Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ท้าวข้อหล้อ

Description: ท้าวข้อหล้อ

Search

Read the Text Version

วรรณกรรมเยาวชนพื้นบ้าน ภาคตะวันออกเ©ียงเหนือ ท้าวข้อหล้อ เร่ือง ชามพู ภาพประกอบ เดชาชาติ เทยี นเสม

ผูเ้ ช่ียวชาญท่ีปรึกษาคณะบรรณาธกิ าร ศ.ดร.ฉวลี กั ษณ์ บณุ ยะกาญจน ผศ.วีณา วสี ะเพ็ญ คณะบรรณาธกิ ารอำนวยการ นางทัศนยั วงศพ์ เิ ศษกลุ นางสาวเฉยี ดฉตั รโฉม ปริพนธ์พจนพสิ ุทธิ์ นายวัฒนชัย วินิจจะกลู นางสาวนนั ธนา เจรญิ ภักดี คณะบรรณาธิการต้นฉบับ รศ.สกุ ัญญา สจุ ฉายา ผศ.ดร.ชลภสั ส์ วงษ์ประเสริฐ นายเรอื งศกั ด์ิ ปนิ่ ประทีป นายณฐั พร ศรีมุกด์ พิสจู นอ์ กั ษร นันทธ์ นัตถ์ จิตประภัสสร อารณี ะ วรี ะวฒั น ์ ท้าวข้อหลอ้ เรอ่ื ง ชามพู ภาพประกอบ เดชาชาติ เทียนเสม เหมาะสำหรบั เดก็ และเยาวชนอายุ 9 ปี ขึ้นไป พมิ พ์ครัง้ ท่ี 1 พฤศจกิ ายน พ.ศ. 2551 จำนวนพิมพ์ 3,000 เล่ม ราคา 105 บาท เลขมาตรฐานสากลประจำหนงั สือ 978-974-287-803-0 เจา้ ของโครงการและดำเนนิ การจัดพิมพ์ สำนักงานอทุ ยานการเรียนรู้ สำนกั งานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องคก์ ารมหาชน) สังกดั สำนกั นายกรัฐมนตรี สว่ นบรกิ าร อาคารเซน็ ทรัลเวลิ ด์ ชัน้ 8 Dazzle Zone โทรศพั ท์ 0-2257-4300 โทรสาร ต่อ 125 ส่วนสำนกั งาน 999/9 อาคารสำนกั งานเซน็ ทรัลเวิลด์ ชนั้ 17 ถนนพระราม 1 โทรศพั ท์ 0-2264-5963-65 โทรสาร 0-2264-5966 www.tkpark.or.th ดำเนนิ การจัดทำต้นฉบับ มลู นธิ ิหนังสอื เพ่อื เดก็ โทรศพั ท์ 0-2805-0202 โทรสาร 0-2805-1308 www.thaibby.in.th ออกแบบรูปเล่ม จดั พิมพ์ และจัดจำหนา่ ย บริษัท แปลน ฟอร์ คิดส์ จำกัด 1/999 ถนนกำแพงเพชร 6 (โลคลั โรด) แขวงสกี นั เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร 10210 โทรศพั ท์ 0-2575-2828 โทรสาร 0-2575-2558 www.planforkids.com

คำนำ ในการจดั ตงั้ อทุ ยานการเรยี นรภู้ มู ภิ าคตน้ แบบแตล่ ะภาคนนั้ สำนกั งาน อุทยานการเรียนรู้ (TK Park) ไดม้ ีการเตรยี มการคขู่ นานกนั ไปทง้ั ดา้ นกายภาพ และเนอื้ หาสาระ กลา่ วคอื ในระหวา่ งทอี่ งคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ กำลงั ปรบั ปรงุ หรือก่อสร้างอาคารสถานที่สำหรับห้องสมุดมีชีวิตในรูปแบบอุทยานการเรียนรู้ สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ก็ประชุมหารือกับบุคลากรในท้องถิ่นและร่วมกัน คัดเลือกหนังสือ ดนตรี และกิจกรรมต่างๆ ไปพร้อมกัน เพื่อเตรียมการด้าน หนงั สอื และสือ่ ต่างๆซึ่งถือเสมอื นเปน็ จิตวญิ ญาณของห้องสมดุ โครงการนิทานพ้ืนบ้าน เป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมการทางด้าน เน้ือหาสาระ ด้วยเล็งเห็นว่าเรื่องเล่าในแต่ละชุมชน มีทั้งสาระ ความสนุกสนาน และจนิ ตนาการ สบื ทอดกนั มาจากภูมปิ ัญญาท้องถิน่ อนั ลำ้ ลกึ มคี วามหมายต่อ การเช่ือมโยงวิถีชีวิต วัฒนธรรม และการดำรงอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์กับ มนุษย์ และมนุษย์กับธรรมชาติ แม้จะเป็นเร่ืองเล่าเฉพาะกลุ่มชนในพื้นที่ แต่ สาระท่แี ฝงอย่ใู นเนือ้ หาเรอ่ื งราวของนทิ านนัน้ คอื คตสิ อนใจ ซงึ่ เปน็ ความรสู้ ากล ทีส่ ามารถนำไปประยกุ ตใ์ ชไ้ ด้ทุกหนแห่ง สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ จึงมอบให้มูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก เป็นผู้ ดำเนนิ การประสานงานกบั ปราชญช์ าวบา้ น นกั วชิ าการ และผทู้ รงคณุ วฒุ ิ รว่ มกนั คัดเลือกนิทานเรื่องเล่าพ้ืนบ้านที่มีคุณค่า มีอิทธิพลต่อความคิดและจินตนาการ ของเยาวชนในทางสร้างสรรค์ นำมาเรียบเรียงและจัดทำภาพวาดประกอบ ขึ้นใหม่ เพื่อจัดพิมพ์เป็นหนังสือที่มุ่งเสริมสร้างจินตนาการให้อ่านง่ายและ เพลิดเพลิน โดยหวังว่าจะเป็นส่ือจูงใจให้เด็กและเยาวชนท่ัวไปสนใจและรัก การอ่านมากยิ่งข้ึน ท้ังยังสามารถนำไปประกอบการเล่านิทานในครอบครัว โรงเรียน และแหล่งเรียนรู้ต่างๆ เป็นการสืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นให้คงอยู่ สบื ไป

หวังเป็นอย่างย่ิงว่า นอกเหนือจากบทบาทในฐานะผู้จุดประกาย แนวคดิ หอ้ งสมดุ มชี วี ติ ในประเทศไทย ใหเ้ ปน็ พนื้ ทแี่ สวงหาความรใู้ นบรรยากาศ การเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์และทันสมัยแล้ว สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ยังจะ ได้ทำหน้าที่ปลูกฝังและส่งเสริมนิสัยรักการอ่านแก่เด็กและเยาวชน บนพ้ืนฐาน ของความเคารพและภาคภูมิใจในภูมิปัญญาของแต่ละท้องถิ่น เสริมสร้างการ ยอมรับความแตกต่างหลากหลายและใช้สติปัญญาแก้ไขปัญหา อันจะนำไปสู่ สังคมสนั ติสมานฉันท์ในทสี่ ดุ สำนกั งานอทุ ยานการเรียนร ู้

สารบัญ ≤ ตน้ สายปลายเหตุ 7 ≤ เวรกรรมนำจ่อง 11 ≤ ผฮู้ ักผู้แพง 15 ≤ เต่าหากนิ ก้มุ ปากเต่า แลนหากนิ ก้มุ ปากแลน 21 ≤ คันบอ่ อกจากบา้ น บ่เห็นด่านแดนไกล 25 คันบไ่ ปหาเฮยี น กะบม่ คี วามร ู้ ≤ ยามไปมคี ำฝาก ยามจากมีคำขวญั 31 ≤ ใจประสงค์สร้างกลางดงกะวา่ ทง่ ใจขี้ครา้ นกลางบ้านกะว่าดง 35 ≤ เทยี วทางบส่ ุดเส้น อยา่ ถอยหลงั ใหเ้ ขาเหยียบ 41 ตายขอให้ตายหนา้ พนุ้ เขาจง่ั ยอ้ งวา่ หาญ ≤ ไดเ้ มยี ผดู้ ี ปานไดแ้ กว้ คณู ลา่ ง 45 ได้เมียผูซ้ า่ ง ปานไดแ้ กว้ คณู เฮอื น ≤ หญิงฮปู ฮ้าย ครองวตั รพางาม 51 ชายรูปทราม ปญั ญาพาฮุง่



หนึ่ง ต้นสายปลายเหตุ “บักกำพรา้ บกั กำพรา้ ไปดหู นอ่ ยซิ ใครน่ังอย่ทู ี่ศาลาโนน่ ” เสยี งหลวงตาดงั มาจากกุฏชิ ั้นบน เดก็ ชายกำพรา้ รบี ลกุ ข้นึ อย่างวอ่ งไว ท่ีศาลาหน้าวัดมรี ่างตะค่มุ ๆ นง่ั ตัวงอ กำพร้ารีบเดนิ เขา้ ไปหา “แอะ แอะ” เสียงแหบ ๆ ของทารกดงั ขึ้น รา่ งตะคมุ่ น้นั ขยับตวั กำพรา้ จึงเห็นว่าเป็นร่างของผู้หญิงสาว ในอ้อมแขนมีผ้าขนหนูห่อร่างกระจ้อยร่อยไว้ ใบหน้าของหญงิ สาวมนี ้ำตาไหลเปน็ ทาง “น้า! น้าร้องไห้ทำไม” กำพร้าถามด้วยความแปลกใจ ตาเหลือบเห็น ร่างน้อยในอ้อมแขน “เฮย้ !!!” เขาอุทานยาวด้วยความตกใจ เดก็ อะไรหวั โตเทา่ บาตรพระ หน้าตาน่าเกลยี ดน่าชงั “เกดิ มาก็เปน็ อย่างน้แี หละ ลูกเวรลกู กรรม” หญิงสาวพูดเบา ๆ กำพร้าอ้ึง ไม่รู้จะหาคำพูดอะไรมาโต้ตอบ เพราะไม่เคยเห็นเด็กแบบน้ี มากอ่ น ความคิดวูบหนึ่งรู้สกึ ว่าตัวเองช่างโชคดีทไี่ ม่เป็นเหมือนเด็กคนน้ี “ลูกเวรลูกกรรมอะไร ก็ลูกโยมน่ันแหละนะ” เสียงหลวงตาดังขึ้นทาง เบื้องหลัง ทงั้ คู่สะดุ้งขนึ้ พรอ้ มกัน หลวงตาเลน่ เดินมาเงยี บ ๆ ไม่รเู้ นื้อรตู้ วั

