๓๗ (๕) การใช้กลไกทางกฎหมาย รูปแบบนี้ไม่ถือว่าเป็นการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยตรงแต่เป็นลักษณะของการเรียกร้องและป้องกันสิทธิของตนจากการไม่ได้รับความเป็นธรรม เพ่ือให้ ได้มาซึ่งผลประโยชน์ที่คิดว่าควรจะได้รับ ในรัฐธรรมนูญได้ให้หลักการเรื่องการมีส่วนร่วมของประชาชน ไว้ในหลายมาตรา ซึ่งประชาชนสามารถใช้สิทธิของตนตามรัฐธรรมนูญท้ังในรูปของปัจเจก และในรูป ขององคก์ รตามทไี่ ดร้ ะบุไวใ้ นพระราชบญั ญัตติ า่ ง ๆ ท่บี ัญญตั ขิ นึ้ ๓.๒ แนวคิดการบริหารราชการแบบมสี ่วนร่วม (Participatory Governance)๕ การบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม (Participatory Governance) เป็นการจัดการบริหาร ราชการแผ่นดินตามหลักธรรมาภิบาล (Good Governance) ซึ่งจะนาไปสู่ระบบราชการท่ีมีคุณลักษณะ สาคัญตามหลักธรรมาภิบาล คอื เป็นระบบราชการท่ีมคี วามสุจริตโปร่งใส เปิดเผยข้อมูล เท่ียงธรรมและ มกี ารบริหารงานท่เี น้นประชาชนเป็นศูนยก์ ลาง และมงุ่ ประโยชน์สขุ ของประชาชนเป็นสาคัญ ๓.๒.๑ ความหมายการบริหารราชการแบบมสี ว่ นรว่ ม (Participatory Governance) ความหมายหรือนิยามของ “การบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม (Participatory Governance) นั้น มนี กั วิชาการหลายทา่ นไดใ้ ห้ความหมายที่มีลักษณะคล้ายคลงึ กนั เชน่ เศรษฐิยา เปร่ืองพิชญาธร ให้ความหมายว่า หมายถึง การบริหารราชการท่ีเจ้าหน้าท่ี หรือหน่วยงานของรัฐได้เปิดโอกาสให้ประชาชนผู้ที่เก่ียวข้องหรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder) ได้ เข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจทางการบริหารและดาเนินงานของรัฐ ท้ังทางตรงและทางอ้อมเพ่ือที่จะ ตอบสนองตอ่ ความตอ้ งการของประชาชน อรพินท์ สพโชคชยั ใหค้ วามหมายวา่ หมายถงึ การจัดระบบการบรหิ ารราชการ ข้ันตอน วิธีการปฏิบัติงาน และโครงสร้างของการตัดสินใจในการบริหารราชการ ให้เป็นระบบที่เปิดให้ประชาชน ได้เข้ามามีส่วนร่วม (Public Participation) ในพันธกิจขององค์กรภาครัฐมากข้ึน องค์กรภาครัฐท่ีมี ระบบการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วมจะดาเนินการให้บริการสาธารณะและการตัดสินใจเชิงนโยบาย ในมิติที่เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม เน้นความเปิดเผยและโปร่งใสให้ความสาคัญในการ พัฒนาและสรรหาข้าราชการและบุคลากรทุกระดับ โดยยึดถือหลักปรัชญาการมีส่วนร่วมของประชาชน และเป็นบุคลากรท่ีมีคุณลักษณะดังนี้ คือ มีจิตสาธารณะมีความเป็นประชาธิปไตย เคารพในสิทธิขั้น ๕ สานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ. (๒๕๖๐) การบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม:เทคนิควิธีและการ นาไปสูก่ ารปฏบิ ตั ิ. กรงุ เทพฯ: สานกั งานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ, หน้า ๑๕-๑๘.
๓๘ พื้นฐานของประชาชน เปิดกว้างพร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และปฏิบัติงานเพ่ือ ประโยชน์สขุ ของประชาชน สานักงานคณะกรรมการพัฒนา ให้ความหมายว่า หมายถึง การบริหารราชการที่นาผู้มี ส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการวางแผน การตัดสินใจ การ ดาเนนิ งานและการประเมนิ ผล โดยมกี ารจัดระบบงานหรือวิธีการทางาน การจัดโครงสรา้ ง และการสรา้ ง วัฒนธรรมการทางานของเจ้าหน้าท่ีรัฐ ท่ีเอื้อต่อการเปิดโอกาสให้ประชาชนหรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่ เกย่ี วขอ้ งเข้ามามสี ว่ นร่วมในการบริหารราชการ การบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม จึงเป็นแนวคิดในการบริหารราชการท่ีให้ความสาคัญ กับการเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม โดยเน้นการปฏิบัติงานท่ีให้ภาคประชาชนเข้ามามี บทบาทในลักษณะหุ้นส่วนท่ีครอบคลุม ตั้งแต่การริเร่ิมการดาเนินงานหรือดาเนินโครงการ การจัดทา งบประมาณโครงการ การดาเนินกจิ กรรมต่างๆ การติดตามตรวจสอบ และการประเมนิ ผลการปฏิบตั ิงาน ๓.๒.๒ ประโยชนข์ องการบริหารราชการแบบมสี ว่ นร่วม การปรับเปล่ียนการบริหารราชการของหน่วยงานภาครัฐ ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้า มามีส่วนร่วมในลักษณะของหุ้นส่วน การพัฒนาภายใต้แนวคิดประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมการมีส่วน ร่วมของประชาชน และการบริหารราชการแบบมสี ่วนร่วม จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อหน่วยงานภาครัฐใน หลายประการ ไดแ้ ก่ ๑. การตัดสินใจที่มีคุณค่าและความหมาย (Meaningful decision) เพราะภาค ประชาชนได้เขา้ มามีสว่ นรว่ มในการจัดลาดบั ความสาคัญของโครงการ แผนงาน การใช้งบประมาณ ๒. การใช้ทรัพยากร (Public resources) อย่างรอบคอบ เพราะภาคประชาชนเข้ามามี สว่ นในการตดิ ตามและประเมนิ ผลการดาเนนิ งาน ๓. ภาคประชาชนได้เข้ามามีส่วนเก่ียวข้องอย่างสร้างสรรค์ เพ่ือหาทางแก้ไขปัญหา สาธารณะต่างๆ ทาให้แนวทางเหล่านั้นได้รับการสนับสนุนเมื่อนาไปปฏิบัติ และได้รับการยอมรับ ซ่ึงทา ใหภ้ าครัฐไม่ต้องทางานในลักษณะโดดเดีย่ วตอ่ ไป ๔. การทางานในลักษณะหุ้นส่วน (Partnership) โดยภาครัฐปรับเปล่ียนบทบาทเป็นผู้ ประสานและอานวยความสะดวก (Facilitator) ซ่ึงสอดคล้องกับบทบาทภาครัฐในการบริหารราชการยุค ใหม่ทาใหร้ ัฐสามารถลดขนาดลง และทางานได้อย่างมีประสทิ ธิภาพมากข้ึนเพราะมีหุ้นสว่ นการพัฒนามา ชว่ ยแบ่งเบาภาระดา้ นคา่ ใช้จ่าย บุคลากร และงบประมาณ
๓๙ ๕. ความสามารถในการให้บริการท่ีดีขึ้น เพราะสามารถตอบสนองความต้องการของ ประชาชนได้อย่างมีคุณภาพ มีประสิทธิภาพ ทั่วถึงและตรงจุดมากขึ้น เช่น การสาธารณสุข การศึกษา เปน็ ตน้ ๖. ความสัมพันธ์ระหว่างภาครัฐและประชาชนมีความไว้วางใจเป็นพื้นฐานอันเป็นผลสืบ เนื่องมาจากการได้ร่วมคิด ร่วมตัดสินใจ ร่วมทาและร่วมรับผลประโยชน์ รวมทั้งมีการแลกเปล่ียนข้อมูล ขา่ วสารและองคค์ วามรู้อยา่ งเปิดเผยระหว่างกนั กล่าวโดยสรุป จากพัฒนาการของประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม ส่งผลให้แนวคิดการมี ส่วนร่วมของประชาชน และแนวคิดการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม เป็นแนวคิดท่ีได้รับความสนใจ และให้ความสาคัญในการนามาใช้ในการเพ่ิมประสิทธิภาพการบริหารจัดการภาครัฐในปัจจุบัน ซ่ึง ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม การมีส่วนร่วมของประชาชน และการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม เป็น แนวคิดที่ต่างมีความหมายและนิยามท่ีแตกต่างกัน แต่อย่างไรก็ตามก็มีความสัมพันธ์และเช่ือมโยงกัน โดยต่างก็มีคาอธิบายท่ีแสดงให้เห็นและได้คาตอบที่คล้ายคลึงกัน ดังจะเห็นได้จากการมีส่วนร่วมของ ประชาชนเป็นองค์ประกอบที่สาคัญของประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม ด้วยระบบประชาธิปไตยนั้นได้ถูก ปลูกฝังไว้ว่าเป็นการปกครองของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน ถ้าขาดประชาชนก็ไม่มี ประชาธปิ ไตย ในขณะเดียวกนั ระบบประชาธิปไตยจะพัฒนากา้ วเดนิ ไปขา้ งหน้านั้น การบริหารราชการก็ ต้องมีการจัดระบบการบริหารจัดการท่ีเป็นการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม ซึ่งการจะบรรลุผลได้ต้อง สร้างวัฒนธรรมการบริหารจัดการภาครัฐที่ให้ความสาคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชนโดยสามารถ แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์และเช่ือมโยงระหว่างกันในสามมิติ ได้แก่ ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม (Participatory Democracy - PD) การบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม (Participatory Governance - PG) และการมสี ่วนร่วมของประชาชน (PublicParticipation - PP) ๓.๓ แนวคดิ หลกั ธรรมาภิบาล (Good Governance)๖ แนวคิดหลักธรรมาภิบาล หรือ Good Governance หรือตามกฎหมายใช้คาว่า “การบริหารกจิ การบ้านเมืองและสังคมที่ดี” น้ัน ตามกฎหมาย กล่าวคือ พระราชบัญญัติระเบยี บบริหาร ราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ซ่ึงแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๔๕ และพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. ๒๕๔๖ ได้นาหลักการดงั กลา่ วมากาหนดไว้ โดยมคี วามหมายและหลกั การสาคัญ ๆ ดงั น้ี ๖ ระเบียบสานักนายกรัฐมนตรวี ่าด้วยการสร้างระบบบรหิ ารกจิ การบ้านเมอื งและสังคมทดี่ ี พ.ศ. ๒๕๔๒
๔๐ ๓.๓.๑ ความหมายของธรรมาภบิ าล (Good Governance) ธรรมาภิบาล หมายถึง การบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมที่ดี เป็นแนวทางสาคัญใน การจัดระเบียบให้สังคมรัฐ ภาคธุรกิจเอกชน และภาคประชาชนซ่ึงครอบคลุมถึงฝ่ายวิชาการ ฝ่าย ปฏิบัติการ ฝ่ายราชการ และฝ่ายธุรกิจ สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขมีความรู้รักสามัคคีและร่วมกัน เป็นพลัง กอ่ ให้เกิดการพัฒนาอย่างย่ังยืน และเป็นส่วนเสริมความเขม้ แข็งหรือสร้างภมู ิคุ้มกันแก่ประเทศ เพื่อบรรเทาป้องกันหรือ แก้ไขเยียวยาภาวะวิกฤติภยันตรายที่อาจจะมีมาในอนาคตเพราะสังคมจะรู้สึก ถึงความยุติธรรม ความโปร่งใสและความมีส่วนร่วม อันเป็นคุณลักษณะสาคัญของศักด์ิศรีความเป็น มนุษย์ และการปกครองแบบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมขุ สอดคล้องกับความ เปน็ ไทย รัฐธรรมนูญ และกระแสโลกยุคปจั จบุ ัน ๓.๓.๒ หลกั การพื้นฐานของการสร้างธรรมาภิบาลในองค์กร การส่งเสริมให้เกดิ กรสร้างธรรมาภบิ าลนั้น มาจากความร่วมมือของท้ังสถาบันท้ังภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาสังคม บทบาทของรัฐที่สาคัญน้ัน คือ รัฐเป็นผู้มีบทบาทในการวางรากฐาน และรักษากฎระเบียบต่าง ๆ การสร้างธรรมาภิบาลของรัฐนั้นจาเป็นต้องอาศัยระบบการจัดการภาครัฐ ทม่ี ปี ระสิทธิภาพ มภี าระรับผิดชอบภายใตก้ ฎหมาย และนโยบายทีโ่ ปรง่ ใสตรวจสอบได้ ดงั นั้น จึงมคี วาม จาเป็นอย่างย่ิงท่ีรัฐจะต้องมีการปฏิรูประบบราชการ เพื่อปรับปรุงระบบการบริหารจัดการให้มี ประสิทธิภาพ และรับผิดชอบภายใต้กรอบของกฎหมาย ซ่ึงจุดมุ่งหมายในการสร้างธรรมาภิบาล ของภาครัฐน้ัน จะต้องพยายามปฏิรูปการบริหารจัดการให้ถูกต้องตามหลักเหตุผล และหน้าที่ มีระบบ ความรับผิดชอบด้านการเงินท่ีมีประสิทธิภาพมาใช้ และให้มีความโปร่งในการปฏิบัติงาน ยกระดับความ ชานาญของภาครัฐให้มีความทันสมัย เป็นต้น ส่วนบทบาทขององค์การภาคเอกชนและบทบาทของ ประชาสังคม ท่ีมีต่อการสร้างธรรมาภิบาล คือ การรวมตัวกันของสาธารณชนในการต่อต้านการทุจริต และการประพฤติมิชอบ โดยรัฐควรมีการหามาตรการที่จะกระตุ้นให้เกิดการตระหนักถึงการทาผิด จรรยาบรรณ เปน็ ตน้ สาหรับหลักการพื้นฐานของธรรมมาภิบาลในองค์กรตามระเบียบสานักนายกรัฐมนตรวี ่า ด้วยการสร้างระบบบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมที่ดี พ.ศ. ๒๕๔๒ ประกอบไปด้วย หลักนิติธรรม หลักคุณธรรม หลักความโปร่งใส หลักการมีส่วนร่วม หลักความรับผิดชอบ และหลักความคุ้มค่า ซ่ึงมรี ายละเอียด ดังน้ี ๑. หลักนิติธรรม (The Rule of Law) คือ การปฏิบัติตามกฎหมาย กฎระเบียบต่างๆ ซ่ึงรวมถึงการไม่เลือกปฏิบัติการไม่ทาตามอาเภอใจ การไม่ละเมิดกฎหมาย และการไม่ละเมิดสิทธิของ ผู้อ่นื
๔๑ ๒. หลักคุณธรรม (Morality) คือ การยึดม่ัน ถือม่ันในคุณธรรมความดีงาม ความ ถูกต้องตามทานองคลองธรรมรวมถึงมีความซ่ือสัตย์จริงใจ และยึดมั่นในความสุจริตคุณธรรมเป็น แนวทางท่ีถูกต้องในการดาเนินชีวิต ทั้งความประพฤติและจิตใจซึ่งแต่ละสังคมกาหนดและยอมรับปฏบิ ัติ กัน เช่น ชื่อสัตย์อดทน เมตตากรุณา เสียสละ เป็นต้นในระดับกิจการ หลักคุณธรรม คือ การทาธุรกิจ ด้วยความมีจริยธรรมทางธุรกิจ ซ่ึงหมายถึง มาตรฐานทางศีลธรรมคุณธรรมที่ใช้กับองค์กรทางธุรกิจ ปัญหาจรยิ ธรรมธุรกิจท่ีเกิดข้ึนกับกิจการ เชน่ การปกบดิ ข้อเท็จจรงิ หรือตกแต่งตัวเลขทางบัญชีเพ่ือหวัง ประโยชน์อย่างใดอย่างหน่ึง การฟอกเงิน การหลบเลี่ยง หนีภาษี การละเลยไม่ดูแลด้านความปลอดภัย ในสถานทท่ี างาน การเลอื กปฏบิ ัติหรอื มีสองมาตรฐานในการบรหิ ารงานบุคคล ๓. หลักความโปร่งใส (Accounta bility) คือ ความถูกต้อง ชัดเจน ปฏิบัติตามหลักการ ท่ีควรจะเป็นรวมถึงการสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน มีกระบวนการตรวจสอบความถูกต้องได้ รวมท้ังการให้และรับข้อมูลที่เป็นจริงตรงไปตรงมาทันเวลาในระดับกิจการ อาจแปลความหมายของ “Accountability\" ว่าเป็น \"ความรับผิดชอบท่ีอธิบายได้\" ซึ่งเป็นภาระบทบาทของผู้บริหารในแง่ ข้อผูกพันหรือความเต็มใจที่จะยอมรับความรับผิดชอบ รวมท้ังความสามารถในการรายงานชี้แจงให้ เหตุผลเพ่ืออธิบายการกระทาของตนเองและสามารถตอบคาถามของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ในทุกที่ ทุกโอกาส เพือ่ แจกแจงอธบิ ายการกระทาทั้งหมดทีต่ นรับผดิ ชอบ ๔. หลักการมีส่วนร่วม (Participation) อ การให้โอกาสบุคคลที่เก่ียวข้องเข้ามามีส่วน ร่วมในการตัดสินใจ ในเร่ืองต่าง ๆ ท่ีสาคัญรวมท้ังการเปิดรับฟังความคิดเห็น เพ่ือรับคาแนะนามาร่วม วางแผนและปฏิบัติให้บรรลุวัตถุประสงค์ในระดับสังคม ซึ่งประกอบด้ วยบุคคลหลากหลาย และมีความคิดเห็นท่ีแตกต่าง หลักการมีส่วนร่วมจะช่วยประสานความคิดเห็นหรือความต้องการที่ แตกต่าง เพื่ออยู่บนพ้ืนฐานโดยคานึงถึงประโยชน์ส่วนรวมในระตับกิจการ องค์กรจะกาหนดให้มี คณะกรรมการซ่ึงประกอบด้วยบุคคลท่ีมีประสบการณ์หลากหลายช่วย บริหารงานขององค์กรให้บรรลุ วตั ถปุ ระสงค์ ๕. หลักความรับผิดชอบ (Responsibility) คือ ความรับผิดชอบในงานของตน ความรับ ผติ ชอบต่อการกระทาของตนเอง รวมถงึ การตระหนกั และสานึกในสิทธแิ ละหน้าท่ี ๖. หลักความคุ้มค่า (Cost -Effectiveness or Economy) คือ การบริหารจัดการ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในระตับบุคคล ความคุ้มค่าเทียบเคียงได้กับความประหยัดไม่ฟุ่มเฟือย และใช้ทรัพยากรท่ีมีอยู่อย่างจากัดให้เกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่าในระดับกิจการ คือ การบริหารจัดการ เพ่ือให้เกิดประโยชน์สูงสุดหรือเกิดมูลค่ามากท่ีสุด เช่น การใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า และรักษา ทรัพยากรธรรมชาตใิ หย้ งั่ ยนื
๔๒ ๓.๔ การประเมินคุณธรรมและความโปรง่ ใสในการดาเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment : ITA) คณะกรรมการ ป.ป.ช. และคณะกรรมการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส ในการดาเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ได้มีมติเห็นชอบคู่มือการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส ในการดาเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment: ITA) ประจาปี งบประมาณ พ.ศ. 2564 เป็นท่ีเรียบร้อยแล้ว โดยมีการปรับปรุงเนื้อหาและรายละเอียดขั้นตอนต่าง ๆ เพื่ อ ให้ เกิ ด ความ สม บู รณ์ ท่ี สุด แล ะห น่ วยงาน ภ าครัฐ สาม ารถน าไป ใช้ป ระก อบ การพั ฒ น าคุ ณ ธรรม และความโปร่งใสในการดาเนินงานให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง (continuous improvement) และร่วมกัน พัฒนาการดาเนินงานให้บรรลุเป้าหมายท่ีกาหนดไว้ตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็น การต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ ภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 รวมถึงนาข้อมลู ดังกล่าวไป ใช้ประกอบการประเมิน ITA ของหน่วยงานตามใหเ้ ป็นไปตามขน้ั ตอนการประเมนิ ทีก่ าหนดต่อไป โดยการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดาเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment: ITA) เป็นเครื่องมือในเชิงบวกท่ีมุ่งพัฒนาระบบราชการ ไทยในเชิงสร้างสรรค์ มากกว่ามุ่งจับผิด เปรียบเสมือนเคร่ืองมือตรวจสุขภาพองค์กรประจาปี โดยมี วัตถุประสงค์เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐ ท่ัวประเทศได้รับทราบถึงสถานะและปัญหาการดาเนินงานด้าน คุณธรรมและความโปร่งใสขององค์กร ผลการประเมิน ท่ีได้จะช่วยให้หน่วยงานภาครัฐสามารถนาไปใช้ ในการปรับปรุงพัฒนาองค์กรให้มีประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน การให้บริการ สามารถอานวยความ สะดวก และตอบสนองต่อประชาชนได้ดีย่ิงข้ึน ขณะเดียวกันยังเป็นเครื่องมือ ในการยกระดับมาตรฐาน การดาเนินงานภาครัฐ และแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นการต่อต้าน การทุจริตและ ประพฤติมิชอบ ด้วยเหตุนี้การประเมิน ITA จึงไม่ได้เป็นเพียงการประเมินคุณธรรมการดาเนินงาน การป้องกันการทุจริตในองค์กรและการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ แต่ยังเป็นการประเมินประสิทธิภาพ การปฏบิ ัติงาน และการให้บริการประชาชน เพ่ือให้ทราบถึงช่องว่างของความไมเ่ ป็นธรรมและความด้อย ประสิทธิภาพ สาหรับนาไปจัดทาแนวทางมาตรการต่าง ๆ ในการป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบ ในระบบราชการไทยตอ่ ไป การประเมิน ITA ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 นับปีท่ี 9 ของการดาเนินการ ท่ีผ่านมา และเป็นปีท่ี 4 ท่ีได้ปรับเข้าสู่การประเมินในรูปแบบออนไลน์ โดยการพัฒนาร่วมกันกับ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ในการออกแบบและพัฒนาเคร่ืองมือการประเมินให้มี ประสิทธิภาพมากยิ่งข้ึน ประกอบกับ สานักงาน ป.ป.ช. ได้ออกแบบและพัฒนาระบบเทคโนโลยี สารสนเทศรองรับการประเมินคุณ ธรรมและความโปร่งใสในการดา เนิน งานของหน่ วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment System: ITAS) ซ่ึงน ามาใช้เป็ น ศูน ย์กลางใน การ
