Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ภารกิจสู่ดวงจันทร์

ภารกิจสู่ดวงจันทร์

Description: ภารกิจสู่ดวงจันทร์

Search

Read the Text Version

ภารกจิ สูด วงจนั ทร Mission to the Moon “ดวงจนั ทร์ (Moon)” ดาวบริวารเพียงหนงึ� เดียวของโลก เป็นหนงึ� ในวตั ถทุ ้องฟ้ า ทม�ี นษุ ย์ค้นุ เคยกนั เป็นอยา่ งดี พนื � ผวิ ของดวงจนั ทร์มสี ภาพขรุขระและมชี นั� ดนิ เนอื � ละเอียด มีหลมุ อกุ กาบาตนบั แสนหลมุ สว่ นใหญ่มีขนาด 20 - 175 กิโลเมตร เกิดจากอกุ กาบาตที� พ่งุ ชนพืน� ผิวอย่างรุนแรง การปะทะแต่ละครัง� ทําให้เนือ� ดินที�อย่ดู ้านในกระเด็นออกมา เกิดเป็นลวดลายตา่ ง ๆ บนดวงจนั ทร์ พืน� ที�ท�ีสวา่ งกวา่ เรียกวา่ “พืน� ท�ีสงู (Highland)” พืน� ที�สีเข้ม เรียกวา่ “มาเร (Mare)” เป็นภาษาละตนิ แปลวา่ ทะเล 2 ภารกจิ สดู วงจนั ทร

ภาพพืน� ผิวดวงจนั ทร์ท�ีถ่ายโดยนกั บนิ อวกาศขณะโคจรรอบดวงจนั ทร์ หลมุ อกุ กาบาตไทโค (Tycho Crater) หนงึ� ในหลมุ ท�ีโดดเดน่ ท�ีสดุ บนดวงจนั ทร์ บนดวงจนั ทร์มสี ภาพใกล้เคยี งกบั สญู ญากาศ วตั ถใุ นอวกาศแทบทกุ อยา่ งสามารถพงุ่ ชนพนื � ผวิ ดวงจนั ทร์ ได้อยา่ งงา่ ยดาย ตา่ งจากโลกท�ีมีชนั� บรรยากาศหอ่ ห้มุ ทําให้วตั ถเุ หลา่ นนั� เผาไหม้หมดไปก่อนจะชนพืน� ผิว รวมถงึ ดวงจนั ทร์ไมม่ กี ารเปลย�ี นแปลงทางธรณี ไมม่ ลี มและฝนกดั กร่อนหน้าดนิ ทาํ ให้ร่องรอยของอกุ กาบาต ท�ีเกิดขนึ � เมื�อล้านกวา่ ปี ท�ีแล้วยงั คงสภาพอยไู่ ด้จนถงึ ปัจจบุ นั อณุ หภมู ิท�ีแตกตา่ งกนั อยา่ งสดุ ขวั� ในเวลากลางวนั และกลางคืนก็เป็ นผลจากสภาพไร้ชนั� บรรยากาศ เชน่ กนั กลางวนั มอี ณุ หภมู เิ ฉลยี� 123 องศาเซลเซยี ส ในขณะทกี� ลางคนื มอี ณุ หภมู เิ ฉลยี� -153 องศาเซลเซียส ภารกิจสดู วงจนั ทร 3

ข้างขนึ � 7-8 คํ�า (First Quarter) จนั ทร์เพญ็ จนั ทร์ดบั แสงจากดวงอาทิต ์ย (Full Moon) (New Moon) ข้างแรม 7-8 ค�ํา (Third Quarter) แผนภาพแสดงการเกิดเฟสของดวงจนั ทร์ ดวงจนั ทร์โคจรรอบโลกครบหนง�ึ รอบใช้เวลา 27.3 วนั เรียกวา่ “คาบดาราคต”ิ ซง�ึ ตําแหนง่ ที�เปลย�ี น ไปเรื�อย ๆ บนวงโคจร ทําให้แต่ละวนั มีเสีย� วสว่างแตกต่างกันออกไป เรียกว่า “การเปลี�ยนเฟสของ ดวงจนั ทร์” โดยดวงจนั ทร์จะใช้เวลาในการเปล�ียนเฟสครบหนง�ึ รอบ 29.5 วนั เรียกวา่ “คาบสรุ ิยคต”ิ รวม ถงึ ดวงจนั ทร์โคจรรอบโลกเป็นวงรี ทําให้มีตําแหนง่ ที�เข้าใกล้และหา่ งไกลโลกที�สดุ รหู รือไม ทอ งฟาบนดวงจันทรเปนอยางไร ? ท้องฟ้ าบนดวงจนั ทร์จะมืดสนิทเสมอ สามารถมองเหน็ ดาวได้ทงั� เวลากลางวนั และกลางคืน และ จะเหน็ โลกตอนเตม็ ดวงมีขนาดเชิงมมุ 1.9 องศา ใหญ่กวา่ ดวงจนั ทร์เตม็ ดวงที�มองจากโลก 3.75 เทา่ 4 ภารกิจสูดวงจันทร

แผนภาพอธิบายความแตกตา่ งของ คาบการ เปลีย� นเฟส และ คาบการโคจรรอบโลก ของ ดวงจนั ทร์ ภาพเฟสตา่ ง ๆ ของดวงจนั ทร์ท�ีเปลย�ี นแปลงไปในแตล่ ะวนั ดวงจนั ทร์หมนุ รอบตวั เองใช้เวลา 27.3 วนั เทา่ กบั คาบการโคจรรอบโลก ทําให้ดวงจนั ทร์หนั ด้าน เดียวเข้าหาโลกเสมอ ด้านที�หนั เข้าหาโลก เรียกวา่ ด้านใกล้ (Near side) สว่ นด้านท�ีไมไ่ ด้หนั เข้าหาโลก เรียกวา่ ด้านไกล (Far side) รูหรือไม “คอน vs ขนนก” อะไรตกถึงพื้นกอนกัน ? มีการทดสอบการตกอยา่ งอิสระบนดวงจนั ทร์ในภารกิจอะพอลโล 15 โดยปลอ่ ยค้อน และขนนก พร้อมกนั ผลปรากฏวา่ วตั ถทุ งั� สองตกถงึ พืน� พร้อมกนั เป็นเพราะสภาพ ใกล้เคยี งกบั สญุ ญากาศทาํ ให้ปราศจากแรงต้านอากาศ ภารกจิ สดู วงจนั ทร 5

ภาพถ่ายดวงจนั ทร์ด้านใกล้ โดยยานสาํ รวจ Lunar Reconnaissance Orbiter ขององค์การนาซา 6 ภารกิจสดู วงจนั ทร

ภาพถ่ายดวงจนั ทร์ด้านไกล โดยยานสาํ รวจ Lunar Reconnaissance Orbiter ขององค์การนาซา ภารกิจสดู วงจนั ทร 7

ดวงจนั ทรเ กดิ ขน้ึ ไดอ ยา งไร ? สมมตุ ฐิ านการกาํ เนดิ ดวงจนั ทร์ทไ�ี ด้รบั การยอมรับมากทส�ี ดุ คอื การชนครัง� ใหญ่ (The giant-impact hypothesis) โดยในปี ค.ศ.1946 นกั วิทยาศาสตร์ตงั� สมมตุ ิฐานว่า ช่วงประมาณ 4 พนั ล้านปี ที�แล้ว ขณะนนั� โลกมีอายปุ ระมาณ 100 ล้านปี มีวตั ถขุ นาดใหญ่เทา่ ดาวองั คาร รู้จกั กนั ในช�ือ เธีย (Theia) พงุ่ ชน กับโลกอย่างรุนแรงจนเศษที�เกิดจากการชน ฟ้ ุงกระจายล่องลอยอยู่ในอวกาศ บางส่วนโคจรรอบโลก ภายใต้แรงโน้มถ่วง และเม�ือเวลาผา่ นไปเศษเหลา่ นนั� รวมตวั กนั กลายเป็นดวงจนั ทร์บริวารของโลกในท�ีสดุ ทฤษฎีการพงุ่ ชนครัง� ใหญ่เป็นที�ยอมรับที�สดุ เพราะเหตผุ ลดงั นี � ลกั ษณะการหมนุ รอบตวั เองของโลกและการโคจรของดวงจนั ทร์ (ระนาบและทิศทาง) ค่อนข้าง สอดคล้องกนั ตวั อยา่ งหินจากดวงจนั ทร์ที�บง่ ชีว� า่ พืน� ผิวดวงจนั ทร์เคยหลอมเหลวทว�ั ทงั� ดวงมาก่อน แก่นกลางท�ีเป็นเหลก็ ของดวงจนั ทร์มีขนาดคอ่ นข้างเลก็ เมื�อเทียบกบั ตวั ดวงจนั ทร์ ดวงจนั ทร์มีคา่ ความหนาแนน่ เฉลี�ยน้อยกวา่ โลก หลกั ฐานจากการศกึ ษาการชนกนั ของวตั ถทุ ้องฟ้ าอื�น ๆ จนเกิดจานเศษวสั ดโุ ดยรอบ สดั สว่ นของไอโซโทประหวา่ งหนิ จากดวงจนั ทร์กบั หนิ บนโลกเหมอื นกนั บง่ ชวี � า่ มแี หลง่ กาํ เนดิ เดียวกนั รูหรอื ไม ดวงจนั ทร์กําลงั ถอยห่างออกไปจากโลก ทกุ ๆ ปี ด้วยอตั รา 3.8 เซนติเมตร/ปี ทําให้ในอนาคตอาจจะไม่เกิด สรุ ิยปุ ราคาเตม็ ดวง 8 ภารกจิ สดู วงจันทร

