ดว้ ยปรมิ าณนำ้ จืดทม่ี ากพอและเขา้ ถงึ ทุกพ้ืนท่ี เกษตรกรจงึ สามารถทำการเพาะปลกู ได้อย่างเตม็ พน้ื ที่ สง่ ผลให ้ ผลผ ลติ ปีเพาะปลูก (พ.ศ.) จำนวน ๒๕๓๘ - ๒๕๓๙ ๔๘,๙๑๖ ไร ่ พ้ืนที่ปลูก ๒๕๕๓ - ๒๕๕๔ ๒๖๔,๖๐๕ ไร ่ ข้าวนาปรงั ๒๕๔๒ ๒๗๒,๙๖๔ ไร ่ ๒๕๕๓ - ๒๕๕๔ ๔๔๐,๑๕๒ ไร ่ พื้นทป่ี ลกู ข้าวนาปี ๒๕๓๗ - ๒๕๓๘ ๓๑๗ กก./ไร่ ๒๕๕๓ - ๒๕๕๔ ๕๘๘ กก./ไร่ ผลผลติ เฉลย่ี ข้าวนาปี พื้นที่ปลกู ๒๕๕๐ ๘๐,๓๒๑ ไร ่ ปาลม์ นำ้ มัน ๒๕๕๓ - ๒๕๕๔ ๑๖๗,๙๐๙ ไร ่ พนื้ ท่ปี ลูก ๒๕๕๐ ๒๑๘,๘๑๐ ไร่ ยางพารา ๒๕๕๓ - ๒๕๕๔ ๒๔๔,๗๒๕ ไร่ รายได้เฉล่ีย ๒๕๔๕ ๒๐,๑๓๘ บาท ของประชาชน ต่อคนตอ่ ปี ในพ้ืนท ี่ ๒๕๕๕ ๕๙,๖๔๗ บาท ลุม่ น้ำปากพนงั ต่อคนต่อป ี รายได้เฉลย่ี ๒๕๓๖ ๔๘,๕๔๕ บาท ตอ่ ครวั เรอื นต่อป ี ๒๕๕๕ ๒๔๘,๒๐๗ บาท ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๔๗ เป็นต้นมา ประชาชนในพื้นที่ลมุ่ น้ำปากพนงั มีรายได้เฉลี่ยเพม่ิ ขึน้ จากเดมิ ถงึ ประมาณรอ้ ยละ ๒๘ และมีแนวโนม้ เพ่ิมขนึ้ อยา่ งต่อเนอ่ื ง 53
โครงการพัฒนาพ้ืนท่ีลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจาก พระราชดำริ ไม่เพียงช่วยพลิกฟื้นคืนความอุดมสมบูรณ์ของ ธรรมชาติสู่พ้ืนที่ลุ่มน้ำปากพนัง พลิกฟ้ืนฟูสภาพเศรษฐกิจ ชว่ ยใหป้ ระชาชนไดล้ มื ตาอา้ ปาก พลกิ ฟน้ื คนื ชวี ติ ความเปน็ อยู่ ที่ดีขึ้น และเหนืออื่นใดคือพลิกฟื้นคืนมิตรภาพ คล่ีคลาย ความขัดแยง้ ทฝ่ี งั รากลกึ มาเนิน่ นานลงได้ อาจกล่าวได้ว่าโครงการพัฒนาพ้ืนที่ลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริได้ช่วยแก้ปัญหาอันซับซ้อน ในอดตี ใหส้ ามารถบรรเทาเบาบางลงไดใ้ นปจั จบุ นั ตลอดจน วางรากฐานแหง่ การพัฒนาอย่างย่ังยืนในอนาคต 54
ดว้ ยผลแหง่ การพฒั นา แมน่ ำ้ ปากพนังจึงคนื กลับส่คู วามอดุ มสมบรู ณ์ เปน็ เส้นเลือดใหญ่ ทหี่ ลอ่ เล้ียงชีวติ ผ้คู นริมสองฝั่งน้ำใหพ้ ออยู่ พอกนิ มีความสุขอย่างพอเพยี ง ตคลือพอศรดนูะบรยาะยทร์ วสะเวมมลจเดาิตแ็จหใจพ่งกราแรละเตะจศอ่ ้าูนสอูอ้ ยยนั ์กยู่หาลววั านงาน ขวญั และกำลงั ใจทส่ี ำคญั ทที่ ำใหป้ ระชาชนในพนื้ ท่ี ตลอดจนเจา้ หน้าทท่ี ุกภาคส่วนสมคั รสมานสามัคค ี ผนกึ กำลงั ปฏบิ ัติหน้าทส่ี นองเบอ้ื งพระยคุ ลบาท อยา่ งเต็มกำลังความสามารถ จงึ กลลโุ่มดบั ยมนมาเำ้ิไรดป่ิมย้ าสอ่กวทพ้อ่างตนอ่ไังสอทวุป่เี คสดยร้วรหยคมปทน่ รกี่หะกีดมาขอยวงแาหงท่งแคับลถะวปมัญาไมปหดหาว้ทวย่ที ป้าังทัญอายกีห คา ร ง้ั 55
ดว้ ยน้ำพระราชหฤทัย พลกิ ฟน้ื คนื ความอดุ มสแู่ ผน่ ดนิ ความอดุ มสมบรู ณ์ของผนื ปา่ พรคุ วนเครง็ ในพ้นื ที่โครงการพัฒนาพ้นื ท่ีลุ่มนำ้ ปากพนงั อนั เนือ่ งมาจากพระราชดำริ ทก่ี ลบั คนื มาหลงั การพลกิ ฟน้ื 56
นบั ร้อยปมี าแลว้ ที่ “ลุ่มน้ำปากพนงั ” เคยไดร้ บั ฉายาวา่ เปน็ “เมืองอูข่ ้าว อนู่ ำ้ ” สำคญั ของภาคใต ้ จากปญั หานานปั การที่เกิดข้นึ ในช่วงหลายทศวรรษท่ผี า่ นมา วันนี้ พน้ื ทลี่ ุม่ นำ้ ปากพนังกำลังพลิกฟ้นื และได้รับการพฒั นา ให้ดีข้นึ ในทกุ ๆ ด้าน เพื่อกลบั สกู่ ารเปน็ เมืองอ่ขู า้ ว อู่นำ้ อีกครง้ั แต่กวา่ จะเดนิ ทางมาถงึ วันนี้ ชาวปากพนงั ตอ้ งเผชิญกับปญั หา ตอ้ งต่อสู้ฟันฝา่ อปุ สรรคมากมาย ด้วยความอดทน มุ่งม่ัน พยายาม มเี พียง “ใจ” ท่ีเปย่ี มลน้ ด้วย “ความหวัง” และ “ศรทั ธา” ในพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั เท่านั้นที่เป็นเครือ่ งนำทาง ดว้ ยความเช่ือทว่ี ่า “เดนิ ตามรอยพอ่ ยงั ไงชวี ติ ก็จะตอ้ งดีขึ้น” 57
ห ากล่มุ น้ำปากพนงั เป็นพื้นที่ท่ีมีปัญหาเพียงด้านใดด้านหนึ่ง เฉกเช่น พื้นที่อ่ืนๆ การแก้ปัญหาก็คงสำเร็จลุล่วงไปได้ อย่างไม่ยากเย็นเท่าไร แต่จากปัญหาความ เส่ือมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติท่ีสะสมมา เนนิ่ นาน กอปรกบั ลกั ษณะภมู ปิ ระเทศทห่ี ลากหลาย ระบบนเิ วศทซ่ี บั ซอ้ น อีกท้ังน้ำจืดต้นทุนก็มีจำกัด การใช้ประโยชน์ที่ดินก็แตกต่าง ต้องอาศัย ความซับซ้อนในการบริหารจัดการสูง การแก้ ปัญหาจึงต้องดำเนินไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป ย า ก ท่ี จ ะ เ กิ ด ป ร ะ โ ย ช น์ สู ง สุ ด ค ร บ ทุ ก ด้ า น เพราะการแก้ปัญหาด้านหนึ่ง อาจส่งผลกระทบ ตอ่ ด้านอ่นื ต่อเนอ่ื งตามมาเปน็ ลูกโซ่ 58
จากโรงสีขา้ ว สัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบรู ณ์ในอดตี ส่.ู ..ประตรู ะบายนำ้ อุทกวิภาชประสทิ ธิ สญั ลกั ษณแ์ หง่ ความอุดมสมบูรณ์ในปจั จุบัน ทต่ี งั้ อยู่ในสายน้ำเดียวกัน ด้ ว ย ส า ย พ ร ะ เ น ต ร อั น ย า ว ไ ก ล ข อ ง ว่าต้นตอหลักของปัญหาในพ้ืนที่ลุ่มน้ำปากพนัง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทำให้ทรง เร่ิมมาจาก “การตัดไม้ทำลายป่า” ซ่ึงมิได้ส่ง เข้าพระราชหฤทัยอย่างถ่องแท้ว่า “ประตูน้ำ ผลกระทบเฉพาะแค่เรื่องดิน น้ำ หรือ ต้นไม้ อนั เดยี ว” ไมส่ ามารถคลค่ี ลายปญั หาทที่ บั ซอ้ น เท่าน้ัน หากแต่ยังเชื่อมโยงไปถึงปัญหาทาง ไดท้ ง้ั หมด แมเ้ ครอ่ื งมอื และเทคโนโลยจี ะสามารถ เศรษฐกิจ สังคม ส่ิงแวดล้อม และวิถีชีวิตของ “ควบคมุ ” และ “เอาชนะ” ความผนั ผวนปรวนแปร ประชาชนในท่ีสุด การแก้ปัญหาจึงต้องวาง ของธรรมชาติได้ แต่ส่ิงสำคัญที่สุดที่จะช่วยให้ แนวทางการพัฒนาอย่างรอบด้าน เป็นระบบ โครงการพัฒนาสามารถสำเร็จลุล่วงและ ครบวงจร ร่วมกับการบริหารจัดการอย่างมี แก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน ไม่เกิดปัญหาตามมาอีก ประสทิ ธิภาพ คอื ตอ้ งจดั การแกป้ ญั หาทส่ี าเหตุ ทรงตระหนกั 59
จากความทกุ ขย์ ากเดอื ดรอ้ นของประชาชน นำมาสแู่ นวพระราชดำรใิ นการพฒั นา เพอื่ คลคี่ ลายปญั หา สโู่ ครงการเพอื่ ยกระดบั และพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ประชาชนอยา่ งเปน็ รปู ธรรม ฟื้นเศรษฐกจิ ฟนื้ ชวี ิต ฟน้ื มิตรภาพ แม้ในเบ้ืองต้น โครงการพัฒนาพ้ืนท่ีลุ่มน้ำ เล้ียงครอบครัวได้แล้วก็จะไม่บุกรุกทำลายป่า ปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริจะมุ่งเน้น อีกต่อไป แนวพระราชดำริในการแก้ปัญหาอยา่ ง การแก้ปัญหาเร่งด่วนเฉพาะหน้าก่อน โดยการ รอบด้านในทุกมิติ จึงมุ่งเน้นไปท่ีการส่งเสริม ก่อสร้างระบบชลประทาน เพ่ือบรรเทาวิกฤต และพัฒนาอาชีพให้ประชาชนสามารถพ่ึงพา การขาดแคลนน้ำและลดความขัดแย้งระหว่าง ตนเองได้ ควบคู่ไปกับการฟ้ืนฟูทรัพยากร กลุ่มเกษตรกรผู้ใช้น้ำจืดและผู้ใช้น้ำเค็ม เพ่ือให้ ธรรมชาติ คืนความอุดมสู่ผืนดิน คืนความ เกษตรกรมีน้ำใช้เพียงพอท่ีจะสามารถดำรงชีวิต สมบูรณ์สู่ผืนป่าต้นน้ำ คืนความสมดุลสู่ และประกอบอาชีพได้ แต่ด้วยความเข้าพระราช ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงจะสามารถ หฤทัยในปัญหา จึงทรงตระหนักว่า ต้นตอของ ตัดวงจรของปัญหาได้ และท่ีสำคัญที่สุด คือ การตัดไม้ทำลายป่าแท้จริงแล้วมาจาก “คน” ต้องร่วมกันสร้างความสมัครสมานสามัคคี และสาเหตทุ ี่ทำใหค้ นต้องบกุ รกุ ทำลายป่า เพราะ ของคนในพื้นที่ ให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมในการ ต้องตอ่ สู้ ดน้ิ รนเพอื่ ประกอบอาชีพ การแกป้ ัญหา ดูแลรักษาส่ิงแวดล้อม เพ่ือให้ “คน” สามารถ ทส่ี าเหตจุ งึ ตอ้ งมงุ่ ชว่ ยใหช้ าวบา้ นมอี าชพี มรี ายได้ อยู่ร่วมกับ “คน” ได้อย่างสงบสุข และอยู่ร่วมกับ สามารถเลีย้ งตนเอง เล้ยี งครอบครัวได้ เม่ือทุกคน ธรรมชาติได้อย่างพึ่งพาและเก้ือกูล อันเป็น อยู่ดี กินดี มีอาชีพที่ม่ันคง มีรายได้ท่ีแน่นอน หนทางท่นี ำไปสู่การพฒั นาอยา่ งยัง่ ยืน 60
พแคกนืลป้ ผกิ ัญนืผปนืห่าดาคนิเดรินบฟวหื้นงนผจ้ารนืพ นฒั ้ำ น า หลังจากการพัฒนาโครงสร้างพ้ืนฐาน ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างครบวงจร ด้านการชลประทานหลักๆ แล้วเสร็จ เป้าหมาย สนองพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จ การพัฒนาพ้ืนที่ลุ่มน้ำปากพนังในระยะต่อไป พระเจ้าอยู่หัวที่จะให้โครงการนี้ พลิกผืนดิน จึงมุ่งไปท่ีการยกระดับและพัฒนาคุณภาพ ฟ้ืนผืนน้ำที่เคยเส่ือมโทรม ให้กลับมาอุดม ชีวิตความเป็นอยู่ ท้ังด้านเศรษฐกิจ และ สมบูรณ์ ทำให้ลุ่มน้ำปากพนังกลับมาเป็น สังคมของราษฎรในพื้นท่ีให้ดีขึ้น เพื่อยุต ิ อู่ข้าว อ่นู ้ำสำคญั ของภาคใต้ และสร้างความ การตัดไม้ทำลายป่า พร้อมฟ้ืนฟูทรัพยากร อยูด่ ี กินดี ให้แก่ประชาชนอกี ครง้ั เมอื่ นำ้ ทา่ บรบิ รู ณ์ จะเพาะปลกู อะไรกไ็ ดผ้ ล ผนื นาปากพนงั ไมร่ า้ งแลง้ อกี ตอ่ ไป 61
รักษาปา่ เพ่ือแก้ปญั หาน้ำ ตัดต้นตอของปญั หาทงั้ หมด จากปัญหาการบุกรุกทำลายป่าต้นน้ำ และที่สำคัญ คือ การน้อมนำแนวพระราชดำริ ปา่ พรุ และปา่ ชายเลน เพอ่ื เปน็ ทท่ี ำกนิ ทอี่ ยอู่ าศยั ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในเร่ืองการให้ สรา้ งถนน และสง่ิ ปลกู สรา้ งอน่ื ๆ ซ่งึ ส่งผลใหส้ มดลุ “คนรักษาป่า” เพื่อให้ “ป่ารักษาคน” มาใช ้ ธรรมชาติของพ้ืนที่ลุ่มน้ำปากพนังสูญเสียไป โดยมุ่งเน้นให้ “ประชาชนเป็นศูนย์กลาง” จนกลายเป็นต้นตอของปัญหาที่ตามมาทั้งหมด เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการดูแล ฉะน้ันการแก้ปัญหาจึงต้องย้อนกลับไปที่การ รักษาป่า ต้ังแต่ร่วมคิด ร่วมวางแผน ร่วมฟ้ืนฟู ฟื้นคืนความอุดมสมบูรณ์สู่ผืนป่าด้วย โดยการ รว่ มบำรงุ รกั ษา รว่ มเฝา้ ระวงั และชว่ ยเปน็ หเู ปน็ ตา ปลูกเสริมและฟ้ืนฟูพ้ืนที่ป่าต้นน้ำ ป่าพรุ และป่า ให้เจ้าหน้าที่เพ่ือป้องกันการบุกรุกพ้ืนที่ป่า ชายเลน การปลกู ปา่ ทดแทนในพนื้ ทป่ี า่ เสอ่ื มโทรม และเหนืออื่นใด คือ มุ่ง “ปลูกป่าในใจคน” เพื่อรักษาป่าให้เป็นแหล่งต้นน้ำ ช่วยดูดซับน้ำ โดยการปลูกสร้างจิตสำนึกให้ประชาชน เพื่อให้ ไมใ่ หไ้ หลบา่ ลงมาทว่ มเรอื กสวนไร่นา ยึดหน้าดิน ประชาชนมีความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง ไมใ่ หพ้ งั ทลาย ทำใหฝ้ นกลบั มาตกตอ้ งตามฤดกู าล เกี่ยวกับป่า รู้ซ้ึงถึงคุณประโยชน์อเนกอนันต ์ มีน้ำใช้ตลอดท้ังปี พร้อมทั้งได้สร้างฝายต้นน้ำ ของป่า จนเกิดความรักและหวงแหนป่า และไม่ ฝายชะลอน้ำ เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ประโยชน์ ตัดไมท้ ำลายป่าในที่สดุ หลงั การพลกิ ฟนื้ พฒั นา ปา่ พรคุ วนเครง็ ทเี่ คยสรา้ งปญั หา ไดก้ ลบั มาสรา้ งประโยชนใ์ หค้ นและสตั วอ์ กี ครง้ั 62
ตดิ ตง้ั ระบบบำบดั นำ้ เสยี จากบอ่ กงุ้ เพอ่ื ควบคมุ คณุ ภาพนำ้ ปรบั ปรุง พัฒนา ก่อนปล่อยสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ แกป้ ัญหาส่ิงแวดล้อม เป็นธรรมดาของการดำเนินโครงการ เอ่อล้นตลิ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ พัฒนาขนาดใหญ่ที่ย่อมต้องมีทั้งผู้ได้รับ พระราชทานพระราชดำริให้หน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง ประโยชน์ เสียประโยชน์ หรือได้รับผลกระทบ ร่วมมือกันแก้ไขผลกระทบท่ีเกิดขึ้นเพื่อผ่อนเบา เช่นเดียวกับโครงการพัฒนาพ้ืนท่ีลุ่มน้ำปากพนงั และบรรเทาทุกข์ให้แก่ราษฎร อันเป็นท่ีมาของ อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำริ ซึ่งแม้ว่าการปิดประต ู “แผนแม่บทด้านการพัฒนาส่ิงแวดล้อม” ระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิจะช่วยคลี่คลาย ครอบคลุมท้ังด้านการฟ้ืนฟูทรัพยากรธรรมชาติ ปัญหาหลักใหญ่ในพน้ื ท่ี คอื ปญั หานำ้ จดื นำ้ เคม็ และการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย น้ำท่วม และน้ำเปร้ียวได้ แต่ก็ไปรบกวนระบบ ๔ ยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่ การสงวนอนุรักษ์ นิเวศและก่อให้เกิดผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อม ฟ้ืนฟูนิเวศลุ่มน้ำ การใช้ประโยชน์ทรัพยากร ตามมา เน่ืองจากทำให้น้ำในแม่น้ำปากพนัง ดิ น แ ล ะ น้ ำ อ ย่ า ง บู ร ณ า ก า ร แ ล ะ ยั่ ง ยื น และคคู ลองสาขาเกดิ การเปลย่ี นแปลงสภาพจาก การควบคุมปอ้ งกันมลพิษ และการมีส่วนร่วม “น้ำไหล” กลายเป็น “น้ำน่ิง” ไม่มีการไหลเวียน ของทุกภาคส่วน มุ่งเน้นการบำบัดและฟ้ืนฟู ของน้ำ ส่งผลให้บางพ้ืนท่ีเกิดปัญหาน้ำเน่าเสีย คุณภาพสิ่งแวดล้อม รวมท้ังติดตามตรวจสอบ วัชพืชน้ำเจริญเติบโตและแพร่กระจายอย่าง คณุ ภาพสงิ่ แวดลอ้ ม เชน่ คณุ ภาพดนิ คณุ ภาพนำ้ รวดเร็ว เกิดการตกตะกอนสะสมของดินทราย อย่างใกล้ชิด เพ่ือป้องกันและแก้ไขผลกระทบ ทำให้แหล่งน้ำตื้นเขิน เป็นปัญหาต่อการใช้น้ำ ท่ีอาจเกิดขึ้นได้อย่างทันเหตุการณ์และถูกวิธี การระบายน้ำ และการสัญจรทางน้ำ นอกจากนี้ ควบคู่ไปพร้อมกับการส่งเสริมอาชีพ เพ่ือ นำ้ ในแหลง่ นำ้ ทจี่ ดื สนทิ ขาดนำ้ กรอ่ ย ยังทำใหร้ ะบบ ช่วยเหลือราษฎรท่ีได้รับผลกระทบให้สามารถ นิเวศสัตว์น้ำกร่อยถูกทำลาย และในบางพื้นที่ ปรับตัวเข้ากับสภาพที่เปล่ียนไปได้ และกลับมา เกิดปัญหาน้ำท่วมขังเน่ืองจากน้ำที่เก็บกักไว ้ ทำมาหากิน มีวถิ ชี วี ติ ตามปกตไิ ด้โดยเรว็ ทสี่ ุด 63
64
สเส่งรเสิมรอิมากชารพี ใช้ชสวีร้าิตงพราอยไเดพ้ ีย ง เนื่องจากพ้ืนที่ลุ่มน้ำปากพนังเป็นพ้ืนท่ี ยังได้มีการจัดต้ังองค์กรจัดการด้านการเกษตร ท่ีมีความหลากหลายทางชีวภาพสูง อีกท้ัง ได้แก่ สหกรณ์เสรีตามแนวพระราชดำร ิ ความเส่ือมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติที่เร้ือรัง เพื่อให้เกษตรกรได้ร่วมกันจัดการพัฒนาอาชีพ มายาวนาน ได้สะสมปัญหาทับซ้อนไว้มากมาย แปรรูปผลผลิต และจัดการผลผลิตอย่างมี การพัฒนาและฟ้ืนฟูอาชีพจึงต้องพัฒนาให้ ประสิทธิภาพ ตลอดจนปรับระบบการบริหาร สอดคล้องกับทรัพยากร สภาพพ้ืนท่ี ภูมิปัญญา จัดการเพื่อเปิดโอกาสให้เกษตรกร องค์กรเกษตร ท้องถ่ิน และความต้องการของประชาชน โดยได้ องค์กรพัฒนาเอกชน และหน่วยงานต่างๆ ได้ม ี มีการกำหนดเป็นเขตส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ สว่ นรว่ มในกระบวนการพฒั นาอาชีพมากข้ึน ด้านการเกษตร จัดแบ่งตามศักยภาพการใช้ นอกจากน้ี ยงั มกี ารสง่ เสรมิ และพฒั นาอาชพี ประโยชน์ท่ีดินรวม ๖ เขต ได้แก่ เขตการ นอกภาคการเกษตรอกี ดว้ ย โดยสง่ เสรมิ ภาคเอกชน เพาะเล้ียงสัตว์น้ำชายฝ่ัง เขตปลูกข้าว ให้เข้ามาลงทุนสร้างงานในพ้ืนท่ี จัดโครงการ เพ่ือการค้า เขตปลูกปาล์มน้ำมัน เขตปลูก ฝึกอบรมเพื่อพัฒนาฝีมือแรงงานและส่งเสริม ข้าวเพื่อบริโภค เขตทำสวนผลไม้และ โครงการศลิ ปาชพี เพอ่ื สรา้ งโอกาส สรา้ งทางเลอื ก ยางพารา และเขตอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากร ทหี่ ลากหลายในการประกอบอาชพี ใหแ้ กป่ ระชาชน ป่าไม้ ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการเพ่ือส่งเสริม ควบคู่ไปกับการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ พัฒนาอาชีพและรายได้อย่างครบวงจร ทั้งการ โครงการพัฒนาพ้ืนท่ีลุ่มน้ำปากพนัง อันเน่ือง ส่งเสริมและพัฒนาองค์ความรู้ด้านการเกษตร มาจากพระราชดำริยังมุ่งเผยแพร่ความรู้และ เพ่ือปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูก สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับ “หลักปรัชญาของ เพ่ิมผลผลิตทั้งปริมาณและคุณภาพ ส่งเสริม เศรษฐกจิ พอเพียง” เพื่อให้ประชาชนน้อมนำไป ความรู้ด้านการบริหารจัดการ การขาย และการ ประยุกต์ใช้ทั้งในแง่การประกอบอาชีพและการ ตลาด ส่งเสริมให้เกษตรกรทำการเกษตรแบบ ดำรงชีวิต เพื่อให้ดำเนินชีวิตอย่างรอบคอบ ผสมผสานเพ่ือนำไปสู่การพัฒนาการเกษตรแบบ ระมัดระวัง มีเหตุมีผล และมุ่งสร้าง “ภูมิคุ้มกัน” ย่ังยืน ส่วนด้านประมงได้มีการกำหนดเขตการ ท่ีดีให้แก่ตัวเองด้วยการรู้จักประหยัดอดออม ทำนากุ้งให้ชัดเจนและมีการพัฒนาระบบ ไม่ทำอะไรเกินตัว หรือทำอะไรท่ีเสี่ยง และพร้อม การเลยี้ งกงุ้ แบบยง่ั ยนื พรอ้ มฟน้ื ฟสู ภาพแวดลอ้ ม ปรับตัวรับการเปล่ียนแปลง เพ่ือให้ประชาชน ที่เคยได้รับผลเสียจากนากุ้งทั้งดินและน้ำให้มี มีชีวิตความเป็นอยู่ท่ีดีข้ึนและมีความสุขได้ สภาพดขี น้ึ สง่ เสรมิ การเลยี้ งปลาในกระชงั รวมทง้ั อย่างยง่ั ยืน 65
ผนกึ กำลัง ผสานการพัฒนา โดยประชามีสว่ นร่วม ทุกการเปล่ยี นแปลง ยอ่ มมีความหวาดระแวงและตอ่ ตา้ น ยอ่ มมีท้งั ผู้มสี ว่ นได้ และผูม้ ีส่วนเสีย โครงการพัฒนาพืน้ ท่ีลมุ่ น้ำปากพนงั ฯ ก็เช่นกัน แม้ในภาพรวม โครงการจะมีประโยชน์อย่างมหาศาลตอ่ คนส่วนใหญ่ แต่กเ็ ป็นธรรมดาทย่ี ่อมมผี ู้ไดร้ บั ผลกระทบ ซ่ึงไม่เห็นดว้ ยและคดั ค้าน “การสร้างการมสี ว่ นรว่ ม” จึงเปน็ “กญุ แจ” ดอกสำคญั ที่จะไขไปสู่ความเข้าใจ ในการดำเนินโครงการพัฒนาหรือแก้ ทกุ ดา้ น ทง้ั การจดั การทรพั ยากรธรรมชาติ การแก้ ปัญหาใดๆ ส่ิงท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปัญหาสิ่งแวดล้อม หรือแม้แต่การส่งเสริมและ ทรงให้ความสำคัญอย่างย่ิง คือ ต้องศึกษา พัฒนาอาชีพ ในขณะที่เจ้าหน้าท่ีต้องปรับเปลี่ยน รากฐานความเป็นมาของปัญหา เพ่ือให้เกิด บทบาทมาเป็น “พี่เล้ียง” ที่คอยให้คำแนะนำ ความ “เข้าใจ” อย่างถ่องแท้ จากนั้นต้อง ส่งเสริม สนับสนุน ให้ความรู้ ดูแล ตลอดจน “เข้าถึง” พ้ืนท่ี เข้าถึงประชาชน เพื่อให้รู้ซ้ึงถึง อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนให้การดำเนิน วถิ ชี วี ติ จติ ใจ และความตอ้ งการในการแกป้ ญั หา โครงการเป็นไปอย่างราบรื่น โดยทำงานร่วมกับ ในทุกขั้นตอน ซ่ึงจะนำไปสู่การ “พัฒนา” ที่ ประชาชนอยา่ งใกลช้ ดิ ดว้ ยความเขา้ ใจประชาชน ถกู ตอ้ ง เหมาะสม สอดคลอ้ งกบั สภาพภูมศิ าสตร์ และเข้าใจปัญหาอย่างทะลุปรุโปร่ง เพื่อการ ภูมิสังคม สิ่งแวดล้อม และความต้องการของ แก้ปัญหาและพัฒนาอย่างถูกวิธี สอดคล้อง ประชาชน ต า ม ห ลั ก ก า ร ท ร ง ง า น ข อ ง พ ร ะ บ า ท ส ม เ ด็ จ ดังน้ัน กุญแจดอกสำคัญท่ีสุด ท่ีจะทำให้ พระเจา้ อยหู่ วั โครงการพัฒนาพ้ืนที่ลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่อง และเพ่ือให้เกิดการเก็บรวบรวมและสั่งสม มาจากพระราชดำริ ประสบผลสำเร็จและสร้าง องค์ความรู้ ท้ังองค์ความรู้ในด้านการประกอบ ประโยชน์ให้ประชาชนได้อย่างย่ังยืนนั้น คือ อาชีพ และองค์ความรู้ในด้านการพัฒนาท้องถ่ิน “ความร่วมมือร่วมใจจากประชาชนในพ้ืนที่” ท่ีเกิดจากการร่วมคิด ร่วมทำของประชาชน หรือ โดยนับตั้งแต่ช่วงแรกเร่ิมดำเนินโครงการ ประสบการณ์ของ “ปราชญ์ชาวบ้าน” ซึ่งเป็น กองทัพภาคท่ี ๔ ซ่ึงเป็นหน่ึงในคณะทำงานได้ บุคคลที่ประสบความสำเร็จในด้านต่างๆ จึงได้มี ส่งเจ้าหน้าท่ีในนาม “หน่วยสันตินิมิต” เข้าไป การจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ตามแนวพระราชดำริข้ึน สร้างความเข้าใจกับราษฎรที่เคยมีปัญหาขัดแย้ง ในพื้นที่หลายแห่งเพื่อเป็นศูนย์กลางในการ จนสถานการณ์คลี่คลายและให้ความร่วมมือ แลกเปล่ียน เรียนรู้ และถ่ายทอดความรู้สำหรับ หลังจากนั้นทางโครงการได้ส่งเสริมและผลักดัน คนในพ้ืนท่ี เพื่อให้สามารถนำไปปรับใช้ได้อย่าง ให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมในการรว่ มคดิ รว่ มกำหนด เหมาะสมกับภูมิสังคมและภูมิปัญญาท้องถ่ิน เปา้ หมาย รว่ มกำหนดนโยบาย รว่ มวางแผน และ และเกดิ ประโยชน์สงู สุด ร่วมปฏิบัติอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ครอบคลมุ 66
บรรยากาศการแลกเปล่ียนเรยี นรู้ระหว่าง “ปราชญช์ าวบ้าน” และเหลา่ เกษตรกรในศูนย์บริการและถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารเกษตร หลังจากผ่านรอ้ น ผา่ นหนาว มายาวนาน วนั น้ี โครงการพฒั นาพนื้ ท่ลี มุ่ นำ้ ปากพนงั อนั เนอื่ งมาจากพระราชดำริ ไดเ้ ตบิ โต และผลิดอกออกผลสำเร็จที่เปน็ รูปธรรมแล้ว ถงึ แม้วา่ อาจจะยงั ไมด่ ถี ึงทส่ี ุด แตก่ ็มแี นวโนม้ ท่ดี ีมากข้ึนเร่อื ยๆ และยงั เดินหน้าพฒั นาตอ่ ไปไม่หยดุ นิง่ แตก่ ว่าจะมาถึงวันนี้ ทง้ั เจา้ หน้าที่ผ้ปู ฏิบัตงิ าน ทัง้ ประชาชน ต้องอดทน ฟันฝ่าอปุ สรรคปัญหานานปั การ การต่อส้เู พ่ือเอาชนะธรรมชาติ อาจใชเ้ ทคโนโลยใี นการบริหารจดั การได ้ แต่ส่ิงที่ยากยิ่งกวา่ คอื การตอ่ สู้กับความเชื่อ และศรทั ธาของประชาชน เพราะการมีโครงการพฒั นาซง่ึ ถอื เปน็ “ของใหม”่ เข้าไปในพน้ื ท ี่ อาจไมส่ อดคลอ้ งกับความเขา้ ใจและความต้องการของประชาชนบางสว่ น อีกทงั้ ในขณะท่ีโครงการยังไมเ่ ขา้ ที่ เขา้ ทาง และยังไมล่ งตวั นน้ั อาจส่งผลกระทบตอ่ ผเู้ กี่ยวขอ้ งมากมาย ย่งิ กอ่ ใหเ้ กิดความกลวั และไมแ่ นใ่ จในเบื้องตน้ เจา้ หนา้ ท่ีจงึ ตอ้ งเอาชนะความหวาดระแวงและไม่มนั่ ใจของประชาชนใหไ้ ด้ พรอ้ มสร้างศรัทธาและความเช่อื ใหมว่ า่ “ทุกคนจะต้องมีชวี ิตที่ดขี ้ึนในวันพรุ่ง” แลว้ ทุกคนก็เรม่ิ หายเหนอื่ ย เมอื่ พบว่าสงิ่ ทร่ี ว่ มกันฟนั ฝา่ ตลอดมาน้นั ชา่ งให้ผลตอบแทนที่แสนคมุ้ คา่ ย่ิง 67
นายจรยิ ์ ตุลยานนท์ อดีตอธบิ ดกี รมชลประทาน กวา่ ๓๐ ปี แหง่ การไดถ้ วายงานสนองพระราชดำริของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว คือ ชว่ งเวลาท่ีมีคุณคา่ ยิง่ ในชวี ิตการทำงาน... “อาจารยจ์ รยิ ์” ไมเ่ พียงได้เรียนร ู้ หลกั การทรงงานจากแนวพระราชดำริ คำสอน หรอื แมแ้ ต่ทรงปฏบิ ัติเปน็ แบบอยา่ ง แต่สงิ่ สำคญั ท่ีสุดที่คณุ จริยไ์ ด้เรียนรู้ คอื การทำงานเพ่อื ความสขุ ของประชาชน และประโยชนข์ องประเทศชาติ ตามรอยพระยคุ ลบาท ของพระองค์น้ัน เป็นเรื่องเก่ียวกับการจัดการน้ำ เป็นส่วนใหญ่ ท้ังเพื่อช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วม แก้ปัญหาน้ำแล้ง และน้ำเสีย เพ่ือช่วยราษฎร ให้มีนำ้ กิน นำ้ ใช้ อยา่ งพอเพียง “สำหรับโครงการพัฒนาพื้นท่ีลุ่มน้ำ ปากพนังฯ พระองค์ท่านได้รับส่ังมาตลอดเวลา ว่า เป็นโครงการท่ียากมาก ต้องตั้งหลักให้ดีๆ เนื่องจากมีปัญหาซับซ้อนหลายอย่าง ไม่ใช่แค่ เรื่องน้ำท่วม หรือ น้ำแล้ง เหมือนท่ีอ่ืนๆ ดังนั้น กว่าที่โครงการจะเริ่มต้นอย่างเป็นรูปธรรมได้ จึงใช้เวลานานมาก เป็นสิบๆ ปี เพราะต้องผ่าน กระบวนการหลายขั้นตอน ต้องศึกษาอย่าง ละเอยี ด อกี ทง้ั ยงั เกย่ี วขอ้ งกบั หนว่ ยงานหลายฝา่ ย นอกจากน้ียังมีข้อจำกัดในเรื่องงบประมาณ ซึ่งผมคิดว่า ถ้าไม่ใช่โครงการอันเน่ืองมาจาก พระราชดำริอาจจะดำเนินการล่าช้ากว่านี้อีก “เร่ืองน้ำนั้นเป็นเรื่องที่พระองค์ท่าน หรอื อาจจะไม่มโี ครงการเกิดขึน้ เลยก็เป็นได ้ สนพระทัยมาก เพราะ “น้ำ” คือ ปัจจัยสำคัญ “ในส่วนการดำเนินงาน พระองค์ท่านก็ได้ ที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อการดำรงชีวิตและประกอบ พระราชทานคำแนะนำที่เป็นประโยชน์อย่างย่ิง อาชีพของราษฎร หากสามารถบริหารจัดการน้ำ โดยเฉพาะเร่ืองการทำประตูระบายน้ำและคลอง ให้เกิดความสมดุล ไม่มากเกินไป ไม่น้อย ระบายน้ำ โดยมีรับสั่งว่า แทนที่จะไปเขียมทำ เกินไปได้ ก็จะก่อเกิดประโยชน์มหาศาล จึงเห็น ประตูเล็กๆ แบบประตูส่งน้ำธรรมดาๆ ไม่ได้... ได้ว่าโครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดำริ ต้องทำเป็นประตูขนาดใหญ่ เผื่อไว้ เพราะเวลาท่ี 68
น้ำมามากๆ ถ้าเราระบายน้ำได้มาก ระยะเวลา น้อย อีกท้ังลักษณะภูมิประเทศก็ไม่เอื้ออำนวย การท่วมก็จะน้อยลง ความเสียหายก็จะน้อยลง ไม่สามารถสร้างเขื่อนกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ได้... ซึ่งหมายถึงความเดือดร้อนของประชาชนก็จะ แค่นั้นยังไม่พอ ส่ิงท่ีทำให้โครงการย่ิงยาก น้อยลงด้วย... คลองก็เช่นกัน ต้องมีขนาดใหญ่ ขึ้นไปอีก คือ เราต้องสร้างประตูระบายน้ำ เป็นพิเศษ เพื่อให้ระบายน้ำได้ดีและที่สำคัญต้อง และคลองระบายน้ำ ที่ทำหน้าที่ท้ังสองอย่าง คอยขุดลอกคูคลองบ่อยๆ ไม่เช่นน้ันคลองจะ ในเวลาเดียว กล่าวคือ เม่ือฝนตกมากก็ต้องรีบ ตื้นเขินเร็วมาก ประสิทธิภาพการระบายน้ำก็จะ ระบายออก ขณะเดียวกัน เม่ือระบายออก ลดลง เจ้าหน้าท่ีท่ีรับผิดชอบโครงการจึงต้อง จนถึงจุดท่ีเหมาะสมแล้วก็ต้องกักเก็บน้ำไว้ใช้ ตื่นตัวอยูต่ ลอดเวลา ต่อไปด้วย อีกทั้งตำแหน่งท่ีจะก่อสร้างประตู “ต้องยอมรับว่า แนวพระราชดำริท่ีพระองค์ ระบายก็ต้องพิจารณาให้ดี จะไปสร้างชิดติด พระราชทานให้นั้น เป็นสิ่งท่ีมีคุณค่ายิ่ง และใช ้ ชายทะเลเลยก็ไม่ได้ ต้องห่างเข้ามาพอสมควร ได้ผลจริงๆ แต่พระองค์ท่านก็ไม่เคยเลยที่จะ ทีน้ีพอห่างเข้ามา ก็เกิดมีพื้นท่ีท้ายน้ำขึ้นมาอีก ยึดความคิดของพระองค์เป็นที่ตั้ง ทรงพร้อม ซึ่งเขาก็จำเป็นต้องใช้น้ำจืดเหมือนกัน เราก็ต้อง รับฟังความคิดเห็นของพวกเรา ซึ่งเห็นได้ว่า ศึกษาหมดว่าบริเวณน้ันมีพ้ืนที่เท่าไหร่ เขามี แนวพระราชดำริของพระองค์นั้นสามารถ อาชีพอะไร แล้วตอ้ งการนำ้ จดื เทา่ ไหร่ ตอ้ งศกึ ษา ยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องเหมาะสมกับ อย่างละเอียด แล้วก็ต้องมาคิดต่อว่าจะหาวิธ ี สถานการณ์ได้เสมอๆ ส่งน้ำจืดให้เขาใชอ้ ยา่ งพอเพียงไดอ้ ย่างไร “สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการได้ถวายงานใกล้ชิด “ส่วนข้อได้เปรียบของโครงการปากพนังฯ คือ แนวพระราชดำริในการแก้ปัญหาต่างๆ ที่ คือ เรื่องปริมาณน้ำฝน ที่มีอยู่เยอะ เมื่อเรา พระองค์พระราชทานมานั้น แม้ว่าจะมุ่งไปท่ ี ระบายน้ำออกไป กย็ งั โชคดมี ฝี นตกลงมาชว่ ยเตมิ เร่ืองใดเรื่องหน่ึงเป็นหลัก เช่น เรื่องน้ำท่วม น้ำจืดอยู่เรื่อยๆ พอให้เก็บไว้ใช้ประโยชน์ได้ หากแต่พระองค์ก็ไม่ได้มองแค่เร่ืองน้ำเพียง พระองค์ท่านก็รับส่ังกับพวกเราว่า เราควร อย่างเดียว แต่ทรงมองเป็นภาพรวมทั้งระบบ เอาเรื่องทีไ่ ดเ้ ปรียบมาใชใ้ หเ้ ป็นประโยชน์ดว้ ย เช่อื มโยงกนั ทงั้ ดา้ นเศรษฐกจิ สงั คม สงิ่ แวดลอ้ ม “ตลอดระยะเวลาท่ีมีโอกาสได้ถวายงาน ลักษณะภูมิศาสตร์ ภูมิประเทศ หรือแม้แต่ ใกลช้ ดิ สิ่งทส่ี ัมผสั ไดเ้ สมอ คือ พระองค์ทา่ น ประวัติศาสตร์ ถ้าพื้นท่ีไหนน้ำท่วมบ่อยๆ ก็จะ ทรงให้ความสำคัญกับประชาชนอย่างยิ่ง ทรงศึกษาด้วยว่าสภาพภูมิประเทศเป็นอย่างไร ทรงเป็นห่วงความทุกข์ยากเดือดร้อนของ ในอดีตเป็นอย่างไร เพ่ือสืบค้นไปถึงต้นตอของ ประชาชน และทรงมีความมุ่งม่ันอย่างมาก ปัญหา พร้อมท้ังวิเคราะห์จุดอ่อน จุดแข็ง และ ในการช่วยแก้ไขปัญหา... ซึ่งจะต้องทำทันที ผลดี ผลเสียอย่างรอบดา้ น และจะต้องทำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ “อยา่ งโครงการพฒั นาพน้ื ทลี่ มุ่ นำ้ ปากพนงั ฯ เพราะพระองค์ท่านมีรับส่ังอยู่บ่อยครั้งว่า นี้ ก็มีข้อเสียเปรียบอยู่เยอะ ไม่เหมือนโครงการ ความเดือดรอ้ นของประชาชนนัน้ เปน็ เรือ่ งที่ ทางภาคกลางหรือภาคเหนือ เน่ืองจากมีพ้ืนท่ี เราจะรอชา้ ไมไ่ ด”้ 69
นายกฤษฎา สทุ ธพิ ิศาล อดตี ผู้จดั การโครงการพัฒนาพื้นท่ลี ุ่มน้ำปากพนัง อันเนือ่ งมาจากพระราชดำริ (พ.ศ. ๒๕๓๖ - ๒๕๔๑) หนึง่ ในเจา้ หนา้ ทที่ มี่ โี อกาสไดร้ ่วมบกุ เบิกโครงการมาตง้ั แต่ต้น และไม่เคยย่อท้อตอ่ อปุ สรรคปญั หามากมายทปี่ ระดงั เข้ามา เพราะเม่อื ไร ท่ีคิดว่าเปน็ การทำงาน “ถวาย” พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั ขวัญ กำลงั ใจ กเ็ กดิ ขึน้ มาทันที และแมจ้ ะไมไ่ ดอ้ ยดู่ แู ลจนโครงการเสรจ็ สมบูรณ์ หากแตผ่ ลงานที่ได้กรุยทางไว้ กช็ ว่ ยคนรุน่ หลงั ๆ ให้สานต่องานไดอ้ ยา่ งราบรน่ื สำเรจ็ “เม่ือก่อนท่ีนี่มีแต่ปัญหา ท่ีนาถูกท้ิงร้าง มาช่วยด้วย สว่ นใดท่ีเราตอบไมไ่ ด้ กไ็ ปขอความรู้ เต็มไปหมด ก่อนจะเริ่มมีโครงการ ราษฎร จากส่วนราชการท่ีมีความชำนาญในเร่ืองน้ันๆ ก็ไม่ค่อยเห็นด้วย เขาไม่เช่ือว่าทำแล้วจะได้ผล มาดำเนินการต่อไป รวบรวมได้ ๒๔ กล่มุ คำถาม ไมเ่ ชื่อว่าประตนู ำ้ จะกั้นนำ้ จดื กบั น้ำเค็มได้ เขียนได้เป็นเล่มๆ นับว่าประสบความสำเร็จ “ดังน้ัน ก่อนที่เราจะเข้าไปดำเนินโครงการ พอสมควร ประชาชนก็เริ่มฟังเรามากขึ้น เช่ือมั่น ใดๆ เราต้องรู้เขา รู้เรา เสียก่อน จะพูดจะคุย เรามากขนึ้ เรม่ิ เขา้ ใจโครงการ จนปจั จบุ นั คมู่ อื นน้ั กับเขาต้องมีหลักการ มีเหตุผล ท่านองคมนตรี กย็ ังนำมาใช้งานอยู่อยา่ งได้ผลยงิ่ จุลนภ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ก็ได้กรุณาช่วย “ต้องบอกว่าโครงการน้ีเกิดข้ึนและสำเร็จได้ ช้ีแนะว่าควรทำหนังสือชี้แจงข้อมูลโครงการ ด้วยพระบารมีปกเกล้าฯ เพราะก่อนหน้าที่ เป็นเล่มๆ ข้ึนมาเลย เพื่อให้ประชาชนเข้าใจ โครงการจะเร่ิม กรมชลประทานก็ได้ทำโครงการ ตรงกัน หน่วยราชการเองก็ต้องให้ข้อมูลไปใน เพ่ือแก้ไขปญั หานมี้ าเปน็ ระยะๆ แลว้ โดยทำเปน็ ทิศทางเดียวกัน ไม่ใช่ต่างคนต่างพูด ประชาชน ประตูระบายน้ำตามลำคลองต่างๆ เช่น ประตู จึงจะเชอ่ื ถอื โครงการจงึ จะสำเรจ็ ได้ บางจาก ประตูบางไทร ประตูสุขุม ประตู “ทางคณะกรรมการฯ ก็มาคิดร่วมกันว่า เชียรใหญ่ ประตูคลองฆ้อง ประตูแพรกเมือง น่าจะมีการไปสอบถาม สำรวจความคิดเห็น ทำมาก่อนผมจะเข้ารับราชการเสียอีก แต่ไม่ ประชาชนว่าเขาสงสัยอะไร อยากรู้อะไร ข้องใจ สามารถทำประตูใหญ่ปิดใกล้ๆ ปากแม่น้ำได้ อะไร แล้วรวบรวมทำเป็นข้อมูลไปตอบเขา ในหลวงท่านก็มีรับสั่งให้ก่อสร้างประตูระบายน้ำ ผมได้ขอให้กองทัพภาคที่ ๔ เป็นคนกลางไปช่วย ปากพนังโดยห่างจากตัวอำเภอปากพนังไป รวบรวมปญั หา ข้อสงสยั ตา่ งๆ ท่ชี าวบ้านตอ้ งการ ประมาณ ๑ กิโลเมตร ขึน้ ไปทางเหนือน้ำ ทราบ เพราะถ้ากรมชลฯ ลงไปเอง เขาจะไม่ “ พ อ ด ำ เ นิ น โ ค ร ง ก า ร ไ ป ไ ด้ สั ก ร ะ ย ะ เช่ือถือ หาว่าเรามีผลประโยชน์... รวบรวมได้มา ประชาชนก็ค่อยๆ เชื่อถือมากข้ึนเร่ือยๆ เพราะ เกือบ ๒๐๐ ข้อ แล้วก็นำมาจัดกลุ่มรวมกัน เริ่มเข้าใจและเห็นความตั้งใจของเจ้าหน้าท ่ี ทำเปน็ คมู่ อื คำถาม - คำตอบ ไดค้ ณุ สมพล พนั ธม์ุ ณี จากหน่วยงานต่างๆ ที่เข้าไปช่วยเหลือพวกเขา อดีตเลขาธิการ กปร. ร่วมกับเจ้าหน้าท่ี กปร. ทั้งการสนับสนุนด้านงบประมาณ การส่งเสริม และคุณอรทัย วัฒนชัย จากกรมชลประทาน ให้ความรทู้ างวิชาการ 70
“ช่วงที่มีงานพระราชพิธีจรด พระนังคัลแรกนาขวัญ ทางกระทรวง เกษตรฯ โดยท่านรองปลัดรุ่งเรือง อศิ รางกรู ณ อยุธยา กไ็ ด้กรุณาใหน้ ำ พันธุ์ข้าวท่ีโปรยในท้องสนามหลวง ไปแจกจ่ายให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ ลุ่มน้ำปากพนัง เขาก็พอใจกันมาก นำไปหว่านในนาข้าว บางส่วนเขาก็แบ่งเก็บ “รู้สึกภูมิใจมากที่ได้เข้ามาดูแลโครงการน้ี ไว้บชู าเพอ่ื ความเป็นสิริมงคล อย่างเต็มตัวต้ังแต่เร่ิมแรก เหมือนเป็นการ “เม่ือโครงการแล้วเสร็จ เร่ิมกั้นน้ำไปได ้ ทำงานถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สักระยะ ก็เร่ิมเห็นความเปลี่ยนแปลง เช่น เป็นช้ินสุดท้ายก่อนเกษียณอายุราชการ เพราะ เศรษฐกิจดีข้ึน นาข้าวปลูกข้าวได้มากข้ึน พอก่อสร้างไปได้ประมาณร้อยละ ๘๐ ก็ได้ แทบไม่มีนาร้างหลงเหลือ ประชาชนมีชีวิต ย้ายไปรับตำแหน่งที่สูงขึ้น ซ่ึงเป็นอานิสงส์จาก ความเป็นอยู่ดีขึ้น แม้จะไม่ถึงกับร่ำรวย แต่ก็ ผลงานที่สร้างไว้ในโครงการ และถึงแม้จะยัง พอมี พอกนิ ไมย่ ากจนลงไปอีก มอี าชพี ม่ันคง ไม่เสร็จสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็เชื่อว่า “นอกจากในหลวง โครงการนี้ยังได้รับ ต้องเสร็จทันน้อมเกล้าฯ ถวายในโอกาสท่ี พระเมตตาจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญ ราชินีนาถและสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ พระชนมพรรษา ๗๒ พรรษา ในวันที่ ๕ ธนั วาคม สยามบรมราชกุมารีด้วย ทุกครั้งท่ีสมเด็จ ปี ๒๕๔๒ ตามเปา้ หมายอยา่ งแนน่ อน พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถเสด็จแปร “ตลอดระยะเวลาท่ีเขา้ มาทำงาน ผมทำงาน พระราชฐานไปประทับท่ีพระตำหนักทักษิณ อย่างมีความสุข ปัญหา อุปสรรคท่ีทำให้ท้อ ราชนิเวศน์ พระองค์ท่านจะเสด็จฯ ไปทรงเยี่ยม ไม่มีเลย เพราะพอคิดว่าเป็นการทำถวาย ราษฎรท่ีบ้านเนินธัมมังอยู่เสมอๆ หลังเสร็จสิ้น พระองค์ท่าน ก็มีกำลังใจข้ึนมาทันที เป็นงานที่ พระราชภารกิจของพระองค์ พระองค์ท่านก็จะมี เร่ิมทำต้ังแต่ศูนย์ ซึ่งหายาก เพราะงานอ่ืนๆ รับสั่งให้ผมเข้าเฝ้าฯ เพ่ือสอบถามว่าโครงการ ส่วนมากจะเข้าไปรับผิดชอบงานที่คนอื่นริเร่ิม มีปัญหาอะไร ติดขัดอยา่ งไรบ้าง ผมก็รายงานไป ไว้แล้ว เรียกว่าเห็นมาต้ังแต่แบเบาะ... ก่อนมี ตามความเป็นจริง พระองค์ท่านก็รับสั่งว่า โครงการเป็นยังไง ตอนทำโครงการเป็นยังไง ไม่เป็นไร เด๋ียวคืนน้ีจะกลับไปพระตำหนัก และทีเ่ กอื บจะสำเร็จเป็นยงั ไง ทักษิณราชนิเวศน์ และจะไปถวายรายงาน “ผมคิดว่าเกิดมาชาติหน่ึง มีโอกาสได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัว ปฏิบัติราชการถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้า “สมเด็จพระเทพฯ ก็เคยเสด็จฯ ไปที่ประตู อยู่หัว ผมถือว่าเป็นเกียรติอย่างสูงสุด ท้ังแก่ ระบายน้ำตอนที่ยังไม่ได้เก็บน้ำ และเสด็จฯ ตัวเองและวงศ์ตระกูล จะหาโอกาสดีๆ ไปทรงรับมอบพิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติ แบบน้ียาก เป็นโครงการท่ีผมประทับใจ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่ีกองทัพบก และภาคภูมิใจที่สุดในชีวิตการรับราชการ สร้างถวาย ตงั้ แต่ปี ๒๕๐๙ จนเกษียณอายุ” 71
นายปรญิ ญา สัคคะนายก อดีตผอู้ ำนวยการศนู ยอ์ ำนวยการและประสานการพฒั นา พื้นทลี่ มุ่ นำ้ ปากพนงั อนั เน่ืองมาจากพระราชดำร ิ (พ.ศ. ๒๕๔๙ - ๒๕๕๖) ประสบการณ์กวา่ ๓๐ ปี ในฐานะเจ้าหน้าทช่ี ลประทาน “ปรญิ ญา” ได้เห็นความเปล่ียนแปลงของลมุ่ น้ำมาโดยตลอด นับตัง้ แต่ ยุคทเ่ี สื่อมโทรมถงึ ขดี สดุ จนความหวังทีจ่ ะเหน็ ลมุ่ นำ้ กลับมาอดุ มสมบรู ณเ์ ริ่มรบิ หรี่ จวบจนเมื่อโครงการพัฒนาพ้นื ทลี่ ่มุ น้ำปากพนงั อนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำริเขา้ มา สิ่งท่ีปรญิ ญาเคยคาดหวังจะไดเ้ ห็น ก็เร่ิมปรากฏชดั เจนขนึ้ อกี ครัง้ ความเข้าใจ ฉายภาพให้ชาวบ้านเห็นว่าผลจาก แนวพระราชดำริน้ีจะช่วยเหลือชาวบ้านได้จริง เมื่อโครงการดำเนินไปจนเริ่มเกิดผลเป็นรูปธรรม สงิ่ ตา่ งๆ ทชี่ าวบา้ นเคยกงั วล คลางแคลง ไมม่ น่ั ใจ ก็เริ่มปรากฏชัดว่า การเดินตามรอยพระราชดำริ น้ันถูกต้องแล้ว ประชาชนที่ต้องการน้ำจืดก็ม ี นำ้ จดื ใชใ้ นพน้ื ทอี่ ยา่ งเพยี งพอ ความอดุ มสมบรู ณ์ ในพืน้ ท่เี รมิ่ กลบั คนื มา “ส่วนปัญหาน้ำเค็ม มีการจัดแบ่งพ้ืนท ่ี ในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเค็ม น้ำกร่อย ได้อย่าง เหมาะสม รวมท้ังยังมีการช่วยแก้ปัญหาเรื่อง น้ำเสียจากบ่อเลี้ยงกุ้ง ป้องกันการเกิดโรคระบาด ปัจจุบันผู้เลี้ยงกุ้งมีการรวมกลุ่มต้ังเป็นสหกรณ์ “ก่อนหน้าน้ีลุ่มน้ำปากพนังมีแต่ปัญหา เพ่ือช่วยกันเป็นหูเป็นตา และดูแลกันและกัน ท้ังปัญหาเรื่องดิน เรื่องน้ำ และปัญหาความ อย่างเขม้ แข็ง ขัดแย้งระหว่างชาวบ้านที่ทำนาข้าวกับนากุ้ง “นอกจากน้ี ยังมีการจัดเวทีให้กลุ่ม ซงึ่ นบั วนั ย่งิ ทวีความรนุ แรงมากข้ึนเรื่อยๆ เ ก ษ ต ร ก ร ผู้ ใ ช้ น้ ำ จื ด แ ล ะ น้ ำ เ ค็ ม ไ ด้ หั น ห น้ า “ จ น เ ม่ื อ โ ค ร ง ก า ร พั ฒ น า พ้ื น ที่ ลุ่ ม น้ ำ เข้าหากนั ปรกึ ษาหารือกัน เพือ่ หาข้อสรุปรว่ มกัน ปากพนังฯ เกิดขึ้นอย่างเต็มรูปแบบเมื่อ พ.