Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิธีสร้างบุญบารมี

Description: วิธีสร้างบุญบารมี

Search

Read the Text Version

Re#2 ����������������� NEW.indd 1 11/28/13 12:26:00 PM

วธิ ีสร้างบญุ บารม ี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสงั ฆปริณายก ISBN 978-616-348-362-1 พมิ พค์ ร้งั ท่ี ๑ พฤศจกิ ายน ๒๕๕๖ จำนวน ๕๐,๐๐๐ เลม่ ทปี่ รึกษา สมเดจ็ พระวนั รตั พระเทพปริยัติวิมล กองบรรณาธกิ าร พระศากยวงศว์ ิสุทธิ ์ รศ.สุเชาวน์ พลอยชุม บรรณาธิการสร้างสรรคแ์ ละวาดภาพ ธรี โพธภิ ิกขุ (อาจารย์ธีระพนั ธ์ุ ลอไพบลู ย)์ ผู้จดั พมิ พ ์ รัฐบาลในพระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช พมิ พ์โดยเสดจ็ พระราชกศุ ลในการพระศพ สมเดจ็ พระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสงั ฆปริณายก พมิ พท์ ี่ Re#2 ����������������� NEW.indd 2-3

11/28/13 12:26:00 PM

Re#2 ����������������� NEW.indd 4-5

พระประวตั ิ สมเดจ็ พระญาณสังวร สมเดจ็ พระสงั ฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (สุวฑฒฺ นมหาเถร เจริญ คชวัตร) วันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๒ พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนา สมเด็จ พระญาณสังวร วัดบวรนิเวศวิหาร เป็น สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก นับเป็นสมเด็จ พระสังฆราชพระองค์ท่ี ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ลุถึงปี พ.ศ. ๒๕๕๖ นับเป็นสมเด็จพระสังฆราช ที่ทรงดำรงตำแหน่ง ยาวนานกว่าสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ใด ๆ ในอดีตท่ีผ่านมา คอื ๒๔ ปี วนั ท่ี ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ เปน็ วันคล้ายวนั ประสูติ ของเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกล มหาสังฆปริณายก (สุวฑฺฒนมหาเถร) ทรงเจริญพระชนมายุ ๑๐๐ พรรษาบรบิ ูรณ์ นบั เปน็ สมเด็จพระสงั ฆราช สกลมหาสงั ฆ ปริณายก ท่ีเจริญพระชนมายุย่ิงยืนนานกว่า สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ใดๆ ในอดีตท่ีผ่านมา ทั้งทรงดำรงตำแหน่งต่างๆ ทาง คณะสงฆ์ยาวนานกว่าพระองค์อ่ืนๆ คือ ทรงดำรงตำแหน่งเจ้า คณะใหญ่คณะธรรมยุต ๒๕ ปี ทรงดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส วัดบวรนิเวศวิหาร ๕๒ ปี นับเป็นบุญบารมีในทางปรหิตปฏิบัติ 11/28/13 12:26:00 PM

ของเจา้ พระคุณสมเดจ็ พระสงั ฆราช ซง่ึ ยากท่ีจะมีเปน็ สาธารณะแก่ บคุ คลทั่วไป สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหา สังฆปริณายก (สุวฑฺฒนมหาเถร) มีพระนามเดิมว่า เจริญ นามสกุล คชวัตร ทรงมีพระชาติภูมิ ณ จังหวัดกาญจนบุรี เมอื่ วันท่ี ๓ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๔๕๖ ทรงบรรพชาเปน็ สามเณรเม่ือ พระชนมายุ ๑๔ พรรษา ณ วัดเทวสังฆาราม กาญจนบุรี แลว้ เข้ามาอยู่ศึกษาพระปริยัติธรรม ณ วัดบวรนิเวศวิหาร จน พระชนมายุครบอุปสมบท และทรงอุปสมบท ณ วัดบวรนิเวศ วิหารเมื่อวันท่ี ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๖ โดยสมเด็จ พระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ทรงเป็นพระอุปัชฌาย์ ไดป้ ระทบั อยู่ศึกษา ณ วัดบวรนเิ วศวหิ าร ตลอดมาจนกระท่งั สอบ ได้เป็นเปรยี ญธรรม ๙ ประโยค เมอ่ื พ.ศ. ๒๔๘๔ เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร ทรงดำรงสมณศักด ์ิ มาโดยลำดบั ดังนี้ ทรงเป็นพระราชาคณะชัน้ สามัญ พระราชาคณะ ชั้นราช และพระราชาคณะช้ันเทพ ในราชทินนามท่ี พระโศภน คณาภรณ์ ทรงเป็นพระราชาคณะ ช้นั ธรรมท่ี พระธรรมวราภรณ์ ทรงเปน็ พระราชาคณะชน้ั เจ้าคณะรองที่ พระสาสนโสภณ ทรงเป็น สมเด็จพระราชาคณะที่ สมเด็จพระญาณสังวร และทรงได้รับ พระราชทานสถาปนาเป็น สมเด็จพระสังฆราช ในราชทินนามท่ี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆ ปรณิ ายก Re#2 ����������������� NEW.indd 6-7

เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร ทรงเป็นผู้ใคร่ในการ ศึกษา ทรงมีพระอัธยาศัยใฝ่รู้ใฝ่เรียนมาต้ังแต่ทรงเป็นพระเปรียญ โดยเฉพาะในด้านภาษา ทรงศึกษาภาษาต่าง ๆ เช่น อังกฤษ ฝร่ังเศส เยอรมัน จีน และ สันสกฤต จนสามารถใช้ประโยชน์ได้ เป็นอยา่ งดี กระทงั่ เจ้าพระคุณสมเดจ็ พระสังฆราชเจา้ กรมหลวง วชริ ญาณวงศ์ พระอปุ ชั ฌายท์ รงเหน็ วา่ จะเพลนิ ในการศกึ ษามากไป วันหนึ่งทรงเตือนวา่ ควรทำกรรมฐานเสียบ้าง เปน็ เหตุใหพ้ ระองค์ ทรงเริ่มทำกรรมฐานมาแต่บัดนั้น และทำตลอดมาอย่างต่อเน่ือง จงึ ทรงเปน็ พระมหาเถระทที่ รงภมู ธิ รรม ทง้ั ดา้ นปรยิ ตั แิ ละดา้ นปฏบิ ตั ิ เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร ทรงศึกษาหาความรู้ สมัยใหม่อยู่เสมอ เป็นเหตุให้ทรงมีทัศนะกว้างขวาง ทันต่อ เหตุการณ์บ้านเมือง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการส่ังสอนและเผยแผ่ พระพทุ ธศาสนาเปน็ อย่างมาก และทรงนพิ นธ์หนงั สอื ทางพระพทุ ธ ศาสนาได้อย่างสมสมัย เหมาะแก่บุคคลและสถานการณ์ในยุค ปจั จุบัน และทรงสงั่ สอนพระพุทธศาสนาทง้ั แกช่ าวไทยและชาวต่าง ประเทศ ในด้านการศึกษา ได้ทรงมีพระดำริทางการศึกษาท่ีกว้าง ไกล ทรงมีส่วนร่วมในการก่อต้ังมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาแห่ง แรกของไทย คือ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยมาแต่ต้น ทรงริเร่ิมให้มีสำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศข้ึนเป็นครั้ง แรก เพ่ือฝึกอบรมพระธรรมทูตไทย ท่ีจะไปปฏิบัติศาสนกิจในต่าง ประเทศ 11/28/13 12:26:00 PM

ทรงเป็นพระมหาเถระไทยรูปแรก ที่ได้ดำเนินงาน พระธรรมทูตในต่างประเทศอย่างเป็นรูปธรรม โดยเริ่มจากทรงเป็น ประธานกรรมการอำนวยการสำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไป ต่างประเทศ เป็นรูปแรก เสด็จไปเปน็ ประธานสงฆ์ในพธิ เี ปดิ วัดไทย แหง่ แรกในทวปี ยุโรป คือวดั พุทธปทปี ณ กรุงลอนดอน สหราช อาณาจักร ทรงนำพระพุทธศาสนาเถรวาทไปสู่ทวีปออสเตรเลีย เป็นคร้ังแรก โดยการสรา้ งวัดพุทธรงั ษขี ึน้ ณ นครซิดนีย์ ทรงให้ กำเนิดคณะสงฆ์เถรวาทข้ึนในประเทศอินโดนีเซีย ทรงช่วยฟื้นฟู พระพุทธศาสนาเถรวาทในประเทศเนปาล โดยเสด็จไปให้การ บรรพชาแก่ ศากยะกุลบุตรในประเทศเนปาลเป็นครั้งแรก ทำให้ ประเพณีการบวชฟ้ืนตัวขึ้นอีกคร้ังหน่ึงในเนปาลยุคปัจจุบัน ทรง อุปถัมภ์การสร้างวัดแคโรไลนาพุทธจักรวนาราม สหรัฐอเมริกา ทรงเจริญศาสนไมตรีกับองค์ดาไลลามะ กระท่ังเป็นท่ีทรงคุ้นเคย และได้วิสาสะกันหลายครั้งและทรงเป็นพระประมุขแห่งศาสนจักร พระองค์แรกที่ได้รับทูลเชิญให้เสด็จเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน อย่างเป็นทางการในประวตั ิศาสตรจ์ นี เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร ทรงเป็นนักวิชาการ และนักวิเคราะห์ธรรมตามหลักการของพระพุทธศาสนา ที่เรียกว่า ธัมมวิจยะ เพื่อแสดงให้เห็นว่า พุทธธรรมนั้นสามารถประยุกต์ใช้ กับกิจกรรมของชีวิตได้ทุกระดับ ต้ังแต่ระดับพ้ืนฐานไปจนถึงระดับ สูงสุด ทรงมีผลงานด้านพระนิพนธ์ท้ังที่เป็นภาษาไทยและภาษา องั กฤษจำนวนกวา่ ๑๐๐ เรอ่ื งประกอบดว้ ยพระนพิ นธแ์ สดงคำสอน Re#2 ����������������� NEW.indd 8-9

ทางพระพุทธศาสนาท้ังระดบั ตน้ ระดบั กลาง และระดบั สูง รวมถึง ความเรียงเชิงศาสนคดีอีกจำนวนมาก ซ่ึงล้วนมีคุณค่าควรแก่การ ศึกษา สถาบันการศึกษาของชาติหลายแห่งตระหนักถึงพระปรีชา สามารถและคุณค่าแห่งงานพระนิพนธ์ ตลอดถึงพระกรณียกิจที่ ทรงปฏิบัติ จึงได้ทูลถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักด์ิเป็นการ เทดิ พระเกยี รติหลายสาขา นอกจากพระกรณียกิจตามหน้าท่ีตำแหน่งแล้ว ยังได้ทรง ปฏิบัติหน้าท่ีพิเศษ อันมีความสำคัญย่ิงอีกหลายวาระ กล่าวคือ ทรงเป็นพระอภิบาลในพระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน เมื่อครั้งทรงพระผนวช เม่ือ พ.ศ. ๒๔๙๙ พร้อมท้ังทรงถวายความรู้ในพระธรรมวินัย ตลอดระยะเวลาแห่ง การทรงพระผนวช ทรงเป็นพระราชกรรมวาจาจารย์ ในสมเด็จ พระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราช กมุ าร เมอื่ คร้ังทรงผนวชเปน็ พระภกิ ษุ เมื่อพ.ศ. ๒๕๒๑ เจา้ พระคุณสมเดจ็ พระญาณสงั วร ไมเ่ พยี งแค่สร้างศาสน ธรรม คอื คำสอนมอบไว้เป็นมรดกธรรมแก่พทุ ธศาสนกิ ชน และแก่ โลกเท่าน้ัน แต่ยังได้ทรงสร้างวัตถุธรรมอันนำสุขประโยชน์สู่ ประชาชนท่ัวไป มอบไว้เป็นมรดกของแผ่นดินอีกเป็นจำนวนมาก อาทิ วัดญาณสังวราราม ชลบุรี วัดรัชดาภิเษก กาญจนบุรี วัดวังพุไทร เพชรบุรี วัดล้านนา ญาณสังวราราม เชียงใหม่ พระบรมธาตุเจดีย์ศรีนครินทราสถิตมหาสันติคีรี เชียงราย โรงพยาบาลสมเด็จพระปิยมหาราชรมณียเขต กาญจนบุรี 11/28/13 12:26:00 PM

ตึกสกลมหาสังฆปริณายก ในโรงพยาบาลและโรงเรียนในถิ่น ธุรกันดาร ๑๙ แหง่ โรงพยาบาลสมเดจ็ พระสังฆราช พระองค์ท่ี ๑๙ ท่าม่วง กาญจนบุรี ตึกวชิรญาณวงศ์ โรงพยาบาล จุฬาลงกรณ์ ตึกวชิรญาณสามัคคีพยาบาร โรงพยาบาล จฬุ าลงกรณ์ ตึก ภปร โรงพยาบาลจฬุ าลงกรณ์ โรงเรยี นสมเด็จ พระปิยมหาราชรมณียเขต กาญจนบุรี และวัดไทยในต่างประเทศ อีกหลายแห่ง เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร ทรงดำรงตำแหน่ง หนา้ ทส่ี ำคญั ทางการคณะสงฆใ์ นดา้ นตา่ ง ๆ มาเปน็ ลำดบั เปน็ เหตใุ ห้ ทรงปฏิบตั ิ พระกรณยี กิจเปน็ ประโยชน์ต่อพระศาสนา ประเทศชาติ และประชาชน เป็นเอนกประการ นับได้ว่าทรงเป็นพระมหาเถระท่ี ทรงเพียบพร้อมด้วยอัตตสมบัติและปรหิตปฏิบัติ และทรงเป็นครุ ฐานยี บคุ คลของชาติ ท้งั ในด้านพุทธจักรและอาณาจกั ร เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร ทรงเป็นที่เคารพ สักการะตลอดไปถึงพุทธศาสนิกชนในนานาประเทศ ด้วยเหตุนี้ ทางรัฐบาลสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ จึงได้ทูลถวาย ตำแหน่ง อภิธชมหารัฐคุรุ อันเป็นสมณศักด์ิสูงสุดแห่งคณะสงฆ์ เมียนมาร์ เมอ่ื พ.ศ. ๒๕๓๔ และทป่ี ระชมุ ผนู้ ำสงู สดุ แหง่ พทุ ธ ศาสนาโลก เมอ่ื พ.ศ. ๒๕๕๕ ได้ทลู ถวายตำแหน่ง “ผูน้ ำสงู สุด แหง่ พระพุทธศาสนาโลก” ถึง พ.ศ. ๒๕๔๓ พระสุขภาพของเจ้าพระคุณสมเด็จ พระญาณสงั วร ถดถอยลง เนื่องจากทรงเจริญพระชนมายมุ ากข้ึน Re#2 ����������������� NEW.indd 10-11

ไม่อำนวยให้ทรงปฏิบัติพระศาสนกิจต่าง ๆ ได้โดยสะดวก จึง เสด็จเข้าประทับรักษาพระองค์ ณ ตึกวชิรญาณ-สามัคคีพยาบาร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เมื่อวันที่ ๒๐ กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๔๓ ในชว่ งแรก ๆ ยงั เสด็จกลับไปประทับ ณ วดั บวรนิเวศวิหาร เป็นระยะ ๆ คร้ังละ ๓-๔ วนั และเสดจ็ ไปสดับพระปาติโมกข์ ณ พระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร ทุกวัน ธรรมสวนะเดือนเพ็ญและเดือนดับ กระทั่งพระสุขภาพไม่อำนวย คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพยาบาลจึงกราบทูลให้งดการเสด็จไป สดบั พระปาติโมกข์ดังกล่าว ตง้ั แต่ พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็นต้นมา ถึงวันท่ี ๑๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ พระอาการ ประชวรโดยทวั่ ไปทรดุ ลง คณะแพทยจ์ งึ ไดถ้ วายการผา่ ตดั พระอนั ตะ (ลำไส้) และพระอันตคุณ (ลำไส้น้อย) หลังการผ่าตัด ทรงมีพระ อาการทั่วไปเป็นที่พอใจของคณะแพทย์ ถึงวันท่ี ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ เรมิ่ มพี ระอาการความดนั พระโลหติ ลดลง แตม่ กี าร กระเตื้องข้ึนเป็นระยะ ๆ กระทั่งถึงวันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ความดนั พระโลหติ ลดลงถงึ ๒๐ และคงตวั อยรู่ ะยะหนง่ึ ถงึ เวลา ๑๙.๓๐ น. ความดนั พระโลหติ ลงถงึ ๐ ในทนั ทที นั ใด คณะแพทยไ์ ดอ้ อกแถลงการณใ์ นเวลาตอ่ มาวา่ เจา้ พระคณุ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆ ปรณิ ายก ส้นิ พระชนม์ดว้ ยการติดเช้ือในกระแสพระโลหิต เมอื่ วนั ที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ เวลา ๑๙.๓๐ น. สิริพระชนมายุ ได้ ๑๐๐ พรรษากบั ๒๑ วัน 11/28/13 12:26:00 PM

Re#2 ����������������� NEW.indd 12-13

สารบญÑ ๑ ๒ ความหมาย¢Íงบุญและบารมี ๑๐ บญุ เปน็ เหตุแห่งความสุข ๑๒ ทกุ ชีวิตอาศยั บญุ ๑๓ ๑๖ วธิ สี ร้างบญุ ๑๙ สร้างบุญด้วยการให้ทาน ๒๓ การใหท้ านท่ีไดบ้ ญุ มาก ๒๕ รู้จกั ให้ทำให้ความโกรธมลาย ๒๙ องคป์ ระกอบของทานท่ีสมบรู ณ์ ๓๐ สร้างบญุ ด้วยการรักษาศลี ๓๕ สรา้ งบญุ ดว้ ยการภาวนา ๓๙ ๔๑ ผล¢Íงบุญ ๔๕ บญุ กับกุศล ๔๘ บญุ กอ่ สขุ บาปกอ่ ทุกข์ ๔๙ ๕๑ วิธีการเพ×Í่ ความส¢ุ ¢Íงชวี ติ ๕๓ เสบยี งเพือ่ อนาคต ๕๕ บารมนี Óäปสคู‹ วามเปนš พระพทุ ธเจา้ บารมคี ×Íคณุ ธรรมผมู้ ‹ุงดี บารมีสร้างäด้ดว้ ยกรรม ทุกคนควรสร้างบญุ บารมี ทุกคนพงÖ ป¯บิ ัตãิ นบารมตี ามควรแก‹°านะ 11/28/13 12:26:00 PM

Re#2 ����������������� NEW.indd 14-1

ความหมาย¢Íงบุญและบารมี คำวา่ บญุ แปลตามศัพทว์ า่ ชำระ ฟอก ลา้ ง ท่าน แสดงว่า แบ่งเป็น ๒ ก่อน คือ บุญท่ีเป็นส่วนเหตุ ได้แก่ ความดีตา่ งๆ เรยี กวา่ เปน็ บุญ เพราะเป็นเคร่ืองชำระ ฟอกลา้ ง ความชวั่ ๑ บุญทเ่ี ปน็ สว่ นผล คอื ความสขุ ดังที่พระพุทธเจา้ ตรสั ไวว้ า่ “·‹Ò¹·§Ñé ËÅÒ ÍÂÒ‹ ¡ÅÇÑ µ‹ÍºØÞàÅ à¾ÃÒФÓÇÒ‹ ºØÞ ¹éàÕ »¹š ªÍ×è ¢Í§¤ÇÒÁÊØ¢” ดงั น้ี ๑ คำว่า บารมี มาจากคำบาลวี ่า “ปารม”ี มีคำแปลที่ นักภาษาศาสตร์ได้ให้ไว้หลายอย่าง จะแสดงแต่บางอย่าง คือ แปลว่า อยา่ งยิง่ มาจากคำวา่ “ปรมะ” ที่ภาษาไทยเรามาใช้ ว่า บรม และคำว่า บรม ที่แปลว่าอย่างยิ่งนี้ ก็มีใช้ท้ัง ๒ ทาง ดีอย่างย่ิงก็บรม หรือไม่ดีอย่างย่ิงก็บรม เช่นคำว่า นพิ พาน เปน็ บรมสุข คือสุขอยา่ งยง่ิ สังขารท้งั หลาย เปน็ บรมทกุ ข์ คือทุกข์อยา่ งยง่ิ จงึ เปน็ คำกลางๆ ใชไ้ ดท้ งั้ ๒ ทาง ดังน้ี คำว่า บารมี มาจากคำว่า ปรมะ แล้วมาเป็น ปารมี ๑ 11/28/13 12:26:01 PM

ไทยเรียกว่า บารมี แต่มีความหมายถึงส่วนท่ีดีเท่าน้ัน ไม่ หมายเป็นกลางๆ เหมือนอย่างคำว่า ปรมะ เพราะฉะนน้ั คำวา่ ปารมี จงึ มีความหมายท่แี ปลวา่ เลิศ อยา่ งยิ่ง ประเสริฐ หรือแปลอีกอยา่ งหน่ึงวา่ ถึงฝงั› อนั หมายความว่า นำให้ถึงฝั›ง คือจากฝ›ังน้ีไปสู่ฝั›งโน้น อันความ หมายของคำว่านำจากฝง›ั น้ี คอื โลก ไปสู่ฝ›งั โนน้ คอื โลกตุ ระ เหนือโลก พน้ โลก อนั หมายถึงนิพพาน บญุ เปนš เหตแุ หง‹ ความส¢ุ พระพุทธศาสนสุภาษิตบทหนง่ึ กลา่ วไว้แปลความวา่ “¼ãŒÙ ¤Ã»‹ ÃÐ⪹ ¾§Ö È¡Ö ÉÒºÞØ ¹¹èÑ áÅ Í¹Ñ Á¼Õ ÅàÅÈÔ µÍ‹ ä» «Öè§ÁÕÊ¢Ø à»š¹¡Óäà ¤Í× ¾Ö§à¨ÃÔÞ·Ò¹ ñ ¤ÇÒÁ»ÃоĵÊÔ §º ñ àÁµµÒ¨µÔ ñ º³Ñ ±Ôµ¤ÃÑé¹à¨ÃÔÞ¸ÃÃÁ ó »ÃСÒÃ Í¹Ñ à»¹š à赯 á˧‹ ¤ÇÒÁ梯 àËÅÒ‹ ¹áéÕ ÅÇŒ ÂÍ‹ Áà¢ÒŒ ¶§Ö âÅ¡Í¹Ñ äÁÁ‹ ¤Õ ÇÒÁàºÂÕ ´àºÂÕ ¹ ໚¹ÊØ¢” ๒ Re#2 ����������������� NEW.indd 2-3

พระพุทธศาสนสุภาษิตที่มีมาในปุญญสูตรนี้ ตรัสสอน ให้ทุกท่าน ทุกบุคคล ผู้ใคร่ประโยชน์ ศึกษาบุญอันเป็นส่วน เหตุให้เกิดผลเลิศต่อไป มีสุขเป็นกำไร เป็นเหตุให้เกิดความสุข คือให้เจริญทาน สมจริยา ความประพฤติสงบ และเมตตาจิต รวม ๓ ประการ คำว่า บุญ แปลตามศัพท์หรือพยัญชนะว่า ชำระ ฟอก ล้าง โดยยอ่ หมายถงึ บญุ ส่วนเหตุ ๑ บุญสว่ นผล ๑ บญุ สว‹ นเหตนุ นั้ หมายถงึ ศกึ ษา คอื ฟงั เรยี นใหร้ ู้ และ ดำรงมนั่ เสพปฏบิ ตั เิ จรญิ กศุ ลธรรมทงั้ หลาย เชน่ ปฏบิ ตั เิ จรญิ ธรรม ๓ ประการ ดงั ทก่ี ลา่ วแลว้ นน้ั และในพระบาลไี วยากรณ ภาษติ อกี แหง่ หนง่ึ ไดต้ รสั ไวต้ อนหนง่ึ แปลความวา่ “ดกู อ่ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย เราน้ันดำริว่า บัดนี้ เราเป็นผู้มีฤทธิ์อย่างมากอย่างนี้ มอี านภุ าพอยา่ งน้ี เพราะผลวบิ ากแหง่ กรรม ๓ ประการ ของเรา คือ ทาน ๑ ทมะ (ฝึกอินทรีย์ มีจักษุเป็นต้น และข่มกิเลส มรี าคะเปน็ ตน้ ) ๑ สญั ญมะ (สำรวมการและวาจา) ๑” ๓ 11/28/13 12:26:01 PM

อนึ่ง ได้ตรัสบุญส่วนเหตุไว้ในนิธิกัณฑสูตรว่า “¹Ô¸Ô (¢ÁØ ·Ã¾Ñ ¤ ×ͺØÞ) ໹š ʧèÔ Í¹Ñ ÊµÃÕËÃÍ× ºÃØ ÉØ ½§˜ äÇŒ´ÕáÅŒÇ ´ÇŒ ·ҹ ñ ÈÕÅ ñ ÊÑÞÞÁÐ ñ áÅзÁÐ ñ” บญุ สว่ นเหตทุ ัว่ ไปกไ็ ด้แกก่ ศุ ลเจตนา ดงั ท่ไี ดต้ รัสไวว้ ่า “´Ù¡‹Í¹ÀÔ¡ÉØ·éѧËÅÒ ºØÞ¡ÔÃÔÂÒÇѵ¶Ø (·èÕµÑé§áË‹§¡Òà ·ÓºØÞ) ó àËŋҹéÕ ¤×Í ºØÞ¡ÔÃÔÂÒÇѵ¶Ø ÊÓàÃ稴ŒÇ·ҹ ñ ºØÞ¡ÔÃÔÂÒÇѵ¶Ø ÊÓàÃ稴ŒÇÂÈÕÅ ñ ºØÞ¡ÔÃÔÂÒÇѵ¶Ø ÊÓàÃ稴ŒÇ ÀÒÇ¹Ò ñ” บุญส‹วนผลนนั้ หมายถงึ ผลวิบากของบุญสว่ นเหตนุ น้ั เอง ดงั ท่ีตรสั ไวใ้ นปญุ ญสูตรตอนต้นวา่ “´Ù¡‹Í¹ÀÔ¡ÉØ·éѧËÅÒ à¸Í·Ñé§ËÅÒÂÍ‹Òä´Œ¡ÅÑǵ‹ÍºØÞ àÅ ¤ÓNjҺØÞ¹éÕ໚¹ª×èÍáË‹§¤ÇÒÁÊØ¢ Íѹ¹‹Ò»ÃÒö¹Ò ¹‹Òã¤Ã‹ ¹Ò‹ ÃÑ¡ ¹‹Ò¾Í㨔 ในธรรมบทตรสั แสดงบุญส่วนผลไวว้ า่ “¼ŒÙÁÕºØÞÍѹ·ÓáÅŒÇ Â‹ÍÁºÑ¹à·Ô§ã¹âÅ¡¹éÕ ÅÐä»áÅŒÇ ๔ Re#2 ����������������� NEW.indd 4-5

‹ÍÁºÑ¹à·Ô§ã¹âÅ¡·Ñé§Êͧ à¢ÒàË繤ÇÒÁºÃÔÊØ·¸ìÔáË‹§¡ÃÃÁ¢Í§ µ¹ÂÍ‹ ÁºÑ¹à·Ô§ ÂÍ‹ Áº¹Ñ à·Ô§·ÑèÇ” ในนิธิกัณฑสูตร ตรัสแสดงผลวิบากแห่งบุญนิธิโดย พสิ ดารไวว้ า่ ¹¸Ô ¤Ô Í× ºÞØ ¹Õé Í¹Ñ º¤Ø ¤Å½§˜ äÇ´Œ áÕ ÅÇŒ Í¹Ñ ã¤Ãª¹ÐäÁä‹ ´Œ Á»Õ ¡µäÔ »µÒÁ ÅÐä» ÂÍ‹ Á¶Í× àÍÒºØÞ¹Ô¸Ô¹Ñé¹ä»ã¹·Õ¾è §Ö ä»·éѧËÅÒ äÁ·‹ èÇÑ ä»á¡ª‹ ¹àËÅ‹ÒÍè×¹ ºØÞ¹Ô¸âÔ ¨Ã¹Óä»äÁ‹ä´Œ ¹¸Ô ¹Ô ¹èÑ ãËŒÊèÔ§·èãÕ ¤Ã‹ ¨Ðä´·Œ §Ñé »Ç§á¡à‹ ·¾áÅÐÁ¹ÉØ Â· ѧé ËÅÒ ෾áÅÐÁ¹ØÉ· ѧé ËÅÒ »ÃÒö¹ÒÊèÔ§ã´æ ÊÔ§è ¹¹Ñé ·Ñ§é ËÁ´Í¹Ñ ¼ÁŒÙ ÕºØÞ¹¸Ô ÂÔ ‹ÍÁä´Œ´ÇŒ ÂºÞØ ¹Ô¸Ô ¹èѹ ¤ÇÒÁÁÕ¼ÔǾÃó§ÒÁ ¤ÇÒÁÁÕàÊÕ§ä¾àÃÒÐ Êѳ°Ò¹ ·ÃÇ´·Ã§§ÒÁ ¤ÇÒÁÁÃÕ »Ù §ÒÁ ‹ÍÁä´´Œ ŒÇºØÞ¹¸Ô Թѹé ÃѪÊÁºµÑ Ô áË‹§»ÃÐà·È ¤ÇÒÁ໚¹ãËÞ‹ ¨Ñ¡Ã¾ÃôÔÊØ¢ Íѹ໚¹·ÕèÃÑ¡ áÁŒ ÃѪÊÁºÑµÔáË‹§à·¾ã¹·Ô¾Â·Ñé§ËÅÒ ‹ÍÁä´Œ´ŒÇºØÞ¹Ô¸Ô¹Ñè¹ ÊÁºÑµÔÍѹ໚¹¢Í§Á¹ØÉ ¤ÇÒÁÂÔ¹´Õã¹à·ÇâÅ¡ áÅйԾ¾Ò¹ ÊÁºÑµÔ ‹ÍÁä´Œ´ŒÇºØÞ¹Ô¸Ô¹èѹ ¤ÇÒÁ·èÕ¶ŒÒàÁ×èÍÍÒÈѤÇÒÁ¶Ö§ ¾ÃŒÍÁ´ŒÇÂÁԵûÃСͺ·ÑèÇâ´ÂẤҠÁÕ¤ÇÒÁªÓ¹ÒÞã¹ ๕ 11/28/13 12:26:02 PM

ÇÔªªÒÇÔÁصµÔ ‹ÍÁä´Œ´ŒÇºØÞ¹Ô¸Ô¹Õé »®ÔÊÑÁÀÔ·Ò (»˜ÞÞÒ áµ¡©Ò¹à©¾ÒÐ) ÇÔâÁ¡¢ (¤ÇÒÁËÅØ´¾Œ¹) áÅÐÊÒÇ¡ºÒÃÁÕ »¨˜ à¨¡â¾¸Ô ¾Ø·¸ÀÁÙ Ô Â‹ÍÁä´´Œ ŒÇÂºÞØ ¹¸Ô ¹Ô ¹Ñè ÊÁÑ »·Ò¹Ñ¹è ¤×ͺØÞ ÊÑÁ»·Ò (¤ÇÒÁ¶Ö§¾ÃŒÍÁ´ŒÇºØÞ) ÁÕ»ÃÐ⪹ ¼Å·Õ赌ͧ¡Òà ãËÞ‹Í‹ҧ¹Õé à¾ÃÒÐà˵عÑé¹ ºÑ³±Ôµ·Ñé§ËÅÒ¼ŒÙ·Ã§»˜ÞÞÒ ¨Ö§ ÊÃÃàÊÃÞÔ ¤ÇÒÁ໹š ¼ÙÁŒ ºÕ ØÞÍѹ·ÓáÅÇŒ กลา่ วโดยยอ่ บญุ สว‹ นเหตุ ไดแ้ กก่ ศุ ลเจตนา กศุ ลกรรม สุจริต กุศลธรม บุญกิริยาวัตถุท้ังปวง ไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา บารมี คอื พทุ ธบารมี ปจั เจกโพธิบารมี สาวกบารมี มรรคมีองค์แปด และที่ตรัสยกขึ้นไว้ในปุญญสูตรตอนท่ีเป็น ไวยากรณภาษติ ว่า ทาน ๑ ทมะ ๑ สญั ญมะ ๑ และใน นิคมคาถาว่า ทาน สมจริยา เมตตาจิต ซ่ึงล้วนเป็นเคร่ือง ชำระ ฟอกลา้ งกิเลสาสวะทง้ั ปวง สว‹ นบุญส‹วนผล ก็สรุปเข้าในมนษุ ยส์ มบัติ เทวสมบัติ ๖ Re#2 ����������������� NEW.indd 6-7

นิพพานสมบัติ สรุปเข้าอีกเป็นความสุขท่ีน่าปรารถนา น่าใคร่ น่ารัก น่าพอใจ ตลอดถึงบรมสุข คือนิพพาน อันเกิดจาก กรรมวิสุทธิ์ ความบริสุทธ์ิแห่งกรรมของตน ทำให้บริสุทธ์ิกาย บรสิ ทุ ธว์ิ าจา บรสิ ทุ ธใ์ิ จ โดยเฉพาะทำใหจ้ ติ บรสิ ทุ ธจ์ิ ากกเิ ลสาสวะ ไปโดยลำดบั จนถงึ ท้งั หมด ในรตนัตตยัปปภาวาภิยาจนคาถา พระราชนิพนธ์ใน รัชกาลที่ ๔ แสดงไว้วา่ พระรัตนตรยั คือพระพทุ ธเจ้า พระ ธรรม พระสงฆ์ บรสิ ุทธิส์ งู สดุ ประเสรฐิ สุดในโลก ย่อมเปน็ ไป เพ่อื ความบริสุทธ์ิอย่างย่ิงแก่ผู้เลอื่ มใสแล้ว ใคร่ปรารถนาความ บริสุทธ์ิแห่งตน ปฏิบัติอยู่โดยชอบ ความบริสุทธ์ิจากกิเลสท้ัง ปวง เปน็ ความดับทกุ ข์ท้ังหลาย นิพพานเป็นบรมสูญ คอื ว่าง อย่างยง่ิ (จากกเิ ลสาสวะทัง้ หมด) เป็นบรมสุข คือสุขอยา่ งยง่ิ และได้มีอีกคาถาหนึ่งแสดงอธิบายนิพพานว่า ความ บรสิ ุทธิ์จากกเิ ลสท้งั ปวง เป็นความดับทกุ ข์ท้ังหลาย ความดบั นน้ั เป็นสนั ติ คือความสงบแหง่ ใจ เรยี กวา่ นพิ พาน ๗ 11/28/13 12:26:03 PM

ในปุญญสูตร ตรัสแสดงบุญส่วนผลก่อนคือ สุข พรอ้ มทง้ั สุขสมบตั ิ แล้วตรสั บุญสว่ นเหตุ คอื ทาน ทมะ (ฝึก อินทรีย์มีตาเป็นต้น ข่มกิเลส) สัญญมะ (สำรวมกาย และ วาจา) สว่ นในนิคมคาถาของพระสูตรน้ี แสดงบญุ ส่วนเหตุ คอื ทาน สมจรยิ า เมตตาจิต แม้ช่ือธรรมตา่ งกนั บ้าง สว่ นใจความ กเ็ ป็นอนั เดียวกนั ทา¹ คือการให้ การบริจาคพัสดุต่างๆ มีข้าวน้ำ เปน็ ตน้ เก้ือกูลผูร้ บั ตามทต่ี อ้ งการ ตามทีค่ วรให้ พระสุคตตรัส สรรเสริญการเลือกให้ ได้มีแบ่งทานเป็น ๒ คือ อามิสทา¹ ให้อามิสส่ิงของ ธรรมทา¹ ให้ธรรม ส่ังสอนหรือสอนแนะนำ การต้ังโรงเรียนก็จัดเข้าในข้อน้ี ทานข้อนี้จัดเข้าในข้อทานมัย บญุ กิริยาวัตถ ุ สมจริยา ความประพฤติสงบ ความประพฤติสมควร ความประพฤติสม่ำเสมอ ก็ได้แก่ศีล ความสำรวมระวังกาย วาจา ด้วยความต้ังใจงดเว้นกรรมท่ีก่อภัยเวรต่างๆ เป็นต้นที่ ๘ Re#2 ����������������� NEW.indd 8-9

ควรงดเวน้ เชน่ งดเวน้ ตามหลกั ศลี ๕ ขอ้ นจ้ี งึ ตรงกบั สญั ญมะ ความสำรวมกายวาจาด้วยความต้ังใจท่ีหมายถึงศีล ข้อน้ีจัด เข้าในÈีลมัยบุญกริ ยิ าวัตถ ุ เมตตาจติ จติ มเี มตตา รักใครผ่ ูกเยือ่ ใย ปรารถนาให้ เจริญสุข มีความรู้สึกเป็นมิตร ดังที่เรียกว่ามีมิตรจิต มิตรใจ เมตตามีอันเป็นไปในอาการให้ประโยชน์เกื้อกูลเป็นลักษณะ มี การนำสิง่ ท่ีเปน็ ประโยชน์เกือ้ กูลเปน็ รส คือ เปน็ กจิ หน้าท่ีพงึ ทำ มกี ารปลดเปลื้องโทสะ พยาบาท อาฆาต เป็นเครือ่ งปรากฏ มี การแสดงความพอใจของสัตวท์ ้ังหลายเป็นปทัฎฐาน ความสงบ พยาบาทเป็นสมบัติของเมตตา ความมีเสน่หาราคะเป็นวิบัติ ของเมตตา เมตตาจติ นีเ้ ปน็ ทมะประการหนง่ึ เพราะเปน็ การฝึก จิตให้เป็นเมตตาจิต มิให้เป็นจิตพยาบาท เพราะเป็นการข่ม กิเลสมีโทสะ พยาบาท อาฆาตเป็นต้น ทั้งเมตตานี้เป็นเหตุให้ ทำทานใหส้ มาทานศลี หรอื สมจรยิ า หรอื สญั ญมะดว้ ย เมตตาจติ ข้อน้จี ดั เขา้ ในภาวนามยั บุญกิรยิ าวัตถุ ๙ 11/28/13 12:26:03 PM

บุญส‹วนเหตุ ๓ ข้อนี้ ให้เกิดผลเป็นบุญส่วนผลท้ัง ปวง คอื ความสุข ตามทต่ี รัสไวใ้ นนิคมคาถาว่า มผี ลเลิศต่อไป มีสุขเป็นกำไร เป็นเหตุแห่งสุข เข้าถึงโลกอันไม่มีความ เบียดเบียนเป็นสุข ท้ังโลกนี้โลกหน้า จึงตรัสสอนมิให้กลัวต่อ บญุ เพราะบุญเป็นช่อื แหง่ ความสขุ ทกุ ชวี ิตÍาÈยั บญุ ทุกๆ คนท่ีมีความสุขความเจริญอยู่ ดังเช่นท่ีเป็นอยู่ เดียวนี้ เพราะได้รับความดีจากท่านผู้มีความมุ่งดีทั้งหลาย เป็นต้นว่า ได้รับการบำรุงเล้ียงด้วยความรักทะนุถนอมของ มารดาบิดาหรือของญาติ หรือของผู้รับอุปการะตั้งแต่เกิดมา โดยลำดับ ได้รับการสงั่ สอนอบรมศลิ ปวทิ ยาจากครอู าจารย์ ได้ รับการปกครองเป็นส่วนรวมจากประเทศชาติ ท่านผู้เก่ียวข้อง เหล่าน้ี ล้วนไดป้ ระกอบความดีให้แกต่ ัวเราทุกๆ คน ทำให้เรา ทกุ ๆ คนสามารถดำรงชวี ติ เติบโตขน้ึ มา มีความสุขความเจริญ ๑๐ Re#2 ����������������� NEW.indd 10-11

จนถึงเพียงนี้ได้ ถ้าท่านเหล่าน้ีล้วนก่อความชั่วร้ายเสียหายให้ หรือแม้ไม่ก่อให้ เพียงแต่หยุดอยู่เฉยๆ ไม่ได้ทำความดีให้ตัว เรา ทุกๆ คนเกิดมาแลว้ กค็ งไมอ่ าจมีชีวติ อยไู่ ด้ หรือแม้ดำรง ชวี ิตอยู่ได้ กค็ งไม่ไดร้ ับการศึกษาใหไ้ ดค้ วามร้เู ป็นอนั ขาด ทางที่ ให้เกดิ ความเจรญิ ฉะนัน้ จงึ กลา่ วได้อย่างเต็มท่วี ่า ทุกๆ คน เป็นหนี้ความดีของท่าน ซึ่งได้ประกอบก่อเก้ือให้แก่ตนมาโดย ลำดับ ความดีและความช่ัวท่ีตรงกันข้าม จึงเป็นส่ิงที่มีอยู่จริง และความดีของคนดีท้ังหลายเป็นเครื่องเกื้อกูลตัวเราทุกๆ คน ความชว่ั ก็เป็นเครอ่ื งตัดรอนตัวเราทกุ ๆ คน เฉพาะตัวเราเองนี้ แหละสำคัญนกั ถา้ ทำดี ก็เป็นความดี เป็นศรมี งคลแกต่ วั ถ้า ทำชวั่ ก็เป็นความชว่ั เป็นกาลี เป็นอัปมงคลแกต่ วั เมอ่ื กลา่ วให้ กว้างออกไป โลกต้องพึ่งความดีของคนดีทั้งหลาย จึงเกิด ความสุขความเจริญ ส่วนความช่ัวของคนชั่วทั้งหลาย เป็น เครอ่ื งทำลายโลก ๑๑ 11/28/13 12:26:04 PM

วิธสี รา้ งบญุ ความดีดงั ท่กี ล่าวมาน้ัน คอื บุญ สว่ นความชวั่ ทตี่ รง กันข้าม คือ บาป บุญที่เป็นส่วนเหตุคือความดีนั้น เกิดจาก การกระทำ ถา้ อยู่เฉยๆ ไมท่ ำกไ็ ม่เกดิ เป็นบุญขน้ึ การกระทำ บญุ เรยี กวา่ บุญกริ ิยา จำตอ้ งมวี ัตถคุ ือสงิ่ เป็นที่ต้งั หรอื เร่อื ง ของการกระทำซ่งึ เรยี กว่า บุญกิริยาวตั ถุ แปลว่า สิง่ เปน็ ทีต่ งั้ แหง่ การกระทำบุญ หรือเรื่องแหง่ การกระทำบุญ ทางพระพุทธ ศาสนาทา่ แสดงไวโ้ ดยยอ่ ๓ อย่างคือ (ñ) ·Ò¹ÁÂÑ ºØÞÊÓàÃ稴nj ¡ÒÃºÃ¨Ô Ò¤·Ò¹ (ò) ÊÕÅÁÑ ºÞØ ÊÓàÃ稴nj ¡ÒÃÃ¡Ñ ÉÒÈÅÕ (ó) ÀÒǹÒÁÑ ºÞØ ÊÓàÃ稴ŒÇ¡ÒÃà¨ÃÞÔ ÀÒÇ¹Ò บุญคือความดีทั้ง ๓ ข้อนี้ เรียกว่าบุญ เพราะเป็น เครอื่ งชำระลา้ งความชวั่ ตลอดถงึ รากเหงา้ ของความชวั่ รากเหงา้ ของความช่ัวนนั้ เรียกว่า อกุศลมูล (รากเหงา้ ของอกุศล) มี ๑๒ Re#2 ����������������� NEW.indd 12-13

๓ อย่าง คอื โลภะ อยากได้ ๑ โทสะ คดิ ประทุษร้ายเขา ๑ โมหะ หลงไมร่ จู้ รงิ ๑ ชำระลา้ งไดอ้ ยา่ งไร จกั แสดงตอ่ ไปโดยยอ่ สร้างบญุ ดว้ ยการãห้ทาน ทา¹ แปลว่า เจตนาเป็นเหตุให้ก็ได้ การให้ก็ได้ ส่ิงของที่ให้ก็ได้ การให้ทานทางพระพุทธศาสนา ประสงค์ให้ รู้จักเลือกให้ คือเลือกบุคคลผู้รับว่าเป็นผู้สมควร เลือกวัตถุ สิ่งของให้เหมาะสม และต้ังเจตนาให้ดีว่าเพื่อบูชาหรือเพ่ือ สงเคราะห์อนุเคราะห์ และให้รู้จักประมาณ ให้เกิดความสุขทั้ง แกผ่ ู้ใหท้ ง้ั ผรู้ ับ มิใช่วา่ เมื่อใหไ้ ปแล้ว ผใู้ ห้เองกลบั ขาดแคลนเปน็ ทกุ ข์ หรอื ใหส้ งิ่ ทเ่ี ปน็ โทษไป ผรู้ บั ไปใชอ้ าจทำใหเ้ ปน็ ทกุ ข์ เดยี วนี้ เมื่อพูดกันว่าให้ทาน มักเข้าใจกันว่า คือ ให้แก่คนขอทาน ต่างๆ เมื่อให้แก่พระหรือแก่ทางศาสนาหรือแก่วัด เรียกว่า ทำบุญ ความจริงก็เป็นการให้ทานทั้งนั้น การให้ทานมีความ หมายอยา่ งกว้างๆ ว่าการสละบริจาคสิ่งอะไรแก่ใครๆ หรือแก่ ๑๓ 11/28/13 12:26:04 PM

องค์การอะไรๆ ด้วยการให้เปล่า มิใช่เป็นการซ้ือขายแลก เปลี่ยนหรือให้เช่า และมีความหมายตลอดถึงการให้กำลังกาย กำลงั วาจา กำลังใจ กำลังความคดิ ความรู้ ชว่ ยในทางตา่ งๆ สรปุ ลงแลว้ กม็ ี ๒ อยา่ งคอื อามิสทา¹ ให้พัสดสุ ่งิ ของ อัน เป็นกำลังทรัพย์และกำลังภายนอกต่างๆ ๑ ธรรมทา¹ ให้ ธรรม อย่างบอกศิลปะวิทยาให้บอกทางของความดีความชั่ง ต่างๆ ให้ ๑ ตามความหมายน้ี ทานจึงมีครอบคลมุ อยูโ่ ดยทัว่ ๆ ไป มารดาบดิ าไดใ้ หช้ วี ติ เลอื ดเนอ้ื และการอปุ การะเลยี้ งดบู ตุ รธดิ า มาโดยลำดบั ครอู าจารยไ์ ดใ้ หศ้ ลิ ปวทิ ยาแกศ่ ษิ ย์ พระมหากษตั รยิ ์ พรอ้ มรฐั บาลไดใ้ หก้ ารปกครองบำบดั ทกุ ขบ์ ำรงุ สขุ แกป่ ระชาราษฎร์ พระพทุ ธเจา้ ไดใ้ หพ้ ระธรรมแกโ่ ลก และในทางตอบสนอง บตุ รธดิ า ก็ให้แก่มารดาบิดา ด้วยการปฏิบัติตอบแทนพระคุณท่านต่างๆ ศิษย์ให้แก่ครูอาจารย์ด้วยการตั้งใจเรียนดีประพฤติดี และ ตอบแทนอย่างอื่นๆ ตามโอกาส ประชาราษฎร์ก็ให้ภาษีอากร ๑๔ Re#2 ����������������� NEW.indd 14-15

ถวายเปน็ ราชพลแี ละประพฤตติ นใหช้ อบดว้ ยหนา้ ทข่ี องพลเมอื งดี มีความซ่ือสัตย์สุจริต จงรักภักดีในพระมหากษัตริยแ์ ละประเทศ ชาติ พุทธศาสนิกชนก็บริจาคอุปถัมภ์พระพุทธศาสนา และ ปฏิบัติพระพุทธศาสนาตามสามารถ เม่ือทุกฝ่ายต่างให้แก่กัน และกนั ในทางที่ชอบ จึงเกดิ ความสุขความเจริญ การใหท้ านน้ี ขัดกับโลภะความอยากได้ และมัจฉริยะ ความตระหนเ่ี หนยี วแนน่ เพราะความโลภเปน็ เหตรุ วบรวมเขา้ มา ความตระหนี่เป็นเหตุให้หวงแหนไว้ ถ้าทุกๆ ฝ่ายต่างรวบรวม เข้ามาและหวงแหนไว้แต่อย่างเดียว ก็จะเกิดความขาดแคลน อยา่ งยง่ิ แกผ่ ทู้ ไ่ี มส่ ามารถ ซง่ึ มอี ยเู่ ปน็ อนั มาก แตก่ ารขาดแคลน น้ันจักหายไป ในเม่ือทุกๆ ฝ่ายต่างให้ทานแก่กันและกันตาม ฐานะ และการให้ทานน้ันก็แสดงว่าเป็นการชนะใจ คือชนะ ความโลภ ความตระหนี่ ให้ทานออกไปคราวหน่ึง ก็ชำระล้าง ความโลภ ความตระหนีใ่ นส่ิงทใี่ หน้ นั้ ได้คราวหนึ่ง ๑๕ 11/28/13 12:26:05 PM

การãหท้ านที่äด้บญุ มาก ความดีท่ีควรทำมีอยู่เป็นอันมาก รวมเป็นข้อใหญ่ได้ ๓ อย่าง คือทาน ศีล ภาวนา ทานคือการให้ ไม่ใช่ความ หมายแคบๆ เพียงให้เงินทองข้าวของแก่ภิกษุสามเณรหรือคน อยากไรข้ าดแคลนเทา่ นนั้ ทานท่สี Óคญั ท่สี ุดคÍ× Íภัยทาน ทาน ค×Íการãห้Íภัย การให้ทานไม่ว่าจะเปน็ ข้าวของเงินทอง จุดมงุ่ หมายท่ีแลเห็นชัดๆ คือเพื่อช่วยเหลือผู้อ่ืน แต่จุดสำคัญที่ควร เข้าใจก็คือเพื่อชำระกิเลสจากใจ กิเลสตัวนั้นคือโลภะ ผู้ที่ให้ ทานโดยมุ่งชำระกิเลสน่ันแหละถูก ให้ทานโดยมุ่งผลตอบแทน เป็นลาภยศ สรรเสริญ ไม่ถูก ขอให้อย่าลืมความสำคัญ ประการน้ี มีสติระลกึ รูไ้ วใ้ หเ้ สมอวา่ การให้ทานแตล่ ะครัง้ ไมใ่ ช่ ว่าเพ่ือช่วยทุกข์ผู้อ่ืนอย่างเดียว แต่ต้องมุ่งเพ่ือละกิเลสกอง โลภะด้วย อย่าคิดจะช่วยทุกข์ผู้อ่ืนไปพร้อมกับที่คิดว่าจะได้รับ ผลตอบแทน เป็นความมลี าภ ยศ สรรเสริญ สุข จากการให้ นั้นด้วย แล้วดีใจว่าการให้ทานของตนเป็นการยิงนกทีเดียวได้ ๑๖ Re#2 ����������������� NEW.indd 16-17

สองตวั ไดท้ ง้ั ผูอ้ ่ืนและจะไดล้ าภ ยศ สรรเสรญิ สขุ ของตน ดว้ ย ถา้ จะดีใจว่ายงิ นกทเี ดยี วได้สองตวั กใ็ หเ้ ปน็ สองตวั คนละ อย่าง คือตัวหนึ่งเป็นการช่วยบำบัดทุกข์ของผู้อ่ืน อีกตัวหน่ึง เป็นการละกิเลสในใจตนไปพร้อมกัน ให้ดีใจเช่นน้ีนับว่าใช้ได้ เป็นการไม่ผิด การให้อภัยทานสำคัญกว่าให้ทานด้วยทรัพย์ส่ิงของ อภัยทาน น้ีเป็นเครื่องละกิเลสกองโทสะโดยตรง เมื่อมีผู้ทำให้ ไมถ่ กู ใจแทนท่ีจะโกรธเกลยี ดก็ให้อภยั เสยี นคี้ ืออภยั ทาน เม่ือมี เหตุมาทำให้โกรธแลว้ กลับไมโ่ กรธ อภัยให้ เช่นนีไ้ ม่ใช่ ผ้ใู ดจะ ได้รับผลดีของอภัยทานก่อนเจ้าตัวผู้ให้เอง โกรธเกลียด อะไร เหล่านี้ทำให้จิตใจเร่าร้อนไม่แจ่มใสเป็นทุกข์ เลิกโกรธเกลียด เสียได้เป็นอภัยทาน เป็นเหตุให้ไม่เร่าร้อน ให้แจ่มใส เป็นสุข ถ้าผู้ใดไม่เคยได้รับรสแห่งความสุขท่ีเกิดจากอภัยทานก็ลองดูได้ เพ่ือให้ได้รับรสนั้นได้ ลองกันได้ในนาทีน้ีแหละ เพราะคงจะมีที่ นกึ ขดั เคอื ง โกรธเกลยี ดใครอยบู่ า้ งในขณะน้ี พจิ ารณาดใู จตนวา่ ๑๗ 11/28/13 12:26:05 PM

เมื่อรู้สึกเช่นนั้น ใจเป็นสุขแจ่มใส หรือใจเป็นทุกข์ขุ่นมัว เม่ือ พิจารณาให้เห็นจริง ก็จะเห็นว่าใจขุ่นมัว มากหรือน้อยเท่านั้น นอ้ ยก็เพียงขุ่นๆ มากก็จะถึงร้อน เมอ่ื พจิ ารณาเห็นสภาพเชน่ นั้นของใจที่มีความไม่ชอบใจ หรือความโกรธความเกลียดแล้ว เพ่ือลองรับรสของความสุขจากอภัยทาน ก็ให้คิดให้อภัยผู้ท่ี กำลังถูกโกรธถูกเกลียดอยู่ในขณะนั้น ต้องคิดให้อภัยจริงๆ เลกิ โกรธละ อภยั ใหจ้ รงิ ๆ ละ ถ้าอภยั ได้จรงิ เลกิ โกรธเกลียด ได้จริง แล้วให้ย้อนพิจารณาดูใจตนเอง จะรู้สึกถึงความเบา สบายแจ่มใส ผิดกบั เม่ือครู่กอ่ น อยา่ งแน่นอน อภัยทานนจ้ี ึงมี คุณยิ่งนกั แก่จิตใจ อย่าคดิ วา่ คนนน้ั คนน้ีทำผดิ มาก่อน ตอ้ งโกรธ ตอ้ งไม่ ให้อภัย เรื่องอะไรจะไปให้อภัยในเม่ือร้ายกับเราถึงเพียงนั้น เพียงน้ี คิดเช่นน้ีแล้วก็ไม่ยอมอภัยให้ มิหนำซ้ำกลับหาเหตุมา ทำให้โกรธมากข้ึนกว่าเดิม การคิดเช่นน้ีอย่าเข้าใจว่าเป็นการ ลงโทษผู้ท่ีมาว่าร้ายกับตนมากจนไม่ต้องการให้อภัย ความจริง ๑๘ Re#2 ����������������� NEW.indd 18-19

เป็นการทำโทษตัวเองต่างหาก เม่ือใจตัวเองต้องร้อนเร่าเพราะ ความไม่อภัย จะเรียกว่าเป็นการทำโทษผู้อื่นจะถูกได้อย่างไร ตอ้ งเรยี กว่าเป็นการทำโทษตัวเองนนั่ แหละถกู ผู้มปี ญั ญาพงึ ใช้ ปัญญาเพียงพอให้เห็นประจักษ์แก่ใจถึงคุณของอภัยทาน และ โทษของการไมย่ อมอภัย รู้จักãหท้ Óãห้ความâกรธมลาย การให้มีคณุ ผใู้ หส้ บายใจกวา่ ผรู้ บั แม้คนโลภจะอยาก ได้นั่นได้น่ีของคนน้ันคนนี้อยู่เสมอ เวลาได้ไปก็ยินดีพอใจ แล้ว ก็อยากได้ต่อไป ความสบายใจของคนโลภหรือผู้รับย่อมไม่มีอยู่ นาน ประเดëียวเดียวที่สบายใจในการได้ แล้วก็จะร้อนใจต่อไป อีกเพราะความอยากได้อย่างอื่นต่อไปอีก ความอยากได้ของ ผู้รับท่ีไม่มีเวลาหยุดน้ันเอง ที่ทำให้ผู้รับไม่เป็นสุขเหมือนผู้ให้ ผู้ให้โดยเฉพาะผู้ที่ให้ด้วยความเต็มใจ ยินดีที่จะอนุเคราะห์ สงเคราะห์ ยอ่ มมคี วามสบายใจท่ีไดท้ ำสงิ่ ที่ปรารถนา ๑๙ 11/28/13 12:26:06 PM

ผู้ใหน้ ัน้ ยิ่งมีความสบายใจ ย่อมมคี วามสุขทีไ่ ด้เป็นผ้ใู ห้ ผู้ไม่เคยเป็นผู้ให้ย่อมไม่เคยรู้รสของการเป็นผู้ให้ อันน้ีไม่ได้ หมายเพียงการใหท้ รพั ยส์ นิ เงินทองสง่ิ ของเหล่านน้ั การใหอ้ ภัย ทานก็รวมอยู่ด้วย ทั้งการให้อภัยทานยังให้ความสุขแก่จิตใจ เป็นพิเศษอีกด้วย คนโกรธมีความร้อน คนไม่โกรธไม่มีความ รอ้ น นกึ ดเู พยี งเท่านี้กพ็ อพอจะเข้าใจวา่ อภัยทานมคี ณุ เพยี งไร อภัยทาน คือ การทำใจให้หายโกรธ ผู้ใดทำให้โกรธ ถ้าให้อภัยเสียก็หายโกรธ เขาจะรู้หรือไม่รู้ เราผู้โกรธแล้วให้ อภัยจนหายโกรธนั้นแหละ เป็นผู้รู้ว่าจิตใจของเราขณะเม่ือยัง ไม่ได้ให้อภัยกับเมื่อให้อภัยแล้ว แตกต่างกันมาก ร้อนเย็นผิด กนั มาก ขุ่นมัวแจ่มใสผดิ กันมาก วิธีท่ีจะทำให้หายโกรธได้ผลแน่นอนก็คือให้ทำใจให้สงบ เปน็ ขัน้ แรก เม่อื ใจสงบ ซึ่งจะต้องอาศัยวิธใี ห้ใจถอนจากเร่อื งท่ี ทำให้โกรธอยู่กับเรื่องอื่น ผู้ปฎิบัติธรรมทางพุทธศาสนาใช้วิธี ทอ่ งพทุ โธ หรือธัมโม สงั โฆ จนใจสงบ เม่อื ใจอยู่กบั พทุ โธหรอื ๒๐ Re#2 ����������������� NEW.indd 20-21

ธัมโม สังโฆ ถอนจากเรื่องท่ีเป็นเหตุให้โกรธ ความไม่คิดถึง เรื่องที่ทำให้โกรธก็จะเกิดข้ึนในขณะน้ัน แม้เพียงชั่วระยะเวลา หนง่ึ ก็ยงั ดี เม่อื ใจสงบเช่นน้นั แล้ว ใหค้ ิดเปรียบเทียบดูว่า เวลา ที่กำลังโกรธกับเวลาที่หยุดโกรธแม้เพียงชั่วครู่ชั่วยาม มีความ เย็นใจในเวลาไหน เวลาโกรธหรือเวลาหายโกรธ ย่อมจะได้คำ ตอบท่ีถูกต้องแน่นอน และถ้าไม่ด้ือจนเกินไป ก็คงจะพยายาม รักษาความเย็นใจไว้ อาจจะท่องพุทโธต่อไปให้นานเท่าท่ีมีเวลา จะทำได้ก็ได้ หรืออาจจะพยายามคิดว่าความโกรธไม่เป็นคุณ อย่างใดเลย เป็นโทษเท่านั้น และความโกรธจะหายไปไม่ได้ถ้า ไม่อภัยใหผ้ ้เู ป็นเหตแุ หง่ ความโกรธเสีย ทีว่ า่ ความโกรธจะหายไปไม่ไดน้ น้ั หมายความว่าความ โกรธที่จะต้องดับไปแน่นอนตามธรรมดาของสิ่งทั้งหลายท้ังปวง ท่ีเม่ือมีเกิดต้องมีดับ แต่การที่ความโกรธดับไปเองตามหลัก ธรรมดาจะไม่หมดไปจากใจ จักฝังอยู่เป็นความมัวหมองของใจ แม้จะสังเกตเห็นไม่ได้ในขณะที่ดับ แต่เมื่อถึงเวลาเกิดขึ้นอีก ๒๑ 11/28/13 12:26:06 PM

จะเพ่ิมมากข้ึน คนที่อะไรนิดอะไรหน่อยก็โกรธน้ัน เป็นผู้ท่ีมี ความโกรธฝังสะสมอยู่ในใจแล้วเป็นอันมาก ความโกรธน้ันเกิด ขึ้นทีหน่ึง แม้ดับไปแล้วก็จะไม่หายไปไหน แต่จะฝังอยู่ในใจ เป็นพ้ืนแห่งความเศร้าหมองไม่บริสุทธิ์ผ่องใส แต่ถ้าหาเหตุผล ให้เกิดความรู้สึกไม่ถือโกรธ คือให้อภัยเสียได้ในทันที ไม่ปล่อย ใหด้ บั ไปเองตามหลักธรรมดา นั้นแหละจึงจะทำให้ความโกรธใน เรื่องน้ันๆ ไม่ฝังลงเป็นพื้นใจต่อไป แต่จะหมดสิ้นไปได้เลย เหมือนสที หี่ ยดลงพ้นื ถา้ ใช้นำ้ มันเชด็ เสียใหส้ ะอาดหมดจดทนั ที ก็จะไม่ฝังลงในเน้ือ แต่ถ้าไม่เช็ดให้หมดจด ท้ิงไว้แม้จะแห้งไม่ ตดิ มอื ตดิ เทา้ แตก่ ็จะเป็นรอยมลทินติดอยอู่ ยา่ งแนน่ อน แม้จะ ขูดขัดในภายหลังก็ยากท่ีจะสะอาดได้จริง สู้ทำความสะอาดเสีย ทนั ท่วงทีไมไ่ ด้ อภัยทานเปรียบเทยี บเหมอื นการทำความสะอาด ในทนั ทนี ่นั เอง ๒๒ Re#2 ����������������� NEW.indd 22-23

Íงคป์ ระกÍบ¢Íงทานทส่ี มบูรณ์ องค์สมบัติของทานนั้นตรัสไว้ว่ามี ๓ อย่างคือ เจตนาสมบัติ ถงึ พร้อมด้วยเจตนา หมายความว่า มเี จตนาดี ในกาลทง้ั ๓ คอื ก่อนให้ กำลังให้ และให้แลว้ วตั ถสุ มบตั ิ ถึงพรอ้ มด้วยวัตถุ คือมีวตั ถุท่สี มควรจะให้ อนั จะเปน็ ประโยชน์ แกผ่ ูร้ ับ ป®ิคาหกสมบัติ ถงึ พร้อมดว้ ยผู้รบั คอื มผี รู้ ับทส่ี มควร เจตนาสมบัติข้อแรก ถ้าคิดดูสักหน่อยก็จะเห็นว่ามี ความสำคญั เป็นประการแรก เพราะถ้าไมม่ ีเจตนา การใหก้ ็เกดิ ข้ึนไมไ่ ด้ หรอื มีเจตนาจะให้เหมือนกนั แตม่ ใิ ช่ใหใ้ นทางเป็นบญุ ให้ในทางเป็นสินบนเปน็ ต้นก็ไม่เรียกวา่ เปน็ เจตนาสมบัติ เมอ่ื มีเจตนาท่ีจะสละบริจาค เพื่อสงเคราะห์ อนุเคราะห์บูชาแก่ผู้ท่ี มีความสมควร เช่นนั้นจึงจะเป็นเจตนาสมบัติ วัตถุสมบัติก็มีความสำคัญ เพราะจะต้องมีวัตถุอัน สมควร หมายถงึ วตั ถุท่เี ป็นของตน อันเกิดจากการแสวงหา ไดม้ าในทางท่ชี อบ ท้ังเปน็ สิ่งทจี่ ะเป็นประโยชน์แกผ่ ้รู บั เช่น ถ้า ๒๓ 11/28/13 12:26:07 PM

ผู้รับขาดแคลนอาหารก็ให้อาหาร ผู้รับขาดแคลนยาก็ให้ยา เป็นต้น สมบัติข้อนี้จึงได้แก่ผู้ท่ีมีทรัพย์ส่ิงของ ถ้าไร้ทรัพย์ก็ไม่ อาจจะทำทานได้ ฉะนั้น พระพุทธเจ้าจึงทรงสอนให้แสวงหาทรัพย์ก่อน ดังท่มี ใี นหลักธรรมว่าดว้ ยประโยชน์ปัจจบุ นั และเมอื่ แสวงหาได้ ทรัพย์มาแล้ว ยังทรงสอนให้แบ่งทรัพย์ออกเป็นส่วนๆ เช่นได้ ตรัสสอนไว้ในพระสตู รหนึ่งว่า “¾§Ö ẋ§âÀ¤ÐÍ͡໚¹ ô ÊÇ‹ ¹ ¤×Í ºÃâÔ À¤ãªÊŒ ÍÂʋǹ˹§Öè »ÃСͺ¡ÒçҹÊͧÊÇ‹ ¹ ࡺç äÇŒ ʋǹ˹èÖ§ÊÓËÃºÑ ¤ÃÒÇÍ¹Ñ µÃÒ” ส่วนปฎิคาหกสมบัติ ข้อท้ายก็มีความสำคัญ เพราะ จะต้องได้ผู้ท่ีสมควรจะรับ มิใช่ว่าจะควรให้โดยไม่เลือก ได้มี สุภาษติ กลา่ วว่า “·Ò¹·ÕèàÅÍ× ¡ãËŒ äÁã‹ ª‹ãËŒâ´ÂäÁ‹àÅÍ× ¡ ¾ÃÐÊ¤Ø µ ·Ã§ÊÃÃàÊÃÔÞ” ทานที่ประกอบด้วยองค์สมบัติท้ังสามนี้ เป็น ทานที่ถกู ตอ้ งในพระพุทธศาสนา ๒๔ Re#2 ����������������� NEW.indd 24-25

สรา้ งบญุ ดว้ ยการรักÉาÈลี Èีล แปลว่า ปกติ หมายถึง ปกติกาย ปกติวาจา ปกติใจ เพราะมีใจคิดงดเว้นจากโทษทางกาย ทางวาจาที่ควร งดเว้น ดังเช่นท่ีระบุไว้ในศีล ๕ ศีลจึงสำเร็จด้วยวิรัติเจตนา แปลวา่ เจตนาคดิ งดเวน้ คำวา่ วริ ตั ิ กบั คำวา่ เวรมณี แปลวา่ งดเว้น เหมอื นกนั วิรตั ิโดยท่วั ไปมี ๓ คอื ñ. สัมป˜ตตวิรัติ ความเว้นจากวัตถุท่ีจะพึงล่วงได้ อันมาถึงเฉพาะหน้า คือไม่ได้รับถือศีลมาก่อน แต่เม่ือได้พบ สัตว์มีชีวิตที่จะฆ่าได้ ไปพบทรัพย์ที่จะลักได้ แต่ก็เว้นได้ไม่ฆ่า ไม่ลัก เป็นต้น ความคิดงดเว้นได้อย่างน้ีก็เป็นศีลเหมือนกัน แต่ถ้างดเวน้ เพราะไม่ไดโ้ อกาส ไมจ่ ดั วา่ เปน็ ศีล ò. สมาทานวิรัติ ความงดเว้นด้วยอำนาจการถือ เป็นกิจวัตร การรับถือศีลที่เรียกว่า สมาทานศีล เพราะคำว่า สมาทาน แปลว่าการรบั ถือ จะสมาทานด้วยตนเองคือตั้งจิตว่า จะงดเว้นจากโทษข้อน้ันๆ เองกไ็ ด้ จะสมาทานดว้ ยรับจากผู้อ่นื ๒๕ 11/28/13 12:26:08 PM

ซ่ึงเป็นผู้มีศีลเช่นจากภิกษุสามเณรก็ได้ ถึงแม้จะรับจากผู้อื่นก็ มิใช่จะรับแต่ปาก ต้องต้ังใจรับจงึ จะได้ศลี ก่อนแตร่ บั ศีลจากผู้มี ศลี มีธรรมเนยี มขอสรณะและศีล ó. สมุจเ©ทวิรัติ ความเว้นด้วยตัดขาดมีอันไม่ทำ อย่างน้ันเป็นปกติ ตามภูมิของคนผู้ปฎิบัติ ท่านกล่าวว่าเป็น วิรัติของพระอริยเจ้า แต่เม่ือจะอธิบายให้ฟังท่ัวๆ ไป ก็อาจ อธิบายไดว้ า่ คอื เวน้ จนเปน็ ปกติของตนจริงๆ สรปุ เบญศีล คอื ๑. เวน้ จากการฆา่ สตั วม์ ีชวี ิต ๒. เว้นจากการถือเอาสิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ด้วย จิตคิดลัก ๓. เวน้ จากการประพฤตผิ ดิ ในกาม ๔. เวน้ จากการกลา่ วเท็จ ๕. เว้นจากการดื่มน้ำเมาคือสุราเมรัย อันเป็นท่ีตั้ง แหง่ ความประมาท ๒๖ Re#2 ����������������� NEW.indd 26-27

àบญ¨ธรรม แปลวา่ ธรรม ๕ ประการ คำว่า ธรรม แปลว่าทรงไว้หรือดำรงรักษาไว้ ในท่ีนี้หมายถึงส่วนที่ดี จึงมี ความหมายว่า ทรงคือรักษาไว้หรือดำรงรักษาไว้ ๕ ประการ ในท่ีนี้หมายถึงธรรมท่ีคู่กันกับศีล ๕ เรียกว่า กัลยาณธรรม แปลว่า ธรรมงาม เป็นเครื่องบำรุงจิตใจให้งดงาม สร้าง อธั ยาศยั นสิ ยั ทีด่ ี ศลี เป็นเหตุให้งดเวน้ ไมท่ ำสงิ่ ท่ีเป็นโทษ ถ้ามีเพยี งศีลก็ มีเพียงงดเว้นได้จากโทษ แต่ก็ยังมิได้ทำคุณความดี ต่อเม่ือมี ธรรมอยู่ด้วยจึงจะเป็นเหตุให้ทำคุณความดี ยกตัวอย่างเช่น รักษาศีล ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เดินไปพบคนนอนหลับอยู่ในทาง รถไฟ มีรถไฟแล่นมาแต่ไกล ควรจะปลุกบอกเขาได้ แต่ไม่ปลุก บอก อย่างนี้ศีลไม่ขาดเพราะมิได้ไปฆ่าเขา แต่ขาดธรรมคือ เมตตา ต่อเม่ือปลุกให้เขารีบหลีกออกเสียจากรางด้วยเมตตา จิตจึงจะเช่ือว่ามีธรรม ฉะน้ัน พระพุทธเจ้าจึงตรัสทั้งศีลท้ัง ธรรมคู่กันไว้ในท่ีหลายแหง่ ว่า “มีศีลมีกลั ยาณธรรม” ดงั นี้ ๒๗ 11/28/13 12:26:08 PM

๑. เมตตากรุณา ค่กู ับศีลสกิ ขาบทที่ ๑ ๒. สมั มาอาชีวะ คกู่ ับศีลสกิ ขาบทท่ี ๒ ๓. ความสำรวมในกาม คกู่ บั ศีลสิกขาบทที่ ๓ ๔. ความมีสัจจะ คกู่ บั ศีลสิกขาบทที่ ๔ ๕. ความมสี ติรอบคอบ คกู่ บั ศีลสกิ ขาบทท่ี ๕ เบญจธรรมนไ้ี มต่ อ้ งขออยา่ งขอศลี ใหป้ ฎบิ ตั อิ บรม บม่ เพาะปลกู ใหม้ ขี นึ้ ประจำจติ ใจดว้ ยตนเอง ไดม้ พี ทุ ธภาษติ ตรสั ไวท้ ่ี แปลความวา่ “พงึ ประพฤตสิ จุ รติ ธรรม ไมป่ ระพฤตทิ จุ รติ ธรรม ผปู้ ระพฤตธิ รรมโดยปกตยิ อ่ มอยเู่ ปน็ สขุ ทง้ั โลกน้ี ทงั้ ในโลกอนื่ ” Èีล เปน็ ความดที ่ีสูงกว่าทานขึ้นมาอกี ชน้ั หน่งึ มีความ หมายกวา้ งๆ วา่ ความประพฤตงิ ดเวน้ จากการเบยี ดเบยี นกัน และกันให้เดือดร้อน เรียกว่าÍภัยทาน แปลว่าให้อภัย คือให้ ความไม่มีเวรมีกรรมแก่ใครๆ เรียกว่าเป็นสุข เพราะศีลคือ ความเว้นจากความประทษุ ร้ายเขา เม่ือรักษาศีลไวไ้ ด้ กเ็ ปน็ อัน ชำระใจในช้อนี้ ๒๘ Re#2 ����������������� NEW.indd 28-29

สรา้ งบุญด้วยการภาวนา คำว่า ภาวนา ไม่ใช่หมายถึงการท่องบ่นอะไรเบาๆ ในใจอยา่ งไม่ร้เู ร่อื ง ดังทเ่ี ข้าใจกนั อยโู่ ดยมาก ตามศพั ท์แปลวา่ การทำให้มีขึ้น ให้เป็นขึ้น จึงมีความหมายถึงการปฎิบัติให้ บังเกิดผลไดอ้ ยา่ งจริงจัง เหมือนอย่างเรียนมาแล้วทำไม่ได้ ไม่ เรยี กวา่ ภาวนา ต่อเมื่อมาปฏบิ ตั หิ รือทำให้มีขน้ึ ใหเ้ ปน็ ขึน้ จึง เรยี กวา่ ภาวนา คำว่า ภาวนา จึงมีความหมายแขง็ แรง เปน็ ภาคปฏิบัติโดยตรง ในที่นี้หมายถึง การอบรมจิตใจให้ตั้งมั่น จดั เปน็ จิตตสิกขา หรือสมาธิ ๑ อบรมความรู้ความเหน็ ท่ีถูก ชอบให้มีขน้ึ จัดเปน็ ปญั ญาสกิ ขา ๑ รวมความแลว้ อบรมจิต ให้บริสุทธ์ิสะอาด ให้สว่างไสวด้วยสมาธิและปัญญา เรียกว่า เป็นบุญ คือความดีที่สูงกว่าศีลขึ้นมา เพราะเป็นเครื่องชำระ ล้างโมหะ คอื ความหลงไมร่ ้จู รงิ ให้หมดไป ๒๙ 11/28/13 12:26:09 PM

ผล¢Íงบุญ บญุ คอื ความดี อนั ได้แก่ทาน ศีล และภาวนา ดัง กลา่ วมานี้เป็นบญุ ส‹วนเหตุ ใหบ้ ังเกิดผล คือความสขุ ซง่ึ ท่าน จดั เปน็ บุญอกี เหมอื นกัน เรยี กว่าบญุ ส‹วนผล ซึ่งเกิดจากความ บริสุทธ์ิใจ จิตใจท่ีกลุ้มรุมอยู่ด้วยอกุศลมูลคือ โลภะ โทสะ โมหะ เป็นจิตใจบาป เม่ือจิตใจเป็นบาปเสียแล้ว ก็เป็นเหตุให้ ทำบาปตา่ งๆ สว่ นจติ ใจที่ชำระ โลภะ โทสะ โมหะ ออกเสยี ได้ หรือจะพูดว่าเปน็ จติ ใจทป่ี ระกอบด้วยอโลภะ ไมอ่ ยากได้ อโทสะ ไมค่ ดิ ประทษุ รา้ ยเขา อโมหะ ไมห่ ลง ก็ไดเ้ ป็นจิตใจบุญ เมื่อมี จิตใจเปน็ บุญ ก็เปน็ เหตใุ ห้ทำบญุ ตา่ งๆ อโลภะ อโทสะ อโมหะ ท้ัง ๓ นี้ ท่านเรียกว่า กุศลมูล แปลว่ารากเหง้าของกุศล ตรงกันข้ามกับอกุศลมูล โดยความคือจิตใจบาปและจิตใจบุญ น้ันเอง กุÈล แปลว่ากิจของคนฉลาด หมายถึงความดี เช่น เดียวกับบุญ ÍกุÈล แปลว่า กิจของคนไม่ฉลาด หมายถึง ความช่วั เช่นเดยี วกบั บาป ๓๐ Re#2 ����������������� NEW.indd 30-31

สรปุ ความวา่ ผลของบญุ คอื ความดนี ้ัน คอื ความสขุ ท่ี เกิดจากความบริสุทธิ์ใจ เพราะการทำบุญคือความดี โดยตรง ม่งุ ชำระฟอกล้างจิตใจให้สะอาดจากโลภะ โทสะ โมหะ ซ่ึงเป็น อกุศลดังกล่าวมาแล้ว น้ีเรียกว่า ทÓบุญเพ×่Íบุญ หรือ ทÓความดีเพ×่Íความดี แต่ละคนถ้าลองหัดทำบุญเพ่ือบุญ ดังกล่าว จะได้ความสุขอันเกิดจากความบริสุทธิ์ใจ ซ่ึงเป็น ความสุขอย่างบริสุทธิ์ในปัจจุบันที่ทำนั้นเอง ทางพระพุทธ ศาสนามุ่งผลดีท่ีเป็นปัจจุบันเช่นน้ี มิใช่มุ่งผลแก่คนที่ตายไป แล้วคือผลในโลกหนา้ แต่ความดีทงั้ หลายนนั้ ย่อมใหผ้ ลยัง่ ยนื ดังเช่นความดีที่บรรพบุรุษบรรพสตรีของชาติได้บำเพ็ญมาแล้ว ในอดีต กย็ ังอำนวยผลแกค่ นรุน่ เราในปจั จบุ นั น้ี ถา้ คนร่นุ เราใน ปัจจุบันนี้ไม่ช่วยกันทำลายความดีท่ีท่านสร้างไว้ ช่วยกันสร้าง ความดสี ืบต่อไป ไมเ่ อาแต่ โลภ โกรธ หลง ซงึ่ เปน็ อกุศลมลู ขึ้นหน้า ก็จะได้ความสุขแต่ละคน และจะสืบความสุขต่อไปถึง อนุชนภายหน้า ไม่ต้องเสียช่ือว่าเสื่อมส้ินดี ยังมีความดีให้คน ๓๑ 11/28/13 12:26:09 PM

รนุ่ ต่อไประลึกและนบั ถอื ผู้ที่ทำบุญทำกุศลทำคุณงามความดีเพราะรู้ว่าเป็นสิ่ง ควรทำนั้นถูกต้อง จักไม่เกิดผลไม่ดีอย่างใด แต่ผู้ที่ทำบุญทำ กุศลทำคุณงามความดีเพราะรู้ว่าจะได้รับผลตอบแทนที่ดีต่างๆ เช่นนี้ไม่ถูกต้องสมบูรณ์ เพราะมีทางจะเกิดโทษได้ ไหนๆ จะ ทำบญุ ทำกุศลทำดีกนั ทงั้ ที กค็ วรจะเข้าใจและควรจะทำใจให้ถกู ตอ้ ง เพื่อจกั ไดเ้ สวยผลแหง่ การทำนัน้ เตม็ บริบรู ณ์เปน็ อานิสงส์ ถ้าจะปล่อยนกปล่อยปลาสักทีก็ขอให้ทำใจให้ได้ว่า เพ่ือให้ชีวิตแกส่ ัตว์ ไมใ่ ชเ่ พ่ือวา่ ให้ตวั เองหายเจ็บหายไข้ มีอายุ ม่ันขวัญยืน ถ้าจะให้เงินให้ทองคนยากจนเม่ือใด ก็ขอให้ทำใจ ให้ได้ว่าเพื่อช่วยบรรเทาความลำบากอยากไร้ของเพ่ือนมนุษย์ ด้วยกัน ไม่ใช่ว่าเพ่ือไม่ให้ตนเองขาดแคลน หรือถ้าเกิด ขาดแคลนขนึ้ เมอ่ื ใดขอให้มีผมู้ าช่วย ถา้ จะสวดมนตภ์ าวนากข็ อ ให้ทำใจให้ได้ว่า เพ่ือให้ใจเกิดสมาธิ หรือให้ใจน้อมนึกคุณพระ รตั นตรัย ไม่ใชเ่ พือ่ ให้เกิดผลอย่างอน่ื ๓๒ Re#2 ����������������� NEW.indd 32-33

ท่ียกมาเป็นตัวอย่างนี้เพียงส่วนน้อย ยังมีการทำบุญ ทำกุศล ทำความดีอีกหลายอย่างท่ีผูทำควรทำใจให้ถูกต้อง ทำใจเสียให้ถูกแล้วผลท่ีเกิดขึ้นจะดีเอง จะปราศจากโทษเอง เพราะผลดีผลร้ายน้ันไม่ได้เกิดจากใจมุ่งมาดปรารถนา ผลเกิด แต่เหตุเท่าน้ัน เหตุสมควรแล้วผลต้องเกิดแน่ การไปมุ่งผลแม้ ทำเหตสุ มควรแกผ่ ลท่ีมุ่งน้นั ก็ไม่ถกู ต้องแทจ้ ริง การอิจฉาริษยา น้อยเนอื้ ตำ่ ใจ ทะเยอทะยาน รวมทงั้ ความโลภ โกรธ หลงท้ังหลาย เกิดไดจ้ ากการทำใจไม่ถกู เมอ่ื ทำบุญทำกุศลทำคุณงามความดี อธิบายเช่นนี้อย่าคิดผิดหนัก ย่ิงข้ึนไปว่า ถ้าเช่นน้ันก็อย่าทำกุศลเสียเลยดีกว่า การทำบุญ ทำกุศลทำคุณงามความดีเป็นส่ิงดีแน่ ดีแท้ ควรทำกันทุกคน แต่เมื่อทำแล้วท้ังทีก็ควรพยายามทุกอย่างท่ีจะให้ได้ผลบริสุทธิ์ ปราศจากมลทนิ เคร่อื งเศรา้ หมอง ขอให้ทกุ คนลองดูแต่บดั นี้ แลว้ สงั เกตดจู ติ ใจตนใหเ้ ห็น ผลชัดแจ้ง ว่าเมื่อทำบุญทำกุศลทำคุณงามความดีด้วยการ ๓๓ 11/28/13 12:26:10 PM

ทำใหถ้ กู ตอ้ งดงั กลา่ ว จะสบายใจกวา่ หรอื ไม่ จกั ไดร้ บั ผลดยี ง่ิ ขนึ้ หรอื วา่ นอ้ ยลง ขอให้ทกุ คนตง้ั ใจไวใ้ ห้ดี ทำใจให้ถกู ทุกครั้งทจ่ี ะ ทำบญุ ทำกุศลทำคุณงามความดี ซ่งึ ทุกคนมีโอกาสทดลองดว้ ย กนั ท้งั นนั้ ออกจากบ้านไปพบขอทานสักคน หยบิ เงินออกสง่ ให้ ทำใจให้ถูกว่าเพื่อช่วยให้เขาขาดแคลนน้อยลง ทำใจให้เกิด ความรู้สึกเช่นนั้นให้ได้จริงๆ พยายามทำให้ได้ทุกคร้ัง ไมว่ ่าจะ ใหอ้ ะไรใครกต็ าม แลว้ จะพบความรู้สึกใหมใ่ นใจ เปน็ ความรู้สกึ ที่มีค่าเกินกว่าค่าของการบริจาคเป็นอันมาก ผู้ที่ย่ิงบริจาค ทำบุญทำกุศลมากเพียงไร ยิ่งจำเป็นต้องทำใจให้ถูกมากเพียง นั้น ไม่เช่นนั้นแล้ว บุญกุศลที่ทำโดยตั้งใจไว้ไม่ถูกจะพาไปให้ ตอ้ งเปน็ ทกุ ขใ์ นภพถูมิตอ่ ไป เพราะจะพาให้เกิดน้ันเอง บริจาค แล้วก็วางเสีย อย่าไปยึดมั่นเอาไว้ ว่าได้ทำนั้นบริจาคน่ี มากมายจะมีวิมานในเมืองฟ้าใหญ่โตมโหฬารย่ิงขึ้นทุกที อย่า ทำไปโดยยึดม่ันไปเป็นอันขาด จะได้พ้นทุกข์ส้ินเชิงในวันหนึ่ง ความพ้นทุกข์ส้ินเชิงน้ีเป็นที่พ่ึงปรารถนาอย่างย่ิง และก็อย่า ๓๔ Re#2 ����������������� NEW.indd 34-35