Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิถีชีวิตกับโรคกระดูและข้อ_clone

วิถีชีวิตกับโรคกระดูและข้อ_clone

Description: วิถีชีวิตกับโรคกระดูและข้อ

Search

Read the Text Version

วิถีชีวิตกบั โรค | 193 ตงั้ แต่ 30 กิโลกรัมตอ่ ตารางเมตรขนึ ้ ไป เม่ือออกกาลงั กายเบาๆ (ไมม่ ีเหงื่อและไม่เหนื่อย) และการออกกาลงั กายหนกั (มีเหง่ือออกมากและเหนื่อยหอบ) มีความสมั พนั ธ์กบั การเกิด ข้อเข่าเส่ือมอย่างไมม่ ีนยั สาคญั ทางสถิตเิ มื่อควบคมุ ปัจจยั ที่เก่ียวข้องได้แก่ อายุ เพศ การ สบู บหุ รี่และอาชีพ โดยมีความเส่ียงเพ่ิมขนึ ้ ร้อยละ 9 (adjusted relative risk 0.89 ช่วง ความเชื่อมนั่ ร้อยละ 95: 0.48-1.65) และร้อยละ 16 (adjusted relative risk 1.16, ช่วง ความเช่ือมน่ั ร้อยละ 95: 0.48-2.82) ตามลาดบั เมื่อเปรียบเทียบกบั กล่มุ คนอ้วนท่ีออก กาลงั กายน้อยกว่า 1 ครัง้ ตอ่ สปั ดาห์และสาหรับคนท้วมท่ีมีดชั นีมวลกายตงั้ แต่ 25-29.9 กิโลกรัมต่อตารางเมตรขึน้ ไป เมื่อออกกาลังกายเบาๆและการออกกาลังกายหนักมี ความสมั พนั ธ์กบั การเกิดข้อเข่าเสือ่ มอย่างไมม่ ีนยั สาคญั ทางสถิติ โดยมีความเส่ียงเพิ่มขนึ ้ ร้อยละ 6 (adjusted relative risk 1.06, ช่วงความเช่ือมน่ั ร้อยละ 95: 0.71-1.59) และ เพ่ิมขนึ ้ ร้อยละ 20 (adjusted relative risk 1.20 ช่วงความเชื่อมนั่ ร้อยละ 95: 0.75-1.91) ตามลาดบั เมื่อเปรียบเทียบกบั กล่มุ คนท้วมที่ออกกาลงั กายน้อยกว่า 1 ครัง้ ต่อสปั ดาห์ อย่างไรก็ดกี ารศกึ ษานีแ้ ม้จะเป็นการศกึ ษาไปข้างหน้าเป็นระยะเวลามากกว่า 10 ปี แตม่ ี ข้อจากดั คอื ไมไ่ ด้กลา่ วถึงชนิดของการออกกาลงั กายว่าเป็น high impact sport และไม่มี ข้อมลู ของการบาดเจ็บบริเวณข้อเข่าซ่งึ น่าจะมีผลต่อการเกิดข้อเข่าเสื่อม และการให้การ วินิจฉยั วา่ เป็นโรคข้อเขา่ เส่ือมใช้เป็นเพียง self-report เท่านนั้ คณะผ้วู ิจยั ได้สรุปว่ายงั ไมม่ ี ข้ อมูลเพียงพอท่ีจะคัดค้ านการออกกาลังกาย เนื่องจากการออกกาลังกายไม่มี ความสมั พนั ธ์กบั การเกิดโรคข้อเข่าเส่ือมอยา่ งชดั เจนในปัจจบุ นั มีการศึกษาที่สนบั สนุนว่าการออกกาลงั กายไม่มีผลต่อการเกิดโรคข้อเข่าเสื่อม ได้แก่ การศกึ ษาของ Panush RS และคณะ26 ท่ีรวบรวมข้อมลู ของนกั วิ่งชายจานวน 17 คนท่ีวิ่งอย่างน้อย 28 ไมล์ต่อสปั ดาห์เป็นเวลานาน 12 ปี เปรียบเทียบกบั กล่มุ ควบคมุ ที่ ไม่ได้วิ่งออกกาลงั กาย พบวา่ ไมม่ ีความแตกตา่ งระหวา่ งอาการปวดบวม อาการทางกระดกู

194 | วิถีชีวิตกบั โรคเขา่ เสอื่ ม และกล้ามเนือ้ และความผิดปกติในภาพรังสี ในขณะที่ Sohn RS และ Micheli LJ27 ทาการศกึ ษานกั วิ่ง cross-country จานวน 504 ราย ไม่พบความแตกตา่ งของอาการปวด ข้อระหว่างนกั วิ่งท่ีว่ิงระยะทางน้อยกบั ระยะทางมาก อย่างไรก็ดีทงั้ สองการศึกษานีย้ งั มี ข้อจากดั โดยการศกึ ษาแรกไมม่ ีข้อมลู ของเพศหญิงและมีจานวนประชากรท่ีทาการศกึ ษา เป็นจานวนน้อย ในขณะที่การศึกษาที่สองไม่มีกลุ่มควบคุมที่ไม่เป็นนักวิ่ง ทาให้ไม่ สามารถสรุปความสมั พนั ธ์ระหว่างการว่ิงกับการเกิดข้อเข่าเส่ือมได้ชดั เจน ต่อมา Lane และคณะ28 ได้ทาการศกึ ษานกั ว่ิงจานวน 27 รายและกลมุ่ ควบคมุ ที่จบั คดู่ ้วยอายุ พบว่า เม่ือติดตามผลเป็นระยะเวลา 8 ปี การเกิดโรคข้อเส่ือมมีความก้าวหน้าไม่แตกต่างกัน ระหว่างสองกลมุ่ สอดคล้องกบั การศกึ ษาของ Konradsen L และคณะ29 ที่ทาการติดตาม นักวิ่งและกล่มุ ควบคมุ ท่ีจบั คู่ด้วยอายุจานวนกล่มุ ละ 27 รายเป็นระยะเวลา 40 ปี และ การศกึ ษาของ Chakravarty EF30 ท่ีตดิ ตามนกั วิ่งจานวน 45 รายและกลมุ่ ควบคมุ จานวน 53 ราย เป็นระยะเวลา 18 ปี ในทางตรงกนั ข้าม ผลการศกึ ษาของ McDermott M และ Freyne P31 เกี่ยวกบั ความสมั พนั ธ์ระหว่างการเกิดโรคข้อเข่าเสื่อมในนกั ว่ิงท่ีมีอาการปวดเข่า พบว่านกั ว่ิงท่ีมี อาการปวดเข่าจานวน 20 ราย มีภาพรังสีปรากฏเป็นโรคข้อเขา่ เสื่อมจานวน 6 ราย ซงึ่ มี ประวตั ิข้อเข่าเสื่อมและขาโก่งร่วมด้วย ทาให้ไม่สามารถสรุปได้ว่าการวิ่งทาให้เกิดข้อเข่า เส่ือมจริงหรือไม่ การศกึ ษาของ Cheng Y และคณะ32 ในผ้ปู ่ วย 17,000 รายพบว่าการ ออกกาลงั กายอย่างหนกั มีความสมั พนั ธ์กบั การเกิดโรคข้อเข่าเสื่อมในผ้ปู ่ วยที่มีอายนุ ้อย กวา่ 50 ปี แตไ่ มม่ ีความสมั พนั ธ์ในผ้ปู ่วยท่ีมีอายมุ ากกวา่ หรือเทา่ กบั 50 ปี ชนิดของการออกกาลังกายอาจมีผลต่อการเกิดโรคข้ อเข่าเส่ือมได้ ไม่เท่ากัน โดยเฉพาะกีฬาท่ีมีแรงปะทะมาก อาจทาให้ข้อเข่าได้รับแรงกระทามากเกิน เป็นผลให้ข้อ เข่าสึกหรอได้ จากการศกึ ษาของ Vrezas I และคณะ17 พบว่าการเล่นฟุตบอล เกินกว่า

วถิ ีชีวติ กบั โรค | 195 4,000 ชวั่ โมง การเล่นวอลเลย์บอล บาสเกตบอลและแฮนด์บอล เป็นเวลานานเกินกว่า 2,100 ชวั่ โมง และการขี่จกั รยานเกินกว่า 1,050 ชวั่ โมง มีความเสี่ยงตอ่ การเกิดโรคข้อเขา่ เสื่อมตงั้ แต่ 2.2-4.0 เทา่ ในขณะที่การออกกาลงั กายโดยการว่ิง วา่ ยนา้ ไม่มีความสมั พนั ธ์ กบั การเกิดโรคข้อเข่าเส่อื มอยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติ อยา่ งไรก็ดกี ารศกึ ษาเหลา่ นีม้ ีอคติใน การวดั เนื่องจากการสอบถามข้อมลู ย้อนหลงั จะเห็นได้ว่าการออกกาลงั กายท่ีต้องใช้แรงมากหรือมีการปะทะมีส่วนทาให้เกิด โรคข้อเข่าเส่ือม หากไม่ใช่กีฬา ส่วนการออกกาลงั กายชนิดอื่นๆยังสรุปผลไม่ได้แน่ชัด ดงั นนั้ การออกกาลงั กายน่าจะยงั มีความจาเป็นในชีวิตประจาวนั เนื่องจากทาให้ร่างกาย แข็งแรงและช่วยควบคมุ นา้ หนกั ไมใ่ ห้อ้วน ซงึ่ เป็นท่ีทราบกนั ดแี ล้ววา่ ความอ้วนเป็นสาเหตุ ของโรคข้อเขา่ เสื่อม การมีสัมพนั ธ์กับคนรัก/คนใกล้ชิด การมีสมั พนั ธ์กับคนรัก/คนใกล้ชิดมีส่วนทาให้เกิดข้อเข่าเส่ือมหรือไม่ จากการ ทบทวนวรรณกรรมไมพ่ บวา่ ท่าทางหรือการมีสมั พนั ธ์กบั คนรัก/คนใกล้ชิดเป็นสาเหตทุ าให้ เกิดข้อเขา่ เสื่อมโดยตรง อย่างไรก็ดีท่างอเขา่ จากกิจกรรมดงั กลา่ วอาจมีความเสี่ยงตอ่ การ เกิดโรคข้อเข่าเส่ือมในเพศหญิง จากการศึกษาอาชีพท่ีต้องนงั่ คกุ เข่า24 พบว่าต้องคกุ เข่า นานกว่า 30-60 นาทีจึงจะมีความเส่ียงต่อการเกิดโรคข้อเข่าเส่ือม อย่างไรก็ดีหากมี นา้ หนกั ตวั มากร่วมกบั การคกุ เข่า อาจเพ่ิมความเสี่ยงต่อการเป็นโรคข้อเข่าเส่ือมถึง 14.7 เท่า ผลการวิจยั นีย้ งั ไม่สามารถนามาประยุกต์ใช้เพื่อตอบคาถามความสมั พนั ธ์ระหว่าง การมีสมั พนั ธ์กบั คนรัก/คนใกล้ชิดกบั การเกิดโรคข้อเขา่ เส่ือมได้อย่างชดั เจน จาเป็นต้องมี งานวจิ ยั รองรับสมมติฐานนีใ้ นอนาคต

196 | วถิ ีชีวติ กบั โรคเขา่ เส่อื ม การส่ือสาร การสื่อสารมีผลกระทบหรือเป็นสาเหตขุ องโรคข้อเข่าเส่ือมอาจพออนุมานได้ว่า การส่ือสารกับพระสงฆ์ในวดั ซ่ึงอุบาสก อุบาสิกาจาเป็นต้องนงั่ ฟังธรรมกับพืน้ ในท่าพบั เพียบเป็นเวลานานหรือเป็นกิจวตั รอาจเพิ่มความเส่ียงต่อการเกิดโรคข้อเข่าเส่ือมได้ 2.4 เทา่ 21 เม่ือเปรียบเทียบกบั ผ้ทู ่ีนงั่ พบั เพยี บเป็นระยะเวลาสนั้ ๆ (ตา่ กวา่ 30 นาที) สาหรับการ สือ่ สารประเภทอ่ืนๆ ได้แก่ การใช้โทรศพั ท์ คอมพิวเตอร์ การเขียนหนงั สือ หากไมไ่ ด้กระทา โดยนงั่ กบั พนื ้ หรือนง่ั เก้าอีใ้ นทา่ งอเขา่ มากกวา่ 120 องศาแล้ว นา่ จะไมม่ ีผลตอ่ การเกิดโรค ข้อเขา่ เสื่อมแตอ่ ยา่ งใด การทางาน อาชีพท่ีต้องยกของหนกั และอาจต้องนงั่ ทากบั พืน้ หรือมีท่างอเข่าซา้ ๆ ทงั้ การนงั่ ยอง คกุ เข่า หรือย่อตวั เป็นสาเหตทุ าให้ข้อเข่าได้รับแรงกระทาท่ีมากเกินกว่าปกติ ทาให้ เกิดโรคข้อเข่าเสื่อมตามมาได้24 จากการทบทวนวรรณกรรมในปี 255524 พบการศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ ระหว่างอาชีพและการเกิดโรคข้อเข่าเส่ือมท่ีได้รับการตพี ิมพ์ตงั้ แตป่ ี 2534-2553 จานวน 40 เร่ือง อยา่ งไรก็ดคี ณุ ภาพของข้อมลู อย่ใู นเกณฑ์ดมี ากเพียง 5 เร่ือง และอาจมีอคติ 35 เรื่อง และการรวบรวมหลกั ฐานนีเ้ป็นเพียง systematic review ท่ีไม่ได้ทาการวิเคราะห์ แบบ meta-analysis พบวา่ อาชีพท่ีมีการนงั่ ยองๆเป็นประจามากกวา่ 30-60 นาที มีความ เสี่ยงตอ่ การเกิดข้อเข่าเสื่อมเมื่อเปรียบเทียบกบั คนที่นง่ั ยองๆ น้อยกว่า 30-60 นาที ตงั้ แต่ 0.89-6.90 เท่า คนท่ีมีอาชีพต้องคกุ เขา่ ประจามากกว่า 30-60 นาที มีความเส่ียงตอ่ การ เกิดข้อเข่าเส่ือมเมื่อเปรียบเทียบกบั คนท่ีนงั่ คกุ เข่าน้อยกว่า 30-60 นาที ตงั้ แต่ 0.87-4.18 เท่า คนท่ีมีอาชีพที่ต้องขึน้ ลงบนั ไดมากกว่า 15-30 ขนั้ ต่อวนั มีความเสี่ยงตอ่ โรคข้อเข่า เสื่อมตงั้ แต่ 0.99-5.10 เท่าเมื่อเปรียบเทียบกบั คนท่ีขนึ ้ ลงบนั ไดน้อยกว่า 15-30 ขนั้ ต่อวนั

วิถีชีวิตกบั โรค | 197 สาหรับการยกของหนกั มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคข้อเข่าเสื่อมตงั้ แต่ 0.65-7.31 เท่า ขนึ ้ กบั นา้ หนกั ที่ยกและระยะเวลาการทางาน การเดนิ ทาให้มีความเสี่ยงตอ่ โรคข้อเขา่ เส่ือม ตงั้ แต่ 0.89-2.72 เท่า การยืนทาให้มีความเส่ียงตอ่ ข้อเข่าเสื่อมตงั้ แต่ 0.43-4.10 เท่า หาก ยกของหนักร่วมกับการคุกเข่าหรือนั่งยองจะเพ่ิมความเส่ียงเป็น 5.4 เท่า และหากมี นา้ หนกั ตวั มากร่วมกบั การคกุ เข่าหรือนง่ั ยองจะเพ่ิมความเส่ียงเป็น 14.7 เท่า อาชีพท่ีมี ความเส่ียงต่อการเกิดโรคข้อเข่าเส่ือมสูงได้แก่ ช่างทาสี (23.1 เท่า) คนงานโรงงาน เคมีภณั ฑ์และพลาสตกิ (16.1 เท่า) คนงานก่อสร้าง เกษตรกร ช่างเหล็กหรือคนทางานใน โรงงาน (6.2 เท่า) จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นได้ว่าความเส่ียงท่ีเกิดขึน้ ยังไม่มีนัยสาคัญที่ชัดเจน เน่ืองจากการศกึ ษาที่รวบรวมมานนั้ มีความหลากหลายและคณุ ภาพคอ่ นข้างต่า อยา่ งไรก็ ดีพบว่าการยกของหนักหรือมีนา้ หนกั ตวั ท่ีมากร่วมกับการงอเข่าจะมีผลทาให้เพ่ิมความ เส่ียงต่อการเกิดโรคข้อเข่าเสื่อมอย่างชดั เจน หากมีการทาซา้ เป็นอาชีพ ความเส่ียงจะยิ่ง มากขนึ ้ ตามลาดบั การเรียนรู้ การเรียนรู้อาจมผี ลชว่ ยปอ้ งกนั การเกิดโรคข้อเขา่ เส่ือม แตย่ งั ไม่มีการศกึ ษาวิจยั ที่ ตอบคาถามนีโ้ ดยเฉพาะ มีเพียงการศึกษาที่บ่งบอกว่าความรู้ในการดแู ลตนเองเม่ือเป็น โรคข้อเข่าเส่ือมเช่น การควบคมุ นา้ หนกั อาจช่วยชะลอการเกิดข้อเข่าเสื่อม33 สาหรับการ เรียนรู้ในปัจจุบนั มกั เป็นการนง่ั เก้าอีเ้ รียนหรือศึกษาด้วยตนเอง ซึ่งผ้สู งู อายุท่ีเข้ารับการ ฝึกอบรมโดยมากมกั นง่ั เก้าอีห้ รือเลือกท่ีจะนง่ั เก้าอีไ้ ด้ ยกเว้นผ้สู งู อายทุ ่ีเคยชินกบั การนง่ั กบั พนื ้ หรือนงั่ พบั เพียบแบบโบราณ เช่น การทาอาหารไทย การทาดอกไม้ใบตอง แกะสลกั การเรียนธรรมะ การสอนมารยาทไทย เป็นต้น หากมีการนงั่ กับพืน้ เป็นระยะเวลานานๆ และเป็นกิจวตั รย่อมสง่ ผลทาให้เกิดโรคข้อเขา่ เสือ่ มดงั ที่ได้กลา่ วมาแล้วข้างต้น

198 | วิถีชีวติ กบั โรคเขา่ เสื่อม จากวิถีชีวิตทงั้ 7 มิตทิ ่ีมีผลกระทบตอ่ การเกิดโรคข้อเขา่ เสื่อม พอจะสรุปวิถีชีวิตท่ี เป็นปัจจยั เสีย่ ง ปัจจยั ปอ้ งกนั ปัจจยั หนนุ เสริม และปัจจยั ลดทอนได้ดงั นี ้ ปัจจยั เส่ียง วิถีชีวิตที่เป็นปัจจยั เส่ียงในการเกิดโรคข้อเข่าเส่ือมได้แก่ การรับประทานอาหารที่ มีไขมันและพลงั งานสูง เป็นเหตุให้เกิดโรคอ้วน วิถีชีวิตกับพืน้ ท่ีมีการงอเข่าเป็นระยะ เวลานานๆ วิถีชีวิตนงั่ ๆ นอนๆ ทาให้กล้ามเนือ้ บริเวณเข่าอ่อนแรง การออกกาลงั กายท่ีมี การปะทะและเกิดการบาดเจ็บของข้อเข่า การทางานท่ีมีการน่ังยองร่วมกับการยกของ หนกั การส่ือสารและการเรียนรู้ท่ีมีวิถีชีวิตกบั พืน้ ปัจจยั เหล่านีส้ ่งผลให้เกิดแรงกระทาต่อ ข้อเขา่ มากเกินกวา่ ปกติ ทาให้เกิดโรคข้อเขา่ เส่อื มในที่สดุ ปัจจยั ป้องกัน วิถีชีวิตท่ีเป็นปัจจัยป้องกันท่ีสาคญั ได้แก่ การรับประทานอาหารและการออก กาลงั กายท่ีพอเหมาะเพ่ือรักษาสมดลุ ของร่างกายให้มีดชั นีมวลกายอยใู่ นเกณฑ์ปกติและ มีกล้ามเนือ้ รอบเข่าท่ีแขง็ แรง โดยการเลน่ กีฬาที่ไม่มีการปะทะ ได้แก่ การวิ่งออกกาลงั กาย การวา่ ยนา้ นอกจากนีก้ ารถนอมเขา่ โดยการไม่ยกของหนกั ไมน่ งั่ กบั พืน้ หรืองอเขา่ มากเกิน 120 องศาเป็นระยะเวลานานๆ ก็จะช่วยปอ้ งกนั โรคข้อเขา่ เสอ่ื ม ปัจจัยหนุนเสริม เมื่อเป็นโรคข้อเข่าเสือ่ มแล้ว หากยงั ไม่ได้กาจดั ปัจจยั เส่ียง ปัจจยั เส่ียงเหลา่ นนั้ จะ กลบั มาเป็นปัจจยั เกือ้ หนุนให้ข้อเข่าเส่ือมเพ่ิมขึน้ อย่างต่อเน่ือง ปัจจัยเกือ้ หนุนดงั กล่าว ได้แก่ วถิ ีการนง่ั กินนอนกินที่สง่ ผลให้มีนา้ หนกั ตวั ที่มากและการไม่ออกกาลงั กาย จะทาให้ กล้ามเนือ้ ข้อเข่าย่ิงอ่อนแรง หากมีข้อเข่าเสื่อมเป็นทุนเดิมอย่แู ล้วจะยิ่งทาให้เกิดการสึก กร่อนของกระดกู ออ่ นในข้อเข่าเพม่ิ มากขนึ ้ ได้ การนง่ั กบั พืน้ การงอเขา่ การนง่ั ยอง การยก

วิถีชีวติ กบั โรค | 199 ของหนกั การออกกาลงั กายที่ทาให้เกิดแรงกระทาตอ่ ข้อเข่ามากขนึ ้ เชน่ การเลน่ กีฬาปะทะ จะยงิ่ ทาให้เกิดการบาดเจ็บตอ่ ข้อเขา่ และเอือ้ ให้ข้อเขา่ เสอ่ื มมากขนึ ้ ปัจจัยลดทอน ประเด็นหลกั ของการลดทอนข้อเข่าเส่ือม คงหนีไม่พ้นการควบคุมนา้ หนักและ ปรับวิถีชีวิต จากการศกึ ษาของ Foy CG และคณะ33 พบว่าการปรับวิถีชีวิตอย่างเข้มข้น (Intensive lifestyle intervention; ILI) ในคนที่มีนา้ หนกั เกินและเป็นเบาหวานร่วมกบั มี อาการปวดข้อเข่า โดยการลดนา้ หนกั ร้อยละ 10 ของนา้ หนกั เร่ิมต้นในเวลา 1 ปี ร่วมกบั การออกกาลงั กายในระดบั ปานกลางอย่างน้อย 175 นาทีตอ่ สปั ดาห์ เป็นเวลา 6 เดือน โดยในช่วง 6 เดอื นแรกจะต้องเข้ากิจกรรมกลมุ่ ทกุ 3 สปั ดาห์ พบผ้เู ช่ียวชาญหรือที่ปรึกษา ด้านวิถีชีวิตเดือนละ 1 ครัง้ และได้รับคาแนะนาให้รับประทานนา้ ป่ันและอาหารว่างชนิด meal bars ทดแทนการรับประทานอาหารปกติ 2 มือ้ และทดแทนการรับประทานอาหาร วา่ ง 1 มือ้ ต่อวนั ในเดอื นท่ี 7-12 ต้องเข้าร่วมกิจกรรมกลมุ่ 2 ครัง้ พบผ้เู ช่ียวชาญหรือที่ ปรึกษาด้านวิถีชีวิตเดือนละครัง้ และให้รับประทานอาหารทดแทนวนั ละ 1 มือ้ พบว่า สามารถลดนา้ หนกั เฉล่ีย 9 กิโลกรัม สามารถทางานได้ดขี นึ ้ และมีอาการปวดเขา่ ลดลงทงั้ ในผู้ที่มีและไม่มีข้อเข่าเสื่อมอย่างมีนัยสาคญั อย่างไรก็ดียงั ขาดข้อมูลเก่ียวกับกิจกรรม ดงั กลา่ วกบั การปอ้ งกนั หรือชะลอข้อเข่าเสือ่ ม การส่งเสริมกล้ามเนือ้ และกระดกู บริเวณข้อเข่าให้แข็งแรง นอกจากการบริหาร กล้ามเนือ้ บริเวณข้อเข่าแล้ว การราไท้เก๊ก34 การเลน่ โยคะ35-38 ก็มีหลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ท่ี จะช่วยลดอาการปวด เพิ่มคณุ ภาพชีวิต เน่ืองจากการราไท้เก๊กช่วยเพิ่มประสิทธิภาพใน การทรงตัวของร่างกาย เพ่ิมความแข็งแรงของกล้ามเนือ้ การบริหารจิตให้สงบช่วยลด อาการปวด อยา่ งไรก็ดกี ารราไท้เก๊กในผ้ทู ่ีมีดชั นีมวลกายเฉลี่ย 30 กิโลกรัมตอ่ ตารางเมตร ได้ผลดีในช่วง 3 เดือนแรก หลงั จากนนั้ ตงั้ แต่ 3-48 เดือนไม่พบความแตกต่างอย่างมี

200 | วิถีชีวิตกบั โรคเขา่ เส่ือม นยั สาคญั เม่ือเปรียบเทียบกบั กล่มุ ควบคมุ ทงั้ นีอ้ าจเนื่องมาจากการควบคมุ contamination ระหวา่ งกลมุ่ ทาได้ไม่ดี กลมุ่ ควบคมุ อาจทราบถงึ วธิ ีการราไท้เก๊กและนาไปปฏิบตั ิตาม การ เล่นโยคะก็ช่วยลดอาการปวดเข่าได้ดีในผู้ป่ วยท่ีมีโรคข้อเข่าเสื่อม อย่างไรก็ดียังไม่พบ หลกั ฐานท่ีแน่ชดั วา่ การราไท้เก๊กหรือการเลน่ โยคะช่วยลดทอนหรือชะลอการความรุนแรง ของโรคข้อเขา่ เส่ือม ทงั้ นีต้ ้องการการศกึ ษาที่มีการตดิ ตามลกั ษณะทางคลินิกและภาพรังสี เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 5-10 ปีว่าโรคข้อเข่าเสื่อมมีความรุนแรงลดลงหรือไม่หลงั การออก กาลงั กายชนดิ โยคะและไท้เก๊ก บริบทแวดล้อม บริบทแวดล้อมในลกั ษณะปัจจยั เส่ียง ปัจจยั ปอ้ งกนั ปัจจยั หนนุ เสริม และปัจจยั ลดทอน ต่อภาวะข้อเข่าเสื่อม ทงั้ ในผ้ทู ี่ยงั ไม่มีภาวะข้อเข่าเสื่อม และในผ้ทู ี่มีภาวะข้อเข่า เสื่อมแล้ว ต้องการบริบทแวดล้อมท่ีเอือ้ ตอ่ การปรับวิถีชีวิตให้เกิดการปอ้ งกนั และลดทอน โรค ในสงั คมไทยนนั้ กาลงั ปรับเข้าสสู่ งั คมแบบตะวนั ตกมากขนึ ้ สง่ิ อานวยความสะดวกทงั้ การใช้ชีวิตประจาวนั เช่น การใช้บนั ไดเลื่อน การนงั่ เก้าอี ้ การใช้ส้วมชกั โครกน่าจะเป็น วฒั นธรรมตะวนั ตกที่เอือ้ ในการปอ้ งกนั และลดทอนโรคข้อเข่าเสอ่ื มได้ดี เนื่องจากข้อเข่างอ ไม่เกิน 120 องศา สามารถลดแรงกระทาต่อข้อเข่าอย่างชดั เจน นอกจากนีบ้ ริบทของ นโยบายการทางานขององค์กรยงั สง่ ผลตอ่ การเกิดโรคข้อเขา่ เสอ่ื ม ในการศกึ ษาของ Chen JC และคณะ39 พบวา่ องค์กรท่ีมีข้อเสนอให้พนกั งานเปลยี่ นชนิดงาน จา่ ยเงินค่าชดเชยการ ขาดงานและการเจ็บป่ วย มีอบุ ตั ิการณ์การเกิดโรคข้อเข่าเส่ือมลดลงเมื่อเปรียบเทียบกบั องค์กรท่ีไม่มีข้อเสนอเหล่านีไ้ ด้มากถึงร้อยละ 40 อย่างไรก็ตามการศกึ ษานีย้ งั มีข้อจากดั เรื่องเกณฑ์การรับพนกั งานท่ีมีแนวโน้มเป็นข้อเขา่ เสอ่ื มได้น้อย ทาให้อบุ ตั ิการณ์ของข้อเข่า เส่ือมตา่ กวา่ กลมุ่ เปรียบเทียบ

วิถีชีวติ กบั โรค | 201 บริ บทแวดล้ อมในสังคม ไทยที่อาจส่งผลกระทบต่อการเกิดโรคข้ อเข่าเส่ือมท่ี เป็นไปได้ ประกอบด้วย 1. บริบทแวดล้อมท่ีเอือ้ ตอ่ โรคอ้วน เช่น อาหารฟาสต์ฟดู ท่ีเข้าถึงได้ง่าย อปุ กรณ์ อานวยความสะดวกในชีวิตประจาวนั ต่างๆ สงั คมออนไลน์ท่ีต้องอยู่หน้ามือ ถือหรือคอมพิวเตอร์ทัง้ วัน ทาให้ขาดการออกกาลงั กายและเกิดภาวะอ้วน ตามมาได้ ซงึ่ นา้ หนกั ท่ีมากเกินทาให้เกิดแรงกระทาตอ่ ข้อเขา่ ท่ีมากผิดปกติ และเกิดโรคข้อเข่าเส่ือมตามมาในท่ีสดุ 2. บริบทแวดล้อมท่ีเอือ้ หรือจาเป็นต้องงอเข่า เช่น สะพานลอย เก้าอีเ้ตีย้ ๆ การ เข้ าวัดฟัง/ปฏิบัติธรรม ความจาเป็นท่ีต้องข้ามสะพานลอยที่ชันและมี ระยะทางคอ่ นข้างมากเพ่ือความปลอดภยั ในการใช้ถนน ทาให้ผ้ทู ี่เป็นโรคข้อ เส่ือมมีอาการกาเริบ การนงั่ เก้าอีเ้ตยี ้ ๆ ในการทางานบ้าน เชน่ ซกั ผ้า ล้างจาน เป็นต้น และการเข้าวดั เพ่ือปฏิบตั ิธรรมท่ีทางวดั ส่วนใหญ่จดั ให้นง่ั กบั พืน้ ซึง่ หากต้องนงั่ ในท่าพบั เพียบเป็นระยะเวลานานๆ แล้ว จะเกิดแรงกระทาตอ่ ข้อ เข่าเน่ืองจากมีการงอเข่าเกินกว่า 120 องศา เป็นสาเหตใุ ห้เกิดโรคข้อเข่า เสื่อมหรือทาให้โรคทวคี วามรุนแรงขนึ ้ ได้ 3. บริบทแวดล้อมที่เอือ้ ต่อการได้รับบาดเจ็บบริเวณข้อเข่า เช่น อบุ ตั ิเหตจุ ราจร คา่ นิยมในการเลน่ กีฬาแบบปะทะ เช่น ฟตุ บอล บาสเกตบอล จากการศึกษาอุบัติการณ์การเกิดโรคข้อเข่าเสื่อมในสังคมผู้มีรายได้น้อย ใน Johnston Country รัฐ North Carolina ประเทศสหรัฐอเมริกา40 ระหว่างปีค.ศ. 2003-2004 พบว่าสงั คมที่มีผู้มีรายได้น้อยเกินกว่าร้ อยละ 25 มีความสมั พนั ธ์กับการเกิดโรคข้อเข่า เสื่อม 1.8 เทา่ (odds ratio 1.83, ชว่ งความเชื่อมน่ั ร้อยละ 95: 1.43-2.36) ซง่ึ อธิบายจากผู้ ท่ีมีรายได้น้อยต้องอย่ใู นสภาพแวดล้อมที่ขาดแหล่งอาหารท่ีดีต่อสขุ ภาพ เป็นเหตใุ ห้เกิด

202 | วิถีชีวิตกบั โรคเขา่ เสื่อม ภาวะอ้วน ขาดสถานท่ีพักผ่อนหย่อนใจหรือสถานท่ีออกกาลังกายที่ปลอดภัย ทาให้ ร่างกายและจิตใจอ่อนแอ ขาดการดูแลผู้สูงอายุทาให้โรคเป็นมากขึน้ ได้ ข้อมูลเหล่านี ้ สนบั สนนุ วา่ บริบทแวดล้อมมีอทิ ธิพลตอ่ การเกิดโรคข้อเข่าเส่ือมในหลากหลายมิติ บทวิเคราะห์ ระบบสขุ ภาพของประเทศได้ตระหนกั ถึงโรคข้อเข่าเสื่อมท่ีจดั อย่ใู นอนั ดับท่ี 6 ของ ภาระโรคในประเทศไทย อย่างไรก็ดีทางผู้เก่ียวข้องได้หามาตรการในการลดภาระโรค ดงั กลา่ วด้วยการลดคา่ รักษาพยาบาล โดยเฉพาะยาที่ใช้ในการรักษาโรคข้อเขา่ เสื่อม จาก การทบทวนวรรณกรรมเรื่องปัจจยั เสย่ี งและปัจจยั สง่ เสริมของการเกิดโรคข้อเข้าเสื่อม อาจ ยงั ประโยชน์ให้เกิดมิตใิ นการลดภาระโรคโดยการปรับวิถีชีวิตของคนไทยตงั้ แตว่ ยั เด็กและ วัยทางานให้ สามารถชะลอหรื อลดอุบัติการณ์ การเกิดโรคข้ อเข่าเสื่อมในวัยสูงอายุได้ ตงั้ แต่การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกาลงั กายที่ไมเ่ กิดแรงกระทาตอ่ ข้อเข่า มากเกิน การควบคมุ นา้ หนกั วฒั นธรรมการนง่ั กบั พืน้ และการเข้าวดั การวิเคราะห์สวอต ของระบบสาธารณสขุ ในสงั คมไทยเกี่ยวกบั โรคข้อเข่าเสื่อมมีดงั นี ้ จุดแข็ง 1. รัฐให้ความสนใจกบั โรคข้อเขา่ เสื่อมมากขนึ ้ เน่ืองจากติดอนั ดบั 1 ใน 10 ภาระโรค ของประเทศไทย 2. ราชวิทยาลยั แพทย์ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทยร่วมกับราชวิทยาลยั แพทย์เวช ศาสตร์ฟื น้ ฟแู ห่งประเทศไทยจดั ทาแนวทางเวชปฏิบตั ใิ นการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม เพอ่ื ให้การดแู ลและฟื น้ ฟสู ภาพข้อเข่าเป็นไปอยา่ งมีประสทิ ธิภาพสงู สดุ 3. การผลติ แพทย์ผ้เู ชี่ยวชาญในดแู ลผ้ปู ่วยโรคข้อเขา่ เส่ือมเพ่มิ ขนึ ้ ทกุ ปี

วิถีชีวิตกบั โรค | 203 จุดอ่อน 1. รัฐบาลมนี โยบายควบคมุ คา่ รักษาพยาบาลท่ีเกี่ยวกบั โรคข้อเข่าเสื่อม 2. นโยบายภาครัฐเน้นการรักษาโรคมากกวา่ การปอ้ งกนั โรคข้อเขา่ เส่ือม โอกาสพัฒนา 1. สานกั งานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสขุ ภาพ (สสส.) มีนโยบายสร้างเสริม สุขภาพ สามารถนาองค์ความรู้เหล่านีไ้ ปต่อยอดในการสร้ างเสริมสุขภาพและ ปอ้ งกนั โรคข้อเข่าเส่อื ม 2. การรณรงค์ลดอุบตั ิเหตจุ ราจรท่ีทางสสส.ได้ดาเนินการอย่างต่อเน่ือง ซ่ึงช่วยลด อบุ ตั กิ ารณ์การบาดเจ็บบริเวณขาและข้อเขา่ ได้ 3. วฒั นธรรมตะวนั ตกเร่ืองการนงั่ เก้าอี ้และใช้ส้วมชกั โครกแพร่หลายทว่ั ประเทศ 4. การใช้บนั ไดเล่อื นของรถไฟฟา้ อานวยความสะดวกในการข้ามถนน ภาวะคุกคาม 1. สงั คมผ้สู งู อายุท่ีจะเกิดขนึ ้ ใน 15 ปีข้างหน้า จานวนผ้ปู ่ วยด้วยโรคข้อเข่าเสื่อมมี แนวโน้มเพม่ิ ขนึ ้ 2. โรคข้อเขา่ เสอ่ื มมีสาเหตทุ างพนั ธุกรรมซง่ึ ยงั ไมม่ ีวิธีการแก้ไขท่ีชดั เจน 3. ภาวะอ้วนที่เพม่ิ มากขนึ ้ จากอาหารฟาสต์ฟดู และการไม่ออกกาลงั กาย 4. วฒั นธรรมไทยมีวิถีชีวิตกบั พืน้ เช่น การนงั่ นอน กินข้าว ซกั ผ้า ถบู ้าน 5. กระแสนิยมในการเข้าวดั ฟังธรรม นง่ั สมาธิ ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาทาให้ จาเป็นต้องนง่ั กบั พนื ้ เป็นระยะเวลานานๆ 6. อาชีพท่ีต้องยกของหนกั และนง่ั ยองซา้ ๆ สะสมเป็นเวลานานหลายปี 7. บริบทแวดล้อมที่สนบั สนนุ ข้อเข่าเส่อื ม เชน่ สะพานลอย เก้าอีเ้ตยี ้ ๆ 8. การออกกาลงั กายที่นยิ มในประเทศไทย เป็นกีฬาปะทะ เชน่ ฟตุ บอล

204 | วิถีชีวติ กบั โรคเขา่ เสื่อม 9. อบุ ตั ิเหตจุ ราจรจากรถจกั รยานยนต์มีอตั ราสงู ประมาณร้อยละ 15 ของอบุ ตั ิเหตุ จราจรทงั้ หมด และมกั ได้รับบาดเจ็บบริเวณขาและข้อเข่า ข้อเสนอแนะเชงิ นโยบาย 1. ในภาวะที่รัฐบาลมีงบประมาณในด้านสาธารณสขุ จากดั และมีความจาเป็น ต้องการลดค่าใช้จ่ายในการรักษาข้อเข่าเสื่อม การป้องกันและชะลอโรคข้อ เข่าเส่ือมถือเป็นหวั ใจสาคญั ดงั นนั้ การรณรงค์ให้มีเข่าดี มีสขุ น่าจะเป็น หนทางท่ีค้มุ คา่ ที่สดุ รัฐควรผนั งบประมาณมาใช้ในการปรับกระบวนทศั น์ใน การป้องกนั โรคข้อเข่าเส่ือมระดบั มหภาคในประชาชนทกุ กล่มุ อายุ เน่ืองจาก การเกิดโรคข้ อเข่าเส่ือมมีบริ บทที่ซับซ้ อนและได้ รับอิทธิ พลอย่างต่อเน่ือง ตงั้ แตว่ ยั เดก็ ทงั้ นิสยั การบริโภค วิถีการใช้ชีวติ และการทางาน 2. การควบคมุ นา้ หนกั จะช่วยลดอบุ ตั ิการณ์การเกิดโรคข้อเข่าเส่ือมได้มากกว่า ร้อยละ 30 ควรให้ข้อมลู กบั ประชาชนว่าหากนา้ หนกั ตวั เพิ่มขนึ ้ 1 กิโลกรัม ข้อ เข่ารับนา้ หนกั เพ่ิมถึง 3 กิโลกรัม เพ่ือเป็นแรงจูงใจให้ควบคมุ นา้ หนกั เพื่อ ถนอมเข่า เผยแพร่วิธีการควบคมุ นา้ หนกั ที่ถกู ต้องในชีวิตประจาวนั โดยการ ลดหวาน ลดมัน ลดเค็ม ออกกาลงั กายด้วยการเดิน ว่ิง ว่ายนา้ ให้กับ ประชาชนโดยไมต่ ้องพง่ึ สถานลดนา้ หนกั 3. การปรับวฒั นธรรมไทยให้เหมาะกบั ยคุ สมยั และช่วยชะลอการเกิดโรคข้อเข่า เส่ือม โดยการให้ความรู้เรื่องการงอเข่าเกิน 120 องศาเป็นระยะเวลานานๆ เป็นสาเหตขุ องการเกิดโรคข้อเขา่ เส่ือม แนะนาให้นง่ั เก้าอีโ้ ดยไมง่ อเขา่ เกินมมุ ฉาก หลีกเล่ียงการนั่งเก้าอีเ้ ตีย้ ๆ นอนเตียงแทนการน่งั นอนกับพืน้ โดยเริ่ม ตงั้ แต่เด็กจนถึงวยั สูงอายุเพ่ือหดั ให้เป็นนิสยั เนื่องจากโรคข้อเข่าเส่ือมเกิด จากแรงกระทาต่อข้อเข่าที่มากผิดปกติสะสมเป็นระยะเวลานาน สาหรับ

วถิ ีชีวติ กบั โรค | 205 กิจกรรมทางศาสนา ศาสนสถานควรจดั ให้ผ้เู ข้าร่วมพิธีกรรมต่างๆ นง่ั เก้าอี ้ เป็นหลกั อาจยกธรรมมาสให้สูงขึน้ เพ่ือให้พระสงฆ์อยู่ในตาแหน่งท่ีสงู กว่า ฆราวาสที่นง่ั เก้าอี ้มีการบริจาคเก้าอีใ้ ห้กบั ทางวดั เพื่อส่งเสริมวฒั นธรรมใน การนง่ั เก้าอีใ้ ห้แพร่หลาย 4. การออกกาลงั กายและการบริหารข้อเข่าเพ่ือเสริมสร้างข้อเข่าท่ีดี ควรเน้นการ ออกกาลงั กายที่หลีกเลี่ยงการปะทะ เช่น กีฬาที่เล่นคนละฝั่ง กีฬาท่ีเล่นคน เดียว เป็นต้น หากต้องเล่นกีฬาที่มีการปะทะ จาเป็นต้องให้ความรู้และฝึก ทกั ษะในการล้ม ให้เท้าไม่ตาย ไม่มีข้อเข่าบิดหมุนท่ีจะเป็นเหตุให้เกิดการ บาดเจ็บของข้อเขา่ ได้ 5. สถานประกอบการควรมีมาตรการในการดแู ลพนกั งานให้มีสขุ ภาวะที่ดี โดย จดั อาหารให้เหมาะสมในการควบคมุ นา้ หนกั ตวั สง่ เสริมและจดั ให้มีกิจกรรม ออกกาลงั กายเพื่อควบคมุ นา้ หนกั และเสริมสร้างความแข็งแรงของข้อเขา่ จดั ลกั ษณะงานที่มีการนง่ั ยองหรืองอเข่ามากๆ ให้เป็นการนงั่ โดยงอเข่าไม่เกิน มุมฉาก พนักงานท่ีมีหน้าที่ยกของหนักหรือมีอาการปวดเข่า ทางสถาน ประกอบการควรให้หยดุ พกั เปลี่ยนชนิดงานและจ่ายค่าชดเชยให้ หรือใช้ อปุ กรณ์เสริมการทางานโดยใช้เครื่องจกั รทนุ่ แรง 6. รณรงค์ลดอบุ ตั ิเหตจุ ราจร ให้ขบั ข่ีปลอดภยั อยา่ งต่อเนื่องและมีประสทิ ธิภาพ เพื่อลดทงั้ อตั ราตาย ทพุ พลภาพ และข้อเขา่ เสอ่ื มในอนาคต 7. จัดให้ ประชาชนท่ีเดินถนนมีทางเลือกในการข้ ามถนนอย่างปลอดภัย นอกเหนือจากการขนึ ้ สะพานลอย เช่น ทางม้าลายท่ีมีไฟจราจรอจั ฉริยะ หรือ ปรับเปลี่ยนสะพานลอยให้ขนั้ บนั ไดเตีย้ ลง ทาให้งอเข่าไม่มากเกิน มีท่ีพัก บนั ไดมากขนึ ้ เชน่ เดินบนั ได 10 ขนั้ พกั 1 ครัง้ หรือปรับเป็นบนั ไดเลื่อน

206 | วถิ ีชีวติ กบั โรคเขา่ เสือ่ ม 8. ทาการวิจยั เพ่ือประเมินมาตรการต่างๆ ที่ใช้ในการป้องกนั และชะลอข้อเข่า เสื่อมในบริบทไทย ทงั้ ผลที่ได้รับ ความค้มุ คา่ ในการลดอบุ ตั กิ ารณ์การเกิดข้อ เข่าเสอื่ ม ลดคา่ รักษาพยาบาลและการเพ่มิ คณุ ภาพชีวิตของประชากรไทย สรุปวิถชี ีวิตท่มี ีผลต่อโรคข้อเข่าเส่ือม โรคข้อเข่าเสื่อมในประเทศไทยพบได้ร้อยละ 30-60 ในผ้สู งู อายแุ ละพระสงฆ์ โดย มีวิถีชีวิตที่ส่งผลให้เกิดแรงกระทาต่อข้อเข่าที่มากผิดปกติและทาให้เกิดโรคข้อเข่าเส่ือม ได้แก่ การนงั่ กินนอนกินและไม่ออกกาลงั กายทาให้มีนา้ หนกั เกิน วิถีชีวิตกบั พืน้ ท่ีมีการงอ เข่าเกิน 120 องศา วิถีการออกกาลงั กายท่ีมีการปะทะและอุบตั ิเหตจุ ราจรที่ทาให้มีการ บาดเจ็บบริเวณข้อเข่า เช่นเดียวกบั วิถีการทางานที่ต้องยกของหนกั และนง่ั ยอง ร่วมกับ บริบทแวดล้อมทางวฒั นธรรมไทย พทุ ธศาสนา (รูปท่ี 2) สภาพแวดล้อมทางกายภาพ เช่น สะพานลอย เป็นต้น ดงั นนั้ การป้องกันและชะลอการเกิดโรคข้อเข่าเส่ือมจาเป็นจะต้อง อาศยั ความร่วมมือของหลายภาคส่วนในการให้ความรู้และรณรงค์ให้ประชาชนชาวไทย ทกุ เพศทกุ วยั ปรับเปลี่ยนวถิ ีชีวติ ให้กินสมดลุ ควบคมุ นา้ หนกั ออกกาลงั กายไม่หกั โหม ไม่ น่ังหรือนอนกับพืน้ ทางภาครัฐควรกาหนดนโยบายการป้องกันโรคข้อเข่าเสื่อม จัด สภาพแวดล้อมทางวฒั นธรรมและทางกายภาพให้เหมาะสมตอ่ การใช้งานของข้อเขา่ ทงั้ ใน ภาครัฐ เอกชน ศาสนสถานและสถานประกอบการ เพื่อให้ประชาชนไทยมีข้อเขา่ ท่ีดแี ละมี ความสขุ

วถิ ีชีวติ กบั โรค | 207 รูปท่ี 2 สรุปวถิ ีชีวิตกบั ข้อเขา่ เส่ือม ผลกระทบของโรคข้อเข่าเส่ือมต่อวถิ ีชวี ิต โรคข้อเข่าเส่ือมทาให้เกิดอาการปวดบริเวณข้อเข่า อาจมีข้อเข่าบวมอกั เสบ ขยบั เหยียดงอเข่าได้ลาบาก ปัญหาท่ีพบบอ่ ยได้แก่ อาการปวดรอบๆ ข้อเขา่ ทงั้ ด้านหน้า ด้าน ในและด้านหลงั ข้อเข่า บางครัง้ มีอาการปวดร้าวบริเวณหน้าแข้ง อาจพบถงุ นา้ ด้านหลงั ข้อ เขา่ ผ้ทู ่ีเป็นโรคข้อเขา่ เส่ือมมกั มีปัญหาในการเดนิ ระยะไกล ขนึ ้ ลงบนั ได นงั่ ยองหรือนงั่ กบั พืน้ แล้วลกุ ไม่ขนึ ้ เมื่อเป็นมากขนึ ้ ขาอาจโก่งหรือเกผิดรูป ข้อเข่าไม่มนั่ คง เข่าทรุด ซง่ึ ทาให้ เดินลาบากขนึ ้ ปัญหาปวดเข่า เข่าผิดรูปและรบกวนการใช้งาน สง่ ผลกระทบตอ่ คณุ ภาพ

208 | วถิ ีชีวิตกบั โรคเขา่ เสื่อม ชีวิตของประชากรไทยท่ีเป็นโรคนีค้ ิดเป็นร้ อยละ 3 ของการสูญเสียปีสขุ ภาวะ (รายงาน กระทรวงสาธารณสขุ ประจาปี 2552) การรักษาโรคข้อเข่าเส่ือมในปัจจุบนั แนะนาให้เร่ิมจากรับประทานยาบรรเทา อาการปวด ยาลดอาการอักเสบ ยาเพ่ิมสารหล่อลื่นในข้อ การบริหารข้อเข่า ก ารใส่ อปุ กรณ์พยงุ เข่า การฉีดสเตียรอยด์หรือสารหล่อลื่นเข้าข้อ หากอาการรุนแรงมากขึน้ อาจ พิจารณาผา่ ตดั สอ่ งกล้องเพ่ือล้างข้อ ผา่ ตดั จดั กระดกู หน้าแข้งให้ตรง และผ่าตดั เปลี่ยนข้อ เข่าเทียม ทัง้ นีแ้ พทย์และผู้ป่ วยจะพิจารณาเลือกการรักษาท่ีเหมาะสมร่วมกัน เพื่อ ประโยชน์สงู สดุ ในการดาเนนิ ชีวิตของผ้ปู ่วย โรคข้อเข่าเสอื่ มมีอทิ ธิพลตอ่ วถิ ีชีวติ ทงั้ 7 มติ ิ ดงั นี ้ การอุปโภค/บริโภค เม่ือเป็นโรคข้อเข่าเส่ือมแล้วการรับประทานอาหารท่ีมากเกินความต้องการของ ร่างกาย ทาให้นา้ หนกั ตวั มากและเกิดแรงกระทาต่อข้อเข่ามากขึน้ กระดกู อ่อนผิวข้อเกิด การสึกหรอเพิ่มมากขึน้ ย่อมทาให้เกิดอาการปวด บวม อกั เสบของข้อเข่า ทาให้เดินและ ลกุ นง่ั ได้ลาบาก แต่โรคข้อเข่าเส่ือมเองไม่น่าจะกระทบต่อการรับประทานอาหารมากนกั จากประสบการณ์การดแู ลผ้ปู ่ วยโรคข้อเข่าเส่ือม อาการปวดเข่าจะจากดั การเคล่ือนไหว ของร่างกาย ผู้ที่เป็นโรคจะรับประทานอาหารได้แต่เคล่ือนไหวได้ น้อยลง เป็นเหตุให้ นา้ หนกั ตวั เพ่ิมมากขนึ ้ หากผ้ปู ่ วยต้องเป็นคนจ่ายกบั ข้าวหรือทาอาหารด้วยตนเอง โรคข้อ เข่าเส่ือมทาให้ไม่สามารถไปตลาดหรือทากับข้าวเองได้ สะดวก และอาหารท่ีคนใน ครอบครัวจดั หามาให้อาจไม่ถกู ใจ ทาให้รับประทานอาหารได้น้อยลง ขาที่โก่งผิดรูปอาจ เป็นสาเหตุให้ต้องสวมเสือ้ ผ้าที่ปกปิดข้อเข่า เช่น สวมกระโปรงยาว จากการศกึ ษาผ้ปู ่ วย โรคข้อเขา่ เส่ือมในประเทศไทยที่เข้ารับการรักษาด้วยยาและกายภาพบาบดั ท่ีโรงพยาบาล ในเขตจงั หวดั เชียงใหม่ ขอนแก่นและกรุงเทพมหานคร โดยทีมวิจยั จากราชวิทยาลยั แพทย์

วถิ ีชีวติ กบั โรค | 209 ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทยร่วมกับราชวิทยาลยั แพทย์เวชศาสตร์ฟื น้ ฟแู ห่งประเทศไทย พบว่าผู้ป่ วยโรคข้อเข่าเสื่อมชนิดไม่รุนแรงและรุนแรงปานกลางจานวน 970 รายพบว่า ผ้ปู ่ วยกลมุ่ นีม้ ีความสามารถไปซือ้ ของนอกบ้านหรือไปจ่ายตลาดลดลง อย่างไรก็ดยี งั ไม่มี การศึกษาท่ีกล่าวถึงอาการปวดเข่าเป็นสาเหตใุ ห้รับประทานอาหารมากขึน้ หรือลดการ บริโภคอาหาร หรือปรับเปล่ียนวิถีการอุปโภค/บริโภคตามสมมติฐานข้างต้น ทัง้ นีย้ ัง ต้องการงานวจิ ยั ในเรื่องนีเ้พ่ือหาคาตอบท่ีชดั เจนในอนาคต การอย่อู าศัย การอยู่อาศัยเมื่อเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมนนั้ มีข้อจากัดหลายประการ ตงั้ แต่การน่ัง และนอนกบั พืน้ การนง่ั ยอง การนง่ั พบั เพียบ การนงั่ เก้าอีเ้ตีย้ ๆ การนงั่ ส้วมแบบยองๆ การ ขึน้ ลงบนั ได เนื่องจากข้อเข่าเส่ือมทาให้จากดั พิสยั การเคล่ือนไหวของข้อเข่าทงั้ ในท่างอ และเหยียด ผ้ปู ่ วยมกั ไม่สามารถเดินระยะไกลได้ จากการศกึ ษาผ้ปู ่ วยโรคข้อเข่าเส่ือมใน ประเทศไทยที่เข้ ารั บการรักษาด้ วยยาและกายภาพบาบัดท่ีโรงพยาบาลในเขตจังหวัด เชียงใหม่ ขอนแก่นและกรุงเทพมหานคร พบว่าผ้ปู ่ วยโรคข้อเข่าเส่ือมชนิดไม่รุนแรงและ รุนแรงปานกลางจานวน 970 รายมีอาการปวดในขณะเดินพืน้ ราบ ขึน้ ลงบนั ได อย่เู ฉยๆ ประมาณ 2.5-4.6 จากคะแนนความปวดเต็ม 10 คะแนน ความสามารถในการทางาน ลดลงทงั้ การทางานหนกั การขึน้ ลงบนั ได การเข้าห้องนา้ การขึน้ ลงรถยนต์ การไปจ่าย ตลาด ท่ีอยู่อาศยั ที่เหมาะสมกับผู้ป่ วยกลุ่มนีน้ ่าจะเป็นชัน้ ล่าง ห้องนา้ แบบโถชักโครก กิจกรรมต่างๆควรน่งั เก้าอี ้ หลีกเลี่ยงการน่ังกบั พืน้ และห้องนอน ห้องนา้ ห้องครัว ส่วน รับประทานอาหารและสว่ นพกั ผอ่ นควรอยตู่ ิดกนั เพ่อื ให้ผ้ปู ่วยเดนิ ไปได้ด้วยตนเอง

210 | วิถีชีวติ กบั โรคเขา่ เส่ือม การนอนหลับ/พกั ผ่อนหย่อนใจ เน่ืองจากโรคข้อเข่าเสื่อมส่งผลให้เกิดอาการปวดเข่าจากภาวะข้อเส่ือมและ/หรือ ข้อเขา่ อกั เสบ สง่ ผลกระทบตอ่ การนอนหลบั โดยตรง จากการศกึ ษาของราชวิทยาลยั แพทย์ ออร์โธปิดกิ ส์แห่งประเทศไทยในปีพ.ศ. 2555 พบวา่ ผ้ปู ่วยโรคข้อเข่าเส่ือมชนิดไม่รุนแรงถึง รุนแรงปานกลางจานวน 970 รายมีอาการปวดข้อเข่าในช่วงเวลากลางคืนเฉลี่ย 3.4 จาก คะแนนความปวดเตม็ 10 คะแนน แม้วา่ อาการปวดในกลมุ่ นีจ้ ะไมม่ ากนกั แตห่ ากมีข้อเขา่ เสื่อมรุนแรง อาการปวดจะมากขึน้ และรบกวนการนอนหลับได้ จากการศึกษาของ Woolhead G และคณะ41 พบว่าผ้ปู ่ วยท่ีเป็นโรคข้อเข่าหรือข้อสะโพกเสื่อมร้อยละ 81 มี อาการปวดข้อในเวลากลางคืนจนทาให้ต้องต่ืน และพบได้ในทกุ ความรุนแรงของข้อเส่ือม โดยข้อเส่ือมที่มากขนึ ้ จะมีอาการปวดมากขึน้ เช่นเดียวกนั อาการปวดมีความสมั พนั ธ์กบั การพลิกตวั หากเกิดอาการปวดแล้วต้องใช้เวลาเป็นชว่ั โมงในการขยบั ตวั เพ่ือหาท่านอนท่ี ทาให้อาการปวดบรรเทาหรือหายไป ในทางตรงกนั ข้ามการนอนน่ิงไม่ขยบั ขาทาให้ข้อฝืด ตงึ เป็นสาเหตขุ องอาการปวดข้อขณะนอนเช่นเดียวกนั อาการปวดเหลา่ นีร้ บกวนการนอน หลบั ทาให้นอนหลบั ไมเ่ พียงพอ เม่ือตน่ื เช้ารู้สกึ ไมส่ ดชื่น มีความกงั วลเก่ียวกบั อาการปวด ในคืนตอ่ มา สง่ ผลให้รู้สกึ ปวดข้อและเกิดอาการนอนไมห่ ลบั มากขนึ ้ โรคข้อเข่าเสอื่ มมีผลกระทบตอ่ การพกั ผอ่ นหย่อนใจ เน่ืองจากอาการปวดข้อเข่า และอาการข้อฝืดตงึ รบกวนการเดนิ และการขยบั ข้อเขา่ ทาให้ไมส่ ามารถออกกาลงั กายได้ ตามปกติ โดยเฉพาะการออกกาลงั กายที่เกิดแรงกระทาตอ่ ข้อเขา่ เชน่ การวง่ิ แอโรบกิ กีฬาท่ีมีการปะทะ จากการศกึ ษา systematic review ของ Roddy E และคณะ42 พบวา่ การเดนิ แอโรบกิ (aerobic walking) และการบริหารกล้ามเนือ้ ข้อเข่า (quadriceps exercise) ช่วยลดอาการปวดเข่า ในผ้ปู ่วยโรคข้อเขา่ เสอื่ มอยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิตเิ ม่ือเปรียบเทียบกบั กลมุ่ ควบคมุ การราไท้เก๊ก34 การเลน่ โยคะ35-38 เป็นการออกกาลงั กายที่เหมาะสาหรับผ้สู งู อายแุ ละผ้ปู ่วยที่มีข้อเขา่ เสื่อม

วิถีชีวติ กบั โรค | 211 เนื่องจากเพ่ิมประสิทธิภาพในการทรงตวั ของร่างกาย เพ่ิมความแข็งแรงของกล้ามเนือ้ บริหารจิตให้สงบและชว่ ยบรรเทาอาการปวดเขา่ นอกจากนีก้ ารวา่ ยนา้ ก็เป็นการออกกาลงั กายที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนือ้ โดยอาศยั แรงลอยตวั ของนา้ ช่วยลดแรง กระทาตอ่ ข้อเขา่ เชน่ กนั การมีสัมพนั ธ์กับคนรัก/คนใกล้ชิด โรคข้อเข่าเสื่อมท่ีมีอาการปวดอกั เสบและข้อฝืดตงึ ย่อมสง่ ผลต่อการมีสมั พนั ธ์กบั คนรักหรือคนใกล้ชิด โดยอาการปวดเข่า กล้ามเนือ้ เขา่ ออ่ นแรง ข้อเข่าบวมแดงหรือฝืดตงึ อาจทาให้สญู เสียความมน่ั ใจ และอาจทาให้อารมณ์ทางเพศลดลงขณะทากิจกรรมทาง เพศได้ (http://www.arthritisresearchuk.org) ซงึ่ ค่สู มรสต้องปรับตวั เข้าหากนั และปรับ ความเข้าใจกนั ทงั้ สองฝ่าย อาทิเช่น ปรับกิจกรรมทางเพศโดยงดการงอเข่าหรือลงนา้ หนกั บริเวณข้อเข่า ร่วมกนั หาท่าท่ีรู้สกึ สบายทงั้ สองฝ่ายเพ่ือคงความสมั พนั ธ์ท่ีดไี ว้ หรือปรึกษา แพทย์ผ้เู ชี่ยวชาญ การใช้ชีวิตคู่ที่ต้องช่วยกันทางานบ้านหรือทากิจกรรมร่วมกัน หรือคู่สมรสไม่ สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติเนื่องจากโรคข้อเข่าเส่ือมทาให้ขาดรายได้ สิ่งเหล่านี ้ อาจกระทบตอ่ ความสมั พนั ธ์ในครอบครัวได้เช่นเดียวกนั คสู่ มรสต้องพดู คยุ และปรับความ เข้าใจกนั โดยอาจสบั เปล่ียนการทางานที่สามารถทาได้ทงั้ สองฝ่ายโดยไม่กระทบกบั โรคที่ เป็น หาสงิ่ อานวยความสะดวกเพื่อช่วยผอ่ งถา่ ยภาระงานที่จาเป็น การส่ือสาร โรคข้อเข่าเสื่อมมีผลกระทบต่อการส่ือสารตามวิถีไทย เน่ืองจากอาการปวดเข่า และข้อเข่าฝืดตึงทาให้เป็นอปุ สรรคในการลกุ นง่ั กบั พืน้ ตามมารยาทหรือพิธีการแบบไทย การส่ือสารกับพระสงฆ์ในวัด ควรปรับวีถีชีวิตกับพืน้ เป็ นการน่ังเก้ าอี ้ เพ่ือช่วย ประคบั ประคองข้อเขา่ ให้สามารถใช้งานได้ใกล้เคยี งปกตมิ ากท่ีสดุ

212 | วิถีชีวิตกบั โรคเขา่ เส่ือม การทางาน โรคข้อเข่าเส่ือมมีผลทาให้ข้อเข่ารับแรงกระทาได้น้อยกว่าปกติ เป็นอปุ สรรคต่อ การทางานที่ต้องยกของหนกั หรือมีการงอเขา่ เช่น การแบกหาม การซอ่ มรถหรือเคร่ืองจกั ร การทาสวน ทานา ทาไร่ งานที่ต้องนงั่ กบั พืน้ งานสานกั งานที่มีการขนึ ้ ลงบนั ไดบ่อยๆ เป็น ต้น ผ้ทู ี่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมอาจต้องปรับวิธีการทางาน เช่น การนงั่ เก้าอีแ้ ทนการนงั่ กบั พืน้ การวางแผนงานให้ขึน้ ลงบนั ไดน้อยท่ีสุดหรืออาศยั ลิฟต์หรือบนั ไดเลื่อนทดแทน หากไม่ สามารถทาได้อาจต้องปรับเปล่ียนงาน นอกจากนีค้ วรหมน่ั บริหารกล้ามเนือ้ บริเวณข้อเข่า ควบคมุ นา้ หนกั ตวั ให้อยใู่ นเกณฑ์ท่ีเหมาะสม เพ่ือให้สามารถใช้งานข้อเข่าในการทางานได้ การเรียนรู้ การเรียนรู้โดยทว่ั ไปมกั ไมไ่ ด้รับผลกระทบจากการเป็นโรคข้อเขา่ เสื่อม ยกเว้นการ เรียนรู้ตามวิถีไทยท่ีต้องอาศยั การนง่ั กับพืน้ ซ่ึงในปัจจุบนั ประเทศไทยเป็นสากลมากขึน้ การนง่ั เก้าอีเ้พ่อื ทากิจกรรมยอ่ มสง่ เสริมการถนอมข้อเขา่ ให้ใช้งานได้นานย่ิงขนึ ้ นอกจากนี ้ การเรียนรู้การดแู ลข้อเขา่ ทงั้ การบริหารข้อเข่า การออกกาลงั กายที่เหมาะสม การควบคมุ นา้ หนกั ตวั ให้เหมาะสมจะชว่ ยให้ข้อเขา่ ท่ีมีอาการเส่ือมใช้งานตอ่ ไปได้มากที่สดุ

วิถีชีวติ กบั โรค | 213 บทวิเคราะห์ โรคข้อเขา่ เสอ่ื มกระทบตอ่ วิถีชีวิตทงั้ 7 มติ ิ ได้แก่ การอปุ โภค/บริโภค การอย่อู าศยั การนอนหลบั /พกั ผ่อนหย่อนใจ การมีสมั พนั ธ์กบั คนรัก/คนใกล้ชิด การส่ือสาร การทางาน และการเรียนรู้ทงั้ ทางตรงและทางอ้อม ผลกระทบที่เกิดขนึ ้ สว่ นใหญ่เกิดจากอาการปวดข้อ เขา่ ข้อเข่าฝืดตงึ กล้ามเนือ้ ข้อเขา่ อ่อนแรง สง่ ผลตอ่ การนอน นงั่ ยืน เดิน และวิ่ง อิริยาบถ ดงั กลา่ วถือเป็นสิ่งจาเป็นในการใช้ชีวิตประจาวนั ทงั้ ในการพกั ผ่อนนอนหลบั การขบั ถ่าย การทางาน การออกกาลงั กาย การมีสมั พนั ธ์ทางเพศ นอกเหนือจากการปอ้ งกนั โรคข้อเข่า เสื่อมแล้ว จะเห็นได้ว่าการส่งเสริมสขุ ภาวะข้อเข่าเพ่ือให้สามารถทากิจวตั รประจาวนั ได้ ตามปกติมีความสาคญั อย่างยิ่งยวด จากการวิเคราะห์ผลกระทบของโรคข้อเข่าเสื่อมต่อ วถิ ีชีวติ สามารถสงั เคราะห์องค์ความรู้ได้ดงั นี ้ 1. โรคข้อเข่าเส่ือมอาจส่งผลต่อการเดินไปตลาดและการประกอบอาหาร โดยไม่มี ข้อมลู สนบั สนุนชดั เจนว่ากระทบต่อการอปุ โภค/บริโภค อย่างไรก็ดีแนะนาให้ผ้ทู ่ี เป็นโรคข้อเขา่ เสื่อมควบคมุ นา้ หนกั ตวั และบริหารกล้ามเนือ้ ข้อเขา่ เพ่ือให้คงสภาพ การใช้งานได้มากที่สดุ 2. การอย่อู าศยั ที่มีวิถีชีวิตกบั พืน้ และการขนึ ้ ลงบนั ไดเป็นอปุ สรรคตอ่ การใช้ชีวิตของ ผ้ทู ี่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมอย่างชดั เจนและส่งเสริมให้โรครุนแรงมากขึน้ ดงั นนั้ การ ปรับสภาพแวดล้อมภายในบ้านให้เหมาะสมทงั้ การอาศยั อยชู่ นั้ ลา่ งเพ่ือหลีกเลี่ยง การขึน้ ลงบนั ได การนงั่ เก้าอีแ้ ทนการนงั่ กบั พืน้ การใช้ส้วมชกั โครกแทนการนงั่ ยอง การใช้เครื่องซกั ผ้าหรือสิ่งอานวยความสะดวกแทนการใช้งานท่ีต้องนงั่ เก้าอีเ้ตยี ้ ๆ

214 | วถิ ีชีวติ กบั โรคเขา่ เส่ือม 3. อาการปวดเข่ากระทบต่อการนอนหลับอย่างชัดเจน อาจจาเป็นต้องอาศัยยา บรรเทาอาการปวด การประคบอุ่น การบริหารกล้ ามเนือ้ บริเวณเข่าเพ่ือช่วยให้ สามารถนอนหลบั ได้ดียิ่งขนึ ้ 4. ผ้ทู ่ีมีข้อเข่าเสื่อมอาจมีอาการปวดบวมบริเวณข้อเข่า ข้อฝืดตึง กระทบต่อความ มน่ั ใจในการมีสมั พนั ธ์กบั คนรัก/คนใกล้ชิด คสู่ มรสหรือครู่ ักจาเป็นต้องปรับความ เข้าใจซง่ึ กนั และกนั ปรับการใช้ชีวิตครอบครัว เปล่ียนท่าทางในการมีสมั พนั ธ์ทาง เพศกับคนรักให้อยู่ในท่าที่สบาย หลีกเล่ียงการงอเข่า คุกเข่าหรือลงนา้ หนัก บริเวณข้อเข่า จะช่วยให้ความสัมพันธ์ยืนยาวและมีความสุขทัง้ สองฝ่ าย อาจ ปรึกษาแพทย์ผ้เู ช่ียวชาญเพิ่มเตมิ ตามความเหมาะสม 5. การสื่อสารท่ีอาศยั การนง่ั กบั พืน้ เช่น พิธีกรรมทางศาสนา การเข้าหาผ้ใู หญ่ อาจ ต้องปรับวิธีการหรือแจ้งให้ผ้เู กี่ยวข้องทราบ ทงั้ นีห้ ากสงั คมมีความเข้าใจในโรค และความจาเป็นของผู้ที่มีโรคข้อเข่าเสื่อม การอนุโลมให้ใช้เก้าอี ้ หรือปรับ สภาพแวดล้อมในการส่ือสารให้เป็นสากลมากขนึ ้ เช่น การยกธรรมมาสให้สงู และ ให้ผ้ฟู ังนง่ั เก้าอี ้การฟังธรรมทางโทรทศั น์ การสื่อสารทางโทรศพั ท์ท่ีมีรูปภาพ อาจ ช่วยเพิ่มคณุ ภาพชีวติ ของผ้ทู ี่มีโรคข้อเข่าเสอ่ื มได้อยา่ งมีประสิทธิภาพ 6. การทางานที่ต้องมีการงอเข่ามากเกิน 120 องศา การยกของหนกั การเดินขนึ ้ ลง บนั ไดบ่อยๆ ถือเป็นข้อจากดั ของผ้ทู ่ีเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม หากเป็นไปได้อาจปรับ สภาพแวดล้อมในการทางานให้ทางานชนั้ ล่าง ใช้เครื่องท่นุ แรงแทนการยกของ หนกั การใช้เคร่ืองจกั รทางานในระดบั ท่ีต้องยอ่ เข่าแทนการใช้แรงงานคนสามารถ ช่วยอานวยความสะดวกให้ผู้ที่มีโรคข้อเข่าเสื่อมทางานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มากย่ิงขนึ ้ อาจมีกฎหรือกฎหมายรองรับงานที่เหมาะสมสาหรับผ้ทู ี่เป็นโรคข้อเข่า เสือ่ มให้มีทางเลอื กในชนิดงานท่ีเหมาะกบั โรคมากขนึ ้

วิถีชีวติ กบั โรค | 215 7. การเรียนรู้ในปัจจบุ นั มีความเป็นสากลมากขึน้ ยกเว้นการเรียนรู้ในวิถีไทยที่ต้อง อาศัยการนั่งเรียนกับพืน้ อาจเป็ นอุปสรรคสาหรับผู้ท่ีเป็ นโรคข้ อเข่าเสื่อม จาเป็นต้องปรับให้สามารถเรียนโดยการนงั่ เก้าอีท้ ดแทนการนงั่ กบั พืน้ นอกจากนี ้ ผู้ท่ีเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมจาเป็นต้องเรียนรู้การดแู ลรักษาสุขภาพข้อเข่า โดยการ ควบคมุ นา้ หนกั และบริหารข้อเข่า จากบทสงั เคราะห์ข้างต้นสามารถสรุปได้วา่ โรคข้อเขา่ เสอื่ มกระทบตอ่ วิถีชีวิตทงั้ 7 มิติ อย่างไรก็ดีผู้ป่ วยสามารถส่งเสริมสุขภาพข้อเข่าเพ่ือให้สามารถดาเนินชีวิตได้ ใกล้เคยี งปกติ โดยการควบคมุ นา้ หนกั ตวั บริหารกล้ามเนือ้ ข้อเขา่ การออกกาลงั กายท่ี ส่งเสริมกล้ามเนือ้ ข้อเข่าและลดแรงกระทาต่อข้อเข่า เช่น การว่ายนา้ การราไท้เก๊ก โยคะ การเดินแอโรบิก หลีกเลี่ยงวิถีชีวิตกบั พืน้ การขนึ ้ ลงบนั ไดบอ่ ยๆ และการยกของ หนกั ทงั้ ที่บ้านและที่ทางาน ปรับท่าทางในการมีสมั พนั ธ์กบั คนรักให้เป็นท่ีพงึ พอใจทงั้ สองฝ่ าย เมื่อมีอาการปวดข้อเข่าอาจใช้ยาแก้ปวดหรือการประคบอ่นุ หากอาการไม่ดี ขนึ ้ หรือกระทบตอ่ การใช้ชีวิตประจาวนั ในมิติใดมิติหนึ่ง ควรปรึกษาแพทย์ผ้เู ชี่ยวชาญ เพือ่ ให้คาแนะนาท่ีเหมาะสมเฉพาะราย บทสรุป โรคข้อเข่าเส่ือมเป็นโรคที่เกิดจากวิถีชีวิตด้านการอปุ โภค/บริโภคท่ีมากเกินความ จาเป็น ทาให้นา้ หนกั ตวั ท่ีมากผิดปกติกระทาต่อข้อเข่า นอกจากนีก้ ารบาดเจ็บจากการ กีฬา การเกิดอบุ ตั ิเหตบุ ริเวณข้อเข่า การมีวิถีชีวิตกบั พืน้ ทงั้ การอย่อู าศยั การสื่อสารและ การเรียนรู้ การทางานที่มีการงอเขา่ ร่วมกบั การยกของหนกั สง่ เสริมให้เป็นโรคข้อเขา่ เส่ือม การปรับเปล่ียนวิถีชีวิตให้มีนา้ หนักตัวให้เหมาะสม บริหารกล้ามเนือ้ บริเวณข้อเข่า หลีกเลี่ยงการเล่นกีฬาแบบปะทะและวิถีชีวิตกับพืน้ การขบั ข่ีปลอดภยั จะช่วยถนอมข้อ เข่าให้ใช้งานได้นานขนึ ้ เม่ือเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมแล้วตวั โรคเองกระทบตอ่ วิถีชีวิตทงั้ 7 มิติ

216 | วิถีชีวิตกบั โรคเขา่ เสอื่ ม ทงั้ ทางตรงและทางอ้อม วิถีชีวิตท่ีปรับเปลี่ยนเพ่ือป้องกันโรคข้อเข่าเส่ือมสามารถนาไป ปรับใช้สาหรับผ้ทู ี่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมได้เช่นเดียวกนั นอกจากนีก้ ารปรับความสมั พนั ธ์ใน ครอบครัวสาหรับคนรักหรือคนใกล้ชิดให้เข้าใจสภาวะข้อเขา่ เสื่อมยงั ช่วยให้ชีวิตครอบครัว มีความสขุ ยืนยาวยงิ่ ขนึ ้ เอกสารอ้างองิ 1. Felson DT, Zhang Y, Hannan MT, et al. Risk factors for incident radiographic knee osteoarthritis in the elderly: the Framingham Study. Arthritis Rheum. 1997 Apr;40(4):728-33. 2. Lawrence RC, Felson DT, Helmick CG, et al. Estimates of the prevalence of arthritis and other rheumatic conditions in the United States. Part II. Arthritis Rheum. 2008;58(1):26-35. 3. Jiang L, Rong J, Zhang Q, et al. Prevalence and associated factors of knee osteoarthritis in a community-based population in Heilongjiang, Northeast China. Rheumatol Int 2012;32(5):1189-95. 4. Muraki S, Akune T, Oka H, et al. Incidence and risk factors for radiographic knee osteoarthritis and knee pain in Japanese men and women. A longitudinal population-based cohort study. Arthritis Rheum 2012;64(5):1447-56. 5. Cho HJ, Chang CB, Kim KW, et al. Gender and prevalence of knee osteoarthritis types in elderly Koreans. J Arthroplasty 2011:26(7):994-9.

วิถีชีวิตกบั โรค | 217 6. Fransen M, Bridgett L, March L, Damian H, Penserga E, Brooks P. The epidemiology of osteoarthritis in Asia. Int J Rheum Dis 2011;14:113-21. 7. Kuptniratsaikul V, Tosayanonda O, Nilganuwong S, Thamalikitkul V. The epidemiology of osteoarthritis of the knee in elderly patients living an urban area of Bangkok. J Med Assoc Thai. 2002;85(2):154-61. 8. Tangtrakulwanich B, Geater AF, Chongsuvivatwong V. Prevalence, patterns, and risk factors of knee osteoarthritis in Thai monks. J Orthop Sci. 2006;11(5):439-45. 9. Altman R, Asch E, Bloch D, Bole D, Borenstein K, Brandt K, et al. Development of criteria for the classification and reporting of osteoarthritis. Classification of osteoarthritis of the knee. Arthritis Rheum 1986;29:1039-49. 10. Spector TD, Cooper C. Radiologic assessment of osteoarthritis: Whither Kellgren and Lawrence. Osteoarthritis Cart 1993;1:203-6. 11. Bundhamcharoen K, Odton P, Phulkerd S, Tangcharoensathien V. Burden of disease in Thailand: changes in health gap between 1999 and 2004. BMC Public Health 2011;11:59-62. 12. Arden N. Osteoarthritis epidemiology. Best Prac Res Clin Rheum 2006;20(1):3-25. 13. Hansen P, Willick S. Running and osteoarthritis. Clin Sports Med. 2010;3:417-28.

218 | วิถีชีวิตกบั โรคเขา่ เสอื่ ม 14. Mork PJ, Holtermann A, Nilsen TI. Effect of body mass index and physical exercise on risk of knee and hip osteoarthritis: longitudinal data from the Norwegian HUNT Study. J Epidemiol Community Health. 2012;66(8):678-83. 15. Sturmer T, Gunther KP, Brenner H. Obesity, overweight and patterns of osteoarthritis: the Ulm Osteoarthritis study. J Clin Epidemiol. 2000;53:307–13. 16. Felson DT. Weight and osteoathritis. Am J Clin Nutr. 1996;63(suppl):430–2. 17. Vrezas I, Elsner G, Bolm-Audorff U, Abolmaali N, Seidler A. Case-control study of knee osteoarthritis and lifestyle factors considering their interaction with physical workload. Int Arch Occup Environ Health. 2010;83(3):291-300. 18. Jiang L, Tian W, Wang Y, et al. Body mass index and susceptibility to knee osteoarthritis: A systematic review and meta-analysis. J Bone Spine 2012;79(3):291-7. 19. Vicent HK, Heywood K, Connelly J, Hurley R. Obesity and weightloss in the treatment and prevention of osteoarthritis. Am Acad Phys Med Rehab 2012;4;S59-S67. 20. Nigg, BM. Biomechanical aspects of running. In: Nigg, BM., editor. Biomechanics of running shoes. Champaign, IL: Human Kinetics Publishers, Inc; 1986. p. 1-25.

วถิ ีชีวิตกบั โรค | 219 21. Tangtrakulwanich B, Chongsuvivatwong V, Geater AF. Habitual floor activities increase risk of knee osteoarthritis. Clin Orthop Relat Res 2006;454:147-54. 22. Muthuri SG, Hui M, Doherty M, Zhang W. What if we prevent obesity? Risk reduction in Knee osteoarthritis estimated through a meta-analysis of observational studies. Arthritis Care Res 2011;63(7):982-90. 23. Hart DJ, Spector TD. Cigarette smoking and risk of osteoarthritis in women in the general population: the Chingford study. Ann Rheum Dis 1993;52:93–6. 24. Palmer KT. Occupational activities and osteoarthritis of the knee. British Med Bullet 2012;102:147-70. 25. Tangtrakulwanich B, Chongsuvivatwong V, Geater AF. Association between floor activities and knee osteoarthritis in Thai Buddhist monks: The Songkhla study. J Med Assoc Thai 2006;89(11):1902-8. 26. Panush RS, Schmidt C, Caldwell JR, et al. Is running associated with degenerative joint disease? JAMA 1986;255:1152-4. 27. Sohn RS, Micheli LJ. The effect of running on the pathogenesis of osteoarthritis of the hips and knees. Clin Orthop Relat Res 1985;198:106-9. 28. Lane NE, Bloch DA, Jones HH, et al. Long-distance running, bone density, and osteoarthritis. JAMA 1986;255:1147-51. 29. Konradsen L, Hansen EM, Songard L. Long distance running and osteoarthritis. Am J Sports Med 1990;18:379-81.

220 | วถิ ีชีวติ กบั โรคเขา่ เสอ่ื ม 30. Chakravarty EF, Hubert HB, Lingala VB, et al. Long distance running and knee osteoarthritis. A prospective study. Am J Prev Med 2008;35:133-8. 31. McDermott M, Freyne P. Osteoarthritis in runners with knee pain. Br J Sports Med 1983;17:84-7. 32. Cheng Y, Macera CA, Davis DR, et al. Physical activity and self reported, physician-diagnosed osteoarthritis: Is physical activity a risk factor? J Clin Epidemiol 2000;53:315-22. 33. Foy CG, Lewis CE, Hairston KG, et al. Intensive lifestyle intervention improves physical function among obese adults with knee pain: finding from the look AHEAD trial. Obesity 2011;19:83-93. 34. Wang C, Schmid CH, Hibberd PL, et al. Tai Chi is effective in treating knee osteoarthritis: A randomized controlled trial. Arthritis Rheum 2009;61:1545-53. 35. Ebnezar J, Nagarathna R, Yogitha B, Nagendra HR. Effects of an integrated approach of hatha yoga therapy on functional disability, pain, and flexibility inosteoarthritis of the knee joint: a randomized controlled study. J Altern Complement Med 2012;18:463-72. 36. Ebnezar J, Nagarathna R, Yogitha B, Nagendra HR. Effect of integrated yoga therapy on pain, morning stiffness and anxiety in osteoarthritis of the knee joint: A randomized control study. Int J Yoga 2012;5:28-36.

วิถีชีวิตกบั โรค | 221 37. Ebnezar J, Nagarathna R, Bali Y, Nagendra HR. Effect of an integrated approach of yoga therapy on quality of life in osteoarthritis of the knee joint: A randomized control study. Int J Yoga. 2011;4:55-63. 38. Selfe TK, Innes KE. Mind-Body Therapies and Osteoarthritis of the Knee. Curr Rheumatol Rev. 2009;5:204-11. 39. Chen JC, Linnan L, Callahan LF, Yelin EH, Renner JB, Jordan JM. Workplace policies and prevalence of knee osteoarthritis: the Johnston County Osteoarthritis Project Occup Environ Med 2007;64:798–805. 40. Callahan LF, Cleveland RJ, Shreffler J, et al. Associations of educational attainment, occupation and community poverty with knee osteoarthritis in the Johnston County (North Carolina) osteoarthritis project. Arthritis Res Ther 2011;13:R169. 41. Woolhead G, Gooberman-Hill R, Dieppe P, Hawker G. Night pain in hip and knee osteoarthritis: a focus group study. Arthritis Care Res (Hoboken). 2010;62:944-9. 42. Roddy E, Zhang W, Doherty M. Aerobic walking or strengthening exercise for osteoarthritis of the knee? A systematic review. Ann Rheum Dis. 2005;64:544-8.



วถิ ีชีวติ กบั โรค | 223 บทวิเคราะห์และสังเคราะห์ความสัมพนั ธ์ระหว่างวถิ ีชีวิตกบั โรคทางออร์โธปิ ดกิ ส์ รศ.ดร.พญ.ภทั รวณั ย์ วรธนารัตน์ โรคทางออร์โธปิดิกส์มีสาเหตจุ ากวิถีชีวิตทงั้ 7 มิติ ประกอบด้วย การอปุ โภค/ บริโภค การอย่อู าศยั การนอนหลบั /พกั ผ่อนหย่อนใจ การมีสมั พนั ธ์กับคนรัก/คนใกล้ชิด การทางาน การสื่อสาร และการเรียนรู้ จากการทบทวนวรรณกรรมเกี่ยวกบั โรคทางออร์ โธปิดิกส์จานวน 9 โรค ได้แก่ โรคสมองพิการในเด็ก โรคกระดกู เปราะโอไอ ภาวะเส้นเอ็น แกนเข่าไขว้หน้าฉีกขาด ภาวะบาดเจ็บเรือ้ รังของเส้นเอ็นใต้กระดกู สะบกั โรคพงั ผืดกดทบั เส้นประสาทมีเดียนบริเวณข้อมือ โรคนิว้ ล็อค โรคหมอนรองกระดกู สนั หลงั เคล่ือนสว่ นเอว ภาวะช่องกระดูกสันหลังแคบส่วนเอว และโรคข้อเข่าเส่ือม พบว่าวิถีชีวิตแต่ละมิติมี ความสมั พนั ธ์กบั โรคทางออร์โธปิดิกส์หลายโรค ในบทวเิ คราะห์นีจ้ งึ มงุ่ เน้นการวเิ คราะห์วิถี ชีวิตแตล่ ะมิตทิ ี่ก่อให้เกิดโรคทางออร์โธปิดิกส์ทงั้ 9 โรค และโรคทางออร์โธปิดกิ ส์ทงั้ 9 โรค ท่ีมีผลกระทบตอ่ วถิ ีชีวิตแตล่ ะมิติเชน่ เดยี วกนั การอุปโภค/บริโภค การบริโภคอาหารที่มากเกินและไม่สมดลุ เป็นเหตใุ ห้เกิดภาวะอ้วน ซง่ึ ภาวะอ้วน หรือนา้ หนกั เกิดสง่ ผลให้เกิดโรคทางออร์โธปิดิกส์หลากหลายโรค ทงั้ ภาวะเส้นเอ็นแกนเขา่ ไขว้หน้าฉีกขาด โรคพงั ผืดกดทบั เส้นประสาทมีเดียนบริเวณข้อมือ โรคนิว้ ล็อค โรคหมอน รองกระดกู สนั หลงั เคลื่อนส่วนเอว ภาวะช่องกระดกู สนั หลงั แคบส่วนเอว และโรคข้อเข่า เสื่อม สาเหตหุ ลกั มาจากแรงกระทาต่อกล้ามเนือ้ กระดกู และข้อมากผิดปกติ นอกจากนี ้ ภาวะอ้ วนทาให้ เกิดแรงดันในโพรงข้ อมือสูงขึน้ เป็ นสาเหตุของโรคพังผืดกดทับ เส้นประสาทมีเดียนบริเวณข้อมือ และภาวะอ้วนเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคเบาหวานซ่ึง สมั พนั ธ์กบั การเกิดโรคนิว้ ลอ็ ค

224 | วิถีชีวิตกบั โรคเขา่ เส่อื ม ภาวะทุโภชนาการและการได้รับสารพิษยงั ส่งผลให้เกิดโรคทางออร์โธปิดิกส์อีก หลายโรค อาทิเช่น โรคสมองพิการ ซึ่งเกิดจากมารดาขาดไอโอดีน แมกนีเซียมซลั เฟต วติ ามนิ ซี วิตามินอี วิตามินดี และแคลเซียม มารดาบริโภคแอลกอฮอล์ สารโคเคน เฮโรอีน หรือกญั ชา สาหรับการรับประทานอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสงู มีความเกี่ยวข้องกบั การเกิด ภาวะบาดเจ็บเรือ้ รังของเส้นเอ็นใต้กระดกู สะบกั เนื่องจากทาให้เส้นเอ็นขาดความยืดหย่นุ และได้รับบาดเจ็บได้ง่าย การสบู บุหรี่ส่งเสริมให้เกิดภาวะบาดเจ็บเรือ้ รังของเส้นเอ็นใต้ กระดกู สะบกั ภาวะหมอนรองกระดกู สนั หลงั เคล่ือนสว่ นเอว และภาวะช่องกระดกู สนั หลงั แคบสว่ นเอว เนื่องจากมีผลตอ่ เส้นเลอื ดที่ไปเลยี ้ งกระดกู และข้อบริเวณดงั กลา่ ว การรับประทานอาหารที่มีกากใยต่าอาจสง่ ผลให้เกิดอาการท้องผกู ทาให้อจุ จาระ ลาบากและเพ่ิมแรงดนั ในช่องท้องและหมอนรองกระดกู สนั หลงั ขณะเบ่งอจุ จาระ ดงั นนั้ การรับประทานอาหารที่มีกากใยสงู น่าจะช่วยปอ้ งกนั โรคหมอนรองกระดกู สนั หลงั เคล่ือน สว่ นเอวและภาวะชอ่ งกระดกู สนั หลงั สว่ นเอวแคบ การรับประทานอาหารและการใช้ของเลน่ ท่ีเหมาะสมสาหรับเด็กเล็ก เป็นการช่วย ลดโอกาสเกิดโรคสมองพิการในเด็กได้อีกทางหน่ึง โดยเด็กเล็กควรได้รับอาหารที่มีขนาด เหมาะสม เลน่ ของเลน่ ที่ปราศจากสารตะกวั่ ไมม่ ีชิน้ สว่ นขนาดเลก็ ท่ีเสยี่ งตอ่ การสาลกั หรือ อดุ กนั้ ทางเดนิ หายใจ ซง่ึ ทาให้ขาดเลือดไปเลยี ้ งสมอง ดงั นนั้ การอุปโภค/บริโภคท่ีถูกต้องสามารถป้องกันโรคทางออร์โธปิดิกส์ได้มากมาย ตงั้ แตโ่ รคในเด็กจนกระทงั่ ถึงโรคกระดกู และข้อในผ้สู งู อายุ แสดงให้เห็นถึงความสาคญั ของวิถี ชีวิตในมิตนิ ีท้ ี่มีอิทธิพลตอ่ การเกิดโรคทางกระดกู และข้อดงั ตารางที่ 1

วิถีชีวิตกบั โรค | 225 ตารางท่ี 1 ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งการอปุ โภค/บริโภคที่เป็นสาเหตขุ องโรคทางออร์โธปิดกิ ส์ โรคทางออร์โธปิ ดกิ ส์ การอุปโภค/บริโภค บริโภคเกิน/ คอเลสเตอรอล ทโุ ภชนาการ อาหาร บหุ รี่ ของเลน่ ภาวะอ้วน กากใยต่า สมองพกิ าร √√ กระดูกเปราะโอไอ √ เอน็ แกนเข่าไขว้หน้าฉีกขาด √ บาดเจบ็ เส้นเอน็ ใต้กระดกู √ √ สะบกั พงั ผืดกดทบั เส้นประสาท √ มีเดยี น นิว้ ลอ็ ค √ หมอนรองกระดูกสันหลัง √ √√ เคล่ือนส่วนเอว ช่องกระดูกสันหลังแคบส่วน √ √ เอว ข้อเข่าเส่ือม √

226 | วิถีชีวิตกบั โรคเขา่ เสื่อม การอย่อู าศัย การอยู่อาศยั ส่งผลต่อการเกิดโรคทางออร์โธปิดิกส์อย่างยิ่ง โดยเฉพาะการอยู่ อาศยั ตามวิถีไทยและวิถีชีวิตกบั พืน้ ท่ีมีการก้มเงย การลกุ ขึน้ ลง การงอเข่ามากๆ ซ่ึงทา เป็นกิจวตั รและเป็นระยะเวลานานหลายสิบปี วิถีชีวิตดงั กล่าวเป็นการเพ่ิมแรงกระทาต่อ หมอนรองกระดกู สนั หลงั และข้อเข่าอย่างมีนยั สาคญั ทางคลินิก และเพ่ิมโอกาสเกิดโรค เหล่านีต้ งั้ แต่ 3-15 เท่าเม่ือเปรียบเทียบกบั กล่มุ ควบคมุ การปรับวิถีชีวิตแบบไทยหรือการ วิถีชีวิตกับพืน้ จึงมีส่วนช่วยในการป้องกันโรคทางออร์โธปิดิกส์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะภาวะหมอนรองกระดกู สนั หลงั เสือ่ ม ภาวะช่องกระดกู สนั หลงั แคบสว่ นเอว และ โรคข้อเข่าเสือ่ ม การทางานบ้าน การทาครัว การใช้งานมือและข้อมือเป็นประจาซา้ ๆอาจมีส่วน เก่ียวข้องกบั การเกิดโรคพงั ผืดกดทบั เส้นประสาทมเี ดยี นบริเวณข้อมือ การเกิดนิว้ ลอ็ ค การ ถบู ้านหรือทาครัวท่ีต้องทากบั พืน้ มีส่วนส่งเสริมให้เกิดโรคกระดกู สนั หลงั และข้อเข่าเสื่อม ได้เช่นกนั สภาพแวดล้อมท่ีเหมาะสาหรับการอยู่อาศยั ก็มีความสาคญั อย่างย่ิง มารดาท่ี ตงั้ ครรภ์ควรอย่ใู นท่ีที่มีความปลอดภยั จากเชือ้ โรคและสารพิษ เพื่อให้การตัง้ ครรภ์เป็นไป ตามปกติมากที่สุดและลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคสมองพิการ สาหรับเด็กนัน้ เด็ก จาเป็นต้องอยใู่ นท่ีท่ีมีความปลอดภยั และได้รับการดแู ลจากผ้ปู กครองตลอดเวลา ทงั้ นีเ้พื่อ ป้องกันการพลดั ตกหกล้ม การจมนา้ การได้รับก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์มากเกินปกติ การได้รับเชือ้ โรคท่ีสง่ ผลตอ่ สมอง เช่น การได้รับเชือ้ หดั เยอรมนั (Rubella) เป็นต้น บคุ คล ทว่ั ไปควรอยใู่ นที่ที่ปราศจากฝ่นุ ควนั หรือเชือ้ โรคที่สง่ ผลให้เกิดการแพ้อากาศหรืออาการไอ เรือ้ รัง ซึ่งการไอจะทาให้เพ่ิมแรงดนั ในช่องท้องและหมอนรองกระดกู สนั หลงั ทาให้เกิด ภาวะหมอนรองกระดกู สนั หลงั เสือ่ ม และเคล่อื นได้ (ตารางที่ 2)

วถิ ีชีวิตกบั โรค | 227 ตารางท่ี 2 ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งการอยอู่ าศยั ท่ีเป็นสาเหตขุ องโรคทางออร์โธปิดิกส์ โรคทางออร์โธปิ ดกิ ส์ การอยู่อาศัย วถิ ีชีวิตกบั พืน้ เชือ้ โรค/สารพิษ ฝ่นุ ควนั สมองพกิ าร √ หมอนรองกระดกู สันหลังเคล่ือนส่วนเอว √ √ ช่องกระดูกสันหลังแคบส่วนเอว √ ข้อเข่าเส่ือม √ การนอนหลับ/พักผ่อนหย่อนใจ การนอนหลบั ทาให้เกิดโรคทางออร์โธปิดิกส์ได้หลายโรค ตงั้ แต่การนอนคว่าหรือ นอนตะแคงจะเพิ่มแรงดนั ในข้อไหล่ อาจเป็นสาเหตขุ องการเกิดภาวะการบาดเจ็บเรือ้ รัง ของเส้นเอ็นใต้กระดูกสะบกั การนอนตะแคงยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดพงั ผืดกดทับ เส้นประสาทมีเดียนท่ีข้อมือ เนื่องจากการนอนตะแคงจะทาให้ข้อมืออย่ใู นท่างอหรือเอียง มากกว่าปกติ เป็นการเพิ่มแรงดนั ในโพรงข้อมือท่ีมีเส้นประสาทมีเดียน สาหรับการนอน หงายเป็นการลดแรงดนั ในข้อไหล่และกระดกู สนั หลงั การนอนหลบั พกั ผ่อนที่เพียงพอยงั สง่ เสริมความแขง็ แรงของลกู น้อยในครรภ์ให้เตบิ โตและมีพฒั นาการตามปกติ การพกั ผอ่ นหยอ่ นใจ เช่น การออกกาลงั กาย หากเป็นการออกกาลงั กายโดยทวั่ ไป เพ่ือเสริมสร้ างพิสยั และความแข็งแรงของกล้ามเนือ้ กระดูกและข้อ โดยปราศจากการ ปะทะหรือยกของหนัก จะช่วยลดโอกาสเกิดภาวะบาดเจ็บเรือ้ รังของเส้นเอ็นใต้กระดูก สะบกั ภาวะเอ็นแกนเข่าไขว้หน้าฉีกขาด หมอนรองกระดกู สนั หลงั เคล่ือน ช่องกระดกู สนั หลงั แคบสว่ นเอว และข้อเข่าเสื่อม ในขณะที่การออกกาลงั กายข้อไหลอ่ ย่างหนกั เช่น การ

228 | วถิ ีชีวติ กบั โรคเขา่ เสื่อม เลน่ เบสบอล การวา่ ยนา้ อาจสง่ ผลให้เกิดภาวะบาดเจ็บเรือ้ รังของเส้นเอ็นใต้กระดกู สะบกั การออกกาลงั กายที่มีการยกของหนกั อาจเพ่ิมความเส่ียงตอ่ หมอนกระดกู สนั หลงั เคล่ือน ภาวะช่องกระดกู สนั หลงั แคบสว่ นเอว และข้อเข่าเสื่อม (ตารางท่ี 3) นอกจากนีส้ ภาพแวดล้อมยงั เป็นปัจจยั เสี่ยงที่สาคญั ต่อการเกิดเส้นเอ็นแกนเข่า ไขว้หน้าฉีกขาด โดยพบว่าสนามหญ้าเทียมและรองเท้าที่มีพืน้ ผิวยึดติดสงู จะทาให้เท้า หยดุ น่ิงขณะล้ม เกิดข้อเขา่ บิดและสง่ ผลให้เกิดเส้นเอ็นแกนเขา่ ไขว้หน้าฉีกขาดได้ ตารางท่ี 3 ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งการนอนหลบั /พกั ผอ่ นหยอ่ นใจที่เป็นสาเหตขุ องโรคทาง ออร์โธปิดิกส์ โรคทางออร์โธปิ ดกิ ส์ การนอนหลับ การพักผ่อนหย่อนใจ นอนตะแคง นอนคว่า ออกกาลงั กายหนกั สนามหญ้าเทียม/ ปะทะ/ยกของหนกั รองเท้าพืน้ ผิวยดึ ตดิ เอน็ แกนเข่าไขว้หน้าฉีกขาด √√ บาดเจบ็ เส้นเอน็ ใต้กระดกู สะบัก √√ √ พงั ผืดกดทับเส้นประสาทมีเดียน √ หมอนรองกระดกู สันหลังเคล่ือนส่วนเอว √ ช่องกระดูกสันหลังแคบส่วนเอว √ ข้อเข่าเส่ือม √

วิถีชีวติ กบั โรค | 229 การมีสัมพนั ธ์กบั คนรัก/คนใกล้ชิด การมีสมั พนั ธ์กบั คนรัก/คนใกล้ชิดมีสว่ นทาให้เกิดโรคทางออร์โธปิดิกส์ ได้แก่ โรค สมองพิการอาจมีสาเหตุจากการมีเพศสมั พนั ธ์ตงั้ แต่อายุน้อยโดยไม่ป้องกัน ทาให้เป็น โรคติดต่อทางเพศสมั พนั ธ์ ครรภ์ไม่สมบูรณ์และทารกนา้ หนกั น้อย การแต่งงานกบั เครือ ญาติอาจทาให้เม็ดเลือดแดงแตกง่ายและเกิดภาวะเหลือง ซ่ึงกระทบกบั การทางานของ สมองทาให้เกิดโรคสมองพิการ การแต่งงานเม่ืออายุมากและต้องอาศยั เทคโนโลยีทาง การแพทย์ช่วยให้มีบตุ รก็มีความเสี่ยงต่อครรภ์ไม่สมบรู ณ์ ทารกนา้ หนกั น้อยและเสี่ยงต่อ การเป็นโรคสมองพิการ การแต่งงานกับผู้ป่ วยกระดูกเปราะโอไอ บุตรมีโอกาสเป็นโรค กระดกู เปราะโอไอได้ร้อยละ 50 (ตารางที่ 4) การมีเพศสมั พนั ธ์ในท่าท่ีมีการกระดกข้อมือเป็นระยะเวลานานๆ ในผ้ทู ี่มีขนาด รอบอกใหญ่จะเพิ่มแรงกดบริ เวณข้ อมือและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิ ดพังผืดกดทับ เส้นประสาทมีเดียนท่ีข้อมือได้ แต่ไม่มีหลกั ฐานทางการแพทย์กล่าวถึงความสมั พนั ธ์ ระหว่างขนาดรอบอกที่อาจเพ่ิมแรงกระทาตอ่ ข้อไหล่ ซง่ึ อาจสง่ ผลตอ่ การเกิดการบาดเจ็บ เรือ้ รังของเส้นเอ็นใต้กระดกู สะบกั สาหรับการมีเพศสมั พนั ธ์ในท่างอเข่าหรือมีการก้มหลงั นนั้ ยงั ไมพ่ บหลกั ฐานชดั เจนท่ีบง่ บอกวา่ เพิ่มความเสี่ยงตอ่ การเกิดภาวะหมอนรองกระดกู สนั หลงั เคลอื่ น ภาวะชอ่ งกระดกู สนั หลงั แคบสว่ นเอว หรือโรคข้อเข่าเส่ือม

230 | วถิ ีชีวติ กบั โรคเขา่ เส่ือม ตารางท่ี 4 ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งการมีสมั พนั ธ์กบั คนรัก/คนใกล้ชิดที่เป็นสาเหตขุ องโรค ทางออร์โธปิดกิ ส์ โรคทางออร์โธปิ ดกิ ส์ การมีสัมพนั ธ์กับคนรัก/คนใกล้ชดิ อายนุ ้อย/มากเกิน เครือญาติ มีสมั พนั ธ์กบั ผ้ทู ่ีเป็นโรค ขนาดรอบอกใหญ่ สมองพกิ าร √√ กระดกู เปราะโอไอ √ พังผืดกดทบั เส้นประสาทมีเดยี น √ การส่ือสาร การสื่อสารท่ีมีการใช้โทรศพั ท์มือถือ การใช้คอมพิวเตอร์หรือแทบเลต็ อาจมีผลต่อ การเกิดโรคทางมือ ได้แก่ การเกิดโรคนิว้ ล็อค การเกิดพงั ผืดกดทบั เส้นประสาทมีเดียนท่ี ข้อมือ อยา่ งไรก็ดยี งั ขาดหลกั ฐานทางการแพทย์ที่น่าเช่ือถือเพ่ือยืนยนั สมมตฐิ านดงั กลา่ ว สาหรับการสื่อสารแบบวิถีไทยหรือวิถีพุทธที่มีการส่ือสารกับพระภิกษุสงฆ์ หรือการทา ละหมาดในศาสนาอิสลาม นยิ มทาในท่านงั่ งอเขา่ ซง่ึ ทาเป็นกิจวตั รยาวนานหลายปี อาจมี สว่ นสง่ เสริมให้เกิดโรคข้อเข่าเสื่อม หมอนรองกระดกู สนั หลงั เคล่ือนสว่ นเอวและเกิดภาวะ ช่องกระดกู สนั หลงั แคบสว่ นเอวได้ (ตารางที่ 5) อยา่ งไรก็ดียงั ขาดหลกั ฐานการวิจยั รองรับ สมมตฐิ านนีเ้ช่นเดียวกนั

วิถีชีวิตกบั โรค | 231 ตารางท่ี 5 ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งการสอ่ื สารกบั การเกิดโรคทางออร์โธปิดิกส์ โรคทางออร์โธปิ ดกิ ส์ การส่ือสาร การใช้อปุ กรณ์สอื่ สาร วถิ ีไทย/พทุ ธ/อิสลาม พงั ผืดกดทบั เส้นประสาทมีเดยี น +/- นิว้ ล็อค +/- หมอนรองกระดูกสันหลังเคล่ือนส่วนเอว +/- ช่องกระดูกสันหลังแคบส่วนเอว +/- ข้อเข่าเส่ือม +/- การทางาน การทางานมีผลต่อการเกิดโรคทางออร์โธปิดิกส์อย่างชัดเจน โดยเฉพาะการ ทางานท่ีมีการยกของหนัก การเดินหรือการวิ่ง เช่น คนขับรถบรรทุก คนงานก่อสร้ าง พนักงานโรงงาน พยาบาล นักกีฬา ส่งผลให้เกิดเส้นเอ็นแกนเข่าไขว้หน้าฉีกขาดได้ นอกจากนีก้ ารยกของหนกั ทาให้เกิดแรงกระทาต่อกระดกู สนั หลงั และข้อเข่า เป็นสาเหตุ ของการเกิดหมอนรองกระดกู สนั หลงั เคลื่อนสว่ นเอว ช่องกระดกู สนั หลงั แคบสว่ นเอวและ ข้อเข่าเสื่อม การยกของหนกั ในท่ายองเสี่ยงตอ่ การเกิดโรคข้อเข่าเสื่อมประมาณ 5 เท่า และผ้ทู ี่มีนา้ หนกั ตวั มากยกของหนกั ในท่ายองหรือคกุ เขา่ จะเพ่ิมความเส่ียงตอ่ การเป็นโรค ข้อเข่าเส่ือมถึง 15 เท่า การทางานในท่ีสน่ั สะเทือน เช่น คนงานขดุ เจาะถนน มีโอกาสเกิด หมอนรองกระดกู สนั หลงั เสื่อมสะสม เกิดหมอนรองกระดกู สนั หลงั เคลื่อนและเกิดภาวะ ชอ่ งกระดกู สนั หลงั แคบสว่ นเอวได้ในที่สดุ (ตารางท่ี 6)

232 | วิถีชีวติ กบั โรคเขา่ เสอื่ ม การยกของหนกั ยงั ก่อให้เกิดการบาดเจ็บเรือ้ รังของเส้นเอ็นใต้กระดกู สะบกั โดย เฉพาะงานท่ีต้องยกของเหนือศีรษะจะเพิ่มความเส่ียงตอ่ การบาดเจ็บดงั กลา่ วได้ 1-4 เท่า การทางานท่ีต้องใช้มือเป็นระยะเวลานาน ไม่พบว่ามีความสมั พนั ธ์กบั การเกิดโรคนิว้ ล็อค อยา่ งมีนยั สาคญั แตก่ ารทางานที่มีการงอข้อมือ กามือ มีแรงสนั่ สะเทือนบริเวณข้อมือซา้ ๆ มีความเสี่ยงตอ่ การเกิดพงั ผืดกดทบั เส้นประสาทมีเดยี นท่ีข้อมือ โดยพบในคนที่ทางานใน โรงงานสงู กว่าคนท่ีทางานคอมพิวเตอร์ชัดเจน และไม่พบความสมั พันธ์ระหว่างการใช้ คอมพวิ เตอร์กบั การเกิดพงั ผืดกดทบั เส้นประสาทอยา่ งมีนยั สาคญั มารดาที่ต้องทางานที่ต้องสมั ผสั สารเคมี สารพษิ ก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ หรือ ทางานท่ีต้องยนื นาน มีความเสย่ี งตอ่ การคลอดกอ่ นกาหนด เป็นสาเหตขุ องโรคสมอง พกิ ารได้ ตารางท่ี 6 ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งการทางานกบั การเกิดโรคทางออร์โธปิดกิ ส์ โรคทางออร์โธปิ ดกิ ส์ การทางาน ยกของหนกั สนั่ สะเทือน งอ/เหยียดข้อมาก สารพิษ สมองพกิ าร √ เอน็ แกนเข่าไขว้หน้าฉีกขาด √ บาดเจบ็ เส้นเอน็ ใต้กระดกู สะบกั √ √ พังผืดกดทบั เส้นประสาทมีเดียน √√ หมอนรองกระดกู สันหลังเคล่ือนส่วนเอว √ ช่องกระดูกสันหลังแคบส่วนเอว √ ข้อเข่าเส่ือม √√

วถิ ีชีวติ กบั โรค | 233 การเรียนรู้ การเรียนรู้อาจมีสว่ นเก่ียวข้องกบั การเกิดโรคทางออร์โธปิดกิ ส์ โดยผ้ทู ี่ขาดความรู้ ทางด้ านการวางแผนครอบครัว อาจก่อให้ เกิดการตัง้ ครรภ์ไม่พึงประสงค์ เกิด ภาวะแทรกซ้อนในการตงั้ ครรภ์ซงึ่ เป็นสาเหตขุ องโรคสมองพิการ การขาดความรู้เก่ียวกบั โรคท่ีถา่ ยทอดทางพนั ธกุ รรม ทาให้เกิดการแตง่ งานในเครือญาตหิ รือผ้ทู ่ีเป็นโรค เพิ่มความ เสีย่ งตอ่ การเกิดโรคสมองพิการและโรคกระดกู เปราะโอไอได้ การเรียนรู้ในการควบคุมกล้ามเนือ้ และระบบประสาทที่ควบคุมข้อเข่า ช่วยลด อบุ ตั ิการณ์การเกิดเส้นเอ็นแกนเข่าไขว้หน้าฉีกขาดได้ การเรียนรู้ในการควบคมุ นา้ หนกั ตวั จะช่วยชะลอการเกิดโรคข้อเข่าเส่ือมอย่างมีนยั สาคญั (ตารางที่ 7) นอกจากนีก้ ารควบคมุ นา้ หนกั ตวั อาจช่วยลดโอกาสเกิดเส้นเอ็นแกนเข่าไขว้หน้าฉีกขาด กระดกู สนั หลงั เคลื่อน สว่ นเอว ภาวะชอ่ งกระดกู สนั หลงั แคบสว่ นเอวและพงั ผดื กดทบั เส้นประสาทได้ การเรียนรู้วิถีไทยหรือการเรียนอาชีวะ เครื่องกล เคร่ืองยนต์ วิชาทหาร เป็นต้น อาจเพิ่มความเส่ียงต่อการเกิดโรคข้อเข่าเสื่อม หมอนรองกระดกู สนั หลงั เคลื่อนส่วนเอว และช่องกระดกู สนั หลงั แคบส่วนเอว เน่ืองจากมีการนงั่ กบั พืน้ หรือมีการงอเข่า/ใช้เข่าเป็น ระยะเวลานาน อยา่ งไรก็ดีความสมั พนั ธ์นีเ้ป็นการอนมุ านจากวิถีชีวิตกบั พืน้ ยงั ขาดข้อมลู ด้านการวจิ ยั ที่สนบั สนนุ ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งการเรียนรู้กบั การเกิดโรคดงั กลา่ ว

234 | วิถีชีวิตกบั โรคเขา่ เสือ่ ม ตารางท่ี 7 ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งการเรียนรู้กบั โรคทางออร์โธปิดิกส์ โรคทางออร์โธปิ ดกิ ส์ การเรียนรู้ การวางแผน การฝึก การควบคมุ การฝึก วิถีไทย ครอบครัว กล้ามเนือ้ นา้ หนกั วชิ าชีพ +/- สมองพกิ าร √ +/- +/- กระดกู เปราะโอไอ √ เอน็ แกนเข่าไขว้หน้าฉีกขาด √√ พังผืดกดทับเส้นประสาทมีเดยี น √ หมอนรองกระดูกสันหลังเคล่ือนส่วนเอว √ √ +/- ช่องกระดกู สันหลังแคบส่วนเอว √ √ +/- ข้อเข่าเส่ือม √ √ +/- จากข้อมลู ข้างต้น สามารถสรุปได้วา่ วถิ ีชีวติ ทงั้ 7 มติ มิ ีผลตอ่ การเกิดโรคทางออร์ โธปิดิกส์ทงั้ 9 โรคดงั ตารางที่ 8

วถิ ีชีวิตกบั โรค | 235 ตารางท่ี 8 วิถีชีวิตท่ีมีผลกระทบตอ่ โรคทางออร์โธปิดกิ ส์ วถิ ชี ีวติ โรคทางออร์โธปิ ดกิ ส์ กิน อยู่ พกั ผอ่ น รัก สอ่ื สาร ทางาน เรียนรู้ สมองพกิ าร √√ √ √ กระดกู เปราะโอไอ √√√ เอน็ แกนเข่าไขว้หน้าฉีกขาด √√ √√ บาดเจบ็ เส้นเอน็ ใต้กระดูกสะบกั √ √ √ พงั ผืดกดทบั เส้นประสาทมีเดียน √ √ √ +/- √ √ นิว้ ล็อค √ +/- หมอนรองกระดูกสันหลังเคล่ือนส่วนเอว √ √ √ +/- √ √ ช่องกระดูกสันหลังแคบส่วนเอว √√ √ +/- √ √ ข้อเข่าเส่ือม √√ √ +/- √ √ เมื่อเกิดโรคทางออร์โธปิดิกส์ พบวา่ โรคทางออร์โธปิดิกส์ทงั้ 9 โรคมีผลกระทบตอ่ วิถีชีวิตทงั้ 7 มติ ิ ดงั ตารางท่ี 9 โรคสมองพิการและโรคกระดกู เปราะโอไอกระทบตอ่ วิถีชีวิต ทกุ มิติ เน่ืองจากการควบคมุ กล้ามเนือ้ กระดกู และข้อผิดปกติและอาจผิดรูป สง่ ผลให้เกิด ความพิการและเป็นอปุ สรรคตอ่ การใช้ชีวิตอย่างมาก ภาวะเส้นเอ็นข้อเขา่ ไขว้หน้าฉีกขาด กระทบต่อการอยู่อาศยั การเล่นกีฬา การมีสมั พนั ธ์กับคนรัก/คนใกล้ชิด (กรณีมีอาการ ปวดเข่า) การทางานและการเรียนรู้ท่ีต้องการอาศยั ข้อเข่าที่มีความมนั่ คง การบาดเจ็บ

236 | วถิ ีชีวติ กบั โรคเขา่ เสอ่ื ม เรือ้ รังของเส้นเอ็นใต้กระดกู สะบกั กระทบต่อวิถีชีวิตในด้านการอยู่อาศยั การนอนหลบั / พกั ผอ่ นหยอ่ นใจและการทางาน เน่ืองจากอาการปวดรบกวนการใช้งานข้อไหล่ ทาให้ต้อง นอนหงายเพื่อลดอาการปวด โรคพงั ผืดกดทบั เส้นประสาทมีเดียนที่ข้อมือกระทบต่อวิถีชีวิตทกุ มิติ ยกเว้นการ เรียนรู้ที่ยงั ขาดข้อมลู สนบั สนุนท่ีชดั เจน พบว่าอาการปวด ชา อ่อนแรง ทาให้การใช้งาน ของมือผิดปกติ สง่ ผลตอ่ การจบั ส่ิงของในการใช้ชีวิตประจาวนั และการทางาน โรคนิว้ ล็อค กระทบตอ่ วิถีชีวิตทกุ มิติ ยกเว้นการนอนหลบั สาหรับโรคหมอนรองกระดกู สนั หลงั เคลื่อน ส่วนเอว ช่องกระดกู สนั หลงั แคบช่วงเอวและโรคข้อเข่าเส่ือมมีผลกระทบต่อวิถีชีวิตในทุก มิติเช่นเดียวกนั เน่ืองจากอาการปวด และโรคทางกระดกู สนั หลงั ยงั กระทบตอ่ การทางาน ของเส้นประสาท เป็นเหตุให้เกิดอาการชาและอ่อนแรง ทาให้ไม่สามารถทากิจวัตร ประจาวนั และไมส่ ามารถทางานได้ตามปกติ

วิถีชีวิตกบั โรค | 237 ตารางท่ี 9 โรคทางออร์โธปิดกิ ส์ที่มีผลกระทบตอ่ วถิ ีชีวิตทงั้ 7 มติ ิ โรคทางออร์โธปิ ดกิ ส์ วถิ ชี ีวติ กิน อยู่ พกั ผ่อน รัก ส่อื สาร ทางาน เรียนรู้ สมองพกิ าร √√ √√√ √√ กระดกู เปราะโอไอ √√ √√√ √√ เอน็ แกนเข่าไขว้หน้าฉีกขาด √√ √√ √ บาดเจบ็ เส้นเอน็ ใต้กระดูกสะบัก √√ √ พังผืดกดทับเส้นประสาทมีเดยี น √√ √√√ √ นิว้ ล็อค √√ √√√ √√ หมอนรองกระดกู สันหลังเคล่ือนส่วนเอว √√ √√√ √√ ช่องกระดกู สันหลังแคบส่วนเอว √√ √√√ √√ ข้อเข่าเส่ือม √√ √√√ √√ จากตารางท่ี 8 และตารางที่ 9 จะเห็นได้วา่ วิถีชีวิตที่เป็นสาเหตขุ องโรคทางออร์ โธปิดิกส์นนั้ มีจานวนน้อยกวา่ จานวนวิถีชีวติ ท่ีได้รับผลกระทบจากโรค แสดงให้เห็นวา่ การ ใช้วิถีชีวิตท่ีถกู ต้องเหมาะสม มีความค้มุ ค่าอย่างยิ่งในการปอ้ งกนั โรคและผลกระทบจาก โรค วิถีชีวิตท่ีควรปรับอย่างย่ิงในสงั คมไทย ได้แก่ การบริโภคอาหารอย่างเหมาะสมเพ่ือ ปอ้ งกนั นา้ หนกั เกินหรือคอเลสเตอรอลสงู หลีกเล่ียงบหุ รี่และยาเสพติด แม้ว่าองค์ความรู้ ในการปรับวิถีชีวิตดงั กลา่ วจะเป็นที่ทราบกนั ดีว่าเพิ่มความเส่ียงต่อโรคหลอดเลือดสมอง

238 | วิถีชีวิตกบั โรคเขา่ เส่ือม และหัวใจ โรคมะเร็ง โรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน เป็ นต้ น แต่ข้ อมูล ความสัมพันธ์ ระหว่างวิถี ชี วิตกับการเกิดโรคทางออร์ โธปิ ดิกส์ท่ี ได้ จากการทบทวน วรรณกรรมนี ้จะช่วยสนบั สนนุ องค์ความรู้ดงั กล่าวให้มีนา้ หนกั มากขึน้ และเน้นยา้ ให้ผ้มู ี ส่วนได้ส่วนเสียและหน่วยงานที่รับผิดชอบร่วมกนั ผลกั ดนั นโยบายสาธารณะ ประชาชน ไทยเกิ ดความตื่นตัวและตระหนักในการปรั บวิถี ชี วิตของตนเองให้ เหมาะสมยิ่งขึน้ นอกจากนีว้ ิถีชีวิตแบบไทยหรือวิถีชีวิตกบั พืน้ เป็นวิถีชีวิตที่เป็นปัจจยั เส่ียงต่อโรคทางออร์ โธปิดิกส์ โดยเฉพาะโรคทางกระดกู สนั หลงั และข้อเข่าเสื่อม การปรับวิถีไทยให้ใช้เก้าอี ้ ทดแทนการนง่ั หรือใช้ชีวิตกับพืน้ ถือเป็นเร่ืองละเอียดอ่อน อาจดาเนินการแบบค่อยเป็น ค่อยไปโดยเน้นวฒั นธรรมไทยหรือวิถีพทุ ธในรูปแบบอ่ืนทดแทน เช่น การแตง่ กาย การใช้ ภาษาไทย การรับประทานอาหารไทย การปฏิบตั ติ นอยู่ในศีลธรรม เป็นต้น การทางานที่มี ความเส่ียงในการยกของหนักนัน้ มีผลกระทบต่อการบาดเจ็บของกระดูกและข้ออย่าง ชดั เจน การทางานเหลา่ นีค้ วรได้รับการควบคมุ นา้ หนกั ระยะเวลาในการทางานและจดั หา เครื่องจกั รทดแทนการใช้แรงงาน การปรับวิถีชีวิตและสภาพแวดล้อมเพื่อปอ้ งกนั โรคทางออร์โธปิดกิ ส์นนั้ นอกจาก จะช่วยลดโอกาสเกิดโรคแล้ว ยังเอือ้ ต่อการปรับวิถีชีวิตเม่ือเป็นโรคอีกด้วย เช่น การ ควบคุมนา้ หนัก การงดยกของหนัก การหลีกเลี่ยงวิถีชีวิตกับพืน้ การออกกาลังกายที่ เหมาะสมจะช่วยสง่ เสริมสขุ ภาพและคณุ ภาพชีวิตของผ้ปู ่ วยได้เป็นอย่างดี ดงั นนั้ ถึงเวลา แล้วท่ีสงั คมไทยควรจะร่วมกนั สร้างเสริมความแข็งแรงโดยการปรับวิถีชีวิตพิชิตโรคข้อ ด้วย การอปุ โภค/บริโภค การอย่อู าศยั การนอนหลบั /พกั ผ่อนหย่อนใจ การมีสมั พนั ธ์กบั คนรัก/ คนใกล้ชิด การสอ่ื สาร การทางานและการเรียนรู้ที่ดีและเหมาะสม โดยหวงั เป็นอย่างย่ิงวา่ กลยทุ ธ์ดงั กลา่ วจะเป็นประโยชน์ตอ่ สขุ ภาวะของคนไทยในวงกว้างและยง่ั ยืน

เก่ียวกับผู้เขียน อ.พญ.ชนิกา องั สนันท์สุข จบแพทยศาสตรบณั ฑิตและออร์โธปิดกิ ส์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวทิ ยาลยั มหิดล ศกึ ษาตอ่ ด้านออร์โธปิดิกส์เด็ก ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา เช่ียวชาญด้านออร์โธปิดิกส์เด็ก และเป็นผ้ชู ่วยหวั หน้าภาคฝ่ายวจิ ยั ของภาควิชาออร์โธปิดกิ ส์ รามาธิบดี ผศ.นพ. ชศู ักด์ิ กจิ คุณาเสถียร จบแพทยศาสตรบณั ฑิตและออร์โธปิดิกส์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาล รามาธิบดี มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล ศกึ ษาตอ่ ด้านออร์โธปิดกิ ส์ สาขา Sports Medicine ณ ประเทศองั กฤษ เชี่ยวชาญด้าน Sports Medicine และเป็นหวั หน้าหน่วย Sports Medicine ของภาควชิ าออร์โธปิดิกส์ รามาธิบดี อ.นพ. เทพรัตน์ กาญจนเทพศกั ด์ิ จบแพทยศาสตรบณั ฑิตและออร์โธปิดกิ ส์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวทิ ยาลยั มหิดล ศกึ ษาตอ่ ด้านจลุ ศลั ยศาสตร์ทางมือ ณ ประเทศญี่ป่นุ เช่ียวชาญด้านจลุ ศลั ยศาสตร์ทางมือ และเป็นอาจารย์โครงการ Talent management ด้านวจิ ยั ของภาควชิ าออร์โธปิดกิ ส์ รามาธิบดี

อ.นพ. พทิ วัส ลีละพฒั นะ จบแพทยศาสตรบณั ฑิต คณะแพทยศาสตร์ศริ ิราชพยาบาล และจบออร์โธปิดิกส์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวทิ ยาลยั มหิดล ศกึ ษาตอ่ ด้านออร์โธปิดกิ ส์ สาขากระดกู สนั หลงั ณ ประเทศแคนาดา เชี่ยวชาญด้านออร์โธปิดกิ ส์ สาขากระดกู สนั หลงั และเป็นอาจารย์ หนว่ ยวจิ ยั ของภาควชิ าออร์โธปิดิกส์ รามาธิบดี รศ.ดร.พญ. ภทั รวณั ย์ วรธนารัตน์ จบแพทยศาสตรบณั ฑติ ออร์โธปิดิกส์ และระบาดวทิ ยาคลนิ ิก คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวทิ ยาลยั มหิดล ศกึ ษาตอ่ ด้านออร์โธปิดกิ ส์เด็ก ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา เชี่ยวชาญด้านออร์โธปิดกิ ส์เด็ก ระบาดวทิ ยาคลนิ ิก และ เป็นรองหวั หน้าภาควิชาออร์โธปิดิกส์ รามาธิบดี ผศ.นพ. ธีระ วรธนารัตน์ จบแพทยศาสตรบณั ฑิต คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลยั มหดิ ล และเวชศาสตร์ปอ้ งกนั สาขาระบาดวิทยา แพทยสภา ศกึ ษาตอ่ ด้านระบาดวิทยาคลนิ ิก ณ ประเทศออสเตรเลยี เช่ียวชาญด้านการแปรความรู้สกู่ ารปฏิบตั ิระดบั สาธารณะ และเป็นอาจารย์ประจาภาควชิ าเวชศาสตร์ปอ้ งกนั และสงั คม คณะแพทยศาสตร์ จฬุ าลงกรณมหาวทิ ยาลยั