๔๓ ดาเนินการประเมินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซ่ึงการประเมิน ITA ในรูปแบบ ปัจจุบันได้ส่งผลให้หน่วยงาน ภาครัฐได้เกิดความตระหนักในการบริหารงานและกากับดูแลการดาเนินงานให้มีคุณธรรมและให้ ค ว า ม ส า คั ญ กั บ ค ว า ม โป ร่ ง ใส ข อ ง อ ง ค์ ก ร ข อ ง รั ฐ เป็ น อ ย่ า ง ม า ก แ ล ะ ค ร อ บ ค ลุ ม ห น่ ว ย ง า น ภ า ค รั ฐ ไปท่วั ประเทศ ซ่ึงจะเหน็ ได้ว่าต้ังแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 เปน็ ต้นมาน้ันได้เกิดการเปลี่ยนแปลงและ พฒั นาการของหน่วยงานภาครฐั ในทางปฏิบัตอิ ย่างเห็นได้ชดั โดยเฉพาะอย่างย่ิงความตื่นตัวและหนั มาให้ ความ ส น ใจต่ อ ก ารพั ฒ น าแ ฟ ล ต ฟ อ ร์ม อิ เล็ ก ท รอ นิ กส์ ข อ งต น เอ งให้ ทั น ส มั ยแ ล ะ น่ าส น ใจ มากข้ึ น ท่ี สาคัญคือส่งผลให้หน่วยงานมีการจัดการข้อมูลข่าวสารอย่างเป็นระบบระเบียบและเตรียมความพร้อม ในการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะใหไ้ ด้รับทราบและส่งเสริมให้เกดิ การตรวจสอบอีกด้วย ทั้งนี้ หลกั การพนื้ ฐาน ITA คือ 1. “เปิดเผยข้อมูล” ของหน่วยงานภาครัฐเพ่ือให้สาธารณชนได้รับทราบและสามารถ ตรวจสอบการดาเนินงานได้ 2. “เปิดโอกาส” ให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของหน่วยงานภาครัฐ ท้ังเจ้าหน้าท่ีภายใน หน่วยงาน และประชาชนผู้รับบริการ/ติดต่อกับหน่วยงานภาครัฐได้เข้ามามีส่วนร่วมประเมินหรือแสดง ความเหน็ ต่อหน่วยงานภาครัฐ ส่วนเป้าหมายของ ITA นั้น มุ่งหวังให้หน่วยงานภาครัฐได้มีการปรับปรุงพัฒนาตนเอง ในด้านคุณธรรมและความโปร่งใสเพื่อให้เกิดธรรมาภิบาลในหน่วยงานภาครัฐ มีการดาเนินงานท่ีมุ่งให้ เกิดประโยชน์ต่อประชาชนและส่วนรวมเป็นสาคัญ และลดโอกาสท่ีจะเกิดการทุจริตและประพฤติมิชอบ ในหน่วยงานภาครัฐ ส่งผลให้หน่วยงานภาครัฐสามารถบรรลุตามเป้าหมายท่ีกาหนดไว้ในแผนแม่บท ภายใตย้ ุทธศาสตร์ชาติ ทั้งนี้ ไดม้ ีการเกบ็ ขอ้ มูลจาก 3 สว่ น ดงั น้ี ส่วนท่ี 1 การเก็บข้อมูลจากบุคลากรในหน่วยงานภาครัฐ (Internal Integrity and Transparency Assessment: IIT) โดยเปิดโอกาสใหบ้ ุคลากรภาครัฐทุกระดับท่ปี ฏบิ ตั ิงานมาไม่น้อยกว่า 1 ปีไดม้ ีโอกาส สะท้อนและแสดงความคดิ เหน็ ตอ่ คุณธรรมและความโปรง่ ใสของหน่วยงานตนเอง ส่วนท่ี 2 การเก็บข้อมูลจากผู้รับบริการหรือผู้ติดต่อหน่วยงานภาครัฐ (External Integrity and Transparency Assessment: EIT) โดยเปิดโอกาสให้ผู้รับบริการหรือผู้ติดต่อหน่วยงาน ภาครัฐในช่วง ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ได้มีโอกาสสะท้อนและแสดงความคิดเห็นต่อการดาเนินงาน ของหน่วยงานภาครัฐ ส่วนท่ี 3 การเปิดเผยข้อมูลทางเว็บไซต์ของหน่วยงาน (Open Data Integrity and Transparency Assessment: OIT) เป็นการตรวจสอบระดับการเปิดเผยข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐท่ี เผยแพร่ไว้ทางหนา้ เว็บไซต์ หลักของหน่วยงาน
๔๔ กล่าวโดยสรุป การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดาเนินงานของหน่วยงาน ภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment : ITA) เป็นการประเมินท่ีมี วัตถุประสงค์ ที่จะก่อให้เกิดการปรับปรุงพัฒนาด้านคุณธรรมและความโปร่งใสในหน่วยงานภาครัฐ โดยมีการประเมิน ครอบคลุมหน่วยงานภาครัฐทั่วประเทศ ท้ังนี้ ตามมติคณะรัฐมนตรี เม่ือวันท่ี ๒๓ มกราคม ๒๕๖๑ มีมติเห็นชอบให้หน่วยงานภาครัฐทุกหน่วยงานให้ความร่วมมือและเข้าร่วมการประเมินคุณธรรม และความโปร่งใสในการดาเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๖๔ โดยใช้ แนวทางและเครื่องมือการประเมินตามท่ีสานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แห่งชาติ หรอื สานกั งาน ป.ป.ช. กาหนด ๓.๕ ขอ้ มูลเบ้อื งตน้ เกี่ยวกบั ดชั นกี ารรบั รู้การทจุ รติ (Corruption Perceptions Index : CPI) ดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index : CPI) คือ เครื่องมือในการวัด ความโปร่งใสและการทุจริตคอร์รัปชันของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ท่ีมีค่าคะแนนต้ังแต่ (คอร์รัปชัน มากท่ีสดุ ) - ๑๐๐ (คอร์รปั ชันนอ้ ยทสี่ ุด) ซงึ่ จดั ทาโดยองค์กรเพ่ือความโปรง่ ใสนานาชาติ (Transparency International : TI) ตวั ชว้ี ัด ดัชนีการรับรูก้ ารทุจริตของประเทศไทย (Corruption Perceptions Index: CPI) (อนั ดบั /คะแนน) และคา่ เป้าหมาย เปา้ หมาย ประเทศไทยมีการทุจริตและประพฤติมิชอบลดลง ปี ๒๕๖๑ – ๒๕๖๕ อยู่ในอนั ดบั ๑ ใน ๕๔ และ/หรือ ไดค้ ะแนนไมต่ ่ากว่า ๕๐ คะแนน ปี ๒๕๖๖ – ๒๕๗๐ อย่ใู นอนั ดบั ๑ ใน ๔๓ และ/หรือ ได้คะแนนไมต่ า่ กว่า ๕๗ คะแนน ปี ๒๕๗๑ – ๒๕๗๕ อย่ใู นอนั ดบั ๑ ใน ๓๒ และ/หรือ ไดค้ ะแนนไม่ตา่ กวา่ ๖๒ คะแนน ปี ๒๕๗๖ – ๒๕๘๐ อยูใ่ นอนั ดับ ๑ ใน ๒๐ และ/หรือ ไดค้ ะแนนไม่ตา่ กวา่ ๗๓ คะแนน (รา่ ง) แผนการปฏริ ูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) ปี ๒๕๖๔ คะแนนดชั นกี ารรบั รกู้ ารทจุ ริต อยทู่ ่ี 40 คะแนน ปี ๒๕๖๕ คะแนนดัชนกี ารรับร้กู ารทุจรติ อยูท่ ่ี 45 คะแนน แผนการปฏริ ปู ประเทศดา้ นการป้องกนั และการปราบปรามการทุจรติ และประพฤตมิ ชิ อบ เป้าหมายรวม ประเทศไทยมีระดับคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index: CPI) อย่ใู น ๒๐ อันดับแรกของโลกในปี พ.ศ. ๒๕๗๙
๔๕ ประเดน็ คาถามทัง้ 9 แหลง่ ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกบั การยกระดบั คะแนน CPI 1. แหล่งข้อมูล IMD World Competitiveness Yearbook (IMD) ซึ่งได้คะแนนลดลง คอื ได้ 41 คะแนน (ปี 2019 ได้ 45 คะแนน) IMD นาข้อมูลสถิติทุติยภูมิและผลการสารวจความคิดเห็นผู้บริหารระดับสูง ไปประมวลผล จดั อนั ดบั ความสามารถในการแขง่ ขันของประเทศไทย และพจิ ารณาจาก 4 องค์ประกอบ คอื 1) สมรรถนะทางเศรษฐกิจ 2) ประสทิ ธภิ าพของภาครัฐ 3) ประสิทธภิ าพของภาคธุรกจิ 4) โครงสรา้ งพื้นฐาน ท้ังน้ี IMD สารวจข้อมูลประมาณ เดือนมกราคม – เมษายน ของทุกปี ในแหล่งขอ้ มูล IMD World Competitiveness Yearbook(IMD) โดยมีประเด็น ที่องค์การเพ่ือความโปร่งใสนานาชาติ นามา คานวณเป็นคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริตจากแบบสารวจความคิดเห็นผู้บริหารระดับสูงใน ประเทศไทย คือ “มีการติดสินบนและคอร์รัปชันหรือไม่” คะแนนลดลง 4 คะแนน เนื่องจากผู้ตอบแบบสารวจเห็นว่า ยังมี ปัญหาการให้และรับสินบน และการคอร์รัปชันของเจ้าหน้าที่รัฐ เช่น เจ้าหน้าที่รัฐยอมรับสินบนในการ ลกั ลอบเปิดบอ่ นการพนนั ปัญหาสนิ บน จากลกั ลอบเข้าประเทศของแรงงานผิดกฎหมาย ถึงแม้ภาครัฐจะมีการนาระบบอิเล็กทรอนิกส์มาให้บริการประชาชน แต่ในกระบวนการ พิจารณาอนุมัติ อนุญาต ยังมีการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐอยู่ จึงเกิดปัญหาสินบนและการทุจริต ซึ่งส่งผลต่อภาพลักษณ์การทุจริตของประเทศ โดยมีสาเหตุมาจากการที่ผู้เข้ารับบริการต้องความสะดวก รวดเร็วในการรับบรกิ ารจงึ ยอมทจ่ี ะจ่ายสินบน ประกอบกบั การบงั คับใชก้ ฎหมายเพื่อลงโทษเจ้าหนา้ ท่รี ัฐ ท่ีกระทาการทุจริตยังไม่มีประสิทธิภาพ ถึงแม้จะมีการลงโทษเจ้าหน้าท่ีของรัฐท่ีกระทาความผิด แต่เป็นเพียงเจ้าหน้าที่ของรัฐในระดับล่าง นอกจากนี้ กฎหมายต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้องกับการอนุมัติอนุญาต เช่น พระราชบัญญัติการอานวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ ไมส่ ามารถดาเนินการได้อย่างอย่างมีประสิทธิภาพ 2. แ ห ล่ ง ข้ อ มู ล Bertelsmann Stiftung Transformation Index (BF (TI)) ได้ 37 คะแนน (ปี 2019 ได้ 37 คะแนน) BF (TI) ใช้ ผู้ เช่ี ย วช าญ วิเค ราะห์ แ ล ะป ระเมิ น ก ระบ วน ก ารเป ล่ี ย น แ ป ล งไป สปู่ ระชาธปิ ไตย และระบบ เศรษฐกจิ แบบตลาดเสรี และดูความเปล่ียนแปลง 3 ดา้ น คอื 1) ด้านการเมอื ง 2) ดา้ นเศรษฐกิจ และ 3) ด้านการจัดการของรฐั บาล
๔๖ ทั้งน้ี BF (TI) จะมกี ารเผยแพร่ผลทุก 2 ปี และข้อมลู ที่เผยแพร่คร้ังล่าสุดช่วงต้นปี 2563 ถึงแม้ว่า การประเมินจะประกอบด้วยชุดคาถามหลายข้อ แต่องค์การเพ่ือความโปร่งใสนานาชาติ ใช้คะแนนจากคาถาม ของ BF (TI) เพียง 2 ข้อ ในการประเมินคะแนน CPI คือ การดาเนินการ กับเจา้ หนา้ ท่ีของรฐั ทีก่ ระทาการทุจรติ และความสาเรจ็ ของรัฐบาลในการจัดการกบั ปัญหาคอรร์ ปั ชัน โดยขอ้ มูลท่ไี ด้จะถกู นามาวิเคราะหจ์ ากผู้เชยี่ วชาญ ของ BF (TI) ในประเทศไทย จานวน 2 คน ค ะแ น น ค งท่ี เน่ื อ งจ าก อ งค์ ก รเพื่ อ ค วาม โป ร่งใส น าน าช าติ (Transparency International หรอื TI) ใชค้ ะแนนจากรายงานการวเิ คราะหข์ อง BF (TI) ครงั้ ลา่ สุด เม่ือปที ีผ่ า่ นมา ๓. แหล่งข้อมูล Economist Intelligence Unit Country Risk Ratings (EIU) ได้ 37 คะแนน (ปี 2019 ได้ 37 คะแนน) EIU วิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับ ความเส่ียงที่ระบบเศรษฐกิจของประเทศต้องเผชิญ ได้แก่ ความโปร่งใส ในการจัดสรรและการใช้จ่ายงบประมาณ การใช้ทรัพยากรของราชการ/ส่วนรวม การแต่งตั้งข้าราชการจากรัฐบาลโดยตรง มีหน่วยงานอิสระในการตรวจสอบการจัดการงบประมาณ ของหน่วยงาน น้ัน ๆ มีหน่วยงานอิสระด้านยุติธรรมตรวจสอบผู้บริหาร/ผู้ใช้อานาจ ธรรมเนียมการให้ สินบน เพื่อให้ได้สัญญาสัมปทานจากหน่วยงานของรัฐ ท้ังนี้ EIU มีการสารวจเก็บข้อมูลประมาณ เดอื นกนั ยายนของทุกปี โดยขอ้ มูลท่ไี ด้จะถูกนามาวิเคราะหจ์ ากผ้เู ช่ียวชาญของ EIU จานวน 2 - 3 คน คะแนนคงท่ี เน่ืองจากผู้เช่ียวชาญของ EIU เห็นว่า ประเทศไทยยังคงมีปัญหา ไม่แตกต่างกับปี 2019 ในเร่ืองความโปร่งใสในการจัดสรรและการใช้จ่ายงบประมาณ การใช้ทรัพยากร ของราชการ การแต่งต้ังข้าราชการ จากรัฐบาลโดยตรง การตรวจสอบการจัดการงบประมาณ ตลอดจน ปัญหาเกย่ี วกับธรรมเนยี มปฏิบตั ใิ นการให้สินบนเพ่ือให้ไดส้ ญั ญา หรือสัมปทานจากหน่วยงานของรฐั ๔. แ ห ล่ ง ข้ อ มู ล Global Insight Country Risk Ratings (GI) ได้ 35 ค ะ แ น น (ปี 2019 ได้ 35 คะแนน) ในแหล่งข้อมูล Global Insight Country Risk Ratings (GI) มีประเด็นท่ีองค์การเพ่ือ ความโปร่งใสนานาชาติ นามาคานวณเป็นคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต คือ “ความเสี่ยงของการ ท่ีบุคคลหรือบริษัทจะต้องเผชิญกับการติดสินบนหรือการคอร์รัปชันในรูปแบบอ่ืนเพ่ือที่จะทาให้ การดาเนินธุรกิจเป็นไปอย่างราบรื่น เช่น เพื่อให้ได้รับสัญญาเพ่ือการส่งออก นาเข้า หรือเพ่ือความสะดวกสบาย เกี่ยวกับงานด้านเอกสารต่าง ๆ มีมากน้อยเพียงใด” ซ่ึงถูกประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญแต่ละประเทศ ซึ่งได้รับ ข้อมลู จากกลมุ่ ลูกคา้ ผูท้ าสญั ญากบั ภาครัฐ นกั ลงทนุ นักธุรกจิ ผรู้ ับงานอสิ ระ เครอื ขา่ ยนักขา่ ว คะแนนคงที่ เนื่องจากผู้เช่ียวชาญในแต่ละประเทศซ่ึงได้รับข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง (กลุ่มลูกค้า ผู้ทาสัญญากับภาครัฐ นักลงทุน นักธุรกิจ ผู้รับงานอิสระ และเครือข่ายนักข่าว) เห็นว่า
๔๗ การดาเนินธุรกิจในประเทศไทยยังมีความเสี่ยงที่จะต้องเผชิญกับการการติดสินบนห รือการคอร์รัปชัน ในรปู แบบต่าง ๆ เพอ่ื ให้การดาเนนิ ธุรกจิ เปน็ ไปอยา่ งราบร่นื ๕. แ ห ล่ ง ข้ อ มู ล The Political and Economic Risk Consultancy (PERC) ได้ 38 คะแนน (ปี 2019 ได้ 38 คะแนน) PERC สารวจข้อมูลจากนักธุรกิจในท้องถิ่นและนักธุรกิจชาวต่างชาติที่เข้าไป ทาธุรกิจในประเทศนั้น ๆ ได้แก่ นักธุรกิจจากสมาคมธุรกิจ ผู้แทนท่ีเข้าร่วมการประชุมต่าง ๆ ในเอเชีย ผู้แทนหอการค้าประเทศต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งข้อมูลท่ีนามาใช้จัดทา CPI 2020 เป็นข้อมูลที่เก็บรวบรวม ข้อมูลประมาณเดือนมกราคมถึงต้นเดือนมีนาคม 2019 และตีพิมพ์วารสารในเดือนมีนาคม 2020 ท้ังน้ี PERC มีหลักเกณฑ์ในการสารวจโดยการสอบถามกลุ่มตัวอย่างซ่ึงเป็นการถามคาถาม ท่ีแสดงให้ เห็นถึงระดบั การรบั รู้ในเรือ่ งการคอร์รัปชัน คะแนนคงท่ี เน่อื งจากสถานการณก์ ารทจุ รติ ของประเทศไทยในมุมมองการรบั รขู้ องผู้ตอบ แบบสอบถามไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสาคัญจากปีที่ผ่านมา ซึ่งจะมีบุคคลบางกลุ่มท่ีกระทาการ ทุจริตและทาให้ประเทศไทยเส่ือมเสียชื่อเสียง แต่กลุ่มบุคคลส่วนใหญ่มีการดาเนินการอย่างถูกต้องตาม กฎหมาย ๖ . แ ห ล่งข้ อ มู ล PRS International Country Risk Guide (PRS) ได้ 32 คะแ น น (ปี 2019 ได้ 32 คะแนน) ICRG เป็นการจัดอันดับความเส่ียงของประเทศต่าง ๆ ทั้งความเสี่ยงด้านการเมือง ด้านเศรษฐกิจ และด้านการเงิน วิเคราะห์ข้อมูลโดยผู้เช่ียวชาญ และมีการรายงานผลทุกเดือน ครอบคลุม 140 ประเทศทั่วโลก “การคอร์รัปชัน” เป็นหนึ่งในปัจจัยท่ีใช้ประเมินความเสี่ยงด้านการเมือง PRS จึงมุ่ง ประเมินการคอร์รัปชันในระบบการเมือง โดยรูปแบบการทุจริตท่ีพบมากที่สุด คือ การเรียกรับสินบน หรือการเรียกรับเงิน เพ่ืออานวยความสะดวกในการนาเข้า/ส่งออก การประเมินภาษี รวมถึงระบบ อุปถัมภ์ ระบบพวกพ้อง การให้เงินสนับสนุนพรรคการเมืองแบบลับๆ และความสัมพันธ์ใกล้ชิดของ นักการเมืองกับนักธุรกิจ ในแหล่งข้อมูล Political Risk Services International Country Risk Guide (ICRG) มีประเด็นท่ีองค์การเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ นามาคานวณเป็นคะแนนดัชนีการรับรู้ การทุจริต คอื “การประเมินการคอร์รัปชันในระบบการเมอื ง ซ่ึงรปู แบบของการคอร์รปั ชันโดยตรงที่การ ดาเนินธุรกิจพบบ่อยคร้ัง คือ การเรียกร้องเงินหรือการต้องจ่ายสินบนเพ่ือให้ได้มาซึ่งใบอนุญาต การนาเข้าและสง่ ออก (Import and Export Licenses) การควบคมุ การส่งออก (Exchange Controls) การประเมินภาษีการคุ้มครองจากตารวจ หรือการกู้ยืมขอให้ท่านช่วยให้คะแนนปัญหาการคอร์รัปชัน ทั้งการคอร์รัปชันท่ีเกิดข้ึนจริงหรือโอกาสท่ีจะเกิดการคอร์รัปชันจากระบบอุปถัมภ์ ระบบเครือญาติ
๔๘ การฝากเข้าทางาน การต่างตอบแทน การระดมทุนท่ีเป็นความลับและความสัมพันธ์ใกล้ชิดที่น่าสงสัย ระหว่างนักการเมอื งกับภาคธุรกิจ คะแนนคงท่ี เนื่องจากส่วนหนึ่งอาจมาจากการท่ีแหล่งข้อมูลนี้มีการรายงานผลทุกเดือน และในรอบปี ท่ีผ่านมาไม่มีเหตุการณ์ใดที่ทาให้คะแนนเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดหรือลดลง แบบรนุ แรง ดงั น้ัน คะแนนจึงยงั คงที่ ๗ . แ ห ล่ งข้ อ มู ล World Economic Forum (WEF) ได้ 43 ค ะแ น น (ปี 2 0 1 9 ได้ 43 คะแนน) WEF สารวจมุมมองของนักธุรกิจท่ีเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเก่ียวกับปัจจัย ที่เป็นอุปสรรค สงู สุด ในการทาธรุ กจิ 5 ด้าน คอื 1) การคอรร์ ัปชัน 2) ความไมม่ น่ั คงของรฐั บาล/ปฏวิ ัติ 3) ความไมแ่ น่นอนดา้ นนโยบาย 4) ระบบราชการท่ีไมม่ ปี ระสิทธิภาพ 5) โครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคทไ่ี มเ่ พียงพอวา่ แต่ละปัจจัยเป็นอุปสรรคเพ่ิมขึ้น เท่าเดิม หรือลดลง ท้ังน้ี WEF สารวจข้อมูลประมาณ เดือนมกราคม – มิถุนายน ของทุกปี โดยในแหล่งข้อมูล World Economic Forum (WEF) มีประเด็นท่ีองค์การเพอื่ ความโปรง่ ใสนานาชาติ นามาคานวณเปน็ คะแนนดชั นกี ารรับร้กู ารทจุ รติ คือ 1) “ในประเทศของคุณ เป็นเร่ืองปกติเพียงใดที่บรษิ ทั จ่ายเงินพิเศษโดยไม่มเี อกสารอา้ งอิง หรอื จา่ ยสนิ บนทเ่ี ชอ่ื มโยงกับเรอ่ื งต่อไปน้ี” (1) การนาเขา้ – สง่ ออก (2) สาธารณูปโภค (3) การชาระภาษีประจาปี (4) การทาสัญญาและการออกใบอนญุ าต (5) ได้รับการตัดสินใจท่เี อือ้ ประโยชนจ์ ากกระบวนการยตุ ธิ รรม 2) ในประเทศของคุณ เป็นเร่ืองปกติเพียงใดท่ีมีการคอร์รัปชันโดยการจ่ายโอนเงิน งบประมาณ ของรัฐไปยังบรษิ ทั บุคคลธรรมดาหรอื กลุ่มบุคคล คะแนนคงที่ เนื่องจากมุมมองของนักลงทุนเกี่ยวกับสถานการณ์การทุจริตไม่ได้ เปล่ียนแปลง ไปในทางท่ีดขี ึ้น หรือแย่ลงกว่าเดิม ถึงแมห้ น่วยงานภาครัฐจะมีการต่ืนตัวกบั การให้บรกิ าร ด้วยความโปร่งใส มีการลดข้ันตอนและระยะเวลาในการติดต่อกับหน่วยงานของรัฐ แต่ก็ไม่อาจส่งผลให้ เกดิ การเปลี่ยนแปลง อยา่ งมนี ยั สาคญั
