.มคี วามรู้ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั Fast Ethernet 7.มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเกีย่ วกับเครอื ข่ายไร้สาย 9.มคี วามรคู้ วามเข้าใจเกี่ยวกบั การประยุกต์ใชง้ านเครือขา่ ย 10.มีความรคู้ วามเข้าใจเกีย่ วกับลกั ษณะการเชอ่ื มต่อเครือข่ายแบบต่างๆ 11.มีความรคู้ วามเขา้ ใจเกี่ยวกับสายทองแดง 12.มีความรคู้ วามเขา้ ใจเก่ียวกับสายใยแกว้ นำแสง 13.มีความร้คู วามเขา้ ใจเกย่ี วกับการสอื่ สารไรส้ าย สาระสำคญั การเช่ือมต่อคอมพิวเตอร์เป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์เป็นการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์หลายๆเครอื่ งเข้าด้วยกัน โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือใช้งานอุปกรณ์ ซอฟแวร์และข้อมูลร่วมกัน ตลอดจนทำงานร่วมกันได้ในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เพ่ือ การเพิ่มความสามารถของระบบให้สูงขึ้นและลดต้นทุนของระบบโดยรวมลงซ่ึงการเช่ือมต่อของระบบเครือข่ายยังรวมไปถึง การเชื่อมต่ออุปกรณ์รอบข้างด้วย ส่วนตัวกลางในการสื่อสารข้อมูลเป็นองค์ประกอบท่ีสำคัญอีกอย่างหนึ่งสำหรับการสื่อสาร ขอ้ มูล ประกอบได้ดว้ ย 2 แบบ คือ ตัวกลางในการส่ือสารขอ้ มูลแบบไรส้ าย และตวั กลางในการสือ่ สารข้อมูลแบบใชส้ าย สมรรถนะอาชีพ 1.สามารถปฏบิ ตั กิ ารเขียนความหมายของเครอื ขา่ ยแลนได้ 2.สามารถปฏิบตั กิ ารเขียนความหมายองคป์ ระกอบของเครือข่ายแลนได้ 3.สามารถปฏบิ ัตกิ ารเขียนความหมายประเภทของเครือข่ายแลนได้ 5.สามารถปฏบิ ตั ิการเขียนรปู แบบการเชือ่ มตอ่ Ethernetได้ 5.สามารถปฏิบัตกิ ารเขยี นความหมายมาตรฐานการเช่อื มตอ่ Ethernetได้ 6.สามารถปฏบิ ตั ิการเขยี นความหมายเกย่ี วกบั Fast Ethernetได้ 7.สามารถปฏิบัตกิ ารเขยี นความหมายเครือข่ายไรส้ ายได้

8.สามารถปฏบิ ัติการเขยี นความหมายเกี่ยวกับการประยกุ ตใ์ ชง้ านเครือขา่ ยได้ 9.สามารถปฏบิ ัตกิ ารเขยี นความหมายเกี่ยวกบั ลกั ษณะการเช่ือมต่อเครือข่ายแบบตา่ งๆได้ 10.สามารถปฏบิ ัติการเขยี นความหมายเกีย่ วกับลกั ษณะการเชื่อมต่อเครือข่ายแบบตา่ งๆได้ 11.สามารถปฏิบตั ิการเขียนความหมายเกีย่ วกบั สายทองแดงได้ 12.สามารถปฏิบัตกิ ารเขยี นความหมายเก่ียวกับสายใยแก้วนำแสงได้ 13.สามารถปฏบิ ตั กิ ารเขียนความหมายเกย่ี วกับการสอื่ สารไรส้ ายได้ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นการสอน จดุ ประสงคก์ ารเรยี น/การเรียนรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้ ( จุดประสงคเ์ ชงิ พฤตกิ รรม ) 1.ดา้ นความรู้ 1.มีความรู้ความเขา้ ใจเกยี่ วกับความหมายของเครือข่ายแลน 2.มคี วามรคู้ วามเข้าใจเก่ียวกบั องคป์ ระกอบของเครือขา่ ยแลน 3.มีความรคู้ วามเขา้ ใจเกี่ยวกบั ประเภทของเครือข่ายแลน 4.มีความรูค้ วามเขา้ ใจเก่ียวกับรปู แบบการเช่อื มต่อ Ethernet 5.มีความรู้ความเข้าใจเก่ยี วกบั มาตรฐานการเช่ือมตอ่ Ethernet 6.มคี วามรคู้ วามเข้าใจเกี่ยวกบั Fast Ethernet 7.มคี วามรู้ความเขา้ ใจเก่ยี วกบั เครอื ข่ายไรส้ าย 9.มคี วามรู้ความเขา้ ใจเกีย่ วกบั การประยกุ ตใ์ ช้งานเครือข่าย 10.มคี วามรูค้ วามเข้าใจเก่ียวกับลกั ษณะการเช่ือมต่อเครือข่ายแบบต่างๆ 11.มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเกยี่ วกบั สายทองแดง 12.มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเกยี่ วกบั สายใยแก้วนำแสง 13.มีความรู้ความเข้าใจเกย่ี วกบั การสื่อสารไรส้ าย 2. ด้านทักษะ 1.สามารถปฏิบัตกิ ารเขียนความหมายของเครอื ขา่ ยแลนได้ 2.สามารถปฏิบัติการเขียนความหมายองค์ประกอบของเครือข่ายแลนได้ 3.สามารถปฏบิ ตั ิการเขยี นความหมายประเภทของเครอื ขา่ ยแลนได้ 5.สามารถปฏิบัติการเขียนรปู แบบการเชื่อมตอ่ Ethernetได้ 5.สามารถปฏบิ ตั กิ ารเขยี นความหมายมาตรฐานการเชือ่ มต่อ Ethernetได้ 6.สามารถปฏิบัติการเขียนความหมายเกี่ยวกบั Fast Ethernetได้ 7.สามารถปฏิบัติการเขียนความหมายเครอื ข่ายไร้สายได้ 8.สามารถปฏิบัติการเขียนความหมายเกี่ยวกับการประยกุ ตใ์ ช้งานเครอื ขา่ ยได้ 9.สามารถปฏบิ ัตกิ ารเขียนความหมายเกยี่ วกบั ลกั ษณะการเช่ือมต่อเครือข่ายแบบต่างๆได้ 10.สามารถปฏบิ ตั ิการเขยี นความหมายเก่ยี วกบั ลักษณะการเชื่อมต่อเครือข่ายแบบต่างๆได้ 11.สามารถปฏบิ ัตกิ ารเขียนความหมายเก่ยี วกับสายทองแดงได้

12.สามารถปฏบิ ตั ิการเขียนความหมายเกยี่ วกบั สายใยแก้วนำแสงได้ 13.สามารถปฏบิ ัติการเขยี นความหมายเกี่ยวกบั การสอ่ื สารไรส้ ายได้ 3. ด้านคณุ ธรรมจริยธรรม 1. มีมนุษยสมั พันธ์ 2. แสดงกริ ิยาท่าทางสภุ าพ 3. พดู จาสุภาพ 4. ช่วยเหลอื ผอู้ ืน่ 3.2 ความมวี ินยั 1. การแตง่ กายถูกต้องตามระเบยี บและข้อตกลง 2. ตรงตอ่ เวลา 3. รกั ษาสาธารณสมบัติและส่ิงแวดล้อม 3.3 ความรับผดิ ชอบ 1. มกี ารเตรยี มความพร้อมในการเรียนและการปฏิบัติงาน 2. ปฏิบัตงิ านถกู ต้องตามข้ันตอนทเ่ี หมาะสม 3. ปฏบิ ัตงิ านดว้ ยความต้ังใจ

เน้ือหาสาระ เนอ้ื หาสาระการสอน/การเรยี นรู้ 1.เครือขา่ ยแลน (LAN) 1.1 ความหมายเครือขา่ ยแลน 1.2 องค์ประกอบของเครือขา่ ยแลน 1.3 ประเภทของเครอื ขา่ ยแลน 1.4 มาตรฐานเครอื ขา่ ยแลน 1. Ethernet 2. รปู แบบการเช่อื มตอ่ อเี ธอรเ์ นต็ 3. วธิ กี ารเขา้ ใชต้ วั กลางของอเี ธอรเ์ นต็ 4. ประเภทของมาตรฐานการเชื่อมต่ออีเธอรเ์ นต็ 5. อีเธอร์เน็ตแบบ 10Base5 6. อเี ธอร์เนต็ แบบ 10Base2 7. อเี ธอร์เน็ตแบบ 10Base-T 8. อเี ธอรเ์ นต็ แบบ 10Base-FL 9. อีเธอร์เนต็ ความเร็วสงู 10. ฟาสต์อีเธอร์เนต็ (Fast Ethernet) 11. กิกะบติ อเี ธอร์เนต็ 12. เครือข่ายแลนไรส้ าย 13. ระบบความปลอดภัยบนเครือขา่ ยแลนไรส้ าย 14. มาตรฐานเครอื ข่ายแลนไรส้ าย 15. อุปกรณท์ ใ่ี ช้ในการติดตอ่ เครอื ข่ายไรส้ าย 16. การประยุกตใ์ ชง้ านเครือข่ายแลน 1.5 โทเคน็ (Token) 1 โทเค็นบัส (Token Bus) 2 โทเค็นริง (Token Ring) 3 FDDI 1 มาตรฐานของเครอื ข่าย FDDI 2 ประเภทสถานีของเครือขา่ ย FDDI 4. เครือขา่ ยเอทเี อม็ 5. เครอื ขา่ ยแลนเสมอื น 1.6 เครือขา่ ยแวน (WAN) 1 Leased Lines 2 ISDN

3 DSL 4 X.25 5 Frame Relay 6 ATM 7 IPSTAR 8 ระบบดาวเทียม 9. เครอื ขา่ ยอินเทอรเ์ น็ต 10. VPN 2. สายทองแดง 1. สาย Coaxial 1.1 ชนิดของสายโคแอกเซยี ล 1.2 การเช่อื มต่อสายโคแอกเซียล 2. สายคู่บดิ เกลียว 2.1 ลกั ษณะสายคู่ตีเกลยี ว 2.2 ชนดิ ของสายคตู่ เี กลยี ว 1) สายคตู่ ีเกลียวแบบไมห่ ้มุ ฉนวน 2) สายคตู่ เี กลียวแบบหุม้ ฉนวน 2.3 การเชอื่ มตอ่ สายคู่ตเี กลียว 3. สายใยแก้วนำแสง 1 ลกั ษณะสายใยแกว้ นำแสง 2 หลักการการสง่ สญั ญาณผ่านสายใยแก้วนำแสง 3 ชนิดของของสายใยแก้วนำแสง 4 การเช่อื มตอ่ สายใยแกว้ นำแสง 4. การสื่อสารไรส้ าย 1 คลน่ื วทิ ยุ 2 ไมโครเวฟ 3 อินฟราเรด 4 บลูทธู 5 เซลลลู า่ ร์

การบูรณาการกจิ กรรมการเรยี นการสอนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 3. ความพอประมาณ 1.ความพอประมาณกบั เวลาท่ีใช้ในการใช้งาน 2.ความพอประมาณในการใช้อุปกรณ์ อย่างสิ้นเปลือง 3.ความพอประมาณกับงบประมาณทใ่ี ช้เกี่ยวกับคอมพวิ เตอร์ 4. ความมเี หตุผล 1.เพื่อใหผ้ เู้ รยี นสามารถอธบิ ายความหมายของเครือขา่ ยแลน 2.เพื่อใหผ้ ู้เรียนสามารถอธบิ ายความหมายองคป์ ระกอบของเครือข่ายแลน 3.เพ่ือให้ผู้เรียนสามารถอธิบายความหมายประเภทของเครอื ข่ายแลน 4.มเี พ่อื ให้ผ้เู รียนสามารถอธิบายความหมายรูปแบบการเชอ่ื มต่อ Ethernet 5.เพื่อใหผ้ ้เู รียนสามารถอธิบายความหมายมาตรฐานการเชอ่ื มต่อ Ethernet 6.เพอื่ ใหผ้ เู้ รยี นสามารถอธิบายความหมายเก่ยี วกบั Fast Ethernet 7.เพือ่ ใหผ้ เู้ รียนสามารถอธิบายความหมายเก่ียวกบั เครือขา่ ยไรส้ าย 9.เพอ่ื ใหผ้ ู้เรียนสามารถอธบิ ายความหมายเกย่ี วกบั การประยุกตใ์ ชง้ านเครือข่าย 10.เพ่ือใหผ้ ู้เรยี นสามารถอธิบายความหมายลักษณะการเชอ่ื มต่อเครอื ข่ายแบบต่างๆ 11.เพอื่ ใหผ้ เู้ รียนสามารถอธบิ ายความหมายเก่ยี วกบั สายทองแดง 12.เพื่อให้ผู้เรียนสามารถอธบิ ายความหมายสายใยแก้วนำแสง 13.เพื่อใหผ้ เู้ รียนสามารถอธิบายความหมายเกี่ยวกบั การสอ่ื สารไร้สาย 3. การมีภูมิคุ้มกันที่ดี 1.ปอ้ งกันการตกเป็นเหยอ่ื ของร้านซ่อมคอมพิวเตอร์ 4. เงือ่ นไขความรู้ 1.มคี วามรูค้ วามเข้าใจเกี่ยวกับความหมายของเครอื ขา่ ยแลน 2.มคี วามรู้ความเข้าใจเกย่ี วกบั องค์ประกอบของเครือข่ายแลน 3.มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเก่ียวกับประเภทของเครือข่ายแลน 4.มีความรู้ความเขา้ ใจเกยี่ วกับรปู แบบการเช่อื มต่อ Ethernet 5.มีความรูค้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกับมาตรฐานการเชอื่ มต่อ Ethernet 6.มคี วามรคู้ วามเข้าใจเก่ียวกบั Fast Ethernet 7.มีความรู้ความเขา้ ใจเกย่ี วกับเครอื ข่ายไร้สาย 9.มีความรู้ความเข้าใจเกย่ี วกับการประยกุ ตใ์ ช้งานเครือข่าย 10.มีความรูค้ วามเข้าใจเก่ยี วกับลักษณะการเชอื่ มต่อเครือขา่ ยแบบตา่ งๆ 11.มคี วามรคู้ วามเข้าใจเกี่ยวกับสายทองแดง

12.มีความรคู้ วามเขา้ ใจเกี่ยวกบั สายใยแก้วนำแสง 13.มีความรูค้ วามเข้าใจเก่ยี วกบั การสือ่ สารไรส้ าย 5. เงอ่ื นไขคุณธรรม 5.1 มคี วามซอื่ สตั ย์ สุจรติ โดยใชค้ วามรู้และทกั ษะที่ได้ไปใชใ้ นหนา้ ท่กี ารงานอย่างสจุ ริต 5.2 ........................................................................................................................................................................... 5.3 ..........................................................................................................................................................................

