สาระนา่ รู้เรอ่ื งหญ้าแฝก โครงการพฒั นาและรณรงค์การใช้หญ้าแฝกอันเนอ่ื งมาจากพระราชดำ� ริ จัดทำ� โดย คณะอนกุ รรมการด้านวิชาการติดตามและประเมนิ ผล การดำ� เนนิ งานพฒั นาและรณรงค์การใช้หญ้าแฝกอนั เน่อื งมาจากพระราชดำ� ริ ส�ำนกั งานคณะกรรมการพิเศษเพือ่ ประสานงานโครงการอันเน่อื งมาจากพระราชด�ำริ (ส�ำนกั งาน กปร.)
สาระน่าร้เู ร่อื งหญา้ แฝก
ค�ำน�ำ จากการท่ีหญ้าแฝกเป็นพืชท่ีมีประโยชน์ในการอนุรักษ์ดินและนำ้� ตลอดจนประโยชน์ด้าน อ่ืน ๆ อย่างมากมาย จงึ เป็นพืชทพี่ ระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั ได้พระราชทานพระราชด�ำริให้ดำ� เนนิ การ ศึกษาและน�ำไปปฏิบัติต้ังแต่ปี พ.ศ. 2534 ท�ำให้ปัจจุบันเกิดผลการด�ำเนนิ งานร่วมกันมากกว่า 30 หนว่ ยงาน การดำ� เนนิ งานทผี่ า่ นมานน้ั ไดม้ คี ณะอนกุ รรมการดา้ นวชิ าการ วางแผนและตดิ ตามผลการพฒั นาและ รณรงคก์ ารใชห้ ญา้ แฝกอนั เนอื่ งมาจากพระราชดำ� ริ เดนิ ทางไปตดิ ตามและประเมนิ ผลการดำ� เนนิ งานของ หน่วยงานต่าง ๆ ท่วั ทุกภมู ิภาคอย่างต่อเนอ่ื ง ทำ� ให้ทราบว่าปัญหาหนงึ่ ของการดำ� เนนิ งานคือ ผู้ปฏบิ ตั ิ บางคนมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเกยี่ วกบั การนำ� หญา้ แฝกมาปลกู ใหบ้ รรลผุ ลตามวตั ถปุ ระสงคไ์ มม่ ากเทา่ ทคี่ วร คณะอนกุ รรมการด้านวชิ าการฯ จึงได้จัดทำ� “สาระน่ารู้เรอื่ งหญ้าแฝก” เพ่ือเป็นคู่มอื การปฏบิ ตั ิงานให้กับ เจา้ หนา้ ที่ แตเ่ พอื่ ความสะดวกในการใชง้ านกบั ผปู้ ฏบิ ตั งิ านแตล่ ะภารกจิ จงึ ไดจ้ ดั พมิ พเ์ ปน็ เอกสาร 7 เรอ่ื ง ประกอบด้วยเรื่องหญ้าแฝกคืออะไร พันธุ์หญ้าแฝก การขยายพันธุ์หญ้าแฝก การปลูกและดูแลรักษา หญ้าแฝก หญ้าแฝกกบั การอนุรกั ษ์ดินและนำ้� การใช้หญ้าแฝกในพื้นทเี่ กษตร และการใช้ประโยชน์จาก หญ้าแฝก เอกสารดังกล่าวนี้ได้เรียบเรียงโดยผู้เชี่ยวชาญหญ้าแฝกแต่ละด้าน โดยจดั พมิ พ์ครงั้ แรกเมื่อ พ.ศ. 2541 และได้จดั พิมพ์ใหม่เพ่ิมเติมไปแล้วจ�ำนวน 6 ครง้ั รวมทัง้ สิ้นกว่า 10,000 เล่ม เอกสารชุดนี้ได้รับความสนใจจากผู้ปฏิบัติงานโดยมีผู้ขอรับไปใช้ประโยชน์จนปัจจุบัน ก็ยังเป็นที่ต้องการของผู้ปฏิบัติงานหญ้าแฝก และยิ่งขยายผลการปฏิบัติงานไปยังหน่วยงานต่าง ๆ อย่างกว้างขวางย่ิงขึ้น ส�ำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเน่ืองมาจาก พระราชดำ� ริ (สำ� นกั งาน กปร.) จงึ เหน็ ว่าสาระน่ารู้เร่ืองหญ้าแฝกนยี้ งั เป็นที่ต้องการของผู้ปฏิบัติงานอยู่ จึงเห็นควรได้จัดพิมพ์เพิ่มเติม ซ่ึงผู้เรียบเรียงแต่ละท่านได้กรุณาตรวจแก้ข้อความและเนื้อหาบางตอน ให้ทันกับเหตกุ ารณ์ปัจจุบนั สำ� นกั งาน กปร. จงึ ขอขอบคุณผู้เรียบเรยี งทุกท่านไว้ในโอกาสนด้ี ้วย อนง่ึ เอกสารชุดดังกล่าวน้ีผู้ใช้เห็นว่าควรจะได้มีครบทุกบทส�ำหรับผู้ปฏิบัติงาน ส�ำนกั งาน กปร.จึงรวบรวมพิมพ์เป็นเล่มเดียวกัน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสาระน่ารู้เร่ืองหญ้าแฝกเล่มนี้ จะเป็น คู่มือการปฏิบัติงานให้ทุกท่านได้ปลูกหญ้าแฝกได้ถูกต้องเป็นผลให้เกิดการอนุรักษ์ดินและน�้ำอย่างมี ประสทิ ธิภาพดงั พระราชดำ� รติ ่อไป ส�ำนกั งาน กปร.
ารบัญ 1หญ้าแฝก คืออะไร 8พนั ธ์ุหญา้ แฝก 24การหขญยาย้าแพฝนั กธ์ุ การปลูกและ 38กาหรดญูแลา้ รแกั ฝษกา
50 หญ้าแฝก กบั การอนุรกั ษด์ ินและน�้ำ 58 การใชห้ ญา้ แฝก ในพื้นทีเ่ กษตร 70 จกาากรใหชญป้ ร้าะโแยฝชกน์ หนว่ ยงานหลัก 82 ใกนลกา้ าพรันใหธค้์ุหวญาม้ารแ้แู ลฝะสกนบั สนนุ
สาระน่ารเู้ รือ่ งหญา้ แฝก หญคอื ้าแอฝะไกร เรียบเรียงโดย ดร.วรี ะชยั ณ นคร / นายวฑิ รู ชนิ พันธ์ุ / นายประเสรฐิ เทพนรประไพ f
ขอ้ มูลทวั่ ไปเกยี่ วกับหญา้ แฝก หญา้ แฝกเปน็ หญา้ เขตรอ้ นทขี่ น้ึ อยตู่ ามธรรมชาตขิ นึ้ กระจายอยู่ ทว่ั ไป ในประเทศไทยจะพบหญา้ แฝกขน้ึ อยตู่ ามธรรมชาตใิ นพนื้ ทจี่ ากทลี่ มุ่ จนถงึ ทด่ี อนสามารถขน้ึ ไดใ้ นดนิ เกอื บทกุ ชนดิ หญ้าแฝกมชี อ่ื วทิ ยาศาสตร์ ว่า Chrysopogon zizanioides (L.) Roberty เป็นพชื วงศ์หญ้าข้ึนเป็น กอหนาแน่น เจริญเตบิ โตโดยการแตกกออย่างรวดเร็ว ความสงู จากยอด 0.5 ถึง 1.5 เมตร ลักษณะใบแคบยาว 75 เซนติเมตร ความสงู จากยอด 75 เซนติเมตร ความกว้าง 8 มิลลิเมตร หากน�ำมาปลูกติดต่อกันเป็น แนวยาวขวางแนวลาดเทของพื้นที่จะแตกกอติดต่อกันได้เหมือนแนวร้ัว ท่ีมีชีวิต สามารถกรองเศษพืชและตะกอนดินซึ่งถูกนำ�้ ชะล้างพัดพามาตก ทบั ถมตดิ อยู่กับกอหญ้าเกดิ เป็นคันดนิ ธรรมชาตไิ ด้ หญ้าแฝกเป็นพืชที่มีระบบรากลึก เจริญเติบโตในแนวดิ่ง มากกวา่ ออกทางดา้ นขา้ ง และมจี ำ� นวนรากมากจงึ เปน็ พชื ทท่ี นแลง้ ไดด้ ี ราก จะประสานติดต่อกันแน่นหนาเสมือนกำ� แพงใต้ดินสามารถกักเก็บนำ�้ และ ความชนื้ ได้ โดยทว่ั ไประบบรากแผข่ ยายกวา้ งเพยี งประมาณ 50 เซนตเิ มตร โดยรอบกอเท่านนั้ ไม่เป็นอปุ สรรคต่อพชื ทปี่ ลกู ข้างเคยี ง จดั เปน็ มาตรการ 1 อนรุ กั ษด์ นิ และนำ้� วธิ หี นง่ึ ทสี่ ามารถช่วยใหด้ นิ มคี วามชน้ื และรกั ษาหน้าดนิ เพอ่ื ใชส้ ำ� หรบั ปลกู พชื เศรษฐกจิ ได้ การใชห้ ญา้ แฝกในการอนรุ กั ษด์ นิ และน้�ำ ดงั กล่าวเป็นวิธกี ารท่ีง่ายในการปฏบิ ัติ เกษตรกรสามารถด�ำเนนิ การได้เอง n หญ้าแฝกคืออะไร
สาระนา่ รู้เรอ่ื งหญา้ แฝก และมีค่าใช้จ่ายน้อยมาก ซ่ึงจะเป็นการน�ำไปสู่การพัฒนาระบบเกษตรกรรมในเขตพื้นที่เกษตรน�้ำฝน ให้มีความมั่นคงและยั่งยืน สามารถนำ� วิธีการนี้ไปใช้ในพื้นที่อื่น ๆ เพ่ืออนุรักษ์สภาพแวดล้อมและ ทรัพยากรธรรมชาติ เช่น พื้นท่ีสองข้างทางของคลองชลประทาน อ่างเก็บน้�ำ บ่อน�้ำ ป่าไม้ ป้องกัน ขอบตล่ิง คอสะพาน ไหล่ถนน เป็นต้น คุณรจู้ ักหญา้ แฝกหรือไม่ ส�ำหรับผู้ที่พ�ำนกั พักพิงมีนิวาสสถาน และท�ำงานใน เมอื งมกั จะไม่รู้จกั หญ้าแฝก แต่ส�ำหรับเกษตรกรท่ีท�ำการเกษตร ไม่ว่าจะเป็นชาวนา ชาวไร่ หรอื ชาวสวนจะรู้จักหญ้าแฝกเป็นอย่าง ดี และคงจะมีเกษตรกรจ�ำนวนไม่น้อยที่เคยน�ำหญ้าแฝกมาใช้ ประโยชน์ในการมงุ หลงั คาบ้านหรือที่พกั ดังนน้ั เราควรทำ� ความ รู้จักหญ้าแฝกกันเพมิ่ เตมิ อกี สกั นดิ ล�ำต้น (Culm) หญ้าแฝกเป็นหญ้าที่ข้ึนเป็นกอมี ลกั ษณะเปน็ พมุ่ ใบบางตง้ั ตรงขนึ้ สงู มกี ารขนึ้ อยเู่ ปน็ กลมุ่ ใหญห่ รอื กระจายกนั อยไู่ มไ่ กลมากนกั กอแฝกมขี นาดคอ่ นขา้ งใหญโ่ คนกอ เบยี ดกนั แนน่ เป็นลกั ษณะเฉพาะอนั หนง่ึ ทแ่ี ตกตา่ งจากหญา้ อน่ื ๆ ค่อนข้างชัดเจน ส่วนโคนของล�ำต้นจะแบนเกิดจากส่วนของ 2
โคนใบทจี่ ดั เรยี งพบั ซอ้ นกนั ลำ� ตน้ แทจ้ ะมขี นาดเลก็ ซอ่ นอยใู่ นกาบใบ บริเวณคอดนิ การเจริญเติบโตและ การแตกกอของหญ้าแฝกจะมีการ แตกหน่อใหม่ทดแทนต้นเก่าอยู่ เสมอโดยจะแตกหน่อออกทาง ดา้ นขา้ งรอบคอดนิ ทำ� ใหก้ อมขี นาด ใหญ่ขึ้นเร่ือย ๆ โดยปกติแล้ว หญา้ แฝกมลี ำ� ตน้ สน้ั ขอ้ และปลอ้ ง เหน็ ไมช่ ดั เจน การแตกตะเกยี งและ การยกลำ� ต้นขึ้นเตย้ี ๆ เหนอื พืน้ ดนิ ไม่พบมากในสภาพธรรมชาตทิ ี่อดุ มสมบูรณ์แต่เป็นลกั ษณะทพี่ บ ได้ทัว่ ไปในหญ้าแฝกทไ่ี ด้จัดปลกู ในถุงในแปลงต้นแก่มากหรอื ปลูกในพน้ื ที่วิกฤติ ใบ (Leaf) ใบของหญ้าแฝกจะแตกออกจาก โคนกอ มลี กั ษณะแคบยาว ขอบใบขนาน ปลายสอบแหลม แผ่นใบกร้านคายโดยเฉพาะใบแก่ขอบใบและเส้นกลาง ใบมหี นามละเอียด (spinulose) หนามบนใบทส่ี ่วนโคน และกลางแผ่นจะมีน้อยแต่จะมีมากที่บริเวณปลายใบมี ลกั ษณะตั้งทแยงปลายหนามช้ขี น้ึ ไปทางปลายใบ กระจงั หรือเย่ือกันน้�ำฝนที่โคนใบ (ligule) จะลดรูปมีลักษณะ เป็นเพียงขอบโค้งของขนสั้นละเอียด บางครั้งสังเกตได้ ไม่ชดั เจน ราก (Roots) รากเป็นส่วนส�ำคัญและเป็น ลักษณะพิเศษของหญ้าแฝกท่ีถูกน�ำมาใช้ประโยชน์เป็น หลกั หญา้ สว่ นใหญจ่ ะมรี ากทเ่ี ปน็ ระบบรากฝอยแตกจาก ส่วนล�ำต้นใต้ดินกระจายออกแผ่กว้างเพื่อยึดพื้นดินตาม แนวนอน มากกว่าที่จะเจริญในแนวดิ่ง และไม่ลึกมาก แต่ระบบรากของหญ้าแฝกจะแตกต่างจากรากหญ้าส่วน ใหญ่คือมีระบบรากที่มีรากฝอยจ�ำนวนมากสานกันแน่น เจริญหยัง่ ลกึ ลงดินในแนวดิ่ง เมอ่ื อายุประมาณ 1 ปี จะ มรี ากลกึ ประมาณ 80 - 100 เซนตเิ มตร n หญ้าแฝกคืออะไร 3
สาระนา่ ร้เู รื่องหญ้าแฝก ชอ่ ดอก (Infllf orescence) หญา้ แฝก มชี ่อดอกตง้ั ลกั ษณะเป็นรวง ก้านช่อดอกยาว กลม ก้านช่อดอกและรวงยาวประมาณ 100 - 150 เซนติเมตร แต่ในต้นทสี่ มบูรณ์จะสูงยาว จากพื้นดนิ ได้เกินกว่า 200 เซนตเิ มตร เฉพาะ ส่วนช่อดอกหรือรวงยาวประมาณ 20 - 40 เซนติเมตร ความกว้างของช่อเม่ือแผ่เต็มที่ 10 - 15 เซนตเิ มตร ชอ่ ดอกของหญา้ แฝกหอม สว่ นใหญม่ สี นี ำ้� ตาลแดง ซง่ึ เปน็ ลกั ษณะประจ�ำ แต่ละชนดิ พนั ธ์ุ ดอกหญา้ (Spikelets) ดอกหญา้ แฝก จะเรียงตัวอยู่ด้วยกันเป็นคู่ ๆ มีลักษณะ คล้ายคลึงและขนาดใกล้เคียงกัน แต่ละคู่ ประกอบด้วยดอกชนิดที่ไม่มีก้าน และดอก ชนดิ มกี า้ น ยกเวน้ ทสี่ ่วนปลายของก้านช่อย่อย มักจะจัดเรียงเป็น 3 ดอกอยู่ด้วยกัน ดอก ไม่มีก้านจะอยู่ด้านกลางส่วนดอกท่ีมีก้านจะชู อยู่ด้านบน ดอกหญ้าแฝกมีลักษณะคล้ายกระสวย ทรงขอบขนาน รปู ไขป่ ลายสอบ ขนาดของดอกกวา้ ง 1.5 - 2.5 มลิ ลิเมตร ยาว 2.5 - 3.5 มิลลเิ มตร ผิว บนดา้ นหลงั ขรขุ ระมหี นามแหลมขนาดเลก็ โดยเฉพาะ ท่ีบริเวณขอบเห็นได้ชัดเจนเมื่อส่องดูด้วยแว่นขยาย ด้านล่างผิวเรยี บ 4
เมล็ดและต้นกล้า (Seed and Seedling) 5 ดอกหญา้ แฝกเมอื่ ไดร้ บั การผสมเกสรแลว้ ดอกทไี่ มม่ กี า้ นดอก ซึ่งเป็นดอกสมบูรณ์เพศก็จะติดเมล็ด เมล็ดมีสีน�้ำตาลอ่อน เป็นรปู กระสวยผิวเรยี บหวั ท้ายมน มเี นอื้ ในลักษณะคล้ายแป้ง เหนยี ว สูญเสียสภาพความงอกได้ง่าย เมอ่ื ถูกลมแรงแดดจดั หรือสภาพอากาศวิกฤติเนื้อแป้งเปล่ียนเป็นแข็งรัดตัวท�ำให้ไม่ สามารถขยายตัวได้ เนื่องจากเมล็ดหญ้าแฝกมีความสามารถ ในการงอกอยู่ในช่วงระยะเวลาจำ� กดั เพยี งช่วงสั้น ๆ และบาง สายพนั ธซ์ุ ง่ึ นำ� เขา้ จากตา่ งประเทศไมม่ เี มลด็ จงึ ท�ำใหห้ ญา้ แฝก ไม่สามารถจะแพร่กระจายกลายเป็นวชั พชื ร้ายแรงได้ หญา้ แฝกแตกต่างจากหญา้ คาอยา่ งไร หญา้ แฝกมลี กั ษณะขน้ึ เปน็ กอ ๆ ทรงพมุ่ ใบปรกดนิ แผ่นใบเป็นร่อง ปลายใบเรียวยาว โคนใบคม กาบใบหุ้มห่อ กันเป็นโคนต้นมีลักษณะแบน ขยายพันธุ์โดยการแตกกอ คล้ายตะไคร้ หญ้าแฝกจะย่างปล้องชูช่อดอกสีน�้ำตาลแดง หลังจากผสมแล้วเมล็ดจะติดอยู่กับรวง จนแก่ร่วงหล่นไปไม่ไกลต้นแม่ และยังมีความสามารถขยายพนั ธ์ไุ ด้ไม่ดี ส่วนหญ้าคาจะขน้ึ ตดิ ต่อกัน เป็นผืนเนื่องจากมีไหลหรือล�ำต้นใต้ดินสานกันแน่นเจริญเติบโตข้ึนเป็นหน่อและต้น มีลักษณะกลม หุ้มห่อด้วยกาบใบ ก้านใบกลมเลก็ ใบแบน หญ้าคาจะย่างปล้องชชู ่อดอกสีขาวนวลเป็นปุยปลิวไปตาม ลมไดง้ า่ ยและปลวิ ไปไดไ้ กล เมลด็ งอกขนึ้ มาเปน็ ตน้ หญา้ คาซงึ่ เปน็ วชั พชื ทร่ี า้ ยแรงก�ำจดั ไดย้ ากแมม้ กี าร ไถกลบหลายครง้ั ก็ตาม n หญ้าแฝกคืออะไร
สาระน่ารูเ้ รือ่ งหญ้าแฝก หญ้าแฝกจะกลายเปน็ วชั พชื ที่รา้ ยแรงไดห้ รือไม่ หญ้าแฝกจะเป็นที่วิตกว่า อาจกลายเป็นวัชพืชท่ีร้ายแรงเหมือนหญ้าคา หญ้าขจรจบ หรอื ไมยราบยกั ษ์ เมอื่ นำ� ไปปลูกในพืน้ ท่ตี ่าง ๆ ปกตหิ ญ้าแฝกมีการสบื พนั ธุ์โดยการแตกหน่อจากข้อ ของล�ำต้นที่อยู่ชิดผิวดินและใต้ดิน หรือแตกแขนงจากข้อของล�ำต้นที่มีช่อดอก ดอกส่วนใหญ่ไม่มี การผสมเกสรเมล็ดจึงลีบ หญ้าแฝกเป็นพืชท่ีเมล็ดมีระยะพักตัวและมีอายุขัยสั้น มีโอกาสงอกน้อย จงึ สบื พนั ธุ์ด้วยเมล็ดได้ยาก สามารถควบคุมและกำ� จัดได้ง่ายโดยการขุดกอออกหรือไถพรวน จึงไม่ ปรากฏว่ามหี ญ้าแฝกขึน้ เป็นวัชพืชในพื้นท่ีเพาะปลูกแต่อย่างใด หญา้ แฝกมปี ระโยชน์อย่างไร หญ้าแฝกสามารถใช้ประโยชน์ในการฟื้นคืนส่งิ แวดล้อมที่ วิกฤติ ส่วนต่าง ๆ ของหญ้าแฝกมีประโยชน์ ดงั นี้ ต้น/ใบ ดกรูดอซงับเศกษ๊าซพชืCแOล2ะตในะกอาอกนาดศนิ ไดท้ด่ีถูกี ชะล้างมากักเก็บไว้ l l l ท�ำวัสดมุ งุ หลังคา l แท่งเพาะช�ำหรอื วสั ดุปลูก l ท�ำเชอื ก เส่ือ หมวก ตะกร้า ฯ l ใช้เป็นอาหารสัตว์พวกแกะ โค กระบอื ฯ l ใช้เป็นวัสดคุ ลุมดนิ ใช้รองคอกสัตว์ l ท�ำวัสดเุ พาะเหด็ ทำ� ปุ๋ยหมกั l อนื่ ๆ 6
ราก l ดูดซับน�้ำและรกั ษาความชุ่มชน้ื ในดนิ l ดูดซับแร่ธาตุอาหาร แล้วสลายกลายเป็นอนิ ทรยี วตั ถุ ในดิน ท�ำให้ดินร่วนซุย l ดดู ซับสารพษิ จากสารเคมีกำ� จดั ศตั รูพืช l ช่วยท�ำให้คณุ สมบตั ิทางกายภาพของดินดขี น้ึ l ทำ� ฉาก ม่านบังตา พดั กระเป๋าถือ l สมนุ ไพรและเคร่อื งประทนิ ผวิ l กล่นั ท�ำน้�ำหอม ส่วนผสมของสบู่ l ป้องกันแมลงและหนู l อ่ืน ๆ จะขอรับความรู้ และกลา้ พันธห์ุ ญา้ แฝกไดท้ ไ่ี หน จากประโยชน์ของหญ้าแฝกดังกล่าวข้างต้น เกษตรกร ประชาชนหรือภาครัฐและภาค เอกชน มีความประสงค์จะขอรับพันธุ์หญ้าแฝกเพื่อปลูกในพ้ืนท่ีอนุรักษ์ดินและน้�ำและปรับปรุง สภาพแวดล้อม สามารถตดิ ต่อรบั พันธุ์หญ้าแฝกได้ที่ l ส�ำนกั งานพฒั นาท่ดี นิ เขตทัง้ 12 เขต หรือสถานีพฒั นาท่ดี ินจงั หวดั ต่าง ๆ ทุกจังหวัด ทว่ั ประเทศ l ศนู ยศ์ กึ ษาการพฒั นาอนั เนอ่ื งมาจากพระราชด�ำรทิ ง้ั 6 ศนู ย์ ทม่ี อี ยทู่ กุ ภมู ภิ าคทวั่ ประเทศ n หญ้าแฝกคืออะไร 7
สาระนา่ รู้เรือ่ งหญ้าแฝก พันธหุ์ ญา้ แฝก เรียบเรียงโดย ดร.วรี ะชัย ณ นคร/นายวิฑรู ชนิ พนั ธุ์ 8
ได้มีการศึกษาหญ้าในสกุล Chrysopogon (Vetiver grass) ในประเทศไทยอย่างเป็นระบบทางอนุกรมวิธาน ผลการศึกษาปรากฏว่า หญ้าแฝกท่ีพบในประเทศไทยจ�ำแนกออกได้เป็น 2 ชนิดด้วยกัน ได้แก่ หญ้าแฝกหอม (Chrysopogon zizanioides) และหญ้าแฝกดอน (Chrysopogon nemoralis) ในธรรมชาตพิ บว่าหญ้าแฝกท้ังสองชนดิ มกี าร กระจายพนั ธ์ุอยู่ทั่วไป สามารถขนึ้ ได้ดีในสภาพพ้นื ท่ีทงั้ ที่ลุ่มและทดี่ อนในดนิ สภาพต่าง ๆ จากความสูงใกล้ระดับน�้ำทะเล จนถึงระดบั ประมาณ 800 เมตร การเรียกช่ือพืชหญา้ แฝก เปน็ เรอื่ งธรรมดาสามญั ทข่ี องทกุ สงิ่ ทกุ อยา่ งตอ้ งมชี อื่ เรยี ก ทำ� นอง เดียวกัน สง่ิ ทมี่ ชี วี ติ ทกุ ส่งิ ไม่ว่าจะเป็นพชื สตั ว์ หรอื มนุษย์ ต่างก็มีชอ่ื ประจำ� สำ� หรบั ไว้เรยี กขาน โดยทว่ั ไป เราแบ่งชือ่ ของสงิ่ มีชีวิตออกเป็น 3 ประเภท คือ ชอ่ื สามัญ (common name) ชอ่ื วิทยาศาสตร์ (scientiffi iif c name) และชื่อ พืน้ เมอื ง (local หรอื vernacular name) ชื่อสามัญ (common name) หมายถึงชื่อภาษาอังกฤษของพืช ชนดิ ต่าง ๆ เช่น vetiver หมายถงึ หญ้าแฝก banana หมายถึงกล้วย rice หมายถงึ ข้าว เป็นต้น ชื่อวิทยาศาสตร์ (scientiffiific name) คือชื่อภาษาละตินที่ก�ำหนดให้ ส�ำหรับการจัดจ�ำแนกพืชทุกล�ำดับชั้น เช่น ช่อื สกุล (genus) หมายถึงช่ือวทิ ยาศาสตร์ ท่ีก�ำหนดให้กับหมวดหมู่ในล�ำดับชั้นสกุล เป็นภาษาละตินและเป็นค�ำค�ำเดียว หรือ ชือ่ ชนดิ (species) คือ ช่อื วิทยาศาสตร์ท่ี ก�ำหนดให้กับพชื แต่ละตัว ประกอบด้วยคำ� 2 ค�ำ ท่เี รยี กว่า “ระบบทวินาม” (Binomial nomenclature) ค�ำแรกคือช่อื สกลุ เขียน ข้ึนต้นด้วยอกั ษรตัวใหญ่ ค�ำทีส่ องคอื ชอื่ ชนดิ (specifiif ifc epithet) มักเป็น ค�ำคุณศัพท์แสดงลักษณะหรือขยายค�ำแรก เขียนด้วยอักษรตัวเล็กทั้งหมด ชื่อวิทยาศาสตร์ที่สมบูรณ์ต้องมีส่วนที่สามอยู่ด้วยคือช่ือบุคคลผู้ตั้งชื่อ พชื ชนดิ นนั้ ในการเขียนชื่อวิทยาศาสตร์ของพืชตามกฎของการก�ำหนดช่ือ วิทยาศาสตร์เสนอแนะว่าให้ขีดเส้นใต้หรือพิมพ์ตัวเอน หรือตัวหนาเฉพาะ n พันธุ์หญ้าแฝก 9
สาระนา่ ร้เู ร่อื งหญ้าแฝก ตรงช่ือสกุล และชื่อชนดิ ช่ือวิทยาศาสตร์ที่ปรากฏคร้ังแรก ต้องเขียนด้วยตัวเต็ม เช่น หญ้าแฝกลุ่ม มชี อ่ื วทิ ยาศาสตรว์ า่ Chrysopogon zizanioides ในการเขยี นครง้ั ตอ่ ๆ ไป อาจยอ่ ชอ่ื สกลุ เปน็ C. กไ็ ด้ ส่วนชอ่ื ผู้ต้งั ช่ือพฤกษศาสตร์ อาจไม่ใส่ก็ได้ ถ้าไม่ใช่บทความทางอนกุ รมวธิ านหรือเป็นบทความวชิ าการ หากต้องการเขียนช่ือพฤกษศาสตร์ของพืช 2 ชนดิ หรือมากกว่าท่ีอยู่ในสกุลเดียวกัน ควรย่อชื่อสกุล ของชนดิ ที่ 2 และชนดิ ต่อ ๆ ไปได้ เช่น หญ้าแฝกลุ่ม (Chrysopogon zizanioides), หญ้าแฝกดอน (C. nemoralis), หญ้าแฝกแอฟรกิ า (C. nigritana) ในการกล่าวถงึ พชื ในสกุลเดยี วกันหลาย ๆ ชนดิ อาจจะใชช้ อ่ื สกลุ ตามดว้ ยค�ำวา่ spp. ซง่ึ เปน็ ตวั ยอ่ ทเ่ี ปน็ พหพู จนข์ องค�ำวา่ species เชน่ Chrysopogon spp. ซ่งึ หมายถงึ พชื ในสกุลหญ้าแฝกหลายชนดิ คำ� ว่า “species” น้ี แม้จะมรี ปู เป็นพหพู จน์ แต่ใช้ได้ ทง้ั ส�ำหรับพืชชนดิ เดยี วหรือหลายชนดิ ในบางคร้งั เราไม่ทราบชนดิ ของพืช เพยี งแต่ทราบว่า เป็นพืชท่ี จดั อยู่ในสกุลใด กใ็ ส่ค�ำว่า sp. ต่อท้ายชอื่ สกลุ เช่น Chrysopogon sp. หมายถึง พชื ในสกุลหญ้าแฝก ชนดิ หนงึ่ ทีย่ งั ไม่ทราบชนดิ ช่ือพ้ืนเมือง (local หรือ vernacular name) หมายถึงชื่อที่ใช้เรียก พืชเฉพาะใน ถิ่นใดถิ่นหนึ่ง หรือประเทศใดประเทศหน่ึง พืชในถิ่นต่าง ๆ ท่ัวโลก จึงมีช่ือพื้นเมืองหลายชื่อใน ท้องถน่ิ ต่าง ๆ กนั เช่น หญ้าแฝกลุ่ม มีชือ่ พื้นเมอื งในภาษาต่าง ๆ อาทิ กานา Kurikarili, เบงกอล Khus Khus, ปัญจาบ Panni, จีนกลาง Xiang Gen Cao, อนิ โดนีเซยี Agar Wangi, ตากาล็อก Moras, ทมฬิ Vetiver, มาเลเซยี Nara Wastu แมก้ ระทง่ั ในประเทศเดยี วกนั ชอ่ื พน้ื เมอื งของพชื กอ็ าจแตกตา่ งกนั ในแต่ละท้องถ่ินเช่น “หญ้าแฝกหอม” มีชื่อเรียกต่าง ๆ กันในประเทศไทย เช่น หญ้าแฝกลุ่ม ในภาคกลางและนครราชสีมา; หญ้าแฝก หญ้าคมแฝก แฝกหอม ในภาคกลาง; แกงหอม แขมหอม ในภาคอสี าน; แฝกกอตะไคร้ แซงหมอ่ ง ในจงั หวดั กำ� แพงเพชร; แฝกสม้ แฝกถำ้� ในจงั หวดั นครพนม; ฯลฯ 10
ในบางกรณี ชื่อพื้นเมืองชื่อหนงึ่ อาจใช้ส�ำหรับพืชมากกว่าหนงึ่ ชนดิ ก็ได้ เช่น หญ้าแฝกอาจ หมายถึง หญ้าแฝกลุ่ม (C. zizanioides) หรือหญ้าแฝกดอน (C. nemoralis) ก็ได้ พันธุ์ปลูก (cultivated variety หรือ cultivar) เป็นช่ือพันธุ์ของพืชปลูก ซ่ึงมักจะ เขียนต่อท้ายชื่อสามัญ หรือชื่อพ้ืนเมือง เช่น กล้วยหอม มะม่วงอกร่อง ลำ� ไยอีดอ ฯลฯ โดยทั่วไป ค�ำว่า “พันธุ์”(variety) ท่ใี ช้เรยี กกนั ทว่ั ไป เป็นพนั ธ์ุพืชปลกู ไม่ใช่พันธ์ุทางพฤกษศาสตร์ จึงเขยี นด้วย ตวั ธรรมดาไม่ต้องใช้ตัวเอน ในกรณขี องหญ้าแฝก มีพันธุ์ปลูกจำ� นวนหนงึ่ เช่น พระราชทาน อินเดยี ศรีลังกา Sunshine, Monto และ Fiji ฯลฯ รวมทั้งพันธุ์ท่ีเกิดจากผลของการปรับปรุงพันธุ์ เช่น พนั ธ์ุ Dharani, Gulabi และ Kesari ที่ สถาบนั Central Institute of Medicinal and Aromatic Plants เมืองลคั เนา ประเทศอนิ เดีย พฒั นาขน้ึ มา กลุ่มพนั ธุ์ (cultivar group หรอื cv.gr.) ในพชื ปลกู บางกลุ่ม มีหลายพันธ์ุท่มี ลี กั ษณะ คล้ายคลึงกัน จึงจัดให้อยู่ใน “กลุ่มพันธุ์” เดียวกัน ในกรณขี องหญ้าแฝกยังไม่มีผู้ใดศึกษาละเอียด ถึงความสัมพันธ์ของแต่ละชนดิ พอท่ีจะจัดให้อยู่ในกลุ่มพันธุ์ท่ีแยกออกจากกันได้ คำ� ว่า “กลุ่มพันธุ์” นี้ บางคนน�ำไปใช้แทนค�ำว่า “แหล่งพันธุ์” แต่ไม่เหมาะสม เพราะ “กลุ่มพันธุ์” หมายถึงกลุ่มของพืช ท่ีมีลกั ษณะคล้ายคลงึ กนั ซ่งึ แตกต่างไปจาก “แหล่งพนั ธ์ุ” ทหี่ มายถงึ แหล่งหรอื สถานท่ีของพชื ทีข่ ึ้นอยู่ ร่วมกัน สายพันธุ์ (strain) เป็นความแตกต่างในลักษณะประจ�ำพันธุ์ที่มีอยู่ในพันธุ์พืชปลูก เช่น มะม่วงน�้ำดอกไม้ “ทะวาย” ซึง่ แตกต่างจากมะม่วงน้�ำดอกไม้ธรรมดา ตรงท่อี อกผลตลอดปี คำ� ว่า “สายพนั ธ์ุ” นี้ ปัจจุบนั ถกู น�ำมาใช้อย่างแพร่หลาย และไม่ถกู ต้องในแทบทกุ วงการ เพราะส่วนใหญ่แล้ว n พันธุ์หญ้าแฝก 11
สาระน่ารู้เร่ืองหญ้าแฝก น�ำมาใช้เรียกแทนคำ� ว่า “พนั ธุ์” หรือ “ชนดิ ” หรอื แม้กระทงั่ “สกลุ ” ในกรณขี องหญ้าแฝก ยงั ไม่มผี ู้ใด ศึกษาละเอียดถึง “สายพนั ธุ์” ดงั นน้ั จงึ ไม่ควรนำ� คำ� นี้มาใช้กับหญ้าแฝก อย่างไรก็ดี มีบางคนนำ� คำ� นีไ้ ป ใช้แทนค�ำว่า “แหล่งพันธุ์” ของหญ้าแฝก ซง่ึ ก็ไม่ถูกต้อง เพราะ“สายพันธ์ุ” เป็นความผันแปรของลักษณะ ภายนอก หรือทางสรรี วิทยาของแต่ละสายพนั ธุ์ ที่เหน็ ได้ชัดเจน เช่น รปู ร่างแปลกออกไป หรือออกผล นอกฤดู ในขณะท่ี “แหล่งพนั ธ์ุ” นนั้ อาจไม่แตกต่างกนั ในลกั ษณะภายนอก หรือทางสรีรวทิ ยาเลยกไ็ ด้ เพียงแต่เจรญิ เตบิ โตคนละสถานท่ี หรือแหล่ง แต่กอ็ าจมลี กั ษณะแตกต่างกันกไ็ ด้ แหล่งพนั ธ์ุ (ecotype) เป็นชอื่ ของพืชทตี่ งั้ ตามแหล่งหรอื สถานท่ีที่เกบ็ รวบรวมตัวอย่างของ พืชนนั้ ๆ โดยทีอ่ าจมลี ักษณะภายนอกท่ตี ่างไปจากตัวอย่างอนื่ หรอื เหมือนกันก็ได้ ดังเช่นในกรณขี อง หญ้าแฝก ซ่ึงกรมพัฒนาที่ดินได้เก็บรวบรวมได้ถึง 28 แหล่งพันธุ์ เช่น แหล่งพันธุ์ นครสวรรค์ ก�ำแพงเพชร นครพนม สรุ าษฎร์ธานี ราชบรุ ี อทุ ยั ธานี อดุ รธานี เชยี งราย สงขลา ฯลฯ โดยปกตใิ ช้ชื่อ จังหวดั เป็นชื่อแหล่งพันธ์ุ แต่บางคร้ังก็ใช้ชอื่ อำ� เภอ หรอื ชื่ออ่ืน ๆ เช่น ห้วยขาแข้ง แม่ลาน้อยฯลฯ ใน กรณที ม่ี ีการเกบ็ รวบรวมแหล่งพนั ธ์ุจากจังหวัดเดยี วกนั หลาย ๆ ตัวอย่าง กใ็ ช้เลขทเี่ รียงลำ� ดับไป ต้งั แต่ 1, 2, ... เช่น ก�ำแพงเพชร 1 ก�ำแพงเพชร 2 สงขลา 1 สงขลา 2 สงขลา 3 หากพิสจู น์ได้ว่าแหล่งพันธ์ุใด มีลกั ษณะเฉพาะตวั ทแ่ี ตกต่างไปจากแหล่งพนั ธุ์ หรือพันธ์ุปลกู อื่น ๆ ก็เลอื่ นลำ� ดบั ข้ึนไปเป็นพันธ์ุปลกู ได้ ส�ำหรับหญ้าแฝกในประเทศไทยท่ีพบข้ึนอยู่ตามธรรมชาติ มีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด คือ หญ้าแฝกหอม และหญ้าแฝกดอน ส�ำหรบั หญ้าแฝกท่ีเกบ็ รวบรวมจากท้องทต่ี ่าง ๆ โดยยงั ไม่ได้มกี าร ศึกษาเปรียบเทียบถึงความแตกต่างในลักษณะประจ�ำพันธุ์ ให้เรียกว่า “แหล่งพันธุ์” ส�ำหรับตัวอย่าง ท่ีน�ำเข้ามาจากต่างประเทศ ซ่ึงส่วนใหญ่เป็นพันธุ์ปลูกที่ได้รับการปรับปรุงพันธุ์มาแล้ว และมีช่ือพันธุ์ 12
ทเ่ี รยี กกนั อยแู่ ลว้ ในตา่ งประเทศ ใหเ้ รยี กชอื่ พนั ธน์ุ นั้ ๆ เชน่ พนั ธม์ุ อนโต (Monto) ทนี่ ำ� เขา้ มาจากประเทศ ออสเตรเลีย พันธุ์ไทปิง (Taiping) ที่น�ำเข้ามาจากประเทศมาเลเซีย ส�ำหรับตัวอย่างที่น�ำเข้ามาจาก ต่างประเทศ แต่ไม่ทราบชื่อพันธุ์ อนุโลมให้เรียกช่ือประเทศนนั้ ๆ แทนช่ือพันธุ์ได้ เช่น พันธุ์อินเดีย พันธ์ุศรีลงั กา พันธ์ุอินโดนเี ซีย หรือจะตงั้ ชอื่ ให้ใหม่ก็ได้ เช่น พันธุ์พระราชทาน (SAS) ข้อแตกตา่ งของหญา้ แฝกหอมและหญ้าแฝกดอน หญ้าแฝกหอม (Chrysopogon zizanioides) หรอื หญ้าแฝกลุ่มเป็นพชื ทมี่ คี วามสามารถ ในการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี และเป็นไปได้ค่อนข้างรวดเร็ว หญ้าแฝกหอมที่นำ� เข้ามาจาก ต่างประเทศส่วนใหญ่ ได้แก่ พนั ธ์ุทน่ี �ำมาจากอนิ เดยี ศรลี ังกา และอนิ โดนีเซยี เป็นหญ้าท่ีได้รบั คัดเลอื ก พนั ธ์ุ และจัดปลูกภายใต้การดูแลที่มปี ัจจยั ต่างจากสภาพในธรรมชาติ อาทิ มกี ารตดั แต่งอย่างสมำ่� เสมอ เพือ่ เร่งราก เร่งการแตกกอ และเพ่อื ไม่ให้เกดิ ช่อดอกทำ� ให้ไม่เกิดการผสมพนั ธุ์ และไม่กลายพนั ธุ์ โดย ยังคงลกั ษณะเดิมไว้เสมอ หญา้ แฝกหอมทพ่ี บขน้ึ อยทู่ วั่ ไปตามธรรมชาตนิ นั้ มกี ารกระจายพนั ธ์ุ ขน้ึ อยใู่ นสภาพแวดลอ้ ม ตา่ ง ๆ มกี ารปรบั ตวั เองใหเ้ หมาะสมทจี่ ะขนึ้ อยใู่ นพน้ื ทนี่ นั้ ๆ จะใหช้ อ่ ดอกหลายชอ่ และเกดิ การผสมขา้ ม ต้นทกุ ปี การผสมข้ามต้นทำ� ให้พชื มคี วามแขง็ แรงมากขนึ้ ในลกั ษณะต่าง ๆ โดยเฉพาะในด้านพันธกุ รรม ต้านทานต่อเชื้อโรค และปัจจยั วกิ ฤตขิ องภูมอิ ากาศในท้องทนี่ น้ั ๆ แต่ในขณะเดียวกนั ก็ทำ� ให้เกิดการ กลายพันธุ์ โดยเฉพาะพนั ธุ์ปลูกเพ่อื ใช้รากสกดั นำ�้ มันหอมระเหยจะทำ� ให้สารหอมระเหยในรากมีปรมิ าณ ลดลงหรือมีปริมาณไม่คงท่ี หญ้าแฝกหอมมใี บยาว 45 - 100 เซนตเิ มตร กว้าง 0.6 - 1.2 เซนติเมตร มีหลงั ใบโค้งปลาย ใบแบนมีสเี ขียวเข้ม เน้อื ใบค่อนข้างเนียน มีไขเคลือบมากทำ� ให้ดูมัน ท้องใบออกสขี าวซดี กว่าด้านหลังใบ และเมื่อน�ำใบส่องดูกับแดดจะเห็น รอยกั้นขวางในเนื้อใบค่อนข้างชัดเจน โดยเฉพาะพื้นใบบริเวณส่วนโคนและ กลางใบ เส้นกลางใบฝังอยู่ในตัวแผ่น ใบไม่โตหรือเด่นชัดเจน หญา้ แฝกหอมทอี่ ายปุ ระมาณ 1 ปี จะมีรากทห่ี ยง่ั ลึกได้ประมาณกว่า 1 เมตร ทง้ั นขี้ น้ึ อยกู่ บั สภาพของดนิ และ ความสมบรู ณข์ องพชื ในสภาพธรรมชาติ ในดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน�้ำได้ ดหี ญ้าแฝกจะให้รากยาวท่สี ดุ n พันธุ์หญ้าแฝก 13
สาระน่าร้เู รอ่ื งหญ้าแฝก หญ้าแฝกดอน (Chrysopogon nemoralis) หรือท่ีเรียกว่า แฝกหรือแฝก พ้ืนบ้าน นนั้ มกี ารกระจายพนั ธุ์อยู่ในวงแคบ ๆ ตามธรรมชาติ เฉพาะในแถบเอเชียตะวันออก เฉยี งใต้ คือ ประเทศไทย ลาว เขมร เวยี ดนาม และมาเลเซียเท่านนั้ และไม่พบบันทึกหลักฐาน ว่านำ� ไปใช้ประโยชน์ในทางใด หญ้าแฝกดอนมีพบได้ทั่วไปในที่ ค่อนข้างแล้ง หรอื ท่ีดนิ ระบายนำ้� ได้ดใี นทกุ ภาค ของประเทศไทย โดยเฉพาะในป่าเต็งรัง แต่ มีน้อยในภาคใต้ สามารถขึ้นได้ดีท้ังในท่ีแดด จัดและแดดปานกลาง ยอดกอส่วนปลายจะ แผ่โค้งลงคล้ายกอตะไคร้ไม่ต้ังมากเหมือน หญ้าแฝกหอม ในบางพื้นที่พบว่าขึ้นอยู่หนา แน่นในลกั ษณะเป็นพชื พืน้ ล่างคลุมดินเป็นบรเิ วณกว้าง เช่น ทีว่ งตไี ก่ในเขตรกั ษาพันธุ์สตั ว์ป่าห้วยขาแข้ง จงั หวดั อทุ ยั ธานี หญา้ แฝกดอนทขี่ นึ้ อย่ตู ามป่าเตง็ รงั จะโดนไฟปา่ รบกวนอย่เู สมอ ใบของหญ้าแฝกทแี่ ห้ง เป็นเช้ือไฟท่ีดี แต่เน่ืองจากโคนกอมีลักษณะแน่นมาก จึงไม่ถูกท�ำลายง่ายโดยไฟป่าและสามารถงอกใบ ใหม่ข้นึ ทดแทนได้อย่างรวดเร็วหลังจากไฟไหม้เพยี งไม่นาน หญ้าแฝกดอนมีใบยาว 35 - 80 เซนติเมตร กว้าง 0.4 - 0.8 เซนติเมตร ใบสีเขียวซีด หลงั ใบพบั เป็นสนั สามเหลย่ี ม เน้อื ใบหยาบ สากคาย มไี ขเคลอื บน้อยทำ� ให้ดูกร้านไม่เหลอื บมนั ท้องใบสี เดียวกบั ด้านหลังใบแต่มีสีซดี กว่า แผ่นใบเมื่อส่องกับแดดไม่เห็นรอยก้ันในเน้อื ใบ เส้นกลางใบสงั เกตได้ ชัดเจน มีลกั ษณะแข็งเป็นแกนนนู ทางด้านหลัง ใบหญา้ แฝกดอนและหญา้ แฝกหอมทม่ี อี ายเุ ทา่ กนั หญา้ แฝกดอนจะมรี ากทสี่ นั้ กวา่ โดยทว่ั ไป หญ้าแฝกท่มี อี ายุประมาณ 1 ปี จะมรี ากลกึ ประมาณ 80 - 100 เซนตเิ มตร ช่อดอกของหญ้าแฝกดอน จะมีได้หลายสี ซ่ึงเป็นลักษณะปกติประจ�ำถ่นิ โดยเฉพาะแหล่งพนั ธุ์อุทยั ธานแี ละนครพนม ทพ่ี บทัว่ ไป ได้แก่ช่อดอกสีขาวครีมถึงสมี ่วงอมแดง 14
หญา้ แฝกหอม หญ้าแฝกดอน Chrysopogon zizanioides (L.) Roberty Chrysopogon nemoralis (Balansa) Holttum ตารางเปรยี บเทยี บความแตกตา่ งของหญา้ แฝกหอมและหญา้ แฝกดอน หญา้ แฝกหอม หญ้าแฝกดอน ถน่ิ กำ� เนิด ถิน่ ก�ำเนิด l ตอนกลางของทวปี เอเชยี สนั นษิ ฐาน l เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทย ลาว เขมร และเวียดนาม ว่าอยใู่ นประเทศอนิ เดีย l กระจายพนั ธอ์ุ ยใู่ นสภาพแวดลอ้ มตาม l มีการน�ำไปปลูกขยายพนั ธุ์ทว่ั ไป ธรรมชาติ ไมม่ กี ารนำ� ไปปลกู ขยายพนั ธ์ุ l เป็นพุ่ม ใบยาวตง้ั ตรงขึ้นสงู l เป็นพุ่มใบยาวปลายจะแผ่โค้งลง l สูงประมาณ 150 - 200 เซนตเิ มตร คล้ายกอตะไคร้ ไม่ต้ังมากเหมือน l มกี ารแตกตะเกยี งและแตกแขนงลำ� ตน้ ได้ หญา้ แฝกหอม l สงู 100 - 150 เซนตเิ มตร l ปกติไม่มีการแตกตะเกียงและแขนง ลำ� ตน้ n พันธุ์หญ้าแฝก 15
สาระนา่ รู้เรือ่ งหญา้ แฝก หญ้าแฝกหอม หญ้าแฝกดอน ใบ ใบ l ยาว 45 - 100 เซนติเมตร กวา้ ง l ยาว 35 - 80 เซนติเมตร กว้าง 0.6 -1.2 เซนตเิ มตร 0.4 - 0.8 เซนติเมตร l ใบสเี ขยี วเขม้ หลงั ใบโคง้ ทอ้ งใบออก l ใบสเี ขียวซดี หลงั ใบพบั เปน็ สนั แข็ง สขี าวมรี อยกั้นขวาง เนอื้ ใบส่องกับ สามเหลี่ยม ท้องใบสีเดียวกับด้าน แดดเหน็ ชัดเจน หลงั ใบแตซ่ ดี กวา่ แผน่ ใบเมอื่ สอ่ งกบั l เนอ้ื ใบคอ่ นขา้ งเนยี นมไี ขเคลอื บมาก แดดไมเ่ หน็ รอยกน้ั ในเนอ้ื ใบ ท�ำให้ดูนมุ่ มนั l เนื้อใบหยาบ สากคาย มีไขเคลือบ นอ้ ยทำ� ใหด้ ูกรา้ นไมเ่ หลอื บมัน ช่อดอกและดอก ช่อดอกและดอก l ช่อดอกสูง 150 - 250 เซนตเิ มตร l สูง 100 - 150 เซนติเมตร l ส่วนใหญ่มสี อี มม่วง l มไี ด้หลายสี ต้ังแต่สขี าวครมี สีมว่ ง l ดอกย่อยสว่ นใหญไ่ ม่มรี ะยางคแ์ ขง็ l ดอกยอ่ ยมีระยางค์แข็ง เมลด็ เมล็ด l ขนาดโตกวา่ หญา้ แฝกดอนเลก็ นอ้ ย l ขนาดเลก็ กวา่ หญ้าแฝกหอม ราก ราก l มคี วามหอมเยน็ มนี ำ�้ มนั หอมระเหย l ไมม่ คี วามหอม อยู่เฉลี่ย 1.4 - 1.6% ของน้�ำหนัก l รากส้ันกว่าโดยทั่วไป จะหย่ังลึก โดยท่วั ไปรากจะหย่ังลึกได้ประมาณ ประมาณ 80 - 100 เซนติเมตร ตง้ั แต่ 100 - 300 เซนตเิ มตร การใช้ประโยชน์ การใช้ประโยชน์ l รากใชท้ ำ� นำ�้ มนั หอม สบู่เครอื่ งประดบั l ชาวพนื้ บา้ นใชใ้ บมาทำ� วสั ดมุ งุ หลงั คา เชน่ กระเปา๋ พดั ไมแ้ ขวนเสอ้ื สมนุ ไพร แต่ไมเ่ ปน็ ทีน่ ิยมในปจั จุบนั และเปน็ ยากันแมลงในตเู้ ส้อื ผา้ 16
ตวั อย่างหญา้ แฝก 28 แหลง่ พนั ธุ์ ในประเทศไทย (ตามทะเบียนของกรมพัฒนาทด่ี ิน) หญา้ แฝกหอม หญา้ แฝกดอน 1. กำ� แพงเพชร 2 1. อุดรธานี 1 2. เชยี งราย 2. อดุ รธานี 2 3. สงขลา 1 3. นครพนม 1 4. สงขลา 2 4. นครพนม 2 5. สงขลา 3 5. รอ้ ยเอด็ 6. สรุ าษฎร์ธานี 6. ชัยภูมิ 7. ตรัง 1 7. เลย 8. ตรัง 2 8. สระบรุ ี 1 9. ศรีลงั กา 9. สระบุรี 2 10. เชียงใหม่ 10. หว้ ยขาแขง้ 11. แมฮ่ ่องสอน 11. กาญจนบรุ ี 12. นครสวรรค์ 13. ประจวบครี ขี ันธ์ 14. ราชบรุ ี 15. จันทบรุ ี 16. พิษณโุ ลก 17. ก�ำแพงเพชร 1 กพา้นื รทร่ีตวบา่ งรวๆมแหลง่ พนั ธแ์ุ ละศกึ ษาเปรยี บเทยี บการเจรญิ เตบิ โตในสภาพ หญ้าแฝกท่นี ำ� มาใช้ประโยชน์ทางด้านอนุรกั ษ์ดนิ และนำ�้ และทรัพยากรธรรมชาติ ในประเทศ ต่าง ๆ ทั่วโลกขณะน้ีส่วนใหญ่ทั้งหมดเป็น หญ้าแฝกหอม แต่เดิมเป็นพันธุ์จากประเทศอินเดียซ่ึง ได้รับการเผยแพร่โดยธนาคารโลก ส�ำหรับประเทศไทยในช่วงต้นปี 2535 ก็ได้รับพันธุ์ดังกล่าวมาจาก อินเดียเช่นเดียวกันแต่มีปริมาณน้อย ซึ่งเป็นขณะเดียวกันกับท่ีกรมพัฒนาที่ดินเริ่มศึกษาค้นคว้าการใช้ หญ้าแฝกในการอนุรักษ์ดินและนำ้� จากการประสานงานกับกองพฤกษศาสตร์และวัชพืช กรมวิชาการ เกษตร และหอพรรณไม้ กรมป่าไม้ นกั พฤกษศาสตร์พบว่า หญ้าแฝกทขี่ ้นึ ในประเทศไทยมสี องชนดิ คือ n พันธุ์หญ้าแฝก 17
สาระน่ารู้เรื่องหญา้ แฝก แฝกหอม Chrysopogon zizaniodes และ แฝกดอน Chrysopogon nemoralis ทั้งสองชนดิ พบขึ้นในทุกภาคของประเทศไทย จงึ ได้มีการรวบรวมพันธ์ุหญ้าแฝกจากแหล่งต่าง ๆ ทว่ั ประเทศ และ สำ� รวจคดั เลอื กพนั ธห์ุ ญา้ แฝกตามสภาพทางนเิ วศวทิ ยาทพี่ บในธรรมชาตซิ ง่ึ มสี ภาพทางกายภาพของพน้ื ที่ แตกตา่ งกนั เชน่ ความสงู ตำ�่ ของพนื้ ที่ เนอื้ ดนิ สภาพการระบายนำ้� เปน็ ตน้ โดยตง้ั สมมตฐิ านวา่ หญา้ แฝก ในธรรมชาตทิ ม่ี สี ภาพทางกายภาพแตกตา่ งกนั นา่ จะมคี วามแตกตา่ งในลกั ษณะของแหลง่ พนั ธ์ุ (ecotype) และการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อม ท้ังน้ี เพื่อคัดเลือกแหล่งพันธุ์ท่ีเหมาะสมต่อการใช้ประโยชน์ ท่ีดินประเภทต่าง ๆ เช่น ดนิ ร่วน ดินทราย และดนิ เหนยี ว เป็นต้น และอนโุ ลมใช้ชื่อจงั หวัดท่ีพบเป็น ชือ่ แหล่งพันธุ์ หากพบมากกว่าหนงึ่ แหล่งในจงั หวัดเดียวกัน จะเรยี งล�ำดับเป็นแหล่งพนั ธุ์ท่ี 1 ท่ี 2 ท่ี 3 โดยเริม่ ต้นจากแหล่งที่พบบนที่ดอน (หรอื แฝกดอน) เป็นแหล่งพันธุ์ท่ี 1 และทล่ี ุ่ม (หรือแฝกลุ่ม) เป็น แหล่งพนั ธุ์ท่ี 2 เช่น แหล่งพนั ธุ์กำ� แพงเพชร 1 แหล่งพนั ธ์ุกำ� แพงเพชร 2 ยกเว้นจงั หวดั ที่พบหญ้าแฝก ในทีล่ ุ่มอย่างเดียว แต่มาจากหลายแหล่งก็จะเรยี งลำ� ดบั เป็นแหล่งพันธ์ุที่ 1 ท่ี 2 ที่ 3 เช่นเดยี วกัน เช่น แหล่งพันธุ์สงขลา 1 แหล่งพนั ธุ์สงขลา 2 แหล่งพนั ธุ์สงขลา 3 เป็นต้น จากการคัดเลือกพบว่า แหล่งพันธุ์ท่ีน่าสนใจและน�ำมาศึกษาวิจัยเปรียบเทียบพันธุ์เพื่อใช้ ประโยชน์ทางด้านอนุรักษ์ดินและน�้ำมีทั้งหมด 28 แหล่งพันธุ์ เป็นหญ้าแฝกดอน 17 แหล่งพันธุ์ หญ้าแฝกหอมหรอื แฝกลุ่ม 11 แหล่งพนั ธุ์ (รวมพนั ธุ์ศรลี งั กา) และนำ� ไปทดลอง ณ สถานพี ฒั นาท่ีดนิ และศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ ต่าง ๆ ท่วั ประเทศ 12 แห่ง ได้แก่ สถานพี ฒั นาทด่ี นิ แม่ฮ่องสอน เชยี งใหม่ เพชรบูรณ์ กำ� แพงเพชร ขอนแก่น ร้อยเอ็ด นครราชสมี า ระยอง; ศูนย์ศกึ ษาการพัฒนาเขาหนิ ซ้อนฯ (จ.ฉะเชิงเทรา) และพิกุลทองฯ (จ.นราธิวาส); สถานีพัฒนาท่ีดินราชบุรี และสตูล ศึกษาเปรียบเทียบ การเจรญิ เตบิ โต คอื การแตกกอ เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางกอ และความสงู เมอ่ื อายุ 90 วนั หลงั จากปลกู ในชว่ ง ฤดูฝน ซ่ึงสามารถคัดเลือกแหล่งพันธุ์ที่มีการเจริญเติบโตเหมาะสมกับสภาพท้องถ่ินที่เป็นดินทราย ดินร่วนเหนยี วและดนิ ลกู รังได้จำ� นวน 10 แหล่งพนั ธุ์ ดังต่อไปนี้ ประเภทหญ้าแฝกหอมหรอื หญา้ แฝกลุ่ม l พันธ์ุศรลี ังกา เจริญเติบโตดใี นสภาพพน้ื ท่ีเป็นดินลูกรัง อากาศหนาวเยน็ มรี ่มเงาแตกกอ 10 ต้นต่อกอ เส้นผ่านศูนย์กลางกอ 11 เซนติเมตร สงู 101 เซนตเิ มตร แตกกอค่อนข้างหลวม หน่อกลม ยืดปล้องเรว็ โคนกอเลก็ ใบแก่ค่อนข้างเลก็ ท้องใบสี ขาวน้อยใกล้เคยี งไปทางด้านใบหญ้าแฝกดอน ดอกมี สมี ว่ ง เรม่ิ ออกดอกเมอ่ื อายปุ ระมาณ 1 เดอื นหลงั จาก ปลูก ขยายพนั ธ์ุง่ายในสภาพทม่ี คี วามชน้ื สงู แสงน้อย จะไม่ต้านทานโรคโคนเน่า l แหล่งพนั ธุ์ก�ำแพงเพชร 2 เจริญเติบโต ดีในสภาพพื้นท่ีเป็นดินทรายถึงดินลูกรัง แตกกอ 18
18 ต้นต่อกอ เส้นผ่านศูนย์กลางกอ 8 เซนติเมตร สงู 94 เซนตเิ มตร แตกกอค่อนข้างหลวม หน่อกลม คอ่ นขา้ งเลก็ ยดื ปลอ้ งเรว็ ทรงพมุ่ กาง ใบสเี ขยี วเขม้ ทอ้ งใบสขี าว ดอกสมี ว่ งแดงออกดอกเมอ่ื อายปุ ระมาณ ครึ่งเดือนหลังจากปลูกต้นโต ปล้องไม่ตรง ให้นำ้� หนกั สดสูง ให้คุณค่าทางอาหารสัตว์ดีกว่าแหล่งพันธุ์ อื่น ๆ ทั้งในด้านปริมาณโปรตีน วัตถแุ ห้งทย่ี ่อยได้ อายตุ ัด 4 สปั ดาห์ (มโี ปรตีน 5.2% นำ�้ หนกั แห้ง) l แหล่งพันธ์ุสรุ าษฎร์ธานี เจริญเตบิ โตดีในสภาพพืน้ ทีเ่ ป็นดนิ ร่วนเหนยี วและดินลกู รังแตก กอ 22 ต้นต่อกอ เส้นผ่านศูนย์กลางกอ 13 เซนติเมตร สูง 108 เซนติเมตร แตกกอหลวม หน่อกลม อวบ ยดื ปล้องเรว็ ทรงพุ่มกางมาก ใบสีเขยี วอ่อน ท้องใบขาว ดอกสีม่วงแดง ออกดอกเม่ืออายุประมาณ 1 เดือนหลังจากปลกู l แหล่งพนั ธ์ุสงขลา 3 เจรญิ เติบโตดีในสภาพพน้ื ท่ีเป็นดนิ ร่วนเหนียวทรายถึงลกู รังแตกกอ 24 ต้นต่อกอ เส้นผ่านศนู ย์กลางกอ 13 เซนตเิ มตร สงู 112 เซนติเมตร แตกกอหลวม หน่อกลมอวบ ยดื ปลอ้ งเรว็ ใบสเี ขยี วออ่ น ทอ้ งใบสขี าว ดอกสมี ว่ งแดง ออกดอกเมอ่ื อายปุ ระมาณ 1 เดอื นครง่ึ หลงั จากปลกู ประเภทหญ้าแฝกดอน l แหล่งพันธุ์เลย เจริญเติบโตดีในสภาพพ้ืนที่เป็นดินร่วนเหนียว แตกกอ 26 ต้นต่อกอ เส้นผ่านศนู ย์กลางกอ 13 เซนตเิ มตร สูง 108 เซนตเิ มตร การแตกกอแน่น ตง้ั ตรง ใบสเี ขยี ว กาบใบ สชี มพู ดอกสีม่วง เรม่ิ ออกดอกอายุประมาณ 1 เดอื นหลงั จากปลกู l แหล่งพนั ธ์ุนครสวรรค์ เจรญิ เตบิ โตในสภาพพ้นื ท่ีเป็นดนิ ทรายถึงร่วนเหนียว แตกกอ 35 ต้นต่อกอ เส้นผ่านศนู ย์กลางกอ 12 เซนตเิ มตร สูง 89 เซนติเมตร การแตกกอแน่นแต่กางออกเป็นทรง พุ่มเต้ยี ใบสเี ขียวเข้ม ดอกสีม่วง เร่มิ ออกดอกเมอ่ื อายุประมาณครึ่งเดือนหลังจากปลกู l แหล่งพันธุ์ก�ำแพงเพชร 1 เจริญเติบโตดีในสภาพพ้ืนท่ีเป็นดินทรายถึงดินร่วนเหนียว แตกกอ 34 ต้นต่อกอ เส้นผ่านศนู ย์กลางกอ 12 เซนติเมตร สงู 106 เซนตเิ มตร แตกกอแน่น ตั้งตรง ใบสีเขยี วนวล กาบใบสฟี ้านวล ดอกสีม่วง เร่ิมออกดอกเมอื่ อายปุ ระมาณคร่ึงเดือนหลังจากปลกู n พันธุ์หญ้าแฝก 19
สาระน่าร้เู รอื่ งหญา้ แฝก l แหล่งพันธุ์ร้อยเอ็ด เจริญเติบโตดีในสภาพพ้ืนท่ีเป็นดินทราย แตกกอ 26 ต้นต่อกอ เส้นผ่านศูนย์กลางกอ 7 เซนติเมตร สูง 70 เซนติเมตร แตกกอแน่น ตงั้ ตรง ใบสเี ขยี ว ดอกสีนำ�้ ตาล ดอกสีม่วง เริม่ ออกดอกเม่ืออายปุ ระมาณครงึ่ เดือนหลังจากปลูก l แหล่งพนั ธุ์ราชบรุ ี เจรญิ เตบิ โตดใี นสภาพพื้นท่เี ป็นดินทรายถงึ ดนิ ร่วนเหนียว แตกกอ 32 ต้นต่อกอ เส้นผ่านศูนย์กลางกอ 12 เซนติเมตร สูง 110 เซนตเิ มตร แตกกอแน่น ต้งั ตรง ใบสเี ขียวอ่อน กาบใบออกสนี �้ำตาล ดอกสีม่วง เร่ิมออกดอกเมือ่ อายปุ ระมาณ 1 เดอื นหลังจากปลูก เป็นสายพันธุ์ที่ให้ น�้ำหนกั พชื สดดี l แหล่งพนั ธ์ุประจวบคีรีขนั ธ์ เจริญเตบิ โตดีในสภาพพืน้ ท่เี ป็นดนิ ร่วนเหนียว และลูกรังแตก กอ 26 ต้นต่อกอ เส้นผ่านศูนย์กลางกอ 14 เซนตเิ มตร สงู 112 เซนติเมตร แตกกอแน่น หน่อใหญ่ ต้ังตรง ใบหนาสีเขยี วเข้ม ร่องโคนใบขาว กาบใบออกสีขาวนวล ออกดอกช้า บางแห่งใน 2 ปีแรกยังไม่ ออกดอก หรือมเี ปอร์เซ็นต์ออกดอกน้อย ดอกสีม่วง ช่อดอกเล็ก สรุปหญ้าแฝกท้ัง 10 แหล่งพนั ธุ์ดังกล่าว เป็นหญ้าแฝกดอน 6 แหล่งพนั ธุ์ หญ้าแฝกหอม หรือหญ้าแฝกลุ่ม 4 แหล่งพันธ์ุ หญ้าแฝกดอนแตกกอดีกว่าหญ้าแฝกลุ่ม เฉลี่ย 30 ต้น และ 18 ต้น ตามล�ำดับ แต่เส้นผ่านศูนย์กลางกอไม่แตกต่างกนั เฉลย่ี 12 เซนตเิ มตร ความสงู ของกอหญ้าแฝกลุ่ม สูงกว่ากอหญ้าแฝกดอน เฉล่ยี 104 เซนตเิ มตร และ 99 เซนติเมตร ตามลำ� ดบั ความเหมาะสมของพันธหุ์ ญ้าแฝกในสภาพพ้ืนท่ีตา่ ง ๆ พนื้ ทด่ี ินทราย l หญ้าแฝกหอม 2 แหล่งพนั ธุ์ คือ ก�ำแพงเพชร 2 และสงขลา 3 l หญ้าแฝกดอน 4 แหล่งพนั ธ์ุ คอื นครสวรรค์ ก�ำแพงเพชร 1 ร้อยเอด็ และราชบุรี พื้นที่ดินร่วน-เหนยี ว l หญ้าแฝกหอม 2 แหล่งพันธ์ุ คือ สุราษฎร์ธานี และสงขลา 3 l หญา้ แฝกดอน 5 แหลง่ พนั ธ์ุ คอื เลย นครสวรรค์ กำ� แพงเพชร 1 ราชบรุ ี และประจวบครี ขี นั ธ์ พ้ืนท่ีดินลกู รงั l หญ้าแฝกหอม 4 แหล่งพนั ธุ์ คือ ศรีลังกา กำ� แพงเพชร 2 สุราษฎร์ธานี และ สงขลา 3 l หญ้าแฝกดอน 2 แหล่งพันธุ์ คือ เลย และประจวบครี ีขนั ธ์ 20
ได้มกี ารน�ำแหล่งพันธุ์ทัง้ 10 แหล่งพนั ธ์ุ ไปขยายผลในภาคต่าง ๆ ตามแผนงานพัฒนาของ กรมพัฒนาที่ดนิ ในช่วงปี 2536 และ 2537 และได้มีการประชมุ หาข้อสรปุ แหล่งพันธ์ุท่เี หมาะสมสำ� หรบั ภาคต่าง ๆ มีดังต่อไปนี้ l ภาคเหนอื แหล่งพนั ธ์ุที่เหมาะสมคือ ศรีลังกา นครสวรรค์ และกำ� แพงเพชร 1 l ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ แหล่งพันธุ์ทเ่ี หมาะสมคอื ร้อยเอ็ด และสงขลา 3 l ภาคกลาง และภาคตะวันออก แหล่งพันธุ์ท่ีเหมาะสมคือ ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี กำ� แพงเพชร 1 กำ� แพงเพชร 2 สุราษฎร์ธานี และสงขลา 3 ทีส่ ามารถข้นึ ได้ในสภาพดินเคม็ คือ ราชบุรี ประจวบคีรขี นั ธ์ l ภาคใต้ แหล่งพนั ธ์ุที่เหมาะสมคอื สงขลา 3 และสรุ าษฎร์ธานี หญา้ แฝกแหล่งพันธุอ์ ่ืน ๆ การเกบ็ รวบรวมพนั ธห์ุ ญา้ แฝก นอกจากกรมพฒั นาทด่ี นิ แลว้ ยงั มสี ว่ นราชการและหนว่ ยงาน อน่ื เก็บรวบรวมด้วย เช่น โครงการเกษตรท่ีสูง โดยสำ� นกั งานพฒั นาทดี่ นิ ทีส่ ูง และกรมประชาสงเคราะห์ ชาวกะเหรี่ยงปลูกและใช้ประโยชน์ด้านสมุนไพรมานานแล้ว ซึ่งเป็นพันธ์ุมีลักษณะล�ำต้นโต กอสูง เช่นเดยี วกบั สายพันธ์ุแม่ฮ่องสอน ซง่ึ เก็บจากอำ� เภอขนุ ยวม ที่ระดบั ความสงู จากระดบั นำ�้ ทะเลประมาณ 1,479 เมตร โครงการดอยตงุ เก็บพนั ธ์ุหญ้าแฝกจากหลายท้องที่ เช่น อ�ำเภอพิมาย อยุธยา สรุ าษฎร์ธานี และขยายพันธุ์สุราษฎร์ธานีใช้ปลูกในพ้ืนท่ีโครงการซ่ึงมีช่ือพ้องกับสายพันธุ์สุราษฎร์ธานี ของกรม พฒั นาทด่ี นิ ซง่ึ เกบ็ มาจากอ�ำเภอพระแสง สว่ นพนั ธส์ุ รุ าษฎรธ์ านขี องโครงการพฒั นาดอยตงุ นน้ั น�ำมาจาก ศนู ย์วจิ ยั ยางสรุ าษฎร์ธานี ซงึ่ มกี ารนำ� เข้ามาจากอินโดนีเซยี เพอื่ ศกึ ษาการใช้ประโยชน์ของรากหญ้าแฝก ในด้านสมนุ ไพรและนำ้� มนั หอมระเหย การทดสอบแหล่งพันธุ์หญ้าแฝกเพ่ือใช้บนพื้นท่ีสูง ซึ่งมีอากาศหนาวเย็นท้องฟ้าปิดด้วย เมฆหมอกในฤดฝู น และหมอกควันในฤดูแล้ง ความเข้มของแสงน้อย จากการสังเกตพบว่าแหล่งพันธ์ุ พน้ื เมอื งจากอำ� เภอขนุ ยวม หรอื แหล่งพนั ธ์แุ ม่ฮอ่ งสอน มกี ารเจรญิ เตบิ โตดี และตา้ นทานโรคโคนเนา่ และ โรคขอบใบไหมใ้ นพน้ื ทปี่ างตอง สว่ นพนั ธศ์ุ รลี งั กาไมต่ า้ นทานตอ่ โรคดงั กลา่ ว ซงึ่ เขา้ ใจวา่ หญา้ แฝกออ่ นแอ เนื่องจากได้รับแสงแดดน้อย โรคจึงเข้าท�ำลายได้ง่ายซ่ึงแตกต่างจากแหล่งพันธุ์ท้องถิ่น กรณดี ังกล่าว จงึ น่าจะใช้แหล่งพันธุ์ท้องถน่ิ ทีเ่ หมาะสมกบั สภาพแวดล้อมท่ีสงู เช่น แหล่งพนั ธ์ุแม่ฮ่องสอน แม่ลาน้อย หรอื ปางมะผ้า ฯลฯ n nหญพ้าันแธฝุ์หกญคือ้าแอฝะไกร 21
สาระนา่ รู้เรือ่ งหญ้าแฝก พันธห์ุ ญา้ แฝกท่ีน�ำเข้ามาจากตา่ งประเทศ จากการสืบประวัติพันธุ์ได้มีการน�ำหญ้าแฝกหอมมาจาก ต่างประเทศเข้ามาหลายพนั ธุ์ เช่น พันธ์ุอนิ โดนเี ซีย ซ่ึงองค์การอาหาร และเกษตรฯ น�ำเข้ามาขยายพันธุ์โดยการเพาะเลี้ยงเน้ือเย่ือท่ีภาควิชา พฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพ่ือ ใช้ปลูกในพ้ืนที่โครงการจังหวัดชัยภูมิ เม่ือปี 2534 ก่อนหน้านี้ กรมพัฒนาท่ีดินได้รับพันธุ์จากศรีลังกาปลูกรักษาพันธุ์ไว้ที่ส�ำนกั งาน พฒั นาทด่ี นิ เขต 6 จงั หวดั เชยี งใหม่ ตอ่ มาโครงการปลกู ปา่ เขาคอ้ นำ� พนั ธ์ุ อินเดียเข้ามาจากบังคาลอร์ ในต้นปี 2535 และได้แพร่ไปยงั โครงการ พฒั นาดอยตงุ และสถานพี ัฒนาที่ดนิ เพชรบูรณ์ เมษายน 2535 มีการ ประชุมสัมมนาหญ้าแฝกที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย มีการนำ� พันธุ์ไทปิง จาก ดร. พ.ี เค. ยูน (P.K. Yoon) เข้ามา หลายหน่วยงาน เช่น โครงการหลวงเกษตรทส่ี งู และในระยะใกล้กันนนั้ ส�ำนกั งาน กปร. กไ็ ดส้ งั่ หญา้ แฝกหอมพนั ธอ์ุ นิ เดยี สง่ มาจากนวิ เดลี ซงึ่ กรมพฒั นาทดี่ นิ ได้ขยายพันธ์ุส่งไปยงั ศูนย์ขยายพนั ธุ์ 20 แห่งทัว่ ประเทศ โดยใช้รหสั DLD EXT.09 ซึง่ นิยมเรียกกนั ว่า พันธ์ุพระราชทาน 22
และจากการเดินทางไปดูงานของอธิบดีกรม พฒั นาทดี่ นิ เรอื่ งการเกษตรธรรมชาติ ทฟี่ ารม์ โอฮโี ตะ๊ ประเทศ ญป่ี นุ่ ไดน้ ำ� พนั ธห์ุ ญา้ แฝกญป่ี นุ่ มาดว้ ย ซงึ่ ไดน้ ำ� ไปขยายพนั ธ์ุ และเก็บรักษาพันธุ์ไว้ที่สถานีพัฒนาที่ดินราชบุรี นอกจากน้ี ยังมีพนั ธ์ุจากบราซลิ ซง่ึ ดร.วรี ะชยั ณ นคร นำ� เข้ามาจาก เมอื ง Belem และในช่วงปลายปี 2536 นายริชาร์ด กริม ชอร์ (Richard Grimshaw) แห่งธนาคารโลก ได้น�ำพันธุ์ หญ้าแฝกหอมหลายพันธุ์จากต่างประเทศมาให้โครงการ หลวงเกษตรท่ีสูงโดยส�ำนักงานพัฒนาที่ดินที่สูง กรม พฒั นาทดี่ นิ เปน็ ผดู้ แู ลและขยายพนั ธ์ุ เชน่ จากประเทศบราซลิ (ทวปี อเมรกิ าใต)้ กวั เตมาลา (ทวปี อเมรกิ ากลาง) และฟจิ ิ (เกาะ ในมหาสมทุ รแปซฟิ กิ ตอนใต)้ นอกจากนนั้ ดร.พอล เตรอื ง (Paul Truong) จากออสเตรเลยี ไดน้ �ำพนั ธม์ุ อนโต (Monto) มาให้กรมพัฒนาที่ดินเม่ือต้นปี 2538 ซึ่งเป็นพันธุ์ที่ไม่มี เมล็ด อย่างไรก็ตาม พันธุ์ต่าง ๆ จากต่างประเทศเหล่าน้ี ยังไม่มีรายงานว่ามีการศึกษาเปรียบเทียบว่าเหมาะสมกับ ประเทศไทยหรือไม่อย่างไร แต่จากการสังเกตความสนใจ หญ้าแฝกหอมจากต่างประเทศ จะเน้นทางด้านความหอม ของรากเพื่อสกัดเอาน้�ำมันหอมระเหย เพื่อการศึกษาวิจัย ด้านสมุนไพรและเครือ่ งหอม และสารป้องกนั ก�ำจัดศตั รพู ืช ซง่ึ หากจะใชป้ ระโยชนจ์ ากรากเพอื่ สกดั นำ�้ มนั หอมระเหยแลว้ เทคนคิ การปลูกเพื่อเอารากเป็นปริมาณมากและสะอาดนนั้ จะต้องใช้เครื่องปลูกพิเศษ ง่ายต่อการเก็บเก่ียวราก เช่น ใช้เทคโนโลยีพ้ืนบ้านทางภาคเหนือดังเช่นเทคโนโลยีของ ชาวกะเหรยี่ ง ทจี่ งั หวดั ตาก และแมฮ่ อ่ งสอน ทป่ี ลกู หญา้ แฝก ในกระบอกไม้ไผ่ที่โตมาก มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 15 เซนติเมตร โดยน�ำกระบอกไม้ไผ่มาเรียงเป็นแถวใน ร่องในหบุ ตัดกระบอกไม้ไผ่ให้มคี วามยาวมากกว่า 1 เมตร หลังจากรากหญ้าแฝกโตเต็มกระบอกไม้ไผ่แล้วแกะออก แล้วน�ำไปล้างน้�ำ จะได้รากยาวและสะอาด หรือเทคโนโลยี ของสถาบนั วจิ ยั วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยแี หง่ ประเทศไทย ท่ีปลกู หญ้าแฝกในถุงพลาสตกิ ขนาดใหญ่ เป็นต้น n พันธุ์หญ้าแฝก 23
สาระนา่ รูเ้ รือ่ งหญ้าแฝก การขยายพนั ธ์ุ หญา้ แฝก เรียบเรยี งโดย นายวิฑูร ชนิ พนั ธ์ุ/นายชยั ชาญ ชโลธร 24
การขยายพันธุ์หญ้าแฝก เป็นกิจกรรมหนึ่งของระบบปลูกหญ้าแฝก กล่าวคือ หลงั จากการรวบรวมพนั ธ์ุและคัดเลือกพันธุ์ หรือการนำ� พนั ธ์ุเข้ามาจากต่างประเทศ จงึ ท�ำการขยายพันธุ์เพ่ือเพ่ิมปริมาณให้มากข้ึนตามความต้องการ โดยการปลูกหญ้าแฝกให้มีการแตกกอ เพิ่มปริมาณหน่อหรือต้นต่อกอให้มากขึ้น และปลูกเป็นจ�ำนวนมากเต็มพ้ืนท่ี (เรียกว่าแปลงขยายพันธุ์ หรอื แปลงแม่พนั ธ์ุแฝก) เทคนคิ ในการขยายพันธ์ุและวธิ ีการต่าง ๆ มดี งั ต่อไปน้ี การขยายพนั ธุโ์ ดยปลกู ลงถงุ พลาสตกิ การปลูกลงถุงพลาสติกเป็นวิธีท่ีประณตี ดูแลรักษาง่าย แต่ต้องมีอุปกรณ์ในการให้น�้ำดูแล รักษาครบถ้วน สามารถนับจำ� นวนถุงและค�ำนวณจ�ำนวนต้นหรือหน่อตามปริมาณที่ต้องการได้ค่อนข้าง แนน่ อน ซง่ึ เหมาะสำ� หรบั โครงการพฒั นาตา่ ง ๆ นำ� ไปใชใ้ นชว่ งระยะแรกของการดำ� เนนิ งาน เชน่ โครงการ พฒั นาและรณรงคก์ ารใชห้ ญา้ แฝกฯ ทง้ั น้ี เพอ่ื ใหบ้ รกิ ารหรอื แจกจา่ ยใหห้ นว่ ยงานตา่ ง ๆ น�ำไปขยายพนั ธ์ุ ต่อหรือใช้ประโยชน์ด้านอ่ืน ๆ เป็นการเตรียมพร้อม และให้ความสะดวกต่อหน่วยงาน หรอื เกษตรกรผู้ สนใจทมี่ าขอรบั การสนบั สนนุ n การขยายพันธุ์หญ้าแฝก 25
สาระน่ารูเ้ ร่ืองหญา้ แฝก วสั ดุอปุ กรณ์ : วัสดุอปุ กรณ์ที่ใช้ในการขยายพนั ธ์ุ มดี งั ต่อไปนี้ l ถงุ พลาสติก ในการขยายพนั ธ์ุถงุ พลาสติกทีใ่ ช้ มี 2 ขนาด คือ ถงุ ใหญ่ และถงุ เล็ก ถงุ ใหญ่ ทว่ั ๆ ไป จะใช้ถงุ พลาสตกิ สดี �ำชนดิ พบั ข้างขนาดตง้ั แต่กว้าง 10 เซนตเิ มตร ยาว 22.5 เซนตเิ มตรข้ึนไป เมอื่ กรอกดนิ ผสมลงถงุ แลว้ จะไดเ้ สน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางของถงุ ตง้ั แต่ 15 ถงึ 20 เซนตเิ มตร ถงุ เลก็ จะมขี นาด กว้าง 5 เซนตเิ มตร ยาว 15 เซนตเิ มตร ถึง กว้าง 6 เซนตเิ มตร ยาว 20 เซนตเิ มตร หรอื เม่อื กรอกดนิ 26
ผสมลงถุงแล้ว จะได้เส้นผ่านศูนย์กลางของถงุ 5 ถึง 10 เซนติเมตร การขยายพนั ธ์ุในถงุ ใหญ่ก็เพือ่ ให้ได้ ปรมิ าณต้นมาก และสามารถเกบ็ ไว้ได้เป็นเวลานาน เหมาะส�ำหรบั น�ำไปขยายพนั ธ์ตุ ่ออกี ครง้ั ซง่ึ สว่ นใหญ่ จะนำ� ไปแยกกอเพอื่ ปลกู ขยายพนั ธล์ุ งดนิ เปน็ แปลงใหญ่ สว่ นถงุ เลก็ เหมาะส�ำหรบั นำ� ไปปลกู ลงดนิ หรอื ใน พนื้ ที่เป้าหมายเพื่อประโยชน์ทางด้านอนรุ ักษ์ดนิ และนำ้� เช่น ปลูกเป็นแถวเพือ่ เป็นแนวร้วั หญ้าแฝก หรือ ปลูกตามขอบถนน ไหล่ทาง ขอบบ่อ คนั นา เพือ่ ยึดดินให้มคี วามแขง็ แรงในสภาพพ้ืนท่แี ห้งแล้ง ดินเลว ดินเค็ม การปลกู หญ้าแฝกทไ่ี ด้จากการขยายพันธ์ุในถุงเล็กจะช่วยให้หญ้าแฝกรอดตายและตง้ั ตวั ได้เรว็ l พนั ธุ์หญ้าแฝก ใช้พันธุ์ทไ่ี ด้ศกึ ษาและคดั พันธ์ุแล้ว หรือพนั ธ์ุแนะนำ� อายตุ งั้ แต่ 4 เดอื น ข้ึนไป เป็นหน่อท่ีสมบูรณ์เริ่มย่างปล้องยังไม่ต้ังท้อง แยกเป็นหน่อเดี่ยว ๆ หากเป็นหน่อท่ีย่างปล้อง เร่ิมตัง้ ท้องหรอื แทงช่อดอกแล้ว ควรแยกให้มหี น่ออ่อนตดิ มาด้วยหนงึ่ ถึงสองหน่อ ตัดยอดให้ส้นั เหลือ ความยาวประมาณ 20 เซนตเิ มตร ตัดรากให้สั้นที่สดุ ลอกกาบใบทแ่ี ก่ออกให้หมดล้างนำ้� ให้สะอาด มดั รวมกันเป็นมัดเล็ก ๆ น�ำไปแช่น้�ำหรือน้�ำผสมฮอร์โมนเร่งราก ให้ระดับนำ้� สูงท่วมโคนต้นประมาณ 5 เซนติเมตร เป็นเวลา 3 ถึง 5 วัน ส�ำหรับการแช่ในน�้ำซ่งึ มฮี อร์โมนเร่งราก ตามทีม่ ีจำ� หน่ายในท้องตลาด แช่เพยี ง 1 วนั แล้วเอาข้นึ มาหุ้มหรอื วางสมุ กนั เป็นกองใช้ใบหญ้าแฝกคลุมหรือกระดาษหนงั สือพมิ พ์หุ้ม โคนเป็นมัด ๆ รดนำ้� ให้ชุ่มแล้วคลมุ ด้วยพลาสตกิ ใสภายใต้ร่มเงา หรือแสงรำ� ไรเป็นเวลา 3 ถงึ 5 วัน หญ้าแฝกจะแตกหน่อและรากออกมาจงึ คัดเลอื กเอาไปปลกู หรอื ปักชำ� ลงถงุ ต่อไป l ดินปลูกหรือวัสดุเพาะช�ำ ดินปลูกควรมีการระบายน้�ำดี ซ่ึงอาจใช้ส่วนผสมระหว่าง ดนิ ร่วนทราย และขเ้ี ถ้าแกลบเป็นสัดส่วน 1 : 2 : 1 หรือทรายและขี้เถ้าแกลบเป็นสัดส่วน 2 : 1 ก็ได้ ถุงพลาสติกสดี ำ� ชนดิ พับข้างขนาดใหญ่กว้าง 12.5 เซนติเมตร ยาว 27.5 เซนตเิ มตร เมอื่ กรอกส่วนผสม ของดนิ ดงั กล่าว จะหนกั ประมาณ 3.5 กโิ ลกรมั ส่วนถุงเล็กขนาดกว้าง 6 เซนติเมตร ยาว 20 เซนติเมตร เมื่อกรอกดนิ ผสมแล้วจะหนกั ประมาณ 600 กรัม แรงงานการกรอกดินและวางถุงนน้ั ส�ำหรบั แรงงานท่ี มีความชำ� นาญหนงึ่ คน จะกรอกดินและวางถงุ ขนาดเลก็ (6 x 10 เซนติเมตร) ได้ประมาณ 1,000 ถึง 2,000 ถุงต่อวัน n การขยายพันธุ์หญ้าแฝก 27
สาระน่ารเู้ รอ่ื งหญ้าแฝก วิธีการปฏิบตั ิ การวางถุง : ถุงขนาดใหญ่ (12.5 x 27.5 เซนติเมตร) จะวางเป็นแถวคู่ติดกันระยะห่าง ระหว่างแถวคู่ประมาณ 1 เมตร เน้ือที่ 1 ไร่ จะวางถุงได้ประมาณ 30,000 ถุง ส่วนถุงขนาดเล็ก (6 x 10 เซนติเมตร) วางถุงเรียงกันกว้าง 1 เมตร ยาวตามพ้ืนที่ เว้นทางเดิน 1 เมตร เนอื้ ท่ี 1 ไร่ จะวางถุงได้ ประมาณ 125,000 ถุง ถงุ เพาะชำ� ท้งั หมดจะวางอยู่ในทีร่ ่มเงาที่มตี าข่ายพรางแสงขนาดความเข้มแสง 70 เปอร์เซ็นต์ เว้นแต่บางพ้ืนที่ซงึ่ มีความชุ่มชืน้ สูง เช่น เพาะชำ� ในฤดฝู น หรือมเี ครือ่ งพ่นนำ้� ฝอย กส็ ามารถ วางกลางแจ้งได้ การปลูกและดูแลรักษา ควรปลูกหรือปักช�ำแฝกลงถุงขณะที่ดินหรือส่วนผสมของ ดนิ เพาะชำ� มคี วามชมุ่ ชน้ื ดี และใหน้ ำ้� มคี วามชมุ่ ชนื้ สมำ่� เสมอและอยา่ งตอ่ เนอื่ ง ไมค่ วรปลอ่ ยใหด้ นิ ผสมใน ถงุ แหง้ กอ่ นปกั ชำ� ดงั นนั้ การกรอกสว่ นผสมของดนิ ลงถงุ และการปกั ชำ� หญา้ แฝกควรมคี วามสมั พนั ธก์ นั ให้เสร็จเป็นชดุ ๆ หลงั จากปักช�ำควรให้น้�ำอย่างสมำ�่ เสมอด้วยระบบพ่นนำ�้ ฝอยหรอื สายยางต่อจากก๊อก รับแสงแดดเต็มท่ี หรือขนถุงเพาะช�ำหญ้าแฝกออกไปตั้งเรียงแถวใหม่กลางแจ้งก็ได้ถ้าหากมีการปลูก หรอื เพาะชำ� ไม่มากนกั ในลกั ษณะค่อยเป็นค่อยไป และเร่ิมให้ปุ๋ย เช่น ใช้ปุ๋ยสตู ร 25-5-5 อตั ราช้อนแกง ต่อน�้ำ 20 ลติ ร หรือ 1 ปีบ สปั ดาห์ต่อไปให้ปุ๋ย 15-15-15 อตั ราครง่ึ ช้อนชาต่อถงุ ขนาดใหญ่ และอตั รา 100 กรัมต่อ 10 ตารางเมตร ส�ำหรบั ถุงขนาดเลก็ โดยการหว่านและรดนำ�้ ให้ชุ่มอยู่เสมอ สำ� หรบั แฝกใน ถุงขนาดใหญ่ (12.5 x 27.5 เซนตเิ มตร) หลงั จากอายุ 2 เดอื นเป็นต้นไป เร่ิมแตกกออย่างรวดเรว็ ควร มกี ารให้น้�ำให้ปุ๋ยอย่างเต็มที่ อายุ 4 เดอื นขนึ้ ไป ควรตัดใบให้เหลอื ความยาวประมาณ 40 เซนตเิ มตร เพือ่ ป้องกันหญ้าแฝกไม่ให้แก่เกนิ ไป (กรณีพนั ธุ์ทอี่ อกดอกเร็ว) ส�ำหรับหญ้าแฝกที่เพาะชำ� ลงในถงุ ขนาด 28
เล็ก (6 x 20 เซนตเิ มตร) เมอื่ กล้าอายุ 45 วันข้นึ ไป กพ็ ร้อมทีจ่ ะน�ำไปปลกู ได้ ซ่ึงจะแตกหน่อ 3 ถึง 5 หน่อ รากกระจายทัว่ ไปในถงุ และส่วนหนง่ึ จะลงดินก่อนนำ� ไปปลกู ควรมีการเตอื น เช่นเดียวกัน โดยลดการให้น้�ำลงเพือ่ ให้กล้าแฝกแข็งแรง หากปล่อยให้มีอายมุ ากกว่า 2 เดอื น ขนึ้ ไป ควรมกี ารตดั ใบเป็นครัง้ คราวเพ่อื ป้องกนั เพล้ยี แป้งและหนอนกอทำ� ลาย โดยทัว่ ไปการขยายพันธุ์ในถุงพลาสติกขนาด 25 x 50 เซนตเิ มตร เวลา 4 เดือน ได้หน่อหญ้าแฝก 25 หน่อต่อถงุ การขยายพันธป์ุ ลกู ลงดิน นอกจากจะปลกู ขยายพนั ธใ์ุ นถงุ พลาสตกิ ขนาด ใหญ่แล้ว ยังน�ำมาขยายพันธ์ุให้มปี ริมาณเพ่ิมมากขน้ึ โดย การปลกู ลงดนิ โดยตรงตามศนู ยข์ ยายพนั ธห์ุ ญา้ แฝก สถานี พัฒนาท่ีดินหรือแปลงขยายพันธุ์ ซึ่งอยู่ใกล้พื้นท่ีท่ีจะน�ำ กล้าหญ้าแฝกไปเพาะช�ำและใช้ปลูกเป็นแนวรั้วหญ้าแฝก เพ่อื การอนุรักษ์ดินและนำ�้ ต่อไป ดังรายละเอียดต่อไปน้ี l การปลูกลงดินในแปลงยกร่อง การขยาย พันธุ์ด้วยวิธีการนจี้ ะท�ำในท่ีท่ีมีการชลประทานหรือพ้ืนท่ีที่ มีการจัดระบบการให้น้�ำหญ้าแฝกได้เป็นอย่างดี ซ่ึงพื้นท่ี ดงั กลา่ วเหมาะสมทจี่ ะใชท้ ำ� การผลติ กลา้ หญา้ แฝกคราวละ จำ� นวนมาก ๆ และสามารถขยายพนั ธ์หุ ญา้ แฝกได้ตลอดปี โดยเร่ิมจากการขุดกอหญ้าแฝกท่ีได้คัดเลือกพันธุ์เอาไว้ แล้ว หรือหญ้าแฝกจากถุงพลาสติกขนาดใหญ่ น�ำมา ตดั ใบใหเ้ หลอื ความยาว 20 เซนตเิ มตร และตดั รากใหเ้ หลอื ยาว 5 เซนติเมตร จากนน้ั จงึ แยกหน่อและมดั รวม นำ� ไปแช่ในน้�ำ ไว้ 4 วนั จะเกดิ รากแตกออกมาใหม่ (จากการทดสอบพบว่าเมือ่ แช่รากไว้ 4 วนั แล้วน�ำไปปลูกจะมีอัตรา การรอดเกนิ กว่า 90 เปอร์เซ็นต์) จึงนำ� ไปปลกู ในแปลงท่ีเตรียมดินและยกร่องไว้แล้ว โดยปลูกในขณะ ท่ดี นิ ยงั มีความชุ่มชนื้ อยู่ ขนาดแปลงกว้าง 1 เมตร และระยะห่างระหว่างแปลง 1 เมตร ปลูกแถวคู่โดย ใช้ระยะห่างระหว่างต้น 50 เซนตเิ มตร และระยะระหว่างแถว 50 เซนตเิ มตร การปลกู โดยวธิ ีน้ใี นพืน้ ที่ 1 ไร่ หรือพน้ื ที่ขนาด 40 x 40 เมตร จะยกร่องได้ 20 แปลงใช้ หน่อพนั ธ์ุ 160 หน่อต่อแปลง หรอื ในพ้นื ท่ี 1 ไร่ จะใช้หน่อพันธ์ุทง้ั สิ้น 3,200 หน่อ หลงั ปลูกต้องรดนำ�้ ให้ดินมีความชุ่มชนื้ อยู่เสมอ เม่อื หญ้าอายุ 1 เดือน ใส่ปุ๋ยสตู ร 15-15-15 ต้นละ 1 ช้อนชา เมื่ออายุ 4 - 5 เดือน จะได้ผลผลิตหน่อหญ้าแฝกกอละ 40 - 50 หน่อ หรือจะได้ผลผลิตทั้งส้ินประมาณ 120,000 - 150,000 หน่อต่อไร่ n การขยายพันธุ์หญ้าแฝก 29
สาระนา่ รู้เรอื่ งหญ้าแฝก l การปลูกลงดนิ ในแปลงขนาดใหญ่ วิธกี ารนี้เป็นการขยายพันธ์ุแปลงใหญ่ เหมาะส�ำหรับ หนว่ ยงานหรอื เกษตรกรรายใหญ่ หรอื บรษิ ทั ทตี่ อ้ งการใชพ้ นั ธห์ุ ญา้ แฝกจำ� นวนมาก วธิ กี ารนเี้ หมาะสำ� หรบั การขยายพันธุ์ในพื้นท่ีท่ไี ม่มีการชลประทาน ขั้นตอนในการดำ� เนนิ การคล้ายคลึงกบั วธิ ีการท่ี 2 กล่าวคือ หลงั จากการไถพรวนพน้ื ทเี่ ปน็ อยา่ งดแี ลว้ จะน�ำหนอ่ พนั ธห์ุ ญา้ แฝกซง่ึ ตดั ใบเหลอื ความยาว 20 เซนตเิ มตร และรากยาว 5 เซนตเิ มตร ปลูกลงแปลงในขณะทดี่ ินมคี วามชุ่มชืน้ ควรใช้หน่อพันธ์ุหลุมละ 2 - 3 หน่อ โดยใช้ระยะปลูก 50 x 50 เซนติเมตร และเพือ่ ความสะดวกในการดแู ลรักษาควรปลูกเป็นแถวตามระยะ ปลกู ดังกล่าว จ�ำนวน 6 แถว และเว้นสำ� หรับเป็นทางเดนิ 1.00 - 1.50 เมตร สลับกนั ไป การดูแลรักษาและการใส่ปุ๋ยเช่นเดียวกับวิธกี ารท่ี 2 ส่วนฤดกู าลที่เหมาะสมในการขยายพนั ธุ์ แบบน้ี ควรดำ� เนนิ การในชว่ งกลางฤดฝู น หรอื ระหวา่ งกลางเดอื นมถิ นุ ายนถงึ กลางเดอื นสงิ หาคม การขยาย พนั ธ์ุโดยวิธีนี้ เมื่อหญ้าแฝกอายุ 4 - 5 เดอื น จะได้ผลผลติ หน่อหญ้าแฝกเฉลี่ยกอละ 50 ต้น l การปลกู ลงดนิ ในทนี่ า กลา้ หญา้ แฝกทมี่ คี ณุ ภาพจะไดจ้ ากแปลงขยายพนั ธท์ุ ม่ี กี ารปลกู ดแู ล รกั ษาเป็นอย่างดี และมอี ายุพอเหมาะ เช่น ตัง้ แต่ 4 เดอื นข้นึ ไป และไม่ควรเกนิ 1 ปี ดังนน้ั การขยาย พนั ธุ์หญ้าแฝกเพ่อื เพ่ิมปริมาณหน่อหรอื จำ� นวนต้นต่อกอให้มากขึ้น และทนั ต่อความต้องการในการผลิต หรอื ปักชำ� กล้าหญ้าแฝกจึงนบั เป็นขนั้ ตอนทส่ี �ำคัญ การขยายพันธุ์ด้วยวธิ กี ารปลกู ลงดินในพื้นทีน่ าจะทำ� ในพื้นที่ท่ีมีการชลประทานมีการจัดระบบการให้น�้ำและระบายน้�ำได้เป็นอย่างดี สามารถขยายพันธุ์ หญ้าแฝกได้ตลอดปี หรอื เป็นพนื้ ทีน่ าดอนอาศยั นำ้� ฝนสามารถระบายน้�ำได้ง่าย 30
n การขยายพันธุ์หญ้าแฝก 31
สาระนา่ รู้เร่อื งหญา้ แฝก l การเตรียมดิน ไถพรวนเตรียมดินเหมือนปลูกพืชหลังนา ทัว่ ๆ ไป แบ่งแปลงให้มขี นาดพอเหมาะกบั ความต้องการที่จะปลกู หญ้าแฝก ทำ� การเตรียมหลุมโดยใช้จอบตหี ลุม ระยะระหว่างแถว 50 เซนติเมตร ระยะ ระหว่างหลุม 50 เซนติเมตร ตัวอย่างเช่น เนือ้ ท่คี รง่ึ งานกว้าง 10 เมตร ยาว 20 เมตร (200 ตารางเมตร) จะได้ 20 แถว แถวละ 40 หลุม รวมเป็น 800 หลุม การปลกู ถ่ีก็เพื่อลดปัญหาการก�ำจัดวัชพชื ให้น้อยลง l การเตรียมหน่อพันธุ์กล้าหญ้าแฝก โดยทั่ว ๆ ไปจะได้รับ กล้าหญ้าแฝกช�ำถงุ พลาสติกขนาดเล็กจากศูนย์ผลติ กล้าหญ้าแฝก หรือสถานี พฒั นาทด่ี นิ กรณไี มม่ กี ลา้ หญา้ แฝกชำ� ถงุ พลาสตกิ กส็ ามารถปลกู จากหนอ่ พนั ธ์ุ ได้ โดยขดุ กอหญ้าแฝกน�ำมาตัดใบให้เหลอื ความยาวประมาณ 1 คืบ หรอื 20 เซนติเมตร ตดั รากให้สน้ั แยกออกเป็นหน่อหรือต้น ตง้ั แต่ 1 ถึง 3 หน่อ (โดย ทั่ว ๆ ไป จะมีหน่ออ่อนตดิ มาด้วย) ลอกกาบแห้งและใบแก่ออก ล้างน�้ำและ มัดรวมกนั เป็นมดั ๆ พกั ไว้ประมาณ 3 - 4 วนั โดยตัง้ มดั หญ้าแฝกในร่มเงา หรือกลางแจ้ง แต่ใช้ใบแฝกคลุมรดนำ�้ ให้ชื้นทุกวันหรือแช่โคนมดั หญ้าแฝกใน นำ้� ซงึ่ มรี ะดบั น�้ำประมาณ 2 ขอ้ มอื เพอ่ื เป็นการกระต้นุ ให้หนอ่ หญา้ แฝกพร้อม ทจี่ ะออกรากและเจรญิ เตบิ โตเมอ่ื ปลกู ลงดนิ (หญา้ แฝกบางพนั ธแ์ุ ละบางฤดกู าล อาจจำ� เป็นต้องใช้สารฮอร์โมนพชื กระตุ้นราก) 32
l การปลูกและดูแลรักษา : หลังจากเตรียมดินและหน่อพันธุ์หญ้าแฝกเป็นอย่างดีแล้วจึง นำ� มาปลกู ลงในหลมุ ซงึ่ ควรรองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกหรอื ปุ๋ยหมักหลุมละ 1 กำ� มือ (200 กิโลกรมั ต่อ ครึ่งงาน) กลบดินพอประมาณไม่ควรปลูกลึกและดินต้องมีความชุ่มชื้นดี หลังจากปลูก 1 - 2 เดือน ควรทำ� การกำ� จดั วชั พชื พรวนดนิ ใสป่ ยุ๋ สตู ร 15-15-15 ตน้ ละ 1 ชอ้ นชา หรอื หวา่ น (5 กโิ ลกรมั ตอ่ ครง่ึ งาน) ดแู ลให้น�้ำให้มคี วามชุ่มชน้ื อยู่เสมอแต่ไม่ถึงกบั มีนำ�้ ท่วมขัง หญ้าแฝกจะเร่ิมแตกกอในอตั ราสูงต้ังแต่อายุ 2 เดือนข้นึ ไป และใช้เวลาเจริญเติบโตอีกอย่างน้อยประมาณ 2 เดอื นรวมเป็น 4 เดือน ในช่วงนห้ี ญ้าแฝก บางพันธุ์จะออกดอก ควรปล่อยให้ออกดอกตามปกติจนกว่าจะออกดอกเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ของกอ โดยประมาณ จึงจะตัดใบและช่อดอกให้เหลือความสูงประมาณ 40 เซนติเมตร เพ่ือป้องกันไม่ให้ กอหญ้าแฝกแก่เกนิ ไปและเร่งหน่อใหม่ให้มีการเจรญิ เติบโตทันกบั หน่อทีเ่ คยออกดอกไปแล้ว l การแตกกอและผลผลติ หญ้าแฝกท่ีปลูกและดแู ลรกั ษาเป็นอย่างดีจะเจริญเติบโตแตกกอ ให้ผลผลติ หน่อหญ้าแฝกกอละประมาณ 40 - 50 หน่อ เม่อื อายุ 4 - 5 เดือน และเมอ่ื ขุดน�ำมาแยกเป็น หน่อที่สมบูรณ์จะได้อย่างน้อย 10 - 20 หน่อ ดังนนั้ เน้ือที่ครึ่งงานควรจะได้หน่อหญ้าแฝกทสี่ มบรู ณ์ ประมาณ 8,000 - 16,000 หน่อ หรือเฉลี่ยไม่ต�่ำกว่า 10,000 หน่อ หรือ 1 ไร่ควรจะได้หน่อหญ้าแฝก ไม่ตำ่� กว่า 80,000 หน่อ n การขยายพันธุ์หญ้าแฝก 33
สาระน่ารูเ้ ร่ืองหญา้ แฝก เทคนิคใหม่ในการขยายพันธุ์ หญ้าแฝก ในปัจจุบนั ได้มีการพัฒนาเทคนคิ ใหม่ ๆ ในการขยายพนั ธ์ุหญ้าแฝก เพอื่ ให้มี ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น ใช้เวลาน้อยลง สะดวก หรือเสยี ค่าใช้จ่ายน้อยลง วิธีใหม่ ๆ เหล่าน้ี ได้แก่ การเพาะเลี้ยงเน้ือเย่ือ เป็นการน�ำเน้ือเยื่อจากตัวอย่าง ที่ต้องการไปเลี้ยงด้วยเทคนคิ ของการเล้ียงเนื้อเย่ือ จนได้ต้นอ่อน (plantlets) ของหญา้ แฝกเปน็ จำ� นวนมากในภาชนะแกว้ ทป่ี ลอดเชอื้ แล้วจึงนำ� ต้นอ่อนออกมาจากขวดแก้ว ไปอนุบาลจนเป็นต้นโตพอที่ จะย้ายปลูกลงถงุ พลาสตกิ หรือในแปลงขยายพันธุ์ ในปัจจุบัน มีหลายหน่วยงานท่ีมีห้องปฏิบัติการท่ี สามารถขยายพันธุ์หญ้าแฝกโดยการเล้ียงเน้ือเยื่อ เช่น โครงการ พฒั นาดอยตงุ ภาควชิ าพฤกษศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ และกรมวิทยาศาสตร์ทหารบก 34
ก า ร ข ย า ย พันธุ ์ โด ย ก า ร เพ า ะ เ ล้ีย ง เน้ือเยื่อ ท�ำได้โดยใช้ส่วนของพืช (explant) ท่ี ยังมีเย่ือเจริญ (meristematic tissue) เช่น ยอดอ่อน และช่อดอกอ่อน น�ำมาล้างท�ำความ สะอาดฆ่าเช้ือด้วยสารเคมีแล้วห่ันให้เป็นช้ินเล็ก ๆ แล้วน�ำไปวางลงบนวุ้นอาหารในขวดท่ีเตรียมไว้ใน สภาพปลอดเชื้อ เก็บรักษาไว้ในห้องท่ีปรับอุณหภูมิ และใหแ้ สงสวา่ ง จนเกดิ เปน็ กลมุ่ กอ้ นของเซล (callus) จากนนั้ จงึ ย้ายไปเพาะเลยี้ งในวุ้นอาหารทมี่ ีสารกระตุ้น ให้พัฒนาเป็นต้น (มีรากและยอด) จนในที่สุดก็เกิด เป็นต้นขนาดจิ๋ว (plantlet) จำ� นวนมาก จึงแบ่งถ่าย ลงขวดวนุ้ อาหาร เพอื่ ใหเ้ จรญิ เตบิ โตตอ่ ไปสกั ระยะหนง่ึ จากนน้ั จึงน�ำออกจากขวดไปอนุบาลในแปลงเพาะช�ำ ทีม่ ีแสงร�ำไร จนได้ขนาดสูงประมาณ 20 เซนตเิ มตร ซงึ่ เตบิ โตพอทีจ่ ะย้ายลงปลูกในถงุ พลาสตกิ หรือ ใน แปลงขยายพันธ์ุ n การขยายพันธุ์หญ้าแฝก 35
สาระนา่ รู้เร่ืองหญ้าแฝก การปลูกหน่อหญ้าแฝก (bare root) โดยตรงลงในแปลง ทำ� ไดโ้ ดยการขดุ หนอ่ หญา้ แฝก จากในแปลง ตดั สว่ นยอดออกใหเ้ หลอื 20 เซนตเิ มตร ส่วนรากให้เหลอื 5 เซนตเิ มตรแล้วแยกหน่อออก เป็นหน่อเดี่ยว ๆ โดยยังมีหน่อเล็ก ๆ ติดอยู่ 1 - 3 หนอ่ มดั เปน็ ฟอ่ นนำ� ไปแชน่ ำ้� ตมทเี่ ตมิ สารเรง่ การเจรญิ เตบิ โต หรอื humic acid นาน 3 - 4 วนั เพ่ือกระตุ้นให้เกิดรากก่อนน�ำไปปลูกลงแปลง วิธีน้ีจะได้ผลดีมากหากปลูกในฤดูฝนท่ีดินมี ความช้ืนสูง หากปลูกในฤดูแล้งต้องรดน�้ำทุกวัน จดั เป็นวิธที ่ีสะดวก ไม่ต้องการถุงพลาสตกิ ดินปลกู และ การดูแลรักษา อกี ท้ังยังประหยดั และรวดเรว็ โดย ไม่ต้องขนส่งถุงเพาะช�ำจ�ำนวนมากไปยังสถานที่ ปลกู และเกบ็ ถงุ ทใ่ี ช้แล้วไปท�ำลาย การปลูกเป็นแผง (strip planting) ท�ำกรอบเพาะช�ำ โดยการวางซีเมนต์บล็อก (ขนาดยาว 40 เซนตเิ มตร สงู 20 เซนตเิ มตร กวา้ ง 10 เซนตเิ มตร) ให้กว้าง 1 เมตร (ใช้ 3 ก้อน) ยาว ตามตอ้ งการ หรอื สะดวก โดยวางซเี มนตบ์ ลอ็ กให้ 36
อยู่ภายในของด้านกว้าง (เพ่อื ให้ความกว้างของส่วนในเท่ากับ 1 เมตร) วางท่อนไม้รวก ขนาด 1.2 เมตร ตามแนวขวางของกรอบ ห่างกัน 5 เซนตเิ มตร แล้วนำ� แผ่นพลาสตกิ ท่ีเจาะรใู ห้นำ�้ ไหลออกได้ ขนาดกว้าง 1 เมตร มาวางพาดบนท่อนไม้รวก แล้วใช้ท่อนไม้รวกยาวประมาณ 90 เซนติเมตร กดแผ่นพลาสตกิ ให้ หย่อนลงจนสุดความลึกของกรอบ (ประมาณ 20 เซนตเิ มตร) จากนน้ั นำ� วัสดุปลูก เช่น แกลบดำ� ผสม ทราย หรอื ขยุ มะพรา้ ว ใสล่ งในซองพลาสตกิ ทกี่ ดลงจนเตม็ แล้วน�ำหน่อหญ้าแฝกทเี่ ตรยี มไว้ โดยเฉพาะ จากตอน 3.3.2 มาปลกู โดยให้มีระยะปลกู 5 เซนติเมตร แล้วรดน้ำ� ตามปกติ รากหญ้าแฝกจะเจรญิ เติบโตและสานกันแน่นภายในเวลา 2 เดอื น จนสามารถยกออกเป็นแผงยาว 1 เมตร มตี ้นหญ้าแฝก 20 ต้นต่อแผง สามารถยกไปปลกู ในแปลงได้ ก่อนยกออก ไม่ต้องให้น�้ำประมาณ 7 วันเพื่อลดน�้ำหนกั ของ แผงในการขนสง่ ส�ำหรบั การปลกู กเ็ พยี งแตเ่ จาะแนวในดนิ ตามแนวระดบั แลว้ วางแผงหญา้ แฝกทเี่ ตรยี ม ไวล้ งไป แลว้ กลบดนิ เนอื่ งจากมรี ากทสี่ านตดิ กนั แนน่ จงึ ไมไ่ ดร้ บั อนั ตรายจากการปลกู และสามารถเจรญิ เติบโตต่อไปทนั ทที ี่ย้ายปลกู n การขยายพันธุ์หญ้าแฝก 37
สาระนา่ รเู้ ร่อื งหญ้าแฝก การปลกู และการดแู ลรักษา หญา้ แฝก เรียบเรียงโดย ดร.ธวัชชัย ณ นคร/ดร.มงคล พานชิ กลุ 38
ห ญา้ แฝก เปน็ พชื ในวงศห์ ญา้ ทม่ี กี ารเจรญิ เตบิ โตอยา่ งรวดเรว็ แตกเปน็ กอแนน่ ตงั้ ตรง มรี ะบบรากฝอยทย่ี าว แขง็ แรงและยดึ สานกนั แนน่ รากหญา้ แฝกจะหยง่ั ลกึ ลงไปในดนิ ใน แนวดง่ิ ไดถ้ งึ ประมาณ 3.0 เมตร และในแนวนอนกวา้ งประมาณ 0.5 เมตร จงึ ไมร่ บกวนรากของพชื อนื่ ทปี่ ลกู อยขู่ า้ งเคยี ง รากหญา้ แฝกเปรยี บเสมอื นกำ� แพงใตด้ นิ ซง่ึ จะทำ� หนา้ ทเ่ี กาะยดึ ดนิ สงวนนำ�้ ในดนิ กรองและ ดดู ซบั ธาตอุ าหารพชื และสารเคมี ลดมลพษิ ให้กบั สภาพแวดล้อม ส่วนลำ� ต้นหญ้าแฝกเม่ือปลูกชดิ ติดกนั เปน็ แถวตามแนวระดบั ในพนื้ ทลี่ าดชนั และไหลถ่ นน จะทำ� หนา้ ทเ่ี สมอื นแนวรว้ั ชว่ ยในการเกบ็ กกั ตะกอน ดนิ กรองเศษซากพชื และปลอ่ ยใหน้ ้�ำสว่ นหนงึ่ ไหลผา่ นไปได้ ซงึ่ จะชว่ ยลดการชะลา้ งพงั ทลายของดนิ และ การไหลบ่าหน้าดินของนำ�้ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การปลูกหญ้าแฝกรอบโคนต้นไม้ผลและไม้ยืนต้นใน พ้ืนที่ราบ ดินเส่ือมโทรมและแห้งแล้งเพ่ือการอนุรักษ์นำ้� ในดินซ่ึงได้จากน�้ำฝน โดยการตัดใบหญ้าแฝก คลุมดินบริเวณรอบโคนต้น ก็เป็นอีกวัตถุประสงค์หนงึ่ ในการน�ำหญ้าแฝกมาใช้ประโยชน์ การปลูก หญา้ แฝกโดยรอบอา่ งเกบ็ นำ�้ บอ่ นำ้� สระนำ�้ คลองสง่ นำ�้ และเขอ่ื นคนั คนู ำ�้ จะชว่ ยลดการตน้ื เขนิ ของแหลง่ นำ้� และช่วยลดสารพษิ จากพืน้ ทรี่ ับนำ้� ไม่ให้ลงไปในแหล่งน�้ำต่าง ๆ ดังกล่าว n การปลูกและการดูแลรักษาหญ้าแฝก 39
