Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 70th_Anniversary_Celebrations_of_King

70th_Anniversary_Celebrations_of_King

Published by thanom, 2018-08-16 01:00:20

Description: 70th_Anniversary_Celebrations_of_King

Keywords: History

Search

Read the Text Version

สีอันเป็นเดชแห่งวันพระบรมราชสมภพ และยังหมายถึงสีของความม่ังค่ังอุดมสมบูรณ์แห่งผืนภูมิประเทศท่ีทรงปกครองทำนุบำรุงอย่างหนักยิ่งมาตลอดเวลาท่ีทรงครองสิริราชสมบัติ ๖๐ ปี อันยาวนานที่สุดยิ่งกว่าพระมหากษัตริย์พระองค์ใดในพระราชพงศาวดารในสยามประเทศ พระราชพิธฉี ลองสริ ิราชสมบตั คิ รบ ๖๐ ปี พุทธศักราช ๒๕๔๙ นบั เป็นปีมหามงคลท่พี ระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงครองสิริราชสมบัติยาวนานถึง ๖๐ ปี ซึ่งเป็นระยะเวลายาวนานกว่าพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ในประวตั ศิ าสตรช์ าตไิ ทย และพระมหากษตั รยิ ท์ กุ พระองคใ์ นปจั จบุ นั ดงั นนั้ รฐั บาล และประชาชนชาวไทย จงึ ไดก้ ราบบงั คมทลูขอพระราชทานพระบรมราชานญุ าตจดั งานเฉลมิ ฉลองตามโบราณราชประเพณี พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานช่ือการจัดงานว่า การจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปีชื่อพระราชพิธีว่า พระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานชือ่ การจดั งานและพระราชพธิ ีเป็นภาษาองั กฤษวา่ The Sixtieth Anniversary Celebrations of His Majesty’s Accessionto the Throne วนั ท่ี ๘ มถิ ุนายน ๒๕๔๙ พระราชกศุ ลทักษิณานุปทาน ณ พระทน่ี งั่ อมรนิ ทรวนิ จิ ฉยั เป็นการบำเพ็ญพระราชกุศลสนองพระมหากรุณาธิคุณแห่งพระมหากษัตริย์ในพระบรมราชจักรีวงศ์ ท่ีได้ทรงสถาปนาและจรรโลงกรุงรัตนโกสินทร์ให้เจรญิ รุ่งเรืองสืบสันตสิ ุขมาตราบเท่าทุกวันนี้ วนั ที่ ๙ มถิ นุ ายน ๒๕๔๙ พระราชพธิ บี วงสรวงสมเดจ็ พระบรู พมหากษตั รยิ าธริ าช ณ พลบั พลาพธิ ี พระทน่ี งั่ อนนั ตสมาคมพระราชวงั ดสุ ติ ต่อจากนัน้ เสด็จออกมหาสมาคม ณ สหี บัญชร พระทน่ี ง่ั อนันตสมาคม วันท่ี ๑๐ มิถุนายน ๒๕๔๙ พระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยในพระบรมมหาราชวงั วันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๔๙ เสด็จออก ณ ท้องพระโรง พระที่น่ังอนันตสมาคม ทรงรับการถวายพระพรชัยมงคลจากพระราชอาคันตุกะ ซ่ึงเป็นสมเด็จพระราชาธิบดี สมเด็จพระราชินี และผู้แทนพระองค์พระประมุขจากประเทศต่าง ๆทว่ั โลก จำนวน ๒๕ ประเทศ ในตอนเย็นวันเดียวกันนั้น พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชนิ นี าถ และพระบรมวงศานุวงศ์ รวมทงั้ พระราชอาคันตุกะจาก ๒๕ ประเทศ เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรขบวนเรอื พระราชพธิ ี ณ ราชนาวิกสภา วันที่ ๑๓ มิถนุ ายน ๒๕๔๙ เวลาคำ่ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจา้ สริ ิกิติ์พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระท่ีน่ังบรมราชสถิตมโหฬาร ในหมู่พระท่ีนั่งจักรีมหาปราสาท เพื่อถวายพระกระยาหารค่ำแด่พระประมุขและพระราชวงศ์จากต่างประเทศ ในโอกาสน้ี พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระราชดำรัสขอบพระทัยพระประมุขและพระราชวงศ์ต่างประเทศทั้งหลายท่ีทรงพระอุตสาหะเสด็จพระราชดำเนินมาร่วมงานครั้งนี้ ต่อจากน้ัน สมเด็จพระราชาธิบดีฮัจญี ฮัสซานัล โบเกียห์ มูอิซซัดดิน วัดเดาะเลาะห์แห่งบรูไน ดารุสซาลาม มีพระราชดำรัสถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชในฐานะผแู้ ทนพระประมขุ และพระราชวงศ์ต่างประเทศทั้งหลาย 49๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษัตริยป์ ระชาธิปไตย

50 ๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษตั ริยป์ ระชาธปิ ไตย

51๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษัตริยป์ ระชาธิปไตย

งานฉลองสริ ิราชสมบัตคิ รบ ๗๐ ปี ตราสัญลักษณ์งานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๗๐ ปี ประกอบด้วยอักษรพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร. สีเหลืองนวลทอง อันเป็นสีประจำวันพระบรมราชสมภพ ขอบริมอักษรสีทองบนพื้นสีขาบเข้ม (น้ำเงินแก่) เป็นสีประจำสถาบันพระมหากษัตริย์ ภายในกรอบลายทองปนนากมีลายเน่ืองสีทองมากกว่า ๗๐ ดวง เป็นการถวายพระพรให้ทรงสถิตดำรงในสิริราชสมบัติ มากกว่าปีท่ี ๗๐ ให้สถาพรโดยสวสั ดเี ป็นอเนกอนันตย์ ่ิงกวา่ พระมหากษตั ริยพ์ ระองคใ์ ด อกั ษรพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร. และกรอบลายทองปนนากนี้สถิตอยู่ภายใต้พระมหาพชิ ัยมงกฎุ ประกอบพระอณุ าโลม สีทอง แวดล้อมด้วยพระแสงขรรค์ชัยศรีและพระแส้จามรีอยู่เบื้องซ้ายแห่งพระมหาพิชัยมงกุฎ มีธารพระกรและ พัชนีฝักมะขามอยู่เบ้ืองขวา มีฉลองพระบาททอดอยู่ที่ปลายพระแสงและธารพระกรนั้นเบ้ืองล่าง รวมเรียกว่า เคร่ืองเบญจสิริราชกกุธภัณฑ์ เป็นนิมิตหมายแห่งการฉลองสิริราชสมบัติ ล่างลงมาเป็นแพรแถบสีหงชาด (ชมพู) ขลิบทอง เขียนอักษรสีทอง ความว่าฉลองสิริราชสมบัติครบ ๗๐ ปี ปลายด้านขวาของแพรแถบระบุ พ.ศ. ๒๔๘๙ อันเป็นปีท่ี เสดจ็ เถลงิ ถวลั ยราชสมบตั ิ ปลายด้านซา้ ยของแพรแถบระบุ พ.ศ. ๒๕๕๙ แสดงกาลเวลาทีล่ ว่ งมา ๗๐ ปี ตราบจนปัจจบุ นั52 ๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษัตรยิ ป์ ระชาธิปไตย

พระราชพิธีฉลองสริ ิราชสมบตั ิครบ ๗๐ ปี พุทธศกั ราช ๒๕๕๙ นบั เปน็ ปมี หามงคลท่พี ระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงครองสิริราชสมบัติยาวนานถึง ๗๐ ปี ซ่ึงเป็นระยะเวลายาวนานกว่าพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ในประวตั ศิ าสตรช์ าตไิ ทย และพระมหากษตั รยิ ท์ กุ พระองคใ์ นปจั จบุ นั ดงั นนั้ รฐั บาล และประชาชนชาวไทย จงึ ไดก้ ราบบงั คมทลูขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตจัดงานเฉลิมฉลองตามโบราณราชประเพณี พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานช่ือการจัดงานว่า การจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๗๐ ปีและทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มพระราชทานช่อื การจดั งานเป็นภาษาองั กฤษว่า The Seventieth AnniversaryCelebrations of His Majesty’s Accession to the Throne วันท่ี ๙ มถิ ุนายน ๒๕๕๙ เวลา ๐๗.๓๙ นาฬกิ า บรเิ วณพระบรมมหาราชวงั ประตสู วสั ดโิ สภา พลเอก ประยุทธ์จนั ทร์โอชา นายกรัฐมนตรแี ละหัวหนา้ คณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาติ (คสช.) เป็นประธานพธิ ีทำบญุ ตกั บาตรพระสงฆ์ ๗๗๐ รปูรอบวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล และพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคลเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช เนือ่ งในโอกาสมหามงคลเสดจ็ เถลิงถวลั ยราชสมบัตคิ รบ ๗๐ ปี ๙ มถิ นุ ายน๒๕๕๙ และเฉลมิ พระเกยี รตสิ มเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ิ์ พระบรมราชนิ นี าถ เนอื่ งในโอกาสมหามงคลเฉลมิ พระชนมพรรษา ๗ รอบ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ โดยมีคณะรฐั มนตรี ขา้ ราชการ ภาคเอกชน และประชาชนทกุ หมเู่ หลา่ เข้ารว่ มพิธี จากน้นั สมเด็จพระราชาคณะ ๑๐ รปู พร้อมด้วยพระสงฆ์ของโครงการที่รว่ มอปุ สมบทหม่เู ฉลมิ พระเกียรติ ๗๗๐ รูปได้ทำพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคลภายในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยทางมหาเถรสมาคมได้จัดทำบทสวดใหม่ “สัตตติวัสสรัชชกาลวรทานคาถา” ซ่ึงเป็นพระคาถาที่ประพันธ์ขึ้นในงานนี้โดยเฉพาะ ท้ังน้ีพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล และพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคลได้จัดพิธีพร้อมกันทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ แต่ละศาสนาได้จัดพิธีสวดถวายพระพรชัยมงคลในศาสนสถานและจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ในชุมชนและวัดไทยทว่ั โลก 53๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษตั รยิ ์ประชาธปิ ไตย



พระราชกรณยี กจิ เก่ยี วกับรฐั สภา

พระราชกรณียกจิ เกย่ี วกบั รฐั สภา พธิ ีเททองหล่อพระบรมรปู พระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจ้าอยหู่ วั ด้วยความระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวท่ีทรงพระกรุณาโปรดเกล้า โปรดกระหม่อมพระราชทานรัฐธรรมนูญให้แก่ปวงชนชาวไทย เม่ือวันท่ี ๑๐ ธันวาคม ๒๔๗๕ และเพ่ือแสดงความจงรักภักดี และถวายความกตัญญูกตเวที รัฐสภาได้มีการหารือกันในหลายคร้ังหลายสมัยท่ีจะสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระบาท สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่ก็ยังไม่มีการดำเนินงานอย่างจริงจัง จนกระทั่ง พ.ศ. ๒๕๒๐ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซ่ึงมพี ลอากาศเอก หะริน หงสกลุ เป็นประธานสภานติ บิ ัญญตั แิ ห่งชาติ ได้ดำเนินการต่อมาจนไดร้ บั อนมุ ัตเิ งินงบประมาณจาก รัฐบาลจำนวน ๑๐ ลา้ นบาท รวมท้งั ไดร้ ับความรว่ มมือจากขา้ ราชการ พ่อคา้ ประชาชน บริษัท หา้ งรา้ น องค์การต่าง ๆ ร่วมกัน บริจาคเงินสมทบทุนในการจัดสร้าง และคณะกรรมการอำนวยการสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ ได้ประชุมกันเม่ือวันท่ี ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๒ มีมติให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาขอย้ายสถานที่สร้างจากท่ีเดิมบริเวณด้านทิศตะวันออกของ องคพ์ ระทน่ี ง่ั อนนั ตสมาคม มาสรา้ งทบ่ี รเิ วณหนา้ สำนกั งานเลขาธกิ ารรฐั สภา พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ไดพ้ ระราชทานพระบรมราชานญุ าต คณะกรรมการฯ จึงได้มอบหมายใหก้ รมศลิ ปากรออกแบบและดำเนินการก่อสร้าง ในการดำเนนิ งานปนั้ หลอ่ พระบรมรปู พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจ้าอยู่หวั ไดม้ กี ารสรา้ งโรงงานปั้นหล่อช่ัวคราวขึ้น ในบรเิ วณรฐั สภา โดยมกี รมศลิ ปากร เปน็ ผคู้ วบคมุ การปน้ั และเปน็ ผหู้ ลอ่ พระบรมรปู และสว่ นประกอบของพระบรมราชานสุ าวรยี ฯ์ ท้งั หมด รวมระยะเวลาการป้นั ๓๖๐ วัน เม่ือการปน้ั พระบรมรปู แล้วเสรจ็ จึงได้ดำเนนิ การเททองหลอ่ พระบรมรปู56 ๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษตั รยิ ์ประชาธิปไตย

พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช *ภาพจากหอภาพยนตร์ (องคก์ ารมหาชน)และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารีเสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระท่ีนั่งไปยังสำนักงาน 57๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษัตริยป์ ระชาธิปไตยเลขาธิการรัฐสภา ในวันเสาร์ท่ี ๗ เมษายน ๒๕๒๒ เวลา๑๗.๐๐ นาฬกิ า โดยมีพลอากาศเอก หะรนิ หงสกุล ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และรองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เฝา้ ทูลละอองธลุ ีพระบาทรบั เสดจ็ ตอ่ จากนนั้ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเข้าสู่พลับพลาพิธี พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชทรงจดุ ธปู เทยี นเครอ่ื งนมสั การบชู าพระรตั นตรยั ทรงกราบแลว้ ประทบั พระราชอาสน์ทรงศีล สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชถวายศีลจบแล้ว พลอากาศเอก หะริน หงสกุล ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กราบบังคมทูลรายงานเกี่ยวกับการหล่อพระบรมรูปพระบาทสมเดจ็ พระปกเกล้าเจา้ อย่หู วั

*ภาพจากหอภาพยนตร์ (องคก์ ารมหาชน)58 ๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษัตรยิ ์ประชาธปิ ไตย

จากน้ัน เม่ือเวลาพระฤกษ์ ๑๗.๐๙ – ๑๗.๒๙นาฬิกา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารีเสดจ็ พระราชดำเนนิ ออกจากพลบั พลาพธิ ี ไปประทบั ยงั เกยมณฑลพธิ เี ททอง ทรงรบั แผน่ ทอง นาก เงนิ แลว้ ทรงหยอ่ นลงในชอ้ นทรงเทแผ่นทอง นาก เงิน ลงในเบ้า และทรงถือสายสูตรท่ีเจ้าพนักงานพระราชพิธีนำขอเกี่ยวปากเบ้า ขณะนั้นช่างประติมากรรมเทเบ้าที่หลอมแผ่นทอง นาก เงิน และโลหะลงในหุ่นหล่อพระบรมรูป เมื่อทรงเททองหล่อพระบรมรูปเสร็จแล้ว พระครูสตานันทมุนี หลั่งน้ำสังข์และเจิมหุ่นพระบรมรูป จากน้ันเสด็จพระราชดำเนินเข้าสู่พลับพลาพิธีพ ร ะ บ า ท ส ม เ ด็ จ พ ร ะ ป ร มิ น ท ร ม ห า ภู มิ พ ล อ ดุ ล ย เ ด ชทรงหลง่ั ทกั ษโิ ณทก พระสงฆถ์ วายอนโุ มทนา ถวายอดเิ รกแลว้พลอากาศเอก หะรนิ หงสกลุ กราบบงั คบั ทลู เบกิ ผมู้ จี ติ ศรทั ธาโดยเสดจ็ พระราชกศุ ลสมทบทนุ สรา้ งพระบรมราชานสุ าวรยี ฯ์เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเงินพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดชพระราชทานเงนิ ของผทู้ โ่ี ดยเสดจ็ พระราชกศุ ลแกพ่ ลอากาศเอก หะรนิ หงสกลุจากนั้นพลอากาศเอก หะริน หงสกุล ทูลเกลา้ ทลู กระหม่อมถวายของท่ีระลึก พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดชเสดจ็ พระราชดำเนนิ ไปทรงกราบทห่ี นา้ เครอ่ื งนมสั การทรงลาพระสงฆ์ เสด็จพระราชดำเนินออกจากพลับพลาพิธีและเสด็จพระราชดำเนนิ กลับ 59๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษัตรยิ ป์ ระชาธิปไตย

พระราชพิธเี ปิดพระบรมราชานสุ าวรยี ์ พระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้กำหนดการ พระราชพธิ ีเปิดพระบรมราชานสุ าวรียพ์ ระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจา้ อยู่หวั และพระราชพิธีฉลองวันพระราชทานรัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย เปน็ การต่อเนื่องกนั ในวนั พุธท่ี ๑๐ ธนั วาคม ๒๕๒๓ ดังหมายกำหนดการ ตอ่ ไปนี้60 ๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษตั ริย์ประชาธิปไตย

เมอ่ื เวลา๑๐.๐๐นาฬกิ าพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมีพลอากาศเอก หะริน หงสกุล ประธานรัฐสภาและประธานคณะกรรมการดำเนินการสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ พร้อมด้วยพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีเฝา้ ทลู ละอองธลุ พี ระบาทรบั เสดจ็ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินเข้าสู่ปะรำมณฑลพิธี ทรงจุดธูปเทียนท่ีเคร่ืองนมัสการทองลงยาราชาวดีทรงกราบถวายสักการบูชาพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ประจำรัชกาลที่ ๗ และพระพุทธรูปปางประจำรัชกาลที่ ๗สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช ถวายศีลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงศีลจบแล้ว พลอากาศเอก หะริน หงสกุล กราบบังคมทูลถวายรายงานการก่อสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั 61๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษตั รยิ ป์ ระชาธปิ ไตย

พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช เสด็จพระราชดำเนินขึ้นยังไพทีหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ ทรงกดปุ่มไฟฟ้าเปิดแพรท่ีถวายคลุมพระบรมรูปพระบาท สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระสุหร่ายฉีดถวายสรง พระบรมรปู ราชานสุ าวรยี ฯ์ แลว้ ทรงเจมิ ทด่ี วงพระราชลญั จกร ของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ซ่ึงมีอักษรจารึก พระราชดำรัสเนื่องในการพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจกั รไทย แลว้ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ล อดลุ ยเดชถวายราชสักการะด้วยพมุ่ ดอกไม้สด ทรงคม (ไหว)้ และสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี ถวาย สกั การะดว้ ยพวงมาลัย ทรงคม พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช เสด็จพระราชดำเนินไปทรงจุดธูปเทียนที่เครื่องนมัสการ ทองทิศ และเครื่องนมัสการทองน้อย ทรงกราบถวาย ราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ พร้อมกับสมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารีทรงธูปเทียน เคร่ืองนมัสการท้ายที่น่ังกราบถวายราชสักการะพระบรม ราชานุสาวรยี ์ฯ62 ๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษตั ริยป์ ระชาธปิ ไตย

ต่อจากน้ัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินไปที่โต๊ะตั้งเคร่ืองบวงสรวงอัญเชิญดวงพระวิญญาณเสด็จสถิต ณ พระบรมราชานุสาวรีย์ฯ ทรงจุดเทียนทองเทียนเงินและธูป ทรงคมและทรงจุดธูปหางปักท่ีเครื่องบวงสรวงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯสยามบรมราชกมุ ารี ทรงจดุ ธูปหางปกั ทีเ่ ครอ่ื งบวงสรวงด้วย เหรียญกษาปณ์ทร่ี ะลกึ เม่ือพราหมณ์อ่านประกาศบวงสรวงจบ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชดำเนินไปทรงประเคนตะลมุ่ ภตั ตาหารแดส่ มเดจ็ พระสงั ฆราช และประทบั ทรงปฏบิ ตั สิ มเดจ็ พระสงั ฆราช และทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้โปรดกระหม่อมใหป้ ระธานรฐั สภา นายกรฐั มนตรี ประธานศาลฎกี า และรฐั มนตรี ถวายภตั ตาหารแดพ่ ระสงฆ์ท่เี จรญิ ชัยมงคลคาถาตามลำดับ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชดำเนินไปถวายไตรและย่ามท่ีระลึกทรงหลัง่ ทกั ษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนโุ มทนา ถวายอดิเรก ต่อจากน้ัน พลอากาศเอก หะริน หงสกุล เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเหรียญที่ระลึกและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก เสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชดำเนินไปทรงกราบท่ีหน้าเครื่องนมัสการ ทรงลาสมเด็จพระสังฆราชเสด็จพระราชดำเนินกลบั พร้อมดว้ ยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี 63๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษัตรยิ ์ประชาธิปไตย

พระราชพธิ ีฉลองวันพระราชทานรฐั ธรรมนญู ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองเม่ือวันท่ี ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติธรรมนูญ การปกครองแผน่ ดนิ สยามชั่วคราว พทุ ธศักราช ๒๔๗๕ ในการปกครองประเทศ แต่ถอื เปน็ ธรรมนญู ช่วั คราว เพราะได้สร้างขนึ้ ด้วยเวลากะทันหัน อาจมีข้อบกพร่องได้ จึงควรตั้งผู้มีความรู้ความชำนาญตรวจแก้ไขเพิ่มเติมเสียใหม่ให้เรียบร้อยบริบูรณ์ จึงได้มีการตั้งกรรมการร่างรัฐธรรมนูญเพื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวร คร้ันการร่างรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จและก่อนท่ีสภาผู้แทน ราษฎรจะนำรา่ งรฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พทุ ธศักราช .... ทูลเกลา้ ทลู กระหมอ่ มถวายพระบาทสมเด็จพระปกเกลา้ เจา้ อย่หู ัวเพ่อื ทรงลงพระปรมาภิไธย ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครง้ั ท่ี ๓๔/๒๔๗๕ (วสิ ามัญ) วนั พธุ ท่ี ๑๖ พฤศจกิ ายน พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๕ ณ พระทนี่ งั่ อนนั ตสมาคม พระยามโนปกรณน์ ติ ธิ าดา ประธานคณะกรรมการราษฎร ไดก้ ลา่ วในทปี่ ระชมุ วา่ “เม่อื ไดน้ ำร่างรัฐธรรมนูญนข้ี ้นึ ทูลเกล้าฯ ถวายทอดพระเนตรท์ รงมรี บั สัง่ ว่าเป็นทพ่ี อพระราชหฤทัย และไดท้ รงแนะนำว่า การประกาศรฐั ธรรมนูญนน้ั เป็นของสำคญั ย่ิงใหญ่ ควรจะมีพธิ ีรตี อง จึง่ โปรดเกลา้ โปรดกระหม่อมให้โหรหลวงหาฤกษ์ยาม ได้ ๓ ฤกษ์ ฤกษ์ ๑ ตกวันที่ ๑ ธันวาคม ฤกษ์ ๒ ตกวันที่ ๑๐ ธันวาคม ฤกษ์ ๓ ไปตกกลางเดือนมกราคม จง่ึ ได้คดิ ว่าสำหรบั ฤกษ์หน่งึ น้ันเวลากระช้ันเกินไปคงไมท่ ัน จึง่ ไดก้ ำหนดไว้เป็นวนั ท่ี ๑๐ ธนั วาคม คอื ฤกษ์ที่ ๒ ส่วนฤกษ์ ๓ นนั้ เวลานานไป ฉะนนั้ จงึ่ อยากรบี เรง่ พจิ ารณาใหแ้ ลว้ เสรจ็ โดยเรว็ เพอื่ ใหท้ นั ในวนั ที่ ๑๐ ธนั วาคม โดยหวงั วา่ จะแลว้ เสรจ็ จากสภาภายในวนั ท่ี ๓๐ เดอื นน้ี โดยเราประชมุ กนั ตง้ั แต่ ๔ โมงเชา้ เรอ่ื ย ๆ ไปทกุ วนั จนกวา่ จะเสรจ็ เพอ่ื ใหแ้ ลว้ กอ่ นวนั ฤกษ์ ๑๐ วัน โดยที่ทรงเห็นว่ารัฐธรรมนูญน้ันเป็นของศักด์ิสิทธ์ิและเป็นของท่ีควรจะขลัง เพราะฉะนั้นต้องการจะเขียนใส่ สมุดไทยซง่ึ จะกนิ เวลาหลายวัน ฉะน้นั จ่ึงใครร่ บี ประชมุ เสยี ใหเ้ สร็จกอ่ นกำหนดดง่ั กลา่ วแล้ว” ตอ่ มาในวนั ศกุ รท์ ่ี ๑๐ ธนั วาคม ๒๔๗๕ พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ไดเ้ สดจ็ ออก ณ พระทนี่ ง่ั อนนั ตสมาคม ในพระราชพิธีพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช ๒๔๗๕ ท่ามกลางอุดมสันนิบาต มีพระบรม วงศานวุ งศ์ และทตู านทุ ตู ผแู้ ทนนานาประเทศ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร เสนามาตยร์ าชบรพิ าร เฝา้ เบอ้ื งบาทบงกชพรงั่ พรอ้ มกนั อาลักษณ์ไดอ้ ่านพระราชปรารภในการพระราชทานรฐั ธรรมนญู ว่า “ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ประกาศความพระราชปรารภว่า ข้าราชการทหารพลเรือน และอาณาประชาราษฎรของพระองค์ ได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานรัฐธรรมนูญเพ่ือให้ สยามราชอาณาจักรได้มกี ารปกครองตามวิสยั อารยประเทศในสมัยปจั จบุ นั ทรงพระราชดำรเิ หน็ วา่ สมเดจ็ พระเจ้าแผน่ ดินในพระบรมราชจักรีวงศ์ ได้เสด็จเถลงิ ถวลั ยราชยผ์ า่ นสยามพภิ พ ทรงดำเนิรพระราโชบายปกครองราชอาณาจักร ดว้ ยวิธีสมบูรณาญาสิทธริ าชภายในทศพธิ ราชธรรมจรรยา ทรงทำนบุ ำรุง ประเทศให้รุ่งเรืองไพบูลย์สืบมาครบ ๑๕๐ ปีบริบูรณ์ ประชาชนชาวสยามได้รับพระบรมราชบริหารในวิถีความเจริญ นานาประการโดยลำดับ จนบัดนี้มีการศึกษาสูงขึ้นแล้ว มีข้าราชการประกอบด้วยวุฒิปรีชาในรัฐาภิปาลโนบาย สามารถนำประเทศชาติของตน ในอันท่ีจะก้าวหน้าไปสู่สากลอารยธรรมแห่งโลกโดยสวัสดี สมควรแล้วท่ีจะพระราชทาน พระบรมราชวโรกาส ให้ข้าราชการและประชาชนของพระองค์ ได้มีส่วนมีเสียงตามความเห็นดีเห็นชอบในการจรรโลง ประเทศสยามให้วัฒนาการในภายภาคหน้า จึ่งทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานรัฐธรรมนูญ64 ๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษตั รยิ ์ประชาธิปไตย

การปกครองแผน่ ดนิ สยามตามความประสงค์ เมอ่ื วนั ท่ี ๒๗ มถิ นุ ายน พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๕ เปน็ การชว่ั คราว พอใหส้ ภาผแู้ ทนราษฎรและคณะกรรมการราษฎร ไดจ้ ดั รปู งานดำเนริ ประศาสโนบายใหเ้ หมาะสมแกท่ ไี่ ดเ้ ปลย่ี นการปกครองใหม่ ครั้นแลว้โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สภาผู้แทนราษฎรปรึกษากันร่างพระราชกำหนดบทรัฐธรรมนูญอันจะพึงตรึง เป็นหลักถาวรแหง่ ประศาสนวิธตี อ่ ไป ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรได้แตง่ ตง้ั อนกุ รรมการข้นึ คณะหนึ่งประกอบการรา่ งรัฐธรรมนญู น้นั บัดนี้ อนุกรรมการได้เรียบเรียงรัฐธรรมนูญฉะบับถาวรสนองพระเดชพระคุณสำเร็จลงด้วยดีนำเสนอสภาผู้แทนราษฎร และสภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาปรึกษาลงมติแล้ว จึ่งทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายคำปรึกษาแนะนำด้วยความยินยอมพร้อมที่จะตราเป็นรัฐธรรมนูญการปกครองแผ่นดินได้ เม่ือทรงพระราชวิจารณ์ถ่ีถ้วนทั่วกระบวนความแล้วทรงพระราชดำริเห็นสมควรพระราชทานพระบรมราชานมุ ัติ จงึ่ มพี ระบรมราชโองการดำรสั เหนอื เกลา้ เหนอื กระหมอ่ มสง่ั ใหต้ รารฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รสยาม ประสทิ ธ์ิประสาทประกาศพระราชทานแกป่ ระชากรของพระองค์ ใหด้ ำรงอิสสราธิปไตยโดยบรบิ ูรณ์ ตง้ั แต่วันน้เี ปน็ ต้นไป ขอให้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรของเรานี้ จงเป็นหลักที่สถาพรสถิตประดิษฐานสมรรถภาพอันประเสริฐเปน็ บ่อเกดิ ความผาสุกสนั ตคิ ุณวบิ ลู ราศแี ก่อาณาประชาชนตลอดจำเนยี รกาลประวตั ิ นำประเทศสยามบรรลุสรรพพิพัฒนชัยมงคล อเนกศุภผลสกลเกียรติยศมโหฬาร ขอให้พระบรมราชวงศานุวงศ์ และข้าราชการทั้งทหารพลเรือนทวยอาณาประชาราษฎร์ จงมีความสมัครสโมสรเป็นเอกฉันท์ในอันจะรักษาปฏิบัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยามน้ี ให้ยืนยงอยู่คู่กับสยามรฐั ราชสมี า ตราบเทา่ กัลปาวสาน สมด่งั พระบรมราชประณิธาน ทุกประการเทอญ” ต่อจากน้ัน พระยามโนปกรณ์นิติธาดา ประธานคณะกรรมการราษฎรได้ถวายฉบับรัฐธรรมนูญซึ่งจารึกในสมุดไทย เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยทีละฉบับ รวม ๓ ฉบับ คร้ันทรงลงพระปรมาภิไธยแล้ว ก็ได้พระราชทานแก่พระยามโนปกรณ์นิติธาดา เพ่ือลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ คร้ันแล้วได้นำข้ึนทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแด่พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั อกี ครง้ั หนง่ึ ตอ่ จากนน้ั พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั กไ็ ดพ้ ระราชทานรฐั ธรรมนญูแก่เจ้าพระยาพชิ ัยญาติ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทลี ะฉบับทั้ง ๓ ฉบับอกี ชัน้ หนง่ึ พลเรอื ตรี พระยาศรยุทธเสนี รองประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้รับต่อมาวางไว้ ณ ต่ังท่ามกลางท่ีชุมนุม (รัฐธรรมนูญและคู่ฉบับ รวม ๓ ฉบับน้ี เก็บไว้ที่สภาผู้แทนราษฎร ๑ ฉบับ ท่ีกรมเลขาธกิ ารคณะรฐั มนตรี ๑ ฉบบั และสำนกั ราชเลขาธกิ าร ๑ ฉบบั ) เมื่อประธานสภาผู้แทนราษฎรได้รับพระราชทานรัฐธรรมนูญแล้ว ได้กราบถวายบังคมทูลพระกรุณาสนองพระราชปรารภพระราชทานรฐั ธรรมนญู จากนนั้ พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั เสดจ็ พระราชดำเนนิ ไป ณ สหี บญั ชรทกั ษณิของพระที่นั่งอนันตสมาคม ซ่ึง ณ ท่ีน้ันมี ทหารกองเกียรติยศ นายกรัฐมนตรี ประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคณะรฐั มนตรี สมาชกิ สภา ขา้ ราชการ และประชาชนยนื อยู่ ณ สนามหญา้ บรเิ วณนน้ั เนอื งแนน่ เปน็ การแสดงใหป้ ระชาชนไดท้ ราบวา่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานรัฐธรรมนูญให้แก่ปวงชนแล้วตามที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้กราบบังคมทูล ซึ่งได้กระจายเสียงให้ประชาชนได้ยินโดยทั่วถึงกัน ประชาชนได้ส่งเสียงไชโยโห่ร้องแสดงความยินดีในการได้รับพระราชทานรัฐธรรมนูญอย่างกึกก้อง นอกจากน้ี พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกอบการพระราชพิธีฉลองรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช ๒๔๗๕ ระหว่างวันท่ี๑๑ – ๑๒ ธันวาคม ๒๔๗๕ 65๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษตั ริย์ประชาธิปไตย

พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจ้าอยหู่ วั ทรงลงพระปรมาภิไธย พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจ้าอยหู่ ัว ในรฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรสยาม พระราชทานรัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รสยาม เมอ่ื วนั ศุกรท์ ่ี ๑๐ ธันวาคม ๒๔๗๕ เม่อื วันศกุ ร์ที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๔๗๕66 ๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษัตรยิ ์ประชาธิปไตย

การฉลองรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยจัดขึ้นเป็นประจำในวันท่ี ๑๐ ธันวาคม ของทุกปี โดยในระยะแรกหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนได้ร่วมกันจัดกิจกรรมสมโภชเฉลิมฉลองต่อเน่ืองเป็นเวลาหลายวัน มีการออกร้านการแสดง การละเลน่ ต่าง ๆ และกำหนดใหจ้ ัดขึน้ ท่วั ประเทศ โดยมีจุดประสงค์หลกั เพ่อื เผยแพรใ่ หป้ ระชาชนทวั่ ไปไดม้ คี วามรู้ความเขา้ ใจเก่ยี วกับรฐั ธรรมนญู และการปกครองระบอบประชาธิปไตย ต่อมา มีการยกเลิกกิจกรรมสมโภชดังกล่าว คงเหลือเพียง พระราชพิธีฉลองรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทั้งนี้ ในหมายกำหนดการต้ังแต่ปี ๒๔๘๓ พบว่ากำหนดให้เป็น รัฐพิธีฉลองรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จนกระทั่งปี ๒๔๙๐ กำหนดให้เป็น รัฐพิธีฉลองวันพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และในปี ๒๕๐๖ กำหนดให้เป็นพระราชพิธีฉลองวันพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งจัดข้ึน ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช หรอื ผู้แทนพระองค์จะเสด็จพระราชดำเนนิ ไปทรงประกอบพระราชพิธีเป็นประจำทุกปี 67๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษัตริย์ประชาธิปไตย

เม่ือมีพระราชพิธีเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ซ่ึงประดิษฐานที่หน้า อาคารรัฐสภา ในวันท่ี ๑๐ ธันวาคม ๒๕๒๓ นับแต่น้ัน หมายกำหนดการจะกำหนดใหเ้ ปน็ การถวายบงั คมพระบรม ราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระราชพิธีฉลองวันพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย68 ๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษัตรยิ ์ประชาธปิ ไตย

พระราชพธิ ีพระราชทานรัฐธรรมนญู และรัฐธรรมนญู ทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช ทรงลงพระปรมาภไิ ธย นบั ตงั้ แตป่ ระเทศไทยมกี ารปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ เมอื่ พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๕เป็นต้นมา ได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญในการปกครองประเทศ รวมทั้งส้ิน ๑๙ ฉบับ โดยมีพระราชพิธีพระราชทานรัฐธรรมนูญ เป็นธรรมเนียมราชประเพณีท่ีปฏิบัติสืบทอดกันมา โดยในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้มีพระราชพิธีพระราชทานรัฐธรรมนูญ จำนวน ๒ คร้ัง คือ พระราชพิธีพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช ๒๔๗๕ แกไ้ ขเพ่มิ เตมิ พทุ ธศักราช ๒๔๙๕ เม่อื วนั ท่ี ๘ มีนาคม ๒๔๙๕ เวลา ๑๐.๐๐ นาฬกิ าณ พระท่ีนั่งอนันตสมาคม และพระราชพิธีพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๑๑เม่อื วันท่ี ๒๐ มถิ นุ ายน ๒๕๑๑ เวลา ๑๐.๒๙ นาฬกิ า ณ พระที่น่งั อนันตสมาคมพระราชพธิ พี ระราชทานรฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช ๒๔๗๕ แกไ้ ขเพ่ิมเติม พุทธศกั ราช ๒๔๙๕ วันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๔๙๔ คณะผบู้ ริหารประเทศช่วั คราว นำโดยพลเอก ผนิ ชณุ หะวณั ไดท้ ำการรัฐประหารประกาศยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๔๙๒ และประกาศพระบรมราชโองการให้ใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๔๗๕ ไปพลางก่อน เพ่ือรอให้สภาผู้แทนราษฎรดำเนินการแก้ไขเพ่ิมเติมรัฐธรรมนูญฉบับนี้ใหม้ ีความเหมาะสมแก่กาลสมยั และประกาศใช้เปน็ ฉบบั ถาวรต่อไป ในวันท่ี ๒๔ มกราคม ๒๔๙๕ จอมพล แปลก พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ได้เสนอร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย แก้ไขเพิ่มเติม พทุ ธศกั ราช ๒๔๙๕ ตอ่ สภาผู้แทนราษฎร โดยให้เหตุผลวา่ ตามทไ่ี ด้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๔๗๕ พร้อมท้ังรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมว่าด้วยนามประเทศ พุทธศักราช ๒๔๘๒ และรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมว่าด้วยบทเฉพาะกาล พุทธศักราช ๒๔๘๓ไปพลางกอ่ น และโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มใหส้ ภาผแู้ ทนราษฎรไดป้ รกึ ษาดำเนนิ การปรบั ปรงุ รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทยพุทธศักราช ๒๔๗๕ ให้มีความเหมาะสมแก่กาลสมัย และประกาศใช้เป็นฉบับถาวรต่อไป บัดน้ีเป็นการสมควรท่ีจะแก้ไขรฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย ฉบับพทุ ธศักราช ๒๔๗๕ ใหเ้ หมาะสมยิ่งขน้ึ ที่ประชุมได้ลงมติรับหลักการและตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นคณะหนึ่ง เพื่อพิจารณา มีจำนวน ๒๕ คน และที่ประชุมคณะกรรมาธิการได้เลือกพลเอก ผิน ชุณหะวัณ เป็นประธานกรรมาธิการ และนายหยุด แสงอุทัย เป็นเลขานุการกรรมาธกิ ารวสิ ามัญได้พจิ ารณาแก้ไขร่างรฐั ธรรมนูญน้จี นแล้วเสร็จ และเสนอต่อสภาผูแ้ ทนราษฎรเพ่ือพิจารณา เมือ่ สภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาและลงมติเห็นชอบแล้วได้นำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยและประกาศใชต้ ่อไป วันที่ ๘ มีนาคม ๒๔๙๕ เวลา ๑๐.๐๐ นาฬิกา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้เสด็จออกพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๔๗๕ แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช ๒๔๙๕ณ พระท่ีนัง่ อนันตสมาคม เม่ือได้เวลา อาลักษณ์ได้อ่านพระราชปรารภในการพระราชทานรัฐธรรมนูญว่า “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จกั รีนฤบดนิ ทร สยามนิ ทราธิราช บรมนาถบพติ ร 69๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษัตริยป์ ระชาธิปไตย

เสด็จออกพระท่นี ัง่ อนนั ตสมาคมท่ามกลางอดุ มสนั นิบาต พระบรมวงศานุวงศแ์ ละทตู านทุ ูต ผ้แู ทนนานาประเทศ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร เสนามาตยราชบริพาร เฝา้ เบอ้ื งบาทบงกชพรั่งพรอ้ มโดยอนกุ รม ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มใหป้ ระกาศความพระราชปรารภวา่ จำเดมิ แตส่ มเดจ็ พระบรมปติ ลุ าธริ าช พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาประชาธปิ ก พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ไดท้ รงพระกรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มพระราชทาน รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย ณ วนั ท่ี ๑๐ ธนั วาคม พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๕ สถาปนาระบอบการปกครองประชาธปิ ไตย ข้นึ เปน็ ครั้งแรกในประเทศไทยแล้วน้นั ตอ่ มากไ็ ดม้ กี ารประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยอกี หลายฉบบั จนถึง รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๔๙๒ โดยมุ่งหมายจะให้มีหลักการใหม่เหมาะสมตามกาลสมัย แตป่ รากฏวา่ ในเวลาน้ี เหตกุ ารณข์ องโลกและสถานการณภ์ ายในไดเ้ ปลย่ี นแปลงไป คณะบรหิ ารประเทศชว่ั คราวพรอ้ มดว้ ย ข้าราชการทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ และพลเรือน คณะผู้เปลี่ยนแปลงการปกครอง พุทธศักราช ๒๔๗๕ คณะรฐั ประหาร พทุ ธศกั ราช ๒๔๙๐ และผรู้ กั ชาติ ไดน้ ำความกราบบงั คมทลู พระกรณุ าขอพระราชทานพระบรมราชานญุ าต กลับให้ใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับพุทธศักราช ๒๔๗๕ พร้อมทั้งรัฐธรรมนูญแก้ไขเพ่ิมเติมว่าด้วยนาม ประเทศ พุทธศกั ราช ๒๔๘๒ และรฐั ธรรมนูญแก้ไขเพม่ิ เติมวา่ ดว้ ยบทเฉพาะกาล พุทธศักราช ๒๔๘๓ ทรงพระราชดำริเห็น เป็นการสมควรที่ใช้รัฐธรรมนูญน้ันไปพลางก่อน และโดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยดั่งกล่าวแล้ว มีบทบัญญัติ บางมาตราอนั ไมเ่ หมาะสมแกส่ ถานการณ์ จง่ึ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มใหส้ ภาผแู้ ทนราษฎรปรกึ ษากนั ดำเนนิ การ ปรบั ปรุงเสียใหม่ เพือ่ ใหเ้ ป็นหลกั ถาวรแห่งประศาสนวธิ ตี อ่ ไป สภาผู้แทนราษฎรได้ประชุมปรึกษาร่างรัฐธรรมนูญสนองพระเดชพระคุณสำเร็จลงด้วยดี จึ่งนำขึ้นทูลเกล้า ทูลกระหม่อมถวายคำปรึกษาแนะนำด้วยความยินยอม พร้อมที่จะตราเป็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๔๗๕ แก้ไขเพ่ิมเติม พุทธศักราช ๒๔๙๕ ได้ เม่ือและทรงพระราชวิจารณ์ถี่ถ้วนทั่วกระบวนความแล้ว ทรงพระราชดำรเิ ห็นสมควรพระราชทานพระบรมราชานุมตั ิ จ่ึงมีพระบรมราชโองการดำรัสเหนือเกล้าเหนือกระหม่อมสั่งให้ตรารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๕ แกไ้ ขเพิ่มเตมิ พุทธศกั ราช ๒๔๙๕ ประสทิ ธิ์ประสาทประกาศพระราชทานแก่ประชากรของพระองค์ ตั้งแตว่ ันประกาศในราชกิจจานเุ บกษาเป็นต้นไป ขอให้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยนี้ จงเป็นหลักท่ีป้องปัดภัยพิบัติภยันตรายอันจะมากล้ำกรายชาติ ศาสนาและประชาราษฎร ขอปวงชนชาวไทยจงรว่ มใจสมคั รสโมสรเปน็ เอกฉนั ทใ์ นอนั จะรกั ษาปฏบิ ตั ริ ฐั ธรรมนญู เพอ่ื เพม่ิ พนู สนั ตสิ ขุ สวสั ดสิ์ ถาพรแกอ่ าณาประชากรของพระองค์ ขอใหพ้ ระบรมวงศานวุ งศแ์ ละทง้ั ขา้ ราชการทหาร พลเรอื น พสกนกิ ร จงสโมสรสามัคคี เพื่อความดำรงอยู่ด้วยดีแห่งระบอบประชาธิปไตย คู่เคียงกับไทยรัฐราชสีมาตราบเท่ากัลปาวสาน สมดง่ั พระบรมราชปณธิ านทุกประการเทอญ”70 ๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษตั ริย์ประชาธปิ ไตย

ต่อจากนั้น จอมพล แปลก พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ได้นำรัฐธรรมนูญ ซ่ึงจารึกในสมุดไทยขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย เพ่ือทรงลงพระปรมาภิไธย เมื่อได้ทรงลงพระปรมาภิไธยแล้ว ได้พระราชทานให้นายกรัฐมนตรีลงนามรับสนอง พระบรมราชโองการ เมื่อนายกรัฐมนตรีได้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแล้ว ได้นำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายอีกครั้งหน่ึง แล้วจึงพระราชทานรัฐธรรมนูญน้ันแก่ พลโท พระประจนปัจจนึก ประธานสภาผู้แทนราษฎร อนึ่ง รัฐธรรมนูญฉบับนี้แตกต่างไปจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๔๗๕ ในประเด็นที่สำคัญเก่ียวกับการห้ามฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ไม่ว่า กรณีใด ๆ และเร่อื งการรบั รองเสรภี าพในการจดั ต้งั พรรคการเมืองพระราชพิธีพระราชทานรัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช ๒๕๑๑ ภายหลงั การยดึ อำนาจการปกครองประเทศ เมอ่ื วนั ท่ี ๒๐ ตลุ าคม ๒๕๐๑ ไดย้ กเลกิ รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทยพุทธศักราช ๒๔๗๕ แก้ไขเพ่ิมเติม พุทธศักราช ๒๔๙๕ และได้ประกาศใช้ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรพุทธศักราช ๒๕๐๒ เป็นการชั่วคราว ในธรรมนูญนี้บัญญัติให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ มีสมาชิกจำนวน ๒๔๐ คน ทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนญู ฉบบั ถาวรและใหม้ ฐี านะเปน็ รฐั สภา ทำหนา้ ทน่ี ิติบญั ญัตดิ ้วย สภารา่ งรฐั ธรรมนูญชดุ นีใ้ ช้เวลายกรา่ งรฐั ธรรมนญูประมาณ ๙ ปีเศษ จึงแล้วเสร็จ จากน้ันได้นำร่างรัฐธรรมนูญที่ยกร่างเสร็จแล้วเสนอต่อสภาร่างรัฐธรรมนูญในฐานะรัฐสภาเพื่อพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ซ่ึงสภาร่างรัฐธรรมนูญได้พิจารณาและมีมติให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับน้ีในวันท่ี ๒๒กุมภาพันธ์ ๒๕๑๑ จากน้ัน ได้นำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพ่ือทรงลงพระปรมาภไิ ธยประกาศใช้ ในวันที่ ๒๐ มถิ ุนายน ๒๕๑๑ วนั ท่ี ๒๐ มถิ ุนายน ๒๕๑๑ เวลา ๑๐.๒๙ นาฬิกา พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช เสดจ็ พระราชดำเนินไปทรงประกอบพระราชพิธีพระราชทานรัฐธรรมนูญ ณ พระท่ีน่ังอนันตสมาคม พระราชพิธีได้ดำเนินการต่อหน้ามหาสมาคม ซึ่งประกอบด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ องคมนตรี คณะรัฐมนตรี สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ คณะทูตานุทูต และข้าราชการผู้มตี ำแหน่งเฝา้ พระราชพธิ ีโดยพรอ้ มเพรยี งกัน ในวันนไ้ี ดม้ ีการถ่ายทอดทางโทรทศั นด์ ้วย คร้ันได้เวลาตามฤกษ์ อาลักษณ์ได้อ่านพระราชปรารภในการพระราชทานรัฐธรรมนูญว่า “พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช มหติ ลาธิเบศรรามาธิบดี จกั รีนฤบดนิ ทร สยามนิ ทราธริ าช บรมนาถบพติ ร เสดจ็ ออกณ พระที่น่ังอนันตสมาคม ท่ามกลางอุดมสันนิบาต พระบรมวงศานุวงศ์ ทูตานุทูตผู้แทนนานาประเทศ สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนญู และเสนามาตยราชบรพิ าร เฝา้ เบือ้ งบาทบงกชพร่ังพร้อมกันโดยอนุกรม 71๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษตั รยิ ป์ ระชาธิปไตย

ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า ตามที่สมเด็จพระบรมปิตุลาธิราชพระบาทสมเด็จ พระปรมนิ ทรมหาประชาธปิ ก พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ไดท้ รงพระกรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ ม พระราชทานรฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย ณ วันท่ี ๑๐ ธันวาคม พุทธศกั ราช ๒๔๗๕ น้นั เปน็ การสถาปนาการปกครองระบอบประชาธิปไตย ข้ึนในประเทศไทย โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ทรงใช้อำนาจอธิปไตยซ่ึงมาจากปวงชนชาวไทยตามบทบัญญัติ แหง่ รัฐธรรมนญู กลา่ วคือ ทรงใชอ้ ำนาจนิตบิ ัญญตั ิทางรฐั สภา ทรงใชอ้ ำนาจบรหิ ารทางคณะรฐั มนตรี และทรงใชอ้ ำนาจ ตลุ าการทางศาล การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยดังกล่าว ไดว้ ิวัฒนาการมาโดยลำดบั ภาวการณบ์ า้ นเมืองผนั แปรไป เปน็ เหตุ ให้ต้องเปลยี่ นแปลงแก้ไขรัฐธรรมนญู หลายคร้งั หลายคราว เพอ่ื ใหเ้ หมาะสมกบั กาลสมยั ตามวิวัฒนาการ ปรากฏว่า ระบอบการปกครองที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขนั้น เป็นท่ีเล่ือมใสศรัทธาของ ปวงชนชาวไทย เป็นการถาวรม่ันคงตลอดมา ข้อท่ีจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงแก้ไขรัฐธรรมนูญ ได้แก่สัมพันธภาพระหว่าง รัฐสภากับคณะรัฐมนตรีและรูปของรัฐสภาเป็นสำคัญ ถ้าอำนาจนิติบัญญัติและอำนาจบริหารอยู่ในฐานะที่คานกันและ สมดลุ กันตามควรแล้ว บา้ นเมืองก็จะอย่ใู นเสถยี รภาพตามท่ีต้องการ วิธีที่จะให้มีการคานกันและสมดุลกันดังกล่าว เคยใช้วิธีให้มีสมาชิกสองประเภทอยู่ในสภาเดียวกัน คือ สมาชิกที่ราษฎรเลือกตั้ง และสมาชิกท่ีพระมหากษัตริย์ทรงแต่งต้ัง แล้วใช้วิธีให้มีสองสภา คือ สภาท่ีราษฎรเลือกตั้ง และสภาทเี่ ลือกตัง้ อยา่ งอนื่ หรือสภาท่ีพระมหากษัตรยิ ์ทรงแต่งตงั้ แล้วกลับไปใช้วธิ เี ดมิ แต่ก็รกั ษาเสถียรภาพไวไ้ ม่ได้ คณะปฏิวัติสังเกตเห็นว่า มีความอลเวงไม่สงบเรียบร้อย บ้านเมืองอาจประสบอันตรายได้อย่างมาก ถ้าจะให้ การปกครองประเทศเป็นไปโดยเรียบร้อย และจะทำให้การปกครองระบอบรัฐธรรมนูญเป็นการม่ันคงถาวรโดยแท้แล้ว จะตอ้ งสรา้ งรากฐานของระบอบนน้ั โดยพฒั นาการศกึ ษาและการเศรษฐกจิ ของชาตติ ามแผนและโครงการทแ่ี นน่ อน กบั ทงั้ จัดให้มีรัฐธรรมนูญท่ีเหมาะสม จ่ึงได้ทำการปฏิวัติเมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๐๑ และคณะปฏิวัติได้ประกาศให้ยกเลิก รฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช ๒๔๗๕ แกไ้ ขเพิ่มเติม พุทธศกั ราช ๒๔๙๕ การที่จะให้มีรัฐธรรมนูญท่ีเหมาะสมนั้น หัวหน้าคณะปฏิวัติได้นำความกราบบังคมทูลว่าสมควรจัดให้มีสภาร่าง รัฐธรรมนูญและมีธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรเพ่ือใช้ไปพลางก่อน ทรงพระราชดำริเห็นชอบด้วย เม่ือวันท่ี ๒๘ มกราคม ๒๕๐๒ จึ่งได้มพี ระบรมราชโองการโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มให้ใชธ้ รรมนูญการปกครองราชอาณาจักร จนกวา่ จะไดป้ ระกาศใชร้ ฐั ธรรมนญู ซ่ึงสภารา่ งรัฐธรรมนญู จะไดจ้ ดั ร่างข้ึน สภารา่ งรฐั ธรรมนูญไดด้ ำเนนิ การรา่ งรฐั ธรรมนูญโดยละเอียดถ่ีถ้วน กล่าวคือ ได้ต้ังคณะกรรมาธกิ ารฟังความคดิ เหน็ ประชาชน มหี นา้ ทร่ี วบรวมพจิ ารณาความคดิ เหน็ ของประชาชน คณะกรรมาธกิ ารระเบยี บวาระ มหี นา้ ทค่ี น้ ควา้ และรวบรวม หลักสารสำคัญอันควรพจิ ารณา และคณะกรรมาธิการยกรา่ งรัฐธรรมนูญ มีหน้าท่ยี กร่างรฐั ธรรมนูญ และในการน้ี เฉพาะ หลักสารสำคัญให้ถอื ตามมติของสภา ในการร่างรัฐธรรมนูญนี้ ท้ังสภาร่างรัฐธรรมนูญและคณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาดูบทรัฐธรรมนูญ ทม่ี มี าแลว้ ในประเทศไทย กบั ทง้ั บทรฐั ธรรมนญู ของนานาประเทศประกอบดว้ ย แตค่ วามมงุ่ หมายโดยเฉพาะ กค็ อื จะบญั ญตั ิ บทรฐั ธรรมนญู ให้เหมาะสมกับความตอ้ งการของประเทศชาติ เพ่อื ให้ต้ังอยใู่ นเสถียรภาพและความเจริญกา้ วหนา้ สืบไป สภารา่ งรฐั ธรรมนญู ลงมตกิ ำหนดหลกั สารสำคญั เปน็ การทว่ั ไปวา่ ประเทศไทยมกี ารปกครองระบอบประชาธปิ ไตย มพี ระมหากษตั รยิ เ์ ปน็ ประมขุ และไดก้ ำหนดหลกั สารสำคญั ในเรอื่ งอนื่ ๆ อาทิ เรอื่ งรปู รฐั สภา และเรอื่ งสมั พนั ธภาพระหวา่ ง72 ๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษัตริย์ประชาธิปไตย

รัฐสภากับคณะรัฐมนตรี กล่าวคือ ให้รัฐสภามีสองสภา สภาหน่ึงประกอบด้วยสมาชิกที่ราษฎรเลือกต้ัง อีกสภาหน่ึงประกอบดว้ ยสมาชกิ ทพ่ี ระมหากษตั รยิ ท์ รงแตง่ ตง้ั รฐั สภามอี ำนาจในทางนติ บิ ญั ญตั แิ ละควบคมุ การบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ ได้ดว้ ยวิธกี ารตัง้ กระทถู้ ามรัฐบาล เปิดอภปิ รายท่ัวไปโดยไม่ลงมติ หรอื เปดิ อภิปรายท่ัวไปเพ่ือลงมตไิ ม่ไวว้ างใจ เมอ่ื รฐั สภามีอำนาจในทางนิตบิ ัญญตั ิ และควบคมุ การบรหิ ารราชการแผ่นดนิ ดังกล่าวแล้ว สภาร่างรัฐธรรมนญูพิจารณาเห็นว่า เพ่ือดุลแห่งอำนาจอันจะยังระบอบรัฐธรรมนูญให้ต้ังอยู่ในเสถียรภาพ สมควรที่อำนาจนิติบัญญัติและอำนาจบริหารจะแยกจากกันให้มากย่ิงขึ้น จึ่งได้ลงมติในสารสำคัญว่า นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีอื่นซ่ึงเป็นฝ่ายบริหารจะเปน็ สมาชกิ แหง่ รฐั สภาในขณะเดียวกนั มิได้ คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ได้ยกร่างรัฐธรรมนูญ ตามหลักการสำคัญซึ่งสภาร่างรัฐธรรมนูญได้มีมติไว้และไดเ้ สนอเพอื่ ใหส้ ภารา่ งรัฐธรรมนูญพจิ ารณา สภารา่ งรฐั ธรรมนญู ได้พจิ ารณาเปน็ สามวาระ ในวาระท่ี ๑ ไดร้ บั ร่างรฐั ธรรมนูญไว้พจิ ารณา ในวาระที่ ๒ ไดต้ ั้งคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญข้ึนเพ่ือพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญนั้นกับคำแปรญัตติ ภายใต้บังคับแห่งหลักสารสำคัญที่สภาร่างรัฐธรรมนูญได้ลงมติไว้และสภาร่างรัฐธรรมนูญได้พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสรจ็ แลว้ เรม่ิ ตน้ ดว้ ยชอ่ื รฐั ธรรมนญู คำปรารภ แลว้ เรยี งตามลำดบั มาตรา ในวาระท่ี ๓ ไดล้ งมตใิ หเ้ สนอรา่ งรฐั ธรรมนญู นน้ัตอ่ สภาร่างรัฐธรรมนูญในฐานะรฐั สภา สภาร่างรัฐธรรมนูญในฐานะรัฐสภา ได้พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา ๑๐ แห่งรัฐธรรมนูญการปกครองราชอาณาจกั รแลว้ ลงมตใิ หน้ ำรา่ งรฐั ธรรมนญู นน้ั ขน้ึ ทลู เกลา้ ทลู กระหมอ่ มถวาย เพอ่ื พระมหากษตั รยิ ท์ รงลงพระปรมาภไิ ธยใหป้ ระกาศใช้ต่อไป ครั้นเม่ือได้นำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูนเกล้าทูลกระหม่อมถวายแล้ว ได้ทรงพระราชวิจารณ์โดยตลอด และทรงพระราชดำริเหน็ พอ้ งด้วยตามมติของสภาร่างรัฐธรรมนูญในฐานะรฐั สภาแลว้ จ่ึงมีพระบรมราชโองการดำรัสเหนือเกล้าเหนือกระหม่อมให้ตรารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับน้ีข้ึนไว้ใหใ้ ชแ้ ทนธรรมนญู การปกครองราชอาณาจกั ร ซงึ่ ไดต้ ราไว้ ณ วนั ท่ี ๒๘ มกราคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๐๒ นน้ั ตง้ั แตว่ นั ประกาศนี้เปน็ ตน้ ไป ขอให้ปวงชนชาวไทยร่วมแรงร่วมใจกันสนับสนุน ส่งเสริมและรักษาปฏิบัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยนี้ใหเ้ ปน็ หลกั สถติ สถาพร ขอใหร้ าษฎรใชส้ ทิ ธขิ องตนใหเ้ ปน็ ผลตามระบอบประชาธปิ ไตย ขอใหร้ ฐั สภากบั รฐั บาลปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ีตามบทแหง่ รัฐธรรมนูญนี้ โดยเจตจำนงตรงกันในอนั ทจ่ี ะจรรโลงประเทศชาตใิ ห้มั่นคงเจรญิ ก้าวหน้า จรรโลงประชาชนให้เกษมสขุ สวสั ดี จรรโลงวถิ รี ฐั ธรรมนญู ใหส้ มบรู ณด์ ว้ ยเสถยี รภาพ ตราบเทา่ นริ นั ดรกาล สมดงั พระบรมราชปณธิ านทกุ ประการเทอญ” ตอ่ จากน้ัน นายทวี บณุ ยเกตุ ประธานสภารา่ งรัฐธรรมนญู ไดท้ ลู เกล้าทูลกระหมอ่ ม ถวายฉบบั รฐั ธรรมนูญ ซง่ึ จารกึในสมุดไทยเพ่ือทรงลงพระปรมาภิไธยทีละฉบับ รวม ๓ ฉบับ เม่ือได้ทรงลงพระปรมาภิไธยแล้ว ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญจงึ ไดล้ งนามรบั สนองพระบรมราชโองการ 73๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษตั ริยป์ ระชาธิปไตย

ประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญได้นำฉบับรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายอีกครั้งหนึ่ง และได้พระราชทาน รัฐธรรมนูญน้ันแก่ประธานสภารา่ งรัฐธรรมนูญทำหนา้ ทป่ี ระธานรัฐสภา ซง่ึ ถือเสมอื นวา่ ไดร้ บั พระราชทานแทนปวงชนชาวไทย ประธานสภาร่างรฐั ธรรมนูญได้มอบใหเ้ ลขาธกิ ารสภาผูแ้ ทนราษฎร และเจา้ หน้าท่ีนำรฐั ธรรมนญู ที่ได้รบั พระราชทานนน้ั ไปวาง บนตง่ั ทองท่ตี ัง้ อยหู่ นา้ มหาสมาคม รฐั ธรรมนูญทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดชทรงลงพระปรมาภิไธย รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดที่ใช้ในการปกครองประเทศนับแต่ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขต้ังแต่พุทธศักราช ๒๔๗๕ โดยมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญในการปกครองประเทศมาแล้ว จำนวน ๑๙ ฉบับ ประกอบด้วย รัฐธรรมนูญที่ประกาศใช้ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว จำนวน ๒ ฉบับ รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล จำนวน ๑ ฉบับ และในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา ภมู พิ ลอดลุ ยเดช จำนวน ๑๖ ฉบบั ดังนี้ • รัฐธรรมนญู ที่มีพระราชพธิ พี ระราชทาน ๒ ฉบบั • รฐั ธรรมนูญทที่ รงลงพระปรมาภิไธยแต่ไมไ่ ดป้ ระกอบพระราชพิธี ๑๒ ฉบบั • รฐั ธรรมนญู ที่ประกาศใช้ในพระปรมาภไิ ธย ๒ ฉบบั หากพจิ ารณากฎหมายรฐั ธรรมนญู ดว้ ยแลว้ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ทรงลงพระปรมาภไิ ธย ในรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย ธรรมนญู การปกครองราชอาณาจกั ร และรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย แกไ้ ขเพมิ่ เตมิ จำนวน ๒๙ ฉบบั ดังน้ี ๑. รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๕ แกไ้ ขเพิ่มเตมิ พทุ ธศักราช ๒๔๙๕ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงลงพระปรมาภิไธยในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช ๒๔๗๕ แกไ้ ขเพิ่มเติม พุทธศกั ราช ๒๔๙๕ ณ พระที่นงั่ อนันตสมาคม โดยมจี อมพล ป. พิบลู สงคราม นายกรฐั มนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ๒. ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจกั ร พทุ ธศกั ราช ๒๕๐๒ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงลงพระปรมาภิไธยในธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช ๒๕๐๒ ให้ไว้ ณ วันท่ี ๒๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๒ โดยมีจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ หัวหน้าคณะปฏิวัติ เปน็ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ74 ๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษตั ริยป์ ระชาธิปไตย

๓. รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๑๑ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช ทรงลงพระปรมาภิไธยในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช ๒๕๑๑ ตราไว้ ณ วันท่ี ๒๐ มิถุนายน พทุ ธศกั ราช ๒๕๑๑ ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม โดยมีนายทวี บุณยเกตุ ประธานสภารา่ งรฐั ธรรมนญู เปน็ ผรู้ บั สนองพระบรมราชโองการ ๔. ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช ๒๕๑๕ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช ทรงลงพระปรมาภไิ ธยในธรรมนญู การปกครองราชอาณาจกั ร พทุ ธศักราช ๒๕๑๕ ให้ไว้ ณ วนั ท่ี ๑๕ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๑๕ โดยมีจอมพล ถนอม กิตติขจร หัวหน้าคณะปฏิวัติ เปน็ ผรู้ บั สนองพระบรมราชโองการ ๕. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๑๗ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช ทรงลงพระปรมาภิไธยในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๑๗ ตราไว้ ณ วันท่ี ๗ ตุลาคม พทุ ธศักราช ๒๕๑๗ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต โดยมีหมอ่ มราชวงศค์ กึ ฤทธ์ิ ปราโมช ประธานสภานติ บิ ัญญตั ิ แห่งชาติ เป็นผ้รู ับสนองพระบรมราชโองการ ๖. รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย แก้ไขเพม่ิ เตมิ พุทธศักราช ๒๕๑๘ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงลงพระปรมาภิไธยในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพ่ิมเติม พุทธศักราช ๒๕๑๘ ให้ไว้ ณ วันท่ี ๑๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๘ โดยมีนายสัญญา ธรรมศักด์ิ นายกรัฐมนตรีเปน็ ผู้รบั สนองพระบรมราชโองการ ๗. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช ๒๕๑๙ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงลงพระปรมาภิไธยในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช ๒๕๑๙ ตราไว้ ณ วันท่ี ๒๒ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๑๙ โดยมีพลเรือเอก สงัด ชลออยู่ หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองแผน่ ดิน เปน็ ผรู้ ับสนองพระบรมราชโองการ ๘. ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พทุ ธศักราช ๒๕๒๐ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงลงพระปรมาภิไธยในธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรพุทธศักราช ๒๕๒๐ ให้ไว้ ณ วันที่ ๙ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๒๐ โดยมีพลเรือเอก สงัด ชลออยู่ หัวหน้าคณะปฏิวัติเปน็ ผรู้ บั สนองพระบรมราชโองการ 75๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษตั รยิ ์ประชาธิปไตย

๙. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช ๒๕๒๑ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช ทรงลงพระปรมาภิไธยในรัฐธรรมนูญ แหง่ ราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช ๒๕๒๑ ตราไว้ ณ วันท่ี ๒๒ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๒๑ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต โดยมีพลอากาศเอก หะริน หงสกุล ประธานสภา นิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นผู้รับสนองพระบรม ราชโองการ ๑๐. รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แกไ้ ขเพิม่ เติม พุทธศกั ราช ๒๕๒๘ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงลงพระปรมาภิไธยในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ พุทธศกั ราช ๒๕๒๘ ให้ไว้ ณ วนั ท่ี ๘ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๒๘ โดยมีพลเอก เปรม ติณสลู านนท์ นายกรฐั มนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ๑๑. รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย แกไ้ ขเพ่มิ เตมิ (ฉบบั ที่ ๒) พุทธศักราช ๒๕๓๒ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงลงพระปรมาภิไธยในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพม่ิ เติม (ฉบบั ที่ ๒) พทุ ธศักราช ๒๕๓๒ ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๔ สงิ หาคม พ.ศ. ๒๕๓๒ โดยมพี ลเอก ชาติชาย ชณุ หะวณั นายกรัฐมนตรี เป็นผรู้ บั สนองพระบรมราชโองการ ๑๒. ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศกั ราช ๒๕๓๔ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงลงพระปรมาภิไธยในธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศกั ราช ๒๕๓๔ ใหไ้ ว้ ณ วันที่ ๑ มนี าคม พุทธศักราช ๒๕๓๔ โดยมพี ลเอก สุนทร คงสมพงษ์ หัวหน้าคณะรักษาความสงบ เรยี บร้อยแห่งชาติ เป็นผู้รบั สนองพระบรมราชโองการ ๑๓. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช ๒๕๓๔ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช ทรงลงพระปรมาภิไธยในรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๓๔ ตราไว้ ณ วนั ท่ี ๙ ธนั วาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๓๔ ณ พระตำหนกั จิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต โดยมีนายอุกฤษ มงคลนาวิน ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เปน็ ผูร้ บั สนองพระบรมราชโองการ76 ๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษัตริย์ประชาธปิ ไตย

๑๔. รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ (ฉบับที่ ๑) พุทธศกั ราช ๒๕๓๕ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงลงพระปรมาภิไธยในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๑) พุทธศักราช ๒๕๓๕ ให้ไว้ ณ วันท่ี ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยมีนายอานันท์ ปันยารชุนนายกรฐั มนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ๑๕. รัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิม่ เตมิ (ฉบบั ท่ี ๒) พุทธศกั ราช ๒๕๓๕ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงลงพระปรมาภิไธยในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับที่ ๒) พุทธศักราช ๒๕๓๕ ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยมีนายอานันท์ ปันยารชุนนายกรัฐมนตรี เปน็ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ๑๖. รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย แก้ไขเพม่ิ เตมิ (ฉบบั ที่ ๓) พทุ ธศักราช ๒๕๓๕ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงลงพระปรมาภิไธยในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี ๓) พุทธศักราช ๒๕๓๕ ให้ไว้ ณ วันท่ี ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยมีนายอานันท์ ปันยารชุนนายกรัฐมนตรี เป็นผ้รู บั สนองพระบรมราชโองการ ๑๗. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๑๘. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแกไ้ ขเพิม่ เตมิ (ฉบับท่ี ๔) พทุ ธศกั ราช ๒๕๓๕ แก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบบั ท่ี ๕) พทุ ธศักราช ๒๕๓๘ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดชทรงลงพระปรมาภิไธยในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ทรงลงพระปรมาภิไธยในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแกไ้ ขเพิม่ เตมิ (ฉบบั ท่ี ๔) พุทธศักราช ๒๕๓๕ ให้ไว้ ณ วันที่ แกไ้ ขเพ่มิ เตมิ (ฉบบั ที่ ๕) พุทธศกั ราช ๒๕๓๘ ใหไ้ ว้ ณ วันที่๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยมีนายอานันท์ ปันยารชุน ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๘ โดยมีนายชวน หลีกภัยนายกรฐั มนตรี เป็นผรู้ บั สนองพระบรมราชโองการ นายกรัฐมนตรี เป็นผ้รู ับสนองพระบรมราชโองการ 77๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษตั รยิ ์ประชาธิปไตย

๑๙. รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย แก้ไขเพ่ิมเตมิ (ฉบบั ท่ี ๖) พทุ ธศกั ราช ๒๕๓๙ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงลงพระปรมาภิไธยในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แกไ้ ขเพมิ่ เตมิ (ฉบบั ที่ ๖) พทุ ธศกั ราช ๒๕๓๙ ใหไ้ ว้ ณ วนั ท่ี ๒๗ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๓๙ โดยมนี ายบรรหาร ศลิ ปอาชา นายกรฐั มนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ๒๐. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช ๒๕๔๐ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช ทรงลงพระปรมาภิไธยในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศักราช ๒๕๔๐ ตราไว้ ณ วนั ท่ี ๑๑ ตลุ าคม พุทธศักราช ๒๕๔๐ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นผู้รับ สนองพระบรมราชโองการ ๒๑. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แกไ้ ขเพมิ่ เตมิ (ฉบบั ท่ี ๑) พทุ ธศักราช ๒๕๔๘ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงลงพระปรมาภิไธยในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพ่ิมเตมิ (ฉบับท่ี ๑) พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๘ ให้ไว้ ณ วันท่ี ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ โดยมพี ันตำรวจโท ทกั ษิณ ชินวตั ร นายกรัฐมนตรี เป็นผ้รู บั สนองพระบรมราชโองการ ๒๒. รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย (ฉบบั ชัว่ คราว) พุทธศกั ราช ๒๕๔๙ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงลงพระปรมาภิไธยในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบบั ชั่วคราว) พุทธศกั ราช ๒๕๔๙ ใหไ้ ว้ ณ วันที่ ๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๙ โดยมีพลเอก สนธิ บญุ ยรตั กลิน หวั หน้า คณะปฏิรปู การปกครองในระบอบประชาธิปไตย อนั มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็นประมุข เป็นผรู้ ับสนองพระบรมราชโองการ ๒๓. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช ทรงลงพระปรมาภิไธยในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๐ ตราไว้ ณ วนั ที่ ๒๔ สงิ หาคม พทุ ธศักราช ๒๕๕๐ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต โดยมีนายมีชัย ฤชุพันธ์ุ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นผ้รู บั สนองพระบรมราชโองการ ๒๔. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แกไ้ ขเพมิ่ เตมิ (ฉบบั ที่ ๑) พทุ ธศักราช ๒๕๕๔ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงลงพระปรมาภิไธยในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบบั ท่ี ๑) พทุ ธศักราช ๒๕๕๔ ให้ไว้ ณ วนั ท่ี ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชวี ะ นายกรฐั มนตรี เปน็ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ78 ๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษตั ริย์ประชาธปิ ไตย

๒๕. รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบบั ท่ี ๒) พุทธศักราช ๒๕๕๔ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงลงพระปรมาภิไธยในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแกไ้ ขเพ่ิมเตมิ (ฉบบั ท่ี ๒) พทุ ธศักราช ๒๕๕๔ ให้ไว้ ณ วนั ท่ี ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยมนี ายอภิสทิ ธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเป็นผรู้ บั สนองพระบรมราชโองการ ๒๖. รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย (ฉบับช่วั คราว) พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๗ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงลงพระปรมาภิไธยในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ให้ไว้ ณ วันท่ี ๒๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ โดยมีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชาหวั หนา้ คณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาติ เปน็ ผรู้ บั สนองพระบรมราชโองการ ๒๗. รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย (ฉบบั ชว่ั คราว) พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๗ แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ (ฉบบั ท่ี ๑) พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๘ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงลงพระปรมาภิไธยในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(ฉบับชว่ั คราว) พุทธศกั ราช ๒๕๕๗ แกไ้ ขเพมิ่ เติม (ฉบับท่ี ๑) พุทธศักราช ๒๕๕๘ ให้ไว้ ณ วนั ท่ี ๑๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘โดยมีพลเอก ประยทุ ธ์ จนั ทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นผูร้ บั สนองพระบรมราชโองการ ๒๘. รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย (ฉบบั ชว่ั คราว) พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๗ แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ (ฉบบั ท่ี ๒) พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๙ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงลงพระปรมาภิไธยในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(ฉบบั ช่วั คราว) พุทธศกั ราช ๒๕๕๗ แกไ้ ขเพิม่ เติม (ฉบบั ที่ ๒) พทุ ธศักราช ๒๕๕๙ ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๑ มนี าคม พ.ศ. ๒๕๕๙โดยมีพลเอก ประยุทธ์ จนั ทร์โอชา นายกรฐั มนตรี เปน็ ผู้รบั สนองพระบรมราชโองการ ๒๙. รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย (ฉบบั ชว่ั คราว) พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๗ แกไ้ ขเพม่ิ เตมิ (ฉบบั ท่ี ๓) พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๙ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงลงพระปรมาภิไธยในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(ฉบับช่วั คราว) พุทธศกั ราช ๒๕๕๗ แก้ไขเพม่ิ เตมิ (ฉบบั ที่ ๓) พุทธศักราช ๒๕๕๙ ใหไ้ ว้ ณ วนั ที่ ๓๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๙โดยมพี ลเอก ประยทุ ธ์ จนั ทร์โอชา นายกรฐั มนตรี เปน็ ผรู้ บั สนองพระบรมราชโองการ 79๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษตั ริยป์ ระชาธิปไตย

พระราชทานคำแนะนำเกยี่ วกบั รา่ งรฐั ธรรมนญู นับต้ังแต่มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญในพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตั้งแต่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(ฉะบับช่ัวคราว) พุทธศักราช ๒๔๙๐ ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่ ๔ จนถึงรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ซ่ึงเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่ ๑๙ ยังไม่เคยปรากฏว่า พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงใช้พระราชอำนาจยับย้ังร่างรัฐธรรมนูญ หรือร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมฉบับใดเลยแตท่ ง้ั นไ้ี ดเ้ คยมกี รณที พ่ี ระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช ได้พระราชทานคำแนะนำเกี่ยวกับข้อความในร่างรัฐธรรมนูญ ซ่ึงได้แก่กรณีของรัฐธรรมนูญแห่ง พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๑๗ โดยได้มีกระแส ทรงลงพระปรมาภไิ ธยในรัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทยพระราชดำรัสในการพระราชทานรัฐธรรมนูญลงมาก่อน พทุ ธศักราช ๒๕๑๗ ท่หี มอ่ มราชวงศค์ ึกฤทธิ์ ปราโมชทรงลงพระปรมาภิไธยในรัฐธรรมนญู พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ประธานสภานิติบญั ญัติแหง่ ชาติ ทลู เกล้าทูลกระหม่อมถวาย ในวนั ที่ ๗ ตลุ าคม ๒๕๑๗ ณ พระตำหนกั จติ รลดารโหฐานไดท้ รงพระกรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มลงพระปรมาภไิ ธยเพอ่ื พระราชทานรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๑๗ เมอื่ วนั จนั ทรท์ ี่ ๗ ตลุ าคม ๒๕๑๗ ตอ่ มาในวนั พฤหสั บดที ี่๑๐ ตุลาคม ๒๕๑๗ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซ่ึงทำหน้าท่ีรัฐสภา ได้มีการประชุมคร้ังท่ี ๑ หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมชประธานสภานติ บิ ัญญตั ิแห่งชาติ ไดอ้ า่ นบันทึกพระราชกระแสเรอ่ื งรา่ งรัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย (พุทธศกั ราช ๒๕๑๗)ใหส้ มาชกิ สภานติ บิ ญั ญตั แิ หง่ ชาตไิ ดร้ บั ทราบ โดยมขี อ้ ความตามรายงานการประชมุ สภานติ บิ ญั ญตั แิ หง่ ชาติ ครง้ั ท่ี ๑ วนั พฤหสั บดที ี่๑๐ ตุลาคม ๒๕๑๗ ณ ตึกรฐั สภา ดังนี้ “ตามทส่ี ภานติ บิ ญั ญัตแิ ห่งชาติได้มีมติในวาระที่ ๓ ด้วยคะแนนเสยี ง ๒๘๐ ต่อ ๖ เหน็ ชอบในรา่ งรัฐธรรมนญูแห่งราชอาณาจกั รไทย พ.ศ. ๒๕๑๗ และประธานสภานิตบิ ญั ญัตแิ ห่งชาติ จะได้นำรา่ งรัฐธรรมนญู ฉบับท่ีกลา่ วข้นึ ทลู เกลา้ทลู กระหมอ่ มถวาย เพ่ือทรงลงพระปรมาภิไธยใหป้ ระกาศใช้เป็นรัฐธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทยสืบไป น้ัน ไดท้ รงพจิ ารณารา่ งรฐั ธรรมนญู และทรงมพี ระราชดำรกิ บั ขอ้ สงั เกตเกย่ี วกบั ขอ้ ความในรา่ งรฐั ธรรมนญู นบ้ี างประการ เชน่ ๑. คำปรารภ ๑.๑ ขอ้ ความในคำปรารภนี้ เป็นถ้อยคำทค่ี ณะรัฐมนตรแี ละสภานติ บิ ญั ญตั แิ ห่งชาตทิ ำขึน้ ถวาย ๑.๒ คำปรารภควรกล่าวเพียงส้นั ๆ สรุปได้ว่า ทรงมีพระราชดำริว่า โดยท่ปี ระเทศไทยได้มีรัฐธรรมนูญประกาศใช้เปน็ หลกั ในการปกครองประเทศตามระบอบประชาธปิ ไตยมาเปน็ เวลากวา่ ๔๐ ปแี ลว้ ในชว่ งระยะเวลาดงั กลา่ วไดม้ กี ารยกเลกิ และแกไ้ ขเพมิ่ เตมิ รฐั ธรรมนญู หลายครง้ั อนั แสดงวา่ รฐั ธรรมนญู นนั้ ยอ่ มเปลย่ี นแปลงไปได้ ตามความเหมาะสมแหง่ สภาวการณข์ องบ้านเมือง และกาลเวลา80 ๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษตั ริยป์ ระชาธิปไตย

โดยท่ีได้มีประชามติเรียกร้องให้มีรัฐธรรมนูญและการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรโดยเร็วที่สุด จึงทรงพระราชดำรวิ า่ รา่ งรฐั ธรรมนญู นม้ี ขี อ้ บญั ญตั หิ รอื หลกั การพอทจ่ี ะสนองความตอ้ งการของประชาชน และตราใชเ้ ปน็ รากฐานของการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยได้ ๒. ตามมาตรา ๑๐๗ วรรคสองแห่งร่างรัฐธรรมนูญน้ี บัญญัติให้ประธานองคมนตรีเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแตง่ ตง้ั สมาชกิ วฒุ สิ ภานน้ั ไมท่ รงเหน็ ดว้ ยเปน็ อยา่ งยง่ิ เพราะประธานองคมนตรเี ปน็ ผทู้ พ่ี ระมหากษตั รยิ ์ทรงเลอื กและแตง่ ตัง้ ตามพระราชอัธยาศัย ตามความในมาตรา ๑๖ เป็นการขดั กับหลกั ทวี่ า่ พระมหากษัตรยิ ท์ รงอยู่เหนอืการเมอื ง (ในระบอบประชาธปิ ไตย) ทง้ั จะทำใหป้ ระธานองคมนตรอี ยใู่ นสภาพเสมอื นเปน็ องคก์ รการเมอื ง ซง่ึ ขดั กบั มาตรา ๑๗ ดว้ ย ๓. ทงั้ นย้ี งั มปี ญั หาอนื่ ๆ ทจ่ี ะตอ้ งพจิ ารณา แตย่ อ่ มสดุ แลว้ แตว่ ถิ ที างแหง่ รฐั ธรรมนญู ซงึ่ อาจมกี ารแกไ้ ขเปลย่ี นแปลงเพ่อื ใหเ้ หมาะสมแกส่ ภาวการณ์ของบ้านเมอื งและกาลสมยั ได”้ รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศักราช ๒๕๑๗ จงึ เป็นรฐั ธรรมนูญฉบบั เดยี วทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรม หาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ไดพ้ ระราชทานคำแนะนำเพอ่ื แกไ้ ข แตม่ ไิ ดท้ รงใชพ้ ระราชอำนาจในการยบั ยง้ั รา่ งรฐั ธรรมนญู ฉบบั ดงั กลา่ ว ต่อมาสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้พิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าว โดยในคราวประชุมคร้ังท่ี ๒๑เมอื่ วนั พฤหสั บดที ี่ ๒๖ ธนั วาคม ๒๕๑๗ สภานติ บิ ญั ญตั แิ หง่ ชาตไิ ดพ้ จิ ารณารา่ งรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย แกไ้ ขเพม่ิ เตมิพุทธศักราช .... ซึ่งนายสมพร เทพสิทธา กับคณะ ๖๕ คน เป็นผู้เสนอ ที่ประชุมได้ลงมติรับหลักการ พิจารณาในวาระที่ ๒โดยกรรมาธิการเต็มสภา และในวาระท่ี ๓ สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ลงมติให้นำร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแกไ้ ขเพิ่มเตมิ พ.ศ. .... ประกาศใชเ้ ปน็ กฎหมายได้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงลงพระปรมาภิไธยในร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขดังกล่าวแ ละประกาศในราชกจิ จานุเบกษา มีผลใช้บังคับเม่อื วนั ท่ี ๒๓ มกราคม ๒๕๑๘ ท้ังนี้ รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พุทธศักราช ๒๕๑๗ ซงึ่ แกไ้ ขเพมิ่ เติมโดยรฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเตมิ พทุ ธศักราช ๒๕๑๘ มกี ารแก้ไข ๒ มาตรา ทเี่ กย่ี วข้องกบั วุฒสิ ภา คอื มาตรา ๑๐๗ และมาตรา ๑๑๐ มาตรา ๑๐๗ ตามที่บัญญัติว่า “วุฒิสภาประกอบด้วยสมาชิกจำนวนหนึ่งร้อยคน ซ่ึงพระมหากษัตริย์ทรงเลือกและแตง่ ตง้ั จากผทู้ รงคณุ วฒุ .ิ ..” ไดแ้ กไ้ ขเปน็ “วฒุ สิ ภาประกอบดว้ ยสมาชกิ จำนวนหนง่ึ รอ้ ยคน ซง่ึ พระมหากษตั รยิ ท์ รงแตง่ ตงั้จากผทู้ รงคณุ วุฒิ...” ในวรรคสองของมาตรา ๑๐๗ ตามที่บญั ญัตวิ ่า “ใหป้ ระธานองคมนตรีเปน็ ผลู้ งนามรบั สนองพระบรมราชโองการแต่งต้ังสมาชิกวุฒสิ ภา” ไดแ้ ก้ไขเปน็ “ให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งต้งั สมาชกิ วุฒิสภา” มาตรา ๑๑๐ ซ่ึงบัญญัติในกรณีที่ตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาว่างลงเพราะเหตุอื่น นอกจากการออกตามวาระจากทบ่ี ญั ญตั ไิ วว้ า่ “...พระมหากษตั รยิ จ์ ะไดท้ รงเลอื กและแตง่ ตงั้ บคุ คล...” ไดแ้ กไ้ ขเปน็ “...พระมหากษตั รยิ จ์ ะไดท้ รงแตง่ ตง้ับคุ คล...” พระราชดำรัสอันนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๑๗ ได้สะท้อนความเป็นนักประชาธิปไตยของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเป็นอย่างย่ิง เน่ืองจากรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวได้มอบพระราชอำนาจไว้หลายส่วน และมีแนวโน้มที่ต้องการให้สถาบันพระมหากษัตริย์เข้ามามีบทบาททางการเมืองมากขึ้นในลักษณะราชประชาสมาสัย ซ่ึงหมายถึงระบอบการปกครองท่ีพระมหากษัตริย์และประชาชนร่วมกันปกครองประเทศอนั มรี ากฐานแหง่ ความชอบธรรมจากประชาชนโดยผา่ นสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร (เรม่ิ มกี ารกลา่ วถงึ เมอ่ื ประมาณ พ.ศ. ๒๕๑๕)แต่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มิได้ทรงมีพระราชปรารถนาเช่นน้ัน และทรงยึดหลักการท่ีว่าพระมหากษตั ริยท์ รงอยู่เหนอื การเมือง 81๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษตั ริยป์ ระชาธปิ ไตย

รฐั พธิ ีเปิดประชมุ รัฐสภา ความหมาย รัฐพิธี หมายถึง งานที่รัฐบาลกราบบังคมทูลขอพระมหากรุณาธิคุณให้ทรงรับไว้เป็นงานรัฐพิธี มีหมายกำหนดการ ที่กำหนดไว้เป็นประจำ ซ่ึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานในพิธี หรือทรงพระกรุณา โปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มใหม้ ผี แู้ ทนพระองคไ์ ปเปน็ ประธานในพธิ ี ซง่ึ แตกตา่ งจากพระราชพธิ ที พ่ี ระมหากษตั รยิ จ์ ะทรงกำหนด สว่ นรัฐพิธีเป็นงานทร่ี ฐั บาลกำหนด แล้วขอพระราชทานอัญเชิญเสดจ็ พระราชดำเนิน รัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภา มีความหมายรวมความถึง รัฐพิธีเปิดประชุมสภาผู้แทน สภาผู้แทนราษฎร พฤฒสภา วุฒิสภา สภาร่างรัฐธรรมนูญ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือสภาท่ีเรียกชื่ออื่นท่ีทำหน้าที่ในฐานะรัฐสภา ซึ่งมีช่ือแตกต่างกันไป ตามรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับ และบ่งบอกได้ว่า “รัฐ” เป็นฝ่ายดำเนินการ โดยมีพระมหากษัตริย์เสด็จพระราชดำเนินไปทรง เป็นองค์ประธาน หรือจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ผู้ใดผู้หน่ึงเป็นผู้แทนพระองค์ไปกระทำรัฐพิธีก็ได้ เพอ่ื เปน็ การพระราชทานพระบรมราชวโรกาสใหผ้ แู้ ทนของปวงชนชาวไทยเฝา้ ทลู ละอองธลุ พี ระบาทรบั เสดจ็ โดยพรอ้ มเพรยี งกนั อย่างเปน็ ทางการก่อนปฏบิ ัติหนา้ ท่ี ส่ิงสำคัญท่ีสุดในรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภา คือ พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระราชทานแก่ สมาชิกรฐั สภา ไมว่ ่าจะเปน็ ร่างท่รี ัฐบาลทลู เกลา้ ทลู กระหม่อมถวาย ซ่ึงมีเนือ้ ความแถลงผลงานของ “รัฐบาลในพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว” หรือ พระราชดำรัสท่ีแท้จริง ซึ่งแสดงความในพระราชหฤทัย ที่ทรงมุ่งหวังให้ผู้แทนของปวงชนชาวไทยทำ หน้าท่ีของตนอย่างไรโดยแจ้งชัด เสมือนหนึ่งพระบรมราโชวาทที่สมาชิกรัฐสภาน้อมรับใส่เกล้าใส่กระหม่อม เพ่ือยึดถือเป็น แนวทางในการปฏบิ ัตหิ น้าทอี่ ย่างสูงสุด82 ๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษัตริยป์ ระชาธปิ ไตย

ความเป็นมา ในสมยั การปกครองระบอบสมบรู ณาญาสทิ ธริ าชย์ พระราชพธิ ตี า่ ง ๆโดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระราชพิธีอันเก่ียวกับการปกครองบ้านเมือง ถือเป็นพระราชอำนาจของพระมหากษตั รยิ ์โดยตรงจงึ เปน็ ราชประเพณขี องไทยสบื มาท่พี ระมหากษตั รยิ ์จะเสดจ็ พระราชดำเนนิ ไปทรงประกอบพระราชพิธีทส่ี ำคัญ เมื่อพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นครองราชย์แล้วพระองค์ทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมต้ังสภากรรมการองคมนตรีขึ้น และสภากรรมการองคมนตรีได้เปดิ ประชมุ เปน็ ครงั้ แรก เม่ือวันที่ ๓๐ พฤศจกิ ายน๒๔๗๐ แม้ว่าพระองค์จะไม่ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีเปิดประชุมดว้ ยพระองคเ์ อง แต่ได้พระราชทานกระแสพระราชดำรัสให้เจ้าพระยามหธิ ร ราชเลขาธกิ าร อญั เชญิ ไปอา่ นในการเปดิ ประชมุ เมอื่ ลว่ งเขา้ สกู่ ารปกครองตามระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา และได้มีการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรข้ึนเป็นคร้ังแรก เม่ือวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๔๗๕ เป็นขณะที่ยังไม่มีบทบญั ญตั ทิ ช่ี ดั เจนเกย่ี วกบั รฐั พธิ เี ปดิ ประชมุ รฐั สภา จงึ ไดอ้ าศยั ราชประเพณไี ทยทถ่ี อื ปฏบิ ตั สิ บื ตอ่ กนั มาอยา่ งยาวนานมาใชเ้ พอ่ื การเปดิ ประชมุ สภาผแู้ ทนราษฎรครง้ั น้ี โดยพระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วัพระราชทานพระราชกระแสรับส่งั ให้เจ้าพระยามหธิ ร เสนาบดีกระทรวงมุรธาธร อัญเชญิ ไปอ่านเปดิ การประชุมความว่า “วนั นสี้ ภาผ้แู ทนราษฎรไดป้ ระชมุ เปน็ ครงั้ แรก นับวา่ เป็นการสำคญั อันหนึ่งในประวตั ิการณ์ของประเทศอนั เปน็ทร่ี กั ของเรา ขา้ พเจา้ เชอ่ื วา่ ทา่ นทง้ั หลายคงจะตง้ั ใจทจ่ี ะชว่ ยกนั ปรกึ ษาการงานเพอ่ื นำความเจรญิ รงุ่ เรอื งมาสปู่ ระเทศสยามสืบไป และเพ่ือรักษาความอิสรภาพของไทยไว้ชั่วฟ้าและดิน ข้าพเจ้าขออำนวยพรแก่บรรดาผู้แทนราษฎรท้ังหลายให้บริบูรณ์ด้วยกำลังกาย กำลังปัญญา เพื่อจะได้ช่วยกันทำการให้สำเร็จตามความประสงค์ของเราและของท่าน ซึ่งมีจุดมงุ่ หมายอันเดยี วกันทกุ ประการเทอญ” การเสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบรัฐพิธีเปิด ประชมุ รฐั สภา นอกจากเป็นไปตามราชประเพณีแลว้ ยังเปน็ ไป ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญด้วย อาทิ การเสด็จพระราช ดำเนินทรงประกอบรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภาครั้งแรกในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ซ่ึงมีข้ึนเม่ือวันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๔๗๖ โดยเป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช ๒๔๗๕ ซ่ึงได้บัญญัติ เก่ียวกับรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภาไว้ในมาตรา ๓๐ ดังนี้ “พระมหากษตั รยิ ท์ รงเรยี กประชมุ สภาผแู้ ทนราษฎรตามสมยั ประชมุ และทรงเปดิ ปดิ ประชมุ พธิ เี ปดิ ประชมุ จะทรงพระกรณุ า เสดจ็ พระราชดำเนริ มาทรงทำหรอื จะโปรดเกลา้ ฯ ใหร้ ชั ทายาท ที่บรรลุนิติภาวะแล้ว หรือนายกรัฐมนตรีกระทำพิธีแทน พระองคก์ ไ็ ด้” 83๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษตั รยิ ป์ ระชาธปิ ไตย

รฐั ธรรมนญู สว่ นใหญม่ บี ทบญั ญตั เิ รอื่ งรฐั พธิ เี ปดิ ประชมุ รฐั สภาทคี่ ลา้ ยคลงึ กนั ตรงองคป์ ระธานผกู้ ระทำพธิ เี ปดิ ประชมุ แต่สาระในการประกอบรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภาน้ันมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง อาทิ ไม่มีบทบัญญัติท่ีระบุชัดเจนว่าให้กระทำ รฐั พธิ เี ปดิ ประชมุ ในสมยั ใดจงึ ไดอ้ าศยั ธรรมเนยี มทป่ี ฏบิ ตั สิ บื ตอ่ กนั มา โดยกระทำรฐั พธิ เี ปดิ ประชมุ รฐั สภาทกุ ครง้ั ทเ่ี ปน็ การประชมุ สภาสมยั สามญั ดงั เชน่ รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รสยาม พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๕ รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๔๘๙ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๔๙๒ เปน็ ต้น แต่รฐั ธรรมนูญบางฉบับได้มบี ทบัญญัติท่ีระบุไวช้ ัดเจน ว่าให้กระทำรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภาในสมัยใด อาทิ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๑๗ รัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๒๑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๓๔ รัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๐ และรฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๐ ไดบ้ ัญญัติไวช้ ัดเจนว่า “พระมหากษัตริย์จะเสด็จพระราชดำเนินมาทรงทำรัฐพิธีเปิดประชุมสมัยประชุมสามัญประจำปีคร้ังแรกด้วยพระองค์เอง หรอื จะโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มใหพ้ ระรชั ทายาทซง่ึ บรรลนุ ติ ภิ าวะแลว้ หรอื ผใู้ ดผหู้ นง่ึ เปน็ ผแู้ ทนพระองค์ มาทำรฐั พธิ กี ไ็ ด”้ นับตงั้ แตพ่ ระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจา้ อยู่หวั เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบรฐั พธิ ีเปดิ ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งแรก เม่ือวันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๔๗๖ จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีรัฐพิธีเปิดประชุม รัฐสภาทไี่ ดก้ ระทำขน้ึ ท้งั สิ้น ๖๓ ครัง้ ดงั นี้ โดยพระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ๑ ครง้ั เม่อื วนั ที่ ๑๐ ธนั วาคม ๒๔๗๖ โดยผแู้ ทนพระองคใ์ นพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจา้ อยู่หวั ๑ ครั้ง วันท่ี ๑๕ ธันวาคม ๒๔๗๗ ผแู้ ทนพระองค์ คอื นายพันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา นายกรัฐมนตรี โดยสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั อานันทมหิดล ๒ ครัง้ เมอื่ วันที่ ๒๔ มกราคม ๒๔๘๙ และวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๔๘๙84 ๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษตั ริย์ประชาธิปไตย

โดยผูแ้ ทนพระองค์ในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานนั ทมหิดล ๑๒ คร้งั วนั ท่ี ๑ สิงหาคม ๒๔๗๘ วันท่ี ๑ สิงหาคม ๒๔๗๙ วนั ที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๔๘๐ วันท่ี ๒๔ มิถนุ ายน ๒๔๘๑ วันท่ี ๑๐ ธนั วาคม ๒๔๘๑ วันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๘๒ วนั ท่ี ๒๔ มิถุนายน ๒๔๘๓ วันที่ ๒๔ มถิ ุนายน ๒๔๘๔ วนั ท่ี ๒๔ มถิ ุนายน ๒๔๘๕ วันท่ี ๒๔ มิถุนายน ๒๔๘๖ วนั ที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๘๗ วันท่ี ๒๔ มิถนุ ายน ๒๔๘๘ โดยพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช ๓๓ ครัง้ โดยผแู้ ทนพระองคใ์ นพระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช ๑๔ ครงั้รัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภาในรชั สมยั พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช นับจากพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสดจ็ เถลงิ ถวลั ยราชสมบตั ิ เมื่อวนั ที่ ๙ มถิ ุนายน ๒๔๘๙จนถงึ ปจั จบุ ัน มรี ัฐพิธีเปดิ ประชมุ รัฐสภารวม ๔๗ ครง้ั โดยแบ่งออกตามองค์ผูก้ ระทำพธิ เี ปิดประชุมรฐั สภา ดังน้ี 85๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษัตรยิ ์ประชาธปิ ไตย

๑) พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภา ด้วยพระองค์เองเปน็ ครงั้ แรก เม่ือวันที่ ๑ มถิ ุนายน ๒๔๙๓ ถึงวนั ที่ ๔ มนี าคม ๒๕๔๘ รวมท้งั สิน้ ๓๓ คร้ัง ในรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้พระราชทานพระราชดำรัสเปิด ประชุมทกุ คร้งั พระราชดำรัสนถี้ ือเป็นส่ิงสำคัญยง่ิ ด้วยเป็นข้อคตเิ ตอื นใจสำหรับผู้ทำหน้าทใี่ นฐานะผแู้ ทนของปวงชนชาวไทย และผทู้ เ่ี กย่ี วขอ้ ง เพอ่ื ใหย้ ดึ ถอื เปน็ แนวทางในการปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ี โดยคำนงึ ถงึ ประโยชนข์ องประเทศชาตแิ ละประชาชนเปน็ สำคญั ๒) ผู้แทนพระองค์ ด้วยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไม่สามารถเสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบรัฐพิธี เปิดประชุมรัฐสภาได้ด้วยพระองค์เอง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ผู้แทนพระองค์ไปประกอบรัฐพิธี เปดิ ประชมุ รัฐสภาแทน รวมทัง้ ส้ิน ๑๔ คร้ัง ดังนี้ ครั้งที่ ๑ โดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขนุ ชยั นาทนเรนทร ประธานคณะผูส้ ำเรจ็ ราชการแทนพระองค์ ทรงประกอบ รฐั พธิ เี ปดิ ประชมุ รัฐสภา เมื่อวันท่ี ๑๐ พฤษภาคม ๒๔๙๐ โดยขณะทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช เสดจ็ เถลงิ ถวลั ยราชสมบตั นิ นั้ พระองคย์ งั ทรงพระเยาวอ์ ยู่ จะทรงบริหารพระราชภาระไม่ได้ รัฐสภาได้อาศัยอำนาจตามความในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๔๘๙ มาตรา ๑๐ ซ่งึ บญั ญัติวา่ “ในเมอื่ พระมหากษัตริย์จะไม่ประทับอยใู่ นราชอาณาจักร หรอื ดว้ ยเหตุใดเหตุหน่งึ จะทรงบริหาร พระราชภาระไมไ่ ด้ จะไดท้ รงตง้ั บคุ คลคนหนง่ึ หรอื หลายคนเปน็ คณะขน้ึ ใหเ้ ปน็ ผสู้ ำเรจ็ ราชการแทนพระองคด์ ว้ ยความเหน็ ชอบ ของรฐั สภา” และในวนั ที่ ๑๖ มถิ นุ ายน ๒๔๘๙ รฐั สภาไดล้ งมตติ ง้ั คณะผสู้ ำเร็จราชการแทนพระองค์ ประกอบดว้ ย ๑) พระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมขนุ ชยั นาทนเรนทร เป็นประธาน ๒) พระยามานวราชเสวี ครง้ั ท่ี ๒ โดยพระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมขนุ ชยั นาทนเรนทร ประธานอภริ ฐั มนตรี ในหนา้ ทป่ี ระธานคณะผสู้ ำเรจ็ ราชการ แทนพระองค์ ทรงประกอบรฐั พิธเี ปดิ ประชมุ รัฐสภา เมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจกิ ายน ๒๔๙๐ ซ่ึงคณะอภริ ัฐมนตรี ประกอบด้วย ๑. พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ กรมขุนชัยนาทนเรนทร เปน็ ประธาน ๒. พระวรวงศเ์ ธอ พระองค์เจา้ ธานนี ิวัติ ๓. พลโท พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจา้ อลงกฎ ๔. พระยามานวราชเสวี ๕. พลตำรวจเอก อดุล อดุลเดชจรสั คร้ังที่ ๓ โดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนชัยนาทนเรนทร ประธานอภิรัฐมนตรี ในหน้าท่ีประธานคณะผู้สำเร็จ ราชการแทนพระองค์ ทรงประกอบรฐั พิธเี ปดิ ประชมุ รัฐสภา เมื่อวันที่ ๑๙ กมุ ภาพันธ์ ๒๔๙๑ ครั้งท่ี ๔ โดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนชัยนาทนเรนทร ประธานอภิรัฐมนตรี ในหน้าท่ีประธานคณะผู้สำเร็จ ราชการแทนพระองค์ ทรงประกอบรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภา (สภาร่างรฐั ธรรมนญู ) เมอ่ื วนั ท่ี ๑๒ กรกฎาคม ๒๔๙๑ ครั้งท่ี ๕ โดยพระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมขุนชยั นาทนเรนทร ประธานอภิรัฐมนตรี ในหนา้ ทป่ี ระธานคณะผู้สำเรจ็ ราชการแทนพระองค์ ทรงประกอบรัฐพธิ ีเปดิ ประชมุ รัฐสภา เมอื่ วนั ท่ี ๑๕ มิถนุ ายน ๒๔๙๒ ครงั้ ที่ ๖ โดยพระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ กรมขุนชยั นาทนเรนทร ประธานคณะผสู้ ำเร็จราชการแทนพระองค์ ทรงประกอบ รัฐพธิ เี ปดิ ประชุมรัฐสภา เมือ่ วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๔๙๓86 ๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษตั รยิ ์ประชาธิปไตย

ครั้งท่ี ๗ โดยพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ทรงประกอบรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภา เม่อื วันที่ ๑ ตลุ าคม ๒๔๙๔ คร้ังที่ ๘ โดยจอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ประกอบรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภาเม่อื วันท่ี ๑๘ มีนาคม ๒๔๙๕ คร้ังที่ ๙ โดยสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ทรงประกอบรัฐพิธีเปิดประชุมรฐั สภา เมื่อวนั ท่ี ๕ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๑๘ ครง้ั ที่ ๑๐ โดยสมเดจ็ พระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกมุ าร เสดจ็ พระราชดำเนินแทนพระองค์ ทรงประกอบรัฐพธิ เี ปดิ ประชมุ รัฐสภา เมอ่ื วนั ที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๔๙ ครั้งท่ี ๑๑ โดยสมเดจ็ พระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกฎุ ราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนนิ แทนพระองค์ ทรงประกอบรฐั พธิ ีเปิดประชมุ รัฐสภา (สมชั ชาแหง่ ชาติ) เม่ือวนั ท่ี ๑๗ ธนั วาคม ๒๕๔๙ ครง้ั ท่ี ๑๒ โดยสมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสดจ็ พระราชดำเนนิ แทนพระองค์ ทรงประกอบรฐั พธิ เี ปดิ ประชมุ รฐั สภา เมอ่ื วันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๕๑ ครง้ั ที่ ๑๓ โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธริ าช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสดจ็ พระราชดำเนนิ แทนพระองค์ ทรงประกอบรฐั พิธีเปิดประชุมรฐั สภา เมอ่ื วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ คร้งั ที่ ๑๔ โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกฎุ ราชกมุ าร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ทรงประกอบรัฐพธิ ีเปดิ ประชมุ รัฐสภา เม่ือวันท่ี ๗ สิงหาคม ๒๕๕๗รปู แบบของรัฐพธิ เี ปิดประชุมรฐั สภา ธรรมเนยี มทป่ี ฏบิ ตั นิ บั แตก่ ารเปลย่ี นแปลงการปกครองจากระบอบสมบรู ณาญาสทิ ธริ าชยม์ าเปน็ ระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ ภายใตร้ ฐั ธรรมนญู รฐั พธิ เี ปดิ ประชมุ รฐั สภาจะกระทำ ณ ทอ้ งพระโรง พระทนี่ ง่ั อนนั ตสมาคมเสมอมา สำนักพระราชวังจะออกหมายกำหนดการเป็นงานเสด็จพระราชดำเนิน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภาคณะรัฐมนตรี คณะทูตานุทูต ท่ีมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาททุกคนแต่งกายเต็มยศ ประดับเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุดที่ได้รบั พระราชทาน 87๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษตั ริย์ประชาธปิ ไตย

เม่ือพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินไปถึงพระที่น่ังอนันตสมาคม รถยนต์พระท่ีนั่งเทียบที่อัฒจันทร์ด้านทิศตะวันตก ฝ่ังพระที่น่ังอัมพรสถาน เสด็จผ่านท้องพระโรงหลัง แล้วเสด็จข้ึนประทับ เหนือพระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์บนพระราชบัลลังก์ ภายใต้นพปฎลมหาเศวตฉัตรภายในพระวิสูตร ขณะท่ีผู้มา เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาททั้งหลายรอเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทอยู่ที่ท้องพระโรงหน้า หน้าพระวิสูตร เมื่อประทับ พระราชบัลลังก์เรียบร้อยแล้ว มหาดเล็ก รัวกรับ ชาวม่านไขพระวิสูตร ชาวพนักงาน ประโคมกระท่ัง แตร มโหระทึก ทหาร กองเกียรติยศถวายเคารพ แตรวงบรรเลง เพลงสรรเสริญพระบารมี เม่ือสุดเสียง ประโคมแล้ว พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดชพระราชทานพระราช ดำรัสเปิดประชุมรัฐสภา จบแล้วมหาดเล็ก รัวกรับให้สัญญาณอีกคร้ังหนึ่ง ชาวม่านปิด พระวิสูตร มีประโคมและบรรเลงเพลง สรรเสรญิ พระบารมเี ชน่ เดยี วกบั เมอ่ื เสดจ็ ออก อันเป็นการส้ินสุดของการเสด็จออกมหา สมาคม เพื่อทรงประกอบรัฐพิธีเปิดประชุม รัฐสภาอย่างบริบูรณ์ด้วยพระราชอิสริยยศ ตามโบราณราชประเพณขี องไทยโดยแทจ้ รงิ เมื่อรัฐพิธีสำคัญน้ีผ่านพ้นไปแล้ว รัฐสภาจะได้เริ่ม ดำเนินงานตามบทบาท อำนาจหน้าท่ี โดยไม่ตกอยู่ในความ ผูกมัดแห่งอาณัติมอบหมาย หรือความครอบงำใด ๆ และ ต้องปฏิบัติหน้าท่ีด้วยความซ่ือสัตย์สุจริต เพ่ือประโยชน์ ส่วนรวมของปวงชนชาวไทย โดยปราศจากการขัดกันแห่ง ผลประโยชน์ และก่อนที่สมาชิกรัฐสภาจะปฏิบัติหน้าที่ ได้น้ัน จะต้องปฏิญาณตนต่อที่ประชุมด้วยถ้อยคำว่า “ขา้ พเจา้ (ชอื่ ผปู้ ฏญิ าณ) ขอปฏญิ าณวา่ ขา้ พเจา้ จะปฏบิ ตั ิ หน้าท่ีด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพ่ือประโยชน์ของประเทศ และประชาชน ทง้ั จะรกั ษาไวแ้ ละปฏบิ ตั ติ ามซงึ่ รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย ทกุ ประการ”88 ๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษตั รยิ ป์ ระชาธิปไตย

พระราชดำรัสในรัฐพธิ ีเปดิ ประชุมรฐั สภา

พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช ในรัฐพิธเี ปิดประชุมรฐั สภา สมัยประชมุ วสิ ามญั วันพฤหัสบดี ที่ ๑ มิถนุ ายน ๒๔๙๓ ณ พระที่นง่ั อนันตสมาคม90 ๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษัตรยิ ป์ ระชาธปิ ไตย

พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช ในรฐั พิธเี ปิดประชมุ รัฐสภาวนั ศกุ ร์ ท่ี ๔ มนี าคม ๒๕๔๘ ณ พระท่ีน่งั อนันตสมาคม 91๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษตั รยิ ป์ ระชาธปิ ไตย

ผแู้ ทนพระองค์ในรฐั พธิ ีเปิดประชมุ รฐั สภาสมเด็จพระบรมโอรสาธริ าช ฯ สยามมกุฎราชกมุ าร สมเดจ็ พระศรนี ครนิ ทราบรมราชชนนี ในรัฐพธิ ีเปดิ ประชุมสภานิตบิ ัญญตั ิแหง่ ชาติ ในรัฐพธิ ีเปิดประชมุ รฐั สภา สมัยประชมุ สามญั ประจำปี ๒๕๑๘ พระเจา้ บรมวงศ์เธอ กรมขนุ ชัยนาทนเรนทร พระวรวงศ์เธอ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ประธานคณะผ้สู ำเรจ็ ราชการแทนพระองค์ กรมหมน่ื พิทยลาภพฤฒยิ ากร นายกรัฐมนตรี ผสู้ ำเรจ็ ราชการแทนพระองค์92 ๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษตั ริยป์ ระชาธิปไตย

๑๓๐ พระดำรสั ใในนพรใัฐรนะพรปิธัฐรพพเีมปปธิำรพรดิ เีภปะปะรปเไิรธจะิดธะราเา้ปยธจะนบพรำช้ำะคนรบรมุ ชมะคณณรสมุบณมวมสำวพะงะทมัยผงรผศศัยสสะสูู้้ส์เส์เมทธพาำธำำเี่นอเมอดเรมรรั่งญั็จะ็จัญกอจ็กดพรรนรแำแรำมราันหชหมะรขชตก่งป่งัสขนุกพสำรพุนชรมาฤมัยชแฤรำฒินนทัยคแฒทสำนทมนรภทพสนามำนรทภหพแเะรำลนารอนภะแเะงรทสูมลอคนภริพะ์งำสทลคผอภร์ู้แดาทลุผนยแู้เดทชน วนั ณเสำพร์ รทะี่ ท๑๐น่ี ่งั พอฤนษนัภตำคสมม๒า๔ค๙ม๐ วนั เสาร์ ท่ี ๑๐ พฤษภาคม ๒๔๙๐ท่ำนสมำชกิ พฤฒสภำและสมำชกิ สภำผูแ้ ทน คณะผู้สาเร็จราชการแทนพระองค์ ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีความยนิ ดีเปน็ อนั มาก ทีไ่ ด้มากระทาพธิ ีเปิดประชมุ สามัญแหง่ พฤฒสภาและสภาผู้แทนในวนั นี้ ในระหว่างปิดสมัยประชุมคราวที่แล้วมา ท่านสมาชิกท้ังหลายคงจะได้เดินทางกลับไปสู่ภูมิลาเนาของท่าน และได้ไปพบปะวิสาสะกับราษฎรโดยใกล้ชิด ซ่ึงในการนี้ท่านคงจะได้ประจักษ์ถึงสาระทุกข์สุขดิบ ตลอดจนความต้องการของราษฎรโดยถ่องแท้ อนั จะเป็นประโยชนอ์ ย่างยง่ิ ในการปฏิบตั หิ นา้ ท่ีของท่านในสมัยประชุมสามัญปนี ้ี ภายในระยะเวลาดังกล่าว รัฐบาลของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ได้เร่งรัดจัดดาเนินงานให้เป็นไปตามนโยบายทไ่ี ดแ้ ถลงไวต้ ่อรัฐสภา ซงึ่ ข้าพเจ้าขอนามากล่าวฉะเพาะในสาระสาคญั ดงั ตอ่ ไปนี้ ในด้านการต่างประเทศ รัฐบาลก็ได้รักษาและส่งเสริมสัมพันธไมตรีอันดีกับมิตรประเทศทั้งหลายให้สนิทสนมแน่นแฟ้นยิ่งข้ึน อาทิเช่น ได้แต่งตั้งเอกอัครราชทูตไทยไปประจาประเทศจีน และได้แต่งตั้งอัครราชทูตไทยไปประจา ณ สหภาพโซเวียตรัสเซียได้ยกฐานะสถานทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน และกรุงลอนดอนขึ้นเป็นสถานเอกอัครราชทูตเช่นเดียวกับท่ีสหรฐั อเมริกาและอังกฤษได้ยกฐานะสถานทูตทั้ง ๒ ในประเทศไทยขึ้นให้มีฐานะเท่าเทียมกัน และตามท่ีรัฐบาลได้เคยแถลงไว้ในเรื่องท่ีอังกฤษจะถอนกองทหารอังกฤษและอินเดียออกจากประเทศไทยนั้น บัดน้ีหน่วยทหารอังกฤษพร้อมทั้งกองบังคับใกนาอรกัน็ไทดี่จ้ยะุบปเลลดิกเแปลล้วื้อแงตพ่วันันธทกี่ ร๑ณพีซฤึ่งมษีอภยาู่กคับมบ๑ศา๓กง๑ปนรี้ ะนเอทกศจจานกบนร้ีรลรัุฐถบึงคาวลาไมดส้ดาาเเรน็จินเกปา็นรอเยจ่ารงจดาีดังเช่นการเจรจาขอยกเลิกหัวข้อความตกลงกับอังกฤษซึ่งได้แลกเปล่ียนหนังสือกัน เม่ือวนั ท่ี ๘ พฤษภาคม ศกน้ี เป็นต้น ในด้านการภายในประเทศ รัฐบาลก็ได้เอาใจใส่และเพียรพยายามที่จะลดอตั ราคา่ ครองชีพของประชาชนให้ต่าลง โดยฉะเพาะในการส่งเสริมใหม้ ีการส่งสินค้าออกและสั่งสินค้าเข้าให้เพ่ิมพูนย่ิงขึ้น ทั้งนี้เป็นผลให้บรรดาเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มและยารักษา93โรค ตลอดจนเครื่องอุปโภคบางอย่างซ่ึงเป็นของจาเป็นแก่ก๗าร๐ครอปงี ชคีพรมอีรงารคาาชถยูก์ลมงหจาึงกษัตริยป์ ระชาธิปไตยคงเหลือแต่ปัญหาเรื่องอาหารและเครื่องบริโภคซึ่งยังมีราคาสูงอยู่ และรฐั บาลก็จะได้เร่ง

๑๓๑ ดังเช่นการเจรจาขอยกเลิกหัวข้อความตกลงกับอังกฤษซ่ึงได้แลกเปลี่ยนหนังสือกัน เมื่อ วนั ท่ี ๘ พฤษภาคม ศกน้ี เปน็ ต้น ในด้านการภายในประเทศ รัฐบาลก็ได้เอาใจใส่และเพียรพยายามท่ีจะลด อตั ราคา่ ครองชพี ของประชาชนให้ต่าลง โดยฉะเพาะในการส่งเสริมให้มีการส่งสินค้าออก และส่ังสินค้าเข้าให้เพิ่มพูนยิ่งขึ้น ท้ังนี้เป็นผลให้บรรดาเสื้อผ้าเคร่ืองนุ่งห่มและยารักษา โรค ตลอดจนเครื่องอุปโภคบางอย่างซ่ึงเป็นของจาเป็นแก่การครองชีพมีราคาถูกลง จึง คงเหลือแต่ปัญหาเรื่องอาหารและเคร่ืองบริโภคซ่ึงยังมีราคาสูงอยู่ และรัฐบาลก็จะได้เร่ง รบี แก้ไขต่อไป ในด้านการโจรผู้รา้ ย ก็ได้ระดมกนั ระงับปราบปรามเป็นการใหญ่ซึ่งได้รับ ผลเป็นที่น่าพึงพอใจ ในด้านการคลังของประเทศ การปรับปรุงรายได้เท่าท่ีได้ดาเนินไป แล้วเป็นส่วนใหญ่ ได้ก่อให้เกิดผลเพิ่มพูนรายได้เป็นอันมาก ส่วนรายจ่ายก็ได้ประหยัด ตัดทอนลง ซึ่งหวังว่าดุลยภาพแห่งงบประมาณจะกลับคืนมาได้ในอนาคตอันใกล้น้ี ส่วน การช่วยเหลือฐานะข้าราชการ ก็ได้กระทาอยู่ในทุกทางตามกาลังความสามารถในทาง การเงิน ในด้านการศึกษา ก็ได้ดาเนินการปรับปรุงหลักสูตร แบบเรียน และจัดให้มีการ ประชุมครูใหญ่ทั่วราชอาณาจกั ร เพื่อซ้อมความเข้าใจ การปฏิบัติหน้าที่เพ่ือส่งเสริมฐานะ และสมรรถภาพของครู ตลอดจนการศึกษาศีลธรรมนักเรียน ในด้านการเกษตร ก็ได้จัด วางโครงการเร่งรัดและส่งเสริมการเกษตรกรรมขึ้น สาหรับการสาธารณสุขก็ได้เปิดสาขา มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ข้ึนอีกแห่งหน่ึงที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เพ่ือเพ่ิมจานวน แพทย์ให้มากข้ึน ส่วนในด้านการคมนาคม พาณิชย์ และอุตสาหกรรม ตลอดจนด้าน การทหารและการศาล ต่างก็ได้เร่งรัดและบริหารกิจการตามอานาจหน้าที่ให้เป็นไปตาม นโยบายท่ไี ด้แถลงไว้ตอ่ รฐั สภา ท่านสมาชิกผู้มีเกียรติท้ังหลาย ท่านคงจะตระหนักแก่ใจแล้วว่า แม้สงคราม จะได้ส้ินสุดลงเป็นเวลาล่วงมาแล้วเกือบ ๒ ปีก็ตาม ประเทศของเราก็ยังอยู่ในสภาพอัน ยากลาบาก และมีอุปสรรคมากมายหลายประการขัดขวางอยู่ ซ่ึงจะต้องพยายามฝ่าฟัน แกไ้ ขและจดั ทาตอ่ ไป ซ่ึงยอ่ มจะเป็นภาระอันหนัก และต้องอาศัยกาลเวลาตลอดจนความ คล่ีคลายแห่งสถานะการณ์ของโลกด้วย ท้ังนี้ เพราะเป็นผลสืบเน่ืองท่ีหลีกเล่ียงไม่พ้นของ สงคราม และมิใช่จะเป็นอยู่ฉะเพาะในประเทศเราเท่าน้ัน หากคงมีอยู่ในประเทศต่าง ๆ โดยท่ัวไปด้วยจึงไม่ควรถือเป็นเหตทุ ี่ทาให้เสียกาลังใจในอันท่ีจะร่วมมือกันฝ่าฟันอุปสรรค และแก้ไขสถานะการณ์ให้กลับฟ้ืนคืนมาเช๑่น๓เ๒วลาปกติ ข้าพเจ้าขอย้าว่า ประเทศชาติใน วาระอันคับขันนี้ ย่อมจะต้องอาศัยความสมัครสมาน ความสามัคคีในทุกฝ่ายอย่าง แน่นแฟ้น จึงจะสามารถนาประเทศหลีกพ้นภยันตราย ไปสู่ความวัฒนาถาวรดังมโนรถ ปรารถนาของเราได้ บัดน้ี ถึงเวลาอันสมควรแล้ว ข้าพเจ้าขอเปิดประชุมสามัญแห่งพฤฒสภา และสภาผ้แู ทนตงั้ แตบ่ ัดนีเ้ ปน็ ตน้ ไป ขอคณุ พระศรีรัตนตรยั และส่ิงศกั ดส์ิ ิทธ์ิทั้งหลาย จงดลบรรดาลให้กิจการของ พฤฒสภาและสภาผู้แทนน้ี สัมฤทธ์ิผลเป็นความสุขความเจริญแก่ประชาชนของชาติ สบื ไปเทอญ.94 ๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษตั รยิ ป์ ระชาธิปไตย

๑๓๓ พระดำรัส พระเจ้ำบรมวงศ์เธอ กรมขุนชยั นำทนเรนทร ในพระปรมำพใปใภนปนรริไรระรธะะัฐวเฐัธยจธพนั พาา้พำจธินบนธิรนัีเณครเีปะคณปทมบณณิดดิรวำพพป์ะปะทงทรรผผรรศสี่ะะะ้สูะ๒ูส้ช์เมททธชำพมุำ๔เีน่ี่นเอมุดเรรสรง่ััง่ส็จพ็จะอมจ็อกดมพรฤรนัยรนำำัยรศานัมสชรันสะชจตสัขกาปำตกิกมสนุำมราสำรมัญชมญัรยมแยัำแนินแาทแคทนทคหหนม๒นารมง่่งพท๔มพววรนห๙ุฒรุฒะำเะ๐อริสอภสินงภงมูภคทำคิพ์าร์ลอดุลยเดช วนั จนั ทร์ ที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๔๙๐ท่ำนสมำชิกวฒุ สิ ภำ ข้าพเจ้าในนามของคณะผู้สาเร็จราชการแทนพระองค์ ในพระปรมาภิไธยสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว มคี วามยินดมี ากท่ไี ดม้ าประกอบพิธีในโอกาศเปิดประชุมวุฒิสภาในวันนี้ การเรียกประชุมวุฒิ สภาคราวนี้เป็นคร้ังแรก ตามรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทยฉะบับช่ัวคราว จึงนับว่ามีความสาคัญในประวัติการของประเทศชาติอันเป็นทร่ี กั ของเรา ท่านท้ังหลายก็ย่อมทราบอยู่แล้วว่า ประชาชนต้องประสพความยากลาบากทั้งในด้านสวัสดิภาพและการครองชีพ ปัญหาต่าง ๆ ซึ่งรัฐบาลของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะต้องเผชิญ และความยากลาบากของประชาชนที่รัฐบาลจะตอ้ งแกไ้ ขให้หมดสิ้นไป จงึ มีอยู่เป็นอันมาก รัฐบาลจะปฏิบัติการท้ังนี้ให้สาเร็จไปโดยดีหรือไม่ประการใด ก็ย่อมต้องอาศัยความร่วมมือของวุฒิสภา ซ่ึงขณะนี้ทาหน้าที่แทนรัฐสภาตามบทฉะเพาะกาลแห่งรัฐธรรมนูญฉะบับชว่ั คราว สมาชิกวุฒิสภาแต่ละท่านนั้นก็ล้วนแตเ่ ป็นผู้ทรงคุณวุฒิ มีความสามารถรอบรู้กิจการของประเทศชาติเป็นอย่างดีมาแล้ว ข้าพเจ้าจึงรู้สึกแน่ใจว่า สมาชิกวุฒิสภาทุกท่านคงจะได้บาเพ็ญประโยชน์ให้เหมาะสมแก่ความต้องการของประเทศชาติในปัจจุบันเพื่อความผาสุขอันยงั่ ยืนของประชาชน และเพ่ือประโยชนอ์ นั แท้จรงิ ของประเทศชาติเปน็ ตน้ ไป บัดน้ี ถึงเวลาอันสมควรแล้ว๑๓ข๔้าพเจ้าจึงขอเปิดประชุมวุฒิสภาต้ังแต่บัดนี้ ขออัญเชิญคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักด์ิสิทธิทั้งหลายในสากลโลก จงดลบรรดาลใหก้ จิ การของวฒุ สิ ภาไดด้ าเนินไปโดยสัมฤทธิผลทุกประการ. 95๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษัตรยิ ์ประชาธปิ ไตย

๑๓๕ พระดำรัส พระเจ้ำบรมวงศเ์ ธอ กรมขนุ ชยั นำทนเรนทร ในพใรนใะนรปฐัรรพัฐมพิธพำปธิเี ภปปรรีเปิไะริดวะธเะธิดจันปยธา้าปพรพำนบะรฤนรณชคระหะคณมมุชณบสัณมุวสพำบพะงสะมทผรดรผศมยัะสะี้สูู้สเ์ยัททสธมทพำำสีน่าี่อเี่นเเร๑ำดมรรง่ั ะ่ังม๙็จจ็็จอกญัดอัญรพรรนนำกาำแมรแรนัันชชุมหะัสขหตกตกภป่งุนง่ สาำสำวรวชรรมพมมฒุ ฒุยัแแำนันิาทนทสิคสิคธทนนาภมภ์มรท๒พพำามแน๔แรรหลลเะะ๙ำรอะอะ๑ภนสสงงมูทคภคภพิร์ำ์าผลผอแู้ แู้ ดททุลนนยเดช วนั พฤหัสบดี ท่ี ๑๙ กุมภาพนั ธ์ ๒๔๙๑ ท่ำนสมำชกิ วุฒสิ ภำและสมำชิกสภำผู้แทน ตามที่ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้เรียกประชุมวุฒิสภาและสภา ผู้แทนในวันนี้ คณะอภิรัฐมนตรี ในหน้าที่คณะผู้สาเร็จราชการแทนพระองค์ ใน พระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีความยินดีมากท่ีได้มากระทาพิธีเปิดสมัยประชุม ในโอกาสน้ี การเรียกประชุมสภาครั้งน้ี แม้จะมิใช่เป็นคร้ังแรกในประวัติของระบอบ ประชาธิปไตย แต่ก็นับว่าเป็นสมัยแรกสาหรับผู้แทนซ่ึงราษฎรได้เลือกตั้งเข้ามาใหม่ ตาม รัฐธรรมนูญฉะบับช่ัวคราว จึงขอต้อนรับท่านสมาชิกทั้งหลายด้วยความปล้ืมปิติอย่างย่ิง การเลือกตั้งคราวน้ีนับว่าได้ดาเนนิ มาด้วยความเรียบร้อย ข้าพเจ้าจึงเชื่อเป็นอยา่ งมากว่า ท่านสมาชิกที่เข้ามารับตาแหน่งใหม่ซ่ึงเป็นตาแหน่งอันมีเกียรติสูง โดยเป็นผู้แทนของ ปวงชนทั้งประเทศน้ี คงจะปฏิบัติหน้าที่ให้เหมาะสมกับที่ราษฎรได้ให้ความไว้วางใจมา ข้าพเจ้าใคร่ขอร้องให้ทุกท่าน ท้ังท่านสมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกสภาผู้แทนจงร่วมแรง ร่วมใจกันเป็นสมานฉันท์ ในอันที่จะดาเนินกิจการในหน้าท่ีด้วยความซ่ือสัตย์สุจริตและ บริสุทธใิ์ จมงุ่ หวังประโยชน์สว่ นรวมของชาติเปน็ ทต่ี ั้ง เพื่อเปน็ ทางนาประเทศชาตขิ องเรา ไปสคู่ วามวัฒนาถาวรสบื ไป บัดนี้ ได้เวลาอันเป็นอุดมฤกษ์แล้ว ข้าพเจ้าขอเปิดสมัยการประชุมต้ังแต่ บัดนเี้ ป็นตน้ ไป เพ่ือเปน็ ศริ ิสวสั ดพิ พิ ัฒน์มงคลแกส่ ภาน้ี ขอต้ังสัตยาธิษฐาน อาศัยคุณพระศรีรตั นไตรย จงดลบรรดาลให้ธุระกิจของ วุฒิสภาและสภาผ้แู ทนได้ประสพผล นาความสุขความเจรญิ มาสู่ประชาชนและชาติสบื ไป เทอญ.96 ๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษตั รยิ ป์ ระชาธปิ ไตย

๑๓๖ พระดำรสั พระเจ้ำบรมวงศเ์ ธอ กรมขุนชยั นำทนเรนทร ในพระปรมำพปภปรรใใิไรนะะนธะเธรจยวรธฐัาา้ฐัพนัำพนบพนจรคริธะคันิธณมีเณณบเีณทปปวำริดะะดิพงทพ์ผผปปทศสรรู้สรู้สี่์เระะมธพ๑ำะทะำทเชอเช๒ดเรี่นร่นีุมระุม็จจ็ัง่จ็ง่ักสดกพรสออรรรภำำภาภรภมกรชาชะำิเฎเิัสขรกศปกรศุนำา่ำำ่กรากคงรงชดมรดรมแรัยแุสนิ ฐััฐสุททนิตท๒ธธิตนนารรร๔พทพมรร๙มรนมหร๑ะนเนะำรออูญภูญนงงมู คทคพิ ์ร์ ลอดลุ ยเดช วนั จนั ทร์ ที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๔๙๑ทำ่ นสมำชิกสภำร่ำงรฐั ธรรมนญู ข้าพเจ้าในนามของคณะผู้สาเร็จราชการแทนพระองค์ ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีความยินดีเป็นอันมากท่ีได้มากระทาพิธีเปิดประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญในวนั นี้ ท่านท้ังหลายย่อมทราบแล้วว่า สภาร่างรัฐธรรมนูญน้ีเป็นสภาท่ีมีหน้าท่ีร่างรัฐธรรมนูญฉะบับถาวร อันเป็นกฎหมายสูงสุด วางหลักการปกครองของประเทศ และการต้ังสภาเช่นนีเ้ ป็นของใหมส่ าหรับประเทศไทย จงึ นับว่ามคี วามสาคัญในประวัติศาสตร์ของชาตอิ ย่างย่ิง ในการเลือกสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญน้ี รัฐสภาซึ่งประกอบด้วยสมาชิกวุฒิสภา และสมาชิกสภาผู้แทน ได้ใช้วิจารณญาณเลือกเฟ้นผู้ที่จะมาดารงตาแหน่งนี้โดยคานงึ ถึงคุณสมบตั ิแตล่ ะประเภทตามที่บัญญัตไิ วใ้ นรัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย(ฉะบับชั่วคราว) โดยความรอบคอบแล้ว จึงนับว่าท่านท่ีได้รับเลือกตั้งมาน้ีเป็นผู้ทรงคุณวุฒิและเหมาะสมที่จะบาเพ็ญกรณีกิจตามหน้าที่ โดยคานึงถึงประโยชน์ ความผาสุกของประชาชนชาวไทย และประโยชน์อันแท้จริงของชาติไทยอันเป็นที่รักของเราข้าพเจ้าในนามของคณะผู้สาเร็จราชการแทนพระองค์ ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงหวังเป็นอย่างยิ่งท่ีจะได้เห็นรัฐธรรมนูญฉะบับถาวรจะสาเร็จเรียบร้อยตามความปรารถนาของชาตสิ บื ไป บัดนี้ถึงเวลาอันสมควรแล้ว ข๑้า๓พ๗เจ้าจึงขอเปิดประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญต้ังแต่บัดนี้เป็นต้นไป และขออัญเชิญคุณพระศรีรัตนไตรยและสิ่งศักดิ์สิทธิทั้งหลายในสากลโลก จงดลบรรดาลให้กิจการของสภาร่างรัฐธรรมนูญนี้ได้ดาเนินการโดยสัมฤทธ์ิผลจงทุกประการ. 97๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษัตริยป์ ระชาธิปไตย

๑๓๘ พระดำรสั พระเจ้ำบรมวงศ์เธอ กรมขุนชยั นำทนเรนทร ประธำนคณะผสู้ ำเร็จรำชกำรแทนพระองค์ ในพระพปปรรรมะะำเธจภา้าิไธนบยครพใวมนรณนั ะรณวพบฐั ะงุธำพผพทศิธทรสสู้ีเเ์ะี่ปธมพ๑ทำดิเอ๕ี่นดเรสรั่ง็จะมม็จอกพดัยิถนรรปรุนำนัาะมรำรปตชะยสัขสรชกนมมุนุมานิำ๒รชรคทฐั๔ยัแมสร๙ทมภน๒หำนาำทพภนมู รพิ เะรลอนองดทคลุ รย์ เดช ในรัฐพิธเี ปดิ สมยั ประชมุ รฐั สภา ณ พระที่น่ังอนนั ตสมาคม วันพุธ ท่ี ๑๕ มถิ ุนายน ๒๔๙๒ทำ่ นสมำชิกรฐั สภำ ข้าพเจ้าในฐานะทาหน้าที่ผู้สาเร็จราชการแทนพระองค์ ในพระปรมาภิไธยสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั รูส้ ึกยินดเี ป็นอันมากท่ไี ดม้ าประกอบพิธีเปิดประชมุ รัฐสภาในวันนี้ ก่อนอื่นข้าพเจ้าใคร่ขอถือโอกาสแจ้งให้ท่านทั้งหลายทราบด้วยความยินดีว่าพระอาการของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปรากฏว่าภายหลังจากที่ได้ทรงรับการถวายผ่าตัดตา่ ง ๆ เนื่องจากทรงประสพอบุ ัติเหตคุ ราวทแี่ ล้วได้ดาเนินไปเปน็ ปกติเรื่อยตลอดมา และอันตรายจากแผลอักเสบนั้นก็ได้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่อย่างไรก็ดียังจะต้องทรงพักผ่อนและรักษาพระองคอ์ ยู่ตอ่ ไปอกี การเปิดประชุมรัฐสภาครั้งน้ีอาจกล่าวได้ว่าเป็นอันอนุสสรณ์สาคัญอีกครั้งหน่งึ ในประวัติการปกครองระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทย เพราะนอกจากจะเป็นการเปิดประชุมคร้ังแรกหลังจากท่ีได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉะบับถาวร พุทธศักราช ๒๔๙๒ แล้ว ยังมีเหตุผลเป็นพิเศษอีกอย่างหนึ่ง คือได้มีผู้แทนราษฎรเพ่ิมข้ึนอีกถงึ ๒๑ คน ซึ่งได้รบั เลือกตง้ั เขา้ มาใหมแ่ ละมาร่วมชมุ นุมในโอกาสนี้ ข้าพเจา้ จึงขอแสดงความยนิ ดตี ่อทา่ นเหล่านั้นดว้ ย อันภาระกิจของชาติซ่ึงรัฐบาลของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพร้อมด้วยความร่วมแรงร่วมใจของรัฐสภาและประชาชนได้ปฏิบัติลุล่วงไปแล้วมีหลายอย่างหลายประการและบังเกิดผลเป็นคุณประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองไม่น้อย ดังท่ีรัฐบาลของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ออกแถลงการณ์ให้ประชาชนทราบอยู่เสมอ แสดงว่าฐานะในทางการปกครองกไดา้รทศวกึ ีปษราิมกาาณรเขศ้ึนรษมฐากกจิ จขนองเรปารสะาเทมศาไรดถ้ดจาเ๑ะน๓สิน๙่งไขป้าดวีขเึน้ ห โดยฉะเพาะผลิตผลของการทานา ลื อ กิ น เห ลื อ ใช้ อ อ ก ไ ป จ า ห น่ า ยต่างประเทศได้ถึงประมาณ ๑ ล้านตันเศษในปี ๒๔๙๒ นี้ แต่ภาระกิจท่ียังค่ังค้างอยู่และท่ีจะต้องริเร่ิมทาข้ึนใหม่และบูรณะความเสื่อมโทรมในด้านต่าง ๆ ยังมีอีกมากหลายฉะเพาะอย่างยิ่ง เก่ียวแก่การช่วยเหลอื ประชาชนให้ได้รับความผาสุกยิ่งขึ้นเป็นต้น ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านสมาชิกรัฐสภาท้ังเก่าและใหม่คงจะได้ตั้งปณิธานและร่วมแรงร่วมใจช่วยให้งานของชาติทั้งหลายแหล่ได้สาเร็จลุล่วงไปด้วยดี เพ่ือส่งเสริมเกียรติภูมิของประเทศไทยอันเป็นที่รักยิ่งของเราทุกคนและเพ่ือประโยชน์สุขของประชากร บัดนี้ ได้เวลาอันเป็นมงคลฤกษ์แล้ว ข้าพเจ้าขอเปิดประชุมรัฐสภาตั้งแต่บัดน้ีเป็นต้นไป ขออานาจแห่งสิ่งศักด์ิสิทธ์ิทั้งหลายในสากลโลกได้ช่วยดลบรรดาลให้กิจธุระของรัฐสภานี้ได้บรรลุผล นาความเจริญสุขมาสู่ประชาชนและชาติไทยเราสืบไปเทอญ.98 ๗๐ ปี ครองราชย์ มหากษตั รยิ ์ประชาธิปไตย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook