Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ดนตรีของกลุ่มชาติพันธุ์ลีซู

ดนตรีของกลุ่มชาติพันธุ์ลีซู

Description: ดนตรีของกลุ่มชาติพันธุ์ลีซู

Search

Read the Text Version

๘๖ ภาพท่ี ๔.๖ นกั ดนตรีเป่านาเสยี งเพลงเข้าบา้ นก่อนทาพธิ ีไหวบ้ รรพบรุ ษุ ทมี่ า: องอาจ อนิ ทนิเวศ ๘) มคี ณุ คา่ ทางสงั คมในดา้ นความมอี ัตลกั ษณ์ของกลุ่มชาติพันธ์ุ การแสดงดนตรขี องกลุม่ ชาตพิ ันธล์ุ ีซู มคี วามเป็นเอกลกั ษณ์ของตนเอง เมื่อได้ยิน หรือ ได้เห็น กจ็ ะทราบไดว้ า่ เป็นดนตรขี องกลุ่มชาติพันธ์ุ ท้ังในด้านเสียง จังหวะ ทานอง และโดยเฉพาะการเต้นรา ดังที่ บุญช่วย ศรีสวัสดิ์ (๒๕๕๑: ๔๒๖) ได้กล่าวว่า “... การเต้นราของชาวแข่รีซอหนักไปทางโยกตัว ส่ายศีรษะเอาเท้าก้าวตบบนพื้นดินแรงๆ ให้ได้ยินเสียงดังสนั่น คล้ายๆกระโดดไปกระโดดมา ก้าว กระทืบพนื้ ดนิ ไปทางซ้าย เอียงตัวไปทางน้ันแลว้ กา้ วกระทืบไปขา้ งขวาโยกตัวตามไปด้วย กระโดดถอย หลังใหเ้ ข้าจงั หวะเท้า และเอนตัวอ่อนไหวไปตามเสยี งดนตรี ...” และ “... บทเพลงที่ใช้เต้นรามีกว่า ๑๐ บท การเต้นราวางเท้าไม่เหมือนกัน บางเพลงทานองเนิบ นาบช้าๆ การก้าวเท้าจึงเนิบนาบช้าตามไปด้วย บางเพลงจังหวะกระชั้นเร็ว บางเพลงปานกลาง การ เต้นรากค็ ล้อยตามเพลง บางเพลงคู่เต้นราหลอกล้อคนข้างหน้าอย่างราวง บางเพลงต้องราคู่ผู้หญิงกับ ผชู้ ายจับมอื กันแต่ไม่มกี ารชายตา...” ๙) มคี ณุ คา่ ทางในเชงิ วรรณกรรม ถงึ แม้ชาวลีซูจะมีแต่ภาษาพูด ไม่มีภาษาเขียน ท้ังน้ีหากมีการศึกษาถึงเพลงร้องของชาวลีซูใน เชิงลึก จะพบว่า เป็นการกล่าวขานเรื่องราวของคน ตั้งแต่เกิดถึงตาย และจนไปถึงสวรรค์ รวมถึง เรื่องราวการใช้ชีวิต คติสอนใจหนุ่มสาว สิ่งต่างๆ เหล่าน้ีถ่ายทอดออกมาในรูปแบบของเพลงร้อง ท่ีผู้ ร้องไมม่ กี ารจดบนั ทกึ ไว้ แต่จะใช้วิธีการร้องออกมาสดๆ คิดเนื้อเร่ืองสดๆ จากจิตใจ ร้องโต้ตอบกันไป

๘๗ มา จากคาบอกเลา่ ของชาวบ้านลีซู กล่าวว่า ในอดีตการร้องเพลงโต้ตอบของหนุ่มสาว จะมีผู้ใหญ่เป็น คนสอน สอนโดยการรอ้ งเน้ือความตามคาบอก ร้องกันจรงิ จังมาก นานถึง ๗ วัน ๗ คืน เปลี่ยนกันร้อง ไปเรอื่ ยๆ เนื้อเรื่องก็ออกมาในเชิงเก้ียวพาราสีบ้าง อบรมส่ังสอนบ้าง และอื่นๆ ตามจินตนาการของผู้ รอ้ ง ๑๐) สามารถเช่ืองโยงความรู้เพ่อื พัฒนาดา้ นเศรษฐกจิ การท่องเทีย่ วเชิงวฒั นธรรมในชุมชน การส่งเสริมและพัฒนาให้ชุมชนทาเป็นแหล่งผลิตเครื่องดนตรี ของที่ระลึก จัดกิจกรรมที่ เก่ียวข้องกับประเพณีลีซู มีการแสดงทางวัฒนธรรม จัดสถานท่ีในชุมชนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทาง สุขภาพได้ เช่น การเดินเก็บใบชาบนยอดเขา การทาอาหารชาติพันธ์ุ การทาส่ิงทอ ล้วนแล้วแต่ สามารถเช่ือมโยงความน่าสนใจ และดึงดูดผู้คนให้เข้ามาท่องเท่ียว จึงทาให้เกิดรายได้ในชุมชน จักได้ ลดปญั หาการออกไปทางานนอกหมบู่ า้ นได้ ภาพท่ี ๔.๗ อาหารทน่ี ิยมเล้ียงในวันขน้ึ ปใี หม่ ทีม่ า: องอาจ อินทนิเวศ ๔.๒ แนวทางการส่งเสริมให้ดนตรีของกลุ่มชาติพันธ์ุลีซูในจังหวัดเชียงรายเป็นมรดกภูมิปัญญา ทางวัฒนธรรมของชาติ จากการจัดการเสวนาร่วมกันท้ังในระดับกลุ่มย่อย และกลุ่มใหญ่ สามารถสรุปเป็นประเด็น แนวทางการสง่ เสรมิ ดนตรขี องกลุ่มชาตพิ นั ธุ์ลซี ูเปน็ มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติอย่างยั่งยืน ไดด้ ังน้ี ๑) การจัดต้ังแหล่งเรียนรู้วัฒนธรรมลีซู ในแต่ละชุมชน ควรมีการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้วัฒนธรรมชุมชนลีซู ในแต่ละหมู่บ้าน มีข้อมูลท้ังบทเพลง ศิลปวัฒนธรรม ประเพณีและเร่ืองราว ข่าวสารต่างๆ ท่ีเกี่ยวข้องกับลีซู ให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ท่ีเป็น แหล่งรวมองค์ความรูท้ ั้งหมดของลีซูไว้ และมกี ารตงั้ คณะผู้ดแู ล สลบั หมนุ เวียนกนั เป็นวาระ