แบบบรู ณาการสร้างความตระหนกั รู้และมีส่วนรว่ มในการปอ้ งกนั การทุจรติ สำหรบั นักเรยี น นกั ศึกษา เรือ่ ง ตามรอยพระยคุ ลบาท เรื่องตามพระบรมราโชวาท การดำเนนิ กิจกรรม 1.ครเู ปดิ เพลง พระราชาผทู้ รงธรรม ประกอบภาพพระราชกรณียกจิ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัวใหผ้ ูเ้ รียนได้ ชม มีการสนทนาแลกเปล่ยี นเรยี นรู้เกยี่ วกบั การทรงงานด้านต่างๆของพระองค์ทา่ น 2.ผูเ้ รยี นแบง่ กลมุ่ จำนวน 6 กลุ่ม เลอื กประธานและเลขานุการ พรอ้ มตั้งช่ือกลมุ่ 3.ครูนำเสนอพระบรมราโชวาท และพระราชดำรัสด้วยส่อื Power Point 4.ตัวแทนกลมุ่ รับกระดาษบรู๊ฟ ปากกาเคมี 5.ผูเ้ รียนแต่ละกล่มุ รว่ มกนั วเิ คราะห์พระบรมราโชวาท และพระราชดำรัส สรา้ งแผนผังความคิดลงในกระดาษบรู๊ฟ มีการแลกเปล่ยี นเรยี นร้กู ันภายในกลุ่ม 6.สง่ ตวั แทนกลมุ่ นำเสนอ 7.ครูอธบิ ายสาระการเรยี นรทู้ ้ัง 6 สาระ 8.ทุกล่มุ ส่งตวั แทนนำเสนอ 9.นำผลงานของผูเ้ รียนติดปา้ ยนเิ ทศ และลงเว็บไซต์ของวิทยาลัยเพ่ือเผยแพรต่ ่อสาธารณชน

กิจกรรมการเรียนการสอน กจิ กรรมการเรียนการสอนหรอื กจิ กรรมการเรียนรู้ ขั้นตอนการสอน (กจิ กรรมครู) ขัน้ ตอนการเรยี นรู้ (กิจกรรมนกั เรียน) 1.ขัน้ เตรยี มการ 1.1 ครชู ีแ้ จงจุดประสงค์และคำอธิบายรายวชิ า 3. ผู้เรยี น ฟงั และจดบันทกึ 1.2 ครชู ี้แจงระเบยี บว่าดว้ ยเวลาเรยี นและการประเมินผล 4. ใหผ้ ู้เรยี นพดู คยุ และซักถาม ข้อสงสัย 1.3 ครูตกลงกับผเู้ รียนในการจดั กจิ กรรมกระบวนการเรียน การสอน 1.4 ครกู ำหนดหนงั สือ เอกสารและใบงานครกู ับผเู้ รียน สร้างความเป็นกันเองและความคนุ้ เคยเพอื่ ลดอาการ เครยี ดและเกรงกลวั ครูผู้สอน 2.ขั้นนำเขา้ สบู่ ทเรียน 2.1 ครูนำเข้าสู่บทเรียนโดยให้ผู้เรียนในห้องแสดงความ 3. ผู้เรียนฟัง และตอบคำถามครดู ้วยความต้ังใจ เป็นการวัด คดิ เหน็ ความร้เู ดิมของผู้เรยี น 2.2 ทดสอบก่อนเรยี นโดยการ ถาม – ตอบ ครูสรุปและอธิบาย 4. ผู้เรียนแสดงความคิดเห็นและนำเสนอผู้เรียนปรึกษาหา พร้อมกับยกตัวอย่าง จนกว่าผู้เรียนสามารถมองเห็นภาพถึงความ กันในห้องเรยี น ศึกษาจากเอกสารประกอบการเรียนและ แตกต่าง ระหว่างจำนวน กับ ตัวเลข และ เข้าใจเกี่ยวกับระบบ ช่วยกันระดมความคิดแลว้ ตอบคำถาม จำนวนต่าง ๆ ไดด้ ีย่ิงขน้ึ 3.ขั้นสอน 3.1 ทดสอบก่อนเรียนโดยการ ถาม–ตอบให้ผู้เรียน บอก 1. ให้ผ้เู รยี น ตอบคำถาม ความหมายตา่ งๆของเน้อื หาในหนว่ ยการเรียนนี้ 2. ผู้เรียนรว่ มกนั คดิ และนำเสนอในหอ้ งเรียน 3.2 ครบู รรยาย และยกตวั อย่างประกอบในแตล่ ะหวั ข้อ 3. ให้ผู้เรียน ร่วมกันประเมินผลเพ่ือนท่ีออกแสดงความ อย่างชดั เจนเพ่ือให้ผูเ้ รยี นสามารถจดจำไดง้ ่าย คิดเห็น ว่าถูกหรือไม่ อย่างไรผู้เรียนสนใจ ตั้งใจฟังครู 3.3 สุ่มใหผ้ ู้เรียนลุกข้ึนสรปุ บทเรยี น บรรยายพรอ้ มจดบันทกึ 4. ให้ผู้เรียนสรุปผลร่วมกับครูผู้สอนและจดบันทึกผลการ สรุป 5. ผู้เรยี นทำแบบฝึกหดั หลังเรียน 6. ผเู้ รียนช่วยกันเฉลยแบบฝกึ หดั หลังเรียนรว่ มกบั ครผู ูส้ อน ขน้ั ตอนการสอน (กจิ กรรมคร)ู ขนั้ ตอนการเรียนรู้ (กิจกรรมนกั เรียน) 4.ข้นั สรปุ 1.ผเู้ รียนบอกวธิ ที น่ี ำความรจู้ ากบทเรยี นไปประยุกต์ใชใ้ ห้ 1. ครูแนะนำให้ผู้เรยี น ไปศกึ ษาจากหนงั สอื เกิดประโยชน์และประสิทธิภาพสงู สุดต่อไป ประกอบการเรียน

