Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore unit2asia

unit2asia

Published by mullikakukoksung, 2017-08-11 00:47:46

Description: unit2asia

Search

Read the Text Version

18 ลกั ษณะทางกายภาพ ของประเทศไทย ทวปี เอเชีย2หนังสอื เรยี นสงั คมศึกษา ม.1 ทวีปออสเตรเลยี และโอเชยี เนยี ประเทศไทย ลักษณะทางกายภาพ ภัยธรรมชาตทิ ีเ่ กิดขน้ึ ทวปี เอเชีย ของประเทศไทย ในประเทศไทย ทวีปเอเชียทวปี ออสเตรเลยี และ ทวปี ออสเตรเลยี และโอเชียเนยี โอเชียเนยี ทวีปเอเชยี ทวีปออสเตรเลยี ความร่วมมือในการ และโอเชยี เนีย แกป้ ญั หาส่งิ แวดล้อม และทรพั ยากรธรรมชาติ การจดั การ ทรัพยากรธรรมชาติ และสงิ่ แวดลอ้ มตวั ช้วี ดั ช้ันปี 1. อธิบายและวิเคราะห์ลักษณะทางกายภาพของประเทศไทย ทวีปเอเชีย และทวีป ออสเตรเลยี และโอเชียเนยี ได้ (ส 5.1 ม.1/1) 2. อธิบายภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ทวีปเอเชีย และทวีปออสเตรเลียและ โอเชยี เนียได้ (ส 5.1 ม.1/3) 3. วิเคราะห์ความร่วมมือของประเทศในทวีปเอเชีย ทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนียใน การแกไ้ ขวกิ ฤตการณ์ส่ิงแวดล้อมทางธรรมชาติ (ส 5.2 ม.1/2) 4. บอกวธิ ีการอนรุ ักษ์สิ่งแวดล้อมและทรพั ยากรธรรมชาติได้ (ส 5.2 ม.1/3)

19 หนงั สอื เรยี นสังคมศึกษา ม.1ย สภาพแวดลอ้ มทางกายภาพของ ประเทศไทย ประเทศไทยต้ังอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และมีที่ตั้งอยู่บริเวณตอนกลางของคาบ สมุทรอินโดจีน จากการที่ประเทศไทยมีที่ตั้งเป็นคาบสมุทร จึงได้รับอิทธิพลจากทะเลอันดามันและ ทะเลจีนใต้ ภายในแผ่นดินมีลักษณะภูมิประเทศแตกต่างกันไปตามภาค เช่น ท่ีราบ ภูเขา ชายทะเล และจากการมีที่ตั้งในเขตภูมิอากาศแบบร้อนชื้น มีลมมรสุมพัดผ่าน จึงทำให้มีพืชพรรณ ธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ มหลากหลายเอือ้ ต่อการตั้งถิ่นฐานและการดำรงชวี ติ ของ มนษุ ย์ ลักษณะทางกายภาพ ที่ตั้งและขนาด ทตี่ ง้ั ประเทศไทยต้ังอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซ่ึงประกอบด้วยประเทศต่างๆ 11 ประเทศ คือ ไทย สหภาพพม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซยี สิงคโปร์ ฟลิ ปิ ปนิ ส์ อินโดนเี ซีย บรูไน และติมอร์-เลสเต ซึ่งในทางภูมิศาสตร์ได้แบ่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ออกเป็น 2 ภูมิภาคย่อย คือ 1) ภาคพื้นทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกอบด้วยประเทศไทย สหภาพ พม่า ลาว กัมพูชา และเวียดนาม 2) หมู่เกาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกอบด้วยประเทศ มาเลเซีย สงิ คโปร์ อินโดนเี ซยี ฟิลิปปินส์ บรไู น และตมิ อร์-เลสเต ท้งั นีท้ ตี่ ้ังเป็นปัจจัยที่มคี วามสำคญั ตอ่ การเมอื ง เศรษฐกจิ สังคม และวฒั นธรรม การเลือกท่ี ต้ังท่ีเหมาะสมย่อมส่งผลดีต่อความเจริญก้าวหน้าของประเทศ สำหรับประเทศไทยจัดได้ว่ามีทำเลท่ี ตัง้ เหมาะสมหลายประการทส่ี ่งผลตอ่ ความเจรญิ ก้าวหน้าของประเทศ ดงั น้ี 1. ทต่ี ง้ั สมั บูรณ์ ประเทศไทยตง้ั อย่รู ะหว่างละติจูด 5 องศา 37 ลิปดาเหนือ ถึง 20 องศา 27 ลปิ ดาเหนอื และลองจิจดู 97 องศา 22 ลิปดาตะวนั ออก ถึง 105 องศา 37 ลปิ ดาตะวันตก ซ่ึง อยู่ระหว่างเส้นทรอปิกออฟแคนเซอร์กับเส้นศูนย์สูตรท่ีอยู่ในเขตละติจูดต่ำหรือเขตร้อน จึงทำให้มี อณุ หภมู ิสงู ตลอดท้งั ปี โดยไม่มเี ดือนใดท่อี ณุ หภูมิเฉล่ยี ตำ่ กว่า 18 องศาเซลเซียส รวมทั้งการมที ี่ตั้ง

20หนงั สอื เรยี นสงั คมศึกษา ม.1 ในเขตรอ้ น จงึ ได้รบั อิทธพิ ลจากลมมรสมุ ซึง่ เป็นลมประจำฤดูกาลในเขตน้ี สง่ ผลดีตอ่ การเพาะปลกู ของประเทศตลอดมา 2. ที่ตั้งสัมพัทธ์ ประเทศไทยตั้งอยู่บนคาบสมุทรอินโดจีน ล้อมรอบด้วยประเทศต่างๆ ใน ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยจึงเป็นศูนย์กลางของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้ และ จากการทีเ่ ปน็ ศนู ย์กลางดังกลา่ ว ทำใหป้ ระเทศไทยได้ประโยชนใ์ นการคมนาคม ท้ังทางบกและทาง อากาศมากกว่าประเทศอ่ืนๆ ในภูมิภาคเดียวกัน แผนทแ่ี สดงประเทศในภมู ภิ าคเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต้ ขนาดของประเทศไทย ประเทศไทยมพี ้นื ที่ 513,115 ตารางกโิ ลเมตร หรอื 198,113 ตารางไมล์ ถา้ เทยี บกบั ประเทศ ต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้ว ประเทศไทยมีขนาดใหญ่เป็นที่ 3 รองจากประเทศ อนิ โดนเี ซียและพมา่

21 หนังสือเรียนสังคมศกึ ษา ม.1 ลกั ษณะภูมิประเทศ การแบ่งภูมิภาคทางภูมิศาสตร์นับว่าเป็นสิ่งท่ีจำเป็นมาก เพราะทำให้เกิดความเข้าใจภูมิภาคหรือดินแดนน้ันๆ มากข้ึน และหากแบ่งเขตดินแดนให้ละเอียดชัดเจนเท่าไร ก็ย่ิงจะทำให้ทราบ ข้อเท็จจริงของบริเวณน้ันมากขึ้น ซึ่งการแบ่งภูมิภาคทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทยได้ใช้หลักเกณฑ์ของคณะกรรมการภมู ิศาสตรแ์ หง่ ชาติ ท่ยี ดึ หลกั เกณฑ์ท่สี ำคัญในการแบ่งไว้ 3 ประการ ดงั น้ี 1. หลักเกณฑ์ทางกายภาพ เป็นหลักเกณฑ์สำคัญอันดับแรกสำหรับการพิจารณากำหนดเขตภูมิภาคให้ตรงกับองค์ประกอบทางกายภาพที่มีอยู่ในประเทศไทย คือ แบ่งพื้นแผ่นดินที่มีลักษณะภูมิประเทศ ธรณีวิทยา ธรณีสัณฐานวิทยา ภูมิอากาศ ดิน พืชพรรณธรรมชาติ รวมท้ังระบบการระบายนำ้ ทม่ี ีลกั ษณะคลา้ ยคลงึ กนั เปน็ ตน้ 2. หลักเกณฑ์ทางวัฒนธรรม เป็นหลักเกณฑ์สำคัญอันดับท่ีสองสำหรับการพิจารณากำหนดเขตภมู ิภาค ได้แก่ ลกั ษณะของประชากร ซง่ึ หมายถงึ การต้ังถ่ินฐาน สิ่งปลกู สรา้ ง จำนวนประชากร เช้ือชาติ ภาษา วัฒนธรรม สภาพสังคม เศรษฐกิจ ขนบธรรมเนียมประเพณี การดำรงชีวิต ตลอดจนลักษณะอ่ืนๆ ท่ีเป็นองค์ประกอบที่ทำให้เห็นความแตกต่างของกลุ่มประชากร ที่จะช่วยในการกำหนดเขตความแตกต่างของกลุ่มประชากร ท่ีจะช่วยในการกำหนดเขตความแตกต่างน้ันได้ 3. หลักเกณฑ์ทางเอกสารวิชาภูมิศาสตร์และหลักฐานอย่างอ่ืน ซึ่งเป็นผลงานของผู้ท่ีเคยทำการศึกษาและค้นคว้าไว้แล้ว เช่น แผนท่ีของกรมแผนท่ีทหาร แผนท่ีธรณีวิทยา แผนท่ีของกรมอุตุนิยมวิทยา แผนท่ีของกรมพัฒนาที่ดิน เป็นต้น เพ่ือตรวจสอบข้อมูลประกอบการพิจารณาเช่น แผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ ภาพถ่ายจากดาวเทียม รวมท้ังผลการวิจัยต่างๆ ที่นักภูมิศาสตร์เขียนไว้ เปน็ ตน้ รวมท้ังตำราทเี่ ขยี นขนึ้ โดยนักภมู ิศาสตรไ์ ทยและต่างประเทศ นอกจากนีย้ ังไดม้ กี ารตรวจสอบข้อมูลด้วยการสำรวจในภูมิประเทศและท้องถิ่นที่คิดว่าจะมีปัญหาเพื่อประกอบการพจิ ารณาด้วย ประเทศไทยมีลักษณะภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และพืชพรรณธรรมชาติตามลักษณะของภูมภิ าคหรอื ท้องถ่นิ สามารถจำแนกลักษณะภูมปิ ระเทศออกเป็น 6 เขต ดงั น้ี

22หนังสอื เรียนสังคมศึกษา ม.1 98๐ 100๐ 102๐ 104๐ 106๐ 18๐ 18๐ 16๐ 16๐ 12๐ 12๐ 10๐ 10๐ 8๐ 8๐ 6๐ 6๐ 98๐ 100๐ 102๐ 104๐ 106๐ แผนท่ีแสดงลักษณะภูมปิ ระเทศของประเทศไทย 1. ทิวเขาและหุบเขาภาคเหนือ ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขา หุบเขา และท่ีราบระหว่าง ภูเขา โดยทิวเขาสำคญั ในภาคเหนือยาวตอ่ เนือ่ งเป็นทวิ เขามาจากมณฑลหยนุ หนานทางตอนใตข้ อง จีนและที่ราบสูงฉานในพม่า ซึ่งประกอบด้วยทิวเขาแดนลาว ทิวเขาถนนธงชัย ทิวเขาผีปันน้ำ และ ทิวเขาหลวงพระบาง ทิวเขาเหล่านี้เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำสายสำคัญหลายสาย ได้แก่ แม่น้ำปิง แม่น้ำวัง แม่น้ำยม และแม่น้ำน่าน ที่ไหลลงมาทางใต้ แล้วมารวมกันเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา

23 หนังสือเรียนสังคมศึกษา ม.1ทป่ี ากน้ำโพ จังหวัดนครสวรรค์ ส่วนแม่น้ำทไ่ี หลไปทางทศิ ตะวนั ตกลงสแู่ มน่ ้ำสาละวิน ไดแ้ ก่ แมน่ ้ำปาย แม่น้ำเมย และแมน่ ำ้ ขุนยวม และแม่น้ำที่ไหลไปทางเหนอื ลงสแู่ มน่ ำ้ โขง คือ แม่นำ้ องิ แมน่ ำ้กก แม่น้ำสาย แม่น้ำฝาง แม่น้ำรวก และแม่น้ำจัน ซ่ึงเป็นแม่น้ำสายส้ันๆ แม่น้ำสายต่างๆ ดังกล่าวข้างต้น เมื่อไหลผ่านมายังหุบเขาและที่ราบ จะนำตะกอนและสารอาหารจากหินและแร่ไปทับถมกันในที่ราบลุ่ม จนเป็นบริเวณที่มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูกและต้ังถิ่นฐานจึงทำใหบ้ รเิ วณนี้เป็นแหล่งชมุ ชนและเป็นศูนยก์ ลางความเจรญิ ต่างๆ ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศของภาคเหนือส่วนใหญจ่ ะเป็นภเู ขาที่ยาวตอ่ เนอ่ื งกนั ตลอดแนว 2. ที่ราบลุ่มน้ำภาคกลาง ภูมิประเทศส่วนใหญ่โดยท่ัวไปเป็นที่ราบกว้างใหญ่ที่เกิดจากแมน่ ้ำนำตะกอนมาทับถมเป็นเวลานานนบั ล้านปี จนเป็นท่รี าบทก่ี ว้างขวาง บริเวณทรี่ าบลมุ่ น้ำภาคกลางจะมีแม่น้ำสำคัญไหลผ่านหลายสาย เช่นแม่น้ำเจา้ พระยา ซึง่ ไหลจากภูเขาสงู ทางภาคเหนอืลงมา แม่น้ำแม่กลองซ่ึงไหลมาจากด้านตะวันตกแม่น้ำป่าสักซึ่งไหลมาจากท่ีสูงทางด้านตะวันออกเป็นต้น จึงทำให้เขตท่ีราบภาคกลางมีดินอุดม-สมบูรณ์ เป็นแหล่งเกษตรกรรมหรือเป็นอู่ข้าวอู่น้ำที่สำคัญของประเทศ และเป็นเขตที่มีประชากรอาศัยอยหู่ นาแน่นทส่ี ดุ ของประเทศ แมน่ ำ้ เจ้าพระยาท่ีไหลผา่ นกรงุ เทพมหานคร จดั เปน็ เขตท่ี มปี ระชากรอาศัยอยหู่ นาแนน่ ท่ีมาของรูป : การทอ่ งเทย่ี วแห่งประเทศไทย

24หนงั สอื เรียนสงั คมศกึ ษา ม.1 3. ที่ราบสูงภาคตะวันออกเฉียงเหนอื ภูมิประเทศของเขตนจี้ ะแยกจากภาคเหนอื และภาค กลางอย่างชัดเจน โดยมีขอบสูงชันตามแนวทิวเขาเพชรบูรณ์ทางด้านตะวันตกและใต้ตามแนวทิว เขาสันกำแพงและพนมดงรัก ตอนกลางลาดต่ำคล้ายกระทะ เป็นแอ่งท่ีราบที่แบ่งเป็น 2 แอ่งด้วย ทิวเขาภูพาน แอ่งที่ราบตอนบน เรียกว่า แอ่งสกลนคร ส่วนแอ่งท่ีราบตอนล่าง เรียกว่า แอ่งโคราช สภาพพื้นที่บริเวณเขตนี้ส่วนใหญ่เป็นดินร่วนปนทราย น้ำซึมผ่านได้ง่าย จึงไม่สามารถ เก็บความชุ่มชื้นไว้ได้นาน สภาพพ้ืนที่จึงแห้งแล้ง ขาดแคลนน้ำในฤดูร้อน แม่น้ำสำคัญที่ไหลผ่าน ได้แก่ แม่น้ำชี แม่น้ำมูล และมีแหล่งน้ำธรรมชาติหลายแห่ง เช่น อ่างเก็บน้ำเข่ือนลำตะคอง อ่าง เก็บน้ำเข่ือนลำพระเพลิง เป็นต้น ซึ่งใช้ประโยชน์เพ่ือการเกษตรได้ดี มีพื้นที่ป่าไม้น้อยกว่าทุกภาค สว่ นใหญเ่ ปน็ ปา่ ไม้ผลัดใบ ไม่หนาทบึ บ ริ เ ว ณ แ ม่ น้ ำ มู ล แ ล ะ แ ม่ น้ ำ โ ข ง ม า บ ร ร จ บ กั น ที่อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี เป็น บริเวณท่ีมีผู้อาศัยอยู่หนาแน่นแห่งหนึ่งของภาค ตะวนั ออกเฉียงเหนอื ท่ีมาของรปู : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย 4. ทิวเขาภาคตะวันตก ลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขา ทิวเขา และหุบเขาแคบๆ ทิวเขาในภาคนี้เป็นแนวยาวต่อเน่ืองมาจากภาคเหนือและบางส่วนเป็นพรมแดนระหว่างประเทศไทย กับพม่า ที่สำคัญ ได้แก่ ทิวเขาถนนธงชัยและทิวเขาตะนาวศรี ซ่ึงเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำหลาย สาย คือ แม่น้ำเมย ท่ีไหลผ่านระหว่างประเทศไทยและพม่า แม่น้ำสำคัญของบริเวณนี้อยู่บริเวณ จงั หวัดตาก คือ แควใหญ่ (แม่นำ้ ศรีสวัสด)์ิ แควน้อย (แมน่ ้ำไทรโยค) ซ่งึ ไหลผ่านหบุ เขาแคบๆ มา บรรจบเป็นแม่น้ำแม่กลอง ท่ีอำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี และไหลผ่านจังหวัดราชบุรี แล้วออก ทะเลท่จี ังหวัดสมทุ รสงคราม นอกจากนี้ยังมีแม่น้ำเพชรบุรแี ละแม่น้ำปราณบุรี ท่เี ปน็ แมน่ ้ำสายสั้นๆ ในเขตจังหวัดเพชรบุรแี ละประจวบคีรีขันธ์ 5. ชายฝั่งภาคตะวันออก ลักษณะภูมิ- ประเทศเป็นท่ีราบลุ่มแม่น้ำทางตอนเหนือ เป็นทิว เขาและท่ีราบลอนลาดทางตอนกลางและท่ีราบ ชายฝ่ังทะเลทางใต้ มีแม่น้ำสายสั้นๆ ไหลผ่าน ลักษณะของชายฝั่งเว้าแหว่งเต็มไปด้วยเกาะใหญ่ น้อย และชายหาดสวยงามท่ีเป็นแหล่งท่องเท่ียว สำคญั หาดคงุ้ วมิ านชายหาดท่สี วยงามทเ่ี ปน็ แหลง่ ทอ่ งเที่ยวสำคัญของจังหวัดจันทบรุ ี

