การประเมินโครงการ กลมุ่ งานนิเทศ ติดตามและประเมินผล สานกั งาน กศน.จังหวดั ชัยนาท สานักงาน กศน. สานักงานปลดั กระทรวงศกึ ษาธิการ
คานา การประเมินโครงการ เป็นกระบวนการเชิงระบบที่ช่วยให้ได้สารสนเทศเก่ียวกับโครงการสาหรับใช้ ตัดสินคุณค่าของโครงการท่ีจะนาไปสู่การตัดสินใจของผู้บริหาร หรือผู้รับผิดชอบโครงการเพื่อการปรับปรุง เปล่ียนแปลงหรือพัฒนาโครงการให้มีประสิทธิภาพ และเป็นประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับโครงการ มากขน้ึ ฉะน้ัน การประเมินโครงการ จึงเป็นกิจกรรมที่มีความสาคัญอย่างยิ่งในการบริหารโครงการ การ ประเมินโครงการเป็นกระบวนการท่ีให้ได้ข้อมูลสารสนเทศป้อนกลับ ซึ่งสามารถนามาใช้ในการปรับปรุงการ ดาเนินงานของโครงการให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งข้ึน ทาให้ทราบข้อบกพร่อง จุดเด่น จุดด้อยของโครงการ และทราบว่าโครงการบรรลุวัตถุประสงค์ เป้าหมายเพียงใด มีความคุ้มค่าต่อการตัดสินใจในการดาเนินการ หรือไม่ และในการดาเนินงานมีปัญหาท่ีต้องปรับปรุง เปล่ียนแปลง หรือแก้ไขเรื่องใดบ้างซ่ึงจะช่วยให้ได้ ข้อมูลที่จาเป็นสาหรับการนาไปใช้ในการตัดสินใจเก่ียวกับดาเนินโครงการได้ท้ังในปัจจุบันและในอนาคต และจากการนิเทศ ติดตามผลการดาเนินงานของสถานศึกษา พบว่า บุคลากรของสถานศึกษาในสังกัด มีการ จดั กระบวนการเรียนรใู้ นรปู แบบโครงการ/กิจกรรม เป็นจานวนมาก ดังน้ันในการพัฒนาความรู้เก่ียวกับการ ประเมินโครงการให้แก่บุคลากร เพ่ือนาความรู้ไปใช้ในการประเมินโครงการ เพื่อเป็นการตรวจสอบการ ปฏิบตั ิงานตามโครงการ และนาผลการประเมินมาใชใ้ นการพฒั นาตอ่ ไป สานักงาน กศน.จงั หวัดชยั นาท จึงไดจ้ ัดโครงการพฒั นาบคุ ลากรด้านการประเมินโครงการนี้ขึ้น เพื่อ เป็นการส่งเสริม และพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ความเข้าใจ มีทักษะในการประเมินโครงการ และสามารถ นาความร้ไู ปใช้ในการพฒั นางานใหม้ ปี ระสิทธภิ าพ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เอกสารฉบับนี้ จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อหน่วยงาน ผู้บริหารสถานศึกษา บุคลากรผปู้ ฏบิ ตั ิงาน และผเู้ ก่ียวขอ้ งไดศ้ กึ ษา และนาไปใชเ้ ป็นแนวทางในการประเมนิ โครงการต่อไป กลมุ่ นิเทศ ตดิ ตามและประเมินผล สานกั งาน กศน.จังหวดั ชัยนาท
สารบัญ หน้า คานา ตอนที่ 1 แนวคิดพื้นฐานเกย่ี วกับการประเมินโครงการ...............................................................................1 แนวคดิ เกี่ยวกับโครงการ...........................................................................................................1 ความหมายและความสาคญั ของการประเมนิ โครงการ..............................................................4 ประเภทของการประเมนิ โครงการ............................................................................................6 รปู แบบการประเมนิ โครงการ....................................................................................................8 ตอนที่ 2 กระบวนการและวิธีการประเมินโครงการ………………………………………….………………………….14 กระบวนการประเมนิ โครงการ................................................................................................14 การประเมินก่อนการดาเนินโครงการ.....................................................................................21 การประเมินระหวา่ งการดาเนินโครงการ................................................................................23 การประเมินหลังการดาเนินโครงการ......................................................................................26 ตอนที่ 3 การออกแบบและวางแผนการประเมินโครงการ………………………………………………………….…29 แนวคดิ พื้นฐานเกีย่ วกับการออกแบบและวางแผนการประเมิน..............................................29 ข้ันตอนการวางแผนการประเมินโครงการ..............................................................................32 การจดั ทาโครงการประเมนิ ....................................................................................................33 ตอนที่ 4 การนาผลการประเมนิ โครงการไปใช้…………………………………………………………………………...38 แนวคิดพ้ืนฐานเกย่ี วกบั การนาผลการประเมนิ โครงการไปใช้.................................................38 ลกั ษณะและแนวปฏบิ ัตใิ นการนาผลการประเมินโครงการไปใช้.............................................41 กรณตี วั อย่างการประเมินโครงการและนาผลการประเมนิ ไปใช้..............................................43 ตอนท่ี 5 การเขียนรายงานการประเมินโครงการ…………………………………………………………………….….48 แนวคิดเกย่ี วกับการเขยี นรายงานประเมินโครงการ................................................................48 วตั ถปุ ระสงค์ของการเขยี นรายงานการประเมนิ โครงการ.......................................................48 ลักษณะของการเขียนรายงาน................................................................................................48 สว่ นประกอบของรายงานการประเมินโครงการ.....................................................................49 สถติ ิทใ่ี ช้สาหรบั การประเมินโครงการ………………………………………………………………………….51 บรรณานุกรม…………………………………………………………………………………………………………………….….55 ภาคผนวก…………………………………………………………………………………………………………………….….…..58 ตัวอย่างการเขยี นรายงานการประเมนิ โครงการ.....................................................................59 คณะผจู้ ดั ทา………………………………………………………………………………………………………………………………..86
ตอ1น9ทv่ีo19 แนวคิดพืน้ ฐานเกย่ี วกับการประเมินโครงการ แนวคดิ เกยี่ วกับโครงการ 1. ความหมายของโครงการ คาว่า “โครงการ” ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 (2546 : 270) ได้ให้ ความหมายว่า เป็นแผนหรือเค้าโครงตามที่กาหนดไว้ เทียนฉาย กีระนันท์ (2537 : 1) ให้ความหมาย โครงการว่า เป็นการกะการณ์หรือเตรียมการเพ่ือกระทาการอย่างใดอย่างหนึ่งหรืออาจจะหมายถึง แนวความคิดในเรื่องหนึ่ง ๆ เพื่อหาทางปฏิบัติหรือดาเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ของเรื่องน้ัน ๆ ท่ีแน่ชัด และมีระบบ สาหรับ สมคิด พรมจุ้ย (2550 : 23) ให้ความหมายของโครงการว่า หมายถึง หน่วยของ แผนงานหรือกลมุ่ ของกจิ กรรมที่มคี วามสัมพนั ธเ์ กย่ี วข้องกัน เพอ่ื การบรรลุจุดมุ่งหมายที่กาหนดไว้ มีลักษณะ เด่นชัด มีระยะเร่ิมต้นและสิ้นสุดที่แน่นอน และมักจะเป็นงานพิเศษท่ีต่างไปจากงานประจา โครงการจะ ประกอบด้วย งานและกิจกรรม ประชุม รอดประเสริฐ (2535 : 5) สรุปว่า โครงการเป็นแผนงานท่ีจัดทาข้ึน อย่างเป็นระบบ โดยประกอบด้วยกิจกรรมย่อยหลายกิจกรรมที่ต้องใช้ทรัพยากรในการดาเนินงานและ คาดหวังที่จะให้ผลตอบแทนอย่างคุ้มค่า จะต้องมีจุดเร่ิมต้นและจุดสิ้นสุดในการดาเนินงาน มีจุดประสงค์ที่ ชัดเจน มีพื้นท่ีในการดาเนินงานเพื่อให้บริการและสนองความต้องการของกลุ่มบุคคลในพื้นท่ีน้ัน และมี บุคคลหรือหนว่ ยงานรบั ผิดชอบในการดาเนนิ งาน กลา่ วโดยสรปุ โครงการคือ การกาหนดแนวทางในการแก้ปัญหาหรือพัฒนางานที่มีวัตถุประสงค์ และเป้าหมายที่เด่นชัด มีกิจกรรมที่ทาให้บรรลุวัตถุประสงค์อย่างเหมาะสม มีการจัดสรรทรัพยากรอย่าง ประหยัดและมีประสิทธิภาพ มีเวลาเร่ิมต้นและสิ้นสุดของงาน โครงการประกอบด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ท่ีมี ความสัมพันธ์กันและมีเปา้ หมายเดยี วกนั 2. องค์ประกอบของโครงการ 2.1.1 ช่ือโครงการ เป็นส่วนท่ีบอกว่าเป็นโครงการประเภทใด เรื่องอะไรและเก่ียวข้องกับ ใคร เช่น โครงการพัฒนาบุคลากรด้านการประเมินโครงการ โครงการเสริมสร้างนิสัยรักการอ่านของ นักศึกษา กศน.อาเภอ... เป็นต้น โดยให้ระบุช่ือโครงการที่ส้ัน กะทัดรัด และส่ือความหมายสาระโดยรวม ของโครงการ 2.1.2 ความสอดคลอ้ งกับยทุ ธศาสตร์และนโยบาย ระบุวา่ โครงการ/กิจกรรมสอดคล้องกับ ยุทธศาสตร์/นโยบายที.่ ............เรือ่ ง.............................................. 21.3 หลักการและเหตุผล เป็นส่วนท่ีอธิบายถึงหลักการและเหตุผลว่า ทาไมจึงต้องจัดทา โครงการ โดยระบุภูมิหลัง/ท่ีมา/ความสาคัญ/หลักการ/สภาพปัญหา และความต้องการที่ต้องทาให้เกิด โครงการพฒั นาบคุ ลากรดา้ นการประเมนิ โครงการ 1 กลมุ่ นิเทศ ติดตามและประเมินผล
โครงการ รายละเอียดของหลักการและเหตุผลต้องชี้ให้เห็นที่มา และความสาคัญของโครงการนั้นอย่าง ชดั เจน 2.1.4 วัตถุประสงค์ เป็นข้อความที่ระบุถึงส่ิงที่องค์กรหรือผู้จัดทาโครงการต้องการหรือ คาดหวังใหเ้ กิดขน้ึ หลงั จากดาเนนิ โครงการเสรจ็ สนิ้ แล้ว การกาหนดวัตถุประสงค์ต้องเฉพาะเจาะจง สามารถ ตอบคาถามได้ว่า ส่ิงท่ีต้องทาให้เกิดข้ึนในโครงการนั้นคืออะไร ต้องการผลงานหรือผลผลิตอะไร โดยระบุ เจตจานงในการดาเนินงานโครงการ ท่ีสามารถวดั และประเมนิ ผลได้ 2.1.5 เป้าหมาย เป็นการกาหนดขอบเขตและลักษณะของการปฏิบัติงานหลังจากท่ีได้ กาหนดวตั ถปุ ระสงคแ์ ลว้ เพ่อื ใช้เป็นเครอื่ งมอื กากับการบริหารโครงการนั้น ๆ ให้ไปสู่วัตถุประสงค์ท่ีต้องการ และเป็นส่วนที่แสดงให้เห็นว่า ถ้าจะทางานให้บรรลุวัตถุประสงค์ของแต่ละข้อน้ันจะต้องทางานอย่างไร ใน ปริมาณเท่าใด และทาเมื่อใด โดยระบุผลผลิต (Output) ในภาพรวมของท้ังโครงการท่ีเป็นรูปธรรมในเชิง ปริมาณและเชิงคุณภาพ 2.1.6 วิธดี าเนนิ การ เป็นส่วนท่ีระบุขนั้ ตอนท่ีแสดงรายละเอียดกลยุทธห์ รือวธิ ีดาเนินงาน วา่ จะทาอะไร อย่างไร กับใครและปฏิบตั ิดว้ ยวิธีใดจึงจะสามารถบรรลวุ ตั ถุประสงค์และเป้าหมายที่กาหนดไว้ โดยระบุ กจิ กรรมหลักทต่ี ้องดาเนินการ/ขนั้ ตอนสาคัญ ๆ ของการดาเนนิ งานและกจิ กรรมต่าง ๆ ทตี่ ้อง ดาเนนิ งานภายใต้โครงการน้นั ๆ เพอ่ื ใหบ้ รรลุเป้าหมายดังกล่าว กิจกรรมหลกั วตั ถุประสงค์ กลมุ่ เป้าหมาย เปา้ หมาย พน้ื ทีด่ าเนนิ การ ระยะเวลา งบประมาณ Output ยอ่ ยๆ 2.1.7 วงเงนิ งบประมาณทั้งโครงการ ระบุประมาณการงบประมาณจากทุกกิจกรรมของ โครงการ ตัวอย่างการคานวณงบประมาณการจดั ประชุม 1) ค่าอาหารว่างและเคร่อื งดื่ม จานวนคน x ราคาค่าอาหารวา่ งและเคร่ืองด่มื x จานวนมือ้ 2) คา่ อาหารกลางวัน จานวนคน x ราคาค่าอาหารกลางวัน x จานวนม้ือ 3) ค่าท่ีพัก จานวนคน x ราคาค่าทพ่ี ัก x จานวนคืน 4) ค่าพาหนะ ………………………………………………………………………………….. 5) ค่าเบยี้ เล้ียง ………………………………………………………………………………….. 6) คา่ วสั ดุประกอบการประชุม ………………………………………………………………………………….. 7) ค่าจดั พิมพ์เอกสาร ………………………………………………………………………………….. 8) คา่ น้ามันเช้ือเพลงิ …………………………………………..……………………………………… และค่าผ่านทาง ฯลฯ 2.1.8 แผนการใชจ้ ่ายงบประมาณ ระบุแผนการใชจ้ า่ ยงบประมาณตามกิจกรรมโดย จาแนกเปน็ รายไตรมาส โครงการพฒั นาบุคลากรดา้ นการประเมนิ โครงการ 2 กลมุ่ นเิ ทศ ติดตามและประเมินผล
กจิ กรรมหลกั ไตรมาส 1 ไตรมาส 2 ไตรมาส 3 ไตรมาส 4 (ต.ค. - ธ.ค. พ.ศ. ....) (ม.ค. - มี.ค. พ.ศ. ....) (เม.ย. - ม.ิ ย. พ.ศ. ....) (ก.ค. - ก.ย. พ.ศ. ....) 2.1.9 ผู้รับผดิ ชอบโครงการ ระบุชอ่ื บุคคล/หน่วยงานท่ีรับผิดชอบการดาเนนิ งานโครงการ 2.1.10 เครอื ข่าย ระบุช่ือหน่วยงานทรี่ ่วมดาเนนิ งานโครงการ 2.1.11 โครงการท่เี กีย่ วข้อง ระบุชื่อโครงการท่เี ก่ยี วข้อง (ถ้ามี) 2.1.12 ผลลพั ธ์ (Outcome) ระบุผลท่ีคาดวา่ จะไดร้ บั จากโครงการหรือผลประโยชน์จาก ผลผลติ (Output) ท่มี ีต่อบุคคล ชุมชน สิง่ แวดล้อม เศรษฐกจิ และสงั คมโดยรวม 2.1.13 ดัชนชี ว้ี ดั ผลสาเรจ็ ของโครงการ 1) ตัวชี้วัดผลผลติ (Output) ระบตุ ัวชี้วัดที่แสดงผลงานเปน็ รูปธรรมในเชงิ ปรมิ าณและหรอื คุณภาพอันเกิดจากงานตามวัตถุประสงค์ของโครงการ 2) ตัวชีว้ ัดผลลัพธ์ (Outcome) ระบตุ วั ชี้วัดทีแ่ สดงถงึ ผลประโยชน์จากผลผลติ ที่มตี ่อบุคคล ชมุ ชน ส่ิงแวดลอ้ ม เศรษฐกจิ และสงั คมโดยรวม 2.1.14 ผลที่คาดว่าจะได้รับ เป็นส่วนท่ีบ่งบอกถึงผลพลอยได้ที่เกิดจากการดาเนิน โครงการท่ีคาดว่าจะได้รับนอกเหนือจากท่ีได้ระบุไว้ในวัตถุประสงค์ของโครงการ ผลที่คาดว่าจะได้รับ คือ ผลกระทบในทางท่ีดที ่คี าดว่าจะเกดิ ขึ้นจากโครงการ ไม่ใชผ่ ลโดยตรงท่ไี ด้ตามวัตถปุ ระสงค์ 2.1.15) การติดตามและประเมินผลโครงการ เป็นส่วนท่ีแสดงให้เห็นถึงวิธีการควบคุม กากับและประเมินโครงการ ซ่ึงจะต้องระบุรายละเอียดเก่ียวกับวิธีการประเมินระหว่างการดาเนินโครงการ การตรวจสอบความก้าวหน้า การกากับ ติดตาม และควบคุมโครงการ ตลอดจนการประเมินผลสรุปเมื่อ สิ้นสุดโครงการ ระบุวิธีการติดตามและประเมินผลโครงการ โครงการพัฒนาบคุ ลากรดา้ นการประเมนิ โครงการ 3 กลุ่มนเิ ทศ ติดตามและประเมินผล
ความหมายและความสาคญั ของการประเมินโครงการ 1. ความหมายของการประเมนิ โครงการ คาว่า “การประเมิน” ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 (ราชบัณฑิตยสถาน. 2546 : 664) ได้บญั ญตั วิ ่า หมายถงึ การประมาณคา่ หรอื ราคาเทา่ ที่ควรจะเปน็ จริง การประเมินผล หมายถึง การพิจารณาและวัดค่าของกิจการใด ๆ ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ เช่น ประเมินผลการสัมมนา ประเมินผล การปฏิบัติงานในรอบปีของบริษัท เป็นต้น โดยที่ อีเบลและไฟรส์ไบย์ (Ebel and Frisbie, 1986 : 13) ให้ นิยามการประเมินวา่ เปน็ การตัดสนิ เกีย่ วกบั คุณภาพหรอื คุณค่าของส่ิงท่ีต้องการประเมิน ส่วนสมหวัง พิธิยา นวุ ฒั น์ (2553 : 20-21) ใหค้ วามหมายวา่ การประเมิน หมายถึง กระบวนการใช้ดุลยพินิจ (judgment) และ หรอื ค่านิยมและข้อจากัดตา่ ง ๆ ในการพจิ ารณาตัดสินคณุ ค่าของส่งิ ใดสงิ่ หนึง่ โดยการเปรียบเทียบผลท่ีวัดได้ กบั เกณฑ์ที่กาหนดไว้ ซึง่ สรปุ เป็นสมการได้ ดงั น้ี การประเมนิ = การวดั + ดลุ ยพินจิ การประเมินจงึ เปน็ กระบวนการทก่ี อ่ ให้เกิดสารสนเทศ (เชงิ คุณคา่ ) เพื่อชว่ ยให้ผู้มีอานาจ ตดั สนิ ใจไดต้ ดั สนิ ใจเลือกทางเลอื กช่องที่มีประสิทธิภาพสงู สุด ดงั แสดงในภาพท่ี 1 การประเมนิ คา่ นิยม ทางเลอื ก ก สารสนเทศ ผมู้ ีอานาจ ทางเลอื ก ข ในการตัดสนิ ใจ ทางเลอื ก ค ค่านยิ ม ภาพท่ี 1 นยิ ามของการประเมนิ เพื่อการตดั สนิ ใจ ทม่ี า : สมหวัง พธิ ิยานุวฒั น์. (2553). วธิ ีวทิ ยาการประเมนิ : ศาสตร์แห่งคณุ ค่า. พิมพ์ครงั้ ที่ 5. กรุงเทพฯ: สานักพิมพ์แห่งจฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย. หน้า 21 สตัฟเฟิลบีม และชิงค์ฟิวด์ (Stufflebeam and Shinkfield, 1990 : 159) ให้ความหมายว่า การประเมินโครงการเป็นกระบวนการของการแสวงหา การพรรณนา การได้มาซ่ึงข้อมูล ตลอดจนการ เตรียมข้อมูลสารสนเทศท่ีเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจและแสวงหาทางเลือกท่ีเหมาะสมในการดาเนิน โครงการ ส่วน ฟิทซ์แพททริค แซนเดอร์ และวอร์เธน (Fitzpatrick, Sanders, and Worthen, 2004 : 5) ให้ความหมายของการประเมินโครงการว่า เป็นวิธีการสืบหาข้อมูลและพิจารณาตัดสินเกี่ยวกับโครงการ โครงการพฒั นาบุคลากรด้านการประเมนิ โครงการ 4 กลุ่มนเิ ทศ ติดตามและประเมนิ ผล
3 ประเด็น คือ (1) การกาหนดมาตรฐานเพ่ือใช้ตัดสินคุณภาพโดยเทียบกับมาตรฐานท่ีกาหนด (2) การ รวบรวมข้อมูลสารสนเทศท่ีเกี่ยวข้องกับโครงการ และ (3) การเปรียบเทียบข้อมูลสารสนเทศท่ีได้กับ มาตรฐานท่ีกาหนดไวเ้ พือ่ ตดั สนิ คณุ คา่ คุณภาพ คุณประโยชน์ ประสิทธิผล หรอื ความสาคัญของโครงการ ซึ่ง จะช่วยให้ได้ข้อเสนอแนะท่ีจะทาให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ท่ีกาหนดไว้ หรือช่วยให้ผู้เก่ียวข้องตัดสินใจได้ว่า ควรปรับปรุง ดาเนนิ การต่อไปหรอื ขยายโครงการ สาหรบั นกั วิชาการไทย ไดใ้ ห้ความหมายของการประเมินโครงการสอดคล้องกับความหมายดังท่ี กล่าวข้างต้น สมหวัง พิธิยานุวัฒน์ (2549 : 117) ได้ให้ความหมายอย่างกระชับว่า การประเมินโครงการ หมายถึง กระบวนการที่ก่อให้เกิดสารนิเทศในการปรับปรุงโครงการ และสารนิเทศในการตัดสินผลสัมฤทธิ์ ของโครงการ สมคิด พรมจุ้ย (2550 : 37) ให้ความหมายที่สะท้อนถึงท้ังวัตถุประสงค์และประเภทของการ ประเมินวา่ การประเมินโครงการ เป็นการตรวจสอบความก้าวหน้าของโครงการหรือแผนงาน ตลอดจนการ พิจารณาผลสัมฤทธ์ิของโครงการหรือแผนงานนั้น ๆ ว่ามีมากน้อยเพียงใด การประเมินผลเป็นกระบวนการ บ่งช้ีถึงคุณค่าของโครงการ กล่าวคือ โครงการท่ีได้ดาเนินการไปแล้ว ได้ผลตามวัตถุประสงค์ของโครงการ หรือไม่ เพยี งใด สามารถทาได้ทัง้ การประเมินกอ่ นเร่ิมโครงการ การประเมินขณะที่โครงการกาลังดาเนินการ อยู่ และการประเมินผลโครงการหลังจากการดาเนินงานไดส้ น้ิ สุดแล้ว กล่าวโดยสรุป การประเมนิ โครงการ หมายถึงกระบวนการเชงิ ระบบเพ่ือการตรวจสอบ หรือบ่งช้ี ถึงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของโครงการซึ่งจะช่วยให้ได้ข้อมูลสารสนเทศท่ีเป็นประโยชน์ต่อการ ตัดสินใจเกี่ยวกบั การบริหารจัดการ ปรับปรุงและพัฒนาโครงการ จากความหมายดังกล่าวน้ีช้ีให้เห็นลักษณะ ของการประเมนิ โครงการ ดังน้ี 1. การประเมินโครงการเป็นกระบวนการที่จดั ทาขนึ้ อย่างเป็นระบบเพ่ือให้ได้ข้อมลู สารสนเทศท่ี เช่อื ถือได้และเป็นประโยชนต์ ่อการตดั สนิ ใจของผู้บริหารหรอื ผ้รู บั ผิดชอบโครงการ 2. การประเมินโครงการเปน็ กระบวนการในการจดั เตรียมสารสนเทศ เพื่อใชใ้ นการตัดสนิ ใจ เกยี่ วกบั การบริหารจดั การ ปรับปรุงและพฒั นาโครงการ 3. จุดเน้นท่ีสาคัญของการประเมินโครงการ อยู่ที่การเพิ่มประสิทธิภาพ (Efficiency) และ ประสิทธผิ ล (Effectiveness) ของการดาเนนิ โครงการ 2. ความสาคญั ของการประเมิน จากความหมายของการประเมินโครงการ ชี้ให้เห็นว่าการประเมินโครงการเป็นกิจกรรมสาคัญที่ ขาดไมไ่ ด้ในการบริหารจัดการโครงการ เพราะการประเมินโครงการมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการตัดสินใจของ ผบู้ ริหารและผ้รู บั ผดิ ชอบโครงการ ซ่ึงสรุปไดด้ ังน้ี 2.1 ชว่ ยให้ได้ข้อมูลสารสนเทศต่าง ๆ เกี่ยวกับโครงการท่ีนาไปใช้ในการตัดสินใจเก่ียวกับการ กาหนดโครงการ การตรวจสอบความพร้อมของทรัพยากรต่าง ๆ ท่ีจาเป็นต้องใช้ในการดาเนินโครงการ ตลอดจนความเปน็ ไปไดใ้ นการจัดทาโครงการ โครงการพฒั นาบคุ ลากรด้านการประเมนิ โครงการ 5 กลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมินผล
2.2 ช่วยให้ทราบข้อมูลสารสนเทศเก่ียวกับความก้าวหน้า ปัญหาและอุปสรรคในการดาเนิน โครงการซ่ึงนามาใช้ในการตัดสินใจเพื่อการปรับปรุง หรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขการดาเนินโครงการให้เป็นไป ตามทิศทางท่ตี อ้ งการ 2.3 ชว่ ยให้ได้ข้อมูลสารสนเทศเก่ียวกับความสาเร็จและความล้มเหลวของโครงการท่ีนามาใช้ ในการตัดสินใจและวินิจฉัยว่า จะดาเนินโครงการในช่วงต่อไปอย่างไร ยกเลิกหรือปรับขยายการดาเนิน โครงการตอ่ ไปอีก 2.4 ช่วยให้ได้ขอ้ มูลสารสนเทศที่บ่งบอกถงึ ประสทิ ธิภาพของโครงการว่าเป็นอย่างไร คุ้มคา่ กบั การลงทนุ หรอื ไม่ 2.5 ช่วยให้เกิดการเสริมแรง สร้างพลังจูงใจให้กับผู้ปฏิบัติงานในโครงการเม่ือทราบผลสาเร็จ จุดเด่น หรือจุดด้อยของโครงการโดยจะมุ่งม่ันปรับปรุง และพัฒนาการดาเนินโครงการให้มีคุณภาพและ มาตรฐานสูงขน้ึ ซ่ึงจะเกดิ คุณคา่ และประโยชนส์ ูงสดุ ตอ่ ผรู้ บั บริการหรือองคก์ ร ประเภทของการประเมินโครงการ การประเมินโครงการ แบง่ ออกไดเ้ ป็นหลายประเภทแลว้ แตเ่ กณฑ์ท่ใี ชแ้ บง่ ในที่นี้ใช้เกณฑ์ในการ แบ่งประเภท 4 เกณฑ์ คอื แบ่งตามลาดับเวลาการบริหารโครงการ แบ่งตามวัตถุประสงค์ของโครงการ แบ่ง ตามสิ่งท่ีถูกประเมิน และแบ่งตามหลักที่ยึดในการประเมิน ซึ่งได้ประเภทของการประเมินโครงการตาม เกณฑ์ที่ใช้ ดังน้ี 1. ตามลาดบั เวลาการบรหิ ารโครงการ ไดแ้ บ่งการประเมินเป็น 3 ประเภท คือ 1.1 การประเมนิ ก่อนเรมิ่ โครงการหรือก่อนนาโครงการไปปฏิบตั ิ (Intrinsic evaluation) เปน็ การประเมินท่ีอยู่ในขน้ั ตอนของการวางแผนโครงการ โดยมีจดุ มุ่งหมายเพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ กอ่ นลงมือดาเนินการจัดทาโครงการ ซ่ึงอาจทาได้ใน 2 ลักษณะคือ 1) การศึกษาความเหมาะสมของโครงการ โดยการพจิ ารณาปัญหาและความจาเป็นใน การจัดทาโครงการ อาจใช้เทคนิคของการสารวจความต้องการ (Needs Assessment) หรืออาจจะใช้ เทคนิคของการศกึ ษาความเปน็ ไปได้ (Feasibility Study) ซึ่งเป็นการพิจารณาสภาพความพร้อมของการจัด ทาโครงการในดา้ นตา่ งๆ ทจี่ ะทาใหม้ คี วามเปน็ ไปไดใ้ นการปฏบิ ัติจรงิ 2) การวิเคราะห์โครงการหรือการประเมินร่างโครงการ (Project Appraisal or Analysis) เป็นการพิจารณาเอกสารโครงการเพื่อตรวจสอบความเหมาะสมของส่ิงที่กาหนดความสอดคล้อง ระหว่างหวั ข้อต่าง ๆ ต้งั แต่ หลักการและเหตุผล วตั ถปุ ระสงค์ เป้าหมาย วิธีดาเนินการ ฯลฯ เพื่อให้โครงการ ที่เสนอมีความสมบูรณม์ ากยิง่ ข้นึ 1.2 การประเมินขณะดาเนินงาน (On going evaluation) เป็นการประเมินที่จัดทาใน ระหว่างการดาเนนิ โครงการ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อการศึกษาความก้าวหน้าของโครงการเป็นช่วง ๆ และเพื่อ โครงการพัฒนาบคุ ลากรด้านการประเมนิ โครงการ 6 กลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมินผล
ดูว่าการดาเนินโครงการไดเ้ ปน็ ไปตามแผนท่ีกาหนดไว้หรือไม่ มีปัญหาหรืออุปสรรคอย่างไรในแต่ละช่วงของ การดาเนินงาน ข้อมลู สารสนเทศที่จะไดน้ ามาใชเ้ พ่ือการปรับปรงุ การดาเนนิ โครงการเพื่อให้มีความเหมาะสม มากยิ่งขึ้นในช่วงระยะต่อไป การประเมินขณะดาเนินงานนี้ต้องอาศัยกลไกของระบบการกากับติดตามงาน มาช่วย จงึ จะทาใหก้ ารประเมนิ เปน็ ไปอย่างมปี ระสทิ ธิภาพ 1.3 การประเมินหลังการดาเนินงาน (Pay-off evaluation) เป็นการประเมินท่ีจัดทาขึ้น เม่ือการดาเนินโครงการเสร็จส้ินลงแล้ว โดยมีจุดมุ่งหมายเพ่ือการตรวจสอบดูว่า เมื่อได้ดาเนินโครงการจน สิ้นสุดแล้วได้รับความสาเร็จตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กาหนดไว้มากน้อยเพียงใด ตลอดจนการ ติดตามตรวจสอบผลกระทบหรือผลข้างเคียงว่ามีอะไรเกิดขึ้นตามมาอีกบ้าง ถ้ากล่าวโดยสรุป การประเมิน หลงั การดาเนนิ งาน มจี ุดเน้น ดงั นี้ 1) เปน็ การประเมินผลทเ่ี กิดข้ึน (Outcome) และผลกระทบ (Impact) ของโครงการ 2) เปน็ การประเมนิ ผลรวมสรุปของโครงการทงั้ หมด (Summative evaluation) คือ การประเมนิ ตง้ั แต่การวางแผนปฏบิ ัตงิ าน คา่ ใช้จ่าย และผลผลติ ของโครงการ 2. ตามวตั ถุประสงค์ของการประเมิน ไดแ้ บ่งการประเมินเปน็ 2 ประเภท คือ 2.1 การประเมินความก้าวหน้าของโครงการ (Formative evaluation) เปน็ การประเมิน ขณะทีโ่ ครงการกาลงั ดาเนนิ การอยู่ โดยมุ่งตรวจสอบ ควบคุม กากับดูแลการดาเนินงาน ตลอดจนการศึกษา ความก้าวหน้า ปัญหา อุปสรรค และข้อบกพร่องต่าง ๆ ในระหว่างการดาเนินโครงการ เพ่ือนาผลการ ประเมินมาใช้ในการปรับปรุงแก้ไขการดาเนินงานให้เป็นไปด้วยความราบร่ืน บรรลุตามวัตถุประสงค์และ เปา้ หมายของโครงการ 2.2 การประเมินผลรวมสรุป (Summative evaluation) เป็นการประเมินหลังจากเสร็จ ส้ินโครงการแลว้ เป็นการประเมินผลสัมฤทธ์ิของโครงการเพื่อมงุ่ ตรวจสอบว่า โครงการประสบผลสาเร็จตาม วัตถปุ ระสงค์หรือเปา้ หมายตามทีก่ าหนดไว้หรือไม่ เพียงใด ผลการประเมินจะเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจ วา่ ควรยุติโครงการดาเนนิ โครงการต่อไป หรือปรบั ขยายโครงการในชว่ งระยะตอ่ ไป 3. ตามสงิ่ ที่ถกู ประเมิน ได้แบ่งการประเมินเปน็ 4 ประเภท คอื 3.1 การประเมินบริบทหรือสภาวะแวดล้อม (Context Evaluation) เป็นการประเมิน เก่ียวกับนโยบาย เป้าหมาย สภาพเศรษฐกิจและสังคม ปัญหาและความต้องการของบุคคลและหน่วยงานที่ เกยี่ วขอ้ งกบั โครงการว่า มีความสอดคลอ้ งเอื้อต่อการจดั ทาโครงการหรือไม่ ตลอดจนทรัพยากรและข้อจากัด ต่าง ๆ ในการดาเนินโครงการ สารสนเทศท่ีได้นามาใช้ประกอบการตัดสินใจเพ่ือกาหนดวัตถุประสงค์และ เป้าหมายของโครงการให้มีความสอดคล้องกับนโยบายของหน่วยงานระดับสูงกว่าและบริบทหรือสภาพของ องค์กรท่ีจะจดั ทาโครงการ 3.2 การประเมินปัจจัยเบ้ืองต้น (Input Evaluation) เป็นการประเมินความพร้อมท้ังใน เชิงคุณภาพและความพอเพียงของทรัพยากรต่าง ๆ ก่อนเร่ิมโครงการว่า มีทรัพยากรพร้อมที่จะดาเนิน โครงการพฒั นาบคุ ลากรด้านการประเมนิ โครงการ 7 กลุม่ นิเทศ ติดตามและประเมนิ ผล
โครงการไดห้ รอื ไม่ สารสนเทศทีไ่ ด้นามาใช้ในการตดั สินใจเก่ียวกับวิธีการของการใช้ทรัพยากรต่าง ๆ เพ่ือให้ การดาเนินโครงการสามารถบรรลตุ ามวตั ถุประสงคท์ กี่ าหนดไว้ 3.3 การประเมินกระบวนการ (Process Evaluation) เป็นการประเมินขณะดาเนินงาน หรือประเมินความกา้ วหนา้ ของโครงการ สารสนเทศท่ีได้นามาใช้ในการตัดสินใจเพ่ือการปรับปรุงการดาเนิน โครงการ 3.4 การประเมินผลผลิตหรือผลงาน (Product Evaluation) เป็นการประเมินหลังจาก การดาเนินโครงการส้ินสุดแล้ว ประกอบด้วยการประเมินผลลัพธ์ (Output Evaluation) โดยพิจารณาจาก ปริมาณและคุณภาพของผลผลิตเปรียบเทียบกับวัตถุประสงค์ของโครงการ และการประเมินผลกระทบ (Impact Evaluation) โดยเปรียบเทียบกับวัตถุประสงค์ของแผนงานหรือองค์การ สารสนเทศที่ได้นามาใช้ ในการตัดสินคุณค่าของผลผลิตของโครงการ ท้ังในด้านปริมาณและคุณภาพเพ่ือการตัดสินใจว่า ควรจะคง โครงการไว้ ปรบั ขยายหรอื ยกเลกิ โครงการ 4. ตามหลักยึดในการประเมิน ไดแ้ บง่ การประเมินเปน็ 2 ประเภท คอื 4.1 การประเมินท่ีอิงวัตถุประสงค์/เป้าหมายของโครงการหรืองานเป็นเกณฑ์ ( Goal Based Evaluation) เป็นการประเมินท่ีตัดสินคุณค่าของโครงการจากการเปรียบเทียบผลของโครงการกับ ผลทค่ี าดหวงั ตามวตั ถปุ ระสงคห์ รอื เป้าหมายของโครงการ 4.2 การประเมินท่ีไม่อิงวัตถุประสงค์/เป้าหมายของโครงการ (Goal-free Evaluation) เป็นการประเมินที่ไม่จาเป็นต้องกาหนดเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ของการประเมินให้สอดคล้องกับ เป้าหมาย หรือวัตถุประสงค์ของโครงการ กล่าวคือ การตัดสินคุณค่าของโครงการควรเน้นที่การตีค่าของผล ทั้งหมดที่เกิดข้ึน (Actual Outcomes) จากโครงการ ซ่ึงประกอบด้วยการประเมินผลที่คาดหวังตาม เป้าหมายหรอื วัตถปุ ระสงค์ของโครงการและผลท่มี ิได้คาดหวงั รูปแบบการประเมนิ โครงการ นักวชิ าการดา้ นการประเมนิ สว่ นใหญ่นิยมจัดกลุ่มหรือประเภทของรูปแบบการประเมินออกเป็น 2-3 กลุ่ม (เยาวดี รางชัยกุล วิบูลย์ศรี. 2542: 64-64, สุวิมล ติรกานนท์. 2543: 39; สาราญ มีแจ้ง. 2544: 111-112; สมคิด พรมจยุ้ . 2550: 50; สุภมาส องั ศุโชติ. 2555: 6-7) ดงั น้ี 1. รูปแบบการประเมินท่ีเน้นวัตถุประสงค์ (objective - based model) เป็นรูปแบบการ ประเมินท่ีเน้นการตรวจสอบว่าผลที่เกิดขึ้นจากโครงการเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการน้ันหรือไม่ ไดแ้ ก่ รูปแบบการประเมินของไทเลอร์ (Ralph W. Tyler, 1943) ครอนบาค (Cronbach, 1973) และเคิร์ก แพททริก (Kirkpatrick, 1985) ตามแนวคิดเก่ียวกับการประเมินของรูปแบบท่ีเน้นวัตถุประสงค์ การประเมิน โครงการพัฒนาบคุ ลากรดา้ นการประเมนิ โครงการ 8 กล่มุ นิเทศ ตดิ ตามและประเมินผล
เป็นกระบวนการตรวจสอบผลท่ีเกิดขึ้นเทียบกับวัตถุประสงค์ของโครงการ ดังนั้น นักประเมินจึงมีบทบาท สาคัญในการตัดสนิ คุณค่าของโครงการท่มี ุง่ ประเมินโดยยดึ วัตถุประสงค์ของโครงการเปน็ หลัก 2. รูปแบบการประเมินที่เน้นการตัดสินคุณค่า (judgmental evaluation model) เป็น รูปแบบการประเมินที่มีจุดมุ่งหมายเพ่ือรวบรวมสารสนเทศสาหรับกาหนดและวินิจฉัยคุณค่าของโครงการที่ มุ่งประเมิน ได้แก่ รูปแบบการประเมินของสเตค (Stake, 1967) สคริฟเวน (Scriven, 1967) และโพรวัส (Provus, 1971) ตามแนวคิดเกี่ยวกับการประเมินของรูปแบบท่ีเน้นการตัดสินคุณค่า การประเมินเป็น กระบวนการที่นักประเมินต้องตัดสินคุณค่าของโครงการท่ีมุ่งประเมิน บทบาทท่ีสาคัญที่สุดของนักประเมิน คอื การตดั สนิ คณุ ค่า ถ้านักประเมินไม่ได้มีส่วนในกระบวนการตัดสินคุณค่าของโครงการที่มุ่งประเมิน ถือว่า ยงั ไมไ่ ดป้ ฏิบตั หิ น้าท่ีอย่างสมบูรณ์ (Scriven, 1976, อา้ งอิงใน ศิรชิ ัย กาญจนวาสี. 2552: 108) 3. รูปแบบการประเมินท่ีเน้นการตัดสินใจ (decision-oriented evaluation model) เป็น รูปแบบการประเมนิ ท่มี ีจดุ มงุ่ หมายเพื่อจัดหาสารสนเทศเก่ียวกับโครงการเพ่ือช่วยให้ผู้บริหารหรือผู้มีอานาจ ในการตัดสินใจเลือกทางเลือกต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้องและมีเหตุผล ได้แก่ รูปแบบการประเมินของเวลช์ (Welch, 1967) รูปแบบประเมินซิป (CIPP Model) ของสตัฟเฟิลบีม (Stufflebeam, 1968) และรูปแบบ ประเมินของอัลคิน (Alkin, 1967) รูปแบบการประเมินของไทเลอร์ภาคขยาย และรูปแบบการประเมินเชิง ระบบ ตามแนวคิดเกี่ยวกับการประเมินของรูปแบบท่ีเน้นการตัดสินใจ การประเมินเป็นกระบวนการจัดหา สารสนเทศสาหรบั การตัดสินใจของผบู้ รหิ ารหรอื ผูม้ อี านาจในการตัดสินใจเก่ียวกับโครงการท่ีมุ่งประเมิน นัก ประเมินจึงมีบทบาทสาคัญในการตอบสนองความต้องการสารสนเทศของผู้บริหารท่ีจะใช้ในการตัดสินใจ เก่ียวกับโครงการที่มุ่งประเมิน โดยผู้บริหารเป็นผู้กาหนดบริบทของการตัดสินใจ และเกณฑ์การตัดสิน ความสาเร็จของโครงการ นักประเมินไม่ควรเข้าไปมีบทบาทในกระบวนการตัดสินใจของผู้บริหาร เพราะจะ ทาให้เกิดความลาเอยี งในการประเมิน นักประเมนิ จงึ ควรมีบทบาทเฉพาะการแสวงหาและเสนอสารสนเทศที่ เกีย่ วข้องกบั โครงการทม่ี งุ่ ประเมนิ เพื่อการตดั สนิ ใจของผบู้ รหิ าร ในการประเมินโครงการ นักประเมินสามารถเลือกหรือประยุกต์ใช้รูปแบบการประเมินได้ หลากหลายรูปแบบ ในทน่ี ี้จะนาเสนอรูปแบบการประเมนิ ท่รี จู้ ักกนั อย่างแพรห่ ลาย คือ รูปแบบการประเมิน ของสตัฟเฟลิ บีม ซึง่ มีรูปแบบรายละเอยี ดและแนวทางการประเมิน ดังนี้ ดาเนียล แอล สตฟั เฟิลบมี (Danial L. Stufflebeam) ไดเ้ สนอแนวคิดเกี่ยวกับรูปแบบการประเมิน ท่ีเรียกว่า ซิปโมเดล (CIPP Model) ซึ่งเป็นรูปแบบการประเมินที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย เป็นรูปแบบการ ประเมินท่ีมีระบบแผนอย่างชัดเจนและสามารถนาไปใช้ในการประเมินโครงการต่าง ๆ ได้อย่างกว้างขวาง คาว่า CIPP ย่อมาจากคาว่า Context (บริบทหรือสภาวะแวดล้อม) Input (ปัจจัยเบ้ืองต้น) Process (กระบวนการ) และ Product (ผลผลิต) ซ่ึงสามารถวิเคราะห์ได้ว่าแนวคิดการประเมินของสตัฟเฟิลบีมน้ี ได้ ยึดหลกั ของการวเิ คราะหร์ ะบบ (system analysis) หรอื วิธีการเชงิ ระบบ (systems approach) โครงการพัฒนาบคุ ลากรด้านการประเมนิ โครงการ 9 กลมุ่ นเิ ทศ ตดิ ตามและประเมนิ ผล
ความหมายของการประเมนิ สตัฟเฟิลบีม ได้ให้ความหมายของการประเมินว่า เป็นวิธีการศึกษาหรือสืบค้นหาคุณค่าของสิ่งที่ มุ่งประเมินอย่างเป็นระบบ การประเมินจึงเป็นกระบวนการท่ีจัดหา นาเสนอสารสนเทศและนาไป ประยุกต์ใช้ในการอธิบายและการตัดสินคุณค่าและคุณประโยชน์ในการตัดสินใจหาทางเลือกท่ีเหมาะสมใน การดาเนินงานโครงการ (Stufflebeam and Shinkfield, 2007 : 326) วิธกี ารประเมนิ โดยใชร้ ูปแบบการประเมนิ ซิป วิธีการประเมินโดยใช้รูปแบบการประเมินซิป จะเก่ียวข้องกับลักษณะของการตัดสินใจ ซ่ึง จาเป็นต้องอาศยั ขอ้ มลู ท่ีได้จากการประเมินมาช่วยในการตัดสินใจ 4 ลักษณะ คือ การตัดสินใจเกี่ยวกับการ วางแผน (planning decisions) การตัดสินใจเก่ียวกับโครงสร้าง (structuring decisions) การตัดสินใจ เก่ียวกับการดาเนินงาน (implementing decisions) และการตัดสินใจเก่ียวกับการทบทวนการดาเนิน โครงการเม่ือส้ินสุดโครงการ (recycling decisions) มโนทัศน์เบ้ืองต้นของรูปแบบ CIPP คือ ประเภทของ การตัดสินใจท่ีแตกต่างกันจาเป็นต้องใช้สารสนเทศในการตัดสินใจท่ีแตกต่างกันด้วย ซ่ึง สตัฟเฟิลบีมและ คณะ ได้จาแนกการตัดสินใจและการประเมินเพ่ือการบริหารและการวางแผนไว้ 4 ประเภท ดังน้ี (Fitzpatrick, Sanders and Worthen, 2004 : 89) 1) การประเมินบริบทหรือสภาวะแวดล้อม (context evaluation) เป็นการประเมินเพ่ือให้ได้ สารสนเทศสาหรับการตัดสินใจในการวางแผนกาหนดเป็นผลลัพธ์ท่ีคาดหวังของโครงการ หรือวัตถุประสงค์ และเป้าหมายของโครงการ การประเมินบริบทเป็นการประเมินเก่ียวกับนโยบาย ปรัชญา เป้าหมาย แรง กดดนั ทางเศรษฐกิจและสงั คม ความต้องการของบุคคลและหนว่ ยงานท่เี ก่ยี วขอ้ ง ตลอดจนแรงกดดันทาง การเมอื ง ซ่งึ สมหวัง พธิ ยิ านวุ ฒั น์ (2553 : 169) อธิบายว่า การประเมินบริบทของโครงการเป็นการประเมิน ความต้องการจาเป็นเพ่ือกาหนดโครงการ เป็นการประเมินสภาพเศรษฐกิจสังคมการเมือง ตลอดจนปัญหา อปุ สรรคตา่ ง ๆ อันนาไปสู่ทิศทางและวตั ถุประสงคข์ องโครงการ 2) การประเมินปัจจัย หรือทรัพยากร (input evaluation) เป็นการประเมินเพื่อให้ได้สารสนเทศ สาหรับการตัดสินใจเก่ียวกับวิธีการและกลวิธีดาเนินโครงการเป็นการตรวจสอบความพร้อมของปัจจัย เบอ้ื งต้นตา่ ง ๆ เช่น บุคลากร งบประมาณ วัสดุ อุปกรณ์ สถานที่ เป็นต้น เป็นการประเมินเพื่อมุ่งเน้นว่ามี ปัจจัยพร้อมมูลที่จะดาเนินการหรือไม่ แผนหรือโครงการที่เสนอเหมาะสมหรือไม่ ควรปรับปรุงส่วนใด สารสนเทศท่ีได้ใช้ประกอบการตัดสินใจเก่ียวกับโครงสร้างเพื่อเลือกแผนการจัดโครงการ หรือแผนการ ดาเนินงานท่ีเหมาะสมท่ีสุดเพ่ือได้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ต้ังไว้ซ่ึง สมหวัง พิธิยานุวัฒน์ (2553 : 169) กล่าวว่า การประเมินปัจจัยหรือทรัพยากรเป็นการตรวจสอบความพร้อมด้านทรัพยากรท้ังปริมาณและคุณภาพ ตลอดจนระบบการบริหารจัดการเพื่อวิเคราะห์และกาหนดทางเลือกท่ีเหมาะสมท่ีสุดที่จะทาให้บรรลุ วตั ถุประสงคท์ ก่ี าหนด โครงการพฒั นาบคุ ลากรดา้ นการประเมนิ โครงการ 10 กลุ่มนเิ ทศ ตดิ ตามและประเมินผล
3) การประเมินกระบวนการ (process evaluation) เป็นการประเมินเพ่ือให้ได้สารสนเทศสาหรับ การตัดสินใจเก่ียวกับการนาโครงการไปปฏิบัติเพื่อให้บังเกิดผลสาเร็จ ซึ่งเป็นการประเมินขณะดาเนินงาน หรือประเมินในเชิงความก้าวหน้าเพ่ือปรับปรุงกระบวนการบริหารหรือการดาเนินโครงการ รวมท้ังศึกษา ปัญหาและอุปสรรค จุดเด่น จดุ ดอ้ ย ซึ่งสมหวงั พิธิยานวุ ัฒน์ (2553 : 169-170) ให้แนวคิดว่า การประเมิน กระบวนการเป็นการประเมินการดาเนินงานเมื่อนาโครงการที่วางแผนไว้ไปสู่การปฏิบัติ เพื่อศึกษาจุดแข็ง และจุดอ่อน ตลอดจนปัญหา อุปสรรคของการดาเนินโครงการ จึงเป็นการประเมินเพ่ือปรับปรุงการดาเนิน โครงการได้อย่างทันท่วงทีสารสนเทศที่ได้จะนามาใช้ในการตัดสินใจเก่ียวกับการประยุกต์ใช้ การควบคุม หรอื ปรับปรุงแก้ไขวิธีการต่าง ๆ ให้เหมาะสมทันทว่ งทีในขณะท่กี าลงั ดาเนนิ โครงการอยู่ 4) การประเมินผลผลิต (product evaluation) เป็นการประเมินเพ่ือให้ได้สารสนเทศสาหรับการ ตดั สนิ ใจเกี่ยวกับอนาคตของโครงการ ซ่ึงเป็นการประเมินผลหลังจากการดาเนินงานโครงการส้ินสุดลง เพ่ือ ตรวจสอบประสทิ ธภิ าพประสทิ ธผิ ลของโครงการซึง่ ในทัศนะของสมหวงั พิธิยานุวัฒน์ (2553 : 170 ) เห็นว่า เป็นการประเมินที่มุ่งตอบคาถามว่า โครงการประสบความสาเร็จตามแผนที่วางไว้หรือไม่ ผลผลิตของ โครงการเป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือไม่ ผลการดาเนินงานคุ้มค่าเพียงใด ประกอบด้วย การประเมินผล ผลิต โดยพิจารณาจากปริมาณและคุณภาพของผลผลิตเปรียบเทียบกับวัตถุประสงค์ของโครงการตลอดจน การนาเอาความรู้ไปใช้ในการปฏิบัติงานอีกส่วนหน่ึงคือผลกระทบ (impact) สารสนเทศท่ีได้จะนามาใช้ใน การตัดสินคุณค่าผลผลิตของโครงการ ท้ังในด้านปริมาณและคุณภาพ เพื่อที่จะตัดสินใจว่าควรจะทาต่อไป หรอื ยตุ ิ ล้มเลิก หรอื ยกฐานะเปน็ งานประจา มโนทัศน์สาคัญของรูปแบบการประเมินซิป คือจะต้องเป็นการประเมินเพ่ือให้ได้สารสนเทศสาหรับ การตัดสินใจตามช่วงระยะเวลาของการบริหารโครงการ กล่าวคือ การประเมินสภาวะแวดล้อม เพื่อการ ตัดสินใจก่อนริเร่ิมจัดทาโครงการ การประเมินปัจจัยเบ้ืองต้น เพ่ือการตัดสินใจเก่ียวกับการวางแผน ดาเนนิ โครงการ การประเมินกระบวนการ เป็นการประเมินเพ่ือตัดสินใจปรับปรุงกิจกรรมและวิธีดาเนิน โครงการ และเม่ือโครงการส้ินสุดลง จึงประเมินผลผลิตของโครงการเพ่ือตัดสินคุณค่าและอนาคตของ โครงการว่า จะดาเนินงานต่อไปหรือยุติโครงการ ดังนั้นในการประยุกต์ใช้รูปแบบการประเมินซิป ผู้บริหาร หรือผู้ประเมินจึงควรทาการประเมินและใช้สารสนเทศประกอบการตัดสินใจเกี่ยวกับโครงการหรือส่ิงท่ีมุ่ง ประเมินเป็นระยะ ๆ ตามช่วงระยะเวลาของการบริหารจัดการโครงการ มิใช่ไปประเมินรวบยอดเมื่อ โครงการส้ินสุดลงแล้วจากแนวคิดในการประเมินองค์ประกอบทั้ง 4 ด้านดังกล่าว จึงเรียกแนวคิดในการ ประเมินน้ีว่า รูปแบบการประเมินซิป ซ่ึงมีกรอบแนวคิดในการประเมินเขียนแสดงความสัมพันธ์ระหว่าง ประเภทของการประเมนิ และประเภทของการตัดสินใจได้ดังภาพที่ 2 โครงการพฒั นาบุคลากรด้านการประเมนิ โครงการ 11 กลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมนิ ผล
ประเภทของการประเมนิ ประเภทของการตดั สนิ ใจ การประเมิน วตั ถุประสงค์ของโครงการ สภาวะแวดลอ้ มหรือบรบิ ท Context Evaluation วธิ ีการ และกลวธิ ดี าเนนิ โครงการ การประเมนิ ปจั จัย หรือทรัพยากร นาโครงการสู่ปฏิบตั ิ Input Evaluation ความกา้ วหนา้ ของโครงการ การประเมนิ กระบวนการ จดุ แขง็ และจดุ อ่อนของ Process Evaluation โครงการปรับปรุงวธิ กี ารดาเนนิ โครงการการเร่งรดั โครงการ การประเมนิ ผลผลิตหรอื ผลลัพธ์ ปรับขยายโครงการ Product Evaluation ยตุ ลิ ม้ เลิกโครงการ ยกฐานะเปน็ งานประจา ภาพที่ 2 ความสัมพันธ์ระหว่างประเภทการประเมินและประเภทของการตดั สินใจตามรูปแบบ ของสตฟั เฟิลบมี ท่ีมา : สมหวัง พิธยิ านวุ ฒั น.์ (2553). วธิ ีวทิ ยาการประเมิน : ศาสตรแ์ ห่งคุณคา่ . พมิ พค์ ร้งั ที่ 5. กรงุ เทพฯ: สานักพมิ พ์แห่งจุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั . หนา้ 168 โครงการพัฒนาบคุ ลากรดา้ นการประเมนิ โครงการ 12 กลุ่มนิเทศ ตดิ ตามและประเมนิ ผล
การประยกุ ต์ใช้รูปแบบการประเมนิ ซปิ เพ่ือการประเมนิ โครงการ การประยุกต์ใช้รูปแบบการประเมินซิปมาใช้ในการประเมินโครงการ ผู้ประเมินหรือผู้รับผิดชอบ โครงการจะตอ้ งดาเนนิ การประเมินโครงการอยา่ งต่อเนื่อง เป็นระบบเพื่อนาสารสนเทศที่ได้จากการประเมิน เสนอต่อผู้มีอานาจในการตัดสินใจหรือนามาใช้ในการตัดสินใจปรับปรุง และพัฒนาโครงการใ ห้มี ประสทิ ธิภาพย่งิ ขึน้ โดยดาเนินการดังน้ี 1) ประเมินก่อนเริ่มโครงการ ผู้ประเมินหรือผู้ปฏิบัติงานควรทาการประเมินสภาวะแวดล้อมและ ปัจจัยเบื้องตน้ ซง่ึ มจี ดุ มุ่งหมายเพอ่ื ตัดสินใจเลือกวัตถุประสงค์ของโครงการ ตรวจสอบความเหมาะสมความ สมเหตุสมผลของการวางแผนดาเนินโครงการ ความเป็นไปได้ของโครงการท่ีจะนาไปปฏิบัติ คุณภาพของ โครงการรวมทั้งตรวจสอบโอกาสท่ีโครงการน้ันจะประสบความสาเร็จตามเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ การ ประเมินเพื่อตัดสินใจ หรือหาข้อมูลสรุปสาหรับการตัดสินใจเลือกโครงการ บางครั้งเรียกว่า “การวิเคราะห์ โครงการ” ในข้ันน้เี นน้ พิจารณาใน 3 ประเดน็ หลกั คอื 1.1) ความเหมาะสมของโครงการท่ีจะดาเนินการ โดยวิเคราะห์ปัญหาและความจาเป็นของ โครงการ ศกึ ษาความเปน็ ไปไดใ้ นการดาเนินโครงการ ความพร้อมในการบริหารจัดการโครงการ ความพร้อม ในการสนับสนุนทางด้านทรัพยากร โดยเฉพาะความเป็นไปไดท้ างการเงนิ กาลงั คน วัสดุ และการจดั การ 1.2) การวิเคราะหผ์ ลตอบแทนจากการดาเนินโครงการ 1.3) การศึกษาและคาดหวงั ถึงผลประโยชน์ หรือสิง่ ทอ่ี าจตามมาจากการดาเนินโครงการนัน้ ทั้งในระยะเร่ิมโครงการและในขณะดาเนินโครงการ 2) การประเมินในระหว่างการดาเนินโครงการ โดยประเมินขณะท่ีกาลังดาเนินโครงการ โดยผู้ ประเมินหรือผู้รับผิดชอบโครงการควรประเมินจุดเด่น จุดด้อยของการดาเนินงาน ตรวจสอบว่าการ ดาเนนิ งานเปน็ ไปตามแผนท่ีกาหนดไว้หรือไม่ มีปัญหาและอุปสรรคอะไรบ้าง มีสาเหตุมาจากอะไร มีวิธีการ ดาเนินการปรับปรุงแกไ้ ขอยา่ งไร แลว้ ใช้สารสนเทศท่ไี ดจ้ ากการประเมินสาหรับตัดสินใจดาเนินการปรับปรุง แก้ไขให้ทนั ท่วงที 3) การประเมินหลังการดาเนินโครงการ โดยผู้ประเมินหรือผู้รับผิดชอบโครงการมุ่งตอบคาถามว่า โครงการประสบความสาเร็จตามเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์หรือไม่ เพียงใด ซ่ึงเป็นการตรวจสอบการบรรลุ ตามวตั ถุประสงค์ของโครงการ ผลการดาเนินงานคุ้มค่าหรือไม่ เกิดผลกระทบอะไรบ้าง สารสนเทศท่ีได้จาก การประเมินจะนามาใช้ในการตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตของโครงการว่า ควรดาเนินโครงการนั้นต่อไป หรือ ปรับปรงุ ขยาย หรือล้มเลิกโครงการ โครงการพัฒนาบุคลากรดา้ นการประเมนิ โครงการ 13 กลุ่มนเิ ทศ ตดิ ตามและประเมินผล
ตอ1น9ทvี่o29 กระบวนการและวธิ ีการประเมินโครงการ กระบวนการประเมินโครงการ ในการประเมนิ โครงการให้ประสบผลสาเร็จ นักประเมินจะต้องมีแนวปฏิบัติที่ดีในการประเมิน โดย กาหนดขั้นตอนของการประเมินในการสามารถมองเห็นภาพตลอดแนวของการประเมิน ข้ันตอนของการ ประเมินโครงการในท่ีน้ี หมายถึง ภาระงานหรือกิจกรรมต่าง ๆ ของการประเมินโครงการที่นักประเมินต้อง คิด เตรียมการหรือวางแผนกาหนดไว้ล่วงหน้า เพ่ือการปฏิบัติการประเมินโครงการให้บรรลุเป้าหมาย ซึ่งมี ข้นั ตอนการประเมนิ โครงการ ดังน้ี ขั้นที่ 1 ศกึ ษาวิเคราะห์โครงการทม่ี ุง่ ประเมิน การดาเนินการในข้ันนี้เพอื่ ให้ผู้ประเมินมคี วามเขา้ ใจในสาระสาคัญของโครงการท่ีจะทาการประเมิน ซ่ึงช่วยให้ผู้ประเมินกาหนดขอบข่ายหรือระบุรายละเอียดของส่ิงท่ีจะประเมินได้อย่างชัดเจน เป็นขั้นตอนที่ มุ่งพิจารณาหรือตอบคาถามว่า จะประเมินอะไร ดังนั้นบทบาทสาคัญของผู้ประเมินในช่วงแรก คือ จะต้อง ศกึ ษา วิเคราะห์ ทาความรู้จัก และบรรยายโครงการท่ีมุ่งประเมินให้ชัดเจน โดยศึกษาวิเคราะห์เอกสารและ หลกั ฐานทเี่ กยี่ วข้องกบั โครงการ ตลอดจนการสอบถาม สนทนากับผู้ท่ีเก่ียวข้องกับโครงการ เพื่อให้ได้ข้อมูล ท่ีครอบคลุมครบถ้วนเกย่ี วกับโครงการทมี่ ุ่งประเมิน โดยมุง่ ตอบคาถามตามประเด็น ตอ่ ไปน้ี 1. โครงการมีความเป็นมาอย่างไร ทาไมจึงต้องทาโครงการนี้ มีหลักการและเหตุผลอะไร รวมท้ังมี ปัญหาและความตอ้ งการอะไรจึงทาให้เกิดโครงการ แล้วคาดหวงั ว่าจะได้อะไรจากการดาเนนิ โครงการ 2. ลักษณะของโครงการเป็นแบบใด เช่น เป็นโครงการพิเศษ โครงการทดลอง เป็นโครงการขนาด ใหญ่ เป็นโครงการเฉพาะหน่วยงานเดียว หรือหลายหน่วยงานที่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน โครงการต่อเนื่อง หรอื เป็นโครงการประจาปีงบประมาณ 3. วัตถุประสงค์และเป้าหมายของโครงการ คืออะไร มีความชัดเจนสามารถปฏิบัติ หรือประเมินได้ หรือไม่ 4. ทรัพยากรท่ีใช้ในโครงการมีอะไรบ้าง ได้รับการสนับสนุนช่วยเหลือจากบุคคล หรือหน่วยงาน ใดบา้ ง 5. มีการกาหนดรูปแบบการบริหารโครงการหรือไม่ มีวิธีการหรือแนวทางการบริหารโครงการ อย่างไร ผ้บู ริหารหรอื ผรู้ บั ผดิ ชอบโครงการมใี ครบ้าง มบี ุคลากรและองค์กรอนื่ เก่ียวขอ้ งกับโครงการหรอื ไม่ 6. ลักษณะของกิจกรรม ขอบข่ายเนือ้ หาสาระ และข้ันตอนการดาเนนิ โครงการเปน็ อย่างไรบ้าง 7. ใช้เวลาในการดาเนินโครงการนานเทา่ ใด มีจดุ เริ่มต้น และสิ้นสดุ โครงการเมื่อไร โครงการพัฒนาบคุ ลากรดา้ นการประเมนิ โครงการ 14 กลุ่มนเิ ทศ ตดิ ตามและประเมนิ ผล
8. มคี วามต้องการที่จะทราบและใช้ผลการประเมินอย่างไร ผู้ต้องการคือใครบา้ ง 9. มีการกาหนดเกณฑใ์ นการประเมิน หรือตัวชี้วัดความสาเร็จของโครงการหรือไม่ ถ้ามี เกณฑ์หรือ ตัวชีว้ ัดเหล่านั้น คืออะไร 10. ผลงานหรือเป้าหมายท่ีต้องการให้เกิดขึ้นจากโครงการคืออะไร ลักษณะของโครงการและ กิจกรรมมีความชัดเจนเหมาะสมเพียงพอ และมีความเป็นไปได้ที่จะก่อให้เกิดผลงานหรือบรรลุเป้าหมายท่ี กาหนดไวห้ รอื ไม่ อยา่ งไร ข้นั ที่ 2 ระบุหลกั การและเหตุผลของการประเมนิ ในขั้นน้ีถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของแนวคิดที่จะให้มีการประเมินโครงการ โดยมุ่งตอบคาถามว่า ทาไม จึงต้องประเมินโครงการนี้ ซึ่งจะได้กล่าวถึงหลักการและเหตุผลของการประเมินโครงการ ตลอดจนความ จาเป็นหรือความสาคัญของการประเมินโครงการนี้ ดังนั้นข้อมูลท่ีควรรวบรวมและบรรยายนาเสนอในขั้นน้ี คือ 1. ข้อมูลท่ีช้ีให้เห็นว่า การประเมินโครงการมีความสาคัญอย่างไร มีความจาเป็นมากน้อยเพียงใด หากไมท่ าการประเมนิ โครงการแลว้ จะทาใหเ้ กิดผลเสยี หายหรอื ไม่ อย่างไร 2. การศึกษาความต้องการของผู้ที่เกี่ยวข้องกับโครงการ เช่น ผู้บริหารโครงการ ผู้ให้การสนับสนุน ด้านงบประมาณของโครงการวา่ ตอ้ งการขอ้ มูลทีเ่ กิดจากผลการประเมินบา้ งหรือไม่อย่างไร 3. ขอ้ มลู ที่ชใ้ี หเ้ ห็นว่า การประเมนิ โครงการจะทาใหเ้ กิดประโยชน์อย่างไรบ้าง ใครบา้ งท่ีจะไดร้ ับ ประโยชน์จากผลของการประเมนิ โครงการ ดังน้ัน หลักการและเหตุผลของการประเมนิ โครงการ ควรบง่ บอกรายละเอียดในเรื่องต่อไปนี้ 1. อธบิ ายความเป็นมา และเหตุผลของโครงการทม่ี ุ่งประเมิน 2. อธบิ ายเหตผุ ลโดยมุง่ ตอบคาถามว่า “ทาไมจึงต้องประเมินโครงการน้ี” โดยระบุความสาคัญและ ความจาเป็นของการประเมิน ผลดี ประโยชน์ของการประเมิน และผลเสียถ้าไม่มีการประเมินโครงการ จุดมงุ่ หมาย หลกั ทเี่ น้นในการประเมินโครงการน้ัน เป็นการประเมินเพื่อใคร ใครได้และใช้ประโยชน์จากการ ประเมนิ อยา่ งไร ขน้ั ท่ี 3 กาหนดวตั ถุประสงค์ของการประเมนิ วัตถุประสงค์ของการประเมนิ โครงการเป็นสิ่งที่กาหนดทศิ ทางในการประเมนิ ทาให้ผู้ประเมินรู้ว่า จะ ทาการประเมินโครงการนั้นเพื่ออะไร หรือประเมินเพื่อมุ่งตอบคาถามเร่ืองอะไร โดยท่ัวไปแล้วการประเมิน โครงการจะมุ่งให้ได้ ข้อมูลสารสนเทศท่ีเชื่อถือได้ท่ีเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจของผู้บริหารหรือผู้ท่ี เก่ียวข้องกับโครงการ ดังนั้นในขั้นตอนน้ีจะต้องวิเคราะห์ความต้องการผลการประเมินเพ่ือการตัดสินใจของ ผู้บริหาร หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับโครงการเพื่อนาไปสู่การกาหนดวัตถุประสงค์ของการประเมินโครงการท่ี เหมาะสม โครงการพฒั นาบุคลากรดา้ นการประเมนิ โครงการ 15 กลมุ่ นิเทศ ตดิ ตามและประเมนิ ผล
3.1 ลักษณะของวัตถปุ ระสงค์ของการประเมิน วัตถุประสงค์ของการประเมินโครงการเป็นสิ่งที่ผู้ประเมินต้องการศึกษาหรือตรวจสอบสิ่งท่ี เกดิ ข้ึนจากการดาเนนิ โครงการ ซึ่งมลี ักษณะดังนี้ 3.1.1 เป็นกรอบหรือทิศทางในการตรวจสอบหรือประเมินโครงการว่า มุ่งศกึ ษาตรวจสอบหรือ ประเมนิ อะไรบ้าง 3.1.2 เป็นลักษณะหน่ึงของวัตถุประสงค์ของการวิจัย (The Research Goal) ที่มุ่งค้นหา คาตอบเกย่ี วกบั โครงการทม่ี งุ่ ประเมนิ 3.1.3 เปน็ วัตถุประสงคเ์ พอ่ื การตรวจสอบหรือคน้ หาคาตอบในสิง่ ทผี่ ปู้ ระเมนิ อยากรู้ ตอ้ งทราบ เกยี่ วกบั โครงการท่มี ุง่ ประเมนิ 3.1.4 คาสาคัญในการเขยี น มกั ขน้ึ ต้นด้วย คาว่า เพอื่ ศึกษา . . . เพ่ือประเมิน... เพ่อื ตรวจสอบ เพอ่ื วิเคราะห์ . . . หรือ เพ่ือเปรียบเทียบ . . . 3.2 แนวทางการเขยี นวัตถุประสงคข์ องการประเมิน การเขียนวตั ถุประสงค์ของการประเมนิ มแี นวปฏิบตั ิ ดงั น้ี 3.2.1 เขยี นในรปู ของวตั ถปุ ระสงคท์ วั่ ไป ดังตวั อย่าง (1) เพ่อื ประเมนิ โครงการ “ธนาคารความดี” ของโรงเรยี น . . . (2) เพื่อประเมินผลการดาเนินงานโครงการส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ พอเพียง การเขียนวัตถุประสงค์ทั่วไปนี้ จะเป็นวัตถุประสงค์กว้าง ๆ ขาดความเฉพาะเจาะจง ทาให้วัดและ ประเมนิ ได้ยาก โดยท่วั ไปจึงนยิ มเขียนวตั ถปุ ระสงคเ์ ฉพาะรว่ มด้วย ดังตัวอย่าง เพ่ือประเมินโครงการพลังเพื่อนขับเคล่ือนห่างไกลภัยยาเสพติด โดยมี วัตถุประสงค์เฉพาะ ดังนี้ 1. เพ่ือประเมนิ ความรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกับวิธีป้องกันภยั ยาเสพตดิ 2. เพื่อประเมนิ ความร่วมมอื ระหวา่ งครู ผปู้ กครองและนักเรียนในการป้องกันภัย ยาเสพตดิ 3. เพอ่ื ศึกษาความพงึ พอใจของครู ผ้ปู กครองและนักเรยี นต่อโครงการพลังเพอื่ น ขบั เคล่อื นหา่ งไกลภัยยาเสพติด 3.2.2 ต้องเขียนในลักษณะของวัตถุประสงค์ของการวิจัย ท่ีเป็นเป้าหมายในการศึกษาหา คาตอบในประเดน็ ทตี่ ้องการศกึ ษาหรือประเมิน ไมเ่ ขียนในสิง่ ทเี่ ปน็ วิธดี าเนินงาน สิ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้นหรือ ส่ิงทีเ่ ป็นประโยชนท์ ีค่ าดวา่ จะไดร้ บั จากการประเมิน ดงั ตัวอยา่ ง เพอ่ื ใหน้ ักเรียนมีนิสัยรักการอ่าน... หรือ เพ่ือเสรมิ สรา้ งนสิ ยั รกั การอา่ นสาหรบั นักเรียน... หรอื เพ่ือพฒั นานักเรยี นใหม้ ีนสิ ัยรักการอา่ น... โครงการพัฒนาบคุ ลากรด้านการประเมนิ โครงการ 16 กลมุ่ นเิ ทศ ตดิ ตามและประเมนิ ผล
การเขียนวตั ถปุ ระสงคข์ องการประเมนิ ในลักษณะดังกล่าวนี้ เปน็ การเขียนสิ่งที่ต้องการให้ เกิดข้ึน ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์ของการพัฒนาหรือวัตถุประสงค์ของโครงการ แต่ถ้าเขียนวัตถุประสงค์ของการ ประเมินว่า “เพื่อให้ได้แนวทางในการปรับปรุงและพัฒนาโครงการเสริมสร้างนิสัยรักการอ่าน...” การเขียน ลักษณะนี้ถ้าตัดคาว่า “เพื่อให้” ออกจะได้ข้อความใหม่ว่า “ได้แนวทางในการปรับปรุงและพัฒนาโครงการ เสริมสรา้ งนสิ ัยรักการอา่ น...” จะกลายเป็นการเขยี นประโยชนท์ คี่ าดวา่ จะไดร้ ับจากการประเมิน 3.2.3 เขยี นในรปู ของวตั ถปุ ระสงค์ที่มีลกั ษณะเฉพาะเจาะจงโดยเนน้ ประเดน็ การประเมิน ตัวแปรท่ีศึกษาหรอื ตัวบ่งชี้ 3.2.4 เขยี นให้ชดั เจน ใชภ้ าษาทเี่ ข้าใจง่าย ส้นั กะทัดรดั ชี้เฉพาะเจาะจงวา่ ต้องการจะศึกษา หรือคน้ หาคาตอบเร่ืองอะไรเกย่ี วกบั โครงการท่มี ่งุ ประเมิน 3.2.5 แนวทางการเขยี นวัตถุประสงคข์ องการประเมิน สามารถเขียนได้ 2 รปู แบบดงั นี้ 1) โดยการใช้วัตถุประสงค์หรือเป้าหมายของโครงการเป็นฐานคิด (Goal Based) เป็น การเขียนวัตถุประสงค์ของการประเมินตามความต้องการ อยากรู้ตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายของ โครงการ ดังตัวอย่าง โครงการพัฒนาผู้ให้คาปรึกษาใกล้ตัว โรงเรียนวัดราษฎร์บารุง อาเภอบ้างโป่ง จังหวัด ราชบุรี เขียนวัตถุประสงค์ของการประเมินโดยอิงวัตถุประสงค์ของโครงการ และพิจารณาจากประเด็นการ ประเมินได้ดังน้ี (ปรับจาก ชตุ ิรตั น์ วชั รจรัสกุล. 2538) ตารางที่ 1 ตัวอยา่ งการเขยี นวตั ถปุ ระสงค์ของการประเมนิ โดยการองิ วตั ถุประสงคห์ รือเป้าหมายของ โครงการ วตั ถุประสงค์ของโครงการ ประเดน็ การประเมนิ (ตัวบ่งช)ี้ วัตถปุ ระสงค์ของการประเมิน เพ่อื พัฒนานกั เรียนให้เป็นผใู้ ห้คา ปรกึ ษาใกลต้ ัว โดยมี วตั ถุประสงค์เฉพาะดงั น้ี 1. เพื่อใหน้ ักเรียนมคี วามรู้ความ 1. ความรู้ความเข้าใจในการให้ 1. เพ่อื ประเมนิ ความรคู้ วามเขา้ ใจใน เขา้ ใจในการให้คาปรึกษา คาปรกึ ษาของผู้ให้คาปรึกษา การให้คาปรึกษาของนักเรียนท่ีเป็น ใกลต้ ัว ผูใ้ หค้ าปรกึ ษาใกลต้ วั 2. เพ่อื ให้นักเรียนมบี คุ ลิกภาพท่ี 2.บคุ ลิกภาพของผูใ้ ห้คาปรึกษา 2. เพื่อประเมนิ บคุ ลิกภาพของ เหมาะสมในการเป็นผใู้ ห้ ใกล้ตวั นักเรยี นทเ่ี ป็นผู้ใหค้ าปรึกษาใกลต้ ัว คาปรึกษา 3. เพื่อใหน้ ักเรยี นมเี จตคติตอ่ การ 3. เจตคตติ อ่ การปฏิบัติงานการ 3. เพื่อประเมนิ เจตคตติ อ่ การ ปฏิบตั งิ านการเปน็ ผูใ้ ห้คาปรึกษา เป็นผใู้ ห้คาปรึกษา ปฏิบตั ิงานการเปน็ ผู้ให้คาปรกึ ษา 4. เพอ่ื ให้นักเรียนสามารถ 4. ผลการปฏบิ ัติงานการเปน็ 4. เพ่ือประเมนิ ผลการปฏบิ ตั งิ านของ ปฏิบัติงานเป็นผ้ใู หค้ าปรึกษา ผใู้ หค้ าปรกึ ษาใกลต้ วั ผใู้ ห้คาปรึกษาใกล้ตวั สาหรบั เพือ่ น โครงการพฒั นาบคุ ลากรด้านการประเมนิ โครงการ 17 กลุ่มนเิ ทศ ติดตามและประเมนิ ผล
2) โดยการใช้แนวคิดของรูปแบบการประเมินเป็นฐานคิด (Model Based) ดังตัวอย่าง การใช้รูปแบบการประเมินซิป (CIPP Model) ของสตัฟเฟิลบีม (Stufflebeam) กาหนดวัตถุประสงค์ของ การประเมนิ ได้ ดังตวั อย่างในตารางท่ี 2 ตารางท่ี 2 การกาหนดวตั ถปุ ระสงคข์ องการประเมินโดยใชร้ ูปแบบการประเมินซิป (CIPP Model) องคป์ ระกอบของการประเมิน ประเดน็ การประเมิน/ตัวบ่งช้ี วัตถปุ ระสงค์ของการประเมิน 1. บรบิ ทหรือสภาวะแวดลอ้ ม (context) 1. บริบทหรือสภาวะแวดล้อมของ 1. เพือ่ ประเมินบริบทหรือสภาวะ 2. ปจั จัยเบอื้ งต้น (input) 3. กระบวนการดาเนนิ โครงการ โครงการ แวดล้อมของโครงการ (process) 4. ผลผลติ ของโครงการ 2. ความเหมาะสม/ความพอเพยี ง 2. เพือ่ ประเมินความเหมาะสม/ (product) ของทรพั ยากร ความพอเพียงของทรัพยากรใน 3. ประสทิ ธภิ าพของการบริหาร การดาเนินโครงการ โครงการ 3. เพื่อประเมินประสิทธภิ าพของ 4. ผลผลิตหรอื ผลสมั ฤทธข์ิ อง การบรหิ ารโครงการ โครงการ 4. เพอื่ ประเมินผลสัมฤทธ์ิของ โครงการ ข้นั ที่ 4 ศกึ ษาแนวคิด ทฤษฎี และรูปแบบการประเมิน การศึกษาแนวคดิ ทฤษฎีท่เี ก่ยี วกับการประเมินจะทาให้นักประเมิน โดยเฉพาะนักประเมินมือใหม่มี ฐานความคิดและมองเห็นแนวทางในการดาเนินการประเมินโครงการได้ชัดเจนมากข้ึน สามารถออกแบบ และวางแผนการประเมินโครงการได้ครอบคลุม และเอื้อประโยชน์ต่อการใช้ผลการประเมินได้มากขึ้น นอกจากนี้ นักประเมินควรจะได้ศึกษากรณีตัวอย่างการประเมินโครงการท่ีมีลักษณะคล้ายคลึงกัน หรือ ใกล้เคียงกันด้วย รวมท้ังการศึกษารูปแบบหรือแบบจาลองการประเมินที่นักประเมินมืออาชีพได้เสนอไว้ ซ่ึง จะทาให้นักประเมินได้แนวคิดและมองเห็นแนวทางในการดาเนินการประเมิน มีความเช่ือม่ันและสามารถ ออกแบบการประเมินได้อย่างคมชัดลึกมากขึ้น เพราะรูปแบบการประเมินจะเป็นกรอบแนวความคิดในการ ประเมินที่บ่งบอกให้ทราบว่า ในการประเมินโครงการน้ัน ควรพิจารณาประเมินอะไรบ้าง (What) และใน บางรปู แบบการประเมนิ อาจเสนอแนะถงึ วิธกี ารประเมนิ ตรวจสอบด้วยวา่ ควรทาอย่างไร (How) ดังตัวอย่าง รูปแบบการประเมินซิป (CIPP Model) ของสตัฟเฟิลบีม ได้เสนอแนะว่า ในการประเมินโครงการควร พิจารณาหรือตัดสินคุณค่าของโครงการใน 4 ประเด็น คือ 1) การประเมินสภาวะแวดล้อมของโครงการ (Context evaluation) 2) การประเมินทรัพยากรท่ีใช้ในโครงการ (Input evaluation) 3) การประเมิน โครงการพัฒนาบคุ ลากรด้านการประเมนิ โครงการ 18 กลุม่ นเิ ทศ ตดิ ตามและประเมินผล
กระบวนการดาเนินโครงการ (Process evaluation) และ 4) การประเมินผลผลิตของโครงการ (Product evaluation) การศึกษาเรยี นรเู้ กย่ี วกบั รูปแบบการประเมินต่าง ๆ จะช่วยให้นักประเมนิ สามารถออกแบบ และวางแผนการประเมนิ ได้อย่างสมเหตสุ มผล มีความเช่ือมั่นในการดาเนินการประเมินโครงการให้บรรลุผล สาเรจ็ ได้ ข้นั ท่ี 5 การออกแบบการประเมิน การออกแบบการประเมินโครงการ เป็นการวางแผนการประเมินเพ่ือกาหนดรูปแบบ ขอบเขตและ แนวทางการประเมนิ เพ่ือใหไ้ ดส้ ารสนเทศเกี่ยวกับโครงการท่ีมุ่งประเมิน ซึ่งจะเน้นประโยชน์ต่อการตัดสินใจ ปรับปรุงและพัฒนาโครงการต่อไป การออกแบบการประเมินที่มีประสิทธิภาพท่ีจะให้ได้คาตอบตรงตาม วัตถุประสงค์ของการประเมนิ หรือได้ขอ้ มูลสารสนเทศที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจ จะต้องมีองค์ประกอบ ที่สาคัญ 3 ประการ คอื 5.1 การออกแบบการวัดตวั แปร (Measurement Design) เปน็ การวางแผนเพ่ือกาหนดว่า ในการ ประเมินโครงการครั้งน้ี มุ่งศึกษาประเด็นการประเมิน ตัวแปรหรือตัวบ่งช้ีใดบ้าง และจะใช้เคร่ืองมือและ เทคนคิ วิธกี ารเก็บรวบรวมขอ้ มลู ชนิดใดบ้าง 5.2 การออกแบบการสุ่มตัวอย่าง (Sampling Design) หรือการเลือกผู้ให้ข้อมูลหลัก (Key Informants) เป็นการวางแผนเพื่อกาหนดว่า ในประเด็นการประเมิน ตัวแปรหรือตัวบ่งชี้เหล่านั้น จะเก็บ รวบรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมูลหรือกลุ่มตัวอย่างใด หรือใครจะเป็นผู้ให้ข้อมูล ในบางกรณีอาจกาหนดผู้ให้ ข้อมูลหลัก ซึ่งมักจะเป็นผู้เก่ียวข้องท่ีรับรู้เกี่ยวกับโครงการเป็นอย่างดี ที่สามารถจะให้ข้อมูลได้อย่างชัดเจน ถูกตอ้ ง และตรงประเด็น 5.3 การออกแบบการวเิ คราะห์ข้อมูล (Analysis Design) เป็นการวางแผนเพ่ือกาหนดว่า ข้อมูลท่ี เก็บรวบรวมมาได้จากเคร่ืองมือวัดแต่ละประเภทจะวิเคราะห์ข้อมูลอย่างไร ใช้วิธีการทางสถิติอย่างไร หรือ วเิ คราะหข์ อ้ มลู ด้วยสถติ ิชนิดใด กล่าวโดยสรุปในการออกแบบการประเมินโครงการเป็นการกาหนดแนวทางการประเมินโครงการ โดยนักประเมินจะต้องศึกษาวิเคราะห์ในแต่ละวัตถุประสงค์ของการประเมินว่า จะมุ่งศึกษาประเด็นการ ประเมิน ตัวแปรหรือตัวบ่งช้ีอะไรบ้าง จะเก็บรวบรวมข้อมูลจากแหล่งใด ใครเป็นผู้ให้ข้อมูลหลัก โดยใช้ เคร่อื งมอื วดั ชนิดใดและจะนาข้อมลู มาวเิ คราะหอ์ ยา่ งไร รวมท้งั จะตดั สนิ ผลการประเมนิ โดยใชเ้ กณฑอ์ ะไร ข้นั ท่ี 6 พัฒนาเครอ่ื งมือเกบ็ รวบรวมข้อมูล ในข้ันตอนนี้ เปน็ การตรวจสอบว่า เครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูลที่ระบุไว้น้ันมีหรือยัง จะใช้เครื่องมือ ที่มีผู้อน่ื สร้างไว้แล้วหรือจะต้องสร้างขึ้นมาใหม่ เคร่ืองมือท่ีใช้เก็บรวบรวมข้อมูลจะต้องวัดได้ตรง สอดคล้อง และครอบคลุมประเด็นการประเมินหรือตัวแปรท่ีศึกษา หากเคร่ืองมือท่ีมีอยู่ไม่เหมาะสมที่จะนามาใช้ นัก ประเมนิ จะต้องสรา้ งเครอ่ื งมอื เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ข้ึนมาใหม่ โดยจะต้องมีการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือ โครงการพฒั นาบคุ ลากรดา้ นการประเมนิ โครงการ 19 กลมุ่ นเิ ทศ ติดตามและประเมินผล
วัด เช่น ความเป็นปรนัย (Objectivity) ความยาก (Difficulty) ความตรง (Validity) ความเที่ยง (Reliability) เป็นตน้ ข้นั ท่ี 7 เกบ็ รวบรวมข้อมูล การดาเนนิ การตามขน้ั ตอนของการประเมินดังกล่าวข้างตน้ ทาใหน้ ักประเมินมกี รอบแนวทางการ ประเมนิ ท่ีชัดเจน และไดเ้ ครือ่ งมือการประเมนิ แล้ว ข้นั ตอนตอ่ ไปเป็นการดาเนินการเก็บรวบรวมขอ้ มูลจรงิ โดยใชเ้ คร่ืองมือเกบ็ รวบรวมข้อมูลแต่ละชนดิ ซ่งึ จะต้องมีการวางแผน ประสานงานกับผูใ้ หข้ ้อมูลหลัก กาหนดชว่ งระยะเวลา วธิ กี ารดาเนนิ การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลให้ชดั เจน เพอื่ ให้การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู มีความ ถูกต้องและสมบรู ณ์ครบถ้วนมากทีส่ ุด ข้นั ที่ 8 วิเคราะหข์ ้อมูล ในข้ันน้ี เป็นขั้นของการวิเคราะห์ข้อมูลและแปลความหมายของข้อมูลในการประเมิน เพื่อให้ได้ ข้อสรุปคาตอบตามวัตถุประสงค์ของการประเมินโครงการตามท่ีได้กาหนดไว้ วิธีการวิเคราะห์ข้อมูลต้อง พิจารณาให้สอดคล้องกับลักษณะของข้อมูลท่ีเก็บรวบรวมมาได้ โดยทั่วไปการวิเคราะห์ข้อมูลมี 2 ลักษณะ คอื 1. ถ้าเป็นขอ้ มูลเชิงปรมิ าณ การวเิ คราะห์จะใชส้ ถติ เิ ปน็ เครื่องมือช่วย ได้แก่ ร้อยละ คา่ เฉลี่ย ส่วน เบยี่ งเบนมาตรฐาน การทดสอบนัยสาคญั ทางสถติ ิดว้ ย t–test, F–test เปน็ ตน้ 2. ถา้ เปน็ ข้อมลู เชิงคุณลักษณะหรือเชิงคุณภาพ ได้แก่ ข้อมูลท่ีไม่ได้วัดออกมาเป็นตัวเลขแต่อาจจะ อยูใ่ นรูปการบรรยายสถานการณ์ ความรูส้ กึ ความคดิ เหน็ หรอื คุณลักษณะของสิ่งต่าง ๆ การวเิ คราะห์ขอ้ มูล ประเภทนี้ สว่ นมากใชเ้ ทคนคิ การวิเคราะห์เน้ือหา (Content Analysis) ส่งิ ท่ีผปู้ ระเมนิ ต้องพิจารณาในการวิเคราะห์และแปลความหมายของข้อมลู มีดงั น้ี 1. เทคนิคที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ต้องมีความเหมาะสม สามารถทาให้ได้ข้อมูลสารสนเทศที่ สอดคล้องหรอื ตอบวัตถุประสงคข์ องการประเมนิ โครงการ 2. การวิเคราะห์และแปลความหมายของข้อมูล ต้องไม่ลาเอียง และมีอคติส่วนตัว การวิเคราะห์ ข้อมูลในการประเมินส่วนใหญ่จะเป็นการเปรียบเทียบข้อมูลผลการประเมินกับเกณฑ์การประเมิ นว่า สอดคล้องหรือผ่านเกณฑ์ท่ีกาหนดไว้หรือไม่ เพ่ือตัดสินคุณค่าและตัดสินใจเก่ียวกับโครงการที่มุ่งประเมิน เกณฑ์ในการประเมินจงึ มีความสาคัญเพราะใชเ้ ป็นสงิ่ เปรียบเทยี บกบั ข้อมลู ทไี่ ดจ้ ากการวิเคราะห์ ขัน้ ที่ 9 รายงานผลการประเมนิ เป้าหมายสาคญั ของการประเมนิ โครงการ เพื่อนาข้อมูลผลการประเมนิ ไปใช้ประกอบการตดั สินใจ เก่ยี วกับการปรับปรุงและพัฒนาโครงการใหเ้ กดิ ประโยชนต์ ่อกลมุ่ เป้าหมายหรือการบรหิ ารโครงการ ข้นั ตอน โครงการพัฒนาบุคลากรดา้ นการประเมนิ โครงการ 20 กล่มุ นิเทศ ตดิ ตามและประเมินผล
การรายงานผลการประเมนิ จงึ เปน็ ขนั้ ตอนทีม่ คี วามสาคญั อย่างย่ิงทน่ี กั ประเมนิ จะต้องจดั ทารายงานผลการ ประเมนิ เพือ่ นาเสนอต่อผบู้ รหิ ารหรอื ผ้มู อี านาจในการตัดสนิ ใจเกี่ยวกบั โครงการ ส่ิงทีน่ กั ประเมินต้องพจิ ารณาในการนาเสนอผลการประเมนิ โครงการ มดี งั น้ี 1. ผูใ้ ชผ้ ลการประเมินเปน็ ใคร และต้องการสารสนเทศจากการประเมนิ ไปใช้ทาอะไร เม่ือไร 2. รูปแบบการนาเสนอผลการประเมินในลักษณะใด จึงจะเหมาะสมมากที่สุด เช่น จัดทาเป็น รายงานเชิงการบริหาร หรือบทสรุปสาหรับผู้บริหาร ใช้วิธีการบรรยายสรุปเสนอต่อท่ีประชุมคณะกรรมการ หรือบคุ คลทเี่ กย่ี วขอ้ งหรอื จดั ทารายงานฉบบั สมบรู ณ์ เป็นต้น 3. การเสนอผลการประเมิน ควรยึดหลักสาคัญคือ มีความถูกต้อง ความชัดเจน ความสมบูรณ์ ครบถ้วน ความมเี หตผุ ล และความเปน็ ปจั จุบนั ทนั ต่อการใช้ การประเมนิ กอ่ นการดาเนินโครงการ ในการตัดสินใจริเร่ิมจัดทาโครงการใด ๆ องค์กรหรือผู้รับผิดชอบจะต้องม่ันใจว่าโครงการที่คิดจะ จัดทาน้ันจะต้องมีคุณค่า เป็นประโยชน์ สอดคล้องสนองตอบความต้องการจาเป็นขององค์กร ผู้รับบริการ หรือผู้เกี่ยวข้อง ทั้งน้ีเพราะในการจัดดาเนินโครงการแต่ละคร้ังต้องลงทุน ใช้ทรัพยากรทั้งเงิน คน วัสดุ อุปกรณ์ อาคารสถานที่และเวลา ดังนั้นก่อนตัดสินใจจัดทาโครงการจึงจาเป็นต้องมีข้อมูลสารสนเทศท่ี เพียงพอต่อการตัดสนิ ใจ ซ่ึงจะไดม้ าจากการประเมินก่อนการดาเนนิ โครงการ 1. ความหมายของการประเมินก่อนการดาเนินโครงการ การประเมินก่อนการดาเนินโครงการหรือการประเมินก่อนเริ่มโครงการ ตรงกับคาใน ภาษาอังกฤษว่า “pre – evaluation program” หรือ “ex – ante evaluation program” ซึ่งหมายถึง การเก็บรวบรวมข้อมูลเก่ียวกับความเหมาะสม ความเป็นไปได้ในการนาโครงการไปใช้ดาเนินงานกับ กลุ่มเป้าหมาย เป็นการประเมินก่อนท่ีจะมีการใช้โครงการจริง ๆ (รัตนะ บัวสนธ์. 2540 : 51) การประเมิน ก่อนการดาเนินโครงการ จึงเป็นการศึกษาเพ่ือกาหนดโครงการก่อนการลงทุน การประเมินส่วนน้ีเน้น การศึกษาความต้องการให้มีการดาเนินโครงการ รวมท้ังศึกษาความเป็นไปได้ท่ีจะดาเนินโครงการตาม วัตถุประสงค์ของโครงการที่ได้กาหนดจากความต้องการข้างต้น (นิศา ชูโต นงงาม เศรษฐพานิช และนิตยา ภัสสรศิริ. 2544 : 174) ซึ่งตามแนวคิดของ เชิดศักดิ์ โฆวาสินธ์ุ (2541 : 10) เห็นว่า การประเมินก่อนเร่ิม โครงการเป็นการประเมินเบื้องต้นท่ีจาเป็นสาหรับการวางแผนโครงการที่มีประสิทธิภาพ เป็นการวางแผน จากข้อมูล ข้อเทจ็ จรงิ เป็นการประเมินเพ่อื ศกึ ษาปัญหาและความต้องการของสงั คมหรือชุมชน ซ่ึงเป็นแหล่ง เป้าหมายในการนาโครงการไปปฏิบัติ ซึ่งรู้จักกันในหมู่นักประเมินว่า เป็นการประเมินความต้องการจาเป็น (needs assessment) โครงการพัฒนาบุคลากรด้านการประเมนิ โครงการ 21 กลุ่มนเิ ทศ ติดตามและประเมินผล
กล่าวโดยสรุป การประเมินก่อนการดาเนินโครงการ เป็นการศึกษาเพื่อตัดสินใจก่อนการจัดทา โครงการ โดยม่งุ ประเมินความต้องการจาเป็นและการศึกษาความเป็นไปได้ในการดาเนินโครงการ ซ่ึงจะช่วย ใหก้ ารตัดสนิ ใจจัดทาโครงการมคี วามรอบคอบมากข้นึ 2. ความสาคญั ของการประเมินกอ่ นการดาเนินโครงการ การประเมนิ ก่อนการดาเนนิ โครงการมีความสาคัญ ดังน้ี 2.1 ทาให้องค์กรหรือผู้ที่จัดทาโครงการมีเหตุผล มีความม่ันใจและมีความรอบคอบในการ ตัดสินใจริเร่ิมโครงการวา่ โครงการท่จี ดั ทานั้นมคี วามสาคญั และเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมายของโครงการ หรือไม่ เพียงใด กล่าวคือ โครงการดังกล่าวน้ันสามารถตอบสนองต่อนโยบายขององค์กรท่ีอยู่ระดับสูงกว่า หรอื สอดคลอ้ งกบั สภาพปัญหาและความตอ้ งการของผู้รับผลจากโครงการหรอื ไม่ เพียงใด 2.2 สารสนเทศจากการประเมินก่อนการดาเนินโครงการจะช่วยให้ผู้บริหารที่เกี่ยวข้องกับ โครงการสามารถตัดสินใจอนุมัติหรือไม่อนุมัติให้ดาเนินโครงการได้อย่างสมเหตุสมผล กล่าวคือ ถ้าข้อมูล สารสนเทศจากการประเมินบ่งช้ีว่า โครงการที่จะจัดทานั้นสนองตอบต่อนโยบายระดับสูงและ/หรือ สอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการของผู้รับผลจากโครงการ ผู้บริหารก็สามารถตัดสินใจให้ดาเนิน โครงการได้ แต่ถ้าผลการประเมินบ่งช้ีในทางตรงกันข้ามคือ โครงการนั้นไม่สนองตอบต่อนโยบายระดับสูง และ/หรือไม่สอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการของผู้รับผลจากโครงการ ผู้บริหารอาจตัดสินใจ ไมใ่ ห้ดาเนินโครงการ ซึ่งถือว่าการตัดสินใจของผู้บริหารท้ังสองกรณีดังกล่าวตั้งบนหลักของเหตุผลที่ดีและมี ความรอบคอบ 2.3 สารสนเทศจากการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ จะช่วยช้ีว่าโครงการที่จะ ดาเนินการนั้นสามารถจะนาไปปฏิบัติได้จริงตามแผนการดาเนินงานภายใต้ทรัพยากรและระยะเวลาที่ กาหนดไว้หรอื ไม่ มีโอกาสท่ีจะเกิดผลสาเร็จตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายของโครงการหรือไม่ ซ่ึงจะทาให้ ผู้บริหารหรือผู้รับผิดชอบโครงการได้พิจารณาไตร่ตรองด้วยความรอบคอบ และตัดสินใจว่าควรปรับเปล่ียน แผนการดาเนินงานและจัดสรรทรัพยากรให้เหมาะสมที่สามารถดาเนินงานได้จริงหรือตัดสินใจว่า ควรจะ ดาเนินโครงการนั้นหรือไม่ อย่างไร เพื่อให้เกิดความคุ้มค่ากับการลงทุนมากที่สุดหรือลดภาวะความเสี่ยงใน การดาเนินโครงการให้เหลอื น้อยท่สี ุด 3. วิธีการประเมินก่อนการดาเนนิ โครงการ การประเมินก่อนการดาเนินโครงการมีกิจกรรมสาคัญท่ีควรดาเนินการ คือ การประเมินความ ต้องการจาเป็น (needs assessment) และการศกึ ษาความเป็นไปได้ของโครงการ (feasibility study) ซึ่งมี สาระสาคัญและวธิ ีการประเมนิ ดงั นี้ โครงการพัฒนาบคุ ลากรดา้ นการประเมนิ โครงการ 22 กลมุ่ นิเทศ ตดิ ตามและประเมินผล
3.1 การประเมนิ ความต้องการจาเป็น ในการบริหารโครงการอย่างเป็นระบบ จะต้องมีการวิเคราะห์สภาพปัจจุบัน ปัญหา และ ความตอ้ งการก่อนวางแผนโครงการ ซึ่งเป็นลักษณะของการประเมินความต้องการจาเป็นนับว่าเป็นกิจกรรม ท่ีสาคัญท่ีจะทาให้ผู้บริหารโครงการได้ทราบสภาพปัญหา สาเหตุของปัญหา และความต้องการที่แท้จริงใน การกาหนดโครงการ ทาให้ได้โครงการท่ีมีความเหมาะสมและตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย หรอื ผรู้ ับบรกิ าร การประเมนิ ความตอ้ งการจาเป็น (needs assessment) จึงเป็นกิจกรรมที่สาคัญย่ิงสาหรับ การวางแผนโครงการทีม่ ปี ระสทิ ธิภาพ เพราะจะทาให้ทราบรายการปญั หาหรือความต้องการจาเป็นที่แท้จริง ซ่ึงจะช่วยเพ่ิมโอกาสให้สามารถกาหนดโครงการได้อย่างเหมาะสมที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพและประสิทธิผล ของโครงการ 3.2 การศกึ ษาความเป็นไปได้ของโครงการ การศกึ ษาความเป็นไปได้ของโครงการ เป็นการประเมินอีกลักษณะหนึ่งท่ีทาข้ึนก่อนที่จะมี การจัดทาโครงการใดโครงการหนึ่ง นิยมใช้กันมากในการจัดโครงการทางด้านธุรกิจและอุตสาหกรรม และ เป็นโครงการขนาดใหญ่ แต่สามารถประยุกต์ใช้แนวคิดและวิธีการในโครงการทางการศึกษาได้ ดังนั้น การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการจึงเป็นกระบวนการจัดหาข้อมูลเพ่ือใช้ตรวจสอบความเหมาะสม และ ความคุ้มค่าของผลท่ีจะเกิดขึ้นจากโครงการซึ่งจะนาไปสู่การตัดสินใจของผู้มีอานาจในการตัดสินใจเกี่ยวกับ การจัดทาโครงการอยา่ งสมเหตสุ มผลและมีความรอบคอบมากยิง่ ขน้ึ การประเมนิ ระหว่างการดาเนินโครงการ ในระหวา่ งการดาเนินโครงการ ผบู้ รหิ ารโครงการจาเป็นต้องมีข้อมูลสารสนเทศสาหรับการตัดสินใจ เก่ียวกับการดาเนินโครงการ ท้ังน้ีเพื่อท่ีได้ทราบว่าการดาเนินโครงการเป็นตามแผนที่กาหนดไว้หรือไม่ มี ความก้าวหน้า หรือมีปัญหา อุปสรรคอะไรบ้าง ซ่ึงจะได้ปรับปรุงแผนการดาเนินงาน หรือแก้ไขปัญหา อุปสรรคได้ทันเวลา หรือเร่งรัดการดาเนินงานให้มีความก้าวหน้า การดาเนินการดังกล่าวเป็นลักษณะของ การประเมินระหวา่ งการดาเนินโครงการ ซง่ึ มสี าระสาคัญ ดงั นี้ 1. ความหมายของการประเมินระหวา่ งการดาเนนิ โครงการ การประเมินระหว่างการดาเนินโครงการ (implementation evaluation or process evaluation) เป็นการประเมินการดาเนินงานเมื่อนาโครงการท่ีวางแผนไว้แล้วไปปฏิบัติ ทั้งนี้เพ่ือศึกษาการ ปฏิบัติงานว่าเป็นไปตามแผนที่กาหนดไว้หรือไม่ กิจกรรมใดทาได้หรือทาไม่ได้ เพราะเหตุใด มีจุดเด่น จุด ด้อย มีปัญหาและอุปสรรคอะไรบ้าง (สมคิด พรมจุ้ย. 2550 : 40) ซึ่ง นิศา ชูโต นงราม เศรษฐพานิช และ นิตยา ภัสสรศิริ (2544 : 191) เรียกการประเมินกรณีนี้ว่า การประเมินขณะดาเนินโครงการ เป็น กระบวนการศกึ ษาข้อมูลเพือ่ ตรวจสอบการดาเนินงานว่า เป็นไปตามแผนหรือไม่ และได้ผลเป็นอย่างไร โดย โครงการพัฒนาบคุ ลากรด้านการประเมนิ โครงการ 23 กลมุ่ นเิ ทศ ติดตามและประเมินผล
เป็นการตรวจสอบในระหว่างที่มีการดาเนินการไปแล้วระยะหน่ึง แต่ยังไม่ส้ินสุดโดยอาจจะมีการตรวจสอบ เปน็ ระยะ ๆ กล่าวโดยสรุป การประเมินระหว่างการดาเนินโครงการ หมายถึง การประเมินผลโครงการท่ี กาลงั อย่ใู นชว่ งดาเนินการหรืออยู่ในช่วงการใชโ้ ครงการ โดยมีการจัดกิจกรรมตา่ ง ๆ กบั กลุ่มเป้าหมายเพ่ือให้ ได้ผลตามวตั ถุประสงคข์ องโครงการทกี่ าหนดไว้ 2. ลักษณะของการประเมนิ ระหวา่ งการดาเนินโครงการ การประเมินระหว่างการดาเนินโครงการ มีลักษณะสาคัญโดยสรุปดังนี้ (สุพักตร์ พิบูลย์ และ กานดา นาคะเวช. 2544 : 7) 2.1 เป็นการประเมินในขณะท่ีโครงการกาลังดาเนินการอยู่ ซ่ึงอาจเป็นการดาเนินโครงการ คร้ัง แรกหรือเป็นการดาเนินโครงการต่อเนื่อง เช่น โครงการฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรที่มีการจัดอบรมเป็นรุ่น ๆ และมีแนวโน้มจะจัดฝึกอบรมอย่างต่อเนื่องต่อไปอีกหลายรุ่น โอกาสที่จะตัดสินใจยุติโครงการหรือล้มเลิก โครงการมีนอ้ ยมาก การประเมินในลักษณะดังกล่าวนี้จึงมีแนวโน้มท่ีจะออกแบบการประเมินในลักษณะของ การประเมินความกา้ วหนา้ 2.2 เป็นการประเมินที่มุ่งศึกษากระบวนการดาเนินงาน ซ่ึงอาจเป็นการตรวจสอบว่า กิจกรรม หรืองานของโครงการเป็นไปตามแผนหรือไม่ หากการดาเนินงานไม่เป็นไปตามแผน ต้องหาวิธีการปรับปรุง แก้ไขให้โครงการสามารถดาเนินงานไปได้ นอกจากน้ีอาจต้องศึกษาปัญหาและอุปสรรคในการดาเนิน โครงการด้วย เพ่ือนาผลการศึกษามาปรับปรุงแก้ไขปัญหาและอุปสรรคเพ่ือให้สามารถดาเนินงานบรรลุตาม วัตถุประสงค์ของโครงการได้ 2.3 เป็นการประเมินที่มุ่งหาข้อมูลมาประกอบการตัดสินใจปรับปรุงกิจกรรมหรือการปฏิบัติใน โครงการ ดงั น้นั ประเดน็ ท่มี งุ่ ประเมนิ อาจเน้นมองย้อนกลับไปศึกษาในด้านความชัดเจน ความเหมาะสมของ วัตถุประสงค์ของโครงการ ความพร้อมในด้านปัจจัยพื้นฐานของโครงการ รวมท้ังศึกษาในเร่ืองปัจจัยท่ี เกย่ี วข้องกบั ความสาเรจ็ ในการดาเนินโครงการดว้ ย 2.4 เปน็ การประเมินทเ่ี น้นการตรวจสอบความก้าวหนา้ ของผลการดาเนินโครงการวา่ มีผลงาน เป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ เพียงใด โดยอาจตรวจสอบทง้ั ในดา้ นปรมิ าณและคุณภาพของผลงาน 3. วธิ ีการประเมินระหวา่ งการดาเนินโครงการ การประเมินในระหว่างการดาเนินโครงการ มวี ิธีการประเมินในลกั ษณะต่อไปน้ี 3.1 การสารวจสภาพของโครงการ (status survey) เป็นการศึกษาสภาพการดาเนินโครงการ ในช่วงระยะเวลาหน่ึง ๆ จากบุคลากรและผู้ปฏิบัติงานในโครงการ เพ่ือเป็นการทบทวนการปฏิบัติงานของ บุคลากรและสะท้อนสภาพการดาเนินงานเป็นระยะ ๆ ให้แก่บุคคลภายนอกโครงการ โดยเน้นการสารวจ เฉพาะกิจกรรมสาคัญ แต่เน้นด้านประสิทธิภาพของบุคลากรและความสาเร็จขององค์ประกอบท่ีสาคัญใน โครงการ ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่ออธิบายให้เห็นสภาพการดาเนินงานของโครงการในปัจจุบัน วิธีการประเมินใช้ โครงการพัฒนาบคุ ลากรด้านการประเมนิ โครงการ 24 กลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมนิ ผล
ฐานความคิดของการวิจัยเชิงสารวจ ซึ่งมีการวางแผนการประเมิน สร้างเครื่องมือและเก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล สรุปผลการประเมินและนาผลการประเมินไปใช้ 3.2 การตรวจสอบการดาเนินงานตามแผน (process monitoring) เป็นการตรวจสอบ ความก้าวหน้าของโครงการว่า การดาเนินกิจกรรมของโครงการเป็นไปตามระยะเวลาที่กาหนดไว้ใน แผนปฏิบัติงานหรือไม่ รวมทั้งการพิจารณาถึงสาเหตุที่ทาให้งานมีความล่าช้าไม่เป็นไปตามแผนที่กาหนดไว้ การตรวจสอบการดาเนินงานตามแผนจึงมีจดุ มุ่งหมายเพอ่ื ให้การดาเนินโครงการเป็นไปตามแผนท่ีกาหนดไว้ และมีความก้าวหน้าในการดาเนินงาน วิธีการตรวจสอบอาจใช้การตรวจสอบโดยผู้ปฏิบัติงานในโครงการ ร่วมกันพิจารณาจากสภาพการปฏิบัติจริงกับแผนปฏิบัติงานที่ได้กาหนดไว้ ซึ่งอาจใช้การประชุมพิจารณา ร่วมกนั หรือใช้แบบสอบถามกับกลุม่ ผปู้ ฏบิ ัติงาน 3.3 การสารวจปัญหาและอุปสรรคในการดาเนินงาน (problem survey) เป็นการสารวจ ความเหน็ ของผูป้ ฏบิ ัตงิ านในประเด็นของปัญหาและอุปสรรคทที่ าให้การดาเนินโครงการไม่เป็นไปตามแผนที่ กาหนด หรอื ไมม่ คี วามกา้ วหนา้ ในการดาเนนิ โครงการ โดยมจี ุดมงุ่ หมายดังนี้ 3.3.1 เพ่ือสารวจปัญหาและอุปสรรคที่กลุ่มผู้ปฏิบตั งิ านมองเห็นตรงกนั วา่ เปน็ อุปสรรค สาคัญในการดาเนินโครงการ 3.3.2 เพอ่ื ใหเ้ กิดความเขา้ ใจระหวา่ งผู้ปฏบิ ัตงิ านเก่ยี วกับปัญหาในการทางาน ซึ่งจะนาไปสู่ การหาแนวทางแก้ไขปัญหารว่ มกัน 3.3.3 เพื่อปรับปรุงเปล่ียนแปลงกิจกรรมหรือวิธีการดาเนินโครงการให้เหมาะสมมากข้ึน และสามารถดาเนินโครงการในระยะต่อไปได้จนบรรลุผลสาเรจ็ ตามวัตถุประสงคข์ องโครงการ 3.3.4 เพ่อื คาดการณ์ล่วงหน้าเกยี่ วกบั ปัญหาทอ่ี าจจะเกิดข้ึนในการดาเนินโครงการในระยะ ต่อไป และหาแนวทางป้องกันหรือแก้ไขปัญหาให้ทันท่วงที วิธีการสารวจปัญหาและอุปสรรคในการ ดาเนนิ งาน ใช้แบบสารวจสภาพปัญหาและอุปสรรคในการดาเนินโครงการจากผู้ปฏิบัติงานในโครงการ หรือ อาจใชก้ ารประชุมพิจารณาร่วมกันจากผู้บรหิ ารและผู้ปฏิบัติงานในโครงการ 3.4 การสารวจผลการดาเนินโครงการ (benefit survey) เป็นการสารวจความคิดเห็นของ บุคลากรในโครงการ ตลอดจนผู้รับบริการจากโครงการถึงผลที่เกิดข้ึนในช่วงระยะเวลาการดาเนินโครงการ ซ่ึงอาจจะเป็นทั้งผลตามวัตถุประสงค์ของโครงการหรือผลท่ีเกิดขึ้นนอกเหนือจากวัตถุประสงค์ของโครงการ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อหาหลักฐานอธิบายเช่ือมโยงถึงความสาเร็จของโครงการในช่วงระหว่างการดาเนิน โครงการ วิธกี ารสารวจผลการดาเนนิ โครงการ ทาได้โดยใช้วิธีการวิจัยเชิงสารวจความคิดเห็นของบุคลากรที่ เกยี่ วขอ้ งในโครงการ ตรวจสอบผลทเ่ี กดิ ขึ้นไดโ้ ดยเทยี บกับวัตถุประสงค์ของโครงการ โครงการพัฒนาบคุ ลากรดา้ นการประเมนิ โครงการ 25 กลมุ่ นเิ ทศ ติดตามและประเมนิ ผล
การประเมินหลงั การดาเนินโครงการ การประเมินหลังการดาเนินโครงการ เป็นกิจกรรมสาคัญที่จะช่วยให้ได้ข้อมูลสารสนเทศเก่ียวกับ การดาเนินโครงการเมื่อโครงการส้ินสุดลงแล้วซ่ึงจะช่วยให้ผู้บริหารหรือผู้รับผิดชอบโครงการสามารถ ตดั สนิ ใจเก่ียวกับอนาคตของโครงการดว้ ยความรอบคอบวา่ จะดาเนนิ โครงการต่อไป ยุตหิ รือยกเลิกโครงการ การประเมินหลังการดาเนินโครงการจะช่วยให้ทราบผลที่เกิดขึ้นว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือเป้าหมาย ของโครงการหรือไม่ มีผลกระทบที่เกิดข้ึนตามมาหรือไม่ ผลผลิตท่ีได้จากโครงการมีความคุ้มค่าหรื อไม่ เพียงใด การประเมินหลังการดาเนินโครงการจะเป็นสิ่งท่ีช่วยให้นักประเมินหรือผู้บริหารได้คาตอบตามที่ ตอ้ งการ และนาไปสูก่ ารตดั สนิ ใจในการบรหิ ารโครงการในโอกาสต่อไปได้อย่างมปี ระสิทธิภาพมากข้นึ 1. ความหมายของการประเมินหลงั การดาเนินโครงการ การประเมินหลังการดาเนินโครงการ เป็นการประเมินผลสรุปรวมเม่ือสิ้นสุดโครงการ โดยมุ่ง ประเมินผลผลิตหรือผลสัมฤทธ์ิของโครงการ ซึ่งรัตนะ บัวสนธ์ (2540 : 89) ให้ความหมายว่า เป็นการ ประเมินภายหลังจากท่ีได้นาโครงการไปดาเนินงานกับกลุ่มเป้าหมายครบตามระยะเวลาที่กาหนดและ ออกแบบไว้ ส่วน เยาวดี รางชัยกุล วิบูลย์ศรี (2542 : 102) ให้ความหมายว่า เป็นการประเมินเพ่ือวิเคราะห์ ผลผลิตทั้งหมดที่เกิดข้ึนเมื่อส้ินสุดโครงการ ซึ่งจะให้สารสนเทศท่ีจาเป็นท้ังหมดแก่ผู้ตัดสินใจและผู้วางแผน เพ่ือการวางแผนโครงการใหม่และเพ่ือเป็นแนวทางการประเมินผลในอนาคตต่อไป สมคิด พรมจุ้ย (2555 : 6) ไดใ้ ห้ความหมายวา่ เป็นการประเมนิ ทีเ่ กิดขนึ้ เมอ่ื สิน้ สุดการดาเนินงานตามโครงการ เป็นกระบวนการที่มี การรวบรวมข้อมูลที่จะก่อให้เกิดสารสนเทศ มุ่งเน้นหาข้อมูลเพ่ือตรวจสอบผลผลิตหรือตรวจสอบ ความสาเร็จ การบรรลุวัตถุประสงค์หรือ เป้าหมายของโครงการท่ีคาดหวังไว้ สาหรับ ศิริชัย กาญจนวาสี (2552 : 65) ให้ความหมายในชอื่ ของ “การประเมนิ ผลสรปุ รวม” ว่า เป็นการสรุปในเชิงสาเหตุถึงคุณค่าของ ผลของโครงการหลังจากที่โครงการได้เสร็จส้ินแล้ว จึงมีบทบาทในการให้ข้อสรุป (conclusion-oriented) ซ่ึงเปน็ ประโยชนต์ อ่ การตดั สินใจเกีย่ วกบั อนาคตของโครงการ การเขียนรายงาน การประเมินจึงควรเน้นการ ลงขอ้ สรุปเกีย่ วกับคุณค่าของโครงการและผลลัพธท์ ่ีได้ กล่าวโดยสรุป การประเมินหลังการดาเนินโครงการ หมายถึง การประเมินเม่ือการดาเนิน โครงการได้ส้ินสุดลงแล้ว เพื่อตรวจสอบผลที่เกิดข้ึนว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการหรือไม่ ซ่ึงจะ บ่งช้ีถึงความสาเร็จหรือความล้มเหลวของโครงการ นอกจากน้ียังมีการตรวจสอบผลกระทบหรือผลลัพธ์ที่ เกิดข้ึนสืบเน่ืองต่อมาว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ผลการประเมินจะช่วยให้ได้สารสนเทศสาหรับการตัดสินคุณค่า ของโครงการวา่ บรรลผุ ลสาเร็จตามวัตถปุ ระสงค์หรือไม่ เพียงใด มีความคุ้มทุนหรือไม่ อย่างไร ซึ่งจะนาไปสู่ การตดั สินใจของผู้บรหิ ารโครงการว่าจะดาเนนิ โครงการต่อไป ยตุ ิ หรอื ยกเลิกโครงการ โครงการพัฒนาบคุ ลากรดา้ นการประเมนิ โครงการ 26 กลุ่มนเิ ทศ ตดิ ตามและประเมนิ ผล
2. ลักษณะสาคญั ของการประเมนิ หลงั การดาเนนิ โครงการ การประเมนิ หลังการดาเนินโครงการมลี ักษณะสาคัญ ๆ ดังน้ี 2.1 เปน็ การประเมินเม่ือการดาเนินโครงการสิ้นสุดลง และหลังจากโครงการสิ้นสุดแล้วไประยะ หน่ึงที่เรียกว่า กระบวนการติดตามผล (follow-up study) ลักษณะการส้ินสุดของโครงการอาจเป็นการ สิ้นสุดเป็นระยะ ๆ และมีการดาเนินงานในลักษณะต่อเนื่องหลายปี โอกาสท่ีจะตัดสินใจยุติหรือยกเลิก โครงการนน้ั มีนอ้ ยมาก ดงั น้ันในการประเมินโครงการลักษณะดังกล่าวนี้มักจะมุ่งประเมินความก้าวหน้าและ ตรวจสอบผลผลติ ของโครงการเปน็ ระยะ ๆ ด้วย 2.2 เป็นการประเมินเพื่อตัดสินผลสัมฤทธ์ิของโครงการซึ่งจะสะท้อนถึงคุณค่า คุณภาพและ ความสาเร็จของโครงการ โดยพิจารณาจากประสิทธิผล (effectiveness) ประสิทธิภาพ (efficiency) ของ การดาเนินโครงการ และความพึงพอใจ (satisfaction) ของกลุ่มเป้าหมายและผู้ปฏิบัติงาน ซ่ึงเป็นตัว สะท้อนคุณภาพหรือความสาเร็จของการดาเนินโครงการ ในท่ีนี้ประสิทธิผล หมายถึง การบรรลุผลสัมฤทธ์ิ ตามเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ที่พึงปรารถนา ประสิทธิภาพ หมายถึง ความสามารถของการใช้ทรัพยากร และกระบวนการปฏิบัติงานในการสร้างผลผลิตอย่างประหยัดหรือใช้อย่างคุ้มค่าก่อให้เกิดผลสูงสุด (ศิริชัย กาญจนวาสี. 2552 : 147) 2.3 เป็นการประเมินที่มุ่งหาสารสนเทศเพ่ือประกอบการตัดสินใจในการปรับปรุงและพัฒนา โครงการในอนาคต รวมทั้งใชป้ ระโยชน์จากผลการประเมินเพ่ือการยกเลิกหรือขยายผลของโครงการสาหรับ กล่มุ เป้าหมายอ่นื ๆ ให้กวา้ งขวางยงิ่ ขึ้น 3. ขัน้ ตอนการประเมนิ หลังการดาเนนิ โครงการ การประเมินหลังการดาเนินโครงการ มีขั้นตอนการดาเนินงานในลักษณะเดียวกันกับการ ประเมินระหว่างการดาเนินโครงการ แต่มีความแตกต่างกันในสาระบางประการ ข้ันตอนการประเมินหลัง การดาเนนิ โครงการโดยสรุป มีดังน้ี 3.1 การศึกษาวิเคราะห์โครงการท่ีมุ่งประเมิน เป็นขั้นตอนท่ีนักประเมินต้องศึกษาวิเคราะห์ เพื่อใหเ้ ข้าใจลักษณะของโครงการ โดยเฉพาะอย่างย่ิงการวิเคราะห์วัตถุประสงค์ของโครงการท่ีจะสะท้อนถึง ผลผลิตหรือสภาพผลสาเร็จของโครงการ รวมทั้งผลกระทบหรือผลข้างเคียงที่จะเกิดข้ึน ซ่ึงจะช่วยให้นัก ประเมนิ สามารถกาหนดวตั ถปุ ระสงคข์ องการประเมินโครงการได้อยา่ งครอบคลมุ และชัดเจน 3.2 การกาหนดวัตถุประสงค์ของการประเมินโครงการ เป็นการกาหนดเป้าหมายหรือสิ่งท่ี ต้องการประเมินของโครงการว่า ในกรณีการประเมินหลังการดาเนินโครงการต้องการประเมินผลสัมฤทธิ์ หรือผลสาเร็จของโครงการในเร่ืองใดบ้าง การกาหนดวัตถุประสงค์ของการประเมินจะเป็นการสะท้อนถึง ประเด็นการประเมิน ตัวแปรที่ศึกษาหรือตัวบ่งชี้การประเมินที่บ่งบอกความสาเร็จของการดาเนินโครงการ ซ่ึงจะต้องเขยี นใหช้ ดั เจน เฉพาะเจาะจงและสามารถเห็นแนวทางการวัดและประเมินได้ดังตัวอยา่ งต่อไปน้ี โครงการพัฒนาบุคลากรดา้ นการประเมนิ โครงการ 27 กลมุ่ นิเทศ ติดตามและประเมนิ ผล
1. เพื่อประเมนิ ผลผลิตของโครงการหอ้ งสมดุ มีชีวติ ของ กศน. อาเภอหนองมะโมง สังกัดสานักงาน กศน.จงั หวดั ชยั นาท 2. เพอ่ื ประเมนิ ผลการเรียนรู้ของครู กศน.ท่ีไดร้ บั การพฒั นาตามโครงการพฒั นาบุคลากรด้านการ ประเมนิ โครงการ 3. เพ่อื ประเมนิ พฤติกรรมการปฏบิ ัติงานของครู กศน. ภายหลงั การพฒั นาตามโครงการพัฒนาครู ในการขับเคลือ่ นศนู ยก์ ารเรียนร้ตู ามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 3.3 การศึกษาแนวคิดและรูปแบบการประเมิน การศึกษาแนวคิดและรูปแบบการประเมินจะ ช่วยให้นักประเมนิ สามารถออกแบบและวางแผนการประเมนิ ไดค้ รอบคลุมชัดเจนมากข้ึน นักประเมินจะต้อง เลือกและประยกุ ต์ใช้รูปแบบการประเมนิ ใหเ้ หมาะสมกับลกั ษณะของโครงการท่ีมงุ่ ประเมิน 3.4 การออกแบบและวางแผนการประเมิน เป็นการตัดสินใจไว้ล่วงหน้าเก่ียวกับการกาหนด แหล่งข้อมูล เคร่ืองมือหรือวิธีเก็บรวบรวมข้อมูล และวิธีการวิเคราะห์ข้อมูล ผลลัพธ์ที่ได้จากการออกแบบ การประเมินจะได้กรอบแนวทางการประเมินท่ีแสดงรายละเอียดของส่วนประกอบของการประเมิน และ เพื่อใหก้ ารประเมินหลงั การดาเนนิ โครงการมีความเปน็ ระบบชัดเจนมากข้นึ โดยทว่ั ไป นักประเมินจึงต้องวาง แผนการประเมินโดยจดั ทาเปน็ โครงการประเมิน 3.5 การดาเนินการประเมิน เมื่อนักประเมินได้ออกแบบและวางแผนการประเมิน จะทาให้นัก ประเมนิ มกี รอบแนวคดิ และเห็นแนวทางในการประเมินอยา่ งชัดเจน ข้ันตอนต่อไปจึงดาเนินการประเมินโดย พัฒนาเครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูล นาไปใช้เก็บรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลเพ่ือตอบคาถามการ ประเมนิ หรือวตั ถปุ ระสงค์ของการประเมนิ 3.6 การสรุปและนาเสนอผลการประเมิน จากผลการประเมินท่ีได้ นักประเมินต้องสรุปผลการ ประเมินโดยเทียบกับเกณฑ์การประเมิน เพื่อตัดสินคุณค่าหรือผลสาเร็จของโครงการ แล้วนาเสนอผลการ ประเมินต่อผู้บริหารหรือผู้เกี่ยวข้องกับโครงการ เพ่ือนาไปสู่การใช้ประโยชน์จากผลการประเมินในการ ตดั สนิ ใจเกย่ี วกบั อนาคตของโครงการต่อไป โครงการพฒั นาบคุ ลากรดา้ นการประเมนิ โครงการ 28 กลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมนิ ผล
ตอ1น9ทvี่o39 การออกแบบและวางแผนการประเมินโครงการ แนวคดิ พืน้ ฐานเกย่ี วกับการออกแบบและวางแผนการประเมนิ การประเมินโครงการที่จะช่วยให้ได้ข้อมูลสารสนเทศท่ีตรงกับความต้องการของผู้ใช้ข้อมูล สารสนเทศและมีความถูกต้อง มีความน่าเช่ือถือต่อการนาไปใช้นั้น นักประเมินจะต้องคิดและตัดสินใจไว้ ล่วงหน้าเก่ียวกับคาถามการประเมินหรือวัตถุประสงค์ของการประเมิน และวิธีการดาเนินการประเมินให้ ชัดเจน นักประเมนิ จะตอ้ งอาศัยการออกแบบและวางแผนการประเมินโครงการ ซึง่ มรี ายละเอียดดังน้ี 1. ความหมายของการออกแบบการประเมินโครงการ การออกแบบการประเมินโครงการ เป็นการวางแผนการประเมินเพ่ือกาหนดรูปแบบ ขอบเขต และแนวทางการประเมินเพอื่ ให้ไดผ้ ลการประเมนิ ตรงตามวัตถุประสงค์ของการประเมินหรือตอบคาถามการ ประเมินได้อย่างถูกต้อง และเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจของผู้บริหารในการปรับปรุงและพัฒนาโครงการ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้รับบริการ และการบริหารองค์กร การออกแบบการประเมินโครงการ จะเร่ิมต้น ด้วยการกาหนดคาถามการประเมินหรือวัตถุประสงค์ของการประเมิน แล้วกาหนดรูปแบบ ขอบเขต และ แนวทางในการประเมนิ ซ่งึ จะทาให้นักประเมนิ มองเห็นแนวทาง ขัน้ ตอนการประเมินอยา่ งชดั เจน 2. ความสาคัญของการออกแบบการประเมนิ โครงการ การออกแบบการประเมนิ โครงการ มคี วามสาคัญดงั น้ี 2.1 ช่วยใหน้ ักประเมินหรือผรู้ บั ผิดชอบในการประเมินมกี รอบแนวทางในการประเมินโครงการที่ ชัดเจน ทาให้มองเห็นข้ันตอนและแนวทางการประเมินท่ีชัดเจนเก่ียวกับวัตถุประสงค์ของการประเมิน ประเด็นการประเมินหรือตัวแปรท่ีศึกษา แหล่งข้อมูล ประเภทของเคร่ืองมือและวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล รวมท้ังวิธกี ารวิเคราะหข์ อ้ มูล และใช้สถิติใดในการวิเคราะหข์ ้อมูล 2.2 ช่วยให้ได้ข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับโครงการท่ีมุ่งประเมินอย่างถูกต้อง มีประสิทธิผลและ ประสิทธิภาพ กล่าวคือ การออกแบบการประเมินจะช่วยให้ได้ข้อมูลสารสนเทศท่ีเป็นไปตามเป้าหมายหรือ บรรลุตามวัตถุประสงค์ของการประเมินท่ีกาหนดไว้ และประหยัดทรัพยากร ดังน้ัน การออกแบบจะมี ประสิทธิผลเมื่อคาตอบหรือข้อมูลสารสนเทศท่ีได้ตรงตามวัตถุประสงค์ของการประเมิน และจะมี ประสิทธิภาพเม่ือคาตอบหรือข้อมูลสารสนเทศน้ันได้มาอย่างประหยัดและคุ้มค่า ตรงตามความต้องการใช้ สารสนเทศประกอบการตัดสนิ ใจ โครงการพัฒนาบคุ ลากรดา้ นการประเมนิ โครงการ 29 กลมุ่ นิเทศ ติดตามและประเมินผล
3. องค์ประกอบของการออกแบบการประเมนิ การออกแบบการประเมนิ โครงการทีม่ ปี ระสิทธผิ ลมุ่งท่ีจะใหไ้ ด้คาตอบตรงตามวัตถุประสงค์ หรือ ได้ข้อมูลสารสนเทศที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ผลการประเมิน มีองค์ประกอบที่สาคัญ 3 ประการ คือ การออกแบบการวัดตัวแปรหรือประเด็นการประเมิน (measurement design) การออกแบบการสุ่ม ตัวอย่างหรือผู้ให้ข้อมูล (sampling design) และการออกแบบการวิเคราะห์ข้อมูล (statistical design) ซ่ึง มรี ายละเอียด ดงั นี้ 3.1 การออกแบบการวัดตัวแปรหรือประเด็นการประเมิน เป็นการวางแผนในการกาหนด วิธีการและเครื่องมือวัดประเด็นการประเมิน ตัวแปรหรือตัวบ่งช้ีการประเมิน เพื่อให้ได้เครื่องมือวัดท่ีมี คุณภาพ สามารถนาไปใช้เก็บรวบรวมข้อมูลได้อย่างครอบคลุม เท่ียงตรง โดยนักประเมินจะต้องวางแผนใน เรือ่ งต่อไปนี้ 3.1.1 ระบุประเด็นการประเมิน ตัวแปรหรือตัวบ่งชี้การประเมิน โดยการวิเคราะห์ วัตถปุ ระสงคข์ องการประเมินทลี ะข้อ แลว้ กาหนดประเด็นการประเมิน ตัวแปรหรือตัวบ่งชี้ในการประเมินให้ ครอบคลมุ และชัดเจน 3.1.2 ระบโุ ครงสรา้ งและให้นิยามประเดน็ การประเมิน ตวั แปรหรอื ตวั บง่ ชี้การประเมนิ ให้ ครอบคลุมชัดเจน ซง่ึ จะเปน็ แนวทางในการสรา้ งข้อคาถามหรือเครื่องมือวดั ได้ครอบคลมุ และมีความตรงมาก ทสี่ ุด 3.1.3 กาหนดเครื่องมือวัดและวิธีการพัฒนาเครื่องมือวัด หากผู้ประเมินเป็นผู้พัฒนา เคร่ืองมือวัดสาหรับใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเอง ก็ต้องระบุวิธีการและขั้นตอนการพัฒนาเครื่องมือวัดให้ ชดั เจนด้วย ถา้ นาเครือ่ งมอื วดั ของผูอ้ ื่นมาใช้ ให้ระบผุ ูส้ รา้ งเคร่อื งมือวัดและคุณภาพของเครอื่ งมือวดั นั้นดว้ ย 3.1.4 กาหนดวิธีการตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือวัดในด้านความยากง่าย อานาจจาแนก ความตรงและความเท่ียงเพอ่ื ให้ไดเ้ คร่ืองมือเกบ็ รวบรวมข้อมลู ที่มคี ุณภาพมากที่สุด 3.1.5 กาหนดวธิ กี ารเก็บรวบรวมขอ้ มูลและชว่ งระยะเวลาในการเกบ็ รวบรวมข้อมูลว่า เป็น ชว่ งเวลาก่อนการดาเนนิ โครงการ ระหว่างการดาเนินโครงการหรอื เมื่อสน้ิ สุดการดาเนินโครงการ 3.2 การออกแบบการสุ่มตัวอย่างหรือผู้ให้ข้อมูล เป็นการวางแผนเพื่อกาหนดแหล่งข้อมูล เลือกกลุ่มตัวอย่างหรือผู้ให้ข้อมูลสาคัญที่คาดว่าจะเป็นผู้ตอบคาถาม การประเมินหรือให้ข้อมูลตรงตาม ประเด็นการประเมิน ตัวแปรหรือตัวบ่งช้ีการประเมินที่มีความตรงและเช่ือถือได้มากที่สุด ประกอบด้วยการ วางแผนกิจกรรมสาคญั ดงั น้ี 3.2.1 การกาหนดรูปแบบและวิธีการสุ่มตัวอย่าง โดยการจัดทากรอบการสุ่มที่สมบูรณ์ และ เลือกวิธีการสุ่มตัวอย่างท่ีทาให้ได้ตัวอย่างที่เป็นตัวแทนท่ีดีของประชากร ซ่ึงจะต้องเปิดโอกาสให้ทุกหน่วย ของประชากรมีโอกาสท่ีจะได้รับการคัดเลือกเป็นกลุ่มตัวอย่างเท่า ๆ กัน เรียกการสุ่มตัวอย่างลักษณะนี้ว่า การสุ่มตัวอย่างโดยใช้ทฤษฎีความนา่ จะเป็น (probability sampling) แบ่งออกเป็น 5 วธิ ี คอื วิธีสุ่มตัวอย่าง โครงการพัฒนาบุคลากรด้านการประเมนิ โครงการ 30 กลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมนิ ผล
แบบง่าย (simple random sampling) วิธีสุ่มตัวอย่างแบบมีระบบ (systematic random sampling) วิธี สุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้น (stratified random sampling) วิธีสุ่มตัวอย่างแบบกลุ่ม (cluster random sampling) และวิธีสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (multi-stage sampling) ในบางกรณีนักประเมินไม่ สามารถใช้วิธีสุ่มตัวอย่างดังกล่าวข้างต้นได้ เน่ืองจากมีข้อจากัดต่าง ๆ จึงต้องใช้การเลือกตัวอย่างอีกแบบ หน่ึงซ่ึงเรียกว่า การสุ่มตัวอย่างโดยไม่ใช้ทฤษฎีความน่าจะเป็น (non-probability sampling) เป็นการสุ่ม ตัวอยา่ งโดยไม่คานงึ ถึงโอกาสของประชากรแต่ละหน่วยท่ีจะได้รบั การเลือกเท่า ๆ กัน เพ่ือความเหมาะสมใน ที่นี้จึงใช้คาว่า วิธีการเลือก (selection) แทนคาว่า วิธีการสุ่ม (sampling) เพราะเป็นวิธีการเลือกตัวอย่าง โดยไมม่ กี ารสมุ่ ทาให้ได้ตัวอย่างท่ีไม่ใชต่ ัวแทนท่ดี ีของประชากรท่ีศึกษา วิธีการเลือกตัวอย่างลักษณะน้ีได้แก่ วิธีเลือกตัวอย่างแบบเจาะจง (purposive selection) วิธีเลือกตัวอย่างแบบตามความสะดวก (convenience selection) วิธีเลือกตัวอย่างแบบโควตา (quota selection) และวิธีเลือกตัวอย่างแบบ ลกู โซ่ (snowball selection) 3.2.2 การกาหนดขนาดกลมุ่ ตวั อย่างทเ่ี หมาะสม ซ่ึงอาจกาหนดจากสูตรคานวณขนาดกลุ่ม ตัวอย่าง การใช้ตารางสาเร็จรูปกาหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างของเคร็จซี่และมอร์แกน (Krejcie & Morgan, 1970 : 608) และตารางของยามาเน (Yamane, 1973 : 1088-1089) ซ่ึงนักประเมินสามารถศึกษา รายละเอยี ดเพ่มิ เตมิ ไดจ้ ากหนังสือเกี่ยวกับการวจิ ัยเรือ่ ง ประชากรและกลมุ่ ตัวอยา่ ง โดยที่ลักษณะธรรมชาติของการประเมินโครงการมีขอบเขต ลักษณะเฉพาะเจาะจงของแต่ ละองค์กร ทั้งในแง่ของโครงการ เป้าหมายของการประเมิน และการนาผลการประเมินไปใช้ จึงไม่มุ่งหวังที่ จะสรุปอ้างอิง (generalization) ผลการประเมินไปยังกลุ่มประชากร ดังนั้นในการประเมินโครงการ นัก ประเมินมกั นยิ มกาหนดแหล่งข้อมูลหรือผู้ให้ข้อมูลสาคัญ (key informants) แทนคาว่า “กลุ่มตัวอย่าง” จึง ไมเ่ น้นวิธกี ารสุ่มตัวอยา่ งโดยใชท้ ฤษฎคี วามน่าจะเป็น แต่จะใชว้ ธิ ีการเลือกแหล่งข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลสาคัญหรือ เลือกตัวอย่างแบบเจาะจง แหล่งข้อมูลอาจจะเป็นเอกสารหลักฐานต่าง ๆ หรือบุคคลที่มีส่วนเก่ียวข้องกับ โครงการ 3.3 การออกแบบการวิเคราะห์ข้อมูล เป็นการวางแผนเพ่ือกาหนดวิธีการวิเคราะห์ข้อมูลและ การเลอื กใชส้ ถติ ิวิเคราะห์ข้อมูล ซ่งึ สามารถเลือกใช้สถิติในลักษณะเดียวกับงานวิจัยเชิงประเมินหรืองานวิจัย โดยท่วั ไป การออกแบบการวิเคราะห์ข้อมูลจงึ ประกอบด้วยการวางแผนกิจกรรมสาคัญ ดงั นี้ 3.3.1 การเลือกใช้สถิติเชิงบรรยาย (descriptive statistics) ที่เหมาะสมกับมาตรวัดตัว แปร (scale) และวตั ถปุ ระสงค์ของการประเมนิ รวมทั้งการวิเคราะห์และบรรยายข้อมูลได้อย่างถูกต้อง สถิติ เชงิ บรรยาย เช่น การแจกแจงความถ่ี รอ้ ยละ การวัดแนวโน้มเข้าสสู่ ว่ นกลาง การวดั การกระจาย เปน็ ตน้ 3.3.2 การเลือกใช้สถิติเชิงสรุปอ้างอิง (inferential statistics) ที่เหมาะสมกับระดับของ การวัด ข้อตกลงเบ้ืองต้น (basic assumption) และวัตถุประสงค์ของการประเมิน รวมท้ังการวิเคราะห์ โครงการพฒั นาบุคลากรด้านการประเมนิ โครงการ 31 กลุม่ นิเทศ ติดตามและประเมนิ ผล
ข้อมูล และแปลความหมายข้อมูลได้อย่างถูกต้อง สถิติเชิงสรุปอ้างอิง เช่น สถิติทดสอบที (t-test) สถิติ ทดสอบเอฟ (F-test) เป็นต้น การเลือกใช้สถิติวิเคราะห์ข้อมูลในการประเมิน ควรยึดหลักการอย่างน้อย 2 ประการ คือ จะต้องเลือกใช้สถิติท่ีช่วยให้ได้ข้อสรุปที่ตอบวัตถุประสงค์ของการประเมินและสามารถส่ือสารได้รวดเร็ว เข้าใจไดง้ ่ายต่อการนาสารสนเทศไปใช้ประกอบการตัดสินใจ กล่าวโดยสรุป การออกแบบการประเมินโครงการ เป็นการวางแผนดาเนินการประเมินโดย การกาหนดรูปแบบ ขอบเขต และแนวทางการประเมินเพ่ือให้ได้คาตอบตามวัตถุประสงค์ของการประเมิน หรือไดข้ ้อมูลสารสนเทศเพ่อื ตดั สินคุณค่าของโครงการไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง เที่ยงตรงและเชือ่ ถอื ได้ ขนั้ ตอนการวางแผนการประเมินโครงการ ในการดาเนินการประเมินโครงการ นักประเมินจึงต้องมีความรอบคอบและเตรียมการประเมินให้ เป็นระบบ มีความครอบคลุมชัดเจนในประเด็นท่ีต้องประเมิน ซ่ึงจะต้องอาศัยแนวคิด หลักการและ กระบวนการวางแผนการประเมินท่ีดี เพราะถ้าโครงการไม่มีกระบวนการประเมินท่ีเป็นระบบ โครงการ อาจจะไม่บรรลุวัตถุประสงค์ ระบบการประเมินจึงต้องวางแผนอย่างดี ข้อมูลต้องน่าเช่ือถือ เครื่องมือในการ ประเมินต้องสามารถวัดผลการปฏิบัติงานได้ และการตัดสินคุณค่าโครงการไม่ควรใช้ความรู้สึก ข้อสรุปผล การประเมินจึงจะถูกต้อง (มยุรี อนุมานราชธน. 2551: 230-231) นักประเมินจึงจาเป็นต้องเรียนรู้ และ พฒั นาทักษะการวางแผนการประเมนิ เพ่ือใหส้ ามารถดาเนินการประเมนิ โครงการได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ การวางแผนการประเมินโครงการ เป็นกระบวนการตัดสินใจไว้ล่วงหน้าของนักประเมินหรือ หน่วยงานเกี่ยวกับการประเมินโครงการว่า จะประเมินอะไร ประเมินอย่างไร ประเมินเมื่อใด และใครเป็นผู้ ประเมิน ซึ่งโดยทั่วไปมักจะเร่ิมต้นด้วยการศึกษาวิเคราะห์โครงการท่ีมุ่งประเมิน แล้วกาหนดวัตถุประสงค์ ของการประเมิน ประเดน็ การประเมนิ ตัวแปรหรอื ตวั บง่ ช้กี ารประเมนิ ระบุแหลง่ ข้อมูลหรือผู้ให้ข้อมูลสาคัญ เคร่ืองมือเก็บรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล และเกณฑ์การประเมินหรือเกณฑ์การตัดสินคุณค่าของ โครงการทีม่ ุง่ ประเมนิ กล่าวโดยสรปุ การวางแผนการประเมินโครงการ มีขั้นตอนทสี่ าคัญ ดังน้ี 1. ศึกษาวิเคราะห์โครงการท่ีมุ่งประเมิน โดยนักประเมินจะต้องศึกษาวิเคราะห์ ทาความเข้าใจ เกี่ยวกบั โครงการที่ต้องการประเมินโดยการศึกษาเอกสารของโครงการ และอาจสอบถามหาข้อมูลและความ ต้องการใช้สารสนเทศจากผู้ที่เกี่ยวข้องกับโครงการ การดาเนินงานในข้ันตอนนี้จะทาให้นักประเมินมีความ เข้าใจในแนวคิด หลักการและเหตุผล วัตถุประสงค์ เป้าหมาย และแนวดาเนินโครงการ ทาให้มีแนวทางใน การออกแบบและวางแผนการประเมินไดอ้ ย่างชัดเจน 2. กาหนดวตั ถปุ ระสงคแ์ ละตวั บง่ ช้กี ารประเมนิ หลังจากท่ีนักประเมินได้ศึกษาวิเคราะห์ ทาความ เข้าใจเกี่ยวกับโครงการท่ีต้องการประเมินแล้ว จะทาให้ทราบความชัดเจนว่าต้องการประเมินเพ่ืออะไร จึง โครงการพฒั นาบคุ ลากรดา้ นการประเมนิ โครงการ 32 กลุม่ นิเทศ ติดตามและประเมินผล
กาหนดวัตถุประสงค์ของการประเมินโครงการ ในแต่ละวัตถุประสงค์ของการประเมินก็กาหนดตัวบ่งชี้การ ประเมนิ วา่ จะประเมนิ อะไรบ้าง 3. กาหนดแหล่งข้อมูลหรือผู้ให้ข้อมูล จากวัตถุประสงค์และตัวบ่งชี้การประเมินที่กาหนดไว้ นัก ประเมินจะต้องกาหนดแหล่งข้อมูลหรือผู้ให้ข้อมูลซึ่งอาจเป็นแหล่งข้อมูลที่เป็นเอกสาร บุคคลท่ีเก่ียวข้อง หรือผ้มู สี ่วนได้สว่ นเสียจากโครงการ 4. กาหนดเคร่ืองมือเก็บรวบรวมข้อมูล เมอื่ นักประเมินได้กาหนดแหลง่ ขอ้ มูลหรือผู้ให้ข้อมูลในการ ประเมินโครงการแล้ว จะต้องเลือกและกาหนดเคร่ืองมือเก็บรวบรวมข้อมูลในการประเมินให้มีความ เหมาะสมหรือสอดคล้องกับลักษณะของตัวแปรหรือตัวบ่งช้ีการประเมิน เช่น แบบสอบถาม แบบทดสอบ หรอื แบบวดั ต่าง ๆ เป็นตน้ 5. วางแผนเก็บรวบรวมข้อมูล หลังจากนักประเมินได้ทราบแหล่งข้อมูลหรือผู้ให้ข้อมูล และ กาหนดเคร่ืองมือเก็บรวบรวมข้อมูลแล้ว ข้ันตอนต่อไปจะต้องวางแผนเก็บรวบรวมข้อมูลว่าจะใช้เครื่องมือ เหลา่ นนั้ เก็บรวบรวมข้อมูลจากแหล่งข้อมูลหรอื ผใู้ หข้ ้อมูลกลมุ่ ต่าง ๆ อยา่ งไรและเมอ่ื ไร 6. วางแผนการวิเคราะห์ข้อมูล การดาเนินงานในข้ันตอนน้ีเป็นการตัดสินใจของนักประเมินไว้ ล่วงหน้าว่า ข้อมูลท่ีเก็บรวบรวมได้มานั้นจะนามาวิเคราะห์สรุปผลอย่างไร จะใช้สถิติอะไรในการวิเคราะห์ ข้อมูล 7. การจัดทาโครงการประเมิน หลังจากนักประเมินได้วางแผนการประเมินหรือดาเนินการ ตามลาดับข้ันตอนท่ี 1-6 แล้ว จะต้องจัดทาโครงการประเมิน ซ่ึงเป็นเอกสารที่ได้จากการวางแผนการ ประเมนิ ทแี่ สดงกรอบแนวคดิ และแนวทางในการดาเนนิ การประเมินโครงการอย่างเปน็ ลายลกั ษณอ์ ักษร การจัดทาโครงการประเมนิ คาว่า “โครงการประเมิน (evaluation proposal)” บางคร้ังก็ใช้คาว่า “โครงร่างการประเมิน เค้า โครงการประเมิน หรือข้อเสนอโครงการประเมิน” ซึ่งเป็นแผนปฏิบัติการที่ใช้เป็นแนวทางในการประเมิน โครงการ นักประเมินจึงควรมีความรอบรู้เกี่ยวกับเรื่องท่ีจะทาการประเมินและวิธีการประเมิน โครงการ ประเมินประกอบดว้ ยสาระ 3 สว่ น ได้แก่ ส่วนนาเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับช่ือโครงการประเมิน และผู้ประเมิน สว่ นเน้ือเร่อื งเปน็ สว่ นท่ีเกีย่ วข้องกบั เนอ้ื หาสาระของโครงการประเมนิ และส่วนท้ายเปน็ รายละเอียดเก่ียวกับ บรรณานุกรม ภาคผนวก และรายละเอียดอืน่ ๆ ในเชิงการบริหารโครงการถือว่า ข้นั ตอนการวางแผนการดาเนนิ งานเป็นขั้นตอนที่สาคัญและหากจะ ใหก้ ารวางแผนมปี ระสิทธภิ าพ ควรจะต้องมีการวางแผนการประเมิน โดยจดั ทาโครงการประเมินควบคู่ไปกับ การวางแผนการปฏิบัติงานด้วย ซ่ึงจะทาให้การบริหารโครงการมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากย่ิงข้ึน ดังน้นั นักบริหารหรือนักประเมนิ มอื อาชีพจงึ ควรวางแผนการประเมินโดยจัดทาโครงการประเมินไปพร้อม ๆ กบั การวางแผนการดาเนนิ โครงการดว้ ย โครงการพัฒนาบคุ ลากรดา้ นการประเมนิ โครงการ 33 กล่มุ นิเทศ ติดตามและประเมนิ ผล
สว่ นประกอบของโครงการประเมิน ส่วนประกอบของโครงการประเมิน อาจแตกต่างกันตามข้อกาหนดหรือความต้องการของแต่ละ หน่วยงานที่เก่ียวขอ้ ง แต่ส่วนใหญจ่ ะมสี าระสาคัญตรงกัน โดยทว่ั ไปโครงการประเมินมีส่วนประกอบท่ีสาคัญ 3 ส่วน คือ ส่วนนา เป็นสว่ นท่เี กีย่ วขอ้ งกับชือ่ เรอื่ งโครงการประเมิน และผู้ประเมิน ส่วนเนื้อเร่ือง เป็นส่วนท่ี เก่ียวข้องกับเนื้อหาสาระของโครงการประเมิน และส่วนท้ายเรื่อง เป็นส่วนท่ีเก่ียวกับบรรณานุกรม ภาคผนวกและรายละเอยี ดอื่น ๆ สาระสาคัญของแต่ละส่วน สรปุ ดังภาพ ส่วนประกอบของโครงการประเมิน ส่วนนา ส่วนเนอ้ื หา สว่ นท้ายเรื่อง ช่ือเร่อื ง ขอ้ เสนอโครงการประเมิน ความเป็นมาและความสาคญั บรรณานกุ รม ชื่อผ้ปู ระเมนิ หรือคณะผู้ประเมนิ ของการประเมนิ ภาคผนวก ชื่อท่ปี รึกษาการประเมนิ วัตถุประสงค์ของการประเมิน รายละเอยี ดอน่ื ๆ หน่วยงานทีใ่ ห้การสนบั สนนุ ขอบเขตของการประเมิน นยิ ามศัพท์เฉพาะ วิธกี ารประเมนิ ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รบั แผนการดาเนนิ การประเมิน งบประมาณ ภาพที่ 3 สว่ นประกอบของโครงการประเมนิ ทีม่ า : พิชิต ฤทธจ์ิ รญู . (2555). เทคนคิ การประเมนิ โครงการ. กรงุ เทพฯ : เฮา้ ส์ อ๊อฟ เคอรม์ สี ท.์ หนา้ 244 โครงการพฒั นาบุคลากรดา้ นการประเมนิ โครงการ 34 กลมุ่ นิเทศ ตดิ ตามและประเมนิ ผล
แนวปฏบิ ตั ใิ นการเขยี นโครงการประเมนิ การเขียนรายละเอยี ดในแต่ละหวั ขอ้ ของโครงการประเมิน มีแนวปฏบิ ัติดังน้ี 1. ช่ือเรื่องหรือชื่อโครงการประเมิน เป็นส่วนที่จะส่ือความหมายให้ทราบว่าจะทาการศึกษา หรือ ประเมินโครงการอะไร จึงควรเขียนให้ชัดเจน สื่อความหมายได้ดี ใช้ข้อความท่ีชี้นาให้ผู้อ่านทราบส่ิงที่ ต้องการศึกษาหรือประเมินและลักษณะเด่นพิเศษของงานการประเมิน ไม่จาเป็นต้องเขียนให้เป็นประโยค สมบรู ณ์ อาจเขยี นในรปู ขอ้ ความหรอื วลีก็ได้ ไม่ควรตั้งชื่อให้ยาวหรือสนั้ เกนิ ไป ดงั ตวั อยา่ ง - โครงการประเมินผลการดาเนินงานตามนโยบายการจดั การศกึ ษาขัน้ พื้นฐานเพื่อปวงชน - โครงการประเมนิ โครงการปฏริ ูปการเรียนร้เู พอ่ื พัฒนาคณุ ภาพผู้เรยี น - โครงการประเมินผลการจัดการศกึ ษาขององค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ 2. ช่ือผู้ประเมินหรือคณะผู้ประเมิน เป็นส่วนที่แสดงถึงคุณสมบัติหรือศักยภาพของผู้ที่ทาการ ประเมิน โดยให้ระบุ ช่ือ ตาแหน่ง หน่วยงานท่ีสังกัด ประวัติ วุฒิทางการศึกษา ประสบการณ์ทางการวิจัย และการประเมิน ผลงานทางการวิจัยและการประเมิน รายละเอียดส่วนน้ีหากมีมากอาจจะแยกทาเป็นใบ เพม่ิ ทา้ ยของขอ้ เสนอโครงการประเมินหรือจัดเป็นภาคผนวกของขอ้ เสนอโครงการประเมินก็ได้ และหากเป็น คณะผู้ประเมินควรแยกเสนอรายละเอยี ดของแตล่ ะคน 3. ชื่อท่ีปรึกษาการประเมิน ถ้าในการประเมินโครงการคร้ังน้ัน มีที่ปรึกษาการประเมิน ให้เสนอ รายละเอียดของท่ปี รึกษา โดยนาเสนอสาระเชน่ เดยี วกับชือ่ ผ้ปู ระเมินหรอื คณะผู้ประเมนิ 4. หน่วยงานที่ให้การสนับสนุน สาระของส่วนน้ีให้ระบุหน่วยงานท่ีให้การสนับสนุนการประเมิน โครงการ ซ่ึงอาจเป็นหน่วยงานท่ีเป็นเจ้าของโครงการ หน่วยงานที่ให้ทุนในการประเมินหรือหน่วยงานต้น สังกดั ของผ้ปู ระเมินกไ็ ด้ 5. ความเปน็ มาและความสาคัญของการประเมิน สาระส่วนนี้ให้อธิบายเพื่อมุ่งตอบคาถามว่า ทาไม จึงต้องประเมินโครงการนี้ มีเหตุผลและความจาเป็นอย่างไร โดยทั่วไปจะกล่าวถึง ภูมิหลัง ความเป็นมา วัตถุประสงค์ของโครงการท่ีมุ่งประเมิน ตลอดจนความจาเป็นและความสาคัญของการประเมินโครงการว่า ประเมินแล้วจะมีผลดี มีประโยชน์ต่อการบริหารองค์กร การตัดสินใจปรับปรุง และพัฒนาโครงการอย่างไร การเขียนความเป็นมาและความสาคัญของการประเมิน มีหลักในการเขียนคือ เขียนให้ตรงประเด็น มีเหตุผล พร้อมทั้งมีหลักฐานอ้างอิงเพ่ือความเช่ือถือได้ สาระระหว่างประเด็นหรือแต่ละตอนมีความต่อเนื่อง สัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน มีความกระชับ รัดกุม ให้เกิดความเข้าใจง่ายโดยเสนอประเด็นต่าง ๆ เป็นลาดับขั้นตอนโดยใช้ ภาษาง่าย ๆ และต้องเขียนขมวดท้ายหรือสรุปให้มีส่วนเชื่อมโยงกับวัตถุประสงค์ของการประเมินและ ความสาคญั ของการประเมินตอ่ ไป 6. วัตถปุ ระสงค์ของการประเมิน เป็นข้อความท่ีแสดงถึงความต้องการหรือเป้าหมายในการประเมิน วัตถุประสงค์ของการประเมินจึงเป็นกรอบหรือทิศทางในการประเมินว่า จะมุ่งศึกษาหรือประเมินในเร่ือง อะไร หรือศึกษาตัวแปรใดบ้าง การกาหนดวัตถุประสงค์ของการประเมินอาจพิจารณาจากวัตถุประสงค์ เป้าหมาย ผลท่ีคาดว่าจะได้รับจากการดาเนินโครงการ และอาจพิจารณาจากรูปแบบการประเมิน รวมทั้ง การพิจารณาจากความต้องการใช้ผลการประเมินของผู้บริหารหรือผู้เกี่ยวข้อง แนวทางการเขียน วัตถุประสงค์ของการประเมินไดเ้ สนอไวแ้ ล้วในเรือ่ ง กระบวนการประเมินโครงการ 7. ขอบเขตของการประเมิน เป็นการกาหนดกรอบของการประเมินให้ชัดเจนว่าจะศึกษากว้าง แคบ หรือเฉพาะเจาะจงเพียงใด และครอบคลุมถึงเร่ืองอะไรบ้าง โดยท่ัวไปขอบเขตของการประเมินมักจะระบุ โครงการพฒั นาบคุ ลากรด้านการประเมนิ โครงการ 35 กลุม่ นเิ ทศ ตดิ ตามและประเมินผล
เกยี่ วกับโครงการทีม่ ่งุ ประเมิน แหล่งข้อมูลหรอื ผใู้ ห้ขอ้ มูลสาคัญ ประเด็นการประเมิน ตัวแปรที่ศึกษาหรือตัว บ่งช้ีการประเมิน และชว่ งระยะเวลาของการประเมิน 8. นิยามศัพท์เฉพาะ เป็นการให้ความหมายหรืออธิบายคา วลี ประเด็นการประเมิน หรือตัวแปรที่ ศึกษาในโครงการที่มุ่งประเมิน เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันระหว่างนักประเมินและผู้เกี่ยวข้องกับการ ประเมินโครงการ รวมทั้งให้เกิดความชัดเจนและได้แนวทางในการวัดประเด็นการประเมิน หรือตัวแปรท่ี ศกึ ษา 9. วิธีการประเมิน เป็นการกาหนดกรอบแนวทางในการประเมิน ซ่ึงได้มาจากการออกแบบการ ประเมนิ โดยควรระบรุ ปู แบบหรอื แนวทางการประเมิน แหล่งข้อมูลหรือผู้ให้ข้อมูล เครื่องมือและวิธีการเก็บ รวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล และเกณฑ์การประเมิน โดยเขียนให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการ ประเมิน ประเดน็ การประเมนิ และตวั บง่ ชกี้ ารประเมิน ซง่ึ นิยมเขียนสรุปเป็นกรอบแนวทางการประเมินในรูป ตารางแสดงความสัมพันธ์ระหว่างแตล่ ะส่วนประกอบของโครงการประเมิน ดังตัวอยา่ ง ตารางที่ 3 กรอบแนวทางในการประเมินโครงการสถานศกึ ษาสขี าว กศน. อาเภอเมือง จังหวัดชัยนาท วัตถปุ ระสงค์ ประเด็นการ เคร่ืองมือเก็บ การวิเคราะห์ เกณฑ์การ ของการ ประเมนิ / แหลง่ ข้อมูล รวบรวมข้อมูล ขอ้ มูล ประเมิน 1. ผบู้ ริหาร ประเมนิ ตวั บ่งช้ี 2. ครู 3. นกั เรียน 1. เพือ่ ประเมนิ 1. แนว 4. ผปู้ กครอง แบบสอบถาม 1. ค่าเฉลี่ย ระดบั ความ โครงการ 2. ค่าส่วน พรอ้ ม มี ความพร้อม ดาเนนิ การ 1. ผบู้ ริหาร สถานศึกษา เบย่ี งเบน ค่าเฉลี่ย 2. ครู สีขาว มาตรฐาน มากกว่า หรอื ดา้ นปัจจัย อย่างเป็น เท่ากบั 3.50 ขึ้นไป ถือวา่ อยู่ พน้ื ฐาน ของ ระบบ ในระดบั มาก โครงการ 2. ความ สถานศกึ ษา พอเพยี งของ สีขาว วสั ดุอุปกรณ์ อาคารสถานท่ี 3. ความรู้ แบบสอบถาม รอ้ ยละของ มีค่ามากกวา่ ผ้บู ริหารและครู ผูบ้ รหิ าร และ หรือเท่ากับ ความเขา้ ใจ ครูทีไ่ ด้ คะแนน รอ้ ยละ 75 ถือ และความ ผา่ น เกณฑ์ วา่ อยู่ใน ระดับ ตระหนักของ ดี ผบู้ ริหารและ ครู โครงการพัฒนาบคุ ลากรด้านการประเมนิ โครงการ 36 กลุม่ นเิ ทศ ติดตามและประเมินผล
10. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการประเมิน เป็นส่วนที่แสดงถึงการคาดคะเนผลที่เกิดขึ้นเมื่อ ดาเนินการประเมินโครงการเสร็จส้ินแล้วว่า ผลการประเมินโครงการน้ันจะเป็นประโยชน์ต่อใคร และเป็น ประโยชน์อย่างไร ทั้งในเชิงวิชาการและเชิงการบริหารโครงการ การเขียนประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับน้ี จะ ชว่ ยช้ใี ห้เห็นความสาคญั ของโครงการทีพ่ ฒั นาขึ้น และเหน็ คุณค่าของผลการประเมินโครงการ 11. แผนการดาเนินการประเมิน เปน็ ส่วนท่ีระบุให้ทราบถึงกิจกรรมท่ีต้องปฏิบัติและเวลาท่ีต้องใช้ ในการดาเนินการประเมินตามขั้นตอนของการประเมิน ซ่ึงอาจประกอบด้วย การวิเคราะห์โครงการท่ีมุ่ง ประเมิน การศึกษาเอกสารทเ่ี กี่ยวขอ้ ง การจัดทาขอ้ เสนอโครงการประเมิน การพัฒนาเคร่ืองมือเก็บรวบรวม ข้อมูล การเก็บรวบรวมข้อมลู การวิเคราะห์ขอ้ มูล การเขยี นรายงานการประเมิน และการนาผลการประเมิน ไปใช้ โดยอาจทาอยู่ในรูป Bar Chart หรือ Gantt chart จะทาให้เห็นภาพความสัมพันธ์ระหว่างกิจกรรม และช่วงระยะเวลาในการดาเนนิ งานที่ชัดเจน 12. งบประมาณ ให้ระบุค่าใช้จ่ายท่ีต้องใช้ในการดาเนินการประเมินโครงการ โดยจาแนกตาม หมวดเงนิ เป็นหมวดค่าตอบแทน หมวดค่าใช้สอย หมวดค่าวสั ดุ และหมวดอื่น ๆ 13. บรรณานุกรม ให้ระบุรายช่ือหนังสือ เอกสาร ส่ิงพิมพ์ และหลักฐานต่าง ๆ ท่ีนักประเมินได้ นามาใช้ในการศึกษาค้นคว้า และอ้างอิงในการเขียนข้อเสนอโครงการประเมิน โดยเขียนให้ถูกต้องตาม รปู แบบสากลท่นี ยิ มใช้ โครงการพัฒนาบคุ ลากรด้านการประเมนิ โครงการ 37 กล่มุ นิเทศ ติดตามและประเมินผล
ตอ1น9ทvี่o49 การนาผลการประเมินโครงการไปใช้ แนวคดิ พน้ื ฐานเกี่ยวกับการนาผลการประเมนิ โครงการไปใช้ ผลการประเมินโครงการจะเป็นประโยชน์ต่อการบริหารโครงการก็ต่อเมื่อผู้บริหารหรือ ผู้เกี่ยวข้อง เห็นคุณค่าและได้นาไปใช้ประกอบการตัดสินใจเก่ียวกับการปรับปรุง พัฒนาโครงการ และการบริหาร โครงการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ผู้บริหารและผู้เก่ียวข้องจึงควรมีแนวคิดพ้ืนฐาน เกี่ยวกับการนาผลการ ประเมินโครงการไปใช้ จากการศึกษาแนวคิด ของศิริชัย กาญจนวาสี (2552 : 157-160) สรุปความหมาย ของการนาผลการประเมินโครงการไปใช้ ที่เกี่ยวกับความหมาย และปัจจัยท่ีส่งผลต่อการนาผลการประเมิน โครงการไปใช้ไว้ดงั น้ี 1. ความหมายของการนาผลการประเมินโครงการไปใช้ 1.1 การนาผลการประเมินโครงการไปใช้ในเชิงปฏิบัติการ (instrumental use) หมายถึง การ นาผลการประเมนิ ไปใช้อยา่ งเปน็ รูปธรรมท่ีสามารถสังเกตได้ สารสนเทศจากการประเมิน เป็นเคร่ืองมือการ เปล่ียนแปลงซ่ึงมีผลโดยตรงต่อการตัดสินใจของผู้บริหารเกี่ยวกับแผนงานหรือ โครงการท่ีจะทาต่อไป เช่น ผลการประเมินทาให้เกิดการตัดสินใจเปล่ียนแปลงนโยบาย ปรับเปลี่ยนวิธี ดาเนินงาน ยุติหรือยกเลิก โครงการ พัฒนาโครงการข้ึนมาใหม่ตามข้อเสนอแนะ เป็นต้น หลักฐานท่ีแสดง ถึงการใช้ผลการประเมินใน ลักษณะน้ี สังเกตไดจ้ ากรายงานผลการตดั สินใจ และการสงั่ การให้ดาเนนิ การ อันเปน็ ผลมาจากการประเมิน 1.2 การนาผลการประเมินโครงการไปใช้ในเชิงความคิด (conceptual use) หมายถึง ผลการ ประเมินให้ข้อมูลข่าวสาร ท่ีมีอิทธิพลต่อความคิดของผู้บริหารหรือ ผู้เก่ียวข้อง แต่ไม่ได้นาไปสู่การตัดสินใจ โดยตรงต่อแผนงานหรือโครงการ ผู้บริหารได้ประโยชน์จากการ ประเมินโดยทาให้รู้ข้อมูลการปฏิบัติงาน รู้สภาพปัญหาดีข้ึน ทาให้เกิดความเข้าใจในสิ่งท่ีประเมิน ซึ่ง สามารถสะสมสาหรับนาไปใช้ในการตัดสินใจ เชิงนโยบายท่ีเกี่ยวข้องได้ ผลการประเมินจะทาให้เกิดผลใน เชิงความคิด สร้างความคิดใหม่ เม่ือสะสม มาก ๆ เข้าอาจนาไปสู่ผลในเชิงปฏบิ ตั ิ (instrumental use) เก่ียวกับแผนงานหรอื โครงการได้ จากความหมายของการนาผลการประเมินโครงการไปใช้ 2 ลักษณะดังกล่าวคือ การนาไปใช้ ในเชิง ปฏบิ ัตกิ ารและการนาไปใชใ้ นเชงิ ความคิด นับว่าเป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงและพัฒนานโยบาย แผนงาน และโครงการขององค์กร ซึ่งถือว่าได้ใช้ประโยชน์จากสารสนเทศการประเมินโครงการเพ่ือการ สร้างเสริม ปัญญา แนวคดิ ในการบรหิ ารงานและการพฒั นาคณุ ภาพงานให้มปี ระสิทธภิ าพยง่ิ ข้นึ โครงการพัฒนาบุคลากรด้านการประเมนิ โครงการ 38 กลุ่มนเิ ทศ ติดตามและประเมนิ ผล
2. ปัจจยั ทส่ี ่งผลต่อการนาผลการประเมนิ โครงการไปใช้ สามารถจดั กลมุ่ ปจั จัยท่ีมผี ลต่อการนา ผลการประเมินโครงการไปใช้ มีดงั น้ี 2.1 กระบวนการประเมิน จะต้องช่วยให้ได้สารสนเทศจากการ ประเมินท่ีตรงประเด็น (relevance) โดยมีการกาหนดคาถามหรือประเด็นสาคัญของการประเมินได้ สอดคล้องกับความต้องการใช้ สารสนเทศของผู้มีอานาจในการตัดสินใจ ซ่ึงจะช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้บริหารหรือ ผู้เก่ียวข้องสนใจนาผลการ ประเมินไปใช้ และต้องมี วิธีการประเมินที่มีคุณภาพ (quality) ซึ่งนักประเมินต้องเลือกใช้วิธีการประเมินท่ี เหมาะสม มกี ารควบคมุ คุณภาพของการเก็บรวบรวมข้อมูลและการวเิ คราะห์ข้อมูล ที่มีผลต่อความน่าเชื่อถือ ของการประเมนิ 2.2 ผลการประเมิน ผลการประเมินหรือข้ อค้นพบที่ได้ต้องสนองความต้องกา ร (responsiveness) ของผู้ใช้สารสนเทศ โดยที่กระบวนการตัดสินใจของผู้บริหารถือว่า ผลการประเมิน เป็น ปัจจัยนาเข้าอย่างหน่ึงท่ีต้องพิจารณาร่วมกับปัจจัยอื่น ๆ เพ่ือการตัดสินใจ เปลี่ยนแปลง ปรับปรุง หรือ พัฒนาโครงการ นอกจากน้ีข้อค้นพบหรือผลการประเมินต้องมีความถูกต้อง (accuracy) เท่ียงตรง เท่ียง ธรรมและทันเวลาต่อการนาไปใช้ในการตัดสินใจ ปัจจัยดังกล่าวนี้จะมีผล โดยตรงทางบวกต่อการนาผลการ ประเมินไปใช้ ปัจจัยที่สาคัญอีกประการหน่ึงที่มีส่วนช่วยส่งเสริมการใช้ สารสนเทศจากการประเมินท้ัง ระหว่างการประเมินและส้ินสุดการประเมิน คือ วิธีการเผยแพร่ และการ สื่อสารผลการประเมิน ระหว่าง นกั ประเมินและผู้เกย่ี วขอ้ งทจ่ี ะใช้ผลการประเมิน 2.3 คุณลักษณะของนักประเมิน คุณลักษณะของนักประเมินเป็นปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมในการ ใช้ ผลการประเมิน ซึ่งประกอบด้วย คุณลักษณะที่มีความน่าเชื่อถือ (credibility) ซึ่งเป็นความเช่ียวชาญ ทางการประเมิน มีใจเป็นธรรม ไม่มีอคติ มีทักษะการส่ือสารที่ดี (communication) โดยมีศิลปะในการ นาเสนอทด่ี ี สามารถเจรจา ประสานงาน และมมี นษุ ยสมั พนั ธท์ ่ดี ี 2.4 สภาพแวดล้อมขององค์กร สภาพแวดล้อมขององค์กรประกอบด้วย (1) สภาพทางการเมือง ขององค์กร (political climate) มีผลต่อการใช้สารสนเทศจากการประเมิน ผลการประเมินมีแนวโน้มสูงที่ จะถูกนาไปใช้ท้ังในระดับบุคคล องค์กรหรือระดับที่สูงข้ึนไป ถ้าผลการประเมินน้ันสอดคล้องกับปรัชญา แนวทาง หรือนโยบายท่ีกาหนดไว้ (2) บรรยากาศทางเศรษฐกิจขององค์กร (financial climate) มีส่วน สาคัญตอ่ การเลอื กใช้สารสนเทศจากการประเมิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผนงาน โครงการท่ีได้รับการสนับสนุน ค่าใช้จ่ายจากองค์กรหรือหน่วยงาน (3) ลักษณะการตัดสินใจ (type of decision) ซึ่งจาแนกได้ 2 ประเภท คือ การตัดสินใจแบบสืบย้อนอดีต (retrospective decisions) สาหรับการตรวจสอบยืนยันหรือแสดง ความรับผิดชอบต่อการดาเนินงานและผลการดาเนินงาน (accountability) กับการตัดสินใจแบบรุกไปใน อนาคต (prospective decisions) สาหรับการพัฒนาสร้างสรรค์ แผนงาน โครงการใหม่ท่ีจะเกิดข้ึน การ ระบุถึงประเภทของการตัดสินใจของผู้บริหารองค์กรในขั้นวางแผนการประเมินถือเป็นกลยุทธ์หน่ึงที่น่าจะ ช่วยเพ่ิมโอกาสของการใชผ้ ลการประเมนิ โครงการพัฒนาบคุ ลากรด้านการประเมนิ โครงการ 39 กลุม่ นเิ ทศ ตดิ ตามและประเมนิ ผล
2.5 คุณลักษณะของผู้เกี่ยวข้อง กลุ่มบุคคลสาคัญที่เก่ียวข้องกับการใช้สารสนเทศจากการ ประเมนิ ประกอบดว้ ย กลุ่มผูอ้ ยใู่ นวสิ ัยท่ีจะใช้สารสนเทศจากการประเมินได้ กลุ่มผู้ต้องการคาตอบจากการ ประเมิน กลมุ่ ผู้ไดร้ บั ผลกระทบจากการใช้ผลการประเมนิ กลุ่มผู้ร่วมรับผิดชอบในการประเมินและใช้ผลการ ประเมิน จึงควรมีการระบุถึงลูกค้าหลัก (primary audience) ท่ีคาดหมายว่าจะเป็นผู้ใช้ผลการประเมิน ซ่ึง นักประเมินจะใช้เป็นเป้าหมายในการเสนอรายงานและจัดทาข้อเสนอแนะ นอกจากนี้ควรจะได้พิจารณาถึง ความต้องการใช้สารสนเทศ (information needs) ขององค์กรหรือกลุ่มบุคคลท่ีเก่ียวข้อง ซ่ึงมีความ ต้องการสารสนเทศหรือความรู้ใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลาเพ่ือใช้ในการแก้ปัญหาหรือตัดสินใจในการปรับเปลี่ยน และพัฒนาแผนงานหรือโครงการ อีกปัจจัยหน่ึงที่มีผลต่อการนาผลการประเมินไปใช้ คือ ทัศนคติต่อการ ประเมิน ซ่ึงถ้ากลุ่มบุคคลท่ีเก่ียวข้องมีทัศนคติทางบวกต่อการประเมินก็จะมีความมุ่งมั่นต่อ การประเมิน ย่อมส่งผลต่อการนาผลการประเมินไปใช้ประโยชน์ รวมท้ังความผูกพันกับการประเมิน (commitment) ที่ จะทาใหก้ ล่มุ ผู้เก่ยี วขอ้ งเขา้ มาร่วมวางแผน ร่วมทาและร่วมรับผิดชอบในการประเมิน ซ่ึงจะนาไปสู่การใช้ผล การประเมินหรอื นาผลการประเมนิ ไปใชใ้ นท่ีสุด ปัจจยั ที่ส่งผลตอ่ การใชผ้ ลการประเมนิ ดงั กลา่ ว สรุปได้ดังภาพ ลกั ษณะของการประเมนิ ลักษณะบริบทของการประเมิน กระบวนการประเมิน สภาพแวดลอ้ มขององคก์ าร - ตรงประเด็น - สภาพการเมอื ง - มคี ณุ ภาพ - บรรยากาศทางเศรษฐกจิ - ข้อค้นพบสนองความต้องการ - ลกั ษณะการตดั สินใจ - ข้อค้นพบมคี วามถกู ต้อง คณุ ลกั ษณะของผ้เู กีย่ วข้อง - กลยุทธ์การเผยแพร่ - ความต้องการใช้สารสนเทศ คณุ ลกั ษณะของนักประเมนิ - ทศั นคตติ อ่ การประเมิน - ความผูกพนั กับการประเมิน - ความน่าเช่ือถอื - ทักษะการส่ือสาร การใช้ผลการประเมิน/ การนาผลการประเมนิ ไปใช้ โครงการพฒั นาบุคลากรดา้ นการประเมนิ โครงการ 40 กลมุ่ นเิ ทศ ตดิ ตามและประเมนิ ผล
ลักษณะและแนวปฏิบตั ใิ นการนาผลการประเมินโครงการไปใช้ ในการนาผลการประเมินโครงการไปใช้ ผู้บริหารและผู้เก่ียวข้องสามารถนาไปใช้ประกอบการ ตัดสินใจเก่ียวกับโครงการได้หลายลักษณะและมีแนวปฏิบัติในการนาไปใช้ที่ให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนา โครงการ ซงึ่ อาจนาผลการประเมินโครงการไปใชเ้ พ่ือกาหนดโครงการ การจัดทรัพยากรสนับสนุนการดาเนิน โครงการ การปรับแผน กระบวนการหรือวิธีดาเนินโครงการ และการตัดสินประสิทธิผลและ ประสิทธิภาพ ของโครงการ ซ่ึงมรี ายละเอียด ดงั นี้ 1. ลักษณะของการนาผลการประเมินโครงการไปใช้ ในการนาผลการประเมินโครงการไปใช้เพื่อ ประกอบการตัดสินใจของผู้บริหารหรือ เกี่ยวข้องในการเลือกทางเลือกในการดาเนินโครงการสามารถ นาไปใชใ้ นลกั ษณะตา่ ง ๆ กัน ไดด้ งั นี้ 1.1 การนาผลการประเมินไปใช้เพ่ือกาหนดโครงการ เพื่อให้องค์กรได้ดาเนินการตาม ภารกิจ มี ทิศทางท่ีชดั เจน และสามารถตอบสนองต่อความตอ้ งการของผูม้ สี ่วนได้สว่ นเสียจากองค์กร ก่อน การบริหาร หรอื ดาเนินการใด ๆ องคก์ รจงึ ต้องมีการกาหนดนโยบายเป็นกรอบทศิ ทางในการบริหารหรือ การดาเนินงาน จากนโยบายก็จัดทาแผนงาน และโครงการไปสู่การปฏิบัติ โดยผู้บริหารหรือผู้เก่ียวข้อง จะต้องแสวงหา สารสนเทศให้ครบถ้วน เพียงพอต่อการกาหนดโครงการซ่ึงจะต้องมี การประเมินความ ต้องการจาเป็นหรือ การประเมินสภาวะแวดล้อมของโครงการ เพื่อให้มีเหตุผลเพียงพอและเกิดความม่ันใจ ต่อการกาหนด โครงการ 1.2 การนาผลการประเมินไปใช้เพ่ือจัดทรัพยากรสนับสนุนการดาเนินโครงการ ก่อนดาเนิน โครงการ ผู้บริหารและผู้เกี่ยวข้องต้องจัดปัจจัยหรือทรัพยากรในการดาเนินโครงการให้มีความเหมาะสม ความพอเพียง และความพร้อม รวมทั้งความมีคุณภาพของปัจจัยเพื่อให้การดาเนินโครงการมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล ด้วยเหตุนี้จึงต้องมีการประเมินปัจจัยในการดาเนินงานและใช้ข้อมูลผลการประเมินนี้ ประกอบการตัดสนิ ใจในการดาเนนิ โครงการ 1.3 การนาผลการประเมินไปใช้เพื่อการปรับแผน กระบวนการหรือวธิ ีดาเนินโครงการในระหว่าง การดาเนินโครงการ ผู้บริหารและผู้เก่ียวข้องต้องมีสารสนเทศเกี่ยวกับสภาพการดาเนินโครงการ ปัญหา อุปสรรค จุดเด่น จุดด้อยของกระบวนการหรือวิธีการดาเนินงาน เพ่ือประกอบการตัดสินใจปรับแผน กระบวนการ วธิ กี ารดาเนนิ งานหรอื กจิ กรรมให้มคี วามเหมาะสมและมี ประสิทธภิ าพมากยิง่ ขนึ้ 1.4 การนาผลการประเมนิ ไปใชเ้ พอ่ื ตัดสนิ ประสิทธผิ ลและประสทิ ธิภาพของโครงการ หลังจากที่ ผู้บริหารหรือผู้เกี่ยวข้องได้ดาเนินโครงการสิ้นสุดตามระยะเวลาที่กาหนดไว้แล้ว ก็จะต้องมีการประเมินผล การดาเนนิ โครงการและใชข้ ้อมลู ผลการประเมนิ นตี้ ดั สนิ คุณค่าหรือตรวจสอบประสิทธิผลและ ประสิทธิภาพ ของโครงการ ซง่ึ จะนาไปสู่การตดั สนิ ใจของผู้บรหิ ารหรอื ผเู้ กี่ยวข้องในการปรับปรุง พัฒนา ขยายหรือยกเลิก โครงการ โครงการพัฒนาบุคลากรด้านการประเมนิ โครงการ 41 กลมุ่ นเิ ทศ ติดตามและประเมินผล
จากการใช้ข้อมูลผลการประเมินโครงการท่ีกล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่าผู้บริหารและผู้เก่ียวข้องจะ ใช้ข้อมูลผลการประเมินประกอบการตัดสินใจเกี่ยวกับโครงการในลักษณะต่าง ๆ กัน กล่าวโดยสรุป คือ ผู้บริหารจะใช้ข้อมูลผลการประเมินจะประกอบการตัดสินใจเพ่ือกาหนดโครงการ จัดปัจจัยหรือจัด ทรัพยากรในการดาเนินโครงการให้เหมาะสม การปรับแผน กระบวนการหรือวิธีการดาเนินงาน และใช้เพ่ือ ตัดสินประสทิ ธผิ ลและประสทิ ธิภาพของโครงการ ซง่ึ นาไปสกู่ ารปรับขยาย เพ่ิมหรอื ยกเลกิ โครงการ ต่อไป 2. แนวปฏิบัติในการนาผลการประเมินโครงการไปใช้ ซึ่งผู้บริหารเป็นผู้มีบทบาทสาคัญในการ ตดั สินใจเกย่ี วกบั โครงการขององค์กร การตัดสินใจที่ ถือว่าจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด คือ การตัดสินใจน้ัน จะต้องมเี หตุผล มีความรอบคอบ ไม่เกดิ ข้อผดิ พลาด แต่ต้องเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมมากท่ีสุด ซึ่งผู้บริหาร จาเป็นต้องใช้ข้อมูลผลการประเมิน โครงการประกอบการตัดสินใจ ซ่ึงมีแนวปฏิบัติในการนาข้อมูลผลการ ประเมินโครงการไปใช้ ดังนี้ 2.1 จัดระบบการประเมินและใช้ข้อมูลผลการประเมิน โดยควรมีการวางแผนการประเมิน โครงการล่วงหน้าควบคู่กับการวางแผนโครงการ มีกระบวนการหรือกิจกรรมท่ีผลักดันส่งเสริมให้ เกิดการ ประเมินโครงการและใชผ้ ลการประเมินอย่างตอ่ เน่ืองท่ีรวดเร็วและคล่องตัว 2.2 กาหนดความต้องการการใช้สารสนเทศ โดยกาหนดแผนและปฏิทินเพ่ือกากับ (monitoring) การประเมินโครงการ และการนาข้อมูล สารสนเทศจากผลการประเมินไปใช้ประกอบการ ตัดสนิ ใจของผูบ้ ริหารหรือผู้มีอานาจในการตัดสินใจ เก่ียวกบั โครงการใหม้ ีประสิทธภิ าพ 2.3 จัดระบบการส่งเสริมการใช้ข้อมูลผลการประเมิน โดยจัดระบบหรือกลไกในการ ส่งเสริม การใช้ข้อมูลผลการประเมินเก่ียวกับโครงการและการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลผลการประเมิน ท้ัง ภายในและภายนอกองค์การ รวมท้ังส่งเสริมสนับสนุนการใช้สารสนเทศจากการประเมินเพ่ือการ บริหาร โครงการ 2.4 สร้างความตระหนักให้เห็นคุณค่าข้อมูลผลการประเมิน โดยจะต้องมีกลไกหรือกิจกรรม สร้างความตระหนักให้เห็นคุณค่า การใช้ข้อมูลผลการประเมินประกอบการตัดสินใจแก่ผู้บริหารและ ผเู้ กยี่ วขอ้ งกับโครงการ 2.5 พฒั นาระบบสารสนเทศเพอื่ การบริหารงาน โดยการจดั ทาฐานข้อมูลเกี่ยวกับ โครงการและ ผลการประเมินโครงการต่าง ๆ ให้เป็นระบบทมี่ คี วามครอบคลุม รวดเร็วตอ่ การตัดสนิ ใจ เกย่ี วกับโครงการ 2.6 เสริมสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ร่วมกัน โดยสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้มีการเรียนรู้ ร่วมกัน การทางานแบบมีส่วนร่วมและการร่วมคิดร่วมทา (participation & collaboration) โดยการร่วม คิด ร่วม วางแผน ร่วมตัดสินใจ ร่วมดาเนินงาน ร่วมประเมิน ร่วมใช้ข้อมูลผลการประเมินเพื่อการปรับปรุง และ พัฒนางานอย่างต่อเนือ่ ง 2.7 ให้พิจารณาความตรงประเด็น (relevancy) ข้อมูลผลการประเมินท่ีจะนามาใช้ จะต้องตรง กบั ประเด็นหรือเก่ียวข้องกับเร่ืองที่จะนาไปใช้ในการตัดสินใจ เช่น ข้อมูลผลการประเมินปัจจัยเบ้ืองต้นหรือ โครงการพฒั นาบุคลากรด้านการประเมนิ โครงการ 42 กลุ่มนิเทศ ตดิ ตามและประเมนิ ผล
ทรัพยากร จะนาไปใช้ประกอบการตัดสินใจเก่ียวกับการจัด ปรับปัจจัยหรือทรัพยากรให้มี คุณภาพและ เพียงพอต่อการใช้สาหรับดาเนินโครงการ ในขณะท่ีข้อมูลผลการประเมินกระบวนการดาเนิน โครงการ จะ นาไปใชป้ ระกอบการตดั สนิ ใจเก่ียวกับการแก้ไข ปัญหา อุปสรรค ปรับปรุงกระบวนการ กิจกรรมและวิธีการ ดาเนินงานเพ่อื ให้สามารถดาเนนิ โครงการตอ่ ไปได้จนบรรลเุ ป้าหมายของโครงการ 2.8 ให้คานงึ ถึงความเป็นประโยชน์ (utility) ข้อมลู ผลการประเมินน้ันจะต้องมี ประโยชน์ต่อการ ตดั สินใจ ทาให้ผู้บริหารเชื่อมั่นต่อการตัดสินใจว่าจะไม่มีความผิดพลาด และก่อให้เกิด ประโยชน์ต่อผู้มีส่วน ไดส้ ว่ นเสียจากโครงการ และสังคมโดยรวม 2.9 ให้ยึดหลักความถูกต้อง (correctness หรือ accuracy) ข้อมูลผลการประเมินนั้น จะต้องมี ความถกู ตอ้ ง น่าเชอื่ ถอื มีความชดั เจน สือ่ ความหมายได้ดี และเขา้ ใจไดง้ ่าย 2.10 ใหพ้ จิ ารณาความสมบูรณ์ครบถ้วน (completeness) ข้อมูลผลการประเมนิ นนั้ จะตอ้ งมี ความสมบูรณ์ครบถว้ น ครอบคลมุ เพียงพอตอ่ การตดั สนิ ใจ ช่วยให้ผู้บรหิ ารตัดสินใจได้อยา่ ง มน่ั ใจว่าถกู ต้อง เป็นประโยชนต์ ่อองค์กรและผู้เกี่ยวขอ้ ง 2.11 ให้ใช้ข้อมูลผลการประเมินที่เป็นปัจจุบัน ข้อมูลผลการประเมินท่ีจะนาไปใช้น้ัน ต้องมี ความเป็นปัจจุบัน ทันสมัย และจะต้องทันเวลา (timely) หรือทันเหตุการณ์ท่ีจะไม่ก่อให้เกิดผล เสียหายต่อ องค์กรและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากโครงการการประเมินเป็นกระบวนการที่ก่อให้เกิดสารสนเทศเพ่ือการ ตดั สินใจ ซ่งึ ผูบ้ ริหารหรือผทู้ เี่ กีย่ วขอ้ งกบั โครงการจึงควรนาข้อมูลผลการประเมินมาใช้ในการปรับปรุง แก้ไข ปญั หาในการดาเนนิ โครงการรวมทง้ั ใชข้ ้อมลู ผลการประเมนิ ให้คุ้มคา่ เกิดประโยชน์ต่อองค์กร และผู้มีส่วนได้ สว่ นเสยี จากโครงการใหม้ ากที่สดุ กรณตี ัวอย่างการประเมินโครงการและนาผลการประเมินไปใช้ เพื่อให้ผ้อู ่านไดแ้ นวคิดและเห็นแนวทางการประเมนิ โครงการและการนาผลการประเมินไปใช้ จงึ เสนอกรณตี วั อย่างการประเมนิ โครงการและการนาผลการประเมนิ ไปใชป้ ระโยชน์ ดงั นี้ กรณีตัวอย่าง รายงานการประเมนิ โครงการโรงเรยี นวิถีพุทธโรงเรียนวดั สุขกร (บญุ ชว่ ย ความดี. 2551) 1. สาระสาคัญของโครงการทม่ี ุ่งประเมิน โครงการโรงเรียนวิถีพุทธโรงเรียนน้ี เกิดขึ้นเน่ืองจากกระทรวงศึกษาธิการตระหนักในคุณค่า อนันต์ขององค์ความรู้ในพุทธธรรมและระบบไตรสิกขา จึงมีนโยบายส่งเสริมให้สถานศึกษาจัดระบบ การ เรยี นการสอนทม่ี งุ่ พัฒนาเยาวชนไทยให้เปน็ มนุษยท์ ่สี มบูรณ์ และจัดการเรยี นการสอนตาม พระราชบัญญัติ การศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ที่กาหนดให้ผู้เรียนมีคุณสมบัติอันเป็นเป้าหมายของพุทธธรรม อันได้แก่ การ เปน็ คนดี เกง่ มีความสุขอย่างแทจ้ รงิ รปู แบบของการจัดโรงเรียนวถิ ีพทุ ธเปน็ นวตั กรรมการจัดการศึกษา 1 ใน 5 รปู แบบสาคัญของกระทรวงศกึ ษาธิการ ใช้เพ่ือให้บรรลเุ ปา้ หมาย ดังกล่าวอยา่ งเปน็ รปู ธรรม โดย โครงการพัฒนาบุคลากรดา้ นการประเมนิ โครงการ 43 กลมุ่ นิเทศ ติดตามและประเมนิ ผล
กระทรวงศึกษาธิการต้องการให้โรงเรียนวิถีพุทธเป็นจุดสาคัญที่ได้ตระหนักถึงคุณค่าของพุทธธรรมนาสู่ สังคม โดยผา่ นการจดั ระบบการศกึ ษาและกระบวนการเรียนรู้ ของโรงเรยี นทีม่ คี วามชัดเจนมากกวา่ ทผ่ี า่ น มา (กระทรวงศึกษาธกิ าร, 2546 : 8) ตามนโยบายหลักของกระทรวงศึกษาธิการที่มีวัตถุประสงค์ดังกล่าวข้างต้น โครงการ โรงเรียนวิถี พุทธ เป็นโครงการที่ทาให้สถานศึกษาต่าง ๆ เห็นความสาคัญในการจัดกิจกรรม ที่จะนา หลักธรรมทาง พระพุทธศาสนามาประยุกต์ใช้ในการบริหารและการพัฒนาผู้เรียนตามหลักไตรสิกขาใน รูปแบบบูรณาการ เพื่อให้ผู้เรียนมีคุณธรรมและจริยธรรม ตามคุณลักษณะที่พึงประสงค์อย่างชัดเจน เพ่ือให้เป็นคนดี คนเก่ง และมีความสุข รวมถึงการพัฒนาบุคลากรให้มีความสุข ในการทางานสร้างคุณค่าให้แก่ชีวิต ทาให้ชีวิต ส่วนตัวมีความสะอาด สว่าง สงบ โรงเรียนวัดสุขกรเป็น โรงเรียนหน่ึงท่ีเข้าร่วมโครงการโรงเรียนได้เร่ิม ดาเนินโครงการโรงเรียนวิถีพุทธ ต้ังแต่ปีการศึกษา 2547 เป็นต้นมา โดยมีผู้อานวยการโรงเรียนเป็น ผ้อู านวยการโครงการ และมอบหมายให้ครูผู้สอนกลุ่ม สาระสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมเป็นหัวหน้า โครงการ โดยจดั กจิ กรรมเสริมหลักสตู ร และ กิจกรรมต่าง ๆ ท่ีส่งเสริม “การกนิ การอยู่ การดู การฟัง” ให้ นักเรียนโดยเน้นการพัฒนาตามระบบ ไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ท่ีเป็นลักษณะการ บูรณาการ วัตถุประสงค์ของโครงการ (1) เพอ่ื ให้นักเรยี นปฏบิ ัติตามหลกั ธรรมพืน้ ฐาน คอื ศีล สมาธิ ปญั ญา (2) เพอ่ื ให้นักเรยี นนาหลกั ธรรมไปใชใ้ นชีวติ ประจาวัน 2. สาระสาคญั ของการประเมิน การประเมินโครงการโรงเรียนวิถพี ุทธโรงเรียนวัดสุขกรครั้งน้ี เป็นการประเมินการดาเนิน โครงการ โรงเรียนวิถีพุทธ ในปีการศึกษา 2551 โดยการประยุกต์ใช้รูปแบบการประเมินซิป (CIPP Model) เฉพาะ การประเมินกระบวนการ (Process) และการประเมินผลผลิตของโครงการ (Product) โดยมีวัตถุประสงค์ ของการประเมนิ ดงั นี้ (1) เพ่ือประเมินกระบวนการของโครงการ ในด้านการมีส่วนร่วมของครูในการกาหนดแผน ดาเนินงาน ความยืดหยุ่นของแผนการดาเนินงาน ความหลากหลายของกิจกรรมความเหมาะสมของการ ประชุม การประชาสัมพันธ์ การกาหนดภาระงานท่ีครูต้องรับผิดชอบการจัดกิจกรรม การนิเทศ การกากับ ติดตามประเมิน การจัดกิจกรรมค่ายพัฒนาจิต กิจกรรมการแสดงตนเป็นพุทธมามกะ กิจกรรมประจาวัน กจิ กรรมวนั สาคัญทางพระพุทธศาสนาและกจิ กรรมพิเศษ (2) เพ่ือประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการ ในด้านการปฏิบัติตามหลักธรรมพื้นฐาน คือ ศีล สมาธิ ปญั ญาและการนาหลักธรรมไปใชใ้ นชวี ิตประจาวนั โครงการพัฒนาบุคลากรดา้ นการประเมนิ โครงการ 44 กลุม่ นเิ ทศ ติดตามและประเมนิ ผล
ผใู้ ห้ขอ้ มูลสาคญั ได้แก่ ครู จานวน 24 คน และนกั เรียน จานวน 190 คน เครอ่ื งมือทีใ่ ช้ในการประเมนิ เปน็ แบบสอบถามประกอบด้วย แบบสอบถามครูสาหรับประเมิน กระบวนการและผลสัมฤทธ์ิของโครงการ และแบบสอบถามนักเรียนสาหรับประเมิน ผลสัมฤทธิ์ของ โครงการ เป็นแบบมาตรประมาณค่า 5 ระดับ ข้ันตอนการสร้างแบบสอบถามโดยศึกษา เอกสารและ งานวิจัยท่ีเก่ียวข้อง ร่างแบบสอบถาม แล้วนาแบบสอบถามเสนออาจารย์ที่ปรึกษา และ ผู้เชี่ยวชาญ ตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ ปรบั ปรุงแกไ้ ข แล้วนาไปทดลองใช้กับผู้ให้ข้อมูล (ที่มิใช่ ผู้ให้ข้อมูลสาคัญที่ กาหนดไว้) จานวน 30 คน เพ่ือหาค่าความเที่ยง โดยการหาค่าสัมประสิทธิแอลฟา ของครอนบาค ได้ค่า ความที่ยงเท่ากับ 0.98 ผู้ประเมินได้เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยตนเองได้ แบบสอบถามกลับคืนมาท้ังหมด วิเคราะห์ขอ้ มูลด้วยคอมพิวเตอร์โดยใช้โปรแกรมสาเร็จรูป หาค่าเฉล่ียและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน แล้วนา คา่ เฉล่ียเปรียบเทยี บกบั เกณฑ์ที่กาหนดไว้ 3. สรุปผลการประเมิน 3.1 ผลการประเมนิ กระบวนการของโครงการโรงเรียนวิถพี ุทธ ตามความคิดเห็นของครู พบวา่ โดยภาพรวม กระบวนการของโครงการมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก เม่ือพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า กจิ กรรมการแสดงตนเปน็ พทุ ธมามกะ กจิ กรรมมีความหลากหลาย กิจกรรมวันสาคัญทาง พระพุทธศาสนา กิจกรรมค่ายพัฒนาจิตและกิจกรรมประจาวันมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด นอกน้ัน มีความ เหมาะสมอยใู่ นระดับมาก ซึง่ แสดงวา่ ครมู คี วามพงึ พอใจตอ่ กระบวนการของโครงการ โรงเรยี นวิถีพทุ ธ 3.2 ผลการประเมินผลสัมฤทธ์ิของโครงการโรงเรียนวิถีพุทธตามความคิดเห็นของครู พบว่า โดย ภาพรวม นักเรียนมีคุณลักษณะตามวัตถุประสงค์ของโครงการอยู่ในระดับมาก เม่ือพิจารณาเป็น รายข้อ พบว่า นักเรียนมีคุณลักษณะด้านความขยันหม่ันเพียรและความสามารถในการคิดวิเคราะห์อยู่ ในระดับ ปานกลาง นอกน้ัน มีคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์อยู่ในระดับมากซ่ึงแสดงถึงนักเรียนมีคุณลักษณะที่เป็นไป ตามวัตถุประสงค์ของโครงการ คือ นักเรียนมีการปฏิบัติตามหลักธรรมพ้ืนฐาน คือ ศีล สมาธิ ปัญญา และ สามารถนาหลักธรรมไปใชใ้ นชีวติ ประจาวันได้ 3.3 ผลการประเมินผลสัมฤทธ์ิของโครงการโรงเรียนวิถีพุทธ ตามความคิดเห็นของนักเรียน พบว่า โดยภาพรวม นักเรียนมีคุณลักษณะอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า นักเรียนมี การพูด ไพเราะอยู่ในระดับปานกลาง นอกนั้นมีคุณลักษณะอยู่ในระดับมากซ่ึงแสดงถึงนักเรียนมีคุณลักษณะที่ เป็นไปตามวัตถุประสงคข์ องโครงการ คือ นกั เรยี นมกี ารปฏิบตั ติ ามหลกั ธรรมพ้ืนฐาน คือ ศีล สมาธิ ปัญญา และสามารถนาหลกั ธรรมไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั ได้ โครงการพฒั นาบุคลากรด้านการประเมนิ โครงการ 45 กลุ่มนเิ ทศ ติดตามและประเมินผล
4. การวิพากษง์ านประเมนิ 4.1 จุดเดน่ 4.1.1 การเลือกรูปแบบการประเมิน การประเมินโครงการน้ี ผู้ประเมินได้ประยุกต์ใช้ รปู แบบ การประเมนิ ซิป (CIPP Model) เพียง 2 ประเด็น คือ การประเมินกระบวนการ (Process) และ การ ประเมินผลผลิตของโครงการ (Product) ซึ่งมีความเหมาะสมเพราะสอดคล้องกับช่วงระยะเวลาที่ กาลังดาเนินโครงการในปีการศึกษา 2551 และประเมินสรุปเมื่อสิ้นสุดโครงการ ซ่ึงจะช่วยให้ได้ข้อมูล สารสนเทศประกอบการตดั สินใจของผู้บริหารโครงการและผู้รับผิดชอบโครงการตามช่วงระยะเวลา ของ การบรหิ ารหรอื ดาเนินโครงการ 4.1.2การกาหนดวัตถุประสงค์ของการประเมิน ผู้ประเมินกาหนดวัตถุประสงค์ของการ ประเมินได้เหมาะสมสอดคล้องกับรูปแบบการประเมินโดยมุ่งประเมินใน 2 ประเด็น คือ การประเมิน กระบวนการ และผลสมั ฤทธ์ขิ องโครงการ 4.1.3 การออกแบบการประเมิน ผู้ประเมินได้ออกแบบการประเมินให้ครอบคลุมท้ัง 3 องค์ประกอบ คือ การออกแบบเพ่ือกาหนดผู้ให้ข้อมูลสาคัญ ซ่ึงประกอบด้วยครู และนักเรียน การ ออกแบบการวัดตัวแปรหรือประเด็นการประเมิน ซ่ึงผู้ประเมินได้กาหนดรายการตัวแปร/ประเด็นการ ประเมินย่อย ๆ ที่ชัดเจน และกาหนดเครื่องมือท่ีใช้ในการประเมินเป็นแบบสอบถามให้ครูและนักเรียน เป็นผู้ให้ข้อมูลตามตัวแปร/ประเด็นการประเมินท่ีเกี่ยวข้อง การออกแบบการวิเคราะห์ข้อมูล ผู้ประเมิน ได้กาหนดการวิเคราะห์ข้อมูลได้สอดคล้องเหมาะสมกับลักษณะของข้อมูลและได้ กาหนดเกณฑ์การ ประเมินไว้สาหรบั ตัดสนิ คณุ ภาพด้วย 4.1.4 การนาเสนอและสรุปผลการประเมิน ผู้ประเมินได้นาเสนอและสรุปผลการประเมิน ได้ สอดคล้องตรงตามวัตถุประสงค์ของการประเมิน และครอบคลุมครบถ้วนตามตัวแปร/ประเด็นการ ประเมินทกี่ าหนดไว้ 4.2 จุดท่ีควรปรับปรุง 4.2.1 การประเมนิ กระบวนการ ควรกาหนดประเดน็ การประเมนิ หรอื ตวั แปรที่ศึกษา เก่ียวกับ กระบวนการบริหารโครงการ เพราะโครงการนี้ มีผู้อานวยการสถานศึกษาเป็นผู้บริหาร โครงการและมี คณะกรรมการบรหิ ารโครงการดว้ ย 4.2.2 การออกแบบการประเมนิ เนอ่ื งจากผลสมั ฤทธข์ิ องโครงการนี้ เป็นประเด็นการ ประเมิน หรือตัวแปรทเ่ี ปน็ คณุ ลักษณะหรอื พฤติกรรม จึงควรออกแบบการประเมินในการกาหนด เคร่ืองมือวัดตัว แปรท่ีศึกษาให้มีแบบบันทึกการสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนด้วย และควรออกแบบการกาหนดผู้ให้ ข้อมูลเพิ่มเติมโดยให้ผู้ปกครองเป็นผู้ประเมินคุณลักษณะหรือผู้สังเกตพฤติกรรมของ ผู้เรียนท่ีบ้านด้วย เพราะจะช่วยใหไ้ ดข้ ้อมูลที่ครอบคลมุ และนา่ เช่อื ถอื มากข้นึ โครงการพฒั นาบคุ ลากรด้านการประเมนิ โครงการ 46 กลุม่ นิเทศ ติดตามและประเมนิ ผล
4.2.3 การสรุปผลการประเมิน โดยท่ีการประเมินจะต้องมีการนาผลการวิเคราะห์ข้อมูลไป เปรียบเทียบกับเกณฑ์การประเมินเพ่ือตัดสินคุณภาพหรือคุณค่าของโครงการที่มุ่งประเมิน โดยพิจารณา 1 9vo9จากประเด็นการประเมินหรือตัวแปรท่ีศึกษาว่า ผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่กาหนดไว้ หรือไม่ สาหรับ ตอนที่ 5การประเมินโครงการครั้งนี้ ผู้ประเมินไม่ได้สรุปผลการประเมินเปรียบเทียบกับเกณฑ์ การประเมิน ว่า ปปรระะเเมดิน็นใกหา้มรีกปารระเเปมรินียนบั้นเทีๆยบผก่าับนเเกกณณฑฑ์ก์กาารรปปรระะเมเมินินเพหก่ือรตาือัดรไมสเข่ินจยีคึงุณนควภรราามพยีก/งคาารุณปนครก่าับขาปอรรงปุโงคกรราะงรเกมานนิราเโซสค่ึงนจรอะงผนกลาาไกปราสรู่ การตัดสินใจของผบู้ รหิ ารโครงการเกยี่ วกับอนาคตของโครงการต่อไป 5. แนวทางการนาผลการประเมินไปใช้ ผู้บริหารสถานศึกษาและผู้รับผิดชอบโครงการควรใช้ผลการประเมนิ ครง้ั น้ีประกอบการ ตดั สินใจ เกีย่ วกบั การดาเนนิ โครงการดังนี้ 1. ใช้ข้อมูลการประเมนิ กระบวนการของโครงการ สาหรับกิจกรรมท่ีผ่านเกณฑ์การ ประเมินและ ส่งผลต่อความสาเร็จของการดาเนินโครงการ ในการรักษามาตรฐานการดาเนินกิจกรรม ของโครงการใน การดาเนนิ โครงการในระยะต่อไป โดยอาจปรับเพิ่มหรือขยายกิจกรรมการส่งเสริมและ พัฒนานักเรียนให้ มากข้นึ 2. ใช้ข้อมูลผลการประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการประกอบการตัดสินใจดาเนินโครงการ ในปี ต่อไป โดยยกระดับโครงการดังกล่าวให้เป็นงานประจาหรือเป็นกิจกรรมที่ต้องปฏิบัติเป็นประจาตาม หลกั ธรรมพืน้ ฐานหรอื วิถพี ทุ ธ 3. ใช้ข้อมูลผลการประเมินโครงการ ประชาสัมพันธ์ให้กับบุคลากรของโรงเรียนและ ผู้ปกครอง เพ่ือให้รับรู้ ยินดีกับความสาเร็จในการดาเนินโครงการในระยะเริ่มต้นและเพื่อจุดประกาย ความคิดและ พลังความร่วมมือ และการสนับสนุนในการดาเนินโครงการดังกล่าวน้ีในระยะต่อไปหรือ โครงการพัฒนา นกั เรียนในลกั ษณะอ่นื ๆ 4. สถานศึกษาใช้ข้อมูลผลการประเมินโครงการน้ี รายงานผลการดาเนินโครงการ โรงเรียนวิถี พุทธให้ต้นสังกัดได้ทราบถึงผลการดาเนินโครงการตามนโยบายและหน่วยงานต้นสังกัดจะ ได้ใช้เป็น ฐานข้อมูลในการสังเคราะห์ผลการดาเนินโครงการดังกล่าวน้ีในภาพรวมระดับกรม กระทรวง หรือ ระดบั ประเทศตอ่ ไป โครงการพัฒนาบคุ ลากรดา้ นการประเมนิ โครงการ 47 กลมุ่ นเิ ทศ ตดิ ตามและประเมินผล
Search