Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงการพัฒนาศูนย์อนุรักษ์และส่งเสริมการเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าและพันธุ์พืชด้วยเทคโนโยลีชีวภาพ

โครงการพัฒนาศูนย์อนุรักษ์และส่งเสริมการเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าและพันธุ์พืชด้วยเทคโนโยลีชีวภาพ

Description: ปก_สารบัญ_บทที่1_บทที่2_บทที่3_บทที่4_merged

Search

Read the Text Version

โครงการพฒั นาศนู ย์อนรุ ักษแ์ ละสง่ เสรมิ การเพาะเล้ยี งสตั ว์ปา่ และพนั ธุ์พชื ดว้ ยเทคโนโลยชี ีวภาพ



BIBLIOGRAPHY Online Source กรมอทุ ยานแหง่ ชาติสตั ว์ปา่ และพนั ธุไ์ ม้ : http://portal.dnp.go.th/ มูลนิธสิ บื นาคะเสถยี ร : http://www.seub.or.th/ สานกั อนรุ ักษส์ ตั วป์ า่ : http://www.dnp.go.th/wildlifednp/index.php?option=com_content&view=article&id=24&Itemid=33 ขอ้ มลู เขตรักษาพันธ์สุ ัตว์ปา่ ห้วยขาแข้ง : http://www.sadoodta.com สถานีเพาะเล้ียงสตั วป์ า่ หว้ ยขาแข้ง : https://www.facebook.com/สถานเี พาะเล้ยี งสตั วป์ า่ หว้ ยขาแข้ง กรมปา่ ไม้ : http://www.forest.go.th/

บทท่ี 1 บทนำ 1.-2 1.1 ควำมเป็นมำโครงกำร 1.2 วตั ถุประสงคโ์ ครงกำร 1-3 1.3 ขอบเขตกำรศึกษำ 1.4 วิธกี ำรและข้ันตอนกำรดำเนนิ งำน 1-3 1.5 ประโยชน์ที่คำดว่ำจะได้รบั จำดโครงกำร บทที่ 2 หลกั กำรออกแบบและทฤษฎที ่เี ก่ียวขอ้ ง 1-4 2.3.3.3 กำรผลิตตวั ออ่ นภำยนอกร่ำงกำย (In vitro fertilization; IVF) 2-19 2.1 ควำมหมำยและคำจำกัดควำม 1-5 2.4 ทฤษฎีท่ีเกย่ี วข้อง 2-22 2.1.1 ควำมหมำย 2.1.2 คำจำกัดควำม 2.4.1 กำรอนรุ กั ษท์ รพั ยำกรสตั ว์ปำ่ แบบบรู ณำกำร 2-22 2.2 ควำมเป็นมำ ปจั จุบัน และอนำคตของเรอ่ื งทีศ่ กึ ษำ 2-2 2.4.2 กำรออกแบบและจัดผงั ห้องปฏบิ ัตกิ ำร 2.2.2 ปัจจุบัน 2-2 2.4.3 กำรแบง่ พ้นื ทข่ี องหอ้ งปฏบิ ตั ิกำร 2-23 2.2.3 อนำคต 2.3 เทคโนโลยีชวี ภำพกับกำรขยำยพันธ 2-3 2.4.4 ระบบป้องกันอนั ตรำยในห้องปฏบิ ตั ิกำร 2-23 2.3.1 ควำมหมำยของเทคโนโลยชี วี ภำพกับกำรขยำยพันธขุ์ องสตั ว 2.3.2 จุดประสงคข์ องกำรใช้เทคโนโลยีชีวภำพทำงวิทยำกำรสบื พนั ธุ์ 2-5 2.4.5 กำรจัดพื้นทใ่ี ชส้ อยภำยในหอ้ งปฏิบัติกำร 2-24 2.3.3 ววิ ัฒนำกำรของเทคโนโลยีชีวภำพทำงวทิ ยำกำรสบื พันธใ์ุ นกำรผลติ 2.3.3.1 กำรผสมเทยี ม (Artificial Insemination : AI) 2-7 2.4.6 กำรจัดรูปแบบของห้องปฏิบตั ิกำร 2-25 2.3.3.2 กำรถ่ำยฝำกตวั ออ่ น (Embryo Transfer) 2-15 2.5 กรณศี ึกษำอำคำรตวั อยำ่ ง 2-26 2-16 2.6 กฎหมำยท่เี กยี่ วข้อง 2-28 2-16 2-33 2-17 2-18 2-18 2-19

บทที่ 3 กำรเลอื กทีต่ ง้ั และกำรวเิ ครำะหท์ ่ตี ้งั 3-1 3.1 ประวตั ิควำมเป็นมำทีต่ ั้งโครงกำร 3-2 3.2 วเิ ครำะหท์ ต่ี ง้ั โครงกำร 3-4 3.3.1 ลักษณ์ทำงกำยภำพ 3-5 3.3.2 กำรแบ่งเขตกำรปกครอง 3-5 3.3.3 กำรคมนำคม 3-6 3-8 3.4 เกณฑ์กำรเลือกท่ีตงั้ โครงกำร 3-9 3.5 กำรเลือกและวเิ ครำะห์ทต่ี ง้ั 3-10 4-1 3.5.1 SITE SELECTION 4-2 บทท่ี 4 กำรกำหนดรำยละเอยี ดโครงกำร 4-3 4-4 4.1 ควำมเป็นมำโครงกำร 4-7 4.2 วตั ถุประสงคโ์ ครงกำร 4-9 4.3 หนว่ ยงำนเจำ้ ของโครงกำร 4-11 4.4 รำยละเอียดผูใ้ ชโ้ ครงกำร 4.5 กำรกำหนดรำยละเอยี ดกจิ กรรม 4.6 ระบบวิศวกรรมทเ่ี กี่ยวขอ้ ง

PHOTOS CONTENT ภำพที่ 2.28 ภำพ CASE STUDY 01 2-28 ภำพท่ี 2.29 ภำพ CASE STUDY 01 2-29 ภำพท่ี 1.1 ภำพเสอื 1-2 ภำพที่ 2.30 ภำพ CASE STUDY 02 2-30 ภำพท่ี 1.2 ภำพกวำง 1-3 ภำพที่ 2.31 ภำพ CASE STUDY 03 2-31 ภำพที่ 1.3 ภำพกวำง 1-4 ภำพท่ี 2.32 ภำพชำ้ ง 2-33 ภำพท่ี 1.4 ภำพช้ำง 1-5 ภำพที่ 2.33 ภำพ บนั ไดหนไี ฟ 2-34 ภำพท่ี 2.1 ภำพช้ำง 2-1 ภำพที่ 2.34 ภำพแสดงระยะร่นอำคำร 2-35 ภำพท่ี 2.2 ภำพกวำง 2-2 ภำพท่ี 3.1 ภำพเสือ 3-1 ภำพที่ 2.3 ภำพเสอื 2-3 ภำพที่ 3.2 ภำพปำ่ ไม้ 3-2 ภำพที่ 2.4 ภำพชำ้ งแม่ลูก 2-5 ภำพท่ี 3.3 ภำพสบื นำคะเสถยี ร 3-3 ภำพท่ี 2.5 ภำพช้ำงแท่ลกู 2-6 ภำพท่ี 3.4 ภำพปำ่ ไม้ 3-5 ภำพที่ 2.7 ภำพทอ่ นซกุ 2-7 ภำพท่ี 3.5 ภำพทำงสญั จร 3-6 ภำพที่ 2.8 ภำพตอ่ ต้ำนกำรซ้ืองำช้ำง 2-8 ภำพที่ 3.6 ภำพผังสจี ังหวดั อุทยั ธำนี 3-7 ภำพที่ 2.9 ภำพต่อตำ้ นกำรซ้ืองำชำ้ ง 2-9 ภำพท่ี 3.7 เกณฑ์กำรเลอื กท่ีตั้ง 3-8 ภำพที่ 2.10 ภำพเสอื 2-10 ภำพท่ี 3.8 แผนท่ีจังหวดั อุทยั ธำนี 3-9 ภำพท่ี 2.11 ภำพต่อต้ำนกำรซอ้ื งำช้ำง 2-11 ภำพที่ 3.9 ภำพท่ีตง้ั โครงกำร 3-10 ภำพท่ี 2.12 ภำพตอ่ ตำ้ นกำรซ้อื งำชำ้ ง 2-12 ภำพที่ 3.10 ภำพท่ตี ง้ั โครงกำร 3-11 ภำพที่ 2.13 ภำพเสอื 2-13 ภำพท่ี 3.11 ภำพท่ตี ง้ั โครงกำร 3-12 ภำพที่ 2.14 ภำพเสอื 2-14 ภำพที่ 3.12 ภำพที่ตง้ั โครงกำร 3-13 ภำพที่ 2.15 ภำพเสอื 2-15 ภำพท่ี 3.13 ภำพทต่ี งั้ โครงกำร 3-14 ภำพท่ี 2.16 ภำพเสอื 2-16 ภำพที่ 2.17 ภำพรวมสัตวป์ ำ่ 2-17 ภำพที่ 2.18 ภำพ artificial 2-18 ภำพท่ี 2.19 ภำพนักวิจยั 2-23 ภำพท่ี 2.20 ภำพนกั วิจยั 2-24 ภำพที่ 2.21 ภำพหอ้ งวิจยั 2-25 ภำพท่ี 2.22 ภำพตัวอยำ่ งหอ้ งวิจยั 2-26 ภำพท่ี 2.27 ภำพหอ้ งวจิ ยั 2-27

PHOTOS CONTENT(ตอ่ ) ภำพที่ 2.28 ภำพ CASE STUDY 01 2-28 ภำพที่ 4.1 ภำพเสอื 4-1 ภำพท่ี 2.29 ภำพ CASE STUDY 01 2-29 ภำพที่ 4.2 ภำพต้นหญำ้ 4-2 ภำพที่ 2.30 ภำพ CASE STUDY 02 2-30 ภำพท่ี 4.3 ภำพเสอื 4-3 ภำพที่ 2.31 ภำพ CASE STUDY 03 2-31 ภำพที่ 4.4 ภำพเจ้ำหนำ้ ที่ 4-6 ภำพที่ 2.32 ภำพชำ้ ง 2-33 ภำพท่ี 4.5 ภำพระบบปรับอำกำศ 4-15 ภำพที่ 2.33 ภำพ บันไดหนีไฟ 2-34 ภำพท่ี 2.34 ภำพแสดงระยะรน่ อำคำร 2-35 ภำพที่ 3.1 ภำพเสือ 3-1 ภำพที่ 3.2 ภำพปำ่ ไม้ 3-2 ภำพที่ 3.3 ภำพสืบ นำคะเสถยี ร 3-3 ภำพที่ 3.4 ภำพปำ่ ไม้ 3-5 ภำพท่ี 3.5 ภำพทำงสัญจร 3-6 ภำพท่ี 3.6 ภำพผงั สีจังหวดั อทุ ยั ธำนี 3-7 ภำพท่ี 3.7 เกณฑ์กำรเลือกที่ตัง้ 3-8 ภำพท่ี 3.8 แผนที่จงั หวัดอุทัยธำนี 3-9 ภำพท่ี 3.9 ภำพท่ีตัง้ โครงกำร 3-10 ภำพที่ 3.10 ภำพท่ีตั้งโครงกำร 3-11 ภำพท่ี 3.11 ภำพที่ต้ังโครงกำร 3-12 ภำพที่ 3.12 ภำพทต่ี ง้ั โครงกำร 3-13 ภำพท่ี 3.13 ภำพทตี่ ั้งโครงกำร 3-14



ϭ-ϭ

บทนา สตั วป์ า่ และ พันธไุ์ ม้ คอื ส่งิ มีชีวติ ท่อี ยูร่ ว่ มกับมนษุ ย์มาเป็นเวลาชา้ นาน โดยการ พ่งึ พาอาศยั กันเป็นหว่ งโซ่อาหาร แต่เมื่อการพัฒนาของกลุม่ สงั คมมนษุ ย์ กม็ คี วามตอ้ งการ ในการดารงเผา่ พนั ธ์ุมากขึ้น โดยไม่คานงึ ถงึ เผ่าพนั ธุ์ทีอ่ ยู่รว่ มโลกกนั มาตัง้ แตอ่ ดตี จนทาให้ เกิดการทาลายทรัพยากรตา่ งๆ เช่น การทาลายปา่ ซ่งึ เป็นทอี่ ยขู่ องสัตวป์ า่ การลา่ เพอ่ื เปน็ อาหาร เครอื่ งนงุ่ ห่ม เครอ่ื งประดบั เคร่อื งเรอื น และอ่นื ๆอกี มากมาย ทาให้สตั ว์ป่าบางชนดิ ลดลงอยา่ งรวดเร็ว หรอื บางชนิดอาจสูญพนั ธุ์ไปจากโลกน้แี ล้วในปัจจุบนั เม่ือตระหนักถงึ ปญั หาทีเ่ กดิ ขนึ้ จากฝมี ือมนุษย์ ทที่ าใหส้ ัตว์ป่าและทรัพยากรปา่ ไม้ ลดลงอยา่ งรวดเรว็ การแกป้ ญั หาก็มีขึ้นตามมาไม่ว่าจะเปน็ การออกกฎหมาย การจดั พนื้ ที่ อนรุ กั ษ์ นอกเหนือจากน้ียังมนี โยบายต่างๆทรี่ ัฐบาลสนบั สนุน ในท่นี จี้ ะเปน็ การกลา่ วถงึ การ ใช้ bio technology เข้ามาผสมเทียมและใชข้ ยายพนั ธอุ์ ่นื ๆ เพอื่ เพม่ิ จานวนสตั ว์ปา่ อีกท้งั ยังสามารถเปน็ การดาเนินการควบคไู่ ปกบั การอนรุ กั ษ์ทรัพยกรป่าไม้อกี ดว้ ย ทีม่ าภาพ https://wildlifethailand.com/ ϭ-Ϯ

ทม่ี าภาพ https://wildlifethailand.com/001 1.2 วตั ถปุ ระสงคโ์ ครงการ เพ่ือเป็นพน้ื ทีส่ นับสนุนดา้ นการวจิ ยั สัตว์ป่าและพันธ์ุพชื  เพอื่ เป็นสถานทใี นการเพาะเลีย้ งสตั ว์ปา่ และพนั ธพ์ุ ืช เปน็ พ้นื ทีร่ องรบั และรกั ษาสัตวป์ ่าทไี่ ดร้ ับความบาดเจ็บ เปน็ สถานทีใ่ ห้ความร้แู กผ่ ู้ทีส่ นใจดา้ นสตั ว์ป่าและพนั ธุ์พชื เป็นสถานท่ที อ่ งเทยี่ วเชงิ อนรุ กั ษ์ 1.3 ขอบเขตการศกึ ษา  ศึกษาพ้ืนท่ี ท่เี ป็นโครงการเกยี่ วกับการอนรุ กั ษ์สัตวป์ ่าและพนั ธพ์ุ ืช ที่ขาดการพฒั นา ศกึ ษาพ้ืนที่ ท่ีเก่ยี วกับการวจิ ยั สตั ว์ป่า ท่มี ีการเข้าไปศึกษาหาความรู้  ศกึ ษาพน้ื ท่ปี ่าท่เี ป็นอุทยานแห่งชาตหิ รือเขตอนรุ ักษ์พันธ์สุ ตั วป์ า่ และมีแหล่งธรรมชาตทิ ่เี หมาะสม ϭ-ϯ

ทม่ี าภาพ https://wildlifethailand.com/ppol2/002 ϭ-ϰ

1.5 ประโยชนท์ ค่ี าดวา่ จะไดร้ บั จากการทาโครงการ เปน็ สถานทใ่ี หค้ วามรแู้ กผ่ ้ทู ส่ี นใจศึกษาดา้ นสตั วป์ ่าและพันธ์ุ  เพ่ือช่วยเหลือสตั ว์ปา่ ทป่ี ระสบปญั หาต่างๆ  ส่งเสรมิ การท่องเทีย่ วเชงิ อนรุ ักษธ์ รรมชาติ ท่ีมาภาพ https://wildlifethailand.com/trvve/0445 ϭ-ϱ



ทีม่ าภาพ http://wildlifeofthailand.com/blog/wp-content/uploads/2015/06/elephant-in-thailand_2.jpg บทท่2ี หลกั การออกแบบและทฤษฎีทเ่ี กยี่ วขอ้ ง 2-1

บทท2ี่ หลักการออกแบบและทฤษฎที เี่ กย่ี วขอ้ ง 2.1 ความหมายและคาจากดั ความ 2.1.1 ความหมาย โครงการพฒั นาศนู ยอ์ นรุ กั ษแ์ ละสง่ เสรมิ การเพาะเลยี้ งสตั วป์ า่ และพชื สมนุ ไพรดว้ ยเทคโนโลยชี วี ภาพ พัฒนา หมายถึง ทาให้เจรญิ ข้ึน ศูนย์ หมายถึง จดุ กลาง,จดุ ศนู ยก์ ลาง,ใจกลาง,ศูนย์กลาง แหล่งรวม เช่น ศนู ย์วัฒนธรรม ศนู ยห์ นังสือศนู ย์รวมขา่ ว. อนุรักษ์ หมายถงึ ตามรักษา, ระวงั , ปอ้ งกัน, รกั ษาสิง่ หนึง่ สิง่ ใดใหค้ งอยู่. ส่งเสริม หมายถงึ สนบั สนุน,เกอื้ หนนุ ,ช่วยเหลือ เพาะเลีย้ ง หมายถงึ ทาการเพาะพนั ธ์แุ ละคอยเลยี้ งให้โต สัตว์ป่า หมายถงึ สัตว์ที่ดารงชวี ิตอยู่ในปา่ พนั ธุพ์ ืช หมายถึง เมล็ดพนั ธไุ์ ม,้ ส่งิ ทจ่ี ะเป็นพนั ธุต์ อ่ ไป เทคโนโลยชี ีวภาพ หมายถงึ การใชก้ ระบวนการทม่ี พี ืน้ ฐานทางชีวภาพในอุตสาหกรรมการผลิต และการใหบ้ ริการ Wildlife หมายถึง [N] สตั ว์ป่า Conservation หมายถึง [N] การอนรุ กั ษธ์ รรมชาติ Breeding หมายถึง [N] การผสมพันธ์ุสตั วเ์ พือ่ ขยายพันธ์ุ Agriculture หมายถึง [N] เกษตรกรรม Biotech หมายถึง [N] เทคโนโลยชี ีวภาพ Center หมายถึง [N] ศูนย์กลาง ที่มาภาพ http://wildlifeofthailand.com/blog/wp-content/uploads/2015/06/elephant-in-thailand_1.jpg 2-2

2.1.2 คาจากดั ความ โครงการพัฒนาศูนย์อนุรักษ์และสง่ เสรมิ การเพาะเล้ียงสัตวป์ ่าและพืชสมนุ ไพรด้วยเทคโนโลยีชวี ภาพ หมายถงึ เป็นสถานทที่ ่เี ป็นแหล่งวิจยั ในด้านของทรพั ยากร สัตว์ปา่ และ พันธ์พุ ชื เพอ่ื เปน็ การช่วยเหลอื สตั ว์ปา่ จะมสี ภาวะใกลส้ ูญพนั ธ์ุ โดยมกี ารนาเทคโนโลยีชีวภาพมาใชช้ ่วยในการ ผสมเทยี มสัตว์ และการปรบั ปรงุ และพฒั นา พนั ธ์พุ ชื ทงั้ ยังเปน็ สถานท่ีทค่ี อ่ ยให้ความรู้แก่ผู้ทมี่ คี วามสนใจในการท่องเทย่ี วเชงิ อนุรักษ์ ดา้ นสตั วป์ ่าและพนั ธพุ์ ชื สมนุ ไพรอีกดว้ ย ทม่ี าภาพ http://wildlifeofthailand.com/blog/wp-content/uploads/2015/06/elephant-in-thailand_1.jpg 2—3

2.2 ความเปน็ มา ปจั จบุ นั และอนาคตของเรอื่ งทศ่ี กึ ษา 2.2.1 ความเปน็ มา สตั วป์ า่ เป็นหน่ึงในองคป์ ระกอบที่สาคญั ทีส่ ุดส่วนหนึ่งของระบบนิเวศของป่า สตั ว์ปา่ เป็นตวั ชว่ ยเร่งให้เกิดการหมุนเวยี นของพลงั งานในระบบนเิ วศของป่า จึงมีความสาคัญอยา่ งย่งิ ต่อการ รักษาระบบความสมดุลทางธรรมชาติและทาใหร้ ะบบนเิ วศมีความมนั่ คง บางคร้ังสัตวป์ า่ จึงถกู ใช้เป็นตัวช้ีวัดคุณภาพของทรพั ยากรปา่ ไม้ ในทางกลบั กันสถานภาพทรพั ยากรปา่ ไม้กส็ ง่ ผลโดยตรงต่อ กาคงอย่ขู องสตั วป์ ่าท่อี าศยั อย่ใู นพน้ื ทนี่ ัน้ ดว้ ยเช่นกัน เพราะระบบนเิ วศของปา่ ไมแ้ ละสตั วป์ า่ มกี ารเกอื้ กูลกันจนไมส่ ามารถแยกออกจากกนั ได้ ทรพั ยากรป่าไมแ้ ละสตั วป์ า่ จงึ เปน็ สง่ิ ที่ตอ้ งดาเนนิ การ จดั การควบคกู่ นั ไป การลดลงของพืน้ ที่ปา่ ในประเทศไทยเริ่มขึน้ ในทันทเี ม่ือมกี ารเปิดประเทศเขา้ สรู่ ะบบเศรษฐกจิ และสงั คมของประชาคมโลก เงนิ ตราท่ีใชใ้ นการพัฒนาประเทศไปสู่ความนาสมัยในช่วงลายป พ.ศ. ท2ี่ 440 เป็นเงนิ ภาษที ร่ี ฐั ได้จากการเปิดสัมปทานทาไม้ ท่ีมกี ารขยายตวั อย่างรวดเร็วโดยปราศจากการควบคมุ จนกระทง่ั ในป พ.ศ. 2484 รัฐบาลจึงต้องออกกฎหมายเพ่อื ควบคมุ กจิ กรรม การทาไมด้ ังกล่าว ตอ่ มาแหล่งเงนิ ตราที่ใช้ในการพฒั นาประเทศเปลย่ี นจากไม้ไปเป็นการส่งสินค้าทางการเกษตรทีส่ ง่ ไปจาหนา่ ยต่างประเทศ หลังจากทม่ี ีการประกาศใช้แผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคม แหง่ ชาติฉบับท่ี 1 ในปพ.ศ. 2504 ทาใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลงภาคการเกษตรของไทยอยา่ งรวดเร็ว จากวิธีทาการเกษตรเพอ่ื จาหนา่ ยภายในประเทศถูกขยายเป็นการทาการเกษตรเพื่อการสง่ ออก ยังผลให้เกิดการขยายตัวของพืน้ ท่ีเกษตรกรรม ซึ่งทาใหใ้ นช่วง 4 ทศวรรษทผี่ า่ นมาพ้ืนทป่ี า่ ไม้ในประเทศไทยลดลงอย่างรวดเร็ว จากท่เี คยมพี ื้นที่ปา่ ของประเทศประมาณ 1 1 ลา้ นไร่ หรือรอ้ ยละ 53.33 ของพนื้ ทปี่ ระเทศ ในป พ.ศ.2504 ลดลงเหลอื เพยี ง 10 ล้านไร่ หรอื ประมาณรอ้ ยละ 33.40 ของพื้นทีป่ ระเทศ ในป 2543นอกจากนัน้ ในพ้ืนท่ี 10 ล้านไรท่ เ่ี หลืออยู่ ยงั มสี ภาพเป็นกลมุ่ ป่าขนาดตา่ งๆ กนั ตัง้ แตห่ ลายสบิ ไรจ่ นถงึ หลายล้านไร่ ทาใหไ้ มต่ ดิ ตอ่ กนั ทาให้มีผลต่อการลดลงของจานวนประชากรสตั วป์ า่ ในระยะยาว การลดลงอย่างรวดเรว็ ของพื้นทปี่ า่ ไม้ซง่ึ เป็นแหล่งทอี่ ยู่ อาศยั ของสัตว์ปา่ ยอ่ มมีผลกระทบอยา่ งรนุ แรงและเปน็ เหตใุ ห้สัตวป์ ่าลดจานวนลงอย่างรวดเร็วเช่นเดยี วกนั จนทาให้สัตว์ป่าบางชนดิ ตอ้ งสูญพันธไุ์ ปจากประเทศไทยและบางชนิดทปี่ รมิ าณลดลงจน ใกลส้ ญู พนั ธุ์ สตั วป์ ่าเป็นทรัพยากรทีอ่ านวยประโยชน์แก่มวลมนุษยชาติอยา่ งตอ่ เนอื่ งและยาวนาน โดยสัตว์ป่าเปน็ แหล่งอาหารโปรตนี ที่สาคญั ของชมุ ชนโดยเฉพาะชมุ ชนรอบป่า สัตว์ป่าจึงกลายเปน็ ทง้ั แหลง่ อาหารและเศรษฐกจิ ทีส่ าคญั ของพ้ืนทบ่ี รเิ วณแหล่งอาศัยของสตั วป์ า่ นอกจากนเี้ มอ่ื การตดิ ต่อสอ่ื สารและเทคโนโลยดี ้านต่างๆ ทันสมัยข้ึน การใชป้ ระโยชน์จากทรพั ยากรสัตว์ป่าจึงมมี ากขน้ึ ทงั้ ปรมิ าณและรูปแบบการใช้ประโยชนจ์ ากเดมิ ทเี่ ราใชส้ ัตว์ปา่ เปน็ เพียงอาหาร ใช้แรงงาน และใชเ้ ปน็ พาหนะ ต่อมาไดพ้ ฒั นามาเปน็ การนาสตั ว์ป่ามาเลีย้ งหรอื ขายจนเปน็ อาชีพที่ดาเนินการมาตง้ั แต่ สมัยสโุ ขทยั ดงั เชน่ คาจารกึ ทีพ่ บในหลกั ศิลาจารกึ ว่า “ใครใครค่ า้ ช้างค้า ใครใครค่ า้ มา้ คา้ ” แสดงนัยว่า รฐั ใหอ้ สิ ระแกร่ าษฎรในการคา้ ขายสตั ว์ป่าต่อมาจานวนสัตวป์ า่ อาจถกู ล่าจนมีจานวนลดลง ใน สมัยกรงุ ศรีอยธุ ยารัฐจึงตอ้ งออกมาตรการควบคมุ การลา่ สตั วป์ า่ บางชนดิ โดยเฉพาะชา้ งปา่ ซึ่งจัดวา่ เปน็ สตั ว์ทีไ่ ด้รบั การคมุ้ ครองเปน็ ชนิดแรกในประเทศไทย 2-4

การอนรุ ักษ์สตั วป์ า่ ในประเทศไทยน้นั ได้ดาเนนิ การอย่างเป็นรปู ธรรม ต้งั แต่ พ.ศ. 2503 ที่มาภาพ http://masters1801.rssing.com/chan-39615686/all_p2.html หลังจากที่มีการประกาศใชพ้ ระราชบัญญตั ิสงวนและคุ้มครองสตั ว์ปา่ พ.ศ. 2503 โดยไดม้ กี ารกัน พื้นท่ีไว้เป็นทอ่ี ย่อู าศัยของสัตว์ปา่ ท้ังในรปู แบบของเขตรกั ษาพนั ธส์ุ ัตว์ปา่ และเขตห้ามล่าสตั ว์ปา่ ปจั จุบันมีพ้นื ทที่ ไ่ี ด้ประกาศเป็นเขตรกั ษาพนั ธส์ุ ตั วป์ า่ และเขตหา้ มลา่ สตั ว์ป่าแลว้ ประมาณ 25 ลา้ นไร่ นอกจากน้ีไดม้ กี ารกาหนดพ้ืนท่ีเพ่อื การอนุรกั ษใ์ นรปู แบบอุทยานแหง่ ชาติ ตามพระราชบญั ญตั ิ อุทยานแหง่ ชาติ พ.ศ. 2504 เปน็ การช่วยสง่ เสริมการอนุรกั ษส์ ตั ว์ป่าได้อกี ทางหน่งึ เน่อื งจากพืน้ ทที่ ี่ ไดร้ บั การประกาศนี้ปจั จุบนั เปน็ ทอ่ี ยู่อาศัยทสี่ าคัญของสัตวป์ า่ โดยมีพน้ื ทที่ ไ่ี ดป้ ระกาศเปน็ อุทยาน แห่งชาตแิ ลว้ ประมาณ43 ล้านไร่ ในปจั จบุ นั แนวทางการบรหิ ารจดั การพื้นท่ีคุ้มครองใช้หลักการ จดั การเชิงพนื้ ที่ หรือการจัดการเชิงระบบนิเวศ(Ecosystem Management) ซ่ึงเป็นการทางานเชงิ บูรณาการ โดยการมสี ว่ นรว่ มของประชาชน สตั วป์ ่าเปน็ ทรพั ยากรท่อี านวยประโยชนแ์ ก่มวลมนุษยชาติอย่างตอ่ เนอ่ื งและยาวนาน โดย สัตว์ปา่ เป็นแหล่งอาหารโปรตีนทสี่ าคัญของชมุ ชนโดยเฉพาะชุมชนรอบปา่ สตั ว์ป่าจงึ กลายเป็นทั้ง แหล่งอาหารและเศรษฐกจิ ท่สี าคญั ของพ้ืนทบี่ รเิ วณแหล่งอาศัยของสตั วป์ ่า นอกจากนเี้ มื่อการ ตดิ ต่อสื่อสารและเทคโนโลยีด้านตา่ งๆ ทันสมัยขน้ึ การใชป้ ระโยชนจ์ ากทรพั ยากรสตั วป์ ่าจงึ มีมากขนึ้ ทั้งปริมาณและรูปแบบการใช้ประโยชน์จากเดมิ ที่เราใช้สตั ว์ป่าเป็นเพียงอาหาร ใช้แรงงาน และใชเ้ ปน็ พาหนะ ต่อมาได้พัฒนามาเป็นการนาสัตวป์ า่ มาเลยี้ งหรือขายจนเป็นอาชีพทดี่ าเนินการมาตงั้ แตส่ มัย สโุ ขทยั ดงั เชน่ คาจารกึ ทพี่ บในหลักศิลาจารึกว่า “ใครใคร่คา้ ชา้ งคา้ ใครใครค่ า้ มา้ คา้ ” แสดงนยั ว่า รฐั ใหอ้ สิ ระแกร่ าษฎรในการคา้ ขายสตั ว์ป่าตอ่ มาจานวนสัตว์ป่าอาจถกู ลา่ จนมจี านวนลดลง ในสมยั กรุง ศรอี ยธุ ยารัฐจึงต้องออกมาตรการควบคุมการล่าสัตวป์ ่าบางชนิดโดยเฉพาะช้างป่า ซ่ึงจัดวา่ เป็นสตั ว์ ที่ได้รบั การคมุ้ ครองเปน็ ชนิดแรกในประเทศไทย 2-5

การอนรุ ักษ์สตั วป์ า่ ในประเทศไทยน้ันได้ดาเนินการอยา่ งเปน็ รปู ธรรม ดว้ ยเหตุน้จี ึงทาใหต้ อ้ งมีการทา พระราชบญั ญตั ิขึ้นมา เพอื่ ความปลอดภยั ของสตั ว์ปา่ และ ต้ังแต่ พ.ศ. 2503 หลงั จากทีม่ ีการประกาศใชพ้ ระราชบญั ญตั สิ งวนและคมุ้ ครอง มใิ หผ้ ู้ใดไดล้ ่าสตั ว์ป่า หรือมีไวค้ รอบครองนัน่ เอง ในปจั จุบันการค้าสตั วป์ า่ สงวนไดท้ วีคูนข้นึ เรอื่ ยๆ สตั ว์ปา่ พ.ศ. 2503 โดยได้มกี ารกนั พื้นทีไ่ วเ้ ป็นทอ่ี ยอู่ าศัยของสตั ว์ป่า ทั้งในรปู แบบ เพราะมคี นส่วนใหญ่ชอบคา้ สัตวป์ ่า นาไปขายได้รายไดด้ ี เพราะสตั ว์ปา่ สงวนนัน้ เปน็ สตั ว์ทตี่ ้องการแก่ ของเขตรกั ษาพนั ธสุ์ ัตวป์ า่ และเขตห้ามล่าสัตว์ปา่ ปัจจุบันมีพนื้ ทีท่ ไี่ ด้ประกาศเปน็ เขต ชาวตา่ งชาติ หรือคนในประเทศท่ีชอบทานของแปลก ของหายาก จากปญั หาเหล่าน้ียังมปี ัญหาดา้ น รักษาพันธส์ุ ตั ว์ปา่ และเขตห้ามล่าสัตวป์ า่ แล้วประมาณ 25 ลา้ นไร่ นอกจากนไ้ี ดม้ กี าร การค้าสัตวป์ ่าอีกมากมาย ที่เปน็ สาเหตทุ าใหส้ ตั วป์ ่าลดน้อยลง และสญู พนั ธอ์ุ ย่างรวดเรว็ กาหนดพืน้ ท่ีเพอ่ื การอนรุ ักษใ์ นรปู แบบอุทยานแห่งชาติ ตามพระราชบญั ญตั อิ ทุ ยาน แหง่ ชาติ พ.ศ. 2504 เป็นการช่วยสง่ เสรมิ การอนรุ ักษ์สตั ว์ปา่ ได้อกี ทางหน่งึ นอกจากประเทศไทยจะได้มีการอนุรักษ์พนื้ ท่ไี ว้ใหเ้ ป็นท่อี ย่อู าศยั ของสตั ว์ปา่ และมมี าตรการควบคุม เนื่องจากพืน้ ที่ทไ่ี ด้รบั การประกาศนปี้ จั จบุ นั เป็นทอี่ ยู่อาศยั ท่สี าคญั ของสตั วป์ า่ โดย การล่าสัตว์ป่าแล้ว ยงั ได้ใหค้ วามร่วมมือกบั ประชาคมโลกในการอนุรักษท์ รัพยากรสตั วป์ า่ ด้วยการ มีพน้ื ทที่ ไ่ี ด้ประกาศเปน็ อุทยานแห่งชาตแิ ล้วประมาณ43 ล้านไร่ ในปจั จบุ ันแนว เข้าเป็นสมาชกิ อนสุ ัญญาวา่ ด้วยการคา้ ระหวา่ งประเทศซ่ึงชนดิ สัตวป์ า่ และพชื ป่าที่ใกลส้ ูญพันธุ์ ทางการบรหิ ารจดั การพนื้ ทค่ี ุม้ ครองใชห้ ลักการจัดการเชงิ พื้นท่ี หรือการจดั การเชงิ (Convention on International Trade in Endanger Species of Wild Fauna and Flora : ระบบนเิ วศ(Ecosystem Management) ซ่งึ เป็นการทางานเชงิ บรู ณาการ โดยการ มีสว่ นร่วมของประชาชน ถงึ แม้จะมีมาตรการประกาศพืน้ ทไี่ ว้เป็นท่ีอยอู่ าศัยของสตั วป์ า่ และมมี าตรการในการ ควบคุมการใช้ประโยชน์จากสตั วป์ า่ แล้ว แต่เมอื่ สถานการณ์ในปัจจบุ ันได้มกี าร เปล่ียนแปลงไปอยา่ งรวดเรว็ และมีปจั จยั ภายนอกเขา้ มามีผลกระทบตอ่ การดารงอยู่ ของสตั วป์ ่าเสมอ เพื่อใหก้ ารอนรุ ักษ์มปี ระสทิ ธ์ภิ าพ ตอ่ เนอ่ื ง และเป็นทรี่ บั ทราบของ บคุ คลทเี่ ก่ียวของทุกสาขา กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ มจงึ จาเปน็ ตอ้ งมีการกาหนดทศิ ทางการบริหารจดั การทรพั ยากรสัตวป์ า่ ขนึ้ ให้มีความ ชดั เจนและเปน็ รูปธรรมโดยไดม้ กี ารวเิ คราะห์สภาพแวดล้อมและปจั จัยภายในและ ภายนอก (SWOT Analysis) ตลอดจนได้มีการระดมความคดิ เห็นจากทุกภาคส่วน ของสังคม ตง้ั แต่วนั ท่ี 1 กรกฎาคม2546 จนถงึ วันท่ี 25 มนี าคม 254 และนาผล การวเิ คราะหแ์ ละข้อเสนอแนะดังกล่าวมาเปน็ แนวคดิ พนื้ ฐานในการจัดทาแผนแมบ่ ท การอนุรักษ์ทรพั ยากรสัตว์ปา่ แหง่ ชาตขิ ึ้น เพ่อื ใหส้ ัตว์ปา่ สามารถดารงเผ่าพันธแุ์ ละ อานวยประโยชน์ต่อประชาชนในชาติอย่างย่งั ยืนตลอดไป 2-6 ท่ีมาภาพ http://masters1801.rssing.com/chan-39615686/all_p2.html

2.2.2 ปจั จบุ นั ทม่ี าภาพ http://masters1801.rssing.com/chan- ในปจั จบุ ันสัตวป์ า่ มจี านวนลดน้อยลงมาก ชนิดทส่ี มัยก่อนมีอยชู่ กุ ชุมกไ็ มค่ ่อยได้พบเหน็ อีกบางชนดิ กถ็ งึ กบั สูญพันธุ์ไปเลย ปญั หานี้ 39615686/all_p2.html#item38 สาเหตุมาจาก 1. ถกู ทาลายโดยการลา่ โดยตรงไมว่ า่ จะล่าเพอ่ื อาหารหรอื เพอ่ื การกฬี าหรือเพอ่ื อาชพี 2. การสญู พันธ์หุ รือลดนอ้ ยลงไปตามธรรมชาติของสตั ว์ปา่ เอง ถา้ หากไม่สามารถปรับตวั ให้เข้ากบั ความเปลี่ยนของสภาพแวดลอ้ มได้ หรอื จาก สาเหตุภยั ธรรมชาติต่าง ๆ เช่น นา้ ทว่ ม ไฟปา่ 3. การนาสัตวป์ า่ ต่างถ่นิ (Exotic aminal) เขา้ ไปในระบบนเิ วศสตั ว์ป่าประจาถ่นิ ทาให้เกดิ ผลกระทบต่อระบบนเิ วศ ความสมดุลของสัตวป์ า่ ประจา ถนิ่ จนอาจเกิดการสญู พันธุ์ 4. การทาลายถ่นิ ที่อยอู่ าศยั ของสัตวป์ า่ ซงึ่ ก็ไดแ้ ก่การทปี่ ่าไม้ถกู ทาลายดว้ ยวิธีการตา่ ง ๆ ไม่วา่ จะโดยถากถางและเผาเพอื่ ทาการเกษตรกิจกรรมการ พฒั นา เช่น การตดั ถนนผา่ นเขตปา่ การสรา้ งเขือ่ น ฯลฯ ทาให้สตั ว์ป่าบางส่วนตอ้ งอพยพไปอย่ทู อี่ ืน่ หรอื ไม่ก็เสยี ชีวิตขณะทถี่ น่ิ ทอี่ ยู่อาศัยถกู ทาลาย 5. การสญู เสยี เน่ืองจากสารพิษตกคา้ ง เม่ือเกษตรกรใช้สารเคมีในการเพาะปลกู เชน่ ยาปราบศตั รพู ชื จะทาให้เกดิ การสะสมพษิ ในรา่ งกายทาให้บาง ชนิดถงึ กบั สญู พนั ธไ์ุ ด้ การอนรุ ักษ์สตั วป์ า่ สัตวป์ า่ มปี ระโยชนต์ อ่ สิ่งแวดล้อมซึง่ รวมถงึ คนเราดว้ ยทงั้ โดยทางตรงและทางออ้ ม จงึ ต้องมวี ธิ ีการปอ้ งกนั และแก้ไขไม่ใหส้ ัตวป์ ่าลดจานวนหรอื สญู พนั ธุ์ด้วยการอนรุ กั ษ์สตั ว์ปา่ ดังน้ี 1. กาหนดกฎหมายและวธิ กี ารปฏบิ ัติอยา่ งเครง่ ครัด เพ่ือใหป้ า่ เปน็ แหล่งอาหารทอ่ี ย่อู าศัยของสัตวป์ ่า อาทิ เขตรกั ษาพนั ธุส์ ัตวป์ า่ เขตหา้ มล่าสัตวป์ า่ เขตเพาะพนั ธส์ุ ัตวป์ า่ ฯลฯ ใหม้ ีมากเพยี งพอ 2. การรณรงคเ์ ผยแพร่ประชาสมั พนั ธ์ ให้เหน็ ความสาคญั ในการอนุรกั ษส์ ัตวป์ า่ อยา่ งจรงิ จงั 3. การไมล่ า่ สตั ว์ป่า ไม่ควรมกี ารลา่ สตั ว์ปา่ ทกุ ชนิด ท้งั สตั วป์ า่ สงวนสตั ว์ป่าคมุ้ ครองเพราะปจั จบุ นั สตั วป์ ่าทกุ ชนิดได้ลดจานวนลงอย่างมากทาใหข้ าด ความสมดุลทางธรรมชาติ 4. การปอ้ งกนั ไฟป่า ไฟปา่ นอกจากจะทาให้ปา่ ไม้ถกู ทาลายแล้วยงั เป็นการทาลายแหล่งอาหารและท่ีอยู่อาศัยของสัตว์ปา่ ดว้ ย 5. การปลูกฝงั การใหค้ วามรัก และเมตตาตอ่ สตั ว์อยา่ งถกู วิธสี ตั ว์ปา่ ทกุ ชนดิ มคี วามรักชีวิตเหมอื นกับมนุษย์ การฆา่ สัตว์ป่า การนาสัตว์ปา่ มาเลย้ี ง ไวใ้ นบ้านเปน็ การทรมานสตั วป์ า่ ซ่ึงมักไมม่ ีชวี ติ รอด 2-

2-8 ทีม่ าภาพ โครงการ wildaid

ท่มี าภาพ โครงการ wildaid 2-9



ปญั หาการคา้ สตั วป์ า่ ในปจั จบุ นั สตั วป์ ่าสงวน (Preserved Animals) เปน็ สัตวป์ า่ ท่ีหายากหรอื กาลงั จะสญู พนั ธ์ุ จงึ ห้ามลา่ หรอื มไี ว้ในครอบครอง ทั้งสตั ว์ที่ยงั มชี ีวติ อย่หู รอื ซากสตั ว์ เว้นแต่การกระทาเพ่ือการศกึ ษาวิจยั ทางวชิ าการ ดงั นัน้ จึงจาเป็นตอ้ งมบี ทบัญญตั เิ ข็มงวดกวดขนั เพอื่ ปอ้ งกนั ไม่ใหเ้ กิดอนั ตรายแกส่ ตั ว์ป่าทีย่ ังมีชีวิตอยหู่ รือซากสตั ว์ปา่ ซง่ึ อาจจะตกไปอยยู่ งั ต่างประเทศด้วยการซื้อขาย ตอ่ มา เม่อื สถานการณ์ของสัตว์ป่าในประเทศไทยเปล่ียนแปลงไป สตั วป์ ่าหลายชนดิ มีแนวโน้มถูกคกุ คามเสย่ี งตอ่ การสูญพนั ธมุ์ ากยงิ่ ข้นึ ประกอบกับเพ่ือให้เกิดความสอดคลอ้ งกับความร่วมมือ ระหวา่ งประเทศในการควบคุมดูแลการคา้ หรือการลกั ลอบคา้ สตั ว์ป่าในรูปแบบต่างๆ ตามอนสุ ัญญาวา่ ด้วยการคา้ ระหว่างประเทศว่าดว้ ยสตั ว์ป่าและพืชปา่ (CTTES) ซึง่ ประเทศไทยไดร้ ่วมลง นามรบั รองอนสุ ัญญาในป พ.ศ.2518 และไดใ้ หส้ ตั ยาบัน เมื่อวันที่ 21 มกราคม พ.ศ.2526 นบั เป็นสมาชกิ ลาดบั ท่ี 80 จงึ ได้มกี ารพิจารณาแก้ไขปรับปรงุ พระราชบญั ญตั ิฉบับเดมิ และตรา พระราชบญั ญัตสิ งวนและคุ้มครองสตั วป์ ่า พ.ศ.2535 ขน้ึ ใหม่เมอื่ วนั ท่ี 19กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ.2535 สตั ว์ป่าสงวนตามในพระราชบญั ญตั ฉิ บบั ใหม่ หมายถงึ สัตวป์ า่ ทห่ี ายากตามบัญชที า้ ยพระราชบญั ญตั ฉิ บบั นีแ้ ละตามทก่ี าหนดโดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกา ทาให้สามารถ เปลี่ยนแปลงชนิดสตั ว์ปา่ สงวนได้โดยสะดวกโดยออกเปน็ พระราชกฤษฎกี าแก้ไขหรอื เพิ่มเติมเท่าน้นั ไมต่ ้องถงึ กบั ต้องแกไ้ ขพระราชบัญญัตอิ ย่างของเดมิ ทง้ั น้ีไดม้ กี ารเพม่ิ เติมชนดิ สตั ว์ปา่ ที่มี สภาพลอ่ แหลมตอ่ การสูญพันธุ์อย่างยง่ิ ชนดิ และตดั สตั ว์ปา่ ที่ไม่อยู่ในสถานะใกล้จะสูญพนั ธุ์ เนอ่ื งจากการทส่ี ามารถเพาะเลยี้ งขยายพนั ธ์ไุ ดม้ าก 1 ชนดิ คอื เนอื้ ทราย รวมกบั สัตว์ปา่ สงวน เดิม 8 ชนดิ รวมเป็น 15 ชนิด[1] ไดแ้ ก่ 1. นกเจ้าฟ้าหญงิ สิรินธร (Pseudochelidon sirintarae) ท่มี า https://awards.brandingforum.org/brands/wildlife-friends- 2. แรด (Rhinoceros sondaicus) 3. กระซู่ (Dicerorhinus sumatrensis) 4. กูปรหี รือโคไพร (Bos sauveli) 5 ควายปา่ (Bubalus bubalis) 6. ละอง หรอื ละมัง่ (Rucervus eldi) . สมัน หรอื เน้ือสมนั (Rucervus schomburki) 8. เลยี งผา หรอื เยือง หรอื กรู า หรือโครา (Capricornis sumatraensis) 9. กวางผา (Naemorhedus griseus) 10. นกแต้วแลว้ ท้องดา (Pitta gurneyi) 11. นกกระเรียนไทย (Grus antigone) 12. แมวลายหินอ่อน (Pardofelis marmorata) 13. สมเสร็จ (Tapirus indicus) 14. 14. เกง้ หมอ้ (Muntiacus feai) 2-10

ท่มี าภาพ โครงการ wildaid 2-11

2-12 ท่ีมาภาพ โครงการ wildaid

ความสาคัญของสัตว์ป่าและพนั ธพ์ุ ชื 1. ดา้ นเศรษฐกิจ การค้าสตั ว์ปา่ หรือซากของสตั ว์ป่า โดยเฉพาะหนังสือ เก่ียวกับปา่ ในปหน่งึ ๆ ทารายไดใ้ หก้ บั ประเทศและมีเงนิ ทนุ หมนุ เวียนภายในประเทศ จานวนไม่นอ้ ย คุณคา่ ทางดา้ นเศรษฐกจิ อาจจะรวมถึงรายได้จากการท่องเท่ียวใน การชมสัตว์ด้วย 2. ด้านนันทนาการและจติ ใจ ความงามเป็น สิ่งทีม่ นุษยป์ รารถนา ไม่มีใคร กลา้ ปฏิเสธว่าตนเองไม่ชอบความงาม แมว้ า่ เราอาจมีความเหน็ ไม่ตรงกนั ใน ความหมายของความงาม แตท่ แี่ น่นอนทส่ี ดุ คือ ทกุ คนมคี วามเห็นตรงกนั ในเรอื่ ง ความน่าเกลยี ดของธรรมชาตทิ ถ่ี กู ทาลาย ทัศนยี ภาพทสี่ วยงาม ตามธรรมชาติเป็น ส่งิ ท่เี ราสามารถชว่ ยกันอนรุ กั ษ์ไว้ได้ถา้ ไมม่ ผี ้ทู ี่คิดเหน็ แกต่ ัวจนเกินไป เราอาจตกแต่ง บา้ นให้สวยงามด้วยเฟอรน์ ิเจอรร์ าคาแพง บางบ้านมเี ขากวาง หวั สัตวป์ า่ ประดบั อยู่ ตามฝาผนงั บางบ้านมีหนังเสอื โครง่ ปูประดับห้องรบั แขก บางบา้ นกส็ ะสมสัตวส์ ตาฟ จริงอยู่ทสี่ งิ่ เหลา่ นี้เพิม่ ความงามในแง่ของมัณฑนศิลปแ์ ตก่ ไ็ ม่ใช่ความงามตาม ธรรมชาติ หลายคนอาจคิดว่าตนเองสามารถมีชวี ิตอย่ใู นเมอื ง ทั้งต้นตระกูลปูย่ ่าพอ่ แมข่ องตนเองก็เจรญิ เติบโตทามาหาเลยี้ งชพี อยู่ในเมอื ง แต่ถ้าคดิ ใหด้ แี ลว้ มนษุ ยใ์ น สมัยกอ่ นประวตั ิศาสตรม์ ชี ีวิตอยูใ่ นป่ากลมกลืนกบั ธรรมชาติ ปจั จุบนั เราได้ พยายามแยกตัวเองออกจากธรรมชาติซ่ึงถ้าดกู นั แบผิวเผินกด็ ูเหมอื นว่าเราทาได้ สาเร็จ เราสรา้ งเมืองสร้างบา้ นสรา้ งสถานทพ่ี ักผอ่ นหย่อนใจได้ เราเปลี่ยนระบบนเิ วศ ของเมอื งใหเ้ ปน็ Artificial ecosystem แต่ธรรมชาตกิ ย็ งั สามารถรบกวนท้งั ตวั เรา และสงิ่ กอ่ สร้างของเรา ในวนั สดุ สปั ดาห์ถา้ มีเวลาและโอกาสเราก็จะไปชายทะเล ไปเขา ใหญ่ ไปดูน้าตก เหลา่ นี้เป็นสง่ิ ท่ชี ใ้ี ห้เหน็ วา่ คนเรายังมีความตอ้ งการท่จี ะสมั ผสั สงิ่ แวดล้อมธรรมชาติ ถ้าธรรมชาตขิ องปา่ มีต้นไม้สเี ขยี วขจีแต่ขาดส่ิงมชี ีวติ ที่ เคลอ่ื นไหวไดก้ ค็ งไม่ใชธ่ รรมชาตทิ ่สี มบรู ณ์ คุณค่าของความงามตามธรรมชาติ รวมท้ังสตั วป์ า่ เราเรียกวา่ Aesthetic value 2-13 ทีม่ าภาพ https://awards.brandingforum.org/brands/wildlife

ท่มี าภาพ https://awards.brandingforum.org/brands/wildlife 3. ดา้ นวทิ ยาศาสตร์ การศึกษา และการแพทย์ สัตว์ปา่ ไมใ่ ชม่ แี ต่คุณคา่ ในแง่ ธรรมชาติ เท่าน้ัน สวสั ดิภาพของมนษุ ย์ในปจั จบุ นั ข้นึ อยูก่ ับสัตว์ปา่ หลายชนิด วคั ซีนทเ่ี ราใชฉ้ ดี ปอ้ งกนั โรค ตา่ ง ๆ ได้มาจากลิงริซสั คุณคา่ สตั วป์ ่าในแง่นเี้ รียกวา่ Prectical values สัตว์ปา่ หลายชนิดกนิ แมลงท่นี าโรคมาสคู่ น สตั ว์ปา่ ช่วยให้ชมุ ชน (Community) มน่ั คงมเี สถยี รภาพเพราะเปน็ ส่วนท่ี ทาใหเ้ กิดความหลายหลายชนิด (Diversity) แต่ละชนดิ ทงั้ สัตวแ์ ละพชื ทาให้ Niche ของชุมชน เตม็ ช่วยให้การใชพ้ ลงั งานเป็นไปอย่างมปี ระสิทธภิ าพ ผลท่ตี ิดตามมาคอื เสถียรภาพของที่ดินและ แหลง่ ตน้ นา้ การอนุรักษส์ ตั ว์ป่าจงึ เปน็ การประกนั ความม่นั คงของชุมชนรวมท้งั ชวี ิตมนษุ ย์ด้วย 4. ด้านอาหารและยา มนุษยไ์ ดใ้ ช้เน้ือของสตั วป์ ่าเปน็ อาหารมาเปน็ เวลาชา้ นานแล้วซ่ึงสัตว์ ป่าหลายชนดิ ก็ไดพ้ ฒั นาจนกระทัง่ กลายเป็นสตั ว์เลยี้ งไป สตั วป์ ่าหลายชนดิ ตามธรรมชาติคนกย็ งั นยิ มใชเ้ นอื้ เป็นอาหารอยู่ เช่น หมูป่า เกง้ กวาง กระจง กระทงิ นกเขาเปล้า นกเป็ดนา้ ตะกวด แย้ เป็นตน้ อวัยวะของสตั วป์ ่าบางอย่าง เชน่ นอแรด กระโหลกเลียงผา เขากวางอ่อน เลือดและ กระเพาะคา่ ง ดีของหมี ดีงเู หา่ กย็ ังมผี ้นู ิยมดัดแปลงเป็นอาหาร หรือใชเ้ ปน็ เคร่ืองยาสมนุ ไพรอกี ดว้ ย 5. ด้านเครอ่ื งใชป้ ระดบั นอกจากเนือ้ ของสตั วป์ ่าและสว่ นตา่ ง ๆ ของสตั ว์ปา่ จะใชเ้ ป็น อาหารและยาแลว้ อวัยวะบางอยา่ งของสัตวป์ ่ากย็ ังใชป้ ระโยชน์ตา่ ง ๆ ได้อีกมากมาย เชน่ หนังใช้ทา กระเปา๋ รองเท้า เคร่ืองนงุ่ ห่ม งาช้าง ใช้เป็นเคร่ืองประดบั กระดูก เขาสตั ว์ใช้ทาด้ามมีด ดา้ ม เครื่องมือ หรอื แกะสลกั เป็นรูปต่าง ๆ เปน็ ตน้ 6. เปน็ ตัวควบคุมส่งิ มชี วี ิต สัตวป์ ่านบั ได้ว่า เป็นตวั ควบคมุ ส่งิ มชี วี ติ อนื่ ๆ โดยเฉพาะ อยา่ งยิ่งสตั ว์ด้วยกนั เอง ทาให้ผลกระทบท่ีเกิดต่อคนบรรเทาเบาบางลงไปไม่มากกน็ อ้ ย เช่น ค้างคาว กนิ แมลง นกฮกู และงูสิงกินหนตู า่ ง ๆ นกกินตัวหนอนทที่ าลายพืชเศรษฐกิจ เปน็ ตน้ ซง่ึ หากไม่มสี ัตว์ป่าตา่ ง ๆ ดงั กลา่ วแลว้ คน อาจจะตอ้ งเสยี เงินทองจานวนมากกวา่ ท่เี ปน็ อยปู่ จั จบุ ัน เพอ่ื การกาจดั ศตั รูทั้งทางตรงและทางออ้ ม 2-14

2.2.3 อนาคต ด้วยสภาพของสัตว์ปา่ หลายชนดิ ท่ีใกลส้ ูญพันธ์ุ และเพอ่ื ร่วมกันอนุรกั ษส์ ตั ว์เหลา่ น้ใี ห้คงอยตู่ อ่ ไปน้นั หลายหนว่ ยงานจึงร่วมมือกนั คิดคน้ วธิ ีการขยายพันธุ์ \"วัตถุประสงค์เพ่อื ดาเนินการตาม กจิ การหลกั ขององคก์ ารดา้ นการอนุรกั ษ์ วิจัยและให้การศกึ ษา การอนรุ ักษส์ ัตวป์ ่าหายากของทั้งของไทย และของโลก ด้วยความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยและสถาบนั ตา่ งๆ ทาใหง้ านวจิ ยั สัตวป์ ่า โดยเฉพาะด้านการเพมิ่ ประสทิ ธิภาพการเพาะขยายพันธ์ุด้วยเทคโนโลยีชีวภาพทางการสบื พันธุ์ พร้อมระบวุ า่ การศึกษาวจิ ัยด้านการนาเทคโนโลยีชวี ภาพทางการสบื พนั ธ์ุ (Assisted Reproductive Technologies-ARTs) มาชว่ ยเพม่ิ ศกั ยภาพในการเพาะขยายพนั ธใ์ุ นสตั ว์อยา่ งเชน่ การเกบ็ รกั ษาน้าเช้อื แข็ง การผสมเทยี ม การยา้ ยฝากตัวออ่ น การปฏิสนธนิ อกร่างกาย และการโคลนนง่ิ มี การศึกษาวิจัยกันอยา่ งแพร่หลายในกล่มุ สตั วป์ ศสุ ตั ว์ 2-15 ทมี่ า : https://www.ncbs.res.in/mscprogram/overview

2.3 เทคโนโลยชี วี ภาพกบั การขยายพนั ธุ์ 2.3.1 ความหมายของเทคโนโลยชี วี ภาพกบั การขยายพนั ธข์ุ องสตั ว์ การขยายพนั ธส์ุ ตั วแ์ ละพชื หมายถงึ การทาใหเ้ กดิ สง่ิ มชี วี ติ จานวนมากขน้ึ โดยวธิ กี ารคดั เลอื กพนั ธุ์ ทาใหม้ นษุ ยไ์ ดส้ ตั วท์ ี่มีปริมาณคณุ ภาพตามทต่ี ้องการ เทคโนโลยชี วี ภาพ หมายถงึ การนาเอาสงิ่ มชี วี ติ หรอื ชนิ้ สว่ นของสง่ิ มชี วี ติ มาปรบั ปรงุ ทาใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลงทมี่ ปี ระโยชนเ์ พม่ิ ขน้ึ การขยายพนั ธ์ุ ปรับปรงุ พนั ธ์ุ และเพม่ิ ผลผลติ ของสตั ว์ โดยใช้เทคโนโลยชี ีวภาพมหี ลายวิธี เช่น การผสมเทยี ม การถ่ายฝากตวั ออ่ น การโคลนนิ่ง พันธุวศิ วกรรม การศกึ ษาวิจัยดา้ นการนาเทคโนโลยชี วี ภาพทางการสืบพันธ์ุ (Assisted Reproductive Technologies-ARTs) มาชว่ ยเพ่มิ ศกั ยภาพในการเพาะขยายพันธใุ์ นสตั วอ์ ยา่ งเช่น การเกบ็ รกั ษานา้ เชอื้ แข็ง การผสมเทยี ม การย้ายฝากตัวออ่ น การปฏสิ นธินอกร่างกาย และการโคลนนิง่ มกี ารศึกษาวจิ ัยกนั อย่างแพร่หลายในกลมุ่ สตั ว์ปศสุ ัตว์ ปัจจุบนั มกี ารศึกษาและประยกุ ต์ใชใ้ นสตั ว์ป่าหายากทใ่ี กลส้ ญู พนั ธุห์ ลายชนดิ เพอื่ ชว่ ยแก้ปัญหาดา้ นการสืบพันธ์ุท่ีเปน็ อปุ สรรคสาคญั ในการแพร่ขยายพนั ธุ์ โดยสัตว์ป่าท่มี ีจานวน ประชากรน้อยสง่ ผลต่อความหลากหลายทางพันธุกรรมของสัตวป์ ่าโดยตรง 2-16 ท่มี า https://www.geolifes.com/shared/images/start1.jpg

ทม่ี า http://indiaarrivaltours.com/WildLifeTour.aspx?TH=3 2.3.2 จดุ ประสงคข์ องการใชเ้ ทคโนโลยชี วี ภาพทางวทิ ยาการสบื พนั ธ์ุ 1. เพื่อปรบั ปรุงพนั ธุกรรมใหร้ วดเร็วขึ้น และมีประสิทธภิ าพมากขึน้ 2. ชว่ ยย่นระยะเวลาในการปรบั ปรุงและทดสอบพันธุ์ 3. ช่วยปอ้ งกนั โรคเข้ามาในประเทศ และออกจากประเทศ 4. ช่วยในการรักษาพนั ธกุ รรมของสตั ว์หายากและใกลส้ ญู พันธุ์ 5. เพ่ือแกไ้ ขปัญหาการผสมตดิ ยากซ่งึ เกิดจากความล้มเหลวในการปฏสิ นธิ 6. เป็นเทคนคิ พน้ื ฐานสาหรับเทคโนโลยอี ื่น ๆ ทีก่ า้ วหนา้ มาก เช่น การโคลนนิ่งสัตว์ (cloning) . ใช้ในงานวิจยั ทางเทคโนโลยชี วี ภาพ งานวิจัยทางสตั วแพทย์ เภสชั กรรม และการแพทย์ 2-1

2.3.3 ววิ ฒั นาการของเทคโนโลยชี วี ภาพทางวทิ ยาการสบื พนั ธใุ์ นการผลติ และปรบั ปรงุ พนั ธสุ์ ตั ว์ 2.3.3.1 การผสมเทยี ม (Artificial Insemination : AI) เปน็ เทคโนโลยีชีวภาพทางวิทยาการสืบพันธุ์รุ่นแรกที่นามาใช้แพรห่ ลายมากที่สุด การผสมเทยี ม คือ การทาใหเ้ กดิ การปฏสิ นธริ ะหว่างไขก่ บั อสุจิ โดยมนุษยเ์ ป็นผู้ทาใหเ้ กิดการ ปฏิสนธิ โดยการฉดี นา้ เชื้ออสุจิจากสัตวเ์ พศผู้ทเ่ี ปน็ พ่อพันธเุ์ ขา้ ไปในอวัยวะสืบพันธ์ขุ องสัตวเ์ พศเมยี ท่ีเป็นแม่พันธใ์ุ นชว่ งเวลาท่ีเป็นสดั คือ ระยะทไี่ ขส่ ุก โดยที่สัตวไ์ มต่ อ้ งมีการผสมพันธุ์ กนั เองตามธรรมชาติ 2-18 ทีม่ าภาพ https://awards.brandingforum.org/brands/wildlife

2.3.3.2 การถา่ ยฝากตวั ออ่ น (Embryo Transfer) ในปจั จุบนั เป็นเทคนคิ ทมี่ ีบทบาทมากในการปรับปรุงพันธ์สุ ัตว์ โดยมีหลักการคือ กระต้นุ ใหแ้ มโ่ คท่ีมกี รรมพนั ธด์ุ ตี กไข่ได้จานวนมากกว่าปกติ (superovulation) และทาการผสม เทยี ม หลังจากน้ันมีการเก็บตวั อ่อนจากแม่โค นาไปฝากใหเ้ จรญิ ในมดลกู ของแมโ่ คตวั อืน่ ทาให้ไดโ้ คพนั ธุกรรมดเี พ่มิ จานวนขนึ้ ไดม้ าก สามารถทาการแชแ่ ขง็ ตัวออ่ นเพอื่ เกบ็ ไว้ใชต้ อ่ ไปได้ อย่างไรก็ ตามวิธีน้ีเสียค่าใชจ้ ่ายสูง โดยเฉพาะฮอร์โมนทีก่ ระตุ้นการตกไข่และการเป็นสดั พร้อมกนั ระหว่างตวั ให้ (donors) และตัวรับ (recipients) ตลอดจนอปุ กรณ์ที่ใชแ้ ละบคุ ลากรที่มีความรู้ ความ เชย่ี วชาญโดยเฉพาะการคัดเลอื กโคตัวให้ เป็นโคเพศเมยี ท่มี พี ันธกุ รรมดีตอ้ งการขยายพันธุ์ ปราศจากโรคติดตอ่ โดยเฉพาะโรคทางการสบื พันธุ์ เชน่ แมโ่ คนมทีผ่ ่านการพสิ จู นพ์ ันธุว์ ่าให้นา้ นมสงู มีคณุ ภาพดี (elite cow) ปัจจบุ ันอาจกระตุ้นรังไขใ่ หพ้ ฒั นานบั แตเ่ ปน็ โคเลก็ หรือโคสาวโดยทาการเกบ็ ไขน่ ามาปฏิสนธิ เล้ยี งนอกรา่ งกายแลว้ นาไปย้ายฝาก ทาใหร้ ะยะเวลาในการปรับปรงุ พันธ์ุ สน้ั ลง สว่ นโคตวั รบั ทาหนา้ ท่ีเปน็ ตัวอุม้ ท้องของแม่ตัวให้ ตอ้ งเป็นโคสขุ ภาพดีสมบรู ณ์ ปราศจากโรคตดิ ตอ่ ปกตแิ ม่โคตัวให้ 1 ตวั ใหเ้ ตรียมแม่โคตวั รบั ไว้ 10 ตวั 2.3.3.3 การผลติ ตวั ออ่ นภายนอกรา่ งกาย (In vitro fertilization; IVF) ปจั จุบันมีการผลิตตวั ออ่ นจากห้องปฏบิ ัตกิ ารนาไปฝากแมส่ ตั วใ์ หต้ ้งั ท้องคลอดลูกทม่ี ีพันธุกรรมดีเดน่ ตามต้องการ ปจั จุบันมขี ้อจากัดมาก ในอนาคตนา่ จะถูกนามาใช้อย่างกว้างขวาง มากขน้ึ การผลิตตัวอ่อนภายนอกรา่ งกาย ประกอบด้วยการเลยี้ งไขภ่ ายนอกรา่ งกาย การปฏสิ นธภิ ายนอกร่างกาย และการเลย้ี งตัวออ่ นภายนอกรา่ งกาย การเลย้ี งไขภ่ ายนอกรา่ งกาย ทาโดย นาไข่ (oocytes) มาเล้ียงให้สมบรู ณจ์ นพร้อมปฏสิ นธไิ ข่ทไี่ ด้นามาจากรังไข่โคจากโงฆ่าสัตว์ หรือเก็บไข่จากโคท่มี ีชีวิต อาจเปน็ ลกู โคหรอื โคระยะสืบพันธุ์ โดยใชเ้ ขม็ ดูดผา่ นผนงั ช่องคลอด ดว้ ย แกนตรวจของเครือ่ งอลั ตราซาวดท์ ีต่ ดิ เข็มดูด (transvaginal ultrasound – guides aspiration technique หรอื เรยี กเทคนิคน้วี า่ ovum pick up) นาไขท่ ี่ได้มาเลีย้ งด้วยนา้ ยาเฉพาะ ภายใต้สภาพคาร์บอนไดออกไซด์ 5 เปอรเ์ ซน็ ต์ ความช้ืน 99 เปอรเ์ ซน็ ต์ อุณหภูมิ 38.5 ถึง 39.0 องศาเซลเซียส ลกั ษณะไขท่ ่ีนามาเลย้ี งควรมีขนาดประมาณ 2 ถงึ 6 มิลลเิ มตร มีคิวมูลัส (cumulus) หอ้ มล้อมอย่างสมบรู ณ์จะดที ส่ี ดุ หรือมีหุ้มบางส่วน ในโคใช้เวลาเลยี้ งประมาณ 24 ถึง 30 ชม. ไขม่ กี ารพฒั นาแบง่ ตวั ไปถึงระยะเมตาเฟส 2 (metaphase ll) และพบโพลาบอดี (first polar body) 2-19

3.3.3 แนวโนม้ การวจิ ยั และการอนรุ กั ษส์ ตั วป์ า่ ในอนาคต หลังจากมกี ารปฎิรปู และยกระดบั หนว่ ยงานทด่ี แู ลและรกั ษาปา่ อนรุ กั ษแ์ ละสตั วป์ า่ เป็นระดบั กรมคือกรมอทุ ยานแหง่ ชาติ สตั ว์ป่า และพนั ธุ์พืช ทาให้ต้องการความชัดเจนในเรอื่ งงาน วชิ าการอนุรกั ษ์สตั ว์ป่ามากขึ้น ทาใหแ้ นวโนม้ ของงานด้านงานวจิ ัยและการอนรุ กั ษส์ ตั ว์ปา่ ในอนาคตมมีทศิ ทางทีน่ ่าจับตามอง เช่น 3.3.3.1 การขยายเครือขา่ ยความร่วมมอื ดา้ นงานอนุรกั ษส์ ัตวป์ า่ ระหว่างกรมอุทยานแหง่ ชาติฯ และสถาบนั การศึกษาหลักของประเทศที่มนี ักวจิ ยั สตั วป์ ่ากระจายอยู่ รวมถงึ การขยาย เครอื ข่ายงานวจิ ัยดา้ นสัตวป์ า่ และอนรุ กั ษส์ ัตว์ป่ารว่ มกันอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพทั้งในและตา่ งประเทศ 3.3.3.2 วามพยายามผลักดนั ใหก้ ารจัดการและการอนรุ ักษ์อยู่บนพนื้ ฐานของงานวจิ ัยตามหลกั การและทฤษฎีด้านการอนุรักษ์สัตวป์ า่ เพอื่ เพ่ิมประสทิ ธิภาพของการจัดการในปจั จบุ ันซ่งึ ดาเนนิ มาบนพื้นฐานของกฎหมาย และระเบยี บต่างๆ หรือการตดั สินใจไปตามกระแสความบบี คั้นจากการใชป้ ระโยชน์สตั วป์ า่ และถิ่นอาศยั ในรปู แบบตา่ งๆ หากผลักดันสาเร็จจะสง่ ผลถึงความ ยั่งยืนของทรัพยากรสตั ว์ป่าและทรพั ยากรบุคคลที่เกีย่ วขอ้ งกับการศึกษาวจิ ัยและอนรุ กั ษส์ ัตวป์ ่าในอนาคต 3.3.3.3 การเน้นให้เกิดงานวิจยั เพอื่ การพ้ืนฟูประชากรสัตวป์ ่าที่หายาก หรือถิน่ อาศยั ท่ีถูกเปลย่ี นสภาพ เน่อื งจากสตั วป์ า่ หลายชนิดตกอยู่ภาวะใกล้สญู พนั ธไ์ุ ปจากหลายพ้ืนที่ หรือ ถ่นิ อาศัยถกู เปลี่ยนสภาพทรุดโทรม การฟ้ืนฟูต้องดาเนินการตามหลกั วิชาการโดยการตดิ ตามผลตามหลกั วิทยาศาสตรส์ ตั ว์ปา่ ซ่ึงแนวทางนีจ้ ะทาให้เกิดความชดั เจนของการเพาะเลีย้ งสตั วป์ า่ ใน สถานเี พาะเลย้ี งสัตว์ปา่ ของกรมอทุ ยานแห่งชาติฯ ท่ีดาเนินการอยู่ และมีงานวิจยั เพ่ือเตรยี มสตั ว์ป่าท่ีเพาะไดใ้ นกรงเลยี้ งบางชนิดกลบั คืนส่สู ภาพธรรมชาติ และในบางพนื้ ท่ที ส่ี ถานการณ์ เอื้ออานวย ควนเปดิ กาสให้ชุมชนในพ้นื ทไ่ี ดม้ โี อกาสรว่ มดว้ ย 2-20

3.3.3.4 การสง่ เสริมให้มีงานวิจยั ดา้ นสตั ว์ปา่ ที่เสรมิ คุณคา่ ทางเศรษฐกจิ ซง่ึ แนวโน้มในปัจจบุ ันแบ่งเป็น 3 แนวทางคอื 3.3.3.4.1 สตั วป์ า่ กบั การทอ่ งเทยี่ วเชงิ นเิ วศ เป็นแนวทางท่ีสมควรได้รับพจิ ารณาสนับสนุนใหเ้ ปน็ รปู ธรรมย่งิ ข้ึน เพราะโดยปกติแลว้ สัตว์ปา่ จะเป็นสง่ิ ดงึ ดดู ใจให้กับ นักทอ่ งเทีย่ วใหเ้ ข้าไปสัมผัสธรรมชาติ หากมีการจัดการทดี่ จี ะทาใหเ้ กดิ ผลประโยชนต์ อ่ สังคมหลากหลายประการ เช่น พัฒนานิสัยนกั ท่องเที่ยวไทยให้เพิ่มความตระหนกั ต่อการท่ี ต้องรักษาสตั วป์ า่ และระบบนเิ วศ สร้างรายไดใ้ หก้ บั ชมุ ชนทอ้ งถิ่นอย่างชัดเจน ทาให้ลดการใชป้ ระโยชนท์ รพั ยากรธรรมชาติโดยตรงของชุมชนท้องถิน่ โดยรอบและภายในพืน้ ที่ อนุรักษ์ 3.3.3.4.2 สัตว์ปา่ กบั การเพาะเลีย้ งเชงิ พานชิ ย์ ซ่ึงเป็นเร่ืองใหม่ที่กาลังถูกผลกั ดนั ให้เกิดขึน้ โดยรฐั บาลน้ี โดยไดม้ กี ารกาหนดชนิดสัตวป์ า่ ท่ีใหเ้ พาะเลี้ยงได้ เพอ่ื เป็นสตั ว์ เลี้ยง หรือเพื่อขายเปน็ ผลิตภัณฑ์ ซึง่ สาหรบั สตั ว์ป่าบางชนิด เชน่ เสอื หมี ไดร้ บั การตอ่ ตา้ นจากองค์กรอนุรกั ษส์ ัตว์ปา่ นานาประเทศ เนื่องจากหลายคนเชอื่ ว่าแนวทางนจ้ี ะเป็นกล จักรสาคญั ท่ีทาใหส้ ตั ว์ป่าในธรรมชาตสิ ญู พนั ธุเ์ ร็วย่ิงข้นึ เนือ่ งจากการล่าสัตว์เปน็ การลงทุนที่ถูกมากเมื่อเทยี บกบั การเพาะเลีย้ งเพอ่ื การคา้ 3.3.3.4.3 การใช้ประโยชนจ์ ากสตั ว์ปา่ อีกมิติหนง่ึ คอื การวจิ ัยเพ่ิมพูลประชากรสตั วป์ า่ บางชนิดนอกพืน้ ท่ปี า่ อนุรักษ์ ในเขตปา่ สงวนแห่งชาตบิ างแห่ง จนถึงระดบั การ อนุญาตใหม้ ีการใชป้ ระโยนส์ ัตว์ปา่ บางชนดิ ในธรรมชาติโดยตรงได้ โดยเนน้ ท่ีความต้องการพ้ืนฐานของชุมชนทอ้ งถ่ินในการใชป้ ระโยชนโ์ ดยตรงจากสัตวป์ ่าเปน็ หลกั แต่ต้องมีระบบ การควบคุมการใชป้ ระโยนอ์ ย่างรัดกุมและมขี ้อมลู ด้านประชากรทท่ี ันสมัยเพอ่ื ปรบั อตั ราการใช้ประโยชน์ใหเ้ หมาะสมและสตั วป์ า่ ไม่สูญไปจากพื้นที่ 2-21

2.4 ทฤษฎที เี่ กย่ี วขอ้ ง แผนแม่บทการอนุรักษท์ รัพยากรสตั ว์ป่าแห่งชาติ พทุ ธศกั ราช 2548 -255 ไดจ้ ัดทาขน้ึ เพอื่ ให้ สอดคลอ้ งกับสถานการณส์ ัตว์ปา่ ของโลกและการลดลงของสตั วป์ ่าในธรรมชาติ เนอื่ งจากการบกุ รุก ทาลายถิ่นท่ีอยูอ่ าศัยของสัตว์ป่า กระแสการอนรุ ักษ์สตั ว์ป่าและสงิ่ แวดลอ้ ม อิทธิพลของแนวคิดด้านการมี 2.4.1 การอนรุ กั ษท์ รพั ยากรสตั วป์ า่ แบบบรู ณาการ ส่วนร่วมของประชาชนสงิ่ เหลา่ นไี้ ด้รับการบรรจไุ ว้เปน็ ส่วนหน่งึ ของยทุ ธศาสตรก์ ารดาเนนิ การเพอ่ื ลด ถึงแมจ้ ะมมี าตรการการประกาศพน้ื ที่ไว้ใหเ้ ป็นที่อยอู่ าศัยของสัตวป์ า่ และมมี าตรการใน ปญั หาและสร้างความร่วมมอื ระหว่างประเทศ นบั ว่าเปน็ การบรู ณาการทางานของหน่วยงานทเี กี่ยวข้องกบั การอนรุ กั ษส์ ตั วป์ ่า ร่วมดกับภาคเอกชน องคก์ รเอกชน โดยมีความสอดคล้องกบั นโยบายการพัฒนา การควบคมุ การใชป้ ระโยชนจ์ ากสตั วป์ า่ แลว้ แตเ่ มอื่ สถานการณ์ในปจั จุบันไดม้ กี าร ประเทศ ดังนี้ เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเรว็ และมีปจั ยั ภายนอกเขา้ มามผี ลกระทบตอ่ การดารงอยูข่ อง 1) นโยบายของรฐั ดา้ นการอนุรักษส์ ิ่งแวดลอ้ ม แผนแมบ่ ทการอนรุ ักษท์ รัพยากรสัตวป์ ่าแห่งชาตนิ ้ี จะ สนับสนุนและสอดคล้องกับนโยบายของรฐั บาลโดยเฉพาะนโยบายด้านทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม สัตว์ป่าอยู่เสมอ เพอื่ ให้การอนรุ กั ษม์ ปี ระสทิ ธภิ าพ ตอ่ เน่อื ง และเป็นท่ีรับทราบของ ท่ีรัฐบาลไดต้ ระหนักและใหค้ วามสาคญั ในการฟ้ืนฟูสภาพและคณุ ภาพ การป้องกนั การเสอื่ มโทรมและสูญ สนิ้ ไป และการนากลบั มาใช้ใหม่ซ่งึ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละความหลากหลายทางชวี ภาพให้เออื้ ต่อการ บคุ คลท่ีเก่ยี วขอ้ งทกุ สาขา กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ มจงึ ได้มกี าร ดารงชีวติ เกิดความสมดลุ ในการพัฒนา กาหนดทศิ ทางการบรหิ ารจัดการทรพั ยากรสตั ว์ป่าข้ึน ใหม้ ีความชดั เจนและเป็น รปู ธรรมโดยได้มีการวิเคราะหส์ ภาพแวดล้อมและปจั จยั ภายในและภายนอก (SWOT 2) นโยบายการสร้างรายได้ แผนแม่บทการอนรุ ักษ์ทรพั ยากรสตั วป์ ่าแหง่ ชาตนิ ี้ จะสง่ เสรมิ และสนับสนนุ Analysis) ตลอดจนได้มกี ารระดมความคดิ เหน็ จากทกุ ภาคส่วนของสังคม ต้ังแต่วนั ท1่ี การเพาะเลี้ยงสัตวป์ า่ เชงิ พาณชิ ย์ โดยจะสง่ เสรมิ พัฒนาเทคโนโลยีในการเพาะเลี้ยงสัตวป์ ่าทีม่ คี ่าทาง กรกฎาคม 2546 จนถงึ วันท่ี 25 มีนาคม 254 และนาผลการวิเคราะหแ์ ละข้อเสนอแนะ เศรษฐกจิ เพอื่ เผยแพรส่ ู่เกษตรกรที่สนใจในการเพาะเล้ียงสตั วป์ ่า เพื่อการค้า อันเปน็ รากฐานในการ ดงั กล่าวมาเป็นแนวคดิ พืน้ ฐานในการจดั ทาแผนแมบ่ ทการอนรุ กั ษ์ทรพั ยากรสัตวป์ า่ พัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คมของประเทศอยา่ งยง่ั ยนื แห่งชาติขน้ึ เพอื่ ใหส้ ตั ว์ปา่ สามารถดารงเผา่ พันธุ์และอานวยประโยชน์ต่อประชานในชาติ อยา่ งย่งั ยนื ตลอดไป 3) นโยบายดา้ นการทอ่ งเทยี่ ว นนั ทนาการ และการศกึ ษา แผนแม่บทการอนุรกั ษท์ รัพยากรสัตวป์ ่า แหง่ ชาตนิ ี้ จะส่งเสริมและสนบั สนนุ การท่องเท่ยี วเชงิ นิเวศและนนั ทนาการในพน้ื ที่อุทยานแห่งชาตแิ ละสง่ เสริม การศกึ ษาเรียนรู้ในพ้ืนที่เขตรกั ษาพันธส์ุ ตั วป์ า่ และเขตหา้ มลา่ สัตวป์ ่าเพ่ือเปน็ แนวทางการพัฒนาจังหวัด ตามแผนบูรณาการกลมุ่ จงั หวดั ของกระทรวงมหาดไทย และ เพอ่ื เปดิ โอกาสให้มกี ารท่องเที่ยวในลกั ษณะ เพอื่ การศกึ ษาหาความรใู้ นพืน้ ท่ีซงึ่ นอกจากจะทาให้เกดิ ความหมนุ เวยี นเงินตราแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมให้ ไดร้ ับความรคู้ วามเข้าใจ ความตระหนกั และเกดิ จติ สานึกทด่ี ีเกย่ี วกับการอนุรักษท์ รพั ยากรธรรมชาติอกี ดว้ ย 2-22

2.4.2 การออกแบบและจดั ผงั หอ้ งปฏบิ ตั กิ าร โดยทัว่ ไปหอ้ งปฏบิ ตั ิการมกั แบง่ พื้นทีก่ ารใช้งานออกเปน็ 3 สว่ น คือ 1) พน้ื ทส่ี าหรับการปฏิบตั ิการ ทางวทิ ยาศาสตร(์ พ้นื ทท่ี าการทดลอง) 2) พื้นทส่ี าหรบั ปฏิบตั ิงานด้านเอกสารและ บริหาร (ธรุ การ โต๊ะ คอมพิวเตอร์บันทกึ ขอ้ มูล บรเิ วณจัดเก็บเอกสาร) 3) พ้ืนท่ีสนับสนนุ หอ้ งปฏบิ ัตกิ าร (ห้องเก็บวสั ดุอปุ กรณ์ หอ้ งเย็น หอ้ งน้ า ห้องลา้ ง) 2.4.3 การแบง่ พน้ื ทขี่ องหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร ท่ีมาภาพ http://www.kluaynamthai.com/department-center/department-Laboratory.php 2-23 1. เขตปลอดภยั (safety zone) เป็นพนื้ ท่ที สี่ ะอาดปลอดภัยสาหรบั ผ้ปู ฏิบัตงิ าน ไดแ้ ก่ ประตทู างเข้า- ออก หอ้ งพกั เจ้าหน้าที่ หอ้ งสานกั งาน ห้องเกบ็ อุปกรณ์ เป็นตน้ เขตนี้ตอ้ งมีการเขา้ -ออกท่สี ะดวก ไม่มีสง่ิ กีด ขวาง ไมว่ างเคร่อื งมอื หรอื อปุ กรณ์ทเ่ี ป็นอันตราย 2. 2. เขตอันตรายน้อย (low-hazard zone) เป็นพน้ื ที่ปฏิบตั ิงานทีม่ ี ความเสี่ยงจากอนั ตรายในระดบั ทไี่ ม่ มากนกั โดยเขตน้คี วรอยู่ระหว่าง เขตปลอดภัยกบั เขตอนั ตรายมาก ลักษณะงานในเขตนี้ ไดแ้ ก่ การ ทดลองท่มี อี ันตรายนอ้ ย การเตรยี มตัวอย่าง การท างานกบั สารเคมที ี่ไม่ ระเหยงา่ ย เป็นพื้นที่ในการ จัดวางสารเคมีทอ่ี นั ตรายน้อยหรอื ปานกลาง และเปน็ พน้ื ท่ีสาหรับการชาระล้างเครอ่ื งแกว้ และ อปุ กรณก์ ารทดลอง 3. 3. เขตอนั ตรายมาก (high-hazard zone) ควรเปน็ พืน้ ที่ทีอ่ ยดู่ า้ นใน สดุ ของหอ้ งปฏิบัตกิ าร หา่ งจาก บริเวณประตเู ข้า-ออก เปน็ เขตทป่ี ูองกนั การผา่ นเข้าออกของผ้ทู ี่ไมเ่ ก่ียวขอ้ ง ลักษณะงานในเขตน้ี ไดแ้ ก่ การ ทดลองท่ีมอี นั ตรายมาก การท างานกับสารเคมีท่ไี วไฟและระเหยงา่ ย กา รท างานกับจุล ชพี ที่เป็นอนั ตรายตอ่ สขุ ภาพ เพราะฉะนั้นในเขตนตี้ อ้ งมี การทาสัญลกั ษณเ์ พอื่ ให้บคุ คลภายนอกได้รู้ วา่ เปน็ เขตจากัด ควรมี อุปกรณท์ ไ่ี ว้ใชป้ ูองกนั อันตรายขณะปฏิบตั ิงาน เช่น ตชู้ วี นริ ภัย ตดู้ ดู ควนั ตู้ เกบ็ สารเคมไี วไฟ เปน็ ต้น

ท่มี าภาพ http://www.kluaynamthai.com/department-center/department-Laboratory.php 2.4.4 ระบบปอ้ งกนั อนั ตรายในหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร 1. ระบบปอู งกนั อนั ตรายช้นั ที่ 1 เปน็ ระบบท่มี กี ารล้อมกรอบรอบอนั ตราย นั้นๆ ใหอ้ ยู่ในเขตเฉพาะ หรือ ภาชนะเฉพาะ เพือ่ ไม่ให้เกิดการเล็ดลอด ออกมา ลดการฟุูงกระจาย 2. 2. ระบบปูองกนั อนั ตรายชน้ั ท่ี 2 เปน็ ระบบปอู งกนั อนั ตรายแกผ่ ู้ปฏิบตั ิงาน โดยตรง เปน็ การแยก อันตรายออกจากผ้ปู ฏบิ ัตงิ าน มกี ารแยกพนื้ ที่ ปฏบิ ตั งิ านตามระดบั ความอันตราย ระบบนตี้ ้องอาศัย ความรว่ มมอื ของ หลายฝ่าย ไมว่ ่าจะเป็น ช่าง วศิ วกรออกแบบอาคาร ตัวอย่างระบบน้ี ได้แก่ การ ออกแบบฝาผนงั ทหี่ นาเป็นพิเศษในพืน้ ทที่ ี่ใช้สารไวไฟเพอ่ื ปอู งกัน อันตรายจากการระเบิด การสร้าง ฝาผนังหรือฉากก้ันชนิดพเิ ศษในพ้ืนที่ ที่ท างานเกีย่ วกบั สารกมั มนั ตภาพรงั สี การตดิ ตัง้ เครื่องมือ ปอู งกนั อนั ตรายต่างๆ อาทิ ตชู้ วี นริ ภัย ต้ดู ดู ควัน ถังดบั เพลงิ อ่างลา้ งมอื เปน็ ตน้ 3. 3. ระบบปอู งกันอันตรายชั้นท่ี 3 เปน็ ระบบปอู งกันอนั ตรายโดยรอบๆ หอ้ งปฏิบตั กิ าร เพ่อื ปอู งกนั ไม่ให้ เกดิ อนั ตรายแกบ่ ุคคลภายนอกและ ส่งิ แวดลอ้ ม โดยตอ้ งมีการบรหิ ารจัดการเพือ่ ปอู งกันการรว่ั ไหล ของอากาศ ทปี่ นเป้ือน ของเสียที่มกี ารปนเปอ้ื น จากหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารสู่ภายนอก เช่น การตดิ เคร่ือง กรองอากาศ การบ าบดั อปุ กรณท์ ใี่ ช้แล้วด้วยน้ ายาฆ่าเชอ้ื โรคหรือผา่ นการอบนง่ึ ฆ่าเชือ้ 2-24

2.4.5 การจดั พนื้ ทใี่ ชส้ อยภายในหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร ทม่ี าภาพ http://engineer.utcc.ac.th/?p=life&cat=laboratory สง่ิ หน่งึ ทตี่ ้องคำนึงที่สุดคอื การบริหารพนื้ ทท่ี ี่มีอยใู่ หเ้ กิดความปลอดภยั โดยมพี ้นื ท่ี พอเพยี งสำหรบั ปฏบิ ตั ิงาน ต้องคำนึงถึงการปฏบิ ตั งิ านในแตล่ ะขัน้ ตอน จำนวนเจ้าหน้าทท่ี ่ี ปฏบิ ตั ิงาน การกำหนดพนื้ ทใี่ น หอ้ งปฏิบตั กิ ารตอ้ งอาศัยปจั จยั หลายอย่าง เชน่ 1. ลกั ษณะและขอบข่ายงานท่ีปฏิบัติ ตอ้ งพจิ ารณาว่างานท่ีทำอยู่ในหอ้ งปฏิบัตกิ ารน้นั เป็นงานที่ เก่ียวข้องกับอะไรบ้าง เชน่ เป็นการทดลองเก่ยี วกบั พืช การทดลอง เกย่ี วกบั สตั ว์ การทดลอง เกยี่ วกับเชื้อจลุ ชพี การทดลองท่ตี ้องสมั ผสั กับสิง่ สง่ ตรวจ เปน็ ตน้ เพอื่ ท่ีจะไดจ้ ัดสรรและ ออกแบบพ้ืนทีใ่ หเ้ หมาะสมสำหรบั ปฏิบตั งิ าน 2. อุปกรณ์และเครอ่ื งมอื เครอื่ งมอื นับเปน็ ส่ิงท่ีสำคญั มากสำหรบั การปฏบิ ัตงิ านใน ห้องปฏิบัตกิ าร การจดั วางเครอื่ งมอื ให้เหมาะสมกบั พ้นื ท่ตี ้องคำนงึ ถึง ความจำเปน็ และความถีใ่ นการใช้งาน ขนาดของเครอื่ งมอื ความสะดวกในการขนยา้ ยหรือทำ ความสะอาด 3. จำนวนผ้ปู ฏบิ ัตงิ าน ควรจัดสรรพื้นทใี่ ห้เหมาะสมและพอเพียงตอ่ ผ้ปู ฏบิ ัติงาน โดย ตอ้ งแบง่ พ้นื ท่ี ของเจ้าหนา้ ทที่ ที่ ำการทดลองให้มากกวา่ พื้นท่ีของเจา้ หนา้ ทีท่ ที่ ำงาน ดา้ นธุรการและเอกสาร 2-25

ที่มาภาพ https://alfa-img.com/show/bsl-lab-construction.html 2.4.6 การจดั รปู แบบของหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร โดยทัว่ ไปแบง่ ออกเปน็ 2 รปู แบบ คอื modular laboratory design และ open laboratory de- sign เน่อื งจากท้ังสองมจี ุดเดน่ จุดด้อยแตกต่างกัน ดงั นน้ั ควรต้องพจิ ารณาให้เหมาะสมเหมาะกบั ห้องปฏิบัตกิ ารแต่ละที่ 1. Modular laboratory design มลี กั ษณะแบง่ เป็นห้องย่อยๆตามลกั ษณะและประเภทงาน โดยมีโถงทางเดินกลาง (central corridor) กั้นหอ้ งต่างๆออกเปน็ สองฝงั่ ฝาผนังกนั้ แต่ละ หอ้ ง อาจใช้ฝาผนังถาวรหรอื ชนดิ ถอดได้ ในแต่ละห้องมกี ารจดั รูปแบบทีส่ มบรู ณค์ อื มี บรเิ วณพนื้ ท่ี ปฏิบตั ิงาน ซ่ึงจัดในรปู แบบของ peninsular bench unit โดยโตะ๊ ปฏบิ ัติการ อย่ชู ิดดา้ นหนงึ่ และ ตงั้ ย่ืนมากลางหอ้ งเรียงเปน็ แถว ผปู้ ฏิบัติงานแต่ละคนมพี น้ื ทสี่ ่วนตัวของ ตวั เองไม่รบกวนการ ทำงานของผู้ปฏบิ ตั งิ านคนอน่ื ๆ จดุ เด่น: มกี ารแบง่ ขอบเขตการทำงานทช่ี ัดเจน ลดมลภาวะทางเสยี ง ควบคุมความปลอดภัย ไดง้ ่าย จุดดอ้ ย: ไม่สะดวกในการประสานงานหรอื การใชเ้ คร่ืองมือร่วมกัน ขยายพืน้ ทกี่ ารท างานได้ ลำบาก 2-26

2. Open laboratory design เป็นรูปแบบท่ีไม่มกี ารแบ่งเปน็ หอ้ งย่อยๆ สว่ นมากจะแบ่ง ออกเปน็ เขต ขนึ้ กับอนั ตรายและความเส่ียงในการปฏบิ ัตงิ าน อาจมี 2-3 เขต เชน่ เขต ปลอดภัย และ เขตปฏิบตั ิการวิเคราะห์ เป็นต้น การจดั ห้องปฏบิ ตั ิการใน รปู แบบน้ีจะทำใหร้ ู้สึกวา่ หอ้ งมี ขนาดใหญ่และมผี รู้ ว่ มงานค่อนขา้ งมาก จดุ เดน่ : ใชเ้ ครอื่ งมอื รว่ มกนั ไดส้ ะดวก การขยายปรบั ปรงุ พนื้ ทที่ ำได้ สะดวก จดุ ดอ้ ย: เกดิ มลภาวะทางเสยี ง ควบคมุ ความปลอดภยั การแพรก่ ระจาย ของสิง่ ปนเป้อื นทำได้ ยาก ทม่ี าภาพ http://e . o pa y. o /p odu ts/Resea h-La o ato y-E uip e t/8-Resea h-La o ato y- 2-2

2.5 กรณีศกึ ษาอาคารตัวอยา่ ง CASE STUDY 01 Elephant House / Foster + Partners ที่มา http://www.fosterandpartners.com/projects/elephant-house-copenhagen-zoo/ Appointment: 2002 Completion: 2008 Area: 3,500sqm Height: 13m Capacity: 200 Client: Foundation Realdania for Copenhagen Zoo Structural Engineer: Rambøll with Buro Happold Quantity Surveyor: Davis Langdon LLP and Seah M+E Engineer: Rambøll with Buro Happold Landscape Architect: Stig L Andersson Architects อาคารนม้ี ีมาตรฐานสัตว์วิทยาทใี่ หม่ ทัง้ ในด้านสุขภาพรา่ งกายของสตั วแ์ ละด้านจติ ใจ ทมี่ กี ารนาเทคโนโลยีท่ไี ด้คน้ คว้าวิจยั มาแลว้ นามาออกแบบเปน็ ตวั อาคารและบรเิ วณโดยรอบ เพอ่ื ใหไ้ ด้ พื้นท่ที ่ีมคี วามเป็นธรรมชาตทิ ส่ี ุด ใหส้ ัตว์ป่ามีความรู้สกึ ว่าได้อยใู่ นป่าจริงๆ 2-28

Elephant House / Foster + Partners 2-29 ที่มา http://www.fosterandpartners.com/projects/elephant- house-copenhagen-zoo/

CASE STUDY 02 RALPH PERKINS II WILDLIFE CENTER & WOODS GARDEN ท่ีมาภาพ https://www.cmnh.org/perkins ทีม่ าภาพ https://www.cmnh.org/perkins พิพิธภณั ฑป์ ระวัติศาสตรธ์ รรมชาตคิ ลีฟแลนด์เปน็ หน่ึงในอัญมณีทางวัฒนธรรมในคลฟี แลนด์ นวัตกรรมกลางแจง้ สองเอเคอร์แกลลอรจี่ ะเปน็ ประสบการณ์ของผูเ้ ขา้ ชมแบบไดนามกิ และ เปน็ บ้านที่อุดมไปดว้ ยการสะสมพพิ ิธภณั ฑข์ องสตั วพ์ น้ื เมืองโอไฮโอและพืช ผเู้ ข้าชมจะได้สมั ผสั กบั ประสบการณใ์ กลช้ ิดสตั ว์และสารวจระบบนิเวศนพ์ ชื หา้ ชนิดของรฐั โอไฮโอในชวี ิตพืชท่ี หลากหลาย สัตวพ์ นื้ เมืองท่จี ดั แสดงในศนู ยเ์ พอร์กินสจ์ ะมาจากศนู ย์ฟืน้ ฟูสมรรถภาพหรือศนู ยช์ ่วยเหลอื และสตั ว์ท่ไี มส่ ามารถอยู่รอดในปา่ ได้ 2-30

CASE STUDY 03 Chengdu Research Base of Giant Panda Breeding ศูนย์วจิ ยั เฉงิ ตูของ Giant Panda Dujiangyan ทม่ี าภาพ http://www.panda.org.cn/english/ ศูนย์วจิ ัยสนามสาหรับไจแอนทแ์ พนด้าซ่งึ เป็นศนู ย์การคืน แพนดา้ ยักษใ์ หญแ่ หง่ แรกของโลกได้เสร็จ ต้งั อยใู่ น Majiagou เมอื ง Yutang ซึง่ มพี ื้นที่ทง้ั หมด 2004 mu และมกี ารลงทนุ รวม 200 ลา้ นหยวนศนู ยน์ ้ีจะ เปน็ ทต่ี ั้งของหมแี พนด้ายักษ์จานวน 30 ถึง 40 ตัวหมี แพนดา้ สแี ดง 50 ถงึ 100 ตัวและสตั วป์ ่าชนดิ อ่นื ๆ การกอ่ สรา้ งเร่มิ ขน้ึ ในเดอื นพฤษภาคม 2553 และแบ่ง ออกเปน็ 3 ส่วน มีบรเิ วณทดลองพืน้ ทก่ี ารถอยกลับแบบ กงึ่ ป่าและบรเิ วณที่เดินทางกลบั คนื มา หลังจากเสร็จสน้ิ ศูนยน์ จ้ี ะใชเ้ พือ่ เตรียมการสาหรบั การคืนแพนดา้ คนื สปู่ ่า 2-31

อาคาร ทต่ี ั้ง พืน้ ท่ี แนวความคิด 3,500sqm De a k อาคารนีม้ ีมาตรฐานสัตว์วทิ ยาที่ใหม่ ท้งั ในดา้ น - สขุ ภาพร่างกายของสตั วแ์ ละดา้ นจิตใจ USA hi a 92 acres ทีม่ ีการนาเทคโนโลยีท่ีไดค้ ้นควา้ วิจยั มาแลว้ นามา ออกแบบเป็นตวั อาคารและบรเิ วณโดยรอบ เพอ่ื ใหไ้ ด้ พืน้ ท่ที ่มี ีความเป็นธรรมชาตทิ ส่ี ุด ใหส้ ัตวป์ ่ามี ความรู้สึกว่าได้อยู่ในป่าจริงๆ นวัตกรรมกลางแจง้ สองเอเคอรแ์ กลลอรจี่ ะเป็น ประสบการณข์ องผู้เขา้ ชมแบบไดนามิกและเปน็ บา้ นท่ี อุดมไปดว้ ยการสะสมพิพิธภัณฑข์ องสตั ว์พืน้ เมอื ง โอไฮโอและพชื ผเู้ ขา้ ชมจะได้สัมผสั กบั ประสบการณ์ ใกลช้ ิดสัตวแ์ ละสารวจระบบนเิ วศน์พชื หา้ ชนดิ ของ รฐั โอไฮโอในชวี ิตพืชทหี่ ลากหลาย สัตวพ์ ้ืนเมอื งที่จดั แสดงในศนู ยเ์ พอร์กนิ สจ์ ะมาจากศนู ยฟ์ ื้นฟู สมรรถภาพหรอื ศนู ยช์ ว่ ยเหลือและสตั วท์ ไี่ มส่ ามารถ อยูร่ อดในป่าได้ แบง่ ออกเปน็ 3 สว่ น มีบรเิ วณทดลองพื้นที่ การถอยกลับแบบก่ึงป่าและบริเวณท่เี ดินทางกลบั คืน มา หลงั จากเสรจ็ สน้ิ ศนู ยน์ ้จี ะใชเ้ พอื่ เตรยี มการ สาหรับการคืนแพนด้าคนื สปู่ ่า ตารางเปรยี บเทียบอาคารตัวอยา่ ง ทม่ี า อดศิ ยั แซ่คู 2560 2-32

ทม่ี าภาพ http://www.discoverwildlife.com/gallery/phu-khieo-wildlife-sanctuary-thailand-%E2%80%93-photo-gallery 2.6 กฎหมายทเ่ี กยี่ วขอ้ ง 2.6.1 กฎกระทรวงฉบบั ที่ 55 ออกตามความในพระราชบญั ญตั คิ วบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 2.6.1.1 ข้อ 1 “อาคารสาธารณะ” หมายความวา อาคารท ่ีใชเพ ่อื ประโยชนในการชมุ นมุ คนไดโดยทวั่ ไป เพ อื่ กิจกรรมทาง ราชการ การเมือง การศกึ ษา การศาสนา การสังคม การนันทนาการ หรือการพาณิชยกรรม เชน โรงมหรสพ หอประชมุ โรงแรม โรงพยาบาล สถานศึกษา หอสมดุ สนามกฬี ากลางแจง สนามกฬี าในรม ตลาด หางสรรพสินคา ศูนย การคา สถาน บรกิ าร ทาอากาศยาน อุโมงคสะพาน อาคารจอดรถ สถานรี ถ ทาจอดเรอื โปะจอดเรือ สสุ าน ฌาปนสถาน ศาสนสถาน เปนตน 2.6.1.2 พืน้ ที่ใชส้ อยภายในอาคาร ขอ 21 ชองทางเดนิ ในอาคาร อาคารอยูอาศยั รวม หอพักตามกฎหมายวาดวยหอพัก สานักงาน อาคารสาธารณะ อาคาร พาณชิ ยโรงงาน อาคารพเิ ศษ กวา้ ง 1.50 เมตร ขอ 22 หองหรือสวนของอาคารท ีใ่ ชในการทากจิ กรรมตาง ๆ หองขายสินคา หองประชุม หองคนไขรวม คลงั สนิ คา โรงครัว ตลาด และอ่นื ๆ ทค่ี ลายกัน 3.50 เมตร 2-33

2.6.1.3 บันไดของอาคาร ขอ้ 24 บนั ไดของอาคารอยู่อาศัยรวม หอพกั ตามกฎหมายว่าดว้ ยหอพัก สานกั งาน อาคารสาธารณะ อาคารพาณิชย์ โรงงาน และอาคารพิเศษ สาหรบั ทใี่ ชก้ บั ชั้น ที่มพี ืน้ ท่ีอาคารช้นั เหนือข้นึ ไป รวมกนั ไม่เกิน 300 ตารางเมตร ตอ้ งมคี วามกวา้ งสทุ ธไิ มน่ ้อยกวา่ 1.20เมตร แตส่ า หรับบันไดของอาคารดังกล่าวท่ใี ช้กบั ชน้ั ท่มี พี ื้นทอ่ี าคาร ชน้ั เหนอื ขึน้ ไปรวมกนั เกนิ 300 ตารางเมตร ตอ้ งมคี วามกวา้ งสุทธิไม่นอ้ ยกวา่ 1.50 เมตร ถา้ ความกว้างสทุ ธิของบนั ไดนอ้ ยกว่า 1.50 เมตร ต้องมบี นั ไดอยา่ งน้อยสอง บันไดและแต่ละบันไดต้องมีความกว้างสุทธไิ ม่นอ้ ยกวา่ 1.20 เมตร 2.6.1.4 บันไดหนีไฟ ขอ้ 2 อาคารที่สงู ตั้งแตส่ ี่ชัน้ ข้ึนไปและสงู ไม่เกิน 23 เมตร หรืออาคารท่สี งู สามชนั้ และมีดาดฟา้ เหนือชน้ั ทสี่ ามทม่ี ีพืน้ ท่ีเกนิ 16ตารางเมตร นอกจากมีบันไดของ อาคารตามปกติแล้ว ต้องมบี นั ไดหนไี ฟท่ีทาด้วยวัสดทุ นไฟอย่างน้อยหนึ่งแหง่ และตอ้ งมีทางเดนิ ไปยงั บนั ไดหนีไฟนัน้ ไดโ้ ดยไมม่ สี ง่ิ กดี ขวาง ข้อ 31 ประตหู นไี ฟต้องทาดว้ ยวัสดุทนไฟ มีความกว้างสุทธิไม่น้อยกวา่ 80 เซนตเิ มตร สงู ไม่นอ้ ยกวา่ 1.90 เมตร และตอ้ งทาเปน็ บานเปดิ ชนิดผลกั ออกสูภ่ ายนอก เท่านั้น กบั ต้องตดิ อุปกรณช์ นิดท่ีบังคบั ใหบ้ านประตูปิดไดเ้ อง และตอ้ งสามารถเปดิ ออกได้โดยสะดวกตลอดเวลา ประตหู รอื ทางออกส่บู ันไดหนีไฟต้องไมธ่ รณีหรอื ขอบกั้น ข้อ 32 พืน้ หนา้ บันไดหนไี ฟต้องกวา้ งไม่น้อยกวา่ ความกว้างของบันไดและอีกด้านหนึ่งกวา้ งไมน่ ้อยกวา่ 1.50 เมตร ทีม่ าภาพ http://www.win888.co.th 2-34