25 หนังสอื เรยี นสงั คมศึกษา ม.1 6. คาบสมุทรภาคใต้ ลักษณะภูมิประเทศเป็น ลกั ษณะชายฝง่ั เกิดการยบุ ตัว ทำให้มลี ักษณะคาบสมุทรท่ียื่นลงไปในทะเล โดยมีทิวเขาเป็นแกน เปน็ ชายน้ำเวา้ แหวง่ ในจังหวัดภูเก็ตกลางของภาค ซึ่งเป็นทิวเขาท่ีต่อเน่ืองมาจากภาค ตะวันตก คาบสมุทรด้านตะวันออกบริเวณชายฝ่ังเกิดจากการยกตวั จึงทำให้มลี กั ษณะเปน็ ชายหาด ในขณะที่คาบสมุทรด้านตะวันตกบริเวณชายฝ่ังเกิดจากการยุบตัว จึงทำให้มีลักษณะเป็นชายฝั่งเว้าแหว่ง มีเกาะใหญ่นอ้ ยและบางชว่ งเป็นหนา้ ผาสงู ชัน ลักษณะภมู อิ ากาศ1 ลักษณะภูมิอากาศ คือ ลักษณะความร้อน ความหนาว ความชุ่มช้ืน ความแห้งแล้งของบริเวณพื้นที่ใดพื้นที่หน่ึง โดยพิจารณาจากอุณหภูมิและปริมาณน้ำฝน ซ่ึงจะมีการเปล่ียนแปลงอยู่ตลอดเวลาในรอบหน่ึงปีของบริเวณพ้ืนท่ีนั้นๆ ซึ่งลักษณะภูมิอากาศของประเทศไทยสามารถพิจารณาจากอุณหภูมิและปริมาณน้ำฝน ได้ดังน้ี 1. อุณหภูมิ ประเทศไทยตั้งอยู่ในบริเวณเขตร้อนของซีกโลกเหนือ ทำให้มีอากาศร้อนและมีอุณหภูมิสูงเกือบตลอดท้ังปี คืออยู่ระหว่าง 25-28 องศาเซลเซียส โดยในช่วงระยะเวลาท่ีร้อนน้อยท่ีสุด (เดือนมกราคม) อุณหภูมิเฉล่ีย 15-18 องศาเซลเซียส และช่วงเวลาท่ีร้อนมากที่สุด (เดือนเมษายน) อุณหภูมิเฉลี่ย 33-42 องศาเซลเซียส อุณหภูมิของประเทศไทยแบ่งออกเป็น 2 บริเวณอย่างกว้างๆ ตามลกั ษณะภูมิอากาศ คือ 1.1 ประเทศไทยตอนบน ไดแ้ ก่ ภาคเหนือ ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก อุณหภูมิของอากาศอยู่ในเกณฑ์สูงเกือบตลอดปี เว้นแต่บริเวณท่ีอยู่ใกล้ทะเลอุณหภมู ิในตอนบ่ายจะลดลงบา้ ง อุณหภูมิสูงสุดเฉลย่ี ในตอนบ่ายอยู่ระหวา่ ง 33-38 องศาเซลเซยี สเดือนเมษายนเป็นเดือนท่ีร้อนท่ีสุดในรอบปี ความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างฤดูร้อนกับฤดูหนาวจะค่อยๆ มีมากขึ้นเม่ืออยู่ห่างทะเลลึกเข้าไปภายในพ้ืนแผ่นดิน โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียง-เหนอื และภาคเหนือ 1.2 ประเทศไทยตอนล่าง ได้แก่ ภาคใต้ อุณหภูมิตลอดท้ังปีจะไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก เนื่องจากรูปร่างของภาคใต้ซ่ึงเป็นคาบสมุทรและอยู่ใกล้ทะเล ไม่อาจแบ่งเป็นฤดูร้อนและฤดูหนาวได้อยา่ งชดั เจน ความแตกต่างของอณุ หภูมปิ ระจำวันมคี ่าประมาณ 10 องศาเซลเซยี ส กลา่ วคือ อุณหภูมิต่ำสุดในตอนเช้ามีค่าประมาณ 22 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิสูงสุดตอนบ่ายมีค่าประมาณ 32 องศาเซลเซียส การที่ภาคใต้มีอุณหภูมิต่ำกว่าภาคอื่นๆ เน่ืองจากได้รับอิทธิพลจากลมทะเล1คน้ หาข้อมลู เพ่ิมเตมิ ได้ท่ี 01.htm

26หนงั สอื เรียนสงั คมศกึ ษา ม.1 2. ปริมาณนำ้ ฝน ประเทศไทยมฝี นคอ่ นข้างมาก ฝนสว่ นใหญ่มกั เกดิ ในรูปของฝนตกหนักในระยะเวลาส้ัน (ฝนซู่) และมักเกิดในเวลาเย็นหรือเวลาเช้าตรู่ การพิจารณาฝนในประเทศไทยอาจแบง่ ออกได้เปน็ 2 บรเิ วณเช่นเดียวกบั อุณหภูมิ ดงั นี้ 2.1 ประเทศไทยตอนบน ได้แก่ ภาคเหนอื ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื ภาคกลาง และภาคตะวันออก ตลอดฤดูหนาว ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ลมมรสุมตะวันออก-เฉียงเหนือที่นำพาความแห้งแล้งมักปกคลุมประเทศไทย ทำให้มีฝนตกทางตอนบนของประเทศน้อยในฤดูร้อน คือระหว่างเดือนมีนาคมและเมษายน ฝนเร่ิมตกบ้างแต่ยังคงมีปริมาณไม่มากนัก ฝนที่ตกส่วนใหญ่เกิดจากอิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ โดยเริ่มตกต้ังแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไปจนถึงกลางเดือนตุลาคม ในระหว่างน้ีมีช่วงฝนน้อยหรือช่วงฝนท้ิงช่วงเกิดขึ้นในระหว่างเดือนมิถุนายนหรือเดือนกรกฎาคม ท้ังน้ีเพราะร่องมรสุมได้เคลื่อนข้ึนไปพาดผ่านตอนเหนือของประเทศไทย และฝนจะกลับมาตกหนาแน่นข้ึนอีกในเดือนสิงหาคมและกันยายน ฝนที่ตกในแต่ละภาคของประเทศไทยตอนบนจะมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยไม่เท่ากัน เขตที่มีฝนตกน้อย ได้แก่ ภาคตะวันตก ภาคกลางตอนบน และภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื 2.2 ประเทศไทยตอนล่าง ไดแ้ ก่ ภาคใต้ บรเิ วณน้ีเป็นบรเิ วณทม่ี ีฝนตกตลอดทัง้ ปี ในฤดูมรสมุ ตะวันออกเฉียงเหนือจะมฝี นตกชกุ โดยเฉพาะทางชายฝ่ังด้านตะวนั ออกตั้งแตจ่ ังหวัดชุมพรลงไปทางใต้จนถึงจังหวัดนราธิวาส เดือนพฤศจิกายนและธันวาคมมีฝนตกมากกว่าเดือนอ่ืนๆ ส่วนในฤดูมรสุมตะวันตกเฉยี งใต้ ตัง้ แต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไปจนถึงเดอื นตลุ าคมจะมฝี นตกมากทางชายฝั่งดา้ นตะวนั ตก ฝนทต่ี กในภาคใต้จะมีปรมิ าณคอ่ นขา้ งมากในทุกจงั หวดั ฤดกู าล ประเทศไทยตั้งอยู่ในเขตมรสุมตะวันตกเฉียงใต้และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ประเทศไทยมีระดับอุณหภูมิและปริมาณน้ำฝนแตกต่างกันไปในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งสามารถแบ่งฤดกู าลของประเทศไทยออกเปน็ 3 ฤดู คือ 1. ฤดูฝน เร่ิมต้ังแต่ประมาณกลางเดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนตุลาคม เป็นระยะเวลาประมาณ 6 เดือน (ยกเว้นภาคใต้) ในช่วงนี้พ้ืนท่ีส่วนใหญ่ของประเทศจะมีฝนตกท่ัวไป ท้องฟ้ามีเมฆมาก โดยเฉพาะชายฝั่งทะเลและทิวเขาด้านรับลมจะมีฝนตกมากท่ีสุด บริเวณเหนืออ่าวไทยขึ้นไปฝนจะตกชุกในเดือนสิงหาคมและกันยายน จากน้ันจะเล่ือนลงสู่ภาคใต้ตอนบนและภาคใต้ตอนล่างตามลำดับ ฤดูฝนในภาคใต้จะมีลักษณะแตกต่างจากภาคอ่ืนๆ โดยมีฝนเป็นสองช่วงตามระยะของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ฤดูฝนของภาคใต้น้ีจะมีระยะเวลานานถงึ 9 เดือน

27 หนงั สอื เรยี นสังคมศึกษา ม.1 2. ฤดูหนาว เริ่มตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ มีระยะเวลาประมาณ 4 เดอื น ในระยะน้ลี มมรสุมตะวนั ออกเฉียงเหนือไดพ้ ดั ปกคลมุ ประเทศไทยทำให้อุณหภมู ิลดลง โดยทั่วไปอากาศจะแห้งแล้งและหนาวเย็น โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนอื ได้รบั อทิ ธิพลจากลมมรสุมตะวนั ออกเฉยี งเหนอื เต็มที่ จึงมีอุณหภูมิตำ่ กวา่ ภาคอ่นื ๆ ภาคกลางจะมีอุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ส่วนในภาคใต้อุณหภูมิจะลดลงบ้างเป็นคร้ังคราวแต่อากาศไม่เย็นนักและจะมีฝนตกตามชายฝ่งั ด้านตะวันออกโดยเฉพาะต้ังแตจ่ งั หวดั สรุ าษฎร์ธานีลงไป 3. ฤดูร้อน เร่ิมต้ังแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ไปจนถึงกลางเดือนพฤษภาคม มีระยะเวลาประมาณ 2 เดอื น ชว่ งฤดนู ้ดี วงอาทติ ย์มาอยใู่ นแนวละตจิ ดู ของประเทศไทย ประกอบกบั เปน็ ระยะเวลาท่ีลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนืออ่อนกำลังลง ทำให้มีอากาศร้อนอบอ้าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเดือนเมษายน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือนับเป็นเขตท่ีแห้งแล้งท่ีสุดของประเทศ ส่วนภาคใต้ยังมีฝนตกบา้ งจึงไมม่ ฤี ดแู ลง้ ให้เหน็ อยา่ งชัดเจน ทรัพยากรธรรมชาติ ทรัพยากรธรรมชาติถือเป็นปัจจัยการผลิตท่ีสำคัญ ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศท่ีอุดมสมบูรณ์ดว้ ยทรพั ยากรธรรมชาติ ดังน้ ี 1. ทรัพยากรดิน ประเทศไทยเป็นประเทศท่ีต้ังอยู่ในเขตร้อนช้ืน ฝนตกชุก ดินส่วนใหญ่เป็นดินเขตร้อนขาดปุ๋ยอินทรีย์และแร่ธาตุท่ีเป็นอาหารพืช เนื่องจากการกร่อนและชะล้างของฝน ดินท่ีอุดมสมบูรณ์มีในบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำ โดยเฉพาะภาคกลาง เช่น ที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นบริเวณทมี่ ีทรัพยากรดนิ ที่อดุ มสมบรู ณ์เหมาะแกก่ ารเพาะปลูก 2. ทรัพยากรน้ำ ประเทศไทยจัดได้ว่าเป็นประเทศที่มีทรัพยากรน้ำท่ีอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่งของโลก เช่น แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นเสมือนเส้นเลือดใหญ่ของประเทศที่หล่อเล้ียงพื้นที่ราบใหญ่ตอนกลางของประเทศ แม่น้ำชีและแม่น้ำมูล แม่น้ำสายสำคัญในภาคตะวันออกเฉียง-เหนือ แม่น้ำแม่กลอง แม่น้ำสายสำคัญท่ีหล่อ ทรพั ยากรแหล่งนำ้ บนดนิ ท่ีมีอยทู่ ่วั ไปทุกภูมภิ าค ในภาพเป็นเขือ่ นป่าสกั ชลสิทธิ์ ทส่ี ร้างขนึ้ เพ่ือประโยชนด์ า้ นชลประทาน นอกจากนี้ยงั ไดร้ ับประโยชนจ์ ากการทอ่ งเทย่ี วและ ปอ้ งกนั น้ำทว่ มบริเวณภาคกลางตอนล่างและกรงุ เทพฯ อกี ดว้ ย (ท่ีมา : การไฟฟา้ ฝ่ายผลติ แห่งประเทศไทย)

28หนังสือเรียนสังคมศึกษา ม.1 เล้ยี งพนื้ ท่รี าบในเขตภาคตะวันตก เปน็ ต้น นอกจากแมน่ ้ำสายสำคัญดงั กล่าวแล้ว ประเทศไทยยงั มี แหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ที่เก็บกักน้ำไว้ใช้ได้ในช่วงหน้าแล้ง ได้แก่ หนองหานสกลนคร จังหวัด สกลนคร หนองหานกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี บึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ และกว๊านพะเยา จังหวัดพะเยา 3. ทรัพยากรป่าไม้ ประเทศไทยมีอากาศร้อนและปริมาณฝนมาก ต้นไม้ท่ีขึ้นส่วนใหญ่เป็น ไมเ้ นื้อแข็งและใบกว้าง สามารถแบง่ ออกเป็น 2 ประเภท ดงั น้ี 3.1 ปา่ ไม้ไมผ่ ลัดใบ หมายถงึ ป่าท่ีมีสเี ขยี วชอุ่มตลอดปี ได้แก่ ปา่ ดบิ ป่าสนเขา และ ปา่ ชายเลน 3.2 ป่าไม้ผลัดใบ เป็นป่าโปร่ง ข้ึนได้ทุกภาค ยกเว้นภาคใต้ ได้แก่ ป่าเบญจพรรณ และป่าแดงหรือป่าโคก แผนทีป่ ่าไม้ชนิดต่างๆ ของประเทศไทย

29 หนงั สือเรียนสังคมศกึ ษา ม.1 4. ทรพั ยากรแร่ ทส่ี ำคญั ท่ีมีอยใู่ นประเทศไทย ได้แก่ 4.1 แรโ่ ลหะ เช่น ดบี ุก เหล็ก วลุ แฟรม สงั กะสี ตะก่วั ทองแดง เป็นต้น 4.2 แร่อโลหะ เชน่ ฟลอู อไรต์ ยิปซมั หินเกลือ หินปนู หนิ ออ่ น ทรายแก้ว เปน็ ตน้ 4.3 แรเ่ ช้อื เพลิง เช่น นำ้ มนั ถ่านหนิ กา๊ ซธรรมชาติ เปน็ ตน้ 4.4 แร่รัตนชาติ เช่น เพชร ทับทิม มรกต บษุ ราคัม เป็นต้น แผนทแ่ี หล่งแร่ธาตุชนดิ ตา่ งๆ ของประเทศไทย

30หนงั สอื เรียนสงั คมศกึ ษา ม.1 กิจกรรมตรวจสอบความเข้าใจ 1 ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน สำรวจท้องถ่ินของนักเรียนว่ามีสภาพ แวดลอ้ มทางกายภาพเปน็ อย่างไร แลว้ นำมาอภิปรายแลกเปล่ยี นความคดิ เห็นด้วยกนั สภาพแวดล้อมทางกายภาพ ของทวปี เอเชยี ทวีปเอเชีย เป็นดินแดนท่ีอยู่ทางซีกโลกตะวันออกและได้ช่ือว่าเป็นทวีปที่มีสิ่งตรงกันข้ามและ ส่ิงที่เป็นที่สุดของโลกอยู่หลายๆ อย่าง เช่น เป็นทวีปท่ีมีขนาดใหญ่ท่ีสุดคือมีเนื้อท่ีประมาณ 44,648,953 ตารางกิโลเมตร และมีพื้นที่สูงที่สุดในโลก คือ ยอดเขาเอเวอเรสต์ ซึ่งมีความสูง ประมาณ 8,850 เมตรหรือ 29,028 ฟุต มีท้องทะเลท่ีลึกท่ีสุดอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก บริเวณ มาเรียนาเทรนช์ โดยจุดที่ลึกคือ Challenger ในประเทศฟิลิปปินส์ ลึกประมาณ 11,033 เมตร มี อากาศหนาวเย็นที่สุด (ยกเว้นทวีปแอนตาร์กติกา) อยู่ตอนเหนือของไซบีเรีย อากาศร้อนแห้งแล้ง ที่สุดท่ีภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ มีปริมาณฝนตกประจำปีมากท่ีสุดในโลก คือ มอสินราม (Mawoynraw) ประเทศอินเดยี และยังเป็นทวีปที่มีประชากรมากทส่ี ดุ ในโลกอีกด้วย ยอดเขาเอเวอเรสต์ ยอดเขาทสี่ ูงทีส่ ุดในโลกบนเทือกเขาหิมาลัย ที่มาของรปู : trarelblog.org เน่ืองจากทวีปเอเชียเป็นทวีปท่ีกว้างใหญ่และมีหลายบริเวณที่มีลักษณะแตกต่างกันมาก เพื่อ ให้ง่ายต่อการศึกษา จึงแบ่งทวีปเอเชียเป็นภูมิภาคต่างๆ ตามสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ เศรษฐกิจ สงั คมและวัฒนธรรม ดงั น้ี

31 หนังสือเรียนสังคมศึกษา ม.1 1. ภมู ิภาคเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ ประกอบด้วย 11 ประเทศ โดยมเี น้อื ท่แี ละเมืองหลวงดงั นี้ ประเทศ เนือ้ ที่ (ตร.กม.) เมืองหลวง 1. ราชอาณาจักรไทย 514,000 กรงุ เทพมหานคร 2. สหภาพเมียนมาร์ 676,552 ยา่ งกุง้ 3. สาธารณรัฐประชาธปิ ไตย ประชาชนลาว เวยี งจันทน์ 4. ราชอาณาจกั รกัมพูชา 236,800 พนมเปญ 5. สาธารณรฐั สงั คมนยิ ม 181,040 เวยี ดนาม ฮานอย 6. มาเลเซยี กวั ลาลมั เปอร์ 7. สาธารณรฐั สิงคโปร์ 329,556 สงิ คโปร์ 8. สาธารณรัฐฟลิ ิปปินส์ 329,749 มะนลิ า 9. สาธารณรฐั อินโดนเี ซีย จาการ์ตา 10. เนการาบรไู นดารสุ ซาลาม 647 บันดารเ์ สรเี บกาวัน 11. ตมิ อร์-เลสเต 300,000 ดลิ ี 1,904,569 5,770 14,869 2. ภูมิภาคเอเชียตะวันออก ประกอบด้วย 5 ประเทศ โดยมีเนอ้ื ทีแ่ ละเมอื งหลวง ดงั นี้่ ประเทศ เนื้อท่ี (ตร.กม.) เมืองหลวง 1. สาธารณรฐั ประชาชนจีน 9,596,960 เปย่ ์จิง, ปกั กิ่ง 2. มองโกเลีย 1,565,000 อูลานบาตอร์ 3. สาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนเกาหลี (เกาหลเี หนอื ) 120,540 เปียงยาง 4. สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต)้ 98,480 โซล 5. ญ่ปี นุ่ 372,313 โตเกียว

32หนงั สอื เรียนสงั คมศึกษา ม.1 3. ภมู ิภาคเอเชยี ใต้ ประกอบด้วย 8 ประเทศ โดยมีเนอื้ ท่ีและเมอื งหลวง ดังน้ี ประเทศ เนือ้ ท่ี (ตร.กม.) เมอื งหลวง 1. สาธารณรฐั อนิ เดยี 3,284,590 นิวเดลี 2. สาธารณรฐั อสิ ลาม อิสลามาบัดหรือ ปากสี ถาน 803,940 อสิ ลามมาบาด 3. สาธารณรฐั ประชาชน บงั กลาเทศ 144,000 ธากา 4. สหพันธ์สาธารณรฐั เนปาล 140,800 กาฐมาณฑุ 5. ราชอาณาจกั รภูฏาน 47,000 ทมิ พู 6. สาธารณรัฐสงั คมนิยม ประชาธิปไตยศรลี ังกา 65,610 โคลัมโบ 7. สาธารณรัฐอิสลาม อฟั กานสิ ถาน 647,500 คาบูล 8. สาธารณรัฐมลั ดีฟส์ 300 มาเล 4. ภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ประกอบด้วย 15 ประเทศ โดยมีเน้ือท่ีและเมืองหลวงดงั นี้ ประเทศ เนอื้ ที่ (ตร.กม.) เมืองหลวง 1. สาธารณรฐั อิสลามอิหร่าน 1,648,000 เตหะราน 2. สาธารณรฐั อิรัก 437,072 แบกแดด 3. สาธารณรัฐตุรกี 780,580 องั การา 4. สาธารณรฐั ไซปรัส 9,250 นโิ คเซีย 5. สาธารณรฐั อาหรับซีเรีย 185,180 ดามัสกัส 6. สาธารณรฐั เลบานอน 10,400 เบรตุ 7. รัฐอิสราเอล 20,770 เทลอาวฟี 8. ราชอาณาจักรฮัซไมต์ จอรแ์ ดน 97,740 อมั มาน

33 หนังสือเรียนสงั คมศึกษา ม.1 ประเทศ เน้อื ท่ี (ตร.กม.) เมืองหลวง 9. ราชอาณาจกั ร ซาอดุ อี าระเบยี 1,960,582 รยิ าด 10. รฐั คเู วต คูเวตซติ ี 11. รัฐสุลต่านโอมาน 17,820 มสั กัต 1 2. รฐั กาตาร์ 212,460 โดฮา 13. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 11,000 อาบดู าบี 14. ราชอาณาจกั รรฐั บาห์เรน 82,880 มานามา 15. สาธารณรัฐเยเมน ซานา 620 527,968 5. ภูมิภาคเอเชียกลาง ประกอบดว้ ย 8 ประเทศ โดยมีเน้ือทีแ่ ละเมอื งหลวง ดังน้ี ประเทศ เน้อื ที่ (ตร.กม.) เมืองหลวง 1. สาธารณรัฐคาซคั สถาน 2,717,300 อัสตานา 2. เติรก์ เมนิสถาน 488,100 อาชกาบัต 3. สาธารณรฐั อซุ เบกิสถาน 447,400 ทาชเคนต์ 4. สาธารณรฐั ครี ์กีซ 198,500 บชิ เคก 5. สาธารณรฐั ทาจกิ สิ ถาน 143,100 ดชู านเบ 6. สาธารณรัฐอารเ์ ซอรไ์ บจาน 86,600 บากู 7. สาธารณรฐั จอรเ์ จยี 69,700 ทบลิ ิซิ 8. สาธารณรฐั อารม์ เี นีย 29,800 เยเรวาน แหลง่ ขอ้ มูล : เน้อื ที่ : Fachbork 2009.

34 หนงั สอื เรยี นสังคมศึกษา ม.1แผนท่แี สดงเขตประเทศของทวีปเอเชยี

35 หนงั สือเรียนสงั คมศกึ ษา ม.1 แผนทีแ่ สดงลกั ษณะภมู ปิ ระเทศของทวีปเอเชีย ลักษณะทางกายภาพ ทวีปเอเชียเป็นทวีปท่ีใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีเน้ือท่ีประมาณ 44,391,162 ตารางกิโลเมตร(17,139,455 ตารางไมล์) หรือใหญ่กว่าทวีปอเมริกาเหนือ 1.8 เท่า ใหญ่กว่าทวีปยุโรป 4.5 เท่าและใหญ่กว่าทวีปออสเตรเลียซ่ึงเป็นทวีปเล็กท่ีสุด 5.8 เท่า ทวีปเอเชียต้ังอยู่ทางซีกตะวันออกของ

36หนงั สอื เรียนสังคมศึกษา ม.1 โลก ดินแดนเกือบท้ังหมดอยู่เหนือเส้นศูนย์สูตร ยกเว้นบางส่วนของหมู่เกาะในประเทศอินโดนีเซีย ระยะทางจากเหนือสุดคือแหลมเชลยูสกนิ ประเทศสหพันธรัฐรสั เซีย จนถึงใตส้ ดุ ของทวปี คอื บรเิ วณ เกาะโรติ ประเทศติมอร์-เลสเต มีความยาวประมาณ 6,500 กิโลเมตร และตะวันออกสุดคือแหลม เดชเนฟประเทศสหพันธรฐั รัสเซียถึงตะวนั ตกสดุ คือ แหลมบามา ประเทศตรุ กี ยาวประมาณ 9,600 กิโลเมตร ซ่ึงแผ่นดินที่กว้างใหญ่ทำให้ภูมิอากาศของทวีปเอเชียมีความแตกต่างกันมาก ระหว่าง สว่ นท่ีอยู่ใกลท้ ะเลกบั สว่ นทอี่ ยู่ลกึ เข้าไปในทวปี ท่ีตงั้ ทวปี เอเชียตัง้ อยูร่ ะหวา่ งละติจดู 1 องศา 15 ลิปดาเหนอื ถึง 77 องศา 41 ลปิ ดาเหนอื และ ลองจิจูด 24 องศา 4 ลิปดาตะวนั ออกถึง 169 องศา 40 ลิปดาตะวันตก เอเชยี เปน็ ทวีปทอ่ี ยทู่ าง ตะวันออกสุดเม่ือเทียบกับทุกทวีป จึงทำให้ประเทศต่างๆ ในทวีปเอเชียมีเวลาเร็วกว่าประเทศที่อยู่ ในทวีปอื่นๆ ยกเว้นทวีปออสเตรเลีย พื้นที่เกือบท้ังหมดของทวีปเอเชียอยู่ในซีกโลกเหนือ จึงทำให้ ฤดูกาลต่างๆ มีช่วงระยะเวลาตรงกับทวีปยุโรปและทวีปอเมริกาเหนือ แต่ตรงกันข้ามกับทวีป ออสเตรเลยี อาณาเขตตดิ ตอ่ ทวปี เอเชียมีอาณาเขตติดต่อ ดังน้ี ทิศเหนอื ตดิ ตอ่ กับมหาสมทุ รอารก์ ติก ในทะเลคารา ทะเลแลปทิฟ ทะเลไซบเี รยี ตะวันออก และทะเลชุกช์ ส่วนที่เป็นแผ่นดินเหนือสุดอยู่ที่แหลมเชลยูสกิน ประเทศสหพันธรัฐรัสเซีย เกาะ ขนาดใหญท่ างตอนเหนอื ได้แก่ เซเวยี ร์นายาเซมเลีย หมเู่ กาะนวิ ไซบีเรีย และเกาะแรงเกล ทิศใต้ ติดต่อกับมหาสมุทรอินเดีย น่านน้ำตอนใต้ ได้แก่ อ่าวเบงกอล ทะเลอาหรับ อ่าว เปอร์เซีย อ่าวโอมานและอ่าวเอเดน จุดใต้สุดแผ่นดินอยู่ที่แหลมปิไอ ประเทศมาเลเซีย โดยมีเกาะ ใหญท่ างทิศใตข้ องทวีปเอเชีย ได้แก่ เกาะลังกา เกาะบอร์เนยี ว เกาะสุมาตรา และเกาะชวา ทิศตะวันออก ติดต่อกับมหาสมุทรแปซิฟิก ในเขตทะเลแบริง ทะเลโอค็อตสค์ ทะเลญี่ปุ่น ทะเลเหลือง ทะเลจีนตะวันออก และทะเลจีนใต้ โดยมีคาบสมุทรสำคัญ คือ คาบสมุทรคัมซัตคา คาบสมุทรเกาหลี และคาบสมุทรอินโดจีน เป็นส่วนของแผ่นดินใหญ่ด้านน้ี แผ่นดินท่ีอยู่ตะวันออก สดุ คือปลายแหลมโดจนอวา ประเทศสหพนั ธรัฐรัสเซีย ท่ีลองจจิ ดู 169 องศา 40 ลปิ ดาตะวันตก เกาะใหญ่ท่ีอยู่รายล้อมทางด้านตะวันออก ได้แก่ เกาะแซคาลิน หมู่เกาะของประเทศญี่ปุ่น เกาะ ไต้หวัน หมูเ่ กาะประเทศฟิลิปปินส์ และหมูเ่ กาะประเทศอนิ โดนเี ซีย

37 หนงั สือเรียนสังคมศึกษา ม.1 ทิศตะวันตก ติดต่อกับทะเลแดง คลองสุเอซ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทะเลดำ เทือกเขา คอเคซัส ทะเลแคสเปยี น และเทอื กเขาอรู าล บรเิ วณตะวนั ตกสุด คือ ทีแ่ หลมบาบา ประเทศตุรกี ท่ีลองจิจูด 26 องศา 4 ลิปดาตะวันออก โดยมเี กาะสำคัญ คอื เกาะใหญ่ ได้แก่ เกาะไซปรัส โครงสรา้ งทางธรณีวิทยาของทวปี เอเชีย ความกว้างใหญ่ไพศาลของทวีปเอเชีย ทำให้ผืนแผ่นดินของทวีปเอเชียมีลักษณะทางธรณวี ทิ ยาทุกรูปแบบ กลา่ วคอื มโี ครงสร้างของเปลือกโลกสลับซับซอ้ นเป็นภเู ขาสงู ชนั มีรอยทบตวัรอยหกั รอยเลื่อน และรอยคดโค้งที่เกิดจากการดนั และอัดตัวของเปลือกโลกมากมาย นอกจากนยี้ งัมีส่วนของแผ่นดินท่ียกตัวและทรุดต่ำ ทำให้เกิดที่ราบสูงและแอ่งแผ่นดิน บางส่วนเป็นที่ลาด และที่ราบระดับต่ำ กลายเป็นท่ีสะสมของตะกอนยุคใหม่ ทวีปเอเชียมีท้ังหินที่เก่าแก่ตั้งแต่ก่อนยุค แคมเบรียน ได้แก่ หินไนส์และหินชีสต์ในเขตหินเก่าแองการาในไซบีเรีย จนกระทั่งหินยุคใหม่ๆ ในยุคเทอรเ์ ซียรแี ละควอเทอรน์ ารีซึง่ กำลงั อดั ตัวและสะสมตวั ในปจั จุบัน ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศ ทวีปเอเชียมีลักษณะภูมิประเทศแตกต่างกันมาก โดยในส่วนท่ีเป็นภาคพ้ืนทวีปแบ่งออกเป็นเขตต่างๆ ได้ 6 เขต ดังน ี้ 1. เขตที่ราบต่ำตอนเหนือ เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำสำคัญ มีลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบขนาดใหญ่ เช่น แม่นำ้ ออ็ บ แม่นำ้ เยนีเซย์ และแม่น้ำลนี า ไหลผ่านบริเวณที่ราบทม่ี อี าณาเขตกวา้ งขวางเรยี กวา่ ท่ีราบไซบีเรยี อยูบ่ ริเวณตอนบนของทวีปในเขตประเทศรัสเซยี บรเิ วณนจี้ ะมีประชากรอาศยั อยู่เบาบาง เน่ืองจากสภาพภมู ิอากาศท่หี นาวเย็นมากจนนำ้ กลายเป็นนำ้ แข็งในฤดหู นาวแม่น้ำอ็อบท่ีไหลผา่ นบรเิ วณเขตท่รี าบต่ำตอนเหนือของทวปี เอเชยี บรเิ วณนเ้ี ปน็ เขตที่มอี ากาศหนาวเย็น ใชป้ ระโยชน์ทางเศรษฐกิจ ไดน้ ้อย จึงมีประชากรอาศยั อยู่เบาบาง ทีม่ าของรูป : Social studiesforkids.com

38หนงั สอื เรียนสงั คมศกึ ษา ม.1 2. เขตท่ีราบลุ่มแมน่ ำ้ ได้แก่ ดินแดนแถบลมุ่ แมน่ ้ำสายตา่ งๆ ซงึ่ มีลกั ษณะภูมปิ ระเทศเป็น ที่ราบ เน่ืองจากการพัดพาเอาดินตะกอนมาทับถมกันจนกลายเป็นพื้นท่ีราบลุ่มน้ำ ทำให้ดินมีความ อุดมสมบูรณ์สูง เหมาะแก่การเพาะปลูก ส่วนใหญ่อยู่ทางเอเชียตะวันออก เอเชียใต้ และเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ที่ราบลุ่มแมน่ ้ำหวางเหอ ทร่ี าบลุม่ แม่นำ้ ฉางเจยี ว ในประเทศจนี ท่ีราบลุม่ แม่น้ำสนิ ธุ ท่รี าบลมุ่ แม่นำ้ คงคา และที่ราบลุ่มแมน่ ้ำพรหมบุตร ในประเทศปากสี ถาน อินเดยี และ บังกลาเทศ ตามลำดับ ทีร่ าบลมุ่ แมน่ ำ้ ไทกรสิ -ยเู ฟรทสี ในประเทศอริ กั ท่ีราบลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่าง ในประเทศกัมพูชาและเวียดนาม ที่ราบลุ่มแม่น้ำแดง ในประเทศเวียดนาม ที่ราบลุ่มแม่น้ำ เจ้าพระยา ในประเทศไทย ท่ีราบลุ่มแม่น้ำสาละวินตอนล่าง ที่ราบลุ่มแม่น้ำอิรวดี ในประเทศพม่า เป็นต้น บริเวณเขตน้ีเป็นแหล่งเกษตรกรรมที่สำคัญของทวีปและมีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นมาก ท่ีสุด การเพาะปลูกขา้ วเจ้าในบรเิ วณเขตทร่ี าบลมุ่ แมน่ ำ้ ในประเทศจีน ที่มาของรูป : archive.wn.com 3. เขตเทือกเขาสูง เป็นเขตเทือกเขาหินใหม่ตอนกลาง ประกอบไปด้วยที่ราบสูงและเทือก เขาจำนวนมาก เทือกเขาสูงท่ีสำคัญเหล่าน้ีส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาท่ีแยกตัวไปจากจุดรวมที่เรียกว่า ชุมเขาปามีร์ (Pamir Knot) หรอื ภาษาพน้ื เมืองเรียกวา่ ปามรี ด์ ุนยา แปลว่า หลังคาโลก มคี วาม สูงประมาณ 3,500-4,500 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง จากชุมเขาปามีร์มีเทือกเขาสูงของ ทวปี เอเชียหลายแนว ซง่ึ อาจแยกออกได้ ดงั น้ี บริเวณท่ีเรยี กวา่ ชุมเขาปามรี ใ์ นเขตเทือกเขาอัลไต บริเวณประเทศมองโกเลยี ทาจิกิสถาน และรัสเซยี ทม่ี าของรูป : Centralasiatravel.com

39 หนังสือเรียนสังคมศึกษา ม.1 3.1 เทือกเขาที่แยกไปทางทิศตะวันออก ได้แก่ เทือกเขาหิมาลัย เทือกเขาอาระกัน-โยมา และเทือกเขาท่ีมีแนวต่อเน่ืองลงมาทางใต้ มีบางส่วนท่ีจมหายไปในทะเล และบางส่วนโผล่ขึ้นมาเป็นเกาะในมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก ถัดจากเทือกเขาหิมาลัยข้ึนไปทางเหนือมีเทือกเขาที่แยกไปทางตะวันออก ได้แก่ เทือกเขาคุนหลุน เทือกเขาอัลตินตัก เทือกเขานานชานและแนวที่แยกไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ เทือกเขาเทียนชาน เทือกเขาอัลไต เทือกเขาคินแกน เทอื กเขายาโบลโนวี เทือกเขาสตาโนวอย และเทือกเขาโกลมี า 3.2 เทือกเขาที่แยกไปทางทิศตะวันตก แยกเป็นแนวเหนือและแนวใต้ แนวเหนือได้แก่ เทือกเขาฮินดูกูช เทือกเขาเอลบูชร์ ส่วนแนวทิศใต้ ได้แก่ เทือกเขาสุไลมาน เทือกเขา ซากรอส ซ่ึงเมอื่ เทือกเขาท้งั สองน้มี าบรรจบกันทอี่ าร์เมเนยี นนอตแลว้ ยงั แยกออกอกี เป็น 2 แนวในเขตประเทศตรุ กี คือ แนวเหนอื เป็นเทอื กเขาบอลตกิ และแนวใต้เปน็ เทอื กเขาเตารสั เป็นต้น 4. เขตท่ีราบสูงตอนกลางทวีป เป็นท่ีราบสูงที่อยู่ระหว่างเทือกเขาหินใหม่ เฉลี่ยความสูงมากกวา่ 600 เมตร ที่ราบสงู เหลา่ นย้ี กตัวขนึ้ มาในยุคตา่ งๆ กนั ท่รี าบสงู ท่สี ำคญั ๆ ไดแ้ ก่ ที่ราบสูงทิเบตซ่ึงเป็นท่ีราบสูงขนาดใหญ่และสูงที่สุดในโลก อยู่สูงจากระดับทะเลประมาณ 4,800 เมตร(15,000 ฟุต) ท่รี าบสงู หยนุ หนาน ทางใต้ของประเทศจีน และท่รี าบสงู ทม่ี ีลักษณะเปน็ แอ่งแผน่ ดนิช่ือ ตากลามากัน (Takla Makan) ซ่ึงอยู่ระหว่างเทือกเขาเทียนชานกับเทือกเขาคุนหลุน แต่อยู่สูงกวา่ ระดับนำ้ ทะเลมาก มีอากาศแหง้ แล้งและเป็นเขตทะเลทราย ทร่ี าบสงู ตากลามากัน เป็นบริเวณเขตทะเลทรายท่แี ห้งแลง้ ทางด้านตะวนั ออกเฉียงเหนอื ของประเทศจีน ท่มี าของรูป : encarta.msn.com 5. เขตท่ีราบสูงตอนใต้และตะวันตกเฉียงใต้ เป็นเขตที่ราบสูงหินเก่าท่ีอยู่ในบริเวณคาบสมุทร เป็นท่ีราบสูงขนาดใหญ่อยู่ทางตอนใต้ของทวีปเอเชีย มีความสูงไม่มากเท่ากับที่ราบสูงทางตอนกลางของทวีป ทรี่ าบสงู ที่สำคัญ ได้แก่ ทร่ี าบสงู เดกกนั ในประเทศอนิ เดยี ท่ีราบสูงอหิ ร่านในประเทศอิหร่านและอัฟกานิสถาน ที่ราบสูงอนาโตเลีย ในประเทศตุรกี และท่ีราบสูงอาหรับ ใน

40หนงั สอื เรียนสังคมศึกษา ม.1 ประเทศซาอุดีอาระเบีย เป็นทะเลทราย มีลักษณะอากาศแห้งแล้ง ลักษณะพื้นท่ีจะยกสูงทาง ตะวันตกแลว้ ค่อยๆ ลาดเทต่ำทางทิศตะวนั ออก ทะเลทรายบริเวณทร่ี าบสงู อาหรบั ประเทศซาอุดอี าระเบยี ที่มาของรูป : thrumyphotos.com 6. เขตหมเู่ กาะภเู ขาไฟ ตัง้ อยู่ในเขตหนิ ใหม่ บริเวณ หมู่เกาะในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต ้ ซ่ึงหมู่เกาะเหล่านี้เป็นท่ีต้ังของภูเขาไฟทั้งที่ดับแล้วและยัง คุกรุ่นอยู่ซึ่งมีโอกาสที่จะปะทุขึ้นมาได้อีก เช่น ภูเขาไฟใน ประเทศญ่ีปุ่น ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ดินแดนดังกล่าว มักเกิดแผ่นดินไหวข้ึนบ่อยๆ ดินบริเวณน้ีมีความอุดม สมบรู ณ์เหมาะแก่การเพาะปลกู ภเู ขาไฟทยี่ ังคุกรุน่ ในหมูเ่ กาะอินโดนเี ซยี ที่มาของรูป : twip.org ลกั ษณะภมู อิ ากาศ เน่ืองจากเอเชียเป็นทวีปที่กว้างใหญ่และมีลักษณะภูมิประเทศที่แตกต่างกันมาก ดังนั้นจึง ทำให้ทวีปเอเชียมีภูมิอากาศแตกต่างกันตามไปด้วย ทั้งน้ีโดยมีปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อภูมิอากาศของ ทวีปเอเชยี ไดแ้ ก่ 1. ที่ตั้ง ทวีปเอเชียเป็นดินแดนที่มีขนาดกว้างใหญ่มาก ตั้งอยู่ระหว่างศูนย์สูตรจนถึงขั้วโลก โดยมีเสน้ ศูนย์สตู ร เส้นทรอปิกออฟแคนเซอร์ และเส้นอารก์ ตกิ เซอร์เคลิ ลากผา่ น ทำใหม้ เี ขตอากาศ

41 หนงั สือเรยี นสังคมศกึ ษา ม.1ต่างๆ ของโลกทุกชนิด กล่าวคือ บริเวณที่อยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรเป็นเขตร้อน ส่วนท่ีอยู่ใกล้เส้นทรอ- ปิกออฟแคนเซอรเ์ ป็นเขตอบอนุ่ และเขตท่อี ยู่ใกลเ้ ส้นอารก์ ตกิ เซอร์เคิลเป็นเขตหนาวเยน็ แบบขวั้ โลก 2. ความใกล้ - ไกลทะเล ทวีปเอเชียมีขนาดกว้างใหญ่มาก ดินแดนบางส่วนที่อยู่ติดชายทะเลจะได้รับอิทธิพลจากทะเล ทำให้อากาศระหว่างกลางวันกลางคืนและระหว่างฤดูกาลไม่แตกตา่ งกันมากนกั สำหรบั ดินแดนตอนกลางของทวปี ทีอ่ ยหู่ ่างไกลจากมหาสมุทร ทอ่ี ทิ ธิพลของพ้ืนน้ำไม่สามารถเข้าไปถึงภายในทวีปได้ โดยเฉพาะบริเวณต้ังแต่ตะวันตกเฉียงใต้จนถึงตอนกลางของทวีป จะมีพ้นื ทแี่ หง้ แล้งเป็นบริเวณกวา้ งขวางและมลี ักษณะอากาศรุนแรง คือ ฤดูร้อนมีอากาศรอ้ นจดั และฤดหู นาวมอี ากาศหนาวจดั 3. ความสูงและความกว้างของภูเขาตอนกลางทวีป เน่ืองจากตอนกลางของทวีปเอเชียมีเทือกเขาสูงและที่ราบสูงเป็นบริเวณกว้างขวาง จึงทำให้มีลักษณะภูมิประเทศที่ไม่สู้จะอำนวยประโยชน์มากนัก เพราะเทือกเขาสูงจะขวางก้ันลมทะเลท่ีจะพัดเข้าสู่ภายในทวีป ทำให้ภาคกลางภาคตะวันตก และภาคเหนือของทวีปไม่ได้รับอิทธิพลจากพื้นน้ำ จึงมีอากาศแห้งแล้ง ทำให้เกิดทะเลทราย การท่ีทวีปเอเชียมีลักษณะภูมิประเทศสูงต่ำแตกต่างกันอย่างมาก ทำให้ลักษณะอากาศแตกตา่ งกนั ท้งั ๆ ทอ่ี ยูใ่ นเขตละตจิ ดู เดียวกัน เชน่ ท่ีราบท่ีเมอื งเดลี อย่ทู ล่ี ะติจดู 28 องศาเหนอื ไม่เคยมีหิมะเลย แต่ท่ียอดเขาดัวลากีรีซ่ึงสูง 8,172 เมตร และยอดเขาหิมาลัย ซ่ึงอยู่ในละติจูดเดียวกันมหี ิมะและน้ำแขง็ ปกคลุมตลอดปี 4. ลมประจำท่ีพัดผ่าน ทวีปเอเชยี มลี มประจำหลายชนิดพดั ผา่ น ไดแ้ ก่ 4.1 ลมประจำฤดู เชน่ ลมมรสมุ ซึง่ มอี ทิ ธิพลต่อทวปี เอเชียมาก เกดิ จากความแตกตา่ งของความกดอากาศเหนือพื้นทวีปทางซีกโลกเหนือและพื้นมหาสมุทรทางซีกโลกใต้ ในฤดูร้อนลมจะพัดจากมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิกซึ่งมีความกดอากาศสูงเข้าสู่บริเวณที่มีความกดอากาศต่ำในทวีป ทำให้ฝนตกท่ัวไปทางชายฝ่ังภาคใต้และภาคตะวันออกของทวีปซึ่งเป็นด้านรับลมสำหรับในฤดูหนาวพ้ืนแผ่นดินมีความกดอากาศสูงกว่า ลมจะพัดจากทวีปไปสู่มหาสมุทรที่มีความกดอากาศต่ำจึงเป็นลมแห้งแล้ง ลมประจำที่พัดผ่านมี 2 ทิศทาง คือ ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต ้ พัดระหว่างเดือนพฤษภาคม - ตุลาคม และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ พัดระหว่างเดือนพฤศจิกายน-กมุ ภาพนั ธ์ 4.2 พายุหมุนเขตร้อน พายุหมุนท่ีพัดในทวีปเอเชีย ท่ีสำคัญได้แก่ พายุไต้ฝุ่นท่ีก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟกิ พายุไซโคลนที่ก่อตวั ในมหาสมทุ รอนิ เดีย เปน็ ลมพายหุ มนุ เขตรอ้ นท่เี คลือ่ นตัวเข้าสู่ภาคพื้นทวีป ทำให้มีฝนตกหนักและพายุรุนแรง ในบางคร้ังได้สร้างความเสียหายแก่บ้านเรือนและทรพั ย์สิน รวมทงั้ ชีวิตของผคู้ นเป็นจำนวนมาก 5. กระแสน้ำ บริเวณชายฝ่ังตะวันออกเฉียงใต้ได้รับอิทธิพลของกระแสน้ำอุ่นแถบศูนย์สูตรซ่ึงแยกข้ึนมาทางตอนเหนือกลายเป็นกระแสน้ำอุ่นคุโระชิโอ ส่วนทางตะวันออกเฉียงเหนือได้รับ

42หนังสือเรียนสงั คมศึกษา ม.1 อิทธิพลของกระแสน้ำเย็นเบริงหรือกระแสน้ำเย็นโอะยะชิโอะ กระแสน้ำท้ังสองนี้จะมาพบกันแถบ ชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศญ่ีปุ่นบริเวณหมู่เกาะคูริล ทำให้มีปลาชุกชุมในย่านนี้ อิทธิพลของกระแสน้ำทั้งสองน้ีทำให้ชายฝ่ังตะวันออกของญ่ีปุ่นมีอากาศอบอุ่นกว่าชายฝ่ังตะวันตก สว่ นกระแสนำ้ ในมหาสมุทรอินเดียจะไหลไปตามทศิ ทางของลมมรสมุ การแบ่งเขตภมู อิ ากาศของทวีปเอเชยี ทวีปเอเชียมีภูมิอากาศท่ีแตกต่างกันอันเนื่องมาจากปัจจัยต่างๆ ดังกล่าวมาแล้ว ถ้าจำแนก เขตอากาศตามแบบของเคิปเปิน (Köppen) ซ่ึงใช้อุณหภูมิ ปริมาณน้ำฝน และลักษณะพืชพรรณ ธรรมชาตเิ ป็นเกณฑ์ จะจำแนกได้ 10 เขต ดังน ี้ 1. ภูมิอากาศแบบร้อนชื้นหรือแบบป่าดิบชื้น (Af) อยู่ระหว่างเส้นละติจูดที่ 10 องศา เหนือ ถึง 10 องศาใต้ บริเวณน้ีจะมีอุณหภูมิสูงตลอดปี ความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่าง กลางวันและกลางคืนไม่มากนัก มีฝนตกชุก ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยประมาณ 2,500 มิลลิเมตรต่อปี จึงเป็นพ้ืนท่ีค่อนข้างอุดมสมบูรณ์และมีประชากรหนาแน่น ได้แก่ บริเวณภาคใต้ของประเทศไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ พืชพรรณธรรมชาติเป็นป่าดิบ มีต้นไม้ขึ้นหนาแน่น ส่วนบรเิ วณปากแมน่ ำ้ และชายฝง่ั จะเปน็ ปา่ ชายเลน 2. ภูมิอากาศแบบมรสุมเขตร้อน (Am) หรือรอ้ นชื้นแถบมรสุม เป็นดินแดนท่อี ย่เู หนือเส้น ละตจิ ดู 10 องศาเหนือขึ้นไป มฤี ดูแล้งและฤดูฝนสลับกนั ประมาณปลี ะ 6 เดอื น เขตน้เี ปน็ เขตท่ีได้ รับอิทธิพลของลมมรสุม ปริมาณน้ำฝนจะสูงในบริเวณด้านรับลมและมีปริมาณฝนน้อยในเขตเงาฝน ได้แก่ บริเวณคาบสมุทรอินเดีย คาบสมุทรอินโดจีน และหมู่เกาะฟิลิปปินส์เกือบทั้งหมด พืชพรรณ ธรรมชาติในเขตน้ีเป็นป่าไม้ผลัดใบ พันธุ์ไม้ส่วนใหญ่เป็นใบไม้กว้างและเป็นไม้เนื้อแข็งท่ีมีค่าในทาง เศรษฐกิจ เช่น ไม้สัก ไม้จัน ไม้ประดู่ เป็นต้น ทั้งน้ีมีลักษณะเป็นป่าโปร่งมากกว่าป่าไม้ในเขต ร้อนชื้น ซงึ่ บางแห่งอาจมีไมข้ นาดเล็กขน้ึ ปกคลุมบริเวณพ้นื ดนิ ชัน้ ลา่ ง และบางแห่งมปี ่าไผห่ รอื หญ้า ข้ึนปะปนอยดู่ ้วย 3. ภูมิอากาศแบบทุ่งหญ้าสะวันนาหรือทุ่งหญ้าเมืองร้อน (Aw) มีลักษณะอากาศคล้าย กับแบบมรสุมเขตร้อน มีความแตกต่างระหว่างฤดูร้อนและฤดูหนาวอย่างชัดเจน มีฝนตกในฤดูร้อน และแห้งแล้งในฤดูหนาว ปริมาณฝนประมาณ 1,000 -1,500 มิลลิเมตร อุณหภูมิเฉล่ียตลอดปี ประมาณ 21 องศาเซลเซียส อณุ หภูมกิ ลางคืนเยน็ กวา่ กลางวนั ไดแ้ ก่ บริเวณตอนกลางของอนิ เดีย พม่า และคาบสมุทรอินโดจีน พืชพรรณธรรมชาติส่วนใหญ่เป็นป่าโปร่งแบบป่าเบญจพรรณ ลึก เข้าไปในทวีปจะเป็นทุ่งหญ้าสะวันนาซึ่งสามารถเจริญเติบโตได้ดีในฤดูฝนและเหี่ยวเฉาตายในฤดู หนาวเน่อื งจากสภาพอากาศแห้งแล้ง

43 หนังสอื เรยี นสังคมศึกษา ม.1 4. ภูมิอากาศแบบอบอุ่นช้ืน (Cfa) มีลักษณะคล้ายเขตภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียนลักษณะอากาศจะอบอุ่นในฤดูหนาว ร้อนในฤดูร้อน มีฝนตกตลอดปี ได้แก่ ภาคตะวันออกของจีนภาคใต้ของญ่ีปุ่น คาบสมุทรเกาหลี ฮ่องกง พืชพรรณธรรมชาติมีท้ังป่าไม้ผลัดใบซึ่งพบในประเทศจีนและเกาหลีทางใต้ และป่าไม้ผสมซ่ึงพบทางเหนือท่ีมีอากาศหนาวกว่า พันธ์ุไม้สำคัญ ได้แก่ต้นโอ๊ก เมเปิล และถ้าขึ้นไปทางด้านเหนือจะมีอากาศหนาว พืชพรรณธรรมชาติจะเป็นไม้สนที่มีใบเขยี วตลอดป ี การทำไร่นาในบริเวณที่มีอากาศแบบอบอุ่นชนื้ ทางภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ของจนี ท่ีมาของรูป : kenscameralens.com 5. ภูมิอากาศแบบอบอุ่นช้ืนภาคพื้นทวีป (Dwa, Dwb) เป็นเขตที่มีความแตกต่างมากระหว่างอุณหภูมิในฤดูหนาวและฤดูร้อน ซึ่งอากาศจะหนาวจัดในฤดูหนาว มีอุณหภูมิเฉลี่ยถึง -7องศาเซลเซยี ส อากาศจะร้อนจดั ในฤดูรอ้ นเนื่องจากเป็นช่วงทม่ี ีเวลากลางวันยาวนานกวา่ กลางคนื ปีละ 5-6 เดอื น นอกจากนี้ในฤดูร้อนจะมีฝนตก ปรมิ าณน้ำฝนเฉล่ยี ประมาณ 750-1,000 มิลลิเมตรต่อปี ได้แก่ บริเวณทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีน เกาหลีเหนือ ภาคเหนือของญี่ปุ่น และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไซบีเรีย พืชพรรณธรรมชาติเป็นป่าผสมระหว่างป่าไม้ผลดั ใบและปา่ สน ลึกเข้าไปเป็นทุง่ หญ้า 6. ภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน (Cs) ในฤดูร้อนอุณหภูมิจะสูง อากาศร้อนและ แห้งแล้ง ฤดูหนาวจะมีฝนตก อากาศจะอบอุ่นช้ืน เพราะได้รับอิทธิพลจากลมตะวันตกท่ีพัดผ่านทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเข้ามา ได้แก่ บริเวณชายฝ่ังของประเทศตุรกี เลบานอน ซีเรีย อิสราเอล พชื พรรณธรรมชาติจะเปน็ ไม้ต้นเตยี้ ไม้พมุ่ มีหนาม และพชื ทม่ี เี ปลอื กหนา ได้แก่ สม้ มะนาว และมะกอก ตลาดผลไมใ้ นประเทศตรุ กี ส่วนใหญ่จะเป็นผลไม้ท่ีมรี สเปร้ยี ว ท่ีปลกู ได้ดใี นเขตภูมิอากาศแบบเมดิเตอรเ์ รเนียน ทีม่ าของรปู : travelmetters.co.uk

44หนงั สอื เรียนสงั คมศกึ ษา ม.1 7. ภูมิอากาศแบบชื้นภาคพื้นทวีป (Dw) มีฤดูร้อนส้ัน แต่ฤดูหนาวซึ่งมีมวลอากาศเย็น ปกคลุมยาวนาน พิสัยของอุณหภูมิระหว่างฤดูร้อนและฤดูหนาวมีมาก ในฤดูร้อนอบอุ่น มีฝนตก พบบริเวณตอนเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน พืชพรรณธรรมชาติเป็นไม้จำพวกสน โอ๊ก และบูช 8. ภูมิอากาศแบบทะเลทรายเขตร้อน (BW) มีลักษณะแห้งแล้ง ท้องฟ้าโปร่ง แดดแรง อากาศรอ้ นตลอดปี ปรมิ าณน้ำฝนเฉล่ยี น้อยกวา่ 250 มลิ ลเิ มตรตอ่ ปี มคี วามแตกตา่ งของอณุ หภมู ิ ระหว่างกลางวันกับกลางคืน กล่าวคือ ในตอนกลางวันอุณหภูมิจะสูง อากาศร้อนจัดและในตอน กลางคนื อุณหภมู ติ ำ่ อากาศจะหนาวเย็น เขตอากาศแบบนจี้ ะกระจายกนั เปน็ หย่อมๆ แต่ทีม่ ีบริเวณ กว้าง ได้แก่ ทะเลทรายอาหรับ ทะเลทรายธาร์ ทะเลทรายโกบี ที่ราบสงู ทเิ บต และที่ราบสงู อิหรา่ น ซึ่งเป็นดินแดนท่ีอยู่ภายในทวีปหรือบริเวณท่ีมีภูเขาปิดล้อม ทำให้อิทธิพลของมหาสมุทรเข้าไปไม่ถึง พืชพรรณธรรมชาติส่วนใหญ่เป็นทุ่งหญ้าสลับป่าโปร่ง เป็นพืชที่ทนต่อความแห้งแล้งและต้องการน้ำ นอ้ ย ไดแ้ ก่ อนิ ทผลัมและไมป้ ระเภทมีหนาม เช่น กระบองเพชร สำหรบั ในเขตทะเลทรายบริเวณท่ี มนี ้ำและตน้ ไมข้ นึ้ ได้ เรยี กวา่ โอเอซสิ การเลย้ี งสตั วแ์ บบเร่รอ่ นในเขตภมู อิ ากาศแบบทะเลทราย ทม่ี าของรปู : hubpages.com 9. ภูมิอากาศแบบข้ัวโลกหรือแบบทุนดรา (ET) เขตภูมิอากาศแบบทุนดราจะมีฤดูหนาว ท่ียาวนานและอากาศหนาวจัด อุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง มีหิมะปกคลุมตลอดปี ไม่มีฤดูร้อน ได้แก่ ตอนเหนือสุดของทวีปเอเชียบริเวณชายฝ่ังมหาสมุทรอาร์กติก พืชพรรณธรรมชาติสามารถข้ึน ได้บ้างในฤดรู อ้ น ไดแ้ ก่ ตะไครน่ ำ้ และมอส 10. ภูมิอากาศแบบที่สูง (H) เขตภูมอิ ากาศแบบพ้ืนทสี่ ูง อณุ หภูมิจะมีความแตกตา่ งกนั ตาม ระดับความสงู อุณหภมู ิจะลดลงประมาณ 1 องศาเซสเซียสตอ่ ความสงู 180 เมตร มหี มิ ะปกคลมุ ตลอดปี ได้แก่ ที่ราบสูงทเิ บต เทือกเขาหมิ าลัย เทือกเขาฮินดกู ูช เทือกเขาคุนหลุน

45 หนังสอื เรยี นสังคมศึกษา ม.1 ทรัพยากรธรรมชาติ ทรัพยากรธรรมชาติทเี่ ปน็ พนื้ ฐานทางเศรษฐกิจท่ีสำคัญของทวีปเอเชยี มีดังน้ี 1. ทรัพยากรแร่ ทวีปเอเชียเป็นทวีปท่ีอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรแร่หลายชนิด โดยเฉพาะแร่เศรษฐกจิ ซง่ึ กระจายอยู่ในภมู ิภาคต่างๆ ทีส่ ำคญั มดี งั น ้ี 1.1 ถ่านหิน ทวีปเอเชียมีถ่านหินมากที่สุดในโลก คือ ประมาณ 3 ใน 5 ของปริมาณถ่านหินสำรองของโลก แหล่งสำคัญอยู่แถบลุ่มแม่น้ำหวางเหอในประเทศจีนซึ่งเป็นแหล่งถ่านหินที่สำคัญที่สุดของเอเชีย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของท่ีราบสูงเดกกันในประเทศอินเดีย และในเขตไซบีเรียบริเวณลุ่มแม่น้ำคุซเนตสก์ ลุ่มแม่น้ำเยนีเซย์ ลุ่มแม่น้ำเลนา และในเกาะคิวชู ตอนใต้สุดของเกาะฮนชแู ละเกาะฮกไกโดในประเทศญี่ปุน่ 1.2 เหล็ก ทวีปเอเชียมีเหล็กอยู่ถึง 2 ใน 3 ของปริมาณเหล็กสำรองของโลก แหล่งสำคัญอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำฉางเจียงและแมนจูเรียในประเทศจีน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของทีร่ าบสงู เดกกันในประเทศอนิ เดีย 1.3 ดีบุก ทวีปเอเชียผลิตแร่ดีบุกได้มากท่ีสุดในโลก แหล่งสำคัญ ได้แก่ ในประเทศมาเลเซยี ซงึ่ ได้ชื่อวา่ เป็นแหล่งผลิตดีบกุ ทส่ี ำคัญของโลก เกาะในอินโดนเี ซีย ภาคใต้ของประเทศไทยและทางตอนใต้ของพม่า 1.4 ปิโตรเลยี ม ได้แก่ น้ำมนั และก๊าซธรรมชาติ ทวีปเอเชียเปน็ แหลง่ ผลิตทีส่ ำคญั ท่ีสดุในโลก คอื บริเวณอา่ วเปอรเ์ ซยี ซงึ่ เป็นแหล่งผลิตนำ้ มันใหญ่ทีส่ ุดของเอเชยี ทะเลเหลือง ทะเลจีนใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แถบเกาะสุมาตราและเกาะบอรเ์ นียว นอกจากนี้ทวีปเอเชียยังมีแร่อยู่อีกหลายชนิดท่ีมีปริมาณมาก เช่น ทังสเตน โครไมต์แมงกานีส ปรอท สงั กะสี ไมกา รตั นชาติ เปน็ ต้น 2. ทรพั ยากรดนิ ในทวปี เอเชยี มดี ินหลายประเภท ความอุดมสมบรู ณ์ของทรพั ยากรดินย่อมแตกตา่ งกันไปตามภูมอิ ากาศและภมู ปิ ระเทศ แบง่ ออกเป็น 5 ประเภทใหญๆ่ ได้แก่ 2.1 ท รัพยากรดนิ ในเขตอากาศแบบทนุ ดราและไทกา ในเขตนม้ี ีอุณหภูมิตำ่ ตลอดปีการสลายตัวของหินและอินทรียวัตถุเป็นไปอย่างช้ามาก ดินจึงมีความอุดมสมบูรณ์น้อยไม่สามารถนำทรัพยากรดินมาใช้ในการเกษตรได ้ 2.2 ทรพั ยากรดนิ ในเขตอบอ่นุ ในเขตนี้มปี ริมาณนำ้ ฝนปานกลาง ดนิ มกี ารซมึ ชะของธาตอุ าหารในดินน้อย จงึ มคี วามอุดมสมบรู ณ์มาก เหมาะสำหรบั การเพาะปลูก 2.3 ทรัพยากรดินในเขตแห้งแล้งและที่สูง ดินในเขตน้ีเป็นดินท่ีขาดความชื้น การระเหยของน้ำในดนิ มีอยูม่ ากดินไมม่ ีความอุดมสมบรู ณ์ ขาดอินทรียวตั ถุ

46หนงั สอื เรยี นสงั คมศึกษา ม.1 2.4 ทรัพยากรดินในเขตร้อนช้ืน ส่วนใหญ่เป็นดินลูกรัง เนื่องจากมีฝนตกชุก น้ำฝน ชะล้างแรธ่ าตุซมึ ลงสูด่ นิ ในระดบั ลึก จงึ ทำใหด้ นิ ไม่มคี วามอดุ มสมบูรณ์ ไมเ่ หมาะแกก่ ารเพาะปลูก 2.5 ทรัพยากรดินในเขตร้อน เป็นดินที่อุดมสมบูรณ์มีแร่ธาตุในดินมาก ได้แก่ ดิน ตะกอนในเขตท่ีราบลุ่มแม่น้ำต่างๆ และดินภูเขาไฟในหมู่เกาะญ่ีปุ่น หมู่เกาะอินโดนีเซีย และ หมู่เกาะฟิลปิ ปินส์ เหมาะแก่การเพาะปลูก โดยเฉพาะการปลูกข้าวซงึ่ เปน็ อาหารหลักของชาวเอเชยี 3. ทรัพยากรน้ำ ทวีปเอเชียมีแหล่งน้ำตามธรรมชาติจำนวนมาก โดยเฉพาะในเขต ภูมิอากาศแบบมรสุมและเขตศูนย์สูตร ซ่ึงเป็นบริเวณท่ีอยู่ใกล้ชายฝั่งทะเลและเป็นภูมิประเทศด้าน รบั ลม ซึง่ จะมฝี นตกชกุ จึงเปน็ บริเวณที่มที รัพยากรนำ้ อุดมสมบรู ณ์ นอกจากนี้ตอนกลางของทวีปท่ีมี ภูเขาสูงจึงเป็นแหล่งกำเนิดต้นน้ำลำธารท่ีสำคัญหลายสายในทวีปเอเชียท่ีไหลออกในทุกทิศทุกทาง ส่วนพ้ืนที่ที่อยู่ลึกเข้าไปหรือด้านเงาฝนที่มีปริมาณน้ำฝนน้อยจะเป็นเขตแห้งแล้ง และบางแห่งมีการ สร้างเขอื่ นที่มแี ม่น้ำสายยาวไหลผา่ น สามารถนำทรพั ยากรนำ้ มาใชป้ ระโยชน์ได ้ 4. ทรพั ยากรปา่ ไม้ ทวปี เอเชยี เปน็ ทวปี ที่มปี า่ ไมม้ ากท่สี ุดและมหี ลายประเภท แหล่งป่าไม้ท่ี สำคัญมี 3 เขต ดังนี้ 4.1 ป่าไม้ในเขตอากาศหนาวเย็น เป็นแหล่งไม้เน้ืออ่อนที่สำคัญท่ีสุดของทวีป เป็น เขตปา่ สนทมี่ พี ้นื ท่กี วา้ งใหญไ่ พศาลมาก เรยี กว่า ป่าไทกา 4.2 ป่าไม้ในเขตอบอุ่นเป็นป่าผลัดใบ ซึ่งเป็นป่าไม้ใบกว้างหรือป่าไม้เน้ือแข็งผสมป่า สน ได้แก่ ไม้เมเปิล ไม้โอ๊ก และไม้วอลนัต 4.3 ป่าไม้ในเขตร้อนส่วนใหญ่เป็นป่าดงดิบมีต้นไม้ข้ึนหนาแน่น ได้แก่ ไม้ มะฮอกกานี ไม้มะเกลือ ไม้ยาง ส่วนในเขตร้อนที่มีฤดูแล้งยาวนาน ทรัพยากรส่วนใหญ่เป็นป่า เบญจพรรณ ซงึ่ มีไม้สัก ไม้มะค่า ไมแ้ ดง และไม้ประดู่ เปน็ ไม้เศรษฐกิจทสี่ ำคัญ 5. ทรัพยากรสัตว์ ในทวีปเอเชียมีสัตว์หลายชนิด ทั้งสัตว์เล้ียงและสัตว์ป่า โดยเฉพาะใน พื้นที่ป่าไม้เขตร้อนและพ้ืนที่ป่าไม้เขตอบอุ่นจะมีสัตว์ป่าอยู่ชุกชุม ส่วนสัตว์น้ำมีทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม อยู่อยา่ งอุดมสมบรู ณ์ เน่อื งจากความอุดมสมบรู ณ์ของทรพั ยากรแหลง่ น้ำ

47 หนงั สอื เรียนสงั คมศกึ ษา ม.1 กิจกรรมตรวจสอบความเขา้ ใจ 2 1. ครูนำแผนท่ีทวีปเอเชียมาให้นักเรียนดู แล้วให้นักเรียนออกมาชี้อาณาเขตและที่ต้ังของ ประเทศไทย โดยบอกตำแหน่งที่ต้ัง คือ ละติจูด ลองจิจูด และบอกชื่ออาณาเขตท่ี ติดตอ่ 2. แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม 6 กลุ่ม โดยให้แต่ละกลุ่มศึกษาลักษณะภูมิประเทศของ ทวีปเอเชีย แลว้ ส่งตวั แทนสรปุ ผลและรว่ มอภปิ ราย พรอ้ มนำเสนอผลการศกึ ษาโดยจดั ป้ายนิเทศ กลมุ่ ท่ี 1 ศึกษาเขตทรี่ าบตำ่ ตอนเหนือ กลมุ่ ที่ 2 ศึกษาเขตที่ราบลุม่ แม่นำ้ กลมุ่ ท่ี 3 ศึกษาเขตเทือกเขาสงู กลุ่มที่ 4 ศึกษาเขตทีร่ าบสงู ตอนกลางทวีป กลมุ่ ท่ี 5 ศึกษาเขตทรี่ าบสงู ตอนใต้และตะวนั ตกเฉยี งใต้ กลมุ่ ที่ 6 ศกึ ษาเขตหมู่เกาะภูเขาไฟ 3. แบ่งกลุ่มนักเรียนร่วมกันศึกษาค้นคว้าลักษณะภูมิอากาศ พืชพรรณธรรมชาติและ ทรัพยากรธรรมชาติ แลว้ สรปุ จัดทำเป็นรายงานในแต่ละภมู ภิ าคของทวปี เอเชีย สภาพแวดล้อมทางกายภาพของ ทวปี ออสเตรเลียและโอเชยี เนีย ทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนีย (Australia and Oceania) เป็นทวีปท่ีเล็กที่สุดของโลก มีลักษณะเป็นเกาะต้ังอยู่ในซีกโลกใต้ เชื่อกันว่าเป็นทวีปที่มีความเก่าแก่มาก แต่ถูกค้นพบหลังสุดทวปี นไี้ ดร้ บั สมญานามว่า ทวีปเกาะ เน่ืองจากเปน็ ดนิ แดนทป่ี ระกอบไปด้วยเกาะขนาดใหญ่ ไดแ้ ก่ประเทศเครอื รัฐออสเตรเลยี (Commonwealth of Australia) ประเทศนวิ ซีแลนด์ (New Zealand)และหมเู่ กาะตา่ งๆ ซึง่ เปน็ กลมุ่ ประเทศบนเกาะเลก็ ๆ ในมหาสมทุ รแปซฟิ ิก ทวีปออสเตรเลยี และโอเชียเนียประกอบด้วยประเทศต่างๆ ดังน้ี

48หนงั สอื เรียนสงั คมศกึ ษา ม.1 ประเทศ เน้อื ที่ (ตร.กม.) เมอื งหลวง 1. เครือรฐั ออสเตรเลีย 7,712,120 แคนเบอร์รา 2. นิวซีแลนด์ 269,714 เวลลิงตนั 3. ปาปวั นิวกนิ ี 463,476 พอรต์ มอรส์ บี 4. หมู่เกาะโซโลมอน 27,664 โฮนอี ารา 5. สาธารณรฐั ฟจี ี 18,346 ชูวา 6. สาธารณรฐั วานูอาตู 14,820 พอร์ตวิลา 7. สาธารณรัฐคริ ิบาต ี (คิริบาส) 6,916 ตาระวา 8. รัฐเอกราชซามวั 2,946 อาปีวา 9. รัฐเอกราชตองกา 702 นูกอู ะโลฟา10. สหพันธรฐั ไมโครนีเซีย 702 โคโลเนีย11. สาธารณรัฐปาเลา 508 คอรอร์12. สาธารณรฐั หมูเ่ กาะ มารแ์ ชลล์ 181 มาจโู ร13. ตูวาลู 26 ฟูนะฟตู ี14. สาธารณรฐั นาอูรู 21 นาอรู ู ลกั ษณะทางกายภาพประเทศออสเตรเลีย ที่ตง้ั และขนาด ประเทศออสเตรเลยี ตง้ั อยู่ในซีกโลกใต้ ระหว่างละจิจูด 10 องศา 41 ลปิ ดาใต้ ถึง 43 องศา39 ลิปดาใต้ และลองจิจูด 113 องศา 9 ลิปดาตะวนั ออก ถงึ 153 องศา 39 ลปิ ดาตะวันออก ประเทศออสเตรเลยี เป็นเกาะท่ีใหญท่ ส่ี ุดในโลก โดยมพี ้นื ท่ที ง้ั หมดประมาณ 7,686,848 ลา้ นตารางกิโลเมตร มีขนาดใหญ่ประมาณ 15 เท่าของประเทศไทย มีความยาวจากเหนือถึงใต้ประมาณ 3,220 กโิ ลเมตร และความยาวจากตะวันตกถงึ ตะวันออกประมาณ 3,860 กิโลเมตร

อาณาเขตประเทศของทวปี ออสเตรเลียและโอเชยี เนยี 49 หนงั สือเรยี นสังคมศกึ ษา ม.1

50 หนงั สอื เรยี นสังคมศึกษา ม.1ภมู ปิ ระเทศของทวีปออสเตรเลียและโอเชยี เนยี

51 หนังสอื เรียนสงั คมศึกษา ม.1 ลักษณะภมู ปิ ระเทศ ประเทศออสเตรเลียมีลักษณะภูมิประเทศที่เกิดจากการผุพังของหินที่เก่าแก่ โครงสร้างและลักษณะภูมปิ ระเทศของออสเตรเลยี สามารถแบง่ ออกเป็น 3 เขตใหญ่ๆ คอื 1. บรเิ วณที่สงู ด้านตะวันออก บรเิ วณนม้ี เี ทอื กเขาสงู วางตวั ตามแนวเหนอื -ใต้ ขนานไปกับชายฝ่ังตะวนั ออกมรี ะยะทางยาวประมาณ 3,500 เรียกวา่ เทอื กเขาเกรตดิไวดิง (Great DividingRange) โดยเริ่มจากตอนใต้ของคาบสมุทรเคปยอร์กตอนเหนือ ทอดตัวยาวขนานชายฝั่งไปจนถึงช่องแคบบาสส์ทางตอนใต้ของประเทศ มียอดเขาที่สูงท่ีสุดอยู่ในเขตเทือกเขาน้ีทางตอนใต้ ช่ือยอดเขาคอสซอี ัสโก (Kosciusko) มคี วามสงู จากทะเลปานกลางประมาณ 2,228 เมตร สงู น้อยกวา่ ดอยอินทนนท์ของประเทศไทย ซึ่งมีความสูงประมาณ 2,565 เมตร ในเทือกเขาเกรตดิไวดิง ประกอบด้วยเทือกเขาอีกหลายทิวและเป็นต้นน้ำของแม่น้ำสำคัญ เช่น แม่น้ำดาร์ลิง แม่น้ำเมอร์รีย์ แม่น้ำวอรเ์ รโก แมน่ ำ้ ฟลินเดอร์ แม่นำ้ เมอรมั บดิ จี เปน็ ตน้ ลักษณะการวางตวั ของแนวเทือกเขาทำใหเ้ ป็นแนวปะทะลม ดังน้ันจึงทำให้ฝนตกหนักบริเวณด้านหน้าเทือกเขาซ่ึงเป็นด้านรับลม ขณะที่ด้านหลังของเทอื กเขาจะมีฝนนอ้ ยกว่าจึงเปน็ เขตเงาฝน เทอื กเขาเกรตดิไวดงิ เปน็ เทือกเขาท่ีสำคญั ของประเทศออสเตรเลยี และเป็นต้นกำเนดิ แมน่ ้ำหลายสาย เชน่ แมน่ ำ้ เมอร์รยี ์ แม่นำ้ ดาร์ลิง เปน็ ตน้ ที่มาของรูป : ecosystema.ru 2. บรเิ วณทร่ี าบสงู ด้านตะวนั ตก บรเิ วณน้คี รอบคลมุ เนอ้ื ทีม่ ากกว่าครง่ึ หนง่ึ ของประเทศ มีภูมิประเทศส่วนใหญเ่ ปน็ ท่ีราบสงู ทส่ี งู จากระดบั ทะเลปานกลาง เฉล่ียประมาณ 300 เมตร ท่ีราบสูงนี้มีระดับสูงมากทางด้านตะวันตก ลาดเทไปด้านตะวันออกซ่ึงเป็นตอนในของแผ่นดิน ที่ราบสูงที่สำคญั ไดแ้ ก่ ทรี่ าบสูงคมิ เบอรเ์ ลยแ์ ละท่ีราบสงู บาร์กลี มีเทอื กเขาซ่งึ มรี ะดบั สงู ไม่มากนักแทรกสลับอยู่เป็นตอนๆ ได้แก่ เทือกเขาแฮเมอร์สลีย์ เทือกเขามัสเกรฟ และเทือกเขาแมคดอนเนลล์

52หนงั สอื เรียนสงั คมศกึ ษา ม.1 นอกจากนี้ยังปรากฏทะเลทรายอยู่หลายแห่ง ได้แก่ ทะเลทรายวิกตอเรีย ทะเลทรายเกรตแซนดี และทะเลทรายกิบสัน ทรี่ าบสูงคิมเบอรเ์ ลย์ ทางด้านตะวันตกของประเทศออสเตรเลีย ท่ีมาของรูป : advencureassociates.com 3. บรเิ วณที่ราบตำ่ ตอนกลาง เปน็ พน้ื ทอ่ี ยตู่ รงกลางประเทศ ซึง่ ขนาบข้างดว้ ยทีร่ าบสูงด้าน ตะวันตกและทรี่ าบสูงด้านตะวันออก หรือเป็นทีร่ าบต่ำตงั้ แตอ่ า่ วคาร์เพนทาเรยี ทางด้านเหนือจนถงึ อ่าวสเปนเซอร์และอ่าวเกรตออสเตรเลียนทางด้านใต้ พื้นที่นี้มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ประมาณ 200 เมตร จึงเรยี กบรเิ วณน้ีวา่ ที่ราบตอนกลางของประเทศ (The Central Plain) โดย รวมแล้วมีลักษณะเป็นท่ีราบท่ีเกือบจะต่อเน่ืองกันประมาณ 1 ใน 4 ของประเทศแบ่งออกเป็น 4 เขต ดงั น้ี 3.1 ที่ราบนัลลาบอร์ คำว่า นัลลาบอร์ เป็นภาษาพ้ืนเมือง แปลว่า ไม่มีต้นไม้อยู่เลย และไม่ปรากฏว่ามีแม่น้ำสายใดไหลผ่าน ท่ีราบบริเวณน้ีมีแต่ความแห้งแล้งกันดาร หรืออาจเรียก ทร่ี าบผนื นว้ี ่า ที่ราบอา่ วเกรตออสเตรเลียนไบต์ เพราะอยู่ตดิ กบั อา่ วเกรตออสเตรเลียนไบต์ ทร่ี าบนลั ลาบอรเ์ ปน็ ท่รี าบที่มีแตค่ วามแหง้ แล้งกนั ดาร ที่มาของรปู : yourglobaltravelguide.com 3.2 ท่ีราบลุ่มแม่น้ำดาร์ลิง-เมอร์รีย์ เป็นที่ราบที่มีพื้นที่ใหญ่ท่ีสุด ประมาณ 1 ล้าน ตารางกิโลเมตร มีแม่นำ้ เมอรร์ ยี ์และแม่น้ำดาร์ลงิ ไหลผา่ น แม่น้ำสองสายนีน้ บั ไดว้ า่ เปน็ แม่น้ำสายที่

53 หนงั สือเรียนสังคมศึกษา ม.1ยาวและใหญ่ที่สุดและมีความสำคัญมากท่ีสุดในออสเตรเลีย แม่น้ำทั้งสองสายนี้เกิดจากที่สูงทางตะวันออกและไหลออกทะเลอเล็กซานเดรีย ที่ราบลุ่มเขตน้ีโดยเฉพาะทางตะวันตกเฉียงใต้ของนิวเซาท์เวลส์ เปน็ แหลง่ เกษตรกรรมที่สำคญั ท่สี ดุ ของประเทศ แมน่ ำ้ เมอร์รยี ์ เปน็ แม่นำ้ สายท่ยี าวและใหญ่ที่สุดของประเทศออสเตรเลยี ท่ีมาของรูป : travelblog.org 3.3 ท่ีราบรอบทะเลสาบแอร์ เป็นที่ราบที่ค่อนข้างแห้งแล้ง โดยปรากฏทะเลทรายอยู่2 แหง่ ไดแ้ ก่ ทะเลทรายสจ๊วตและทะเลทรายกิบสนั และมที ะเลสาบแอร์ซ่งึ เป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่มีพื้นที่มากที่สุดของประเทศอยูใ่ นบริเวณนด้ี ้วย 3.4 ท่ีราบรอบอ่าวคาร์เพนทาเรีย เป็นท่ีราบต่ำรอบอ่าวคาร์เพนทาเรียซึ่งเกิดจากตะกอนท่ีแม่น้ำพัดพามาทับถมกัน โดยมีแนวเขาเชลวิลวางตัวขวางแยกออกจากที่ราบรอบทะเลสาบแอร์ ที่ราบผืนนี้วางตัวขนานไปกับแนวชายฝั่ง โดยจะมีระดับสูงมากข้ึนเม่ือลึกเข้ามาในแผน่ ดิน บรเิ วณทร่ี าบรอบอ่าวคารเ์ พนทาเรีย ทมี่ าของรูป : ozoutback.com.au

54หนงั สอื เรียนสงั คมศึกษา ม.1 โครงสร้างทางธรณวี ทิ ยาของออสเตรเลยี โครงสร้างทางธรณีวิทยาของออสเตรเลียมีอายุเก่าแก่มากที่สุดและมีวิวัฒนาการมาเป็นระยะ เวลายาวนาน หินพื้นฐานเป็นหนิ ในยคุ พรีเคมเบรียนซง่ึ มีอายุกว่า 3,000 ล้านปี ซ่ึงสามารถจำแนก โครงสรา้ งแบบต่างๆ ของออสเตรเลยี ดงั น้ี 1. เขตหินเก่าทางภาคตะวันตกของออสเตรเลีย จัดว่าเป็นหินที่เก่าแก่ท่ีสุดในโลก ซ่ึง แสดงให้เหน็ ชน้ั ของหนิ ในสมยั ต่างๆ ตามเส้นแนวนอน ประกอบด้วยหินแกรนิต ชสิ ต์ และหนิ ชนวน ลักษณะภูมิประเทศของเขตนี้ประกอบไปด้วยที่ราบสูง เช่น ที่ราบสูงอาร์นเฮม บาร์คลีย์ เทือกเขา แมคดอเนลล์ เป็นต้น ขอบของที่ราบสูงจะค่อยๆ ลาดลงสู่ตอนกลาง ทำให้น้ำฝนที่ตกไหลลง ตอนกลาง สว่ นที่ราบสูงในภาคใตม้ ที ่รี าบลุม่ ขนาดใหญ่ ซึ่งบางสว่ นยาวลาดลงไปทางใต้ จนจมหาย ไปในทะเลกลายเปน็ อา่ วสเปนเซอร์และอา่ วเซนต์วนิ เซนต์ 2. เขตที่ราบลุ่มทางภาคตะวันออกของออสเตรเลีย เป็นเขตที่อยู่ระหว่างเขตเทือกเขา ทางด้านตะวันออกและเขตหินเก่าทางด้านตะวันตก ซ่ึงเป็นส่วนท่ีอยู่ใต้ท้องทะเลมาก่อน ต่อมามี การทับถม ทำให้แอ่งแผน่ ดนิ ท่เี คยอย่ใู ต้ทะเลต้นื เขินขนึ้ ในยุคครีเทเชียส แตห่ ินพ้นื ฐานเปน็ หินที่เกดิ ในมหายุคพรแี คมเบรยี นหรอื พาลโี อโซอกิ 3. เขตกลุ่มเทือกเขาทางด้านตะวันออกของออสเตรเลีย เขตน้ีมีความยาวต้ังแต่แหลม ยอร์กไปจนถึงแทสมาเนีย ประกอบด้วยเทือกเขาหลายทิว ที่สำคัญ คือ เทือกเขาเกรตดิไวดิง ซ่ึง เป็นภูเขาเก่าตั้งแต่มหายุคพรีแคมเบรียนมาถึงยุคเทอร์เชียรี เป็นภูเขาท่ีเกิดจากการโก่งตัวและการ เลื่อนของแผ่นเปลือกโลก กลุ่มเทือกเขาน้ีถูกกัดกร่อนจนเหลือความสูงใกล้เคียงกับท่ีราบสูง ความ สำคัญทางธรณีวิทยาและสภาพอากาศท่ีเหมาะสมของเขตกลุ่มเทือกเขานี้ จึงทำให้บริเวณพื้นที่น้ี เป็นกระดูกสนั หลังทางดา้ นเศรษฐกิจของประเทศออสเตรเลีย ลกั ษณะภมู อิ ากาศ ตามหลักเกณฑ์การแบ่งเขตอากาศของเคิปเปิน สามารถแบ่งเขตอากาศของออสเตรเลียได้ เปน็ 7 เขต คือ 1. ภูมิอากาศแบบป่าดิบชื้น (tropical rain-forest climate) ได้แก่ พื้นที่ทางภาคตะวัน- ออกเฉียงเหนือของออสเตรเลีย (บริเวณรัฐควีนแลนด์) ครอบคลุมไปถึงเกาะนิวกินีและเขต ไมโครเซีย โดยในฤดูร้อนจะมีอากาศร้อนและมีฝนตกชุก เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวัน ออกเฉียงใต้ ส่วนในฤดูหนาวอากาศจะอบอุ่น อุณหภูมิเฉลี่ย 27 องศาเซลเซียส ปริมาณน้ำฝน เฉล่ียสูงกว่า 1,000 มิลลิเมตรต่อปี ลักษณะพืชพรรณธรรมชาติเป็นป่าไม้เขตร้อน มีทั้งไม้เนื้ออ่อน

55 หนงั สอื เรยี นสงั คมศกึ ษา ม.1และไม้เน้ือแข็ง โดยเฉพาะในบริเวณเกาะนิวกินีมีป่าท่ีมีต้นไม้ขึ้นอย่างหนาแน่น ส่วนบริเวณหม่เู กาะอืน่ ๆ มตี ้นไมไ้ มส่ งู มากนกั ป่าดิบชื้นในรัฐควนี แลนด์ ทมี่ าของรูป : golfclubatlas.com 2. ภมู อิ ากาศแบบทงุ่ หญา้ สะวนั นา (savannaclimate) ได้แก่ พ้ืนที่ทางตอนเหนือของเส้น ทรอปิกออฟแคปริคอร์น บริเวณตะวันออกค่อนไปทางเหนือ ตะวันตก แล้วลงมาทางใต้ มีลักษณะโอบเป็นวงในประเทศออสเตรเลีย และบริเวณชายฝั่งท้ัง 2ด้านของประเทศนิวซีแลนด์ ประเทศฟีจี ลักษณะอากาศในฤดูร้อน อากาศค่อนข้างร้อน มีอุณหภูมิสูง ลกั ษณะทงุ่ หญ้าสะวนั นาในรัฐนวิ เซาวเ์ วลล์ตลอดปีและมีฝนตกปานกลาง ประมาณ 750-1,500 ท่ีมาของรปู : golfclubatlas.comมิลลิเมตร ทั้งน้ีข้ึนอยู่กับอิทธิพลของลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนฤดูหนาวอากาศอบอุ่นจนถึงร้อน ลักษณะพืชพรรณธรรมชาติจะเป็นทุ่งหญ้าแผ่กระจายเป็นบริเวณกว้างมีต้นไม้ขึ้นกระจายห่างๆ ต้นหญ้าจะสูงใหญ่มีสีเขียวในฤดูฝน ส่วนฤดูร้อนจะแห้งเป็นฟางสเี หลอื ง 3. ภูมิอากาศแบบทะเลทราย (desert climate) ได้แก่ พื้นที่ตอนกลางของทวีปออสเตรเลียและทางภาคตะวันตก ครอบคลุมพื้นท่ีประมาณ 1 ใน 3 ของประเทศ เป็นเขตท่ีมีอุณหภูมิสูงและได้รับฝนน้อยมาก ส่วนใหญ่น้อยกว่า 250 มิลลิเมตรต่อปี โดยฝนจะตกมากในฤดูร้อน พื้นที่ท่ีมีภูมิอากาศแบบทะเลทรายมีอยู่หลายแห่งต่อเนื่องกัน ได้แก่ ทะเลทรายเกรตแซนดีทะเลทรายเกรตวิกตอเรีย ทะเลทรายกิบสัน ทะเลทรายซิมป์สัน ทะเลทรายนานามิ และทะเลทรายสจ๊วต โดยเฉพาะทะเลทรายเกรตแซนดีและทะเลทรายเกรตวิกตอเรียจะมีเนื้อที่ 388,500 ตารางกิโลเมตรเท่ากัน นับเป็นทะเลทรายท่ีมีขนาดใหญ่มากของออสเตรเลีย ลักษณะพืชพรรณธรรมชาติจะมีทุ่งหญ้าขึ้นกระจายเป็นหย่อมเล็กๆ นอกจากน้ีก็มีกระบองเพชร ตน้ วาราตาห์ และป่าไมห้ นาม ทะเลทรายกิบสนั และแท่งหนิ แอสเ์ ยอร์ขนาดใหญ่ ท่ีทนตอ่ การสึกกรอ่ นของภมู ิอากาศแบบทะเลทราย ท่มี าของรปู : answersingenesis.org

56หนงั สอื เรยี นสงั คมศกึ ษา ม.1 4. ภมู อิ ากาศแบบทุง่ หญา้ กง่ึ ทะเลทราย (steppe climate) ได้แก่ พื้นท่โี ดยรอบเขตทะเลทรายในออสเตรเลีย ไดแ้ ก่ ดนิ แดนทีเ่ ชอื่ มตอ่ ระหวา่ งทะเลทรายกบั เขตอากาศรอ้ นชื้นทางภาคเหนอืภาคตะวันออก และภาคใต้ อากาศค่อนข้างอบอุ่นถึงรอ้ น ส่วนในฤดหู นาว อากาศหนาว เป็นพื้นที่ อีกเขตหนึ่งท่ีได้รับปริมาณน้ำฝนน้อย ประมาณ 300-750 มิลลิเมตรต่อปี ลักษณะพืชพรรณ ธรรมชาติเป็นป่าแคระ มีพุ่มไม้ข้ึนหนากระจายอยู่ ท่ัวไป และมีทุ่งหญ้าขึ้นอยู่เป็นหย่อมๆ ในช่วงที่มี ฝนตกจะมีพืชพรรณพวกไม้ดอกเจริญเติบโตได้ บ้างแตเ่ ปน็ ชว่ งระยะเวลาสัน้ ๆ ท่งุ หญา้ สเตปป์หรอื เรียกว่าดาวน์ (down) ที่มาของรปู : audleytravel.com 5. ภูมิอากาศแบบเมดเิ ตอร์เรเนียน (Mediterranean climate) ได้แก่ อากาศบริเวณทางใต้รอบเมืองแอดิเลดและตะวันตกเฉียงใต้รอบเมืองเพิร์ท เป็นเขตภูมิอากาศอบอุ่นท่ีมีฝนตกปานกลางในฤดูหนาว โดยได้รับอิทธิพลของลมประจำตะวันตกเฉียงใต้ ส่วนในฤดูร้อนจะแห้งแล้งเพราะไม่มีลมที่พัดผ่าน ลักษณะพืชพรรณธรรมชาติเป็นป่าไม้เขตอบอุ่น ซึ่งลำต้นไม่สูงใหญ่มากนักใบเล็กแข็งเป็นมัน มีสีเขียวตลอดปี เช่น ต้นคอร์ก โอ๊ก มะกอก องุ่น พืชพรรณไม้ผลสกุลส้มสลับกับทุ่งหญา้ 6. ภูมิอากาศช้ืนกึ่งเขตร้อน (humid subtropical climate) ได้แก่ บริเวณทางตะวันออกของออสเตรเลีย เป็นเขตอากาศอบอุ่นท่ีมีฝนตกตลอดท้ังในฤดูร้อนและฤดูหนาว เฉลี่ยประมาณ1,000 มิลลิเมตร ในฤดูร้อนอากาศไม่ร้อนจัดและฤดูหนาวอากาศอบอุ่น ลักษณะพืชพรรณธรรมชาติเป็นป่าไม้ผลัดใบต่อปี ต้นไม้สูงใหญ่ ใบกว้าง มีหลายชนิดขึ้นปะปนอย่างหนาแน่น ซึ่งต้นไมเ้ หลา่ นี้จะมสี เี ขยี วในฤดูร้อนและสลัดใบในฤดหู นาว เชน่ ต้นยคู าลิปตสั ตน้ อะเคเซีย เปน็ ตน้ ปา่ ยคู าลิปตสั ท่ีมาของรูป : bluegumpictures.com.au

57 หนังสือเรยี นสงั คมศกึ ษา ม.1 7. ภูมอิ ากาศภาคพน้ื สมทุ รชายฝ่ังทะเลตะวันตก (marine west-coast climate) ได้แก่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐนิวเซาท์เวลส์และชายฝ่ังของรัฐวิกตอเรีย ลักษณะอากาศในเขตน้ีอบอุ่นและคล้ายคลึงกับภูมิอากาศในยุโรปตะวันตก จึงเป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งท่ีทำให้ชาวอังกฤษเลือกท่ีตั้งอาณานิคมแห่งแรกที่บริเวณชายฝ่ังของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ลักษณะพชื พรรณธรรมชาตเิ ปน็ ปา่ ไมผ้ ลัดใบและไม้สนเปน็ สว่ นใหญ่ ทรัพยากรธรรมชาติ ออสเตรเลียมที รัพยากรธรรมชาตหิ ลากหลายชนดิ ทรพั ยากรธรรมชาตทิ ีส่ ำคญั ๆ ไดแ้ ก่ 1. ทรัพยากรป่าไม้ ป่าไม้ของออสเตรเลียส่วนใหญ่จะกระจายอยู่ตามเขตภูเขาทางภาคตะวนั ออกและทางเหนอื พบบ้างทางตะวันตกเฉียงใตข้ องรฐั ออสเตรเลยี ตะวันตก พืชพรรณทีส่ ำคญัได้แก่ ยูคาลิปตัสและอะคาเซีย เขตป่าไม้ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจจะกระจายอยู่เป็นหย่อมๆในรฐั ควีนสแ์ ลนด์ นวิ เซาทเ์ วลส์ วกิ ตอเรยี แทสเมเนีย และออสเตรเลียตะวันตกเฉยี งใต้ 2. ทรัพยากรดิน ดินหลายแห่งในออสเตรเลียเป็นดินที่ยังใหม่ท่ียังไม่เคยใช้มาก่อน แต่คุณภาพไม่ดี เนื่องจากวัตถุต้นกำเนิดดินปราศจากแร่ธาตุท่ีอุดมสมบูรณ์ ปริมาณน้ำฝนท่ีมีน้อยในหลายบริเวณ ทำให้หลายพ้ืนที่กลายเป็นทะเลทรายและหลายแห่งฝนตกหนักจนเกิดการชะล้างซึมลงใต้ผวิ ดิน 3. ทรัพยากรแร่ ปัจจุบันออสเตรเลียกลายเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งแร่ธาตุออกที่สำคัญของโลกประเทศหนึ่ง นอกจากนอี้ อสเตรเลยี ยังเป็นแหลง่ สำรองทรัพยากรแรท่ ีส่ ำคญั หลายชนดิ เช่น - แร่เหล็ก มากกว่าคร่ึงจะพบในบริเวณเทือกเขามิดเดิลแบ็ค (Middleback) ในรัฐออสเตรเลยี ใต้ - ถา่ นหิน ประมาณคร่งึ หน่ึงจะพบอยู่ในรฐั นิวเซาทเ์ วลส์ - แร่ทองแดง มีการทำเหมืองแร่ทองแดงในออสเตรเลียกันมานานแล้ว แหล่งผลิตแร่ทองแดงทสี่ ำคัญอย่ใู นรฐั ควีนส์แลนด์ แทสเมเนยี และนวิ เซาทเ์ วลส์ ตามลำดบั 4. ทรพั ยากรพลังงาน พบท้งั น้ำมนั ปิโตรเลยี มและกา๊ ซธรรมชาติ - น้ำมัน ที่พบในออสเตรเลียน้ันยังมีปริมาณไม่เพียงพอต่อการใช้ในประเทศและยังจำเป็นต้องมีการนำเข้า แหล่งสำคัญท่ีพบน้ำมันอยู่ในบริเวณช่องแคบแบสล์ (Bass) นอกชายฝ่ังทางตะวันออกเฉียงใตข้ องรฐั วิคตอเรีย - ก๊าซธรรมชาติ ปัจจุบันออสเตรเลียได้พบแหล่งก๊าซธรรมชาติหลายแห่ง โดยเฉพาะชายฝ่ังทางด้านตะวันตกของทวีปในรัฐออสเตรเลียตะวันตก หรือแม้แต่ในบริเวณหมู่เกาะปะการังของออสเตรเลยี ในน่านน้ำของมหาสมุทรอินเดยี กพ็ บแหล่งก๊าซธรรมชาตใิ นปริมาณมากเชน่ กนั

58หนงั สอื เรียนสังคมศกึ ษา ม.1 - พลงั งานนำ้ แหล่งผลติ พลงั งานน้ำที่สำคัญ คือ บริเวณลมุ่ แมน่ ำ้ เมอรเ์ รย์ - ดาร์ลงิ และ แม่นำ้ สโนวี 5. ทรัพยากรสัตว์ป่า สัตว์พ้ืนเมืองท่ีสำคัญ ของออสเตรเลีย ได้แก่ จิงโจ้ สุนัขดิงโก โคอาลา นกอีมู เป็นตน้ โคอาลา เป็นสัตวป์ า่ ทีพ่ บในเขตทะเลทรายและทุง่ หญ้าสะ วนั นาของประเทศออสเตรเลีย ทม่ี าของรูป : friendsofthekoala.org ลักษณะทางกายภาพของประเทศนิวซีแลนด์ ท่ตี งั้ และขนาด นิวซีแลนด์เป็นประเทศหมู่เกาะ อยู่ทางตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก ทางตะวันออกเฉียงใต้ ของประเทศออสเตรเลยี มีเน้ือที่ประมาณ 268,670 ตารางกโิ ลเมตร ประกอบไปด้วยหมเู่ กาะตา่ งๆ ดงั น้ี 1. เกาะเหนือและเกาะใต้ (North and South Islands) ระหวา่ งเกาะทงั้ สองมีช่องแคบคุก (Cook Strait) คั่นอยู่ 2. เกาะสจว๊ ตหรอื ราคิวรา (Stewart or Rakiura Island) อยู่ทางทศิ ตะวันตกเฉียงใตข้ อง เกาะใต้ มีชอ่ งแคบโฟโวขวางกั้นอยู่ 3. เกาะชาแทม (Chatham Island) อยู่ทางตะวันออกของเกาะใต้ 4. หมู่เกาะ 3 กลุ่มในมหาสมุทรแปซิฟิก คือหมู่เกาะคุก หมู่เกาะโตเกเลา หมู่เกาะนิอู และดินแดนในทวีปแอนตาร์กติก ลักษณะภูมปิ ระเทศ ลกั ษณะภูมปิ ระเทศของนิวซีแลนดแ์ บง่ ไดเ้ ปน็ 2 เขต คือ 1. เกาะเหนือ ประกอบด้วยภูเขาสูงเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นยอดภูเขาไฟที่ดับสนิทและยังทรง พลังอย่หู ลายลูก โดยเฉพาะภูเขาไฟอาเปฮซู ง่ึ ยังทรงพลังอยู่ (ปะทุคร้ังลา่ สดุ เมอื่ เดอื นมถิ ุนายน พ.ศ. 2539) นบั เป็นภูเขาท่ีสงู ทีส่ ดุ ในเกาะเหนอื สูงประมาณ 2,800 เมตร ภูเขาไฟเอกมองต์ เปน็ ภูเขาไฟ รูปกรวยที่มีสัดส่วนงดงาม บริเวณปากปล่องภูเขาไฟบางแห่งมีน้ำขังกลายเป็นทะเลสาบท่ีสวยงาม

59 หนงั สือเรียนสงั คมศึกษา ม.1เช่น ทะเลสาบเทาโป ทะเลสาบไวราปา ทะเลสาบโรโตรัว และยังมีน้ำพุร้อนที่สามารถใช้เป็นพลังงานความร้อนได้ ส่วนท่ีราบมีเป็นบริเวณแคบๆ เช่น ท่ีราบลุ่มแม่น้ำวังกานุย ท่ีราบลุ่มแม่น้ำ ไวตาโกเทมส์ ท่รี าบนารานากิ เป็นต้น 2. เกาะใต้ ลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาทอดตัวยาวตามแนวการวางตัวของเกาะจากตะวนั ออกเฉียงเหนอื ไปยังตะวันตกเฉยี งใต้ มีช่ือเรยี กว่า เซาท์เทิร์นแอลป์ ทอดเป็นแนวยาวคลา้ ยกระดกู สันหลังของเกาะ มียอดเขาคุกเป็นยอดเขาทส่ี ูงทีส่ ดุ สูง 3,764 เมตร ยอดเขาโดยท่ัวไปจะมีธารน้ำแข็งและหิมะปกคลุมอยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดทะเลสาบบนภูเขา นอกจากนี้ยังม ีดินแดนท่ีอุดมสมบูรณ์ คือ ท่ีราบแคนเทอร์เบอรี ทางใต้ของเกาะมีเกาะสจ๊วตอยู่ห่างจากฝั่งประมาณ 12 กิโลเมตร โครงสร้างทางธรณีวทิ ยาของนิวซแี ลนด์ โครงสร้างทางธรณีวิทยาของนิวซีแลนด์ คือ ส่วนที่เปลือกโลกโก่งตัวสูงขึ้นจนมีลักษณะสูงชันโผล่พน้ พืน้ น้ำ ลกั ษณะสว่ นใหญเ่ ปน็ ภูเขา มีทั้งประเภทโก่งตัว หักตวั และภเู ขาไฟ บริเวณเกาะเหนือมีการกัดเซาะพังทลายซึ่งเกิดจากการกระทำของฝนมากกว่าอย่างอื่น ฝนซ่ึงตกหนักในเกาะเหนือได้กัดเซาะหินในยุคเทอร์เชียท่ีมีความแข็งแกร่งน้อยไปทับถมในบริเวณต่างๆทำให้เกิดที่ราบในหลายบริเวณ เช่น แม่น้ำไวกาโตได้กัดเซาะดินและหิน ในบริเวณที่สูงตอนกลางของเกาะไปทับถมในบริเวณลุ่มแม่นำ้ ไวกาโต สว่ นทีร่ าบบรเิ วณอ่าวเพลนตี ก็เกดิ จากการทับถมของแมน่ ้ำหลายสายท่ีมตี น้ กำเนิดในบรเิ วณทสี่ งู ตอนกลางของเกาะเหนอื ด้วย ส่วนในเกาะใต้ธารน้ำแข็งได้กัดเซาะบริเวณท่ีสูง ทำให้เกิดภูมิประเทศซ่ึงเกิดจากการกระทำของธารน้ำแขง็ หลายลักษณะ เช่น เปน็ หุบเขาลกึ ยาว หุบเขาบางแห่งมีนำ้ แชข่ งั กลายเป็นทะเลสาบซึ่งมีท้ังน้ำจืดและน้ำเค็ม นอกจากธารน้ำแข็งยังมีลมเป็นตัวการในการกัดเซาะซึ่งได้กัดเซาะดินและหินในที่สูงไปทับถมในบริเวณไหล่เขา ลาดเขาและในบริเวณที่ต่ำ ทำให้เกิดที่ราบตามบริเวณไหล่เขาเป็นแนวติดต่ออยใู่ กล้กบั ชายฝง่ั ทะเล ลักษณะภูมิอากาศ นิวซีแลนดเ์ ปน็ เกาะทีอ่ ยใู่ นเขตละตจิ ดู ปานกลาง จงึ ทำใหล้ ักษณะอากาศท่ัวไปอบอนุ่ อากาศไม่ค่อยรุนแรงมากนกั ตามการแบง่ ระบบภมู อิ ากาศของเคิปเปนิ จัดไดว้ า่ ประเทศนวิ ซีแลนดม์ ีสภาพอากาศแบบภาคพนื้ สมทุ รชายฝั่งตะวันตก นิวซีแลนด์เป็นประเทศท่ีเต็มไปด้วยท่ีสูงและภูเขา ดังน้ันสภาพภูมิประเทศจึงเป็นปัจจัยหนึ่งท่ีมีอิทธิพลต่อลักษณะภูมิอากาศ เน่ืองจากภูเขาในแนวเหนือ-ใต้จะขวางกั้นทิศทางลมตะวันตก โดย

60หนงั สอื เรียนสงั คมศึกษา ม.1 เฉพาะเทือกเขาแอลป์ทางใต้ เน่ืองจากลมตะวันตกที่พัดผ่านทะเลมาจะนำเอาความชุ่มชื้นมาด้วย ทำใหด้ า้ นหน้าเขารบั ลมมฝี นตกตลอดปี ส่วนดา้ นหลงั เขาเป็นเขตเงาฝน ทรพั ยากรธรรมชาติ ทรพั ยากรธรรมชาติทสี่ ำคัญของนิวซีแลนด์ ได้แก่ 1. ทรพั ยากรดิน ประเทศนวิ ซีแลนด์มีดนิ ท่อี ดุ มสมบรู ณ์เหมาะแกก่ ารเพาะปลกู ซ่งึ เป็นดินที่ เกิดจากการทับถมของดนิ ตะกอนภเู ขาไฟ พ้ืนท่บี รเิ วณท่รี าบทั้งบนเกาะเหนือและเกาะใต้ เหมาะแก่ การเพาะปลกู และการเลยี้ งสัตว์ 2. ทรัพยากรน้ำ ภูมิประเทศส่วนใหญ่ของนิวซีแลนด์เป็นที่สูง กระแสน้ำในแม่น้ำต่างๆ จึง ไหลแรง เหมาะแก่การนำไปใช้ประโยชน์ในด้านพลังงาน นอกจากน้ีประเทศนิวซีแลนด์ยังมีภูเขาไฟ ท่ียังทรงพลัง มีน้ำพุร้อนท้ังชนิดท่ีเป็นน้ำพุธรรมดาและน้ำพุพุ่งขึ้นสูง หรือ กีเซอร์ (geyser) สามารถตอ่ ทอ่ ไอน้ำจากนำ้ พุร้อนไปใชใ้ นการผลติ กระแสไฟฟา้ ได้อีกดว้ ย 3. ทรัพยากรป่าไม้ ประเทศนิวซีแลนด์มีป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ ไม้ที่พบมีท้ังไม้เนื้ออ่อนและ ไมเ้ นอ้ื แข็ง 4. ทรัพยากรแรธ่ าตุ แร่ธาตทุ ี่สำคญั เช่น ถา่ นหนิ ทองคำ เปน็ ตน้ 5. ทรัพยากรสัตว์ ประเทศนิวซีแลนด์ไม่มีสัตว์ดุร้ายเน่ืองจากลักษณะของเกาะที่แยกตัว ก่อนเกิดสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่พบ ได้แก่ ค้างคาว นอกจากนี้ยังพบนก มากมายหลายชนิด บางชนิดบินไม่ได้ ท่ีน่าสนใจ เช่น นกกีวี (kiwi) ซ่ึงเป็นสัตว์ประจำชาติของ นวิ ซแี ลนด์ ลักษณะทางกายภาพของประเทศหม่เู กาะ ในมหาสมทุ รแปซฟิ กิ หมู่เกาะต่างๆในมหาสมุทรแปซิฟิก (The Pacific Islands) เกิดข้ึนเน่ืองจากการหดตัวของ เปลือกโลก เม่ือโลกเย็นตัวลงทำให้เปลือกโลกมีการเคลื่อนย้ายเปล่ียนแปลงและเกิดจากการชนกัน ของแผ่นเปลือกโลกแผ่นต่างๆ ทตี่ ง้ั และขนาด หมู่เกาะต่างๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิกกระจายตัวกันอยู่ระหว่างละติจูดท่ี 0 องศาใต้จนถึง 25 องศาใต้ แบง่ ออกเปน็ 3 สว่ นตามลกั ษณะชาตพิ ันธ์แุ ละวฒั นธรรม ได้แก่

61 หนงั สือเรยี นสังคมศกึ ษา ม.1 1. หมเู่ กาะเมลานเี ซีย (Melanesia) อยใู่ กล้ออสเตรเลยี ประกอบดว้ ยเกาะนิวกนิ ีและเกาะทางตะวันออกไปจนถงึ หมู่เกาะฟจิ ิ 2. หมู่เกาะไมโครนีเซีย (Micronesia) ประกอบด้วยเกาะเล็กๆ กระจายอยู่ตอนกลางและทางตะวนั ตกของมหาสมุทรเหนือเส้นศนู ยส์ ูตร 3. หมเู่ กาะโปลินีเซยี (Polynesia) อย่ทู างตะวนั ออกสดุ ของภมู ิภาคไปจนถึงหมู่เกาะฮาวายและเกาะอสี เตอร์ ทงั้ นีห้ มเู่ กาะตา่ งๆ ในมหาสมุทรแปซฟิ ิกแบ่งออกเปน็ 2 ประเภท คอื 1) เกาะทวปี (Continental Islands) เคยเป็นส่วนหน่งึ ของทวปี มากอ่ น กระแสน้ำริมฝั่งกัดเซาะทำให้เกาะทวีปถูกตัดขาดจากแผ่นดิน หรือเกิดการพังทลายของพ้ืนดินตรงที่ต่อกับทวีปใหญ่กลายเป็นเกาะอยูร่ มิ ฝ่งั ทวีป เช่น เกาะนวิ กนิ ี นวิ คาลโิ ดเนีย หมู่เกาะฟจี ี เปน็ ตน้ 2) เกาะมหาสมุทร (Oceanic Islands) แบง่ ย่อยได้ 2 ประเภท คอื (1) เกาะภูเขาไฟหรือเกาะสูง เกิดจากการสะสมพอกพูนของลาวาจากรอยแตกของพ้ืนมหาสมทุ รเป็นหินบะซอลต์ เกาะท่สี งู ข้ึนเหนือผิวนำ้ อาจปรากฏเปน็ ยอดเดย่ี วๆ เปน็ กลมุ่ หรอื เป็นแนวเทอื กเขา (2) เกาะปะการังหรือเกาะต่ำ เกิดจากการทับถมของปะการัง มีอยู่ในเขตร้อน ซึ่งมีนำ้ อ่นุ และใส (3) อะทอล (atolls) เป็นเกาะรูปวงแหวน มีทางเข้าออก 2-3 ทาง ตรงกลางเป็นเขตนำ้ ตืน้ ลึกไม่เกิน 300 ฟตุ เรยี กว่า ลากนู พืชบนเกาะมีแตม่ ะพร้าว ไม่มีคนอาศยั อยู่ ลกั ษณะภมู ิประเทศ ลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยภูเขาสูง สลับกับพ้ืนที่ต่ำที่ปกคลุมไปด้วยป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ ซึ่งหมู่เกาะต่างๆ เหล่านี้เกิดมาจากการก่อตัวของแนวหินปะการังและการปะทุของหนิ ภเู ขาไฟ ลกั ษณะภมู อิ ากาศ หมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกจะมีลักษณะภูมิอากาศแบบร้อนช้ืนชายฝั่งทะเล โดยมีอุณหภูมิสูงเกือบตลอดปี สภาพอากาศในแต่ละเดือนจะมีการเปล่ียนแปลงเล็กน้อย มีปริมาณฝนตกชุกสม่ำเสมอทุกปี

62หนงั สอื เรยี นสงั คมศึกษา ม.1 ทรัพยากรธรรมชาติ ทรัพยากรธรรมชาตทิ ่ีสำคัญ ได้แก่ 1. ทรัพยากรแร่ ทรัพยากรที่แร่ที่สำคัญ ได้แก่ แร่ฟอสเฟต โดยเฉพาะประเทศนาอูรูท่ีมี ปรมิ าณแร่ฟอสเฟตจำนวนมากแหง่ หนึ่งของโลก โดยมีปรมิ าณแร่ฟอสเฟตประมาณร้อยละ 80 ของ พน้ื ทเ่ี กาะ 2. ทรพั ยากรสตั ว์น้ำ หมู่เกาะในมหาสมุทรแปซฟิ ิกมีทรัพยากรสตั วน์ ำ้ ในนา่ นนำ้ รอบบรเิ วณ เกาะที่อุดมสมบรู ณ์ 3. ทรัพยากรป่าไม้ พืชส่วนใหญ่เป็นพวกตระกูลอินโดมาลายัน การแบ่งชนิดของพืชขึ้นอยู่ กับลักษณะของเกาะ กิจกรรมตรวจสอบความเขา้ ใจ 3 1. แบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็น 3 กลุ่ม โดยแยกศึกษาข้อมูลลักษณะทางกายภาพของ ประเทศออสเตรเลยี นิวซแี ลนด์ และหมเู่ กาะในมหาสมุทรแปซิฟกิ กลมุ่ ละ 1 ประเทศ แลว้ จดั ทำรายงานพรอ้ มแผนทแี่ ละภาพประกอบรายงาน 2. ให้นักเรียนจัดทำสมุดข่าวเก่ียวกับลักษณะภูมิประเทศที่สำคัญของทวีปออสเตรเลีย และหมเู่ กาะในมหาสมทุ รแปซิฟกิ โดยสรุปรายละเอียดท่สี ำคญั ภัยธรรมชาตทิ ่ีเกิดข้นึ ในประเทศไทย ทวปี เอเชีย ออสเตรเลียและโอเชียเนยี ภัยธรรมชาติที่เกิดข้ึนในประเทศไทย ทวีปทวีปเอเชีย และทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนีย ที่ สร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สิน มากบ้างน้อยบ้าง และบางคร้ังก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิต มนษุ ย์ ทีส่ ำคัญไดแ้ ก่ 1. น้ำท่วม เป็นภัยธรรมชาติท่ีเป็นผลมาจากฝนตกหนักหรือการเอ่อล้นของแม่น้ำสายใหญ่ๆ ประกอบกับการหนุนของน้ำทะเล ทำให้การระบายน้ำไม่สามารถทำได้ทันท่วงที ทำให้เกิดน้ำท่วม

63 หนงั สอื เรยี นสงั คมศกึ ษา ม.1ซ่ึงได้ทำลายพ้ืนที่เพาะปลูก บางคร้ังเกิดน้ำท่วมฉับพลันเน่ืองจากฝนตกหนัก ก่อให้เกิดความ เสียหายเป็นบริเวณกว้าง ทำลายชวี ติ ของผูค้ นและทรัพย์สินจำนวนมหาศาล ในบริเวณพ้ืนท่ีราบลุ่มริมแม่น้ำ โดยเฉพาะประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มักจะประสบปัญหาน้ำท่วมเป็นประจำทุกปี นอกจากสาเหตุจากธรรมชาติแล้วยังมีสาเหตุมาจากคูคลองในตัวเมืองซึ่งเคยเป็นท่ีระบายน้ำตามธรรมชาติได้ถูกถมทำถนนหรืออุดตันต้ืนเขิน เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของมนุษย์ ทำให้ไม่สามารถระบายน้ำได้ รวมท้ังต้นน้ำลำธารซึ่งเคยเป็นป่าไม้ท่ีเคยทำหน้าท่ีตามธรรมชาติในการชะลอการไหลของน้ำได้ถูกทำลายไป ทำให้เกิดน้ำท่วมได้ ซ่ึงเราเรียกภัยธรรมชาติท่ีเกิดจากการท่วมของน้ำที่ทำลายพืชสวนไร่นา ชีวิต และ บ้านเรือนว่า อุทกภัย แนวทางการปฏบิ ตั ิและป้องกันภัยจากนำ้ ท่วม ท่สี ำคญั มีดังนี้ 1) การกันน้ำออกจากพื้นที่ด้วยการสร้างคันกั้นน้ำ การใช้ถุงทราย คอนกรีตหรือวัสดุอื่นๆป้องกันไม่ให้น้ำเข้าท่วมมากกว่าเดิม ซึ่งคันกั้นน้ำจะต้องสร้างสูงขึ้นทุกๆ ปี เพราะมีตะกอนสะสมท่ีก้นแม่นำ้ ระหวา่ งชว่ งนำ้ ท่วมทำให้แมน่ ้ำตน้ื เขิน 2) ทำใหร้ ะดับน้ำลดลงโดยขดุ ร่องนำ้ คขู่ นานลำน้ำเม่อื น้ำข้ึนในระยะนำ้ ท่วม น้ำจะผ่านไปทางนำ้ ล้นไหลเขา้ ไปในรอ่ งน้ำทข่ี นานกนั ลงสู่หนองนำ้ ด้านหลัง ลงสอู่ ่าวหรือทะเลสาบ 3) ลดปริมาณน้ำไหลลงส่แู มน่ ำ้ หลังฝนตกหนกั โดยการสร้างเขอ่ื นกั้นต้นนำ้ และสาขาของแมน่ ำ้ แลว้ เกบ็ นำ้ ทไ่ี หลลน้ มากเกินลงสู่อ่างเก็บน้ำ 4) ปลูกปา่ ทดแทนตน้ ไมท้ ่ีถูกตัดไปใช้ หรือจำกัดปรมิ าณไม้ท่ีตดั 2. ภัยแล้ง เป็นภัยธรรมชาติที่เกิดจากภาวะฝนทิ้งช่วงนาน ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาลหรือตกน้อยมาก ความชืน้ ในอากาศนอ้ ย อณุ หภมู ิของอากาศสงู ภาวะความร้อนจัด ทำใหม้ กี ารระเหยของน้ำผิวดินสูง แหล่งน้ำแห้งขอด ดินแตกระแหง เกิดวิกฤตน้ำขาดแคลน พืชผลเหี่ยวเฉาตาย พื้นท่ีการเกษตรได้รับความเสียหาย สัตว์เล้ียงต่างๆ ขาดน้ำตาย มีผลต่อการอุปโภคของมนุษย์ ซึ่ง ภัยแล้งเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติท่ีเกิดขึ้นหลายพ้ืนที่ โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชยี ใต้ ท่ีมีอณุ หภูมิรอ้ นจดั จนทำให้เกดิ ไฟปา่ ดงั ทเ่ี กิดข้นึ ที่ประเทศอินโดนเี ซยี ทกุ ปี แนวทางการปฏิบัติและป้องกันภัยแล้ง ที่สำคัญ คือ การควบคุมการระเหยของน้ำและการจัดการบรหิ ารนำ้ ที่มีอยใู่ ห้คงสภาพเดมิ นานทส่ี ดุ ดังนี้ 1) รักษาหน้าดินบริเวณต้นน้ำลำธารโดยให้มีพืชพรรณปกคลุมพ้ืนดินอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้มีการชะลา้ งหนา้ ดินเมื่อฝนตก และลดแรงกระแทกของน้ำฝนต่อผิวดิน 2) จัดการบริหารน้ำตามลำธาร คลอง แม่น้ำ เพื่อการเกษตร อุตสาหกรรม และสาธารณูปโภค อยา่ งมีประสิทธภิ าพ ไมใ่ ห้มีการสูญเสยี โดยไมจ่ ำเปน็ 3) ตดิ ตามภาวะฝนเพ่อื จดั ทำเขือ่ นหรอื ทำนบใหเ้ หมาะสม สามารถจัดเก็บน้ำในปรมิ าณท่ีสมดุลกบั ความต้องการ

64หนงั สอื เรยี นสงั คมศกึ ษา ม.1 4) ควบคมุ ปรมิ าณและการระเหยของน้ำโดยเฉพาะในเขตที่มีอากาศแหง้ แล้ง 5) ปลกู พชื หรอื ใช้ทด่ี ินให้เหมาะสมกบั ปรมิ าณนำ้ พชื ที่ใชน้ ้ำนอ้ ย เช่น ขา้ วโพด ถว่ั เหลือง ถวั่ เขียว ถ่วั ลสิ ง ในเขตทน่ี ้ำมากต้องปลูกพชื ขนาดใหญท่ ่มี รี ากแขง็ แรง เพ่อื ป้องกันการพังทลายของ ดิน และใหเ้ ปน็ การรกั ษาต้นพืชน้ันให้คงอยใู่ นช่วงนำ้ หลาก 3. ภัยจากแผ่นดินไหว เป็นภัยธรรมชาติท่ีเกิดจากภาวะของการเคลื่อนไหวภายในเปลือก โลก ซึ่งอาจเกิดจากเปลือกโลกได้รับแรงกดและแรงบีบโก่งตัวสูงข้ึน หรือเกิดจากการเลื่อนหรือการ เหล่ือมของเปลือกโลก บางส่วนอาจแตกหัก บางส่วนถูกยกตัวสูงขึ้น บางส่วนยุบตัวลง ผลการ เคล่ือนที่ของเปลือกโลกทำให้เกิดปรากฏการณ์แผ่นดินไหวขึ้น ซ่ึงภัยจากแผ่นดินไหวท่ีสร้างความ เสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินครั้งใหญ่ให้แก่ทวีปเอเชียเกิดมณฑลเหอหนาน ประเทศจีน เม่ือกลาง พ.ศ. 2551 เปน็ ต้น แนวทางการปฏิบัติและป้องกันภัยจากแผ่นดินไหว ประเทศท่ีตั้งอยู่ในความเส่ียงต่อการ เกดิ แผ่นดนิ ไหว เชน่ ประเทศญีป่ ุ่นมกั มีการเตรียมรับและปอ้ งกนั จากแผน่ ดนิ ไหว ดงั นี้ 1) สิ่งกอ่ สรา้ งประเภทอาคาร โรงพยาบาล โรงงาน หรอื เขอ่ื น จะมีการออกแบบเปน็ กรณี พเิ ศษ เพอื่ สามารถรับการสะเทอื นของแผ่นดนิ ไหวได้ 2) บริเวณท่ีมีความเสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินไหว จะมีติดต้ังเคร่ืองเตือนภัย หรือให้ข้อมูล แกผ่ ูอ้ ย่อู าศัย หรอื มกี ารซอ้ มความพร้อมในการหลบภัยอย่เู สมอ เช่น การจอดรถนิง่ ๆ อยูก่ ับท่ี การ หลบอยู่ใต้โตะ๊ หรือใต้โครงสรา้ งท่ีแขง็ แรง หรอื การออกไปนอกอาคาร เปน็ ต้น 3) บรเิ วณที่มสี ารตดิ ไฟงา่ ย ควรมีมาตรการป้องกนั เชน่ ระบบตัดกา๊ ซท่ีมาตามทอ่ ระบบ ตดั ไฟฟ้าเพอ่ื ให้ไม่เกดิ ภัยซำ้ ซอ้ น เปน็ ต้น การเกิดแผ่นดินไหวครงั้ ใหญ่ในประเทศจนี เมื่อกลางปี พ.ศ. 2551 ที่มาของรปู : abc.net.au

65 หนังสือเรียนสังคมศกึ ษา ม.1 4. ภยั จากพายุ พายเุ ปน็ ปรากฏการณ์ของภมู อิ ากาศบนพื้นผิวโลกในบรเิ วณความกดอากาศจากทุกทิศทกุ ทางเขา้ สศู่ นู ยก์ ลาง เกดิ เป็นพายุหมุนซึ่งเป็นพายุที่รุนแรงชนิดหน่งึ พายุหมนุ มีชอื่ เรียกต่างกัน เช่น พายุดีเปรสชัน จะมีความเร็วลมท่ีศูนย์กลางไม่เกิน 33 นอตหรือ 61 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หากมีความเร็วลมอยู่ที่ศูนย์กลางระหว่าง 33-63 นอต หรือ 62-117 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเรยี กว่า พายุโซนร้อน ซงึ่ ก่อความเสยี หายและอนั ตรายมาก อาจเกดิ อุทกภยั อย่างรุนแรง สญู เสียชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก พายุโซนร้อนท่ีมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นต้ังแต่ 64 นอตหรือ 118กิโลเมตรต่อชัว่ โมงขน้ึ ไป จะมีช่ือเรียกต่างๆ กนั ตามแหลง่ เกิดพายุ เชน่ พายุโซนร้อนทเ่ี กดิ ในบรเิ วณทะเลจีนใต้หรือด้านตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก จะเรียกว่า พายุไต้ฝุ่น หรือพายุโซนร้อนที่เกิดในมหาสมทุ รอนิ เดีย อ่าวเบงกอล และทะเลอาหรับ เรียกวา่ พายุไซโคลน พายุเปน็ ปรากฏการณข์ องภมู ิอากาศบนพนื้ ผวิ โลก ท่ีมาของรูป : stormrideo.com แนวทางการปฏิบัติและป้องกันเหตุร้ายจากพายุ ภัยท่ีเกิดจากพายุที่เกิดทั่วทุกภูมิภาคในเอเชียหรือทั่วโลก จะแตกต่างกันไปตามสาเหตุและความรุนแรง ซ่ึงแนวทางการปฏิบัติและป้องกันอาจแตกต่างกันบ้าง เหมือนกันบ้าง สำหรับการป้องกันภัยของพายุในเขตร้อนของประเทศไทยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมอุตุนิยมวิทยา ควรจะต้องมีเทคโนโลยีและวิธีการติดตามการเปล่ียนแปลงของบรรยากาศ ไม่ว่าจะด้วยการรับสัญญาณดาวเทียมหรือการสื่อสารประเภทอื่นทำให้สามารถติดตามและประกาศเตือนให้ประชาชนที่อยู่ในเส้นทางของพายุได้ป้องกันตนล่วงหน้าหรอื อพยพออกจากบริเวณท่ีพายพุ ดั ผา่ น เปน็ ตน้ 5. สึนามิ เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่มีสาเหตุมาจากการเกิดแผ่นดินไหวใต้มหาสมุทรท ่ี มีระดับรุนแรงสูง เน่ืองจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก เช่น พื้นที่รอบๆ มหาสมุทร ทำให้เกิด แผ่นดินไหว ภูเขาไฟใต้มหาสมุทรระเบิด ดินถล่ม การเล่ือนไหลของช้ันตะกอนปริมาณมากในพื้นที่มหาสมุทร ทำให้เกิดการไหวสะเทือนกลายเป็นคล่ืนยักษ์ที่เคลื่อนตัวเข้าปะทะกับแผ่นดินที่เป็นเกาะ

66หนงั สอื เรียนสงั คมศึกษา ม.1 แก่งชายฝ่ัง ก่อให้เกิดคล่ืนสูงประมาณ 5-10 เมตร มีความเร็วอย่างน้อย 300-400 กิโลเมตรต่อ ช่ัวโมง ก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างมหาศาลท้ังชีวิต ทรัพย์สิน และสภาพแวดล้อมถูกทำลายอย่าง ย่อยยับ ระบบนิเวศ ชายฝั่งเสียความสมดุล ดังที่เกิดในประเทศไทยและประเทศอ่ืนๆ ในเอเชีย เมือ่ พ.ศ. 2547 แนวทางการปฏิบัติและป้องกันเหตุร้ายจากคลื่นสึนามิ เน่ืองจากสึนามินับเป็นภัย ธรรมชาติท่ีมีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลกท่ีไม่สามารถหลีกเล่ียงได้ แต่เพื่อป้องกัน ความเสียหายที่จะเกิดต่อชีวิตของผู้คนและทรัพย์สิน ทำให้ประเทศท่ีมีโอกาสได้รับผลกระทบจาก คลน่ื สึนามิ เช่น ประเทศที่มีพนื้ ท่อี ยู่ในเขตมหาสมุทรแปซิฟกิ ไดจ้ ดั ต้งั โครงการระบบเตือนภยั สนึ ามิ ในการติดตาม ตรวจสอบคล่ืนแผ่นดินไหวพร้อมกับมีสถานีวัดระดับน้ำทะเลในบริเวณเขตแปซิฟิก เพื่อใช้ประเมินศักยภาพการเกิดคลื่นสึนามิและให้ข้อมูลข่าวสารเตือนภัยเรื่องสึนามิ โดยใช้เครื่อง- มือทท่ี ันสมัย ทำงานเชอ่ื มโยงกบั ดาวเทยี มและอินเทอรเ์ นต็ สามารถเฝ้าระวังการส่นั สะเทอื นของผิว โลก และทันทีท่ีสัญญาเตือนว่าจะเกิดแผ่นไหว ศูนย์ก็จะแจ้งให้ประชาชนระวังล่วงหน้าได้ 2-3 ช่ัวโมงก่อนคลื่นจะโถมเขา้ หาฝ่ัง ความร่วมมือในการแก้ปัญหาสง่ิ แวดลอ้ ม และทรัพยากรธรรมชาติ ในปัจจุบันวิกฤตการณ์ทางด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นปัญหาสำคัญที่ ประเทศต่างๆ ได้เผชิญอยู่ ท่ีเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรโลกและการ เปล่ียนแปลงทางด้านเทคโนโลยี วิทยาการ ท่ีทำให้เกดิ การใช้ทรัพยากรธรรมชาติจนทำให้เกิดความ ไม่สมดุลของทรัพยากรและส่ิงแวดล้อม เกิดความเส่ือมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ ปัญหาต่างๆ เหล่าน้ีนำไปสู่การจัดการส่ิงแวดล้อมเพ่ือความย่ังยืน โดยเฉพาะในการทำสนธิสัญญาต่างๆ หรือ การทำความร่วมมือและข้อตกลงระหว่างประเทศ เพ่ือนำเอามาตรการต่างๆ เหล่านี้มาใช้ในการ ป้องกนั และแกไ้ ขวิกฤตการณ์ทางด้านสง่ิ แวดลอ้ มและทรพั ยากรธรรมชาตติ ่อไป ประเทศในทวีปเอเชียและทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนียได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่มในการ แกไ้ ขวกิ ฤตการณ์ทางดา้ นสิ่งแวดล้อมและทรพั ยากรธรรมชาติ ที่สำคญั ไดแ้ ก่ 1. อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ (Convention on International Train Endangered Species of Wild Fauna an Flora 1973 หรือ CITES) อนุสัญญาน้ีมีวัตถุประสงค์อนุรักษ์สัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธ์ุ ให้ความสำคัญ กับการใช้ประโยชน์ของสัตว์ป่าและพันธุ์พืชอย่างเหมาะสมและยั่งยืน ควบคุมการค้าระหว่าง

67 หนงั สอื เรยี นสังคมศกึ ษา ม.1ประเทศ ซ่ึงสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธ์ุหรือถูกคุกคาม ตลอดจนผลิตภัณฑ์ของสัตว์ป่าและพืชป่า มีการสร้างกลไกท่ีมีเครือข่ายทั่วโลกเพื่อควบคุมการค้าระหว่างประเทศ และสร้างระบบการออกใบอนุญาตในการนำเข้า ส่งออก นำผ่าน หรือส่งกลับออกไป เพ่ือป้องกันการสูญพันธ์ุของสัตว์ป่าและพืชป่าท่ีกำลังจะสูญพันธุ์ โดยมีมาตรการควบคุมและออกกฎหมายภายในแต่ละประเทศเพ่ือรองรับหลักการของอนุสัญญา กำหนดกลุ่มของชนิดพืชพันธุ์และสัตว์ตามสถานภาพการอยู่รอด ซ่ึงประเทศที่ฝ่าฝืนข้อบังคับของอนุสัญญาฯ อาจได้รับผลกระทบในรูปแบบการกีดกันทางการค้าจากสมาชกิ ของอนสุ ญั ญาฯ ทัว่ โลก 2. อนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ (Convention on BiologicalDiversity) (CBD) เป็นอนุสัญญาท่ีมีวัตถุประสงค์ ได้แก่ การอนุรกั ษ์ความหลากหลายทางชวี ภาพการใช้ประโยชน์จากองค์ประกอบของความหลากหลายทางชีวภาพอย่างย่ังยืนและการแบ่งปันผลประโยชน์ท่ีได้จากการใช้ทรัพยากรพันธุกรรมอย่างยุติธรรมและเท่าเทียมกัน หมายถึง การใช้ประโยชน์โดยการเข้าถึงทรัพยากรพันธุกรรมและการถ่ายทอดเทคโนโลยีท่ีเก่ียวข้องอย่างเหมาะสมโดยคำนึงถึงสิทธิเหนือทรัพยากรและเทคโนโลยีและการให้การสนับสนุนด้านการเงิน เป็นอนุสัญญาท่เี สนอกลไกในการอนรุ กั ษค์ วามหลากหลายทางชีวภาพในประเทศและระหว่างประเทศ 3. อนุสัญญาว่าด้วยการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำหรืออนุสัญญาแรมซาร์ (Convention onWetlands of International Importance especially as Waterfawl Habitat) ไดถ้ กู กำหนดข้ึนจากการประชุมเพ่ือรับรองอนุสัญญาท่ีเมืองแรมซาร์ ประเทศอิหร่าน เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2514 โดยเร่ิมจากการเห็นความสำคัญของนกน้ำจากนานาประเทศ จึงพิจารณาถึงความสำคัญของพ้ืนทีช่ ุม่ นำ้ ท่เี ปน็ แหล่งทอ่ี ยู่อาศยั ของนกนำ้ มีวัตถุประสงค์เพือ่ การอนุรักษแ์ ละการใชป้ ระโยชนพ์ ื้นที่ชุ่มน้ำอย่างชาญฉลาด ที่กระจายอยู่ตามประเทศต่างๆ ซึ่งประเทศสมาชิกต้องปฏิบัติตามพันธกรณีในอนุสัญญาฯ 4. อนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรม และธรรมชาติของโลก(Convention Concerning the Protection of the World Cultural and Natural Heritage1972) เป็นอนุสญั ญาทีม่ ีวตั ถุประสงคเ์ พ่อื ส่งเสริมความรว่ มมอื ระหวา่ งประเทศตา่ งๆ และประชาชนในการปกป้องมรดกโลกอย่างมีประสิทธิภาพ ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการมรดกโลก (The WorldHeritage Committee) เพื่อดูแลแหล่งวัฒนธรรมและธรรมชาติท่ีมีความสำคัญระดับโลก โดยมี หน้าที่คัดเลือกโบราณสถาน หรือแหล่งโบราณคดี หรือแหล่งธรรมชาติที่ทรงคุณค่าจะได้เป็นมรดกโลก และบริหารจัดการกองทุนมรดกโลก (World Heritage Fund) เพ่ือเป็นแหล่งเงินทุนในการสนบั สนุนการอนรุ ักษ์แหล่งวฒั นธรรมและแหลง่ ธรรมชาตทิ ีไ่ ดร้ ับการขนึ้ ทะเบยี นเป็นมรดกโลกแล้ว 5. แผนปฏิบัตกิ ารสิ่งแวดล้อม 21 (Agenda 21) เปน็ ความร่วมมือและรบั ผดิ ชอบร่วมกนัในระดับโลก (Global Partnership) ที่เป็นการตกลงร่วมกันระหว่างประเทศ ในการแก้ไขปัญหา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook