Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore merged (pdf.io)-merged-compressed

merged (pdf.io)-merged-compressed

Published by ศักดิ์ณรงค์ สืบมี, 2018-10-12 01:13:18

Description: merged (pdf.io)-merged-compressed

Search

Read the Text Version

แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 1กล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ รายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (ว21181) ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2561หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 เรื่องเทคโนโลยีกบั ชีวติ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4เรื่อง ปฐมนเิ ทศ เวลา 1 คาบผสู้ อน นายศกั ดิ์ณรงค์ สบื มี โรงเรยี นหนั คาราษฎร์รงั สฤษด์ิ1. มาตรฐาน/ตัวชว้ี ดั เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพื่อการดารงชีวิตในสังคมท่ีมีการเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็ว ใช้ความรู้ และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตรอ์ ื่นๆ เพื่อแก้ปัญหา หรือพัฒนางานอยา่ งมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมโดยคานึงถงึผลกระทบตอ่ ชวี ิต สงั คม และสิง่ แวดลอ้ ม2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. นกั เรียนสามารถบอกการวดั ผล และประเมนิ ผลรายวิชาวทิ ยาศาสตร์ เรอ่ื งการออกแบบและเทคโนโลยี ได้ (K) 2. นักเรียนสามารถเตรียมตัวล่วงหนา้ ในการเรียน เร่ืองเทคโนโลยีกบั ชีวิตได้ (P) 3. นักเรยี นสามารถทาแบบทดสอบความรู้พ้นื ฐานเดิมได้ถกู ตอ้ ง (P) 4. นกั เรียนใหค้ วามรว่ มมอื ในการเข้าร่วมกจิ กรรม (A)3. สาระการเรยี นรู้ การปฐมนิเทศนักเรียนก่อนเรียน เพ่ือแจ้งเน้ือหารายวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องท่ีจะเรียน คือเร่ืองการออกแบบและเทคโนโลยีชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มาตรฐาน/ตัวช้ีวัด รวมทั้งอธิบายการวัด และประเมินผลการศกึ ษาทง้ั ภาคเรยี นที่ 1/25614. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด การปฐมนิเทศก่อนท่จี ะจัดการเรยี นการสอน ทาใหค้ รไู ด้รจู้ ักนักเรยี นทกุ คน และได้รถู้ ึงทัศนะคติของนกั เรียนเกยี่ วกบั วิชาวิทยาศาสตรท์ ี่ไดม้ กี ารปรับปรุงหลกั สูตรใหม่ย้ายเทคโนโลยีมาเปน็ สาระท่ี 4 ในกลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เรือ่ งการออกแบบและเทคโนโลยี และทาใหน้ ักเรยี นได้ทราบถงึ จดุ ประสงค์ มาตรฐานการเรียนรู้ และตวั ช้ีวดั การวดั ผล และการประเมินผล ตลอดจนข้อกาหนด หรอื เงอ่ื นไขในการปฏบิ ัตติ นขณะที่เรยี น นกั เรยี นและครูสามารถดาเนินกิจกรรมการเรยี นการสอนได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพมากขน้ึ5. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียนและคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์1.ความสามารถในการส่อื สาร 1. มีวนิ ัย2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มงุ่ ม่ันในการทางาน 1) ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ 2) ทกั ษะการสังเกต 3) ทักษะการสื่อสาร 4) ทกั ษะการทางานร่วมกัน3. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ

6. สอ่ื ประกอบการเรยี นรู้ 1. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4 2. หอ้ งสมดุ โรงเรยี นหนั คาราษฎรร์ งั สฤษด์ิ7. ชนิ้ งานและภาระงาน 1. แบบทดสอบก่อนเรียน8. กจิ กรรมการเรียนรู้ แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วธิ กี ารสอน/เทคนคิ : สบื เสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model)ขน้ั นา กระต้นุ ความสนใจ (Engage) 1. นักเรียนและครรู ว่ มกันทาความรจู้ กั จากการแนะนาตัวโดยครเู ปน็ ผู้แนะนาตัวก่อนจากน้ันนกั เรียนแนะนาตัวทีละคน เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างครูและนักเรียน และครูให้นักเรียนเขียนแผนผังที่นั่งเพอื่ ใหส้ ะดวกในการเชค็ ชอ่ื ในการเรยี นครง้ั ตอ่ ไป 2. ครใู หน้ กั เรยี นทาแบบทดสอบกอ่ นเรียนเพ่อื วดั ความรู้ของนกั เรียนกอ่ นเขา้ สกู่ ารเรียน 3.ครูอธิบายให้นักเรียนทุกคนฟังเกี่ยวกับเนื้อหาจุดประสงค์การเรียนรู้ มาตรฐาน/ตัวช้ีวัดเพ่ือให้นักเรียนทราบ และเตรยี มความพร้อมในการเรยี นคร้งั ต่อไปขน้ั สอน สารวจค้นหา (Explore) 1. ครใู ห้นกั เรยี นทุกคนร่วมกันแสดงความคดิ ความร้สู กึ ที่มีตอ่ วิชาวิทยาศาสตร์ เกยี่ วกับการออกแบบและเทคโนโลยี โดยให้นักเรียนแต่ละคนบอกว่าชอบ/ไม่ชอบ เพราะอะไร เพื่อให้ครูทราบถึงทัศนะคติของนักเรียนแตล่ ะคนทมี่ ีต่อวชิ าวทิ ยาศาสตร์ เรื่องการออกแบบและเทคโนโลยีของนกั เรยี นแตล่ ะคน 2. ครูให้นักเรยี นทุกคนมองไปทีจ่ อโปรเจคเตอร์เพ่อื ดู Website ของโรงเรียนและไดอ้ ธิบายให้นกั เรยี นฟงั ว่าโรงเรียนของเรามี Website ของโรงเรียนแลว้ นกั เรียนทุกคนสามารถเข้าไปดู Website ของโรงเรียนได้โดยไปที่ http://www.hkrschool.ac.th จะเหน็ Website ของโรงเรียนถ้าปีหน้านกั เรยี นมนี ้องอยากให้นอ้ งๆมาเรยี นต่อโรงเรยี นของเรานกั เรยี นกส็ ามารถเขา้ ไปที่ Website นีไ้ ดเ้ ลย แลว้ ใหน้ อ้ งเข้าไปกรอกในเกี่ยวกับกาสมัครเรยี นใน Website นีไ้ ด้ 3. ครูสอบถามนักเรียนว่ามีใครเล่น Facebook บา้ ง ถ้านกั เรยี นเล่น Facebook ใหน้ กั เรียนทกุ คนไปกดถูกใจเพจของโรงเรียน เพจมีชื่อว่า โรงเรยี นหนั คาราษฎรร์ ังสฤษดิ์ รส2561 เพื่อเป็นการติดตามเพจของโรงเรยี นในเวลาท่โี รงเรยี นมีกจิ กรรมต่างๆ เพจของโรงเรียนก็จะลงรูป ลงข้อมลู เกย่ี วกบั กิจกรรมนั้นๆ และถา้ผู้ปกครองของนกั เรียนเล่น Facebook ก็สามารถให้ผปู้ กครองเข้ามากดถูกใจเพจของโรงเรยี นได้ ผู้ปกครองของนกั เรียนก็จะเห็นความเคล่ือนไหวในกิจกรรมต่างๆของโรงเรยี น (หมายเหตุ : ครเู รม่ิ ประเมนิ นกั เรียนโดยใชแ้ บบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล)

อธิบายความรู้ (Explain)1. นักเรียนทุกคนร่วมกันฟังกฎกติกาการเรียน การใช้ห้องเรียน รวมทั้งการวัด และประเมินผลการศกึ ษาทงั้ ภาคเรยี นท่ี 1/2561 เพอ่ื ให้นกั เรียนทราบ และปฏิบัติตามกฎติกาการเรียนร่วมกันโดยมีข้อเสนอของครดู งั นี้ 1) นกั เรียนเข้าเรยี นช้าได้ไม่เกิน 10 นาที ถา้ นักเรยี นเข้าเรยี นสายจะถกู หกั คะแนนครัง้ ละ 0.5 คะแนน ถา้ นักเรยี นขาดเรียนจะถกู หกั คะแนนครั้งละ 1 คะแนน กรณเี ขา้ เรยี น สาย 3 ครง้ั ถือวา่ ขาดเรยี น 1 คร้งั 2) นักเรียนไม่นาอาหาร หรือเครื่องด่ืมมารบั ประทานในห้องเรียน 3) นักเรียนไมส่ ่งเสียงดังขณะที่กาลงั เรยี น 4) ในขณะที่เรียน ถ้านักเรยี นไม่เข้าใจ หรือมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ในเวลาเรียนหรือ นอกเวลาเรียนได้ 5) นกั เรยี นปิดเสียงโทรศัพท์ และไมน่ าโทรศัพท์มือถอื ขน้ึ มาเล่นในขณะที่กาลงั เรยี น2. ครแู จ้งเกณฑก์ ารวัดผล และการประเมนิ ผลในการเรยี นรายวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ดังนี้ คะแนนเตม็ 100 คะแนน สอบกลางภาค 20 คะแนน สอบปลายภาค 20 คะแนน จติ พสิ ยั 10 คะแนน สมุด 5 คะแนน คะแนนปฏบิ ตั ิงาน 15 คะแนน งานกลมุ่ 5 คะแนน คะแนนใบงาน 10 คะแนน คะแนนสอบย่อย 15 คะแนน3. ครูใหน้ กั เรยี นแตล่ ะคนเขียนกฎกติกา การใช้หอ้ งเรียน รวมท้งั เกณฑก์ ารวัดผล และการประเมนิ ผลการเรียนทง้ั ภาคเรยี นลงในสมุดเพื่อเป็นการทบทวน หรือการจาในการเข้าเรยี นในรายวิชาวิทยาศาสตรเ์ รอื่ งการออกแบบและเทคโนโลยีโดยนักเรียนจะอา้ งไม่ไดว้ า่ ขน้ึ ชา้ เพราะเหตุใด ไม่เขา้ เรยี นเพราะเหตุใด ในเมื่อครูและนักเรียนรูถ้ ึงกฎกติกาการเรยี นแล้วขัน้ สรปุ ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 1. ครูมอบหมายให้นักเรียนลองเปิดหนังสือเรียนของวิชาวิทยาศาสตร์บทท่ี 1 ท่ีจะเรียนเพื่อให้นักเรียนไปศึกษาข้อมูลดูก่อนว่าจะเรียนเก่ียวกับเรื่องอะไร ความเป็นมาของเร่ืองท่ีจะเรียนเป็นเรื่องแบบไหน พร้อมท้ังให้นกั เรียนลองไปทาความเข้าใจเกีย่ วกบั บทท่ีจะเรียนดู 2. ครูเปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นซักถามอกี ครั้ง กอ่ นจะเรยี นในวชิ าต่อไปขั้นประเมิน ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูตรวจสอบผลการทาแบบทดสอบก่อนเรียนเพื่อวัดความรูน้ กั เรียน 2. ครูประเมินผลโดยการสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล

9. การวัดและการประเมนิ ผลสง่ิ ที่วัด / ประเมนิ ผล วิธกี ารวดั ผล เครอ่ื งมือท่ีใช้วัดผล เกณฑก์ ารประเมนิการประเมินก่อนเรยี น - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรยี น - แบบทดสอบกอ่ นเรียน ประเมนิ ตามสภาพจริง- แบบทดสอบก่อนเรียนหน่วย คะแนน 4 หมายถงึ ดมี าก คะแนน 3 หมายถงึ ดีการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ระบบทาง คะแนน 2 หมายถงึ พอใช้ คะแนน 1 หมายถึง ปรบั ปรุงเทคโนโลยี คะแนน 4 หมายถึง ดมี าก คะแนน 3 หมายถงึ ดีนกั เรยี นสามารถบอกการวัดผล - สงั เกตจากการตอบคาถาม - คาถาม คะแนน 2 หมายถึง พอใช้ คะแนน 1 หมายถงึ ปรับปรงุและประเมินผลรายวิชา - การแสดงความคดิ เห็น คะแนน 4 หมายถึง ดีมาก คะแนน 3 หมายถงึ ดีวิทยาศาสตร์เรอ่ื งการออกแบบ คะแนน 2 หมายถงึ พอใช้ คะแนน 1 หมายถึง ปรับปรงุและเทคโนโลยีได้ (K) คะแนน 4 หมายถงึ ดีมาก คะแนน 3 หมายถึง ดีนกั เรยี นสามารถเตรียมตัว - สงั เกตจากการตอบคาถาม - คาถาม คะแนน 2 หมายถึง พอใช้ คะแนน 1 หมายถึง ปรบั ปรงุล่วงหนา้ ในการเรยี นเรื่อง - การแสดงความคดิ เห็น ระดับคุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์เทคโนโลยกี บั ชวี ิตได้ (P) ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์นักเรยี นสามารถทาแบบ - สังเกตจากการตอบคาถาม - คาถาม ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ทดสอบความร้พู น้ื ฐานเดมิ - การแสดงความคิดเห็นได้ถูกต้อง (P)นักเรียนให้ความร่วมมือในการ - สังเกตจากการตอบคาถาม - คาถามเขา้ รว่ มกิจกรรม (A) - การแสดงความคดิ เหน็ทักษะการคดิ เชงิ ระบบ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรมทักษะการคดิ อยา่ งมี - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรมวิจารณญาณทกั ษะการสื่อสาร - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤติกรรมทักษะการทางานรว่ มกับผ้อู นื่คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ - สังเกตความมีวินัย ใฝ่เรยี นรู้ - แบบประเมนิ คุณลักษณะ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ และมงุ่ มัน่ ในการทางาน อันพงึ ประสงค์

