Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ชุดที่ 4 ฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ ชมพู

ชุดที่ 4 ฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ ชมพู

Description: ชุดที่ 4 ฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ ชมพู

Search

Read the Text Version

ชดุ การสอนตามรูปแบบสบื เสาะหาความรู้ 5E หนว่ ยการเรยี นรู้ เรอ่ื ง ระบบต่อมไร้ทอ่ รายวชิ าชีววทิ ยาเพมิ่ เตมิ (ว32242) นางสาวทวิ าวรรณ เดชวิทยาวุฒิ ตาแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ครชู าชาญการพิเศษ โรงเรยี นโนนไทยครุ ุอปถมั ภ์ สังกัดองค์การบรหิ ารส่วนจังหวัดนครราชสีมา กรมส่งเสรมิ การปกครองท้องถ่นิ กระทรวงมหาดไทย

ชดุ ท่ี 4 เร่ืองฮอรโ์ มนจากตอ่ มหมวกไต ก คำนำ ชุดการสอนตามรูปแบบสืบเสาะหาความรู้ 5E วิชาชีววิทยาเพิ่มเติม ว32242 เร่ือง ระบบ ต่อมไร้ท่อ รายวิชาชีววิทยาเพ่ิมเติม (ว32242)ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 5จัดทาข้ึนเพื่อพัฒนาการจัดการ เรียนร้วู ิทยาศาสตร์ท่ีมุ่งส่งเสริมให้นกั เรียนสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองโดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหา ความรแู้ ละการทางานเปน็ กลุ่ม การเรียนรโู้ ดยใช้ชุดการสอนน้ชี ว่ ยใหน้ ักเรยี นมีส่วนร่วมในการเรยี นรู้ ม า ก ก ว่ า ก า ร ส อ น ด้ ว ย วิ ธี บ ร ร ย า ย ท า ให้ นั ก เรี ย น มี ค ว าม ส น ใจ ใน ก า ร เรี ย น ส่ ง ผ ล ให้ นั ก เรี ย น มี ความก้าวหน้าในการเรียนมากขึ้น ผู้เรียนสามารถเรียนรู้และปฏิบัติกิจกรรมด้วยตนเอง มีการเรียบ เรียงเน้ือหาตามมาตรฐานการเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ จุดประสงค์การเรยี นรู้ และผลการเรียนรู้อย่าง ละเอียดตามกลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 และมีการวดั และประเมินผลการเรียนรเู้ มอ่ื จบหน่วยการเรยี นรู้ ชดุ การสอนตามรูปแบบสืบเสาะหาความรู้ 5E เร่อื ง ระบบต่อมไรท้ ่อ ประกอบด้วยชุดการ สอนทัง้ หมด 7 ชุด จานวน 18 ชว่ั โมง ดังน้ี ชุดท่ี 1 ฮอรโ์ มนและต่อมไร้ท่อ ชดุ ที่ 2 ฮอร์โมนจากต่อมใต้สมอง ชดุ ท่ี 3 ฮอร์โมนจากตบั ออ่ น ชดุ ท่ี 4 ฮอรโ์ มนจากต่อมไทรอยด์พาราไทรอยด์และต่อมหมวกไต ชดุ ที่ 5ฮอรโ์ มนเพศและฮอรโ์ มนจากรก ชุดที่ 6 ฮอรโ์ มนจากต่อมไพเนยี ลและต่อมไธมัส ชดุ ท่ี 7 ฟีโรโมน ขอขอบคุณผู้ทรงคุณวุฒิทุกท่านท่ีได้ให้ความรู้ คาปรึกษาและข้อเสนอแนะท่ีเป็นประโยชน์ อย่างยิ่งจนทาให้ชุดการสอนชุดน้ีมีความสมบูรณ์ย่ิงข้ึนผู้จัดทาหวังเป็นอย่างย่ิงว่าชุดการสอนตาม รูปแบบสืบเสาะหาความรู้ 5E เร่ืองระบบต่อมไรท้ ่อชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ชุดนี้จะเป็นประโยชน์อย่าง ย่งิ สาหรับนักเรียน ครแู ละผูท้ ี่สนใจ ทวิ าวรรณ เดชวทิ ยาวฒุ ิ วิชาชวี วทิ ยาเพม่ิ เตมิ (ว32242) ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวทิ ยาวฒุ ิ

ชดุ ท่ี 4 เรอ่ื งฮอรโ์ มนจากตอ่ มหมวกไต ข สำรบญั เรื่อง หน้ำ ก คานา ข สารบญั ค 1 สารบญั ภาพ 2 ลาดับขัน้ การเรียนโดยชดุ การสอน 3 คาชี้แจงเกย่ี วกับชดุ การสอน 4 5 คาแนะนาการใชช้ ุดการสอนสาหรบั ครู 6 คาแนะนาการใช้ชุดการสอนสาหรบั นักเรียน 10 สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ 11 แบบทดสอบกอ่ นเรียน ชุดการสอนชดุ ท่ี 4 13 กระดาษคาตอบแบบทดสอบก่อนเรียน ชุดการสอนชุดที่ 4 40 43 กิจกรรมการเรียนรู้ 44 ขน้ั ที่ 1 ขั้นสร้างความสนใจ 45 49 ข้ันที่ 2 ขนั้ สารวจและคน้ หา 50 ขน้ั ท่ี 3 ข้นั อธบิ ายและลงข้อสรปุ 51 ขั้นท่ี 4 ขนั้ ขยายความรู้ ขั้นที่ 5 ขน้ั ประเมนิ แบบทดสอบหลงั เรียน ชดุ การสอนชุดที่ 4 กระดาษคาตอบแบบทดสอบกอ่ นเรียน ชุดการสอนชดุ ท่ี 4 บรรณานุกรม ภาคผนวก วชิ าชีววทิ ยาเพ่มิ เตมิ (ว32242) ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวทิ ยาวฒุ ิ

ชดุ ที่ 4 เร่อื งฮอร์โมนจากตอ่ มหมวกไต ค สำรบัญภำพ ภำพ หน้ำ ภาพท่ี 1 การควบคมุ สมดุลของแคลเซียม 12 ภาพที่ 2 ตาแหน่งและโครงสรา้ งของตอ่ มหมวกไต 12 ภาพท่ี 3 ตอ่ มไทรอยด์ 13 ภาพท่ี 4 ผลของไทรอกซนิ ต่อเมทามอรโ์ ฟซสิ ของกบ 14 ภาพท่ี 5 การควบคุมการหลงั่ ไทรอยด์ฮอร์โมน 16 ภาพท่ี 6 ภาวะ Hypothyroidsm 17 ภาพท่ี 7 อาการหนง่ึ ของผทู้ ่เี ป็นโรคไทรอยดเ์ ป็นพิษหรือโรคเกรฟ 18 ภาพท่ี 8 ลักษณะเครทนิ ซิ ึม (Cretinism) 19 ภาพท่ี 9 อาการบวมของหนา้ และมอื ของผูป้ ว่ ยทเ่ี ป็นมกิ ซีดมี า 20 ภาพที่ 10 ต่อมพาราไทรอยด์ 21 ภาพที่ 11 การควบคุมแคลเซียมโดยแคลซโิ ทนนิ และพาราทอร์โมน 22 ภาพท่ี 12 อาการมอื กระตกุ งอเนอ่ื งจากการขาดแคลเซียม อาการของทรูโซ 23 ภาพที่ 13 เปรยี บเทียบกระดูกทแี่ ขง็ แรงและกระดกู ผจุ ากการขาดแคลเซยี ม 23 ภาพที่ 14 โครงสรา้ งของตอ่ มหมวกไต 25 ภาพที่ 15 ต่อมหมวกไตผลิตฮอร์โมนทท่ี าหนา้ ท่ตี ่างกัน 26 ภาพท่ี 16 โครงสร้างและฮอร์โมนทผ่ี ลิตจากต่อมหมวกไต 27 ภาพที่ 17 กราฟการเปลยี่ นแปลงของ ACTH และกลโู คคอร์ติคอย 29 ภาพที่ 18 ผู้ปว่ ยเป็นโรคคุชชิง (Cushing’s syndrome ) 30 ภาพที่ 19 ภาพผู้ปว่ ยเปน็ โรคคุชชงิ และภาพเดก็ ที่มีอาการคชู ชงิ่ 31 ภาพที่ 20 อาการแสดงของผูเ้ ป็นโรคแอดดิสนั 31 ภาพท่ี 21 การทางานของแอลโดสเตอโรน 33 ภาพท่ี 22 สตรีท่ีมีฮอรโ์ มนเพศชายมากหลงั เปน็ สาวแลว้ 34 ภาพท่ี 23 การทางานของประสาทซมิ พาเทตกิ และฮอรโ์ มนแคททโี คลามีน 36 ภาพที่ 24 การหล่ังฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตสว่ นใน 37 ภาพที่ 25 การทางานของฮอร์โมนนอรอ์ ิพเิ นฟรนิ 38 วชิ าชีววทิ ยาเพมิ่ เติม (ว32242) ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวทิ ยาวฒุ ิ

ชดุ ท่ี 4 เร่อื งฮอรโ์ มนจากต่อมหมวกไต 1 ลาดับข้ันการเรยี นโดยชดุ การสอน อา่ นคาช้แี จงการใชช้ ดุ การสอน ทดสอบก่อนเรียน ดาเนินการใช้ชดุ การสอนตามรปู แบบสบื เสาะหาความรู้ 5E ขั้นที่ 1 สร้างความสนใจ ขั้นที่ 2 สารวจคน้ หา ขน้ั ที่ 3 อธิบายและลงขอ้ สรปุ ขน้ั ท่ี 4 ขยายความรู้ ข้นั ท่ี 5 ประเมนิ ผล ทดสอบหลงั เรยี น ไม่ผ่านเกณฑ์ แจง้ ผลการ ทดสอบ ผ่านเกณฑ์ ศกึ ษากจิ กรรมชดุ การสอนชดุ ต่อไป วชิ าชีววทิ ยาเพมิ่ เตมิ (ว32242) ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวิทยาวฒุ ิ

ชดุ ท่ี 4 เรอื่ งฮอรโ์ มนจากต่อมหมวกไต 2 คาช้แี จงเกี่ยวกับชดุ การสอน 1. ชุดการสอนตามรูปแบบสบื เสาะหาความรู้ 5E เรือ่ งระบบตอ่ มไร้ทอ่ รายวิชาชีววิทยาเพ่ิมเตมิ ว32242 ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 5 ประกอบดว้ ยชุดการสอนทั้งหมด 7 ชดุ ดงั นี้ ชดุ ที่ 1 ฮอรโ์ มนและตอ่ มไร้ทอ่ ชุดที่ 2 ฮอร์โมนจากต่อมใต้สมอง ชุดที่ 3 ฮอรโ์ มนจากตบั อ่อน ชุดท่ี 4 ฮอรโ์ มนจากตอ่ มไทรอยด์ พาราไทรอยด์ และต่อมหมวกไต ชดุ ท่ี 5 ฮอรโ์ มนเพศและฮอรโ์ มนจากรก ชุดที่ 6 ฮอรโ์ มนจากตอ่ มไพเนยี ลและต่อมไธมสั ชุดที่ 7 ฟโี รโมน 2. ชุดการสอนในแตล่ ะชุดประกอบด้วย - คาชแี้ จง - คาแนะนาในการใช้ชุดการสอน - สาระการเรียนรู้,มาตรฐานการเรยี นรู้,ตัวชว้ี ดั และจดุ ประสงค์การเรียนรู้ - แบบทดสอบกอ่ นเรียนและแบบทดสอบหลังเรยี น - บัตรเนอื้ หาและบัตรกจิ กรรม - เฉลยบตั รกจิ กรรมและเฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี น-หลังเรียน 3. การปฏบิ ตั ิกจิ กรรมในแตล่ ะขัน้ ของชดุ การสอนใช้กระบวนการกลุ่มและใชเ้ วลาในการศึกษา 2 ชั่วโมง วิชาชีววิทยาเพ่ิมเตมิ (ว32242) ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวิทยาวฒุ ิ

ชดุ ท่ี 4 เร่ืองฮอร์โมนจากต่อมหมวกไต 3 คาแนะนาการใชช้ ุดการสอนสาหรบั ครู การจดั การเรยี นรู้โดยใช้ชุดการสอนตามรปู แบบสืบเสาะหาความรู้ 5E ชุดการสอนชดุ ท่ี 4 ฮอร์โมนจากตอ่ มไทรอยด์ พาราไทรอยด์ และตอ่ มหมวกไตใช้เป็นสอ่ื ประกอบการจดั การเรียนรซู้ ่ึง ครผู ู้สอนควรมกี ารเตรยี มความพร้อมและปฏิบตั ติ ามคาแนะนาดังนี้ 1. ศกึ ษารายละเอียดข้นั ตอนการจดั การเรยี นรู้โดยใช้ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้จากแผนการจดั การ เรียนรู้ 2. แบง่ นกั เรยี นออกเปน็ กลุ่มๆ ละ 4-5 คน โดยคละความสามารถของนักเรียน เกง่ ปานกลาง และออ่ น โดยให้นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มเลือกประธานและเลขานุการกลุ่มและแบง่ หน้าท่ีความรบั ผิดชอบ ในกลมุ่ 3. ควรจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์สาหรับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้มีความพร้อมและครบจานวน นกั เรียนในแตล่ ะกลุม่ 4. ก่อนการจัดการเรียนรู้ ครูควรชี้แจงให้นักเรียนเข้าใจบทบาทของตนเองแนะนาแนวปฏบิ ัติ และ ขั้นตอนในการใช้ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ 5. ขณะท่ีนกั เรียนปฏิบัตกิ ิจกรรมครูควรกระตุ้นให้นักเรียนทุกคนมีส่วนร่วมในการทากิจกรรม รู้จัก การทางานร่วมกัน และหากพบนกั เรยี นคนใดทีป่ ระสบปัญหาควรใหค้ าแนะนาอย่างใกลช้ ดิ 6. หลังจากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เสร็จสิ้นลงในแต่ละชุดกิจกรรมการเรียนรู้ให้นักเรียนตรวจ คาตอบในบัตรกิจกรรมและแบบทดสอบจากเฉลยในภาคผนวก และบันทึกคะแนนที่ได้ในแบบบนั ทึก คะแนนซึ่งนักเรียนต้องทาแบบทดสอบหลังเรียนผ่านเกณฑ์รอ้ ยละ 70 ขึ้นไปหากกรณีไม่ผ่านเกณฑ์ ใหน้ กั เรยี นย้อนกลับไปทากิจกรรมใหมแ่ ลว้ ตรวจคาตอบอกี ครง้ั พรอ้ มกบั บนั ทกึ คะแนนสง่ ครูผสู้ อน 7.เมื่อนักเรยี นปฏิบัตกิ จิ กรรมเสร็จเรยี บร้อยแลว้ ให้นักเรียนเก็บส่อื วัสดุอุปกรณ์ใหเ้ รียบร้อย และครู แจ้งใหน้ กั เรยี นเตรยี มความพรอ้ มสาหรับการเรียนร้ใู นชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ต่อไป วิชาชวี วทิ ยาเพิ่มเตมิ (ว32242) ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวิทยาวฒุ ิ

ชดุ ท่ี 4 เรื่องฮอรโ์ มนจากตอ่ มหมวกไต 4 คาแนะนาการใช้ชุดการสอนสาหรบั นักเรยี น ชุดการสอนตามรูปแบบสืบเสาะหาความรู้ 5E ชดุ การสอนชุดที่ 4 เรื่อง ฮอร์โมนจากตอ่ ม ไทรอยด์ พาราไทรอยดแ์ ละต่อมหมวกไตที่นกั เรยี นได้ศกึ ษาต่อไปน้ีเป็นกิจกรรมการเรียนรเู้ พอื่ ส่งเสรมิ ให้นกั เรยี นได้สืบเสาะหาความร้แู ละสามารถสรา้ งองคค์ วามรูด้ ว้ ยตนเอง โดยใหน้ ักเรียนปฏบิ ัติตาม ข้ันตอนที่กาหนดไวใ้ นชุดการสอนตามลาดับดังน้ี 1. ใหน้ ักเรียนแบ่งกลุ่มๆ ละ 4-5 คน และกาหนดบทบาทหนา้ ท่ขี องนักเรียนแตล่ ะคนในกล่มุ 2. ศึกษาวิธีใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้สาระการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวช้ีวัด และจุดประสงค์ การเรียนรู้ 3. ทาแบบทดสอบก่อนเรยี น เพือ่ ประเมนิ ความร้พู น้ื ฐานของตนเอง ซง่ึ นักเรียนต้องมคี วามซ่อื สตั ย์ต่อ ตนเอง 4. ปฏิบตั ิกิจกรรมตามข้นั ตอนท่ีกาหนดในชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ถ้าหากนักเรียนสงสัยหรือมีปัญหาที่ ไมเ่ ข้าใจสามารถขอคาแนะนาได้จากครผู ู้สอน 5. เม่ือศกึ ษาและปฏบิ ัตกิ ิจกรรมเสร็จเรยี บรอ้ ยแลว้ ให้นกั เรยี นทาแบบทดสอบหลังเรยี นเพอื่ ประเมิน ความรู้ความเข้าใจและเปรยี บเทยี บความก้าวหน้าในการเรยี นของนักเรียน 6.ตรวจคาตอบของบัตรกจิ กรรมและแบบทดสอบได้จากเฉลยในภาคผนวกซึ่งนักเรยี นต้องไดค้ ะแนน จากการทาแบบทดสอบหลังเรียนไดร้ ้อยละ 80 ขึ้นไปจึงผ่านเกณฑ์ หากผ่านเกณฑใ์ หน้ กั เรียนศกึ ษา ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ชุดตอ่ ไป 7. นักเรียนควรมีความรับผิดชอบในการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมทีไ่ ด้รับมอบหมายให้ครบถ้วนสมบูรณ์ หากมี ขอ้ สงสัยในการดาเนนิ กิจกรรมใหป้ รกึ ษาครูผ้สู อนโดยทันทีใช้เวลาในการดาเนนิ กจิ กรรม 3 ชั่วโมง วชิ าชวี วทิ ยาเพมิ่ เตมิ (ว32242) ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวทิ ยาวฒุ ิ

ชดุ ที่ 4 เรือ่ งฮอร์โมนจากต่อมหมวกไต 5 สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ สาระที่ 1 ส่งิ มีชีวติ กับกระบวนการดารงชีวติ มาตรฐาน ว 1.1 เข้าใจหน่วยพ้ืนฐานของสงิ่ มีชวี ิต ความสมั พันธข์ องโครงสร้าง และหนา้ ที่ ของระบบต่างๆ ของสง่ิ มชี ีวิตทีท่ างานสมั พนั ธก์ นั มกี ระบวนการสบื เสาะหาความร้สู อื่ สารสง่ิ ทเี่ รียนรู้ และนาความรูไ้ ปใชใ้ นการดารงชวี ิตของตนเองและดแู ลสิ่งมชี วี ิต สาระที่ 8 ธรรมชาตขิ องวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มาตรฐาน ว 8.1 ใชก้ ระบวนการทางวิทยาศาสตร์และจติ วิทยาศาสตร์ในการสืบเสาะหา ความรู้ การแก้ปญั หารู้ว่าปรากฏการณท์ างธรรมชาตทิ ี่เกดิ ข้นึ สว่ นใหญม่ รี ปู แบบ ท่ีแนน่ อน สามารถ อธิบายและตรวจสอบไดภ้ ายใต้ข้อมูลและเครื่องมือท่ีมอี ยใู่ นช่วงเวลานน้ั ๆ เขา้ ใจวา่ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคมและสง่ิ แวดลอ้ มมคี วามเกย่ี วข้องสมั พันธ์กันนาความรูไ้ ปใชใ้ นการดารงชีวติ ของ ตนเองและดแู ลสงิ่ มีชีวิต ผลการเรียนรู้ สบื คน้ ข้อมลู อภิปราย โครงสรา้ งและหนา้ ท่ขี องตอ่ มไร้ท่อทส่ี าคญั ของคน และฟีโรโมน จดุ ประสงค์การเรียนรู้ (K) 1. อธบิ ายและสรุปถึงหนา้ ทีข่ องตอ่ มหมวกไต ฮอรโ์ มนทีต่ ่อมหมวกไตสรา้ งข้ึน และอวัยวะ เปา้ หมายของฮอรโ์ มนได้ 2. อธบิ ายและสรปุ การทางานของฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์โดยใช้ขอ้ มูลจากการทดลองของ นกั วทิ ยาศาสตรไ์ ด้ 3. อธิบายและสรุปถึงหน้าทข่ี องตอ่ มไทรอยดแ์ ละตอ่ มพาราไทรอยด์ ฮอร์โมนทต่ี อ่ มไทรอยด์ และต่อมพาราไทรอยดส์ ร้างข้นึ และอวยั วะเปา้ หมายของฮอร์โมนได้ ทกั ษะกระบวนการ (P) 1. ทักษะการทางานกลุม่ 2. กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A) 1. ซอื่ สัตย์สจุ ริต 2. มวี ินยั 3. ใฝ่เรยี นรู้ 4. มงุ่ มนั่ ในการทางาน วิชาชวี วทิ ยาเพ่ิมเตมิ (ว32242) ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวิทยาวฒุ ิ

ชดุ ที่ 4 เรอื่ งฮอรโ์ มนจากตอ่ มหมวกไต 6 แบบทดสอบกอ่ นเรียน ชดุ การสอนชุดท่ี 4 เรอ่ื ง ฮอรโ์ มนจากต่อมไทรอยด์ พาราไทรอยด์และต่อมหมวกไต คาช้ีแจง 1. แบบทดสอบฉบบั นีม้ ี 10 ข้อ คะแนนเตม็ 10 คะแนน ใชเ้ วลา 15 นาที 2. ใหน้ กั เรียนเลือกคาตอบที่ถกู ตอ้ งเพยี งข้อเดยี ว 3. ตอบถูกได้ 1 คะแนน ตอบผิดได้ 0 คะแนน ------------------------------------------------------------------------------------------- 1. อาการเหนือ่ ยงา่ ย น้าหนกั เพม่ิ ทนความหนาวไมไ่ ด้ กลา้ มเนื้ออ่อนแรง เป็นอาการของโรคใด ก. ครีตินซิ มึ ข. มกิ ซดิ ีมา ค. คอพอกเปน็ พิษ ง. ไฮเปอร์พาราไทรอยด์ 2. ขอ้ ใดเป็นผลเกิดจากการท่ตี อ่ มพาราไทรอยสร้างฮอรโ์ มนมากเกนิ ไป ก. กระดูบางและผงุ ่าย ข. ลาไสด้ ูดแคลเซียมนอ้ ยลง ค. แคลเซยี มในเลอื ดลดลงมาก ง. หนว่ ยไตดงึ แคลเซียมออกจากเลอื ด 3. ฮอร์โมนใดทาให้เกิดโรคเมเทมอร์โฟซสิ (Metamorphosis) ในลูกออ๊ ด ก. ไทรอกซนิ ข. แคลซโิ ทนิน ค. พาราทอร์โมน ง. ถกู ทุกข้อ 4. ถา้ ขาดไทรอกซินในวัยเดก็ จะทาใหเ้ กิดโรคใด ก. โรคเออ่ ข. มิกซิดีมา ค. ครีตินิซึม ง. เต้ยี แคระแกรน วิชาชวี วิทยาเพิ่มเติม (ว32242) ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวทิ ยาวฒุ ิ

ชดุ ที่ 4 เรื่องฮอรโ์ มนจากต่อมหมวกไต 7 5. ส่งิ ท่เี หมอื นกันของคนทีเ่ ปน็ โรค Cretinism และ Myxedema คือขอ้ ใด ก. ขาดไอโอดนี ข. มีไอโอดีนมากเกินไป ค. ขาดฮอร์โมนไทรอกซิน ง. มฮี อรโ์ มนไทรอกซนิ มากเกินไป 6. ถ้าระดบั แคลเซยี มในเลือดมากกว่าปกติ ร่างกายจะหลงั่ ฮอรโ์ มนชนดิ ใด ก. ไทรอกซิน ข. แคลซิโทนิน ค. พาราทอร์โมน ง. โกรทฮอรโ์ มน 7.ฮอร์โมนทม่ี คี วามสัมพนั ธ์กบั วติ ามนิ ดี คือข้อใด ก. ไทรอกซินและแคลซิโทนิน ข. ไทรอกซินและพาราทอรโ์ มน ค. แคลซิโทนนิ และพาราทอร์โมน ง. พาราทอรโ์ มนและโกรทฮอร์โมน 8. ข้อใดต่อไปนีไ้ ม่ใชฮ่ อรโ์ มนจากตอ่ มไทรอยด์ ท้งั หมด ก. ไทรอกซนิ แคลซโิ ทนนิ ข. ไทรอกซิน พาราทอร์โมน ค. แคลซิโทนนิ พาราทอร์โมน ง. พาราทอรโ์ มน อัลโดสเทอโรน 9. ฮอรโ์ มนใดต่อไปน้สี ง่ ผลต่อร่างกายคล้ายฮอรโ์ มนอะดรนี าลีน ก. 9 – 11 กรัม/เลือด 100 มลิ ลิลิตร ข. 90 – 100 กรัม/เลอื ด 100 มิลลลิ ติ ร ค. 9 – 11 กรมั /เลือด 100 ลกู บาศกเ์ ซนตเิ มตร ง. 90 – 110 กรัม/เลือด 100 ลกู บาศกเ์ ซนตเิ มตร 10. สมดลุ ของแคลเซียมในเลือดเกดิ จากควบคุมของฮอร์โมนในขอ้ ใด ก. พาราทอร์โมนเทา่ นนั้ ข. ไทรอกซนิ และแคลซโิ ทนิน ค. ไทรอกซินและพาราทอรโ์ มน ง. แคลซโิ ทนนิ และพาราทอร์โมน วชิ าชีววทิ ยาเพิ่มเตมิ (ว32242) ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวิทยาวฒุ ิ

ชดุ ท่ี 4 เร่ืองฮอร์โมนจากต่อมหมวกไต 8 11. ข้อใดกลา่ วถูกตอ้ งเก่ยี วกบั ตอ่ มหมวกไต ก. อย่บู ริเวณเหนอื ไตทัง้ 2 ขา้ ง ข. ต่อมหมวกไตประกอบด้วยเซลล์ 2 ชนิด ค. แบ่งได้ 2 ประเภทคอื ต่อมหมวกไตส่วนนอก และต่อมหมวกไตสว่ นกลาง ง. ผลติ ฮอร์โมนอะดรนี าลนี เท่านน้ั 12. ข้อใดกลา่ วถึงฮอรโ์ มนกลูโคคอร์ติคอยดไ์ ด้ถูกต้อง ก. ควบคมุ เมแทบอลซิ มึ ของโปรตีน ข. เม่ือหลัง่ ฮอร์โมนชนดิ นตี้ นจะสามารถยกของที่หนกั มากได้ ค. จะหล่งั ฮอรโ์ มนชนิดนีก้ ็ตอ่ เม่อื เกิดอาการขาดออกซเิ จน ง. ควบคมุ เมแทบอลิซมึ ของคารโ์ บไฮเดรต 13. โรคคูชชิงเกิดจากสาเหตุอะไรดังตอ่ ไปนี้ ก. ร่างกายได้รับแกส๊ ออกซิเจนมากเกนิ ไป ข. รา่ งกายขาดแก๊สออกซเิ จนเปน็ เวลานาน ค. รา่ งกายหลัง่ กลโู คคอร์ตคิ อยดม์ ากเกนิ ไป ง. การออกกาลงั กายมากเกินไป 14. การควบคมุ สมดุลของน้าและแรธ่ าตใุ นร่างกายเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนชนิดใดต่อไปนี้ ก. มเิ นราโลคอร์ตคิ อยด์ ข. อะดรีนาลนี ค. กลูโคคอร์ตคิ อยด์ ง. นอรอ์ ะดรนี าลนี 15. โรคแอดดสิ นั เกิดจากสาเหตอุ ะไรต่อไปน้ี ก. รา่ งกายสญู สียเลอื ดมาก ข. ตอ่ มหมวกไตส่วนนอกถกู ทาลาย ค. ตอ่ มหมวกไตสว่ นในถกู ทาลาย ง. ตอ่ มหมวกไตขยายขึน้ วิชาชวี วทิ ยาเพิม่ เติม (ว32242) ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวิทยาวฒุ ิ

ชดุ ที่ 4 เร่ืองฮอร์โมนจากตอ่ มหมวกไต 9 16. ขอ้ ใดกล่าวถึงฮอร์โมนเพศบรเิ วณต่อมหมวกไตไดถ้ ูกต้อง ก. สง่ ผลต่อการเปล่ียนแปลงของรา่ งกายอย่างมากเมอื่ เทยี บกบั ฮอร์โมน ทส่ี ร้างจากอวยั วะเพศ ข. ส่งผลตอ่ การเปลยี่ นแปลงของร่างกายเลก็ น้อยเมอ่ื เทียบกบั ฮอรโ์ มนทส่ี รา้ งจากอวยั วะเพศ ค. แม้จะผลิตฮอรโ์ มนขึ้นมากกไ็ ม่สง่ ผลอยา่ งไรต่อร่างกาย ง. ผดิ ทุกข้อ 17.การยกของหนกั ได้เกิดจากร่างกายหลั่งฮอรโ์ มนชนดิ ใด ก. คอรต์ ซิ อล ข. แอนโรเจน ค. ฮอร์โมนเพศ ง. อะดรนี าลีน 18. ขอ้ ใดกล่าวถงึ ตอ่ มหมวกไตส่วนในได้ถกู ต้อง ก. สรา้ งฮอรโ์ มนไดม้ ากกว่า 50 ชนิด ข. หากถูกทาลายจะสง่ ผลใหเ้ กดิ โรคแอดดิสนั ค. สร้างฮอรโ์ มนอะดรียาลนี และนอรอ์ ะดรนี าลีน ง. ไมส่ ามารถสร้างฮอร์โมนได้ 19. ฮอร์โมนใดต่อไปนส้ี ง่ ผลตอ่ รา่ งกายคล้ายฮอร์โมนอะดรีนาลีน ก. นอรเ์ อพเิ นฟรนิ ข. แอนโดรเจน ค. คอร์ตซิ อล ง. เทสโทสเทอโรน 20. ขอ้ ใดกล่าวถงึ แอลโดสเทอโรนไมถ่ กู ตอ้ ง ก. ควบคมุ การดดู กลบั ของนา้ และโซเดยี มจากไตเข้าสหู่ ลอดเลอื ด ข. ขับโพแทสเซยี มออกจากท่อหน่วยไตใหส้ มดลุ กับความต้องการของรา่ งกาย ค. ควบคมุ การดูดกลบั ของนา้ และโซเดยี มจากหลอดเข้าสไู่ ต ง.หากขาดจะทาใหป้ รมิ าณเลอื ดในรา่ งกายลดลง และเสยี ชวี ติ ได้ วชิ าชวี วิทยาเพ่ิมเติม (ว32242) ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวทิ ยาวฒุ ิ

ชดุ ที่ 4 เรอ่ื งฮอรโ์ มนจากตอ่ มหมวกไต 10 กระดาษคาตอบแบบทดสอบกอ่ นเรียน ชดุ การสอนชุดที่ 4 เร่อื ง ฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ พาราไทรอยด์และตอ่ มหมวกไต ช่ือ-สกลุ ……………………………………………………………………………………. ช้นั ............ เลขที่ .............. คาช้ีแจง ให้นักเรียนเลือกคาตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียวในแบบทดสอบแล้วทาเครื่องหมาย X ลงในชอ่ งว่าง ขอ้ ก ข ค ง ข้อ ก ข ค ง 1 11 2 12 3 13 4 14 5 15 6 16 7 17 8 18 9 19 10 20 คะแนนเตม็ คะแนนที่ได้ 10 วิชาชวี วทิ ยาเพ่ิมเติม (ว32242) ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวิทยาวฒุ ิ

ชดุ ท่ี 4 เรื่องฮอร์โมนจากต่อมหมวกไต 11 ข้ันท่ี 1 ขนั้ สรา้ งความสนใจ บัตรกิจกรรมท่ี 4.1 คาชี้แจง ให้นกั เรยี นศึกษาและวเิ คราะห์ การทดลองของ อี คอกเคอร์ (E. Kocher), แมกนสั เลวี(Magnus Levy), ซี ซี โบมานน์ (C.Z. Boumann), และ เดวดิ มารนี (David Marine) และตอบคาถามนาเข้าสบู่ ทเรียน เกีย่ วกบั ฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ พาราไทรอยด์และตอ่ มหมวกไต เพื่อศกึ ษาคน้ ควา้ ในเรือ่ งดงั กล่าวตอ่ ไป 1. จากการทดลองของเลวี นกั เรยี นจะตงั้ สมมตฐิ านเกีย่ วกบั ความสาคญั ของตอ่ มไธรอยดไ์ ด้อยา่ งไร? ....................................................................................................................................................... 2. จากขอ้ มูลการศกึ ษาของโบมานน์ นกั เรยี นจะตงั้ สมมตฐิ านวา่ อย่างไร? ....................................................................................................................................................... 3. จากการทดลองของมารนี นักเรยี นจะสรปุ ผลการทดลองวา่ อยา่ งไร? ....................................................................................................................................................... 4. การทดลองของอี ค็อกเกอร์ จะได้ผลเกดิ ความรู้ใหม่ขึ้น แตต่ อ่ จากนน้ั มาการทดลองแบบนั้นกไ็ มม่ ี ใครทาอกี เลยนกั เรียนคดิ วา่ เนื่องมาจากความไม่เหมาะสมในแงใ่ ดบ้าง? ....................................................................................................................................................... 5. ข้อเสนอของมารนี ทีใ่ ห้เติมไอโอดนี ลงในน้าดม่ื มเี หตุผลอยา่ งไร? ....................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................... 6. เหตุใดคนในภาคอีสานซ่ึงบรโิ ภคเกลือสนิ เธาวจ์ ึงมีโอกาสเปน็ โรคคอพอก? ....................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................... วชิ าชีววทิ ยาเพ่มิ เติม (ว32242) ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวทิ ยาวฒุ ิ

ชดุ ท่ี 4 เร่อื งฮอรโ์ มนจากตอ่ มหมวกไต 12 การหมุนเวียน ของเลือด ภาพที่ 1 การควบคุมสมดุลของแคลเซียมโดย ( - หมายถึงยับยง้ั ) ก. แคลซิโทนิน ข. พาราทอรโ์ มน ทม่ี า : หนงั สือเรียนรายวชิ าชีววิทยาเพม่ิ เตมิ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4-6 เลม่ 2. หน้า 161(2554) 7. จากภาพที่ 1 ใหน้ ักเรียนอธิบายความสาคัญและหน้าท่ีของตอ่ มพาราไธรอยด์? ....................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................... ภาพที่ 2 ตาแหน่งและโครงสรา้ งของต่อมหมวกไต ท่ีมา : หนังสือเรียนรายวิชาชวี วทิ ยาเพิม่ เติม ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 4-6 เลม่ 2. หน้า 165(2554) 8. จากภาพท่ี 9-20 การสร้างฮอรโ์ มนของต่อมหมวกไตสว่ นนอกถูกควบคุมโดยฮอร์โมนอะไรและ ฮอรโ์ มนนีส้ ร้างมาจากท่ีใด ....................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................... วิชาชีววิทยาเพิ่มเติม (ว32242) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวทิ ยาวฒุ ิ

ชดุ ที่ 4 เร่ืองฮอรโ์ มนจากต่อมหมวกไต 13 ข้นั ที่ 2 ขนั้ สารวจและค้นหา บตั รเน้อื หาท่ี 4.1 คาชแ้ี จง ให้นกั เรียนศึกษาบตั รเนือ้ หาท่ี 4.1เรอ่ื ง ตอ่ มไธรอยด์ 1. ตาแหนง่ ของต่อมไทรอยด์ ตอ่ มไทรอยด์เปน็ ตอ่ มไรท้ อ่ ขนาดใหญ่ ทอี่ ยู่บรเิ วณภายในลาคอ ใต้ลกู กระเดอื ก (Adam's apple) หรอื กระดกู ออ่ นไทรอยด์ (Thyroid Cartilage) และกล่องเสียง โดยแบง่ เปน็ 2 พู อยดู่ ้านซา้ ย และขวาของหลอดลม เชือ่ มตอ่ กนั ดว้ ยเนอื้ เยอื่ ท่เี รียกวา่ Isthmus ลกั ษณะของต่อมไทรอยด์จะคลา้ ย กบั ปีกผีเสื้อทีก่ างสยายออก มีความยาวประมาณ 2 น้วิ และมนี า้ หนักประมาณ 20 - 60 กรัม ภาพที่ 3 ตอ่ มไทรอยด์ ทีม่ า: https://sites.google.com/site/rabbtxmrithxpo/_/rsrc/1393612155787/txm-thirxyd/1.jpg สืบค้นเมอ่ื วนั ท่ี 15 กรกฎาคม 2560 ต่อมไทรอยด์มีอทิ ธิพลอย่างมากต่อเซลลเ์ กือบทกุ เซลลใ์ นร่างกาย เน่อื งจากหล่ังไทรอยด์ ฮอร์โมนที่ชว่ ยควบคุมกระบวนการเมทาบอลิซมึ ของร่างกาย อัตราการหายใจ อัตราการเต้นของหวั ใจ กระตนุ้ ความอยากอาหาร การย่อยอาหาร การสลายและดดู ซมึ สารอาหาร ซงึ่ ผลก็คือ ทาให้เกดิ ความ ร้อนในร่างกายนน่ั เอง นอกจากนไี้ ทรอยด์ฮอร์โมนยังจาเป็นสาหรับการเตบิ โตของกระดูกและ พัฒนาการของทารกในครรภ์ รวมถึงกระบวนการทางสรีรวทิ ยาทเี่ กิดขนึ้ ในรา่ งกายดว้ ย ซึ่งโดยทวั่ ไป ไทรอยดฮ์ อร์โมนจะถกู หลัง่ ออกมาเพิ่มขึน้ ในช่วงฤดูหนาวเพ่อื รกั ษาความรอ้ นของรา่ งกายใหอ้ ยใู่ น ระดบั สมดุล วชิ าชีววทิ ยาเพมิ่ เติม (ว32242) ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวิทยาวฒุ ิ

ชดุ ที่ 4 เรอื่ งฮอร์โมนจากตอ่ มหมวกไต 14 2. การทางานของตอ่ มไทรอยด์ ฮอร์โมนของต่อมไทรอยด์มีสารต้งั ตน้ มาจากกรดอะมิโนไทโรซนี (tyrosine) ที่สาคัญ 2 ชนิด ที่มผี ลต่อเมแทบอลิซึมของร่างกายคอื ไตรไอโอโดไทโรนนี (Triiodothyronine, T3) และไทรอกซิน (Thyroxine, T4) ที่ผลิตมาจากต่อมไทรอยด์ โดยตวั เลข T3 และ T4 บง่ ชถี้ งึ จานวนอะตอมของ ไอโอดีนในโมเลกลุ ของฮอรโ์ มนแตล่ ะชนดิ น่นั เอง 3. หน้าที่ของไตรไอโอโดไทโรนิน และไทรอกซนิ ไทรอยด์ฮอร์โมนจะกระตนุ้ การใช้ออกซเิ จนตามเซลล์ต่างๆและจะช่วยควบคุมการเผาผลาญ ไขมนั และเพม่ิ การดูดซมึ คารโ์ บไฮเดรตท่ีลาไส้ แม้วา่ เป็นตอ่ มไรท้ อ่ ทีไ่ มจ่ าเป็น นแต่มีผลต่อการ เจริญเตบิ โตทงั ทางร่างกายและสมอง โดยทั่วไปมีหน้าท่ีดังนี้ 1)กระตุน้ การเจริญเตบิ โตของรา่ งกาย โดยการทางานพร้อมกับโกรทฮอรโ์ มน(growth hormone:GH) เพอื่ เพิ่มการเจริญเตบิ โต โดยเฉพาะการเจรญิ เติบโตของระบบประสาท ถ้าขาดไทรอก ซนิ ในวัยทารกจะทาให้จานวนเซลล์ประสาทลดลง และการสรา้ งเยือ่ เซลลป์ ระสาท (myeline) รอบๆ แขนงประสาทลดลง ทาให้สมองเจรญิ ชา้ (mental retardation) เกิดโรคปัญญาออ่ น อกี ทง้ั กระดกู จะเจริญช้าทาให้มีรปู รา่ งเลก็ และอวัยวะไม่เจริญ ในสตั วท์ าใหม้ กี ารเจรญิ เติบโตของสัตว์ เช่น กบ จะเจรญิ จากลูกอ็อดเจรญิ ไปเป็นกบโตเต็มวัย ได้ตามปกติ ถ้าขาดฮอรโ์ มนไทรอกซนิ จะทาให้ลกู ออ็ ดไมเ่ ปล่ียนแปลงรูปรา่ งกลายเปน็ กบโตเตม็ วัย หรือถา้ มีมากเกนิ ไปกจ็ ะเจริญไปเป็นกบอยา่ งรวดเร็ว ภาพท่ี 4 ผลของไทรอกซนิ ต่อเมทามอรโ์ ฟซิสของกบ ทมี่ า : https://il.mahidol.ac.th/e-media/hormone/chapter1/chapter1.htm(สืบค้นวันที่ 15 กรกฎาคม 2560) วิชาชวี วิทยาเพิ่มเตมิ (ว32242) ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวิทยาวฒุ ิ

ชดุ ท่ี 4 เร่อื งฮอรโ์ มนจากต่อมหมวกไต 15 2) ควบคมุ การเผาผลาญสารอาหารของร่างกาย โดยควบคุมขบวนการสลายโมเลกุลอาหาร (catabolism) ซ่งึ เปน็ ขบวนการทใ่ี หพ้ ลงั งาน ไดแ้ ก่ การเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตทาใหร้ ะดับนา้ ตาลใน เลอื ดสงู การเพ่มิ การดูดซมึ คารโ์ บไฮเดรตท่ีลาไส้ การกระต้นุ การแตกตวั ของโปรตนี และกระตนุ้ ใหม้ ี ตวั รบั สญั ญาณของLDLในตบั มาก ทาให้มกี ารสรา้ งคอเลสเทอรอลในตับเพม่ิ มากขนึ้ จึงทาให้ใหร้ ะดับ ไขมนั ในเลือดลดนอ้ ยลง ผลท่ไี ด้จะทาใหม้ พี ลังงานออกมา และเพ่ิมอณุ หภมู ิใหแ้ ก่ร่างกาย (calorigenic effect) นอกจากนีย้ งั ควบคมุ ขบวนการสงั เคราะห์สารอาหารทเี่ ก็บไวใ้ นร่างกาย (anabolism) 3) เพิ่มอัตราการตื่นตัวของระบบประสาท การเตน้ ของหวั ใจและการบบี ตัวของอวัยวะใน ระบบทางเดินอาหาร 4. กลไกการออกฤทธ์ิ ฮอร์โมน T4 จะตอ้ งเปลย่ี นเป็น T3 กอ่ นแลว้ จะจับกบั ตัวรบั สัญญาณท่ีอยู่ในนิวเคลยี ส เป็น ฮอร์โมนรีเซฟเตอรค์ อมเพลก็ ซ์ ซ่งึ จะจบั กบั ดี เอน เอ เพ่ือกระตุ้นการสรา้ ง mRNA และโปรตีน จาเพาะซ่งึ จะมีผลต่อกระบวนการต่างๆของร่างกายตอ่ ไป 5. การหล่ังไทรอยดฮ์ อร์โมนของตอ่ มไทรอยด์ สาหรับการหลั่งไทรอยดฮ์ อร์โมนของต่อมไทรอยดจ์ ะอยู่ภายใต้การควบคุมของฮอร์โมนท่ีชื่อ วา่ TSH (Thyroid-stimulating hormone) ซึ่งหลง่ั มาจากต่อมพิทูอิทารสี ่วนหนา้ ที่อยู่ในสมอง (Anterior Pituitary Gland) ขณะท่ีฮอรโ์ มน TSH ก็อยภู่ ายใตก้ ารควบคมุ ของฮอร์โมน TRH (Thyrotropin-releasing hormone) ซึง่ หลงั่ มาจากสมองสว่ นไฮโปทาลามัสHypothalamus) อกี ที ปริมาณหมนุ เวียนของไทรอยด์ฮอร์โมนจะถูกควบคมุ ด้วยระบบท่เี รยี กวา่ การควบคมุ การหลั่ง ฮอรโ์ มนแบบยับยั้งย้อนกลับ (Negative feedback) นัน่ คือเม่อื ระดบั ของไทรอยด์ฮอร์โมนสูงขนึ้ มนั ก็ จะไปยับย้ังการผลติ TSH และ TRH อยา่ งต่อเนอ่ื ง ซึง่ ถา้ ทุกระบบทางานสมดลุ ไทรอยดฮ์ อรโ์ มนก็จะ ถูกผลิตขน้ึ มาอยา่ งพอเหมาะ และสามารถควบคมุ กระบวนการเมทาบอลิซึมของเซลลใ์ ห้เปน็ ไปได้ อยา่ งปกติ แตเ่ มื่อใดก็ตามทก่ี ารผลิตไทรอยด์ฮอรโ์ มนถกู รบกวนจากความไมส่ มดุลในเรอ่ื งของ สารอาหาร สารพิษ สิ่งกระตนุ้ การติดเช้ือ หรือความเครียด ก็จะทาให้รา่ งกายเกิดภาวะผิดปกติได้ วชิ าชีววิทยาเพมิ่ เติม (ว32242) ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวทิ ยาวฒุ ิ

ชดุ ที่ 4 เรื่องฮอรโ์ มนจากต่อมหมวกไต 16 ภาพที่ 5 การควบคุมการหลง่ั ไทรอยดฮ์ อรโ์ มน ที่มา : https://il.mahidol.ac.th/e-media/hormone/chapter1/chapter1.htm(สืบค้นวันท่ี 15 กรกฎาคม 2560) เมือ่ มไี ทรอยดฮ์ อร์โมนเพยี งพอ จะเกิดขบวนการย้อนกลับไปทตี่ อ่ มใต้สมองและไฮโพทา ลามัสใหย้ ับย้ังการสรา้ ง T3 และ T4 โดยยับย้งั การหลง่ั TRHท่ีไฮโพทาลามสั ซง่ึ TRH ทาหน้าทีย่ บั ย้ัง ตอ่ มใตส้ มองสว่ นหน้าให้หลั่งTSH ลดลง ทาให้มกี ารสร้างไทรอยด์ลดลงอยู่ในระดบั ทป่ี กติ การทางานของตอ่ มไทรอยด์ ขึน้ อยกู่ บั ปัจจัยหลายอยา่ ง เช่น ฮอรโ์ มนเพศ ไดแ้ ก่ อีสโทรเจน และแอนโดรเจน ที่มีปริมาณสูงจะทาให้ TSH ลดลง นอกจากนีเ้ มอ่ื อายุมากขนึ้ TSH จะลดลงดว้ ย 6. ความผิดปกติของตอ่ มไทรอยด์ ภาวะผดิ ปกตทิ ีเ่ กิดขนึ้ กบั ต่อมไทรอยด์โดยสว่ นใหญแ่ บ่งเปน็ 2 กลมุ่ ไดแ้ ก่ 1) Hypothyroidsmภาวะนี้เกิดขึน้ เมื่อไทรอยด์ฮอร์โมนถูกผลติ ออกมาได้ไมเ่ พียงพอต่อ ความตอ้ งการของรา่ งกาย ทาใหอ้ ัตราเมทาบอลิซึมลดต่าลง การหายใจชา้ ลง ระบบการไหลเวยี น เลอื ดและระบบยอ่ ยอาหารไดร้ ับผลกระทบ ผทู้ มี่ ีภาวะนี้จะมอี าการเหนอื่ ยง่าย ไมอ่ ยากอาหารแต่ นา้ หนกั กลบั ข้ึน ท้องผูก ทนความหนาวเย็นไม่คอ่ ยได้ สาเหตุของภาวะไทรอยด์ฮอรโ์ มนตา่ มาจากรา่ งกายได้รับไอโอดีนในปริมาณทีน่ ้อยเกินไป หรอื ภาวะขาดไอโอดนี ทาใหไ้ ม่สามารถสรา้ งฮอร์โมนไทรอกซนิ (T4) ได้ เมอ่ื ร่างกายพยายามจะรักษา สมดลุ ของระดับฮอร์โมนไทรอกซนิ ให้กลับสรู่ ะดบั ปกติ ตอ่ มพิทอู ทิ ารีจะผลิต TSH ทมี่ ากขึน้ เพ่อื กระตนุ้ ต่อมไทรอยด์ วิชาชวี วิทยาเพิม่ เติม (ว32242) ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวิทยาวฒุ ิ

ชดุ ที่ 4 เร่อื งฮอรโ์ มนจากตอ่ มหมวกไต 17 ขณะทต่ี อ่ มไทรอยดก์ ไ็ มส่ ามารถผลติ ฮอรโ์ มนไดเ้ นือ่ งจากขาดวัตถดุ ิบอย่าง ไอโอดีน มันจึง ตอบสนองตอ่ TSH ด้วยการเพมิ่ ขนาดของตอ่ มไทรอยดใ์ ห้ใหญ่ขน้ึ ซ่ึงนาไปส่อู าการบวมของต่อม ไทรอยด์ทเี่ รยี กว่า คอหอยพอก (Goiter) นอกจากสาเหตุดังกลา่ วแล้ว ภาวะไทรอยดฮ์ อร์โมนต่ายงั อาจมาจากโรคตอ่ มไทรอยดอ์ กั เสบ (Hashimoto's thyroiditis) ซ่ึงเกดิ จากภมู ิคุ้มกนั ของรา่ งกาย ทาลายต่อมไทรอยดข์ องตนเองได้อีกด้วย อยา่ งไรก็ตาม ภาวะไทรอยดฮ์ อร์โมนตา่ สามารถรักษาได้ ด้วยการให้ฮอร์โมนไทรอยดท์ ดแทน ภาพท่ี 6 ภาวะ Hypothyroidsm ท่ีมา : https://il.mahidol.ac.th/e-media/hormone/chapter1/chapter1.htm(สบื คน้ วันที่ 15 กรกฎาคม 2560) ปจั จัยทท่ี าให้เกิดคอพอก 1. การได้รบั ธาตไุ อโอดีนในอาหารน้อยกวา่ ปกติ 2. การได้รับสาร กอยโทรเจน (goitrogens) มากเกินไป 3. การขาดเอนไซม์TPO สาหรับการสร้างฮอร์โมนมาต้งั แต่กาเนิด 4. รา่ งกายตอ้ งการฮอร์โมนมากเกินปกติ พบในวยั รนุ่ สตรตี ้ังครรภ์ ผู้มีเน้ืองอกของต่อม ไทรอยด์ มีความผิดปกติทางกรรมพนั ธ์ุ เกยี่ วกับตอ่ มไทรอยดแ์ ละสาเหตุอน่ื ๆ วิชาชวี วิทยาเพ่มิ เตมิ (ว32242) ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวทิ ยาวฒุ ิ

ชดุ ท่ี 4 เร่อื งฮอรโ์ มนจากต่อมหมวกไต 18 2) Hyperthyroidismเป็นภาวะท่ีตอ่ มไทรอยด์ผลิตไทรอยด์ฮอรโ์ มนมากเกนิ ไป ทาให้ กระบวนการเมทาบอลิซมึ สูงมาก อตั ราการหายใจและการไหลเวียนเลอื ดสูงกวา่ ท่ีจาเปน็ ผ้ทู ่ีมภี าวะน้ี จะมอี าการตื่นเตน้ ง่ายหัวใจเต้นเร็วตาโปนเหงอื่ ออกมากนอนไมห่ ลับ อยากอาหารแต่น้าหนักลด ท้องรว่ ง และไม่สามารถทนต่ออากาศร้อนได้ตวั อนุ่ ชื้น สาเหตุของภาวะไทรอยด์ฮอรโ์ มนสูง สว่ นใหญ่มาจาก Graves' disease ซงึ่ เกิดจากความ ผิดปกติของระบบภมู ิคมุ้ กันในรา่ งกาย สร้างสารแอนตบิ อดี ชอ่ื วา่ Thyroid-stimulating immunoglobulin (TSI) กระตุน้ ให้ต่อมไทรอยดท์ างานมากเกินไป และอาจนาไปสโู่ รคคอหอยพอก ไดอ้ ีกด้วย ส่วนการรักษาสามารถรกั ษาไดด้ ว้ ยการให้ยา เพอ่ื ยับยง้ั การทางานของต่อมไทรอยด์ การ ฉายรงั สซี ง่ึ เป็นตวั เลือกในการทาลายต่อมไทรอยด์ หรือการผ่าตัดเอาบางส่วนของต่อมไทรอยด์ออกไป โรคเกรฟ (Grave’s disease) เป็นโรคหนง่ึ ของการมีไทรอยด์ฮอร์โมนมากเกินไป ซ่ึงเชื่อวา่ เกดิ จากความผดิ ปกตขิ องโรคภมู แิ พ้ตนเอง (immune disorder) ซึ่งมอี าการคล้ายโรคคอหอยพอก เป็นพิษ ภาพที่ 7อาการหน่งึ ของผ้ทู เ่ี ปน็ โรคไทรอยด์เป็นพษิ หรือโรคเกรฟ ทม่ี า : https://il.mahidol.ac.th/e-media/hormone/chapter1/chapter1.htm(สืบค้นวนั ที่ 15 กรกฎาคม 2560) การรกั ษา โดยการยบั ยงั้ การสร้างฮอร์โมนโดยการให้รบั ประทานยา หรอื ได้รับสารไอโอดนี ที่เป็น กัมมนั ตรังสี หรอื การผา่ ตดั เอาบางส่วนของตอ่ มออกเพอ่ื ใหก้ ารสร้างฮอรโ์ มนไทรอกซนิ นอ้ ยลง แคลซิโทนนิ (calcitonin) สรา้ งจากเซลล์รอบนอก (extrafollicular หรือ parafollicular) หรือ เซลลซ์ ี (C-cell) เปน็ เซลล์ท่ีแทรกอยู่ ในระหว่างฟอลลเิ คลิ ของต่อมไทรอยด์ ไม่ไดส้ รา้ งจาก ไทรอยด์ฟอลลเิ คิลทาหนา้ ที่กระตุ้นการสะสมของแคลเซียมที่กระดกู เพิ่มการขบั แคลเซยี มและ ฟอสเฟตท่ีไต ลดอัตราการดูดซึมแคลเซียมที่ลาไส้ ทางานร่วมกบั ฮอรโ์ มนพาราไทรอยด(์ parathyroid) และวิตามนิ ดี ช่วยให้ระดับของแคลเซยี ม ในกระแสเลือดไมม่ ากเกนิ ไป ยับย้งั ไมใ่ หแ้ คลเซียมออกจาก กระดูก วชิ าชวี วทิ ยาเพ่ิมเติม (ว32242) ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวิทยาวฒุ ิ

ชดุ ที่ 4 เร่อื งฮอรโ์ มนจากตอ่ มหมวกไต 19 7. ภาวะขาดไทรอยดฮ์ อรโ์ มน (hypothyroidism)คือ ภาวะทีม่ ีไทรอยดฮ์ อร์โมนไม่เพยี งพอใน รา่ งกายแบง่ ได้ดังน้ี 1) การขาดไทรอยดฮ์ อร์โมนในวยั เดก็ ทารกต้ังแตแ่ รกเกดิ ถงึ อายุ 2-3 ปี ถ้าขาดไอโอดนี จะมสี ติปญั ญาด้อย มไี อควิ ตา่ กวา่ ทีค่ วรจะ เป็นตามศักยภาพ เด็กที่อยใู่ นบรเิ วณทเ่ี ส่ยี งต่อการขาดไอโอดนี มกั มีไอคิวตา่ ลงประมาณ 13.5 จุดเด็ก ทเี่ กิดจากแม่ทม่ี ีปญั หาไทรอยด์มักมีไอควิ ตา่ กวา่ 85 การขาดไทรอยดฮ์ อรโ์ มนในทารกแรกเกิดมคี วามสาคญั ตอ่ การเจรญิ เติบโตมาก โดยเฉพาะ การเจรญิ เตบิ โตของสมอง จะทาใหร้ ูปรา่ งเตย้ี แคระ แขน ขาสัน้ หน้าและมอื บวม ผวิ หยาบแหง้ ผม บาง ไมเ่ จริญเตบิ โต รปู ร่างเตี้ยแคระซ่ึงแตกตา่ งจากเด็กทข่ี าดโกรทฮอร์โมน พฒั นาการทางด้าน สตปิ ัญญาด้อยมาก ปัญญาออ่ น อาจหูหนวกและเป็นใบ้ เรยี กกลุ่มอาการนวี้ า่ โรคเออ๋ หรือเครทนิ ิซมึ (cretinism) ซึ่งถา้ สามารถค้นพบปัญหาน้ีไดอ้ ยา่ งรวดเร็วและให้ไทรอยด์ ฮ้ อรโ์ มนทดแทนได้อยา่ ง รวดเรว็ ตงั้ แต่แรกเกดิ พฒั นาการสามารถเป็นปกติได้ การขาดฮอรโ์ มนในช่วงปแี รกจะทาใหส้ มองถูก ทาลายอย่างถาวร ภาพที่ 8ลักษณะเครทนิ ิซมึ (Cretinism) ที่มา: http://fluoridationaustralia.com/wp-content/uploads/2014/01/Image-of-3-Cretins.png (สบื ค้นเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2560) 2) การขาดฮอร์โมนไทรอกซินในวยั ผู้ใหญ่ จะสง่ ผลใหอ้ ัตราเมแทบอลซิ ึมลดน้อยลง ทาให้อ่อนเพลีย เซ่อื งซมึ เคล่อื นไหวช้า กล้ามเน้ือ ออ่ นแรง รา่ งกายออ่ นแอ ตดิ เช้อื ไดง้ า่ ย หัวใจเตน้ ช้า ทนหนาวไมไ่ ด้ มีคอเลสเทอรอลสูง ในผู้ทีม่ ไี ทรอยด์ฮอรโ์ มนตา่ สารประกอบทปี่ ระเภทวนุ้ เชน่ กรดไฮยาลโู รนิก (hyaluronic acid) และคอนดรอยติน ซลั เฟต (chondroitin sulfate) จะจบั กับโปรตนี ใตผ้ ิวหนังมากขึ้น ทาให้ ร้สู กึ ว่าผวิ หนังบวมน้า หนา้ บวม อ้วน ทาให้นา้ หนักเพิ่ม ผมและผิวแหง้ สมองจะทางานช้าลง ปฏกิ ริ ิยาโตต้ อบช้า ประจาเดือนผิดปกติ เรยี กกลุ่มอาการนว้ี ่ามกิ ซดี ีมา ( myxedema) วชิ าชวี วิทยาเพมิ่ เติม (ว32242) ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวิทยาวฒุ ิ

ชดุ ท่ี 4 เรื่องฮอรโ์ มนจากตอ่ มหมวกไต 20 นอกจากนเี้ สยี งยังแหบและตา่ จนมผี ้กู ล่าวว่ามกิ ซดี มี าเปน็ โรคท่ีวนิ ิจฉัยได้ทางโทรศพั ท์ นอกจากนีย้ งั จิตประสาทไม่ดี และมีผลต่อประสาทหูทาให้หหู นวกและเป็นใบ้ได้ ภาพที่ 9 อาการบวมของหน้าและมอื ของผปู้ ว่ ยที่เปน็ มกิ ซีดมี า ที่มา : https://il.mahidol.ac.th/e-media/hormone/chapter1/chapter1.htm (สบื ค้นวันที่ 15 กรกฎาคม 2560) นอกจากน้ยี ังพบอาการการทางานของตอ่ มไทรอยดผ์ ดิ ปกติเนอ่ื งจากการอักเสบของตอ่ ม ไทรอยด์ (thyroiditis) ซ่ึงเกดิ จากการแพ้ภมู ปิ อ้ งกนั ของตนเอง ทาให้มีอาการเหมือนคนทมี่ ไี ทรอยด์ ฮอรโ์ มนนอ้ ยลง คือออ่ นเพลีย ไม่มแี รง ตาและปากแห้งและอาจมอี าการซึมเศร้าได้ เรียกโรคนีว้ ่าตอ่ ม ไทรอยด์อกั เสบแบบฮาชโิ มโต( Hashimoto's thyroiditis ) การรกั ษาในมารดาทมี่ ไี ทรอยดฮ์ อรโ์ มนที่ปกติ ระหวา่ งท่ีตัง้ ครรภ์ไทรอยดฮ์ อร์โมนจะผ่านรก ไปได้ ดังนัน้ ทารกจะมอี าการขาดไทรอยด์ฮอร์โมนเม่อื เกดิ แลว้ ซงึ่ ถา้ สามารถวินจิ ฉยั และรักษาไดเ้ รว็ โดยการให้ฮอรโ์ มนชดเชยตัง้ แต่เด็กแรกเกดิ จะทาให้เดก็ มีโอกาสเติบโตได้เป็นปกติ ถ้าไม่ได้รบั ฮอร์โมนชดเชยในขวบปีแรก เดก็ จะเตบิ โตเป็นเด็กปญั ญาออ่ น ปัจจุบันจะเจาะเลือดทารกแรกเกดิ เพ่ือ ดรู ะดับไทรอยด์ฮอรโ์ มนทกุ คน แต่ถ้ามารดาทีต่ ้ังครรภข์ าดไทรอยด์ฮอร์โมน ทารกท่เี กดิ มาจะมีอาการขาดไทรอยดฮ์ อรโ์ มน อย่างถาวร ดงั นน้ั สตรวี ยั เจรญิ พนั ธ์ุ ต้ังแตอ่ ายุ 13 ปี ควรไดร้ บั ไอโอดีนอยา่ งเพียงพอ ไม่ควรรอ จนกระท่งั ต้งั ครรภ์ วชิ าชวี วทิ ยาเพ่มิ เตมิ (ว32242) ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวทิ ยาวฒุ ิ

ชดุ ท่ี 4 เร่ืองฮอรโ์ มนจากตอ่ มหมวกไต 21 บตั รเนื้อหาท่ี 4.2 คาชีแ้ จง ใหน้ กั เรียนศกึ ษาบตั รเนือ้ หาที่ 4.2 เรื่อง พาราไทรอยด์ฮอร์โมน 1. ตาแหน่งท่ีพบพาราไทรอยด์ฮอร์โมน พาราไทรอยด์ฮอร์โมน (parathyroid hormone) หรอื พาราทอรโ์ มน (parathomone) เรียกชือ่ ยอ่ ว่าพีทีเอช (PTH) มีความสาคัญในสตั วเ์ ล้ยี งลกู ด้วยนมเท่านัน้ หลง่ั จากต่อมพาราไทรอยด์ท่ี ตง้ั อยู่ด้านหลัง ท่ดี า้ นบนและด้านล่างของต่อมไทรอยด์ มีขนาดเลก็ มีอยู่ 4 ต่อม ภาพที่ 10 ต่อมพาราไทรอยด์ ทีม่ า: https://3.bp.blogspot.com/QOtriRqJNzs/WceyfbTIcII/AAAAAAAAAAY/ SSzK1aFep2sSbyXonuiotiDlJcKE2iURQCLcBGAs/s1600/parathyroid_glands.png (สบื คน้ เมือ่ วนั ท่ี 15 กรกฎาคม 2560) 2. หนา้ ทีข่ องพาราไธรอยด์ ทาใหร้ ะดบั ความเข้มขน้ ของแคลเซยี มในกระแสเลือดเพม่ิ ขึน้ และลดระดับของฟอสเฟตท่ี กระดกู ไต และลาไสเ้ ลก็ เพมิ่ กระบวนการสลายแคลเซยี มออกจากกระดูก และยับยงั้ กระบวนการ สรา้ งกระดูก ในขณะเดียวกนั กเ็ พม่ิ การดดู กลบั ของแคลเซยี มทไ่ี ตทาใหร้ ะดบั แคลเซียมในกระแสเลือด เพ่มิ ขึน้ กระตุ้นการขบั ฟอสเฟตออกไปกับปัสสาวะ พาราทอร์โมนเรง่ อตั ราการดดู ซมึ แคลเซียมจาก อาหารทลี่ าไสเ้ ลก็ โดยการทางานรว่ มกับวติ ามนิ ดี วชิ าชวี วิทยาเพม่ิ เตมิ (ว32242) ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวทิ ยาวฒุ ิ

ชดุ ที่ 4 เรื่องฮอร์โมนจากต่อมหมวกไต 22 พาราไทรอยดฮ์ อร์โมนเพม่ิ การสลายแคลเซียมจากกระดกู และเพมิ่ การดูดซมึ แคลเซยี มกลบั ที่ ไต เร่งการขบั ฟอสเฟตที่ไตทาใหร้ ะดบั ของแคลเซยี ม(Ca++) ในกระแสเลอื ดเพ่ิมข้ึน ภาพท่ี 11 การควบคมุ แคลเซยี มโดยแคลซโิ ทนินและพาราทอรโ์ มน ที่มา : https://il.mahidol.ac.th/e-media/hormone/chapter1/chapter1.htm (สืบคน้ วันท่ี 15 กรกฎาคม 2560) 3. ความผดิ ปกตขิ องพาราไธรอยด์ฮอร์โมน ถา้ มฮี อร์โมนน้ีน้อยเกนิ ไปจะทาให้ระดบั แคลเซียมในเลือดตา่ การดูดซมึ แคลเซยี มกลับทไี่ ต ลดนอ้ ยลง จะทาให้ระบบประสาทและกลา้ มเนอ้ื ไวต่อสิ่งเร้า มอี าการชาตามมอื เท้า กลา้ มเนือ้ หดรดั ตัว เกรง็ เป็นตะครวิ ท่มี อื และเทา้ มีอาการชกั กระตุก (tetany) บรเิ วณหนา้ ปอดไมท่ างาน และ เสียชวี ิตได้ สามารถทดสอบการขาดแคลเซียมได้ โดยการใชเ้ ครือ่ งวดั ความดนั รัดแขน จนเกินความดนั ซสี เตอ ลกิ เพอื่ บบี เสน้ เลอื ดให้ตบี กลา้ มเนอ้ื จะขาดแคลเซียมไปเล้ยี ง จะเกิดอาการกล้ามเน้อื เกรง็ มือ กระตุกงอ (carpal spasm) ภายใน 3 นาที เรียกอาการนว้ี า่ อาการของทรูโซ (Trousseau's sign) วชิ าชีววิทยาเพิม่ เติม (ว32242) ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวิทยาวฒุ ิ

ชดุ ที่ 4 เรอื่ งฮอร์โมนจากต่อมหมวกไต 23 ภาพที่ 12 อาการมือกระตกุ งอเน่อื งจากการขาดแคลเซยี ม อาการของทรูโซ (Trousseau’ s sign) ทีม่ า : https://il.mahidol.ac.th/e-media/hormone/chapter1/chapter1.htm (สืบคน้ วันท่ี 15 กรกฎาคม 2560) ถา้ มีฮอร์โมนน้ีมากเกินไป เชน่ เน้ืองอกของต่อมพาราไทรอยด์ จะทาใหร้ ะดบั แคลเซียมใน เลอื ดสูง ระดับฟอสเฟตต่า จะทาใหเ้ กดิ นิว่ ที่ไต กระดกู เปราะบางได้เน่ืองจากมกี ารสลายของ แคลเซียม ทก่ี ระดกู มาก กระดกู ท่แี ข็งแรง กระดูกผจุ ากการขาดแคลเซียม ภาพท่ี 13 เปรยี บเทียบกระดูกท่แี ข็งแรงและกระดกู ผุจากการขาดแคลเซียม ท่ีมา : https://il.mahidol.ac.th/e-media/hormone/chapter1/chapter1.htm (สบื คน้ วันท่ี 15 กรกฎาคม 2560) วิชาชวี วิทยาเพ่มิ เติม (ว32242) ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ี่ 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวทิ ยาวฒุ ิ

ชดุ ที่ 4 เร่ืองฮอรโ์ มนจากตอ่ มหมวกไต 24 บตั รเน้ือหาที่ 4.3 คาช้แี จง ใหน้ กั เรียนศกึ ษาบตั รเน้ือหาที่ 4.3 เร่อื ง วิตามนิ ดี วิตามนิ ดหี รอื แคลซเิ ฟอรอล (calciferol) เปน็ ฮอรโ์ มนชนิดหนง่ึ ทสี่ ร้างได้ท่ีผวิ หนัง โดยเกิด จากคอเลสเทอรอลทาปฏิกิรยิ ากับแสงแดดแล้วเปลีย่ นเป็นวิตามินดี เมื่อสรา้ งขึ้นหรอื ดูดซมึ จากลาไส้ จะถกู สะสมในตับ ควบคุมการสรา้ งโดยพาราฮอรโ์ มน แคลเซยี ม และฟอสเฟต การได้รบั แสงแดด อยูเ่ สมอไม่จาเปน็ ต้องไดร้ ับวติ ามินดีจากอาหาร นอกจากคนท่ีต้องการไดร้ ับแคลเซียมมากกว่าปกติ เชน่ ผูท้ ่ีตงั้ ครรภ์หรอื ที่ให้นมบตุ ร เปน็ ต้น หนา้ ท่ขี องวติ ามินดี - ผลตอ่ กระดูก กระตนุ้ การสร้างกระดกู และการเกาะของแร่ธาตุ (mineralization) ท่ี กระดูก นอกจากนย้ี งั ทาหน้าทร่ี ่วมกับพาราไทรอยด์ ฮอร์โมน ในการกระตุ้นการดดู ซมึ แคลเซยี ม - ผลต่อลาไส้ ช่วยในการดดู ซมึ แคลเซยี มท่ลี าไส้เล็ก ทาให้แคลเซยี มในพลาสมาสงู ข้ึน - ผลตอ่ ไต กระตุ้นการดูดกลบั ท้งั แคลเซยี ม และฟอสเฟตที่ท่อไตสว่ นตน้ ความผดิ ปกติของการขาดวติ ามินดี ผูท้ ข่ี าดวติ ามินดี มักเป็นผูท้ อี่ ยู่แต่ในบ้าน คนทป่ี ว่ ยไขต้ ้องนอนอยู่ตลอดเวลา ผู้ทมี่ ีปัญหาใน การดูดซมึ ไขมัน เชน่ ผูท้ ี่เป็นโรคตับ ตับอ่อน และผู้ท่ีมปี ัญหาเก่ียวกับระบบทอ่ น้าดี ถา้ ความเข้มขน้ ของแคลเซียมในกระแสเลอื ดลดนอ้ ยลง จะมีผลให้การทางานของกระแส ประสาทผดิ ปกติ ทาใหก้ ล้ามเน้ือโดยเฉพาะท่ีหลอดลมเกิดการหดตัวแลว้ ไม่คลาย ทาให้ถึงแก่ชวี ติ ได้ แต่ถา้ มแี คลเซยี มในกระแสเลอื ดมากเกินไป จะกดการทางานของกระแสประสาททาใหก้ ลา้ มเน้ืออ่อน แรง การทางานของรเี ฟร็กซ์หายไป ซง่ึ เปน็ อันตรายถึงชวี ิตเช่นกนั นอกจากน้ีภาวะขาดวิตามนิ ดี จะมีผลต่อร่างกาย ดงั น้ี - โรคกระดูกออ่ น (rickets) พบในเดก็ ทาให้การเจริญเตบิ โตของกระดูกและฟนั ผดิ ปกตหิ รือ หยดุ ชะงกั - โรคกระดกู ผุ (osteomalacia) เป็นกระดกู ผทุ พ่ี บในผใู้ หญ่ ทาใหก้ ระดกู หกั ง่าย เนอ่ื งจาก ขาดแคลเซย่ี ม และฟอสเฟต ที่เป็นส่วนประกอบของกระดูก มองจากภายนอกจะไมเ่ ห็นอาการชดั ภาวะวติ ามนิ ดเี ปน็ พิษ (vitamin D intoxication) คอื การทร่ี ะดับแคลเซยี ม และฟอสเฟตใน พลาสมา สงู เกินไป มีแคลเซียมไปจับทเ่ี นอ้ื เยื่อต่างๆจะทาใหม้ อี าการกระสบั กระสา่ ย น้าหนักลด วิชาชวี วิทยาเพิ่มเติม (ว32242) ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวิทยาวฒุ ิ

ชดุ ที่ 4 เร่อื งฮอร์โมนจากต่อมหมวกไต 25 บตั รเน้ือหาท่ี 4.4 คาชแ้ี จง ให้นกั เรียนศกึ ษาบัตรเนอื้ หาท่ี 4.4 เรื่อง ตอ่ มหมวกไต 1. ตาแหนง่ ท่ีอยขู่ องต่อมหมวกไต ตอ่ มหมวกไตมีความสาคญั อยา่ งย่ิง ถา้ ร่างกายขาดฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตจะไมส่ ามารถมี ชีวิตอย่ไู ด้ ฮอรโ์ มนในกล่มุ นจ้ี ะควบคุมการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรท ไขมนั และโปรตนี รักษาระดบั สาร น้าในรา่ งกายและชว่ ยใหร้ ่างกายตอ่ สู้กบั ความเครียดตอ่ เหตกุ ารณ์ต่างๆท้งั ในชวี ติ ประจาวนั และยาม ฉกุ เฉนิ (fight or flight response) ต่อมหมวกไตในผ้ใู หญ่ประกอบด้วยต่อมไร้ท่อ 2 ต่อม คือต่อมหมวกไตสว่ นนอกเจริญมาจาก เซลลม์ เี ซนไคมาส (mesenchymas) ของชนั้ มโี ซเดริ ม์ ของตวั อ่อน ตอ่ มหมวกไตสว่ นในเจริญมาจาก เซลลต์ น้ กาเนิดเดียวกบั เซลล์ประสาท ในทารกต่อมหมวกไตจะมขี นาดใหญ่ แต่เนอื่ งจากขาดสารเรง่ ปฏกิ ริ ยิ า จงึ ไมส่ ามารถสรา้ ง ฮอรโ์ มนเหลา่ นไ้ี ด้ ผลติ ได้แต่สารที่จะเปลย่ี นไปเป็นฮอร์โมนอีสโทรเจนท่รี ก ภาพท่ี 14 โครงสรา้ งของต่อมหมวกไต ที่มา : https://il.mahidol.ac.th/e-media/hormone/chapter1/chapter1.htm (สบื คน้ วันท่ี 15 กรกฎาคม 2560) วชิ าชวี วทิ ยาเพม่ิ เติม (ว32242) ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวิทยาวฒุ ิ

ชดุ ท่ี 4 เร่อื งฮอรโ์ มนจากต่อมหมวกไต 26 ทาไมเราจงึ เรยี กวา่ ตอ่ มหมวกไตนะ ตอ่ มหมวกไตตั้งอยู่ท่ีดา้ นบนของไตทั้งสองขา้ ง จึงเรยี กว่าต่อมหมวกไต (suprarenal gland) แต่ละต่อมประกอบดว้ ยเน้ือเยือ่ 2 ชน้ั คอื ต่อมหมวกไตดา้ นนอกหรอื อะดรนี ัลคอรเ์ ทกซ์ (adrenal cortex) และตอ่ มหมวกไตด้านในหรอื อะดรนี ลั เมดัลลา(adrenal medulla) ซง่ึ ผลติ ฮอรโ์ มนทีท่ า หน้าที่ตา่ งกัน ภาพที่ 15 ตอ่ มหมวกไตผลิตฮอร์โมนทท่ี าหน้าทต่ี า่ งกนั ทมี่ า : https://il.mahidol.ac.th/e-media/hormone/chapter1/chapter1.htm (สืบค้นวนั ท่ี 15 กรกฎาคม 2560) เรามาศกึ ษรายละเอียดเกี่ยวกบั ฮอร์โมนจากตอ่ มหมวกไตกนั ดีกวา่ วชิ าชีววทิ ยาเพ่มิ เตมิ (ว32242) ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวทิ ยาวฒุ ิ

ชดุ ที่ 4 เรอื่ งฮอร์โมนจากต่อมหมวกไต 27 2. ตอ่ มหมวกไตส่วนนอกหรอื อะดรนี ลั คอร์เทกซ์ผลิตฮอรโ์ มนดังต่อไปนี้นี้ - ฮอรโ์ มนกลโู คคอรต์ ิคอยด์ - ฮอร์โมนมนิ เนอราโลคอร์ติคอยด์ - ฮอรโ์ มนเพศชายแอนโดรเจน เซลลข์ องต่อมหมวกไตส่วนนอกประกอบดว้ ยไขมนั เป็นสว่ นประกอบท่สี าคัญ ฮอรโ์ มนส่วน ใหญ่ที่ผลิตเป็นสเตรอยด์ ฮอรโ์ มน ตอ่ มหมวกไตส่วนนอก แบง่ ออกเป็น 3 ช้ัน ไดแ้ ก่ ชน้ั นอก เป็นกลมุ่ เซลล์ที่ขดไปมาเปน็ กลุ่มกอ้ น เรียกว่า โซนา โกลเมอรโู ลซา (zona glomerulosa) ผลติ ฮอร์โมนมเิ นราโลคอร์ติคอยด์(mineralocorticoid) ที่สาคัญคอื แอลโดสเตอโรน (aldosterone) ชนั้ กลาง เป็นกลมุ่ เซลลท์ มี่ ีลกั ษณะเปน็ ทอ่ ยาวท่ีอยูร่ วมกันเปน็ มดั เรียกว่า โซนา ฟาสซคิ ูลา ตา (zona fasciculata) ผลิตฮอร์โมนกลโู คคอร์ติคอยด์(glucocorticoid) หรือคอร์ติโคสเทอโรน (corticosterone) ท่ีสาคญั ได้แก่คอรต์ ิซอล (cortisol) หรอื ไฮโดรคอร์ติโซล (hydrocortisone) และ ผลิตฮอร์โมนเพศได้บา้ งเล็กน้อย ช้นั ใน เป็นกลมุ่ เซลล์ท่มี ีลักษณะจบั กันเปน็ รา่ งแห เรยี กวา่ โซนา เรทิคูลารสิ (zona reticularis) ผลติ ฮอร์โมนเพศ ไดแ้ ก่ อีสโทรเจน (estrogen) โพรเจสเทอโรน (progesterone) และ แอนโดรเจน (androgen) ภาพที่ 16 โครงสร้างและฮอร์โมนทผี่ ลติ จากตอ่ มหมวกไต https://tanaporn5652.files.wordpress.com/2014/02/capture-20140210-220439.jpg(สบื คน้ วนั ที่ 15 กรกฎาคม 2560) วชิ าชีววทิ ยาเพมิ่ เตมิ (ว32242) ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวิทยาวฒุ ิ

ชดุ ที่ 4 เรอื่ งฮอรโ์ มนจากตอ่ มหมวกไต 28 ฮอรโ์ มนกลูโคคอร์ตคิ อยด์ฮอร์โมนท่ีสาคัญในกลุ่มน้ีได้แก่ คอรต์ ิซอล (cortisol) เปน็ ฮอรโ์ มนที่จาเปน็ (essential hormone) ที่มีความสาคัญต่อชีวติ ถา้ ขาดฮอรโ์ มนกลโู คคอร์ติคอยด์ซง่ึ เปน็ ฮอรโ์ มนจาเปน็ จะมผี ลอยา่ งมากต่อเซลล์ของรา่ งกาย หนา้ ทขี่ องคอรต์ ิซอล (cortisol)ฮอร์โมน 1. เพิม่ ระดบั นา้ ตาลในกระแสเลอื ด กลโู คคอร์ติคอยด์ได้ชอื่ ว่าเป็นฮอรโ์ มนแห่งการอดอาหาร (hormone of starvation) เพราะวา่ จะกระตนุ้ เซลล์ตับใหเ้ ปลี่ยนกรดไขมนั และกรดอะมิโนบางตัว เป็นกลโู คส และเกบ็ สะสมไวใ้ นรปู ของไกลโคเจน (gluconeogenesis) เรียกว่า กลโู คส สแปริ่ง เอฟ เฟ็ก (glucose – sparing effect) ซ่ึงเป็นขบวนการทีส่ าคญั เพราะจะมผี ลในการเผือ่ น้าตาลกลูโคสไว้ ใหส้ มองใชง้ านไดต้ ลอดเวลา 2. กดระบบภมู คิ มุ้ กนั ยับย้ังกลไกการสรา้ งภมู คิ ้มุ กันของร่างกาย ชว่ ยลดการสลัดอวยั วะที่ ปลกู ถา่ ย (organ rejection) แตก่ ลโู คคอร์ติคอยด์จะไมม่ ีผลต่อภมู ิคุ้มกนั ท่ไี ด้รับจากภายนอก เช่นการ ได้รับวคั ซนี ท่ีเป็นอิมมูนต่างๆ (immune) 3. ตอ่ ตา้ นการอกั เสบ โดยการลดการเคล่อื นที่ของเมด็ เลือดขาว ไปยังบรเิ วณทอี่ กั เสบ ลด การเกดิ หนอง (exudation) และลดการแพส้ ารต่างๆ โดยยับย้งั การหลง่ั ฮีสตามีน แต่เนือ่ งจากระบบป้องกนั ตนเอง ถกู ยบั ยัง้ ดว้ ย ทาให้เกิดผลเสยี คอื ทาให้มกี ารแพรก่ ระจาย ของเชือ้ โรค ทาให้ติดเชอื้ ง่าย และทาใหล้ ดภูมิคมุ้ กนั ต่อเชอื้ แบคทเี รยี ซ่งึ เปน็ สาเหตหุ ลักที่ทาให้เกิด โรคกระเพาะอาหาร เพราะทาใหเ้ กดิ แผลในกระเพาะ ความเข้าใจเดิมมีอยวู่ า่ ว่าโรคกระเพาะเกดิ จาก การมกี รดมากเกนิ ไปเทา่ นัน้ เราตอ้ งระวงั ในการรับประทานสเตรอยดท์ ั้งผู้ชายและผู้หญงิ 4. กระตุน้ การสลายแคลเซยี ม โดยการเสริมฤทธิ์ของพาราไทรอยด์ฮอรโ์ มนทาให้มแี คลเซยี ม ในกระแสเลือดเพ่ิมมากขน้ึ และลดการดดู ซึมแคลเซยี มที่ลาไส้ ทาใหม้ กี ารขับแคลเซียมท่ีท่อไตเพิ่ม มากขึ้น ลดการสร้างกระดกู ยบั ย้งั การเตบิ โตของกระดูก ทาให้เกดิ โรคกระดูกผุ 5. ผลต่อประสาทส่วนกลาง ทาให้สมองไวต่อส่ิงเร้า และตอ่ สู้กับความเครียด วิชาชวี วิทยาเพ่มิ เติม (ว32242) ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวิทยาวฒุ ิ

ชดุ ที่ 4 เร่อื งฮอร์โมนจากต่อมหมวกไต 29 การหลงั่ ฮอรโ์ มนของตอ่ มหมวกไตส่วนนอก การทางานของตอ่ มหมวกไตสว่ นนอกถูกควบคุมโดย อะดรีโนคอรต์ ิโคโทรฟคิ ฮอรโ์ มน (adrenocorticotrophic hormone : ACTH) ซ่งึ เปน็ โทรฟคิ ฮอรโ์ มนจากตอ่ มใตส้ มองส่วนหน้า การ หลั่งของ ACTH จะถกู ควบคมุ อีกทจี ากคอร์ตโิ คโทรฟนิ รลี สิ ซงิ ฮอรโ์ มน (corticotrophin releasing hormone: CRH) จากไฮโพทาลามัสมาตามการเปลีย่ นแปลงของสภาวะแวดลอ้ ม ได้แก่ ระยะเวลา ของแต่ละวนั การเปล่ียนเวลานอน การอดอาหาร ภาวะเครียด ระดบั ของคอร์ตซิ อลที่ลดลงจะ ยอ้ นกลบั ไปกระตนุ้ การหล่ัง CRH และACTH ได้ ระดับของฮอร์โมนจะสงู ตา่ ตามระดบั ของACTHซงึ่ สง่ มาควบคุมจากตอ่ มใต้สมองส่วนหน้า ACTH จะมกี ารหลัง่ เปน็ การควบคุมในรอบ 24 ชวั่ โมง คอื มีการหลง่ั สูงสดุ ตอนเชา้ มืด กอ่ นตื่นนอน จนถงึ ตอนเช้า ในชว่ งกลางวันจะลดลงไปเร่อื ยๆ จะตา่ สุดในช่วงกลางคนื และก่อนนอน เปน็ เชน่ นท้ี กุ วัน ภาพท่ี 17 กราฟการเปลี่ยนแปลงของ ACTH และกลโู คคอร์ติคอย ที่มา : https://il.mahidol.ac.th/e-media/hormone/chapter1/chapter1.htm (สบื คน้ วันที่ 15 กรกฎาคม 2560) วชิ าชวี วทิ ยาเพมิ่ เติม (ว32242) ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวทิ ยาวฒุ ิ

ชดุ ที่ 4 เร่อื งฮอร์โมนจากต่อมหมวกไต 30 ความผดิ ปกติของการหล่ังฮอรโ์ มน ถา้ มีฮอรโ์ มนมากเกนิ ไป จะทาให้มคี วามผิดปรกตเิ กีย่ วกับเมแทบอลซิ มึ ของคารโ์ บไฮเดรต ไขมันและโปรตนี เพิ่มความตอ้ งการรับประทานอาหาร ทาให้ระดับนา้ ตาลในเลือดสูงขึน้ มีการสะสม ไขมันบรเิ วณแกนกลางของลาตัว เช่น ใบหนา้ ทาใหห้ น้ากลมคล้ายดวงจนั ทร์ (moon face) บริเวณ คอมหี นอกยื่นออกมา (buffalo hump) มีอาการกลา้ มเนื้ออ่อนแรง เนอ่ื งจากมีการสลายโปรตนี และ ไขมนั ตามบริเวณแขน ขา ทาให้แขน ขาเรียว ผิวบาง เหน็ เสน้ เลอื ดฝอย พบเส้นเลอื ดแตกทห่ี น้าท้อง (red stria) ขาดประจาเดือน (amenorrhea) กระดูกผุ ติดเชื้อง่าย เกดิ กลุม่ อาการโรคทเ่ี รยี กวา่ คุช ชงิ (Cushing’s syndrome ) พบในผู้ป่วยทม่ี ีเน้ืองอกของตอ่ มหมวกไตส่วนนอกหรอื ได้รับการรกั ษา ดว้ ยยาหรอื ฮอร์โมนท่ีมีคอร์ตโิ คสเตรอยด์เปน็ ส่วนผสม เพอ่ื ปอ้ งกนั อาการแพ้ อกั เสบติดตอ่ กนั เปน็ ระยะเวลานาน เกิดขน้ึ ได้ทงั้ ชายและหญงิ ภาพที่ 18 ผู้ป่วยเป็นโรคคชุ ชิง (Cushing’s syndrome ) ทม่ี า : https://il.mahidol.ac.th/e-media/hormone/chapter1/chapter1.htm (สบื ค้นวันท่ี 15 กรกฎาคม 2560) วิชาชวี วทิ ยาเพิ่มเตมิ (ว32242) ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวิทยาวฒุ ิ

ชดุ ที่ 4 เรื่องฮอรโ์ มนจากตอ่ มหมวกไต 31 ภาพเด็กทมี่ ีอาการคชู ชงิ่ ภาพที่ 19 ภาพผ้ปู ่วยเป็นโรคคชุ ชงิ และภาพเด็กทมี่ ีอาการคูชชิ่ง ที่มา : https://il.mahidol.ac.th/e-media/hormone/chapter1/chapter1.htm (สบื ค้นวันที่ 15 กรกฎาคม 2560) ภาพด้านซา้ ยเปน็ ภาพก่อนมีอาการ ภาพด้านขวาคอื ภาพหนา้ พระจันทร์(moon face) เมือ่ มอี าการโรคนี้ผ่านไป 4เดือน ถา้ มีฮอร์โมนนีน้ อ้ ยเกนิ ไปจะทาให้เกดิ โรคท่ีเรยี กวา่ แอดดิสนั (Addison’s disease) จะมี อาการซบู ผอม รับประทานอาหารไม่ได้ (anorexia nervosa) อาเจียน ทอ้ งเสยี การรกั ษาสมดุลของ แรธ่ าตุสญู เสยี ทาให้สบั สนและถงึ แกค่ วามตายได้ ภาพที่ 20 อาการแสดงของผ้เู ป็นโรคแอดดิสนั ทีม่ า : https://il.mahidol.ac.th/e-media/hormone/chapter1/chapter1.htm (สืบค้นวันท่ี 15 กรกฎาคม 2560) อาการแสดงของผู้เปน็ โรคแอดดิสัน ซึ่งมีผิวสีเขม้ ตามท่ีต่างๆ A ตามท่ีต่างๆ ของลาตัว B แผลเป็น C เสน้ ลายมอื มสี ีเข้มขนึ้ D หัวนม E บรเิ วณลงน้าหนกั เชน่ ขอ้ ศอก F เหงอื กดา วิชาชวี วิทยาเพ่มิ เติม (ว32242) ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวิทยาวฒุ ิ

ชดุ ที่ 4 เรื่องฮอรโ์ มนจากต่อมหมวกไต 32 ฮอร์โมนมินเนอราโลคอรต์ ิคอยด์ ฮอรโ์ มนมินเนอราโลคอรต์ ิคอยด์(mineralocorticoid) ผลติ จากสว่ นนอกของต่อมหมวกไต ชัน้ นอก มหี น้าท่ใี นการควบคมุ ความสมดุลของน้าและแรธ่ าตุในร่างกาย ฮอร์โมนทสี่ าคัญในกลุ่ม นีไ้ ดแ้ ก่ แอลโดสเตอโรน (aldosterone) ซงึ่ มอี วัยวะเป้าหมายสว่ นใหญท่ ี่ไต ฮอรโ์ มนมนิ เนอราโลคอรต์ ิคอยด์ (mineral : แร่ธาตุ) ทาหนา้ ท่ีในการควบคมุ ความสมดุลของ น้าและแรธ่ าตุในร่างกาย หนา้ ท่ีฮอร์โมนมินเนอราโลคอรต์ คิ อยด์ แอลโดสเตอโรนทาหนา้ ที่ในการเพิม่ การดดู กลบั ของโซเดยี มและเพมิ่ การขบั โปตสั เซยี ม (K+) ท่ีหลอดไต (distal renal tubules) ทาให้โซเดยี ม(Na+) เพิ่มขึน้ ในกระแสเลอื ดและมโี ปตัสเซยี มมาก ขึ้นในปัสสาวะ ในขณะท่ีมีการดดู กลับของโซเดยี มออิ อน ร่างกายจะขับไฮโดเจนอิออน (H+) ออกไปทาง ปัสสาวะเปน็ การแลกเปลย่ี น ซ่ึงเปน็ ผลดีคอื รา่ งกายไม่เป็นกรดมากเกินไป ในขณะเดยี วกันทร่ี ่างกาย เกบ็ โซเดียมซง่ึ เป็นออิ อนบวกไวร้ า่ งกายมกั นาคลอไรด์อิออน (Cl-) และไบคารโ์ บเนตอิออน(HCO3- ) ซ่ึงเป็นขัว้ ลบเขา้ มาในกระแสเลือดด้วย ทาให้ดึงน้าตามเข้ามาในกระแสเลอื ดเช่นกัน การขาดแอลโดส เตอโรนจงึ เปน็ การสญู เสยี น้าและโซเดียมไปกบั ปัสสาวะ ดังนน้ั การทางานของแอลโดสเตอโรนจึงเป็น การควบคมุ ปริมาตรเลือดในร่างกาย ความดนั โลหิต และความเป็นกรดดา่ งของร่างกายด้วย อะไรเปน็ ตัวกระตนุ้ การหล่ัง แอลโดสเตอโรน? วชิ าชวี วิทยาเพิม่ เตมิ (ว32242) ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวทิ ยาวฒุ ิ

ชดุ ท่ี 4 เรื่องฮอรโ์ มนจากต่อมหมวกไต 33 การหล่งั ของแอลโดสเตอโรน การหลั่งของแอลโดสเตอโรนจะถกู กระตุน้ โดยปรมิ าณเลือดหรอื พลาสมาในระบบไหลเวยี น ของเสน้ เลือดแดง ซงึ่ จะพบเมือ่ ร่างกายขาดโซเดียม เสยี เลอื ด ขาดนา้ เมอื่ ปริมาณสารเหลวในรา่ งกาย ลดลง ทาให้ความดนั โลหิตในหลอดเลอื ดแดงท่ไี ตโดยเฉลีย่ ลดลง ทาใหร้ า่ งกายกระตุ้นกระบวนการเร นนิ – แองจโิ อเทนซิน ซึง่ จะทาให้มกี ารหลงั่ เรนนิ ทจี่ กั ซ์ตาโกลเมอรูลาร์อัฟพาราตัส (juxtaglomerular apparatus) เรนนิ เป็นเอนไซม์ท่หี ลัง่ จากไตเข้าไปในกระแสเลือด ทาหน้าที่ เปลี่ยนเองจิโอเทนซิโนเจน ให้เปน็ เองจิโอเทนซนิ I หลังจากน้นั เอนไซม์ เองจโิ อเทนซิน คอนเวอทติง (angiotensin converting enzyme : ACE) จะเปลีย่ นเองจโิ อเทนซิน I ให้เป็นเองจโิ อเทนซนิ II ที่ ปอด เมือ่ สารนา้ ในร่างกายตา่ กวา่ ปกติ ระบบเรนิน – เองจิโอเทนซิน จะไปกระตนุ้ หลอดเลอื ดทาให้ หลอดเลอื ดหดรดั ตวั และกระตุ้นการหล่งั แอลโดสเตอโรนท่ีตอ่ มหมวกไตสว่ นนอกทาใหเ้ พม่ิ ปริมาณ ของโซเดยี มและนา้ มากขึ้น ปรมิ าณเลอื ดจะเพิม่ ขึ้น ภาพท่ี 21 การทางานของแอลโดสเตอโรน ทีม่ า : https://il.mahidol.ac.th/e-media/hormone/chapter1/chapter1.htm (สบื ค้นวนั ท่ี 15 กรกฎาคม 2560) นอกจากปรมิ าณสารนา้ ในรา่ งกายแล้ว ตอ่ มหมวกไตสว่ นนอกยงั ตอบสนองตอ่ ความเขม้ ข้น ของโปตสั เซียมเลอื ดไดไ้ วมาก โปแตสเซียมที่เพ่มิ ขึน้ เพียงเล็กนอ้ ยจะมผี ลกระตุน้ การหล่ัง แอลโดสเตอโรนมากขึน้ วิชาชีววิทยาเพ่ิมเติม (ว32242) ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวทิ ยาวฒุ ิ

ชดุ ท่ี 4 เรอ่ื งฮอรโ์ มนจากตอ่ มหมวกไต 34 ความผดิ ปกตขิ องการหลั่งฮอร์โมน ถ้ามฮี อรโ์ มนน้มี ากเกินไป ซงึ่ อาจเกิดจากเนอื้ งอก หรอื ไดร้ ับมนิ เนอราโลคอร์ติคอยดเ์ กิน ขนาด จะเกดิ ภาวะโซเดียมในร่างกายมีมากเกนิ ไป (hypernatremia) และทาใหโ้ ปตัสเซียมในรา่ งกาย นอ้ ย (hypokalemia) เกดิ ภาวะรา่ งกายเป็นด่าง (metabolic alkalosis) ปริมาณพลาสมาจะเพมิ่ ขึ้น ความดันโลหติ จะสงู ขน้ึ ถ้ามีฮอรโ์ มนน้นี ้อยเกนิ ไป มกั มีสาเหตุเหมือนกับการขาดกลูโคคอร์ติคอยด์ เช่นในโรคแอดดิ สนั (Addison’s disease) ถ้าเกดิ เนือ่ งจากขาดแอลโดสเตอโรนอย่างเดียวมกั มอี าการขาดน้า ความดนั โลหติ ตา่ ระดับ โซเดยี มในเลอื ดต่า (hyponatremia) ระดับโปตสั เซียมสูงเกินไป (hyperkalemia) และเลือดมคี วาม เป็นกรด (acidosis) ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต ฮอร์โมนเพศชายแอนโดรเจน สร้างจากตอ่ มหมวกไตส่วนนอกชั้นในสุด สร้างฮอร์โมนเพศชายท่ีมีผลต่อรา่ งกายน้อยกวา่ ที่ ผลติ จากอณั ฑะ มปี รมิ าณท้งั หมดประมาณ 15 เปอร์เซนตข์ องฮอร์โมนเพศชายทั้งหมด โดยจะถกู เปลย่ี นเปน็ เทสโทสเทอโรนทีเ่ ป็นรปู ทอี่ อกฤทธิ์ ดังน้นั ในวยั ผใู้ หญ่ เมือ่ หล่ังฮอรโ์ มนนีอ้ อกมามากจะไมพ่ บความผดิ ปกติ แตใ่ นวัยเดก็ ถา้ เปน็ ผู้ชาย จะทาใหเ้ ป็นหนมุ่ เรว็ กว่ากาหนด ส่วนในเพศหญงิ เน่อื งจากต่อมหมวกไต สว่ นนอกนี้ผลิตแอน โดรเจน (androgen) ถ้ามีการผลติ ฮอร์โมนนม้ี ากซงึ่ อาจเกดิ จากมีเน้อื งอก จะทาให้เกดิ ลักษณะของ เพศชายได้ คือมีพฤติกรรมคล้ายผ้ชู าย มีการสรา้ งโปรตีนท่ีทาให้แขนขาใหญ่ มีหนวดเครา เสยี งหา้ ว ไมม่ ปี ระจาเดือน มีขนข้ึนตามตวั และใบหนา้ ภาพท่ี 22 สตรที มี่ ีฮอรโ์ มนเพศชายมากหลังเปน็ สาวแลว้ ทมี่ า : https://il.mahidol.ac.th/e-media/hormone/chapter1/chapter1.htm (สืบค้นวันที่ 15 กรกฎาคม 2560) วชิ าชวี วิทยาเพิ่มเติม (ว32242) ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวทิ ยาวฒุ ิ

ชดุ ที่ 4 เร่ืองฮอร์โมนจากตอ่ มหมวกไต 35 3. ตอ่ มหมวกไตสว่ นใน ต่อมหมวกไตส่วนในเจริญมาจากเนอื้ เย่อื ชนิดเดยี วกบั ที่เจรญิ ไปเปน็ ระบบประสาท เซลลข์ อง ตวั ออ่ นจะค่อยๆ เจริญเปน็ เซลลป์ ระสาท 2 ประเภท คือนวิ โรบลาส (neuroblast หรือ sympathoblast) ซ่งึ จะเจรญิ ไปเป็นเซลล์ประสาทซมิ พาเทติก และฟโี อโครโมบลาสท์ (pheochromoblasts) ซง่ึ จะเจรญิ เป็นเซลล์โครมาฟฟิน (chromaffin cell) ต่อมหมวกไตสว่ นในเป็นทงั้ ต่อมไรท้ อ่ และเป็นสว่ นของประสาทซิมพาเทตกิ จะทางานเมือ่ เผชิญหนา้ กบั ภาวะเครยี ด ต่นื เตน้ ตกใจ กลวั หนีภัย (fight or flight) เมื่อเจ็บปวดและออกกาลัง กาย สรา้ งฮอรโ์ มน 2 ชนิด คอื ฮอรโ์ มนอพิ เิ นฟรนิ หรอื อะดรีนาลนิ ประมาณ 80 เปอร์เซนต์ ซ่งึ เปน็ ตวั ที่สาคัญและอีกฮอร์โมนคอื นอร์อพิ ิเนฟริน ประมาณ 15 เปอร์เซนต์ รวมกันเรียกวา่ แคททีโคลามีน (catecholamines) แคททีโคลามีนสร้างทไ่ี ซโตซอลของตอ่ มหมวกไตสว่ นในแลว้ เก็บไวใ้ นเมด็ เลก็ ๆ ในโครมาฟฟิน เซลล์ (chromaffin granules) เมอื่ ได้รับการกระตุ้น จะถกู ปล่อยเข้าไปในหลอดเลือด การทางานของประสาทซิมพาเทตกิ และฮอร์โมนแคททโี คลามนี ประสาทซมิ พาเทติกก่อนถึงปมประสาท (preganglionic fibers)จะหล่ังสารเคมีหรอื สารสื่อ ประสาท ผ่านไปท่ีจดุ ประสานประสาท หรอื ซเิ นปส์ (synapse)ไปทใี่ ยประสาทหลังปมประสาท (postganglionic fibers) แตก่ ารหลง่ั ฮอรโ์ มนของ ตอ่ มหมวกในส่วนใน เม่ือใยประสาทก่อนถงึ ปม ประสาทถกู กระตุ้นจะไปกระตนุ้ ต่อมหมวกไตส่วนในใหห้ ลัง่ ฮอร์โมนเขา้ กระแสเลือดแทนที่จะผา่ นไปที่ จุดประสานประสาท โดยเซลลข์ องต่อมหมวกไตส่วนในจะทาหนา้ ทเี่ หมอื นเปน็ ใยประสาทหลงั ปม ประสาท(postganglionic fibers) วิชาชวี วทิ ยาเพม่ิ เติม (ว32242) ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวทิ ยาวฒุ ิ

ชดุ ท่ี 4 เรอ่ื งฮอร์โมนจากตอ่ มหมวกไต 36 จดุ สีแดง คอื สารสอ่ื ประสาท จุดสีน้าเงนิ คือ นอร์อพิ ิเนฟริน จดุ สฟี ้า คอื อพิ ิเนฟริน ภาพท่ี 23 การทางานของประสาทซิมพาเทติกและฮอร์โมนแคททโี คลามนี ทีม่ า : https://il.mahidol.ac.th/e-media/hormone/chapter1/chapter1.htm (สืบค้นวนั ท่ี 15 กรกฎาคม 2560) เปรยี บเทียบการหล่ังและการจบั กบั ตวั รบั สัญญาณของฮอรโ์ มนอิพิเนฟริน นอร์อพิ เิ นฟรนิ และกระแสประสาท จะเหน็ วา่ นอรอ์ พิ เิ นฟรนิ เป็นได้ทั้งสารส่ือประสาทและฮอรโ์ มน ตัวรับ สญั ญาณเบตา1จะจบั ไดท้ ัง้ อพิ ิเนฟริน และนอร์อพิ เิ นฟรนิ เทา่ กันแตต่ ัวรบั สัญญาณเบตา2 จะจบั กบั อพิ เิ นฟรนิ เทา่ น้นั สว่ นแอลฟาจับไดท้ ัง้ 2ตัวแต่จะจบั กบั นอรอ์ ิพิเนฟรนิ ได้ดกี ว่าอพิ เิ นฟรนิ อวยั วะเปา้ หมายของเซลล์ประสาทซิมพาเทติกส่วนใหญ่มีตวั รับสัญญาณแอลฟา 1(α1) สาหรบั ตัวรบั สญั ญาณเบตา2 ส่วนใหญพ่ บท่ีหวั ใจ โดยทั่วไปถา้ กระตุ้นตัวรับสญั ญาณแอลฟา 1และเบ ตา1จะเป็นการกระตนุ้ การทางาน แตถ่ า้ กระตนุ้ ตวั รับสญั ญาณแอลฟา2 และเบตา2 จะเปน็ การยับยั้ง การทางาน การตอบสนองตอ่ แคททีโคลามนี จะรวดเร็วมาก มอี ายุครึ่งชีวติ ต่ากวา่ 10 วินาที วชิ าชีววิทยาเพมิ่ เติม (ว32242) ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวิทยาวฒุ ิ

ชดุ ที่ 4 เร่อื งฮอร์โมนจากต่อมหมวกไต 37 การหลั่งฮอร์โมน การหล่งั ฮอร์โมนน้ีเกิดจากการกระตุน้ ของกระแสประสาทซิมพาเทติก (sympathetic) จากไฮโพทาลามัส( hypothalamus) หรือประสาทอตั โนมตั แิ ละ คอร์ตโิ คโทรปนิ รลี ิสซิงฮอร์โมน (corticotrophin releasing hormone: CRH) มผี ลทาให้ เซลลโ์ ครมาฟฟิน (chromaffin cell ) หลง่ั แคททโี คลามนี ออกมา ซง่ึ จะไปกระตุ้นการสรา้ งกลูโคสทาให้นา้ ตาลในกระแสเลือดสูงขึ้น และ ระดบั น้าตาลท่ีสงู ขน้ึ นี้จะไปยับยง้ั ไฮโพทาลามสั ลดการหล่ังแคททโี คลามนี ภาพท่ี 24 การหลงั่ ฮอรโ์ มนจากต่อมหมวกไตสว่ นใน ท่ีมา https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcQT3xxhc-bbQVi6jcieUVNkIcCH6ULQa46SloEyYP_Xu_XPDklu (สบื คน้ วนั ที่ 15 กรกฎาคม 2560) หนา้ ที่ ระบบไหลเวียนโลหติ การทางานของแคททีโคลามีนจะคล้ายกบั การกระต้นุ การทางานของ ระบบประสาทซิมพาเทติก โดยการเพิม่ การเตน้ และแรงในการหดรัดตัวของหัวใจ ทาใหเ้ ส้นเลือดหด รดั ตัว ทาให้ความดนั โลหติ เพิ่มขึน้ ซง่ึ เป็นผลให้อวัยวะต่างๆ ได้รบั เลอื ดเพยี งพอเมื่ออยู่ในภาวะเครียด ฮอร์โมนนอร์อิพิเนฟรินแต่ละครั้งจะหลง่ั ออกมาเพยี งจานวนนอ้ ย เปน็ ฮอรโ์ มนที่สาคัญในการ ที่ทา ให้เสน้ เลือดทีผ่ ิวหนงั ทเ่ี นือ้ เยือ่ ภายใน (viscera )และกลา้ มเนอ้ื ทตี่ ิดอยู่กับกระดกู หดรัดตวั จึงมี ผลทาให้ ความดนั โลหิตเพิม่ เพิม่ การหายใจให้เร็วและแรงขน้ึ ทาให้กล้ามเนอ้ื เรียบของระบบหายใจคลายตวั หลอดลม ขยายตัว ลดแรงดนั ทาใหอ้ ากาศเข้าและออกจากปอดไดด้ ี วชิ าชีววิทยาเพิ่มเตมิ (ว32242) ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวิทยาวฒุ ิ

ชดุ ท่ี 4 เรอ่ื งฮอรโ์ มนจากตอ่ มหมวกไต 38 ภาพท่ี 25 การทางานของฮอรโ์ มนนอร์อพิ เิ นฟริน ท่ีมา : https://il.mahidol.ac.th/e-media/hormone/chapter1/chapter1.htm (สืบคน้ วันที่ 15 กรกฎาคม 2560) ผลของฮอรโ์ มนอิพเิ นฟรนิ และนอร์อิพิเนฟรินผา่ นตามตวั รบั สัญญาณและตัวสอ่ื สญั ญาณตัวที่ สองชนดิ ตา่ งๆ E = อพิ เิ นฟรนิ NE = นอรอพิ เิ นฟริน์ ผลต่อเมแทบอลซิ มึ แคททโี คลามีนทาหนา้ ทส่ี ลายพลังงานที่เกบ็ ไว้มาใช้ในยามที่ร่างกาย ต้องการใช้พลงั งานอย่างมากและรวดเรว็ กระตนุ้ ให้เกิดการสลายพลังงานไปใหอ้ วยั วะเป้าหมายใชไ้ ด้ ทันที ได้แกก่ ระตุ้นการสลายไกลโคเจน (glycogenolysis)ที่ตับและกล้ามเนื้อ แต่โดยท่ัวไปแล้วไกลโค เจนที่กล้ามเนื้อ ไม่สามารถเปลี่ยนมาเป็นกลโู คสไดโ้ ดยตรง ต้องเปลยี่ นมาเปน็ กรดแลคตกิ กอ่ นจงึ เปลีย่ นไปเปน็ นา้ ตาลกลโู คสได้ ตบั จะกาจัดกรด แลกติก (lactic acid) จากกระแสเลือดและเปลย่ี นมา เปน็ น้าตาลกลูโคส ดงั นน้ั จึงทาใหร้ ะดบั นา้ ตาลในกระแสเลอื ดเพมิ่ ข้ึน นอกจากนอี้ ิฟเิ นฟรนิ และ ประสาทซมิ พาเทตกิ ยงั ยบั ยงั้ การทางานของฮอร์โมนอนิ ซูลนิ เปน็ เหตุหน่ึงทท่ี าให้ระดบั นา้ ตาลใน กระแสเลือดเพิม่ ขน้ึ เพ่ิมการใช้พลงั งานจากไขมัน โดยการสลายเนือ้ เยื่อไขมันเปน็ กรดไขมนั เพ่มิ ขึ้น และกระตนุ้ ตับใหเ้ ปลีย่ นกรดอะมโิ น บางตวั มาเป็นกลโู คส ทามีระดบั กลโู คสเพิ่มขึน้ ในกระแสเลือด วิชาชวี วทิ ยาเพ่มิ เติม (ว32242) ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวิทยาวฒุ ิ

ชดุ ที่ 4 เรื่องฮอร์โมนจากต่อมหมวกไต 39 การเผาผลาญอาหารเพมิ่ มากข้ึน ทาใหอ้ ุณหภูมขิ องรา่ งกายเพม่ิ ข้ึน หลอดเลอื ดหดรดั ตวั เพอ่ื ปอ้ งกนั การ สูญเสยี ความร้อนและให้ความอบอุน่ แก่รา่ งกาย แตใ่ นขณะเดียวกันร่างกายสรา้ งเหงื่อเพม่ิ มากขน้ึ เพ่อื กาจดั ความร้อนออกจากร่างกาย อพิ เิ นฟรนิ มีผลตอ่ กลา้ มเนือ้ เรยี บภายในลกู ตา ทาให้แกว้ ตา (pupil) ขยาย และทาให้เลนสต์ า แบนลง ทาใหม้ องเห็นส่ิง ที่เปน็ อนั ตรายได้ดีขนึ้ อิพิเนฟรินทาให้การเคล่ือนไหวของลาไสแ้ ละหลอดอาหารลดนอ้ ยลงและลดการทางานของ กระเพาะปัสสาวะ ทาให้เมื่ออยูใ่ นภาวะเครียด รา่ งกายจะไม่ร้สู กึ ต้องการรับประทานอาหารและไม่ ตอ้ งการขบั ถ่ายปสั สาวะ (put and hold) ผลตอ่ อิเลกโทรไลท์และนา้ แคททโี คลามนี มีส่วนในการควบคุมปริมาณและสว่ นประกอบ ของเหลวนอกเซลล์โดยมผี ลตอ่ ฮอรโ์ มนอ่ืนๆ เช่นกระตุ้นเรนนิ แอนจิโอเทนซนิ ทาใหม้ กี ารหลงั่ แอล โดสเตอโรนและกระตนุ้ การหล่ังฮอรโ์ มนวาโซเพรสซนิ ทาใหก้ ารดูดซมึ ของน้ากลับเพ่ิมขน้ึ ความผดิ ปกตขิ องฮอรโ์ มนแคททโี คลามีน ถา้ มีมากเกนิ ไป ซึ่งเกิดจากเน้อื งอกของเซลลโ์ ครมาฟฟิน (chromaffin cell) จะทาใหเ้ กิดโรค เรียกวา่ ฟโี อโครโมไซโทมา (pheochromocytoma) ซึ่งหวั ใจจะถูกกระต้นุ อยา่ งรนุ แรง เกิดอาการใจ สน่ั คลื่นไสอ้ าเจียน แนน่ หนา้ อก ความดนั โลหติ สูง สายตาพร่ามวั ม่านตาขยาย มีการสลายไกลโคเจน ท่ีตบั มากขนึ้ ทาให้น้าตาลในกระแสเลือดเพิม่ มากขึ้น ถ้าอาการรนุ แรงจะทาให ้เส้นเลอื ดในสมองแตก หวั ใจล้มเหลว และตายได้ วิชาชีววทิ ยาเพมิ่ เตมิ (ว32242) ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวทิ ยาวฒุ ิ

ชดุ ที่ 4 เร่ืองฮอรโ์ มนจากต่อมหมวกไต 40 ข้นั ที่ 3 ขัน้ อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ บัตรกจิ กรรมท่ี 4.2 คาชีแ้ จง ใหน้ กั เรยี นร่วมกนั อภปิ ราย และสรุปความรูเ้ ก่ยี วกับ ฮอรโ์ มนจากตบั อ่อน(20 คะแนน) 1. ไทรอยดฮ์ อร์โมนมอี ะไรบ้าง? ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. 2. ไทรอยดฮ์ อร์โมนทาหน้าทอี่ ะไร? ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. 3. การออกฤทธ์ขิ องไทรอยดฮ์ อรโ์ มนทาอย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. 4. ถา้ ฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ผดิ ปกติจะเป็นอันตรายอยา่ งไร? (5 คะแนน) ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. วิชาชวี วิทยาเพ่ิมเตมิ (ว32242) ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวทิ ยาวฒุ ิ

ชดุ ท่ี 4 เร่ืองฮอรโ์ มนจากต่อมหมวกไต 41 5. ต่อมพาราไทรอยด์ทาหนา้ ที่อะไรบา้ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. 6. ตอ่ มพาราไทรอยด์ผดิ ปกตจิ ะทาให้เกดิ โรคอะไรได้บ้าง ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. 7. ต่อมหมวกไตทาหนา้ ท่อี ะไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. 8. ฮอร์โมนจากตอ่ มหมวกไตมอี ะไรบา้ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. 9. ถ้าได้รับการรักษาด้วยฮอรโ์ มนกลูโคคอรต์ คิ อยด์ ตอ้ งระวังเรอ่ื งอะไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. วิชาชีววทิ ยาเพิ่มเติม (ว32242) ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวทิ ยาวฒุ ิ

ชดุ ท่ี 4 เร่ืองฮอรโ์ มนจากต่อมหมวกไต 42 10. ถ้าขาดACTH ฮอร์โมนร่างกายจะเป็นอย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. 11. ภาวะมีACTH ฮอร์โมนน้มี ากไป ร่างกายจะเปน็ อย่างไร? (2 คะแนน) ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12. อะไรเป็นตัวกระตุ้นการหลงั่ แอลโดสเตอโรน? ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. 13. ถา้ มฮี อร์โมนแอลโดสเตอโรนน้ีมาก และนอ้ ยเกนิ ไปจะทาอย่างไร? ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. 14. อะไรเปน็ ตัวกระตุน้ การหล่ังแอลโดสเตอโรน? ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. วชิ าชวี วิทยาเพ่ิมเตมิ (ว32242) ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวิทยาวฒุ ิ

ชดุ ที่ 4 เร่ืองฮอร์โมนจากตอ่ มหมวกไต 43 ข้ันที่ 4 ข้นั ขยายความรู้ บตั รกจิ กรรมที่ 4.3 คาชแี้ จง ใหน้ ักเรียนตอบคาถามให้ได้ใจความสมบูรณ์ (10 คะแนน) 1. เห็นด้วยหรือไม่ ที่สตรีควรรบั ประทานอาหารทะเลใหเ้ พียงพอในขณะตงั้ ครรภ์? ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. 2. ท่านทราบหรอื ไมว่ ่าในเกลือทีเ่ รารบั ประทานมีไอโอดนี เท่าไร? ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. 3. ทาไมเราจงึ จัดวติ ามนิ ดี เป็นฮอรโ์ มนทัง้ ที่เราเรยี กว่า “วติ ามนิ ดี”และ. วิตามนิ ดีทาหนา้ ทีอ่ ะไร? ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. 4. ในวัยเด็กถา้ พบฮอรโ์ มนเพศชายแอนโดรเจน หลงั่ ออกมามากจะมีผลตอ่ รา่ งกายอยา่ งไร? ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. 5. ถ้าการหลง่ั ฮอรโ์ มนแคททโี คลามนี ผิดปกติจะมีผลอย่างไร ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………. วิชาชวี วทิ ยาเพ่ิมเตมิ (ว32242) ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวทิ ยาวฒุ ิ

ชดุ ที่ 4 เรื่องฮอร์โมนจากต่อมหมวกไต 44 ข้ันที่ 5 ข้ันประเมิน บตั รกจิ กรรมท่ี 4.4 ตอนที่ 1 ตอนท่ี 2 วิชาชีววิทยาเพ่ิมเตมิ (ว32242) ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวทิ ยาวฒุ ิ

ชดุ ท่ี 4 เรื่องฮอรโ์ มนจากต่อมหมวกไต 45 แบบทดสอบหลงั เรียน ชดุ การสอนชุดท่ี 4 เรอื่ ง ฮอรโ์ มนจากตอ่ มไทรอยด์ พาราไทรอยดแ์ ละตอ่ มหมวกไต คาชีแ้ จง 1. แบบทดสอบฉบับนี้มี 10 ข้อ คะแนนเต็ม 10 คะแนน ใช้เวลา 15 นาที 2. ใหน้ ักเรียนเลือกคาตอบท่ถี กู ต้องเพียงข้อเดยี ว 3. ตอบถูกได้ 1 คะแนน ตอบผิดได้ 0 คะแนน ------------------------------------------------------------------------------------------- 1. อาการเหนอ่ื ยง่าย น้าหนักเพิ่ม ทนความหนาวไม่ได้ กลา้ มเนื้อออ่ นแรง เป็นอาการของโรคใด ก. ครตี ินซิ มึ ข. มิกซิดมี า ค. คอพอกเปน็ พิษ ง. ไฮเปอรพ์ าราไทรอยด์ 2. ขอ้ ใดเปน็ ผลเกดิ จากการท่ีตอ่ มพาราไทรอยสรา้ งฮอร์โมนมากเกนิ ไป ก. กระดูบางและผุง่าย ข. ลาไส้ดดู แคลเซียมนอ้ ยลง ค. แคลเซยี มในเลอื ดลดลงมาก ง. หน่วยไตดงึ แคลเซียมออกจากเลอื ด 3. ฮอร์โมนใดทาให้เกดิ โรคเมเทมอรโ์ ฟซิส(Metamorphosis) ในลกู ออ๊ ด ก. ไทรอกซนิ ข. แคลซิโทนนิ ค. พาราทอร์โมน ง. ถกู ทุกขอ้ 4. ถ้าขาดไทรอกซินในวยั เดก็ จะทาใหเ้ กดิ โรคใด ก. โรคเอ่อ ข. มกิ ซิดมี า ค. ครตี ินซิ มึ ง. เตย้ี แคระแกรน วิชาชวี วทิ ยาเพ่มิ เตมิ (ว32242) ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวิทยาวฒุ ิ

ชดุ ที่ 4 เรื่องฮอรโ์ มนจากต่อมหมวกไต 46 5. สงิ่ ทเี่ หมือนกนั ของคนที่เป็นโรค Cretinism และ Myxedema คอื ข้อใด ก. ขาดไอโอดนี ข. มไี อโอดีนมากเกนิ ไป ค. ขาดฮอร์โมนไทรอกซิน ง. มีฮอรโ์ มนไทรอกซนิ มากเกินไป 6. ถา้ ระดับแคลเซียมในเลือดมากกว่าปกติ รา่ งกายจะหลง่ั ฮอรโ์ มนชนดิ ใด ก. ไทรอกซิน ข. แคลซโิ ทนิน ค. พาราทอร์โมน ง. โกรทฮอร์โมน 7.ฮอร์โมนที่มคี วามสัมพันธก์ ับวิตามินดี คือขอ้ ใด ก. ไทรอกซินและแคลซิโทนนิ ข. ไทรอกซินและพาราทอร์โมน ค. แคลซิโทนินและพาราทอร์โมน ง. พาราทอร์โมนและโกรทฮอร์โมน 8. ขอ้ ใดตอ่ ไปนีไ้ ม่ใช่ฮอร์โมนจากตอ่ มไทรอยด์ ท้งั หมด ก. ไทรอกซิน แคลซิโทนนิ ข. ไทรอกซิน พาราทอร์โมน ค. แคลซโิ ทนิน พาราทอร์โมน ง. พาราทอรโ์ มน อลั โดสเทอโรน 9. ฮอรโ์ มนใดตอ่ ไปน้สี ่งผลตอ่ รา่ งกายคล้ายฮอร์โมนอะดรีนาลนี ก. 9 – 11 กรมั /เลอื ด 100 มลิ ลลิ ติ ร ข. 90 – 100 กรมั /เลือด 100 มลิ ลลิ ติ ร ค. 9 – 11 กรมั /เลอื ด 100 ลูกบาศกเ์ ซนติเมตร ง. 90 – 110 กรัม/เลือด 100 ลกู บาศก์เซนติเมตร 10. สมดุลของแคลเซยี มในเลือดเกิดจากควบคมุ ของฮอร์โมนในขอ้ ใด ก. พาราทอร์โมนเท่าน้ัน ข. ไทรอกซนิ และแคลซิโทนนิ ค. ไทรอกซินและพาราทอร์โมน ง. แคลซโิ ทนนิ และพาราทอรโ์ มน วิชาชวี วิทยาเพมิ่ เตมิ (ว32242) ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 5 นางสาวทวิ าวรรณ เดชวทิ ยาวฒุ ิ