๘๘ ภาพท่ี ๔.๘ ศูนยก์ ารเรยี นรู้ชุมชนไทยภูเขา บา้ นแมม่ อญ ต.ห้วยชมพู จ.เชยี งราย ทด่ี าเนนิ การแล้ว ทมี่ า: องอาจ อนิ ทนิเวศ ๒) จัดทาแบบเรยี นวชิ าดนตรีของกลมุ่ ชาติพนั ธ์ุลซี ู ควรมกี ารจดั ทาแบบเรียนวิชาดนตรีของกลุ่มชาติพันธุ์ลีซู อย่างเป็นข้ันตอน มีแผนการสอนท่ี เป็นระบบ มีโน้ตเพลงในระบบสากล หรือโน้ตอย่างง่าย มีการแปลความหมายของบทเพลงให้เป็นที่ เขา้ ใจอย่างชดั เจน มีเนอื้ หาเร่ืองการผลิตเคร่ืองดนตรีเพ่ือส่งเสริมการประกอบอาชีพในอนาคต และมี เคร่ืองดนตรีไว้ให้ฝึกซ้อมอย่างเพียงพอ ท้ังน้ีควรมีการบรรจุเป็นรายวิชาหนึ่งในโรงเรียนที่มีกลุ่มชาติ พันธ์ุลีซูเรียนอยูเ่ ปน็ จานวนมาก หรือจดั เปน็ หลักสูตรระยะสน้ั ๓) จัดทาหลักสตู รอบรมผู้ประกอบพิธีกรรมทางความเช่อื ของลีซู ควรมีการเชิญปราชญ์ชุมชนลีซูที่มีความรู้ ความสามารถและเข้าใจในรูปแบบพิธีกรรม มา สอนให้กับผู้สนใจหรือเยาวชนในหมู่บ้าน ท้ังน้ีอาจมีการสลับหมุนเวียนกันในแต่ละหมู่บ้าน โดยให้แต่ ละหมู่บ้านพิจารณาศักยภาพของคนในชุมชนว่ามีความเช่ียวชาญในด้านใด จากน้ันให้จัดตั้งเป็นกลุ่ม หรือคณะวิทยากรเดนิ สายจัดการอบรมไปแตล่ ะหมบู่ ้าน ๔) มีโครงการด้านการฝึกฝนการปฏิบตั ดิ นตรลี ซี ู อยา่ งต่อเนอื่ ง ควรมีการดาเนินงานเกี่ยวกับการจัดช่วงเวลาฝึกซ้อมดนตรีในช่วงเย็น หรือเสาร์-อาทิตย์ อย่างเป็นรูปธรรม และมีการประกวดการบรรเลงบทเพลง หรือกิจกรรมที่ส่งเสริมการบรรเลงดนตรี อย่างตอ่ เน่ือง จะทาใหเ้ ยาวชนเกิดความสนใจและตื่นตัวในการฝกึ ซอ้ ม

๘๙ ๕) มกี ารบันทกึ บทเพลงท่ีบรรเลง ควรมีการบนั ทึกบทเพลงของลีซูไว้ และมกี ารถอดเสียงดนตรีออกมาเปน็ โนต้ สากลเกบ็ ไวเ้ ป็น มรดกทางภูมิปัญญาของชาติ ภาพท่ี ๔.๙ บรรยากาศการบันทกึ ภาพ เสียง และท่าทางการเตน้ รา ทีม่ า: องอาจ อินทนิเวศ ๖) มีการเผยแพรค่ วามรูด้ า้ นดนตรสี ู่สังคมอย่างกวา้ งขวาง ควรมีการเผยแพร่บทเพลงของลีซอู อกไปอย่างกว้างขวาง โดยการให้มีการเปิดตามสถานีวิทยุ หรือในงานวัฒนธรรมต่างๆ อาจใช้บทเพลงของลีซูเป็นเพลงประกอบบ้าง และให้ส่งเสริมการแสดง ดนตรีอยา่ งต่อเน่ือง และมีการจดั ทาเป็นซดี ีจาหน่าย

๙๐ บทที่ ๕ พกิ ดั ทางภูมศิ าสตร์ ขอ้ มูลทั่วไปของจงั หวัดเชยี งราย จังหวัดเชียงราย ต้ังอยู่ทางภาคเหนือของประเทศไทย มีระยะทางห่างจากกรุงเทพมหานคร ประมาณ ๗๘๕ กิโลเมตร มีเนื้อท่ีประมาณ ๑๑,๖๗๘,๓๖๙ ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ ๗,๒๙๘๙๘๑ ไร่ มอี าณาเขตตดิ ต่อกบั จังหวดั ใกล้เคยี ง ดังน้ี ทศิ เหนือ ตดิ ตอ่ กบั ประเทศสหภาพเมียรม์ ่า และประเทศสาธารณรัฐ ประชาธปิ ไตยประชาชนลาว ทศิ ใต้ ตดิ ตอ่ กบั จงั หวัดพะเยา และจังหวัดลาปาง ทิศตะวนั ออก ติดตอ่ กับ ประเทศสาธารณรฐั ประชาธปิ ไตยประชาชนลาว และ จังหวดั พะเยา ทศิ ตะวนั ตก ตดิ ตอ่ กับ ประเทศสหภาพเมยี ร์ม่า และจังหวัดเชียงใหม่ การแบง่ เขตการปกครอง จงั หวัดเชียงรายแบง่ เขตการปกครองออกเป็นอาเภอ รวมท้ังส้ิน ๑๘ อาเภอ ไดแ้ ก่ ช่ืออาเภอ ระยะห่างจากตัวเมือง (กม.) เมืองเชียงราย - อ.เวยี งชยั ๑๒ อ.แม่ลาว ๑๙ อ.แมจ่ ัน ๒๘ อ.ดอยหลวง ๔๐ อ.เวยี งเชยี งรงุ้ ๔๕ อ.พาน ๔๗ อ.พญาเมง็ ราย ๔๘ อ.ปา่ แดด ๕๒ อ.เชียงแสน ๖๐

ช่ืออาเภอ ๙๑ อ.แมส่ รวย อ.แมส่ าย ระยะห่างจากตวั เมือง (กม.) อ.ขนุ ตาล ๖๒ อ.เทิง ๖๓ อ.แม่ฟ้าหลวง ๖๓ อ.เวียงป่าเปา้ ๖๔ อ.เชียงของ ๖๕ อ.เวยี งแกน่ ๙๑ ๑๔๕ ๑๕๐ ภาพท่ี ๕.๑ แผนท่จี งั หวดั เชียงราย ทมี่ า: สานักงานจงั หวัดเชยี งราย

๙๒ ประวัตบิ ้านห้วยสา้ นลซี ู หมู่ ๑ ตาบลหว้ ยชมภู อาเภอเมือง จงั หวัดเชยี งราย บ้านห้วยส้าน ตัง้ อยหู่ มู่ท่ี ๑ ตาบลหว้ ยชมภู แรกเริ่มก่อนต้ังหมู่บ้าน ได้มีผู้นาชาวบ้าน หรือที่ ชาวบ้านเรียกว่า “ปู่ก้าง” ซึ่งแปลว่า ผู้นาธรรมชาติ ได้นาพาชาวบ้านอพยพย้ายจากเมืองตาลู้ ประเทศจีน มาตั้งถ่ินฐานท่ีต้นน้าส้าน ติดกับดอยช้าง มีประชากร ๒๐๐ คน รวม ๓๕ หลังคาเรือน สภาพพ้ืนที่อยู่สูงกว่าระดับน้าทะเล ประมาณ ๑,๐๘๗ เมตร ชาวบ้านประกอบอาชีพทาไร่ ทาสวน ปลกู ผัก นับถอื ผี สว่ นการปกครอง ปกครองกนั เองโดยตงั้ กฎกติกาของชาวบ้านเองโดยมีนายปู่ก้าง ตา หม่เี ป็นผู้นา ปัจจุบันมีนายปรีชา กนกนาฏกุล เป็นกานัน และเป็นผู้ใหญ่บ้าน มีจานวนครัวเรือนทั้งส้ิน ๑๔๒ ครัวเรือน รวมประชากรทั้งหมด ๖๙๕ คน แยกเป็นชาย ๓๒๔ คน และหญิง ๓๗๑ คน ภาษา พูดท่ใี ช้ติดต่อสอ่ื สารกนั คอื ภาษาลซี ู อาขา่ และภาษาไทย ประชากรนับถือศาสนาพุทธ คริสต์ และมี ความเชือ่ ผบี รรพบุรษุ วัฒนธรรมประเพณีทีส่ าคัญของหมู่บ้าน คือ ประเพณีปีใหม่ประจาเผ่าลีซู อาข่า การประกอบอาชีพราษฎรส่วนใหญ่ ทาไร่ ทาสวน มรี ายได้เฉลี่ยต่อปี ประมาณ ๑๗,๐๐๐ – ๒๓,๐๐๐ บาท/คน/ปี หมบู่ า้ นบา้ นหว้ ยส้านลซี ู หมู่ ๑ มีอาณาเขต ดังน้ี ทิศเหนือ ตดิ ต่อกับ บา้ นแมม่ อญ ตาบลหว้ ยชมภู อาเภอเมอื ง ทิศใต้ ตดิ ต่อกบั บ้านหว้ ยส้านยาว ตาบลโปง่ แพร่ อาเภอแมล่ าว ทศิ ตะวันออก ติดต่อกบั บา้ นหว้ ยสา้ นอาข่า ตาบลโปง่ แพร่ อาเภอแม่ลาว ทศิ ตะวนั ตก ติดตอ่ กบั บ้านดอยช้าง ตาบลวาวี อาเภอแม่สรวย บ้านห้วยส้าน ตั้งอยู่ห่างจากที่ว่าการอาเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ประมาณ ๓๒ กิโลเมตร เส้นทางติดตอ่ เป็นถนนลาดยาง ๒๙ กโิ ลเมตร ถนนดนิ ๓ กิโลเมตร ลักษณะพืน้ ทีเ่ ป็นภูเขาสูงชัน ภาพที่ ๕.๒ ปา้ ยทที่ าการผูใ้ หญ่บา้ น บรเิ วณหนา้ ทางเข้าหมู่บา้ น ทม่ี า: องอาจ อนิ ทนิเวศ

