Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อินเทอร์เน็ตปลอดภัยในโรงเรียน

อินเทอร์เน็ตปลอดภัยในโรงเรียน

Description: อินเทอร์เน็ตปลอดภัยในโรงเรียน

Search

Read the Text Version

อนิ เทอร์เนต็ ปลอดภยั ในโรงเรยี น 1

อนิ เทอร์เนต็ ปลอดภยั ในโรงเรียน โครงการ “ขับเคล่อื นงานคุ้มครองเดก็ จากภยั ออนไลน”์ สนับสนนุ โดย สำนักงานกองทนุ สนับสนุนการสรา้ งเสรมิ สุขภาพ (สสส.) ผู้เขียนและรวบรวมขอ้ มูล: ดร.ศรีดา ตนั ทะอธพิ านิช กราฟฟิก: สุพิชฌาย์ ชยั ธมั มะปกรณ์ ปก: สุณษิ า ชรู ุง้ พมิ พค์ รัง้ ท่ี 1: พฤศจกิ ายน 2563 จำนวน 500 เลม่ ISBN: 978-616-91305-6-7 พิมพท์ ่:ี บรษิ ัท ทเี อส พรน้ิ ติ้ง มเี ดยี จำกดั 517 ถนนพระรามท่ี 2 ซอย 43 แขวงบางมด เขตจอมทอง กรงุ เทพ 10150 เบอรโ์ ทรตดิ ตอ่ 0-2870-0780 จัดทำโดย: มลู นิธอิ ินเทอรเ์ น็ตร่วมพัฒนาไทย ห้อง 3c15 ช้นั 3 เลขท่ี 723 อาคารศภุ าคาร ถนนเจรญิ นคร แขวงคลองตน้ ไทร เขตคลองสาน กรงุ เทพ 10600 โทรศพั ท:์ 0-2860-1358 โทรสาร: 0-2860-3437 เวบ็ ไซต์: www.inetfoundation.or.th อินเทอร์เนต็ ปลอดภยั ในโรงเรียน 2

คำนำ โรงเรียนเป็นสถานท่ีหลักแห่งหน่ึงที่เดก็ ๆ ได้เรยี นรู้การใช้งานคอมพิวเตอร์และอินเทอรเ์ น็ต จงึ ควร เป็นท่ีปลูกฝังพฤติกรรมการใช้งานที่ดี ได้แก่ การใช้อย่างปลอดภัย สร้างสรรค์ และรู้เท่าทัน สมัยนี้ใช้คำว่า ความฉลาดทางดิจิทัล หรือ DQ – Digital Intelligence Quotient ซึ่งประกอบด้วยทักษะ 8 ด้าน ได้แก่ การดูแลรักษาตัวตนและชื่อเสียงบนโลกออนไลน์ การบริหารจัดการเวลาใช้งานอย่างพอเหมาะพอดี สามารถรบั มอื กับภยั คุกคามทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเปน็ เรอ่ื งของการกล่ันแกลง้ ระราน การละเมิดทางเพศ ขา่ ว ลวงข่าวปลอมต่าง ๆ การจัดการระบบรักษาความม่ันคงปลอดภัยของอุปกรณ์และข้อมูล การตระหนักรู้ อารมณ์ตนเองและเข้าใจเห็นใจผู้อนื่ บนโลกออนไลน์ การใช้สื่อดิจิทัลติดต่อสื่อสารด้วยความสร้างสรรค์และ ตระหนักรู้เรื่องรอยเทา้ บนโลกดจิ ทิ ลั (Digital Footprint) คือไมว่ า่ จะทำอะไรไว้ในโลกออนไลนก์ ็จะทงิ้ รอ่ งรอย หลักฐานไว้เสมอ การรู้เทา่ ทันส่ือสารสนเทศ คือการคิดวิเคราะห์แยกแยะถูกผิดจริงเท็จ การตรวจสอบและ ประเมินคุณคา่ ของเนอื้ หาข้อมูลก่อนทีจ่ ะเช่ือหรอื แชร์ และขอ้ สุดท้ายคือการเคารพความเป็นส่วนตัว ลิขสิทธิ์ และทรัพยส์ ินทางปัญญา การสอนเด็กใหใ้ ช้สื่อดิจทิ ลั หรือท่องโลกออนไลน์ จงึ ไมใ่ ชเ่ พยี งการสอนใหเ้ ขารจู้ ักคลกิ ใชแ้ อปพลิเคชัน ต่าง ๆ เข้าถึงเนื้อหาข้อมูล หรือทำส่ิงที่ต้องการได้ดังใจเท่าน้ัน แต่ยังหมายรวมถงึ การใช้งานอย่างรอบคอบ ระมัดระวงั ไมต่ กเปน็ เหย่ือของเทคโนโลยีหรอื ผู้ทีไ่ มป่ ระสงค์ดี และเมื่อเกดิ เหตกุ ารณ์ไมพ่ งึ ประสงคแ์ ลว้ กต็ ้อง สามารถจดั การหรือร้องขอความชว่ ยเหลือได้อย่างถกู ต้องเหมาะสม รวมท้งั ตอ้ งไมใ่ ชค้ วามสามารถทางดิจิทัล ของตนเองในการละเมดิ หรือทำรา้ ยผอู้ นื่ ครูและโรงเรียน นอกจากจะจัดหาเทคโนโลยีดิจิทัลออนไลน์ให้เด็กนักเรียนใช้แล้ว จึงมีหน้าท่ีต้อง เสรมิ สร้างทกั ษะรเู้ ท่าทนั สื่อ สารสนเทศ และดิจิทัล ใหก้ บั เดก็ ๆ และครอบครัว ทัง้ น้ีเพอ่ื ให้ทางบ้านได้ช่วยกัน ดูแลบุตรหลานในยุคที่โทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ตเป็นปัจจัยที่ 5 ของทุกคนดังเช่นทุกวันนี้ โรงเรียน ยังต้องทำงานร่วมกับสหวิชาชีพในกระบวนการคุ้มครองเด็ก เมื่อเด็กตกเป็นเหย่ือของการทารุณกรรมหรือ ได้รับผลกระทบจากการใช้สอ่ื ออนไลน์อกี ดว้ ย หวังว่าแนวทางส่งเสริม อินเทอรเ์ น็ตปลอดภัยในโรงเรยี น ฉบับนี้ จะมสี าระความรู้ใหค้ รแู ละผ้ดู ูแลเด็ก ไดน้ ำไปใช้ในการจดั สภาพแวดล้อมการใชง้ านทเ่ี หมาะสม และเสริมสร้างภมู ิคมุ้ กันภยั ออนไลน์ให้กับเดก็ และ เยาวชน รวมถงึ เป็นแนวทางในการทำงานรว่ มกบั พอ่ แม่ผู้ปกครองและหน่วยงานอืน่ ๆ ทเ่ี กี่ยวข้อง ในการดแู ล เดก็ และเยาวชนทใ่ี ชส้ อ่ื ออนไลน์ มูลนิธิอนิ เทอรเ์ นต็ รว่ มพัฒนาไทย พฤศจกิ ายน 2563 อินเทอร์เนต็ ปลอดภัยในโรงเรียน 3

สารบัญ 6 11 บทนำ บทที่ 1 ส่อื ออนไลน์กบั ผลกระทบต่อสขุ ภาวะ กาย จติ และสงั คม 11 12 พฤติกรรมเนอื ยนงิ่ 12 โรคติดอินเทอรเ์ นต็ 20 โรคติดเกม 20 โรควุ้นในตาเส่ือม 21 โรคตดิ พนัน 23 การพนันทำลายสมอง 24 โรคติดโทรศพั ทม์ อื ถือ 25 การใชส้ อ่ื ออนไลนส์ กู่ ารฆา่ ตัวตาย 27 ภาวะซึมเศรา้ จากเฟซบกุ๊ 28 การลอ่ ลวงเดก็ เพ่อื วัตถุประสงคท์ างเพศ 32 การแบล็กเมลทางเพศ 32 การเข้าถึงสอ่ื ลามกอนาจารและทารณุ กรรมทางเพศ 35 การกล่ันแกลง้ ระรานทางไซเบอร์ 35 ความรุนแรงในส่อื 37 ส่ือกบั ความเครยี ดและความขัดแย้ง ภยั และความเสี่ยงอื่น ๆ 41 บทที่ 2 บทบาทของครแู ละโรงเรยี น 41 43 นโยบายการใช้งานอินเทอรเ์ นต็ 45 พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผดิ เกยี่ วกบั คอมพวิ เตอร์ 45 แนวทางปฏิบัติเม่ือเดก็ ถกู กลนั่ แกลง้ รงั แกหรือละเมดิ 46 48 กรณีเดก็ เปน็ ผ้กู ระทำ 49 กรณีเดก็ เปน็ ผถู้ กู กระทำ 51 กรณีผ้กู ลั่นแกล้งรังแก/ละเมิด ไม่ได้อยใู่ นสถานศกึ ษา 54 แอปพลเิ คขันฮโี ร่ การสร้างการรู้เท่าทนั ส่อื (Media Literacy) 4 ความฉลาดทางดิจทิ ลั (DQ – Digital Intelligence Quotient) อนิ เทอรเ์ น็ตปลอดภัยในโรงเรยี น

บทท่ี 3 บทบาทของพอ่ แม่ผปู้ กครอง 56 บคุ คลแวดลอ้ มเด็กในการเฝ้าระวังและรับทราบเหตุ 57 กรณีกลนั่ แกลง้ ระรานทางไซเบอร์ 59 59 สญั ญาณเตือนภยั 59 การพดู คยุ สอบถาม 59 วิธีปฏบิ ตั เิ ม่ือลกู ถกู กลนั่ แกลง้ ระรานทางไซเบอร์ 63 กรณกี ารละเมิดทางเพศออนไลน์ 63 สญั ญาณเตอื นภยั 63 การพูดคุยสอบถาม 64 ผลกระทบทเี่ กดิ ข้ึนกบั เดก็ ท่ีถูกละเมดิ ทางเพศ 65 วิธีปฏบิ ัตเิ มอื่ ลกู ถกู ละเมดิ ทางเพศออนไลน์ 68 การดูแลจิตใจเด็กทีถ่ ูกทำรา้ ย 68 วิธปี ้องกนั เพอื่ ไม่ใหล้ ูกตกเปน็ เหย่อื 68 วธิ ีสอนให้ลูกป้องกันตวั เอง 70 ทกั ษะปอ้ งกนั ตวั ท่คี วรสอนเด็ก 70 อายเุ ด็กทเ่ี หมาะสมกบั การใช้สือ่ 73 การเลยี้ งลูกยคุ ดิจทิ ลั 75 บทท่ี 4 ความรเู้ บอื้ งตน้ เก่ียวกบั กฎหมาย 75 กฎหมายว่าด้วยการกระทำอนาจาร 76 กฎหมายวา่ ดว้ ยส่ือลามกอาจารเดก็ 77 กฎหมายว่าด้วยการข่มขู่แบลก็ เมล 77 กฎหมายวา่ ด้วยการกลน่ั แกลง้ ทางร่างกาย 77 กฎหมายว่าด้วยการหมิ่นประมาท 78 พระราชบัญญตั คิ ุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 79 ข้นั ตอนการแจง้ ความ 80 ขั้นตอนการสบื สวนสอบสวน 80 หลกั ปฏิบัติในการซักถามเด็ก 82 หน่วยงานรับแจง้ /ชว่ ยเหลอื 95 บทขอบคุณ 97 บรรณานุกรม 5 อนิ เทอร์เนต็ ปลอดภัยในโรงเรียน

บทนำ ในปี 2561 สำนกั งานสง่ เสรมิ เศรษฐกจิ ดจิ ิทลั เผยผลสำรวจพฤติกรรมของเดก็ และเยาวชนไทยทม่ี อี ายุ ระหว่าง 8-12 ปี จำนวน 1,300 คนทั่วประเทศ ผ่านแบบสำรวจออนไลน์ DQ Screen Time Test ร่วมกับ กลุ่มตัวอย่างเด็กอ่ืน ๆ จากท่ัวโลกท้ังสิ้น 37,967 คน พบว่า เด็กไทยมีโอกาสเสี่ยงภัยออนไลน์ร้อยละ 60 ในขณะท่ี ฟิลปิ ปินส์ ร้อยละ 73 อนิ โดนเี ซีย รอ้ ยละ 71 เวยี ดนาม ร้อยละ 68 สิงคโปร์ ร้อยละ 54 ในขณะที่ คา่ เฉล่ียของโลกอยู่ที่ร้อยละ 56 เด็กไทยใช้เวลากับหน้าจอท่องอินเทอรเ์ นต็ 35 ช่ัวโมงต่อสปั ดาห์ ซึง่ สูงกว่า คา่ เฉล่ียโลกถงึ 3 ช่วั โมง โดยเขา้ ถึงอินเทอรเ์ น็ตผ่านสมาร์ทโฟนสูงสุดรอ้ ยละ 73 ในส่วนของภยั ออนไลน์หรือ ปัญหาจากการใช้ชวี ติ ในยุคดิจทิ ลั ของเด็กไทยที่พบมากท่ีสดุ มี 4 ประเภท คือ (1) กลนั่ แกลง้ รังแกทางออนไลน์ ท้งั ด่ากนั ด้วยขอ้ ความหยาบคาย ตัดต่อภาพ ร้อยละ 49 (2) เข้าถึงสื่อลามกและพูดคุยเร่ืองเพศกับคนแปลก หนา้ ในโลกออนไลน์ ร้อยละ 19 (3) ติดเกม ร้อยละ 12 และ (4) ถกู ล่อลวงออกไปพบคนแปลกหน้า ร้อยละ 7 ในช่วง COVID-19 ผลสำรวจนักเรียนช้นั มัธยมต้นถึงมัธยมปลายในประเทศญ่ีปุ่น ในช่วงที่เดก็ หยุด เรียนนานกวา่ ปกติ ใช้เวลาอย่กู บั อินเทอรเ์ นต็ และเกมออนไลน์ จำนวน 8,464 คน พบว่า เดก็ ม.ปลาย ใชเ้ วลา อยกู่ บั สมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นรอ้ ยละ 71 ส่วน เดก็ ม.ต้น พบว่า ใช้เวลาเพิ่มข้ึนร้อยละ 72 ส่วนใหญ่ถงึ รอ้ ยละ 80 ใช้ดูคลปิ วดิ โี อบน YouTube ร้อยละ 40-50 ใชแ้ อปพลเิ คชันในการเล่นเกมออนไลน์ ผลสำรวจสถานการณ์เด็กไทยกับภัยออนไลน์ ปี 2562 โดย มลู นธิ ิอินเทอร์เน็ตร่วมพฒั นาไทย รว่ มกับ ศนู ย์ประสานงานขบั เคล่ือนการส่งเสริมและปกปอ้ งคมุ้ ครองเด็กและเยาวชนในการใช้สื่อออนไลน์ (COPAT - Child Online Protection Action Thailand) ภายใต้ กรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนา สงั คมและความมั่นคงของมนษุ ย์ ซ่งึ มีกลมุ่ ตัวอย่างเป็นเด็กอายุ 6-18 ปี จำนวน 15,318 คน พบว่า เดก็ ร้อยละ 39 ใช้อินเทอร์เน็ต 6-10 ชั่วโมงต่อวัน ร้อยละ 38 เล่นเกมออนไลน์มากกว่า 3 ช่ัวโมงต่อวัน ซึ่งการใช้มาก เกนิ ไป เส่ียงต่อการเสพตดิ เกมและอินเทอรเ์ น็ต เป็นปัญหาทางสขุ ภาพจติ เด็ก 1 ใน 3 เคยถูกกลัน่ แกลง้ รงั แก ทางออนไลน์ เพศทางเลือกโดนมากที่สุด คือ 1 ใน 2 เด็กร้อยละ 40 ไม่ได้บอกใครเกี่ยวกับเรื่องท่ีโดนกลั่น แกลง้ สรา้ งความทุกข์ เกบ็ กด หดหู่ บาดแผลทางใจใหก้ ับเดก็ ส่งผลเสยี ต่อร่างกาย ทำให้นอนไมห่ ลบั เจบ็ ป่วย เร้ือรงั เป็นโรคหวาดระแวง อาจนำไปสู่ปัญหาตดิ เหล้าหรือใช้สารเสพติด ทำรา้ ยตวั เองถงึ คิดฆา่ ตัวตายได้ เด็กรอ้ ยละ 74 เข้าถงึ ส่อื ลามกอนาจารทางออนไลน์ รอ้ ยละ 50 เคยเห็นส่ือลามกอนาจารเด็ก ได้แก่ ภาพหรอื วิดโี อเด็กในท่าทางยวั่ ยุอารมณเ์ พศ การรว่ มเพศระหวา่ งเด็กกับเดก็ หรือเด็กกบั ผูใ้ หญ่ เด็กร้อยละ 6 เคยครอบครองและเผยแพรส่ อื่ ลามกอนาจารเดก็ ซงึ่ เป็นการกระทำที่ผดิ กฎหมาย เด็กรอ้ ยละ 2 ยอมรบั วา่ เคย บันทกึ ภาพหรอื วิดโี อตนเองในลักษณะลามกอนาจารแล้วสง่ ให้คนอ่ืนด้วย เด็กร้อยละ 25 (3,892 คน) ที่ตอบแบบสอบถาม ยอมรับว่าเคยนัดพบกับเพ่ือนออนไลน์ ซึ่งเม่ือไป ตามนัด 199 คน ถูกเพื่อนท่ีนัดพบพูดจาล้อเลียน ดูถูก ทำให้เสียใจ 80 คน ถูกหลอกให้เสียเงินหรือเสีย ทรัพย์สินอ่ืน ๆ 73 คน ถูกละเมิดทางเพศ 67 คน ถูกทุบตีทำรา้ ยร่างกาย และ 50 คน ถูกถา่ ยภาพหรอื คลิป วิดโี อแลว้ นำไปประจาน และ/หรือ ขม่ ข่เู รียกเงนิ อนิ เทอรเ์ น็ตปลอดภยั ในโรงเรียน 6

ข้อมูลจากสายด่วนอินเทอร์เน็ตไทยฮอตไลน์ (www.thaihotline.org) โดย มูลนิธิอินเทอร์เน็ต ร่วมพัฒนาไทย ระบุจำนวนส่ือลามกอนาจารและการละเมิดทางเพศเด็กออนไลน์เพ่ิมขึ้นอย่างต่อเน่ือง จากปี 2560 ได้รับแจ้ง 1,421 รายการ เพ่ิมเป็น 4,223 รายการในปี 2561 และในปี 2562 ได้รับแจ้ง มากถึง 7,921 รายการ ทั้งยังพบการละเมิดทางเพศเด็กออนไลน์รูปแบบใหม่ ๆ เช่น การหลอกถ่าย โฆษณาสินค้าที่เด็กต้องเปิดเผยเน้ือตัว หลอกว่าเป็นโมเดลลิ่งจัดหาดารานางแบบนายแบบเข้าวงการ หลอกให้เปิดกล้องถ่ายทอดสดโชว์หวิวแล้วบันทึกภาพเอาไว้ข่มขู่แบล็กเมล คบกับแม่เพื่อหวังละเมิด ทางเพศลูก เป็นต้น การสำรวจสถานการณ์เดก็ ไทยกับภยั ออนไลน์ ปี 2563 ระหว่างเดือน พฤษภาคม - กรกฎาคม 2563 ของ มูลนิธิอินเทอร์เน็ตร่วมพัฒนาไทย ร่วมกับ COPAT กลุ่มตัวอย่างเป็นเด็กมัธยมศึกษา อายุ 12-18 ปี จำนวน 14,945 คน พบว่า เด็กร้อยละ 89 เช่อื ว่า ในโลกออนไลน์ มีภยั อันตรายหรอื ความเส่ียงตา่ ง ๆ ร้อยละ 61 เชื่อว่า เม่ือเผชิญภัยหรือความเส่ียงภัยออนไลน์ สามารถจัดการแก้ไขปัญหานั้นได้ด้วยตัวเอง ร้อยละ 83 เช่อื วา่ เมอื่ เผชญิ ภัยหรือความเสยี่ งภยั ออนไลน์ สามารถแนะนำชว่ ยเหลือเพื่อนได้ เดก็ ยังมคี วามเส่ยี งในการเขา้ ถงึ ข้อมูลท่ีผดิ กฎหมายทางออนไลน์ โดยเวบ็ ไซตห์ รือเน้อื หาข้อมูลท่เี ด็ก เขา้ ถึงมากทสี่ ุด 4 อนั ดับแรก คือ ความรนุ แรง ร้อยละ 49 การพนัน ร้อยละ 22 สือ่ ลามกอนาจาร ร้อยละ 20 และสารเสพตดิ รอ้ ยละ 16 สำหรบั พฤตกิ รรมเสย่ี งภัยออนไลน์ 6 อันดับแรกของเด็ก คือ ซื้อสินค้าจากร้านค้าออนไลน์ที่ไม่รู้จัก รอ้ ยละ 44 รับคนแปลกหน้าเป็นเพ่ือน ร้อยละ 39 ใส่ข้อมูลส่วนตัวบนสื่อโซเชียลมีเดีย รอ้ ยละ 26 การแชร์ ขอ้ มูลข่าวสารโดยไม่ได้ตรวจสอบ และ นำข้อมูล/ภาพ/เสียงมาใช้โดยไม่ได้ขออนุญาตหรอื อ้างอิงแหล่งท่ีมา รอ้ ยละ 24 เทา่ กนั และ เข้าถึงสื่อลามกอนาจารออนไลน์ รอ้ ยละ 14 เด็กใชอ้ ินเทอรเ์ นต็ 3-5 ชม.ต่อวัน รอ้ ยละ 26 พอๆ กบั กลุม่ ที่ใช้ 5-8 ชม.ตอ่ วัน ในขณะท่ีมีเดก็ ร้อยละ 15 ใช้ 8-10 ชม.ตอ่ วนั และร้อยละ 22 ใชม้ ากกวา่ 10 ชม.ตอ่ วนั เมอ่ื สอบถามช่องทางการเขา้ อนิ เทอรเ์ น็ต เด็กรอ้ ยละ 81 ใชอ้ ินเทอร์เนต็ ผ่านแทบ็ เลต็ หรอื สมารท์ โฟน โดยใช้เพื่อการพกั ผอ่ นหรือความบนั เทงิ เปน็ วัตถุประสงค์หลกั รอ้ ยละ 61 เด็กรอ้ ยละ 76 หรือ 11,384 คน เล่นเกมออนไลน์ ซ่ึงเมื่อมีคำถามที่ลึกข้ึน พบข้อมูลท่ีน่าสนใจ คือ เดก็ รอ้ ยละ 30 เล่นเกม 3-10 ชม.ตอ่ วัน และมเี ด็กร้อยละ 5 เลน่ เกมมากกว่า 10 ชม.ต่อวัน ร้อยละ 10 บอก วา่ มีการพนนั ในเกมท่ีเลน่ และร้อยละ 34 เติมเงินซื้อของในเกม เมื่อสอบถามเรือ่ งผลของการเลน่ เกม เดก็ รอ้ ย ละ 43 ยอมรับวา่ สนใจทำกจิ กรรมอยา่ งอืน่ น้อยลงมาก รอ้ ยละ 20 บอกวา่ การเรยี นแย่ลงมาก และ ร้อยละ 13 บอกว่า ความสัมพันธ์กับคนในครอบครัวแย่ลงมาก ในขณะที่เมื่อสังเกตพฤติกรรมตนเอง ร้อยละ 45 พบว่า มักเล่นเกมเกินเวลาทไ่ี ด้รบั อนญุ าตหรือเกินเวลาทีต่ ้ังใจไว้ รอ้ ยละ 34 มักอารมณเ์ สยี เวลามใี ครมาบอก ให้เลิกเล่นเกม ร้อยละ 26 บอกว่า คนรอบตัวเห็นว่าเด็กมีพฤติกรรมบางอย่างเปลี่ยนไป เช่น หงุดหงิด ขร้ี ำคาญ หัวร้อน ใช้ภาษาหยาบคาย ฯลฯ ในขณะทีเ่ ด็ก รอ้ ยละ 35 บอกวา่ ถูกคนรอบตวั มองว่า “ตดิ เกม” อินเทอร์เน็ตปลอดภยั ในโรงเรียน 7

เด็ก 2,282 คน มปี ระสบการณ์โดนกลั่นแกล้งรังแกทางออนไลน์หรอื การระรานทางไซเบอร์ (Cyber Bullying) โดยถกู เรยี กด้วยถ้อยคำหยาบคาย ดหู ม่ิน มากท่ีสุด คือร้อยละ 69 รองลงมาคือ ถูกด่าทอ ให้ร้าย ใส่ความ รอ้ ยละ 44 ตามดว้ ยการถูกตอ่ ตา้ น กดี กนั ออกจากกลุ่มเพอ่ื นหรือสังคม รอ้ ยละ 22 ถูกนำเรื่องส่วนตัว หรือความลับไปเผยแพร่ ร้อยละ 21 ถูกข่มขู่คุกคาม ร้อยละ 16 ถูกข่มขู่คุกคาม ร้อยละ 16 และ ถูกตัดต่อ รูปภาพ คลิปวิดีโอ ในทางเสื่อมเสีย ร้อยละ 9 เด็กรอ้ ยละ 8 ของกลุ่มตัวอย่าง ยังเคยกลั่นแกล้งระรานคนอ่ืน ทางออนไลนด์ ้วย เด็ก 2,573 คน หรือ ร้อยละ 17 ของกลุ่มตัวอย่าง เคยมีประสบการณ์เพื่อนรุ่นพี่หรือคนอื่นที่อายุ มากกว่าเข้ามาพูดคุยเรื่องเพศท่ีไม่เหมาะสม ส่งภาพ/วิดีโอ/สื่อลามกอนาจาร เช่น ภาพเปลือยหน้าอก ก้น อวัยวะเพศ การรว่ มเพศ สำเรจ็ ความใคร่ โชว์ลามก การข่มขืนกระทำชำเรา ฯลฯ เมือ่ ได้รับการติดต่อพูดคุย ด้วยเรอื่ งดังกล่าว เด็กร้อยละ 16 พูดคุยตอ่ เพราะคดิ ว่าไม่ใชเ่ รื่องเสียหายท่จี ะเรียนร้เู ร่อื งเพศ เด็ก 641 คน (ร้อยละ 4 ของกลุ่มตัวอย่าง) เคย บันทึก (save) หรือ ดาวน์โหลด (download) สอื่ ลามกอนาจารเด็ก (ต่ำกว่า 18 ปี) มาเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์/โทรศัพท์มือถือ/อปุ กรณ์จัดเก็บข้อมูล หรือพ้ืนท่ีส่วนตัวบนอินเทอร์เน็ต และ เด็กกลุ่มนี้มากถึง ร้อยละ 45 เคยส่ง (send) ส่งต่อ (forward) หรือ แบง่ ปัน (share) สื่อลามกอนาจารเดก็ ท่ีได้มา ใหก้ ับเพ่ือนหรอื คนอ่นื ทางออนไลน์ เด็ก 174 คน บอกว่า เคยถ่ายภาพหรือวิดีโอตนเอง ในลักษณะเปลือยหรือลามกอนาจาร และเด็ก กลุ่มน้ีมากถึงร้อยละ 43 เคยส่ง (send) หรือแบ่งปัน (share) ภาพหรือวิดีโอนั้นไปให้เพื่อนหรือคนอ่ืน ซึ่งนำไปสูผ่ ลลัพธ์ท่ีไม่พึงประสงค์ ได้แก่ มีคนนำภาพหรือวดิ ีโอนั้นมาข่มขู่เรียกเงิน เรียกภาพ/วดิ ีโอเพิ่ม (รอ้ ย ละ 32) ภาพหรือวิดโี อน้นั ถกู นำไปเผยแพร่ ทำใหอ้ ับอาย ได้รับผลกระทบ (ร้อยละ 28) มคี นติดต่อมาขอนัด พบหรือซือ้ บรกิ ารทางเพศ (ร้อยละ 18) ขอ้ มลู ส่วนตวั 5 อนั ดับแรก ท่ีเด็กมักเปิดเผยกับเพือ่ นทเี่ พ่งิ รูจ้ ักกันทางออนไลน์ ได้แก่ ช่ือ นามสกุล ช่ือเล่น ตามด้วย ข้อมูลความชอบส่วนตัว เช่น อาหารท่ีชอบกิน สถานที่ท่ีชอบไป กิจกรรมยามว่าง ทชี่ อบทำ ช่ือ ท่อี ยู่ โรงเรยี น ภาพถา่ ย และ หมายเลขโทรศพั ทม์ อื ถือ เดก็ 4,338 คน (ร้อยละ 29 ของกลมุ่ ตัวอย่าง) คดิ ว่า เมื่อติดต่อพดู คุยกบั เพ่ือนทร่ี ู้จักกนั ทางออนไลน์ สกั ระยะหน่ึง ก็ถงึ เวลานัดพบกนั จรงิ ๆ ได้ โดยมีร้อยละ 7 ท่ีตอบว่า 1 สัปดาห์ทางออนไลนก์ ็เพียงพอแล้วทจี่ ะ นัดเจอกัน ซึง่ เดก็ 2,461 คน ที่ตอบแบบสอบถาม ระบุว่า เคยนดั พบกับเพอ่ื นออนไลน์ ในชว่ ง 12 เดือนท่ีผา่ น มาอยา่ งน้อย 1 ครงั้ โดยมีร้อยละ 19 ทบ่ี อกวา่ มีการนัดพบมากกว่า 10 คร้งั แล้ว เมอ่ื สอบถามเพมิ่ เติมวา่ เมอื่ ไปตามนดั แล้ว เกิดอะไรขนึ้ บา้ ง ร้อยละ 38 ถูกพูดจาล้อเลียน ดถู กู ทำให้ เสียใจ ร้อยละ 12 ถกู หลอกเอาทรัพยส์ ินเงินทอง ร้อยละ 4 ถกู ทุบตี ทำร้ายร่างกาย ร้อยละ 3 ถูกทำอนาจาร ละเมดิ ทางเพศ เดก็ ร้อยละ 2 ถกู ถา่ ยภาพ/คลปิ วิดโี อ เอาไปประจาน ปัญหาด้านสุขภาพกายที่เห็น คือ เด็กติดจอ ติดอินเทอร์เน็ต ขาดโทรศัพท์มือถือไม่ได้ ทำให้มี พฤติกรรมเนือยน่ิง เป็นโรคอว้ น นิ้วลอ็ ก สายตาเสื่อม ปวดคอ ฯลฯ บางรายเครียดจากการใชส้ ่ือโซเชยี ลหรือ ติดตามข่าวสารออนไลน์มากเกินไป ปญั หาทางสุขภาพจิตท่ีพบมากขึ้น คือ เด็กติดเกม เลียนแบบพฤตกิ รรม อนิ เทอรเ์ นต็ ปลอดภัยในโรงเรียน 8

รุนแรงในวิดีโอเกม บางเกมมีการเล่นพนัน ทั้งพนันในตัวเกมและผู้เล่นเดิมพันกันเอง เว็บไซต์พนันบอล ออนไลน์ทำให้เด็กและเยาวชนเข้าถึงการพนันมากขึ้น นักพนันหน้าใหม่อายุน้อยลง การติดพนันก่อปัญหา หนี้สิน ความเครียด ปัญหาอาชญากรรมหาเงนิ มาจ่ายหนี้พนัน ส่งผลกระทบต่อชีวิตในด้านอ่ืน ๆ เว็บไซต์ที่มี เน้ือหาผิดกฎหมายหรือเป็นอันตรายจำนวนมากที่เด็กและเยาวชนสามารถเขา้ ถึงได้งา่ ยด้วยโปรแกรมสืบค้น อย่าง Google เดก็ และเยาวชนบางส่วนเปน็ ผ้ผู ลิตเนอ้ื หาผดิ กฎหมายเสยี เอง เชน่ ถ่ายคลิปลามกอนาจาร เสพ กัญชา พอ่ แม่หรอื ครูเป็นผลู้ ะเมิดเด็ก โดยการหยอกล้อ ประจาน นำภาพหรือวิดีโอการละเมดิ เด็กเขา้ สู่ระบบ อนิ เทอร์เน็ต สำนักข่าวออนไลน์และผู้ใช้อนื่ ๆ โพสต์วิพากษ์วิจารณ์โดยใช้ถ้อยคำรนุ แรง ซำ้ ร้ายยังแชรต์ ่อไป ในวงกว้าง ท่ีกล่าวมาแล้วนนั้ เปน็ ภยั คุกคามต่อเดก็ และเยาวชนท่ีต้องการมาตรการจัดการดูแลอย่างเร่งด่วน และมีประสิทธิภาพ พ่อแม่ผู้ปกครองและครูมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกัน เฝ้าระวัง และรายงานเหตุ เน่ืองจากเป็นผู้ท่ีอยู่ใกล้ชิดกับเด็ก เป็นคนกลุ่มแรก ๆ ท่ีน่าจะรับรู้ปัญหาได้เร็ว ซ่ึงก็จะต้องทำงานประสาน เชอื่ มโยงกบั สหวิชาชีพและหนว่ ยงานต่าง ๆ ทเี่ กี่ยวขอ้ งเพอ่ื ทำการช่วยเหลือเด็กไดท้ ันทว่ งที อินเทอร์เน็ตปลอดภัยในโรงเรียน ฉบับน้ี จึงถูกพัฒนาข้ึน ด้วยจุดมุ่งหมายเพ่ือให้ข้อมูลพ้ืนฐาน เกี่ยวกับปัญหาสถานการณ์ภัยออนไลน์ต่อเด็กและเยาวชน ผลกระทบที่เกิดขึ้น แนวทางการป้องกันปัญหา ได้แก่ การสร้างการรู้เทา่ ทันสอ่ื สารสนเทศ และดจิ ทิ ัล (Media Information and Digital Literacy) ทักษะ ความฉลาดทางดิจิทัล (DQ – Digital Intelligence Quotient) ให้กับเด็กและเยาวชน การให้ความรู้ สร้างความเขา้ ใจให้กบั พ่อแมผ่ ู้ปกครอง บุคคลแวดลอ้ มเด็ก องคก์ รทำงานกบั เด็กและเยาวชน เพ่ือการดแู ลเด็ก และเยาวชนท่ีใช้ส่ือ การป้องกันเฝ้าระวังปัญหา การคุ้มครองเดก็ ท่ีตกเป็นเหย่ือหรือได้รับผลกระทบจากส่ือ ไปจนถึงการประสานสง่ ตอ่ เพอื่ การช่วยเหลือฟื้นฟูเยยี วยาเดก็ และดำเนนิ การตามขนั้ ตอนของกฎหมาย (หาก มคี วามจำเป็น) อนิ เทอร์เนต็ ปลอดภัยในโรงเรยี น 9

10 ภัยออนไลน์ 1. การกลั่นแกล้งระรานทางไซเบอร์ (Cyber Bullying) การที่เด็กถูกล้อเลียน กล่ันแกล้ง แฉ ประจาน ทำให้ อบั อาย เสียใจ ถูกกีดกนั ออกจากกล่มุ เพื่อน 2. การติดตามคุกคามออนไลน์ (Cyber Stalking) การที่เด็กถูกติดตามความเคล่ือนไหวบนส่ือโซเชียล เช่น เฟซบุก๊ หรืออินสตาแกรม ถูกติดต่อสอ่ื สารทท่ี ำให้ร้สู ึกหวาดกลัว ถกู คกุ คาม รูส้ กึ ไมป่ ลอดภยั ต่อสวัสดภิ าพ 3. การตดิ ต่อเรอ่ื งเพศท่ไี ม่เหมาะสม (Sexting) การทเี่ ดก็ ไดร้ ับการติดตอ่ พดู คยุ หรือรบั สง่ สอื่ ลามกอนาจารโดยท่ี เดก็ อาจไมม่ คี วามสนใจ ไมไ่ ด้ต้องการ เด็กมีอายนุ อ้ ยเกินไปท่จี ะคิดหรือสนใจหรอื เขา้ ใจเรื่องเพศ 4. การแบล็กเมลทางเพศ (Sextortion) การที่เดก็ ถูกขม่ ขู่เรียกเงินหรือแสวงหาประโยชน์ทางเพศ โดยผู้กระทำ ใชภ้ าพหรือวิดีโอทางเพศของเด็กทหี่ ลุดไป 5. การล่อลวงเดก็ เพอ่ื วตั ถปุ ระสงค์ทางเพศ (Online Grooming) การท่ีเด็กถูกผู้ใหญ่ติดตอ่ พูดคุยสร้างสัมพนั ธ์ ใหเ้ กดิ ความไว้วางใจเพ่ือเป้าหมายการละเมิดทางเพศเด็ก 6. การเข้าถึงเน้ือหาท่ีผิดกฎหมาย/อันตราย เดก็ อาจเข้าถึงส่ือลามกอนาจาร การพนนั สารเสพติด อาวุธ ความ รุนแรง ลัทธคิ วามเช่ือ คา่ นยิ มผดิ ๆ เด็กอาจเลยี นแบบ ครอบครองหรอื เผยแพร่เนื้อหาทผ่ี ดิ กฎหมาย 7. การเล่นพนันออนไลน์ เช่น พนันบอล การพนันในเกม เช่น การสุ่มซื้อของในเกม บ่อนคาสิโนออนไลน์ หวยเถื่อนต่าง ๆ หากเลน่ พนันตง้ั แตอ่ ายนุ ้อยจะทำลายสมองสว่ นคิดมีเหตผุ ลอยา่ งถาวร 8. เสพติดเกมและอินเทอร์เน็ต การท่ีเด็กหมกมุ่นเล่นวิดีโอเกมมากเกินไป โดยปราศจากการกำกับดูแลของ ผูป้ กครอง อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพจิต สูญเสียค่าใช้จ่าย ไม่สนใจการเรียน การเขา้ สังคม หรือกิจกรรม อยา่ งอืน่ การใชเ้ วลาออนไลน์มากเกินไป ติดจอ ลม้ เหลวในการลดเวลาออนไลน์ คอื เสพติดอินเทอรเ์ นต็ 9. การใช้สอ่ื โดยอายยุ ังไม่ถึงเกณฑ์ การที่พ่อแม่ให้เดก็ ใชส้ ่ือออนไลน์เรว็ เกินไป ขาดการดูแลช้ีแนะ อาจทำให้ เกิดผลเสีย เช่น เด็กต่ำกว่า 2 ขวบ จะซน สมาธิสั้น ก้าวร้าว นอนไม่หลับ พัฒนาการล่าช้า เด็กปฐมวัย อาจเลียนแบบพฤติกรรมไม่เหมาะสม ก้าวรา้ ว หยาบคาย เดก็ อายยุ ังไม่ถงึ 13 ขวบ ยังขาดวิจารณญาณใน การแยกแยะข่าวสารขอ้ มูล การเลือกคบเพ่อื น อาจนำไปสกู่ ารลอ่ ลวงหรอื ละเมิดทางเพศได้โดยงา่ ย 10.การเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป การเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวอาจทำให้เด็กตกอยู่ในอันตราย เช่น ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ถูกนำรูปภาพไปตัดต่อให้เสียหาย ถูกนำข้อมูลไปแอบอ้างหรือใช้ในทางท่ีไม่เหมาะสม ถูกติดตอ่ หรือรบกวนจากคนแปลกหนา้ เด็กเล็กอาจถูกลักพาตวั หรอื ถกู นำภาพไปใช้แสวงหาประโยชน์ เช่น เรยี่ ไรเงนิ หรอื ละเมดิ ทางเพศ อนิ เทอร์เน็ตปลอดภยั ในโรงเรยี น 10

บทที่ 1 สอ่ื ออนไลนก์ ับผลกระทบต่อสขุ ภาวะ กาย จติ และสังคม พฤติกรรมเนือยน่ิง ภาวะข้ีเกียจไม่เคล่ือนไหว นั่งนอนในกิจกรรมต่าง ๆ กลายเป็นพฤติกรรมเนือยน่ิง (Sedentary behavior) คอื มีอัตราการเผาผลาญในร่างกายท่ีน้อยมาก ๆ เปน็ ภาวะทเ่ี กิดขึ้นไดง้ ่ายกบั คนในยุคนที้ ี่ทำงาน กบั คอมพวิ เตอร์หรอื คนทีต่ ิดจอ เมื่อทำบ่อย ๆ รา่ งกายก็ย่ำแย่ เพราะการเคลื่อนไหวการขยับทำให้กล้ามเนื้อ ไดท้ ำงาน เกดิ การไหลเวยี น เป็นการกระตนุ้ ทุกระบบ ท้ังเลือด น้ำเหลอื ง ระบบเส้นประสาท และการทำงาน ของอวัยวะภายในให้เกิดข้นึ อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ มงี านวิจัยที่ระบุว่า พฤติกรรมเนอื ยนิ่ง เป็นหนึง่ ในปัจจัยเสยี่ งของโรคไม่ติดต่อเรอ้ื รังต่าง ๆ อาทิ ในผทู้ ่ี อายุ 18 ขึ้นไป มีความสัมพันธ์กับอัตราการตายจาก โรคหัวใจหลอดเลือด โรคเบาหวาน และภาวะของ เมตะบอลิคซินโดรม หรืออาจเรียกให้เข้าใจง่ายๆ ว่า “โรคอ้วนลงพุง” มีสาเหตุเริ่มต้นจากการใช้ชีวิตที่ ไม่เหมาะสม กินอาหารมากเกนิ ไป โดยเฉพาะอาหารท่ีมนี ้ำตาล และไขมันสูง สว่ นเด็กทอ่ี ายุไมเ่ กิน 8 ปี ทำให้ เสี่ยงต่อโรคอว้ น ปัญหาความดัน ระดับคอเลสเตอรอล ความแขง็ แรงของกล้ามเนื้อ พฤติกรรมการเข้าสงั คม และผลการเรยี น เป็นต้น องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำวา่ ถ้าต้องการมีสขุ ภาพท่ีดี ป้องกันโรคไม่ตดิ ต่อท้ังหลายได้ ควรมี “กิจกรรมทางกาย” เป็นเวลาอย่างน้อย 150 นาทีต่อสปั ดาห์ หรือการใช้กำลังกายอย่างหนักเป็นเวลาไม่ต่ำ กว่า 75 นาทตี ่อสปั ดาห์ ซ่งึ การใช้กำลงั กายนส้ี ามารถนับรวมจากการทำงาน การเดินทาง และการใชก้ ำลังกาย ในเวลาพักผอ่ นเข้าดว้ ยกนั โดยสามารถใช้กจิ กรรมในชีวิตประจำวนั เช่น การถพู ื้น ทำสวน ยกของ ย้ายของ หรือแม้กระท่ังเดินช็อปปิ้ง มาทำให้สุขภาพแข็งแรงข้ึนได้ โดยไม่จำเป็นต้องเปล่ียนชุดกีฬา เพียงแค่ ขยับให้ บ่อย ใหห้ นัก และให้มากเพียงพอ อนิ เทอรเ์ นต็ ปลอดภยั ในโรงเรยี น 11

โรคตดิ อนิ เทอรเ์ น็ต โรคติดอินเทอร์เน็ต (Internet Addiction Disorder) จัดเป็นกลุ่มอาการทางจิตใจอย่างหนึ่ง ซง่ึ เกิดจากการใช้อินเทอร์เนต็ ในการเสพข้อมูลหรอื ขา่ วสารมากเกินไป อาการของโรคติดอนิ เทอร์เน็ต ได้แก่ o รสู้ ึกหมกมนุ่ กบั อินเทอรเ์ นต็ แม้ในเวลาท่ีไม่ไดต้ อ่ เขา้ ระบบอนิ เทอรเ์ นต็ o มีความตอ้ งการใชอ้ นิ เทอรเ์ น็ตเปน็ เวลานานขึ้นอยเู่ รื่อย ๆ o ไมส่ ามารถควบคุมการใช้อนิ เทอรเ์ นต็ ได้ o รสู้ กึ หงดุ หงดิ เม่อื ใชอ้ นิ เทอรเ์ น็ตน้อยลง หรือหยุดใช้ o คิดว่าเม่อื ใช้อินเทอร์เน็ตแล้ว ทำให้ตนเองรสู้ ึกดีขึ้น o ใชอ้ ินเทอรเ์ นต็ ในการหลกี เล่ียงปญั หา o หลอกคนในครอบครัว หรือเพ่ือน เรื่องการใชอ้ ินเทอรเ์ น็ตของตนเอง o มอี าการผดิ ปกติเมื่อเลกิ ใช้อินเทอรเ์ นต็ เช่น หดหู่ กระวนกระวาย หากสงั เกตบุตรหลานหรือคนรอบข้างเริม่ มีอาการติดอนิ เทอรเ์ น็ต กค็ วรสะกิดให้ลด ละ เลกิ ให้ขยับ ลุกไปทำกิจกรรมอย่างอื่น และควรหากิจกรรมอ่ืนทดแทน โดยเร่ิมจากการทำร่วมกันในครอบครัว พ่อแม่ ผปู้ กครองก็ตอ้ งเป็นตัวอย่างทด่ี ีในการใช้อินเทอร์เน็ต โดยมีกฎกติกา ห้ามใช้ในเวลาครอบครัว เวลาทานข้าว ควรมพี ้ืนท่ีหรือเวลาปลอดมือถือ/อินเทอรเ์ นต็ ภายในบ้าน โรคตดิ เกม โรคติดเกม คือ โรคที่เกิดจากพฤติกรรมเสพติด ในทางสมองมีลักษณะคล้ายกบั ตดิ สารเสพตดิ เป็น อุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาสมอง พัฒนาการ และพฤติกรรมของเด็ก ส่วนใหญ่ติดจากการเล่นเกมผ่าน อนิ เทอร์เน็ต โดยมอี าการสำคัญคอื ใชเ้ วลาเลน่ นานเกนิ ไป ขาดการควบคมุ ตนเองในการใชช้ ีวติ ปกติ เช่น การ กิน การนอน เสียหน้าท่ี การเรียนและการงาน สำหรับประเทศไทยมีเด็กติดเกมและมีปัญหาเสี่ยงติดเกม 2 ลา้ นคน เดก็ ตดิ เกม อาจมีได้หลายสาเหตุ เช่น มีความภาคภมู ิใจในตนเองตำ่ อยากได้การยอมรบั จากเพอ่ื น การเล่นเกมชนะและมีชอ่ื เสียงในโลกของเกม ทำให้อยากเล่นเกมเพ่ิมมากข้ึนอีก การเลยี้ งดแู บบไม่มีระเบยี บ อินเทอรเ์ น็ตปลอดภัยในโรงเรียน 12

วนิ ัย ไม่มีกฎกติกา ทำให้เด็กไม่สามารถควบคุมตนเองได้ดี เล่นเกมติดพัน เล่นมากข้ึนเร่ือย ๆ จนขาดความ รับผดิ ชอบต่อหนา้ ท่ี โดยผ้ปู กครองไม่ไดว้ า่ กล่าวตกั เตอื น ปัญหาความเครียดจากครอบครัวหรือการเรียน อาจ ทำให้เด็กหนีไปเล่นเกม ระบายความเครียด ผู้ใหญ่ติดมือถือ ขาดระเบียบวินัย ไม่มีกิจกรรมอย่างอื่นให้ทำ รว่ มกัน หรอื มีเพ่อื นท่เี อาแต่ชวนเล่นเกม ถา้ ไมเ่ ล่นกเ็ ข้ากลุ่มเพื่อนไมไ่ ด้ ก็เป็นสาเหตุทำให้เดก็ ติดเกมได้ พ่อแม่ ผูป้ กครองและครูจงึ ควรแก้ไขปัญหาทีต่ น้ ตอ อีสปอร์ต (E-sport) หรือ การแข่งขันวิดโี อเกมชิงรางวัล ผู้ประกอบการเกมและธุรกิจท่ีเกี่ยวข้องใช้ คำน้ีในการทำการตลาด โฆษณาเชญิ ชวนให้เด็กเล่มเกมมาก ๆ โดยไม่ได้คำนึงถึงผลเสียที่จะเกิดข้นึ กบั ตัวเด็ก ไม่ว่าจะเป็นการเสพติดเกม ไม่สนใจการเรียน ค่าใช้จา่ ยที่เพ่ิมมากขึ้น การเลียนแบบพฤติกรรมความรุนแรง ในเกม ปญั หาทางดา้ นสุขภาพ ข้อมลู จากกรมสุขภาพจิต พบจำนวนเด็กตดิ เกมเพิ่มข้ึนมากกว่าเท่าตวั ใน 1 ปี (พ.ศ. 2560-2561) การเสพติดเกม ส่งผลเสียหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ เช่น ปวดหัว ปวดท้อง เม่ือยเนื้อตัว การไหลเวียนของเลือดไม่ดีจนเกิดลิ่ม เลอื ดท่ขี าเพราะนงั่ เลน่ เกมนานเกินไป โรคอว้ นเพราะขาดการออกกำลงั บางคนน่ังเล่นเกมไปด้วยกินไปด้วย ผลเสียด้านพัฒนาการสังคม เช่น มปี ัญหาความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง แยกตัวออกจากกลุม่ เพื่อนเพื่อไป เล่นเกม ผลเสียด้านพฤติกรรม เช่น พัฒนาการลา่ ช้า เน่อื งจากไม่ไดฝ้ กึ ฝนหยบิ จับขดี เขียนปนี ปา่ ยตามวัย อาจ เลียนแบบพฤตกิ รรมก้าวร้าวในเกม เด็กท่เี สพติดเกมจะมีความสามารถในการควบคุมตนเองต่ำ อดทนรอคอย ไม่ได้ เพราะเวลาเล่นเกมจะกดปุ่มไวแล้วมีการตอบสนองทันที ต่างจากในชีวิตจริงที่การทำอะไรสักอย่าง ให้สำเร็จตอ้ งใช้เวลานานและใชค้ วามพยายามสม่ำเสมอ เช่น การเรียน การเลน่ กีฬา ดนตรี ท่ีตอ้ งฝึกซอ้ มมาก ไม่มอี ะไรไดม้ าง่าย ๆ การเล่นเกมยังมีค่าใช้จ่ายดว้ ย ได้แก่ ค่าไฟ ค่าอินเทอรเ์ น็ต คา่ ชัว่ โมงรา้ นเกม ค่าซ้ือของ หรอื ไอเทม็ (items) ในเกม เป็นตน้ นพ.เกียรติภมู ิ วงศ์รจิต เคยให้รายละเอียดเกี่ยวกบั ปัญหาพฤติกรรมเสพติดเกมวา่ เป็นปัญหาจิตเวช เดก็ และวัยรุน่ ทพ่ี บบ่อยในอายุระหว่าง 6 – 18 ปี มคี วามสัมพันธ์กบั ชนดิ ของเกมประเภทตอ่ สอู้ อนไลนแ์ บบมี ผลู้ งแข่งเป็นทีมเปน็ หลัก และเกดิ โรคร่วมทางจิตเวช เชน่ โรคสมาธิสน้ั วติ กกังวล ซมึ เศร้า อารมณ์แปรปรวน โรคติดสารเสพติด โรคจิต และโรคลมชกั โดยเฉลีย่ เดก็ และวัยรนุ่ จะใชเ้ วลาเล่นเกมนาน 5 ชม.ต่อวนั และเล่น เกมแข่งขนั ตอ่ สู้ออนไลน์ 1 – 4 เกมสลบั กันไป ซงึ่ เกินระดบั ความปลอดภัยในการเล่นเกม 9 ชวั่ โมงต่อสปั ดาห์ เด็กมักแสดงอาการหงุดหงิด ก้าวร้าวเม่ือให้เลิกเล่น และมักไม่ทำหน้าที่ตามความรับผิดชอบของตนเอง ซึง่ เกดิ ผลกระทบต่าง ๆ ตามมา ไดแ้ ก่ ปญั หาการเรียน สอบตก ไมย่ อมไปโรงเรียน ซำ้ ช้ัน เรียนไมจ่ บ จากการ เล่นนานเกิน 4 ช่ัวโมงต่อวนั ขึ้นไป พฤติกรรมเสี่ยงเรื่องเพศ ผ่านการแช็ตในห้องเกม ปัญหาการเติมเงนิ การ ซอ้ื ขายและการพนนั พฤติกรรมกา้ วร้าวทางวาจา เชน่ การด่าทอด้วยภาษาหยาบคาย พฤติกรรมก้าวร้าวทาง กาย เช่น การทุบตีคนอื่น อาละวาดทำลายของ คุกคามคนใกล้ชิด รังแกกันทางสื่อสังคมออนไลน์ ใช้สาร อินเทอรเ์ นต็ ปลอดภัยในโรงเรียน 13

เสพตดิ ฆ่าตัวตาย พฤติกรรมการกระทำความผดิ ลกั ขโมยเงิน ย่องเบา เพ่อื ใหไ้ ด้สมาร์ทโฟน การข่มขู่เพ่ือให้ ไดเ้ งินและอุปกรณค์ อมพวิ เตอร์ในวยั รุ่น เป็นตน้ สำหรบั แนวทางแก้ไขปญั หาเดก็ ติดเกม รศ.ดร.ภญ.จิรภรณ์ องั วิทยาธร ภาควชิ าเภสัชเคมี คณะเภสัช ศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ไดเ้ ขียนบทความอธบิ ายไว้วา่ โรคติดเกม เกดิ ได้กับเด็กและผู้ใหญ่ ในกรณีที่เป็น เด็ก พ่อแม่หรือผูป้ กครองจะมีบทบาทสำคัญทีส่ ุด อย่ามองเกมที่เด็กเล่นว่าไม่เป็นพิษเป็นภัยเหมือนเป็นของ เลน่ ชนดิ หนงึ่ ควรตระหนักเสมอว่าเด็กมีโอกาสติดเกมไดเ้ หมอื นตดิ ส่งิ เสพติด กอ่ นที่จะอนุญาตให้เดก็ เล่นเกม ควรมีการสญั ญาและตกลงกันกอ่ นวา่ จะต้องทำการบา้ น อา่ นหนงั สือ หรืออาบนำ้ กินขา้ วกอ่ นถึงจะเลน่ เกมได้ จำกดั เวลาเล่นเกม เลอื กประเภทเกมให้เด็กเล่น ให้รางวลั เมื่อเด็กทำตามท่ีตกลงกันไว้ได้ เกบ็ อุปกรณ์ในการ เล่นเกมรวมทั้งมือถอื ให้ห่างไกลจากเด็ก เบ่ียงเบนความสนใจของเด็กให้หันไปทำกิจกรรมอื่น ๆ โดยเฉพาะ กจิ กรรมทส่ี ามารถทำร่วมกบั พ่อแมไ่ ด้ เช่น การอ่านหนงั สือหรอื เลา่ นทิ านกอ่ นนอน เล่นกีฬาท่เี ดก็ ชอบ พาไป เดนิ เที่ยวในสวนสาธารณะ เป็นการเสริมสร้างความสัมพันธร์ ะหว่างเดก็ กับพ่อแม่ใหม้ ากข้นึ แนวทางการแก้ไข ได้แก่ การจำกัดเวลาเล่นเกม ครอบครัวหรือเพ่ือนสนิทช่วยห้ามช่วยเตือน ให้กำลงั ใจ หรือคอยชักชวนให้หันไปทำกิจกรรมอน่ื ๆ เช่น เล่นกีฬา ออกกำลังกาย เล่นดนตรี ใช้เวลาว่างไป ทำกจิ กรรมที่เป็นสาธารณประโยชน์ ในรายท่ตี ิดเกมรุนแรงมากอาจต้องพบนักจติ วิทยาหรอื จิตแพทย์ การเล่น เกมอย่างพอดี ทำให้ผูเ้ ล่นไดร้ ับความสนุกสนานเพลิดเพลิน คลายเครียด ฝึกทักษะ สมาธิ การตัดสินใจ การ ประสานการทำงานของกล้ามเนื้อและประสาทระหว่างมือกับตา อย่างไรก็ตาม การเล่นเกมไม่ควรเล่น ติดต่อกันเป็นเวลานาน หรือหมกมุ่นมากจนทำให้เกิดอาการเสพติดและเกิดผลเสียต่อสุขภาพทางกายและ ทางดา้ นจติ ใจ การเล่มเกมไม่ให้เกิดโทษ ควรกำหนดกฎกติกา เบ้ืองต้นคือห้ามเด็ดขาดในการใช้เทคโนโลยีหรือ อปุ กรณ์จอใสตา่ ง ๆ เปน็ พเ่ี ล้ียงเด็กในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ เน่ืองจากจะสง่ ผลใหพ้ ฒั นาการลา่ ช้า ซน สมาธิ สั้น นอนไม่หลับ มีอาการของออทิสติกมากขึ้น ฯลฯ สำหรบั เด็กในช่วงปฐมวัย ไม่เกิน 5 ขวบ อาจใชส้ ื่อจอ เสรมิ การเรยี นรไู้ ด้โดยมีครหู รอื ผปู้ กครองเปน็ ผเู้ ลอื กสอ่ื และชีแ้ นะเดก็ ไปด้วย วันละไมเ่ กนิ 1 ชม. เดก็ ควรได้รับ การพัฒนาเรอ่ื งสมาธแิ ละทักษะทางสังคม เรยี นรู้จากการมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งต่าง ๆ ในโลกแหง่ ความเป็นจริง จึงควรสนบั สนนุ ให้เดก็ ทำกิจกรรมสร้างสรรค์ เชน่ ชมรม ชุมนุมต่าง ๆ ในโรงเรยี นมากกวา่ อย่หู น้าจอส่ีเหลยี่ ม เป็นเวลานาน ๆ ดังน้ัน ครอบครัวต้องสร้างจุดแข็งในการอยู่ร่วมกับเกม เทคโนโลยี หรืออุปกรณ์หน้าจอใส ตา่ ง ๆ ดว้ ยหลกั ปฏิบตั ใิ นครอบครัว 3 ต้อง 3 ไม่ ท่ี นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานต์ิ ได้แนะนำไว้ 3 ตอ้ ง ได้แก่ o ต้อง กำหนดเวลา (เช่น 1 ชัว่ โมงต่อวัน หลงั ทำการบา้ น/หนา้ ที่ ให้เรยี บรอ้ ยเสียกอ่ น) o ต้อง กำหนดรายการใหล้ กู (รายการ/กจิ กรรมใดทำได้-ไมไ่ ด้ เว็บไซต์แบบใดควร-ไม่ควรเข้า) o ตอ้ ง เล่นกบั ลกู (เพอ่ื สามารถช้ีแนะถกู ผดิ การคิดวิเคราะห์ รเู้ ทา่ ทันข่าวสารขอ้ มลู ต่าง ๆ) อินเทอร์เนต็ ปลอดภัยในโรงเรยี น 14

3 ไม่ ไดแ้ ก่ o ไม่ เป็นแบบอยา่ งทผี่ ดิ o ไม่ ใชใ้ นเวลาครอบครวั เชน่ เวลาทานข้าว เวลาทคี่ รอบครัวทำกิจกรรมรว่ มกนั o ไม่ ใช้ในหอ้ งนอน พอ่ แมผ่ ปู้ กครองต้องกำหนดขอบเขตหรอื พ้ืนที่เหล่านีใ้ นครอบครัว พญ.ทิพาวรรณ บรู ณะสิน จิตแพทยป์ ระจำ สถาบนั สขุ ภาพจติ เด็กและวัยรนุ่ ราชนครนิ ทร์ ภายใต้ กรมสุขภาพจติ ไดใ้ หค้ ำแนะนำสำหรับพ่อแม่ในการดูแลลูกไมใ่ ห้ตดิ เกม ดงั นี้ ขอ้ ควรปฏิบตั ิ o ฝึกวนิ ยั และความรับผิดชอบเป็นอันดบั แรก o จำกัดเวลาการเล่นเกมแตล่ ะครงั้ ไม่ควรเกนิ 1 ชวั่ โมง o ควรส่งเสรมิ การเล่นกฬี าทดแทนการเลน่ วิดีโอเกม ขอ้ ควรหลีกเล่ียง o อนุญาตให้เลน่ เกมในหอ้ งนอนสว่ นตัว o การเล่นเกมก่อนทำการบ้าน กอ่ นเข้านอน o เกมตอ่ สู้ รุนแรง เตมิ เงิน เลน่ พนันหรือเดมิ พันในการเลน่ เกม อนิ เทอรเ์ น็ตปลอดภัยในโรงเรียน 15

ขอ้ ห้าม o หยบิ ยนื่ เกมให้เด็กแทนของเล่นหรือของรางวลั o การเล่นเกมนานเกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน o เกมการพนนั ทกุ ชนดิ การลงแขง่ ขันชิงเงินรางวลั ขณะมีอายตุ ำ่ กว่า 18 ปีบรบิ ูรณ์ เด็กทกุ คนทีเ่ ล่นเกมออนไลน์ มีความเส่ียง “เสพติดเกม” พญ.ทิพาวรรณ บูรณะสนิ มีขอ้ แนะนำ o เด็กปฐมวยั - ก่อนวัยเรียน (0-5 ปี) ห้ามใช้สมาร์ทโฟนหรือสื่อจอใสหากอายุยังไม่ถงึ 2 ขวบ และใช้เพียงวันละไม่เกิน 1 ช่ัวโมง สำหรบั เด็กอายุ 2-5 ขวบ ภายใต้การดูแลแนะนำของพ่อ แม่หรือครู o เด็กวัยเรียน - ก่อนวัยรุ่น (6-12 ปี) ห้ามปล่อยให้เล่นเกมโดยลำพัง ควรกำกับเวลาและ ความรบั ผิดชอบอยา่ งใกล้ชดิ o วัยรุ่น (13-18 ปี) – เฝ้าระวังเกมทม่ี ีเนอ้ื หาความรุนแรงและกำกับพฤติกรรมการเลน่ เกมแนว MOBA – Multiplayer Online Battle Arena เช่น จำกดั เวลา จำกัดการเข้าถึง การพูดคุย ในเน้ือหาไมเ่ หมาะสม จำกดั การเตมิ เงิน ไม่ควรสนับสนุนการลงแขง่ ขันชิงรางวัลทกุ รูปแบบ และควรห้ามการพนนั ทุกชนดิ o เยาวชน (18-25 ปี) – เฝ้าระวังพฤติกรรมที่มีแนวโน้มกระทำผิดกฎหมายและก่อหน้ีสิน จากการพนนั เม่ือลูกเริ่มมีพฤติกรรมเสพติดเกม ควรพูดคุยทำความเข้าใจกับเด็กและวัยรุ่น ติดตามผลการเรียน สภาวะอารมณ์ เบ่ียงเบนความสนใจด้วยกิจกรรมทดแทนรว่ มกับสมาชิกในครอบครัวเสียแต่เนิ่น ๆ หากพบ ความผิดปกตทิ างพฤติกรรมและอารมณท์ ีเ่ รม่ิ มีความรนุ แรง ควรพามาพบจิตแพทย์ สำหรับนอ้ ง ๆ เด็กและเยาวชนทเี่ ล่นเกม แนะนำให้ทำแบบทดสอบการติดเกม และ แบบวัดภมู ิคมุ้ กัน การติดเกม พ่อแม่ผู้ปกครองก็ใช้แบบประเมินลูกได้ ที่เว็บไซต์ Healthy Gamer ของ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล (http://www1.si.mahidol.ac.th/Healtygamer/quiz) ซ่ึงเป็นแบบทดสอบออนไลน์ หลงั ทำเสร็จจะมีการรวมคะแนนและระบุระดับการติดเกมหรือระดบั ภูมิค้มุ กัน พรอ้ มคำแนะนำในการปฏิบัติ ตวั เพอื่ การปอ้ งกนั แก้ไขปญั หาตดิ เกม แนวคำถามมดี งั นี้ อนิ เทอรเ์ นต็ ปลอดภัยในโรงเรยี น 16

ตัวอย่างคำถาม แบบทดสอบการติดเกม (ฉบบั เดก็ ) แนะนำให้ทำออนไลน์ (http://www1.si.mahidol.ac.th/Healtygamer/quiz) หากต้องการวัดผล 1. ฉนั สนใจหรอื ทำกจิ กรรมอย่างอ่นื นอ้ ยลงมาก 2. ฉันมกั เลน่ เกมจนลมื เวลา 3. ความสมั พันธ์ระหว่างฉนั กบั คนในครอบครัวแยล่ ง 4. ฉนั เคยเล่นเกมดกึ มาก จนทำให้ตืน่ ไปเรียนไม่ไหว 5. ฉนั มักเลน่ เกมเกนิ เวลาท่ฉี ันได้รบั อนญุ าตใหเ้ ลน่ 6. ฉนั มักอารมณ์เสียเวลามใี ครมาบอกใหเ้ ลิกเลน่ เกม 7. ฉนั เคยโดดเรียนเพ่ือไปเล่นเกม 8. เรอื่ งทีฉ่ นั คุยกับเพื่อน ๆ มกั เปน็ เรอ่ื งเกยี่ วกบั เกม 9. ฉันใชเ้ วลาว่างสว่ นใหญ่ไปกบั การเล่นเกม 10. การเรียนของฉันแยล่ งกว่าเดมิ มาก 11. กลมุ่ เพอ่ื นท่ฉี ันคบดว้ ยชอบเล่นเกมเหมือนกนั 12. เวลาทีฉ่ นั พยายามหกั ห้ามใจตวั เองไม่ใหเ้ ลน่ เกมมาก ฉนั มักทำไมส่ ำเร็จ 13. เงินของฉนั สว่ นใหญ่หมดไปกบั เกม (ซอ้ื บตั รชั่วโมง หนงั สือเกม ส่ิงของในเกม) 14. หลายคนบอกวา่ อารมณ์ของฉนั เปลยี่ นไป (เบอ่ื ง่าย หงดุ หงดิ ข้ีรำคาญ) 15. หลายคนบอกว่า พฤติกรรมของฉนั เปลี่ยนไป (เถียงเกง่ ไมเ่ ชอ่ื ฟัง ไม่รบั ผดิ ชอบ) 16. หลายคนบอกวา่ ฉนั ติดเกม อนิ เทอรเ์ น็ตปลอดภยั ในโรงเรียน 17

ตัวอย่างคำถาม แบบวดั ภมู ิคมุ้ กันการติดเกม (ฉบับเดก็ ) แนะนำให้ทำออนไลน์ (http://www1.si.mahidol.ac.th/Healtygamer/quiz) หากตอ้ งการวดั ผล 1. ฉันพอใจในตนเอง 2. ฉนั เป็นเดก็ ท่ีเอาใจใสก่ ารเรยี น 3. ฉันเป็นคนทรี่ บั ผิดชอบต่อหน้าที่ 4. ฉันเป็นคนเครียดงา่ ย 5. ฉันมกี จิ กรรมอนื่ ๆ ทำ (ทไ่ี ม่ใชก่ ารเลน่ เกม) เพอื่ คลายเครยี ด 6. ชีวิตฉันมีความสุข 7. ฉันมสี มาธิในการเรียน 8. ฉนั เบอื่ เรยี น 9. ครอบครวั ของเรารักกันดี 10. ครอบครัวของเราทำกจิ กรรมรว่ มกันบ่อย ๆ 11. ฉันชอบเข้ารว่ มกจิ กรรม (ที่ไม่ใช่การเล่นเกม) กับเพ่ือน ๆ 12. ฉันได้เล่นเกมทกุ ครง้ั ทฉี่ ันอยากเล่น 13. กลมุ่ เพอ่ื นท่ีฉนั คบด้วยเปน็ กลุ่มเดก็ เรียนหรือชอบทำกิจกรรม 14. ฉันเชอื่ วา่ ฉนั สามารถทำสง่ิ ตา่ ง ๆ ใหส้ ำเร็จได้ 15. ฉันรสู้ กึ ว่าพ่อแมเ่ ขา้ ใจฉัน 16. ฉนั มักคลายเครียดดว้ ยการเล่นเกม อนิ เทอร์เนต็ ปลอดภยั ในโรงเรียน 18

ตวั อย่างคำถาม แบบทดสอบการติดเกม (ฉบบั ผปู้ กครอง) แนะนำให้ทำออนไลน์ (http://www1.si.mahidol.ac.th/Healtygamer/quiz) หากตอ้ งการวดั ผล 1. ลกู สนใจหรอื ทำกจิ กรรมอย่างอ่ืนนอ้ ยลงมาก 2. ลกู มักเล่นเกมจนลมื เวลา 3. ความสมั พนั ธ์ระหว่างลูกกบั คนในครอบครวั แยล่ ง 4. ลกู เคยเล่นเกมดึกมาก จนทำใหต้ ่นื ไปเรยี นไม่ไหว 5. ลกู มักเลน่ เกมเกนิ เวลาท่ีฉนั อนญุ าตให้เลน่ 6. ลกู มักอารมณ์เสียเวลาทีฉ่ นั บอกใหเ้ ลกิ เลน่ เกม 7. ลกู เคยหนเี รยี นเพ่ือไปเลน่ เกม 8. เรือ่ งท่ลี กู คุยกบั เพื่อนๆ มกั เปน็ เรื่องเกีย่ วกับเกม 9. ลกู ใช้เวลาว่างสว่ นใหญไ่ ปกบั การเลน่ เกม 10. การเรียนของลกู แยล่ งกว่าเดิมมาก 11. กลมุ่ เพอื่ นทล่ี ูกคบดว้ ย ชอบเล่นเกมเหมือนกบั ลกู 12. เวลาทฉ่ี นั ห้ามลูกไมใ่ หเ้ ลน่ เกมมาก ลกู มักทำไม่ได้ 13. ลกู ใช้เงนิ ส่วนมากไปกบั เกม (ซื้อหนังสอื เกม สง่ิ ของในเกม) 14. อารมณ์ของลกู เปล่ียนไป (เบอ่ื ง่าย หงดุ หงิด ขีร้ ำคาญ) 15. พฤติกรรมของลกู เปลี่ยนไป (เถยี งเก่ง ไม่เช่ือฟงั ไมร่ ับผดิ ชอบ) 16. ฉันคดิ วา่ ลูกตดิ เกม อนิ เทอร์เนต็ ปลอดภยั ในโรงเรยี น 19

โรคว้นุ ในตาเสอื่ ม สาเหตุหลักของโรคนเ้ี กดิ จากน้ำในว้นุ ตาเสอื่ ม โดยสว่ นมากจะพบในผสู้ ูงอายุ หรอื คนท่ที ำอาชีพทีต่ ้อง ใช้สายตามาก ๆ และผู้ที่สายตาส้ัน แต่ปัจจุบันกลับพบว่ามีคนเป็นโรควุ้นตาเส่ือมกันมากข้ึน จากสาเหตุที่อยู่ หน้าจอกันทั้งวัน ไม่ว่าจะเล่นโทรศัพท์ อ่านหนังสือ ดูหนัง เล่นเกม ต่างก็ทำผ่านหน้าจอ ทั้งสิ้น ซึ่งสาเหตุท่ี ทำให้คนสายตาเสียจากการมองจอมาจากสาเหตดุ งั นี้ 1. การมองตัวอกั ษรที่อยู่บนจอ ตาจะโฟกัสไมแ่ นน่ อน ทำใหก้ ล้ามเนื้อตาทำงานหนัก 2. การกม้ มองแปน้ พิมพ์ตวั อกั ษร ทำให้ตาทำงานหนัก เพราะต้องปรบั โฟกัสบ่อย 3. การเลื่อนดูเน้ือหาบนหน้าจอ ซึ่งทำให้ตาต้องปรับโฟกัสบ่อย ซง่ึ ถ้าชอบอา่ นหนังสอื บนหน้าจอจะ ทำใหต้ ดิ นิสยั มา เม่อื มองสิง่ ตา่ ง ๆ ไม่วา่ ใกล้หรือไกล ก็ตอ้ งปรบั โฟกสั การมองเสมอ อาการที่แสดงออกมา คือ ผู้ป่วยจะมีอาการมองเห็นเป็นจุดหรือเส้นคล้ายหยากไย่ลอยไปลอยมา โดยเฉพาะเวลามองในท่ีแสงสว่าง ตะกอนท่ปี รากฏนี้จะอยใู่ นว้นุ ตา ในระยะแรกจะเหน็ ภาพตะกอนไดช้ ัดเจน แต่เม่อื เวลาผา่ นไปสมองจะจำจดและทำใหผ้ ู้ป่วยเหน็ ภาพตะกอนได้นอ้ ยลง เมื่อวนุ้ ตาเหลวและหดตัวจะทำให้ เกดิ การดงึ รั้นท่ีผวิ จอตา ผู้ป่วยจะเหน็ เป็นแสงคลา้ ยแฟลชในตา ซึ่งจะเหน็ ในที่มืดหรือเวลากลางคืน อาการน้ี จะหายไปเมื่อวุ้นตารอ่ นออกจากจอตา ในบางรายแรงดึงที่เกิดข้ึนอาจทำใหจ้ อตาฉกี ขาดและหากปล่อยท้ิงไว้ ผู้ป่วยอาจสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรเลย แต่ในบางคร้ังการมองเห็นจุดสีดำอาจมาจากสาเหตุอ่ืน เช่น ม่านตาอักเสบ เลือดออกในวนุ้ ตา เปน็ ตน้ การป้องกัน คือ อย่าอ่านหนังสอื เล่นโทรศัพท์ เล่นคอมพิวเตอร์ ในท่ีมืด เพราะจะทำให้สายตาสั้น ซ่งึ สายตาส้นั จะทำให้วุ้นตาเสอ่ื มง่ายข้ึน อยา่ นอนหลับในทีส่ วา่ ง ถงึ จะหลบั อย่แู ตต่ ายงั ได้รบั แสงกย็ ังทำงานอยู่ ป้องกนั ไมใ่ หต้ าถกู กระทบกระเทอื นแรง ๆ และทานอาหารใหค้ รบ 5 หมู่ โรคติดพนัน ร้อยละ 42.38 ของเด็กและเยาวชนเข้าสู่วงจรการพนัน โดยมีปัจจัยชักจูงให้เข้าสู่การเล่นการพนัน ออนไลน์ คือ สื่อโซเชยี ลมีเดีย โดยเฟซบกุ๊ และเว็บไซต์ดหู นังฟังเพลงเปน็ ส่ือทีม่ ีอิทธพิ ลสงู สดุ (ทีม่ า: ยูรีพอรต์ , 2562) การพนันออนไลนท์ ่ีเดก็ และเยาวชนนิยมมากทสี่ ดุ คือการพนันทายผลฟตุ บอล ในระหว่างปี 2558-2559 ไดม้ ีเว็บไซต์การพนันมากถึง 213,000 เว็บไซต์ ทำให้เด็กและเยาวชนไทยเป็นกลุม่ เส่ียงใหญ่ในพนันออนไลน์ เนือ่ งจากเขา้ ถึงง่ายและเล่นได้ทุกทที่ ุกเวลา (ทม่ี า: มลู นิธสิ าธารณสุขแห่งชาติ, 2559) กรมสุขภาพจติ (2561) ระบุ การติดพนัน คือมีอาการอยา่ งนอ้ ย 4 ใน 9 ขอ้ ในช่วง 12 เดือนทีผ่ ่านมา 1. เพิม่ จำนวนเงนิ ในการเล่นแตล่ ะคร้ัง เพอื่ ใหร้ สู้ กึ ตืน่ เต้นมากกว่าเดิม 2. รู้สึกกระสบั กระส่ายหรอื หงดุ หงดิ เมอื่ พยายามลดหรอื เลกิ การพนัน 3. พยายามควบคุม ลด หรอื เลิกการพนนั หลายครงั้ แตไ่ ม่สำเรจ็ 4. คดิ วกวนถึงการพนันบ่อย ๆ เช่น ย้อนนกึ ถึงชว่ งเวลาเล่นพนนั ท่ีผ่านมา วางแผนการเลน่ ครง้ั ถดั ไป นกึ ถึงวิธกี ารหาเงนิ มาเลน่ พนัน อินเทอรเ์ น็ตปลอดภยั ในโรงเรียน 20

5. เลน่ พนันบอ่ ย ๆ เมอ่ื รสู้ ึกตึงเครียด 6. หลงั จากสญู เงินไปกบั การพนันแลว้ จะพยายามแก้ตัวด้วยการไปเล่นอีกบ่อยครงั้ 7. โกหกเพอื่ ปกปิดการเลน่ พนัน 8. บกพรอ่ งหรือสญู เสียความสัมพันธ์ หน้าทก่ี ารงาน การเรยี น หรอื โอกาสตา่ ง ๆ 9. ยอมทำตามคำสง่ั คนอ่นื เพอ่ื ใหช้ ว่ ยเหลอื เร่ืองเงินในการเลน่ พนนั เด็กท่ีตดิ พนันออนไลน์ จงึ อาจเปน็ เด็กทีต่ ิดอินเทอรเ์ น็ต มีพฤตกิ รรมเนือยนิ่ง เป็นโรคอ้วน โรคเครียด แยกตัวจากสังคม มีปัญหาเร่ืองสัมพันธภาพ การเรียน หน้าท่ีการงาน รวมถึงปัญหาเร่ืองค่าใช้จ่าย หนี้สิน ซง่ึ อาจนำไปสู่ปัญหาอ่ืนตามมา เช่น การก่ออาชญากรรมเพื่อหาเงินมาเล่นพนันหรือใช้หนีพ้ นนั ความรุนแรง การคา้ ประเวณี เข้าสธู่ รุ กจิ พนนั ฯลฯ การพนนั ยังมีผลทำลายสมองอย่างถาวรอีกดว้ ย การพนนั ทำลายสมอง แมว้ า่ พนั ธุกรรมมสี ว่ นสำคญั ในการกำหนดพฒั นาการของสมอง แตม่ หี ลักฐานยืนยันวา่ ประสบการณ์ท่ี เกิดข้ึนในช่วงอายุก่อน 10 ปี มีผลอย่างมากต่อพัฒนาการของสมองด้านระบบคิดและสติปญั ญา ดังนั้นหาก เด็กเจริญเตบิ โตในสภาพแวดล้อมที่เตม็ ไปดว้ ยแหลง่ พนนั หรือเข้าถึงการพนันได้ง่าย มคี วามเส่ียงสูงทจี่ ะได้รับ ผลกระทบนีไ้ ปตลอดชวี ติ เนื่องจากการพฒั นาจนสมบูรณ์ของสมองแตล่ ะสว่ นเกดิ ไม่พรอ้ มกัน การพัฒนาของ สมองในชว่ งเด็กและวยั รนุ่ สมองส่วนทมี่ หี นา้ ทเี่ ก่ยี วกบั อารมณ์และความกลา้ เสีย่ งแบบมุทะลุ จะเสรจ็ สมบูรณ์ ก่อนสมองสว่ นหนา้ ซ่ึงมหี นา้ ที่เก่ียวกับการตัดสินใจ ยับยัง้ ชั่งใจ การแก้ปัญหา ฯลฯ ส่งผลให้วยั รุน่ มีแนวโนม้ ใจ ร้อน วู่วาม ตัดสินใจหรือลงมือทำสิ่งต่าง ๆ โดยไม่ทันได้คิดถึงผลที่จะตามมา สมองส่วนหน้า (Prefrontal Cortex) จะพัฒนาสมบรู ณ์ตอนอายุประมาณ 20 ปี ในช่วงวัยร่นุ สมองสามารถเพิม่ เนื้อสมองผ่านการเรยี นรู้ และการส่งั สมประสบการณ์ ในชีวติ และสมองจะมีการปรับโครงสรา้ ง โดยคัดเซลลป์ ระสาทและเครอื ขา่ ยการ เชื่อมโยงบางส่วนท่ีไม่ได้ใช้งานทิ้งไป เพ่ือให้ประสิทธิภาพการทำงานของสมองดีข้ึน กระบวนการนี้เรียกว่า Pruning ถ้าช่วงแห่งการเรียนรู้นี้วัยรุ่นหมกมุ่นหรอื ติดการพนัน จะส่งผลให้สมองส่วนหน้าไม่เพิ่มเนื้อสมอง สมองส่วนหน้าจะไม่พัฒนาการอย่างถาวร และยังอาจถูกคัดท้ิง เพราะไม่ได้ใช้งาน ส่งผลต่อระบบคิดและ พฤติกรรมทีจ่ ะตดิ ตัวไปตลอดชีวิต โดยจะกลายเปน็ ผู้ใหญท่ ่ีไม่อดทนรอความสำเร็จจากการทำงาน แตห่ วังได้ เงนิ ง่าย ๆ และรวดเร็ว การพนันมีผลเปลี่ยนแปลงสมองได้อย่างชัดเจน ทั้งในระดับโครงสร้างและระดับการทำงาน ซึ่งจะ รนุ แรงมากข้ึนเมื่อเริม่ พนันตั้งแต่วยั เด็กและวัยรนุ่ ส่งผลให้ขาดทักษะชีวิต ความฉลาดทางสังคม รวมท้ังเพิ่ม ความเส่ียงในการเกดิ พฤตกิ รรมต่อต้าน การใชส้ ารเสพติด ลักขโมย และเกิดโรคจติ เวชได้บอ่ ยและรนุ แรงกว่า ผู้ไมเ่ ลน่ พนันหรอื เร่ิมเลน่ พนนั ตอนเป็นผใู้ หญแ่ ลว้ ความเสยี หายของสมองท่สี มั พนั ธ์กับการตดิ พนนั ดงั นี้ 1. ความสามารถในการตัดสินใจลดลง เพราะความสามารถในการประเมินผลท่จี ะตามมาในอนาคต บกพรอ่ ง และคาดเดาผลทางบวกผิดพลาดได้อีกด้วย อินเทอร์เนต็ ปลอดภยั ในโรงเรยี น 21

2. ใช้เงินมือเติบ เพราะสมองส่วนหน้าท่ีทำหน้าท่ีควบคุมตนเองและตัดสินใจอย่างรอบคอบนั้น ทำงานบกพรอ่ ง 3. เสยี่ งตอ่ พฤติกรรมลักขโมย ฉ้อฉล คอรปั ชนั่ เมื่อโตขน้ึ พบวา่ หากเล่นพนันในวัยรุ่น โตมามักจะ เลน่ ต่อ และหากอยู่ในกลมุ่ เพ่ือนไม่ดกี ็อาจจะถกู ชกั นำให้ลกั ขโมย หาเงนิ เล่นพนัน 4. เสี่ยงต่อโรคจิตเวชและโรคติดสารเสพติดเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะรายท่ีเริ่มเล่นตั้งแต่อายุยังน้อย ความบกพร่องของหน้าที่สมองหลาย ๆ ส่วนมีผลต่อความคิด พฤติกรรม อารมณ์ และมีโอกาส นำไปสู่อาการหรือโรคทางจิตเวชได้ เช่น โรคสมาธิสั้น ซึมเศร้า สูบบุหร่ี ดื่มสุรา และปัญหา สารเสพติดอ่ืน ๆ รวมทง้ั มพี ฤตกิ รรมต่อตา้ นแหกกฎ และพยายามฆ่าตาย อนิ เทอรเ์ นต็ ปลอดภยั ในโรงเรียน 22

โรคติดโทรศพั ท์มอื ถอื พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบายคำว่า โนโมโฟเบีย (Nomophobia) หรือโรคติดโทรศัพท์มือถือ ว่า ในนิยามทางการแพทย์นน้ั ไม่ใช่โรค แตเ่ ปน็ กลุ่มอาการ อาการตดิ โทรศัพท์มอื ถือ เป็นไปตามเทคโนโลยีทเี่ ข้ามา ใหม่ ซ่ึงคำวา่ “โนโม” เป็นคำท่ีใช้เรียกแทน โน โมบายโฟน สว่ นคำว่า “โฟเบีย” แปลว่ากังวลอย่างมากต่อส่ิง ใดส่ิงหน่ึงหรือกังวลมากเกินกว่าเหตุ จึงเรียกรวมกันเป็น “โนโมบายโฟนโฟเบีย” แต่เราเรียกกันส้ัน ๆ ว่า “โนโมโฟเบยี ” มาจากการที่โทรศัพทม์ อื ถือเข้ามาเป็นสว่ นหน่ึงของชีวติ ประจำวัน และเราเกิดความกงั วลใจว่า ถา้ ไมม่ ีโทรศพั ท์แล้วจะทำอย่างไร อาการใดบา้ งที่เข้าขา่ ย โนโมโฟเบีย หรือ อาการกลวั ขาดโทรศัพท์มอื ถือ o พกโทรศัพทต์ ิดตัวตลอดเวลา จะมคี วามกงั วลเมื่อมอื ถอื ไม่ได้อยกู่ ับตัว o เช็คโทรศัพท์ โซเชยี ลมเี ดีย หรือแอปพลเิ คขันตลอดเวลา ถึงแมจ้ ะไมม่ เี รอ่ื งด่วนก็ตาม o จับโทรศพั ท์ตลอดเวลาต้ังแตต่ น่ื จนถงึ ก่อนนอน o เมอ่ื หาโทรศัพท์ไม่เจอจะเครยี ด วติ กกังวลมากกว่าหาของอย่างอนื่ ไมเ่ จอ o เล่นโทรศพั ท์ตลอดเวลาในขณะที่ทำกจิ กรรมอ่ืน ๆ เชน่ กินขา้ ว เข้าหอ้ งนำ้ ขบั รถ o กลวั โทรศพั ทห์ ายแมจ้ ะเกบ็ ไว้ในทีป่ ลอดภัยแลว้ คอยคลำกระเปา๋ ตลอดวา่ โทรศัพท์ยงั อยขู่ า้ ง ๆ ตวั o ไมเ่ คยปดิ โทรศพั ทม์ ือถือ o เล่นหรอื คยุ กบั คนในโทรศัพทม์ ากกว่าคนรอบข้าง พญ.ทิพาวรรณ บรู ณสิน แพทย์ประจำสถาบนั สขุ ภาพจิตเด็กและวยั รนุ่ ราชนครนิ ทร์ กลา่ วว่า อาการ ติดโทรศัพทม์ ือถอื จะส่งผลต่อการปฏิสัมพันธก์ ับคนรอบขา้ งและสังคม โดยเฉพาะด้านสุขภาพร่างกาย ซงึ่ จะ สง่ ผลใหม้ อี าการต่าง ๆ เหลา่ นี้ o น้ิวล็อก เกดิ จากการใช้น้วิ กด จม้ิ สไลด์ หน้าจอเป็นระยะเวลานาน o อาการทางสายตา เชน่ ตาลา้ ตาพร่า ตาแห้ง เกิดจากเพง่ สายตาจ้องหนา้ จอเลก็ ๆ ท่มี ีแสงจ้านาน เกินไป อาจส่งผลให้ว้นุ ในตาเสอ่ื ม จอประสาทตาเส่ือม o ปวดเมอ่ื ยคอ บา่ ไหล่ จากการก้มหนา้ คอ้ มตัวลง ส่งผลใหเ้ ลอื ดไหลเวยี นไม่สะดวก หากเลน่ นาน อาจมอี าการปวดศีรษะตามมา รวมไปถงึ หมอนรองกระดกู เส่อื มสภาพก่อนวยั อนั ควร o โรคอ้วน แม้พฤตกิ รรมจะไมส่ ง่ ผลโดยตรง แต่การน่ังทง้ั วันโดยไม่ลุกเดินไปไหนเป็นปจั จัยเสยี่ ง ท่ีทำใหเ้ กดิ โรคอว้ นและโรคเรอ้ื รงั อื่น ๆ ได้ อนิ เทอรเ์ น็ตปลอดภัยในโรงเรยี น 23

การใชส้ ือ่ ออนไลน์สกู่ ารฆา่ ตวั ตาย กรมสุขภาพจิต เผยวยั ร่นุ ไทยฆา่ ตัวตายสำเร็จมากขึ้น ซงึ่ มีสาเหตุมาจากปญั หาสขุ ภาพจติ และการใช้ สือ่ สังคมออนไลน์มากขึน้ พร้อมแนะนำว่าควรปรกึ ษาเพ่ือน เพ่อื หาวิธแี กป้ ัญหา พญ.พรรณพิมล วิปุลากร เปิดเผยวา่ ช่วงปี 2550-2554 ประเทศไทยมีวัยรนุ่ ฆา่ ตัวตายสำเรจ็ เฉล่ีย 170 คนต่อปี โดยในปี 2554 พบว่า วัยรนุ่ ไทยระหว่างอายุ 15-19 ปี มีอัตราฆ่าตัวตายสำเร็จ อยู่ท่ี 3.43 ต่อ ประชากร 100,000 คน สว่ นมากเปน็ ผชู้ าย ซงึ่ ฆา่ ตัวตายด้วยวิธีผูกคอตายมากที่สุด ร้อยละ 75.29 รองลงมา คอื การกนิ ยาฆ่าแมลง รอ้ ยละ 16.47 โดยมีสาเหตมุ าจากปัญหาสุขภาพจิต เชน่ ปญั หาการเรียน และสัมพันธภาพ ซึ่งสญั ญาณเตือนท่ีต้อง เฝ้าระวัง ได้แก่ มีการสั่งเสยี หรือการเขียนจดหมายลาตาย การตัดพอ้ ตอ่ วา่ รสู้ ึกสิ้นหวัง หรือมีประวัติทำร้าย ตนเอง ซงึ่ วิธแี กป้ ญั หาที่ดีทีส่ ุด คือการเขา้ ถึงบริการสุขภาพจิตอยา่ งรวดเร็ว สำหรับกรณีการใช้เทคโนโลยีหรือเครอื ขา่ ยสงั คมออนไลน์ใหส้ ัญญาณการฆ่าตวั ตาย พญ.พรรณพิมล กล่าวว่า ปจั จุบันทุกคนสามารถเข้าถึงส่อื ออนไลน์ได้อย่างรวดเร็วและง่าย แต่สื่อออนไลน์เปรียบเสมือนดาบ สองคมท่ีมีทั้งข้อดีและขอ้ เสีย คือเมื่อคนใช้สือ่ ออนไลน์ จะทำให้ลืมสงั คมรอบตัว และขาดปฏิสัมพันธ์กับคน รอบข้าง ทำให้หลายครั้งที่มีการประกาศฆ่าตัวตายผ่านส่ือออนไลน์ คนส่วนใหญ่จึงคิดว่าผู้เขียนข้อความ เรียกร้องความสนใจ และเป็นเร่อื งไรส้ าระ ทำใหช้ ว่ ยเหลือไม่ทนั นอกจากน้ี พญ.พรรณพิมล เสนอวธิ ีการแก้ปัญหาการฆ่าตัวตายผ่านส่ือออนไลน์ ดว้ ยการหยุดส่งต่อ ภาพซำ้ ๆ ในโลกออนไลน์ เพือ่ หยุดการกระตุ้นอารมณ์และความร้สู ึกของคนที่อยใู่ นภาวะไม่พรอ้ มให้เกดิ การ ตัดสินใจเลียนแบบ รวมทั้งสรา้ งความสะเทอื นใจให้กบั ญาตผิ ู้สูญเสีย พรอ้ มแนะว่าหากไม่สบายใจ วติ กกังวล หรอื เครยี ดกบั ปญั หาชีวิตควรหาเพ่อื นเพ่อื ปรกึ ษาพดู คยุ และชว่ ยกันคิดแก้ไขปญั หา โดยไม่ควรเก็บไว้คนเดยี ว อย่างในกรณีที่มีการเผยแพร่เนื้อหาที่แสดงออกถึงความรุนแรง เช่น การทำร้ายตัวเอง ทำร้าย ผู้อื่น หรือการถ่ายทอดสดแสดงการฆ่าตัวตาย ส่งผลโดยตรงในเรื่องของการเรียนรู้ในสังคม โดยเฉพาะ อิทธิพลท่ีมีต่อเด็กและวัยรุ่นท่ียังรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่มีทักษะการแก้ไขปัญหาท่ีดีพอ อาจมีการเลียนแบบ พฤติกรรมได้ เน่ืองจากคิดว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ดีท่ีสุด จึงไม่ควรส่งต่อหรือเผยแพร่เนื้อหาในลักษณะ ดังกล่าว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ในเรื่องของการฆ่าตัวตายก็ต้องมีปัจจัยหลายอย่างร่วมด้วย นอกเหนือจาก เลียนแบบพฤติกรรมตามเนื้อหาที่เผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ โดยปัญหาที่เกิดมากที่สุดมักเกิดกับ วัยรุ่นโดยเฉพาะ เนื่องจากความสามารถของสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการยับยั้งชั่งใจยังพัฒนาได้ ไม่เท่ากับด้านของอารมณ์ ทำให้ขาดความสามารถในการจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น ในวัยรุ่นเองก็มี ความเครียดที่ค่อนข้างหลากหลาย เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหลายด้าน ทั้งในด้านสรีระ ท่ีเปล่ียนไป หรือในด้านความรับผิดชอบที่เพ่ิมมากขึ้นจากในวัยเด็ก รวมถึงเรื่องเพ่ือนท่ีมีอิทธิพลต่อเด็ก วัยน้ีค่อนข้างมาก เริ่มมีความรัก หรือมีความสนใจบางอย่างเป็นพิเศษ ส่งผลให้เกิดความเครียดและการ อินเทอรเ์ นต็ ปลอดภัยในโรงเรียน 24

แสดงออกทางพฤติกรรมได้ และการใช้สื่อสังคมออนไลน์ก็มีส่วนต่อการแสดงออกทางพฤติกรรม ค่อนข้างมาก การดูแลเกี่ยวกับการใช้สื่อสังคมออนไลน์สำหรับเด็กวัยรุ่น คือ ผู้ปกครองควรเฝ้าสังเกตอยู่ ห่าง ๆ อาจใช้สื่อสังคมออนไลน์ร่วมกับเด็ก แต่ไม่ควรแสดงตัวตนมากนัก เน่ืองจากการแสดงตัวมากไป อาจทำให้เด็กถอยหนี ซึ่งส่งผลต่อการควบคุมที่ยากขึ้น คอยสังเกตดูว่าเด็กมีความสนใจในด้านไหน กดไลค์เนื้อหาประเภทใด และคอยให้คำแนะนำตามความเหมาะสม รวมถึงผู้ปกครองควรกำหนด เงื่อนไขการใช้งานอินเทอร์เน็ตของเด็ก เพื่อควบคุมปริมาณการใช้งานไม่ให้มากจนเกินไปและส่งผลเสีย ในที่สุด ในเรื่องของการถ่ายทอดสดฆ่าตัวตายผ่านส่ือสังคมออนไลน์ รวมถึงการเผยแพร่ข้อความที่เป็น สัญญาณในการฆ่าตัวตาย ท่ีปัจจุบันมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นท้ังในประเทศและต่างประเทศ จากผลสำรวจ พบว่ามีการฆ่าตัวตายสำเร็จเพิ่มมากขึ้น แต่ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าเกี่ยวกับการใช้สื่อสังคมออนไลน์ หรือไม่ และพบว่าคนที่มีพฤติกรรมเผยแพร่เนื้อหาทำนองน้ี อาจเกิดจากแรงจูงใจบางอย่าง เช่น การ ได้รับคอมเมนต์ หรือการได้รับการกดไลค์ รวมถึงผู้เผยแพร่อาจมีอาการทางจิตเวชอย่างอื่นร่วมด้วย จึงส่งผลให้มีพฤติกรรมการเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่เหมาะสม คนในครอบครัวมีบทบาทสำคัญที่สุด โดยการสอดส่องดูแลพฤติกรรมของบุตรหลาน สังเกตว่า นิสัยใจคอเปล่ียนไปหรือไม่ มีอาการเก็บตัวหรือไม่ รวมถึงการเรียนถดถอยลงไหม ไปจนถึงพฤติกรรม การทานอาหาร การเข้านอน และท่ีสำคัญคือปริมาณการใช้สื่อออนไลน์ท่ีมากเกินไป ข้อแนะนำเก่ียวกับการใช้งานอินเทอร์เน็ตเพ่ือส่งผลด้านบวก พ่อแม่ผู้ปกครองควรช่วยเลือกสื่อ ที่เหมาะสมกับพัฒนาการของเด็ก เหมาะสมกับการเรียนรู้ในแต่ละช่วงวัย และใช้ในปริมาณ เวลา ที่เหมาะสม ลดความสนใจหรือใส่ใจในทกุ ข้อมูล รวมไปถงึ ความรสู้ กึ ทอี่ ยากจะโพสตส์ ถานะต่าง ๆ ลงบนสื่อ โซเชียล เพราะการที่เราสนใจอย่างอ่ืนมากจนเกินไป อาจทำให้เราละเลยท่ีจะสนใจตัวเองและการทำความ เขา้ ใจกับตวั เอง พยายามดูแลบุตรหลานไม่ให้ทิ้งความรับผิดชอบในภาระหน้าที่ต่าง ๆ อย่างการเรียน หรือการทำงานบ้าน อันเน่ืองมาจากการเสพติดส่ือออนไลน์ ภาวะซึมเศร้าจากเฟซบุ๊ก เว็บไซต์ไอที24ช่ัวโมง (IT24Hrs.com) กล่าวถึงภาวะท่ีน่าสนใจและควรทำความรู้จัก เก่ียวข้อง กับการใช้งานสื่อสังคมออนไลน์และอาการทางจิตเวชเรียกว่า Facebook Depression Syndrome หรือภาวะซึมเศร้าจากเฟซบุ๊ก ซึ่งจะมีลักษณะ ดังนี้ 1. มีความเข้าใจผิด สงสัยเก่ียวกับความเป็นจริงท่ีเป็นสุขของเพ่ือน ๆ ในเฟซบุ๊กว่าจริงหรือไม่ 2. ตกเป็นเหยื่อทางอารมณ์ของกิจกรรมชีวิตประจำวันของผู้อ่ืน 3. มักเปรียบเทียบระดับคุณภาพชีวิตของตนเองกับเพื่อน ๆ อยู่เสมอ 4. มักเปล่ียนรูปโปรไฟล์ของตนเองอยู่เสมอเพื่อเรียกร้องความสนใจ เรียกยอดไลค์ อินเทอรเ์ นต็ ปลอดภยั ในโรงเรียน 25

5. รู้สึกกระวนกระวายใจเมื่อไม่สามารถอ่านข้อความข่าวสาร หรือสถานะของตัวเองในเฟซบุ๊ก ได้เหมือนที่ทำเป็นปกติ 6. มักอัพเดทสถานะแบบดึงดูด หรือโพสต์บทความต่าง ๆ เช่น ขำขัน ข้อความแหลมคม วธิ ีรักษาและปอ้ งกันโรคซึมเศร้าจากเฟซบุ๊ก เรม่ิ ตน้ จากการปรบั พฤตกิ รรมการใช้งานเฟซบุ๊ก หลกี เลีย่ งพฤติกรรมเส่ียงทจ่ี ะเชื่อมโยงกับกจิ กรรมเฟซบกุ๊ ท่ีอาจจะกอ่ ใหเ้ กิดภาวะซึมเศร้า ดังนี้ • หลีกเลี่ยงการหลงใหลใน “ภาพพจน์ที่คนอื่นเสนอให้เราเห็น” เพราะใช่ว่าทุกคนจะมี ชีวิตประจำวันแบบท่ีโพสต์ การลงอะไรในส่ือโซเชียลมกั จะผา่ นการปรุงแต่ง บิดเบือนออกมาให้ดูดีเสมอ • ลดความรู้สึกอิจฉาโดยการทไ่ี มส่ นใจ ไมส่ งั เกตชีวิตของคนอื่น • พยายามหลีกเล่ยี งการยอมรบั คำเชญิ จากเพื่อนเกา่ ที่จะเป็นเพ่อื นในเฟซบุ๊ก • ลดการโพสต์ การอัปเดตสถานะ และการโตต้ อบกับเพ่อื นที่เกนิ ความจำเป็น • ลดการเปรียบเทยี บตัวเองกับผู้อน่ื ในแง่ลบ เชน่ “ทำไมคนน้ันชวี ิตดีจัง ไม่เหมือนเราเลย” อินเทอร์เน็ตปลอดภยั ในโรงเรยี น 26

การลอ่ ลวงเดก็ เพอ่ื วตั ถุประสงค์ทางเพศ (Online Grooming) คำว่า Grooming หมายถงึ “การกระทำของผูใ้ หญ่ทคี่ ่อย ๆ สรา้ งสานความสมั พันธห์ รือความร้สู ึกดี ๆ เพื่อทำให้เด็ก ๆ เชื่อใจและไว้ใจ โดยมีจุดประสงค์เพ่ือหลอกลวง ล่วงละเมิดทางเพศ แสวงหาประโยชน์ ทางเพศ หรือการค้ามนุษย์” เหยื่อมักจะไม่ค่อยรู้ตัวว่ากำลังถูกหลอกและส่ิงที่เกิดขึ้นอยู่น้ีเป็นการละเมิด สว่ นใหญ่ ผู้ล่อลวง หรือ Groomer จะใช้ช่องทางส่ือโซเชียล SMS เกมออนไลน์ แอปพลิเคชนั เพ่ือติดต่อกับ เหย่ือ โดยคนเหล่านี้จะใช้เวลาในการติดตามสอดส่องโปรไฟล์ที่น่าสนใจเพื่อเก็บข้อมูลและใช้เป็นช่องทาง ในการเช่ือมความสัมพันธ์ บางครั้งอาจปลอมแปลงตัวตนให้เป็นเด็กดว้ ยกัน หรือสรา้ งบุคลิกลกั ษณะท่ีเหย่ือ จะสนใจ Groomer จะมองหาเด็กท่ีมคี วามม่ันใจในตนเองตำ่ หรือดูเปราะบาง ใจอ่อน อ่อนแอ จะส่งขอ้ ความ ถึงเหย่ือและรอคอยการตอบกลับ เหย่ือท่ีถูกล่อลวงนั้นจะถูกนำไปแสวงหาประโยชน์ทางเพศด้วยการ เกลี้ยกล่อมหรือโน้มน้าวใจให้เข้าร่วมกิจกรรมทางเพศผ่านทางออนไล น์ ซ่ึงมีเพิ่มมากข้ึน มากกว่าการ ลว่ งละเมดิ เหยือ่ โดยตรง การ Grooming เดก็ มขี ้ันตอนเริ่มจากการเลือกเหยื่อ เช่น เดก็ ท่มี ักเกบ็ ตัว มีปมดอ้ ย แปลกแยก ขาด ความรักความอบอุ่น หรือเด็กที่พ่อแม่ทอดทิ้งให้อยู่ลำพัง Groomer จะเข้ามาทำความรู้จัก สร้างสัมพันธ์ สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ โดยเตมิ เตม็ ส่ิงทขี่ าดหายให้เดก็ เชน่ ใหเ้ งิน ให้ส่ิงของทเี่ ดก็ อยากได้ ให้ความรกั ความ อบอุ่น เม่อื สบโอกาสก็จะพยายามแยกเด็กออกไป เป็นต้นวา่ พาไปเท่ียว พาไปที่พกั ของตนเอง เตรียมเด็กให้ พร้อมกับการล่วงละเมิดทางเพศ เช่น ให้ดูสื่อลามกอนาจารเดก็ เพ่ือชวนเช่ือว่าเด็ก ๆ ก็ทำแบบน้ีกัน เมื่อมี เพศสัมพันธก์ ับเด็กแล้ว ก็จะพยายามรักษาสัมพันธ์นั้นไว้โดยการให้สิ่งตอบแทนท่ีเด็กต้องการต่อไปเรื่อย ๆ หรือข่มขู่ไม่ใหบ้ อกพอ่ แม่หรือใครอ่นื เดก็ จะกลวั ถกู ลงโทษหรอื กลัวสูญเสียส่งิ ทีเ่ คยได้รับจึงยอมทำตามแตโ่ ดย ดี Groomer มักจะถ่ายภาพหรือคลิปวิดีโอการละเมิดเด็กเอาไว้ด้วย เพ่ือเอาไว้ข่มขู่แบล็กเมลหรือซื้อขาย แลกเปลี่ยนในวงผู้ท่ีมีรสนิยมทางเพศกับเด็กด้วยกัน อาจโน้มน้าวชักจูง ล่อลวง หรือพาเด็กไปให้บุคคลอื่น กระทำทางเพศโดยตนเองไดร้ บั ประโยชน์ด้วย ซึ่งถอื เป็นการคา้ มนุษย์ Grooming เป็นการแสวงหาประโยชน์ทางเพศจากเด็ก (Child Sexual Exploitation หรือ CSE) รปู แบบหน่ึง เด็กที่ตกเป็นเปา้ จะได้รับส่ิงตอบแทน เชน่ ของขวญั เงิน หรอื ความร้สู ึกดี ๆ ความรกั ใครเ่ สนห่ า อนิ เทอร์เน็ตปลอดภัยในโรงเรียน 27

ความเป็นมิตร อันเป็นผลให้เด็กยินยอมที่จะมีเพศสัมพันธ์หรือร่วมในกิจกรรมทางเพศต่าง ๆ กับ Groomer เด็กหรอื วัยรนุ่ มกั จะติดกบั กลอบุ ายตา่ ง ๆ โดยหลงเช่ือวา่ เป็นความรกั จนยอมมีความสมั พนั ธด์ ว้ ย หากเด็ก ๆ กำลังตกอยใู่ นสถานการณน์ ้จี ะมสี ญั ญาณบง่ ช้ี ไดแ้ ก่ o เก็บตวั มีความลบั หรือมลี ับลมคมในมากขึ้น พฤติกรรมออนไลนต์ ่าง ๆ ก็ดนู ่าสงสัยข้นึ ด้วย o มีแฟนทอ่ี ายุมากกว่าหรอื เปน็ คนแก่ o ไปพบเพอ่ื นในสถานท่ีท่ีผดิ ปกติ o มขี องใหม่ ๆ เชน่ เสอื้ ผา้ โทรศพั ท์ ของใช้ฟุม่ เฟอื ย และไมส่ ามารถอธบิ ายทม่ี าได้ o เร่ิมลองด่ืมแอลกอฮอล์ สูบบหุ รี่ หรอื มกี ารใชย้ าเสพติด o ในวยั รุ่นอาจมีพฤตกิ รรมท่ีเปล่ยี นไป แตกต่างจากเพ่ือนวยั เดยี วกัน และไม่สามารถอธบิ ายถึง การเปล่ียนแปลงนไี้ ด้ เช่น พฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสม ไม่ถกู กาลเทศะ พ่อแม่ผ้ปู กครองควรหมั่นสังเกตสัญญาณบ่งชดี้ ังกลา่ ว เด็กอาจไม่รู้ตัวว่ากำลังถกู Grooming หรือไม่ อยากบอก เน่ืองจากถูกบังคับข่มขู่จาก Groomer หรือกลัวว่าจะสูญเสียความรักหรือข้าวของเงินทองและ ความสะดวกสบายทีไ่ ด้รับ ทางบ้านจึงตอ้ งสรา้ งความเช่อื มั่นใหเ้ ด็กว่าเขาคือเหย่ือทีก่ ำลังถกู หลอก ถูกแสวงหา ประโยชน์ทางเพศ และจะได้รบั การช่วยเหลือ ปกป้องชอื่ เสียง จะไม่มีความผิดหากร่วมมือเพอ่ื ดำเนินคดีกับ Groomer เพื่อไม่ให้ไปกระทำกับเด็กคนอื่น ๆ อีกต่อไป การครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็ก การผลิต เผยแพร่ ทำการค้าส่อื ลามกอนาจาร การกระทำอนาจารและการแสวงหาประโยชน์ทางเพศจากเด็ก การค้า มนุษย์ ลว้ นเปน็ ความผดิ ตามกฎหมายไทย พยานหลกั ฐานทีค่ วรรวบรวมส่งแจง้ เจ้าหนา้ ที่ท่ดี แู ลคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ไดแ้ ก่ ช่อื email account หรือ Facebook ID หรือ Line ID ของ Groomer ข้อความพูดคุยสนทนาที่แสดงถึงกระบวนการ สร้างสัมพันธ์และความไว้วางใจเพ่ือหวังละเมิดทางเพศเด็ก ข้อความพูดคุยเร่ืองเพศหรือสื่อลามกอนาจาร ท่ีส่งให้เด็กดู หลักฐานการโอนเงนิ ตา่ ง ๆ การแบล็กเมลทางเพศ (Sextortion) เด็กอาจถูกล่อลวงไปละเมิดทางเพศจริง ๆ หรือถูกโน้มน้าวชักจูงหรือล่อลวงให้แสดงโชว์ลามกผ่าน กล้องแล้วถูกบันทกึ ภาพวิดโี อเอาไวข้ ่มขูเ่ รยี กเงนิ นำไปเผยแพร่ ประจานให้เสอ่ื มเสียช่ือเสียง หรอื ถกู นำไปขาย ทำเงินบนอนิ เทอร์เน็ต ซึ่งภาพหรอื คลิปวิดโี อนั้นก็จะถกู นำมาใชข้ ่มขู่เด็กให้ยินยอมในครั้งต่อ ๆ ไป ในกรณีที่ เดก็ ถกู ล่อลวงชกั จงู ไปจรงิ ๆ อาจจะกลายเป็นการผลักดันเขา้ สู่วงการโสเภณเี ด็กหรอื ธรุ กจิ คา้ กามเดก็ ต่อไปได้ กรณีท่ีพบบ่อยในระยะหลังน้ี ได้แก่การ “แลกกล้อง” หมายถึงการถ่ายทอดสดพฤติกรรมทางเพศ ระหว่างสองฝ่าย เด็กจะถกู โน้มน้าวชักจงู หรือล่อลวงให้กระทำพฤติกรรมทางเพศ กระทำตอ่ ตนเอง กระทำกับ ผอู้ ื่น หรอื ถูกกระทำ โดยฝ่ายที่เป็นเหยื่อไมร่ ูต้ ัวว่ากำลังถูกอีกฝ่ายหนงึ่ ซึ่งเป็นกลุ่มมจิ ฉาชพี อดั คลิปวิดีโอเอาไว้ อินเทอรเ์ น็ตปลอดภัยในโรงเรยี น 28

ข่มขู่เรียกเงิน เอาคลิปวิดีโอไปขายในกลุ่มที่มีรสนิยมทางเพศกับเด็ก หรือปล่อยขายทำกำไรบนเว็บไซต์ สือ่ ลามกอนาจารทั้งในประเทศและตา่ งประเทศ เดก็ หลายคนท่ีตกเป็นเหยือ่ จะมีความเครยี ด หดหู่ ดว้ ยกลัวว่าคลปิ จะแพร่กระจายออกไปทำให้ไดร้ ับ ความอับอาย เสียหาย ส่งผลกระทบต่อการเรียน หน้าท่ีการงาน ครอบครัว และสถานะทางสังคม บางราย ซึมเศร้าจนถึงอยากฆ่าตัวตาย ด้วยทนรับสิ่งท่ีเกิดข้ึนไม่ได้ เพียงเพราะไว้ใจเพ่ือนออนไลน์ บางคร้ังเด็ก พลั้งเผลอไปเพราะคนที่ขอภาพลบั นั้นคือคนรักคนรูใ้ จหรือแฟนกันนน่ั เอง ดว้ ยรกั กัน ไวใ้ จกนั อยากทำอะไร พิเศษ ๆ ให้กัน หรือคิดว่าจะสนุกด้วยกันแค่นั้น แต่เมื่อเลิกกันแล้วหรือโทรศัพท์มือถือหาย ภาพหรือคลิป ทบี่ ันทึกไว้ก็จะหลดุ เผยแพร่ไปทำให้ไดร้ ับผลกระทบ อาจมีคนติดต่อขอซ้ือบริการทางเพศ หรือตกเป็นเหยื่อ ของการแบล็กเมลทางเพศและการละเมิดซ้ำไมส่ ้ินสดุ สิง่ ท่ีถูกโพสต์บนอินเทอร์เน็ตจะคงอยู่ตลอดไป แม้คลิป จะถูกลบออกไปจากเว็บไซต์หนึ่งแล้ว แต่ก็อาจถูก upload หรือ share กลับมาได้อกี โดยคนท่ี save เก็บไว้ แล้ว ดังน้ัน การป้องกนั ตัวเป็นสิ่งท่ีดีท่ีสุด คือ อย่าไว้ใจเพ่ือนออนไลน์ อย่าถา่ ยหรืออย่าให้ใครถ่ายภาพหรือ วดิ ีโอสว่ นตัวเปน็ อนั ขาด คำแนะนำเดก็ และเยาวชน เพื่อการใช้งาน Facebook อย่างปลอดภยั 1. ใช้เครอื ขา่ ยอินเทอรเ์ นต็ ทีม่ คี วามปลอดภยั นา่ เชื่อถือ 2. ควรใช้รหัสผ่านท่ีมีความยาวไม่น้อยกว่าแปดตัวอักษร โดยมีตัวเลข ตัวอักษร และอักขระพิเศษ ผสมกัน ไม่ใชร้ หัสผา่ นตวั เดยี วกนั สำหรับทกุ อยา่ ง ควรเปล่ียนรหสั ผ่านเปน็ ประจำ 3. ตั้งค่าความเป็นส่วนตัวให้เหมาะสม โดยกำหนดค่า share ให้เห็นได้เฉพาะเพ่ือนเท่าน้ัน และควร เลอื กรับเพอ่ื นออนไลน์เฉพาะที่รู้จกั กนั จริง ๆ แทนทจ่ี ะรับคนแปลกหน้าทุกคนเป็นเพ่ือน 4. อย่าหลงเช่ือผทู้ ใ่ี ช้รปู ของคนอนื่ มาแอบอ้างเปน็ เพื่อน ควรตรวจสอบกอ่ น เพอ่ื ความมนั่ ใจ 5. อยา่ ใสข่ อ้ มลู สว่ นตัวมากเกินไป ไมถ่ ่ายทอดสด check in หรอื share location โดยไม่จำเปน็ 6. ผปู้ กครองควรเข้าไปมสี ว่ นร่วมในการใช้งานอินเทอร์เน็ตกับลูกบา้ ง ตามความเหมาะสม โดยอาจเพ่ิม ตนเองเปน็ เพอ่ื นของลูกเพือ่ เฝา้ ดคู วามผิดปกตนิ ่าสงสยั ต่าง ๆ 7. ใช้อายใุ น Profile ตามความเป็นจริง เพราะเด็กอายุ 13-18 ปี จะได้รับการปกปอ้ งคุ้มครองมากกว่า โดยเฉพาะการตัง้ คา่ ความเปน็ สว่ นตวั และโฆษณาทไ่ี ม่เหมาะสมกับอายุของเด็ก 8. เม่อื พบเห็นสงิ่ ผดิ ปกติหรอื ถูกกล่นั แกลง้ อยา่ ตอบโต้ บันทึกไว้เปน็ หลกั ฐาน ปรึกษาผู้ใหญ่ 9. หมน่ั ตรวจสอบกิจกรรมและรายละเอียดในการใชง้ าน เมื่อไม่ใชง้ านให้ออกจากระบบทุกครัง้ 10. แจ้งหรอื รายงานไปยงั Facebook เม่อื ถูกละเมดิ อินเทอร์เนต็ ปลอดภัยในโรงเรียน 29

พ่อแม่ผูป้ กครองควรเตอื นบุตรหลานให้ “รักตวั เอง” อย่าไว้ใจเพ่อื น แฟน หรอื โทรศพั ทม์ ือถือ เพราะ ไม่มอี ะไรรับประกันได้เลยว่าภาพที่ถ่ายไปน้ันจะเป็นความลบั ตลอดไป วนั ท่ีเลิกรักกัน ภาพลับ อาจ ไม่ลับ อีก ต่อไป โทรศัพท์มือถือที่ใช้ติดตัวเป็นประจำ วันหน่ึงก็ต้องขาย ซ่อม หรือทิ้ง สูญหาย ต้องเปล่ียนเครื่องใหม่ เคยสงสยั หรอื ไม่วา่ ภาพถ่ายในน้ันจะไปไหนได้บ้าง ทราบหรือไม่ว่าการกดลบท้ิงภาพ ยงั มีคนสามารถนำภาพ กลบั มาได้ ดงั นั้น อยา่ ถา่ ยภาพลับไวจ้ ะปลอดภัยท่สี ุด เมอื่ คลิปหลุดแพรก่ ระจายไปแล้ว ควรทำอยา่ งไร 1. รวบรวมหลักฐาน เช่น ช่ือ หรือช่ือบัญชีเฟซบุ๊ก ไลน์ไอดี ของคนร้าย ข้อความการพูดคุย ท่ีแสดงให้เห็นว่ามีการโน้มน้าวชักจูง ล่อลวง ขู่กรรโชก การหลอกต่าง ๆ เลขบัญชีการโอนเงิน หมายเลข โทรศัพท์ ภาพหรือคลิปที่รับ-ส่งกัน เพ่ือแจ้งเจ้าหนา้ ที่ตำรวจท่ีสถานีตำรวจ และ กองบังคับการปราบปราม การกระทำความผิดเกี่ยวกบั อาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) หรอื คณะทำงานปราบปรามการล่วงละเมิด อินเทอร์เน็ตปลอดภัยในโรงเรียน 30

ทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต (TICAC) หรือ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรม ทางเทคโนโลยี (หน่วยงานใหม)่ เพ่ือให้เข้ามาชว่ ยเหลือโดยเรว็ ทส่ี ุด 2. อย่าเชอ่ื คำข่โู ดยยอมจ่ายเงินหรือทำตามข้อเสนอ เช่น นดั ไปเจอกนั หรือถา่ ยภาพสง่ ใหอ้ กี 3. ควร block การติดตอ่ เพ่อื ไม่ใหโ้ ดนขูซ่ ้ำซาก ไมร่ ับ/ไมค่ ยุ กบั คนแปลกหน้า ในชว่ งนนั้ 4. ทำจิตใจใหเ้ ขม้ แขง็ แจ้งลบภาพหรือคลิปท่ีหลุดไป แต่ต้องทำใจด้วยว่ามันอาจจะกลับข้ึนมา ไดอ้ กี โดยคนที่ save ภาพ/วิดโี อ เกบ็ ไวแ้ ลว้ 5. พยายามใช้ชวี ติ ต่อไปให้ได้ ตอ้ งเข้มแขง็ อดทน ผิดเปน็ ครู ไมผ่ ดิ ซำ้ อีก อนิ เทอร์เน็ตปลอดภยั ในโรงเรียน 31

การเข้าถึงส่ือลามกอนาจารและทารุณกรรมทางเพศ บนอินเทอรเ์ น็ต เด็กมีโอกาสมากทจ่ี ะเข้าถงึ เนื้อหาที่ผิดกฎหมาย/อันตราย ท้งั โดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ เช่น การสืบค้นข้อมูล ผลกระทบทางสุขภาพของเด็กและเยาวชน จากการเข้าถึงสื่อลามกอนาจารและ ถูกทารุณกรรมทางเพศออนไลน์ มีดงั นี้ o ผลกระทบต่อสุขภาพจิต เด็กอาจแสดงพฤติกรรมถดถอย ย้อนวัย เช่น ดูดน้ิวหัวแม่มือ อึฉ่ีรด ท่ีนอน อาการท่ีชัดเจนท่ีสุดของการถูกทารุณกรรมทางเพศคือการเล่นเลียนแบบทางเพศ และการมีความรู้ ความสนใจทางเพศท่ีไม่สมควรกับวัย เด็กอาจไม่สนใจไปโรงเรียนหรือเล่นกับเพื่อน มีปัญหาด้านการเรียน โรคสมาธิสั้น อันธพาล เกเร ในช่วงวยั รุ่นอาจมีการตั้งครรภ์และพฤติกรรมทางเพศสุ่มเสี่ยง เหย่อื ทารุณกรรม แจง้ การทำรา้ ยตัวเองเกือบ 4 เทา่ ของปกติ o ผลกระทบต่อสขุ ภาพกาย เด็กทีถ่ ูกทารุณกรรม มกี ระบวนการคิดผิดปกติ ไม่สามารถคิดเปน็ เหตุ เปน็ ผล ไม่ยอมรบั เหตผุ ลใด ๆ ผู้ใหญ่ท่ีถกู ทารุณกรรมในวัยเด็ก ทำใหข้ าดความมัน่ คงในจติ ใจ หวาดระแวงว่า ผู้อ่ืนคดิ ร้าย การกลั่นแกล้งระรานทางไซเบอร์ (Cyber bullying) หมายถึง การใช้สือ่ ออนไลน์กลน่ั แกลง้ รงั แกคนอ่ืน เช่น การโพสตข์ อ้ ความ รปู ภาพ หรือคลิปวิดโี อเพื่อ ด่าทอ ใหร้ า้ ย แฉ ประจาน สร้างความเสียหาย ทำให้อับอาย กดี กันออกจากกลุ่มเพ่ือนหรอื สังคม การตอบโต้ กันไปมา การแชร์ต่อ การที่มีคนอ่ืนมาผสมโรงด้วยความสนุกสะใจ ก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำซ้ำเติมเหยื่อ Cyber bullying มเี จตนาที่มงุ่ ร้ายให้อบั อาย เจ็บใจ เสียใจ เปน็ การกระทำซำ้ ๆ ไมใ่ ชค่ รง้ั เดียวแล้วเลิก นพ.ชาญวิทย์ พรนภดล หัวหน้าสาขาวิชาจิตเวชเด็กและวัยรุ่น ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะ แพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า “เพ่ือน” เป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลมากที่สุดต่อเด็กวัยรุ่นตอนต้น (early adolescence) อายุระหว่าง 13-15 ปี โดยเฉพาะเด็กนกั เรียนชั้น ม.ต้น ที่ต้องการการยอมรบั จากกลุ่มเพอ่ื น (peer acceptance) และเริม่ ออกหา่ งจากพ่อแม่ เม่ือเด็กถูกกลน่ั แกล้งและไม่ได้รับการยอมรับจากเพื่อนฝูง เด็กจะมีอาการโดดเดีย่ ว แยกตัวออกสังคม เร่มิ ไม่อยากไปโรงเรียน โดดเรียน หนเี รยี น ขาดสมาธิ ผลการเรยี น ตกลง มีอาการซึมเศรา้ ใชส้ ารเสพติด และอาจถึงขั้นทำร้ายตัวเองหรอื ฆ่าตัวตายได้ พอ่ แมผ่ ูป้ กครองจึงควรให้ การดแู ลเอาใจใส่เดก็ ในช่วงหัวเล้ียวหัวต่อเป็นพิเศษ โดยสงั เกตจากอาการที่จะเกิดจากการถูกกลั่นแกล้ง เช่น อาการซึมเศร้า พูดน้อยลง แยกตัว เก็บตัว ผลการเรียนตก ไม่อยากไปโรงเรียน ควรเสริมสร้างความรู้สึก มีคุณค่าในตัวเอง (self-esteem) ให้กับเด็ก ด้วยพลังแห่งความรัก ความอบอุ่นของครอบครัวนั้นเป็นปัจจัย สำคัญยง่ิ เด็กหลายคนที่โดนกลน่ั แกล้งระรานมักไมก่ ล้าบอกพอ่ แม่หรือครู เพราะกลัวจะถูกซ้ำเตมิ สมน้ำหน้า หรือไม่ได้รบั ความสนใจเพราะผใู้ หญอ่ าจมองวา่ เปน็ เรอื่ งของเด็กหยอกลอ้ กนั ไปมาไมน่ านก็เลิก แต่ในความเป็น จรงิ แล้วผลที่เกิดขึ้นร้ายแรงกว่าท่ีคิด บางครั้งเด็กกลัวพ่อแม่ริบโทรศัพท์มือถือ ห้ามใช้อินเทอรเ์ น็ต จึงเก็บ อนิ เทอรเ์ นต็ ปลอดภยั ในโรงเรียน 32

ปญั หาน้ันไว้คนเดียว ทำใหเ้ กิดความกงั วล เครียด ปิดตวั เองมากยิง่ ข้ึน จนอาจเป็นโรคซึมเศร้า หดหู่ ไม่อยาก อยหู่ รอื ไมอ่ ยากมีชีวติ อกี ต่อไป พ่อแม่จึงควรทำใจเย็น ๆ รับฟังด้วยเหตุผล ไม่ใช้อารมณ์ บอกลูกว่าสิ่งที่เกิดข้ึนนั้นไม่ใช่ความผิด ของเขา ให้ลูกเข้มแขง็ อดทน อย่าไปให้ความสนใจมากเพราะยง่ิ ทำให้คนแกลง้ สนุกและทำต่อไปเรอ่ื ย ๆ ชว่ ย ลูกแก้ไขปัญหา เช่น block เพื่อนที่แกล้ง ลบข้อความหรือภาพที่โดนตัดต่อ ขอความช่วยเหลือจากครูหรือ เจ้าหน้าท่ีเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก ก่อนหยิบย่ืนโทรศัพท์มือถือให้ลูกก็ต้องสอนให้เข้าใจว่ามีภัยอันตราย อะไรบ้างบนโลกไซเบอร์ เช่น การรับเพื่อนใหม่ การพูดคุยกับเพื่อน การโพสต์ข้อมูลหรือภาพส่วนตัวมาก เกินไป ควรสอนให้ลูกรู้จักการต้ังค่าความปลอดภัยในการใช้ส่ือโซเชียลมีเดีย เช่น ใน Facebook สามารถ ตั้งคา่ ได้ว่าจะให้ใครมาโพสต์อะไรบนพื้นทขี่ องเรา หรือจะให้ใครเห็นโพสต์ของเราไดบ้ ้าง ในโรงเรียน ครคู วร สอนทักษะรู้เท่าทันสื่อให้เด็ก ๆ เลือกเชื่อ เลือกแชร์ข่าวสารข้อมูลท่ีรับมา ต้องฉุกคิดเสียก่อนว่าหากไม่ใช่ เร่อื งจริงแล้วส่งตอ่ กันไปจะเป็นการใหร้ ้ายหรอื ละเมดิ ซำ้ เหยือ่ หรือไม่ ในส่วนของผ้ใู ห้บริการเวบ็ ไซตห์ รอื โซเชียลมเี ดีย ควรมีกฎกตกิ าเพื่อตอ่ ต้านการกลนั่ แกล้งรงั แกกนั บน พ้นื ที่ให้บรกิ ารของตน โดยประกาศชดั เจนว่าหา้ มทำและมมี าตรการดำเนนิ การกับผฝู้ า่ ฝืน ควรมปี ุ่มรับแจง้ หรอื รายงานกรณีถูกกลั่นแกล้งระรานเพื่อให้เด็กขอความช่วยเหลอื ในการลบเน้ือหาทีท่ ำให้อบั อายหรือเสื่อมเสีย จดั เจา้ หน้าทค่ี อยให้คำปรกึ ษาแนะนำ ชว่ ยเหลือเยยี วยาจิตใจและความเสียหายของเหยอ่ื ประสานสง่ ตอ่ ไปยัง สถานพยาบาล กรณีการกล่นั แกล้งระรานท่ีผิดกฎหมายจะต้องดำเนินคดกี ับผู้กระทำความผิด ซ่ึงผู้ให้บริการ เว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดียจะต้องให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายหรือหน่วยงานอ่ืน ๆ ตามความจำเปน็ อนิ เทอร์เนต็ ปลอดภยั ในโรงเรียน 33

อนิ เทอร์เนต็ ปลอดภยั ในโรงเรยี น 34

ความรนุ แรงในส่ือ อีกหนงึ่ ปัญหาทเ่ี หน็ เด่นชดั ไดแ้ ก่ ความรนุ แรงในสื่อ เนือ่ งจาก ความรุนแรงในครอบครวั ความรนุ แรง ในโรงเรยี น ความรุนแรงในสังคม สามารถถูกนำมาขยายซ้ำบนสอื่ โดยเฉพาะสอ่ื สังคมออนไลน์นั้นทำไดโ้ ดย การถ่ายภาพหรือคลิปวิดีโอแล้วส่งต่อ การโพสต์เร่ืองราว ข้อความยั่วยุปลุกป่ัน การแสดงอารมณ์ การที่มี ผมู้ าร่วมแสดงความคิดเห็นในทางกา้ วร้าว รนุ แรง จาบจว้ งล่วงละเมดิ ทำใหเ้ รือ่ งลกุ ลามบานปลาย คนท่ไี มร่ ู้จกั กนั บนโลกออนไลนก์ ลับสรา้ งความเจ็บช้ำให้กับเหยื่อและครอบครัวแบบเท่าทวคี ณู ข่าวสารที่เกีย่ วขอ้ งกับเด็ก ได้รับความสนใจจากส่ือมวลชนวิชาชีพ สื่อพลเมือง สื่อสมัครเล่น รวมถึง ประชาชนท่ัวไป ในการนำเสนอผ่านช่องทางสื่อต่าง ๆ โดยเฉพาะทางออนไลน์นั้นเป็นไปอย่างรวดเร็วมาก นอกจากจะเป็นประโยชนเ์ พอ่ื การแจ้งข่าวสาร เตอื นภัย ใหค้ วามรู้ หรือระดมสรรพกำลงั ความคิดเหน็ เพ่ือการ ป้องกันแก้ไขปัญหาหรือเปลี่ยนแปลงสังคมแล้ว บ่อยคร้ังจะทิ้งปัญหาและผลกระทบทีเ่ กิดขึ้นต่อตัวเด็กและ ครอบครัวไว้ภายหลังเสมอ เช่น การละเมิดอัตลักษณ์ ข้อมูลและความเป็นส่วนตัว การเปิดเผยความลบั และ ความเป็นอยู่อย่างสงบของเด็กและครอบครัว การกระทำซ้ำเติม ข่มเหงจิตใจ และความรู้สึกทุกข์เศร้า หวาดกลัว การเปิดพนื้ ท่สี าธารณะแสดงความคิดเห็นจนนำไปสู่การเปิดเผยข้อมลู ส่วนตัวทม่ี ากขนึ้ การวจิ ารณ์ เด็กในทางเสียหาย การบิดเบือนข้อมูล ฯลฯ เหล่าน้ีได้กลายมาเป็นปัญหาสำคัญของการนำเสนอข่าว ทเี่ กีย่ วขอ้ งกบั เด็ก ทุกภาคส่วนจึงควรจะต้องแสดงบทบาทเพ่ือลดผลกระทบและบรรเทาปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะ อย่างยิ่ง สื่อมวลชน ผู้ทำหน้าที่ส่ือข่าว และประชาชนท่ัวไปที่สามารถโพสต์ แชร์ แสดงความเห็น ฯลฯ กจ็ ะต้องมหี ลกั ในการนำเสนอข่าวสารโดยไม่ละเมดิ สทิ ธเิ ด็ก คำนึงถงึ ประโยชนส์ ูงสุดของเด็กเปน็ สำคัญ หลักปฏิบัติพ้ืนฐานในการนำเสนอข่าวเก่ียวกับเด็ก ได้แก่ การไม่เปิดเผยอัตลักษณ์ตัวตนของเด็ก เพราะอาจทำให้เด็กได้รับอันตราย ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ถูกตีตรา กล่ันแกล้ง ล้อเลียน ฯลฯ ไม่ทำกราฟฟิก จำลองสถานการณ์หรอื เขียนข่าวลงในรายละเอียดจนเกินไป เช่น ฉากการขม่ ขืนกระทำชำเรา การทารุณกรรม ทางรา่ งกาย ข้อความสนทนาล่อลวงเดก็ ฯลฯ เพราะอาจไมไ่ ดเ้ ปน็ ประโยชนต์ อ่ สงั คม แตเ่ ป็นการทำรา้ ยซ้ำเด็ก และครอบครวั ทงั้ อาจทำใหเ้ กิดการเลยี นแบบ ไม่ควรเปดิ ให้มกี ารวิพากษ์วจิ ารณท์ ้ายข่าว เพราะอาจจะสร้าง ความบอบช้ำเพิ่มข้ึนให้เด็ก หรือทำให้เด็กตกอยูใ่ นอันตราย ห้ามไม่ให้เข้าถึงตัวเด็กโดยตรง เพราะอาจมีการ ละเมิดเดก็ หรือทำให้เสยี รปู คดี เป็นต้น พ่อแมผ่ ู้ปกครองควรอยู่กบั เด็กและปกปอ้ งคมุ้ ครองเด็ก ท้งั มีสิทธทิ ่ีจะ รอ้ งขอใหม้ นี กั สงั คมสงเคราะหห์ รอื จติ แพทยอ์ ย่ดู ว้ ยในเวลาสอบสวนทางคดี สื่อกับความเครียดและความขัดแย้ง ในสถานการณ์การเมือง อาจมีความเห็นไม่ตรงกันระหว่างสมาชิกในครอบครัว การเกาะติดข่าวสาร ความเคลอื่ นไหวทางการเมอื งในสอ่ื โซเชยี ลมีเดีย แล้วนำมาถกกนั บนโตะ๊ อาหาร อาจนำมาซ่ึงความเครยี ดและ ความขัดแย้ง เนื่องจากต่างคนต่างก็มีแหล่งข่าวข้อมูลหรือการเสพสื่อเจาะลึกแตกต่างกันไป ข่าวสารข้อมูล บางอย่างต้องการการตรวจสอบก่อนเชื่อและแชร์ ตัวอย่างที่เห็นเด่นชัด ในช่วงท่ีมีกลุ่มนักเรียนนักศึกษา อินเทอรเ์ น็ตปลอดภยั ในโรงเรยี น 35

ออกมาเคล่ือนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย ต้องการการเปล่ยี นแปลงต่าง ๆ ทำให้บางครอบครัวอาจมีปัญหา ขัดแย้ง พ่อแม่มองลูกว่าถูกชักจูง เชื่อคนง่าย ไร้สติ ส่วนลูกก็มองว่าพ่อแม่ล้าหลัง ไม่ทันโลก ฯลฯ กรณีน้ี พญ.จิราภรณ์ อรณุ ากรู หรอื \"หมอโอ๋\" กุมารแพทยเ์ วชศาสตร์วยั รุ่น คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธบิ ดี เจ้าของเฟซบุ๊กแฟนเพจ “เลยี้ งลกู นอกบ้าน” ไดใ้ หค้ ำแนะนำไว้อยา่ งน่าสนใจ คุณหมอบอกว่า ให้ดีใจท่ีลูกมองว่า \"การเมืองเป็นเรื่องของทุกคน\" ประเทศจะไมพ่ ัฒนาด้วยวัยรุ่นที่ มองแต่ปัญหาของตวั เอง หลีกเลี่ยงการใช้คำพูดตัดสนิ ดูถูก บ่ันทอนคุณค่า \"โง่\" \"อุตส่าหเ์ รยี นสูง\" \"ให้เคา้ จูง จมูก\" เพราะน่ันไม่ได้ทำให้เกิดการส่ือสารท่ีสร้างสันติ แต่ให้ \"รับฟัง\" แบบเปิดใจไม่รีบตัดสิน ลูกรู้สึกอะไร อดึ อัดอะไร มีความต้องการอะไร ให้คณุ ค่ากับอะไร ทำไมถึงคิดหรือเช่ือส่ิงนั้น ฟัง... ด้วยความตอ้ งการที่จะ เขา้ ใจ ไม่ใช่ฟังเพื่อส่งั สอน เคารพการให้ \"คุณค่า\" ในส่ิงที่แตกต่าง เพราะสมัยพ่อแม่อาจให้คุณคา่ เรื่องการไม่ ตั้งคำถามกับคนท่ีเคารพหรือมีอำนาจ ส่วนเด็กสมัยน้ีให้คุณค่ากับสิทธิความเป็นมนุษย์ ความยุติธรรมและ ความเท่าเทียม ควรตั้งคำถามกับสิ่งที่ลกู ให้คณุ ค่า บอกลกู ถงึ ส่งิ ที่เราใหค้ ุณคา่ และท่ีมาของความเชอ่ื นั้น และ สอนลกู ต้ังคำถามกับสิง่ ท่ีลกู เชื่อหรือถูกบอกมา อันไหนจริง เพราะอะไรถึงเชื่อสิ่งนั้น ช่วยลูกฝึกการวเิ คราะห์ แยกแยะ สิ่งท่ีควรสอนเด็กคือเร่ือง การเรียกร้องสิทธิ ไม่ควรกระทำโดยการละเมิดสิทธิของผู้อ่ืน การใช้ hate speech หรือถ้อยคำสรา้ งความเกลยี ดชัง การสร้างภาพเลวร้ายใหต้ ัวบคุ คล อาจไมน่ ำไปสูก่ ารสร้างความเขา้ ใจ ในส่งิ ท่ีตนตอ้ งการ อธิบายว่าความรักความศรทั ธาของคนหลายคน อาจไม่ต้องมีเหตผุ ล แตเ่ ป็นเรื่องทเ่ี ราควร ใหค้ ุณค่า อย่าทำลายหรอื ดูถกู ความศรทั ธาของผูอ้ ่ืน การท่วี ยั ร่นุ ลงมอื ลงแรงเรยี กรอ้ งการเปล่ยี นแปลงกบั ส่งิ ทเี่ ชอื่ มัน่ นน่ั คือพลังงานของวัยหนมุ่ สาว ทีเ่ ราควรรกั ษาไว้ สำหรับคนท่ีเกาะติดข่าวสารการเมอื งหรอื เรอ่ื งอนื่ ๆ ทางสอ่ื โซเชียลมเี ดยี แลว้ เกิดความเครียด อึดอดั หรือไม่สบายใจ ควรงดใช้สื่อหรืองดติดตามข่าวสารนั้น ๆ เป็นการช่ัวคราว นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานต์ิ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต แนะนำวา่ การรบั รู้ขา่ วสารต้องรับรอู้ ย่างพอดี ไม่ควรเกิน 2 ชม.ตอ่ วัน และแบ่งเวลา ครึ่งหน่ึงรับรู้ข่าวสารจากสอื่ ท่ีเป็นกลาง ไมส่ ุดขั้วจนเกินไป ช่วยทำให้เราไม่รู้สึกมีอารมณ์มาก เข้าใจอีกฝ่าย และมที างออก ขอ้ มลู อะไรทีไ่ ด้อ่าน ไดย้ ิน แล้วทำใหร้ สู้ ึกโกรธ เสียใจ กลวั กก็ ลบั มาดูแลใจตวั เองกนั นะคะ สงั คมไม่มน่ั คง ย่งิ ตอ้ งการใจที่ม่ันคง #ปา้ หมอขอขยาย (พญ.วนดิ า เปาอินทร)์ อินเทอร์เนต็ ปลอดภยั ในโรงเรียน 36

นพ.ยงยุทธ ยังไดใ้ ห้ขอ้ คิดเร่ืองสังคมไทยต้องชว่ ยกันไม่ให้เกิดความรุนแรง เพราะความแตกต่างทาง ความคิดไม่ได้เปน็ ความช่ัวหรอื เลว ความเหน็ ท่แี ตกต่างควรถอื เป็นสินทรัพย์ของสังคมและทางออกส่วนใหญ่ ก็อยู่ระหว่าง 2 ข้ัวความคิด สำหรับหลักทางจิตวิทยาที่สำคัญที่จะลดการสร้างความเกลียดคือ หลัก 2 ไม่ 1 เตือน 1 ไม่ คอื ไม่ผลติ ข้อความทีส่ รา้ งความเกลยี ดชัง 2 ไม่ คอื ไม่ส่งต่อ ขอ้ ความทส่ี ร้างความเกลียดชงั ทจ่ี ะยิ่งทวคี วามร้สู กึ รนุ แรงมากขึน้ 1 เตือน คือ เตือนด้วยความหวังดแี ละสุภาพ เพราะการเตือนทำใหบ้ คุ คลเกดิ ความยับย้งั ชงั่ ใจมากข้ึน โดยเฉพาะคนที่อยู่ในกลมุ่ สังคมเดยี วกันจะช่วยได้มาก เราต้องช่วยกันทำ 2 ไม่ 1 เตือน เพ่ือยกระดับสังคมให้สามารถยอมรับความแตกตา่ งโดยไม่ใช้ความ รุนแรงท้ังคำพูดและการกระทำ เรมิ่ จากการพูดคุยกับลูกเราต้องเข้าใจก่อนว่าความเห็นต่างไม่ใช่ความดีเลว ซึ่งความเข้าใจน้ีมีพื้นฐานอยู่แล้วจากสายสมั พันธ์ในครอบครัวและการให้คนรับฟังเรา เร่ิมจากการที่เราต้อง รบั ฟังเขากอ่ น กจ็ ะนำไปสกู่ ารแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เข้าใจเหตุผลซึ่งกนั และกนั ภยั และความเสย่ี งอ่นื ๆ บนโลกออนไลน์ ยังมีภัยและความเส่ียงอ่ืน ๆ ที่มาจากเน้ือหาข้อมูล การติดต่อกับผู้คน รวมถึง พฤตกิ รรมสมุ่ เส่ยี งของตวั เดก็ เอง เชน่ o การเข้าถึงเน้ือหาข้อมูลที่ผิดกฎหมาย/อันตราย เป็นต้นว่า สื่อลามกอนาจาร สารเสพติด อาวุธ ความรุนแรง ลัทธิความเช่ือ ค่านิยมหรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เด็กอาจ download หรือ save เน้ือหา ข้อมลู ทีผ่ ิดกฎหมายมาไว้ สง่ ตอ่ แชรเ์ นือ้ หาข้อมลู นั้นออกไป การมสี ื่อลามกอนาจารเด็กไวใ้ นครอบครอง เป็น ความผิด การผลิต เผยแพร่ ส่งต่อ ทำการค้าสื่อลามกอนาจาร เป็นความผิด การเล่นพนัน เผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ให้เข้าถึงเว็บพนัน เป็นความผิด บางคร้ังเด็กอาจทำสิ่งท่ีผิดกฎหมาย เลียนแบบพฤติกรรม อันตราย เช่น การคา้ ยา เสพยา ขายหรอื โฆษณาสินค้าผิดกฎหมาย/ผิดศลี ธรรม ฯลฯ พ่อแม่ผู้ปกครองจึงควร ดูแลแนะนำเด็กท่ีใช้ส่ือออนไลน์ในเรื่องของการเข้าถึงเนื้อหาข้อมูลท่ีผิดกฎหมายหรือเป็นอันตราย การถูก โน้มนา้ วชกั จงู ใหก้ ระทำหรอื ยุ่งเกย่ี วกับสงิ่ ผิดกฎหมาย การเลยี นแบบเน็ตไอดอลในทางทไี่ มเ่ หมาะสมต่าง ๆ o ถกู โกงเงินซ้ือสินค้า สินค้าคุณภาพต่ำ ไม่ได้รบั สินค้า พ่อแม่ผู้ปกครองควรแนะนำเด็ก ๆ ให้รู้จัก เลือกซ้ือสินค้าจากร้านค้าออนไลน์ท่ีเช่ือถือได้ เช่น มีการรับรองโดยหน่วยงานส่งเสริมร้านค้าออนไลน์หรือ พาณชิ ย์อเิ ล็กทรอนิกส์ (e-commerce) มรี ะบบการซือ้ ขายจา่ ยเงินท่ีไดม้ าตรฐาน มกี ารรบั ประกันสินค้า กรณี การส่งคืนสินคา้ ต่าง ๆ ทำได้หรอื ไม่ ใครรับผิดชอบคา่ ใช้จ่าย จะต้องมเี ง่อื นไขรายละเอยี ดให้อา่ นอย่างชัดเจน และควรเก็บหลกั ฐานการสนทนา การโอนเงินต่าง ๆ ไว้ใช้หากมีปัญหาในภายหลงั การตรวจสอบข้อมูลร้านค้า ให้มากท่ีสุด การอ่านความเห็น/คำแนะนำของลกู ค้า หรือการสง่ั ซื้อสินค้าแบบเก็บเงินปลายทาง ก็เป็นอีกวิธี ที่จะชว่ ยลดความเสีย่ งจากการซอ้ื สินค้าออนไลน์ อินเทอร์เน็ตปลอดภยั ในโรงเรยี น 37

อนิ เทอร์เนต็ ปลอดภยั ในโรงเรยี น 38

o หลงเชอ่ื ข่าวลวงข่าวปลอม ทำให้ตกเปน็ เหยื่อของผู้ไม่ประสงคด์ ี เช่น หลอกให้ลงทะเบยี นสมัคร งาน สมัครเป็นดารา/นางแบบ ร่วมลงทุน หรือการแชร์ข่าวสารข้อมูลปลอมท่ีเก่ียวข้องกับสุขภาพ ความปลอดภัย เศรษฐกิจ ฯลฯ นอกจากตัวเองและเพื่อนฝูงจะโดนหลอกแล้ว อาจทำให้สังคมต่ืนตระหนก เกิดผลร้ายตามวัตถุประสงค์ของผสู้ รา้ งขา่ วปลอมนัน้ มา เช่น ตอ้ งการจงู ใจหลอกลวงใหเ้ ชื่อ เพอื่ ขายสินคา้ หรือ บริการ ให้ร่วมลงทุน สร้างความนิยม หรือทำให้เกิดความรู้สึกต่อต้านเกลียดชัง ฯลฯ คำแนะนำเบ้ืองต้น ในการรับมือกับข่าวปลอมออนไลน์ ข้อแรกคือจะต้องตรวจสอบข้อมูลเสียก่อนว่ามาจากแหล่งที่น่าเช่ือถือ หรือไม่ ควรสืบค้นเพ่ิมเติมจากแหล่งข่าวหรือส่ืออื่น ๆ ว่ามีการพูดถึงเรื่องนี้หรือไม่ พูดว่าอย่างไร และถ้า เปน็ ไปไดค้ วรติดตอ่ สอบถามโดยตรงกบั หน่วยงานหรอื บุคคลทถ่ี กู อา้ งถงึ ประการทีส่ องควรพจิ ารณาผลกระทบ ที่เกิดข้ึนจากการนำข้อมูลข่าวสารนั้นมาใช้หรือส่งต่อ หากไม่ใช่เรื่องจรงิ จะส่งผลกระทบกับใคร อย่างไรบ้าง ผลร้ายแรงหรอื ไม่ ประการสุดท้ายท่ีอยากจะให้พจิ ารณาดว้ ยก็คือ สิ่งท่ีจะส่งออกไปนนั้ เปน็ ประโยชน์ต่อสังคม สว่ นรวมจริงหรอื ไม่ ถา้ ไม่ใช่ ก็ไม่จำเป็นต้องส่งหรือแชร์ออกไปทุกคร้ังที่ได้รับ กระทรวงดิจิทลั เพื่อเศรษฐกิจ และสังคม เปดิ ศูนย์ตรวจสอบขา่ วลวงข่าวปลอม รายการชัวรก์ ่อนแชร์ ช่อง 9 อสมท. มีรายการให้ความร้แู ละ เปดิ ให้สอบถามเรอ่ื งข่าวปลอมทแ่ี พร่กระจายบนโลกออนไลน์ และเว็บไซต์ cofact.org เปิดใหท้ ุกคนมสี ่วนรว่ ม ในการตรวจสอบขา่ วลวงข่าวปลอม พ่อแม่ผปู้ กครองควรช้ีแนะบุตรหลาน ฝกึ ฝนให้ลูกคิดวิเคราะห์ แยกแยะ ตง้ั ข้อสงั เกต สืบค้นหาความจริง กอ่ นที่จะเชื่อหรือแชร์ o การเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป บนโลกออนไลน์อาจทำให้ตกอยู่ในอันตราย เช่น ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ถูกนำรูปภาพไปตัดต่อให้เสียหาย ถูกนำข้อมูลไปแอบอ้างหรือใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม ถูกติดต่อ หรือรบกวนจากคนแปลกหน้า เด็กเล็กอาจถูกลักพาตัว หรือถูกนำภาพไปใช้เพ่ือการแสวงหา ประโยชน์ทางเพศ วัยรนุ่ อาจถูกล่อลวง ละเมิดหรอื คกุ คามทางเพศผา่ นหน้าจอ รวมถึงการนัดพบเพ่ือละเมิด ทางร่างกาย จึงควรแนะนำเด็ก ๆ อย่าไว้ใจคนแปลกหน้า อย่าเช่ือข้อเสนอที่ดีเกินจริง และอย่านัดพบเพ่ือน ออนไลนเ์ ปน็ อันขาด o การหมิ่นประมาทออนไลน์ เกิดขึ้นได้จากการโพสต์ การแสดงความคิดเห็น การส่งต่อหรือแชร์ ข้อมลู ขา่ วสารท่ีไดร้ ับมา การเจตนาตัดตอ่ ภาพ บดิ เบอื นหรือแตง่ เร่ืองราวใส่ร้าย ทำใหผ้ อู้ นื่ ไดร้ ับความเสียหาย จึงควรเตือนเด็ก ๆ ให้ระมัดระวังการเชื่อ แชร์ โพสต์แสดงความคิดเห็นต่าง ๆ จะต้องกระทำด้วยความ ระมดั ระวัง เคารพและใหเ้ กียรติผอู้ ่นื เสมอ o การแอบเข้าระบบคอมพิวเตอร์ อีเมล เฟซบุ๊ก ไลน์ ทวิตเตอร์ หรือบัญชีใช้งานของผู้อ่ืน โดยไม่ไดร้ ับอนุญาต การเปล่ียนแปลงแก้ไข ลบ ทำลายข้อมูล ดักฟังข้อมูล ของผู้อ่ืน การเจาะ โจมตี ระบบ คอมพิวเตอร์และเครือข่าย เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.วา่ ด้วยการกระทำความผิดเกยี่ วกับคอมพิวเตอร์ o การตดั ตอ่ แตง่ ภาพ ที่ทำใหผ้ ู้อน่ื เสยี หาย อับอาย ถูกดูหมน่ิ เกลยี ดชัง การเผยแพรป่ ระชาสมั พนั ธ์ ให้เข้าถึงเว็บไซต์พนัน แหล่งพนัน จัดให้มีการพนัน การเผยแพร่ภาพ/วิดีโอ/ข้อมูลส่วนตัวของเด็ก อนิ เทอรเ์ น็ตปลอดภัยในโรงเรยี น 39

การเผยแพร่ส่งต่อเน้ือหาข้อมูลที่ผิดกฎหมาย เข้าข่ายหม่ินสถาบัน กระทบต่อความม่ันคงปลอดภัย ของประเทศ ความสงบเรียบรอ้ ยของสงั คมและประชาชน เหลา่ นเี้ ป็นการกระทาทผี่ ดิ กฎหมาย o การกระทาบางอยา่ งไมผ่ ดิ กฎหมายชดั เจน แตอ่ าจไมเ่ หมาะสม ไม่เป็นประโยชน์ หรอื อาจสง่ ผล ลบต่อสังคม เช่น การเผยแพร่เรื่องราวหรือภาพความรุนแรง การยุยงปลกุ ป่ัน ค่านิยมหรือพฤติกรรมที่ ไม่เหมาะสม ตัวอย่างเช่น การแสดงผาดโผนอันตราย การลอ้ เล่นกับความรูส้ ึกของลูก เช่น พ่อแม่แกลง้ บาดเจบ็ รุนแรงหรือตายเพ่ือดปู ฏกิ ิริยาของลกู ฯลฯ เหล่านีเ้ ป็นสิ่งที่ไมค่ วรกระทา จึงควรชแี้ นะเด็กใหร้ ูท้ นั ไม่ตกเป็นเหยื่อของผไู้ ม่ประสงคด์ ีในการช่วยเผยแพร่ขอ้ มลู ข่าวสารเหล่านนั้ ไม่เลยี นแบบ และไม่กระทา ต่อผอู้ นื่ รวมทง้ั พ่อแม่ ครู ควรเป็นตวั อยา่ งทดี่ ใี นการใชส้ ่ือ อนิ เทอร์เน็ตปลอดภัยในโรงเรยี น 40

บทท่ี 2 บทบาทของครูและโรงเรยี น โรงเรียนเปน็ สถานที่หลักทเ่ี ด็ก ๆ ได้เรียนรู้การใชค้ อมพิวเตอรแ์ ละอนิ เทอร์เน็ต ครจู งึ มีบทบาทสำคัญ อยา่ งย่ิงในการปลูกฝังแนวทางการใช้งานท่ี ปลอดภยั สร้างสรรค์ และรู้เทา่ ทัน ปัจจุบนั นี้ใช้คำว่า ความฉลาด ทางดจิ ิทัล (DQ -Digital Intelligence Quotient) ซ่ึงเปน็ ทักษะ 8 ด้านในการใชส้ ่ือดจิ ิทัล ทจี่ ะต้องเสรมิ สรา้ ง กันตง้ั แต่เดก็ เน่ืองจากทกุ วนั นี้ เดก็ เกิดและเติบโตมากบั เทคโนโลยดี ิจิทลั จงึ ค้นุ เคยกับการใชค้ อมพิวเตอร์และ อินเทอร์เนต็ เพ่ือสืบค้นข้อมูล ทำการบ้าน อ่านข่าว เข้าถึงสินค้าและบริการ ทำกิจกรรมออนไลน์หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม ฯลฯ ใช้ชีวิตอยู่บนโลกออนไลน์ซ่ึงบางคร้ังถูกเรียกว่า โลกเสมือน (Virtual World) มากพอ ๆ กับโลกจริงหรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ นโยบายการใช้งานอนิ เทอรเ์ นต็ โรงเรียนควรมี นโยบายการใชง้ านคอมพิวเตอรแ์ ละอนิ เทอร์เนต็ เป็นระเบยี บปฏบิ ตั ิ เปน็ กฎเกณฑ์ ในการใชง้ านระบบบรกิ ารอินเทอรเ์ น็ตของโรงเรยี น ท่บี อกว่าอะไรควรทำ ไมค่ วรทำ อะไรทำได้ และอะไรที่ทำ ไม่ได้ ข้อพึงระวงั ข้อควรรู้ต่าง ๆ ในการใช้งาน ข้ันตอนการดำเนินงานเมื่อมีการฝ่าฝืนระเบียบ/กฎเกณฑ์นี้ รวมถึงเมื่อเกดิ เหตไุ มพ่ งึ ประสงค์ เช่น การใชร้ ะบบบรกิ ารของโรงเรยี นในการละเมดิ ผู้อน่ื การกระทำพฤติกรรม ที่ไม่เหมาะสม เป็นอันตราย หรือกระทำการอ่ืนใดท่ีเข้าข่ายผิดกฎหมาย จะต้องรายงานเหตุไปที่ครูคนไหน อนิ เทอร์เนต็ ปลอดภัยในโรงเรยี น 41

ฝ่ายใด โรงเรียนจะดำเนินการอย่างไร โดยโรงเรียนจะต้องเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ระเบียบ/กฎเกณฑ์ ข้อพงึ ระวัง ข้อควรรู้ ขน้ั ตอนตา่ ง ๆ ท้งั หมดนี้ให้ครู นกั เรียน เจา้ หนา้ ท่ที ุกคนทราบโดยทัว่ กนั ท้งั นี้เพ่อื ส่งเสรมิ การใชร้ ะบบบรกิ ารคอมพวิ เตอร์และอินเทอรเ์ น็ตของโรงเรยี น ให้เป็นไปดว้ ยความปลอดภยั และเกิดประโยชน์ ตอ่ การศึกษาเรียนรู้ จำกดั การใช้งานทไี่ ม่เหมาะสมและการทำผิดกฎหมายต่าง ๆ เป็นการปลูกฝังแนวทางการ ใชส้ ือ่ ท่ีดีทีจ่ ะตดิ ตัวเด็กไปตลอด ไมว่ า่ เด็กจะใชส้ ่อื ทีโ่ รงเรยี น ทีบ่ ้าน ในท่ีทำงาน หรือใชง้ านสว่ นตวั กต็ าม นโยบายการใช้งานคอมพิวเตอร์และอนิ เทอร์เน็ตของโรงเรยี น อาจประกอบด้วยขอ้ ควรรู้ ข้อพึงระวัง และแนวทางปฏบิ ตั ิตา่ ง ๆ ดงั นี้ o ระบบคอมพิวเตอรแ์ ละอนิ เทอรเ์ นต็ ของโรงเรียนมไี วเ้ พ่อื การศึกษาเรียนรเู้ ป็นสำคญั o ต้องไมใ่ ช้เพ่อื การกล่นั แกลง้ รงั แก คุกคาม ทำรา้ ย หรอื ละเมิดผ้อู ่นื o ต้องไม่ใช้กระทำผดิ กฎหมาย เช่น การเผยแพรส่ ือ่ ลามกอนาจาร การพนัน ยาเสพติด ฯลฯ o ตอ้ งไมล่ ะเมดิ ลิขสิทธิแ์ ละทรัพยส์ ินทางปัญญา ต้องใหเ้ ครดติ หรอื อ้างอิงผลงานทน่ี ำมาใชเ้ สมอ o ตอ้ งไมใ่ ช้เพ่ือการสอดแนม เปิดดู ขโมยขอ้ มูล หรือแอบเขา้ บัญชขี องผ้อู ื่น o ต้องเคารพและให้เกียรติผู้อ่ืน พึงระมัดระวังการให้ความเห็น การวิพากษ์วิจารณ์ การเผยแพร่ ขอ้ มลู ขา่ วสารที่อาจส่งผลกระทบตอ่ ผ้อู ืน่ และสังคมโดยรวม o พงึ ระวังการใชง้ านท่มี ากเกินไปอาจสง่ ผลเสียต่อสขุ ภาวะทางร่างกาย จติ ใจ และสงั คม o ควรตง้ั รหสั ผ่านทปี่ ลอดภัย เปลย่ี นรหัสผ่านเป็นระยะ ควร sign out ระบบทกุ ครงั้ เมื่อเลิกใช้ o ต้องรับผดิ ชอบต่อการใช้งาน หากฝ่าฝืนกฎระเบียบ/ขอ้ บังคับน้ี จะมีขน้ั ตอนการดำเนนิ งานและมี โทษตามท่ีโรงเรยี นกำหนด (ใช้แนวทางวนิ ยั เชงิ บวก ไมใ่ ชค้ วามรุนแรง) o หากเกิดเหตไุ ม่พึงประสงค์/ผลกระทบด้านลบจากการใชง้ าน โปรดติดต่อหรอื แจ้งท่ี (ระบชุ ื่อครู/ กลุ่มงาน หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล Line ID หรือ Facebook หรือ จัดกล่องรับข้อมูล/ความคิดเห็น หาก นักเรยี นไม่ตอ้ งการระบุตวั ตน) o นักเรยี นมหี น้าที่ศกึ ษาทำความเข้าใจ พ.ร.บ. ว่าดว้ ยการกระทำความผิดเกีย่ วกบั คอมพวิ เตอร์ พ.ศ. 2550 และท่ีแก้ไข พ.ศ. 2560 (ซ่ึงทางโรงเรียนอาจสรุปเนื้อหาสำคัญให้เป็นภาษาที่เข้าใจง่าย นำไปสอนใน ชนั้ เรียนวชิ าคอมพิวเตอร์ หรอื รวบรวมเผยแพร่ใหน้ ักเรยี นไดอ้ ่านภายในโรงเรยี น) โรงเรยี นควรมอบหมายครูหรือกลุ่มงานรบั ผิดชอบในกรณีเกิดการฝา่ ฝืนนโยบายการใช้งานฯ มีการ ละเมิดหรอื กระทำผดิ กฎหมาย นักเรียนต้องทราบว่าจะแจ้งท่ีใคร นำหลกั ฐานอะไรไปแจ้ง และจะเกดิ อะไรขึ้น หลังจากน้ัน เพ่ือให้เกิดความชัดเจนในการสอบถามปัญหา การแก้ไขปัญหา การช่วยเหลือเยียวยาเด็ก ผู้เสียหาย การป้องกันปัญหาไม่ให้เกิดซ้ำอีก และหากมีความจำเป็นต้องประสานงานกับทางโรงพยายาล นกั สงั คมสงเคราะห์ หรือเจ้าหนา้ ท่ีตำรวจ ก็จะได้เกดิ ความชัดเจน ทง้ั ตวั เด็กนกั เรียน ครอบครัว ทางโรงเรยี น และทุกฝา่ ยท่ีเก่ยี วข้อง อินเทอรเ์ นต็ ปลอดภัยในโรงเรียน 42

โรงเรยี นยังมีหนา้ ท่ีป้องกัน เฝ้าระวัง แจ้งเหตุ และประสานงานกบั เจ้าหนา้ ที่ตาม พ.ร.บ.ค้มุ ครองเด็ก หรอื เจ้าหน้าท่ีบา้ นพักเด็กและครอบครวั หรือ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนษุ ยจ์ ังหวดั (พมจ.) เพ่ือส่ง ตอ่ เคส ให้ความร่วมมือในการนำเด็กเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม รวมถึงการดูแลช่วยเหลือเด็กผู้เสยี หาย โดย คำนงึ ถึงประโยชนแ์ ละความปลอดภยั ของเด็กเป็นสำคัญ ในกรณีการกลน่ั แกลง้ รังแก หรือ ระรานทางไซเบอร์ (Cyber Bullying) หากเปน็ นักเรยี นในโรงเรียน แกล้งกนั เอง ครตู อ้ งเรยี กนกั เรยี นคู่กรณมี าพดู คยุ ตกลงเคลยี รป์ ญั หา ขอใหห้ ยุดแกลง้ เพ่ือน ตอ้ งเหน็ อกเหน็ ใจ เพ่ือน หากมีการลงโทษก็ควรลงโทษอย่างเหมาะสมโดยไม่ใช้ความรุนแรง (วินัยเชิงบวก) และต้องให้พ่อแม่ ผู้ปกครองรบั ทราบปัญหาเพื่อช่วยดูแลลูกไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำขึ้นอีก หากการกลั่นแกล้งรังแกน้ันเป็นการ กระทำผิดกฎหมายด้วย เช่น การเผยแพร่สื่อลามกอนาจาร การตัดต่อภาพ หมิ่นประมาท สร้างเร่ืองเท็จ ละเมดิ สิทธิส่วนบคุ คล ฯลฯ ทางโรงเรียนจะต้องใหค้ วามรเู้ รอื่ งกฎหมาย พ.ร.บ.คอมพิวเตอรฯ์ และที่เก่ียวข้อง ว่าจะมีโทษอย่างไร การกระทำผิดดังกล่าวอาจทำให้นักเรียนเสียอนาคตได้ถ้านักเรียนยังไม่เลิกกระทำ ทางโรงเรียนจำเป็นจะต้องแจง้ ความและรว่ มมอื กับเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย สำหรับ เหยื่อ/ผู้เสียหาย ทางโรงเรียนจะต้องช่วยเหลือดูแลสภาพจิตใจและร่างกายโดยทำงานร่วมกับผู้ปกครอง บางกรณีอาจจะต้องส่งไปตรวจกับแพทย์หรอื จิตแพทย์เพ่ือประเมินสภาวะก่อนทำการรักษา หรือขอความ ช่วยเหลือจากนักสังคมสงเคราะหห์ รอื บา้ นพกั เดก็ และครอบครวั ซึ่งมอี ยู่ทกุ จังหวัด ในกรณีการละเมิดทางเพศ ถูกลอ่ ลวง ถูกแอบถา่ ย ถกู ข่มขู่แบลก็ เมล เดก็ อาจจะบอบชำ้ อับอาย วติ ก กงั วล ซมึ เศรา้ ทำรา้ ยตัวเอง อาจคดิ ฆ่าตวั ตายหนีปญั หา ครจู ะต้องประสานงานนักสงั คมสงเคราะหจ์ ากองค์กร พัฒนาเอกชนหรือจากบ้านพักเด็กและครอบครัวเพ่ือมาช่วยดูแลเด็ก พาไปแจ้งความดำเนินคดีกับผู้กระทำ ความผิด จะต้องใช้พยานหลักฐานอเิ ล็กทรอนิกส์ในการสืบสวน มีการสอบปากคำเด็ก ซ่ึงเจ้าหน้าท่ีจะตอ้ งมี ทักษะในการพูดคุยสอบถามหาความจริงจากเด็กโดยไม่ทำร้ายจิตใจเด็ก มีพ่อแม่ผู้ปกครองและนักสังคม สงเคราะห์ร่วมดว้ ยในการสอบปากคำเด็ก พ.ร.บ.ว่าดว้ ยการกระทำความผดิ เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 (ฉบับที่ 1) แม้ใน ปจั จุบนั จะมี พระราชบัญญตั ิว่าดว้ ยการกระทำความผิดเกย่ี วกบั คอมพวิ เตอร์ (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ.2560 เพม่ิ ขนึ้ มา แตฉ่ บับท่ี 1 พ.ศ.2550 กย็ ังมีผลบังคับใช้อยู่ เพยี งแตม่ ีการแกไ้ ขข้อความในบางมาตรา และเพ่ิมมาตราใหม่ ๆ เขา้ มา โดยกฎหมายฉบับนี้ เป็นกฎหมายทด่ี ูแลครอบคลุมการใช้งานคอมพิวเตอรท์ กุ ประเภท โดยในคำนยิ าม กำหนดความหมายของระบบคอมพวิ เตอร์ภายใต้กฎหมายน้ีวา่ “ระบบคอมพิวเตอร์” หมายความว่า อุปกรณ์หรอื ชุดอุปกรณ์ของคอมพวิ เตอร์ท่เี ช่ือมการทำงานเข้า ดว้ ยกนั โดยได้มีการกำหนดคำส่ัง ชุดคำส่ัง หรือสิง่ อื่นใด และแนวทางปฏบิ ัติงานให้อุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์ ทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูลโดยอัตโนมตั ิ อินเทอร์เนต็ ปลอดภยั ในโรงเรียน 43

“ข้อมูลคอมพิวเตอร์” หมายความว่า ข้อมูล ข้อความ คำสั่ง ชุดคำส่ัง หรือสิ่งอื่นใดบรรดาที่อยู่ใน ระบบคอมพิวเตอร์ในสภาพท่ีระบบคอมพิวเตอร์อาจประมวลผลได้ และให้หมายความรวมถึงข้อมูล อิเลก็ ทรอนิกส์ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยธรุ กรรมทางอเิ ล็กทรอนิกสด์ ้วย จึงสรุปความได้ว่า กฎหมายจะควบคุมครอบคลุมไปถึงอุปกรณ์ทุกอย่างท่ีทำงานโดยชุดคำสั่ง คอมพิวเตอร์ ท้ังเคร่ืองคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ชุดคำส่ัง คอมพิวเตอร์ทง้ั หมดก็จะตกอยู่ภายใต้กฎหมายฉบบั นี้ โดยกฎหมายฉบบั นจ้ี ะมผี ลต่อผู้ใช้ (Users) ผใู้ ห้บริการ (ISP - Internet Service Provider) และพนักงานเจ้าหน้าท่ี โดยมีเนื้อหาท่ียังมีผลบังคับใช้ในฉบับนี้ ครอบคลมุ ดงั ต่อไปนี้ การบังคับใช้กับผู้ใช้งานระบบคอมพิวเตอร์หรืออินเทอร์เน็ต มีการควบคุมในเร่ืองการเข้าถึงระบบ คอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต (มาตรา 5) การล่วงรู้มาตรการการป้องกันการเข้าถึงระบบ คอมพวิ เตอรข์ องผู้อน่ื (มาตรา 6) การเขา้ ถงึ ข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยไม่ไดร้ ับอนุญาต (มาตรา 7) การดักข้อมูล โดยมิชอบ (มาตรา 8) การแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อ่ืน (มาตรา 9) การรบกวน ขัดขวาง ระบบคอมพิวเตอร์ (มาตรา 10) การส่งสแปมเมล (มาตรา 11) และการจำหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคำสัง่ เพอื่ ใช้ กระทำความผดิ (มาตรา 13) พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับท่ี 2) พ.ศ. 2560 เป็น กฎหมายฉบับปรับปรงุ ของของฉบับ พ.ศ. 2550 ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา ในวันท่ี 24 มกราคม พ.ศ. 2560 และมผี ลบังคบั ใช้ในวนั ท่ี 25 พฤษภาคม พ.ศ.2560 โดยมเี หตุผลของการปรบั แกไ้ ขกฎหมาย ไดแ้ ก่ 1. บทบัญญัติบางประการไม่เหมาะสมต่อการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกั บ คอมพิวเตอร์ในปัจจบุ นั และมคี วามซำ้ ซ้อนกับกฎหมายฉบบั อนื่ 2. การจัดต้ัง กระทรวงดิจิทัลเพ่ือเศรษฐกิจและสังคม จึงต้องเปลี่ยนข้อความจาก กระทรวง เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื่ สาร ซ่ึงมอี ำนาจในการถอื ครองกฎหมาย พ.ร.บ.คอมพวิ เตอร์ฯ เปน็ กระทรวง ดิจทิ ลั เพ่อื เศรษฐกิจและสังคม แทน 3. ผ้รู กั ษาการตามกฎหมายมกี ารกำหนดฐานความผิดขึน้ ใหม่ แก้ไขเพมิ่ เตมิ ฐานความผิดเดมิ รวมทั้ง บทกำหนดโทษของความผดิ ดังกล่าว 4. ปรบั ปรุงกระบวนการและหลักเกณฑใ์ นการระงบั การเผยแพรข่ ้อมูลโดยเพ่ิม คณะกรรมการในการ คัดกรองเน้อื หา และเพิ่มแนวทางการทำงานของเจ้าหน้าท่ีตำรวจและศาล 5. จัดตัง้ คณะกรรมการในการพิจารณาความผดิ ของกฎหมายฉบับนี้ ซง่ึ เป็นกฎหมายท่ใี ชค้ ู่กันกับฉบับเดิม พ.ศ. 2550 แต่มกี ารปรับเนอ้ื หาและเพิ่มมาตราใหม่ในประเด็น ของการให้ปฏเิ สธไม่รบั สแปมงา่ ยขึ้น พร้อมให้เกณฑ์ท่ีชัดเจนว่าอเี มลแบบใดไม่ถือเปน็ สแปม (มาตรา 4 เพ่ิม วรรคสองและสามของมาตรา 11 ฉบับที่ 1) การสร้างความเสยี หายต่อระบบสาธารณะ โครงสรา้ งพ้ืนฐานและ อนิ เทอรเ์ นต็ ปลอดภัยในโรงเรยี น 44

ความมนั่ คงปลอดภัยของรฐั และสังคม (มาตรา 5 โดยปรับแก้ข้อความในมาตรา 12 ฉบับที่ 1) การสร้างความ เสยี หายต่อความมัน่ คงปลอดภัยของประเทศและสง่ ผลกระทบตอ่ ชวี ิตและทรพั ย์สินของบคุ คล (มาตรา 6 ซ่ึง เพ่ิมเติมมาตรา 12/1 ของฉบับท่ี 1) การจำหน่ายหรือเผยแพรช่ ดุ คำสงั่ ทใี่ ช้สร้างความเสียหายต่อความมั่นคง ปลอดภยั ของประเทศ (มาตรา 7 เพิ่มวรรคสอง วรรคสาม วรรคส่ีและวรรคห้าของมาตรา 13 ฉบับท่ี 1) การ นำเขา้ ข้อมลู หรือเผยแพร่ ข้อมูลเท็จโดยทจุ รติ หรือหลอกลวง (ท่ีไมใ่ ช่การหม่ินประมาท) ข้อมูลการกอ่ การรา้ ย ขอ้ มลู อนั เป็นภยั ตอ่ ความมน่ั คง ส่อื ลามก (มาตรา 8 โดยปรบั แก้ข้อความในมาตรา 14 ฉบบั ที่ 1) ความผิดของ ผใู้ ห้บริการท่ียินยอมให้เผยแพร่เน้ือหาตามมาตรา 8 (มาตรา 9 โดยปรับแก้ข้อความในมาตรา 15 ฉบับที่ 1) การเผยแพร่ภาพตัดต่อ/ดัดแปลงของผู้อื่นให้ได้รับความเสียหาย หากเป็นการตัดต่อ/ดัดแปลงภาพของผู้ที่ เสียชีวิตไปแล้วและส่งผลต่อคนในครอบครัว คนในครอบครัวสามารถเอาผิดได้ (มาตรา 10 โดยปรับแก้ ข้อความในมาตรา 16 ฉบบั ท่ี 1) และใน พ.ร.บ.คอมพวิ เตอร์ ฉบับที่ 2 นี้ ได้มีการกำหนดเพมิ่ อำนาจหนา้ ท่ขี องศาลในการทำลายขอ้ มูล หรือบรรเทาความเสียหายที่เกิดขนึ้ จากการกระทำในมาตรา 14 (เผยแพร่ข้อมูลเท็จ หลอกลวง) และมาตรา 16 (ตัดต่อ/ดัดแปลงภาพให้ได้รับความเสียหาย) ซ่ึงระบุไว้ในมาตรา 11 (เพิ่มมาตรา 16/1 และ 16/2 ของ ฉบบั ท่ี 1) และยังมีการกำหนดใหม้ ีการจัดต้งั คณะกรรมการเปรยี บเทียบในความผิดท่มี ีโทษสถานเบา เพ่ือลด ภาระในการดำเนินคดชี นั้ ศาล เพือ่ ไม่ให้ติดอยู่ในกระบวนการยุตธิ รรมทีต่ ้องใช้เวลาและมคี ่าใช้จา่ ย (มาตรา 12 ซ่งึ เพ่ิมเตมิ มาตรา 17/1 ของฉบับที่ 1) การแต่งตง้ั คณะกรรมการกล่ันกรองข้อมลู คอมพิวเตอร์ (จำนวน 9 คน โดยมีภาคเอกชน 3 คน) เพอ่ื พจิ ารณาเนื้อหาที่ขัดตอ่ การสงบเรียบร้อยของสังคมไทย อกี ชั้นหนึง่ ก่อนให้ศาล ตรวจสอบ (มาตรา 14 ซ่ึงเพิม่ เติมมาตรา 20 ของฉบับท่ี 1) โดย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฉบับท่ี 2 จะเน้นความเสยี หายทเ่ี กดิ ข้นึ ต่อบคุ คลในรูปแบบของความเสยี หาย จากทรัพยส์ ิน การฉ้อโกง อนั มใิ ช่การหมนิ่ ประมาทตามกฎหมายอาญา โดยหากมีการหม่ินประมาทผา่ นการใช้ งานระบบคอมพวิ เตอร์ เช่น การหมน่ิ ประมาทบุคคลบนเว็บบอร์ด หรือบนโซเชยี ลมีเดีย ก็สามารถเอาผิดจาก ประมวลกฎหมายอาญาฐานหมิ่นประมาท มาตรา 326 และ 328 โดยมาตรา 326 ระบุวา่ ผูใ้ ดใสค่ วามผู้อ่นื ต่อ บุคคลที่สาม โดยประการท่ีน่าจะทำให้ผู้อื่นน้ันเสียช่ือเสียง ถูกดูหม่ินหรือถูกเกลียดชังด้วยท้ังการพูด พิมพ์ เขยี นข้อความ หรอื แสดงกริยาต่าง ๆ มาตรา 328 ว่าด้วยการหมนิ่ ประมาททีก่ ระทำโดยการโฆษณา แนวทางปฏิบตั ิเมอื่ เดก็ ถูกกล่นั แกล้งรงั แกหรือละเมิด โดยทั่วไปเดก็ ทถ่ี กู กล่นั แกลง้ รงั แกหรอื ละเมิด มกั ไม่กล้าบอกเรอ่ื งราวหรือเหตุการณท์ ่ีเกิดขึน้ ใหค้ นอืน่ รับรู้ แต่การมีความสัมพันธ์ท่ีดีกับเด็ก ให้เด็กรู้สึกถึงความปลอดภัยจนได้รับความไว้วางใจจากเด็ก ซึ่งการ เขา้ ถงึ ความรู้สกึ เดก็ น้ตี อ้ งใช้เวลา ไม่ควรคาดคั้น ไมล่ ะลาบละลว้ ง เปน็ ผฟู้ ังท่ดี ีและไมต่ ดั สนิ การการกระทำของ เด็ก และทส่ี ำคญั ต้องรอใหเ้ ด็กพรอ้ มท่ีจะเลา่ เหตุการณ์เอง กรณเี ดก็ เปน็ ผกู้ ระทำ อินเทอรเ์ นต็ ปลอดภัยในโรงเรียน 45

1. สบื ทราบเร่ืองราว ความสัมพันธ์ สาเหตุ ว่าเด็กเป็นผกู้ ระทำจรงิ 2. เกบ็ รวบรวมหลกั ฐานท้ัง 2 ทาง คอื ในฐานะเด็กทีก่ ระทำ และ เด็กทถ่ี ูกกระทำ 3. เข้าไปพูดคุยกับเด็กท่ีถูกกระทำ ให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น เช่น รับฟังความรู้สึก ไม่ผัดผ่อน ไมห่ ลกี หนที จี่ ะรบั ฟงั ปญั หา ใหเ้ กยี รติ จริงจังและทำความเขา้ ใจกบั ปญั หาทีเ่ กิดข้นึ รวมถึงแสดงความใส่ใจอยาก ช่วยเหลอื 4. เข้าไปพูดคุยกับเด็กท่ีกระทำ ต้องไม่ตัดสิน ไม่คาดโทษ พูดคุยด้วยเหตุและผล ห้ามใช้อารมณ์ สอบถามถงึ สาเหตุของการกระทำ เตอื นสติเดก็ โดยใช้หลักใจเขาใจเรา 5. รอให้เด็กผู้กระทำผิดมีความพร้อมทจ่ี ะรับฟังถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกบั เพ่ือนจากส่ิงที่ได้ทำลงไป บอกถึงการกระทำน้ีว่าผิดกฎหมาย เช่น พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก หรือกฎหมายอื่น ๆ ท่ีเกีย่ วขอ้ ง แลว้ จะเกิดผลอยา่ งไรกบั นักเรียนทเี่ ปน็ ผ้กู ระทำ การกระทำบนโลกออนไลน์จะทิง้ ร่องรอยหลกั ฐานไว้ เสมอ (Digital Footprint) ภาพหรอื วดิ โี อต่าง ๆ จะอย่บู นอนิ เทอร์เน็ตตลอดไป ซ่งึ จะส่งผลเสียไมจ่ บสิ้น ท้งั ต่อ ตวั ผ้กู ระทำผดิ และเหย่ือ/ผูเ้ สียหาย 6. ขอให้เดก็ ไปปรับความเขา้ ใจกับเพ่ือน กล่าวขอโทษในส่ิงที่ทำให้เพื่อนเสียใจ เสยี หาย ขอให้เพือ่ น อภัยในสิ่งท่ีได้ทำลงไป พร้อมกับลบข้อมูล/คลิปวิดีโอ/รูปภาพ ที่ทำให้เพ่ือนเสียหายออกจากอุปกรณ์ทั้งหมด เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต แฟลชไดรว์ เว็บไซต์ บริการบันทึกข้อมูลในระบบออนไลน์ เช่น Cloud, Google Drive เปน็ ต้น และกลุ่มตดิ ตอ่ สอ่ื สารต่าง ๆ ในโซเชยี ลมีเดยี เช่น Line, Facebook, Twitter 7. ขอความช่วยเหลือดว้ ยวิธอี ่ืน เชน่ เชญิ ผูป้ กครองของเดก็ ที่เป็นผู้กระทำมาพูดคุยชีแ้ จงใหเ้ ข้าใจถึง ปัญหาทเี่ กิดขึ้น และจะต้องไม่ลงโทษเด็กเกินกวา่ เหตุ ให้ผู้ปกครองรับทราบพฤติกรรมท่เี กิดขึน้ ในโรงเรียน และ ถ้าพฤติกรรมท่ีบ้านมีลักษณะคล้ายกัน คือ เด็กชอบกลั่นแกล้งรังแก/ความรุนแรง มีพฤติกรรมทางเพศ ท่ีไม่เหมาะสม ควรปรึกษาหน่วยงานที่เชี่ยวชาญเพ่ือเข้ามาร่วมหาสาเหตุที่แท้จริง เช่น บ้านพักเด็กและ ครอบครวั จิตแพทยเ์ ด็กและวยั ร่นุ เพือ่ จะไดช้ ว่ ยกันแก้ไข ปรับปรงุ เปล่ยี นแปลงพฤตกิ รรมของเดก็ ใหด้ ีขึน้ กรณีเดก็ เปน็ ผถู้ กู กระทำ 1. แยกเดก็ ท่ไี ดร้ ับผลกระทบออกจากกลมุ่ ผกู้ ระทำ เพ่ือให้เดก็ รู้สึกปลอดภัย 2. สบื ทราบเร่ืองราวของเรอื่ งท่ีเกิดข้ึน วเิ คราะห์ข้อมูลที่ได้มา ปะติดปะต่อเรอื่ งราว และค้นหาผู้ท่ี สงสัยว่าเปน็ คนกระทำ สอบถามความสมั พนั ธร์ ะหว่างคู่กรณี 3. เก็บรวบรวมหลักฐาน 4. คอยรับฟังอย่างตั้งใจและเป็นกลาง รับฟังความรู้สึก ไม่ผัดผ่อน ไม่หลีกหนีที่จะรับฟังปัญหา ให้เกยี รติ จรงิ จังและทำความเข้าใจกับปญั หาที่เกดิ ขนึ้ รวมถึงแสดงความใส่ใจอยากชว่ ยเหลือ 5. คอยสังเกตว่าเด็กมีความพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับผู้กระทำ เพ่ือให้ได้ปรับความเข้าใจกัน ให้อภัย และเตือนสติเพื่อนคนที่เป็นผู้กระทำ (แบบเพ่ือนเตือนเพื่อน แบบครูเตือนลูกศิษย์ ช้ีแจงถึงผลเสียที่เกิดขึ้น ท้ังทางรา่ งกาย จิตใจ สงั คม กฎหมาย ทั้งในปัจจุบนั และอนาคต ท้งั ตอ่ ตัวผู้กระทำผดิ และเหย่ือ/ผู้เสยี หาย) อินเทอร์เน็ตปลอดภยั ในโรงเรยี น 46

6. ให้เด็กได้พูดคยุ ปรับความเข้าใจกับเพอื่ น พูดคุยกับเพ่ือนถงึ ผลกระทบทีไ่ ด้รบั ให้เห็นอกเหน็ ใจกัน หากมีความคับขอ้ งหมองใจหรือปัญหาใดที่เป็นสาเหตุของปัญหา ก็ขอให้สื่อสารบอกกล่าวกันตรง ๆ เพอ่ื จะได้ รว่ มกันแก้ปญั หา แทนท่ีจะไปกลนั่ แกลง้ รังแกหรอื ใช้สอ่ื ออนไลนใ์ นการละเมิดหรือทำรา้ ยเพอ่ื น ขอให้เพ่ือนชว่ ย ลบขอ้ มลู /คลิปวิดโี อ/รูปภาพ ออกจากอุปกรณ์ทง้ั หมด เชน่ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต แฟลชไดรว์ เวบ็ ไซต์ บริการ บนั ทึกข้อมูลในระบบออนไลน์ เช่น Cloud, Google Drive เป็นต้น และกลุ่มติดตอ่ สื่อสารต่าง ๆ ในโซเชียล มเี ดีย เช่น Line, Facebook, Twitter 7. อาจต้องเชิญผู้ปกครองมาพูดคุยให้เข้าใจสถานการณ์ปัญหา คอยสังเกตพฤติกรรมของเด็กว่ามี บาดแผลทางร่างกาย หรือภาวะเครยี ด ซึมเศร้า บ้างหรือไม่ เพอื่ ใหม้ ีการดูแลอย่างใกลช้ ิด และหากจำเปน็ กต็ อ้ ง พาไปโรงพยาบาลเพ่อื ตรวจประเมินทางร่างกายและจติ ใจกอ่ นทำการรกั ษา 8. อาจต้องประสานแจ้งผู้ให้บรกิ ารเพื่อช่วยดำเนินการลบข้อมูล/คลิปวิดีโอ/ภาพ ออกจากเว็บไซต์ หรือสื่อโซเชียลต่าง ๆ และหากมีการกระทำผิดกฎหมายร่วมด้วย ก็อาจต้องเก็บรวบรวมพยานหลักฐานแจ้ง เจา้ หนา้ ท่ีตำรวจ เพือ่ ดำเนินการตามขัน้ ตอนกฎหมาย อนิ เทอร์เน็ตปลอดภัยในโรงเรียน 47

กรณผี ้กู ลนั่ แกลง้ รังแก/ละเมดิ ไมไ่ ด้อยใู่ นสถานศึกษา 1. สอบถามเร่ืองราวและที่มาของข้อความ/คลิปวิดีโอ/รูปภาพ ของการกล่ันแกล้งระราน การละเมิด บุคคลท่ีเกี่ยวข้อง แต่ต้องเป็นการสอบถามท่ีต้องใช้จิตวิทยาเชิงบวก คือไม่คาดค้ัน ไม่กล่าวโทษ แสดงความจรงิ ใจทจี่ ะชว่ ยเหลอื เพื่อให้ไดค้ วามจรงิ จากปากเดก็ โดยเร็วที่สดุ 2. เก็บรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ 3. พยายามหว่านลอ้ มใหเ้ ดก็ ไดบ้ อกถึงความสมั พันธ์กับคูก่ รณี 4. ประเมินสภาพจิตใจเด็ก หากเด็กอยู่ในขนั้ วิกฤตควรส่งต่อให้หน่วยงานอื่น เช่น โรงพยาบาล สถานี อนามัย บ้านพักเด็กและครอบครัว เพื่อเข้ามาช่วยเหลือในการพูดคุยกับเด็ก การฟื้นฟูเยียวยา สภาพร่างกายและจติ ใจ ทำให้เด็กรสู้ กึ ปลอดภยั ร้สู กึ วา่ ไดร้ บั ความชว่ ยเหลอื อย่างจริงใจ 5. ประสานงานกับผปู้ กครองถงึ แนวทางในการดูแลสภาพจติ ใจ เปิดอกคยุ กนั เขา้ ใจ เห็นใจ แต่ไมค่ วรตอ่ วา่ ด่าทอ หรอื ใชค้ ำพูดท่เี หน็บแนม อธบิ ายให้ผปู้ กครองเข้าใจสถานการณแ์ ละปญั หาของเดก็ ท่ีพบเจอ และคอยสังเกตพฤติกรรมของเด็กว่ามีภาวะเครียด ซึมเศร้า บ้างหรือไม่ หากเด็กถูกล่วงละเมิด ทางเพศ อาจส่งผลกระทบทางด้านจิตใจหลังถูกล่วงละเมิดทางเพศ เช่น กลัว โกรธ กังวล หงุดหงิด งา่ ย ฝันรา้ ย นอนไม่หลบั ควรรบี ปรึกษาและขอคำแนะนำจากแพทย์ 6. อาจต้องประสานแจง้ ผูใ้ ห้บริการเพื่อช่วยดำเนินการลบข้อมูล/คลปิ วดิ ีโอ/ภาพ ออกจากเวบ็ ไซต์หรือ ส่ือโซเชียลต่าง ๆ และหากมีการกระทำผิดกฎหมายรว่ มด้วย ก็อาจต้องเก็บรวบรวมพยานหลกั ฐาน แจง้ ความกับเจา้ หน้าท่ีตำรวจ เพอ่ื ดำเนนิ การตามขัน้ ตอนกฎหมาย 7. หากการกระทำน้ันไม่ผิดกฎหมาย พยายามติดต่อคู่กรณีเพ่ือมาพูดคุยไกล่เกล่ีย ให้แสดงความ รบั ผิดชอบ แก้ไขปัญหา ป้องกันการกระทำซ้ำ เช่น หากมีการโพสต์ประจานด้วยคำพูด ภาพ คลิป วิดโี อ ก็ควรลบออก โพสตข์ อโทษ ยอมรับผิดทท่ี ำเช่นนั้น และรบั ปากว่าจะไมก่ ระทำอกี โรงเรียนไมค่ วรห่วงชือ่ เสียงของโรงเรยี นมากไปกวา่ ความปลอดภัยของเดก็ จึงควรให้ความร่วมมือกับ เจา้ หน้าทสี่ หวชิ าชีพและครอบครัวในการดำเนนิ คดี (หากมกี ารกระทำผิดกฎหมาย) ในขณะเดยี วกัน จะต้องไม่ ตำหนิติเตยี นหรอื ลงโทษเด็กอยา่ งรนุ แรงหรอื ให้เดก็ ออกจากโรงเรยี น เพราะเทา่ กบั เป็นการซำ้ เติมเด็ก จะตอ้ ง ตระหนักว่าเด็กคือเหย่ือที่ถูกโน้มน้าวชักจูง ล่อลวงได้ง่าย คือลูกหลานท่ีจะต้องได้รับการฟ้ืนฟูเยียวยา ใหก้ ลับคนื สคู่ รอบครัว ส่สู ังคม กลับมาดำเนินชวี ิตไดต้ ามปกติโดยเร็ว ในกรณีเด็กติดเกมหรือติดพนัน โรงเรียนจะต้องทำงานร่วมกับทางบ้านเพื่อปรับเปล่ียนพฤติกรรม ของเด็ก โดยหาสาเหตทุ ่ีแท้จริงท่ีทำใหเ้ ดก็ ติดเกมหรือติดพนัน แกต้ รงสาเหตุ หากิจกรรมสรา้ งสรรค์ท่นี า่ สนใจ มาทดแทน อาจโทรขอรับคำปรึกษาที่สายดว่ นสุขภาพจิต หมายเลข 1323 เปิดให้บรกิ ารฟรีทกุ วันตลอด 24 ชว่ั โมง และ Facebook “สายด่วน 1323 เลิกพนนั ฟร”ี www.facebook.com/GamblingCounseling1323 อนิ เทอรเ์ นต็ ปลอดภัยในโรงเรยี น 48

ในกรณีทีเ่ ด็กมีปญั หาสุขภาวะทางกาย หรอื จิตใจ เชน่ เครยี ด ซึมเศร้า มีพฤตกิ รรมเนือยน่ิง เปน็ โรค อ้วน ลมชัก ฯลฯ อาจมีสาเหตุจากการใช้สื่อออนไลน์ เสพติดอินเทอร์เน็ต ติดสมาร์ทโฟน ติดเฟซบุ๊ก ฯลฯ ทางโรงเรียนควรแนะนำให้พ่อแม่สงั เกตอาการและทำงานกบั ทางโรงเรียนเพอื่ แก้ไขปัญหาร่วมกนั ซง่ึ ปัจจบุ ัน ทางโรงเรียนมี แอปพลเคขันฮีโร่ ท่ีแนะนำวิธีการสังเกตประเมินอาการเด็ก และมีทีมบุคลากรทางด้าน สาธารณสขุ เป็นผู้ใหค้ ำแนะนำปรกึ ษาแกค่ ณุ ครใู นการช่วยเหลอื เด็กผา่ นระบบออนไลน์ แอปพลิเคชันฮโี ร่ กรมสุขภาพจิต ได้ส่งเสริมการใช้งาน แอปพลิเคชันฮีโร่ “HERO” (Health and Educational Reintegrating Operation) เพื่อค้นหาผทู้ ่มี ีปัญหาสุขภาพจิตในกลมุ่ วยั เรยี น เป็นการบูรณาการความร่วมมือ ระหวา่ งระบบการศึกษาและระบบสุขภาพ เพ่ือการดูแลสขุ ภาพจิตของเด็กนกั เรยี น 7 ลา้ นคนบนระบบดิจทิ ัล แอปพลิเคชันฮีโร่ เป็นนวัตกรรมจากการความร่วมมือระหว่างกรมสุขภาพจิต และสำนักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธกิ าร เพ่ือรองรับวิถชี ีวติ ใหม่ ชว่ ยดูแลสุขภาพจิต เด็กนักเรียนในช่วงเปิดภาคเรียนภายใต้สถานการณ์โควิด-19 เน่ืองจากกลุ่มวัยเด็กและวัยรุ่นที่มีความ จำเปน็ ต้องอยบู่ ้านหยุดเช้ือเพอื่ ชาติ ไม่ไดไ้ ปเรยี นและเล่นตามวัย ใชส้ อ่ื ออนไลนเ์ พ่มิ มากขึ้นจากการทตี่ ้องเรียน ออนไลน์ ทำกจิ กรรมออนไลน์ และบางส่วนมีเวลาวา่ งมากขนึ้ จากการทไ่ี ม่ได้ไปโรงเรยี น หากพอ่ แม่ผู้ปกครองมี ความเครียดจะส่งผลต่อพฤติกรรมและอารมณ์ของเด็กตามไปด้วย ซ่ึงการระบาดของโควิด -19 ในหลาย อินเทอรเ์ น็ตปลอดภยั ในโรงเรียน 49

ประเทศพบวา่ ปัญหาความรนุ แรงในครอบครวั มีสาเหตุจากการทีต่ อ้ งเก็บตัวอย่บู ้านกันเพ่ิมขึ้น และกลุ่มเสยี่ ง สำคัญคือเด็กและวัยรุ่นซ่ึงยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ทั้งหมด และมักแสดงออกเป็นปัญหาพฤติกรรม อารมณ์ สงั คม ทำใหเ้ ด็กไม่สามารถเรียนหรอื ใชช้ ีวติ ตามปกตไิ ด้ แอปพลิเคชันฮโี ร่ เช่ือมการดูแลเด็กร่วมกันระหวา่ งผู้ดแู ล 3 ฝ่าย คือ ครู หมอ พ่อแม่ อย่างตอ่ เน่ือง จะช่วยให้เด็กที่มีปญั หาพฤติกรรมอารมณ์ทอ่ี าจเกิดมาจากโรคทางจิตเวชท่ีพบได้บอ่ ย 6 โรค ได้แก่ โรคสมาธิ สั้น โรคบกพร่องทางการเรียนรู้ โรคสตปิ ัญญาบกพรอ่ ง โรคออทิสติก โรคดื้อต่อต้าน และโรคซึมเศร้า เข้าถึง บริการดูแลรกั ษาเพิ่มข้ึน ขณะเดียวกันจะใช้แอปพลเิ คชนั น้ี เปน็ ฐานข้อมูลของประเทศ ในการดูแลรักษาเด็ก นกั เรียนทมี่ ปี ัญหาการเรียนและมีปัญหาพฤตกิ รรมอารมณ์ในภาพรวมทงั้ หมดด้วย แอปพลิเคชันฮีโร่ มีแบบสังเกตอาการ 9S ของเด็ก ได้แก่ 1. ซนเกนิ ไป 2. ใจลอย 3. รอคอยไม่เป็น 4. เศร้า/เครียด หงุดหงิดง่าย 5. ท้อแท้ เบื่อหน่าย 6. ไม่อยากไปโรงเรียน 7. ถูกเพ่ือนแกล้ง 8. แกล้งเพื่อน และ 9. ไม่มีเพ่ือน ทำให้สามารถประเมินได้ง่าย ใช้เวลาสั้น ค้นหาและช่วยเหลือได้เร็วข้ึน อีกทั้งยังได้เน้น ให้เห็นความสำคัญของครู ในการเรียนรู้เทคนิคการส่งเสริมพัฒนา ป้องกัน แก้ไข เร่ืองสุขภาพจิตเด็ก ดูแล ประเมินผล และปรึกษาและส่งต่อได้ ซ่ึงหลังคัดกรองครูก็จะต้องให้คำปรึกษา และปรับพฤติกรรมเบ้ืองต้น โดยครูบางทา่ นมที ักษะอยู่แล้ว บางท่านหากอยากเรียนรู้เพ่ิมเตมิ ในตัวระบบ HERO ก็จะมอี ีเลริ ์นน่ิงให้เรียนรู้ เพอื่ นำไปใชใ้ หค้ ำปรึกษาหารือและปรับพฤติกรรมเดก็ ได้ อนิ เทอร์เนต็ ปลอดภัยในโรงเรียน 50