2. ทดสอบหลงั เรยี น 1. ผู้เรียนทำใบงานท่มี อบหมายส่งในเวลาทผ่ี สู้ อน 3. ครูและผ้เู รียนรว่ มกนั สรุปบทเรียนและการนำไป กำหนด ประยุกตใ์ ช้ 2. ถ้าใบงานในขอ้ ใดไมถ่ ูกต้องผู้เรยี นตอ้ งทำการแกไ้ ข ใบงานใหถ้ กู ตอ้ ง 5.ข้นั ประเมินผล 3.4 ใหท้ ำใบงานครตู รวจใบงาน พร้อมแจกคนื ใหผ้ ูเ้ รียน เพ่อื นำกลบั ไปแก้ไขข้อท่ผี ดิ แลว้ สง่ ใหมจ่ นกวา่ จะ ถูกตอ้ งหรือหมดเวลาท่ีกำหนดในการสง่ ใบงาน

งานที่มอบหมาย/กจิ กรรม งานท่ีมอบหมาย / กิจกรรม ก่อนเรียน 6. ครูชแ้ี จงใหผ้ ้เู รยี น เหน็ ความสำคญั ของเนื้อหาในหนว่ ยนี้ เพอ่ื เป็นประโยชนใ์ นการเรียนรู้ และนำไปประยุกต์ใช้ทง้ั ในชีวติ ประจำวัน 7. ครูชแี้ จงวตั ถปุ ระสงค์รายวิชา 8. ครชู ้ีแจงระเบยี บว่าด้วยเวลาเรยี น 9. ครตู กลงกบั ผ้เู รยี น เร่ืองการแบง่ คะแนนเกบ็ ระหว่างภาค 10. ครตู กลงกับผเู้ รยี นเรือ่ งการปฏิบัตติ นในหอ้ งเรียนตามแบบประเมิน 6. ครบู อกแนวทางในการเรยี น และวธิ กี ารปฏบิ ัตติ ามภาระงานท่มี อบหมาย ขณะเรียน 9. ทำแบบฝกึ หดั ก่อนเรยี น โดยการถาม – ตอบ และใหแ้ สดงความคิดเหน็ 10. จดบันทึก สาระการเรียนรู้ 11. รว่ มกันสรปุ บทเรยี น พรอ้ มบันทึกผลการสรุป แลว้ ลุกขึน้ นำเสนอกับครผู สู้ อน 12. ผู้เรียนและครผู ้สู อนรว่ มกันประเมินขอ้ สรุปของผเู้ รียนทอี่ อกแสดงความคิดเหน็ เพ่ือให้ได้ข้อสรุปท่ถี ูกต้อง และครูผูส้ อน แสดงความชนื่ ชมกบั ผเู้ รียนทุกคนท่ีออกแสดงความคดิ เหน็ และมสี ่วนรว่ มในกจิ กรรมที่ มอบหมาย 13. ทำใบงาน ตรวจสอบใบงาน แกไ้ ขใบงาน 14. ทบทวนเนือ้ หา 15. ทำแบบฝกึ หดั หลังเรียน 16. รว่ มกันเฉลยแบบฝกึ หดั หลังเรยี น 1. ทำแบบฝึกหัด 2. สงั เกตผเู้ รยี นมีความสนใจ เกิดความเขา้ ใจในสาระการเรียนรู้ ตลอดจนแสดงความกระตอื รือรน้ ในการแสดง ความคดิ เห็นและสรปุ สาระการเรยี นรปู้ ระจำหนว่ ย 3. ทำใบงานได้อยา่ งถูกต้อง ทนั เวลาทกี่ ำหนด ใบงานสะอาดและเปน็ ระเบียบ 4. ผเู้ รียนทำแบบฝกึ หัดหลังเรยี นได้ถูกต้อง โดยไดค้ ะแนน 50% เปน็ อย่างตำ่

ส่อื การเรียนการสอน สื่อการเรียน-การสอนและแหลง่ เรยี นรู้ 5. สอ่ื สง่ิ พมิ พ์ 1.1หนงั สือเรียน อ. อมั รนิ ทร์ เพช็ รกลุ . ระบบเครือข่ายเบอื้ งตน้ 1.2 ใบความร้ปู ระจำหน่วย 1.3 ใบงานและแบบฝกึ หัด 6. โสตทศั น์ 2.1 เครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ 2.2 แผ่นใสและเครื่องฉายภาพข้ามศรี ษะ 2.3 ซดี ีสื่อการสอน 7. หุ่นจำลอง/ของจรงิ ( ถา้ มี ) 3.1………………………………………………………………………………………………………… 3.2 ……………………………………………………………………………………………………….. 3.3 ……………………………………………………………………………………………………….. 8. สื่อชุดฝกึ /ชุดทดลอง ............................................................................................................................. ................................. ............................................................................................... ............................................................... ............................................................................................................................. ..................................

การเขียนแหลง่ การเรียนรู้ แหลง่ การเรียนรู้ 1. ในสถานศกึ ษา 1.1 ศูนย์วิทยบริการ 1.2 ห้องสมดุ แผนกวิชาคอมพวิ เตอร์ 2. นอกสถานศึกษา 2.1 อนิ เทอรเ์ น็ต 2.2 สถานประกอบการ

รายละเอยี ดการประเมนิ ผลการเรียนรู้ วตั ถุประสงคข์ อ้ ที่ 1. เรื่องผ้เู รยี นมคี วามรู้ 1.1ทำแบบทดสอบ 1.2ทำการประเมนิ 1.3รปู แบบ คอื พุทธิพสิ ยั จิตพสิ ยั 2.เครือ่ งมือ 2.1แบบทดสอบเพื่อประเมินผลหลงั การเรยี นร้ทู า้ ยหนว่ ยการเรยี น 3.เกณฑ์การให้คะแนน 3.1ทางด้านพทุ ธิพสิ ัย คะแนนเต็ม 10 คะแนน แบ่งเป็นสองข้อ คะแนนเต็มแต่ละข้อคือ 5 คะแนน 3.2ทางด้านจติ พิสยั คะแนนเตม็ 10 คะแนน แบง่ เป็นสองข้อ คะแนนเต็มแตล่ ะข้อคอื 5 คะแนน 4.เกณฑ์การตดั สินการผา่ น 4.1มีระดับคะแนน 1-3 อยูใ่ นเกณฑ์ควรปรับปรุง 4.2มีระดบั คะแนน 4-6 อย่ใู นเกณฑ์ พอใช้ 4.3มรี ะดับคะแนน 7-8 อย่ใู นเกณฑ์ ดี 4.4มีระดับคะแนน 9-10 อยู่ในเกณฑ์ ดมี าก หมายเหตุ : คะแนนทไ่ี ด้จะวัดจากความครบถว้ นของคำตอบ วัตถุประสงค์ข้อท่ี 2. เรื่อง ผู้เรยี นมคี วามรู้และทกั ษะ 1.1ทำแบบทดสอบ 1.2ทำการประเมิน 1.3รูปแบบ คือ พทุ ธพิ สิ ยั จิตพสิ ัย 2.เครือ่ งมือ 2.1แบบทดสอบเพ่ือประเมินผลหลังการเรียนรทู้ ้ายหน่วยการเรียน 3.เกณฑ์การให้คะแนน 3.1ทางดา้ นพุทธิพสิ ัย คะแนนเต็ม 10 คะแนน แบ่งเปน็ สองข้อ คะแนนเตม็ แตล่ ะข้อคือ 5 คะแนน 3.2ทางด้านจิตพสิ ยั คะแนนเตม็ 10 คะแนน แบง่ เป็นสองขอ้ คะแนนเตม็ แตล่ ะขอ้ คือ 5 คะแนน 4.เกณฑ์การตดั สินการผา่ น 4.1มีระดบั คะแนน 1-3 อยู่ในเกณฑ์ควรปรับปรุง 4.2มรี ะดับคะแนน 4-6 อยูใ่ นเกณฑ์ พอใช้ 4.3มรี ะดับคะแนน 7-8 อยู่ในเกณฑ์ ดี 4.4มีระดับคะแนน 9-10 อยู่ในเกณฑ์ ดมี าก หมายเหตุ : คะแนนทไ่ี ด้จะวัดจากความครบถว้ นของการปฎบิ ตั ิ วตั ถปุ ระสงคข์ อ้ ที่ 3. เร่ือง การประพฤตติ นตามข้อบงั คบั และขอ้ ตกลงของการปฏบิ ัติในการเรียน 1.1ทำแบบทดสอบ 1.2ทำการประเมนิ 1.3รปู แบบ คือ พุทธิพสิ ยั จิตพสิ ัย 2.เครื่องมือ 2.1แบบทดสอบเพื่อประเมินผลหลังการเรยี นร้ทู า้ ยหนว่ ยการเรยี น 3.เกณฑ์การให้คะแนน 3.1ทางด้านพทุ ธิพสิ ยั คะแนนเตม็ 10 คะแนน แบ่งเป็นสองข้อ คะแนนเตม็ แตล่ ะข้อคือ 5 คะแนน 3.2ทางดา้ นจิตพสิ ยั คะแนนเตม็ 10 คะแนน แบ่งเปน็ สองขอ้ คะแนนเตม็ แตล่ ะขอ้ คือ 5 คะแนน

4.เกณฑ์การตดั สนิ การผา่ น 4.1มีระดบั คะแนน 1-3 อยใู่ นเกณฑ์ควรปรับปรงุ 4.2มีระดบั คะแนน 4-6 อย่ใู นเกณฑ์ พอใช้ 4.3มรี ะดับคะแนน 7-8 อยู่ในเกณฑ์ ดี 4.4มรี ะดับคะแนน 9-10 อยู่ในเกณฑ์ ดีมาก หมายเหตุ : คะแนนทไ่ี ดจ้ ะวัดจากความครบถ้วนของคำตอบ

ภาคผนวก

-1- บันทกึ หลังการสอน วิทยาลยั เทคนิคพิมาย แผนกวชิ า คอมพิวเตอรธ์ รุ กจิ ช่อื วชิ า ................................. รหสั วชิ า ......................... ระดับช้ัน ................... ภาคเรยี นท่ี ........ ปกี ารศกึ ษา .................. หน่วยท.ี่ ...........เร่ือง...................................................................... สปั ดาห์ท.ี่ ..........วัน........... ท…่ี …....... เดือน……………….......... พ.ศ. .................... รายการ ระดับความเหมาะสม ไม่มี มีมาก เหมาะสม มพี อใช้ 1 4. ผลการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ 1.1 มีเนอื้ หาท่ีไมถ่ ูกต้องสอดคล้องกบั สมรรถนะทพ่ี งึ ประสงค์ 432 1.2 มีกิจกรรมการเรยี นการสอนถูกต้องตามแผนการสอน และเหมาะสมกบั นักเรียนนกั ศึกษา 1.3 มีส่อื การเรียนการสอนสอดคล้องกบั กิจกรรมการเรยี น การสอน เนอ้ื หาและจดุ ประสงค์ 1.4 มีเวลาที่ใชส้ อนเหมาะสมกบั กจิ กรรมการเรยี นการสอน ท่ีกำหนด 1.5 มกี ารวัดผลประเมนิ ผลสอดคลอ้ งกบั สมรรถนะท่ีพงึ ประสงค์ และกิจกรรมการเรียนการสอน 5. ผลการเรียนของนักเรียนนักศกึ ษา 2.1 มีความเข้าใจในเนื้อหาวชิ าที่เรียน 2.2 มจี ำนวนผ้เู รยี นทไ่ี ม่สนใจ ไม่ตั้งใจเรยี น 2.3 มีผู้เรียนทส่ี ามารถนำความร้ทู ไี่ ดร้ บั ไปประยุกต์ใช้ 2.4 มผี ลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นของผู้เรียน 2.5 จำนวนผู้เรยี นท่ขี าด ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรม 2.6 ผเู้ รยี นมีความรู้ ความเข้าใจในหลักปรชั ญา ของเศรษฐกิจพอเพยี ง สามารถนำไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั 6. ผลการสอนของครู 3.1 เน้ือหาวิชาที่สอนขาดความถกู ตอ้ ง 3.2 จดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนตามข้นั ตอนของแผนการสอน 3.3 ใชเ้ ทคนิคการสอนและสื่อการสอน ทำให้นักเรียนนักศึกษา สนใจและตงั้ ใจเรียนตลอดเวลา 3.4 กระบวนการและกจิ กรรมการเรยี นการสอนไม่มคี วาม ราบร่ืน 3.5 มีการสอดแทรกหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง และคุณธรรม จริยธรรมใหแ้ ก่ผ้เู รียน

-2- 1.ปญั หาหรือสิ่งท่ีต้องการปรับปรุงแก้ไขและพัฒนา …………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………… 2.แนวทางแก้ปญั หา ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……….………………… 3.ผลจากการวดั ผลตามสภาพจริง 3.1 จำนวนนักเรยี นทัง้ ห้อง ............. คน 3.2 เขา้ เรยี น ............... คน คิดเป็นร้อยละ ........................ 3.3 ขาดเรยี น .............. คน คดิ เป็นร้อยละ ........................ ดังรายช่ือตอ่ ไปน้ี 3.3.1 ...................................................... 3.3.2 ............................................................. 3.3.3 ...................................................... 3.3.4 ............................................................. 3.3.5 ...................................................... 3.3.6 ............................................................. 3.3.7 ...................................................... 3.3.8 ............................................................. 3.3.9 ...................................................... 3.3.10 ........................................................... 3.4 มาสาย .................... คน คิดเป็นร้อยละ ........................... ดังรายชือ่ ต่อไปนี้ 3.4.1 ...................................................... 3.4.2 ............................................................. 3.4.3 ...................................................... 3.4.4 ............................................................. 3.4.5 ...................................................... 3.4.6 ............................................................. 3.5 สอบผา่ น ................. คน คิดเป็นร้อยละ ........................... 3.6 สอบไมผ่ า่ น ................ คน คิดเป็นร้อยละ ........................... ดังรายชอ่ื ต่อไปน้ี 3.6.1 ...................................................... 3.6.2 ............................................................. 3.6.3 ...................................................... 3.6.4 ............................................................. 3.6.5 ...................................................... 3.6.6 ............................................................. 3.6.7 ...................................................... 3.6.8 ............................................................. 3.6.9 ...................................................... 3.6.10 ........................................................... ลงชอื่ ..................................................................ครผู ูส้ อน ( นายกฤษณะ ราชนลิ ) ความเห็นของหัวหน้าแผนกวิชา ................................................................................................................. ............................................................ ............................................................................................................................. ............................................... ลงชื่อ..................................................................... ( นายวษิ ณุ ชำนิจ ) ความเหน็ ของรองผอู้ ำนวยการฝ่ายวิชาการ ................................................................................................................................................ ............................. ..................................................................................................... ....................................................................... ลงช่อื .............................................................. (นางสาวพรทพิ ย์ ภักดีนอก)

แผนการสอน/จดั การเรยี นรู้ หนว่ ยท่ี 3 ช่ือวชิ า เครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์เบือ้ งตน้ รหัสวชิ า 2204-2003 สอนครั้งที่ 9,10,11,12 ช่ือหนว่ ย โปรโตคอล และ รปู แบบการเช่ือมตอ่ เครือข่าย คาบรวม 3 ชอ่ื เรือ่ ง โปรโตคอล และ รูปแบบการเชอ่ื มต่อเครอื ข่าย จำนวนคน 60 หวั ข้อเรือ่ ง 1.มีความรคู้ วามเข้าใจเก่ียวกับความหมายของโปรโตคอล 2.มคี วามร้คู วามเขา้ ใจเก่ยี วกบั โปรโตคอล TCP/IP 3.มีความรคู้ วามเขา้ ใจเกี่ยวกบั โปรโตคอล FTP 4.มีความร้คู วามเขา้ ใจเก่ยี วกบั โปรโตคอล HTTP 5.มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเกี่ยวกบั โปรโตคอล UDP 6.มีความรูค้ วามเขา้ ใจเก่ียวกบั โทโพโลยี 7.มคี วามรคู้ วามเข้าใจเก่ียวรปู แบบการเช่อื มต่อเครือข่าย 9.มีความรคู้ วามเข้าใจเกย่ี วกบั การเชอ่ื มตอ่ เครือขา่ ย LAN 10.มีความรู้ความเข้าใจเกย่ี วกบั การเชอ่ื มต่อระบบอินเทอรเ์ น็ต สาระสำคัญ โปรโตคอล (Protocol) หมายถึง ข้อกำหนดหรอื ข้อตกลงในการส่ือสารระหว่างคอมพวิ เตอร์ซ่ึงมีหลายชนิด คล้ายกับภาษามนุษย์ ในกรณีท่ีคอมพิวเตอร์ 2 เครื่องต้องการส่ือสารกันแต่ใช้คนละภาษาจะต้องมีตัวกลางในการแปลงถ้า เทียบกับภาษามนุษย์ก็คือล่าม ส่วนรูปแบบการเช่ือมต่อเครือข่าย เป็นลักษณะทางกายภาพของระบบเครือข่ายที่เช่ือมโยง สายส่อื สารเข้าด้วยกันกับอุปกรณ์และคอมพวิ เตอรภ์ ายในเครือข่ายดว้ ยกันเพือ่ สง่ ข้อมูลจากอปุ กรณห์ นง่ึ ไปยังอปุ กรณ์หน่ึง สมรรถนะอาชีพ 1.สามารถปฏิบัตกิ ารเขียนความหมายของโปรโตคอลได้ 2.สามารถปฏบิ ัติการเขยี นความหมายโปรโตคอล TCP/IP ได้ 3.สามารถปฏิบัตกิ ารเขยี นความหมายโปรโตคอล FTP ได้ 5.สามารถปฏิบัติการเขยี นความหมายโปรโตคอล HTTP ได้ 5.สามารถปฏิบัติการเขียนความหมายโปรโตคอล UDP ได้ 6.สามารถปฏบิ ัตกิ ารเขียนความหมายโทโพโลยี ได้ 7.สามารถปฏบิ ตั ิการเขียนความหมายรปู แบบการเช่อื มตอ่ เครือข่าย ได้ 8.สามารถปฏบิ ัติการเขยี นความหมายการเชือ่ มตอ่ เครอื ขา่ ย LAN ได้ 9.สามารถปฏบิ ตั ิการเขียนความหมายการเชอื่ มตอ่ ระบบอนิ เทอรเ์ น็ต ได้

จดุ ประสงค์การเรียนการสอน จุดประสงคก์ ารเรียน/การเรียนรู้ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ( จดุ ประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม ) 1.ดา้ นความรู้ 1.มีความรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกับความหมายของโปรโตคอล 2.มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโปรโตคอล TCP/IP 3.มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเกีย่ วกับโปรโตคอล FTP 4.มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเกยี่ วกบั โปรโตคอล HTTP 5.มีความรู้ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั โปรโตคอล UDP 6.มีความรู้ความเขา้ ใจเกย่ี วกับ โทโพโลยี 7.มคี วามรูค้ วามเขา้ ใจเก่ียวรูปแบบการเช่ือมตอ่ เครือขา่ ย 9.มีความรคู้ วามเข้าใจเก่ยี วกับการเช่ือมต่อเครือข่าย LAN 10.มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกบั การเช่ือมต่อระบบอินเทอร์เนต็ 2. ดา้ นทกั ษะ 1.สามารถปฏิบตั กิ ารเขยี นความหมายของโปรโตคอลได้ 2.สามารถปฏิบัติการเขียนความหมายโปรโตคอล TCP/IP ได้ 3.สามารถปฏิบตั ิการเขียนความหมายโปรโตคอล FTP ได้ 5.สามารถปฏบิ ัติการเขียนความหมายโปรโตคอล HTTP ได้ 5.สามารถปฏบิ ตั กิ ารเขยี นความหมายโปรโตคอล UDP ได้ 6.สามารถปฏบิ ัติการเขียนความหมายโทโพโลยี ได้ 7.สามารถปฏิบตั กิ ารเขียนความหมายรปู แบบการเชอื่ มตอ่ เครือข่าย ได้ 8.สามารถปฏิบัติการเขยี นความหมายการเชอ่ื มตอ่ เครอื ข่าย LAN ได้ 9.สามารถปฏิบัติการเขียนความหมายการเช่อื มต่อระบบอินเทอรเ์ น็ต ได้ 3. ดา้ นคุณธรรมจริยธรรม 1. มมี นุษยสมั พนั ธ์ 2. แสดงกริ ิยาทา่ ทางสุภาพ 3. พดู จาสภุ าพ 4. ช่วยเหลอื ผู้อ่นื 3.2 ความมีวินยั 1. การแต่งกายถกู ต้องตามระเบยี บและข้อตกลง 2. ตรงต่อเวลา

3. รักษาสาธารณสมบัตแิ ละส่ิงแวดลอ้ ม 3.3 ความรับผิดชอบ 1. มีการเตรยี มความพร้อมในการเรยี นและการปฏบิ ัติงาน 2. ปฏิบัตงิ านถูกต้องตามขั้นตอนท่ีเหมาะสม 3. ปฏบิ ัตงิ านดว้ ยความตง้ั ใจ เนอื้ หาสาระ เน้อื หาสาระการสอน/การเรยี นรู้ 1. ความหมายของโปรโตคอล 2. โปรโตคอล TCP/IP 2.1 สถาปตั ยกรรมชดุ โปรโตคอล TCP/IP 2.2 โปรโตคอล TCP (Transmission Control Protocol) 2.3 โปรโตคอล IP (Internetwork Protocol) 2.3.1 Subnet Mask 2.3.2 Private Address 3. โปรโตคอล FTP (File Transfer Protocol) 4. โปรโตคอล HTTP (Hyper Text Transport Protocol) 5. โปรโตคอล UDP (User Datagram Protocol) 6. โทโพโลย(ี Topology) 6.1 โทโพโลยแี บบบสั (Bus) 6.2 โทโพโลยแี บบดาว (Star) 6.3 โทโพโลยแี บบวงแหวน (Ring) 7. รูปแบบการเชอ่ื มต่อเครอื ข่าย 7.1 การเช่อื มต่อเครอื ขา่ ยแบบเพยี ร์ทเู พยี ร์ 7.2 การเชอื่ มต่อเครอื ขา่ ยแบบไคลแอนดเ์ ซิร์ฟเวอร์ 8. การเชื่อมต่อเครือขา่ ย LAN 9. การเช่อื มต่อระบบอินเทอรเ์ น็ต 9.1 รปู แบบการเชือ่ มตอ่ อินเตอรเ์ นต็ 9.2 การเชอ่ื มตอ่ อนิ เทอร์เนต็ แบบใชส้ าย 9.3 การเช่ือมต่ออนิ เตอรเ์ น็ตแบบไรส้ าย

การบรู ณาการกจิ กรรมการเรียนการสอนตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง 5. ความพอประมาณ 1.ความพอประมาณกบั เวลาท่ีใช้ในการใชง้ าน 2.ความพอประมาณในการใช้อปุ กรณ์ อยา่ งสนิ้ เปลือง 3.ความพอประมาณกับงบประมาณท่ีใชเ้ กย่ี วกับคอมพวิ เตอร์ 6. ความมีเหตุผล 1.มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเก่ยี วกับความหมายของโปรโตคอล 2.มีความรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกบั โปรโตคอล TCP/IP 3.มีความรคู้ วามเข้าใจเกย่ี วกับโปรโตคอล FTP 4.มคี วามรคู้ วามเข้าใจเกี่ยวกบั โปรโตคอล HTTP 5.มีความรู้ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั โปรโตคอล UDP 6.มีความรคู้ วามเข้าใจเกี่ยวกบั โทโพโลยี 7.มคี วามรู้ความเขา้ ใจเก่ยี วรปู แบบการเช่อื มต่อเครอื ขา่ ย 9.มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกับการเชอ่ื มต่อเครือข่าย LAN 10.มคี วามรู้ความเขา้ ใจเกีย่ วกับการเชอื่ มตอ่ ระบบอินเทอร์เน็ต 3. การมภี ูมิคุ้มกนั ท่ีดี 1.ป้องกนั การตกเป็นเหยื่อของร้านซ่อมคอมพิวเตอร์ 4. เงอ่ื นไขความรู้ 1.มีความรคู้ วามเขา้ ใจและอธิบายเก่ยี วกบั ความหมายของโปรโตคอลได้ 2.มคี วามรู้ความเขา้ ใจและอธิบายเกี่ยวกบั โปรโตคอล TCP/IP ได้ 3.มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเก่ยี วและอธบิ ายกับโปรโตคอล FTP ได้ 4.มีความรคู้ วามเขา้ ใจและอธิบายเก่ียวกบั โปรโตคอล HTTP ได้ 5.มีความรคู้ วามเขา้ ใจและอธบิ ายเกย่ี วกบั โปรโตคอล UDP ได้ 6.มคี วามรคู้ วามเข้าใจและอธบิ ายเก่ยี วกบั โทโพโลยีได้ 7.มีความร้คู วามเขา้ ใจและอธิบายเกี่ยวรูปแบบการเชอ่ื มต่อเครือขา่ ยได้ 9.มีความรูค้ วามเข้าใจและอธบิ ายเกี่ยวกับการเช่อื มต่อเครือขา่ ย LANได้ 10.มคี วามรคู้ วามเข้าใจและอธิบายเกยี่ วกับการเชอื่ มต่อระบบอินเทอรเ์ น็ตได้ 5. เงื่อนไขคุณธรรม 5.1 มีความซอื่ สัตย์ สุจริต โดยใช้ความรู้และทกั ษะที่ได้ไปใช้ในหนา้ ท่ีการงานอย่างสุจริต 5.2 ........................................................................................................................................................................... 5.3 ..........................................................................................................................................................................

แบบบรู ณาการสร้างความตระหนกั รู้และมีส่วนรว่ มในการปอ้ งกนั การทุจรติ สำหรบั นักเรยี น นกั ศึกษา เรือ่ ง ตามรอยพระยคุ ลบาท เรื่องตามพระบรมราโชวาท การดำเนนิ กิจกรรม 1.ครเู ปดิ เพลง พระราชาผทู้ รงธรรม ประกอบภาพพระราชกรณียกจิ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัวใหผ้ ูเ้ รียนได้ ชม มีการสนทนาแลกเปล่ยี นเรยี นรู้เกยี่ วกบั การทรงงานด้านต่างๆของพระองค์ทา่ น 2.ผูเ้ รยี นแบง่ กลมุ่ จำนวน 6 กลุ่ม เลอื กประธานและเลขานุการ พรอ้ มตั้งช่ือกลมุ่ 3.ครูนำเสนอพระบรมราโชวาท และพระราชดำรัสด้วยส่อื Power Point 4.ตัวแทนกลมุ่ รับกระดาษบรู๊ฟ ปากกาเคมี 5.ผูเ้ รียนแต่ละกล่มุ รว่ มกนั วเิ คราะห์พระบรมราโชวาท และพระราชดำรัส สรา้ งแผนผังความคิดลงในกระดาษบรู๊ฟ มีการแลกเปล่ยี นเรยี นร้กู ันภายในกลุ่ม 6.สง่ ตวั แทนกลมุ่ นำเสนอ 7.ครูอธบิ ายสาระการเรียนรทู้ ้ัง 6 สาระ 8.ทุกล่มุ ส่งตวั แทนนำเสนอ 9.นำผลงานของผูเ้ รียนตดิ ปา้ ยนเิ ทศ และลงเว็บไซต์ของวิทยาลัยเพ่ือเผยแพรต่ ่อสาธารณชน

กิจกรรมการเรียนการสอน กจิ กรรมการเรียนการสอนหรอื กจิ กรรมการเรียนรู้ ขั้นตอนการสอน (กจิ กรรมครู) ขัน้ ตอนการเรยี นรู้ (กิจกรรมนกั เรียน) 1.ขัน้ เตรยี มการ 1.1 ครชู ีแ้ จงจุดประสงค์และคำอธิบายรายวชิ า 5. ผู้เรยี น ฟงั และจดบันทกึ 1.2 ครชู ี้แจงระเบียบว่าดว้ ยเวลาเรยี นและการประเมินผล 6. ใหผ้ ู้เรยี นพดู คยุ และซักถาม ข้อสงสัย 1.3 ครูตกลงกับผเู้ รียนในการจดั กจิ กรรมกระบวนการเรียน การสอน 1.4 ครกู ำหนดหนังสือ เอกสารและใบงานครกู ับผเู้ รียน สร้างความเป็นกันเองและความคนุ้ เคยเพอื่ ลดอาการ เครยี ดและเกรงกลวั ครูผู้สอน 2.ขั้นนำเขา้ สบู่ ทเรียน 2.1 ครูนำเข้าสู่บทเรียนโดยให้ผู้เรียนในห้องแสดงความ 5. ผู้เรียนฟัง และตอบคำถามครดู ้วยความต้ังใจ เป็นการวัด คดิ เหน็ ความร้เู ดิมของผู้เรยี น 2.2 ทดสอบก่อนเรยี นโดยการ ถาม – ตอบ ครูสรุปและอธิบาย 6. ผู้เรียนแสดงความคิดเห็นและนำเสนอผู้เรียนปรึกษาหา พร้อมกับยกตัวอย่าง จนกว่าผู้เรียนสามารถมองเห็นภาพถึงความ กันในห้องเรยี น ศึกษาจากเอกสารประกอบการเรียนและ แตกต่าง ระหว่างจำนวน กับ ตัวเลข และ เข้าใจเกี่ยวกับระบบ ช่วยกันระดมความคิดแลว้ ตอบคำถาม จำนวนต่าง ๆ ไดด้ ีย่ิงขน้ึ 3.ขั้นสอน 3.1 ทดสอบก่อนเรียนโดยการ ถาม–ตอบให้ผู้เรียน บอก 1. ให้ผ้เู รยี น ตอบคำถาม ความหมายตา่ งๆของเน้อื หาในหนว่ ยการเรียนนี้ 2. ผู้เรียนรว่ มกนั คดิ และนำเสนอในหอ้ งเรียน 3.2 ครบู รรยาย และยกตวั อย่างประกอบในแตล่ ะหวั ข้อ 3. ให้ผู้เรียน ร่วมกันประเมินผลเพ่ือนท่ีออกแสดงความ อย่างชดั เจนเพ่ือให้ผูเ้ รยี นสามารถจดจำไดง้ ่าย คิดเห็น ว่าถูกหรือไม่ อย่างไรผู้เรียนสนใจ ตั้งใจฟังครู 3.3 สุ่มใหผ้ ู้เรียนลุกข้ึนสรปุ บทเรยี น บรรยายพรอ้ มจดบันทกึ 4. ให้ผู้เรียนสรุปผลร่วมกับครูผู้สอนและจดบันทึกผลการ สรุป 5. ผู้เรยี นทำแบบฝึกหดั หลังเรียน 6. ผเู้ รียนช่วยกันเฉลยแบบฝกึ หดั หลังเรียนรว่ มกบั ครผู ูส้ อน ขน้ั ตอนการสอน (กจิ กรรมคร)ู ขนั้ ตอนการเรียนรู้ (กิจกรรมนกั เรียน) 4.ข้นั สรปุ 1.ผเู้ รียนบอกวธิ ที น่ี ำความรจู้ ากบทเรยี นไปประยุกต์ใชใ้ ห้ 1. ครูแนะนำใหผ้ ู้เรยี น ไปศกึ ษาจากหนงั สอื เกิดประโยชน์และประสิทธิภาพสงู สุดต่อไป ประกอบการเรียน

2. ทดสอบหลงั เรยี น 1. ผู้เรียนทำใบงานท่มี อบหมายส่งในเวลาทผ่ี สู้ อน 3. ครูและผ้เู รียนรว่ มกนั สรุปบทเรียนและการนำไป กำหนด ประยุกตใ์ ช้ 2. ถ้าใบงานในขอ้ ใดไมถ่ ูกต้องผู้เรยี นตอ้ งทำการแกไ้ ข ใบงานใหถ้ กู ตอ้ ง 5.ข้นั ประเมินผล 3.4 ใหท้ ำใบงานครตู รวจใบงาน พร้อมแจกคนื ใหผ้ ูเ้ รียน เพ่อื นำกลบั ไปแก้ไขข้อท่ผี ดิ แลว้ สง่ ใหมจ่ นกวา่ จะ ถูกตอ้ งหรือหมดเวลาท่ีกำหนดในการสง่ ใบงาน

งานที่มอบหมาย/กจิ กรรม งานทีม่ อบหมาย / กจิ กรรม กอ่ นเรียน 1.ครชู แ้ี จงให้ผู้เรยี น เหน็ ความสำคญั ของเนื้อหาในหนว่ ยน้ี เพอื่ เปน็ ประโยชนใ์ นการเรียนรู้ และนำไปประยกุ ต์ใช้ท้งั ในชีวติ ประจำวนั 2.ครชู ี้แจงวัตถุประสงคร์ ายวิชา 3.ครูช้ีแจงระเบียบวา่ ดว้ ยเวลาเรยี น 4.ครตู กลงกบั ผู้เรียน เร่ืองการแบ่งคะแนนเก็บระหว่างภาค 5.ครตู กลงกบั ผเู้ รยี นเรอื่ งการปฏิบัติตนในหอ้ งเรียนตามแบบประเมนิ 6.ครูบอกแนวทางในการเรยี น และวิธกี ารปฏิบัตติ ามภาระงานทีม่ อบหมาย ขณะเรียน 1.ทำแบบฝึกหดั ก่อนเรยี น โดยการถาม – ตอบ และใหแ้ สดงความคดิ เห็น 2.จดบันทกึ สาระการเรยี นรู้ 3.ร่วมกันสรปุ บทเรยี น พรอ้ มบันทึกผลการสรุป แล้วลุกขึ้นนำเสนอกบั ครูผสู้ อน 4.ผเู้ รยี นและครูผู้สอนรว่ มกนั ประเมนิ ขอ้ สรุปของผูเ้ รียนทอี่ อกแสดงความคดิ เห็นเพื่อให้ได้ข้อสรปุ ทถี่ ูกตอ้ ง และครูผสู้ อน แสดงความชืน่ ชมกบั ผเู้ รยี นทกุ คนท่ีออกแสดงความคิดเหน็ และมีส่วนร่วมในกจิ กรรมที่ มอบหมาย 5.ทำใบงาน ตรวจสอบใบงาน แก้ไขใบงาน 6.ทบทวนเนือ้ หา 7.ทำแบบฝกึ หดั หลงั เรยี น 8.ร่วมกันเฉลยแบบฝกึ หัด หลงั เรียน 1.ทำแบบฝึกหดั 2.สังเกตผู้เรยี นมีความสนใจ เกดิ ความเขา้ ใจในสาระการเรียนรู้ ตลอดจนแสดงความกระตอื รอื รน้ ในการแสดง ความคดิ เหน็ และสรปุ สาระการเรยี นร้ปู ระจำหนว่ ย 3.ทำใบงานได้อยา่ งถูกต้อง ทันเวลาทก่ี ำหนด ใบงานสะอาดและเป็นระเบยี บ 4.ผู้เรยี นทำแบบฝกึ หดั หลังเรียนได้ถูกต้อง โดยไดค้ ะแนน 50% เปน็ อยา่ งตำ่