๔๙ ๘. แ ห ล่งข้ อ มู ล World Justice Project (WJP) ได้ 38 คะแ น น (ปี 2 0 1 9 ได้ 38 คะแนน) WJP ประเมินค่าความโปร่งใสโดยใช้ 8 หลักเกณฑ์ เน้นเรื่องหลักนิติธรรม แต่ปีที่ผ่านมา TI นาเกณฑ์ด้านการปราศจากคอร์รัปชันและแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนมาเป็นตัวให้คะแนน โดยในรายงาน ฉบับที่ผ่านมา WJP ได้เก็บรวบรวมข้อมูลระหวา่ งเดือนพฤษภาคม – พฤศจิกายน 2020 ในแหล่งข้อมลู World Justice Project (WJP) มปี ระเด็นท่ีองค์การเพ่ือความโปร่งใสนานาชาติ นามา คานวณเป็นคะแนน ดัชนกี ารรับรกู้ ารทุจริต คือ 1) ข้าราชการ (เจ้าหน้าที่) ในสายบริหารไม่ได้ใช้ทรัพย์สินของทางราชการเพ่ือ ผลประโยชน์สว่ นตน 2) ข้าราชการ (เจ้าหน้าท่ี) ในสายตุลาการไม่ได้ใช้ทรัพย์สินของทางราชการเพื่อ ผลประโยชนส์ ่วนตน 3) ข้าราชการ (เจ้าหน้าที่) ในสายตารวจและทหารไม่ได้ใช้ทรัพย์สินของทางราชการเพ่ือ ผลประโยชน์สว่ นตน 4) ข้าราชการ (เจ้าหน้าท่ี) ในสภานิติบัญญัติ ไม่ได้ใช้ทรัพย์สินของทางราชการเพื่อ ผลประโยชนส์ ่วนตน คะแนนคงท่ี เนื่องจากผู้เช่ียวชาญและกลุ่มตัวอย่างภาคประชาชนมองว่ากลุ่มข้าราชการ (สายบริหาร สายตุลาการ สายตารวจและทหาร รวมท้ังในสภานิติบัญญัติ) ยังคงใช้ทรัพย์สินของทาง ราชการเพือ่ ผลประโยชน์ส่วนตน ซงึ่ ปัญหาดงั กลา่ วยังไมไ่ ด้รับการแกไ้ ขอยา่ งเปน็ รูปธรรม ๙. แ ห ล่ ง ข้ อ มู ล Varieties of Democracy Institute (VDEM) ได้ 20 ค ะ แ น น (ปี 2019 ได้ 20 คะแนน) V-DEM วัดเกี่ยวกับความหลากหลายของประชาธิปไตย การถ่วงดุลของฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ ตลอดจนการทุจริตของเจ้าหน้าที่ในฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ ซ่ึงใน ปี 2016 มีการวัด ในอาเซียนเพียง 4 ประเทศ แต่ต่อมาในปี 2017 จนถึงปัจจุบันมีการวัดในประเทศ กลมุ่ อาเซียน 10 ประเทศ ในแหล่งข้อมูล Varieties of Democracy Institute (VDEM) มีประเด็นที่องค์การ เพื่อความโปร่งใสนานาชาติ นามาคานวณเป็นคะแนนดัชนีการรบั รู้การทุจริต ตามคาถามท่ีว่า การทุจริต ทางการเมือง เป็นท่ีแพร่หลายมากน้อยเพียงใด (How pervasive is political corruption?) โดยดัชนี แสดงความแพรห่ ลาย ของการทจุ ริตน้ี ถูกคานวณจากค่าเฉล่ียของดัชนี 4 ดา้ นคอื 1) ดัชนีการคอร์รัปชันในภาครัฐ (Public sector corruption index) โดยใช้คาถามว่า “เจ้าหน้าที่รัฐ มีพฤติกรรมเรียกรับสินบน หรือส่ิงของอื่นใด ในระดับใด และเจ้าหน้าที่รัฐมีพฤติกรรม
๕๐ ขโมยเบียดบังเงินหรืองบประมาณ หรือทรัพยากรภาครัฐ เพ่ือประโยชน์ส่วนตนหรือเพื่อคนในครอบครัว ของตนเองบอ่ ยครง้ั เพยี งใด” 2) ดัชนีการคอร์รัปชันของผู้บริหารระดับสูง (Executive corruption index) โดยใช้ คาถามว่า “ผู้บริหารระดับสูง หรือตัวแทน มีพฤติกรรมเรียกรับสินบน หรือส่ิงของอ่ืนใดเป็นประจา หรือไม่ และผู้บริหาร ระดับสูง หรือตัวแทนเหล่าน้ันมีพฤติกรรมขโมย เบยี ดบังเงินหรืองบประมาณ หรือ ทรพั ยากรภาครฐั เพ่ือประโยชน์สว่ นตนหรอื เพ่อื คนในครอบครัวของตนเองบ่อยครง้ั เพยี งใด” 3) ดั ช นี ก ารค อ ร์รัป ชั น ข อ งฝ่ าย นิ ติ บั ญ ญั ติ (The indicator for legislative corruption) โดยใช้คาถามว่า “เจา้ หน้าท่ีฝ่ายนิติบัญญัติได้ใช้ตาแหน่งหน้าท่ีเพื่อเรยี กรับผลประโยชน์ใน ประเดน็ เหลา่ นใ้ี นระดับใด” (1) เรยี กรบั สินบน (2) รับเงินเพ่ือช่วยเหลือให้ได้รับสัญญาจากภาครัฐ (เพื่อตัวเอง ครอบครัว เพื่อน ผูส้ นบั สนนุ ทางการเมือง) (3) มีผลประโยชน์ต่างตอบแทนกับภาคธุรกิจเพ่ือแลกกับโอกาสในการว่าจ้างภาย หลงั จากออกจากสภานติ บิ ญั ญัติ (4 ) ขโมย (เบี ยดบัง) เงินของภ าครัฐหรือเงินจากโครงการบริจาคต่าง ๆ เพอ่ื นามาใช้สว่ นตวั ” 4) ดัชนีการคอร์รัปชันของฝ่ายตุลาการ (The indicator for judicial corruption) โด ย ใช้ ค า ถ า ม ว่ า “ ป ร ะ ช า ช น ห รื อ ภ า ค ธุ ร กิ จ มี ก า ร จ่ า ย เงิ น พิ เศ ษ (ที่ ไม่ มี เอ ก ส า ร การจ่ายเงิน) หรือสินบน เพือ่ เร่งหรอื ชะลอกระบวนการของฝา่ ยตลุ าการ ในระดับใด” คะแนนคงท่ี เนื่องจากภาพสะท้อนที่แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลให้ความสาคัญกับ การป้องกันและปราบปรามการทุจริตอย่างต่อเน่ือง โดยผ่านความพยายามของหน่วยงานตรวจสอบ ในการดาเนินการเชิงป้องปรามการทุจริตในระดับพื้นที่และในระดับนโยบาย แต่ปัญหาเก่ียวกับกรณี เจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้บริหารระดับสูง มีพฤติการณ์การเรียกรับผลประโยชน์ หรือสินบน หรือเบียดบัง เงินงบประมาณ หรือทรัพยากรภาครัฐเพื่อประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง ยังคงเป็นปัญหาอยู่และ ยงั ไมไ่ ดร้ ับการแกไ้ ขปญั หาอยา่ งเปน็ รปู ธรรม จากผลคะแนนการรับรู้การทุจริต ในปี 2020 เป็นเครื่องบ่งช้ีสาคัญถึงสถานการณ์การทุจริต ในประเทศไทย ซึ่งเป็นเร่ืองสาคัญท่ีรฐั บาลจาเป็นต้องมนี โยบายในการแกไ้ ขปัญหาการทุจริตอยา่ งจริงจัง เพื่อนาไปสู่แนวทางปฏิบัติในการสร้างความโปร่งใสในการดาเนินการของหน่วยงานภาครัฐ นอกจากนี้ ภาคธุรกิจเอกชน ภาคประชาสังคม และประชาชน จะต้องตระหนักถึงความสาคัญของปัญหาการทุจริต และไม่ยอมทน ต่อการทุจริต ซ่ึงจะนาไปสู่สังคมที่สุจริตส่งผลต่อการพัฒนาประเทศ และส่งผลต่อ การเพ่ิมขึ้นของคะแนนดชั นกี ารรบั รกู้ ารทุจริตต่อไป
๕๑ ๓.๖ การเข้าถงึ เทคโนโลยีของคนไทย เพ่ือนาเสนอข้อมูลที่จะนาไปสู่การประยุกต์นวัตกรรมหรือการกาหนดกลไกท่ีจะทาให้ การป้องกันและการปราบปรามการทุจริตมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลโดยใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยนั้น ตอ้ งทราบถึงสถานะเกย่ี วกบั การเขา้ ถงึ เทคโนโลยีของคนไทยในปัจจบุ ันวา่ เปน็ เชน่ ไรบ้าง จากการศึกษา พบว่า สานักงานสถิติแห่งชาติ๗ ได้สารวจการมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และการส่ือสารในครวั เรอื น ซ่ึงได้จดั ทาเปน็ คร้ังแรกในปี พ.ศ. ๒๕๔๔ และตัง้ แต่ พ.ศ. ๒๕๔๖ เปน็ ต้นมา สานักงานสถิติแห่งชาติได้ทาการสารวจต่อเน่ืองเป็นประจาทุกปี เพื่อให้ทราบจานวนประชาชนที่ใช้ โทรศัพท์มือถือ อินเทอร์เน็ต คอมพิวเตอร์ลักษณะ และพฤติกรรมในการใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีต่าง ๆ รวมท้ังจานวนครัวเรือนท่ีมีอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เช่น โทรศัพท์พ้ืนฐาน เครื่องคอมพิวเตอร์ และการเช่ือมต่ออินเทอร์เน็ตในครัวเรือน เป็นต้น การสารวจใช้วิธีสัมภาษณ์ หัวหน้าครัวเรอื น และสมาชิกในครัวเรือนที่มี อายุ ๖ ปีข้ึนไป ผลการสารวจในปี ๒๕๖๓ พบว่า มีจานวน ประชาชนอายุ ๖ ปีขึ้นไป ทั้งสน้ิ ประมาณ ๖๓.๘ ล้านคน ในจานวนนี้มผี ู้ใช้โทรศพั ทม์ ือถือ รอ้ ยละ ๙๔.๘ ผใู้ ชอ้ นิ เทอร์เน็ต รอ้ ยละ ๗๗.๘ และผใู้ ชค้ อมพวิ เตอร์ รอ้ ยละ ๒๖.๔ และจากการสารวจการใช้สื่อโซเชียลของคนไทย โดย Global Digital Report 2021 ของ We Are Social และ Hootsuite แพลตฟอร์มบริหารจัดการส่ือสังคมออนไลน์ เปิดสถิติถึงเดือน กรกฎาคม ช่วงคร่ึงปีหลังของปี ๒๕๖๔ พบ พฤติกรรมใช้ออนไลน์คนไทย “ติดอันดับโลก” หลายรายการ โดยสถิติจาก We Are Social ยังพบด้วยว่า คนไทย จานวนร้อยละ ๖๙ อยู่บนโลก ออนไลน์เป็นท่ีเรียบร้อย และมีพฤติกรรมออนไลน์หลายอย่างที่เริ่มได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้น คนไทย ใช้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางหลักในการอัพเดทข่าวเป็นอันดับ ๑ ของโลกในปีน้ี หรือคิดเป็นร้อยละ ๗๘ ขณะที่ คนไทยมากถึงร้อยละ ๙๑ อ่านข่าวออนไลน์ มากเปน็ อันดับท่ี ๒ ของโลก โดยในกลุ่มของโซเชียล มีเดีย คนไทยใช้แพลตฟอร์ม Facebook มากเป็นอันดับ 8 ของโลก โพสต์เฟซบุ๊กเฉลี่ยคนละ ๑๑ ครั้ง ต่อเดือนและแสดงความคิดเห็น (comment) บนเฟซบุ๊ก เฉล่ีย ๘ ครั้งต่อเดือน ขณะที่ YouTube คน ๗ สำนกั งำนสถิติแห่งชำติกระทรวงดิจิทลั เพอื่ เศรษฐกิจและสงั คม. สรุปผลที่สำคัญสำรวจกำรมกี ำรใช้เทคโนโลยสี ำรสนเทศ และกำร สื่อสำรในครัวเรือน พ.ศ. ๒๕๖๓. สืบคน้ เม่ือ ๒๑ ตลุ ำคม ๒๕๖๔, จำก http://www.nso.go.th/sites/2014/DocLib13/%e0%b8%94%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99ICT/%e0%b9%80%e0%b8%97%e0%b8%84%e0%b9%82%e0%b8%99 %e0%b9%82%e0%b8%a5%e0%b8%a2%e0%b8%b5%e0%b9%83%e0%b8%99%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%a7%e0%b9%80%e0%b8%a3%e0%b8 %b7%e0%b8%ad%e0%b8%99/2563/Pocketbook63.pdf
๕๒ ไทยใชม้ ากเปน็ อันดบั ๑๘ ของโลก Instagram มากเป็นอันดับ ๑๖ ของโลก ใช้ Facebook Messenger มากเป็นอนั ดบั ๖ ของโลก และใช้ Twitter มากเปน็ อันดบั ๑๐ ของโลก ทีม่ า : https://datareportal.com/reports/digital-2021-july-global-statshot นอกจากน้ี จากการศึกษาการใช้งานแอปพลิเคชันต่าง ๆ ท่ีคนไทยคุ้นชิน ณ ปัจจุบัน พบว่า มีมากมาย เช่น เป๋าตัง ไทยชนะ หมอพร้อม ล้วนแต่ต้องใช้งานโดยวิธีสแกน QR Code ท้ังส้ิน ซึ่งทาให้ประชานชนมีความชานาญและคุ้นชินกับระบบดังกล่าว โดยพบว่า คนไทยท่ีเช็คอินผ่านระบบ ชองไทยชนะหรือหมอชนะกว่า ๔๗ ล้านคน เม่ือเทียบกับจานวนประชากรทั้งหมด ๖๗ ล้านคน คิดเป็น กว่าร้อยละ ๗๐ ซึ่งถือว่ามีประมาณมากพอสมควร ดังพิจารณาได้จากแผนภูมิรายงานข้อมูล แอปหมอชนะ
๕๓ ทีม่ า : https://www.bbc.com/thai/thailand-55784607 กล่าวโดยสรุป จากการศึกษาแนวคิด ทฤษฎี และข้อมูลท่ีเก่ียวข้องกับการมีส่วนร่วม ของประชาชนในการต่อต้านการทุจริต พบข้อมูลสาคัญเกี่ยวกับแนวคิดประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม (Participatory Democracy) ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในทางการเมือง การปกครอง และในการตัดสินใจระดับต่าง ๆ มากข้ึน ตลอดจนแนวคิดหลักธรรมาภิบาล หรือ Good Governance หรือตามกฎหมายใช้คาว่า “การบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมท่ีดี” ที่แนวคิด ในการนาไปดาเนินการของกิจการของหน่วยงานของรัฐให้มีความโปร่งใส ประกอบข้อมูลเบื้องต้น เก่ียวกับการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดาเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment : ITA) และข้อมูลเบ้ืองต้นเกี่ยวกับดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index : CPI) ซ่ึงสะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวของระบบการบริหารราชการแผ่นดินท่ีมี เครอ่ื งมอื ตา่ ง ๆ มาใช้ในการขับเคลอ่ื นการบรหิ ารราชแผน่ ดนิ ทมี่ คี วามโปรง่ ใสมากขน้ึ นอกจากนี้ จากการศึกษาถึงข้อมูลการเข้าถึงเทคโนโลยีของคนไทยสาหรับเพ่ือนาไป วิเคราะห์เกี่ยวกับการสร้างนวัตกรรมการตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดินตามรูปแบบท่ี คณะกรรมาธิการฯ จะนาเสนอนั้น พบว่า ประชาชนคนไทยเข้าถึงเทคโนโลยีอย่างท่ัวถึงในระดับสูง และมีแนวโน้มจะครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ ดังจะเห็นได้จากการเข้าถึงการใช้โปรแกรมประยุกต์หรือ แอปพลิเคชันตา่ ง ๆ อาทิ หมอพรอ้ ม ไทยชนะหรือหมอชนะ เป๋าตงั
๕๔ ๓.๗ นโยบายแผนพฒั นารัฐบาลดจิ ิทลั ของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๓ – ๒๕๖๕ ในภาวะปัจจุบัน แรงขบั เคลื่อนการเปล่ียนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม (Driving Force) ส่งผล ให้การดาเนินงานภาครัฐของประเทศไทยมีความจาเป็นที่จะต้องมีการปรับตัวเพื่อรองรับกับยุคของการ เปลี่ยนผ่านทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Disruption) ที่เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาท และ ทดแทนการทางานของบุคคล รวมถึงเทคโนโลยีแบบด้ังเดิม ซ่ึงมีความสอดคล้องกับการเปล่ียนแปลง พฤติกรรมการบริโภค และการรับบริการของประชาชนที่มีแนวโน้มจะเปลี่ยนไปดาเนินธุรกรรมต่าง ๆ ผ่านเทคโนโลยีดิจิทัลเพ่ิมข้ึนอย่างก้าวกระโดด จากผลสารวจจานวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยมี มากกว่า ๔๗.๕ ล้านคน จากผลสารวจในปี ๒๕๖๒ คิดเป็นร้อยละ ๗๑.๕ ของประชากรท้ังหมดใน ประเทศไทย ซ่ึงสอดคล้องกับรายงานการจัดทาดัชนีรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ ขององค์การสหประชาชาติ (UN e-Government Index) ในปี ๒๕๖๓ ท่ีได้มีการรายงานจานวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ ผ่านอุปกรณส์ อ่ื สารเคล่ือนท่อี ยใู่ นระดับสูง การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมทางเศรษฐกิจและสังคม ดังที่ได้กล่าวมาน้ีได้ถูกเร่งรัด (Catalyst) การเปลี่ยนแปลงยิ่งข้ึนไปเม่ือเกิดสถานการณ์การระบาดของโรค Covid-19 ในช่วงปลายปี ๒๕๖๒ มาจนถึงปัจจุบันที่ทาให้เกิดปรากฎการณ์ทางสังคมท่ีเรียกว่า “ความปกติใหม่” หรือ New Normal ที่ประชาชนจะต้องเว้นระยะห่างและหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า ทาให้ความจาเป็น (Demand) ของ เทคโนโลยีดิจิทัลเพิ่มข้ึนกว่าช่วงก่อนที่จะเกิดการระบาดของโรค จากสถานการณ์นี้ ทาให้หน่วยงาน ภาครฐั ที่มหี น้าที่ในการใหบ้ ริการประชาชนจะต้องเรง่ รัดการปรับเปล่ียนรปู แบบและวิธกี ารให้บรกิ ารจาก การให้บริการโดยตรงกับประชาชน ต้องเปล่ียนมาให้บริการผ่านช่องทางดิจิทัลมากยิ่งข้ึน ซึ่งการจะ ดาเนินการให้บริการภาครัฐสามารถให้บริการผ่านช่องทางดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบได้นั้น หน่วยงาน ภาครัฐจาเป็นที่จะต้องดาเนินมาตรการต่าง ๆ เช่น การปรับเปลี่ยนข้อมูลภาครัฐให้เป็นดิจิทัล (Digitization) การบูรณาการบริการและข้อมูลภาครัฐเพ่ือท่ีจะให้หน่วยงานภาครัฐสามารถให้บริการ ผ่านช่องทางดิจิทัลได้อย่างเบ็ดเสร็จและไรร้ อยต่อ (Seamless) นอกจากการให้บริการต่อประชาชนแล้ว น้ัน สถานการณ์ของการระบาดของโรค Covid-19 ทาให้หน่วยงานภาครัฐของไทยจาเป็นท่ีจะต้องปรับ รูปแบบ วิธีการทางาน เช่น การลดจานวนบุคลากรท่ีจะต้องทางานที่สานักงาน หรือการหลีกเล่ียง การประชุม ณ สถานท่ีใดที่หน่ึงเป็นการเฉพาะ ทาให้หน่วยงานภาครัฐมีความจาเป็นต้องนาเทคโนโลยี ดิจทิ ัลมาปรับใช้ในการทางานของหน่วยงานภาครัฐเพือ่ ใหก้ ารทางานของหน่วยงานภาครฐั มีความสะดวก และคล่องตัวมากขน้ึ ในการปรับเปล่ียนการให้บริการ และการทางานของหน่วยงานภาครัฐดังที่ได้กล่าวมาน้ีแสดงให้ เห็นถึงปรากฏการณ์ของการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทางาน (Digital Transformation) ของหน่วยงาน
๕๕ ภาครัฐ เพ่ือให้สอดรับกับบริบททางเศรษฐกิจและสังคมท่ีเปล่ียนแปลงไป ทั้งนี้ รัฐบาลได้เล็งเห็น ความสาคญั ของการปรับเปลย่ี นรูปแบบการทางานและการให้บริการภาครัฐ จึงได้มีการจัดทาแผนพัฒนา รัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๓ - ๒๕๖๕ เพื่อสนับสนุนการปรับเปล่ียนรูปแบบการทางาน และการให้บริการภาครัฐของประเทศไทย ซ่ึงเป็นไปตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการบริหารงาน และการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ. ๒๕๖๒ รวมไปถึงแผนยุทธศาสตร์ชาติแผ่นแม่บท ยุทธศาสตรช์ าติ แผนปฏริ ูปประเทศ โดยเฉพาะแผนการปฏิรปู ประเทศว่าดว้ ยการบรหิ ารราชการแผ่นดิน ท่ีได้มีการปรับเป้าหมายในเรื่องของความปกติใหม่ในหน่วยงานภาครัฐของประเทศไทย อีกท้ัง แผนดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมท่ีมุ่งจะพัฒนาให้ประเทศไทยมีการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจดิจิทัล จนนาไปส่กู ารพัฒนาท่ยี งั่ ยืน แผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๓ – ๒๕๖๕ มีวัตถุประสงค์ ๕ ประการ ไดแ้ ก่ ๑) เพ่ือบรู ณาการดาเนินงานร่วมกนั ระหวา่ งภาครฐั ภาคเอกชน และประชาชน ๒) เพ่อื ใหม้ กี รอบการขับเคลือ่ นกิจกรรม/โครงการที่ชดั เจนมุ่งสูจ่ ดุ หมายเดียวกัน ๓) เพ่ือกาหนดการอบรมขับเคลื่อนการบูรณาการรัฐบาลดิจิทัลท่ีสาคัญ สาหรับกาหนดประเด็น แผนบูรณาการประจาปีงบประมาณ ๔) เพ่ือกาหนดหน่วยงานหลักและหน่วยงานรองในการขับเคล่ือนประเด็นท่ีเก่ียว ข้อง พร้อมกรอบงบประมาณในการดาเนินงาน ๕) เพื่อเป็นกรอบแนวทางให้หน่วยงานภาครัฐจัดทาแผนการดาเนินงานท่ีสอดคล้องกับ พระราชบญั ญัติการบรหิ ารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดจิ ทิ ลั พ.ศ. ๒๕๖๒ วิ สั ย ทั ศ ข อ ง พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ติ ก า ร บ ริ ห า ร ง า น แ ล ะ ก า ร ให้ บ ริ ก า ร ภ า ค รั ฐ ผ่ า น ร ะ บ บ ดิ จิ ทั ล พ.ศ. ๒๕๖๒ คือ “รัฐบาลดิจทิ ลั เปดิ เผย เชือ่ มโยง และร่วมกันสรา้ งบรกิ ารที่มคี ุณคา่ ให้ประชาชน” ยุทธศาสตร์การพัฒนารัฐบาลดิจิทัล มีจานวน ๔ ยุทธศาสตร์ มุ่งหวังให้นาไปสู่เป้าหมายของ ประเทศในด้าน “การลดความเหล่ือมล้าในการเข้าถึงบริการและสวัสดิการของประชาชน การเพ่ิมขีด ความสามารถทางการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของไทย การสร้าง ให้เกิดความโปร่งใสในการทางานของภาครัฐ ที่ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ และการสร้างการมี สว่ นร่วมของประชาชนในการขบั เคลอ่ื นนโยบายสาคญั ของประเทศ”
๕๖ ๓.๘ การพฒั นารฐั บาลดิจิทลั ในต่างประเทศ ปัจจุบันนานาประเทศตระหนักถึงความสาคัญในการนาเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการ พัฒนาประเทศและได้มีการริเร่ิมพัฒนารัฐบาลดิจิทัลขึ้น ซึ่งการศึกษาวิสัยทัศน์ นโยบายและแผนการ ดาเนินงานการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลในต่างประเทศที่ประสบความสาเร็จสามารถนามาใช้เป็นแนวทางใน การกาหนดกรอบและทิศทางการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทยได้ ได้แก่ ราชอาณาจักรเดนมาร์ก สาธารณรัฐสิงคโปร์ สหราชอาณาจกั ร และสาธารณรฐั เกาหลี ซง่ึ สามารถสรุปการพัฒนาท่สี าคัญได้ดงั น้ี ๑) การจัดทาข้อมลู ดจิ ิทัล โดยรวบรวมและปรับเปล่ียนขอ้ มลู ภาครฐั ให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล เพ่ือ นาไปใช้ประโยชน์ และพัฒนาบริการประชาชนและภาคธรุ กิจ ๒) การปรับปรุงกระบวนการภาครัฐ ที่มีการกาหนดรูปแบบการทางานระหว่างหน่วยงาน ภาครัฐ และบทบาทการสนับสนุนของหน่วยงานกลาง โดยการนาระบบดิจิทัลมาลดขั้นตอน ลดกระบวนการทางาน ลดงานเอกสารและมีการจัดทาลาดับการปรับปรุงตามความสาคัญ ของกระบวนการ และจดั กลุ่มความสาคัญของหน่วยงานที่ให้บริการ เพ่ือให้เกดิ กระบวนงาน ท่ีเป็นไปตามมาตรฐานบนพ้ืนฐานความปลอดภัยและมีจริยธรรมภายใต้กรอบธรรมาภิบาล ซ่ึงหลายประเทศมุ่งเน้นการดาเนนิ งานแบบ Agile เพ่อื ให้เกิดความยืดหยุน่ ในการทางาน ๓) การพัฒนาบริการดิจิทัล ที่มุ่งเน้นการให้บริการดิจิทัลภาครัฐที่ง่าย สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และมีคุณภาพสูงอีกทั้งต้องมีความน่าเชื่อถือ ยืดหยุ่น และมีความมั่นคงปลอดภัย จากการคุกคามทางไซเบอร์ เป็นมิตรกับประชาชนและเอ้ือต่อการเติบโตของภาคธุรกิจ โดยยึดหลกั ประชาชนเปน็ ศูนยก์ ลาง (Citizen Centric) ๔) การพัฒนาและบูรณาการแพลตฟอร์มดิจิทัลภาครัฐ มุ่งเน้นการบูรณาการบริการภาครัฐและ การพัฒนาต่อยอดระบบบริการ ณ จุดเดียว (One-Stop Service) ผ่านระบบดิจิทัลโดยเป็น กระบวนการตั้งแต่ต้นจนจบ (End – to – End Process) การพัฒนาระบบยืนยันตัวตน (Digital ID) เพ่ืออานวยความสะดวกประชาชนและผู้ประกอบการในการดาเนินการด้าน ธุรกรรม การสร้างแพลตฟอร์มกลางสาหรับการบริการประชาชน รวมถึงการพัฒนา แพลตฟอร์มพื้นฐานที่หน่วยงานภาครัฐสามารถใช้งานร่วมกันได้ การพัฒนามาตรฐานร่วม การใช้ Open Source Framework และการใช้ Open ซอฟท์แวร์ ซึ่งมีความจาเป็นต้องมี การประกาศมาตรฐานและแนวทางดาเนินงานสาหรับการประยุกต์ใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลใน แผนงานระดบั ชาติ ๕) การเช่ือมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานภาครัฐ โดยส่งเสริมให้มีการเชื่อมโยม และการบูรณาการระบบดิจิทัลผ่านเทคโนโลยีสาคัญต่าง ๆ เช่น AI และ IoT เพื่อให้เกิดการ แลกเปลยี่ นข้อมลู ระหว่างหนว่ ยงานภาครัฐ และสามารถนาไปพฒั นาบริการสาธารณะได้
๕๗ ๖) การพัฒนาบุคลากรทั้งในด้านทักษะและทัศนคติ โดยยกระดับบุคลากรด้านดิจิทัลให้เท่าทัน ต่อนวัตกรรมพัฒนาผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคข้ันสูง การแต่งต้ัง Chief Digital Strategy Officers จากกระทรวงต่าง ๆ เพื่อดาเนินการตามแผน รวมถึงส่งเสริมให้บุคลากรมีทัศนคติ ด้านดิจิทัลที่ดีในการเสนอความคิดและรูปแบบการทางานใหม่ ๆ และสนับสนุนให้ ผู้เช่ียวชาญท่ีไม่ใช่สายงานดิจิทัลเข้าใจถึงความเป็นไปได้ในการทงานในรูปแบบใหม่ หรือใน รูปแบบท่ีแตกต่างจากเดิม ตลอดจนการปลูกฝังการเรียนรู้ best practice ของต่างประเทศ เพื่อนามาพัฒนาบรกิ ารภาครัฐอยา่ งต่อเนอ่ื ง ๗) การปรับปรุงเครื่องมือ กลไกและกฎหมาย โดยจัดเตรียมเคร่ืองมือดิจิทัลเพ่ือสนับสนุนการ ดาเนินงานของเจ้าหน้าท่ีภาครัฐ เพื่อส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือในการดาเนินโครงการ ร่วมกับภาคเอกชนและสถาบันวิจัยท่ีมีศักยภาพ (Public-Private Partnerships: PPPs) รวมถึงการให้ความสาคัญในการปรับปรุงและแก้ไขกฎหมายที่เปน็ อุปสรรคในการดาเนนิ งาน แบบดิจทิ ัล ๘) การเปิดเผยข้อมูลและการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยให้ความสาคัญกับการเปิดเผยข้อมูล ภาครัฐเพ่ือสร้างความโปร่งใส รวมถึงการสร้างสภาพแวดล้อม (Ecosystem) ใหม่ที่ภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาชนสามารถร่วมมือกันได้และมีการรับฟังความเห็นจากประชาชน เพอ่ื สร้างและพฒั นานวตั กรรมบรกิ ารทดี่ ีขน้ึ รว่ มกับภาคประชาชน (Co-creating) โครงการเชิงบูรณาการท่ีสาคัญในต่างประเทศเก่ียวกับการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล จานวน ๗ โครงการหลักสาคญั ดังน้ี ๑) Citizen Platform แพลตฟอร์มกลางที่รวบรวมข้อมูลและงานบริการต่าง ๆ เพื่อประชาชน โดยบูรณาการระหว่างหน่วยงานสามารถหาข้อมูลสาหรับการดาเนินชีวิต รวมถึงทาธุรกรรม ออนไลนไ์ ว้ในเว็บไซตเ์ ดยี วกนั เพื่อให้สะดวกตอ่ การเข้าถึงขอ้ มูลและบริการของภาครัฐ ๒) Business Platform แพลตฟอร์มกลางท่ีรวบรวมข้อมูลและงานบริการต่าง ๆ เพื่อภาคธุรกจิ โดยบูรณาการระหว่างหน่วยงานสามารถหาข้อมูลสาหรับการดาเนินธุรกิจ รวมถึงธุรกรรม ออนไลน์ไว้ในเวบ็ ไซต์เดยี วกัน เพอ่ื ให้สะดวกตอ่ การเข้าถงึ ข้อมลู และบรกิ ารของภาครฐั ๓) Open Data Platform แพลตฟอร์มกลางที่รวบรวมข้อมูลและเผยแพร่ข้อมูลจากทุก หน่วยงานภาครัฐไว้ในเว็บไซต์เดียวกัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ภาคประชาชนและภาค ธุรกจิ นาข้อมูลไปพัฒนา หรือคดิ ค้นต่อยอดธุรกิจของตน รวมทั้งเป็นการเพิ่มศักยภาพการใช้ ขอ้ มูล การเก็บรวบรวมขอ้ มูล และการแบง่ ปนั ข้อมลู รว่ มกัน ๔) Data Exchange Platform ระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เพื่อการ แลกเปลี่ยนที่รวดเร็ว ถูกต้อง และน่าเช่ือถือ โดยอาจเป็นการเก็บข้อมูลไว้ในฐานข้อมูลกลาง
๕๘ หรือแลกเปล่ียนโดยตรง ซ่ึงหน่วยงานสามารถนาข้อมูลท่ีได้รับการอนุมัติไปใช้ต่อ เช่น นาไปใช้กรอกขอ้ มูลอัตโนมตั ิหรอื นาไปเผยแพรบ่ น Open Data Platform ได้ ๕) E-Authentication ระบบการลงทะเบียน การยืนยันตัวตน และการระบุสิทธิการเข้าถึง ข้อมูลเพื่อต้องการใช้บริการภาครัฐผ่านระบบออนไลน์ได้ทุกบริการแทนการสร้างบัญชีใหม่ ทุกคร้ังท่ีต้องการทาธุรกรรมออนไลน์กับภาครัฐทาให้เจ้าของบัญชีสามารถเพ่ิมเติม หรือ แกไ้ ขข้อมูลส่วนบุคคลได้ตลอดเวลา อีกท้ังระบบจะทาการอัพเดทข้อมูลท่ีมีการเปลี่ยนแปลง ไปยงั หนว่ ยงานภาครฐั ท่เี กีย่ วข้องทกุ หนว่ ยงาน เปน็ การลดขนั้ ตอนในการทางานซ้าซอ้ น ๖) e-Procurement เว็บไซต์กลางสาหรับรวบรวมการจัดซ้ือจัดจ้างมีแคต็ ตาล็อกสินคา้ และงาน บริการให้เลือกซื้อพร้อมให้ข้อมูลเก่ียวกับสินค้า โดยแบ่งเป็นหมวดหมู่ ได้แก่ ด้านเทคโนโลยี ด้านอสังหาริมทรัพย์ ด้านการท่องเท่ียว ด้านกฎหมาย และสาหรับธุรกิจขนาดย่อม (SMEs) ทาให้หน่วยงานภาครัฐสามารถคน้ หาและจัดซื้อสินค้าและบริการที่มีคุณภาพได้อย่างสะดวก ในราคาท่ีคมุ้ ค่า ๗) Crowdsourcing เว็บไซต์กลางของภาครัฐใชเ้ ป็นช่องทางออนไลนอ์ ย่างเป็นทางการ เพือ่ การ แลกเปลี่ยน รับฟังความคดิ เห็นและข้อเสนอแนะของประชาชน และภาคธุรกจิ ทั้งในมติ ิของ การรว่ มกันออกแบบบรกิ ารและการรว่ มกันจัดทาข้อเสนอแนะเชงิ นโยบาย ๓.๙ ความร้ทู ว่ั ไปเกี่ยวกับรปู แบบของ QR Code QR Code คอื อะไร QR Code คือ สัญลักษณ์ส่ีเหล่ียม ท่ีเร่ิมเห็นแพร่หลายในประเทศไทยมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจาก หนังสือพิมพ์หรือนิตยสาร QR Code ย่อมาจาก Quick Response เป็นบาร์โค้ด ๒ มิติ ท่ีมีต้นกาเนิด มาจากประเทศญี่ปุ่น โดยบริษัท Denso-Wave ตั้งแต่ปี ค.ศ. ๑๙๙๔ คุณสมบัติของ QR code คือ เป็นสัญลักษณ์แทนข้อมูลต่าง ๆ ท่ีมีการตอบสนองท่ีรวดเร็ว ซ่ึงส่วนใหญ่จะนามาใช้กับสินค้า , ส่อื โฆษณาต่าง ๆ เพ่ือใหข้ อ้ มูลเพิ่มเตมิ หรือจะเปน็ URL เวบ็ ไซต์ เมื่อนากล้องของโทรศัพท์มือถือไปถ่าย QR Code ก็จะเข้าสู่เว็บไซต์ได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์ QR Code จะทาให้เข้าถึงการอ่านได้อย่าง
๕๙ งา่ ยดาย โดยใช้โทรศัพท์มือถือท่ีมีกล้องถ่ายรูป และมีโปรแกรมที่เรียกว่า QR Code reader ติดตั้งอยู่ใน เครอื่ งโทรศพั ท์ QR Code มีกีป่ ระเภท ประเภทของ QR Code น้นั มีทงั้ หมด ๕ ประเภทหลกั ดงั นี้ ๑) QR Code Model 1 เป็น QR Code แบบด้ังเดิม มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดา QR Code ทั้งหมด มีขนาด ๗๓*๗๓ โมดูล มีความสามารถบรรจุข้อมูลได้ถึง ๑๑๖๗ ตัว และ QR Code Model 2 ซ่ึงเป็นเวอร์ช่ันท่ีพัฒนามาจาก Model 1 มีความสามารถบรรจุข้อมูลได้ถึง ๗๐๘๙ ตัวอักษร ในปัจจุบัน Model 2 เปน็ ที่นิยมใช้กันอย่างแพรห่ ลายและสามารถพบเห็นไดท้ ัว่ ไป ๒) Micro QR Code เปน็ QR Code ท่มี ีขนาดเล็กกวา่ แบบแรกมากเพราะแสดงผลบางจุดตรวจ ตาแหน่ง (position detection pattern) เพียงตาแหน่งเดียว ขนาดใหญ่ท่ีสุดของแบบที่สองนี้ คือ M4 (๑๗*๑๗ โมดูล) บรรจขุ อ้ มูลได้ ๓๕ ตวั เลข ๓) IQR Code เป็น QR Code ท่ีมีขนาดเล็กกว่าแบบดั้งเดิมมากและพิมพ์ออกมาเป็นแนวนอน (rectangular code) สามารถเก็บข้อมูลได้มากกว่าถึง ๘๐ เปอร์เซ็นต์ ถ้าจัดเก็บข้อมูลในปริมาณที่ เท่ากันจะประหยดั พน้ื ทใ่ี นการแสดงผลไดถ้ ึง ๓๐ เปอรเ์ ซน็ ต์ เกบ็ ขอ้ มลู ไดถ้ ึง ๔๐,๐๐๐ ตัวอักษร ๔) SQRC เป็น QR Code ที่มีคุณ ลักษะเหมือนกับ QR Code Model 1 and Model 2 ทุกประการ แต่ท่ีเพิ่มเติม คือ สามารถเกบ็ ขอ้ มูลทเ่ี ป็นความลบั ได้ ๕) Frame QR เป็น QR Code ท่ีสามารถนารูปภาพ กราฟิกมาติดบริเวณ ตรงกลางของ QR Code ได้ ส่วนใหญ่ใช้ในงานประชาสัมพันธ์ งานอีเวนต์ นิทรรศการ เพ่ือให้สะดุดตาผู้เข้าชม โดยการนา ภาพมาติดจะไม่สง่ ผลกระทบกับการอ่านขอ้ มลู บน QR Code ประโยชน์ของ QR Code QR Code สามารถนามาประยุกต์ใช้ได้หลากหลายรูปแบบ เช่น แสดง URL ของเว็บไซต์ , ข้อความ , เบอร์โทรศัพท์ และข้อมูลที่เป็นตัวอักษรได้อีกมากมาย ปัจจุบัน QR Code ถูกนาไปใช้ใน
๖๐ หลาย ๆ ด้าน เน่ืองจากความรวดเร็ว ประโยชน์ท่ีเห็นได้ชัดที่สุดของ QR Code คือการแสดง URL ของ เวบ็ ไซต์ เพราะ URL โดย ปกติแล้วจะจดจายากเพราะยาวและบางทีก็จะซับซ้อนมาก แต่ดว้ ย QR Code เพียงแค่ยกมือถือมาสแกน QR Code ที่พบเห็นตามผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ , นามบัตร , นิตยสาร ฯลฯ แล้ว มือถอื จะลง้ิ ค์เข้าเว็บเพจท่ี QR Code นั้น ๆ บันทึกข้อมูลอยูโ่ ดยอตั โนมัติ วธิ กี ารสร้าง QR Code มี ๒ วธิ หี ลกั ๆ ดงั นี้ • สร้างผ่านเว็บท่ีให้บริการแบบออนไลน์ ซ่ึงง่าย สะดวก และทาท่ีไหนกไ็ ด้ แต่ต้องสามารถเข้าสู่ หนา้ เวบ็ ที่ใหบ้ รกิ ารได้ • ติดตง้ั โปรแกรม QR Code ซง่ึ สามารถหา download ได้ฟรี เชน่ กัน สามารถสรา้ งและใช้ QR Code ไดเ้ องหรอื ไม่ เราสามารถสร้าง QR Code ใช้เองได้ง่าย ๆ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ด้วยโปรแกรม AIS QR Code Generator ท่ี สามารถสร้างตัว QR-Code ได้ท้ั งแบ บ เป็ น ข้อความ , URL, PIN แบ ล็คเบ อรี่, เบอร์โทรศัพท์, SMS, e-mail และนามบัตร โดยเราสามารถกาหนดขนาดของ QR Code ได้ท้ังแบบ แสตมป์, จดหมาย, กระดาษปรินท์ และเส้ือยืด อีกทั้ง ยังสามารถนาตัว QR Code ไปโพสต์ไว้ตามเว็บ บอร์ดตา่ ง ๆ ดว้ ยการ Copy โคด้ HTML ไปใช้ไดห้ รือ Share ให้เพ่ือนที่ Facebook และ twitter ไดอ้ ีกด้วย
๖๑ แนะนาเว็บไซต์สร้าง QR Code แบบไม่เสียเงิน การสร้าง QR code สามารถทาได้หลายวิธี มีท้ังการสร้าง QR Code แบบอัตโนมัติผ่าน แอปพลิเคชั่น และการสร้างผ่านเว็บไซต์สาหรับสร้าง QR cord โดยเฉพาะ สาหรับร้านค้าออนไลน์ท่ี ต้องการสรา้ ง QR code เพอ่ื โปรโมทร้านคา้ หรือเวบ็ ไซตส์ ามารถทาได้ผ่านเวบ็ ไซต์ฟรี ดังนี้ ๑) เว็บไซต์ QR code Genertor เป็นเว็บที่เปิดให้ผู้ใช้สามารถเข้าไปสร้าง QR Code ได้ฟรี เพียงแค่นา URL ของเว็บไซต์หรือแฟนเพจของร้านคุณไปใส่ในช่อง เว็บไซต์ URL จากนั้นคลิกปุ่มสร้าง รหัส QR แล้วระบบจะทาการสร้าง QR code ให้คุณ และคุณกส็ ามารถดาวน์โหลดไปใช้งานได้เลย นอกจาก URL แล้วเว็บไซต์น้ียงั ใหค้ ุณสรา้ งนามบตั ร ข้อความ SMS ออกมาเป็น QR code ไดอ้ ีกด้วย ๒) เว็บไซต์ websiteplanet จะมีเมนูให้เลือกสร้างได้มากมายถึง ๑๕ เมนู ได้แก่ สร้าง URL เบอร์โทรศัพท์ URL Facebook Vcard MeCard ปฏิทิน ข้อความ อีเมล สถานท่ี SMS Twitter และ Wifi ซ่งึ ขัน้ ตอนการสรา้ ง URL เวบ็ ไซต์ สามารถทาไดง้ ่าย ๆ ดงั นี้ (๑) คลิกท่ีเมนู URL (๒) กรอก URL เว็บไซต์ของคุณลงในช่องดานล่าง (๓) เปล่ียนสี เพม่ิ โลโก้ เพิม่ กรอบไดต้ ามใจชอบ (๔) คลกิ ปุ่ม สรา้ ง QR (๕) ดาวน์โหลด QR มาใชง้ านได้เลย
๖๒ วิธีใช้ QR Code เมื่อติดตั้ง QR Code Reader เรียบร้อยแล้ว หากพบเห็น QR Code และอยากรู้ว่า QR Code นั้นคืออะไร ให้เปิดโปรแกรม QR Code Reader และถ่ายรูปสัญลักษณ์ QR Code ระบบจะแปลง สญั ลักษณ์ ให้เป็นขอ้ มูลทอ่ี า่ นไดท้ นั ที QR Code Reader ทใี่ ช้ได้สาหรับโทรศัพทม์ อื ถอื จะมอี ยู่ ๒ ประเภท ไดแ้ ก่ ๑. แบบ Real-Time คอื แค่ใช้กลอ้ งในโทรศพั ทม์ อื ถอื ส่อง QR Code ไดท้ นั ที ๒. แบบ Snapshot/Capture คือ ต้องเปิดโปรแกรมแล้วถ่ายภาพจากกล้องมือถือ ถ่ายภาพ Code ก่อน แลว้ จึงประมวล Code ออกมา – ตวั อย่างการใชง้ าน QR Code –
บทที่ ๔ ผลการพจิ ารณาศกึ ษา เมื่อคณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริต ประพฤติมิชอบ และเสริมสร้าง ธรรมาภิบาล วุฒิสภา ได้ดาเนินการพิจารณาศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้องดังได้นาเสนอมาในบทที่ ๒ และบทที่ ๓ แล้ว คณะกรรมาธิการฯ ยังศึกษาข้อมูลเชิงประจักษ์ กล่าวคือ การเชิญผู้แทนจากหน่วยงาน ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม รวมท้ังการลงพ้ืนที่ในต่างจังหวัดเพื่อให้ข้อมูลและแลกเปล่ียน ความคิดเห็นเกี่ยวกับการศึกษาและจัดทาระบบติดตามตรวจสอบและป้องกันปราบปรามการทุจริต คอร์รัปชันในการจัดซ้ือจัดจ้างของภาครัฐในรูปแบบการนาเทคโนโลยี QR Code สาหรับเช่ือมโยงไปยัง เว็บไซต์ซ่ึงเป็นฐานข้อมูลเกี่ยวกับการดาเนินการบริหารการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐในโครงการต่าง ๆ ท่ีเป็นการเปิดเผย โปร่งใส และกลไกในการป้องกันปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันในทุกข้ันตอน รวมทัง้ มีกลไกในการปอ้ งกันและรักษาความปลอดภัยของขอ้ มูลส่วนบคุ คลใหก้ ับประชาชนที่แจ้งเบาะแส หรือให้ข้อมูลการทุจริตคอร์รัปชันในการจัดซ้ือจัดจ้างโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐ โดยได้มีการสารวจ ความคดิ เห็นจากหน่วยงานท่ีเกยี่ วขอ้ งในประเดน็ สาคญั ๆ หรอื หวั ข้อคาถามดังต่อไปนี้ ๑. องค์กรของท่าน มบี ทบาทอานาจและหน้าท่ีเก่ยี วกบั การจัดซอ้ื จัดจ้างอยา่ งไร ๒. หากมีรูปแบบ QR Code ในการเผยแพร่รายละเอียดแผนงานโครงการเก่ียวกับ การจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐเพ่ือให้ประชาชนทุกภาคส่วนได้ตรวจสอบการทุจริต องค์กรของท่านมีความ พร้อมในการรับเร่ืองร้องเรียน หรือสร้างเครื่องมือเพื่อเป็นช่องทางที่สะดวกและปลอดภัยในการแจ้ง เบาะแสของประชาชนประการใด ๓. ท่านมีความคิดเห็นและข้อเสนอแนะประการใด เกี่ยวกับหลักการพิจารณาศึกษา เรื่อง \"การจัดทาระบบการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันและปราบรามการทุจริตการจัดซ้ือ จัดจ้างภาครัฐ\" ของคณะกรรมาธกิ ารและมีขอ้ ขัดขอ้ งประการใด ๔. องค์กรของท่านมีการอานวยความสะดวกให้กับประชาชนที่มีความประสงค์จะแจ้ง เบาะแสหรือยื่นเรือ่ งร้องเรียนเก่ียวกับการทจุ ริตการจัดซื้อจดั จา้ งของหนว่ ยงานภาครัฐอย่างไร ๕. องค์กรของท่านมกี ารเปิดเผยข้อมูลเก่ียวกับการดาเนินการจัดซื้อจัดจ้างให้ประชาชน ได้เข้าไปตรวจดหู รือไม่ หากมเี ปน็ การเปิดเผยโดยวธิ กี ารใดและมีขอ้ มลู ใดบ้างทีน่ าไปเปดิ เผย ซึ่งจากการรับฟังความเห็นจากหน่วยงานต่าง ๆ เช่น กรมบัญชีกลาง สานักงบประมาณ กรมการปกครอง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น สานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) สานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สานักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพ่ือเศรษฐกิจและสังคม
๖๔ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ (NECTEC) สานักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การ มหาชน) สภาสถาปนิก สภาวิศวกร สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สานักงาน พัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบ (ปปป.) คณะกรรมการเพ่ือส่งเสริมความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ (CoST Committee) กองบัญชาการตารวจสอบสวนกลาง สานักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง) และสานักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม สานกั งานอัยการสงู สุด รวมจานวน ๒๐ หน่วยงาน และจากการลงไปศึกษาข้อมูลในพ้ืนท่ีต่างจังหวัด เช่น จังหวัดเชียงราย จังหวัด อุบลราชธานี จังหวัดระยอง จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งประกอบไปด้วยหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ต่าง ๆ เช่น สำนักงำนศำลยุติธรรมจังหวัด สำนักงำนอัยกำรจังหวัด สำนักงำนคณะกรรมกำรป้องกัน และปรำบปรำมกำรทุจริตประจำจังหวัด พำณิชย์จังหวัด อุตสำหกรรมจังหวัด โยธำธิกำรและผังเมือง จังหวัด ผู้บังคับกำรตำรวจภูธรจังหวัด กำรท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ท่องเท่ียวจังหวัด พัฒนำ สังคมและควำมม่ันคงของมนุษย์จังหวัด คณะกรรมกำรธรรมำภิบำลจังหวัด สำนักงำนคณะกรรมกำร ป้องกันและปรำบปรำมกำรทุจริตในภำครัฐ (ป.ป.ท.) เขต เกษตรจังหวัด พัฒนำชุมชนจังหวัด องค์กำร บริหำรส่วนจังหวัด เทศบำลนคร เทศบำลเมือง เทศบำลตำบล องค์กำรบริหำรส่วนตำบล สถำนศึกษำ และภำคประชำชน รวมจำนวนกว่ำ ๘๐ หน่วยงำน สรุปสาระสาคัญตามความเห็นของแต่ละหนว่ ยงานได้ ดังนี้ ๔.๑ การรับความเหน็ จากหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง ๑) กรมบัญชีกลาง กรมบัญชีกลาง มีความพร้อมในการรับเร่ืองร้องเรียน เน่ืองจากพระราชบัญญัติ การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๔๓ (๒) ได้กาหนดให้คณะกรรมการ พิจารณาอุทธรณ์และข้อร้องเรียนมีหน้าที่พิจารณาข้อร้องเรียนกรณีที่เห็นว่าหน่วยงานของรัฐมิได้ปฏิบัติ ให้เป็นไปตามแนวทางของพระราชบัญญัติน้ี กฎกระทรวง หรือระเบียบท่ีออกตามความใน พระราชบัญญัติฯ อยู่แล้ว ประกอบกับหมวด ๒ ว่าด้วยการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและ ผู้ประกอบการในการป้องกันการทุจริตแห่งพระราชบัญญัติฯ ที่กาหนดให้ภาคประชาชนและ ผู้ประกอบการมีส่วนร่วมในการป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ โดยใช้เครื่องมือท่ีเรียกว่า โครงการความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ (Infrastructure Transparency Initiative : CoST) และข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact : IP) มาใช้เป็นเครื่องมือตรวจสอบความโปร่งใสในกระบวนการ จัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ยังได้มีการเปิดโอกาสให้ภาคประชาชนมสี ่วนร่วมในการป้องกันการทุจริตในภาครัฐ และสามารถรายงานได้หากมีการพบเห็นพฤติกรรมท่ีส่อไปในทางทุจริต ดังนั้น จึงไม่ขัดข้องประการใด
๖๕ สาหรับในส่วนของการสร้างเคร่ืองมือเพ่ือเป็นช่องทางที่สะดวกและปลอดภัยในการแจ้งเบาะแส ของประชาชน ปั จ จุ บั น ก ร ม บั ญ ชี ก ล า ง ได้ มี ก า ร เปิ ด เผ ย ข้ อ มู ล ก า ร จั ด ซื้ อ จั ด จ้ า ง ภ า ค รั ฐ ท้ั ง ห ม ด เช่น แผนการจัดซ้ือจัดจ้าง ประกาศเชิญชวน ประกาศผู้ชนะ สาระสาคัญในสัญญา ในเวบ็ ไซต์ศูนย์ข้อมูล การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ www.gprocurement.go.th เรียบร้อยแล้ว รวมทั้งอยู่ระหว่าง การพัฒนา Dashboard สาหรับให้ประชาชนเข้าถึงและตรวจสอบโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ไม่ยุ่งยาก และลงในระดับพ้ืนท่ี ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ดังน้ัน จึงอาจไม่จาเป็นต้องพัฒนารูปแบบ QR Code เพ่ือการเผยแพร่แผนงานโครงการเก่ียวกับการจัดซื้อ จัดจ้าง หากแต่เป็นการต่อยอดจากส่ิงท่ีกาลังดาเนินการอยู่ในปัจจุบัน ซ่ึงจะช่วยให้การตรวจสอบข้อมูล จากประชาชนมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากย่ิงข้ึน อย่างไรก็ดี ในส่วนของความปลอดภัยในการ แจ้งเบาะแสของประชาชนนั้น กรมบัญชีกลางได้มีการจัดทาบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือทาง วิชาการและส่งเสริมธรรมาภิบาลต่อต้านการทุจริต ร่วมกับสานักงานคณะกรรมการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (สานักงาน ป.ป.ท.) โดยกาหนดกรอบการดาเนินการซึ่งรวมถึง การแลกเปล่ียนข้อมูลเพ่ือรับเร่ืองร้องเรียนตามหมวด ๒ ว่าด้วยการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและ ผู้ประกอบการในการป้องกันการทุจริตแห่งพระราชบัญญัติการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ดังน้ัน จะเห็นได้ว่าประชาชนท่ีร้องเรียนการทุจริตในการจัดซ้ือจัดจ้างภาครัฐเข้ามาจะ ปลอดภยั ตามมาตรฐานการดาเนนิ งานของสานกั งาน ป.ป.ท. กรมบัญชีกลาง ไม่ขัดข้องกับการจัดทาระบบการมีส่วนร่วมของประชาชนในการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตการจัดซ้ือจัดจ้างภาครัฐของกรรมาธิการ เนื่องจากตามหมวด ๒ แห่งพระราชบัญญัติฯ ว่าด้วยการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและผู้ประกอบการในการป้องกัน การทุจริต ได้มีการกาหนดให้ภาคประชาชนสามารถตรวจสอบการดาเนินโครงการจัดซ้ือจัดจ้างภาครัฐ ผ่านเคร่ืองมือท่ีเรียกว่า ข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact : IP) และโครงการความโปร่งใสในการ ก่อสร้างภาครัฐ (Infrastructure Transparency Initiative : CoST) ดังน้ัน จึงเห็นด้วยกับการที่ คณะกรรมาธิการจะมีการจัดทาระบบการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันและปราบปราม การทุจริตในการจัดซ้ือจัดจ้างภาครัฐ อย่างไรก็ดี เพื่อไม่ให้เป็นภาระกบั หน่วยงานของรัฐตลอดจนเพื่อให้ ประชาชนเข้าถึงข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างแบบ one stop service ผู้พัฒนาระบบต้องพัฒนาเคร่ืองมือ ที่ไม่ซ้าซ้อนกับเครื่องมือท่ีมีอยู่แล้ว รวมท้ังควรหารือในรายละเอียดกับหน่วยงานที่เก่ียวข้องก่อน ดาเนินการพัฒนาระบบใหม่ เพื่อให้การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนมีประสิทธิภาพ และประสทิ ธผิ ลมากยง่ิ ขึ้น
๖๖ ๒) สานักงบประมาณ สานักงบประมาณ มีข้อสังเกตเก่ียวกับการจัดทารูปแบบ QR Code เพื่อติดตาม ตรวจสอบและปอ้ งกนั ปราบปรามการทุจรติ คอร์รัปชันในการจัดซ้ือจดั จ้างของภาครัฐ ดงั นี้ ๑. การเผยแพรร่ ายละเอียดแผนงานโครงการเก่ียวกบั การจดั ซ้ือจัดจ้าง ปัจจุบันสานักงบประมาณยังไม่มีการจัดทา QR Code ในการเผยแพร่ รายละเอียดแผนงานโครงการเกี่ยวกับการจัดซ้ือจัดจ้าง แต่สานักงบประมาณได้ดาเนินการเผยแพร่ รายละเอียดแผนงานโครงการเกี่ยวกับการจัดซ้ือ จัดจ้าง เป็นประจาทุกปี บนเว็ปไซต์สานักงบประมาณ www.bb.go.th และเว็บ ไซต์ กรม บั ญ ชี กลาง www.gprocurement.go.th ซึ่งเป็ น การป ฏิ บั ติ ตามกฎหมายและระเบียบพัสดุฯ ๒) การรบั เรื่องรอ้ งเรยี นของสานกั งบประมาณ สานักงบประมาณมีความพร้อมสาหรับการรับเรือ่ งร้องเรียน โดยปัจจุบันการรับ เร่ืองร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริตในประเด็นของการจัดซื้อจัดจ้าง ประชาชนสามารถร้องเรียนผ่านศูนย์ รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล ๑๑๑๑ โดยสานักงานปลัดสานักนายกรัฐมนตรีเป็นหน่วยงานท่ีดูแล ระบบการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ออนไลน์ ซึ่งระบบดังกล่าวครอบคลุมถึงประเด็นการร้องทุกข์ เรื่องทุจริตด้วย หน่วยงานราชการหลายแห่งรวมถึงสานักงบประมาณจะรับเร่ืองราวร้องทุกข์ท่ีเก่ียวข้อง กับหน่วยงานนั้นผ่านระบบฯ ดังกล่าว เพื่อนาไปดาเนินการต่อไป ทั้งน้ี สานักงบประมาณได้มอบหมาย ให้เจ้าหนา้ ท่ีดาเนินการตดิ ตามเรือ่ งรอ้ งเรยี นจากระบบฯ ดังกล่าวทกุ วนั ในส่วนศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต สานักงบประมาณ มีช่องทางการแจ้ง เบาะแสร้องเรยี น และเสนอแนะ ใหก้ ับประชาชนผ่านระบบเว็บไซต์ของศนู ย์ปฏิบตั กิ ารตอ่ ต้านการทุจริต http://www.bb.go.th /anticrt โดยขณะนี้ สานักงบประมาณอยู่ระหว่างการวางแผนที่จะดาเนินการ ปรบั ปรุงให้มปี ระสทิ ธภิ าพมากยิ่งขึ้น การจัดทาระบบการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันและปราบปราม การทจุ รติ การจัดซ้อื จัดจ้างภาครัฐของคณะกรรมาธกิ ารฯ เปน็ การเปิดกว้างให้ประชาชนเข้ามาตรวจสอบ การทางานภาครฐั สอดคล้องกับแนวทางตามรัฐธรรมนูญซึ่งสนับสนุนการมสี ่วนรว่ มของประชาชนในการ ดาเนินงานของรัฐ แต่อย่างไรก็ตามการจัดทาระบบดังกล่าวต้องมีมาตรการการจัดการท่ีดี มีการป้องกัน และบทลงโทษหากพบการร้องเรียนที่เป็นเท็จในประเด็นท่ีไม่มีมูลความจริง รวมถึงมาตรการคุ้มครอง เจ้าหน้าที่ภาครัฐผู้ปฏิบัติงานผู้ถูกกล่าวโทษ เพื่อสร้างขวัญกาลังใจให้เจ้าหน้าที่ผู้ท่ีปฏิบัติงานตามกฎ ระเบยี บ ให้ได้รับความเปน็ ธรรม
๖๗ ๓) กรมการปกครอง กรมการปกครองมีความพร้อมในการรับเรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์ต่าง ๆ รวมท้ัง ได้ดาเนินการสร้างช่องทางการร้องเรียนและแจ้งเบาะแสการทุจริต ผ่านช่องทางต่าง ๆ ที่สะดวก และปลอดภัย ดังนี้ ๑. หมายเลขโทรศัพท์ ๐ ๒๒๒๖ ๐๕๓๐ (ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต) หรอื ๐ ๒๖๒๙ ๙๑๒๓ (กองตรวจราชการและเร่อื งราวร้องทกุ ข์) ๒. รอ้ งเรียน/แจ้งเบาะแสทางออนไลน์ (Online) ได้แก่ - เว็บไซตก์ รมการปกครอง (หัวข้อ ร้องเรียนรอ้ งทุกข์) : www.dopa.go.th. - เว็บไซต์ศูนย์ดารงธรรมอาเภอ : https://damrongdhama.dopa.go.th - Facebook กรมการปกครอง fanpage - Line official (แจง้ เบาะแสทุจรติ ปค.) ๓. ย่นื เรื่องรอ้ งเรียน/แจง้ เบาะแสด้วยตนเองได้ที่ : - ศูนย์ปฏบิ ัติการต่อต้านการทจุ รติ กรมการปกครอง - ศนู ยด์ ารงธรรมอาเภอ ณ ท่วี ่าการอาเภอทกุ แห่งท่ัวประเทศ กรมการปกครองมีความเห็นว่า การจัดทารหัส QR Code สาหรับเป็นฐานข้อมูล เก่ียวกับการดาเนินการบริหารการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐนั้น ถือว่าเป็นเครื่องมือท่ีมุ่งเน้นให้เกิด ความเปิดเผย โปร่งใส ในกระบวนการจัดซ้ือจัดจ้างของภาครัฐและถือเป็นการเพ่ิมช่องทางและอานวย ความสะดวกให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการติดตามตรวจสอบข้อมูลที่เก่ียวข้องได้อย่าง รวดเร็ว และเฝ้าระวังการทุจริตไดอ้ ย่างเป็นรปู ธรรมได้ อย่างไรก็ตาม การจัดทาระบบดังกล่าว ผู้ที่เกี่ยวข้องในการจัดทาระบบจะต้อง ออกแบบระบบให้มีความสะดวก ไม่ซับซ้อนและมีขั้นตอนที่ง่ายต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าท่ี ในแต่ละหน่วยงาน เพื่ออานวยความสะดวกและไม่ถือว่าเป็นการสร้างภาระงานหรือการเพ่ิมข้ันตอน การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ รวมท้ังต้องคานึงถึงความงา่ ย ความรวดเร็ว ความสะดวกของระบบในการ เขา้ ใชข้ องประชาชนอกี ทางหน่ึงด้วย ดังน้ัน หากมีการจัดทาระบบดังกล่าวขึ้น กรมการปกครองเห็นด้วยและพร้อมที่จะ ปฏิบตั ิตามแนวทางทีก่ าหนด รวมทง้ั พร้อมให้ความร่วมมือในทุกมติ ทิ ่ีเก่ยี วขอ้ ง ๔) กรมส่งเสริมการปกครองทอ้ งถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ได้มอบอานาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ดาเนินการจัดซื้อจัดจ้างในราชการส่วนกลาง และราชการส่วนภมู ิภาค โดยดาเนินการตามขั้นตอนจัดซ้ือ จัดจ้างตามกฎหมายท่ีเกีย่ วขอ้ ง ดังนี้
๖๘ ๑) พระราชบญั ญตั ิการจดั ซอ้ื จัดจ้างและการบรหิ ารพัสดุภาครฐั พ.ศ. ๒๕๖๐ ๒) ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ๓) กฎกระทรวงทเี่ กย่ี วข้องกับการจดั ซือ้ จัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครฐั กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น มีความพร้อมในการรับเร่ืองร้องเรียนจาก ประชาชนทุกภาคส่วนในการตรวจสอบการทุจริต และเห็นด้วยในการจัดทาระบบการมีส่วนร่วม ของประชาชนในการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ การจัดซอื้ จัดจ้างภาครฐั ๕) สานกั งานคณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แห่งชาติ (ป.ป.ช.) สานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นสานักงานเลขานุการของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เป็นหน่วยงาน ที่เป็นอิสระ มีฐานะเทียบเท่ากรมตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน และถือเป็น “หน่วยงานภาครัฐ” ตามมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ดังนั้น การดาเนินการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐภายในสานักงานจะต้อง ปฏบิ ัตติ ามพระราชบัญญตั ิดงั กลา่ วและระเบยี บท่ีเกี่ยวขอ้ งดว้ ย สานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีช่องทางรับเร่ืองร้องเรียนและมีระบบติดตามเร่ืองกล่าวหาร้องเรียน ผ่านทางเว็บไซต์ของสานักงาน ซึง่ เป็นชอ่ งทางที่สะดวกรวดเรว็ อานวยความสะดวกให้กับผรู้ ับบริการ ดังนั้น จึงเห็นด้วยกับคณะกรรมาธิการที่จะดาเนินการจัดทาระบบการมีส่วนร่วม ดังกล่าว เพื่อเป็นการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการติดตามตรวจสอบและป้องกัน ปราบปรามการทุจรติ ในการจัดซอ้ื จดั จ้างภาครฐั อยา่ งเปน็ รูปธรรม ๖) สานักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครฐั (ป.ป.ท.) สานักงาน ป.ป.ท. ในฐานะเป็นกลไกของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปราม การทุจริตในภาครัฐ และมีบทบาทอานาจและหน้าท่ีเก่ียวกับการจัดซ้ือจัดจ้างให้เป็นไปตาม พระราชบัญญัตกิ ารจดั ซ้อื จัดจา้ งและการบรหิ ารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ และระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการจัดซ้ือจัดจ้าง และการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยดาเนินการผ่านระบบจัดซ้ือจดั จ้าง ภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (E-Government Procurement : e-GP) ของกรมบัญชีกลางทุกขั้นตอน โดยยึดหลักการคือต้องก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อราชการ มีความคุ้มค่า โปร่งใส มีประสิทธิภาพ และตรวจสอบได้ สานักงาน ป.ป.ท. เห็นว่า หากมีรูปแบบ QR Code สาหรับเป็นฐานข้อมูลเกี่ยวกับ การดาเนินการบริหาร การจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐที่เปิดเผยจะเป็นการส่งเสริมและสนับสนุน ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการกากับ ติดตาม ตรวจสอบดาเนินการโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐ
๖๙ เพ่ือป้องกนั การทุจรติ การจัดซ้ือจัดจ้างในการดาเนนิ โครงการ ได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ และหากการศึกษา ดังกล่าวสามารถดาเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรม จะทาให้มีฐานข้อมูลเกี่ยวกับการดาเนินการบริหาร การจัดซ้ือจัดจ้างของภาครัฐที่เปิดเผยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้โดยสะดวก รวดเร็ว และประชาชน ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการติดตาม ตรวจสอบและเฝ้าระวังการทุจริตในการดาเนินการจัดซื้อ จัดจ้างในโครงการตา่ ง ๆ ของภาครัฐ ดังนน้ั สานักงาน ป.ป.ท. เหน็ ด้วยกบั การดาเนนิ โครงการดังกล่าว ๗) สานักงานการตรวจเงินแผน่ ดิน (สตง.) การดาเนินการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐภายในสานักงานได้ปฏิบัติ ตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ และระเบียบ กระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซอ้ื จัดจ้างและการบรหิ ารพสั ดภุ าครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ สานักงาน สตง.มีช่องทางในการรับเร่ืองร้องเรียน/แจ้งเบาะแสหลายช่องทาง ได้แก่ ร้องเรียนเป็นหนังสือ ร้องเรียนผ่านช่องทางเว็บไซต์ หรือไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ของสานักงาน และร้องเรียนด้วยตนเอง อีกท้ัง ให้ความสาคัญในการรักษาความลับในเรื่องเกี่ยวกับการตรวจสอบ โดยการตรวจสอบเรื่องที่ได้รับการร้องเรียนเป็นการปฏิบัติงานตรวจสอบหนึ่งของ สตง. ซ่ึงผู้ตรวจสอบ ต้องปฏิ บัติงานตรวจสอบภายใต้หน้าท่ีและอา นาจตามพ ระราชบัญ ญั ติประกอบรัฐธรรมนู ญ ว่าด้วย การตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยเฉพาะในเรื่องของการรักษาความลับ ข้อความ ข้อเท็จจริง หรือข้อมูลที่ได้มาเนื่องจากการปฏิบัติหน้าท่ี ซ่ึงกาหนดไว้ใน มาตรา ๑๐๔ อย่างชัดเจน ดังนั้น สตง. จึงมีความพร้อมในการรับและดาเนินการตรวจสอบเรื่องร้องเรียน โดยคานึงถึงความปลอดภัย ของประชาชนผ้แู จง้ เบาะแสเป็นสาคัญ สานักงาน สตง. ยินดีสนับสนุนการดาเนินการของคณะกรรมาธิการท่ีจะกาหนดให้ มีการพิจารณาศกึ ษาเรอ่ื งดงั กล่าว และมคี วามเหน็ เพมิ่ เติม ดงั นี้ ๑) ควรกาหนดรูปแบบหรือมาตรฐานของข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เพือ่ ใหป้ ระชาชนเขา้ ใจและเข้าถงึ ข้อมลู ได้งา่ ย ๒) ส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐจัดทาและเผยแพร่การจัดซ้ือจัดจ้างทั้งปี เพ่ือให้การ จัดซื้อจัดจ้างเป็นไปอย่างต่อเน่ือง มีกาหนดเวลาที่เหมาะสม รอบคอบ เป็นการดาเนินการตาม วัตถุประสงค์ในการใช้งานของหน่วยงาน ภายใตแ้ ผนการบรหิ ารพสั ดทุ ่ีเหมาะสมและชัดเจน ๓) ส่งเสริมให้มีการใช้ข้อมูลร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐเก่ียวกับการ ประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้ประกอบการ เพ่ือประโยชน์ในการพิจารณาคัดเลือกผู้ย่ืนข้อเสนอ ที่จะเขา้ มาเป็นคสู่ ญั ญากบั หนว่ ยงานของรฐั ให้เปน็ ไปอย่างมีประสิทธิภาพ ๔) ส่งเสริมให้หน่วยงานของรัฐปฏิบัติให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติ การจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่ต้องการให้การจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหาร
๗๐ พัสดุภาครัฐเป็นมาตรฐานเดียวกัน เน้นการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณชน เพ่ือให้เกิดความโปร่งใส และเกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรม คานึงถึงวัตถุประสงค์ของการใช้งานที่จะก่อให้เกิดความคุ้มค่า มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบการจัดซ้ือจัดจ้าง ภาครัฐเพือ่ ประโยชน์สูงสุดแกป่ ระชาชนและประเทศชาตอิ ยา่ งยงั่ ยนื ๕) ระบบฐานข้อมูลควรมีรายละเอียดข้อมูลสาคัญอย่างเพียงพอให้กับภาค ประชาชนในการตรวจสอบและป้องกันการทุจริต เช่น ช่ือโครงการ หน่วยงานที่รับผิดชอบ สถานท่ี ดาเนินการ ช่วงระยะเวลาท่ีดาเนินการ เพ่ือให้การแจ้งเบาะแสของประชาชนเกิดความชัดเจนเพียงพอ ท่ีหน่วยงานจะสามารถดาเนินการตามเร่ืองร้องเรยี น/การแจ้งเบาะแสได้ ๘) สานักงานปลัดกระทรวงดิจทิ ลั เพือ่ เศรษฐกจิ และสงั คม สานักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมมีการจัดซื้อจัดจ้าง ตามแผนงานโครงการของสานักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพ่ือเศรษฐกิจและสังคม และกองบังคับการ ปราบปรามการกระทาความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และมีหน้าที่ให้ความเห็น ประกอบการพิจารณาของปลดั หรอื รัฐมนตรี กรณที ม่ี ีการจดั ซือ้ จัดจ้างของหนว่ ยงานในสังกดั ก า ร ด า เนิ น ก า ร จั ด ซ้ื อ จั ด จ้ า ง แ ล ะ ก า ร บ ริ ห า ร พั ส ดุ ภ า ค รั ฐ ภ า ย ใ น ส า นั ก ง า น ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้ปฏิบัติตามและดาเนินการเก่ียวกับการจัดซ้ื อจัดจ้าง และการบริหารพัดสุภาครัฐของหน่วยงานตามพระราชบัญญัติการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุ ภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ กฎกระทรวง ประกาศ หนงั สอื เวียน และระเบยี บอืน่ ๆ ท่ีเกี่ยวขอ้ ง สานักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพ่ือเศรษฐกิจและสังคม เห็นด้วยกับการพิจารณา ศึกษาของคณะกรรมาธิการ เพื่อให้มรี ะบบติดตามตรวจสอบท่เี หมาะสม ๙) ศูนย์เทคโนโลยอี เิ ล็กทรอนกิ สแ์ ละคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) การจัดทาระบบการติดตามตรวจสอบและป้องกันปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน ในการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐท่ีเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลและตรวจสอบการบริหาร การจัดซื้อจัดจ้างโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐ ในรูปแบบหนึ่งโครงการหน่ึง QR Code โดยมีการติดรหัส ดังกล่าวไว้ตามป้ายโครงการต่าง ๆ จะทาให้สามารถตรวจสอบกระบวนการจัดซ้ือจัดจ้างโครงการได้ ตั้งแต่เริ่มโครงการ ระหว่างดาเนินโครงการ และส้ินสุดโครงการ ตลอดจนทาให้เกิดความสะดวก ในการรวบรวมข้อมูลทั้งหมดในแต่ละโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐท่ีมีการจัดซ้ือจัดจ้างว่า มีการเปล่ียนชื่อ ใช้งบประมาณดาเนินโครงการจานวนเท่าไหร่ และเปน็ โครงการเดมิ ที่เคยดาเนินโครงการนี้ไปแล้วหรอื ไม่ ดังนั้น หากโครงการใดที่ดาเนินการแล้วไม่เกิดประโยชน์ต่อประชาชนและมีการทุจริตเกิดขึ้นก็สามารถ ท่ีจะร้องเรียนโครงการนี้ได้โดยสแกนรหัส QR Code เพ่ือแจ้งเบาะแสการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง ซงึ่ จะทาให้งบประมาณที่ถูกนาไปใช้จ่ายในแต่ละโครงการ เกิดความคุม้ คา่ ต่อการลงทุน และไมเ่ กิดความ
๗๑ ซ้าซ้อนในการขออนุมัติงบประมาณเพื่อดาเนินโครงการท่ีมีลักษณะเดียวกันอีก อีกทั้งการจัดทารูปแบบ QR Code จะทาใหง้ ่ายตอ่ การติดตามตรวจสอบโครงการตา่ ง ๆ ของภาครฐั ทม่ี ีการจดั ซื้อจัดจ้างดว้ ย การจัดทารูปแบบ QR Code ควรมีกฎหมายและระเบียบรองรับในการจัดทา รูปแบบ QR Code ด้วย เพื่อให้เกิดความชัดเจนทางกฎหมาย เน่ืองจากรหัส QR Code ที่ติดตามป้าย โครงการต่าง ๆ และอุปกรณ์ของสานักงานท่ีมีการดาเนินการจัดซ้ือจัดจ้างเป็นรูปแบบ QR Code ท่ี จะต้องมีการส่ือสารไปถึงประชาชนในฐานะผู้ท่ีใช้บริการ จึงต้องมีกฎและระเบียบรองรับในการ ดาเนินการดังกล่าว ทั้งน้ี รูปแบบ QR Code เป็นระบบที่มีรูปแบบตอบกลับการสนทนาผ่านข้อความ และเสียงแบบอัตโนมัติ (Chatbot) ประชาชนท่ีร้องเรียนจึงสามารถที่จะพูดคุยโต้ตอบกับเจ้าหน้าที่ เก่ียวกับรายละเอียดในแต่ละโครงการว่าการดาเนินโครงการอยู่ในข้ันตอนใดตลอดจนสามารถท่ีจะ ร้องเรียนเจ้าของโครงการได้อีกด้วยและควรเป็นมติจากคณะรัฐมนตรีท่ีบังคับให้ทุกหน่วยงานที่ ดาเนินการจัดซ้ือจัดจ้างในระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Government Procurement: e-GP) ของกรมบัญชีกลาง ต้องดาเนินการปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบท่ีเกี่ยวข้อง เพ่ือให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐที่มีการจัดซื้อจัดจ้างต้ังแต่เริ่ม โครงการ ระหว่างดาเนินการ และส้ินสุดโครงการอีกท้ัง ในปัจจุบันศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และ คอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) ได้ใช้ระบบดังกล่าวดาเนินการรับเร่ืองร้องเรียนทั่วไปของเมือง ซึ่งมี หลายหน่วยงานที่ใช้ระบบนี้ จึงเห็นว่า ควรนารูปแบบ QR Code ในการรับเรื่องร้องเรียนทั่วไปของเมือง มาเชือ่ มโยงในระบบการรับเรื่องร้องเรียนเก่ยี วกับโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐท่มี ีการจดั ซื้อจัดจา้ ง การจัดทารูปแบบ QR Code ดังกล่าวเป็นระบบท่ีส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูล ต่าง ๆ ของภาครัฐได้อย่างสะดวกรวดเร็ว เช่น การร้องเรียน หรือการแจ้งเบาะแสเรื่องการทุจริต การเข้าถึงข้อมูลเก่ียวกับคณะกรรมการจัดซ้ือจัดจ้าง เน่ืองจากระบบดังกล่าวเป็นระบบท่ีมีรูปแบบตอบ กลับการสนทนาผ่านข้อความและเสียงแบบอัตโนมัติ (Chatbot) จึงสามารถที่จะพูดคุยโต้ตอบกับ ประชาชนได้ในเร่ืองต่าง ๆ โดยผู้ท่ีร้องเรียน หรือแจ้งเบาะแสเรื่องการทุจริต เพียงแค่สแกน QR Code ตามป้ายโครงการก็จะมีการเช่ือมโยงข้อมูลเข้าสู่ Applications LINE เพ่ือส่งข้อมูลไปยังเจ้าหน้าท่ี ท่ีเก่ียวข้อง ดังนั้น ประชาชนจึงสามารถพูดคุยกับเจ้าหน้าท่ีและสามารถตรวจสอบโครงการต่าง ๆ ท่ีดาเนินการจัดซ้ือจัดจ้างได้ อีกทั้ง กรมบัญชีกลางมีฐานข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างโครงการต่าง ๆ ของ ภาครัฐ ซึ่งอยู่ในระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Government Procurement: e-GP) จึงเหน็ ว่า ควรมกี ารเชือ่ มต่อฐานขอ้ มลู ดงั กลา่ วกบั กรมบัญชกี ลาง ๑๐) สานกั งานพัฒนารัฐบาลดจิ ทิ ลั (องค์การมหาชน) สพร. เป็นหน่วยงานกลางของระบบรัฐบาลดิจิทัลทีให้บริการส่งเสริม และสนับสนุน การดาเนินการของหน่วยงานของรัฐและหน่วยงานอ่ืนเกี่ยวกับการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล โดยการจัดให้มีการพัฒนาศูนย์กลางข้อมูลเปิดภาครัฐ (Open Government Data) ภายใต้ช่ือ
๗๒ “data.go.th” ด้วยแนวคิดการเป็นศูนย์กลางกาเข้าถึงข้อมูลเปิดภาครัฐของประเทศ เพ่ือให้ประชาชน สามารถเข้าถึงข้อมูลภาครัฐได้สะดวก รวดเร็ว ตลอดเวลา พร้อมท้ังบริการให้คาปรึกษาในด้านการทา Data Government Framework หรือธรรมาภิบาลข้อมลู เพ่ือให้มกี ารจาแนกประเภท และการจัดกลุ่ม ความสาคัญของขอ้ มูลก่อนการเปดิ เผยข้อมูลของภาครฐั สพร. มีช่องทางในการรับข้อเสนอแนะและข้อร้องเรียนโดยข้อมูลดังกล่าว จะถูกส่งถึงเฉพาะผู้เกี่ยวข้องเท่านั้นและมีกระบวนการจัดเก็บข้อมูลผู้ร้องเรียนให้มีความปลอดภัย โดยมีชอ่ งทาง ดังนี้ ๑. ผ่านทางหน้าเวบ็ ไซต์ท่ี URL:http://dga.or.th/th/contact ๒. ผา่ นทาง DGA Contact Center: (+๖๖) ๐ ๒๖๑๒ ๖๐๖๐ ตลอด ๒๔ ชวั่ โมง ๓. ผา่ นทางอีเมล์ : [email protected] การส่งเสริมและสนับสนุนการบูรณาการและแลกเปล่ียนข้อมลู ระหว่างหน่วยงาน ของรัฐมีช่องทางและมาตรฐานในการเชื่อมโยงข้อมูลผ่าน API คณะกรรมาธิการ สามารถประสาน ขอคาปรกึ ษาเพ่มิ เตมิ ได้เพ่อื นาไปตอ่ ยอดโครงการตอ่ ไป ๑๑) สภาสถาปนิก การจัดทาระบบการติดตามตรวจสอบและป้องกันปราบปรามการทุจริตคอร์รัป ชันในการจัดซ้ือจัดจ้างของภาครัฐท่ีเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลและตรวจสอบการ บริหารการจัดซื้อจัดจ้างโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐ ในรูปแบบหนึ่งโครงการหน่ึง QR Code ในส่วนของข้อมูลรูปแบบ QR Code ควรมีข้อมูลพื้นฐานสาคัญไว้ในรหัส QR Code เพ่ือประโยชน์ต่อ การติดตามและตรวจสอบการทุจริตการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐของประชาชน เช่น ข้อกาหนดของผู้ว่าจ้าง (TOR) วัตถุประสงค์ ขอบเขตงาน งบประมาณ วงเงินตามสัญญาจ้าง รายช่ือกรรมการ หลักเกณฑ์ การพิจารณา และผลการพิจารณาคัดเลือก เปน็ ต้น ผู้รับจ้างมีข้อมูลเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับการทางานเท่าน้ัน ดังน้ัน การให้ข้อมูล เพ่ือประชาชนสามารถเข้าเก่ียวกับการดาเนินการจัดซ้ือจัดจ้างน่าจะเป็นหน้าท่ีของหน่วยงาน ท่ีดาเนินการจัดซ้ือจัดจ้าง เนื่องจากมีข้อมูลครบถ้วนอยู่แล้ว อีกท้ัง เพ่ือให้ความโปร่งใสเก่ียวกับการ ดาเนินการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ จึงควรหารือไปยังคณะกรรมการความร่วมมือป้องกันการทุจริต (ค.ป.ท.) ที่มีอานาจหน้าที่ในการสว่ นที่เก่ียวข้องซ่ึงอยู่ภายใตพ้ ระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุ ภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ในส่วนของสภาสถาปนิกยังไม่พบร้องเรียนเก่ียวกับการจัดซ้ือจัดจ้างของหน่วยงาน ภาครฐั และภาคเอกชนแต่อย่างใด ๑๒) สภาวศิ วกร สภาวิศวกรเห็นด้วยกับการจัดทาระบบการมีส่วนร่วมของประชาชนในการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตการจัดซื้อ จัดจ้างภาครัฐการเข้าถึงข้อมูลการจัดซ้ือจัดจ้างของภาครัฐ
๗๓ ได้สะดวก รวดเร็วและปลอดภัยเป็นการเพ่ิมช่องทางการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนให้เข้าถึงข้อมูล และอานวยความสะดวกในการร้องเรียนเมื่อพบเหตุการณ์ทุจริต ยังผลให้หน่วยงานของรัฐกระทาการ จัดซ้ือจัดจ้างด้วยความรัดกุม และประชาชนได้มีส่วนร่วมในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐได้สะดวก มากขนึ้ ๑๓) สมาคมอุตสาหกรรมก่อสรา้ งไทย ในพระบรมราชปู ถัมภ์ กรมบัญชีกลางอยู่ระหว่างดาเนินการโครงการความโปร่งใสในการกอ่ สร้างภาครัฐ (Infrastructure Transparency Initiative : CoST) ซ่ึงเป็นโครงการท่ีหน่วยงานของรัฐเจ้าของโครงการ ก่อสร้างจะต้องเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างสู่สาธารณชนตลอดระยะเวลาที่ดาเนินการ โครงการก่อสร้าง โดยเบื้องต้นกาหนดให้จังหวัดนาโครงการก่อสร้างที่ใช้งบประมาณมากท่ีสุดมาหนึ่ง โครงการเพื่อทดลองนาขอ้ มลู การจัดซือ้ จัดจ้างดงั กลา่ วเข้าสรู่ ะบบ CoST ซง่ึ ผทู้ ี่นาเขา้ ข้อมูลคือหนว่ ยงาน เจ้าของโครงการ ท้ังนี้ มีประเด็นคาถามว่าโครงการดังกล่าวจะมีลักษณะเช่นเดียวกับโครงการ ของคณะกรรมาธกิ ารศึกษาตรวจสอบเร่อื งการทุจรติ ประพฤติมชิ อบและเสรมิ สรา้ งธรรมาภิบาล วุฒสิ ภา หรือไม่ ประเด็นข้อสังเกตของสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ดงั นี้ ๑) งานก่อสร้างมีหลายขนาด โดยหลักจะแบ่งเป็น โครงการขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก และขนาดจ๋ิว แต่ละประเภทจะพบปัญหาต่างกัน และปัญหาอาจเร่ิมตั้งแต่ การได้มาของโครงการ วิธีการและนโยบาย โดยยอมรบั ว่าในวงการกอ่ สรา้ งย่อมต้องมีเรื่องของการทุจริต แต่เห็นว่าควรพิจารณาว่าหากมีการทุจริตแล้วจะต้องดาเนินการอย่างไรเพ่ือเป็นการป้องกันมิให้เกิด ความเสียหายแกป่ ระเทศชาติ หรือเกิดความเสียหายน้อยทสี่ ุด ๒) ประเด็นปัญหาราคากลาง ปัจจุบันคณะกรรมการราคากลางจะพิจารณาราคา ต่อหน่วย แต่มิได้พิจารณาถึงความเหมาะสมและความคุ้มค่าของโครงการ ปริมาณ หรือความเหมาะสม ของการใช้วัสดุแต่ละประเภท ตัวอย่างเช่น การก่อสร้างถนนส่ีเลนในพ้ืนท่ีชนบทท่ีไม่ค่อยมีการสัญจร มีความคุ้มค่าเพียงใด ในส่วนของรูปแบบ QR Code และระบบ CoST เห็นว่าระบบดังกล่าวเป็นเพียง การประชาสัมพันธ์ให้ทราบถึงข้อมูลของโครงการเท่าน้ัน แต่จะไม่ทราบถึงกระบวนการของการทุจริต จึงเสนอความเห็นว่า ภาครัฐควรหาแนวทางแก้ไขปัญหาว่าจะทาอย่างไรให้ราคากลางมีความเหมาะสม และควรพิจารณาถึงความจาเป็นของโครงการดังกล่าวด้วย อีกท้ังในความเป็นจริง ราคากลางที่กาหนด ข้ึนไม่สามารถใช้ได้จริง เนื่องจากพื้นท่ีแต่ละแห่งมีความแตกต่างกัน เช่น การจัดซ้ือหินในพ้ืนท่ีที่อยู่ใกล้ ภูเขาก็จะสามารถจัดซื้อหินในราคาถูกได้ แต่สาหรับพื้นที่ที่ไม่มีภูเขา และอยู่ไกลออกไปก็จะทาให้ราคา หินย่อมมคี วามแตกตา่ งกันออกไปได้
๗๔ ๓) เรื่องของการให้ภาคเอกชนได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ ติดตาม และประเมินผลโครงการ โดยกาหนดให้ภาคเอกชนที่ไม่มีส่วนได้เสียเข้าร่วมเป็นผู้ตรวจสอบโครงการ ดังนั้น จึงเห็นว่า รูปแบบ QR Code และระบบ CoST ไม่สามารถแก้ไขปัญหาการทุจริตในโครงการต่าง ๆ เนอ่ื งจากขอ้ มูลในระบบจะไม่สามารถตรวจสอบถงึ กระบวนการที่มีการทุจรติ ได้ ๔) ปัญหาเรอ่ื งการเจาะ (Hack) ระบบการจัดซ้อื จัดจา้ งภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (e – GP) ของกรมบัญชีกลาง เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลการจัดซ้ือจัดจ้าง เช่น ช่ือผู้ซื้อ ราคา ท่ีเสนอ บุคคล ท่ปี ระมูลได้ เร่อื งดงั กล่าวกรมบัญชีกลางอยู่ระหว่างการหาแนวทางการแกไ้ ข ๑๔) สานักงานพัฒนาวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สวทช. เห็นด้วยในหลักการการเปิดเผยให้ประชาชนทุกภาคส่วนได้ตรวจสอบ การทุจริต และได้จัดให้มีช่องทางรับเร่ืองร้องเรียนผ่านเว็บไซต์ของ สวทช. ซึ่งข้อมูลท่ีได้รับจะถือเป็น ความลับ จะไม่มีการเปิดเผยข้อมูลและตัวตนของผู้แจ้งเบาะแสหรือผู้ร้องเรียน และผู้ถูกร้องเรียน ต่อสาธารณชน สวทช. เห็นว่า การจัดทาระบบการติดตามตรวจสอบและป้องกันปราบปราม การทุจริตคอร์รัปชันในการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐที่เปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลและ ตรวจสอบการบริหารการจัดซื้อจัดจ้างโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐ ในรูปแบบหนึ่งโครงการหนึ่ง QR Code น้ัน กรมบัญชีกลางได้จัดให้มีระบบจัดซ้ือจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ท่ีเปิดเผยให้ประชาชน ทุกภาคส่วนสามารถเข้าตรวจสอบได้ทุกขั้นตอนอยู่แล้ว นอกจากนี้ ตามหมวด ๒ ของพระราชบัญญัติ การจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ได้กล่าวถึงกระบวนการมีส่วนร่วมของภาค ประชาชนและผู้ประกอบการในการป้องกันการทุจริตไว้ด้วยแล้ว ซ่ึงน่าจะสอดคล้องกับแนวคิด ของคณะกรรมาธิการ จึงอาจไม่จาเป็นต้องเพิ่มกระบวนการในการจัดทา QR Code ดังกล่าว เพื่อมิให้ เป็นภาระแก่ผู้ปฏิบัติงานพัสดุมากจนเกินสมควร ในส่วนของช่องทางการแจ้งเรื่องร้องเรียน สวทช. เสนอให้หนว่ ยงานของรัฐทุกหนว่ ยงานจัดให้มชี อ่ งทางรบั เรื่องร้องเรียนในลกั ษณะดังกลา่ ว เพื่อประโยชน์ ในการตรวจสอบและป้องกนั ปราบปรามการทจุ รติ คอรร์ ปั ชัน ๑๕) กองบงั คับการปอ้ งกนั ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมชิ อบ (ปปป.) กองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) มีความเห็นเกี่ยวกับการจัดทาระบบการมีสว่ นร่วมของประชาชนในการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจริต การจัดซ้อื จดั จ้างภาครฐั ในประเดน็ ทใ่ี หป้ ระชาชนมสี ว่ นร่วม ดงั น้ี (๑) การเปดิ ชอ่ งทางการแจง้ เบาะแสการทจุ รติ (๒) มาตรการคมุ้ ครองความปลอดภัยขอ้ มูลของผแู้ จ้งเบาะแส (๓) ปญั หาอปุ สรรคในการดาเนนิ การ
๗๕ และมีข้อคิดเห็นข้อเสนอแนะ ว่า สถานการณ์ในปัจจุบันการทุจริตมีปรากฏให้ เห็นอยู่อย่างต่อเนื่อง ในทางสื่อโซเชียลและจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ยังมีอีกจานวนมากที่ไม่ปรากฏ ปัญหา หลัก ๆ คอื ไม่มีผู้แจ้งเบาะแส รอ้ งเรียน หรือมีการกระทาการทุจริตที่เป็นกระบวนการ มีอิทธพิ ลในพื้นที่ ทาใหก้ ารตรวจสอบเขา้ ไมถ่ ึง ดังน้ัน ตามที่คณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริต ประพฤติมิชอบ และเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา จะดาเนินการจัดทาระบบการมีส่วนร่วมของประชาชนในการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตการจัดซ้ือจัดจ้างภาครัฐ นั้น เป็นส่ิงท่ีดีอย่างยิ่ง ประเด็นการเปิด ช่องทางการแจ้งเบาะแสการทุจริตนั้น ปัจจุบันกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติ มิชอบ มีช่องทางเว็บไซต์ของหน่วยงานและเพจเฟชบุ๊คของหน่วยงาน ที่ยังขาดคือ หมายเลขโทรด่วน แจง้ เหตุ หรอื หากคณะกรรมาธิการจะมีชอ่ งทางอนื่ ใดก็เปน็ ส่งิ ที่ดที งั้ ส้นิ ในประเด็นมาตรการคุ้มครองปัจจุบัน ช่องทางของกองบังคับการป้องกัน ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ จะปิดบังข้อมูลของผู้แจ้งเหตุทุกราย และการลงพื้นท่ี ตรวจสอบจะเป็นเจ้าหน้าที่ตารวจลงไปสืบสวนหาข้อมูลจากหลายฝ่ายจนแน่ชัด จึงจะสรุปสานวน สืบสวนของหน่วยงานเอง เน่ืองด้วยข้ันตอนสืบสวนเป็นการสืบสวนจากพยานหลักฐานจึงไม่จาเป็นต้อง อ้างถึงผแู้ จ้งเบาะแสเป็นพยาน สาหรับปัญหาอุปสรรค เนื่องจาก บุคลากรของกองบังคับการป้องกันปราบปราม การทุจริตและประพฤติมิชอบ ไม่เพียงพอ ต่อการแจ้งเบาะแสจากเพจที่เปิดไว้ได้ครบทุกราย และไม่สามารถที่จะลงไปตรวจสอบได้ทกุ เบาะแสที่มีผแู้ จ้ง ยกเว้น เดินทางมารอ้ งทกุ ขห์ รือมีการรอ้ งทกุ ข์ เป็นเอกสารลงนามมายังพนักงานสอบสวนของกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติ มิชอบ และหากการตรวจสอบข้อมูลหรือการสืบสวนเป็นไปอย่างไม่รัดกุม กองบังคับการป้องกัน ปราบปรามการทจุ ริตและประพฤติมิชอบ กจ็ ะถูกใช้เปน็ เครอื่ งมอื ในเรือ่ งร้องเรียนนัน้ ได้ ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะเก่ียวกับการดาเนินการเปิดช่องทางการแจ้งเบาะแส การทุจริตและประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ เพ่ือให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการแจ้งเบาะแส และ มาตรการเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยข้อมูลของผู้แจ้งเบาะแส รวมท้ังปัญหาอุปสรรคในการดาเนินการ เรื่องดังกล่าว ดังนี้ ๑) ต้องประชาสัมพันธ์ผ่านทางระบบช่องทางการสื่อสาร โทรทัศน์ วิทยุ อินเตอร์เน็ต โซเชียลมเิ ดีย หรือ ทางระบบการสื่อสารอ่ืน ๆ เพื่อให้ประชาชนทั่วไป ได้เข้าใจถึงกฎหมาย ของนยิ ามคาว่า “ทุจรติ ” และ “เจา้ หน้าท่ขี องรัฐ” ว่ามีรายละเอยี ดเปน็ อยา่ งไร ๒) ต้องเพ่ิมช่องทาง การแจ้ง ร้องเรียน เม่ือประชาชนพบเห็นความผิดให้ง่าย สะดวก และรวดเร็วย่ิงขึ้น พร้อมท้ังเพ่ิมช่องทางการติดตาม การร้องเรียนดังกล่าว พร้อมข้อมูลการ ตดิ ต่อกับเจ้าหนา้ ท่รี ัฐผู้รบั การร้องเรยี นให้เปน็ รปู ธรรม
๗๖ ๓) เพ่ิมจานวนเจ้าหนา้ ที่ประจาแต่ละหน่วยงานทเี่ กย่ี วข้องกับการรับข้อร้องเรียน ทางทุจริตใหเ้ พมิ่ มากขึ้น และงา่ ยต่อการเข้าถึงของประชาชน ๔) เสริมสร้างแรงจูงใจในการแจ้งเบาะแส ร้องเรียนเก่ียวกับการทุจริตของ เจ้าหน้าท่ีรัฐ โดยเพ่ิมเติมกฎหมายในประเด็น “ค่าสินบนแห่งคดี” หากพบว่า คดีท่ีผู้ร้องเรียนสามารถ สืบสวน สอบสวน จนสามารถติดตามจบั กมุ เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ผกู้ ระทาความผิดมาดาเนินคดี และตรวจยึด ทรัพย์สินท่ีเชื่อว่าหรือได้มาจากการกระทาความผิด ขายทอดตลาด หรือตกเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน โดยเทยี บเคยี งกับรางวลั สินบนนาจับตามประมวลศลุ กากร ๕) สร้างเครือข่ายคนดีมีคุณธรรมต่อต้านการทุจริตให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อเพิ่ม ชอ่ งทางในการแลกเปลย่ี นขอ้ มูลขา่ วสารในทางทจุ ริตในแต่ละกลุ่ม ๖) ควรมีการจัดมอบรางวัลประจาปีในการต่อต้านการทุจริตซึ่งท่าน นายกรฐั มนตรจี ะเปน็ ผมู้ อบใหก้ ับประชาชนผไู้ ดร้ ับการคัดเลอื ก ๗) เพิ่มหลักสูตรการเรียนรู้ในการต่อต้านการทุจริตให้กับเยาวชนของชาติตั้งแต่ ในระดบั อนบุ าล ๑๖) คณะกรรมการเพ่ือส่งเสริมความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ (CoST Committee) โครงการความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ (Infrastructure Transparency Initiative : CoST) เป็นโครงการท่ีริเร่ิมโดย Department for International ของประเทศอังกฤษ ภายใต้การสนับสนุนจากธนาคารโลกในปี พ.ศ. ๒๕๕๐ ปัจจุบันมี ๑๙ สมาชิก ได้แก่ กานา (เมืองเซกันดี-ตาโกราดี) กัวเตมาลา คอสตาริกา โคลัมเบีย (กรุงโบโกตา) แทนซาเนีย ติมอร์-เลสเต ปานามา มาลาวี เม็กซิโก (รัฐฮาลิสโก) โมซัมบิก ยูกนั ดา ยูเครน อาร์เจนตินา อินโดนีเซีย (เขตลอมบ็อก ตะวันตก) เอกวาดอร์ เอลซลั วาดอร์ เอธโิ อเปยี ฮอนดูรสั และไทย โครงการ CoST มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความโปร่งใสในโครงการก่อสร้างภาครัฐ ผ่านการส่งเสริมการมสี ่วนร่วมของภาคประชาชน โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างภาครัฐในระบบโครงสร้าง พนื้ ฐานของประเทศ โดยหลกั การของ CoST ประกอบด้วย ๔ องคป์ ระกอบ ไดแ้ ก่ (๑) การเปดิ เผยข้อมูลโครงการก่อสร้างภาครฐั (Disclosure) หน่วยงานเจ้าของโครงการจะต้องเปิดเผยข้อมูลตลอดระยะเวลาของ โครงการตามแนวทางที่ CoST กาหนด โดยแบ่งการเปดิ เผยขอ้ มลู เปน็ ๒ ลกั ษณะ ไดแ้ ก่ (๑.๑) การเปิดเผยข้อมลู โครงการต่อสาธารณะหรือข้อมลู เชิงรุก (Proactive Disclosure) หน่วยงานเจ้าของโครงการจะต้องเปิดเผยข้อมูลตลอดระยะเวลาของโครงการก่อสร้าง ต้ังแต่กระบวนการจัดทาและนาเสนอโครงการ การเตรียมความพร้อมของโครงการ การจัดซื้อจัดจ้าง ช่วงการดาเนินการโครงการและหลงั จากเสรจ็ สิ้นโครงการ มีทงั้ สิ้น ๔๐ รายการ
๗๗ (๑.๒) การเปิดเผยข้อมูลเมื่อมีการร้องขอหรือข้อมูลเชิงรับ (Reactive Disclosure) เป็นขอ้ มูลทีห่ นว่ ยงานเจา้ ของโครงการจะเปิดเผยเมอ่ื มกี ารอ้ งขอ ทั้งนี้ โครงการ CoST ประเทศไทยได้กาหนดให้มีการเปิดเผยข้อมูลเชิงรุกที่ เกย่ี วกับโครงการกอ่ สร้างสู่สาธารณชนในทุก ๆ ระยะของการดาเนินการ โดยจัดให้มีช่องทางการเปิดเผย ข้อมูลได้แก่ เว็บไซต์ CoSTThailandของกรมบัญชีกลาง(http://process3.gprocurement.go.th/eGPCostWeb/home) และ Facebook CoST Thailand (http://www.facebook.com/CoSTThailand) (๒) กลมุ่ ผูม้ สี ว่ นได้ส่วนเสยี (Multi-Stakeholder Group : MSG) MSG ประกอบด้วย ผู้แทนภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพ่ือร่วมกันขับเคล่ือนการดาเนินงานโครงการ CoST สาหรับประเทศไทย คือ คณะอนุกรรมการเพ่ือ ส่งเสริมความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ (คณะอนุกรรมการ CoST) ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามประกาศ คณะกรรมการความร่วมมือป้องกันการทุจริตภายใต้พระราชบัญญัติการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหาร พัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๑๗ วรรคสอง โดยมีอธิบดีกรมบัญชีกลาง เป็นประธานอนุกรรมการ ที่ปรึกษาหรือรองอธิบดีกรมบัญชีกลางที่กากับดูแล กองความร่วมมือและความโปร่งใสในการจัดซ้ือ จัดจ้างภาครัฐ ผู้แทนสานักงานอัยการสูงสุด ผู้แทนสานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ผู้แทนสานัก งบประมาณ ผู้แทนกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ผู้แทนสานักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกจิ ผู้แทนสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ผู้แทนสภาวศิ วกรรมอุตสาหกรรมแหง่ ประเทศไทย ผแู้ ทนสมาคม อุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ผู้แทนวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรม ราชูปถัมภ์ ผ้แู ทนองค์กรต่อตา้ นคอร์รัปชนั (ประเทศไทย) ผ้แู ทนองค์กรเพ่อื ความโปร่งใสในประเทศไทย ผู้แทนสถาบันธรรมรัฐเพื่อการพัฒนาสังคมและส่ิงแวดล้อม ผู้แทนมูลนิธิต่อต้านการทุจริต เป็น อนุกรรมการและมีผู้แทนกรมบญั ชีกลางเปน็ ฝา่ ยเลขานุการคณะอนกุ รรมการ CoST (๓) กระบวนการตรวจสอบขอ้ มลู (Assurance) เปน็ กระบวนการตรวจสอบความครบถ้วนและถูกต้องของข้อมูลโครงการ ก่อสร้างท่ีเข้าร่วมโครงการ CoST โดยคณะทางานตรวจสอบข้อมูล (Assurance Team) และจัดทา รายงานผลการตรวจสอบข้อมูล (Assurance Report) ใหอ้ ยู่ในรปู ของภาษาทเี่ ข้าใจได้งา่ ย และเผยแพร่ ให้สาธารณชนได้รับทราบ และหากตรวจพบความไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วนของข้อมูลจะดาเนินการ รายงานให้คณะอนุกรรมการ CoST พิจารณาให้ความเห็น และให้หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องดาเนินการ ตามกฎหมายและกฎระเบยี บทเ่ี ก่ียวขอ้ งตอ่ ไป (๔) การส่งเสริมการมสี ่วนรว่ มของภาคประชาชน (Social Accountability) เป็นองค์ประกอบสาคัญในการเปิดโอกาสให้ภาคประชาชนเกิดการ ตระหนักรู้ในความสาคัญของการมีส่วนร่วมในการส่งเสริมความโปร่งใสในโครงการก่อสร้างภาครัฐ เช่น
๗๘ การให้ความรู้เรื่องการนาข้อมูลไปใช้การจัดเวทีภาคประชาชนเพ่ือรับฟังความคิดเห็น และกระบวนการ รับเร่ืองร้องเรียน เป็นตน้ ค ณ ะ รัฐม น ต รีได้ มี ม ติ ให้ ส านั ก งาน ค ณ ะ ก รรม ก ารน โย บ าย รัฐวิ ส าห กิ จแ ล ะ กรมบัญชีกลางดาเนินการโครงการ CoST โดยได้เร่ิมนาร่องโครงการตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จนกระท่ังปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จึงได้ขยายการดาเนินให้ครอบคลุมส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต่อมาในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ เพ่ือให้การดาเนินโครงการ CoST มีสภาพบังคับทางกฎหมายและครอบคลุมหน่วยงานของรัฐทุกประเภท คณะกรรมการความร่วมมือ ป้องกันการทุจริตจึงได้นาโครงการ Cost เข้าดาเนินการภายใต้พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ และได้ออกประกาศคณะกรรมการความร่วมมือป้องกัน การทุจริต เร่ือง โครงการความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ ซ่ึงประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยมีผล บังคับใช้เม่ือวันท่ี ๑๒ ตุลาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป ปัจจุบันมีโครงการก่อสร้างเข้าร่วมโครงการ CoST จานวน ๑,๕๒๗ โครงการ แบ่งเป็นส่วนราชการ จานวน ๒๕๙ โครงการ รัฐวิสาหกิจ จานวน ๓๑ โครงการ และองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่น จานวน ๑,๒๓๗ โครงการ ตามประกาศคณะกรรมการความร่วมมือป้องกนั การทุจริต เร่ือง โครงการความ โปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ ข้อ ๕ กาหนดให้คณะอนุกรรมการ CoST พิจารณาคัดเลือกโครงการ ก่อสร้างโครงการหน่งึ โครงการใดท่ีอย่ใู นหลักเกณฑ์ดังต่อไปนใี้ หเ้ ขา้ ร่วมโครงการ CoST (๑) โครงการก่อสร้างที่จะดาเนินการจัดซื้อจัดจ้างในระบบเครือข่ายสารสนเทศ ของกรมบัญชีกลาง ทม่ี ีลกั ษณะ ดังน้ี (๑.๑) เป็นโครงการก่อสร้างที่มีงบประมาณสูงสุดของหน่วยงานราชการ ระดบั กรมหรือเทยี บเทา่ (๑.๒) ในกรณีท่ีเป็นโครงการก่อสร้างของหน่วยงานราชการส่วนท้องถิ่น ตอ้ งมลี กั ษณะ ดังนี้ (๑.๒.๑) เป็นโครงการก่อสร้างท่ีมีงบประมาณสูงสุดขององค์การ บรหิ ารส่วนจังหวดั (๑.๒.๒) เป็นโครงการก่อสร้างที่มีงบประมาณต้ังแต่เจ็ดล้านบาท ขึ้นไปของเทศบาล (๑.๒.๓) เป็นโครงการก่อสร้างท่ีมีงบประมาณตั้งแต่เจ็ดล้านบาท ขึ้นไปขององค์การบริหารส่วนตาบล (๑.๒.๔) เป็นโครงการก่อสร้างท่ีมีงบประมาณสูงสุดขององค์กร ปกครองสว่ นทอ้ งถ่ินรปู แบบพิเศษ
๗๙ (๑.๓) เป็นโครงการก่อสร้างท่ีมีงบประมาณตั้งแต่ห้าร้อยล้านบาทข้ึนไป ของรัฐวิสาหกจิ (๑.๔) เป็นโครงการก่อสร้างท่ีมีงบประมาณสูงสุดของหน่วยงานอื่น นอกเหนือจาก (๑.๑) – (๑.๓) (๒) โครงการกอ่ สร้างทมี่ ผี ลกระทบต่อสาธารณชน (๓) โครงการกอ่ สรา้ งที่คาดวา่ จะมีการดาเนนิ การแนน่ อน (๔) โครงการก่อสร้างที่หน่วยงานเจ้าของโครงการพิจารณาเสนอให้เข้าร่วม โครงการ CoST (๕) โครงการก่อสร้างที่คณะอนุกรรมการ CoST เห็นสมควรให้เข้าร่วม โครงการ CoST การดาเนินการโครงการ CoST ท่ีผา่ นมา มีอปุ สรรคที่สาคัญ ๓ ประการ ได้แก่ ๑) การเปิดเผยข้อมูลของหน่วยงานเจ้าของโครงการ พบว่า หน่วยงานเจ้าของ โครงการยังให้ความร่วมมือในระดับท่ีต่า โดยจากจานวนข้อมูลท่ีต้องเปิดเผยทั้งสิ้น ๔๐ รายการ จะมีการเช่ือมโยงมาจากระบบจัดซ้ือจัดจ้างภาครัฐด้วยอิเล็กทรอนิกส์ (e-GP) โดยอัตโนมัติ จานวน ๒๕ รายการ (คิดเป็นร้อยละ ๖๒.๕) และบันทึกเพิ่มเติม จานวน ๑๕ รายการ (คิดเป็นร้อยละ ๓๗.๕) แต่ข้อมูลในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ พบว่า ค่าเฉล่ียการเปิดเผยข้อมูลอยู่ที่ร้อยละ ๘๑.๓๕ แสดงให้เห็นว่า หน่วยงานเจ้าของโครงการมีการบันทึกข้อมูลโครงการเพิ่มเติมโดยเฉล่ียประมาณ ๗ รายการเท่านั้น ๒) ปัจจุบันระบบ CoST ถูกวางอยู่บนระบบจัดซื้อจัดจ้างภาค รัฐด้วย อิเล็กทรอนิกส์ (e-GP) จึงมีข้อจากัดในการใช้งาน เช่น จานวนโครงการที่เข้าโครงการ CoST และ รูปแบบการแสดงผล เป็นต้น อย่างไรกต็ าม กรมบัญชีกลางได้ขอรับจัดสรรงบประมาณเพื่อพัฒนาระบบ CoST เพ่ือเพมิ่ ประสิทธิภาพในการดาเนินงานแล้ว ขณะนี้อยู่ระหวา่ งการดาเนนิ งานพัฒนาระบบ CoST คาดว่าจะสามารถรองรับจานวนโครงการท่ีเข้าร่วมโครงการ CoST ได้เพ่ิมมากขึ้น และจะอานวย ความสะดวกให้กับหน่วยงานเจ้าของโครงการในการเข้ามาใช้งานระบบ รวมถึงภาคประชาชนท่ีจะเข้า มาใช้งานเว็บไซต์ CoST ด้วย ๓) การส่งเสริมการมีส่วนร่วมภาคประชาชน ท่ีผ่านมากรมบัญชีกลางได้พัฒนา โครงสร้างพื้นฐานของโครงการ CoST เพื่อรองรับการดาเนินงาน เช่น การนาโครงการ CoST เข้าดาเนินงานตามพระราชบัญญตั ิการจัดซื้อจัดจา้ งและการบริหารพสั ดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ การพฒั นา ระบบ CoST การจัดเวทีภาคประชาชน และการจัดให้มีคณะทางานตรวจสอบข้อมูล (Assurance Team) เป็นต้น ซึ่งถือว่าการดาเนินการดังกล่าวครอบคลุมตามหลักการของ CoST ได้อย่างครบถ้วน อย่างไรก็ตามยังพบว่า ภาคประชาชนยังเข้ามาใช้ข้อมลู จากโครงการ CoST ไมม่ ากนัก ดังนั้น เป้าหมาย
๘๐ ในการขับเคล่ือนโครงการในระยะต่อไปจะมุ่งเน้นการเข้ามามีส่วนร่วมของภาคประชาชน เพื่อให้ สามารถบรรลุวัตถุประสงคข์ องโครงการ รวมถงึ สามารถพัฒนาไปสู่การบริหารราชการแบบมีส่วนร่วมได้ อยา่ งแทจ้ รงิ ๔) ข้อจากัดด้านงบประมาณ เน่ืองจากโครงการ CoST จาเป็นต้องมีคณะทางาน ตรวจสอบข้อมูลตามแนวทางท่ี CoST กาหนดซ่ึงกรมบัญชีกลางได้ขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่าย ประจาปี เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายใน ๒ ส่วน ได้แก่ (๑) เพ่ือจ้างท่ีปรึกษามาทาหน้าท่ีเป็นคณะทางาน ตรวจสอบข้อมูล และ (๒) เพื่อให้สานักงานคลังจังหวัดในการทาหน้าท่ีผู้ช่วยคณะทางานตรวจสอบ ข้อมูล และดาเนินการสุ่มตรวจโครงการในพ้ืนท่ี โดยที่ผ่านมากรมบัญชีกลางได้รับจัดสรรงบประมาณ เฉพาะในส่วนของค่าจ้างท่ีปรึกษาและได้รับจัดสรรในวงเงินที่ลดลงซ่ึงไม่สอดคล้องกับจานวนโครงการ ก่อสรา้ งภาครฐั ท่ีเขา้ รว่ มโครงการ CoST ทเ่ี พม่ิ สงู ขึน้ ทุกปี ประกาศคณะกรรมการความร่วมมือป้องกันการทุจริต เร่ือง โครงการความ โปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ ครอบคลุมเฉพาะที่เป็นโครงการก่อสร้างของหน่วยงานของรัฐ ทุกประเภทตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ หากจะขยาย โครงการ CoST ให้ครอบคลุมการจัดซื้อจัดจ้างประเภทอ่ืน อาจต้องปรับปรุงรายการข้อมูลที่เปิดเผย ให้สอดคล้องกับลักษณะเฉพาะของการจัดซื้อจัดจ้างแต่ละประเภท รวมถึงจะต้องปรับปรุงระบบ CoST ใหร้ องรบั การดาเนินการดังกลา่ วดว้ ย หน่วยงานเจ้าของโครงการก่อสร้างและภาคประชาชน สามารถติดตามข้อมูล โครงการก่อสร้างท่ีเข้าร่วมโครงการ CoST ได้ทางเว็บไซต์ CoST Thailand ของกรมบัญชีกลาง (http://process3.gprocurement.go.th/eGPCostWeb/home) และ Facebook CoST Thailand (https://www.facebook.com/CoSTThailand) ซึ่งมีความสะดวกและรวดเร็วอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ดี หากจะเพ่ิมเติมใหเ้ ชอ่ื มโยงในรูปแบบของ QR Code กส็ ามารถเป็นไปได้ ในส่วนของการรับเรื่องร้องเรียนกรมบัญชีกลางขอเรียนว่า เว็บไซต์ใหม่ของ โครงการ CoST ท่ีอยู่ระหว่างการพัฒนาจะมีระบบการรับเร่ืองร้องเรียน และการติดตามเรื่องร้องเรียน เพ่ืออานวยความสะดวกให้กับหน่วยงานเจ้าของโครงการและภาคประชาชนในการจัดการเร่ืองร้องเรียน ต่าง ๆ หากหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องต้องการเชื่อมโยงข้อมูลอาจพิจารณาดาเนินการขอเชื่อมโยงข้อมูลท่ี ตอ้ งการผ่านระบบ CoST ได้ในระยะตอ่ ไป หากลักษณะของการดาเนินงานโครงการทั้ง ๓ โครงการมีความคล้ายคลึงกัน อาจบูรณาการการดาเนินงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในส่วนของโครงการ CoST ปัจจุบันมีการ เปิดเผยข้อมูลโครงการก่อสร้างท่ีเป็นมาตรฐานสากล มีระบบสารสนเทศท่ีรองรับการเปิดเผยข้อมูล ดังกล่าว รวมถึงมีเว็บไซต์ท่ีเผยแพร่ข้อมูลต่อสาธารณชน หากโครงการ “การจัดทาระบบการมีส่วนร่วม ของประชาชนในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตการจัดซ้ือจัดจ้าง” และแนวคิด “๑ โครงการ ๑
๘๑ QR Code” จะพิจารณาใช้ประโยชน์จากข้อมูลท่ีมีอยู่บนระบบ CoST อาจเป็นประโยชน์ในการ ดาเนนิ งานของทัง้ สองโครงการต่อไปในอนาคต สาหรับการส่งเสรมิ การดาเนินงานของทั้ง ๓ โครงการ อาจพัฒนาในส่วนของการ ประชาสัมพันธ์ เพื่อกระตุ้นให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น เนื่องจากการดาเนินการท่ีมี ลักษณะเพ่ือส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนมีอุปสรรคที่สาคัญประการหน่ึง คือ ระดับการเข้ามา มสี ่วนร่วมของภาคประชาชนซ่ึงยังอยู่ในระดับต่า ท้ังท่ีหน่วยงานของรัฐหลายหน่วยงานได้จัดให้มีระบบ รวมถึงช่องทางต่าง ๆ เพื่ออานวยความสะดวกให้ภาคประชาชนเข้ามาใช้บริการอยู่แล้ว ดังน้ัน หากการดาเนินงานทั้ง ๓ โครงการ สามารถกระตุ้นให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมมากยิ่งข้ึน จะเป็นประโยชนแ์ ละโอกาสสาคัญในการบรหิ ารราชการแบบมีสว่ นร่วมต่อไปในอนาคต ๑๗) สานักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สานักงาน ปปง. เป็นส่วนราชการท่ีไม่สังกัดสานักนายกรัฐมนตรี กระทรวง หรือ ทบวง ปฏิบัติหน้าท่ีโดยอิสระและเป็นกลาง มีอานาจหน้าที่ตามมาตรา ๔๐ แห่งพระราชบัญญัติป้องกัน และปราบปรามการฟอกเงนิ พ.ศ. ๒๕๔๒ ดังต่อไปน้ี (๑) ดาเนินการให้เป็นไปตามมติของคณะกรรมการ คณะกรรมการธุรกรรมและ ปฏิบัติงานธรุ การอื่น (๒) รับรายงานการทาธุรกรรมท่ีส่งให้ตามหมวด ๒ และแจ้งตอบการรับรายงาน รวมท้งั การรบั รายงานและขอ้ มลู เกย่ี วกบั การทาธุรกรรมที่ได้มาโดยอย่างอื่น (๓) รับหรือส่งรายงานหรือข้อมูลเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้หรือ กฎหมายอ่ืน หรือตามข้อตกลงทไ่ี ด้จัดทาขึ้นระหวา่ งหนว่ ยงานในประเทศหรือตา่ งประเทศ (๓/๑) กาหนดแนวทางปฏิบัติ กากับ ตรวจสอบ และประเมินผลการปฏิบัติ ตามพระราชบัญญัติน้ีของผู้มีหน้าที่รายงานการทาธุรกรรมต่อสานักงานตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และ แนวปฏบิ ตั ิ ตามระเบยี บทคี่ ณะกรรมการกาหนด (๓/๒) ประเมินความเส่ียงระดับชาติท่ีเกี่ยวกับการฟอกเงินหรือการ สนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายเพ่ือจัดทานโยบายและกาหนดยุทธศาสตร์ด้านการป้องกันและ ปราบปรามการฟอกเงิน และการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการ ร้าย เสนอต่อ คณะกรรมการและคณะรัฐมนตรี รวมทั้งแจ้งผลการประเมินความเสี่ยงดังกล่าวไปยังหน่วยงานกากับ ดูแลผู้มีหน้าที่รายงานตามมาตรา ๑๓ และมาตรา ๑๖ และหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องเพ่ือดาเนินการใด ๆ ใน การปอ้ งกนั และปราบปรามการการฟอกเงิน หรือการต่อตา้ นการสนบั สนุนทางการเงนิ แก่การก่อการร้าย (๓/๓) จัดทาแผนปฏิบัติการร่วมกับส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ ท่ีเก่ียวข้อง ท่ีจะดาเนินการให้เป็นไปตามนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านการป้องกันและปราบปราม การฟอกเงนิ และการต่อตา้ นการสนับสนนุ ทางการเงนิ แกก่ ารกอ่ การร้าย
๘๒ (๓/๔) แจ้งรายชื่อผู้มีหน้าที่รายงานตามมาตรา ๑๓ และมาตรา ๑๖ ซึ่งไม่ ปฏบิ ัติตามพระราชบัญญัติน้หี รอื กฎหมายว่าดว้ ยการปอ้ งกันและปราบปรามสนับสนุนทางการเงนิ แก่การ ก่อการร้าย ไปยังหน่วยงานกากับดูแลผู้มีหน้าท่ีรายงานตามมาตรา ๑๓ และมาตรา ๑๖ เพ่ือพิจารณา ดาเนนิ การตามกฎหมายทเ่ี ก่ยี วขอ้ งตอ่ ไป (๓/๕) ส่งเสริมความร่วมมือของประชาชนเก่ียวกับการให้ข้อมูลข่าวสารเพ่ือ การปอ้ งกนั และปราบปรามการฟอกเงินและการต่อตา้ นการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย (๔) เก็บรวบรวมข้อมูล สถิติ ตรวจสอบ และติดตามประเมินผลการดาเนินการ ตามพระราชบัญญัติน้ีและวิเคราะห์รายงานหรือข้อมูลต่าง ๆ ที่เก่ียวกับการทาธุรกรรม และประเมิน ความเส่ียง ท่เี ก่ยี วกบั การฟอกเงินหรือการสนบั สนนุ ทางการเงนิ แก่การก่อการร้าย (๕) เก็บรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดาเนินคดีกับผู้กระทาความผิดตาม พระราชบัญญตั ินี้ (๖) จัดให้มีโครงการที่เกี่ยวกับการเผยแพร่ความรู้ การให้การศึกษา และ ฝึกอบรมในด้านต่าง ๆ ที่เก่ียวกับการดาเนินการตามพระราชบัญญัติน้ี หรือช่วยเหลือหรือสนับสนุนทั้ง ภาครัฐ และภาคเอกชนใหม้ ีการจดั โครงการดงั กล่าว ขอบเขตอานาจหน้าท่ีของสานักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในการ ตรวจสอบการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานของรัฐนั้น เน่ืองจากตามมาตรา ๓ (๕) แห่ง พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ กาหนดให้ความผิดต่อตาแหน่งหน้าที่ ราชการ หรือความผิดต่อตาแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรมตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตาม กฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดต่อตาแหน่งหน้าที่ หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอ่ืน เป็นความผิดตามกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน โดยสานักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินดาเนินการตามมาตรการทางแพ่ง บูรณาการและ ส่งเสรมิ ให้เกดิ การดาเนนิ การตามมาตรการทางอาญา สานักงาน ปปง. มีช่องทางในการรับเร่ืองร้องเรียน แจ้งเบาะแสตามความผิด มูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ผ่านสายด่วน ปปง. ๑๗๑๐ ผา่ นทางเวบ็ ไซต์สานักงาน ปปง. และการเดนิ ทางมาแจง้ ด้วยตนเองที่สานกั งาน ปปง. ทั้งน้ี สานักงาน ปปง. เห็นว่าการพิจารณาศึกษา เรื่อง “การจัดทาระบบการมี ส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตการจัดซ้ือจัดจ้างภาครัฐ” ในรูปแบบ QR Code ของคณะกรรมการ เป็นการสนับสนุน ส่งเสริม เสริมสร้างระบบการป้องกันและปราบปรามการ ทุจริตการจัดซ้ือจัดจ้างภาครัฐ ให้มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลย่ิงขึ้น ซ่ึงอาจเป็นในรูปของการข่าว การแจ้งเบาะแส ซึ่งเป็นประโยชน์ในการปราบปรามหรือการให้ความรู้ความเข้าใจ เพ่ือให้เกิดผลในด้าน การป้องกนั
๘๓ ๑๘) สานกั งานอยั การสงู สดุ องค์กรอัยการเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งประกอบด้วย ก.อ. อัยการสูงสุด และพนักงานอัยการอื่น โดยมีสานักงานอัยการสูงสุดเป็นหน่วยธุรการ และเป็นส่วนราชการท่ีมีอิสระใน การบริหารงานบุคคล การงบประมาณ และการดาเนินการอ่ืน และเป็นนิติบุคคล โดยมีอัยการสูงสุดเป็น ผ้บู ังคับบัญชาและเป็นผู้แทนนิติบคุ คล โดยที่พระราชบัญญัติการจดั ซ้อื จดั จ้างและการบรหิ ารพสั ดภุ าครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ บัญญัติคาว่า หน่วยงานของรัฐ ให้หมายความว่า องค์กรตามรัฐธรรมนูญ ประกอบกับ ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ได้นิยาม คาว่า “หัวหน้าหน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า ผู้ดารงตาแหน่งในหน่วยงานของรัฐ ซ่ึงองค์กรตาม รัฐธรรมนูญ หมายถึง อัยการสูงสุด ท่ีมีอานาจดาเนินการตามระเบียบน้ี ซ่ึงผู้ดารงตาแหน่งหัวหน้า หน่วยงานของรัฐนั้นสามารถกาหนดหน่วยงานระดับใด ผู้บังคับบัญชาช้ันใด ตาแหน่งใด มีอาน าจ ดาเนินการตามระเบียบนี้ก็ใหก้ ระทาได้ เพ่ือใหเ้ กิดความคลอ่ งตัวและมปี ระสิทธิภาพมากยงิ่ ขึ้น โดยมีการ กระจายอานาจและลดขั้นตอนการดาเนินการ อัยการสูงสุดจึงมีคาส่ังมอบอานาจดาเนินการและส่ังการ เก่ียวกับการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุของสานักงานอัยการสูงสุด ซึ่งในกรุงเทพมหานคร สานัก นักบริหารทรัพย์สินมีอานาจและหน้าท่ีรับผิดชอบในการจัดหาพัสดุ งานจัดจ้าง ก่อสร้างอาคาร งาน บริหารสัญญา และควบคุมพัสดุ ครุภัณฑ์ทั้งปวงของสานักงานอัยการสูงสุด รวมถึงแผนการจัดหาพัสดุ ศึกษา วิเคราะห์และพัฒนาระบบ รูปแบบ หลักเกณฑ์ วิธีการ รวมทั้งจัดทาระเบียบ คู่มือปฏิบัตินิเทศ งาน และให้คาปรึกษาแนะนาเก่ียวกับการพัสดุ สัญญาและการควบคุมพัสดุแก่หน่วยงานในสานักงาน อัยการสูงสุด รวมทั้งปฏิบัติร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นท่ีเก่ียวข้องหรือที่ได้รับ มอบหมาย ท้ังน้ี หากคณะกรรมาธิการ มีระบบ QR Code ในการเผยแพร่ฯ สานักงาน อัยการสูงสุดมีหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสาร ดังน้ัน เม่ือมีระบบ QR Code สานักงานอัยการสูงสุดกพ็ ร้อมท่ีจะเตรียมการในการรับเรื่องร้องเรียน หรือสร้างเครื่องมือเพ่ือเป็น ช่องทางที่สะดวกและปลอดภยั ในการแจง้ เบาะแสของประชาชน สานักงานอัยการสูงสุดเห็นด้วยกับการมีระบบ QR Code ในการเผยแพร่ รายละเอียดแผนงานโครงการเกี่ยวกับการจัดซ้ือจัดจ้าง เพื่อให้ประชาชนทุกภาคส่วนได้ตรวจสอบการ ทุจริต แต่มีข้อสังเกตในการเผยแพร่รายละเอียดแผนงานโครงการ กล่าวคือ ในการจัดซื้อจัดจ้างของ สานักงานอัยการสูงสุดได้ถือปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ กฎกระทรวง รวมถึงหนังสือของกรมบัญชีกลาง และอ่ืน ๆ ท่ีเกี่ยวข้อง ซ่ึงต้องเผยแพร่รายละเอียด แผนงานโครงการเก่ียวกับการจัดซ้ือจัดจ้าง รวมถึงข้ันตอนการดาเนินการต่าง ๆ ในระบบจัดซ้ือจัดจ้าง ภาครัฐ e-GP ของกรมบัญชีกลางอยู่แล้ว จึงอาจเป็นการซ้าซ้อนหากต้องเผยแพร่รายละเอียดในระบบ
๘๔ QR Code อีก หากระบบดังกล่าวสามารถเช่ือมโยงข้อมลู การจัดซื้อจดั จ้างในระบบ e-GP ได้ จะเป็นการ ลดขั้นตอนในการเผยแพร่รายละเอียดโครงการ สะดวก และรวดเร็วในการตรวจสอบการทุจริตและ การแจ้งเบาะแสของประชาชน ๑๙) กองบญั ชาการตารวจสอบสวนกลาง ข้อมูล ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะเก่ียกวับการดาเนินการเปิดช่องว่างทางการ แจ้งเบาะแสการทจุ ริตและประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าทร่ี ฐั (๑) ต้องประชาสัมพันธ์ผ่านทางระบบช่องทางการส่ือสาร โทรทัศน์ วิทยุ อินเตอร์เน็ต โซเชียลมิเดีย หรือทางระบบการส่ือสารอื่น ๆ เพื่อให้ประชาชนทั่วไป ได้เข้าใจถึงข้อ กฎหมายของนยิ ามคาว่า “ทุจริต” และ “เจ้าหนา้ ทีข่ องรฐั ” ว่ามีรายละเอยี ดเปน็ อย่างไร (๒) ต้องเพิ่มช่องทาง การแจ้ง ร้องเรียน เม่ือประชาชนพบเห็นความผิดให้ ง่าย สะดวก และรวดเร็วยิ่งข้ึน พร้อมทั้งเพ่ิมช่องทางการติดตาม การร้องเรียนดังกล่าว พร้อมข้อมูลการ ตดิ ตอ่ กบั เจ้าหน้าทรี่ ัฐผู้รบั การร้องเรียนใหเ้ ปน็ ธรรม (๓) เพ่ิมจานวน เจ้าหน้าท่ี ประจาแต่ละหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องกับการรับข้อ ร้องเรียน ทางทจุ ริตให้เพ่ิมมากข้ึน และงา่ ยตอ่ การเขา้ ถงึ ของประชาชน (๔) เสริมสร้างแรงจูงใจในการแจ้งเบาะแส ร้องเรียนเก่ียวกับการทุจริตของ เจ้าหน้าที่รัฐ โดยเพ่ิมเติมกฎหมายในประเทศ “ค่าสินบนแห่งคดี” หากพบว่า คดีท่ีผู้ร้องเรียนสามารถ สืบสวน สอบสวน จนสามารถตดิ ตามจบั กมุ เจ้าหนา้ ท่ขี องรฐั ผู้กระทาความผิดมาดาเนินคดี และตรวจยึด ทรัพย์สินที่เช่ือว่าหรือได้มาจากการกระทาความผิด ขายทอดตลาด หรือตกเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน โดยเทียบเคยี งกับรางวัลสินบนนาจับตามประมวลศลุ กากร (๕) สร้างเครือข่ายคนดีมีคุณธรรมต่อต้านการทุจริตให้เพิ่มมากข้ึน เพื่อเพิ่ม ชอ่ งทางในการแลกเปลีย่ นข้อมลู ข่าวสารในทางทจุ รติ ในแตล่ ะกลมุ่ (๖) ควรมีการจัดมอบรางวัลประจาปีในการต่อต้านการทุจริต ซึ่งท่าน นายกรัฐมนตรี จะเปน็ ผมู้ อบใหก้ บั ประชาชนผู้ได้รับการคัดเลอื ก (๗) เพิ่มหลักสูตรการเรียนรู้ในการต่อต้านการทุจริตให้กับเยาวชนของชาติตั้งแต่ ในระดบั อนบุ าล
๘๕ ๔.๒ การเดินทางลงพนื้ ท่ี เพอื่ ความเห็นจากหนว่ ยงานท่ีเกย่ี วขอ้ ง ๑) เทศบาลตาบลบา้ นเหลา่ เทศบาลตาบลบ้านเหล่ามีการเปิดเผยข้อมูลเก่ียวกับการดาเนินการจัดซื้อจัดจ้างให้ ป ร ะ ช า ช น ได้ เข้ า ไป ต ร ว จ ดู โด ย เปิ ด เผ ย ข้ อ มู ล จั ด ซื้ อ จั ด จ้ า ง ให้ ป ร ะ ช า ช น ส า ม า ร ถ เข้ า ต ร ว จ ดู ได้ ทางเว็บไซต์ www.tbl.go.th และเว็บไซต์ระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ www.gprocurement.go.th และปิดประกาศท่ีหน่วยงาน โดยเผยแพร่ข้อมูล ประกาศเชิญชวน ประกาศผู้ชนะการเสนอราคาสัญญา ซ้ือขาย สัญญาจ้าง และประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสหรือยื่นข้อร้องเรียนด้วยตนเองที่สานักงาน เทศบาลตาบลบ้านเหล่า ๒๕๙ หมู่ ๔ ตาบลทุ่งถ่อ อ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย ๕๗๓๕๐ หรือโทรศัพท์ สายด่วนผู้บริหาร ปลัดเทศบาล ๐๙๗ ๙๒๑ ๒๒๔๔ หรือทางเว็บไซต์ www.tbl.go.th และ E-mail : [email protected] เทศบาลตาบลบ้านเหล่า มีบุคลากรท่ีมีความรู้ความสามารถในการจัดทาและควบคุม ช่องทางการติดต่อระบบจัดเก็บข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ โดยการกาหนดรหัสและข้อมูลส่วนบุคคล ในการขอตรวจสอบและย่ืนข้อร้องเรียน จึงมีความพร้อมดาเนินการจัดทาระบบการมีส่วนร่วม ของประชาชนในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตการจัดซ้ือจัดจ้างภาครัฐ” ของคณะกรรมาธิการ หากมีการใช้รูปแบบ QR Code ในการจัดซื้อจัดจ้างของเทศบาลตาบลบ้านเหล่าได้ให้ประชาชน เข้ามามีส่วนร่วมเป็นคณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคาและคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ และประชาสมั พนั ธ์การตรวจรับงานจ้างใหป้ ระชาชนในพื้นทเ่ี ข้าสังเกตการณ์และรว่ มแสดงความคิดเหน็ และควรประชาสัมพันธ์วิธีการดังกล่าวตามสื่อหลักให้กว้างขวางและท่ัวถึงเพ่ือให้การมีส่วนร่วม ของประชาชนในการป้องกนั ปราบปรามการทจุ รติ การจัดซ้ือจัดจ้างภาครัฐใหม้ ากขน้ึ ๒) สถานีตารวจภธู รจงั หวัดเชียงราย สถานีตารวจภูธรจังหวัดเชียงรายมีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการดาเนินการจัดซ้ือ จัดจ้างให้ประชาชนได้เข้าไปตรวจดูโดยการเปิดเผยโดยวิธีติดประกาศ ซึ่งเป็นข้อมูลในการจัดซื้อจัดจ้าง ทั่วไปและข้อมูลในการก่อสร้าง และได้มีการอานวยความสะดวกให้กับประชาชนที่มีความประสงค์ จ ะ แ จ้ งเบ า ะ แ ส ห รื อ ยื่ น เรื่ อ งร้ อ งเรี ย น เก่ี ย ว กั บ ก า ร ทุ จ ริ ต ก าร จั ด ซ้ื อ จั ด จ้ า งข อ งห น่ ว ย งา น ภ า ค รั ฐ โดยโทรสายดว่ น ๑๕๙๙ ส่งหนงั สอื มาทางหน่วยงาน หรือย่นื ดว้ ยตัวเอง หากมีรูปแบบ QR Code ในการเผยแพร่รายละเอียดแผนงานโครงการเกี่ยวกับ การจดั ซื้อจัดจา้ งของภาครฐั เพ่อื ใหป้ ระชาชนทกุ ภาคสว่ นได้ตรวจสอบการทจุ ริต สถานีตารวจภธู รจังหวัด เชยี งรายมีความพร้อมในการรบั เร่ืองรอ้ งเรยี น หรือสร้างเครอื่ งมอื เพอ่ื เป็นช่องทางทีส่ ะดวกและปลอดภัย ในการแจง้ เบาะแสของประชาชน
๘๖ ๓) เทศบาลตาบลท่าสุด เทศบาลตาบลท่าสุดมีการเปิดเผยข้อมูลเก่ียวกับการดาเนินการจัดซื้อจัดจ้างให้ ประชาชนได้เข้าไปตรวจดูโดยมีการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการจัดซ้ือจัดจ้างให้ประชาชน ได้เข้าตรวจสอบดูผ่านทางเว็บไซต์และเฟสบุ๊กของเทศบาลตาบลท่าสุด เป็นการเปิดเผยการจัดซ้ือจัดจ้าง ของโครงการต่าง ๆ ทุกโครงการให้ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ และได้มีการอานวยความสะดวก ให้กับประชาชน ที่มีความประสงค์จะแจ้งเบาะแสหรือย่ืนเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริตจัดซื้อจัดจ้าง ของหนว่ ยงานภาครัฐ ผ่านทางช่องทาง ดงั นี้ ๑) แจง้ ผา่ นทางเวบ็ ไซตข์ องหน่วยงาน www.tasud.co.th ๒ ) แ จ้ ง ผ่ า น ท า ง เฟ ส บุ๊ ก ข อ ง ห น่ ว ย ง า น http://www.facebook.com /tasud.subdistrict.municipality/ ๓) แจ้งตแู้ ดง ตูข้ องเทศบาล ท่ีประจาในแตล่ ะหมู่บา้ น เป็นต้น เทศบาลตาบลทา่ สดุ เหน็ ดว้ ยกับหลกั การการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกนั และปราบปรามการทุจริตในการจัดซ้ือจัดจ้าง เพราะเป็นไปตามหลักความโปร่งใสในการปฏิบัติราชการ ตรวจสอบได้ และไม่มีข้อขัดข้องประการใด และหากมีการดาเนินการตามแผนงานโครงการเกี่ยวกับ การจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐฯ เทศบาลตาบลท่าสุดมีความพร้อมในการรับเร่ืองราวร้องเรียนร้องทุกข์ หรือช่องทางในการแจ้งเบาะแสของประชาชนอยู่แล้ว โดยสามารถแจ้งผ่านทางเว็บไซต์ของเทศบาล ตาบลท่าสุดหรือทางเฟซบุ๊คของเทศบาลตาบลท่าสุดท่ีสะดวกและปลอดภัยเพราะเจ้าหน้าท่ีรับเรื่องไว้ จะไม่นาข้อมูลที่ได้รับมาเปิดเผยแต่จะนาไปสอบสวนเพื่อดาเนินการตามระเบียบกฎหมายที่เก่ียวข้อง ตอ่ ไป ๔) องคก์ ารบริหารสว่ นตาบลแมส่ ลองใน องค์การบริหารส่วนตาบลแม่สลองใน ยึดหลักการ “เปิดเผยเป็นหลัก ปกปิด เป็นข้อยกเว้น” อบต.แม่สลองใน ได้มีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างให้ประชาชนได้เข้าไป ตรวจดู ซึ่งข้อมูลต่าง ๆ ประกอบด้วย แผนการจัดซื้อจัดจ้าง เอกสารประกอบการจัดซ้ือจัดจ้าง/ราคา กลาง ผลการจัดซื้อจัดจ้าง และสัญญา โดยอาศัยการประชาสัมพันธ์หรือเปิดเผยผ่านช่องทางส่ือสังคม ออนไลน์ต่าง ๆ ได้แก่ เว็บไซต์ทางการของ อบต. เฟซบุ๊ค ไลน์ทางการ จดหมายถึงผู้นาชุมชน/หมู่บ้าน และหนังสือถึงบริษัทห้างร้านทั่วไปที่เกี่ยวข้อง และได้มีการอานวยความสะดวกให้แก่ประชาชน ท่ีมีความประสงค์จะแจ้งเบาะแสและย่ืนข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริตในการจัดซ้ือจัดจ้าง ได้แก่ การส่งเสริมกระบวนการแลกเปล่ียนความรู้ ถ่ายทอดองค์ความรู้ภายในองค์กรจากผู้มีประสบการณ์ เก่ียวกับงานพัสดุให้แก่บุคลากรผ่านการฝึกอบรม สัมมนาและศึกษาดูงาน และรณรงค์เสริมสร้างจิตอา สานึกและความตระหนักในหลักธรรมาภิบาลเพ่ือผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก โดยการจัดขบวน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125