10. เกณฑ์ระดบั การใหค้ ะแนนประเดน็ การประเมนิ 4 ระดบั คะแนน 2 1 3นักเรียนสามารถบอกการ ตอบคาถามได้ถูกต้องทุก ตอบคาถามได้ถูกตอ้ งบอ่ ย ตอบคาถามไดถ้ กู ตอ้ ง ไม่สามารถตอบคาถามวั ด ผ ล แ ล ะ ป ร ะ เ มิ น ผ ล ครงั้ หรือใหค้ วามร่วมมอื ครั้ง หรือให้ความร่วมมือ บางคร้งั หรือใหค้ วาม ได้ แ ล ะ ไม่ ให้ ควา มรายวิชาวิทยาศาสตร์เร่ือง ในการตอบคาถามทุก ในการตอบคาถามบ่อยคร้ัง ร่วมมือในการตอบ ร่วมมือในการตอบการออกแบบและเทคโนโลยี ครัง้ คาถามบางครงั้ คาถามได้ (K)นักเรียนสามารถเตรียมตัว ตอบคาถามได้ถกู ต้องทุก ตอบคาถามได้ถกู ต้องบอ่ ย ตอบคาถามได้ถูกต้อง ไมส่ ามารถตอบคาถามล่วงหน้าในการเรียนเร่ือง ครง้ั หรอื ใหค้ วามรว่ มมอื คร้ัง หรือให้ความร่วมมือ บางครั้ง หรือให้ความ ได้ แ ล ะ ไม่ ให้ ควา มเทคโนโลยกี บั ชีวิตได้ (P) ในการตอบคาถามทุก ในการตอบคาถามบ่อยครงั้ ร่วมมือในการตอบ ร่วมมือในการตอบ คร้ัง คาถามบางคร้งั คาถามนกั เรียนสามารถทาแบบ ตอบคาถามไดถ้ ูกตอ้ งทุก ตอบคาถามได้ถูกต้องบอ่ ย ตอบคาถามได้ถูกต้อง ไม่สามารถตอบคาถามทดสอบความรพู้ นื้ ฐานเดิมได้ ครง้ั หรือใหค้ วามร่วมมอื คร้ัง หรือให้ความร่วมมือ บางครัง้ หรือให้ความ ได้ แ ล ะ ไม่ ให้ ควา มถูกตอ้ ง (P) ในการตอบคาถามทุก ในการตอบคาถามบอ่ ยคร้งั ร่วมมือในการตอบ ร่วมมือในการตอบ ครั้ง คาถามบางครั้ง คาถามนักเรียนให้ความร่วมมือใน ตอบคาถามได้ถูกต้องทุก ตอบคาถามได้ถกู ต้องบ่อย ตอบคาถามไดถ้ กู ต้อง ไม่สามารถตอบคาถามการเขา้ ร่วมกจิ กรรม (A) ครงั้ หรือใหค้ วามรว่ มมือ ครั้ง หรือให้ความร่วมมือ บางครั้ง หรอื ให้ความ ได้ แ ล ะ ไม่ ให้ ควา ม ในการตอบคาถามทุก ในการตอบคาถามบ่อยครัง้ ร่วมมือในการตอบ ร่วมมือในการตอบ ครง้ั คาถามบางครง้ั คาถาม เกณฑ์การตดั สินระดบั คณุ ภาพ คะแนน 4 คะแนน หมายถึง ระดับคุณภาพ ดมี าก คะแนน 3 คะแนน หมายถงึ ระดบั คุณภาพ ดี คะแนน 2 คะแนน หมายถงึ ระดับคุณภาพ พอใช้ คะแนน 1 คะแนน หมายถึง ระดับคุณภาพ ปรับปรงุ หมายเหตุ เกณฑก์ ารวัด และประเมนิ ผลสามารถปรบั เปลยี่ นได้ตามเหมาะสม 11. แหลง่ เรยี นรู้ 1. หอ้ งเรยี น 12. ข้อเสนอแนะ 1. ใหน้ กั เรียนไปศกึ ษาข้อมลู ล่วงหน้าเกี่ยวกบั ระบบทางเทคโนโลยที ี่ซับซอ้ น 2. ครูให้นักเรียนท่ีไม่มี Facebook กลับไปสมัคร Facebook เพราะครูเช่ือว่านักเรียนทุกคนมี โทรศพั ทม์ ือถอื กนั ทุกคนนักเรยี นจะได้นามาใชใ้ ห้เกิดประโยชน์ในการเรยี นวิชาของครูในช่วงเสาร์-อาทิตย์ และ การท่ีใหน้ ักเรียนมี Facebook เนอ่ื งจากการเรยี นการสอนในรายวชิ าวิทยาศาสตร์ เกี่ยวกบั การออกแบบและ เทคโนโลยี ครูจะสร้างกลุ่มของม.1 ในแต่ละห้องไว้ เพ่ือนาไว้ใช้พูดคุยกันในรายวิชาของครู หรือถ้าครูส่ัง การบ้าน หรือส่ังช้ินงานใหไ้ ปทาเสาร์-อาทิตย์นักเรียนไม่เข้าใจก็สามารถถ่ายรูปเกี่ยวกับโจทย์ หรือชิ้นงานที่ นักเรียนทาแลว้ ไมเ่ ข้าใจลงในกลมุ่ เด๋ยี วครจู ะเข้าไปตอบนักเรยี นและอธบิ ายให้นกั เรยี นเข้าใจใหมอ่ กี คร้งั และ

ในการเรียนการสอนแต่ละครง้ั ครูจะลงเกี่ยวกบั ชั่วโมงน้ีเรียนวิชาอะไร เนื้อหาเกี่ยวกบั อะไร การทางานเดียวการทางานกลุ่ม การมีส่วนร่วมหรือการมีปฏิสมั พันธ์ในการเรยี นมากน้อยแค่ไหน ถ้ามีนักเรียนท่ีตั้งใจเรียนมีส่วนร่วมในการถามตอบทางานดเี ข้าเรียนตลอดส่งงานครบทุกช่ัวโมง ครูจะโพสต์ช่ือของนักเรยี นคนน้นั ลงในกลุ่มเพื่อเปน็ กาลงั ใจและเป็นเยี่ยงอย่างให้นักเรียนคนอน่ื เห็นแล้วอยากทาตามบา้ ง และถ้ามีนักเรยี นขาดเรยี นครูก็จะลงช่ือไว้ในกลุ่ม และจะถามเหตุผลทาไมถึงขาดเรียน ถ้าไม่มีเหตผุ ลในการขาดเรยี น ไม่มีใบลา จะเชค็ขาดทันที เหตผุ ลทค่ี รูสร้างกลมุ่ เพราะถา้ มีการบ้านแลว้ นักเรยี นไมเ่ ขา้ ใจนักเรยี นกจ็ ะอ้างได้ว่าไมเ่ ขา้ ใจก็เลยไม่ทา และจะนามาถามครูในช่ัวโมงทส่ี อน ดังนั้นครูจึงคิดว่าถ้ามกี ลุ่มของนักเรียนเองนักเรียนจะได้ถามทนั ทีไม่เข้าใจตรงไหนเพราะเหตใุ ด และก็จะไม่มีการอ้างว่าไมท่ าการบา้ นเพราะไม่รู้ เพราะไม่เขา้ ใจ13. ความเหน็ ของผบู้ ริหารสถานศกึ ษา หรือผู้ที่ไดร้ บั มอบหมายขอ้ เสนอแนะ..................................................................................................................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ......................................................................... (.........................................................................) ตาแหนง่ ...........................................................................14. บันทึกผลหลังการสอน ด้านความรู้ .................................................................................................................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................................ ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน.................................................................................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................ ............................................... ด้านความสามารถทางการออกแบบ และเทคโนโลยี.................................................................................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................................................................................... ...... ดา้ นอน่ื ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมทมี่ ปี ญั หาของนกั เรยี นเป็นรายบุคคล (ถ้ามี))......................................................................................................................................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................... ปญั หา/อุปสรรค........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................ แนวทางการแกไ้ ข........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คลชือ่ -สกลุ ......................................................................................................เลขท.่ี ........................ห้อง.................คาช้แี จง : ให้ทาเครอ่ื งหมาย ลงใน □ ท่ีตรงกบั พฤติกรรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี น และนอกเวลาเรียนลาดับท่ี รายการประเมนิ ปฏิบตั ิ ไม่ปฏิบัติ 1 การแสดงความคดิ เหน็ □□ 2 การยอมรบั ฟงั ความคิดเหน็ ของผอู้ นื่ □□ 3 การทางานตามหนา้ ทที่ ี่ไดร้ ับมอบหมาย □□ 4 ความมีน้าใจ □□ 5 การตรงตอ่ เวลา □□ ลงชอื่ .............................................................ผูป้ ระเมิน ...................../......................./.................สถานภาพของผู้ประเมนิ □ ตนเอง □ เพ่อื น □ พอ่ แม/่ ผปู้ กครอง □ ครูเกณฑ์การให้คะแนนปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอท้งั 5 ด้าน หมายถึง ดมี ากปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรม 3-4 ด้าน หมายถงึ ดีปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรม 1-2 ด้าน หมายถงึ พอใช้ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรม 0 ดา้ น หมายถงึ ปรบั ปรงุสรปุ ผลการประเมนิ □ ผ่าน มพี ฤติกรรม 3-5 ดา้ น □ ไมผ่ ่าน มีพฤติกรรม 0-2 ดา้ น

แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี 2กลุม่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ รายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (ว21181) ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2561หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 เร่ืองเทคโนโลยกี บั ชีวิต ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4เร่ือง ระบบทางเทคโนโลยีที่ซับซอ้ น เวลา 3 คาบผู้สอน นายศกั ดณิ์ รงค์ สบื มี โรงเรยี นหันคาราษฎร์รงั สฤษด์ิ1. มาตรฐาน/ตวั ช้วี ดั วิเคราะห์แนวคิดหลักของเทคโนโลยีความสัมพันธ์กับศาสตร์อ่ืนโดยเฉพาะวิทยาศาสตร์ หรือคณติ ศาสตร์ รวมทงั้ ประเมินผลกระทบที่จะเกิดข้นึ ต่อมนุษย์ สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมเพื่อเปน็ แนวทางในการพฒั นาเทคโนโลยี2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. นกั เรียนสามารถอธบิ ายระบบทางเทคโนโลยที ี่ซบั ซ้อนได้ (K) 2. นกั เรยี นสามารถวิเคราะห์ระบบทางเทคโนโลยีทซ่ี บั ซอ้ นได้ (P) 3. นักเรยี นสามารถวิเคราะห์การทางานผิดพลาดของระบบทางเทคโนโลยที ีซ่ บั ซอ้ นได้ (P) 4. นักเรยี นสามารถเสนอแนวทางการบารงุ รักษาระบบทางเทคโนโลยไี ด้ (A)3. สาระการเรียนรู้ 1) เทคโนโลยีมีการเปล่ียนแปลงตลอดเวลาต้ังแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีสาเหตุหรือปัจจัยมาจากหลายดา้ น เชน่ ปญั หา ความต้องการ ความกา้ วหนา้ ของศาสตร์ต่างๆ เศรษฐกิจ สงั คมวฒั นธรรม สง่ิ แวดลอ้ ม 2) ระบบทางเทคโนโลยีเป็นกล่มุ ของสว่ นต่างๆ ต้ังแต่สองสว่ นข้ึนไปประกอบเข้าดว้ ยกัน และทางานร่วมกันเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์โดยในการทางานของระบบทางเทคโนโลยีจะประกอบไปด้วย ตัวป้อน (input) กระบวนการ (process) และผลผลิต (output) ที่สัมพันธ์กัน นอกจากนี้ระบบทางเทคโนโลยีอาจมีข้อมลู ยอ้ นกลบั (feedback) เพอื่ ใชป้ รบั ปรุงการทางานไดต้ ามวัตถปุ ระสงค์ โดยระบบทางเทคโนโลยอี าจมรี ะบบย่อยหลายระบบ (subsystems) ที่ทางานสมั พนั ธก์ นั และหากระบบยอ่ ยใดทางานผิดพลาดจะสง่ ผลตอ่การทางานของระบบอนื่ ด้วย4. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด เทคโนโลยบี างชนิดประกอบไปด้วยระบบย่อยหลายระบบทางานสัมพันธก์ ันเรียกระบบนั้นว่า ระบบท่ีซับซ้อนหากระบบย่อยใดเกิดข้อผิดพลาด หรือเสียหายอาจส่งผลต่อการทางานของเทคโนโลยีทาให้ประสิทธิภาพการทางานลดลง หรอื ไมส่ ามารถทางานได้ ระบบทางเทคโนโลยอี าจเกิดความผิดพลาดได้ข้ึนอยู่กบั หลายปัจจยั เช่น อายุการใชง้ าน ซงึ่ การวิเคราะหส์ าเหตุการทางานที่ผดิ พลาดของระบบจะช่วยใหส้ ามารถยืดอายุการทางานของเทคโนโลยีได้ การเลือกใช้เทคโนโลยีผู้ใช้หรือผู้พัฒนาเทคโนโลยีจาเป็นต้องคานึงถึงผลกระทบของเทคโนโลยีท้งั ในด้านบวก และดา้ นลบที่สง่ ผลต่อมนษุ ย์ สงั คม เศรษฐกจิ และสิ่งแวดลอ้ ม เทคโนโลยีมกี ารเปลย่ี นแปลงและเกดิ ขึน้ ตลอดเวลาขึ้นอยกู่ ับปัจจัยตา่ งๆ ทท่ี าให้เกิดการเปล่ียนแปลงขึน้ เชน่ สังคมสิ่งแวดลอ้ ม เศรษฐกิจ และวฒั นธรรมโดยการเปลย่ี นแปลงส่วนใหญจ่ ะข้ึนกับองคค์ วามรู้ที่มีเพมิ่มากขึ้น โดยเฉพาะความรู้ และความสัมพันธ์ด้านวิทยาศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์ ซึ่งสง่ ผลใหเ้ กิดการปรบั ปรุงและพฒั นาประสิทธิภาพของการใชง้ านเทคโนโลยีใหด้ ยี ิ่งขึ้น และลดตน้ ทนุ การผลติ

5. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี นและคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์1.ความสามารถในการส่อื สาร 1. มีวนิ ัย2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มุง่ ม่ันในการทางาน 1) ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ 2) ทักษะการสงั เกต 3) ทักษะการสือ่ สาร 4) ทกั ษะการทางานรว่ มกนั3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี6. สื่อประกอบการเรยี นรู้ 1. ใบความรู้ เรอ่ื ง ตวั อยา่ งระบบทางเทคโนโลยีท่ีซับซ้อน 2. วิดที ัศน์ เรอื่ ง ระบบทางเทคโนโลยที ่ซี บั ซ้อน 3. หนังสอื เรียนรายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลย)ี ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 4 4. ห้องสมดุ โรงเรียนหันคาราษฎร์รังสฤษด์ิ7. ช้นิ งานและภาระงาน 1. ใบกิจกรรมท่ี 1 เร่อื ง ระบบทางเทคโนโลยที ี่ซบั ซ้อน 2. ใบกิจกรรมที่ 2 เร่อื ง ระบบย่อยของเทคโนโลยี 3. ใบกิจกรรมทา้ ทายความคดิ เร่ือง ไมเ้ ทา้ อจั ฉริยะสาหรับผ้บู กพรอ่ งทางการเห็น 4. ใบกิจกรรมท้ายบท เร่อื ง ระบบทางเทคโนโลยที ่ซี บั ซ้อน8. กจิ กรรมการเรยี นรู้ แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วธิ กี ารสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ช่ัวโมงท่ี 1ข้ันนา กระตุน้ ความสนใจ (Engage) 1. ครูแจ้งผลการเรียนรใู้ หน้ ักเรยี นทราบ 2. ครูเร่ิมต้นบทเรียนด้วยการใช้คาถามนาให้นักเรียนได้คิดเก่ียวกับคาว่า “ระบบ” โดยใช้คาถามว่านักเรียนเคยไดย้ นิ คาวา่ “ระบบ” ในเรือ่ งใดบ้าง และคาว่า“ระบบ” ในบริบทน้นั มีลกั ษณะเปน็ อยา่ งไร แนวคาตอบ เช่น ระบบต่างๆ ในร่างกายมนุษย์ ทั้งระบบย่อยอาหาร ระบบขับถ่าย ระบบหายใจ หรือระบบของส่ิงต่างๆ ท่ีเราใช้งานในชีวิตประจาวัน เช่น ระบบการทางานของรถยนต์เคร่ืองเสียง เคร่ืองปรับอากาศ ซึ่งจะเห็นได้ว่า “ระบบ” มีอยู่หลายอย่าง และเก่ียวข้องกับการดาเนินชีวิตของ มนษุ ย์ อยู่ตลอดเวลา ตัวอย่าง ลักษณะของระบบท่ีพบเห็น เช่น ปากกาแบบกด มีส่วนประกอบสาคัญ ได้แก่ ด้ามปากกา หัวปากกา ไส้หมึกปากกา ด้ามกด สปริง รวมเข้าด้วยกันเป็นระบบ ซึ่งส่วนประกอบ ตา่ งๆ เหลา่ น้ีมหี นา้ ที่แตกตา่ งกันไป และทางานรว่ มกนั เพื่อใหป้ ากกากดสามารถทางานไดต้ ามตอ้ งการ (หมายเหตุ : ครูเรมิ่ ประเมินนกั เรียนโดยใชแ้ บบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล)

3. ครูใหน้ กั เรียนศึกษาจากหนงั สอื เรยี นบทที่ 1 หัวข้อเรอื่ ง “ระบบคืออะไร” และแจกใบความรู้ เร่อื งตัวอยา่ งระบบทางเทคโนโลยที ซ่ี ับซ้อน ให้กบั นักเรยี นทุกคนข้นั สอน สารวจค้นหา (Explore) 1. ครูใชค้ าถามชวนคิดดงั นี้ “นักเรยี นลองถอดชน้ิ ส่วนของปากกา หรือดินสอแบบกดแลว้ ศึกษาหนา้ ท่ีของแต่ละช้ินส่วนที่ทาให้ปากกา หรือดินสอนั้นมีกลไกการทางานได้ตามต้องการ” จากนั้นให้นักเรียนศึกษาองค์ประกอบของปากกาหรอื ดนิ สอกด ว่ามีส่วนประกอบสาคัญอะไรบา้ ง และมีหน้าที่รว่ มกันทางานอย่างไรพรอ้ มกับอภิปรายสรปุ รว่ มกัน แนวคาตอบ ปากกา หรือดินสดกด มีองค์ประกอบสาคัญ ได้แก่ ด้ามไส้ดินสอหรือไส้หมึกปากกาปุ่มกด หัวปากกา หรือดินสอสปริง โดยองค์ประกอบทั้งหมดจะรวมเข้าด้วยกันเป็นระบบการทางานของปากกา หรือดนิ สอเพ่ือให้ทางานได้ตามตอ้ งการ 2. ครูอธิบายเพื่อให้ความรู้เก่ียวกับความหมายของ “ระบบทางเทคโนโลยี” โดยเชื่อมโยงกับคาถาม ชวนคิด เร่ืององค์ประกอบ และหน้าท่ีของปากกาหรอื ดนิ สอกด ว่า ระบบการทางานของปากกาหรอืดนิ สอกด เรียกไดว้ ่าเป็น ระบบทางเทคโนโลยี ซง่ึ หมายถงึ กล่มุ ของสว่ นต่างๆ ตงั้ แตส่ องสว่ นข้นึ ไปประกอบเข้าด้วยกัน และทางานร่วมกันเพ่ือให้บรรลวุ ัตถุประสงคโ์ ดยในการทางานของระบบทางเทคโนโลยจี ะประกอบไปด้วยตัวป้อน (input) กระบวนการ (process) และผลผลิต (output) ที่สัมพันธ์กัน นอกจากน้ีระบบทางเทคโนโลยอี าจมขี อ้ มลู ยอ้ นกลับ (feedback) เพื่อใชป้ รับปรุงการทางานไดต้ ามวตั ถุประสงค์ 3. ครูจัดกิจกรรมให้นักเรียนศึกษาระบบทางเทคโนโลยีของหม้อหุงข้าว จากหนังสือเรียน แล้วให้นักเรียนอภิปรายสรุปแนวคิดสาคัญ คือองค์ประกอบหลักของหม้อหุงข้าว การทางาน และความเชื่อมโยงกับแผนภาพระบบทางเทคโนโลยี 4. ครูแนะนาให้นักเรียนศึกษาข้อมูลเพม่ิ เติมเกี่ยวกบั ความรู้ เรือ่ งแม่เหล็ก ทถี่ กู นามาใช้เปน็ ส่วนประกอบของหมอ้ หุงข้าว เพ่ือเปน็ การขยายความรูท้ ่ีเชื่อมโยงสูก่ ารสรา้ ง หรือพฒั นาหมอ้ ป้องกันอนั ตรายที่อาจเกิดขนึ้ จากการใชง้ านเครื่องใชไ้ ฟฟ้า (ทาลงในสมุดประจาตวั ) 5. ครูใช้คาถามชวนคิดว่า “นักเรียนคิดว่าเทคโนโลยีในชีวิตประจาวันมีระบบย่อยหลายระบบทางานรว่ มกันได้หรือไม่ อย่างไร” เพ่อื ใหผ้ เู้ รยี นแต่ละกลุ่มอภปิ รายสรปุ รว่ มกนั แนวคาตอบ เทคโนโลยีบางอยา่ งอาจมรี ะบบย่อยทางานรว่ มกันเพ่ือใหส้ ามารถทางานได้ตาม วัตถุประสงค์ เช่น ระบบการทางานของเคร่ืองดูดฝุ่นอัตโนมตั ิประกอบไปด้วยสว่ นสาคัญ เช่น ระบบ ให้พลังงาน ระบบขับเคล่ือน ระบบตรวจจบั ทศิ ทางระบบการดดู ฝนุ่ โดยระบบยอ่ ยเหลา่ น้มี กี ารทางาน ร่วมกนั (หมายเหตุ : ครูเร่มิ ประเมนิ นักเรียนโดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม)อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครูมอบหมายให้นักเรียนทาใบกิจกรรมท่ี 1 เร่ืองระบบทางเทคโนโลยีที่ซบั ซ้อน และใบกิจกรรมที่ 2 เรอื่ งระบบยอ่ ยของเทคโนโลยี สง่ เป็นการบ้าน

ชว่ั โมงท่ี 2ข้ันสอน สารวจคน้ หา (Explore)(ตอ่ ) 1. ครูจัดกิจกรรมให้นักเรยี นศึกษาเน้ือหาหัวข้อ เรื่องระบบทางเทคโนโลยีทซี่ ับซ้อน จากหนังสือเรียนและร่วมกันสรปุ แนวคดิ หลักของระบบทางเทคโนโลยีของเครือ่ งปรบั อากาศ และระบบยอ่ ยของเคร่ืองปรับอากาศว่ามอี ะไรบา้ ง และมีการทางานร่วมกันอย่างไร แล้วให้นักเรยี นรว่ มกันอภิปรายสรุป จากนัน้ ครูเพม่ิ ความรเู้ กย่ี วกับการพัฒนาเคร่อื งปรับอากาศในปจั จบุ นั ซ่งึ มกี ารคานงึ ถงึ ประเด็นการประหยัดไฟ และอานวยความสะดวกให้กับมนุษย์ 2. ครูให้นักเรียนศกึ ษาเนือ้ หาหวั ข้อ เรือ่ งการทางานผิดพลาดของระบบ (system failure) โดยศกึ ษาจากหนังสือเรียน หรือแหล่งเรยี นรูอ้ ื่น เช่น จากห้องสมุดของโรงเรียนหันคาราษฎร์รงั สฤษด์ิ หรือเว็บไซต์ เพื่อศึกษาตัวอย่างการทางานทผี่ ิดพลาดของระบบเครอื่ งปรบั อากาศ ว่าหากเกิดปญั หาการทางานของระบบขนึ้ จะมีแนวทางการตรวจสอบเบ้ืองต้น ก่อนนาไปสู่การแก้ไขได้อย่างไร ทั้งนี้การสืบค้นข้อมูลจากเว็บไซต์ครูจะแนะนานกั เรียนเกีย่ วกบั การใช้คาสาคัญ (keyword) เพ่ือการสืบคน้ เช่น system failure (ทาลงในสมดุ ประจาตัว) 3. นักเรยี นและครรู ่วมกนั อภปิ รายสรปุ เกี่ยวกบั แนวคดิ สาคญั ของการทางานผดิ พลาดของระบบ คือเทคโนโลยีบางอย่างอาจประกอบด้วยระบบย่อยหลายระบบทางานร่วมกันโดยหากระบบย่อยใด ทางานผิดพลาด อาจส่งผลตอ่ การทางานของเทคโนโลยนี ัน้ ทาใหเ้ ทคโนโลยที างานไมไ่ ด้ หรือทางานไดไ้ มส่ มบรู ณ์และสามารถตรวจสอบข้อผิดพลาดของระบบ และแกไ้ ขเบอ้ื งต้นไดห้ ากไม่มีความซบั ซ้อน หรอื ยากเกินไป 4. ครูแบ่งกลุม่ นักเรียนกลมุ่ ละ 4-5 คน ให้ทากิจกรรมท้าทายความคิด เรื่องไม้เท้าอัจฉรยิ ะสาหรบั ผู้บกพรอ่ งทางการเห็นแล้วออกมานาเสนอ และอภิปรายสรปุ ร่วมกนั (หมายเหตุ : ครเู รม่ิ ประเมนิ นักเรยี นโดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ ) ช่ัวโมงท่ี 3อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครูจับสลากเลือกลาดับของแต่ละกล่มุ ใหอ้ อกมานาเสนอผลการศกึ ษาโดยให้นกั เรยี นกลุม่ ทถี่ ูกเลอื กเป็นอนั ดบั แรกสง่ ตวั แทนออกมานาเสนอผลการศกึ ษาทีละกล่มุ จนครบ (หมายเหตุ : ครเู รมิ่ ประเมินนกั เรยี นโดยใชแ้ บบประเมินการนาเสนอผลงาน) 2. นักเรียนกลุ่มอ่ืนๆ และครูร่วมกันวิพากษ์วิจารณ์เก่ียวกับข้อมูลชิ้นงานของนักเรียนท่ีออกมานาเสนอจนทุกคนมคี วามรู้ ความเขา้ ใจท่ีถกู ตอ้ งและตรงกนั 3. ครูอธิบายเนื้อหาเพิ่มเติมหลงั การอภิปรายของนักเรียนในส่วนท่ีขาดตกบกพรอ่ ง หรือส่วนทเี่ ปน็ประเด็นสาคญั ในเรือ่ งการทางานของระบบทางเทคโนโลยที ซี่ ับซ้อน 4. ครูชกั ชวนนักเรียนใหร้ ว่ มกันอภปิ รายประเด็นสาคัญในหวั ขอ้ “ระบบคอื อะไร” โดยครูเปิดประเดน็คาถามนาว่า ระบบที่ได้ศึกษาไปนั้น มอี ะไรบ้างท่เี กดิ ขน้ึ เองตามธรรมชาติ และมีอะไรทีเ่ กิดจากการสร้างสรรค์ของมนุษย์ พร้อมอธิบายว่าระบบน้ันประกอบไปด้วยอะไรบ้าง มีประโยชน์อย่างไร โดยชักชวนให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเหน็ และตอบคาถาม

ขน้ั สรปุ ขยายความเข้าใจ (Elaborate) 1. ครใู หน้ ักเรยี นทาแบบทดสอบหลังเรียนเพ่อื วัดความเข้าใจหลงั จากทากิจกรรม 2. ครูให้นักเรียนทากิจกรรมท้ายบท เรื่องระบบทางเทคโนโลยีท่ซี ับซ้อน โดยให้ผู้เรียนวิเคราะห์ระบบการทางานของต้เู ย็น พร้อมเขยี นแผนภาพแสดงการทางานในรูปแบบของระบบทางเทคโนโลยี โดยระบุระบบย่อยท่ีเก่ียวข้องอย่างน้อย 3 ระบบ เขียนแสดงความสัมพันธ์ของระบบย่อยเหล่าน้ัน และความผิดพลาดของระบบท่ีอาจเกิดขึ้น แล้วออกมานาเสนอ และอภิปรายสรุป (หมายเหตุ : ครูเรมิ่ ประเมินนักเรยี นโดยใช้แบบประเมนิ ชิน้ งาน/ผลงาน) 3. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปแนวคิดสาคัญของบทเรียน เร่ืองระบบทางเทคโนโลยีที่ซับซอ้ นโดยมีประเด็นสาคัญ คือ ระบบทางเทคโนโลยีทซี่ ับซ้อนจะประกอบไปด้วยระบบย่อยต้ังแต่สองระบบขึ้นไปทางานร่วมกัน หากระบบย่อยใดทางานผิดพลาด จะสง่ ผลตอ่ การทางานของระบบใหญท่ ่อี าจทาให้เทคโนโลยีทางานไม่ได้ หรือทางานได้ไม่สมบูรณ์ และการแก้ไขปัญหาที่เกิดข้ึนเบื้องต้นของความผิดพลาดในการทางานของระบบอาจทาได้ด้วยการตรวจสอบระบบย่อยท่ีเก่ียวข้องเพื่อหาสาเหตุของปัญหาก่อน จากน้ันจึงดาเนินการแกไ้ ขในส่วนของระบบย่อยนน้ั ซงึ่ การแก้ปญั หาโดยแนวทางนี้ เปน็ อกี วธิ กี ารหนึ่งทีช่ ่วยใหเ้ กิดการแก้ไขได้ตรงจุดของปัญหาอกี ดว้ ย ทาใสส่ มุดประจาตวั แลว้ สง่ เป็นการบ้านขน้ั ประเมนิ ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครตู รวจสอบผลการทาแบบทดสอบหลังเรยี น เพ่ือวดั ความรขู้ องนักเรยี นหลงั จากทากิจกรรม 2. ครูประเมินผลโดยการสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล พฤติกรรมการทางานกลุ่ม และจาก การนาเสนอผลงานหนา้ ชั้นเรยี น 3. ครตู รวจใบกจิ กรรมท่ี 1 เรื่อง ระบบทางเทคโนโลยีท่ซี บั ซอ้ น 4. ครตู รวจใบกิจกรรมท่ี 2 เรื่อง ระบบย่อยของเทคโนโลยี 5. ครตู รวจใบกิจกรรมท้าทายความคดิ เร่อื งไม้เทา้ อัจฉรยิ ะสาหรบั ผบู้ กพรอ่ งทางการเห็น 6. ครตู รวจกิจกรรมทา้ ยบท เรอ่ื ง ระบบทางเทคโนโลยีทซี่ ับซ้อน

9. การวัดและการประเมนิ ผลสงิ่ ทวี่ ดั / ประเมินผล วิธีการวัดผล เครื่องมอื ที่ใช้วดั ผล เกณฑ์การประเมนิการประเมนิ หลงั เรยี น - ตรวจแบบทดสอบหลังเรยี น - แบบทดสอบหลงั เรยี น รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์- แบบทดสอบหลังเรียนหน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เร่ือง ระบบทาง - การตอบคาถาม - คาถาม คะแนน 7-8 หมายถงึ ดีมากเทคโนโลยีทซ่ี บั ซ้อน - การอภปิ ราย - ใบกจิ กรรมที่ 1 คะแนน 5-6 หมายถึง ดีการอธิบายระบบทางเทคโนโลยี - ตรวจใบกิจกรรมทง้ั 2 - ใบกิจกรรมท่ี 2 คะแนน 3-4 หมายถึง พอใช้ที่ซับซ้อน (K) กิจกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม คะแนน 1-2 หมายถงึ ปรบั ปรงุ - สังเกตพฤตกิ รรมวิเคราะหร์ ะบบทางเทคโนโลยี - การตอบคาถาม - คาถาม คะแนน 7-8 หมายถึง ดีมากท่ีซับซ้อน (K) - การอภปิ ราย - กิจกรรมท้าทายความคดิ คะแนน 5-6 หมายถึง ดี - ตรวจกจิ กรรทา้ ทาย - แบบสังเกตพฤติกรรม คะแนน 3-4 หมายถึง พอใช้วิเคราะห์การทางานผิดพลาด ความคดิ การทางานกลมุ่ คะแนน 1-2 หมายถงึ ปรบั ปรงุข อ ง ร ะ บ บ ท า ง เ ท ค โ น โ ล ยี ท่ี - สังเกตพฤติกรรมการทางานซับซ้อนได้ (K) กลมุ่ - คาถาม คะแนน 7-8 หมายถึง ดมี าก - การตอบคาถาม - กจิ กรรมท้ายบท คะแนน 5-6 หมายถงึ ดี - การอภปิ ราย - แบบประเมินช้นิ งาน/ คะแนน 3-4 หมายถึง พอใช้ - ตรวจกจิ กรรมท้ายบท ผลงาน คะแนน 1-2 หมายถงึ ปรบั ปรงุ - ตรวจแบบประเมินชิน้ งาน/ ผลงาน ของกิจกรรมทา้ ยบทเสนอแนวทางการบารุงรักษา - การตอบคาถาม - คาถาม คะแนน 7-8 หมายถึง ดีมากระบบทางเทคโนโลยีได้ (P) - การอภิปราย คะแนน 5-6 หมายถงึ ดี - แบบสังเกตพฤติกรรม คะแนน 3-4 หมายถงึ พอใช้ทกั ษะการคดิ เชิงระบบ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม คะแนน 1-2 หมายถึง ปรบั ปรุงทักษะการคดิ อยา่ งมี - สงั เกตพฤติกรรมวิจารณญาณ ระดบั คุณภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ทกั ษะการส่ือสาร - สงั เกตพฤติกรรม - สงั เกตพฤตกิ รรม ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ทักษะการทางานร่วมกับผู้อื่น - แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ - สงั เกตความมีวนิ ัย ใฝเ่ รยี นรู้ - แบบประเมนิ คณุ ลักษณะ ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ และม่งุ มัน่ ในการทางาน อนั พึงประสงค์

10. เกณฑร์ ะดับการใหค้ ะแนนประเดน็ การประเมนิ 4 ระดบั คะแนน 2 1 3การอธบิ ายระบบทาง อธิบายระบบทาง อธบิ ายระบบทาง อธบิ ายระบบทาง ไม่สามารถอธบิ ายเทคโนโลยที ซ่ี บั ซ้อน (K) เทคโนโลยที ี่ซบั ซ้อน เทคโนโลยีท่ีซบั ซ้อนได้ เทคโนโลยที ี่ซบั ซอ้ น ระบบทาง ได้ถกู ต้องครบถว้ น ถกู ต้องเป็นสว่ นใหญ่ ได้ถูกตอ้ งบางสว่ น เทคโนโลยที ี่การวเิ คราะห์การทางานของ ซับซอ้ นได้ร ะ บ บ ท า ง เ ท ค โ น โ ล ยี ท่ี วิเคราะหก์ ารทางานของ วิเคราะห์การทางานของ วเิ คราะห์การทางานของซบั ซ้อน (K) ระบบทางเทคโนโลยี ระบบทางเทคโนโลยที ่ี ระบบทางเทคโนโลยี วิเคราะหก์ าร ทีซ่ บั ซ้อนไดถ้ ูกตอ้ ง ซับซ้อนได้ถกู ตอ้ งเปน็ สว่ น ที่ซบั ซ้อนไดถ้ ูกตอ้ ง ทางานของระบบการวเิ คราะห์การทางาน ทางเทคโนโลยีผิดพลาดของระบบ ครบถว้ น ใหญ่ บางสว่ น ท่ซี บั ซอ้ นไม่ได้ทางเทคโนโลยที ีซ่ ับซอ้ น (P) วเิ คราะหก์ ารทางาน วเิ คราะห์การทางาน วิเคราะหก์ ารทางาน ผิดพลาดของระบบทาง ผิดพลาดของระบบทาง ผดิ พลาดของระบบทาง วเิ คราะหก์ ารการเสนอแนวทางการ เทคโนโลยที ซี่ บั ซอ้ น เทคโนโลยีที่ซบั ซอ้ นไดเ้ ปน็ เทคโนโลยีทีซ่ บั ซอ้ นได้ ทางานผดิ พลาดบารงุ รักษาระบบทาง ไดถ้ ูกต้องครบถว้ น ของระบบทางเทคโนโลยีทีซ่ บั ซอ้ น (P) สว่ นใหญ่ บางสว่ น เทคโนโลยีที่ เสนอแนวทางการบารงุ ซับซ้อนไม่ได้ รกั ษาระบบทาง เสนอแนวทางการบารงุ เสนอแนวทางการบารงุ รักษาระบบทางเทคโนโลยี รักษาระบบทาง ไมส่ ามารถเสนอ เทคโนโลยีที่ซบั ซ้อนได้ ท่ซี ับซอ้ นไดอ้ ย่างถูกต้อง แนวทางการบารงุ อย่างถูกตอ้ งเหมาะสม เหมาะสมเป็นสว่ นใหญ่ เทคโนโลยที ซ่ี บั ซอ้ นได้ รกั ษาระบบทาง อย่างถกู ต้องเหมาะสม ครบถ้วน เทคโนโลยีที่ เป็นบางส่วน ซับซ้อนได้เกณฑ์การตดั สนิ ระดบั คณุ ภาพ คะแนน 7-8 คะแนน หมายถึง ระดบั คณุ ภาพ ดมี าก คะแนน 5-6 คะแนน หมายถงึ ระดับคุณภาพ ดี คะแนน 3-4 คะแนน หมายถงึ ระดบั คุณภาพ พอใช้ คะแนน 1-2 คะแนน หมายถึง ระดบั คุณภาพ ปรับปรงุหมายเหตุ เกณฑก์ ารวัด และประเมนิ ผลสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามเหมาะสม11. แหลง่ เรยี นรู้ 1. หอ้ งเรยี น 2. แหล่งข้อมูลสารสนเทศ 3. ห้องสมุดหรือสื่อออนไลน์เก่ยี วกับระบบ โดยอาจใช้คาสาคัญในการสบื ค้น เช่น ระบบทางเทคโนโลยี (technological system) ระบบทางเทคโนโลยีท่ีซับซ้อน (complex system) การทางานผิดพลาดของ ระบบ (system failure)

12. ขอ้ เสนอแนะ 1. นักเรียนสามารถเรียนร้ดู ้วยตนเองได้ โดยใช้ส่ือเข้ามาช่วยในการสืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์เนต็ ในการทางานกลุม่ หรือในการทาใบงานเกย่ี วกบั การออกแบบและเทคโนโลยีได้ และนกั เรยี นจะไดค้ วามรู้เพ่มิ ข้ึนจากการค้นคว้า การใช้เวลาวา่ งใหเ้ กิดประโยชน์ 2. นกั เรยี นสามารถเข้ามาสอบถามครไู ด้ ทั้งงานกลมุ่ และใบกจิ กรรมตา่ งๆ ถ้าไมเ่ ข้าใจ หรือไม่รู้จะทาไปในแนวไหนให้นักเรยี นเขา้ มาสอบถามไดใ้ นกลมุ่ ของ ม.1 แตล่ ะหอ้ งทค่ี รสู ร้างไว้ให้ได้ โดยแลกเปลยี่ นความรู้กัน พูดคุยกนั และสามารถออกความคิดเห็นได้ เด๋ียวครจู ะชว่ ยดวู า่ สงิ่ ทนี่ ักเรียนทาถูกหรือไม่13. ความเห็นของผบู้ รหิ ารสถานศึกษา หรอื ผทู้ ีไ่ ด้รับมอบหมายข้อเสนอแนะ........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ......................................................................... (.........................................................................) ตาแหน่ง...........................................................................14. บนั ทกึ ผลหลงั การสอน ด้านความรู้ .................................................................................................................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................................................ ด้านสมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รยี น.................................................................................................................................................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................................................................... ด้านความสามารถทางการออกแบบ และเทคโนโลยี.............................................................................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................................... ด้านอื่นๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤติกรรมทม่ี ีปญั หาของนกั เรยี นเป็นรายบคุ คล (ถา้ ม)ี )................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ........................................................................................................................................................................................................................... ปญั หา/อปุ สรรค........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................ แนวทางการแก้ไข........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................

ใบความรู้ เรือ่ ง ตัวอยา่ งระบบทางเทคโนโลยที ซ่ี บั ซ้อน เทคโนโลยีเป็นสง่ิ ท่ีมนุษย์สร้าง หรือพัฒนาข้ึน ซึ่งอาจเป็นได้ท้ังช้ินงาน หรือวิธีการเพ่ือใช้แก้ปญั หาสนองความต้องการ หรือเพ่ิมความสามารถในการทางานของมนุษย์การทางานของเทคโนโลยีแต่ละชนิดจะมีลักษณะแตกต่างกันไปตามวัตถุประสงค์ และจะมีการทางานอย่างเป็นระบบ (system) ซึ่งโดยท่ัวไปแล้วระบบจะใช้เรียกการทางานของส่ิงท่มี ีส่วนประกอบต้ังแต่สองส่วนขึ้นไปรวมเข้าด้วยกัน และแต่ละสว่ นจะทางานสัมพันธ์กันเพ่ือให้สามารถทางานได้ตามหน้าที่ (function) เช่น ปากกา ประกอบไปด้วยส่วนประกอบหลกั ๆ ได้แก่ ดา้ มจับ นา้ หมึก ไสป้ ากกา และหวั ปากกา ซงึ่ สว่ นประกอบต่างๆ ของปากกาลว้ นมหี นา้ ที่เฉพาะอย่างเพื่อใหป้ ากกาสามารถทางานไดต้ ามวตั ถุประสงค์ ระบบพบได้ท้ังในธรรมชาติ และระบบที่มนุษย์สร้างข้ึน ซ่ึงในที่นี้จะกล่าวถึงระบบท่ีมนุษย์สร้างข้ึนหรือเรียกว่าระบบทางเทคโนโลยีประกอบไปด้วย ตัวป้อน (input) กระบวนการ (process) และผลผลิต(output) และบางระบบอาจมีข้อมลู ยอ้ นกลับ (feedback) ระบบทางเทคโนโลยที ซ่ี ับซอ้ น เป็นระบบย่อยตงั้ แตส่ องระบบขนึ้ ไปทางานสมั พันธ์กัน และหากระบบย่อยใดทางานผิดพลาดจะทาใหเ้ ทคโนโลยีนั้นทางานไมไ่ ด้ หรือไม่สมบูรณ์ การเรียนรู้ระบบทางเทคโนโลยีท่ีซับซ้อนช่วยให้เราเข้าใจการทางานของเทคโนโลยีต่างๆ สามารถวิเคราะห์สาเหตุ และนาไปสู่การแก้ไขข้อผิดพลาด หรือข้อบกพร่องเบ้อื งตน้ เพื่อใหเ้ ทคโนโลยีนน้ั ทางานได้ตามวตั ถปุ ระสงค์ เช่น เคร่อื งปรับอากาศโดยทั่วไปเราอาจมองเห็นเพยี งสว่ นประกอบหลกั ๆ ได้แก่ ตัวเคร่ือง ฝาครอบแผ่นกรองอากาศ สายไฟ สวิตช์โดยสามารถวิเคราะห์ระบบการทางานของเคร่ืองปรับอากาศได้ดังนี้ ตัวป้อนของระบบนี้ใช้ไฟฟ้าเป็นแหล่งพลังงาน และการป้อนข้อมูลด้วยการกดปุ่มเปิด เพ่ือให้เครื่องสามารถทางานผ่านกระบวนการภายในของเครื่องปรับอากาศ ซึง่ มรี ะบบย่อยอย่ภู ายในหลายส่วนทางานร่วมกนั ใหไ้ ด้อากาศท่มี อี ุณหภมู ิลดลงแล้วส่งออกมาเปน็ อากาศเยน็ อาจเรยี กว่าเปน็ ผลผลิตของการทางานของเคร่ืองปรบั อากาศ

แต่หากวิเคราะห์โดยละเอยี ดแล้วจะพบว่า เคร่ืองปรับอากาศมีส่วนประกอบอื่นๆ อีกหลายอยา่ งอยู่ภายใน ทาหน้าทีแ่ ตกต่างกันไป เช่น ระบบปรับอากาศเปน็ ระบบทม่ี ีสารพาความรอ้ นจากภายในห้องไปนอกห้อง ซ่ึงมีระบบยอ่ ยท่ีสาคญั ทางานรว่ มกนั ได้แก่ ระบบอัดความดัน (compressor system) ระบบคอยล์ร้อน(condenser system) ระบบลดความดนั (expansion system) และระบบคอยล์เยน็ (evaporator system)

ในขณะเดียวกนั ระบบการทางานของเคร่ืองปรบั อากาศจะมรี ะบบใหข้ ้อมูลยอ้ นกลับอยดู่ ้วย เพื่อชว่ ยในการตัดไฟ เม่ืออุณหภูมิห้องอยู่ในระดับที่เหมาะสมตามที่ตั้งค่าไว้ ซ่ึงมีข้อดีในการช่วยประหยัดไฟอีกดว้ ยนอกจากนี้ หากผู้ใช้งานต้องการปรับเปลยี่ นอุณหภูมิ หรือระดับความแรงของลมก็สามารถปรบั ระดับไดด้ ว้ ยการป้อนข้อมูลผา่ นปุ่มท่ีต้องการ ซ่ึงการให้ข้อมูลของผู้ใช้ในลกั ษณะน้ีอาจเรียกได้ว่าเป็นให้ข้อมูลยอ้ นกลบั สู่ระบบการทางานเพือ่ ใหไ้ ด้อณุ หภูมหิ อ้ งตามที่ต้องการ ระบบการทางานของเครื่องปรับอากาศบางรุ่นจะมีระบบให้ข้อมูลย้อนกลับเพิ่มเติม เช่น ระบบตรวจสอบอุณหภูมิ และสภาพแวดลอ้ มภายในหอ้ งระบบตรวจจับตาแหน่งของคนท่ีอยใู่ นหอ้ ง และกจิ กรรมที่ทาให้เกิดความรอ้ นโดยจดจา และกระจายความเย็นให้กับทุกกิจกรรมได้อย่างแมน่ ยา ส่งลมเย็นเฉพาะจดุ ที่มีคน ลดพลังงานลงอัตโนมัติ เม่ือมีกิจกรรมเคล่ือนไหวน้อยลดพลังงานลงอัตโนมัติเมื่อไม่มีคนอยู่ในห้องและตรวจจับความเข้มของแสงอาทิตย์ ลดพลังงานเม่ือแสงน้อย ซึ่งระบบการใหข้ ้อมูลย้อนกลบั น้ีทาให้ประหยัดพลงั งาน การดูแลรักษาเครื่องปรบั อากาศทาไดโ้ ดยการล้างทาความสะอาดแผ่นกรองฝุ่นอย่างน้อยปีละ 2 ครั้งหรอื บอ่ ยขนึ้ หากมปี ริมาณฝ่นุ ในบริเวณท่ีตดิ ตั้งมากไมน่ าอปุ กรณ์ทม่ี ีความร้อน หรือความชื้นเขา้ ไปในห้องปรับอากาศ ไม่เปิดประตูหน้าต่างห้องปรับอากาศ และปรับอุณหภูมิที่เหมาะสมประมาณ 25 องศา ก็จะช่วยให้เคร่ืองทางานได้เต็มประสิทธิภาพประหยัดพลังงาน และค่าใช้จ่ายจะเห็นได้ว่าเคร่ืองปรับอากาศมีระบบยอ่ ยหลายระบบทางานร่วมกนั เพื่อให้เครื่องปรับอากาศสามารถใช้งานได้ตามตอ้ งการ และหากระบบย่อยใดเกิดข้อผิดพลาด หรือเสียหายอาจส่งผลต่อการทางานของเคร่ืองปรับอากาศทาให้ประสิทธิภาพการทางานลดลงหรือไมส่ ามารถทางานได้

ใบกจิ กรรมที่ 1 เรื่องระบบทางเทคโนโลยีที่ซับซอ้ น คาช้แี จง : ใหน้ ักเรียนตอบคาถามต่อไปนใ้ี หถ้ ูกต้อง ครบถ้วน และสมบรู ณ์ตอนที่ 1 ให้นักเรียนสืบค้นเทคโนโลยีท่ีสนใจมาอย่างน้อย 1 อย่าง โดยต้องเป็นเทคโนโลยีท่ีมีระบบการทางานตั้งแต่ 2 ระบบขึ้นไปทางานร่วมกันแล้ววิเคราะห์การทางานของระบบทางเทคโนโลยีนั้น โดยเขียนเป็นแผนภาพสรปุ องคป์ ระกอบของระบบทางเทคโนโลยีเทคโนโลยที สี่ นใจ คอื ............................................................................................................................................ระบบการทางานของเทคโนโลยี ประกอบไปดว้ ยระบบยอ่ ย..............................ระบบ ได้แก่............................................................................................................................................................................................................. เขยี นแผนภาพอธิบายการทางานของแตล่ ะระบบยอ่ ยท่ีประกอบกันเป็นระบบทางเทคโนโลยที ีซ่ ับซอ้ นตอนท่ี 2 จากเทคโนโลยีท่นี ักเรียนเลอื กในตอนที่ 1 ให้นักเรียนวิเคราะหก์ ารทางานผดิ พลาดของระบบทีอ่ าจเกิดข้ึนพร้อมทงั้ เสนอแนะแนวทางการบารุงรกั ษาระบบยอ่ ย การทางานผดิ พลาด ผลกระทบตอ่ ระบบทาง แนวทางการ ขอ้ มลู ย้อนกลับ เทคโนโลยที ซ่ี บั ซอ้ น บารงุ รักษา

ใบกจิ กรรมท่ี 2 เร่ืองระบบยอ่ ยของเทคโนโลยี คาชีแ้ จง : ใหน้ ักเรียนตอบคาถามตอ่ ไปนี้ให้ถูกต้อง ครบถ้วน และสมบูรณ์ ให้นักเรียนเลือกเทคโนโลยีที่สนใจ 1 อย่าง จากตัวอย่างท่ีกาหนดให้เพื่อวิเคราะห์การทางานของเทคโนโลยี แล้วเขียนแผนภาพแสดงการทางานในรูปแบบของระบบทางเทคโนโลยีโดยระบุระบบย่อยท่ีเก่ียวขอ้ งอย่างน้อย 3 ระบบ พร้อมอธบิ ายความสมั พันธ์ของระบบยอ่ ยเหลา่ นัน้ รถจกั รยานยนต์ หม้อหงุ ขา้ วดจิ ิทลัแนวคาตอบ รถจกั รยานยนต์ แผนภาพแสดงระบบทางเทคโนโลยขี องรถจักรยานยนต์ ตวั ปอ้ น (input) กระบวนการ (process) ผลผลติ (output)*พลังงานเช้อื เพลงิ การทางานของเครื่องยนต์ การเคลื่อนท่ีของ*การตดิ เครอื่ งยนต์ เพอ่ื ให้รถเคลือ่ นทีไ่ ปได้ รถจกั รยานยนต์ ข้อมูลย้อนกลับ (feedback) การปรบั ระดับความเร็วโดยการ ปรบั ระดบั คันเรง่ เกียร์ หรือเบรกรถจกั รยานยนต์ มตี ัวอย่างระบบท่ีเก่ียวขอ้ ง และองค์ประกอบของระบบย่อย ดงั น้ี ระบบย่อย ตวั ปอ้ น กระบวนการ ผลผลิต ขอ้ มลู ยอ้ นกลับระบบยอ่ ยที่ 1 (input) (process) (output) (feedback)ระบบห้ามล้อหรือเบรก(brake) การให้แรงกระทาตอ่ สายเบรกส่งแรงไปยัง ล้อหมุนช้าลง การปรบั อัตราเร็วระบบยอ่ ยท่ี 2ระบบเกยี ร์ เบรก อุปกรณ์หา้ มล้อ หรอื หยดุ ของรถโดยปรับระดับ แรงกระทา ตอ่ เบรก การเปลย่ี นเกยี ร์ การเปล่ียนคู่เฟืองขับ ก า ลั ง ส่ ง ที่ ไ ด้ การเปลีย่ นเกยี รต์ าม และเฟืองตามเพ่ือให้ จากระบบเกยี ร์ สภาพถนนหรือ เกดิ การทดแรง อตั ราเรว็ ท่ตี ้องการระบบยอ่ ยที่ 3 ระบบเกียร์ทางาน โซ่หรอื สายพาน ลอ้ หมุน อาจมีไดท้ ้งั การปรบัระบบลอ้ โดยส่งแรงผ่านโซ่ ทางานเพอื่ ส่ง แรงกระทาตอ่ เบรก หรือการเปลย่ี นเกยี ร์ หรือสายพาน กาลงั ไปยังล้อรถ

อธบิ ายความสัมพันธข์ องระบบยอ่ ย ระบบหา้ มลอ้ หรอื เบรก มหี น้าทลี่ ดความเรว็ หรอื หยดุ การเคลอ่ื นทข่ี องรถและระบบเกยี ร์ทาหนา้ ที่ทดแรงและสง่ ตอ่ กาลังไปยงั ระบบล้อเพอ่ื การขับเคล่ือน ซ่งึ ระบบทงั้ สามส่วนต่างกท็ างานเชอื่ มโยงกันเพอ่ื ให้รถขับเคลอื่ นหรือหยดุ ได้ตามตอ้ งการ หม้อหุงข้าวดิจิทัลแนวคาตอบ หมอ้ หงุ ขา้ วดจิ ิทัลแผนภาพแสดงระบบทางเทคโนโลยีของหมอ้ หงุ ขา้ วดจิ ิทัล ตัวปอ้ น (input) กระบวนการ (process) ผลผลิต (output)*พลังงานไฟฟ้า การทางานของหมอ้ หงุ ข้าว ขา้ วทห่ี งุ สกุ*ข้าว โดยเปลย่ี นพลังงานไฟฟ้า*นา้ เป็นความร้อนท่อี ุณหภมู ิ มากกว่า 100 องศาเซลเซียส ขอ้ มูลยอ้ นกลบั (feedback) การตัดวงจรไฟฟา้ เม่ือข้าวหงุ สกุ และปรับสถานะไปทก่ี ารอนุ่

หม้อหงุ ข้าวดจิ ิทลั มตี ัวอย่างระบบย่อยท่ีเกีย่ วขอ้ งและองค์ประกอบของระบบย่อย ดังน้ีระบบย่อย ตวั ปอ้ น กระบวนการ ผลผลิต ข้อมูลย้อนกลับ (input) (feedback) (process) (output) -ระบบย่อยท่ี 1 พลงั งานไฟฟ้า การทางานของหมอ้ หงุ ข้าวโดย ข้าวทอ่ี ุ่นหรอื มี -ระบบอุน่ อัตโนมตั ิ เปลยี่ นพลังงานไฟฟ้าเป็นความ อุณหภมู ิประมาณ ร้อนด้วยการควบคุมอุณหภูมิท่ี 70-80 องศาเซลเซยี ส เหมาะสม (ประมาณ70-80 องศาเซลเซียส)ระบบย่อยที่ 2 พลงั งานไฟฟ้า การทางานของวงจรไฟฟา้ ตัวเลขแสดงผลระบบแสดงผล แสดงผลท่ีหน้าจอ สถานะการทางานดจิ ทิ ลั ที่หน้าจออธิบายความสมั พนั ธ์ของระบบย่อย ระบบการอุ่นอตั โนมตั ิควบคุมการทางานของหม้อหงุ ข้าวเพอื่ ใหค้ วามรอ้ นตามค่าท่ีกาหนดจะทางานสัมพนั ธ์กับระบบการแสดงผลทหี่ น้าจอโดยมกี ารปรับเปล่ยี นข้อมูลการแสดงผลไปตามสถานะการทางานทาให้ผใู้ ช้สามารถทราบสถานะการทางานของเครอ่ื งว่าเป็นการหุง หรืออุ่น

กิจกรรมท้าทายความคดิ ไมเ้ ทา้ อัจฉรยิ ะสาหรบั ผบู้ กพรอ่ งทางการมองเหน็ คาชแี้ จง : ให้นกั เรียนชว่ ยกนั คิดคาตอบคาถามต่อไปนี้ให้ถกู ต้อง ครบถ้วน และสมบรู ณ์ นอ้ งโรบอท อาศยั อยบู่ ้านท่ใี กลก้ บั โรงเรยี นสอนผบู้ กพร่องทางการเห็น นอ้ งโรบอทสงั เกตเหน็ นักเรยี นทเ่ี ดินทางมาโรงเรียนจะใชไ้ มเ้ ทา้ ชว่ ยในการเดนิ ทางโดยการกวดั แกวง่ และเคาะไปตามพนื้ ถนน เพ่อื ใหร้ ับรู้ถึงสิง่ กดี ขวางทอ่ี ย่รู อบตัว แตจ่ ากการสังเกตยังพบวา่ มีนกั เรยี นบางคนเกดิ อบุ ตั เิ หตุสะดดุ ล้ม เนอื่ งจากระยะทก่ี วดัแกวง่ และเคาะไม้เท้าไมเ่ หมาะสม และไม่ทราบว่ามีส่งิ กีดขวางอยู่ด้านหน้า ดงั น้นั น้องโรบอทจึงตอ้ งการหาวิธีชว่ ยผ้บู กพร่องทางการเหน็ โดยการพัฒนาไมเ้ ท้าแบบใหม่ ถ้านักเรียนเป็นน้องโรบอท จะมีวิธีการพัฒนาปรับปรุงไม้เท้าให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นได้อย่างไรเพื่ อช่วยเหลือผู้บกพรอ่ งทางการเหน็ ลดอุบัตเิ หตจุ ากการเดินทางชว่ ยกันคดิ 1. นกั เรยี นชว่ ยกนั สบื คน้ ขอ้ มลู ของไม้เท้าสาหรับผู้บกพรอ่ งทางการเห็นจากนั้นช่วยกนั วิเคราะห์และ สรุปว่าไม้เท้าควรมอี งค์ประกอบลักษณะและการใช้งานอยา่ งไร แนวคาตอบ

2. จากข้อมูลท่ีได้สืบค้นเก่ียวกับไม้เท้าท่ีช่วยผูบ้ กพร่องทางการเห็นในการเดิน นักเรียนมีแนวคิดในการปรับปรุงไม้เท้าสาหรับผู้บกพร่องทางการเห็นนี้อย่างไร โดยให้แสดงในรูปแบบของระบบการทางานทีช่ ่วยใหไ้ มเ้ ท้ามปี ระสทิ ธิภาพในการใช้งานดีขนึ้ และนาเสนอแนวคาตอบ จากการศึกษาพบว่าการใช้ไม้เท้าช่วยในการเดินยังประสบปัญหาเดินชน และสะดุดล้มเน่ืองจากส่ิงกีดขวางอยู่ในระยะใกล้เกินไป ดังน้ันจึงมี แน วคิ ดในการแก้ปัญห า เพื่อให้ผู้บกพ ร่ อ งทางการเหน็ สามารถรบั รสู้ ิ่งกีดขวางได้ล่วงหน้าจึงได้คิดว่าควรมีการติดต้ังระบบตรวจจับสิง่ กีดขวางโดยใช้เซน็ เซอร์ ระบบส่ันสะเทือนท่มี ือจบั และระบบการเตือนด้วยเสียงร่วมกันโดยมีหลกั การทางานคือจะมีการติดต้ังระบบเซ็นเซอร์ท่ีไม้เท้า ซึ่งทางานโดยใช้แสงอินฟาเรดในการตรวจสอบสิ่งกีดขวางเมื่อแสงอินฟาเรดไปกระทบสิ่งกีดขวางจะส่งสัญญาณกลับมาท่ีตัวรับสัญญาณ และส่งต่อไปท่ีตัวประมวลผลจากนนั้ ทาการประมวลผลและแสดงผลออกมาในรูปเสยี งและการส่นั เตอื น

กจิ กรรมทา้ ยบท ระบบทางเทคโนโลยที ่ีซบั ซอ้ น คาช้แี จง : ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามต่อไปน้ีให้ถูกตอ้ ง ครบถว้ น และสมบูรณ์ ให้นักเรียนวิเคราะหร์ ะบบการทางานของตู้เย็นพร้อมเขียนแผนภาพแสดงการทางานในรูปแบบของระบบทางเทคโนโลยีโดยระบรุ ะบบยอ่ ยที่เกี่ยวข้องอยา่ งน้อย 3 ระบบ เขียนแสดงความสมั พันธ์ของระบบย่อยเหล่านั้น และความผิดพลาดของระบบท่อี าจเกดิ ข้นึ แผนภาพแสดงระบบการทางานของต้เู ยน็

อธบิ ายความสัมพันธข์ องระบบย่อยของต้เู ยน็ ระบบเพิ่มความดันคอมเพรสเซอร์จะบีบอัดสารทาความเย็นในสถานะแก๊ส ทาให้มีความดันและอุณหภูมิเพิ่มขึ้น แล้วส่งสารทาความเย็นไปยังท่อแลกเปล่ียนความร้อนที่บริเวณระบบคอยล์ร้อนเพื่อถ่ายเทความร้อนออกสูภ่ ายนอกต้เู ย็น สารทาความเยน็ ทีถ่ า่ ยเทความรอ้ นแล้วจะกลายสถานะเปน็ ของเหลวและไหลเข้าสู่ภายในตู้เย็นผ่านวาล์วขยายในระบบลดความดันความดันจะลดลงอย่างรวดเร็ว สารทาความเย็นในสถานะของเหลวจะขยายตวั และเย็นตัวลงเป็นแก๊สอกี คร้งั สารทาความเยน็ ในสถานะแก๊สจะไหลผา่ นระบคอยล์เย็นแล้วดดู ความร้อนจากภายในตเู้ ยน็ จากนัน้ สารทาความเย็นจะไหลตอ่ ไปยงั คอมเพรสเซอรท์ ร่ี ะบบเพม่ิ ความดันอีกคร้งั วนเปน็ วฏั จกั รไปเร่อื ยๆอธิบายความผิดพลาดของระบบการทางานของตเู้ ย็น ปญั หาที่พบ อณุ หภมู ใิ นตเู้ ยน็ มอี ุณหภูมิต่าไมเ่ พียงพอส่งผลใหข้ องทีแ่ ช่ไวเ้ นา่ เสยี ระบบทผ่ี ิดพลาดหรอื สาเหตุของปัญหา ระบบทาความเย็นเสียหาย ซ่ึงอาจเกิดจากสารทาความเย็นร่ัวไหล หรือคอมเพรสเซอร์ไม่ ทางาน หรือแผ่นยางขอบประตูตู้เย็นเสยี หาย หรือเสื่อมสภาพทาใหอ้ ากาศภายนอกท่ีมีอุณหภมู สิ งู กว่าไหลผา่ นเข้าไปในตู้เย็นมีผลทาให้อณุ หภูมิในตู้เย็นไม่เป็นไปตามต้องการ และระบบทาความเย็น ทางานหนักข้ึน

แบบประเมนิ ผลงาน/ชนิ้ งานแบบประเมินผลงานสรุปข้อมลู กิจกรรมท้ายบท เรื่องระบบทางเทคโนโลยที ซ่ี ับซ้อนลาดับที่ รายการประเมิน 4 (ดีมาก) ระดบั คุณภาพ 3 (ด)ี 2 (พอใช)้ 1 (ปรับปรุง) 1 ตรงกบั จุดประสงค์ทก่ี าหนด 2 มีความถูกตอ้ งสมบูรณ์ 3 มคี วามเปน็ ระเบยี บ รวม ลงชอื่ .............................................................ผู้ประเมนิ ...................../......................./.................

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนผลงาน/ชน้ิ งานเกณฑ์ประเมนิ ผลงานสรปุ ขอ้ มูลกิจกรรมทา้ ยบท เร่ืองระบบทางเทคโนโลยที ่ซี บั ซ้อน ประเด็นท่ีประเมนิ ระดบั คุณภาพ1. ผลงานตรงกับ 4 3 2 1 จุดประสงค์ทีก่ าหนด ผลงานไม่สอดคลอ้ ง ผลงาสอดคล้อง ผลงานสอดคล้อง ผลงานสอดคลอ้ ง2. ผลงานมคี วาม กบั จดุ ประสงค์ กับจดุ ประสงค์ กบั จุดประสงค์ กับจดุ ประสงค์ ถูกตอ้ งสมบูรณ์ ทกุ ประเด็น เป็นส่วนใหญ่ บางประเดน็ เนอื้ หาสาระของ3. ผลงานมคี วาม เนื้อหาสาระของ เนอ้ื หาสาระของ เนื้อหาสาระของ ผลงานไม่ถูกต้อง เป็นระเบียบ ผลงานถูกต้อง ผลงานถกู ต้อง ผลงานถูกต้อง เป็นส่วนใหญ่ เปน็ ส่วนใหญ่ เปน็ บางประเดน็ ผลงานส่วนใหญ่ ครบถ้วน ไมเ่ ป็นระเบียบ ผลงานสว่ นใหญ่ ผลงานมคี วาม และมขี อ้ บกพรอ่ ง ผลงานมคี วาม มคี วามเป็น เปน็ ระเบยี บแต่มี เปน็ ระเบียบ มาก แสดงออกถงึ ระเบยี บแตย่ งั มี ขอ้ บกพรอ่ ง ความประณีต ข้อบกพรอ่ ง บางสว่ น เล็กนอ้ ย เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 11–12 ดมี าก 9–10 ดี 6–8 ต่ากว่า 6 พอใช้ ปรับปรงุ

แบบประเมินการนาเสนอผลงานคาชีแ้ จง : ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี น และนอกเวลาเรียน แล้วขดี  ลงในชอ่ งท่ี ตรงกบั ระดบั คะแนนลาดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดบั คุณภาพ 1 ความถกู ต้องของเน้ือหา 3 21 2 ความคดิ สรา้ งสรรค์ □ □□ 3 วธิ กี ารนาเสนอผลงาน □ □□ 4 การนาไปใชป้ ระโยชน์ □ □□ 5 การตรงตอ่ เวลา □ □□ □ □□ รวม ลงช่ือ.............................................................ผู้ประเมนิ ...................../......................./.................เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ผลงาน หรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณช์ ัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงาน หรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เปน็ ส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงาน หรอื พฤติกรรมสอดคลอ้ งกับรายการประเมินบางสว่ น ให้ 1 คะแนนเกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 14–15 ดมี าก 11–13 ดี 8–10 ต่ากวา่ 8 พอใช้ ปรบั ปรงุ

แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คลชือ่ -สกลุ ......................................................................................................เลขท.่ี ........................ห้อง.................คาช้แี จง : ให้ทาเครอ่ื งหมาย ลงใน □ ท่ตี รงกบั พฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี น และนอกเวลาเรียนลาดับท่ี รายการประเมนิ ปฏิบตั ิ ไม่ปฏิบัติ 1 การแสดงความคดิ เหน็ □□ 2 การยอมรับฟังความคดิ เหน็ ของผอู้ นื่ □□ 3 การทางานตามหนา้ ทที่ ไี่ ดร้ ับมอบหมาย □□ 4 ความมนี ้าใจ □□ 5 การตรงต่อเวลา □□ ลงชือ่ .............................................................ผูป้ ระเมิน ...................../......................./.................สถานภาพของผู้ประเมนิ □ ตนเอง □ เพื่อน □ พ่อแม่/ผปู้ กครอง □ ครูเกณฑ์การให้คะแนนปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอท้งั 5 ด้าน หมายถึง ดมี ากปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรม 3-4 ดา้ น หมายถงึ ดีปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรม 1-2 ดา้ น หมายถงึ พอใช้ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรม 0 ด้าน หมายถงึ ปรบั ปรงุสรปุ ผลการประเมนิ □ ผา่ น มพี ฤติกรรม 3-5 ดา้ น □ ไม่ผา่ น มพี ฤติกรรม 0-2 ดา้ น

แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่คาช้แี จง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรียน และนอกเวลาเรยี น แล้วขดี  ลงในช่องท่ี ตรงกับระดับคะแนนลาดับท่ี ชอื่ –สกลุ การแสดง การ การทางาน ความ การมี รวม ของนกั เรียน ความคดิ เห็น ยอมรับฟงั ตามท่ไี ดร้ บั มนี า้ ใจ ส่วนรว่ มใน 15 มอบหมาย การปรบั ปรงุ คะแนน 321 คนอ่ืน 321 ผลงานกลุ่ม 321 321 321 321 ลงชอ่ื .............................................................ผู้ประเมนิ ...................../......................./.................เกณฑ์การให้คะแนน ปฏบิ ัติ หรือแสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสม่าเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัติ หรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ัติ หรอื แสดงพฤติกรรมบางคร้งั ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 14–15 ดมี าก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรับปรงุ

แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 3กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ รายวชิ าพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี (ว21181) ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2561หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เรื่องเทคโนโลยีกับชีวติ ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4เรอื่ ง การเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยี เวลา 2 คาบผูส้ อน นายศักด์ิณรงค์ สบื มี โรงเรียนหันคาราษฎรร์ ังสฤษดิ์1. มาตรฐาน/ตวั ชี้วดั วิเคราะห์แนวคิดหลักของเทคโนโลยีความสัมพันธ์กับศาสตร์อื่นโดยเฉพาะวิทยาศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์ รวมทงั้ ประเมนิ ผลกระทบท่ีจะเกิดขนึ้ ตอ่ มนุษย์ สงั คม เศรษฐกิจ และสงิ่ แวดล้อมเพ่ือเปน็ แนวทางในการพฒั นาเทคโนโลยี2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. นักเรียนสามารถอธิบายการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีได้ (K) 2. นกั เรยี นสามารถอธิบายการทางานของระบบทางเทคโนโลยไี ด้ (K) 3. นกั เรียนสามารถวิเคราะหก์ ารทางานของระบบทางเทคโนโลยีได้ (P) 4. นกั เรียนสามารถวิเคราะหส์ าเหตุที่หรอื ปจั จยั ทาให้เกดิ การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีได้ (P) 5. นกั เรยี นเห็นความสาคัญของการเปลย่ี นแปลงของเทคโนโลยีจะเกดิ ข้ึนตอ่ มนษุ ย์ สังคมเศรษฐกิจ และส่ิงแวดลอ้ ม (A)3. สาระการเรยี นรู้ 1) เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซ่ึงมีสาเหตุหรือปัจจัยมาจากหลายด้าน เชน่ ปญั หา ความต้องการ ความก้าวหนา้ ของศาสตร์ตา่ งๆ เศรษฐกิจ สงั คมวัฒนธรรม ส่ิงแวดล้อม4. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด มนษุ ย์สรา้ งหรือพัฒนาเทคโนโลยขี ึ้นมาเพอ่ื แก้ปญั หาหรอื สนองความตอ้ งการ ซ่ึงเทคโนโลยีท่ีถกู สรา้ งขน้ึจะมีประโยชน์ ณ ช่วงเวลาใดเวลาหน่ึง เมอ่ื เวลาผา่ นไปมนุษย์อาจพบปัญหา หรือสถานการณ์ใหม่ทาให้ตอ้ งสร้างหรือพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาเพื่อใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ท่ีเปล่ียนไป ปัจจัยท่ีส่งผลต่อการเปล่ียนแปลงเทคโนโลยีต้ังแตอ่ ดีตจนถึงปัจจบุ ันมีสาเหตุมาจากหลายดา้ น เช่น ปัญหาความต้องการความกา้ วหนา้ ของศาสตร์ตา่ งๆ สภาพเศรษฐกจิ สงั คม วฒั นธรรม และส่งิ แวดล้อม ซึง่ ความเขา้ ใจเกยี่ วกบั ปจั จยั ทีส่ ่งผลต่อการเปลยี่ นแปลงของเทคโนโลยีเหล่านี้ สามารถใช้เป็นแนวทางเพ่ือการพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีให้มีประสิทธิภาพ และทันสมัย ตลอดจนสามารถคาดการณเ์ ทคโนโลยีทอี่ าจเกิดขนึ้ ในอนาคตได้

5. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี นและคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์1.ความสามารถในการสื่อสาร 1. มีวนิ ัย2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มงุ่ มัน่ ในการทางาน 1) ทักษะการคดิ วเิ คราะห์ 2) ทกั ษะการสังเกต 3) ทกั ษะการสือ่ สาร 4) ทกั ษะการทางานรว่ มกนั3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา4. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี6. สอื่ ประกอบการเรยี นรู้ 1. ตวั อย่างเทคโนโลยีเพ่ือประกอบการอธบิ าย เรอื่ งการเปลีย่ นแปลงทางเทคโนโลยี เชน่ โทรศัพท์ มอื ถอื คอมพวิ เตอร์ บรรจภุ ณั ฑร์ กั ษส์ ่งิ แวดลอ้ ม 2. วีดิทัศน์ เร่อื งเทคโนโลยที างการแพทย์ 3. หนงั สือเรยี นรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (การออกแบบและเทคโนโลยี) ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 4. หอ้ งสมดุ โรงเรยี นหันคาราษฎรร์ ังสฤษดิ์7. ช้ินงานและภาระงาน 1. ใบกจิ กรรม เรื่อง สาเหตหุ รือปัจจัยของการเปล่ยี นแปลงเทคโนโลยใี นชวี ิตประจาวนั 2. ใบกิจกรรมทา้ ทายความคดิ เรื่อง การพัฒนาไม้เท้าสาหรับผู้บกพร่องทางการเหน็ 3. ใบกจิ กรรมทา้ ยบท เรอ่ื ง วิเคราะห์สาเหตหุ รอื ปัจจัยของการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยที างการแพทย์8. กจิ กรรมการเรียนรู้ แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วธิ กี ารสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ 5Es (5Es Instructional Model) ชั่วโมงท่ี 1ขน้ั นา กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครนู าเข้าสบู่ ทเรยี นดว้ ยการยกตวั อยา่ งเทคโนโลยีรอบตัวท่มี ีการเปลยี่ นแปลงทเ่ี ห็นได้อยา่ งชดั เจน เช่นโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ บรรจุภัณฑ์รักษ์ส่ิงแวดล้อมด้วยการใช้ตัวอย่างจริงใช้ภาพนิ่ง หรือวีดิทัศน์แสดงเร่ืองราวการเปลยี่ นแปลงของเทคโนโลยีดังกลา่ วต้ังแต่อดีตจนถึงปัจจุบันว่าเทคโนโลยีแต่ละชนิดมีรปู รา่ ง การใช้งาน ความปลอดภยั ความแข็งแรง ราคาแตกตา่ งกนั อย่างไร 2. ครูใหค้ วามรู้เพ่ิมเติมเกย่ี วกบั เทคโนโลยชี นิดตา่ งๆ ในอดีต เชน่ โทรศพั ทม์ อื ถอื คอมพิวเตอร์ เคยมีขนาดใหญแ่ ละตอ้ งใช้ระยะเวลาประมวลผลนาน ปจั จบุ นั มรี ูปแบบและการใช้งานทเี่ ปลย่ี นไปอยา่ งมาก 3. ครสู ุ่มนกั เรียน 3-4 คน ยกตวั อย่างเทคโนโลยใี กล้ตัวท่ีเกิดการเปล่ยี นแปลงโดยครชู ักชวนนกั เรียนใหร้ ว่ มกนั อภิปรายว่าเทคโนโลยีทเ่ี กิดการเปลย่ี นแปลงนน้ั ส่งผลต่อนกั เรียนอยา่ งไร 4. ครถู ามคาถามกระตุ้นความคิดจากหนงั สือเรียนบทท่ี 2 เรื่องสาเหตุหรือปัจจัยของการเปลี่ยนแปลงเร่ืองความรู้เก่ียวกับสาเหตุหรือปัจจัยท่ีทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ได้แก่ ปัญหา หรือความต้องการองค์ความรู้ และ

ความกา้ วหนา้ ของศาสตรต์ ่างๆ โดยเฉพาะวทิ ยาศาสตร์ และคณติ ศาสตร์ ปจั จัยจากสภาพเศรษฐกจิ สงั คม วฒั นธรรมและสิ่งแวดลอ้ ม แล้วให้นกั เรียนรว่ มกันแสดงความคดิ เห็น และตอบคาถาม (หมายเหตุ : ครูเร่ิมประเมนิ นักเรียนโดยใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล)ขน้ั สอน สารวจค้นหา (Explore) 1. ครแู บ่งกลมุ่ นักเรียนแบบคละความสามารถ (เกง่ -คอ่ นข้างเก่ง-ปานกลาง-อ่อน) อยใู่ นกลมุ่ เดียวกันกลุ่มละ 4-5 คน โดยครูเป็นผู้เลือกนักเรียนเข้ากลุ่มแล้วให้นักเรียนร่วมกันศึกษาและสืบค้นเก่ียวกับการทากิจกรรมท่ี 1 เร่ืองสาเหตุหรือปัจจยั ของการเปลยี่ นแปลงของเทคโนโลยีในชีวติ ประจาวัน 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันพูดคุยและอภิปรายภายในกลุ่มจากข้อมูลท่ีได้ร่วมกันศึกษาแล้วเขียนสรุปลงในกระดาษฟลิปชาร์ต (Flip chart) โดยครูคอยสังเกตการณ์ทากิจกรรมของนักเรียนแต่ละกลุ่มอย่างใกลช้ ิดพร้อมกบั คอยใหค้ าแนะกบั นักเรยี นท่มี ขี ้อสงสัยระหว่างการทากจิ กรรม 3. ครูแจ้งนักเรียนว่าจะมีการนาเสนอข้อมูล เรื่องสาเหตุหรือปัจจัยของการเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยใี นชวี ติ ประจาวัน โดยให้นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มเตรยี มการนาเสนอข้อมูลด้วยวิธีการสอื่ สารท่ที าให้ผู้อื่นเข้าใจงา่ ย และนา่ สนใจ (หมายเหตุ : ครูเรมิ่ ประเมินนักเรียนโดยใช้แบบประเมินการนาเสนอผลงาน)อธบิ ายความรู้ (Explain) 1. ครมู อบหมายใหน้ ักเรียนทากิจกรรมทา้ ทายความคิดจากสถานการณ์ของน้องโรบอททไี่ ดศ้ ึกษาแนวทางการพัฒนาไม้เท้าสาหรับผู้บกพรอ่ งทางการเห็น แล้วเตรียมออกนาเสนอหน้าช้ันเรียนและอภิปรายสรปุร่วมกนั สง่ เป็นการบา้ น ชวั่ โมงท่ี 2ข้ันสอน สารวจคน้ หา (Explore)(ต่อ) 1. ครูสนทนากับนกั เรยี นเก่ียวกับประสบการณ์ท่ไี ด้รบั ผลกระทบจากการใช้เทคโนโลยีว่า สร้างผลดีหรือผลเสยี กบั นกั เรยี นอยา่ งไรบา้ ง (แนวคาตอบ เทคโนโลยีถูกนามาใช้ในทางท่ีดีจะเกิดประโยชน์ แต่ในบางคร้ังเทคโนโลยีเหล่านี้ก็ทา ใหเ้ กิดปญั หาได้เชน่ กนั ) 2. ครูให้นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ท่ีครูได้ใหจ้ บั กล่มุ ไว้แล้วออกมาจบั สลากเพ่ือเลือกศึกษาตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ดงั หัวข้อตอ่ ไปนี้ - อุปกรณ์ชว่ ยลดปญั หาเกีย่ วกบั การนอน - หูฟังแพทย์ - บรรจภุ ัณฑ์รักษ์สิ่งแวดลอ้ ม จากน้นั ให้ตัวแทนแตล่ ะกล่มุ นาเสนอผลการศึกษาเพ่อื อภปิ รายสรปุ เกย่ี วกบั สาเหตุหรอื ปจั จยั ของการเปล่ยี นแปลงของเทคโนโลยี

3. ครูจัดกจิ กรรมโดยใชค้ าถามชวนคิดเกี่ยวกบั เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก ว่าเทคโนโลยีเหล่านัน้ มอี ะไรบา้ งและทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้อย่างไร โดยให้นักเรียนศึกษาจากบทเรียน หรือสืบค้นจากแหล่งเรียนรอู้ น่ื ๆ เช่น วารสารในห้องสมดุ เว็บไซต์ แล้วนาข้อมูลท่ไี ด้มาทาลงในกระดาษ A4 แล้วนามาส่งครเู พอื่ ให้ครตู รวจสอบความถูกต้อง (หมายเหตุ : ครูเรมิ่ ประเมินนกั เรียนโดยใชแ้ บบประเมนิ ชน้ิ งาน/ผลงาน) 4. ครูสุ่มเรยี กเลขที่ใหอ้ อกมาอธิบายข้อมูลท่ีสบื ค้นได้ โดยมีครูคอยอธิบายเพม่ิ เตมิ ในสว่ นของท่ียังมีข้อบกพรอ่ งอยู่อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครจู บั สลากเลือกลาดับของแตล่ ะกลมุ่ ใหอ้ อกมานาเสนอผลการศกึ ษาโดยให้นักเรยี นกลุ่มทถี่ ูกเลอื กเปน็ อันดบั แรกส่งตัวแทนออกมานาเสนอผลการศกึ ษาทลี ะกลุ่มจนครบ (หมายเหตุ : ครเู ริ่มประเมินนักเรยี นโดยใชแ้ บบประเมนิ การนาเสนอผลงาน) 2. นักเรียนกลุ่มอ่ืนๆ และครูร่วมกันวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับข้อมูลช้ินงานของนักเรียนท่ีออกมานาเสนอจนทกุ คนมคี วามรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องและตรงกัน 3. ครูอธิบายเน้ือหาเพิ่มเติมหลังการอภิปรายของนักเรียนในส่วนท่ีขาดตกบกพร่อง หรือส่วนที่เป็นประเด็นสาคัญ ในเร่อื งการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีขน้ั สรปุ ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate) 1. ครูใหน้ ักเรียนทาแบบทดสอบหลงั เรียนเพ่ือวัดความเขา้ ใจหลังจากทากจิ กรรม 2. ครูให้นักเรียนทากิจกรรมท้ายบท เร่ือง วิเคราะห์สาเหตุหรือปัจจัยของการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีทางการแพทย์ แล้วนาเสนอ และอภิปรายสรุปแนวคิดหลักของสาเหตุหรือปัจจัยท่ีทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีขน้ั ประเมนิ ตรวจสอบผล (Evaluate) 1. ครูตรวจสอบผลการทาแบบทดสอบหลังเรียน เพ่ือวัดความรขู้ องนักเรียนหลังจากทากจิ กรรม 2. ครูประเมินผลโดยการสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คล พฤติกรรมการทางานกลมุ่ และจาก การนาเสนอผลงานหน้าชน้ั เรียน 3. ครูประเมินผลช้ินงาน/ผลงานกระดาษ A4 ทส่ี รปุ ขอ้ มูล เร่ืองเกยี่ วกบั เทคโนโลยีเปล่ยี นโลก 4. ครูประเมินผลช้ินงาน/ผลงานฟลปิ ชารต์ ที่สรปุ ข้อมลู เรื่องสาเหตุหรือปัจจัยของการเปลย่ี นแปลง ของเทคโนโลยีในชีวิตประจาวัน 5. ครตู รวจใบกิจกรรมที่ 1 เรือ่ งสาเหตุหรือปจั จยั ของการเปล่ียนแปลงเทคโนโลยใี นชวี ติ ประจาวนั 6. ครตู รวจใบกจิ กรรมทา้ ทายความคิด เรอ่ื งการพฒั นาไม้เทา้ สาหรบั ผบู้ กพรอ่ งทางการเห็น 7. ครูตรวจกจิ กรรมท้ายบท เรื่องวิเคราะหส์ าเหตหุ รือปัจจัยของการเปลีย่ นแปลงของเทคโนโลยที าง การแพทย์

9. การวดั และการประเมินผลสง่ิ ทวี่ ัด / ประเมนิ ผล วิธีการวดั ผล เคร่ืองมอื ทใี่ ช้วัดผล เกณฑ์การประเมินการประเมนิ หลงั เรียน - ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน - แบบทดสอบหลงั เรียน รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์แบบทดสอบหลังเรยี นหนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เรอ่ื ง การ-เปลยี่ นแปลงของเทคโนโลยีนักเรียนสามารถอธิบายการ - การอภิปราย - คาถาม คะแนน 4 หมายถึง ดมี ากเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยีได้ - การตอบคาถาม คะแนน 3 หมายถึง ดี(K) คะแนน 2 หมายถงึ พอใช้ คะแนน 1 หมายถึง ปรับปรุงนักเรียนสามารถอธิบายการ - การอภิปราย - คาถาม คะแนน 4 หมายถงึ ดีมากทางานของระบบทางเทคโนโลยี - การตอบคาถาม คะแนน 3 หมายถึง ดีได้ (K) คะแนน 2 หมายถงึ พอใช้ คะแนน 1 หมายถึง ปรับปรงุนักเรียนสามารถวิเคราะห์การ - ตรวจกระดาษ A4 ทีส่ รปุ - แบบประเมนิ ช้ินงาน/ คะแนน 4 หมายถึง ดมี ากทางานของระบบทางเทคโนโลยี ข้อมูล เรอ่ื งเก่ยี วกับเทคโนโลยี ผลงาน คะแนน 3 หมายถึง ดีได้ (P) เปลยี่ นโลก - แบบสังเกตพฤติกรรมการ คะแนน 2 หมายถึง พอใช้ - สังเกตพฤติกรรมการทางาน ทางานกลุม่ คะแนน 1 หมายถึง ปรับปรงุ กลุ่มนักเรยี นสามารถวเิ คราะห์ - ตรวจฟลปิ ชาร์ตที่ - แบบประเมนิ ช้นิ งาน/ คะแนน 4 หมายถงึ ดีมากสาเหตุท่ีหรือปัจจัยทาใหเ้ กิดการ สรปุ ข้อมลู เร่อื ง สาเหตหุ รอื ผลงาน คะแนน 3 หมายถึง ดีเปล่ยี นแปลงของเทคโนโลยี ปัจจัยของการเปลีย่ นแปลงของ -กิจกรรมทา้ ยบท คะแนน 2 หมายถงึ พอใช้ได้ (P) เทคโนโลยีในชีวิตประจาวัน คะแนน 1 หมายถึง ปรบั ปรุง - ตรวจกจิ กรรมทา้ ยบทนักเรียนเห็นความสาคัญของการ - การอภิปราย - คาถาม คะแนน 4 หมายถึง ดีมากเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีจะ - ประเมินการนาเสนอ - ผลงานท่ีนาเสนอ คะแนน 3 หมายถงึ ดีเกิดขึน้ ต่อมนุษย์ สังคมเศรษฐกจิ ผลงาน คะแนน 2 หมายถงึ พอใช้และส่ิงแวดล้อม (A) คะแนน 1 หมายถงึ ปรบั ปรงุทกั ษะการคิดเชงิ ระบบ - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ระดบั คณุ ภาพ 2 ผ่านเกณฑ์ทักษะการคิดอยา่ ง- - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤติกรรม ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์มวี ิจารณญาณทักษะการสือ่ สาร - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ทักษะการทางานร่วมกบั ผู้อื่น - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ - สงั เกตความมีวนิ ัย ใฝ่เรียนรู้ - แบบประเมนิ คุณลักษณะ ระดับคุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ และมุง่ ม่ันในการทางาน อันพึงประสงค์

10. เกณฑร์ ะดบั การใหค้ ะแนนประเดน็ การประเมิน 4 ระดับคะแนน 2 1 3นักเรียนสามารถอธบิ ายการ อธิบายการเปลย่ี นแปลง อธบิ ายการเปลี่ยนแปลง อธบิ ายการเปล่ียนแปลง ไม่สามารถอธบิ ายเปลยี่ นแปลงของเทคโนโลยี ของเทคโนโลยีได้ถูกตอ้ ง ของเทคโนโลยไี ด้ถกู ตอ้ ง ของเทคโนโลยไี ด้ถูกตอ้ ง การเปลย่ี นแปลงได้ (K) ครบถว้ น เปน็ ส่วนใหญ่ บางส่วน ของเทคโนโลยไี ด้นักเรียนสามารถอธิบายการ อธิบายการทางานของ อธิบายการทางานของ อธิบายการทางานของ อธิบายการทางานทางานของระบบทาง ระบบทางเทคโนโลยไี ด้ ระบบทางเทคโนโลยีได้ ระบบทางเทคโนโลยีได้ ของระบบทางเทคโนโลยไี ด้ (K) ถูกตอ้ งครบถว้ น ถกู ต้องเปน็ ส่วนใหญ่ ถกู ตอ้ งบางส่วน เทคโนโลยีไม่ได้นักเรียนสามารถวิเคราะห์ วิเคราะหก์ ารทางานของ วิเคราะห์การทางานของ วิเคราะห์การทางานของ วเิ คราะหก์ ารการทางานของระบบทาง ระบบทางเทคโนโลยีได้ ระบบทางเทคโนโลยีได้ ระบบทางเทคโนโลยีได้ ทางานของระบบเทคโนโลยีได้ (P) ถกู ตอ้ งครบถว้ น เป็นส่วนใหญ่ ไดบ้ างสว่ น ทางเทคโนโลยี ไมไ่ ด้นกั เรยี นสามารถวิเคราะห์ วิเคราะหส์ าเหตุทห่ี รือ วเิ คราะหส์ าเหตุทหี่ รอื วเิ คราะหส์ าเหตุทหี่ รอื วเิ คราะหส์ าเหตทุ ่ีสาเหตุท่ีหรอื ปัจจยั ทาใหเ้ กิด ปัจจยั ทาใหเ้ กดิ การ ปจั จัยทาใหเ้ กดิ การ ปจั จัยทาใหเ้ กิดการ หรือปจั จัยทาให้การเปล่ียนแปลงของ เปลีย่ นแปลงของ เปลยี่ นแปลงของ เปลยี่ นแปลงของ เกดิ การเทคโนโลยีได้ (P) เทคโนโลยีพรอ้ ม เทคโนโลยีพรอ้ มอธบิ าย เทคโนโลยีอธบิ ายเหตผุ ล เปล่ียนแปลงของ อธิบายเหตผุ ลได้ เหตผุ ลไดถ้ ูกตอ้ งเป็นส่วน ไดถ้ กู ตอ้ งเปน็ บางส่วน เทคโนโลยีแต่ ถูกต้อง ครบถว้ น ใหญ่ อธบิ ายเหตผุ ล ไม่ถกู ต้องนกั เรยี นเห็นความสาคญั ของ เหน็ ความสาคญั ของการ เหน็ ความสาคัญของการ เหน็ ความสาคญั ของการ อธบิ ายเหตผุ ลการเปลี่ยนแปลงของ เปลีย่ นแปลงของ เปลย่ี นแปลงของเทคโนโลยี เปลี่ยนแปลงของ ความสาคญั ของเทคโนโลยจี ะเกดิ ขนึ้ ตอ่ มนุษย์ เทคโนโลยจี ะเกดิ ขน้ึ ตอ่ จะเกดิ ข้ึนต่อมนษุ ย์ สงั คม เทคโนโลยจี ะเกดิ ขนึ้ ต่อ การเปลย่ี นแปลงสงั คมเศรษฐกจิ มนุษย์ สงั คมเศรษฐกจิ เศรษฐกิจ มนุษย์ สังคมเศรษฐกิจ ของเทคโนโลยจี ะและสิง่ แวดลอ้ ม (A) และสง่ิ แวดลอ้ มได้ และสิ่งแวดล้อมไดเ้ ปน็ ส่วน และสิง่ แวดลอ้ มไดอ้ ย่าง เกิดขน้ึ ตอ่ มนษุ ย์ ถูกต้องเหมาะสม ใหญ่ ถกู ต้องเหมาะสมเปน็ สงั คมเศรษฐกิจ ครบถ้วน บางสว่ น และสง่ิ แวดล้อมไม่ ถูกต้อง เกณฑ์การตัดสินระดบั คุณภาพ คะแนน 4 คะแนน หมายถึง ระดบั คณุ ภาพ ดมี าก คะแนน 3 คะแนน หมายถึง ระดับคณุ ภาพ ดี คะแนน 2 คะแนน หมายถงึ ระดับคณุ ภาพ พอใช้ คะแนน 1 คะแนน หมายถงึ ระดับคณุ ภาพ ปรบั ปรุง หมายเหตุ เกณฑก์ ารวดั และประเมนิ ผลสามารถปรับเปล่ยี นได้ตามเหมาะสม

11. แหล่งเรยี นรู้ 1. ห้องเรยี น 2. แหล่งเรยี นรูใ้ นชมุ ชนท่เี ก่ยี วกับการเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยีดา้ นการประกอบอาชีพในทอ้ งถ่นิ12. ข้อเสนอแนะ 1. นักเรียนสามารถเข้ามาสอบถามครไู ด้ ท้ังงานกลุ่ม และใบกิจกรรมต่างๆ ถ้าไม่เข้าใจ หรอื ไม่รจู้ ะทาไปในแนวไหนให้นักเรียนเข้ามาสอบถามได้ในกลุ่มของ ม.1 แต่ละห้องท่ีครูสร้างไว้ให้ได้ โดยแลกเปล่ียนความรู้กนั พูดคยุ กัน และสามารถออกความคดิ เหน็ ได้ เดี๋ยวครูจะชว่ ยดวู า่ สง่ิ ทน่ี กั เรียนทาถกู หรือไม่13. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศกึ ษา หรอื ผ้ทู ่ีได้รบั มอบหมายข้อเสนอแนะ................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................. ............................................... ลงชอื่ ......................................................................... (.........................................................................) ตาแหนง่ ...........................................................................14. บนั ทกึ ผลหลังการสอน ดา้ นความรู้ ............................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................... ............................................... ด้านสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น........................................................................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ............................................... ด้านความสามารถทางการออกแบบ และเทคโนโลยี.................................................................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................ ............................................... ด้านอืน่ ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรือพฤตกิ รรมทม่ี ีปญั หาของนกั เรยี นเปน็ รายบุคคล (ถ้าม)ี )............................................................................................................................. ........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................ ............................................... ปญั หา/อุปสรรค........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................ แนวทางการแกไ้ ข........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................

ใบกจิ กรรม เรอ่ื ง สาเหตหุ รือปัจจยั ของการเปล่ียนแปลงเทคโนโลยีในชีวิตประจาวัน คาชี้แจง : ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามต่อไปนี้ให้ถกู ตอ้ ง ครบถ้วน และสมบรู ณ์ นักเรยี นลองสงั เกตและเลอื กเทคโนโลยใี นชวี ิตประจาวนั ที่เคยเห็นและไมซ่ า้ กบั ตวั อย่างในบทเรียนมาอย่างน้อย 3 ชนิด แล้วอธิบายลักษณะของเทคโนโลยีเหล่าน้ันว่ามีการเปล่ียนแปลงจากอดีตจนถึงปัจจุบันอย่างไรในประเดน็ ตา่ งๆ เชน่ รปู รา่ ง การใชง้ าน ความปลอดภยั ความแข็งแรงราคา พรอ้ มทงั้ วเิ คราะห์สาเหตุหรือปัจจัยทีท่ าใหเ้ กิดการเปลี่ยนแปลง แลว้ นาเสนอ

กจิ กรรมทา้ ทายความคดิ การพฒั นาไมเ้ ทา้ สาหรบั ผ้บู กพร่องทางการเห็น คาชแ้ี จง : ให้นักเรยี นช่วยกันคดิ คาตอบคาถามตอ่ ไปนใี้ ห้ถกู ตอ้ ง ครบถ้วน และสมบรู ณ์ จากกิจกรรมทา้ ทายความคิดในบทท่ี 1 นักเรียนได้ทราบมาแล้วว่า น้องโรบอทไดศ้ ึกษาแนวทางการพัฒนาไม้เทา้ สาหรับผูบ้ กพร่องทางการเห็น และทราบระบบการทางานของไม้เทา้ รวมถึงไดอ้ อกแบบแนวคดิการพัฒนาระบบการทางานของไม้เท้าให้มีประสิทธิภาพเพ่ือช่วยให้ผู้บกพร่องทางการเห็น และลดการเกิดอุบัติเหตุได้ดีข้ึน อย่างไรก็ตามน้องโรบอทต้องการทราบว่า ไม้เท้าสาหรับผู้บกพร่องทางการเห็นมีการเปลีย่ นแปลงอย่างไรบา้ ง ถ้านกั เรียนเป็นนอ้ งโรบอท จะมวี ธิ ีการพฒั นาปรับปรุงไม้เท้าให้มีประสทิ ธิภาพดีขึ้นไดอ้ ย่างไรเพอ่ื ช่วยเหลอื ผู้บกพรอ่ งทางการเห็นลดอุบัติเหตจุ ากการเดินทางชว่ ยกนั คดิ 1. ให้นักเรียนสืบคน้ ข้อมลู เพอื่ ศกึ ษาว่าในอดตี จนถึงปจั จบุ นั ไมเ้ ท้าสาหรบั ผู้บกพรอ่ งทางการเหน็ มกี ารพัฒนา และเปลีย่ นแปลงมาอย่างไรบา้ ง พร้อมนาเสนอโดยแสดงภาพตัวอย่าง และอธิบายสาเหตหุ รือปจั จัยที่ทาใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลง แนวคาตอบ ในอดีตไมเ้ ทา้ อาจมี 1 ขาหรือมี 4 ขา ชว่ ยประคองผู้ใช้ในขณะเดิน ซ่งึ สามารถใช้งานไดท้ ้ังผู้บกพร่องทางการเห็นผทู้ ี่ต้องฝึกหดั เดนิ และผู้สูงอายุ ต่อมามกี ารพัฒนาไม้เทา้ สาหรับผบู้ กพรอ่ งทางการเห็นโดยเฉพาะซ่ึงใช้วัสดุที่มีน้าหนักเบา เช่น อะลูมิเนียม ป้องกันการเกิดสนิม และสามารถพับเก็บได้ ปัจจุบันไม้เท้าผู้บกพร่องทางการเหน็ การพฒั นาไม้เทา้ สาหรบั ผบู้ กพรอ่ งทางการเหน็ มีเซ็นเซอร์สาหรบั สง่ิ กีดขวาง โดยสามารถสง่ เสยี งเตือน และสัน่ ทมี่ อื จับได้ เทคโนโลยีนจ้ี ึงใชป้ ัจจยั ทเ่ี กยี่ วกับปัญหา และความต้องการของมนุษย์ร่วมกับความก้าวหนา้ ทางวทิ ยาศาสตร์ในด้านอปุ กรณ์อิเลก็ ทรอนิกส์ และวสั ดุท่ีนามาใชท้ าไมเ้ ท้าชนิดตา่ งๆ

กิจกรรมทา้ ยบท วเิ คราะหส์ าเหตุหรอื ปัจจยั ของการ เปลยี่ นแปลงของเทคโนโลยที างการแพทย์ คาช้แี จง : ให้นักเรียนตอบคาถามตอ่ ไปนีใ้ หถ้ ูกต้อง ครบถว้ น และสมบรู ณ์ ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละประมาณ 3-4 คน แล้วเลือกเทคโนโลยีทางการแพทย์มา 1 ชนิดยกตวั อยา่ ง เชน่ อุปกรณ์ชว่ ยในการเดนิ จากน้ันวิเคราะหห์ าสาเหตุ หรอื ปัจจยั ที่ทาใหเ้ กดิ การเปล่ยี นแปลงของเทคโนโลยีน้ัน จากอดีตมาถงึ ปจั จุบัน และคาดการณ์เทคโนโลยีท่จี ะเปลีย่ นแปลงไปในอนาคตพรอ้ มทง้ั อธิบายลกั ษณะของเทคโนโลยีนนั้ ทีจ่ ะเกดิ ข้ึนแล้วนาเสนอ แนวคาตอบ เทคโนโลยีทีเ่ ลือก คืออปุ กรณช์ ว่ ยในการเดนิ 1) สาเหตหุ รือปจั จยั ท่ที าใหเ้ กิดการเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยีชนดิ นน้ั จากอดตี จนถึงปัจจบุ นั ตอบ ในอดตี จะใช้ไม้ค้ายนั (มี 1 ขาหรือมากกวา่ ) ตอ่ มามกี ารพฒั นาวอร์กเคอร์ (walker) ซง่ึ เป็นโครงอะลูมิเนียมมีขา 4 ขา (หรือล้อ) ให้ผู้ใช้จับท้ังสองมือจับยกหรือดันช่วยเดิน ปัจจุบันมี รองเท้าบูทช่วยเดิน (ankle brace walker) ซ่ึงจะมีส่วนท่ีช่วยประคองขาของผู้ใช้ในขณะเดิน เทคโนโลยีน้ีจึงใช้ปัจจัยที่เก่ียวกับปัญหาและความต้องการของมนุษย์ร่วมกับความก้าวหน้าทาง วทิ ยาศาสตร์ในดา้ นวสั ดุทนี่ ามาใช้ทาอุปกรณ์ชว่ ยในการเดนิ ชนดิ ตา่ งๆ 2) คาดการณล์ กั ษณะของเทคโนโลยนี นั้ ทจ่ี ะเกดิ ข้ึนในอนาคต ตอบ จากความก้าวหน้าดา้ นวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารอปุ กรณ์ ช่วยในการเดินอาจจะมีการทางานแบบ Internet of Things (IoT) คือ มีการติดตั้งหน่วยความจา และการประมวลผลในอปุ กรณ์เพื่อบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับแรงกดระยะในการเดินการคานวณปรมิ าณ แคลอรีทีใ่ ชใ้ นการเดนิ มรี ะบบการเชอื่ มต่อข้อมูลทางอนิ เทอร์เนต็ เพ่อื ส่งขอ้ มูลดังกลา่ วไปให้บคุ ลากร ทางการแพทย์ทีเกย่ี วข้อง และจากความก้าวหน้าของวัสดุศาสตรจ์ ะทาใหอ้ ปุ กรณ์ช่วยในการเดนิ ทา ด้วยวัสดุท่ีมีน้าหนักเบาแต่มีความคงทน แข็งแรง มีอายุการใช้งานยาวนานรวมท้ังความรู้ด้าน วศิ วกรรมการแพทยใ์ นการออกแบบอปุ กรณ์ชว่ ยในการเดินให้มีความเหมาะสมกับสรีระ เพศ และวัย ของผใู้ ชแ้ ตล่ ะคน

แบบประเมินผลงาน/ชิน้ งานแบบประเมินผลงานกระดาษ A4 ท่สี รปุ ข้อมูล เรอ่ื งเทคโนโลยเี ปลย่ี นโลกลาดบั ที่ รายการประเมิน 4 (ดมี าก) ระดบั คุณภาพ 3 (ด)ี 2 (พอใช)้ 1 (ปรับปรุง) 1 ตรงกบั จุดประสงค์ท่ีกาหนด 2 มีความถกู ต้องสมบรู ณ์ 3 มีความเปน็ ระเบยี บ รวม ลงช่อื .............................................................ผูป้ ระเมนิ ...................../......................./.................

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนผลงาน/ชน้ิ งานเกณฑ์ประเมินผลงานกระดาษ A4 ท่ีสรปุ ข้อมลู เรอ่ื งเทคโนโลยีเปลยี่ นโลก ประเด็นที่ประเมิน ระดับคุณภาพ1. ผลงานตรงกับ 4 3 2 1 จดุ ประสงค์ท่ีกาหนด ผลงานไม่สอดคล้อง ผลงาสอดคลอ้ ง ผลงานสอดคลอ้ ง ผลงานสอดคลอ้ ง2. ผลงานมคี วาม กบั จุดประสงค์ กับจดุ ประสงค์ กบั จดุ ประสงค์ กบั จุดประสงค์ ถกู ต้องสมบูรณ์ ทุกประเด็น เป็นสว่ นใหญ่ บางประเด็น เน้อื หาสาระของ3. ผลงานมีความ เนอ้ื หาสาระของ เนอื้ หาสาระของ เนือ้ หาสาระของ ผลงานไม่ถกู ต้อง เปน็ ระเบยี บ ผลงานถูกต้อง ผลงานถูกตอ้ ง ผลงานถกู ต้อง เป็นสว่ นใหญ่ เป็นสว่ นใหญ่ เปน็ บางประเดน็ ผลงานสว่ นใหญ่ ครบถว้ น ไม่เปน็ ระเบียบ ผลงานส่วนใหญ่ ผลงานมคี วาม และมีข้อบกพร่อง ผลงานมีความ มคี วามเปน็ เปน็ ระเบยี บแต่มี เป็นระเบียบ มาก แสดงออกถงึ ระเบยี บแตย่ งั มี ขอ้ บกพรอ่ ง ความประณตี ข้อบกพรอ่ ง บางส่วน เลก็ นอ้ ย เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 11–12 ดีมาก 9–10 ดี 6–8 ต่ากวา่ 6 พอใช้ ปรับปรงุ

แบบประเมินผลงาน/ชน้ิ งาน สรุปลงในกระดาษฟลปิ ชาร์ต (Flip chart)เรอ่ื งสาเหตุหรือปัจจยั ของการเปลยี่ นแปลงของเทคโนโลยใี นชีวิตประจาวนัลาดบั ที่ รายการประเมิน 4 (ดมี าก) ระดับคุณภาพ 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรับปรุง) 1 ตรงกบั จดุ ประสงคท์ กี่ าหนด 2 มีความถกู ต้องสมบูรณ์ 3 มีความคิดสร้างสรรค์ 4 มคี วามเป็นระเบียบ รวม ลงชือ่ .............................................................ผ้ปู ระเมิน ...................../......................./.................

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนผลงาน/ชนิ้ งาน เกณฑ์ประเมนิ ผลงานลปิ ชารต์ (Flip chart)แสดงวธิ กี ารดาเนินโครงงาน เร่ืองสาเหตหุ รือปจั จยั ของการเปล่ยี นแปลงของเทคโนโลยีในชีวิตประจาวนั ประเดน็ ที่ประเมนิ ระดับคุณภาพ1. ผลงานตรงกบั จดุ ประสงค์ที่กาหนด 4 3 2 1 ผลงานไม่สอดคล้อง2. ผลงานมีความ ผลงาสอดคลอ้ ง ผลงานสอดคลอ้ ง ผลงานสอดคลอ้ ง ถูกต้องสมบูรณ์ กับจดุ ประสงค์ กบั จดุ ประสงค์ กับจุดประสงค์ กบั จดุ ประสงค์ ทุกประเด็น เป็นส่วนใหญ่ บางประเด็น3. ผลงานมคี วามคิด เน้ือหาสาระของ สร้างสรรค์ เน้ือหาสาระของ เนื้อหาสาระของ เนอื้ หาสาระของ ผลงานไม่ถกู ต้อง ผลงานถูกตอ้ ง ผลงานถูกต้อง ผลงานถูกต้อง เปน็ สว่ นใหญ่4. ผลงานมคี วาม เป็นสว่ นใหญ่ เป็นบางประเดน็ ผลงานไมแ่ สดง เป็นระเบยี บ ครบถว้ น ผลงานมแี นวคิด ผลงานมคี วาม แนวคดิ ใหม่ ผลงาแสดงออก แปลกใหม่แตย่ งั น่าสนใจ แตย่ งั ไมม่ ี ถึงความคิด ไมเ่ ปน็ ระบบ แนวคิดแปลกใหม่ สร้างสรรค์ แปลกใหม่และ ผลงานสว่ นใหญ่ ผลงานมคี วาม ผลงานส่วนใหญ่ เปน็ ระบบ มคี วามเป็น เป็นระเบียบแต่มี ไม่เป็นระเบยี บ ผลงานมีความ ระเบียบแต่ยงั มี ข้อบกพรอ่ ง และมีขอ้ บกพร่อง เป็นระเบียบ ข้อบกพรอ่ ง บางส่วน มาก แสดงออกถงึ เล็กนอ้ ย ความประณีต เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ 14–16 ดมี าก 11–13 ดี 8–10 ตา่ กวา่ 8 พอใช้ ปรบั ปรงุ

แบบประเมินการนาเสนอผลงานคาชีแ้ จง : ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี น และนอกเวลาเรียน แล้วขดี  ลงในชอ่ งท่ี ตรงกบั ระดบั คะแนนลาดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดบั คุณภาพ 1 ความถกู ต้องของเน้ือหา 3 21 2 ความคดิ สรา้ งสรรค์ □ □□ 3 วธิ กี ารนาเสนอผลงาน □ □□ 4 การนาไปใชป้ ระโยชน์ □ □□ 5 การตรงตอ่ เวลา □ □□ □ □□ รวม ลงช่ือ.............................................................ผู้ประเมนิ ...................../......................./.................เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ผลงาน หรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณช์ ัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงาน หรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เปน็ ส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงาน หรอื พฤติกรรมสอดคลอ้ งกับรายการประเมินบางสว่ น ให้ 1 คะแนนเกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ 14–15 ดมี าก 11–13 ดี 8–10 ต่ากวา่ 8 พอใช้ ปรบั ปรงุ

แบบสงั เกตพฤติกรรมการทางานรายบคุ คลชือ่ -สกลุ ......................................................................................................เลขท.่ี ........................ห้อง.................คาช้แี จง : ให้ทาเครอ่ื งหมาย ลงใน □ ท่ตี รงกบั พฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี น และนอกเวลาเรียนลาดับท่ี รายการประเมนิ ปฏิบตั ิ ไม่ปฏิบัติ 1 การแสดงความคดิ เหน็ □□ 2 การยอมรับฟังความคดิ เหน็ ของผอู้ นื่ □□ 3 การทางานตามหนา้ ทที่ ไี่ ดร้ ับมอบหมาย □□ 4 ความมนี ้าใจ □□ 5 การตรงต่อเวลา □□ ลงชือ่ .............................................................ผูป้ ระเมิน ...................../......................./.................สถานภาพของผู้ประเมนิ □ ตนเอง □ เพื่อน □ พ่อแม่/ผปู้ กครอง □ ครูเกณฑ์การให้คะแนนปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอท้งั 5 ด้าน หมายถึง ดมี ากปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรม 3-4 ดา้ น หมายถงึ ดีปฏิบัตหิ รือแสดงพฤติกรรม 1-2 ดา้ น หมายถงึ พอใช้ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรม 0 ด้าน หมายถงึ ปรบั ปรงุสรปุ ผลการประเมนิ □ ผา่ น มพี ฤติกรรม 3-5 ดา้ น □ ไม่ผา่ น มพี ฤติกรรม 0-2 ดา้ น

แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่คาช้แี จง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรียน และนอกเวลาเรยี น แล้วขดี  ลงในช่องท่ี ตรงกับระดับคะแนนลาดับท่ี ชอื่ –สกลุ การแสดง การ การทางาน ความ การมี รวม ของนกั เรียน ความคดิ เห็น ยอมรับฟงั ตามท่ไี ดร้ บั มนี า้ ใจ ส่วนรว่ มใน 15 มอบหมาย การปรบั ปรงุ คะแนน 321 คนอ่ืน 321 ผลงานกลุ่ม 321 321 321 321 ลงชอ่ื .............................................................ผู้ประเมนิ ...................../......................./.................เกณฑ์การให้คะแนน ปฏบิ ัติ หรือแสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสม่าเสมอ ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ัติ หรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน ปฏบิ ัติ หรอื แสดงพฤติกรรมบางคร้งั ให้ 1 คะแนน เกณฑก์ ารตดั สนิ คณุ ภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ 14–15 ดมี าก 11–13 ดี 8–10 พอใช้ ต่ากว่า 8 ปรับปรงุ

แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 4กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ รายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี (ว21181) ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2561หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 เรือ่ งเทคโนโลยกี บั ชีวิต ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 4เรื่อง ผลกระทบของเทคโนโลยี เวลา 2 คาบผู้สอน นายศกั ดิณ์ รงค์ สืบมี โรงเรยี นหนั คาราษฎรร์ งั สฤษด์ิ1. มาตรฐาน/ตัวชี้วัด วิเคราะห์แนวคิดหลักของเทคโนโลยีความสัมพันธ์กับศาสตร์อ่ืนโดยเฉพาะวิทยาศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์ รวมทัง้ ประเมินผลกระทบทีจ่ ะเกดิ ข้นึ ตอ่ มนษุ ย์ สังคม เศรษฐกิจ และส่งิ แวดลอ้ มเพ่อื เปน็ แนวทางในการพัฒนาเทคโนโลยี2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. นกั เรยี นสามารถวเิ คราะห์ผลกระทบของเทคโนโลยีท้ังดา้ นบวก และดา้ นลบทีส่ ่งผลตอ่ มนุษย์ สังคม เศรษฐกิจ และส่ิงแวดลอ้ ม (K) 2. นักเรียนสามารถอธบิ ายการทางานของระบบทางเทคโนโลยีได้ (K) 3. นักเรยี นสามารถประเมินผลกระทบของเทคโนโลยีท่จี ะเกิดขน้ึ ตอ่ มนุษย์ สงั คมเศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม เพือ่ เปน็ แนวทางในการพัฒนาเทคโนโลยีตอ่ ไปได้ (P) 4. นักเรียนเสนอแนวทางในการป้องกนั และแกไ้ ขปญั หาที่เกดิ จากผลกระทบของเทคโนโลยีได้ (A)3. สาระการเรียนรู้ 1) เทคโนโลยีมีการเปล่ียนแปลงตลอดเวลาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีสาเหตุหรือปัจจัยมาจากหลายดา้ น เชน่ ปญั หา ความตอ้ งการ ความก้าวหนา้ ของศาสตรต์ ่างๆ เศรษฐกิจ สงั คมวฒั นธรรม สง่ิ แวดล้อม4. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การเลอื กใช้เทคโนโลยี ผู้ใช้ ผพู้ ัฒนา และผูส้ รา้ งเทคโนโลยจี าเปน็ ตอ้ งมกี ารคานงึ ถึง และวเิ คราะห์ถึงผลกระทบของเทคโนโลยีท้ังในทางด้านบวก และด้านลบทสี่ ่งผลต่อมนุษย์ สังคม เศรษฐกิจ และส่ิงแวดลอ้ มรวมทั้งการเสนอแนวทางการปอ้ งกนั และแก้ไขปญั หา ซ่งึ ปญั หานนั้ อาจเกิดข้นึ แลว้ หรอื คาดการณ์ว่าจะเกิดข้ึนในอนาคต จากการใช้เทคโนโลยีเพื่อเป็นการสร้างความตระหนักให้เกิดขึ้นแก่ ผู้ใช้ ผู้พัฒนา และผู้สร้างเทคโนโลยีท่สี ่งผลตอ่ การพฒั นาประเทศอยา่ งยัง่ ยืน5. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียนและคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์1.ความสามารถในการสื่อสาร 1. มีวินยั 2. ใฝเ่ รยี นรู้2. ความสามารถในการคดิ 3. มงุ่ ม่นั ในการทางาน 1) ทักษะการคิดวเิ คราะห์ 2) ทกั ษะการสังเกต 3) ทักษะการสอื่ สาร 4) ทกั ษะการทางานร่วมกัน3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ิต5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook