Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ภาษาและวัฒนธรรม

Description: ภาษาและวัฒนธรรม

Search

Read the Text Version

ED12101 189 ภาษาและวฒั นธรรม . โสตทศั นวัสดุ ช่ือผูจ้ ดั ทา . (หนา้ ที่รับผิดชอบ-ถา้ มี) . ปีทเ่ี ผยแพร่ . ชอ่ื เรือ่ ง (ลกั ษณะของโสตทัศนวัสด)ุ . สถานทีผ่ ลิต : หนว่ ยงานทเี่ ผยแพร่ . สือ่ อิเล็กทรอนกิ ส์ แฟ้มข้อมูลและโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ ช่ือผู้รับผดิ ชอบหลกั . ปที จี่ ัดทา . ชอ่ื แฟม้ ข้อมูล (หรอื ชือ่ โปรแกรม) . สถานที่ผลิต : ชอ่ื ผู้ผลิตหรือผู้เผยแพร่ . รายละเอียดเก่ียวกับเรื่องของการอ้างอิงนั้นมีอีกมาก ซ่ึงผู้อ่านควรแสวงหาความรู้เพ่ิมเติม เพราะมีแบบใหเ้ ลอื กหลายแบบที่ยกมาเป็นเพียงแบบหน่ึงเท่าน้ัน อย่างไรก็ตาม หลักสาคัญที่ควรกล่าว ไว้ในที่น้ีก็คือ การอ้างอิงควรจะเป็นการกระทาอย่างมีจุดหมาย เพ่ือให้ผู้อ่านได้ทราบแหล่งท่ีมาของ ความรู้ และช่วยให้ผู้อ่านมีโอกาสหาความรู้เพิ่มข้ึนและเป็นการแสดงว่าส่ิงที่นามากล่าวมีหลักฐานควร เชื่อถือได้เพียงใด ความรู้พื้น ท่ีเป็นสิ่งที่ผู้อ่านเข้าใจได้ง่าย ไม่จาเป็นต้องมีการสืบค้นอะไรอีก ไม่จาเป็นต้องมกี ารอา้ งองิ ควรอา้ งองิ เทา่ ท่ีจาเป็น การอ้างอิงมากเกินจาเป็น จะทาให้บทความดูรุ่มร่าม และก่อความราคาญในการอ่านได้ นอกจากนั้น พึงตระหนักอยู่เสมอว่าการคัดลอกงานของผู้อื่นนั้น ทาได้ แตต่ อ้ งเปน็ การนามาเพ่อื อธบิ ายสนบั สนนุ เทา่ นั้น ไมใ่ ช่ลอกเอามาเปน็ เน้ืองานของตน รายละเอียดปลีกย่อยในการเขียนบทความทางวิชาการให้ได้ดีน้ัน คงยังมีอีกมาก อาทิเช่น ลักษณะจาเพาะของบทความเฉพาะสาขา ความยาวที่เหมาะสม แบบฟอร์ม และรายละเอียดเกี่ยวกับ การพิมพ์ เป็นต้น ผู้เขียนบทความควรให้ความสนใจท่ีจะศึกษาต่อไป ที่กล่าวมาท้ังหมดนี้ เป็นเพียง ส่วนสาคญั ทีไ่ ม่ควรขาดในบทความทางวชิ าการโดยทว่ั ไปเทา่ นนั้ การเขยี นหนงั สอื ราชการ หนงั สอื ราชการ หมายถึง เอกสารทีเ่ ปน็ หลกั ฐานในราชการ ไดแ้ ก่ 1. หนังสือท่ีมีไปมาระหวา่ งส่วนราชการ 2. หนงั สือทสี่ ว่ นราชการมีไปถงึ หน่วยงานอ่ืนใดซ่ึงมิใชส่ ่วนราชการ หรอื ท่ีมีไปถึงบคุ คลภายนอก 3. หนังสอื ทีห่ น่วยงานอ่นื ใดซ่งึ มใิ ช่สว่ นราชการหรือท่ีบุคคลภายนอก มมี าถึงส่วนราชการ 4. เอกสารท่ีทางราชการจัดทาข้ึนเพ่ือเปน็ หลักฐานในทางราชการ 5. เอกสารทีท่ างราชการจัดทาข้นึ ตามกฎหมาย ระเบียบ หรือข้อบงั คบั แนวคดิ เกี่ยวกับการเขยี นหนังสอื ราชการ ดังนี้ 1. การเขียนหนังสือราชการเป็นการเขียนจดหมายของทางราชการที่ใช้ติดต่อกับหน่วยงาน องค์การของรัฐบาล หรือรัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานธุรกิจ เพราะการทางานไม่ว่าจะเป็นขององค์การใด

ED12101 190 ภาษาและวัฒนธรรม ยอ่ มจาเป็นตอ้ งมกี ารตดิ ตอ่ ส่ือสารกัน แม้ว่าจะมีการส่ือสารทางโทรศัพท์ซึ่งสะดวกรวดเร็วกว่าการเขียน จดหมาย แต่การใช้จดหมายในการส่ือสารกเ็ ป็นสิ่งจาเป็นเพราะเป็นหลกั ฐานอ้างอิงของหนว่ ยงานได้ 2. การเขียนหนังสือราชการน้ีต้องเป็นไปตามระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 3. หนงั สือราชการ หมายถึงเอกสารท่ีราชการจดั ทาขึ้นเพอ่ื เปน็ หลกั ฐานในราชการ หรือจัดทาขึ้น ตามกฎหมาย ระเบียบ หรอื ข้อบงั คบั ชนิดของหนังสือราชการ มี 6 ชนดิ คอื 1. หนังสือภายนอก 2. หนังสือภายใน 3. หนังสือประทับตรา 4. หนังสือสงั่ การ 5. หนังสอื ประชาสมั พันธ์ 6. หนงั สือที่เจ้าหน้าที่ทาขึ้นหรอื รบั ไวเ้ ปน็ หลกั ฐานในราชการ หนังสือภายนอก คือ หนังสือติดต่อราชการท่ีเป็นแบบพิธีโดยใช้กระดาษตราครุฑเป็นหนังสือ หนังสือติดต่อระหว่างส่วนราชการหรือส่วนราชการมีถึงหน่วยงานอื่นใดซ่ึงมิใช่ส่วนราชการหรือท่ีมีถึง บุคคลภายนอก หนังสือภายใน คือ หนังสือติดต่อราชการท่ีเป็นแบบพิธีน้อยกว่าหนังสือภายนอก เป็นหนังสือ ตดิ ตอ่ ภายในกระทรวง ทบวง กรม หรือจังหวัดเดียวกัน ใช้กระดาษบันทึกข้อความและให้จัดตามแบบที่ กาหนดไว้ หนังสือประทับตรา คือ หนังสือท่ีใช้ประทับตราแทนการลงช่ือของหัวหน้าส่วนราชการระดับ กรมข้ึนไป โดยให้หัวหน้าส่วนราชการระดับกองหรือผู้ท่ีได้รับมอบหมายจากหัวหน้าส่วนราชการระดับ กรมข้ึนไปเป็นผูร้ บั ผิดชอบลงช่ือกากับตรา หนังสือสั่งการ มี 3 ชนดิ ไดแ้ ก่ คาสั่ง ระเบยี บ และข้อบังคบั คาส่ัง คือ บรรดาข้อความท่ีผู้บังคับบัญชาส่ังการให้ปฏิบัติโดยชอบด้วยกฎหมาย ใช้กระดาษ ตราครฑุ และให้จัดทาตามแบบท่ีกาหนดไว้ ระเบียบ คือ บรรดาข้อความท่ีผู้มีอานาจหน้าที่ได้วางไว้ โดยจะอาศัยอานาจของกฎหมาย หรือไมก่ ไ็ ด้ เพ่อื ถอื ปฏิบัตงิ านเปน็ การประจา ใชก้ ระดาษตราครุฑ และให้จัดทาตามแบบทก่ี าหนดไว้ ข้อบังคับ คือ บรรดาข้อความท่ีผู้มีอานาจหน้าท่ีกาหนดให้ใช้โดยอาศัยอานาจของกฎหมาย บญั ญัติให้กระทาได้ ใช้กระดาษตราครฑุ และใหจ้ ัดทาตามแบบที่กาหนดไว้ หนังสอื ประชาสัมพนั ธ์ มี 3 ชนดิ ไดแ้ ก่ ประกาศ แถลงการณ์ ขา่ ว ประกาศ คือ บรรดาข้อความทีท่ างราชการประกาศหรือชี้แจงให้ทราบหรือแนะแนวทางปฏิบัติ ใหใ้ ชก้ ระดาษตราครฑุ และให้จัดทาตามแบบทก่ี าหนดให้ แถลงการณ์ คือ บรรดาข้อความที่ทางราชการแถลงเพ่ือความเข้าใจในกิจกรรมของทาง ราชการหรือเหตุการณ์หรือกรณีอ่ืน ให้ทราบชัดเจนโดยทั่วกัน ใช้กระดาษตราครุฑและให้จัดทาตาม แบบท่กี าหนดไว้

ED12101 191 ภาษาและวัฒนธรรม ขา่ ว คอื บรรดาข้อความท่ีทางราชการเห็นสมควรเผยแพร่ให้ทราบให้จัดทาตามแบบท่ีกาหนด ไว้ หนังสือท่ีเจ้าหน้าท่ีทาข้ึนหรือรับไว้เป็นหลักฐานในราชการ คือ หนังสือที่ทางราชการทาข้ึน นอกจากท่ีกล่าวมาแล้วข้างต้น หรือหนังสือท่ีหน่วยงานอื่นใดซึ่งมิใช่ส่วนราชการหรือบุคคลภายนอกมี มาถึงส่วนราชการและส่วนราชการรับไว้เป็นหลักฐานของทางราชการ มี 4 ชนิด คือ หนังสือรับรอง รายงานการประชมุ บนั ทึก และหนงั สอื อ่ืน หนังสือรับรอง คือ หนังสือที่ส่วนราชการออกให้เพื่อรับรองแก่บุคคล นิติบุคคล หรือ หน่วยงาน เพื่อวัตถุประสงค์อย่างหน่ึงอย่างใดให้ปรากฏแก่บุคคลโดยทั่วไปไม่จาเพาะเจาะจง ใช้ กระดาษตราครุฑ และใหจ้ ัดทาตามแบบทกี่ าหนดไว้ รายงานการประชุม คือ การบันทึกความคิดเห็นของผู้มาประชุม และมติของที่ประชุมไว้เป็น หลักฐานใหจ้ ดั ทาตามแบบทก่ี าหนดไว้ บันทึก คือ ข้อความซึ่งผู้ใต้บังคับบัญชาเสนอต่อผู้บังคับบัญชาหรือผู้บังคับบัญชาสั่งการแก่ ผ้ใู ต้บงั คบั บัญชา หรือข้อความท่ีเจ้าหน้าท่ีหรือหน่วยงานระดับต่ากว่าส่วนราชการระดับกรมติดต่อกันใน การปฏิบัติราชการ โดยปกตใิ หใ้ ช้กระดาษบันทึกข้อความ หนังสืออื่น คือ หนังสือหรือเอกสารอ่ืนใดที่เกิดขึ้นเนื่องจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าท่ีเพื่อ เป็นหลักฐานในทางราชการ ซ่ึงรวมถึงภาพถ่าย ฟิล์ม แถบบันทึกเสียง แถบบันทึกภาพด้วย หรือ หนังสือของบุคคลภายนอกที่ยืนต่อเจ้าหน้าที่และเจ้าหน้าท่ีได้รับเข้าทะเบียนรับหนังสือของทางราชการ แล้ว มีรูปแบบตามที่กระทรวง ทบวง กรม จะกาหนดข้ึนใช้ตามความเหมาะสม เว้นแต่มีแบบกฎหมาย เฉพาะเร่ืองให้ทาตามแบบ เช่น โฉนด แผนที่ แบบ แผนผัง หลักฐานการสืบสวน และสอบถาม และคาร้อง เปน็ ต้น ลักษณะสานวนภาษาและการเขียนขอ้ ความในหนังสือราชการ ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ ได้วางหลักการเขียนข้อความในหนังสือ ราชการ ดังน้ี (สภุ าพ รุ่งเจริญ, 2533) -ส่วนที่เห็นเหตุ ให้เขียนเฉพาะที่จาเป็น และถ้าเป็นเรื่องที่เคยติดต่อกันมาแล้วก็อ้างหรือ เทา้ ความเรอื่ งเดิมอย่างยอ่ ทส่ี ดุ -สว่ นที่เป็นความประสงค์ ระบุว่าจะทาอะไร เพือ่ สะดวกแก่ผู้รบั หนงั สือจะพจิ ารณา และปฏิบัติ ไดถ้ กู ต้อง ถ้ามีความประสงคห์ ลายข้อ กใ็ ห้แยกเป็นข้อ ใหช้ ดั เจน หนังสือฉบับแรก มักข้ึนต้นด้วย “ด้วย......” “เน่ืองด้วย......” “เพ่ือ......” และขึ้นต้น ขอ้ ความทเ่ี ป็นความประสงค์วา่ “จึง......” หนังสือตอบรับ มักขึ้นต้นด้วย “ตาม.…..” “ตามท่ี......น้ัน” และขึ้นต้นข้อความท่ีเป็น ความประสงค์ว่า “บัดน.ี้ .....” ข้อความท้ิงท้ายในตอนจบของหนังสือราชการ มักใช้สานวนดังน้ี “จึงเรียนมาเพ่ือทราบ” “จึงเรียนมาเพ่ือขออนุมัติ” “จึงเรียนมาเพื่อโปรดดาเนินการ” (ข้ึนอยู่กับวัตถุประสงค์ของเร่ืองท่ี เขยี น)

ED12101 192 ภาษาและวฒั นธรรม ลกั ษณะสานวนภาษาของหนังสือราชการท่ีบกพร่อง ไดแ้ ก่ 1. ไม่ชัดเจน ได้แก่ การใช้คาหรือประโยคท่ีคลุมเครือซ่ึงตีความหมายได้หลายอย่างทาให้ ผอู้ า่ นเขา้ ใจยาก หรอื ไม่เขา้ ใจความประสงค์ เช่น “หากมีขอ้ ขัดขอ้ งประการใด โปรดแจ้งใหท้ ราบด้วย” ควรเขยี นว่า “หากมขี ้อขัดข้องประการใด โปรดแจ้งให้ทราบภายใน 7 วัน นับแต่วันท่ีลงในหนังสือ น้ีด้วย” 2. ไม่สุภาพแนบเนียน ได้แก่ การใช้คาหรือความท่ีห้วน ทาให้ผู้อ่านเข้าใจว่าได้รับการขู่ บังคับ จงึ ไมเ่ กิดผลดใี นดา้ นความสัมพันธ์ต่อกนั เชน่ “ดังนั้น ทาง......ขอให้ท่านนาเงินค่า......ไปชาระท่ี......ภายในกาหนดเวลาดังกล่าว มิฉะนัน้ จะจัดการตามระเบยี บตอ่ ไป” ควรเขยี นวา่ “ดั ง น้ั น ท า ง ...ใ ค ร่ ข อ ค ว า ม ร่ ว ม มื อ จ า ก ท่ า น ใ ห้ น า เ งิ น ค่ า ......ไ ป ช า ร ะ ท่ี ......ภ า ย ใ น กาหนดเวลาดังกลา่ ว เพ่อื ปฏิบัตใิ ห้ถูกตอ้ งตามระเบียบต่อไป” 3. ไม่ถูกต้อง ได้แก่ การเขียนไม่ถูกแบบหนังสือราชการท่ีระเบียบกาหนดไว้ เขียนไม่ถูก หลักการใชภ้ าษา ใชภ้ าษาพดู หรือใชภ้ าษาผิดระดับ เช่น “ขอเรียนว่าไม่ได้รับข้อมูลอะไรท่ีเป็นประโยชน์ในการพิจารณาเลย” ควรเขียนว่า “ขอเรยี นว่าไมไ่ ดร้ ับขอ้ มลู อันใดทเ่ี ป็นประโยชนใ์ นการพิจารณา” 4. ไม่ได้ความสมบูรณ์ ไดแ้ ก่ การเขียนโดยขาดสาระสาคญั บางตอน เช่น “ตามท่ีท่านได้......โดยค้างชาระค่า......ประเภท......นั้น......ใคร่ขอความร่วมมือจากท่าน ให้นาเงนิ ไปชาระภายในกาหนดเวลาด้วย” ควรเขยี นวา่ “ตามท่ีทา่ นได้......โดยค้างชาระคา่ ......ประเภท.......นนั้ ตามระเบยี บของ...... เม่ือท่านได้รับใบแจ้งหน้ีค่า......แล้ว ท่านจะต้องนาเงินไปชาระท่ี......ภายใน 15 วัน โดยท่ีจะไม่มี เจ้าหน้าท่ีออกไปเก็บเงินจากท่าน ดังนั้น......ใคร่ขอความร่วมมือจากท่านให้นาเงินค่า......ไปชาระท่ี...... ภายในกาหนดเวลาดงั กล่าวด้วย” 5. ไม่กะทัดรัด ได้แก่ การใชค้ าหรอื ประโยคฟมุ เฟอื ยเกินความจาเป็น เช่น “รัฐบาลไดก้ าหนดนโยบายด้านตา่ ง ท่านจะต้องคอยติดตามนโยบายของ รัฐบาลว่ามีนโยบายท่ีสาคัญ และนโยบายรีบด่วนอะไรบ้าง นโยบายไหนท่ีเกี่ยวข้องกับหน่วยงานของ ท่านเองกจ็ ะต้องนานโยบายน้ันไปกาหนดแผนปฏบิ ตั ิงานให้สอดคลอ้ งกับนโยบายของ รฐั บาล” ควรเขยี นวา่ “รัฐบาลได้กาหนดนโยบายด้านต่าง ท่านจะต้องติดตามว่า มีนโยบายใดที่ สาคัญและรีบด่วนที่เก่ียวข้องกับหน่วยงานของท่าน ซ่ึงจะต้องนาไปกาหนดแผนปฏิบัติงานให้สอดคล้อง กนั ด้วย” 6. ขาดความสละสลวย ได้แก่ การเรียงลาดับความไม่เป็นไปตามความสาคัญ หรือไม่ลาดับ ตามหวั ขอ้ ทีเ่ หมาะสม การเขยี นขาดเอกภาพ ข้อความไมส่ ัมพนั ธต์ อ่ เนือ่ งกัน ฯลฯ เชน่ “กรม......ขอเรียนว่าไดด้ าเนนิ การตามท่ีท่านขอให้กรม......ดาเนนิ การเร่ือง...... ตามท่ีทา่ นประสงค์แล้ว ปรากฏวา่ ......” ควรเขยี นวา่ “ตามที่ทา่ นขอใหก้ รม......ดาเนินการเรอ่ื ง......นั้น กรม......ไดด้ าเนินการตามทีท่ า่ น ประสงค์แลว้ ปรากฏวา่ ......”

ED12101 193 ภาษาและวัฒนธรรม ตวั อย่าง หนังสือราชการภายนอก ท…ี่ ……….. (สว่ นราชการเจ้าของหนังสือ) (วนั เดอื น ปี) ปัด 1 บิด 2 เร่อื ง……………… ปัด 1 บิด 2 (คาขึ้นต้น) ปัด 1 บิด 2 อ้างถึง (ถ้ามี) ปัด 1 บิด 2 สง่ิ ที่สง่ มาดว้ ย (ถ้ามี) ปัด 1 บิด 2 (ขอ้ ความ)………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… ปัด 1 บิด 2 (คาลงท้าย) ปัด 2 บิด 2 (สว่ นราชการเจ้าของเรื่อง) (พิมพ์ช่อื เต็ม) ท…ี่ ………………. (ตาแหนง่ ) (สาเนาส่ง (ถ้ามี) ปัด 1 บิด 2 ช้ันความลับ (ถา้ มี)

ED12101 194 ภาษาและวฒั นธรรม ท่ี ศธ 0543.02/143 มหาวทิ ยาลัยราชภฏั อุดรธานี อ.เมอื ง จ.อุดรธานี 41000 24 กมุ ภาพนั ธ์ 2555 เร่ือง ขอเชญิ วิทยากร เรยี น ผู้อานวยการสานักงานเขตพ้นื ทกี่ ารศึกษาหนองบัวลาภูเขต 2 ส่ิงที่ส่งมาด้วย กาหนดการ จานวน 1 ฉบบั ด้วย คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ได้จัดงานปัจฉิมนิเทศ ให้แก่ นักศึกษาฝึกปฏิบัติการสอน จานวน 500 คน ในวันที่12 มีนาคม 2555 โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาศักยภาพนกั ศกึ ษาเพ่อื รองรับการปฏริ ปู การศึกษาในทศวรรษที่ 2 (พ.ศ. 2552-2561) ในการนี้ คณะครุศาสตร์ พิจารณาเห็นว่า ท่านเป็นผู้มีความรู้ความสามารถทางด้านน้ี เป็นอย่างดี จึงขอเชิญเป็นวิทยากรให้ความรู้ ในวันที่ 12 มีนาคม 2557 ตั้งแต่เวลา 09.00 – 17.00 น. ณ ห้องอุดรดุษฎี โรงแรมเจริญโฮเต็ล จังหวัดอุดรธานี ดังรายละเอียดในกาหนดการ ทแ่ี นบมาพรอ้ มน้ี จึงเรยี นมาเพ่อื โปรดพิจารณา คณะครศุ าสตร์ หวังจะได้รบั ความร่วมมือในครัง้ น้ี จึงขอขอบคุณล่วงหนา้ มา ณ โอกาสนี้ ขอแสดงความนับถือ (.......................................) คณบดีคณะครุศาสตร์ คณะครศุ าสตร์ โทร 0–4234-1471 โทรสาร 0–4234-0471

ED12101 195 ภาษาและวัฒนธรรม ตัวอยา่ ง หนังสอื ราชการภายใน ชั้นความลบั (ถ้ามี) ชน้ั ความเรว็ (ถา้ มี) บนั ทึกข้อความ สว่ นราชการ……………………………………………………………………………… ท…ี่ …………………………………………………วนั ท่ี……………………………….... เร่ือง………………………………………………………………………………………… ปัด 1 บิด 2 เรือ่ ง………………………………………………………………………………………… ปัด 1 บิด 2 (ข้อความ)……………………………………………………………………..……………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………… (ลงชอ่ื ) ปัด 2 บิด 2 (พิมพช์ ื่อเต็ม) ปัด 1 (ตาแหนง่ )

ED12101 196 ภาษาและวัฒนธรรม ตัวอยา่ งหนังสือภายใน

ED12101 197 ภาษาและวฒั นธรรม กระบวนการคิดกับกระบวนการเขียน กระบวนการเกิดกับกระบวนการเขียนนั้นมีความสัมพันธ์กัน เนื่องจากการเขียนงานเขียน ทุกประเภทต้องใช้ความคิด ต้องสร้างสรรค์ วิเคราะห์ กลั่นกรอง เรียบเรียงให้ดีเสียก่อน แล้วจึงลงมือ เขียน อนั จะทาให้การเขียนน้นั สาเร็จลงดว้ ยดี กระบวนการคดิ ประกอบดว้ ย 1. คดิ ใหต้ รงจดุ หมายถึง คิดถึงจดุ ประสงค์ทส่ี าคัญเพียงจุดเดียว โดยการคิดให้อยู่ในวงจากัด การคดิ ให้ตรงจดุ มีดงั น้ี 1.1 คิดในหัวขอ้ ท่จี ากัด ไม่กวา้ งเกินไป จากดั ขอบเขตของเนื้อหาให้ชดั เจน 1.2 คิดเฉพาะส่ิงท่ีรู้ เพราะจะทาให้คดิ ได้ดี คิดอยา่ งชานาญ มปี ระสิทธภิ าพ 2. คดิ ใหเ้ ปน็ ระเบยี บ หมายถึง การจดั ลาดับความคิด มีดังน้ี 2.1 จดั ลาดบั เร่อื งราว คอื การจัดลาดบั ว่าเหตกุ ารณ์ใดเกดิ ก่อนเกิดหลงั 2.2 จัดลาดบั สถานที่ คือ เขียนรายละเอยี ดของสถานท่ีให้ตรงตามความเป็นจริง ไมว่ กไปวนมา 2.3 จดั ลาดับตามเหตผุ ล คือ มเี หตุแลว้ ต้องมีผลตามมา หรือการกลา่ ววา่ ผลทเ่ี กิดข้ึนมา จากสาเหตใุ ด 3. คดิ ใหก้ ระชบั และชัดเจน คือ ต้องมคี วามคิดหลกั เพยี งอย่างเดยี ว เพือ่ ใหผ้ ู้อา่ นสามารถจับ ประเด็นได้ และความคิดน้ันต้องสามารถทาใหผ้ ู้อา่ นส่ือได้ตรงกับความคิดของผเู้ ขยี น โดยไมส่ ับสน เช่น ผูเ้ ขียนตอ้ งการเสนอความคดิ เกี่ยวกบั คณุ ค่าของการประหยัด ต้องทาใหผ้ อู้ ่านอ่านแลว้ เห็นคณุ ค่าของการ ประหยดั อยา่ งแทจ้ ริง โดยไม่เห็นแตกต่างออกไป นอกจากน้ี ส่ิงทผ่ี ู้เขียนต้องคานงึ ถงึ เสมอก่อนจะลงมือเขียนเรือ่ งใด ก็คอื มารยาทในการเขียน เนื่องจากงานเขยี นบางประเภท หรือบางเรื่องอาจก่อให้เกดิ ความเสียหายในอนาคตได้ ฉะนั้น เพื่อปูองกัน ความเสียหายทีจ่ ะเกดิ ข้ึน ผเู้ ขียนจึงจาเปน็ ต้องเขยี นอย่างมีมารยาท ดังน้ี ข้อควรคานงึ ในการเขยี นเขียน 1. “ซอื่ สัตย์ ชัดเจน ไมล่ วดลาย แต่หลายหลาก” ซอื่ สัตย์ คอื ข้อมูล สงิ่ ท่คี น้ พบ ทนี่ าเสนอ ต้องเป็นจริง ไมใ่ ช่ มว่ั โมเม หรือ เขยี นด้วยเจตนาลวง ชัดเจน คือ ถูกต้องแน่นอน ประจกั ษ์แจ้ง ไม่ ผดิ เพี้ยน คลมุ เครือ ต้องตีความ หรือทาให้งง ไมล่ วดลาย คอื กะทัดรดั ตรงไปตรงมา ไม่ เยน่ิ เยอ้ หรือ “น้าท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรง” หลากหลาย คือ เขียนใหน้ า่ อ่าน โดยเลือกคา ข้อความ ประโยค ท่ีแตกต่างกันบ้างในการส่ือ ความไม่เขียนด้วยถ้อยคา วลี รปู ประโยค ซ้าซาก ที่ทาใหน้ ่าเบ่ือ

ED12101 198 ภาษาและวัฒนธรรม 2. กฎ กตกิ า มารยาท พึงละเวน้ การลอกเลยี น ขโมยความคิดของผู้อน่ื มานาเสนอเป็น ของตนไม่วา่ จะโดย พึงอ้างอิง ระบใุ หช้ ัดเจนถึงแหล่งที่มาของขอ้ ความ แนวคดิ สิ่งท่ีค้นพบหรอื อ่ืน ไมว่ ่าจะ ได้มาโดยตรง หรอื โดยอ้อม พึงแสดงความขอบคุณ ต่อองค์กร หน่วยงาน หรอื บุคคล ท่ใี หค้ วามอนุเคราะห์ ชว่ ยเหลือในการดาเนินงาน ค้นคว้า วิจัย ไม่ว่าจะ เป็นการอานวยความสะดวก ให้ยืมขอ้ มลู เครื่องมอื อปุ กรณ์ชว่ ยพิมพ์ เขยี นรปู หรือสนบั สนุนด้าน อนื่ พึงยกย่อง ใหเ้ กียรตเิ จ้าของผลงาน โดยระบุช่ือ ผ้ผู ลิต ภาพถา่ ย แผนภาพประกอบ และอื่น ท่ยี ืมมาใช้ ภาพที่แสดงหรือนาเสนอ โดยมไิ ด้ระบุท่ีมาหรือเจ้าของผลงาน ย่อมสันนษิ ฐานไดว้ า่ เปน็ ฝมี อื ของผ้เู ขยี นรายงานนั้น พึงตรงตอ่ เวลา โดยส่ง “ร่าง” งานเขยี นให้อาจารย์ที่ปรกึ ษาตามกาหนดหรือก่อนกาหนดโดยส่งต้นฉบบั จดั พมิ พ์ ทารูปเลม่ ให้แล้วเสร็จทันเวลาทีก่ าหนด 3. ข้อเตือนใจ รายงาน ไม่ใช่ กวีนิพนธ์ บทละคร หรือนวนิยาย ตอ้ ง เขียนจากข้อมลู ท่เี ป็นจริง จากการทดลอง ค้นคว้า วจิ ยั ไม่ใช่ จากท่ีคดิ แต่งขนึ้ เอง หรอื จากจินตนาการ ตอ้ ง เขยี นให้ชดั เจน เชิงบรรยาย สือ่ ความตรงไปตรงมาแบบร้อยแกว้ ไมใ่ ช่ เขยี นเชงิ พรรณนา พรา่ ราพนั สาบดั สานวน แบบร้อยกรอง 4. คณุ ภาพทีด่ สี ี่ประการของงานเขยี น ต้องมี 4.1 ความถกู ต้อง การเขียนรายงานทถ่ี ูกต้อง เป็นจริง ถอื เปน็ พันธภาระของผูเ้ ขยี น แสดงถงึ ความซอื่ สตั ย์ มีจรยิ ธรรมและจรรยาบรรณ อนั ดีงาม อย่า : เลอื กนาเสนอเฉพาะข้อเทจ็ จรงิ ท่สี นบั สนุน/สอดคล้องกบั ข้อสรปุ หรือทฤษฎที ี่ เรายึดถอื อยู่ อยา่ : ละเว้น/ไมน่ าเสนอข้อมูลทีข่ ัดแย้งกบั ข้อสรุปของเรา อย่า : หลอกตวั เองและผู้อ่าน 4.2 ความชดั แจ้งและเรียบง่าย รายงานทด่ี ี ต้องเขียนให้อ่านง่าย และเข้าใจง่าย - เขยี นให้กระชบั รดั กมุ อย่าใช้คาฟมุ เฟือย - เขยี นให้ตรงประเด็น ตรงไปตรงมา คิดหรอื ตอ้ งการส่อื ความอยา่ งไร เขียนอยา่ งนั้น อยา่ ออ้ มค้อม เยน่ิ เย้อ เลอื กใช้คาที่มีน้าหนกั - เลีย่ งการใช้คาหรือวลี ทีร่ ู้ความหมายกันเฉพาะในกลมุ่ หรอื วงการแคบ : jargon - จัดลาดับความคิดตามเหตผุ ล และเขียนตามลาดับนน้ั อาจเรมิ่ จากเร่ืองราวท่ีงา่ ยหรือธรรมดา ทีส่ ดุ แลว้ คอ่ ย ยากหรือ ซับซ้อนขึ้นเรื่อย 4.3 ความกระชับ การเขยี นใหก้ ระชบั กะทดั รัด ทาใหอ้ า่ นงา่ ย เขา้ ใจงา่ ย และประหยัด (ค่าพิมพ์) ในประโยคหน่ึง

ED12101 199 ภาษาและวฒั นธรรม ไม่ควรมีคาท่ีไม่จาเปน็ และในย่อหน้าหนึง่ ก็ไม่ควรมีประโยคทไ่ี ม่จาเป็น เปรยี บเสมือนแผนภาพทไ่ี ม่ควรมี เสน้ ทไ่ี ม่จาเป็น เกะกะ รงุ รงั หรอื เครื่องยนต์ท่ีไมค่ วรมีช้ินส่วนทีไ่ ร้ประโยชน์ เม่อื เขียนเสรจ็ ตรวจทาน อ่านทุกคาทุกประโยค ถามตัวเองไปดว้ ยว่า คานี้ วลนี ี้ ประโยคนี้ จาเป็นตอ้ งมีอยู่ หรือไม่ 4. เอกภาพ สัมพันธภาพ เอกภาพ ได้จากความคิดท่ีสมบูรณ์ ทะลุปรุโปร่ง เป็นหน่ึงเดียว เม่ือถ่ายทอดเป็นประโยค ประโยคน้ันอาจเป็นประโยคสามัญ ประโยคเชิงประกอบ หรือประโยคเชิงซ้อน แต่ทุก คา ทุก วลี และทุก อนุประโยค ต่างก็มุ่งเสริมความคิดนั้นความในย่อหน้าหนึ่ง ต้องมีประเด็นสาคัญเพียงเรื่อง เดียวและทกุ ประโยคในย่อหนา้ น้ันเปน็ สว่ นขยายหรอื ชกั นาผู้อ่านไปสใู่ จความสาคัญของประเดน็ นนั้ สัมพันธภาพ ได้จากการจัดวางคา เรียบเรียงประโยค ผูกข้อความและโยงเร่ืองเข้าด้วยกันด้วย ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ การนาเสนอทุกส่วนของรายงานต่อเน่ือง เป็นไปตามลาดับ อย่างสมเหตุสมผล การสร้างความต่อเน่ืองหรือสัมพันธภาพระหว่างกลุ่มประโยค และย่อหน้าต่าง มักใช้ประโยคนา หรือ ประโยคสาระสาคัญ เปน็ ตวั เช่อื มโยง ซ่ึงสว่ นใหญ่จัดไวต้ อนตน้ ของย่อหน้า ในบางกรณีอาจจัดไว้ตอนท้าย ของย่อหน้า โดยทาหนา้ ที่เป็นประโยคสรุป หรือเกร่นิ นาสาระเพื่อเช่อื มโยงกับยอ่ หน้าถัดไป มารยาทในการเขยี น 1. ไมค่ วรเขียนโดยปราศจากความรูเ้ กย่ี วกบั เร่ืองน้ัน เพราะอาจเกิดความผิดพลาด หากจะ เขยี นก็ควรศึกษาค้นคว้าให้เกิดความพร้อมเสียกอ่ น 2. ไม่เขียนเรื่องทสี่ ่งผลกระทบต่อความม่นั คงของชาตหิ รอื สถาบนั เบอื้ งสูง 3. ไมเ่ ขยี นเพือ่ ม่งุ เน้นทาลายผู้อน่ื หรือเพื่อสร้างผลประโยชน์ให้แกต่ น พวกพ้องตน 4. ไม่เขียนโดยใชอ้ ารมณ์สว่ นตวั เปน็ บรรทดั ฐาน 5. ต้องบอกแหลง่ ท่ีมาของข้อมูลเดิมเสมอ เพ่ือให้เกียรติเจ้าของข้อมูลน้ัน 6. ไมค่ ัดลอกบทความหรือเนื้อหาตอนใดตอนหน่ึงมาโดยเจ้าของเร่ือง บทสรปุ การเขียนเป็นกระบวนการส่ือสารอีกรูปแบบหน่ึงที่ผู้ส่งสารไม่ได้พบเห็นกับผู้รับสารโดยตรง แตจ่ ะสื่อสารกนั ดว้ ยลายลักษณอ์ ักษร ซ่ึงการส่ือสารจะประสบผลสาเร็จหรือไม่น้ัน ขึ้นอยู่กับกลวิธีในการ เขยี นของแตล่ ะบุคคล การเขยี นแต่ละประเภทมีความแตกต่างกนั ดงั น้ันผูเ้ ขยี นตอ้ งหมนั่ ฝึกฝนและใช้ใน การประกอบอาชพี ในอนาคต

ED12101 200 ภาษาและวัฒนธรรม กจิ กรรมประจาบทที่ 9 1.ให้นักศกึ ษาร่วมกันนาเสนอสถานการณ์การส่อื สารของแต่ละกลุ่มจากกิจกรรมผู้นา 4 ทิศ และ วเิ คราะห์องคป์ ระกอบของการสื่อสารจากสถานการณ์นัน้ 2.ให้นักศึกษาวิเคราะห์ กลุ่มละ 5 คน วิเคราะห์ “วัจนภาษา” และ “อวัจนภาษา” ท่ีนักศึกษา ใช้ในการส่ือสารในชีวิตประจาวัน และวิเคราะห์อวัจนภาษาที่ครูใช้ในการจัดการเรียนการสอนในช้ัน เรยี น 3.นักศึกษาชมวีดีทัศน์เรื่องการส่ือสารในชีวิตประจาวัน แล้วให้แต่ละกลุ่มร่วมกันพิจารณ์ องค์ประกอบของการส่ือสาร ประเภทของการสื่อสาร ปัญหาและอุปสรรคของการสอื่ สาร แลว้ อภิปราย 4.นักศึกษาวิเคราะห์ลักษณะของผู้ส่งสารและผู้รับสารโดยอาศัยสถานการณ์การส่ือสารจาก กิจกรรมผู้นา 4 ทิศ จากน้ันให้นักศึกษาเสนอแนวทางแก้ไขข้อบกพร่องในการสื่อสารของผู้ส่งสารและ ผรู้ บั สาร

ED12101 201 ภาษาและวฒั นธรรม เอกสารอา้ งอิง กรมวชิ าการ. (2545). การวิจัยเพอ่ื พัฒนา การเรยี นร้ตู ามหลกั สูตรการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน. เอกสาร ประกอบหลกั สูตรการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2544. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภา ลาดพร้าว. นภดล จนั ทรเ์ พ็ญ. (2557). หลกั การใชภ้ าษาไทย. กรุงเทพฯ : เจเนซิส มเี ดยี คอม. ปรชี า ชา้ งขวญั ยืน และคณะ. (2539). เทคนคิ การเขียนและผลิตตารา. กรงุ เทพฯ: จฬุ าลงกรณ์ มหาวิทยาลัย. สนทิ ต้ังทว.ี (2538). การใชภ้ าษาเชงิ ปฎบิ ตั ิการ. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์. สนิท สตั โยภาส. (2545). ภาษาไทยเพอ่ื การส่ือสารและสืบคน้ . กรงุ เทพ : บรษิ ทั ๒๑ เซ็นจรู ี่ จากัด. สภุ าพ รงุ่ เจริญ. (2533). ภาษาไทยธรุ กิจ. กรุงเทพฯ: ศนู ย์ส่งเสรมิ วชิ าการ.

ED12101 202 ภาษาและวัฒนธรรม บรรณานุกรม กรมวชิ าการ. (2545). การวิจัยเพื่อพัฒนา การเรยี นรู้ตามหลกั สูตรการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน. เอกสาร ประกอบหลักสูตรการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2544. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ครุ ุสภา ลาดพรา้ ว. กิดานันท มลิทอง. (2548). เทคโนโลยีและการสอื่ สารเพอ่ื การศกึ ษา. กรงุ เทพมหานคร: โรงพิมพอรุณการพิมพ จริ วัฒน์ เพชรรัตน์ และอมั พร ทองใบ. (2555). ภาษาไทยเพื่อการสือ่ สาร. กรุงเทพฯ : โอเดยี นสโตร์. จมุ พล รอดคาด.ี (2532). สอื่ มวลชนเพือ่ การพัฒนา . กรงุ เทพฯ : จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั . จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. คณะนเิ ทศศาสตร.์ (2539). ตาราประกอบ การสอนภาษาเพอ่ื การ สือ่ สาร . พิมพ์คร้ังที่ 4. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย. จุไรรัตน์ ลกั ษณะศิริ และวีรวัฒน์ อนิ ทรพร, บรรณาธกิ าร. (2558). ภาษาไทยเพ่อื การส่ือสาร. พมิ พ์ คร้งั ที่ 2. นครปฐม : โรงพิมพ์มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร. จันทิมา เขียวแกว้ และนฤมล รจุ ิพร. (2550). การสื่อสารกบั งานสารสนเทศ. ใน เอกสารการสอนชดุ วิชาการสอื่ สาร หนว่ ยท่ี 1-8. พมิ พค์ รง้ั ท่ี 6. นนทบรุ ี: สา นกั พมิ หาวทิ ยาลยั สุโขทัยธรรมาธริ าช. ชยั ยงค์ พรหมวงศ.์ (2530). หลักการสื่อสารที่มีประสิทธภิ าพ. พิมพ์ครง้ั ที่ 4. กรงุ เทพฯ: ชาญชัย ยมดิษฐ์. (2548). เทคนิคและวธิ ีการสอนร่วมสมัย. กรงุ เทพมหานคร: หลกั พิมพ์. ณรงค์ กาญจนะ. (2553). เทคนิคและทกั ษะการสอนเบื้องตน้ เลม่ 1. กรุงเทพฯ: จรลั สนทิ วงค์ การพิมพ์. ทศิ นา แขมมณี. (2555). ศาสตรก์ ารสอน : องคค์ วามรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ทมี่ ี ประสิทธิภาพ. (พิมพ์ครั้งท่ี 8). กรงุ เทพมหานคร: จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย. _______. (2559). ศาสตรการสอน องคความรูเพ่อื กระบวนการจดั การเรียนรูท่ีมี ประสทิ ธภิ าพ. พมิ พครงั้ ท่ี 20. กรุงเทพฯ : สานกั พิมพจุฬาลงกรณมหาวทิ ยาลยั . เทพสตรี ลพบุรี, สถาบันราชภัฏ. (ม.ป.ป.). ภาษาไทยเพื่อการสือ่ สาร และสบื คน้ . ลพบุร:ี ภาควิชา ภาษาไทย สถาบนั ราชภฏั เทพสตร.ี ถนอมวงศ์ ล้ายอดมรรคผล. (2538). “การพฒั นาสมรรถภาพในการอ่าน” ใน เอกสารการสอน ชุดวิชาการใช้ภาษาไทย หน่วยที่ 9-15 (ฉบับปรับปรุง ). นนทบุรี : มหาวทิ ยาลยั สุโขทัยธรรมาธิราช ธดิ า โมสิกรตั น์. (2538). “ประเภทของการฟงั ” ใน เอกสารการสอนชุดวิชา การใชภ้ าษาไทย (ฉบับปรับปรุง) หนว่ ยท่ี 1-8. นนทบุรี : มหาวทิ ยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธิราช. ธิดา โมสกิ รตั น์ และศรสี ดุ า จรยิ ากลุ . ( 2546). “การฟงั ” ใน เอกสารการสอนชดุ วิชา นภดล จันทร์เพ็ญ. (2557). การใช้ภาษาไทย. กรงุ เทพฯ : ตน้ ออ้ . นติ ิไทย นัมคณสิ รณ์ . (2555). เอกสารประกอบการสอน วิชา ศท.21 การดารงชีวิตในสังคม ยุคใหม่และประชาคมอาเซยี น. ศูนยว์ ัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต. (ออนไลน์). สืบค้น จากhttp : // ge.Kbu.ac.th/Download5-file/img/6.pdf.

ED12101 203 ภาษาและวฒั นธรรม นันทา วทิ วุฒิศักด์ิ. (2542). การสบื ค้นและสอ่ื สารสารสนเทศ. กรงุ เทพฯ: คณะมนุษยศาสตร์และ สงั คมศาสตร์ สถาบันราชภัฏสมเด็จเจ้าพระยา. บัญญตั ิ ยงยว่ น. (2550). เด็กในบรบิ ทของความหลากหลายวฒั นธรรม หนงั สือ 10 ทศวรรษเพ่ือเดก็ และภูมปิ ญั ญาของครอบครัว. สถาบนั แหง่ ชาตเิ พอ่ื การพฒั นาเดก็ และ ครอบครวั มหาวิทยาลัยมหดิ ล: สหมติ รพรน้ิ ติง้ แอนด์พลบั ลิสซ่งิ จากัด. ประพิมพร เลศิ ธรี ะวิวัฒน์. (2541). สารนเิ ทศเพอ่ื การศกึ ษาคน้ ควา้ . พมิ พ์ครง้ั ที่ 10. นครราชสมี า : สถาบนั ราชภฏั นครราชสีมา. ประยอม ซองทอง. (2540). ภาษาไทยกบั ชีวิตประจาวนั .พมิ พ์คร้ังท่ี 2. กรุงเทพฯ: ตน้ อ้อ. รสสุคนธ์ ปรชี า ช้างขวัญยนื . (2517). พ้ืนฐานของการใชภ้ าษา. กรงุ เทพฯ : ไทยวฒั นาพานชิ . ภาษาไทย หน่วยที่ 1-8. กรุงเทพฯ : ประชุมชา่ ง. ปรีชา ชา้ งขวญั ยนื และคณะ. (2539). เทคนคิ การเขยี นและผลติ ตารา. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย. ปรชี า ชา้ งขวญั ยืน. (2540). วิพากษ์การใชภ้ าษาไทย. กรุงเทพมหานคร: จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั . ยรรยง มสี ติ. (2544). เรอื่ งสนั้ การศึกษาเชงิ ความคิดเหน็ . สรุ ินทร์: คณะมนุษยศาสตรแ์ ละ สังคมศาสตร์ สถาบนั ราชภัฏสรุ นิ ทร์. ยพุ ร แสงทกั ษิณ. (2531). วรรณกรรมปจั จบุ นั ท 022. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . เยาวพา ชูประภาวรรณ. (2547). การยอมรับนวตั กรรมใหม่. กรุงเทพมหานคร: โอเดยี นสโตร.์ ราชบัณฑติ ยสถาน . (2556). พจนานกุ รมฉบับราชบณั ฑิตยสถาน พ .ศ . ๒๕๕๔ .กรุงเทพฯ : ราชบณั ฑิตยสถาน. _______. (2556). พจนานกุ รมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเดจ็ พระเจาอยหู ัว เนอื่ งในโอกาสพระราชพิธมี หามงคล เฉลมิ พระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554. กรุงเทพฯ : ราชบณั ฑติ ยสถานอุดม วิโรตม์ รสสุคนธ์ เนาวบุตร. (2557). “แนวทางจดั การศกึ ษาเรยี นรว่ มพหุวฒั นธรรม: กรณีศกึ ษาชมุ ชน ปุาละอู อาเภอหวั หนิ จงั หวัดประจวบครี ีขันธ์”. ปริญญาศึกษาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชา พัฒนศกึ ษา ภาควิชาพื้นฐานทางการศึกษา มหาวิทยาลยั ศิลปากร. รญั จวน อนิ ทรกาแหง และคณะ. (2523). การอ่านและพจิ ารณาหนงั สอื . กรุงเทพฯ: อักษรเจริญ ลาวัณย์ สังขพนั ธานนท.์ (2549). การอา่ นเพ่ือพฒั นาคณุ ภาพชีวติ . กรงุ เทพฯ: สานกั พิมพ์ มหาวิทยาลัยมหาสารคม วันเพ็ญ วรรณโกมล. (2542). การสอนสังคมศึกษาในระดบั มธั ยมศึกษา. กรงุ เทพฯ: สถาบนั ราชภัฏธนบุร.ี ศศธิ ร ธญั ลักษณานันท์, พนิตนันท์ บุญพามี, จินตนา ด้วงแพง, และแจ่มจนั ทร์ สวุ รรณณรงค์. (2542). ภาษาไทยเพือ่ การสื่อสาร และสืบค้น. กรงุ เทพฯ: เธริ ์ดเวฟ เอด็ ดูเคชน่ั . ศศพิ งษ์ ศรสี วัสดิ.์ (2559). เอกสารประกอบการสอน ภาษาไทยเพอ่ื การส่ือสาร. อุดรธานี: สานกั พมิ พม์ หาวิทยาลยั ราชภัฏอดุ รธานี สมชาย ชชู าต.ิ (2538). เอกสารคาสอนวิชา ศษ361 วธิ สี อนทวั่ ไป. กรุงเทพมหานคร : ภาควชิ าหลักสตู รและการสอน คณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ.

ED12101 204 ภาษาและวัฒนธรรม สมพร จารุนัฏ. (2541). ภาษาไทยวันน้ี เลม่ 2. กรงุ เทพมหานคร: สถาบันภาษาไทย กรมวชิ าการ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. สารานกุ รมวัฒนธรรมไทย ภาคกลาง (เล่ม 3). (2542). กรงุ เทพฯ : มลู นธิ สิ ารานุกรม วัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพานิชย.์ สนทิ สตั โยภาส. (2554). ภาษาไทยเพ่อื การส่ือสารและสืบคน้ . กรงุ เทพฯ : เซน็ จรู ่ี. สนิท ตัง้ ทวี. (2538). การใชภ้ าษาเชงิ ปฎบิ ตั ิการ. กรงุ เทพฯ: โอเดยี นสโตร.์ สุจรติ เพยี รชอบ และ สายใจ อินทรมั พรรย์. (2538). วิธีสอนภาษาไทยระดบั มัธยมศึกษา. สุภาพ รุ่งเจรญิ . (2533). ภาษาไทยธุรกิจ. กรงุ เทพฯ: ศูนย์ส่งเสริมวิชาการ. สุวรรณา ต้งั ทฆี ะรักษ.์ (2556). ภาษาและวฒั นธรรม. ปทุมธานี : สานกั พิมพม์ หาวิทยาลัย กรงุ เทพ. เสรมิ ศรี ลักษณศริ ิ. (2540). หลกั การสอน. กรงุ เทพฯ: ภาควิชาหลักสตู รและการสอน คณะครุศาสตร์ สถาบนั ราชภัฏพระนคร หอการค้าไทย, มหาวทิ ยาลัย. (2541). คณาจารยภ์ าควิชาภาษาไทย เพือ่ การสื่อสาร. ภาษาไทยเพ่อื การสือ่ สาร. กรุงเทพฯ: ดอกหญ้า. อนมุ านราชธน, พระยา. งานนิพนธช์ ุดสมบรู ณข์ องศาสตราจารย์ พระยาอนุมานราชธน หมวด วัฒนธรรมเร่อื ง รวมเรือ่ งเก่ียวกบั วฒั นธรรม. กรุงเทพมหานคร: กรมศิลปากร, 2532 อาภรณ ใจเท่ียง. (2553). หลักการสอน (ฉบับปรบั ปรุง). พิมพครง้ั ที่ 5. กรงุ เทพฯ: โอเดียนสโตร ทัศน์. อดุ ม วิโรตมส์ กิ ขดิตย์. (2547). ภาษาศาสตร์เบ้ืองต้น (Introduction to Linguistics) (พิมพ์คร้ังท่ี 18). กรงุ เทพฯ: มหาวทิ ยาลยั รามคาแหง. มหาวทิ ยาลยั รามคาแหง. อัมพร ทองใบ. (2540). เอกสารเสริมทกั ษะการอ่าน และแบบฝกึ หัดการอา่ นสาหรับนักเรียน ระดบั มธั ยมศกึ ษา. เพชรบรุ ี : หมวดวิชาภาษาไทย โรงเรียนเบญจมเทพอุทิศ จงั หวัดเพชรบุรี. ภาษาต่างประเทศ Kibler, Robert J. (et al). 1970. “Behavioral objective and the Instruction Process”. In Selected Reading for The Introduction to The Teaching Profession. California: McCutchan Publishing Cooperation.