ท้าวขอ้ หลอ้ “หลวงพ่อ หนทู ำกรรมอะไรมาจึงเปน็ แบบนี้ สามีหนเู ขาโกรธมากทลี่ กู ออกมาเปน็ แบบน้ี เขาท้ิงหนูไปเลย” หญงิ สาวร้องคร่ำครวญ “หลวงพ่อก็บอกไม่ได้หรอกนะ เร่ืองของกรรม ต่างคนต่างต้องรู้เอง ว่าไปทำอะไรมา แล้วจะทำอย่างไรต่อไปล่ะโยม แต่อย่าบอกนะว่าจะเอามา ประเคนให้หลวงพอ่ เล้ียง” หลวงพอ่ ดักคอ หญิงสาวกม้ หนา้ เพราะแทงถูกใจดำ “หนกู ไ็ ม่รู้เหมือนกัน จะทิ้งกส็ งสาร จะเล้ยี งหนูก็ไม่มปี ัญญา” “เขาก็เป็นลูกเราละนะ ถ้าหนูทิ้งต้ังแต่ยังน้อย ใครจะเล้ียงให้หนูได้ล่ะ” หลวงพอ่ ปลอบด้วยความเวทนา “ถ้าหนูไม่มีข้าวปลากิน มากินที่วัดนี่แหละ พอจะหาปันกันได้ แต่ บักข้อหลอ้ น้ีมันต้องกินนมแม่ จะไปหาทไ่ี หน” “บักข้อหล้อ? ” กำพร้างง ทำไมหลวงพอ่ รูจ้ ักช่อื เดก็ คนน้ี “อะไรหรือบักกำพร้า ทำหน้างง ๆ ไม่เคยได้ฟังเรื่องท้าวข้อหล้อสิ” ทั้งหญิงสาวและกำพรา้ สา่ ยหนา้ เป็นคร้งั แรกทไี่ ดย้ ินคำๆ น ้ี หลวงพอ่ ทรุดนงั่ หลังอิงเสาศาลาทำทา่ จะเลา่ เรอ่ื งยาว “คนบ้านไทยเรา มีนทิ านเลา่ กันมาแต่ปแู่ ตย่ า่ เรอ่ื งของเดก็ ที่เกิดมาหัว โตแบบนไี้ มใ่ ชเ่ รอ่ื งแปลกเลย ไมใ่ ชม่ แี ตห่ นคู นเดยี ว และกน็ า่ แปลกนะ เดก็ แบบน้ี พอโตข้นึ มนั ก็เจ้าปัญญาด้วยนะ ได้ชว่ ยพ่อชว่ ยแม”่ “มีดว้ ยหรอื เจ้าคะ หลวงพ่อ” เสียงของหญงิ สาวใสขึ้นมาทันที หลวงพ่อน่ิงไปครู่หนึ่ง น่าจะมีความหวังว่าจะโน้มน้าวหญิงสาวคนน้ีให้ มีกำลังใจเลี้ยงลูกต่อไป

ตน้ สายปลายเหตุ  “มสี ิ บ้านเรามีเรือ่ งทา้ วสะลุ่นกุ้นลองปัญญาเอาชนะพระอินทรไ์ ด้ แล้วก็ ยังมีเรื่องทา้ วข้อหล้อ พวกนม้ี แี ตห่ ัว ตวั ไม่คอ่ ยมี แตม่ หี ัวใจทองเชยี วนะ รกั พอ่ รักแม่ อย่าได้ประมาทเด็กพวกน้ีเชียว ดกี วา่ ไอพ้ วกครบสามสบิ สองเสยี อีก” กำพร้าทำคอย่น หลวงตาประชดเราหรือเปล่านี่ เราก็รักพ่อรักแม่ แต่ ท้ังคู่ก็ตายไปตั้งแต่เรายังเล็ก เหลือแต่ยายที่นำมาฝากให้อยู่กับหลวงตาน่ีแหละ จะไดเ้ รียนหนังสือและเรียนธรรมะจากหลวงตา กำพร้าไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองขาดความรัก เพราะความรักท่ีเขาได้รับจาก ยาย จากหลวงตา จากคนในหมู่บ้านมีมากพอที่จะทำให้โลกน้อย ๆ ของเขา มคี วามสุข แล้วบักขอ้ หล้อล่ะ จะมีความสขุ เท่าเขาไดไ้ หม?



สอง เวรกรรมนำจ่อง (เวรกรรมตามไปทกุ ชาตภิ พ) แดดตกกระทบลงบนพื้นแม่น้ำโขง สะท้อนขึ้นมาเป็นประกายระยิบ ระยับสีส้มเหลืองตามโค้งคุ้งน้ำ ราวกับประกายของเกล็ดพญานาค ผู้ทอดตัว ยาวโอบหมบู่ า้ นจนั ทาคาม นายเคนกับนางจนั สองสามภี รรยา อายุอานามเพยี ง วยั กลางคน แต่ดชู ราก่อนวยั มาก คงเปน็ เพราะความลำบากยากจน ตอ้ งทำงาน หนัก แต่ความยากจนไม่ได้ขัดขวางนายเคนกับนางจันให้มีใจบุญสุนทาน เออ้ื เฟอ้ื เผอ่ื แผ่แกค่ นทว่ั ไป นายเคนผู้สามีออกไปทำนาในเช้าน้ีเหมือนเช่นที่เคยทำมา แต่ฝนกลับ ไมย่ อมตกลงมาเพ่ิมนำ้ ให้ขา้ วในนาเลย นางจันจูงควายตามสามไี ปท่ที งุ่ นา เปน็ อย่างนี้มาตลอดทุกเช้านับสิบปีแล้ว เท้าเปล่าของนางย่ำลงตามคันนา นางเดิน อย่างระมัดระวังมิให้เหยียบแมลงดานาท่ีว่ิงว่อนหาความช้ืนจากน้ำในท้องนา แต่ในใจของนางกำลังเฝา้ รอบางส่ิงบางอยา่ งมากกวา่ ฝน ลูก...ลูกนี่แหละคือส่ิงท่ีนางจันรอคอยมาตลอดสิบปี ฝนตกคราใด ท้องนาก็ฉ่ำด้วยน้ำ แต่ภายในตัวเธอเล่ากลับแห้งแล้งย่ิงกว่าผืนนา การมีลูกไว้ เป็นแรงงานช่วยทำนาและคอยดูแลยามแก่เฒ่าเป็นเป้าหมายสำคัญในชีวิต แตง่ งาน เมื่อถึงดอนปู่ตา นายเคนกับนางจันจึงนำดอกไม้ธูปเทียนเข้าไปบูชา เจ้าปู่อารักษท์ ่หี อผใี นบรเิ วณดอนปู่ตาน้ัน

12 ทา้ วขอ้ หลอ้ “เจ้าปูเ่ จ้าขา ขอให้ข้อยไดล้ กู ชายสกั คนเถดิ ” นางอธษิ ฐานงึมงำ เช้าวันน้ีลมสงบย่ิงนัก เจ้าปู่อารักษ์แห่งดอนปู่ตาช่วยเป่าควันธูป ซ่ึงบรรจุคำอธิษฐานของท้ังคู่ให้ลอยสูงข้ึนไปบนฟ้า ลอยสูงกว่ายอดภูท้ังหลาย ลอยฝ่ากลุ่มเมฆจนไปถึงสรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ จนไปกระทบกับนาสิกของ พระอินทร์ ซึ่งประทับอยู่ที่วิมานไพชยนต์บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พระอินทร์ ลืมตามองควันธปู สขี าวท่นี ำแรงจิตอธษิ ฐานลอยขน้ึ มาจากโลกมนุษย์ “เป็นของใคร มีพลงั แรงกล้านกั ” จงึ สอ่ งทิพยเนตรลงมา เม่ือเห็นความลำบากยากแค้นของสองสามีภรรยา ก็บังเกิดความ เมตตาสงสารขึ้นทันที ในขณะนั้นเทพบุตรตนหน่ึงหยอกล้อยั่วเย้านางสวรรค ์ ท้ังหลายทีเ่ หาะผ่านมา จอมสวรรค์เห็นดงั นั้นจงึ คิดไดว้ า่ “อันตัวเรามีปัญญาจึงรับรู้ถึงความทุกข์ร้อนของมนุษย์ทั่วไป แต่เหล่า บรรดาเทพบุตรเทพธิดาผู้งามรูปเหล่าน้ี ยิ่งเสวยสุขอยู่ในสวรรค์นานวันก็ย่ิง เพม่ิ พนู ตัณหา สตปิ ัญญาของพวกเขากม็ ลายหาย จำเป็นจะต้องส่งั สอนใหเ้ หลา่ ชาวสวรรค์ผพู้ รง่ั พรอ้ มได้รับรูท้ ุกข์สุขของชาวโลก” พระองค์ชำเลืองมองไปยังอุทยานอันเป็นท่ีเสพสุขของบรรดาเทพบุตร เทพธิดาชาวสวรรค์ ใต้ต้นปาริชาติอันออกดอกสะพรั่ง เทพบุตรรูปงามผิวขาว ผ่องราวน้ำนม ผมมัดเกล้าสีดำนิล ดวงตาใสคม นามว่า เทพบุตรพานทอง ผู้เป็นท่ีหมายปองของบรรดานางสวรรค์ ด้วยว่าเป็นเทพบุตรรูปงามท่ีสุดใน ดาวดงึ ส์แห่งนี้ ยืนเดน่ เป็นสงา่ พระอินทร์พินิจเห็นเทพบุตรพานทองผู้ร่ำรวยด้วยรูปโฉม จึงทรงมี เทวบญั ชารบั สงั่ ให้เทพบตุ รพานทองมาเขา้ เฝา้ พระองค ์ “เมื่อครู่นี้มีควันประหลาดอันเกิดจากแรงจิตอธิษฐานลอยขึ้นมายัง สวรรค์ชน้ั ดาวดงึ ส์ เจา้ ได้รบั รู้หรอื ไม่ เทพบตุ รพานทอง”