สาระนา่ รูเ้ ร่อื งหญ้าแฝก อนงึ่ การน�ำหญ้าแฝกไปปลูกในพ้ืนท่ีเพ่ือวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้น จ�ำเป็นต้องมี มาตรการจัดการและดูแลรักษาหญ้าแฝกท่ีปลูกไปแล้วบ้างตามสมควร เพ่ือให้การใช้ประโยชน์จาก หญ้าแฝกได้ผลอย่างเต็มท่ตี ามวัตถปุ ระสงค์ ซ่งึ จะได้นำ� มากล่าวโดยสังเขปไว้ในบทน้ี พน้ื ท่ีที่จะปลกู หญา้ แฝก การปลูกหญ้าแฝกมีวัตถุประสงค์เพ่ือป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน อนุรักษ์ความชื้นใน ดิน ปรบั ปรุงพ้ืนทีด่ นิ ทเี่ ส่ือมโทรม ฯลฯ ในการปลกู หญ้าแฝกหากมีวตั ถปุ ระสงค์เพื่อขยายพนั ธุ์ควรเลอื ก พื้นทท่ี ด่ี ินมคี วามอดุ มสมบูรณ์ มนี ำ�้ ดี ได้รบั แสงแดดเต็มที่ หญ้าแฝกจึงจะมีการเจรญิ เตบิ โตได้ดแี ละมี การแตกกอเร็ว การปลูกหญ้าแฝกตามวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ดังกล่าว อาจแบ่งออกตามลกั ษณะพนื้ ทท่ี ่นี ำ� หญ้าแฝกไปปลกู ดงั นี้ พนื้ ทล่ี าดชนั สภาพ พื้นที่ที่มีความลาดชันท่ีไม่ใช่ เป็นป่าต้นน้�ำ เป็นท่ีซ่ึงมีการ ท�ำการเกษตรหรือมีการตัด ไม ้ ท� ำ ล า ย ป่ า เพื่ อ ก า ร เ ก ษ ต ร เช่น พ้ืนท่ีเกษตรที่สูงและ ไร่เล่ือนลอย เป็นต้น ควรน�ำ หญา้ แฝกไปปลกู ตามแนวระดบั ขวางแนวลาดชนั ของพนื้ ท่ี หรอื 40
ปลกู เปน็ รปู ครง่ึ วงกลมแหงนรบั ความลาดเทของพนื้ ทร่ี อบตน้ ไมแ้ บบฮวงซยุ้ เพอื่ ลดความรนุ แรงของการ 41 ชะลา้ งพงั ทลายของดนิ หญา้ แฝกจะท�ำหนา้ ทน่ี ไี้ ดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพเมอ่ื มกี ารจดั การแนวแถวหญา้ แฝก ใหม้ จี ำ� นวนแนวแถวทเี่ หมาะสมตามความลาดชนั ของพนื้ ทแ่ี ละพนื้ ทป่ี ลกู และปลกู หญา้ แฝกเปน็ แถวเดย่ี ว ให้ต้นชดิ ตดิ กัน พน้ื ทร่ี าบ การปลกู หญา้ แฝกในสภาพพนื้ ทร่ี าบโดยทว่ั ไปมวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอื่ การตดั ใบหญา้ แฝก คลุมดิน ทั้งน้ี เพ่ือสงวนความช้ืนในดินและ/หรือการอนุรักษ์น�้ำในดินที่ได้จากน้�ำฝนตลอดจนฟื้นฟูดิน ท่ีเสื่อมโทรม โดยการเพ่ิมอินทรียวัตถุ และหมุนเวียนธาตุอาหารท่ีมีในดินช้ันล่างข้ึนมาสู่ดินชั้นบนเป็น ประโยชน์ต่อพชื ทป่ี ลกู หรอื เพ่อื การขยายพันธ์ุ เป็นต้น ซึ่งอาจปลกู ตามรูปแบบใดรูปแบบหนงึ่ หรือหลาย รปู แบบร่วมกันกไ็ ด้ เช่น ปลูกเป็นแถวรูปครึง่ วงกลมและวงกลม เป็นต้น พ้ืนที่วิกฤติ การปลูกหญ้าแฝกในพ้ืนท่ีที่ง่ายต่อการชะล้างพังทลาย ได้แก่ ขอบบ่อนำ�้ หรือ สระนำ�้ ทขี่ ดุ ใหม่ ไหลถ่ นน รอยตอ่ ของผวิ น้�ำกบั แนวปา่ ทอี่ ยเู่ หนอื เขอ่ื นหรอื อา่ งเกบ็ น�้ำ แนวรอ่ งนำ้� ขา้ งถนน พ้ืนที่ภเู ขา และพน้ื ทีท่ ีถ่ ูกน�้ำกัดเซาะเป็นร่องลกึ เป็นต้น การปลูกหญ้าแฝกในพ้ืนท่ีวิกฤติเหล่าน้ี จะต้องปลูกต้นหญ้าแฝกให้ชิดติดกัน ต้องมีการ ปรับปรุงบ�ำรุงดินเพื่อเร่งการเจริญเติบโตของหญ้าแฝก โดยการใส่ปุ๋ยและควรตัดแต่งให้หญ้าแฝกมีการ เจริญเตบิ โตด้านข้างหรอื แตกกอหนาแน่นอยู่เสมอ เพอ่ื เพมิ่ ประสิทธิภาพให้กบั แนวแถวหญ้าแฝกในการ กักเก็บตะกอนดินท่ีถูกพัดพามากับน้�ำท่ีไหลบ่า ป้องกันไหล่ทางช�ำรุด และป้องกันการกัดเซาะดินของ นำ้� ฝนบรเิ วณขอบบ่อหรือสระนำ�้ เป็นต้น อนง่ึ ในพื้นท่ีทถี่ กู นำ้� กัดเซาะเป็นร่องลึกควรปลกู หญ้าแฝกเป็น รูปตัววีคว่�ำแล้วปลูกต่อเป็นแนวยาวไปตามเส้นช้ันความสูงในลักษณะก้างปลา โดยมีระยะห่างระหว่าง แถวตามแนวด่งิ 1.0 เมตร เพ่ือชะลอการกัดเซาะร่องนำ�้ และกระจายน้�ำให้ไหลลึกซึมลงไปในดนิ หน้าแนว หญ้าแฝก หรือปลูกเป็นแนวตรงขวางร่องน้�ำเพ่ือช่วยในการเก็บกักตะกอนดินไว้ในร่องน้�ำ จนในท่ีสุด n การปลูกและการดูแลรักษาหญ้าแฝก
สาระน่ารู้เรื่องหญา้ แฝก ร่องน�้ำกจ็ ะมดี ินตะกอนทับถมจนเต็ม พ้นื ท่ีวิกฤติดงั กล่าวนจี้ ะเน้นการสร้างแนวแถวหญ้าแฝกให้มคี วาม แขง็ แรงเพยี งพอทจี่ ะตา้ นแรงปะทะของนำ�้ ได้ โดยการเพมิ่ จำ� นวนแถวหญา้ แฝกใหม้ ากขนึ้ และมมี าตรการ ในการเรง่ การเจรญิ เตบิ โตของหญา้ แฝกใหท้ นั ฤดนู ้�ำหลากโดยการปลกู ใหเ้ รว็ ขน้ึ การใชป้ ยุ๋ และการตดั แตง่ หญ้าแฝก พันธุ์หญ้าแฝกท่ีเหมาะสมเพ่ือการปลูกขวางร่องน�้ำ ได้แก่ หญ้าแฝกลุ่ม เช่น พันธุ์ศรีลังกา แหล่งพันธุ์สงขลา 3 ก�ำแพงเพชร 2 และสรุ าษฎร์ธานี เป็นต้น หญ้าแฝกพันธ์ุและแหล่งพนั ธ์ุดงั กล่าว เหล่านี้ จะมลี ักษณะลำ� ต้นแข็งสงู ต้ังตรง และจะแตกตาและรากทีข่ ้อของล�ำต้นได้เสมอ เม่ือมตี ะกอนดนิ มาทับถม ซ่งึ จะรับแรงปะทะจากน้�ำทไี่ หลบ่าได้ดี การปลูกหญา้ แฝกรอบบรเิ วณแหล่งน้�ำ การนำ� หญ้าแฝกไปปลกู รอบบริเวณแหล่งนำ�้ จะช่วยเกบ็ กกั ตะกอนดนิ ปอ้ งกันการตนื้ เขนิ ของ แหล่งน้�ำ นอกจากนนั้ หญ้าแฝกยงั ช่วยดดู ซบั สารเคมกี ่อนทีจ่ ะไหลลงสู่แหล่งน้�ำ ท�ำให้น�้ำในแหล่งน�้ำมี คุณภาพดีเหมาะสมแก่การอุปโภคบรโิ ภคและการเพาะเล้ียงสัตว์น้�ำ การปลูกหญ้าแฝกอาจจ�ำแนกตาม ชนดิ ของแหล่งน�้ำได้ดงั น้ี อ่างเก็บน้�ำ ควรวางแนวปลูก หญ้าแฝกเป็นแถวตามแนวระดับรอบอ่าง จ�ำนวน 3 แถว ได้แก่ ที่ระดับเก็บกัก น�้ำ (แถวที่ 1) ท่ีระดบั สูงข้ึนมาตามแนว ดงิ่ จากแถวที่ 1 เป็นระยะ 20 เซนติเมตร และท่ีระดับต�่ำกว่าแถวที่ 1 ตามแนว ด่งิ 20 เซนติเมตร (เพราะนำ�้ มักจะไม่ถงึ ระดับเกบ็ กัก) บ่อน�้ำ สระน้�ำ ควรวางแนว ปลูกหญ้าแฝกเป็นแถวตามแนวระดับ จ�ำนวน 2 แถว คือ ท่ีระดับห่างจากริม ขอบบ่อประมาณ 50 เซนติเมตรและที่ ระดบั ทางน�ำ้ เข้าบ่อคลองส่งนำ�้ คลองระบายน�้ำ ให้ปลูก หญ้าแฝกเป็นแถวตามแนวระดับขนานไป ตามคลองส่งน�้ำหรือคลองระบายน้�ำ ห่าง จากรมิ คลองสง่ นำ้� หรอื คลองระบายนำ�้ 50 เซนติเมตร 42
การปลูกหญา้ แฝกตามไหลถ่ นน การปลกู หญา้ แฝกบรเิ วณไหลถ่ นน เปน็ วธิ ปี อ้ งกนั ความเสยี หายของไหลถ่ นน และเปน็ การลด การกดั เซาะของนำ�้ ฝนได้ดี รวมทงั้ รากหญ้าแฝกจะช่วยยดึ ดนิ บรเิ วณไหล่ถนนไม่ให้เกดิ การพงั ทลาย การ วางแนวปลกู หญา้ แฝกบรเิ วณดา้ นขา้ งตามความยาวของไหลถ่ นน ควรใหแ้ ถวหญา้ แฝกอยตู่ ่�ำกวา่ ไหลถ่ นน ประมาณ 30 - 50 เซนตเิ มตร เพอื่ ปอ้ งกนั อบุ ตั เิ หตทุ อี่ าจเกดิ จากแนวหญา้ แฝกบงั สายตาของผใู้ ชร้ ถใชถ้ นน การเตรยี มพ้ืนท่แี ละการวางแนวปลกู หญา้ แฝก ควรมีการเตรียมพ้ืนท่ีและวางแนวปลูกให้สอดคล้องกับลักษณะของพ้ืนท่ี เช่น การปลูก หญา้ แฝกเป็นแถวเดย่ี วตามแนวระดบั ขวางความลาดชนั ของพนื้ ท่ี จ�ำเป็นท่จี ะตอ้ งมีการวางแนวทถ่ี กู ตอ้ ง โดยใช้เคร่อื งมือช่วยในการวางแนว หรือใช้เคร่อื งมือท่ีทำ� ขึน้ มาใช้เอง ซง่ึ มีค่าใช้จ่ายน้อยมากหรือไม่ต้อง เสยี ค่าใช้จา่ ยเลยในกรณที มี่ วี สั ดอุ ยแู่ ลว้ เครอื่ งมอื ดงั กลา่ ว ได้แก่ การนำ� ไมม้ าทำ� เปน็ รปู สามเหลย่ี ม หรอื ทีเ่ รยี กกนั ว่า ไม้เอ (A Frame) ซึ่งนิยมใช้สำ� หรบั วางแนวปลูกยางพาราตามแนวระดับขวางความลาดชนั ในแถบภาคใต้ เครือ่ งมืออกี ชนดิ หนงึ่ ทใี่ ช้วางแนวปลกู หญ้าแฝกแบบง่าย ๆ ที่ขอแนะนำ� ในท่นี ค้ี อื การ ใช้สายยางหาระดับแบบช่างไม้ ซึ่งมเี พียงสายยางใส ขนาด 2 หนุ ยาว 13 เมตร 1 เส้น ไม้ระแนงความ ยาวท่อนละ 2.50 เมตร จ�ำนวน 2 ท่อน ท�ำเคร่ืองหมายไว้ทไ่ี ม้ระแนงบอกระดบั ความสงู เป็นเซนตเิ มตร n การปลูกและการดูแลรักษาหญ้าแฝก 43
สาระน่ารเู้ รือ่ งหญ้าแฝก เพือ่ ใช้ในการอ่านค่า นำ� ปลายสายยางแต่ละด้านไปทาบและยึดตดิ ไว้กบั ไม้ระแนงทเี่ ตรยี มไว้โดยให้ปลาย สายยางเสมอปลายไม้ระแนงแล้วกรอกน้�ำลงไปในสายยางจนกระท่ังเมื่อวางไม้ระแนงทั้งสองในแนวตั้ง บนพื้นทเ่ี รียบ ระดบั นำ�้ ในสายยางทั้งสองด้านอ่านค่าได้ 100 เซนติเมตร กจ็ ะสามารถใช้เครื่องมอื แบบ ง่าย ๆ นี้ไปหาระยะห่างระหว่างแถวหญ้าแฝก และวางแถวหญ้าแฝกตามแนวระดับขวางความลาดชัน ของพ้ืนท่ไี ด้ตามต้องการ การจัดท�ำระยะห่างระหว่างแถวหญ้าแฝกที่ปลูกตามแนวระดับขวางความลาดชันของพื้นท่ีให้ ใช้ระยะห่างตามแนวดง่ิ 1.50 เมตร ทำ� ได้โดยใช้สายยางหาระดับดงั กล่าวไปตั้งทจ่ี ุดสูงสดุ หรือจุดตำ�่ สุด ของพน้ื ท่กี ็ได้ หากเร่ิมจากจุดสงู สดุ ของพน้ื ท่ี ให้ถอื หลกั ท่ี 1 ตงั้ อยู่ทีจ่ ุดสูงสุด (จดุ ที่ 1) และถือหลักที่ 2 เดินลงไปจนกระท่งั เมือ่ ตงั้ หลกั ไม้ระแนงลงกบั พน้ื แล้วจะอ่านค่าความสูงของระดบั นำ้� ได้ 150 เซนติเมตร แสดงวา่ จดุ ทหี่ ลกั ท่ี 2 ตงั้ อยู่ (จดุ ที่ 2) จะอยตู่ ่�ำกวา่ จดุ ที่ 1 เทา่ กบั 50 เซนตเิ มตร ซง่ึ ยงั ไมไ่ ดจ้ ดุ ทต่ี อ้ งการ ให้ย้ายหลักจากจดุ ที่ 1 ลงไปตง้ั ที่จดุ ท่ี 2 แล้วย้ายหลกั จากจดุ ที่ 2 ตำ่� ลงไป อีกจนกระทั่งถึงจุดทส่ี ามารถ อ่านระดับนำ�้ ได้ 200 เซนติเมตร ซึ่งแสดงว่าจุดท่ี 3 นี้ จะต�่ำกว่าจดุ ท่ี 2 เท่ากบั 100 เซนตเิ มตร ดังนนั้ เมอ่ื รวมความแตกต่างระหว่างจดุ แรกและจุดท่ี 3 ก็จะได้เท่ากับ 150 เซนตเิ มตร หรือ 1.50 เมตร ตาม ทตี่ ้องการ ให้ปักหลักไว้เป็นจุดทีจ่ ะวางแนวปลูกหญ้าแฝกแนวที่ 1 จากนนั้ กห็ าจุดวางแนวท่ีอยู่ต่�ำลงมา ตามวธิ ีเดียวกันกจ็ ะได้จดุ ท่ี 2, 3, 4 เรอื่ ยไปจนได้จุดตลอดท่วั ทั้งพนื้ ท่ี เมอื่ ไดจ้ ดุ ทเี่ ปน็ ระยะหา่ งระหวา่ งแถวหญา้ แฝกแลว้ ขน้ั ตอ่ ไปเปน็ การวางแนวระดบั ขวางความ ลาดชนั ของพน้ื ทโ่ี ดยใชเ้ ครอ่ื งมอื ชดุ เดมิ แตเ่ พอื่ ความสะดวกในการอา่ นระดบั แนะน�ำใหก้ รอกนำ้� ลงไปใน สายยางใหอ้ า่ นค่าความสงู ของน�้ำทปี่ ลายทง้ั สองขา้ งได้ 150 เซนตเิ มตร (ซงึ่ เปน็ ระดบั ทใ่ี กลเ้ คยี งกบั ระดบั สายตาของคนทวั่ ไป) วิธีการคือให้ตัง้ หลกั ท่ี 1 อยู่ที่จดุ หลกั แนวแรกทีท่ ำ� ไว้ในข้นั ต้น (จดุ ที่ 1) แล้วเลือ่ น หลักที่ 2 ไปในทิศทางทีข่ วางความลาดชนั จนสดุ ความยาวของสายยาง (13 เซนตเิ มตร) แล้วปักหลกั 44
Search