๙๓ ประวตั บิ า้ นเวยี งกลางลีซู หมูท่ ่ี ๒๑ ตาบลแมข่ ้าวต้ม อาเภอเมือง จังหวดั เชยี งราย บ้านเวียงกลาง มีระยะทางห่างจากตัวเมืองเชียงรายขึ้นไปทางทิศเหนือ ประมาณ ๔๐ กิโลเมตร ในเส้นทางมีสถานท่ีท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม คือ วัดถ้าผาตอง แรกเร่ิมน้ันบ้านเวียงกลางได้ เริ่มก่อต้ังครั้งแรกเม่ือปี พ.ศ.๒๔๖๘ ซ่ึงสมัยน้ันได้มีชาวบ้าน เข้ามาอาศัยทาไร่ชา (เมี้ยง) ข้าวไร่ ข้าวโพด และล่าสัตว์ ได้มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งเป็นชาวบ้านแรกเร่ิม ประมาณ ๑๐ ครอบครัวได้ชักชวน กนั สร้างกระท่อม หรอื ทค่ี นเมืองเรียกว่า “ปาง” การสัญจรไปมาต้องเดินทางโดยใช้เกวียน หลังจากมี ผูค้ นย้ายเข้ามาต้ังรากฐานมจี านวนมากขนึ้ จึงได้ต้ังช่ือหมู่บ้านว่า “บ้านปางป่าเม้ียง” โดยเรียกชื่อตาม กลุ่มชาวบ้านในยุคแรกท่ีย้ายเข้ามาทาอาชีพสวนชา (เม้ียง) ซ่ึงเป็นอาชีพหลักในยุคน้ัน ซ่ึงในสมัยน้ัน พ้ืนท่ีมีความอุดมสมบูรณ์มาก ต่อมาเมื่อมีชาวบ้านย้ายเข้ามาต้ังถ่ินฐานทากินมากข้ึน จึงได้ต้ังตนเอง เป็นหม่บู ้านแต่ข้ึนการปกครองกับหมู่ ๗ บ้านโล๊ะป่าห้า มีนายอ้าย สมุดความ เป็นผู้ใหญ่บ้าน และได้ แต่งต้ังนายจันทร์ ก๋าใจคา ซึ่งเป็นกลุ่มชาวบ้านทอี่ าศัยแรกเรม่ิ ดารงตาแหน่งเป็นผชู้ ่วย เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๐ ชาวบ้านได้เจอแหล่งที่อยู่อาศัย และโบราณสถานหลายแห่งด้วยกันใน บริเวณพื้นท่ีของหมู่บ้าน สันนิฐานว่ามีอายุอยู่ในช่วงพ่อขุนเม็งรายสร้างเมืองเชียงราย ชาวบ้านจึงได้ ต้งั ชือ่ หมู่บา้ นว่า “เวียง” แปลว่าเมือง บวกกับสภาพท่ตี ้ังของหมูบ่ า้ นท่ีตัง้ อยู่บนเขาลูกกลางจึงได้ตั้งชื่อ ว่า “บ้านเวียงกลาง” เปน็ ตน้ มา ต่อมาเม่ือปี พ.ศ.๒๕๑๔ ได้แยกออกมาเป็นหมู่ท่ี ๑๑ และได้รวบเอาบ้านท่าก่อซ้อ ขึ้นการ ปกครองร่วมกัน มีนายสนอง มณีรัตน์ เป็นผู้ใหญ่บ้าน จนกระท่ังถึงปี พ.ศ.๒๕๑๘ ได้ลาออก ต่อมามี นายอนุ่ เรอื น พลิ ยั หล้า ได้รับเลือกให้ดารงตาแหนง่ และในปนี ้เี องทมี่ ีชาวเขาเผ่าลีซูได้ย้ายเข้ามาอาศัย เพ่ิมอีกประมาณ ๒๐ ครอบครัว โดยมีพ่อเฒ่าฉายโป๊ะ เดิมเป็นคนหัวแม่คา อาเภอแม่ฟ้าหลวง ได้มา เทย่ี วหาญาติ และได้มาเห็นทาเลทตี่ งั้ ของหมู่บ้านเวียงกลางเหมาะแก่การตั้งถิ่นฐาน ก็ได้พาครอบครัว อพยพมาอยใู่ นหมบู่ า้ นเวยี งกลาง ต้ังแตป่ ี พ.ศ.๒๕๑๘ จนถงึ ทกุ วันนี้ หมู่บ้านเวียงกลางได้แยกตัวตั้งเป็นหมู่บ้านใหม่เป็นหมู่ท่ี ๒๑ ตาบลแม่ข้าวต้ม เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๔ โดยมีนายคารน วังมูล เป็นผู้ใหญ่บ้าน สภาพพื้นที่ของหมู่บ้านแบ่งพ้ืนที่อาศัยเป็นสองกลุ่มคือ กลุ่มชนพ้ืนเมือง และห่างขึ้นไปอีกประมาณ ๑ กิโลเมตรเป็นที่ตั้งของกลุ่มชาวลีซูซึ่งต้ังอยู่บนภูเขาสูง สลับเรียงเป็นลอ้ มที่ราบลมุ่ ท่ีใช้เป็นท่ที านา และทาสวน ข้อมูลจากแผนสารวจชุมชนปี พ.ศ.๒๕๕๓ ของบ้านเวียงกลาง หมู่ที่ ๒๑ มีจานวนครัวเรือน ทัง้ ส้ิน ๑๔๐ ครวั เรือน มหี ลงั คาเรอื น ทั้งสิ้น ๑๑๔ หลังคาเรือน มีประชากรทั้งสิ้น ๕๓๑ คน แบ่งเป็น ชาย ๒๕๘ คนและหญงิ ๒๗๕ คน อาชพี หลักของชมุ ชน ได้แก่ ทานา ทาสวน ทาไร่ และรบั จา้ งทวั่ ไป การปกครองในปัจจุบันมี นายชัยวัฒน์ แซ่ย่าง ดารงตาแหน่งปกครองเป็น ผู้ใหญ่บ้าน และมี คณะกรรมการหมูบ่ ้านแบ่งฝ่ายสายงานการบริหารอยา่ งถกู ต้องตามแนวทางปฏิบัติขององค์การบริหาร

๙๔ ส่วนตาบล โดยมีหัวใจหลักของการปฏิบัติและการอาศัยอยู่ร่วมกัน คือ ว่าด้วยระเบียบและข้อบังคับ ของชมุ ชน และขอ้ ปฏบิ ตั ิของชมุ ชน เพอ่ื ใหห้ มู่บ้านมคี วามร่มเย็นเปน็ สขุ ภาพท่ี ๕.๓ ปา้ ยทางเขา้ หมู่บ้านเวียงกลาง ทม่ี า: องอาจ อนิ ทนิเวศ ประวตั ิบา้ นเฮโก หมู่ที่ ๑๙ ตาบลปา่ ตงึ อาเภอแมจ่ นั จังหวัดเชียงราย บ้านเฮโก เป็นหมู่บ้านบริวารของหมู่บ้านสันติสุข มีหมู่บ้านบริวารรวมกัน คือ บ้านกิ่วสะไต บ้านรวมใจ บ้านแสนใหม่ บ้านจะกอนะ และบ้านหล่อโย มีจานวนประชากรท้ังส้ินประมาณ ๓,๒๗๒ คน แยกตามครัวเรือนได้ ๘๓๓ ครัวเรือน ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทาไร่ ลักษณะพื้นท่ีของหมู่บ้านต้ังอยู่ในหุบเขา ถนนทางลงมีความลาดชัน ปัจจุบันประชากรในบ้านเฮโก นิยมทาเกษตรทฤษฎีใหม่ และเร่ิมมีการปลูกกาแฟ เลี้ยงปลา ปลูกข้าวโพด มีนายอาเล้ผ่า งัวยา เป็น ผนู้ าชุมชน และมนี ายชยั วัฒน์ ชวี ินมหาชยั เป็นผใู้ หญบ่ ้าน ภาพท่ี ๕.๔ ภายในหม่บู ้านเฮโก ท่ีมา: องอาจ อนิ ทนิเวศ

๙๕ ประวตั ิบ้านหวั แม่คา ตาบลแมส่ ลองใน อาเภอแมฟ่ า้ หลวง จงั หวัดเชียงราย จากเชยี งรายใช้เส้นทางเดียวกบั ทางขึ้นดอยแม่สลอง แต่เม่อื เดินทางถึงบ้านอีก้อสามแยกแล้ว แยกเขา้ เส้นทางทีไ่ ปบ้านเทอดไทย จากน้ันจะพบทางแยกอีกครั้ง ให้เลีย้ วซ้ายเขา้ บา้ นห้วยอ้ิน ระหว่าง ทางจะผา่ นหม่บู า้ นชาวเขาซึ่งตง้ั อยู่เป็นระยะ บ้านหัวแม่คาอยู่เกือบสุดชายแดนพม่า เส้นทางเป็นทาง ลูกรัง คดโค้งไปมาตามทิวเขา ใช้เวลาเดินทางราว ๓-๔ ช่ัวโมง ดอยหัวแม่คาเป็นที่ต้ังหมู่บ้านชาวเขา ขนาดใหญ่ประกอบด้วยเผ่าลีซอ อีก้อ ม้ง และมูเซอ ในช่วงเวลาซ่ึงตรงกับวันตรุษจีนของทุกปี ชาว ลีซอจะจัดงานประเพณีกินวอ ในวันนั้นชาวลีซอจะแต่งกายสวยงาม มีการกินเลี้ยง เต้นระบา รื่นเริง เป็นเวลา ๗ วัน ๗ คืน และในเดือนพฤศจิกายนจะเป็นช่วงที่ดอยหัวแม่คางดงามไปด้วยดอกบัวตองสี เหลอื งสดใสบานสะพรงั่ อยทู่ ัว่ ไปตามแนวเขา ภาพท่ี ๕.๕ ลกั ษณะการตั้งบา้ นเรอื นในหมูบ่ า้ นหวั แมค่ า ท่มี า: องอาจ อินทนิเวศ ภาพที่ ๕.๖ เด็กๆ ในหมู่บ้านหลงั เลกิ เรยี น ทีม่ า: องอาจ อินทนิเวศ

๙๖ ประวัติบา้ นดอยช้าง หมู่ ๓ ตาบลวาวี อาเภอแม่สรวย จงั หวัดเชียงราย บา้ นดอยช้าง ตัง้ อยูใ่ นบรเิ วณยอดดอยสูงในเทอื ก ดอยวาวี เปน็ แหลง่ ตน้ น้าแม่กรณ์ มีชาวเขา เผา่ ต่างๆ มาอาศัยอยู่ จดั ต้ังเป็นสถานีทดลองเกษตรท่ีสูง เพ่ือส่งเสริม การปลูกพันธุ์ไม้เมืองหนาว ลด การทาไร่เล่ือนลอย ต่อมาเปลี่ยนรูปแบบการทางานเป็นศูนย์บริการวิชาการด้าน พืชและปัจจัยการ ผลติ ชื่อ \"บ้านดอยช้าง\" ตง้ั ขน้ึ ตามลักษณะของภูเขาท่ีมีรูปร่างเหมือนช้างแม่ลูกสองเชือก หันหน้าไป ทาง ทิศเหนอื (ตวั จงั หวัดเชยี งราย) สามารถมองเห็นได้ชัดเจนท่ีบริเวณโรงเรียนบ้านดอยช้าง มี ผาหัว ช้าง สูง ๑,๘๐๐ เมตร จากระดับน้าทะเล เป็นสถานที่ชมทิวทัศน์ท่ีสวยงาม อากาศเย็นสบายตลอดปี อุณหภูมิเฉลี่ย ๑๘ องศาเซลเซียส ดอยช้างมีช่ือเสียงในเรื่องของเป็นแหล่งปลูกกาแฟท่ีใหญ่ท่ีสุดแห่ง หนึ่งในประเทศไทย มีสวนกาแฟที่สุกอร่ามเต็มดอย นอกจากน้ีสองข้างทางของดอยช้างมีดอกซากุระ หรือนางพญาเสือโคร่งท่ีกาลังบาน สีสันสดใส ชมพู ในฤดูหนาวช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ มี แปลงปลูกดอกไมแ้ ละผลไมเ้ มอื งหนาว เช่า เกาลัด มะคาเดเมียนัต บ๊วย ทอ้ พลับ พลัม กาแฟ บริเวณ ดอยช้างมีอากาศดี และเยน็ สบายเหมาะ สาหรับ การพกั ผอ่ น ในชว่ งเดือนธันวาคม- ต้นเดือนมกราคม ดอกพญาเสือโคร่งจะบานเป็นสีชมพูทั่วภูเขางดงามย่ิง การชิมกาแฟอาราบิกา เนื่องจากพื้นท่ีดอยช้าง อยู่ที่ระดับความสูงเกิน ๑,๐๐๐ เมตร เหมาะสาหรับปลูกกาแฟอาราบิกา จึงได้ผลผลิตดี ทางศูนย์ ติดตัง้ เคร่อื งค่ัวบดกาแฟ เพ่ือแปรรูปวัตถดุ ิบ บรเิ วณดอยชา้ งแห่งนี้ มอี กี หนึ่งสถานที่ที่สาคัญ ของเหล่า ชาวพุทธศาสนิกชน คือ บริเวณพุทธอุทยานดอยช้าง ซ่ึงมีหลวงพ่ออานาจ สีลคุโณ ได้มาปฏิบัติธรรม จาพรรษาอยู่ที่น่ีต้ังแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๒ เป็นผู้ดูแลรักษาพุทธอุทยาน ดอยช้าง ซ่ึงยังคงสภาพความเป็น ธรรมชาติของป่าไม้ไว้ได้อย่างสมบูรณ์มาก มีบึงน้า ขนาดใหญ่หรือที่เรียกว่าสระมรกตอยู่กลางพุทธ อุทยาน สีเขียวของน้าบ่งบอกได้ถึงความอุดมสมบูรณ์ บริเวณ รอบๆ รายล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย ตลอดเส้นทางทเี่ ดินไปกจ็ ะมเี สยี งกบ เสียงจิง้ หรดี รอ้ งทกั ทาย อยตู่ ลอด เวลา ทางเดินเล็กๆ จากบ่อน้า จะนาพาเราไปสู่ลานพุทธสถานทม่ี พี ระพทุ ธรูปปางต่างๆไว้ให้ประชาชน ไดก้ ราบไหว้ สกั การบชู า ภาพท่ี ๕.๗ ปา้ ยทางเขา้ หมู่บ้านดอยชา้ ง ทม่ี า: องอาจ อนิ ทนิเวศ

๙๗ ภาพที่ ๕.๘ สันเขาที่มลี ักษณะรูปช้าง บนจุดสงู สุดของยอดดอยช้าง ที่มา: องอาจ อินทนิเวศ ประวตั บิ า้ นดอยล้าน หมู่ ๔ ตาบลวาวี อาเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ในอดตี พ้ืนทบี่ รเิ วณบ้านดอยล้านนัน้ เปน็ พ้ืนที่ป่าที่อุดมไปด้วยป่าไม้ และสัตว์ป่านานาชนิด มี นา้ ไหลตลอดท้ังปี ยงั ไมม่ ีผูค้ นเข้ามาตง้ั ถ่นิ ฐานอยา่ งถาวร ตอ่ มามีชาวลซี ูกลุ่มหน่ึงได้เดินทางมาล่าสัตว์ ถึงบริเวณน้ี และพิจารณาเห็นว่ามีทาเลดี เหมาะแก่การเพาะปลูกทาไร่ จึงชวนกันมาต้ังหมู่บ้านอย่าง ถาวรเม่ือประมาณปี พ.ศ.๒๔๙๕ แรกเร่ิมมีประมาณ ๑๐ กว่าหลังคาเรือนต่อมาได้มีชาวลีซูจากบ้าน ดอยช้าง บ้านห้วยส้านลีซู และบ้านแม่มอญ ต.ห้วยชมพู เข้ามาเร่ือยๆ จนทาให้มีประชากรเพิ่มมาก ขึ้น และเปน็ หมูบ่ า้ นใหญ่ท่ีมชี าวลซี อู าศยั อยมู่ ากอกี หมบู่ า้ นหนงึ่ บ้านดอยล้านมีพ้ืนที่ท้ังสิ้นประมาณ ๑๒๐ ไร่ ภูมิประเทศเป็นไหล่ภูเขาสูง มีภูเขาดอยล้าน ดอยช้าง และแมน่ า้ ห้วยส้าน หว้ ยขเ้ี หล็กเปน็ ลาน้าหลัก ประชากรในหมู่บ้านประกอบด้วย ชาวลีซู อา ขา่ และจีนฮอ่ ปัจจุบันบ้านดอยล้านมีสานักสงฆ์ เพ่ือให้ชาวบ้านได้ขึ้นไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา มี โรงเรยี น และอาคารสาหรับประชมุ หมบู่ า้ นทส่ี ะอาดเรยี บร้อย

๙๘ ภาพท่ี ๕.๙ ปา้ ยทางเขา้ หมู่บ้านดอยล้าน ท่มี า: องอาจ อินทนิเวศ ประวตั ิบา้ นห้วยไคร้ หมู่ ๑๓ ตาบลวาวี อาเภอแม่สรวย จงั หวดั เชียงราย แรกเรมิ่ เม่อื ประมาณ ๕๐ ปีก่อนหน้านี้ ราวปี พ.ศ.๒๕๐๐ หลังจากที่ทางราชการได้ประกาศ ห้ามปลูกฝิ่น และส่งเสริมให้ชาวเขาปลูกพืชไร่ ทดแทน ท้ังน้ีโดยนายอาเลเนอะ หลี่จา เดิมเป็น ชาวบ้านดอยช้างได้เดินทางมาถางป่าเพ่ือทาไร่ ทานา ได้พบเห็นสภาพพื้นท่ีบ้านห้วยไคร้ในปัจจุบัน เป็นท่ีราบลมุ่ อุดมสมบรู ณ์ เหมาะแกก่ ารเพาะปลูก จึงได้กลับไปชวนพรรคพวกทีบ่ ้านดอยช้างให้มาต้ัง หมู่บ้านอยู่ด้วยกันเพื่อทานา แต่ไม่มีใครมาเน่ืองจากให้เหตุผลว่าพวกตนทานาไม่เป็น การทานาเป็น เร่ืองของคนเมอื ง (คนพื้นราบ) ชาวเขาควรปลูกข้าวโพด หรือทาไร่จะดีกว่า แต่นายอาเลเนอะไม่สนใจ จึงได้สร้างบ้านอยู่คนเดียว เพื่อทาสวน และทานาข้าว ต่อมาอยู่ได้ ๔-๕ ปี จึงมีเพื่อนบ้านย้ายมาอยู่ ด้วย จึงตั้งเปน็ หม่บู ้านบรวิ ารของบา้ นดอยชา้ ง ตอ่ มาเกิดเหตกุ ารณ์ราลือกันทั่วว่าในหมู่บ้านมีผีดุ หมา หอนทุกคืน ชาวบ้านโดยผีหลอกกันท่ัว จึงทาให้ชาวบ้านหนีออกจากหมู่บ้านกันหมดเหลือนายอา เลเนอะเพียงครอบครัวเดยี ว ในช่วงนน้ั เป็นชว่ งท่ีเหลา่ มชิ ชนั นารี เดินทางเข้ามาเพ่ือเผยแพร่ศาสนาจึง บอกให้ชาวบ้านเปลี่ยนเป็นศาสตราคริสต์ แล้วผีจะไม่หลอก เพราะชาวคริสต์ไม่เช่ือเรื่องผี นายอา เลเนอะจึงเข้าศาสนาคริสต์ และไม่พบผีอีกเลย จากน้ันจึงกลับไปชักชวนเพ่ือนมาอีกและได้นับถือ ศาสนาคริสต์กันทั่ว และมีผู้คนเข้ามาต้ังถิ่นฐานมากขึ้นเร่ือยๆ นายอาเลเนอะจึงได้ทาเร่ืองขอให้ ทางการอนมุ ตั งิ บประมาณเพ่ือสร้างโรงเรียน ไฟฟ้า ถนน และน้าประปา ตามลาดับ และในช่วงนั้นจึง ได้ขอตั้งเป็นหม่บู ้านหลักแยกตัวออกจากบ้านดอยชา้ ง โดยต้ังชื่อว่า “บ้านห้วยไคร้” โดยมีที่มาของชื่อ ท่ีมาจากลาห้วยน้าที่ไหลผ่านหมู่บ้าน โดยมีต้นน้ามาจากดอยช้างท่ีเป็นบ้านเดิมของตน และท่ีต้นน้า นนั้ มีตน้ ไครเ้ ป็นจานวนมาก จึงเรียกรวมวา่ ห้วยไคร้ ปัจจบุ ันบ้านหว้ ยไคร้ มีชาวบ้านอาศัยอยู่ เกือบสองร้อยหลังคนเรือน ประชากรส่วนใหญ่เป็น ชาวลีซู อาข่า และคนเมือง มีถนนเข้าหมู่บ้านท่ีสะดวก มีสถานีอนามัย และยังเป็นเส้นทางผ่านไปยัง บ้านดอยวาวี อ.แม่สรวย จ.เชียงราย

๙๙ ภาพที่ ๕.๑๐ แผนท่ีแสดงทต่ี ั้งของหมู่บ้านกลุ่มชาตพิ นั ธ์ลุ ีซูในจงั หวดั เชียงราย ท่มี า: นายเพช็ รสวสั ดิ์ กนั คา

๑๑๔ บรรณานุกรม ฉววี รรณ ประจวบเหมาะ. (๒๕๔๗). ทบทวนแนวทางการศกึ ษาชาตพิ ันธ์ขุ า้ มยคุ สมัยกับการศึกษา ในสงั คมไทย.ใน ว่าดว้ ยแนวทางการศึกษาชาติพนั ธ์ุ. กรุงเทพฯ: ศูนยม์ านุษยวทิ ยาสิรินธร. ชาย โพธสิ ติ า. (๒๕๕๔). ศาสตรแ์ ละศิลป์แหง่ การวิจัยเชิงคุณภาพ. (พมิ พ์ครั้งที่ ๕). กรุงเทพฯ: อมรนิ ทร์พรนิ้ ต้ิงฯ. เฉลมิ กติ เข่งแกว้ . (๒๕๔๗). ดนตรีชาวเขาเผ่าลีซอ: กรณศี กึ ษา “ซือบ”ึ บ้านเพชรดา ตาบลเขาค้อ อาเภอเขาคอ้ จังหวดั เพชรบูรณ์. ปรญิ ญานพิ นธศ์ ลิ ปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชามานุษย- ดุริยางควทิ ยา มหาวทิ ยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ช้างตน้ กญุ ชร ณ อยุธยา. (๒๕๔๔). ฝหู่ ลู แคนนาเตา้ ของชาวลซี ู : กรณีศึกษาบา้ นดอยลา้ น ตาบลวาวี อาแม่สรวย จังหวดั เชียงราย. วิทยานพิ นธศ์ ิลปศาตรมหาบัณฑิต, สาขาวิชา วัฒนธรรมศกึ ษา บัณฑติ วิทยาลยั มหาวทิ ยาลยั มหิดล. ณรงค์ชยั ปฎิ กรชั ต์.(ม.ป.ป). มานษุ ยดนตรีวิทยา. วิทยาลยั ดรุ ยิ างคศลิ ป์ มหาวทิ ยาลัยมหิดล. ทวชิ จตุวรพฤกษ์. (๒๕๔๑). เสยี งจากคนชายขอบ. เครอื ข่ายชาตพิ นั ธศุ์ กึ ษา คณะสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่. นริ ุตร์ แก้วหลา้ . (๒๕๕๐). ฝู่หลแู ลแล ดนตรชี าวไทยภเู ขาเผา่ ลีซูในพนื ที่จงั หวดั เชียงราย. วทิ ยานิพนธศ์ ลิ ปศาตรมหาบัณฑติ , สาขาวชิ าดนตรี บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลัยมหดิ ล. บุญช่วย ศรีสวัสด์ิ. (๒๕๕๑). 30 ชาติในเชียงราย. (พิมพ์ครงั้ ท่ี ๓). กรุงเทพฯ: สานักพิมพ์ศยาม. ปยิ พงศ์. (๒๕๔๕). เรื่องลับน่ารูข้ องลีซอ. กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิช. ประทีป นกั ป.่ี (๒๕๔๓). ดนตรชี าวเขาเผา่ ลซี อ. รายงานวิจยั คณะมนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยนเรศวร. พัณณดา ภปู ระภากรกลุ . (๒๕๔๗). ซือบือ ดนตรีประเภทเคร่อื งสายของชาวลีซู: กรณศี ึกษาบ้าน ดอยลา้ น ตาบลวาวี อาเภอแม่สรวย จังหวดั เชียงราย. วทิ ยานิพนธ์ศิลปศาตรมหาบณั ฑิต, สาขาวชิ าวฒั นธรรมศกึ ษา บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลัยมหิดล. ลกั ขณา ดาวรัตนหงษ์. (๒๕๓๙). พจนานุกรมกลุ่มชาติพันธ์ุ: ลซี อ. นครปฐม: สถาบนั วิจัยภาษาและ วฒั นธรรมเพ่ือพฒั นาชนบท มหาวิทยาลยั มหิดล. วัฒนธรรมประเพณีชนเผา่ แม่ฮ่องสอน. (มปป). ลซี ู (ลีซอ). ประเสรฐิ ชัยพกิ ุสติ (๒๕๓๑). เพลงและการละเล่นของชาวเขาเผ่าลซี อ. ใน อฐิ ศักดิ์ ศรีสโุ ข, ขา่ วสาร สถาบันชาวเขา. (หน้า ๑๓-๑๔). สถาบันวจิ ัยชาวเขา มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่.

๑๑๕ สุจิตต์ วงษ์เทศ. (๒๕๕๑). ร้องราทาเพลง: ดนตรนี าฏศิลปช์ าวสยาม.(พิมพ์คร้งั ที่ ๓). กรงุ เทพฯ, โรงพมิ พ์เรือนแก้วการพิมพ์. สานกั งานเลขานุการคณะกรรมการปฏิบัติการจติ วทิ ยาแห่งชาติ. (๒๕๑๘). ชาวเขาเผา่ ลซี อ. (พิมพ์ ครง้ั ที่ ๑). กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พ์กรมแผนทีท่ หาร สานกั มรดกภูมปิ ัญญาทางวัฒนธรรม. (๒๕๕๕). คูม่ อื การจัดทาขอ้ เสนอโครงการในการรวบรวม และจัดเกบ็ ข้อมลู มรดกภมู ปิ ัญญาทางวฒั นธรรม. กรมสง่ เสรมิ วฒั นธรรม กระทรวง วฒั นธรรม.

๑๖๐ ผ้วู จิ ยั ประวัติผวู้ ิจัย วฒุ กิ ารศกึ ษา นายองอาจ อนิ ทนเิ วศ ตาแหนง่ (คบ.) ดนตรี ภาควชิ าดนตรี สถาบนั ราชภฏั เชยี งใหม่ สถานทีท่ างาน (ศศ.ม.) ดนตรวี ิทยา วิทยาลัยดรุ ิยางคศิลป์ มหาวิทยาลยั มหดิ ล อาจารยป์ ระจา ทีอ่ ยู่ สาขาวชิ าดรุ ยิ างคศาสตร์ Email สานักวิชาสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏเชยี งราย โทรศัพท์ ๐๕๓-๗๗๖๐๓๑ ต่อ ๑๖๑๕ ๖๓ หมู่ ๖ ตาบลนางแล อาเภอเมือง จังหวัดเชยี งราย [email protected]