เวรกรรมนำจ่อง 13 “อุทยานแห่งสวรรค์นั้นอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของดอกปาริชาติ ข้าพระพุทธเจ้าจึงไม่ได้กล่ินควันดังกล่าวเลยพ่ะย่ะค่ะ” เทพบุตรรูปงามรีบตอบ อย่างแขง็ ขัน “มิใช่ด้วยเพราะเจ้ามัวหลงระเริงกับบรรดานางฟ้าผู้ลุ่มหลงรูปโฉม โสภาของเจา้ ดอกหรอื ” เทพบุตรพานทองสหี น้าสลดลง ก้มหน้าด้วยความละอาย “รูปโฉมของเจ้าเป็นรูปทรัพย์อันประเสริฐที่สุดในดาวดึงส์แห่งนี้ ทำให้ เจ้าลุ่มหลงมัวเมาในรูปสมบัติ หวงั หาความสุขแตเ่ พียงทางกาย เมอื่ อายุขยั ของ เจ้าส้ินไปเมื่อใด รูปโฉมของเจ้าก็จะสูญลับเฉกเช่นลมหายใจ เมื่อน้ันเจ้าก็จะ กลายเป็นเพียงดอกไม้รูปงามที่ผุดขึ้นจากช่อก้านแล้วร่วงหล่นไป หาประโยชน์ มไิ ด้ หากเจ้าแสดงผลงานอันกลั่นกรองมาจากปญั ญา และการพลกี รรมของเจ้า ให้แก่ข้าและชาวมนุษยโลกได้ประจักษ์ ช่ือเสียงและเกียรติยศของเจ้าก็จะ ขจรไปไกลท้ังไตรโลก ควันอันลอยมาถึงวิมานนี้มาจากเครื่องบูชาและแรงจิต อธิษฐานของสองสามีภรรยาผู้ยากไร้ในแว่นแคว้นบ้านจันทาคาม พานทอง เทพบุตร ขา้ ขอบัญชาให้เจา้ ลงไปเกิดในอทุ รของนางจัน” ส้ินเทวบัญชา กายาของเทพบุตร พานทองก็หายวับเป็นลำแสงอำไพ พุ่ง ออกไปไกลพ้นดาวดึงส์ เป็นลำแสง ของผีพุ่งไต้ในนภา เหนือน่านฟ้า ดินแดนล้านช้าง แล้วก็เข้าไปรวม เป็นแสงสวา่ งกับแสงจันทร์



สาม ผู้ฮักผู้แพง (ผ้เู ป็นท่รี กั ยงิ่ ) คืนนั้นเป็นคืนเดือนเพ็ญ พระจันทร์ทรงกลดบนฟากฟ้า ที่เรือนของ นางจนั เกิดนมิ ติ ประหลาด กบตัวใหญ่กระโดดโลดเต้นข้ึนไปคาบพระจันทร์ แล้วก็ร่วงหล่นตกลง มาตรงทอ้ งของนางจัน นางคว้าพระจนั ทรแ์ ละกบไว้ได้ พอฝนั มาถึงตรงนี้ นางก็ ตกใจต่ืน หัวใจเต้นรัว ๆ ลำตัวเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ นางรีบปลุกนายเคน แล้ว เล่าความฝันใหฟ้ ัง “จันเอ๋ย เจ้าฝันประหลาดนัก ข้อยก็บ่ฮู้จะแก้ฝันได้อย่างไร ข้อยว่า พรงุ่ นเี้ ชา้ เฮาสติ อ้ งไปหาโหรเฒา่ ให้ช่วยทำนายฝันให”้ สองสามีภรรยาจึงรีบลงจากเรือนไปในรุ่งเช้าน้ัน เพื่อไปยังเรือนของ หมอโหรประจำหมู่บ้าน โหรพ่อเฒ่าได้ฟังความฝันของนางจัน แล้วก็หยิบ กระดานมาลงเลข

16 ท้าวขอ้ หล้อ “ฝันเวลาฝนตก ฤกษ์ดีจะมโี ชค” “พวกเจ้าสิได้ลูกเป็นคนมีบุญ ลูกคนนี้พวกเจ้าจะได้พึ่งพาอาศัยต่อไป ภายหนา้ แตว่ ่าเดก็ นอ้ ยผนู้ จ้ี ะบ่เหมอื นคนธรรมดา” “เป็นหยัง บ่เหมอื นคนธรรมดา” “เจา้ ก็รอดูเอาเถอะ” หมอเฒ่าตัดบท “บกั เคน ให้เจา้ สบายใจได้ ถึงเจ้าจะไมไ่ ด้อยู่ชมบุญลกู เจา้ บ่ต้องกังวล ลูกเจ้าจะเลยี้ งเมยี เจา้ ได้” คำทำนายของโหรเฒ่าถกู ต้องเปน็ จรงิ นางจันต้ังท้อง เจด็ เดอื นต่อมา นายเคนก็ถูกงพู ิษกัดตาย ไม่ทันได้เหน็ หนา้ ลกู นางจันโศกเศร้าเสียใจกับการตายของสามี แต่ก็หักใจ ต้ังตาทำบุญให้ ทานรกั ษาศีล หมน่ั สวดมนตภ์ าวนารอคอยทารกน้อยทีจ่ ะคลอดออกมาดโู ลก จนกระท่งั ครบสิบเดือน คนื นนั้ เป็นคืนเดอื นมืด นางจันฝันแปลกประหลาดว่า มพี านทองอยใู่ น ท้องของนาง จากนั้นนางก็เจ็บท้องราวกับท้องจะแตกแยกออกเป็นเส่ียง ๆ ดวงตาของนางเริ่มพร่าลงด้วยความเหนอื่ ยล้า แต่นางกย็ งั คงออกแรงเบง่ อยูบ่ น เสอื่ แต่เพียงลำพงั

ผูฮ้ ักผู้แพง 17 ในห้วงความคิดคำนึง นางนึกถึงสามี นึกถึงพระรัตนตรัย นึกถึงพ่อปู่ นึกถึงพระอินทร์ เพ่ือพอให้คลายเจ็บ พอสองยาม นางจันก็เห็นภาพในดวงจิต ว่า พานทองได้หลุดออกมาจากมดลูกของนาง นางรวบรวมกำลังครั้งสุดท้าย เบ่งออกมา “อุแว้ อุแว”้ ทารกน้อยของนางหน้าตาน่ารักนา่ ชัง มีแต่หัว ไม่มีแขนไม่มขี า นางใช้ไม้รวกที่เตรียมไว้ตัดสายสะดือหรือสายแฮ่ แล้วเอาน้ำชำระล้าง ก่อนจะเอาใส่ในกระด้งที่มีเบาะปู นางจันอุ้มกระด้งไปท่ีประตูเรือน เอากระด้ง เคาะกับประตูเบาๆ แล้วร้องดัง ๆ สามครั้ง เป็นการผอกผีพราย ผายผีป่า ตามธรรมเนยี มลาวอสี านโบราณ “กูหุกกูหุก กกุ กูกกุ กู แมน่ ลกู สูเอาสามื้อน้ี กลายมอื้ นี้ เมอื หนา้ ลกู ก”ู “แมจ่ ะตง้ั ชอื่ ลูกวา่ ขอ้ หล้อ ลูกข้อหลอ้ ของแม่เอย๋ แมน่ ้ีสงสารเจา้ หลาย ท่เี กิดมาไมม่ ีลำตวั แขน ขา ไม่เหมอื นเด็กคนอน่ื เขา มแี ตห่ วั น้อย ๆ ขอ้ หลอ้ ๆ แต่ดูไปดูมาเจ้าก็ช่างน่ารักน่าชัง ดวงตาใสแป๋วของเจ้าดูดกลืนจิตใจแม่เข้าไป จนหมดสนิ้ แขนขาเจา้ บม่ กี ไ็ มเ่ ปน็ ไร คดิ เสยี วา่ กด็ ไี ปอยา่ ง คงไมม่ ที างไปทำบาป ทำกรรมให้กับใครเขา แม่จะปลูกฝังให้ในหัวน้อย ๆ ของเจ้ามีแต่ส่ิงดีงาม” นาง รำพึงรำพนั พลางขับกล่อมลกู ด้วยบทกลอนอ่อนหวาน

18 ทา้ วข้อหลอ้ นอนสาหล้าขอ้ หลอ้ ลูกแม ่ อย่าไดฮ้ ้องฮำ่ ไหใ้ นด้าวด่านดง ฝูงเสอื ฮ้ายกลางคืนมันเท่ยี ว มันซขิ บแจ่มเจ้าบาทา้ วให้เล่านอน นอนสาหล้าสายตาลกู มิง่ แม่คนิงบ่แลว้ นำ้ ตาย้อยยา่ วลง นอนสาหล้านอนอสู่ ายปอ นอนกะทอยาฮา้ งสมโตบม่ ีพอ่ นอนตูบตอ่ เลา้ สมเจ้าพอ่ บม่ ี นอนสาหลา้ ขอ้ หลอ้ ลูกแม ่ อย่าได้มวั แอว่ อ้อนนอนแลว้ อย่าแอว่ วอน.... (นอนเสยี เถอะลูกรกั ของแม ่ ลูกอยา่ รอ้ งไห้ฟูมฟายในป่าดงเลย ฝงู เสอื รา้ ยออกหากนิ ตอนกลางคืน จะไดย้ นิ เสียงและทำร้ายเจา้ นอนเสียเถอะ นอนเถอะนะลกู รักแกว้ ตาดวงใจของแม่ อยา่ ใหแ้ ม่ต้องพะวงคดิ ครำ่ ครวญรำ่ ไห้ นอนเถอะลูก นอนในเปลเก่าสายปอ นอนในกะทอใส่ยาเกา่ ๆ เพราะเราไม่มพี ่อ นอนในชานขา้ งยุ้งขา้ วเพราะเจา้ พอ่ ไม่มี นอนเสยี เถอะลกู นอนเสีย อยา่ ได้พร่ำอ้อนวอนวาจาอกี เลย...)

19



สี่ เต่าหากินกุ้มปากเต่า แลนหากินกุ้มปากแลน (เตา่ หากินเลี้ยงตัวเองได้ ตะกวดก็หากินเลี้ยงตวั เองได้ ตา่ งคนต่างกท็ ำมาหากนิ ตามวิถขี องตน จึงไม่ควรมาหมิน่ กนั ) เวลาผา่ นไป ทารกน้อยเติบโตข้ึน พอรู้ประสีประสาจำนรรจาได้รวดเร็วผิดแปลก กว่าทารกน้อยท่ัวไป ต้ังแต่จำความได้ ข้อหล้อแลเห็นนางจันลงเรือนไปแต ่ รงุ่ สางทกุ เชา้ นางจนั ลงจากเรอื นดว้ ยสหี นา้ ครำ่ เครง่ ทกุ วนั เกอื บปแี ลว้ ทนี่ างจนั ปดิ บ้านปิดช่องเงียบเชียบ ไมเ่ ชื้อเชิญใครมาท่ีบ้าน ไมม่ ใี ครเคยเห็นลูกของนาง พวกชาวบ้านจงึ ได้แตแ่ อบซุบซิบนนิ ทาหญิงหมา้ ยไร้สาม ี เช้าวันนี้นางจันก้าวลงเรือนเร็วกว่าทุกวัน แต่ก็สะดุ้งด้วยเสียงตะโกน ทักจากเรอื นข้าง ๆ “อีจัน ไปนาแต่เช้าเชียวนะ เจ้าคลอดลูกมาก็นานแล้ว ทำไมไม่อุ้มลูก มาให้พวกข้อยเล่นพวกข้อยเล้ียงบ้าง เจ้าก็ตัวคนเดียว กลางวันไปนา ไปป่า เหน่ือยแสนเหน่ือย เอาลูกมาให้ข้อยช่วยดูแลก็ได้นะ” น้อยเพ่ือนบ้านทักทาย ถามไถ่นางจันดว้ ยความสอดรสู้ อดเหน็ เชน่ เคย “ขอบใจมากน้อย แต่ข้าต้องรีบไปนา จะเลยไปเก็บดอกกระเจียวท่ีเชิง ภู กลัวมันจะเหีย่ วเสียกอ่ น นานไปสิสาย”

22 ทา้ วข้อหลอ้ นางจันรีบเดินดุ่ม ๆ จูงควายจากไปอย่างรวดเร็ว ชินแล้วท่ีต้องบอก ปัดผู้คนแบบนี้ นางพร่ำบอกตวั เอง ใครกันเลา่ อยากจะใหค้ นอน่ื ร้วู า่ ตนเองมลี ูก เกิดมาพิการ มีแต่หัวข้อหล้อ ใครรู้เข้าก็จะกลายเป็นเสนียดจัญไร เป็นตัวซวย ของหมู่บ้าน มกี แ็ ต่พ่อโหรเท่านัน้ ที่ได้ใหค้ ำมน่ั สญั ญาวา่ จะไม่แพรง่ พรายเร่ืองน้ี แก่ผู้ใด โหรพ่อเฒ่าเป็นผู้มีคุณธรรมอันแท้จริง แต่คนในหมู่บ้านท้ังหลายเล่า เราจำเปน็ ต้องปิดบังเร่อื งทารกขอ้ หล้อนี้ต่อไป นางจนั ยำ้ บอกตนเอง นางทำมาหากินแต่เพียงผู้เดียวอย่างเหน็ดเหนื่อย ครั้นพอกลับเรือน กป็ ้อนขา้ วเลย้ี งดูลกู ด้วยความรักใคร่ จนทารกขอ้ หล้อเติบใหญข่ ึ้น ท้าวข้อหล้อ จงึ พดู จาปลอบแม่ “แม่จ๋า อย่าทุกข์ร้อนไปเลยนะแม่ ลูกนี้จะขอเล้ียงดูแม่เอง อย่าได้เป็น หว่ งในตัวของลูกนีเ้ ลย” “ลูกข้อหล้อเอ๋ย หัวจิตหัวใจเจ้าช่างงามนัก ตัวเจ้าน้ีหนอ ลำพังจะ เดินเหินก็ไม่ได้แล้ว ยังอุตส่าห์อาสาจะเลี้ยงดูแม่อีก เจ้าช่างเป็นเด็กวิเศษเสียน่ี กระไร” เม่ือนางจันออกจากบ้านไป เล้ียงควาย ทารกข้อหล้อก็กลายร่าง เป็นคน มีแขนขาเหมือนคนธรรมดา คอยดูแลทำความสะอาด ปัดกวาด บ้านช่องจนสะอาด หุงหาอาหารไวใ้ ห้ แม่ ท้ังตำป่นน้ำพริก ข้อหล้อทำเป็น ท้ังสิ้น เมื่อเสร็จงานบ้านแล้ว ทารก ขอ้ หลอ้ ก็หดตวั กลับเหลอื แต่หวั ตามเดมิ นางจันกลับมาจากทุ่งนาเห็นบ้านช่องสะอาด ข้าวปลาอาหารเตรียมไว้ เสรจ็ สรรพ นางแสนประหลาดใจจึงพดู ออกมาดัง ๆ ว่า

เต่าหากินก้มุ ปากเต่า แลนหากินกุ้มปากแลน 23 “ใครกันนะ เทวดาองค์ไหนหนอ เนรมิตให้บ้านเราสะอาดสะอ้าน แล้ว ยังนำอาหารรสดีเลศิ มาวางให”้ “ใครจะมาทำให้ ก็ลูกข้อหล้อของแม่น่ีแหละเด้อ ทำเป็นทุกส่ิง แม่จ๋า อย่าเปน็ ทกุ ขเ์ ป็นร้อนตอ่ ไปอกี เลยนะแม่ ลูกจะชว่ ยแมท่ ำงานทุกอยา่ ง” นางจนั ได้ฟังเช่นนั้นกแ็ สนช่นื ชมยนิ ดี “แม่น่ีโชคดนี ักทีม่ ีลกู ดี ลกู ข้อหล้อของแม่ แม่ฮกั เจา้ ราวภเู ขา แมฮ่ กั เจา้ เทา่ ฟา้ ” “ลูกกฮ็ ักแม่ ฮักเท่าฟ้ามดื ๆ” “ฮักเทา่ ฟา้ มืดๆ เปน็ จังใด๋กัน” “อ้าวแม่ ก็กลางวันฟ้ามันสว่างแวงแจง หาได้มีดวงจันทราไม่ แม่คือ ดวงจันทราของลูก สว่างแสงยามฟ้ามดื เปน็ จกั นัน้ ” วนั หนงึ่ ขอ้ หลอ้ ก็ขออาสาไปเล้ยี งควายแทนแม่ “ลูกเอ๋ย เจ้าแน่ใจหรือว่าจะไปเล้ียงควายกลางทุ่ง เจ้าตัวเต้ียข้อหล้อ ไม่ใช่เหมือนคนอ่ืนเขา จะเอาแรงท่ีไหนไปดึงไปฉุดควาย ควายมันสิจะเหยียบ เจา้ เอา” “แม่จ๋า ไว้ใจลูกเถิด ลูกทำได้ทุกสิ่ง ถ้าไม่ลองก็ไม่มีทางรู้ว่าลูกจะเล้ียง ควายไดห้ รอื ไม่ แมใ่ ห้ลูกไปท่งุ นานะแม่” นางจนั ขัดขอ้ หล้อไมไ่ ด้ก็ให้ไป พอข้อหล้อลงจากเรือน ก็กลายร่างมีมือมีขามีลำตัวออกมา เดินจูง ควายออกไปเลี้ยงท่ีริมแม่น้ำโขง ตกเย็นก็พาควายกลับบ้านเป็นที่เรียบร้อย นางจันก็ค่อยสบายใจขึ้นว่าลูกตนเอาการเอางาน สามารถจุนเจือครอบครัวได้ ท้ังสองคนจึงอยดู่ ้วยกนั อย่างมคี วามสขุ



ห้า คันบ่ออกจากบ้าน บ่เห็นด่านแดนไกล คันบ่ไปหาเฮียน กะบ่มีความรู้ (ถา้ ไมอ่ อกจากบา้ น กไ็ ม่มีโอกาสเห็นดนิ แดนท่อี ยหู่ า่ งไกล ถ้าไมไ่ ปหาแหลง่ ที่จะเล่าเรยี น ก็ไมม่ คี วามรู้) เมื่อขอ้ หลอ้ อายุไดเ้ จด็ ขวบ มพี อ่ คา้ นำเรือสำเภาห้าร้อยลำ ลอ่ งทวนนำ้ โขงมาจอดทีห่ ม่บู ้านจนั ทา- คาม เปน็ ทต่ี ื่นตาต่ืนใจแก่ชาวบา้ น พอ่ ค้านำข้าวของเครื่องใชม้ าแลกกบั ของป่า ได้แก่ งาช้าง นอแรด เขากวาง และข้าวสาร ข้อหล้อรู้เข้าก็คิดอยากทำมา ค้าขายทางเรอื บา้ ง จึงพูดกบั แม่ว่า “แมจ่ า๋ ลูกอยากสิได้เงนิ ทองไปคา้ ขายกับเขาบา้ ง” “โธล่ ูกเอย๋ แมย่ ากจนอยา่ งน้ี ลูกกร็ ู้กเ็ ห็นอยู่ แม่จะเอาเงินทองทไ่ี หนมา ให้ลูก แม้แต่สลึงหรือเฟื้องก็ยังไม่มี แล้วลูกก็ใช่จะเหมือนคนอ่ืนเขา แขนขาก็ บ่มี แล้วจะไปคา้ ขายกบั เขาไดอ้ ย่างไร” “หมามันยังมีหลายพันธ์ุ มีหลายสี ไม่เหมือนกัน มีตัวกลาง ๆ ตัวใหญ่ ตัวจ้อย แล้วตัวลูกทำไมต้องมีรูปร่างคือผู้อ่ืนเขา ลูกมีใจอยากค้าขาย เราบ่มีก็ ขอยืมเขาไปก่อนซิแม่ ไปขอยืมพ่อเฒ่าจ่ามาสักห้าช่ังพอได้เป็นทุนขาย ขอให้ แม่เชือ่ ลกู เถอะ”

26 ท้าวขอ้ หล้อ นางจันไม่อยากให้ลูกไปค้าขายก็จริง แต่ก็อดสงสารลูกไม่ได้ ไม่อยาก ขัดใจ ในใจลึกๆ ของนางมีความเชอ่ื และมั่นใจในตัวลูกชาย เพราะเคยเห็นความ สามารถของข้อหลอ้ มาบา้ งแลว้ จึงแต่งตวั ดว้ ยผา้ ผอ่ นผืนที่สวยท่ีสดุ ที่ตนมี แล้ว ลงจากบ้านไปหาพ่อหมอโหรเฒ่าเล่าเรื่องจะไปค้าขายให้ฟัง พ่อเฒ่าก็ออกจะ สงสัย “อะไรนะ เจ้าข้อหล้อน่ะหรือจะไปค้าขาย” พ่อเฒ่าถามอย่างไม่เช่ือหู ตนเอง “ก็ข้อหลอ้ น่ะสิ เขาจะไปค้าขาย รบเรา้ ใหม้ าขอยืมเงนิ พอ่ ใหญ่สักหา้ ชั่ง กลับมาจะใช้ให้” นางจันอธิบาย “เงินห้าช่ังน่ะ ข้าพอมีให้ดอก ห่วงก็แต่ตัวลูกชายเจ้า รูปร่างไม่ปกติ เหมอื นคนธรรมดาเขา จะไปคา้ ขายได้แน่หรอื ” “จรงิ อยู่ลกู ของขอ้ ยรปู ร่างไม่สมประกอบ แตข่ ้อหล้อกเ็ ป็นเดก็ ดีมุมานะ ข้อยหวังว่าถ้ามันร่ำรวยจากค้าขาย จะนำเงินกำไรไปทำบุญ จะได้เป็นบุญเป็น กุศลบา้ ง” “เม่ือแน่ใจก็เอา” พ่อหมอโหรเฒา่ จึงย่ืนเงินให้กับนางจัน “เพราะข้าเห็นว่าเจ้าเป็นคนซ่ือ ข้าจึงเช่ือใจว่าเจ้าจะนำเงินต้นมาคืน ไมต่ ้องทำหนังสอื สญั ญากยู้ ืมดอก” “ขอบคุณพ่อหมอหลาย ๆ ข้อหลอ้ กลบั มาจากคา้ ขายเม่อื ใด จะ ให้มากราบพ่อหมอพร้อมเงินต้นและ ดอกเบ้ยี ”

คันบ่ออกจากบา้ น บเ่ หน็ ดา่ นแดนไกล คนั บไ่ ปหาเฮียน กะบ่มคี วามรู้ 27 เมอ่ื กลบั มาถึงเรือน นางจันกร็ ีบนำเงินมอบให้ทา้ วขอ้ หล้อทันที “ดีจริงแม่ ทีนี้เราก็มีเงินทุนทำมาค้าขายแล้ว มีอีกส่ิงที่เราต้องทำก็คือ แม่โปรดช่วยฝากฝังลูกกับนายสำเภา ให้เขาช่วยรับลูกเดินเรือไปกับเขาด้วย” ข้อหล้อบอกกบั แม ่ “แล้วเขาจะใหไ้ ปหรือ” นางจันไม่แนใ่ จ เรม่ิ กังวล “แม่ไปอ้อนวอนเขาให้ทีเถิดแม่ เขาคงไม่ว่าอะไร เรามีเงินมีทองแล้ว นะแม่” นางจันขัดใจลูกไม่ได้ก็ไปหานายสำเภา ขอฝากลูกไปกับเรือสำเภา ท่ีท่าเทียบเรือของหมู่บ้านจันทาคาม นางเกิดมาไม่เคยเห็นเรือใหญ่หลายลำ ก็เกิดหวั่นเกรงเป็นกำลัง แต่ด้วยความรักลูก นางจึงรวบรวมความกล้า ขอเข้า พบกับนายสำเภา นายสำเภานเี้ ปน็ ชายวยั กลางคน กำยำล่ำสนั เห็นนางจันมาฝากลูกให้ ไปกบั เรือก็เกดิ สงสยั “ลูกเจ้าอายไุ ด้เท่าไรแล้วละ่ ” “ไดเ้ จด็ ปี” “อย่างน้ันจะไปด้วยกันได้ยังไงกัน ในลำน้ำโขงนั้นเกาะแก่งมากเหลือ ในทะเลนนั้ เลา่ กอ็ นั ตรายสารพดั ” นายสำเภาคา้ นเสียงแข็ง “เงือก งู ปลาฉลาม อกี ท้งั พญานาคแม่น้ำโขง ลว้ นแตส่ ตั วร์ า้ ยท้ังน้นั ” “ขอได้โปรดช่วยด้วยเถิดพ่อ รับลูกข้อยไปด้วยสักคน นึกว่าสงสาร ลูกกำพร้าไม่มีพ่อ ให้มันได้ไปเดินทางเปิดหูเปิดตา จะได้เกิดปัญญาทำมา ค้าขายนะพ่อ ถ้าบุญมาพาส่งก็จะได้ค้าขายมีเงินมีทองใช้กับเขาบ้าง หรืออย่าง นอ้ ยกจ็ ะได้ไปหาวิชาความรตู้ ดิ ตัวไวบ้ ้าง โปรดเถิดพ่อคณุ ถือว่าสงเคราะห์ข้อย เอาบญุ ด้วยเถิด”

28 ท้าวข้อหล้อ นายสำเภาได้ฟังนางจันอ้อนวอนเช่นน้ันก็ใจอ่อน ยอมอนุญาตให้รับ ท้าวข้อหลอ้ ข้นึ เรอื ไปด้วย นางจนั กลับมาบา้ น รบี จัดเตรยี มเสบียงอาหาร พรอ้ มสัง่ สอนลกู ว่า “ลูกข้อหล้อของแม่เอ๋ย เม่ือเจ้าจะต้องพรากจากอกแม่ แม่นี้ห่วงใย สารพัด โลกข้างนอกนี้กว้างใหญ่หลาย มีแต่ส่ิงอันตราย ผู้คนท่ีเจ้าจะต้อง พบเจอมีหลายประเภท คนที่มุ่งหลอกลวง ชักนำเจ้าไปในทางเส่ือมมักจะมา หลอกล่อเจ้าด้วยคำหวาน ให้เจ้าตายใจ ลูกน้อยของแม่ต้องมีสติไตร่ตรองระวัง ตวั ไว้เสมอนะลูก” “แมจ่ ๋า แม่คอื พรหมของลกู แต่เล็กจนโต แม่ปกปกั รกั ษาลกู ใหพ้ น้ จาก ภัยท้ังปวง บัดน้ีลูกเติบใหญ่พอจะเผชิญโลกได้แล้ว ลูกจะไม่ลืมคำสอนของแม่ ถงึ จากอกแม่ไปกเ็ พื่อไปทำมาคา้ ขาย หารายไดม้ าเลยี้ งดแู ม่ต่อไป แมจ่ ๋า โปรด ดแู ลตวั เองใหด้ ี ไมม่ ลี กู แมค่ งตอ้ งเหนด็ เหนอ่ื ยมากขน้ึ ลกู ขอกราบไหวส้ ง่ิ ศกั ดสิ์ ทิ ธิ์ ทงั้ หลาย ขอมาคมุ้ ครองแม่ ขอใหแ้ ม่อยู่รอดปลอดภยั รอวนั ท่ีลูกร่ำรวยกลับมา นะแม”่ คืนน้ัน ที่เรือนของสองแม่ลูก มีแต่เสียงสั่งสอนและปลอบโยนด้วย ความอาลัย

29



หก ยามไปมีคำฝาก ยามจากมีคำขวัญ เช้านีท้ อ้ งฟ้าแจม่ ใส ที่ท่าเรือ นายสำเภายืนบัญชาการสั่งผู้คนให้ขนข้าวสาร อาหาร ผลไม้ และข้าวของลงเรือ ค้าขายคร้งั นม้ี ีกำไรมาก ขายสินค้าที่นำมาได้หมดและยงั ได้ สินค้าท่จี ะนำไปขายต่อทเี่ มอื งอน่ื ได้อกี “เฮ้ย! เฮ้ย! ดูโนน่ ตัวอะไรหวา่ เดนิ ขุกลุก ขุกลกุ มาขนึ้ เรือ” เสียงตะโกน เสียงหัวเราะด้วยความขบขัน ดังลั่นไปทั่ว นายสำเภาเหลียวกลับมาดูก็เห็น ผคู้ นมุงลอ้ มอะไรบางอยา่ ง “อะไรหนอ ใครเล่นตลกกันน่ี” เขาคิดในใจ เดินแหวกฝูงคนจึงได้เห็น ร่างน้อย ๆ แต่มีหัวโตใหญ่ ๆ ของเด็กหน้าตาน่ารัก ถือห่อผ้ากำลังเดินข้ึน ไมก้ ระดานที่พาดข้ึนเรือสำเภา ทา่ ทางมุ่งมน่ั ไม่สนใจผคู้ นท่รี ุมล้อม

32 ทา้ วขอ้ หลอ้ “ไอ้หนู จะไปไส ข้นึ ไมไ่ ด้นะ” นายสำเภาหา้ ม “หนจู ะไปกับเรือสำเภา” “ไปทำหยังหือ” ถามอย่างแปลกใจท่ีเห็น ท่าทางเอาจรงิ เอาจงั เกินเด็ก “หนูจะไปค้าขาย จะหาเงินกลับมาเลี้ยงแม่” เสยี งแจว๋ ๆ แตเ่ อาจรงิ เอาจงั หุยฮา! หุยฮา! ป๊ีด ป้ิว! เสียงโห่ เสยี งเป่าปากจากคนที่ได้ยินคำตอบ “ป๊าดโท่! อนจิ จงั อนจิ จา ไม่ดูสงั ขารเลยหนอ จะไปทำอะไรได้” “เอาออกงานวดั นะสิ ถึงจะพอหากินได้” เสียงหัวเราะพร้อมคำเยาะเย้ยอื้ออึง หัวโต ๆ น้ันยิ้มรับ ไม่มีท่าทาง โกรธตอบ “ลงุ จ๋า ลุงนายเรืออยู่ไหน ลุงนายเรอื เขาอนุญาตแม่หนูแล้ว” นายสำเภาเบิกตาโพลง เด็กที่แม่มาขอให้นำไปด้วยคือไอ้หัวโตน่ีนะ หรือ ตายแล้วจะทำอย่างไรดี รับปากนางไปแล้วด้วย นายสำเภาหันรีหันขวาง นึกตำหนติ วั เองท่ีไม่รอบคอบ น่าจะถามเสียก่อน “เออวะ เป็นอย่างไรก็เป็นกัน” เห็นตาแจ๋ว ๆ มีความมุ่งม่ันแล้วนึก สงสารจึงยอมใหข้ นึ้ เรอื ไปดว้ ย “ไป ไป๊ ขึน้ เรอื ไป แล้วแต่บญุ แตก่ รรมกแ็ ล้วกันนะเอ็ง” ข้อหล้อก้มลงกราบงาม ๆ กับพื้น ด้วยความสำนึกบุญคุณ นึกถึงคำท่ี แมเ่ คยสอนไว้วา่ “นกั ปราชญฮ์ ้ายให้หมอบให้คลาน คนพาลดีใหห้ นีสิบโยชน์”

ยามไปมีคำฝาก ยามจากมีคำขวญั 33 คนที่เป็นนักปราชญ์นั้นต่อให้พูดจาไม่เพราะและท่าทางน่ากลัวก็ให้ อ่อนนอ้ มเขา้ หา แตห่ ากไปพบคนพาล หน้าตาดี ทำใจดี พดู หวานกใ็ หห้ ลีกหนี ใหห้ า่ งไกล นายสำเภามีลักษณะตรงกบั ท่ีแมส่ อน ข้อหล้อจงึ ไมร่ สู้ กึ กลัวนายสำเภาและคนเรือทมี่ องตนอย่างขบขัน สักวนั หนงึ่ ทกุ คนจะต้องเปลี่ยนความคิด เด็กอย่างขอ้ หลอ้ จะทำเป็นตวั อย่างใหด้ ู ในไม่ช้า สำเภาก็ออกจากท่าแล่นล่องไปในน้ำโขงอันไหลเชี่ยวและขุ่น เหมอื นกบั ใจของนางจันท่ขี นุ่ หมกมุ่นตรอมใจกบั การจากไปของลกู ข้อหล้อ



เจ็ด ใจประสงค์สร้างกลางดงกะว่าท่ง ใจขี้คร้านกลางบ้านกะว่าดง (ถา้ ใจมงุ่ มัน่ แมจ้ ะอย่กู ลางปา่ กลางดงกอ็ ยู่เหมือนกลางทงุ่ โลง่ ถา้ ใจเกียจครา้ น แม้จะอยู่กลางบ้านกล็ ำบากเหมือนอยใู่ นดง) หลายวันต่อมา เรือสำเภาก็ล่องมาถึงเกาะแห่งหน่ึงกลางแม่น้ำโขง เป็นเกาะที่ไม่ใหญ่นัก แต่มีที่ดินกว้าง มีหาดทรายขาวสะอาดอยู่ด้านหลังของ เกาะ ข้อหลอ้ เหน็ ว่าเป็นทำเลทีด่ ี กเ็ กิดชอบใจ “ลุงจ๋า เกาะน้ีชัยภูมิดีนัก ด้วยว่าน้ำโขงแยกออกเป็นสอง ไม่เชี่ยว ไม่แรง อีกท้ังมีหาดทรายขาวสะอาด หนูอยากสำรวจหาทำเลไว้ทำกิน ขอลุง ชว่ ยจอดเรอื ปล่อยหนลู งท่เี กาะนีเ้ ถดิ ” “โอ๊ย จะไปอยู่ได้อย่างไร ตัวคนเดียวนี่นะ” พวกคนเรือพากันคัดค้าน ตงั้ แตน่ ง่ั เรือมาด้วยกัน คนในเรือสำเภาต่างกร็ กั ใคร่ ตอนแรกมาก็ขบขนั ต่อมา ก็เอ็นดู เพราะบักข้อหล้อคนนขี้ ยันเหลือเกนิ ชว่ ยปดั กวาดเช็ดถู ไมน่ ง่ิ ดดู าย

36 ท้าวข้อหลอ้ “เกาะแก่งแม่น้ำโขงเหล่าน้ี เป็นท่ีพำนักของพญานาคมีอิทธิฤทธ์ิมาก หลาย เจา้ จะอยู่ได้หรือ” นายสำเภาถาม “บ่เปน็ หยังดอก หนูบย่ ่าน ชว่ ยสง่ หนูใหถ้ งึ เกาะเถอะจ้ะลุงจา๋ ” หัวโต ๆ ทำตากะพรบิ เชงิ ประจบ นายสำเภาเหน็ ว่าจะหา้ มไว้ก็ไมฟ่ งั จงึ ส่งข้อหล้อไวท้ ี่ชายหาด “โชคดีเด้อ” พากนั อวยชยั ให้พรก่อนเรอื จะแลน่ ตอ่ ไป บัดน้ีข้อหล้อเคว้งคว้างอยู่ตัวคนเดียว อดคิดถึงแม่ไม่ได้ เงียบก็เงียบ เหงาก็เหงา แต่กค็ ิดหักใจวา่ อยา่ งไรกค็ งได้พบกัน สองสามวนั ต่อมา ขอ้ หลอ้ จงึ นำเมล็ดพันธุแ์ ตงโมเมลด็ ฟักแฟงทเ่ี ก็บได้ จากปา่ มาปลูก หมั่นรดน้ำพรวนดิน ไม่นานนัก เถาแตงโมก็เลื้อยทอดไปรอบเกาะ ออกลูกดกสะพรั่งริมฝั่ง น้ำโขง ลูกโตๆ เต็มไปหมด ด้วยฤทธ์ิของพระอินทร์จึงบันดาลให้เหล่าแตงโม มีผลเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม ผิวมันจนหนอนที่ไต่ไชต้องร่วงหล่นลงทุกตัวไป แตงโมผลสี่เหลี่ยมสวยงามราวกับหมอนขิตของพระอินทร์ ดึงดูดให้เก้ง กวาง ช้างป่าต่างพากันมากิน ท้าวข้อหล้อเห็นสัตว์ป่ามากิน ก็ไม่ว่าอะไร กับดัก ไมต่ อ้ งใช้ ร้วั ไม่ตอ้ งทำ คดิ วา่ ทำทานเอาบุญ

ใจประสงค์สร้างกลางดงกะว่าท่ง ใจข้ีคร้านกลางบา้ นกะว่าดง 37 วันหน่ึง ธิดาทั้งสองของพญานาคว่ายน้ำออกมาจากแม่น้ำมูล พากัน ว่ายออกมาถงึ หาดทรายตรงไร่แตงโมของขอ้ หลอ้ เมอื่ มาเห็นแตงโมผลสีเ่ หล่ียม งามราวกับหมอนขิตจึงชวนกันเก็บกินอย่างเอร็ดอร่อย ข้อหล้อแลเห็นเข้า ก็รอ้ งถามวา่ “นี่อย่างไรกนั หน้าไม่อาย มาเกบ็ แตงโมกิน ขอเจา้ ของเขาแลว้ หรอื ยงั ” “เมือ่ ก่อนนไ้ี มเ่ ห็นใครมาทำไร่ทำสวนอยทู่ ีเ่ กาะน้เี ลย พอี่ ้ายมาจากไหน จึงมาทำไรอ่ ยูท่ ่นี ี่” ลูกสาวพญานาคถาม “ฉันเป็นพ่อค้าลงสำเภาแล่นมาเร่ือย ๆ มาเห็นเกาะแห่งนี้งดงามนัก กเ็ ลยลงแวะแตเ่ พยี งผเู้ ดยี ว หกั รา้ ง ถางพงทำไรแ่ ตงโมอยา่ งทเ่ี หน็ นแี่ หละ” ขอ้ หลอ้ เลา่ ให้ลูกสาวพญานาคฟัง “ข้อยทั้งสองไม่รู้ว่าแตงนี่เป็นของพี่อ้ายจริง ๆ ขอข้อยกับน้องกินแก้ กระหายน้ำหน่อยเถิด แล้วข้อยจะทดแทนใช้หน้ีให้ภายหลัง” ลูกสาวพญานาค พดู แล้วก็ดำนำ้ หายไป “เก็บกินตามสบายเถิด” ข้อหล้ออนุญาต การแบ่งแตงโมให้ผู้อ่ืนทำให้ ใจมคี วามสุข ที่ได้ทำบุญทำทาน ชว่ ยดับกระหายแกน่ างท้ังสอง ลูกสาวพญานาคคนพี่ช่ือสีดาจัน คนน้องชื่อมัณฑริกา ว่ายทวนน้ำ จากเกาะกลางน้ำโขงไปยังคำชะโนด วังพญานาค อันเป็นสถานท่ีอยู่ของ ทา้ วศรสี ุทโธนาคผบู้ ดิ า สถานทอี่ ยู่ของพญานาคเปน็ เกาะบนดนิ มีบ่อน้ำศักด์สิ ิทธ์ิอยู่ตรงกลาง เป็นทางเชื่อมโลกมนุษย์และวังบาดาล แวดล้อมด้วยต้นชะโนดสูงใหญ่ราว สิบศอก เป็นไม้ครั้งบรรพกาล บดบังแสงตะวันจนส้ิน ให้ร่มเงาร่มเย็นแก ่ ผนื ดินดำชมุ่ น้ำ

38 ท้าวข้อหลอ้ เมื่อถึงวังพญานาค นางทั้งสองก็ตรงไปเข้าเฝ้า เล่าเร่ืองที่เกิดข้ึนให้ บดิ าฟัง “พอ่ จา๋ วนั นลี้ กู ไปเทย่ี วบนโลกมนษุ ย์ ตรงหาดทรายทเ่ี คยไปอาบนำ้ เลน่ ได้ไปเห็นแตงโมผลสี่เหล่ียมคือหมอนขิตออกลูกมากมายเป็นที่ประหลาดใจนัก เลยเกบ็ กนิ เจา้ ของไรแ่ ตงเขาหาวา่ ลกู ขโมยของเขากิน เจา้ ของไร่แตงผนู้ ้แี ปลก กว่ามนุษย์ทั้งปวง มีแต่หัวข้อหล้อ ไม่มีตัว มีแขนขาน้อย ๆ ท้าวข้อหล้อผู้นี้จะ จับลูกฐานไปลักแตงโมหมอนขิตของเขา ลูกจึงได้ขอชีวิตไว้และสัญญาว่าจะ ตอบแทนบุญคุณของเขา ลูกใคร่ขอทองคำแท่งจากพ่อ เพ่ือจะเอาไปทดแทน บุญคุณค่าแตงโม พ่อจะเห็นเป็นประการใด ถ้าไม่ให้ลูกก็เกรงว่าบาปจะติดตัว ลกู ไปในภายหนา้ ” นางเติมแต่งเร่อื ง ท้าวศรีสุทโธพญานาคผู้ถือสัจจะ ได้ฟังดังนั้นก็ประทานทองคำแปดสิบล้านให้ ลกู สาวนำไปใหท้ า้ วขอ้ หลอ้ ตามสัญญา

39



แปด เทียวทางบ่สุดเส้น อย่าถอยหลังให้เขาเหยียบ ตายขอให้ตายหน้าพุ้น เขาจั่งย้องว่าหาญ (เดินทางใหต้ ลอดอยา่ ถอยหลังให้เขาเหยยี บ ถ้าจะตาย ขอใหไ้ ปตายขา้ งหน้าโน้น คนเขาจงึ จะยกย่องว่ากลา้ หาญ) สามเดือนต่อมา นายเรือสำเภาเดินเรือผ่านมายังเกาะดอนกลางแม่น้ำ โขง เห็นไร่แตงผลดกก็ดีใจรู้ทันทีว่าเป็นฝีมือของใคร จึงแวะรับท้าวข้อหล้อขึ้น เรือ ท้าวข้อหล้อให้แตงโมส่ีเหล่ียมและฟักแฟงนานาเป็นเสบียงแก่นายสำเภา และลูกเรือ นายสำเภาก็มอบข้าวของเครื่องใช้ตอบแทน ทุกคนทั้งประหลาดใจ ท้ังดีใจ ที่ข้อหล้อทำได้สำเร็จ นายสำเภาถึงกับเอ่ยปากชมเชยให้ลูกน้องดูเป็น ตวั อยา่ ง “บักข้อหล้อนี่ มีความต้ังใจจริง มีความพากเพียร พวกเจ้าดูไว้ ต่อไป จะเป็นคนใหญ่คนโต เพราะเพ่ินเป็นคนมีบุญ ภาษิตบ้านเราสอนกันมานมนาน แลว้ ว่า

42 ทา้ วขอ้ หล้อ “บญุ มีไดเ้ ป็นนายให้เขาเพ่งิ คันว่าบญุ บ่พร้อมแสนสดิ นิ้ กะเปลา่ ดาย คองแตบ่ ุญมาคำ้ บท่ ำการมนั บแ่ ม่น คองแตบ่ ญุ ส่งให้มันสิไดฮ้ ่อมใด๋ คอื ดังเฮามเี ขา้ บ่เอากินมนั บ่อม่ิ มีลาบคนั บเ่ อาเขา้ คุ้ยทางทอ้ งบห่ ่อนเต็ม” (คนมบี ุญยอ่ มได้เป็นนายเป็นที่พงึ่ ของผอู้ น่ื ผู้ไม่มบี ญุ แมจ้ ะดนิ้ รนปานใดกเ็ ปล่าประโยชน์ แต่การรอคอยให้บญุ มาค้ำจุนย่อมไมถ่ กู ต้อง เราต้องลงมือทำเอง ดจุ ดังมขี า้ วแตไ่ ม่กินจะอิ่มได้อย่างไร มีลาบแตไ่ ม่เอาปัน้ ข้าวไปจิ้มตกั ข้นึ มาไฉนท้องจะอิ่ม) เมื่อถึงหมู่บ้านจันทาคาม นางจันรู้ข่าวว่าเรือสำเภามาถึงก็รีบวิ่งมาริม นำ้ โขงเพื่อมาต้อนรบั ลกู “ข้อหล้อ ข้อหล้อของแม่เอ๋ย พระอินทร์คงได้ฟังคำภาวนาของแม่ จึง ให้ลมพัดเรอื สำเภาพาลูกมาสู่อกแมแ่ ตโ่ ดยเรว็ ” ข้อหล้อเดินลงจากไม้ท่ีพาดเรืออย่างสง่า คนเรือกุลีกุจอแบกข้าวของ เดนิ ตามมาสง่ ต่างก็ร่ำลากนั “ไปดีเดอ้ บกั ขอ้ หลอ้ ” ตา่ งอวยชยั ใหพ้ ร “แมจ่ ๋า ลูกไม่เพียงนำตวั กลบั มาบ้าน ลูกยัง ร่ำรวยกลับมา มีทองแปดสิบล้านมาให้แม่ด้วย” ขอ้ หลอ้ กระซิบกระซาบเมอื่ ถึงเรือน “จริงหรือ เจ้าได้มาอย่างไร เจ้าบ ่ ไดล้ กั บ่ไดโ้ กงใครมานะ” นางระแวง “ถึงจะมีทองเป็นล้าน หากได้มา อยา่ งไม่ดีไม่งาม แม่กไ็ ม่อยากได้นะลกู ” เม่ือนางได้ฟังเรื่องราวท้ังหมดจากลูก นางจนั ก็ชมว่า

เทยี วทางบส่ ดุ เสน้ อย่าถอยหลงั ใหเ้ ขาเหยียบ ตายขอใหต้ ายหน้าพุน้ เขาจั่งย้องวา่ หาญ 43 “โอ แม่นี้แสนช่ืนใจ ดว้ ยความมานะ ความกล้าหาญ ความขยนั ขันแขง็ ของลกู เทพเทวาจึงอวยชยั ใหพ้ รให้ลกู แมม่ คี วามสำเร็จ” สองแม่ลกู จึงมชี ีวติ ทีส่ ขุ สบายขนึ้ ไมต่ ้องอยู่เรือนหลงั น้อยอกี ต่อไป ท้าวขอ้ หลอ้ ปลูกเรือนไม้หลังใหม่ ทัง้ ยังนำทองทไ่ี ดไ้ ปขายเป็นทุนเล้ียง วัวควาย ทำสวนหมาก สวนพร้าว ขุดบ่อน้ำบ่อปลา ดำรงชีวิตอย่างพอเพียง ทองคำที่เหลือ ท้าวข้อหล้อก็เก็บหอมรอมริบไว้เป็นทุน จนเป็นท่ีเล่าลือกันทั้ง หมบู่ ้านจันทาคามวา่ สองแมล่ กู น้ขี ยันหมั่นเพียรจนได้ดีมีสขุ



เก้า ได้เมียผู้ดี ปานได้แก้วคูณล่าง ได้เมียผู้ซ่าง ปานได้แก้วคูณเฮือน (มเี มียดเี หมือนไดด้ วงแกว้ มาเชิดชตู น ไดเ้ มยี เป็นชา่ งฝมี ือเหมือนไดแ้ กว้ มาเชดิ ชเู รือน) วันเวลาผ่านไป ทา้ วข้อหลอ้ อายุได้สิบหกปี เปน็ หน่มุ นอ้ ยหนา้ ตาคมสนั แม้ว่ารูปร่างจะไม่เหมือนคนท่ัวไปแต่ใช่จะไร้หญิงที่แวะเวียนกันมาหา เพราะมีข่าวลอื ทว่ั ไปว่าทา้ วขอ้ หล้อมเี งินมีทองเกบ็ มไี รน่ าสาโท ตา่ งก็พากนั มา เยี่ยมเยียนถึงเรือนท้าวข้อหล้อ หวังจะชนะใจได้เป็นภรรยา เพ่ือจะหาทาง ปอกลอกในภายหลงั นางจนั เหน็ สาวแตล่ ะนางแลว้ ไดแ้ ตส่ า่ ยหนา้ เปน็ หว่ งลกู ชาย จงึ สงั่ สอน ลกู ว่า “ลูกแม่ หญิงผู้ดีเขาไม่ไปเก้ียวผู้บ่าวก่อนดอกนะ นางเหล่าน้ันมาหา เจ้า เพื่อหมายปองทรัพย์สมบัติ หากเจ้าไร้ซึ่งทรัพย์แล้ว เห็นทีนางเหล่าน้ี จะไม่มีวันพูดกับเจ้า ลูกจงอย่าเร่งร้อนหาคู่ครองเลย จงใช้เวลาค้นหากุลสตรี เถดิ นะลูกแม่”

46 ท้าวขอ้ หลอ้ คร้ังนั้น พระเจ้าพรหมทัตผู้ครองนครหลวง มีพระธิดาอยู่สามองค์ นอ้ งนชุ สุดท้อง มีช่อื ว่า คันธมาลา ความงามของพระธิดาท้ังสามเลื่องลือไปท่ัวพระนครราวกับกล่ินหอม ของดอกจำปา ทา้ วขอ้ หลอ้ รขู้ ่าวก็คิดอยากได้นางเป็นคคู่ รอง จงึ อ้อนวอนขอให้ นางจันไปสู่ขอพระธดิ ามาให้ตน แต่นางจนั ไมเ่ ห็นด้วยกับความคดิ ของลกู ชาย “น่ลี ูกจะทะเยอทะยานมากไปแล้ว ผู้เฒ่าผ้แู ก่เคยสอนวา่ นาบ่สมเขา้ เสาเฮอื นบส่ มข่ือ ผือบ่สมสาดเหี้ยน งัวเกวียนบ่สมแอก ตาแฮกบส่ มไก่ตม้ งมเลีย้ งกะบ่กิน คำบ่สมสร้อย พลอยนิลบส่ มสี ผมปนั้ หยีบส่ มดวงดอกไม้ แสนสิเอ้กะบค่ อื หมายความว่าของสองส่ิงหรือของคู่กันนั้น เช่น นากับข้าว เสาเรือน กับขื่อ ต้นกกกับเสื่อ วัวเกวียนกับแอก ตาแฮกกับไก่เครื่องเซ่น ทองคำกับ สายสร้อย พลอยนิลมีสีไม่สมเป็นพลอยนิล ผมเกล้ากับดอกไม้ท่ีนำมาประดับ ถ้าบ่พอดพี อสมกัน นำมารวมกนั เข้า ทำอยา่ งไรกไ็ มง่ ามนะลกู รู้ตวั หรือเปลา่ ว่า ลูกน่ะมีรูปไม่เหมือนคนอื่นๆ เขา มีแต่หัวข้อหล้อจะไปขอลูกสาวเจ้าเหนือหัว ได้อย่างไร แมไ่ ม่กล้าดอก” “โธ่ แมไ่ ม่สงสารลกู หรอื อย่างไร ใช่วา่ เราจะไรเ้ งนิ ทองคา่ สินสอด แมไ่ ป ขอให้ลกู เถดิ นะ” ท้าวข้อหลอ้ คะย้ันคะยอใหแ้ ม่ไปสู่ขอ นางจนั ทนลกู ออ้ นวอนไมไ่ หว จำตอ้ งแตง่ ตวั งาม ๆ เขา้ ไปในเมอื งหลวง เพอื่ ไปสขู่ อพระธดิ าผงู้ ดงาม เมอื่ อำมาตยน์ ำเรอื่ งขนึ้ กราบทลู ใหพ้ ระเจา้ พรหมทตั ทรงทราบ กท็ รงพระสรวลแลว้ ตรัสว่า

ได้เมียผู้ดี ปานได้แกว้ คูณล่าง ไดเ้ มียผซู้ ่าง ปานได้แกว้ คูณเฮือน 47 “ก็ไม่ขัดข้องอะไร มีข้อแม้ว่า ใครต้องการจะแต่งงานกับลูกสาวเรา จะต้องสร้างสะพานเงินสะพานทองจากบ้านเจ้าบ่าวมาจนถึงวังของเรา เม่ือทำ ดังนั้นไดก้ ต็ กลง” นางจันจึงรบี กลบั บ้านมาแจ้งใหล้ ูกฟงั “แม่ว่าบุญของเราไม่ถึงดอก จะเอาทองเอาเงินท่ีไหนมาสร้างสะพาน ตัง้ แต่บา้ นเราไปถงึ พระราชวังได้ มที องคำสักพันเกวียนก็ไมพ่ อสรา้ ง” “แม่อย่าตกใจไปเลย ถา้ บญุ ไม่พอกแ็ ลว้ ไป ถา้ บุญมีสะพานทองสะพาน เงินก็จะมาหาเราเอง” ทา้ วขอ้ หล้อพูดปลอบใจแม ่ คนื นั้น ท้าวขอ้ หลอ้ ได้ตัง้ จิตอธิษฐานขอให้พระอินทรบ์ นฟ้าชว่ ยเนรมติ สะพานทองสะพานเงินให้ตนด้วย พระอินทร์จึงมีเทวบัญชาให้พระวิศวกรรมลง ไปสรา้ งสะพานให้เสรจ็ ในคืนนน้ั ทนั ที

48 ท้าวขอ้ หล้อ ครั้นรุ่งเช้า พระเจ้าพรหมทัตพร้อมด้วยพระธิดาทั้งสามต่ืนบรรทม ก็ แลเห็นสะพานทองสะพานเงินทอดมายังพระราชวงั พระเจ้าพรหมทตั จงึ ตรสั กับ ธิดาทั้งสามว่า ท้าวข้อหล้อจากบ้านจันทาคามเขามาสู่ขอ ใครจะเต็มใจแต่งงาน กบั เขาบ้าง พ่สี าวท้ังสองตา่ งแสดงท่าทีรังเกยี จ ปฏิเสธไมข่ อเป็นคู่กบั คนที่มีแต่ หวั สว่ นนางคันธมาลานอ้ งสดุ ท้อง กราบทลู ว่า “แล้วแต่พระบิดาจะเห็นควร เม่ือทรงล่ันวาจาแล้ว ก็จะขอตามพระทัย ทุกประการ” พระเจ้าพรหมทัตได้ทรงฟงั เช่นนน้ั ก็โลง่ ใจ ไม่ตอ้ งกงั วลว่าจะเสยี คำพดู จึงมีรับส่ังให้จัดขบวนแห่ไปรับท้าวข้อหล้อเข้ามาในพระนคร เพ่ือจัดพิธีอภิเษก สมรสต่อไป ท้าวขอ้ หล้อเดินทางตามขบวนแหม่ าถึงพระนครหลวง ชาวเมืองพากนั มามุงดูว่าที่พระราชบุตรเขย เม่ือเห็นว่าท้าวข้อหล้อมีแต่หัว ไม่มีลำตัวแขนขา ก็ตา่ งพากนั ตกใจ ลอื กันไปทั่วว่าเป็นตวั ประหลาด บางคนตกใจปิดบ้านปดิ ชอ่ ง หนี เมอ่ื มาถงึ วงั หลวง บรรดาเสนาขนุ นางในวงั ตา่ งพากนั ตกใจ กม้ หนา้ ไมก่ ลา้ มอง พระเจ้าพรหมทัตแม้แสนจะตกใจและเสียใจแทนลูกสาว แต่ก็จำใจต้อง จัดพิธีแต่งงานให้ มีการเชิญหมอขวัญมาทำพิธีผูกข้อต่อแขนให้คู่บ่าวสาว เสยี งหมอขวญั สวดใหพ้ รวา่ “...ใหเ้ จ้าตั้งหน้าต่อทำแตค่ วามด ี ความสุขมเี พยี งพอบ่อนอ้ ย แลงคำ่ คอ่ ยอย่สู วัสดี กข็ ้าเทอญ... ทา้ วขอ้ หล้อนง่ั อมยมิ้ รบั คำพร ตรงข้ามกับ นางคันธมาลาท่ีเอาแต่นั่งเงียบปลงตกกับอนาคต ของตน

49