การศกึ ษาดวงจนั ทรในสมยั โบราณ ดวงจนั ทร์เป็ นหน�ึงในวตั ถทุ �ีมีการศึกษาและสงั เกตการณ์มาเป็ นเวลานาน ซึง� ในสมยั ก่อนยงั ขาด ความรู้และความเข้าใจเกย�ี วกบั วตั ถทุ ้องฟ้ า มนษุ ยเ์ ร�ิมสงสยั เกยี� วกบั ดวงจนั ทร์ด้วยคาํ ถามแรกวา่ “ดวงจนั ทร์ มรี ูปร่างเป็นอยา่ งไร?” ระหวา่ งเป็น “ทรงกลม” หรือเป็น “แผน่ กลม” ต่อมาในช่วงยุคกลาง มีผู้คนท�ีเริ�มเข้าใจว่าดวงจันทร์มี ลกั ษณะเป็น “ทรงกลม” มากขนึ � แตย่ งั คงเป็นประเดน็ ถกเถยี งกนั อยวู่ า่ พนื � ผวิ ของดวงจนั ทร์ราบเรียบหรือขรุขระ? ภาพวาดดวงจนั ทร์โดยกาลเิ ลโอในตํารา ในป ค.ศ.1609 กาลิเลโอ กาลิเลอี (Galileo Galilei) Sidereus Nuncius นักดาราศาสตร์ชาวอิตาลีเริ�มประยกุ ต์ใช้กล้องโทรทรรศน์กบั การ สงั เกตการณ์ทางดาราศาสตร์ และดวงจนั ทร์ก็เป็ นหนงึ� ในวตั ถุ ท้องฟ้ าแรก ๆ ที�ได้สงั เกตการณ์ผา่ นกล้องโทรทรรศน์ กาลเิ ลโอ วาดภาพดวงจนั ทร์จากการสงั เกตการณด์ งั กลา่ วในตาํ รา Sidereus Nuncius (ตีพิมพ์ปี ค.ศ.1610) แสดงให้เหน็ ถงึ สภาพพืน� ผิว ขรุขระบนดวงจนั ทร์ จากหลมุ อกุ กาบาต ในชว่ งเวลาใกล้เคียงกนั นกั ดาราศาสตร์ฝั�งยโุ รปชาตอิ �ืน ๆ ได้เริ�มใช้กล้องโทรทรรศน์สงั เกตการณ์ดวงจนั ทร์และวาดผลการ สงั เกตการณ์ไว้ ภารกจิ สูดวงจนั ทร 9

ชื�อภมู ิประเทศบนดวงจนั ทร์ท�ีตงั� ชื�อโดยโจวนั นี บตั ตสิ ตา ริชโชลี ในป ค.ศ.1651 โจวันนี บัตติสตา ริชโชลี (Giovanni Battista Riccioli) นกั บวชคาทอลิกและ นกั ดาราศาสตร์ชาวอิตาลีตงั� ช�ือภมู ิประเทศตา่ งๆบนพืน� ผิวดวงจนั ทร์ฝ�ังท�ีหนั เข้าหาโลกบริเวณที�ราบสีคลาํ � และหลมุ อกุ กาบาตขนาดใหญ่หลายแหง่ ชื�อเหลา่ นีป� รากฏอยบู่ นแผนท�ีดวงจนั ทร์ที�วาดโดยฟรันเชสโก มาเรีย กรีมลั ดี (Francesco Maria Grimaldi) นกั บวชคาทอลกิ และนกั ฟิสกิ ส์ชาวอิตาลี ช�ือภมู ิประเทศบนดวงจนั ทร์ท�ีโจวนั นีตงั� ไว้ก็ยงั คงใช้ มาจนถงึ ปัจจบุ นั เขาสูชวงคริสตศตวรรษที่ 18 ประเด็นการศึกษาดวงจันทรขยายวงกวางข้ึน นอกจากการทําแผนที� ดวงจนั ทร์ให้มคี ณุ ภาพดขี นึ � เรื�อย ๆ ประเดน็ เรื�องบรรยากาศและกระบวนการทางธรรมชาตบิ นพนื � ผวิ ดวงจนั ทร์ ก็เป็นท�ีสนใจของนกั วิทยาศาสตร์เพ�ิมขนึ � 10 ภารกิจสดู วงจันทร

ภาพวาดตําแหนง่ บนดวงจนั ทร์ ชื�อวา่ “Wallwerk” อยบู่ ริเวณเหนือหลมุ อกุ กาบาตชเรอเทอร์ (Schröter) วาดโดยฟรันทซ์ ฟอน กรือทือเซนิ ซงึ� เขาเชื�อวา่ เป็นเมืองบนดวงจนั ทร์ โรเจอร์ โยเซฟ บอชโกวิค (Roger Joseph Boscovich) นกั ดาราศาสตร์ชาว โครเอเชีย ศกึ ษาเรื�องบรรยากาศบนดวงจนั ทร์ พบว่าดวงจนั ทร์ไม่มีชนั� บรรยากาศ ในปี ค.ศ.1753 ฟรันทซ์ ฟอน กรือทือเซนิ (Franz von Gruithuisen) นกั ดาราศาสตร์ชาวเยอรมนั อธิบายถงึ การเกิดหลมุ บนดวงจนั ทร์วา่ มาจากการพงุ่ ชนของอกุ กาบาต ในปี ค.ศ.1824 ชวงตนคริสตศตวรรษที่ 19 ประเด็นถัดมาที�กระตุ้นให้นักวิทยาศาสตร์สนใจ ดวงจันทร์คือ “บนดวงจนั ทร์มีสง�ิ มีชีวติ หรือไม?่ ” โดยมีแนวคดิ วา่ ดวงจนั ทร์อาจมีพืชพนั ธ์ุ และชาวดวงจนั ทร์อาศยั อยู่ แต่ก็มีนกั ดาราศาสตร์จํานวนหนึ�งคดั ค้านแนวคิดนี � จนใน ช่วงปี ค.ศ.1834 - 1837 มีการยืนยนั ว่า บนดวงจนั ทร์ไมม่ ีแหลง่ นํา� และชนั� บรรยากาศ เขาสูยุคคริสตศ ตวรรษท่ี 20 เป็นยคุ ที�มนษุ ย์พฒั นาเทคโนโลยีอวกาศเพ�ือแขง่ กนั แสดงแสนยานภุ าพทางการทหารระหว่าง 2 ขวั� มหาอํานาจของโลก เกิดเป็ นสถานการณ์ ตึงเครียดทางการเมืองที�เรียกว่า “สงครามเยน็ ” ภารกจิ สูดวงจันทร 11

Space Race เมื่ออวกาศเปน สมรภูมิการแขง ขัน ภาพหน้าปกนิตยสาร TIME นิตยสารยอดนิยมของสหรัฐอเมริกา ท�ีกลา่ วถงึ ประเดน็ สาํ คญั ในสงั คมหรือการเมือง ประจําวนั ท�ี 6 ธนั วาคม ค.ศ. 1968 แสดงถงึ การแขง่ ขนั พิชิตดวงจนั ทร์ระหวา่ งสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต สงครามเย็น (Cold War) เป็นหนง�ึ ในชว่ งประวตั ศิ าสตร์สําคญั ของโลกท�ีเกิดขนึ � หลงั สงครามโลก ครงั� ทส�ี อง เมอ�ื สองมหาอาํ นาจอยา่ งสหรฐั อเมริกาและสหภาพโซเวยี ตใช้วธิ กี ดดนั และแขง่ ขนั กนั อยา่ งตงึ เครียด ทงั� ทางการเมือง การทหาร เศรษฐกิจ รวมทงั� การแขง่ ขนั ด้านอวกาศ (Space Race) การแขง่ ขนั ด้านอวกาศนนั� เป็นการแสดงแสนยานภุ าพด้านเทคโนโลยี (ซง�ึ มคี วามเชอื� มโยงกบั การทหาร) รวมทงั� เป็นการพยายามแสดงความเหนือกวา่ อีกฝ่ ายในทกุ ๆ ทาง ในปี ค.ศ. 1957 สหภาพโซเวียตสามารถสง่ ดาวเทียมสปตุ นิก 1 (Sputnik 1) ขนึ � สวู่ งโคจรรอบโลกได้ สาํ เร็จ และราวสองปี ตอ่ มา ยานลนู า 2 (Luna 2) ถกู สง่ ไปลงบนผิวดวงจนั ทร์ได้สําเร็จโดยสหภาพโซเวียต ยานอวกาศลํานีจ� งึ เป็นวตั ถแุ รกท�ีมนษุ ย์สง่ ไปลงบนดวงจนั ทร์ได้ 12 ภารกจิ สูดวงจนั ทร

แบบจําลองดาวเทียมสปตุ นิก 1 ภาพวาดจินตนาการยานลนู า 2 ขณะพงุ่ เข้าสผู่ ิวดวงจนั ทร์ จะเห็นได้ว่าในช่วงแรก สหภาพโซเวียตสร้ างประวตั ิศาสตร์ ด้ านอวกาศโดยเริ�มต้ นนําสหรัฐอเมริกาไปก่อนหลายช่วงตัว แตใ่ นปี ค.ศ. 1961 เกิดเหตกุ ารณ์สาํ คญั 3 เหตกุ ารณ์ คือ ภารกจิ สูด วงจนั ทร 13

ยรู ิ กาการิน นกั บนิ อวกาศคนแรกของโลก อยา่ งแรก คอื ในเดอื นเมษายน สหภาพโซเวียต ที�เดนิ ทางกลบั โลกอยา่ งปลอดภยั สง่ ยรู ิ กาการิน (Yuri Gagarin) นกั บนิ อวกาศขนึ � สู่ ห้วงอวกาศและโคจรรอบโลกหน�ึงรอบ แล้วกลบั สู่ โลกได้สําเร็จด้วยยานวอสท็อก (Vostok) เอาชนะ ฝั�งอเมริกาท�ีกําลงั ดําเนินโครงการเมอร์ควิ รี (Project Mercury) ทพี� ยายามสง่ นกั บนิ อวกาศขนึ � สวู่ งโคจรรอบ โลกให้สําเร็จก่อนสหภาพโซเวียต แม้วา่ หลงั จากนนั� ราวหนง�ึ เดือน อเมริกาสามารถสง่ นกั บนิ อวกาศอลนั เชปเพิร์ด (Alan Shepard) ไปโคจรรอบโลกได้ แตก่ ็ ไมไ่ ด้โคจรรอบโลกครบรอบอยา่ งโซเวียต อยา่ งทส�ี อง คอื แถลงการณ์ “We choose to go to the Moon” ในเดือนพฤษภาคมของ ประธานาธิบดี จอห์น เอฟ เคนเนดี (John F. Kennedy) แหง่ สหรัฐอเมริกา ที�มีจดุ มงุ่ หมาย ในการสง่ มนษุ ย์ไปเยอื นดวงจนั ทร์ แล้วกลบั มา อยา่ งปลอดภยั ให้ได้ จอห์น เอฟ เคนเนดี ประธานาธิบดีคนที� 35 ของสหรัฐอเมริกา ยานเรนเจอร์ 7 (Ranger 7) อยา่ งท�ีสาม คือ สหรัฐอเมริกาสง่ ยานอวกาศ ในโครงการเรนเจอร์ครัง� แรกแล้วล้มเหลว กอ่ นหน้านนั� สหรัฐอเมริกาได้พฒั นาโครงการเรนเจอร์ (Ranger program) ท�ีมีจดุ ม่งุ หมายในการส่งยานอวกาศไป เยือนดวงจนั ทร์ เพื�อเก็บภาพพืน� ผิวดวงจนั ทร์ แล้ว สง่ ข้อมลู ภาพถ่ายเหลา่ นนั� กลบั มายงั โลก ก่อนท�ียาน จะพงุ่ เข้าสพู่ นื � ผวิ ดวงจนั ทร์เพอ�ื ทาํ ลายตวั เอง ซง�ึ 6 ครัง� แรกล้มเหลวในการสง่ ยาน จนกระทง�ั สาํ เร็จในครัง� ที� 7 ยานสามารถเก็บภาพพืน� ผิวดวงจันทร์มาได้กว่า 4,000 ภาพก่อนจะพงุ่ สผู่ ิวดวงจนั ทร์ ตามด้วยการ สง่ ครัง� ที� 8 และ 9 ท�ีสาํ เร็จด้วยดี 14 ภารกจิ สดู วงจันทร

ในชว่ งนนั� การแขง่ ขนั ด้านอวกาศถกู ขยบั ขยาย ไปเป็นการแขง่ ขนั ไปยงั ดวงจนั ทร์ ก้าวตอ่ ไปทท�ี งั� สอง มหาอาํ นาจพยายามทาํ ให้ได้ คอื การสง่ ยานไปลงจอด บนดวงจันทร์อย่างปลอดภัย โดยในปี ค.ศ. 1966 สหภาพโซเวยี ตสง่ ยาน ลนู า 9 ไปลงจอดบนดวงจนั ทร์ สําเร็จก่อนสหรัฐอเมริกาจะส่งยาน เซอร์เวเยอร์ 1 (Surveyor 1) ไปลงจอดบนดวงจนั ทร์ถงึ สามเดือน ยานเซอร์เวเยอร์ 1 (Surveyor 1) ต่อมาสหรัฐอเมริกาจดั ตงั� โครงการอะพอลโลขึน� โดยมีจุดประสงค์เพ�ือส่งมนษุ ย์ไปยงั ดวงจนั ทร์ ให้สําเร็จให้ได้ หลงั จากผ่านอปุ สรรคต่าง ๆ มามากมาย จนในที�สดุ วนั ที� 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1969 ยานอวกาศในภารกจิ อะพอลโล 11 สามารถนาํ มนษุ ยไ์ ปเยอื นดวงจนั ทร์ได้สาํ เร็จเป็นครงั� แรกในประวตั ศิ าสตร์ ของมนษุ ยชาติ ภารกจิ สดู วงจันทร 15

ภารกจิ อะพอลโล11:กา วเลก็ ๆของมนษุ ยบ นดวงจนั ทร ภารกิจอะพอลโล 11 มีจดุ มงุ่ หมายหลกั คือ การสง่ มนษุ ย์ไปยงั ดวงจนั ทร์เป็นครัง� แรกแล้วนํากลบั มา ยงั โลกอยา่ งปลอดภยั ส่วนจุดหมายที�รองลงมาคือ การสํารวจทางวิทยาศาสตร์และเทคนิคเชิงวิศวกรรม ได้แก่ ศึกษา องค์ประกอบของลมสรุ ิยะ ตรวจจบั การสน�ั สะเทือนท�ีผิวดวงจนั ทร์ นํากระจกสะท้อนแสงเลเซอร์ไปวาง ไว้บนดวงจนั ทร์เพอ�ื วดั ระยะทางจากโลกถงึ ดวงจนั ทร์ด้วยการยงิ เลเซอร์ (Laser Ranging Retroreflector) เก็บตวั อยา่ งหินจากดวงจนั ทร์กลบั มายงั โลก ถ่ายภาพพืน� ผิวดวงจนั ทร์ รวมถงึ การถ่ายทอดสญั ญาณจาก ผิวดวงจนั ทร์มายงั โลก 16 ภารกิจสดู วงจันทร

NARIT National Astronomical Research Institute of Thailand (Public Organization) ภาพจรวดแซทเทิร์น 5 (Saturn V) ขณะกําลงั ปลอ่ ย เรียงจากซ้ายไปขวา นีล อาร์มสตรอง (Neil Armstrong) ออกจากฐานยิงจรวด ในภารกิจอะพอลโล 11 ไมเคลิ คอลลนิ ส์ (Michael Collins) และ บซั ซ์ อลั ดริน (Buzz Aldrin) วนั ที� 16 กรกฎาคม ค.ศ. 1969 ยานอวกาศในโครงการอะพอลโล 11 พร้อมด้วย นกั บนิ อวกาศ 3 คนได้แก่ นีล อาร์มสตรอง (Neil Armstrong) ไมเคลิ คอลลนิ ส์ (Michael Collins) และ บซั ซ์ อลั ดริน (Buzz Aldrin) ถกู สง่ ขนึ � สอู่ วกาศท�ีศนู ย์อวกาศเคนเนดี (Ken- nedy Space Center) แหลมคานาเวอรัล ด้วยจรวดแซทเทิร์น 5 (Saturn V) ซงึ� เป็นจรวดท�ี มีความสงู เทา่ ตกึ 36 ชนั� ประกอบไปด้วยจรวดยอ่ ย ๆ 3 ทอ่ น ทอ่ นแรกใช้สร้างแรงขบั จนถงึ ความสงู 31 กิโลเมตรจากผิวโลก ทอ่ นกลางใช้สร้างแรงขบั เข้าสวู่ งโคจรรอบโลก และทอ่ น สดุ ท้ายใช้สร้างแรงขบั ดนั เพื�อสง่ ยานอวกาศสดู่ วงจนั ทร์ ภารกจิ สูดวงจนั ทร 17

ยานอวกาศนนั� แบง่ ออกเป็นสองสว่ นหลกั ได้แก่ 1. Command Service Module หรือ CSM (ช�ือวา่ Columbia) ทําหน้าที�เป็นยานแม่ บรรทกุ ลกู เรือทงั� สามคน ภายในมีระบบควบคมุ หลกั และบรรจเุ ชือ� เพลงิ ท�ีใช้ในการเดนิ ทาง 2. Lunar Module หรือ LM (ชอ�ื วา่ Eagle) เป็นยานทจ�ี ะใช้ลงจอดและทะยานขนึ � จาก ผิวดวงจนั ทร์ บรรทกุ ลกู เรือได้ 2 คน หลงั จากที�จรวดและยานอวกาศโคจรรอบโลก ได้ 1 รอบคร�ึง (2 ชวั� โมง 44 นาที) จรวด ท่อนสดุ ท้ายก็ทําการจดุ ระเบิดเพื�อสง่ ยานอวกาศให้เดินทางสดู่ วงจนั ทร์ แล้ว Command Service Module ก็หลดุ ออกจากจรวดแล้วประกอบตวั เองเข้ากบั Lunar Module เพ�ือเดนิ ทางตอ่ ในวนั ท�ี 19 กรกฎาคม ค.ศ. 1969 ยานอวกาศได้เข้าสวู่ งโคจรรอบดวงจนั ทร์ นกั บนิ อวกาศทําการตรวจสอบระบบตา่ ง ๆ ของ Lunar Module จนพร้อม ภาพเปรียบเทียบ Command Service Module (ซ้าย) กบั Lunar Module (ขวา) 18 ภารกจิ สดู วงจนั ทร

นีล อาร์มสตรอง และ บซั ซ์ อลั ดริน เข้าสู่ Lunar Module แล้วแยกตวั เพ�ือลงจอดบนดวงจนั ทร์ สว่ น ไมเคลิ คอลลนิ ส์ นนั� ยงั อยบู่ น Command Service Module ท�ีโคจรไปรอบ ๆ ดวงจนั ทร์เพื�อดแู ลการ สอื� สารจาก Lunar Module กลบั ไปยงั โลก เนื�องจากดวงจนั ทร์ไมม่ ีชนั� บรรยากาศเหมือนอยา่ งโลกของเรา ดงั นนั� ขณะที� Lunar Module คอ่ ย ๆ เคลื�อนท�ีลงสผู่ ิวดวงจนั ทร์จงึ ต้องสง่ สญั ญาณคล�ืนไมโครเวฟสผู่ ิวดวงจนั ทร์แล้วตรวจจบั การสะท้อนกลบั มาเพ�ือให้รู้ตําแหนง่ ของตวั Lunar Module เอง ระหวา่ งการลงจอด คอมพิวเตอร์จะทําหน้าที�ระบตุ ําแหนง่ สว่ นนกั บนิ อวกาศต้องคอยสงั เกตสภาพ พืน� ผิวที�ลงจอดให้เหมาะสม Lunar Module กําลงั ร่อนลงจอด บนพืน� ผิวดวงจนั ทร์ ภายในยานคือ นีล อาร์มสตรอง และ บซั ซ์ อลั ดริน ในที�สดุ วนั ท�ี 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1969 เวลา 20:17 UTC Lunar Module ก็ลงจอดบนดวงจนั ทร์ได้ สาํ เร็จ ในตําแหนง่ ที�มีชื�อวา่ “ทะเลแหง่ ความเงียบสงบ (Sea of Tranquility)” ซงึ� เป็นท�ีราบท�ีเกิดจากลาวา ไหลทว่ มผิวดวงจนั ทร์เมื�อนานมาแล้ว ภาพถ่ายโดยยาน LRO ที�ตําแหนง่ ลงจอดของ Lunar Module ภารกิจสูด วงจันทร 19

นีล อาร์มสตรอง ก้าวเท้าซ้ายเหยียบดวงจนั ทร์ แล้วกลา่ วคําพดู วา่ “ น่เี ปนกาวเลก็ ๆ ของมนุษยค นหนงึ่ แตเ ปน กา วท่ียิ่งใหญข องมนุษยชาต”ิ “one small step for a man, one giant leap for mankind” ภาพรอยเท้าของบซั ซ์ อลั ดริน ท�ีถ่ายโดยนีล อาร์มสตรอง ในขณะนนั� มผี ้ชู มทว�ั โลกกวา่ 530 ล้านคนทเี� ฝ้ าตดิ ตามการถา่ ยทอดสด การก้าวลงบนดวงจนั ทร์ของ ภารกิจนี � จากนนั� นกั บนิ คนที�สอง บซั ซ์ อลั ดริน ก็ตามออกมาบนดวงจนั ทร์ แรงโน้มถ่วงบนดวงจนั ทร์ท�ีออ่ น กวา่ บนผิวโลกของเรา ถงึ 6 เทา่ ทําให้พวกเขาเคลอ�ื นไหวเหมือนภาพวดิ ีโอสโลวโมชนั� พวกเขาปักธงชาตสิ หรัฐอเมริกาไว้บนดวงจนั ทร์ แล้วตดิ ตงั� อปุ กรณ์วทิ ยาศาสตร์ ได้แก่ กระจกสะท้อน เลเซอร์ เครื�องวดั ลมสรุ ิยะ และเครื�องวดั คล�ืนไหวสะเทือน พร้อมทงั� เก็บตวั อยา่ งหินและดนิ จากดวงจนั ทร์ จํานวน 22 กิโลกรัม 20 ภารกิจสดู วงจันทร

ภาพบซั ซ์ อลั ดรินปักธงชาตอิ เมริกาลงบนพืน� ผิวดวงจนั ทร์ ถ่ายโดยนีล อาร์มสตรอง นอกจากนีท� งั� สองคนได้ทิง� สง�ิ ของไว้บนดวงจนั ทร์ ได้แก่ แผน่ ดสิ ก์ข้อมลู ข้อความจากประเทศตา่ ง ๆ ทว�ั โลก แผน่ ป้ ายของโครงการการอะพอลโล 1 เหรียญจากนกั บนิ อวกาศรสั เซยี และสญั ลกั ษณ์ของประเทศ สหรัฐอเมริกา Command Service Module ที�ใช้ในภารกิจอะพอลโล ภารกิจสูดวงจนั ทร 21

นกั บินอวกาศทงั� สองปฏิบตั ิภารกิจอย่บู นดวงจนั ทร์ รูหรอื ไม เป็ นระยะเวลา 21 ชว�ั โมง 36 นาที ซง�ึ รวมเวลาหลบั ก่ อ น จ ะ ส่ ง ม นุ ษ ย์ ค น แ ร ก ไ ป เ ห ยี ย บ อีก 7 ชว�ั โมงแล้ว เม�ือภารกิจทกุ อย่างเสร็จสิน� วนั ท�ี 21 ดวงจนั ทร์ มีสตั ว์นบั สิบชนิดท�ีถกู สง่ ไป กรกฎาคม ค.ศ. 1969 นีล อาร์มสตรอง และบซั ซ์ อลั ดริน ในอวกาศ ได้แก่ หนู สนุ ขั แมว ลงิ เดนิ ทางออกจากผวิ ดวงจนั ทร์เข้าสวู่ งโคจรรอบดวงจนั ทร์ด้วย แมลงวนั แมงมมุ กบ เตา่ นิวท์ หมีนํา� Lunar Module สว่ นบนซงึ� จะทาํ การจดุ ระเบดิ สร้างแรงขบั ดนั เพ�ือทดสอบความปลอดภัยของนกั บนิ โดยทิง� ฐานของ Lunar Module ไว้บนพืน� ผิวดวงจนั ทร์ อวกาศในสภาวะต่าง ๆ สตั ว์เหล่านี � ช่วยให้ มนุษยชาติได้ เรี ยนร้ ู และเข้ าใจ สภาวะไร้นํา� หนกั มาจนถงึ ปัจจบุ นั สภาพของ Command Module ภายหลงั จากตกลงมาถงึ พืน� โลก (แรงโน้ มถ่วงบนผิวดวงจันทร์ ตํ�ากว่าโลก Command Module ของอะพอลโล 11 ท�ีกําลงั ลอยอยใู่ น ทําให้ไม่จําเป็ นต้องสร้ างแรงขับมากมาย มหาสมทุ รแปซฟิ ิก ขณะที�ทหารเรือสหรัฐอเมริกา 4 นาย เหมอื นจรวดบนโลก) จากนนั� Lunar Module กําลงั เข้าชว่ ยเหลือนกั บนิ อวกาศ สว่ นบนได้เชอื� มตอ่ กบั Command Service Module ท�ีโคจรรออยู่แล้ว ทําการย้าย สงิ� ตา่ ง ๆ ท�ีจําเป็นต้องนํากลบั โลก เชน่ หิน จากดวงจนั ทร์ มายงั Command Service Module แล้วจงึ ปลด Lunar Module ส่วน บนให้ตกกลบั ไปยงั ผิวดวงจันทร์ จากนัน� ทงั� สามก็เดนิ ทางกลบั สโู่ ลก วนั ท�ี 24 กรกฎาคม ค.ศ. 1969 ยาน อวกาศในโครงการอะพอลโล 11 เข้าสชู่ นั� บรรยากาศโลกด้วยความเร็ว 11 กิโลเมตร ต่อวินาที การออกแบบชัน� กันความร้ อน ช่วยให้ยานอวกาศไม่ถูกเผาไหม้ไปเสียก่อน แล้วตกส่มู หาสมทุ รแปซิฟิ กอย่างปลอดภยั ในท�ีสดุ ทัง� หมดนีเ� ป็ นภาพรวมของภารกิจ อะพอลโล 11 ภารกิจประวัติศาสตร์ท�ีส่งมนุษย์ไป ยืนอยบู่ นดวงจนั ทร์ได้เป็นครัง� แรก 22 ภารกจิ สดู วงจันทร

ภาพขบวนพาเหรดเฉลมิ ฉลองความสาํ เร็จของภารกิจ Apollo 11 ภายในเมืองนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ภ า พ ภ า ย ใ น ศู น ย์ ค ว บ คุ ม ห ลั ก ขณะท�ีนักบินอวกาศสามารถ สัมผัสบนผืนมหาสมุทรได้ อย่าง ปลอดภยั ภารกจิ สูด วงจนั ทร 23

แผนภาพการเดนิ ทางไปดวงจนั ทร์ด้วยจรวดแซทเทิร์น 5 ซงึ� เป็นจรวดท�ีใช้ในทกุ ภารกิจอะพอลโล 24 ภารกจิ สูดวงจนั ทร

หนิ จากดวงจนั ทรบ อกอะไรกบั เรา ? หลงั จากนกั บนิ อวกาศในภารกจิ อะพอลโล 11 นาํ หนิ จากดวงจนั ทร์กลบั มายงั โลก มกี ารค้นพบแร่ใหม่ 3 ชนิดน�ันคือ Pyroxferroite, Tranquillityite ซ�ึงถูกตงั� ชื�อตาม Mare Tranquillitatis บริเวณที�ยาน อะพอลโล 11 ลงจอด, และ Armalcolite ที�ถกู ตงั� ตามชื�อตวั อกั ษรแรกของชื�อนกั บินอวกาศทงั� สาม Armstrong Aldrin และ Collins ภารกิจอะพอลโลครัง� ถดั ๆ มาก็มีการนํา หินจากดวงจันทร์ กลับมายังโลกเพิ�มเติมเพื� อ วิเคราะห์ ทําให้ นักวิทยาศาสตร์ พบหลักฐาน เกี�ยวกบั การกําเนิดของดวงจนั ทร์ จากอตั ราสว่ น ของไอโซโทปในหินเหลา่ นนั� แร่ armalcolite ขนาด 5 มิลลเิ มตร ธาตุแต่ละชนิดล้วนมีจํานวนโปรตอนเท่า กนั แตม่ ีจํานวนนิวตรอนท�ีแตกตา่ งกนั ได้ ซงึ� เรา เรียกธาตุที�มีจํานวนนิวตรอนแตกต่างกันนีว� ่า เป็ นไอโซโทปกนั ตวั อยา่ งหินดวงจนั ทร์ท�ีนํากลบั มาในโครงการอะพอลโล 16 (ซ้าย) และโครงการอะพอลโล 17 (ขวา) ทงั� สองโครงการเกิดขนึ � ภายในปี ค.ศ. 1972 การวิเคราะห์องค์ประกอบของหินจากดวงจนั ทร์อยา่ งละเอียดทําให้นกั วิทยาศาสตร์พบวา่ ไอโซโทป ออกซิเจนของหินจากดวงจนั ทร์มีความแตกต่างจากหินบนโลกเล็กน้อย กล่าวคือ หินจากดวงจนั ทร์มี อตั ราสว่ น ออกซเิ จน (O-17) มากกวา่ หินบนโลก ราว 12 ในล้านสว่ น ภารกิจสดู วงจันทร 25

อัตราส่วนไอโซโทปออกซเิ จนท�แี ตกต่างกันนีบ� ่งบอกอะไร? ทฤษฎีการกําเนิดดวงจนั ทร์ที�นกั วิทยาศาสตร์เช�ือถือท�ีสดุ คือ ทฤษฎีการชนครัง� ใหญ่ ซงึ� หากทฤษฎี นีเ�ป็นจริง ดวงจนั ทร์ควรมีองค์ประกอบเกือบจะเหมือนโลกของเรา โดยมีความแตกตา่ งออกไปเลก็ น้อย ซง�ึ ตรงกบั ผลการวิเคราะห์หินจากดวงจนั ทร์ อยา่ งไรกต็ าม นกั วทิ ยาศาสตร์จาํ นวนหนง�ึ ยงั ไมถ่ งึ ขนั� ปักใจเชอื� เตม็ ร้อย ผ้เู ชยี� วชาญบางคนให้ความ เหน็ วา่ ความแตกตา่ งท�ีวดั ได้นีน� ้อยเกินกวา่ จะนบั เป็นข้อบง่ ชีถ� งึ ต้นกําเนิดดวงจนั ทร์ นกั วจิ ยั บางคนระบวุ า่ ตวั อยา่ งหินจากดวงจนั ทร์ท�ีเก็บมาได้จากโครงการอะพอลโล มาจากพืน� ผิว ดวงจนั ทร์ 3 ตําแหนง่ ซงึ� ในเชิงสถิตนิ นั� นบั วา่ น้อยเกินกวา่ จะใช้เป็นตวั อยา่ งของดวงจนั ทร์ทงั� ดวง ข้อสงั เกตเพ�ิมเติมคือ นกั วิจยั บางคนเสนอว่าควรทําการตรวจสอบไอโซโทปของธาตอุ �ืน ๆ อย่าง ไทเทเนียม หรือ ซลิ คิ อน ซง�ึ แตเ่ ดิมเคยตรวจวดั อตั ราสว่ นไอโซโทปได้เหมือนกบั หินบนโลก แตห่ ากตรวจ ละเอียดมาก ๆ อาจได้ผลลพั ธ์ท�ีชดั เจนขนึ � แร่ Armalcolite ขนาด 5 มิลลเิ มตร อกี หนงึ� กรณีศกึ ษาทน�ี า่ สนใจ คอื เมอื� ปลาย เดือนมกราคม ค.ศ. 2019 ทีมนักวิทยาศาสตร์ ตีพิมพ์ผลการวิเคราะห์หินดวงจนั ทร์ที�นํากลบั มา จากโครงการ Apollo 14 ตงั� แตป่ ี ค.ศ. 1971 พบ ว่าในตัวอย่างเหล่านัน� มีเศษหินเก่าแก่โบราณ จากบนโลกอยู่ สนั นิษฐานว่ามนั กระเด็นไปอยู่ บนดวงจันทร์ เน�ื องจากโลกของเราถูกชนโดย ดาวเคราะห์น้อยหรือดาวหางอยา่ งรุนแรงเมื�อ 4 พนั ล้านปีกอ่ น ซง�ึ ในตอนนนั� ดวงจนั ทร์อยใู่ กล้กบั โลกมากกวา่ นีป� ระมาณ 3 เทา่ เหตุท�ีนักวิทยาศาสตร์รู้ว่ามันเป็ นหินจากโลกเพราะเม�ือวิเคราะห์องค์ประกอบแล้วพบว่ามัน ประกอบด้วยแร่ควอตซ์ แร่เฟลด์สปาร์ (feldspar) และแร่อ�ืนๆ ที�พบทวั� ไปบนโลกของเราแตห่ ายากมาก บนดวงจันทร์ นอกจากนีล� กั ษณะของผลึกยงั บ่งชีว� ่าหินก้อนนีเ� กิดจากการะบวนการทางธรณีบนโลก ที�ระดบั ความลกึ 20 กิโลเมตรใต้ผิวโลก นกั วิทยาศาสตร์เช�ือวา่ อกุ กาบาตท�ีชนโลกอยา่ งรุนแรงทําให้มีเศษหินบนโลกปลวิ ไปตกบนดวงจนั ทร์ จํานวนหนง�ึ จากนนั� จงึ ถกู กลบฝังด้วยอกุ กาบาตท�ีพงุ่ ชนผิวดวงจนั ทร์ อยา่ งไรกต็ าม ยงั มคี วามเป็นไปได้วา่ หนิ ก้อนนเี �กดิ ขนึ � บนดวงจนั ทร์ แตอ่ าจเกดิ ภายใต้สภาพแวดล้อม ที�แตกต่างจากหินส่วนใหญ่ เช่น เกิดขึน� ใต้ผิวดวงจนั ทร์ที�ระดบั ความลกึ มาก ๆ และด้วยความที�มนั เป็ น หินตวั อยา่ งแรกที�มีลกั ษณะเชน่ นีท� ําให้ยากตอ่ การสรุปผล 26 ภารกจิ สูด วงจันทร

ภารกิจสาํ รวจดวงจนั ทร ยานทก่ี าํ ลงั ปฏบิ ตั ภิ ารกิจอยู ลนู าร รคี อนเนสเซนส ออรบ ิเทอร (Lunar Reconnaissance Orbiter, LRO) ประเภทยาน : ยานโคจรรอบดาว (Orbiter) หน่วยงาน : องค์การบริหารการบนิ อวกาศ สหรัฐอเมริกา (NASA) ส่งขนึ� สู่อวกาศ : 18 มิถนุ ายน ค.ศ. 2009 เก็บข้ อมูลเพ�ือวางแผนโครงการสํารวจดวง จนั ทร์ของสหรัฐอเมริกาในอนาคต ทําแผนที�เพ�ือหาพืน� ที�ลงจอด ค้นหาทรัพยากรธรรมชาตทิ อ�ี าจเป็นประโยชน์ ศกึ ษาสภาพการแผร่ ังสบี นดวงจนั ทร์ ทําแผนที�พืน� ผิวดวงจนั ทร์ 3 มิติ และถ่ายภาพ พืน� ผิวความละเอียดสงู ดาวเทียมแอลครอส (Lunar CRater Observation and Sensing Satellite : LCROSS) ประเภทยาน : ยานโคจรรอบดาว (Orbiter) หน่วยงาน : องค์การบริหารการบนิ อวกาศ สหรัฐอเมริกา (NASA) ส่งขนึ� สู่อวกาศ : 18 มิถนุ ายน ค.ศ. 2009 สง่ ไปพร้อมกบั ยาน LRO ศกึ ษาหลมุ อกุ กาบาตบริเวณขวั� ของดวงจนั ทร์ ซง�ึ เป็นหลมุ ที�แสงจากดวงอาทติ ย์สอ่ งไปไมถ่ ึง ใช้จรวดเซนทอร์พงุ่ ชนทหี� ลมุ อกุ กาบาต ให้สาร ฟ้ งุ กระจายเหนือพืน� ผิว แล้วเคล�อื นท�ีตดั ผา่ น เพื�อเก็บข้อมลู ค้นพบนาํ � แขง็ ทหี� ลมุ อกุ กาบาต Cabeus บริเวณ ขวั� ใต้ของดวงจนั ทร์ ภารกจิ สดู วงจันทร 27

ฉางเออ 3 (Chang’e 3) และยวี่ทู (Yutu) ประเภทยาน : ฉางเออ๋ 3 เป็นยานลงจอด (Lander), ยว�ีทเู่ ป็นยานเคลอ�ื นที�ได้ (Rover) หน่วยงาน : องค์การอวกาศแหง่ ชาตจิ ีน (CNSA) ส่งขนึ� สู่อวกาศ : 1 ธนั วาคม ค.ศ. 2013 ยวี�ทเู่ ป็นรถขนาดเลก็ บรรจอุ ยใู่ นตวั ยานฉางเออ๋ 3 ทดสอบการลงจอดและเทคโนโลยีรถหนุ่ ยนต์ สาํ รวจสภาพทางธรณีวิทยาของพืน� ผิวดวงจนั ทร์ ศกึ ษาสภาพของพลาสมาในอวกาศบริเวณดวงจนั ทร์ ศกึ ษาวตั ถทุ ้องฟ้ าตา่ ง ๆ จากพืน� ผิวดวงจนั ทร์ ฉางเออ 5-ที 1 (Chang’e 5-T1) ประเภทยาน : ยานโคจรรอบดาว (Orbiter) หน่วยงาน : องค์การอวกาศแหง่ ชาตจิ ีน (CNSA) ส่งขนึ� สู่อวกาศ : 23 ตลุ าคม ค.ศ. 2015 ยานต้นแบบเพื�อทดสอบเทคโนโลยีในภารกิจฉางเออ๋ 5 ซง�ึ มีกําหนดจะขนึ � สู่ อวกาศภายในปี ค.ศ. 2019 ทดสอบการสง่ แคปซลู จากดวงจนั ทร์กลบั มายงั โลกได้สาํ เร็จในปี ค.ศ. 2015 สว่ น Service Module ของยานมีการขยายภารกิจให้โคจรรอบดวงจนั ทร์ เพื�อหาตําแหนง่ ลงจอดของภารกิจในอนาคต 28 ภารกจิ สูดวงจนั ทร

เชวยี่ เฉยี ว (Queqiao) ประเภทยาน : ยานโคจรรอบดาว (Orbiter) หน่วยงาน : องค์การอวกาศแหง่ ชาตจิ ีน (CNSA) ส่งขนึ� สู่อวกาศ : 21 พฤษภาคม ค.ศ. 2018 โคจรรอบดวงจันทร์เพื�อเป็ นตวั กลางในการติดต่อส�ือสารระหว่างยาน ฉางเออ๋ 4 ยวี�ทู่ 2 กบั สถานีบนพืน� โลก หลงเจียง 2 (LONGJIANG 2) ประเภทยาน : ยานโคจรรอบดาว (Orbiter) หน่วยงาน : องค์การอวกาศแหง่ ชาตจิ ีน (CNSA) ส่งขนึ� สู่อวกาศ : 18 พฤษภาคม ค.ศ. 2018 ดาวเทียมฝาแฝดขนาดเลก็ คือ หลงเจียง 1 และหลงเจียง 2 หลงเจียง 1 ล้มเหลวในการโคจรรอบดวงจนั ทร์ ศกึ ษาคลื�นวทิ ยคุ วามถ�ีตํ�า (1 - 30 เมกะเฮิร์ตซ์) จากวตั ถอุ วกาศ ภารกจิ สูดวงจนั ทร 29

ฉางเออ 4 (Chang’e 4) และยว่ีทู 2 (Yutu 2) ประเภทยาน : ฉางเออ๋ 4 เป็นยานลงจอด (Lander), ยวี�ทู่ 2 เป็นยานเคลอื� นท�ีได้ (Rover) หน่วยงาน : องค์การอวกาศแหง่ ชาตจิ ีน (CNSA) ส่งขนึ� สู่อวกาศ : 8 ธนั วาคม ค.ศ. 2018 รุ่นปรับปรุงของฉางเออ๋ 3 ยานสํารวจลําแรกที�ลงจอดบนด้านไกลของดวงจนั ทร์ ศกึ ษาดาราศาสตร์ในชว่ งคลืน� วทิ ยคุ วามถ�ีตํ�า ตรวจสอบแร่และรังสี ศกึ ษาคล�นื ไหวสะเทือน ศกึ ษารังสคี อสมิก ทดลองทางชวี วทิ ยา ภายในยานลงจอดจะมกี ลอ่ ง “ชวี าลยั จว�ิ ” มกี ารทดลอง ฟักไขข่ องหนอนไหมและปลกู เมลด็ พืชบางชนิด NARIT National Astronomical Research Institute of Thailand (Public Organization) 30 ภารกิจสดู วงจันทร

โครงการสาํ รวจดวงจันทรในอนาคต การสง ยานไปสํารวจดวงจนั ทร จนั ทรายาน 2 (Chandrayaan-2) คาดวา จะสง ข้ึนสูอวกาศวนั ท่ี 15 กรกฎาคม ค.ศ. 2019 เป็นยานสาํ รวจดวงจนั ทร์ลาํ ทส�ี องตอ่ จากยาน จนั ทรายาน 1 (Chandrayaan-1) ของประเทศ อินเดีย โดยองค์การวิจยั อวกาศแหง่ อินเดีย (ISRO) ประกอบด้วยยานโคจรรอบ และยานสาํ รวจ ภาคพืน� มีแผนลงจอดบริเวณใกล้กบั ขวั� ใต้ของดวงจนั ทร์ระหวา่ งหลมุ อกุ กาบาต Manzinus C กบั Simpelius N หากสาํ เร็จจะเป็นยานลาํ แรกทส�ี ามารถลงจอดบริเวณใกล้กบั ขวั� ใต้ได้ มภี ารกจิ เพอ�ื วิเคราะห์ องค์ประกอบทางเคมี ทดสอบเทคโนโลยี และการทดลองใหมๆ่ บนพืน� ผิวของดวงจนั ทร์ ภารกจิ สดู วงจนั ทร 31

ฉางเออ 5 (Chang’e 5) คาดวา จะสง ขนึ้ สอู วกาศเดอื นธนั วาคม ค.ศ. 2019 เป็นยานสาํ รวจดวงจนั ทร์ของประเทศจีน ที�ทาํ ภารกิจตอ่ จากยาน Chang’e 4 ประกอบด้วยยานลง จอด และยานเก็บตวั อยา่ ง ภารกิจหลกั คือการเก็บตวั อยา่ งของดนิ และหินบนพืน� ผวิ ดวงจนั ทร์อยา่ งน้อย 2 กโิ ลกรัม กลบั สโู่ ลกเป็นครัง� แรกเพ�ือทําการวเิ คราะห์ข้อมลู ตอ่ ไป Smart Lander for Investigating Moon (SLIM) คาดวาจะสงข้นึ สูอวกาศในป ค.ศ. 2021 เป็นยานสาํ หรับภารกิจดวงจนั ทร์ครัง� แรกของประเทศญี�ป่ นุ โดยองค์การวจิ ยั และพฒั นาการสาํ รวจ อวกาศญ�ีป่ นุ (JAXA) ยานลาํ นมี � เี ป้ าหมายทจี� ะลงจอดอยา่ งนมุ่ นวลและแมน่ ยาํ ทส�ี ดุ ใกล้กบั บริเวณหลมุ Marius Hills Hole ที�มีลกั ษณะเป็ นท่อลาวา โดยคลาดเคลื�อนในระยะไม่เกิน 100 เมตร พร้อมทงั� มีระบบท�ีสามารถจดจํา หลมุ อกุ กาบาตได้โดยใช้เทคโนโลยีเชน่ เดียวกบั ระบบจดจําใบหน้า ในการระบตุ ําแหนง่ ปัจจบุ นั จากข้อมลู ท�ีรวบรวมโดยยาน SELENE (Kaguya) เพื�อพฒั นาระบบลงจอดและพฒั นาเทคโนโลยีสําหรับโครงการ สํารวจอากาศในอนาคต 32 ภารกิจสดู วงจนั ทร

The Korea Pathfinder Lunar Orbiter (KPLO) คาดวาจะสง ขึน้ สอู วกาศในป ค.ศ. 2021 เป็ นยานสํารวจโคจรรอบดวงจนั ทร์ของประเทศเกาหลีใต้ โดยสถาบนั วิจยั การบินอวกาศ สาธารณรัฐเกาหลี (KARI) มภี ารกจิ เพอ�ื สาํ รวจองคป์ ระกอบของพนื � ผวิ บนดวงจนั ทร์อยา่ งนํา� แข็ง และธาตตุ ่างๆ เพื�อทําแผนที�ภมู ิประเทศเตรียมพร้อมสําหรับการเลือกจดุ ลงจอดบนดวงจนั ทร์ และนําไปสกู่ ารพฒั นาเทคโนโลยีสําหรับการสํารวจดวงจนั ทร์ในอนาคต ภารกิจสูดวงจนั ทร 33

Autonomous Landing and Navigation Module (ALINA) คาดวา จะสงข้ึนสอู วกาศในป ค.ศ. 2021 เป็นภารกจิ ดวงจนั ทร์จากบริษทั เอกชน PTScientists GmbH ทเ�ี กดิ จากการรวมกลมุ่ นกั วิทยาศาสตร์ และวิศวกรในประเทศเยอรมนี ซงึ� เคยร่วมเข้าแขง่ ขนั โครงการ Google Lunar X-Prize และเสร็จสนิ � ลงโดย ไมม่ ผี ้ชู นะ แตท่ มี ยงั คงสานตอ่ เป้ าหมายภารกจิ สาํ รวจดวงจนั ทร์ตอ่ ไป ภารกจิ นปี � ระกอบด้วยยานหลกั หนง�ึ ลํา และยานเคลื�อนท�ีสองลําที�ได้รับการสนบั สนนุ โดย Audi มีภารกิจเพ�ือศกึ ษาการลงจอดบนดวงจนั ทร์ โดย จะลงจอดบริเวณหบุ เขา Taurus–Littrow และทําการถ่ายภาพด้วยกล้อง 3 มิติ พร้อมทงั� สง่ ข้อมลู กลบั มา วิเคราะห์ยงั โลกตอ่ ไป ฉางเออ 6 (Chang’e 6) คาดวาจะสง ข้นึ สูอวกาศในป ค.ศ. 2023 เป็ นยานสํารวจดวงจนั ทร์ของประเทศจีน ถกู สร้างมาให้คล้ายกบั ยาน Chang’e 5 เพ�ือ เป็นยานสาํ รองหากภารกิจล้มเหลว ภารกิจหลกั คือการเก็บตวั อย่างบริเวณขวั� ใต้ด้านใกล้ หรือ ด้านไกลของดวงจนั ทร์ หลงั จากเกบ็ ตวั อยา่ งแล้ว ยานจะส่งตัวอย่างต่อไปยังยานท�ีโคจรรอบ ดวงจนั ทร์ และส่งกลบั มายงั โลก เพื�อวิเคราะห์ ข้อมลู ตอ่ ไป 34 ภารกจิ สูดวงจันทร

การสง มนุษยไปดวงจนั ทร DearMoon Project คาดวา จะสง ขึ้นสอู วกาศในป ค.ศ. 2023 เป็นโครงการทอ่ งเทยี� วดวงจนั ทร์ โดยจรวด Big Falcon Rocket (BFR) ของบริษทั SpaceX ร่วม สนบั สนนุ โดยยซู ากุ มาเอซาวะ (Yusaku Maezawa) มหาเศรษฐีเจ้าของธรุ กจิ ขายแฟชนั� ออนไลน์ ZOZO ซง�ึ เหมาเทย�ี วบนิ นที � งั� หมด และคดั เลอื กศลิ ปินทว�ั โลกในหลายสาขา อาทิ จติ รกร ชา่ งแกะสลกั ดไี ซน์เนอร์ สถาปนกิ ฯลฯ จาํ นวน 6-8 คน ร่วมเดนิ ทางไปด้วยและออกคา่ ใช้จา่ ยให้ทงั� หมด ถอื เป็นนกั ทอ่ งเทยี� วกลมุ่ แรกทจี� ะไปโคจรรอบดวงจนั ทร์ โดยคาดหวงั วา่ ศลิ ปินทร�ี ่วมเดนิ ทางไปกบั เขาจะนาํ ประสบการณ์เดนิ ทางไป ดวงจนั ทร์ในครัง� นี �มาสร้างสรรคผ์ ลงานศลิ ปะ เพอื� สร้างแรงบนั ดาลใจ ตอ่ ยอดจนิ ตนาการและความฝันของ คนอนื� ๆ ให้หลงรกั ดวงจนั ทร์เหมอื นกบั เขาเมอื� ครัง� ยงั เป็นเดก็ ภารกิจสูด วงจนั ทร 35

โครงการ Artemis คาดวาจะสงขึ้นสอู วกาศในป ค.ศ. 2024 เป็นโครงการที�จะสง่ มนษุ ย์กลบั ไปยงั ดวงจนั ทร์อีกครัง� ภายในปี ค.ศ. 2024 ด้วยมนษุ ย์อวกาศหญิง คนแรก และชายคนตอ่ ไป บนพนื � ผวิ บริเวณทยี� งั ไมเ่ คยมมี นษุ ย์ไปเยอื นมากอ่ นนน�ั คอื ขวั� ใต้ของดวงจนั ทร์ เป็นก้าวแรกของการเร�ิมสาํ รวจอวกาศในยคุ ตอ่ ไป ภารกจิ หลกั คอื การค้นหานาํ � แขง็ ปริมาณหลายล้าน ตนั ท�ีอาจอย่บู ริเวณขวั� ใต้ของดวงจนั ทร์ และอาจสามารถใช้แหล่งทรัพยากรบนดวงจนั ทร์เป็ นเชือ� เพลิง สําหรับการสํารวจอวกาศในอนาคตได้ เพื�อให้สามารถเดินทางในอวกาศด้วยระยะทางที�ไกลขึน� อย่าง การไปดาวองั คาร นอกจากนีย� งั เป็ นแรงบนั ดาลใจสําหรับคนรุ่นหลงั เหมือนความสําเร็จของโครงการ อะพอลโล ท�ีนําไปสกู่ ารปฎิวตั ใิ นด้านวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมไปถงึ ความหลงใหลในการสาํ รวจอวกาศ เพ�ือค้นพบสงิ� ใหม่ ๆ ตอ่ ไปในอนาคต Federation คาดวาจะสงขนึ้ สอู วกาศในป ค.ศ. 2024 เรียกอกี ชอื� วา่ PPTS (Prospective Piloted Transport System) เป็นโครงการโดยองค์การ อวกาศสหพนั ธรฐั รสั เซยี (Roscosmos) เพื�อพฒั นา ยานขนส่งรุ่นใหม่ท�ีสามารถนํากลบั มาใช้ซํา� ได้ แทนท�ียานรุ่ นเก่าที�ใช้ มายาวนานอย่างโซยุซ ยานสามารถบรรทกุ ลกู เรือได้ 4 คน สามารถใช้ ในการขนส่งนักบินอวกาศไปยังวงโคจรต�ํา รอบโลกเพื�อทําภารกิจได้ยาวนานถงึ 30 วนั และหากเชื�อมตอ่ กบั สถานีอวกาศนานาชาตจิ ะอยใู่ นอวกาศ ได้นานถงึ 1 ปี ซง�ึ มากกวา่ ยานโซยซุ ถงึ สองเทา่ ในอนาคตยานลํานีจ� ะสง่ นกั บนิ อวกาศไปยงั วงโคจรของ ดวงจนั ทร์ สาํ หรับแผนสร้างสถานีอวกาศแหง่ ใหมต่ อ่ ไป 36 ภารกจิ สูดวงจนั ทร

ภาพถ่ายนกั บนิ อวกาศในภารกิจอะพอลโล 17 อะพอลโล 17 เป็นภารกิจ ที�สง่ มนษุ ย์ไปดวงจนั ทร์เป็นครัง� ที� 6 และครัง� สดุ ท้ายของโครงการ ฃอะพอลโล ยานถกู สง่ ขนึ � สอู่ วกาศเม�ือวนั ท�ี 7 ธนั วาคม ค.ศ. 1972 ประกอบด้วยลกู เรือ 3 คน คือ ยจู นี เซอร์นนั , โรนลั ด์ อแี วนส์ และ แฮร์ริสนั ชมิท หลงั จากจบภารกจิ นสี � หรัฐอเมริกากเ็ ข้าสสู่ งครามเวยี ดนาม ทาํ ให้โครงการถกู ยกเลกิ ไปในที�สดุ และไม่มีการส่งมนุษย์ไปดวงจันทร์อีกเลยเนื�องจากหลากหลายเหตุผล เช่น ความคุ้มค่าทาง วทิ ยาศาสตร์ และคา่ ใช้จา่ ยมหาศาล จงึ ทําให้หนุ่ ยนต์เป็นทางเลอื กท�ีดีกวา่ หลงั จากโครงการอะพอลโลได้ยตุ ลิ ง นาซาจงึ ทมุ่ งบประมาณทมี� ใี ห้กบั โครงการสาํ รวจอวกาศ มากมายหลายด้าน เชน่ การสง่ หนุ่ ยนต์ไปสาํ รวจดาวองั คาร สาํ รวจดาวพลโู ต และภารกิจสง่ ยาน สํารวจอื�น ๆ อีกทวั� ทงั� ระบบสรุ ิยะ ถงึ แม้วา่ จะไมม่ ีการสง่ มนษุ ย์ไปเหยียบดวงจนั ทร์อีกแล้ว นาซา ยงั ส่งมนษุ ย์ไปทําภารกิจอื�นในอวกาศอีกกว่าร้อยภารกิจ อย่างไรก็ตามก้าวเล็ก ๆ ก้าวแรก บน ดวงจนั ทร์ของภารกิจอะพอลโล 11 ก็ยงั คงเป็นก้าวครัง� สําคญั ของมวลมนษุ ยชาติ พลกิ โฉมความรู้ ที�เราไมเ่ คยคาดคดิ มาก่อน ชว่ ยสร้างความหวงั และแรงบนั ดาลใจให้กบั คนรุ่นหลงั ตอ่ ไป ภารกิจสูดวงจนั ทร 37

รายชอ่ื ภารกจิ ตา ง ๆ ภายในโครงการอะพอลโล ชอ่ื ภารกจิ วนั / เดอื น / ค.ศ. รายชอ่ื มนษุ ยอ วกาศ สรปุ ภารกจิ AS-201 26 ก.พ. 1966 ทดสอบเทคโนโลยี AS-203 5 ก.ค. 1966 - ทดสอบเทคโนโลยี AS-202 25 ส.ค. 1966 - ทดสอบเทคโนโลยี - ภารกจิ ล้มเหลว อะพอลโล 1 21 ก.พ. 1967 กสั กริสซอม นกั บนิ อวกาศเสยี ชวี ติ (AS-204) เอด็ ไวท์ โรเจอร์ บี แชฟฟี ถกู ยกเลกิ อะพอลโล 2 (AS-205) ส.ค. 1967 วอลลี เชอรา วอลต์ คนั นงิ แฮม ถกู ยกเลกิ อะพอลโล 3 (AS-207/208) 1967 ดอน ไอเซอเลอ ทดสอบเทคโนโลยี อะพอลโล 4 9 พ.ย. 1967 - ทดสอบเทคโนโลยี อะพอลโล 5 22-23 ม.ค. 1968 - ทดสอบเทคโนโลยี อะพอลโล 6 4 เม.ย. 1968 - ทดสอบเทคโนโลยี - และโคจรรอบโลก อะพอลโล 7 11-22 ต.ค. 1968 วอลลี เชอรา วอลต์ คนั นงิ แฮม โคจรรอบดวงจนั ทร์สาํ เร็จ อะพอลโล 8 21-27 ธ.ค. 1968 ดอน ไอเซอเลอ ฟรงั ค์ โบรมนั ทดสอบเทคโนโลยี อะพอลโล 9 3-13 ม.ี ค. 1969 เจมส์ โลเวลล์ ยานบงั คบั การ วลิ เลยี ม แอนเดอส์ อะพอลโล 10 18-26 พ.ค. 1969 เจมส์ แมคดวิ ติ ทดสอบเทคโนโลยกี ารลงจอด เดวดิ สกอต รสั เซลล์ ชไวคาร์ท ทอมสั สแตฟฟอร์ด จอหน์ ยงั ยจู นี เซอร์นนั 38 ภารกจิ สดู วงจันทร

อะพอลโล 11 16-24 ก.ค. 1969 นลี อาร์มสตรอง สง่ มนษุ ย์คนแรกไปดวงจนั ทร์ อะพอลโล 12 14-24 พ.ย. 1969 ไมเคลิ คอลลนิ ส์ สาํ เร็จ อะพอลโล 13 11-17 เม.ย. 1970 บซั ซ์ อลั ดริน อะพอลโล 14 31 ม.ค. - 9 ก.พ. 1971 พที คอนราด สง่ มนษุ ย์ไปดวงจนั ทร์ครัง� ท�ี 2 อะพอลโล 15 26 ก.ค. - 7 ส.ค. 1971 ริชาร์ด เอฟ กอร์ดอน จเู นยี ร์ สาํ เร็จ อะพอลโล 16 16-27 เม.ย. 1972 อะพอลโล 17 7-19 ธ.ค. 1972 อลนั บนี ภารกจิ ล้มเหลวระหวา่ งเดนิ ทาง อะพอลโล 18 เจมส์ โลเวลล์ นกั บนิ อวกาศร่อนลงฉกุ เฉิน อะพอลโล 19 ก.พ. 1972 แจค็ สไวเกริ ์ท อะพอลโล 20 ก.ค. 1972 เฟรด ไฮส์ สง่ มนษุ ย์ไปดวงจนั ทร์ครัง� ที� 3 ธ.ค. 1972 อลนั เชพาร์ด สาํ เร็จ สจวต โรซา เอด็ การ์ มติ เชล สง่ มนษุ ย์ไปดวงจนั ทร์ครัง� ที� 4 เดวดิ สกอต สาํ เร็จ อลั เฟรด วอร์เดน เจมส์ เออร์วนิ สง่ มนษุ ย์ไปดวงจนั ทร์ครัง� ที� 5 จอหน์ ยงั สาํ เร็จ เคน แมตทงิ ลี ชาลส์ ดคุ สง่ มนษุ ย์ไปดวงจนั ทร์ครัง� ท�ี 6 ยจู นี เซอร์นนั สาํ เร็จ โรนลั ด์ อแี วนส์ แฮร์ริสนั ชมทิ ถกู ยกเลกิ เพราะถกู ตดั งบ ประมาณ - ถกู ยกเลกิ เพราะถกู ตดั งบ - ประมาณ - ถกู ยกเลกิ แตน่ าํ จรวดไปใช้ใน ภารกจิ อน�ื NARIT National Astronomical Research Institute of Thailand (Public Organization) ภารกิจสูดวงจันทร 39

ภารกิจสํารวจดวงจนั ทร์ทงั� หมดตงั� แตอ่ ดีตจนถงึ ปัจจบุ นั (ข้อมลู วนั ที� 10 มิถนุ ายน ค.ศ. 2019) 40 ภารกิจสดู วงจันทร

มนษุ ยไดประโยชนอะไรบา งจากการไปสาํ รวจดวงจันทร ในโครงการสาํ รวจอวกาศทผ�ี า่ นมา ทาํ ให้เกดิ การระดมความรู้และความสามารถจากนกั วิทยาศาสตร์ ทวั� ทกุ มมุ โลก เพื�อเพ�ิมขีดความสามารถทางด้านเทคโนโลยีในช่วงเวลานนั� ให้มีประสิทธิภาพสงู ท�ีสดุ เท่าที�จะเป็นไปได้ ซงึ� ในปัจจบุ นั เทคโนโลยีหลายอยา่ งถกู สง่ ผา่ นและนํามาปรับใช้ในชีวติ ประจําวนั มากมาย ทงั� ด้านการสอ�ื สาร การสาํ รวจทรัพยากร การแพทย์ อตุ สาหกรรมอื�นอีกจํานวนมากท�ีทําให้การใช้ชีวิตใน ปัจจบุ นั สะดวกสบายมากขนึ � มาดกู นั วา่ ในชว่ งยคุ ของโครงการอะพอลโล มีเทคโนโลยีใดบ้างที�เข้ามาเป็น สว่ นหนง�ึ และรายล้อมของเราโดยไมร่ ู้ตวั 1. เคร่ืองเอกซเรยค อมพิวเตอร (CAT scanner) : ในชว่ งกลางปี ค.ศ. 1960 โครงการอะพอลโล ได้พฒั นาเทคนิคสร้างภาพถ่ายที�เรียกวา่ “การประมวลผลภาพถ่ายดจิ ิตอล (Digital image Processing)” เพ�ือให้คอมพิวเตอร์ช่วยปรับปรุงภาพถ่ายดวงจนั ทร์ ให้ดีขนึ � ซง�ึ ปัจจบุ นั เทคนิคดงั กลา่ วถกู นํามาประยกุ ต์ ใช้อยา่ งกว้างขวาง โดยเฉพาะทางการแพทย์ ในการ ประมวลผลภาพถ่ายภายอวยั วะในร่างกายเพื�อช่วย ในการวนิ ิจฉยั โรค ท�ีรู้จกั กนั ดีจากเครื�องมือที�เรียกวา่ CT Scan และ MRI 2. คอมพวิ เตอรไมโครชิป (Computer microchip) : ภารกิจส่งยานอะพอลโลขึน� สู่ อวกาศ ขนาด นาํ � หนกั ประสทิ ธิภาพของอปุ กรณ์ เป็นส�ิงท�ีนกั วิทยาศาสตร์ให้ความสําคญั อยา่ งมาก อุปกรณ์ต่าง ๆ จึงถูกจํากัดขนาดและพฒั นา ประสิทธิ ภาพให้ มากที�สุด ไม่เว้ นแม้ แต่ คอมพิวเตอร์ท�ีเป็ นเสมือนสมองสําหรับสง�ั การ ภายในยานอวกาศก็ยงั ต้องลดให้เล็กลง รวม ถึงพลงั งานไฟฟ้ าที�จํากดั ซงึ� ทกุ วนั นีเ�ทคโนโลยี ไมโครชิปเป็นหวั ใจหลกั ของคอมพวิ เตอร์โน๊ตบ๊กุ แทบ็ เลต็ โทรศพั ท์มือถือ เป็นต้น ภารกิจสูดวงจันทร 41

3. เครอื่ งมือไรสาย (Cordless tools) : 4. เครอ่ื งวดั อุณหภูมิในชอ งหู (Ear ther- ถ้านกั บินอวกาศจะเก็บตวั อย่างหินบนดวงจนั ทร์ mometer) : เทอร์โมมิเตอร์วดั อณุ หภมู ิร่างกาย แต่ต้องพกสว่านที�ใช้สายไฟขึน� ไปด้วยในอวกาศ ในคลีนิคและโรงพยาบาลถูกพัฒนาขึน� จาก คงจะเป็นเรื�องทย�ี งุ่ ยากไมน่ ้อย หนง�ึ สง�ิ ทเ�ี ราใช้งาน อุปกรณ์ ดาวเทียมท�ีใช้ สําหรั บวัดอุณหภูมิของ จนเคยชินแต่อาจไม่รู้มาก่อนเลยว่าเร�ิมขึน� จาก ดาวฤกษ์และวตั ถทุ ้องฟ้ าอื�น ๆ จากการแผ่รังสี เทคโนโลยีอวกาศ คือเคร�ืองมือและอปุ กรณ์ไร้ เทคโนโลยีเดียวกนั นีถ� กู นํามาประยกุ ต์ใช้สําหรับ สาย เชน่ เครื�องดดู ฝ่ นุ สวา่ น และตอ่ มากลาย วัดปริมาณพลังงานหรือความร้ อนภายในหู เป็ นอปุ กรณ์ชาร์จแบตเตอร์ร�ี ที�พบเห็นได้ทว�ั ไป เพื�อตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ซ�ึงสะดวกและ ในท้องตลาด รวดเร็วสําหรับการใช้งานทางการแพทย์ 42 ภารกิจสดู วงจันทร

5. อาหารแชแ ข็ง/อาหารแหง (Freeze- dried food) : อาหาร คือสง�ิ ที�จําเป็นอยา่ งมาก สาํ หรบั การเดนิ ทางทย�ี าวนานในอวกาศ อาหารแห้ง ท�ีสามารถเก็บไว้ได้นาน พกพาสะดวก ทานง่าย และประกอบด้วยสารอาหารทมี� ปี ระโยชน์ครบถ้วน จึงถูกคิดค้นขึน� สําหรับนักบินอวกาศในโครงการ อะพอลโล ซ�ึงปัจจุบนั คุณลกั ษณะพิเศษเหล่า นีถ� ูกนํามาปรับใช้อย่างกว้างขวาง ทงั� อาหารใน ซปุ เปอร์มาเก็ต อาหารสําหรับผ้สู งู อายหุ รือผ้ปู ่ วย รวมถงึ ชมุ ชนในแหลง่ ทรุ กนั ดารท�ีหา่ งไกลอีกด้วย 6. ฉนวนกันความรอน (Insulation) : เมื�อประมาณ 40 ปี ก่อน นาซาพฒั นาแผน่ ฉนวน กันความร้ อนสําหรับนักบินอวกาศในโครงการ อะพอลโลเพ�ือช่วยปกป้ องอันตรายจากการ เปล�ียนแปลงของอณุ หภมู ิในอวกาศที�สงู กวา่ 100 - 200 องศาเซลเซียส เทคโนโลยีดงั กลา่ วถกู นํา มาใช้งานอยา่ งกว้างขวาง ทงั� ในรูปแบบฉนวนกนั ความร้อนใต้หลงั คา และงานโครงสร้างของอาคาร เพื�อช่วยสะท้อนและลดความร้ อนสะสมภายใน อาคาร 7. เหลก็ ดัดฟน (Invisible braces) : แรก เริ�มเดิมทีการดดั ฟันจําเป็ นต้องใส่เหล็กครอบฟัน ท�ียุ่งยากและมีขนาดใหญ่โต จนกระทั�งมีบริษัท เอกชนเกิดไอเดียในการนําวสั ดุจากชิน� ส่วนยาน อ ว ก า ศ ข อ ง น า ซ า ที� มี คุณ ส ม บัติ โ ป ร่ ง แ ส ง แ ต่ มี ความแข็งแรง มาเป็ นส่วนผสมสําหรับผลิตเหล็ก ครอบฟันที�มีขนาดเล็ก สวยงาม และใช้ในการ รักษาทางทนั ตกรรมได้ดีจนถงึ ปัจจบุ นั ภารกิจสูดวงจนั ทร 43

8. จอยสต๊กิ (Joystick) : จอยสตกิ� สําหรับ เลน่ เกมส์ในปัจจบุ นั ถกู เร�ิมใช้งานอยา่ งกว้างขวาง หลงั จากองคก์ ารนาซานาํ มาใช้ควบคมุ ยานเคลอื� นท�ี ได้ในโครงการอะพอลโลเพอ�ื เพม�ิ อสิ ระในการบงั คบั ทศิ ทาง ซงึ� ตอ่ มาถกู นาํ มาปรบั ใช้งานหลายรูปแบบ ทงั� ด้านยานยนต์ การบิน และอตุ สาหกรรมเกมส์ 9. เมมโมรโ่ี ฟม (Memory foam) : เมมโมร�ี โฟมถกู พฒั นาขนึ � ในปี ค.ศ.1970โดยนกั วิทยาศาสตร์ ชาวญ�ีป่ นุ ของนาซา เพ�ือชว่ ยลดการบาดเจ็บจาก แรงกดทับบนท�ีน�ังของกระสวยอวกาศ ซ�ึงช่วย กระจายนํา� หนัก และแรงกดทบั อย่างสม�ําเสมอ หลงั จากนนั� ไม่นานเมมโมรี�โฟมได้ถกู ใช้อย่างแพร่ หลายในวงการแพทย์ เช่น ใช้เป็ นเตียงแทนฟกู แบบธรรมดา เพ�ือลดอาการบาดเจ็บจากแรงกด ทบั และอาการเนือ� ตายจากเลือดไมไ่ หลเวียนของ ผ้ปู ่ วยที�เคล�ือนไหวไมไ่ ด้ 10. โทรทัศนด าวเทียม (Satellite tele- vision) : โทรทศั น์ดาวเทียมเป็นเทคโนโลยีที�ใช้ แก้ไขข้อผิดพลาดของสญั ญาณจากยานอวกาศ ซ�ึงช่วยลดสัญญาณรบกวนของภาพและเสียง จากโทรทศั น์ดาวเทียมได้ และเทคโนโลยีนีไ� ด้นํา มาใช้บนโลก ในการรับชมโทรทศั น์ การใช้ GPS และการรับฟังวิทยุ ปัจจุบันเราสามารถรับชม โทรทศั น์ผา่ นคอมพิวเตอร์หรือมือถือได้ NARIT National Astronomical Research Institute of Thailand (Public Organization) 44 ภารกิจสดู วงจนั ทร

11. เลนสก นั รอยขดี ขว น (Scratch resistant lenses) : เน�ืองจากสง�ิ สกปรกและอนภุ าคท�ีพบ ในสงิ� แวดล้อมบนอวกาศทําให้นาซาต้องคดิ ค้นเทคโนโลยีเคลือบพิเศษเพ�ือป้ องกนั อปุ กรณ์ในอวกาศ โดย เฉพาะอยา่ งย�ิงหมวกกนั น็อคของนกั บนิ อวกาศ ทีมนกั วิทยาศาสตร์จงึ ได้พฒั นาสารเคลือบกนั รอยขีดขว่ น สาํ หรับเคลือบหมวกกนั น็อคของนกั บนิ อวกาศ และอปุ กรณ์อื�น ๆ ซงึ� เลนส์ท�ีเคลือบสารกนั รอยขีดขว่ นนี � จะมีอายกุ ารใช้งานมากกวา่ เลนส์พลาสตกิ ทวั� ไปถงึ สบิ เทา่ ปัจจบุ นั เทคโนโลยีนีไ� ด้ถกู นําไปใช้ในการผลติ แวน่ กนั แดด 12. รองเทากีฬาแบบยืดหยุน (Ath- letic Shoes) : ในภารกิจอพอลโล รองเท้า สําหรับนักบินอวกาศถูกออกแบบโดยวิศวกร จากนาซาให้มีความยืดหยนุ่ และเบา เพื�อรองรับ แรงกระแทกท�ีอาจเกิดขึน� ระหว่างเหยียบบน พืน� ดวงจันทร์ ต่อมาบริษัทผลิตรองเท้าได้นํา เทคโนโลยีดังกล่าวมาปรับใช้ กับรองเท้ ากีฬา เพื�อลดแรงกระแทกขณะวิ�ง โดยการเพ�ิมสปริง และระบายอากาศ ภารกิจสูดวงจันทร 45

13. เคร่ืองตรวจจบั ควนั (Smoke detector) : ที�ไหนมีควนั ที�นน�ั มีไฟ วิศวกรของนาซาทราบถงึ ปัญหาข้อนีใ� นขณะกําลงั ออกแบบ Skylab สถานีอวกาศแหง่ แรกของสหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ. 1970 ซง�ึ นกั บินอวกาศต้องรู้ว่ามีไฟเกิดขึน� หรือมีแก๊สพิษลอยอยู่ภายในเคร�ืองยนต์ ดงั นนั� นาซาจึงคิดค้นเคร�ือง ตรวจจบั ควนั เครื�องแรกที�สามารถปรับระดบั ความไวในการตรวจจบั ได้เพ�ือป้ องกนั การเตือนท�ีผิดพลาด และหลงั จากนนั� เครื�องตรวจจบั ควนั ได้ถกู นํามาใช้กบั อาคารบ้านเรือน โรงงาน และตามสถานที�ตา่ ง ๆ 14. ชุดวายน้าํ (Swimsuit) : กระสวยอวกาศท�ีพุ่งทะยานขึน� สู่ ท้องฟ้ า จะเผชิญกบั มวลอากาศท�ีทํา ให้เกิดแรงต้านหรือแรงหนืด สง่ ผล ให้ประสิทธิภาพการขบั เคลื�อนลดลง นาซาจงึ ออกแบบและพฒั นากระสวย อวกาศตามหลกั การอากาศพลศาสตร์ (Aerodynamics) ซงึ� เทคโนโลยีท�ีใช้ ลดแรงหนืดนีถ� กู นํามาประยกุ ต์ใช้กบั ชดุ วา่ ยนํา� เป็นผ้ากนั นํา� นํา� หนกั เบา สามารถลดแรงหนืดที�เกิดจากนํา� ได้ 46 ภารกจิ สดู วงจันทร

15.เครอ่ื งกรอง(Waterfilter): นํา� สะอาดเป็ นหนึ�งในปัจจัยพืน� ฐานท�ี มนษุ ย์ขาดไมไ่ ด้ ดงั นนั� ในปี ค.ศ. 1970 นาซาจึงร่วมมือกบั บริษัทวิจยั อมั พ์ควา (Umpqua Research Company) สร้ างเคร�ื องกรองนํา� ท�ีใช้ ไอโอดีน เทคโนโลยีนีเ�รียกวา่ Microbial Check Valve ซึ�งเทคโนโลยีนีถ� ูกนําประยุกต์ ใช้ กับการกรองนํา� บาดาลท�ีเจือปน สารเคมี ให้สามารถนํากลบั มาบริโภค อยา่ งปลอดภยั ได้ ในช่วงไม่ก�ีปี ที�ผ่านมาองค์การนาซาได้ทําการศึกษาเก�ียวกับนํา� โดยสร้ างอุปกรณ์ท�ี สามารถรีไซเคลิ ขยะของมนษุ ย์ได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ เชน่ กรองนํา� จากปัสสาวะให้สะอาด และปลอดภยั สามารถนํากลบั มาบริโภคได้อีกครัง� ภารกิจสดู วงจนั ทร 47