ศ. ในการบริหารจัดการการเปิด - ปิดประตู หรือ ๒๕๓๘ หลายหนว่ ยงานไดเ้ ขา้ มาชว่ ยกนั ดแู ล และ ปรับระดับบานประตูให้สอดคล้องกับความ รว่ มกนั น้อมนำแนวพระราชดำริมาใช้ในการแก้ไข ต้องการน้ำในแต่ละช่วงเวลา เพื่อไม่ให้เกิด ปัญหา แรกๆ ชาวบ้านบางส่วนไม่ค่อยให้ความ ผลกระทบต่อการประกอบอาชีพ ทำให้เกิด ร่วมมือเท่าไหร่ เราต้องเข้าไปให้ความรู้ สร้าง ทางออกท่ที ุกฝ่ายยอมรบั รว่ มกนั 72
“ประกอบกับเราได้รับความร่วมมือจาก “ผมเห็นความเปลี่ยนแปลงของลุ่มน้ำ ชาวบ้านที่เป็นปราชญ์ท้องถ่ิน ท่ีน้อมนำหลัก ปากพนังมาตลอดระยะเวลากว่า ๓๐ ปี ตั้งแต่ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และเกษตร ก่อนที่โครงการจะเกิด และภูมิใจมากที่เห็น ทฤษฎีใหม่มาใช้ มาร่วมกันพัฒนาองค์ความร ู้ การพัฒนาไปในทางท่ีดีขึ้นเรื่อยๆ แม้ระยะแรกๆ ทั้งจากหน่วยงานราชการ ผนวกกับภูมิปัญญา จะประสบความยากลำบากในการตอ่ สกู้ บั ความคดิ ท้องถ่ิน มีหน่วยราชการเข้าไปช่วยเสริมความ ความขัดแย้งของคนในพื้นที่ จนหลายคร้ังเกิด เข้มแข็งในแต่ละเร่ือง ในแต่ละกลุ่มเรียนรู้ ความท้อแท้ แตเ่ รากต็ ้องมานะบากบนั่ ต่อสู้ตอ่ ไป เพื่อให้เขายืนหยัดได้ด้วยตนเอง มีการรวมกลุ่ม เพราะเช่ือว่าผลสำเร็จที่เกิดขึ้นจะต้องหอมหวาน กันเป็นสหกรณ์ จนเกิดมีผลผลิตท่ีสมบูรณ ์ คมุ้ คา่ กับที่รอคอยแน่นอน… ในพื้นท่ี ท้ังการบริโภคในชุมชนไปจนถึงการ “แล้วผลสำเร็จที่หอมหวานก็ทยอย ส่งออกผลผลิตไปขายยังต่างประเทศ ซึ่งกลุ่ม เกิดข้ึนจริง เมื่อชาวบ้านค่อยๆ ปรับตัว เหล่านี้มีความแข็งแกร่งมากพอที่จะไปถ่ายทอด มีรายได้เพิ่มข้ึนๆ ความเสียหายของผลผลิต ความรู้ให้แก่กลุ่มท่ียังอ่อนแอกว่าได้ คนเหล่าน้ี จากนำ้ ทว่ ม หรอื จากภยั แลง้ เรมิ่ คอ่ ยๆ ลดลง มีความอุตสาหะพยายามอย่างมาก และเป็น ไม่มีน้ำเสียจากพ้ืนที่พรุซึ่งทำให้ปลาตายมาก แรงบันดาลใจให้เกษตรกรคนอื่นๆ นำไปปรับใช ้ เหมอื นเมอื่ กอ่ น สรา้ งประโยชนส์ ขุ สปู่ ระชาชน ในการประกอบอาชีพ กว่า ๖ แสนคนท่ีอยู่อาศัยและทำมาหากิน ในพ้ืนที่ลมุ่ น้ำปากพนัง” เหลา่ เกษตรกร สมาชกิ ศนู ย์บริการและถา่ ยทอดเทคโนโลยีการเกษตร ตำบลหลู อ่ ง อำเภอปากพนัง จังหวดั นครศรธี รรมราช แสดงผลติ ภัณฑท์ ่ตี ่อยอดจากผลผลิตทางการเกษตรซึง่ ผลิตขึ้นเองจากนำ้ พกั น้ำแรง ดว้ ยความภาคภูมใิ จ 73
นายกมล อาศิรเมธี หัวหนา้ โครงการพฒั นาป่าไม้ และระบบนเิ วศปา่ พรุ ในพืน้ ท่ลี ่มุ น้ำปากพนัง อันเนือ่ งมาจากพระราชดำริ พน้ื ที่ที่ ๒ จังหวัดนครศรธี รรมราช ส่ิงท่ี “กมล” ยดึ ถอื เป็นหลักใหญใ่ นการปฏิบัติหนา้ ท่ี คอื การดแู ลรักษาปา่ ควบคูไ่ ปพรอ้ มกบั การสร้างอาชีพให้แกป่ ระชาชน ดว้ ยเชอื่ ว่าเป็นแนวทางทม่ี ีประสทิ ธภิ าพยิง่ เพราะไม่เพียงได้ปา่ กลับคืนมา แตป่ ระชาชนยังสามารถอยรู่ อดได้ มีอาหาร มีอาชพี และมีป่า และแมว้ า่ การปฏิบัติหนา้ ที่ตรงน้ี อาจจะยงั ไมเ่ หน็ ผลสำเรจ็ ทนั ตา แต่ กมล ก็เชือ่ วา่ เป็นแนวทางท่ีจะก่อให้เกิดการพฒั นาอย่างยงั่ ยืนต่อไปชว่ั ลกู ชั่วหลาน เพราะมาจากความรว่ มมือรว่ มใจของประชาชนเอง ปลาดุกลำพนั ซ่ึงเป็นสายพนั ธ์ุพเิ ศษ พบเฉพาะในบริเวณป่าพรเุ ทา่ นน้ั “ป่าพรุควนเคร็งเป็นพื้นท่ีชุ่มน้ำ ท่ีมีความ ดูแลอย่างเข้มงวด จนเกิดเป็นโครงการพัฒนาป่า หลากหลายทางชีวภาพมาก แต่ภายหลังเกิด และระบบนิเวศปา่ พรุลมุ่ น้ำปากพนังขึ้น ไฟป่าบ่อย เน่ืองจากระบบนิเวศเปลี่ยนแปลง “ในการดูแลและป้องกันไฟป่าน้ัน เราได้ ทำให้ป่าแห้งและเกิดไฟป่าได้ง่าย รวมทั้ง เปิดให้ชุมชนได้มีส่วนร่วม ด้วยการอบรม การกระทำของมนุษย์ที่ชอบบุกรุกทำลายป่า ให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับไฟป่า อบรมอาสา หรือประมาทจนทำให้ไฟลุกไหม้ป่า จึงต้องมีการ สมัครดับไฟป่าตามโครงการจัดอบรมราษฎร 74
อาสาสมคั รพทิ กั ษป์ า่ (รสทป.) ภายใตก้ ารสนบั สนนุ จากมณฑลทหารราบท่ี ๔๑ โดยจะเลือกคนใน พื้นที่ เพราะรู้จักพื้นที่ดี สามารถเข้าไปในพ้ืนท่ีได้ อย่างรวดเร็ว และปลอดภัย ซึ่งล้วนเป็นการแก้ ปัญหาที่สาเหตุ ท้ังเร่ืองความไม่รู้เก่ียวกับ ธรรมชาติของป่า ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของ ประชาชน นอกจากนี้ ยังช่วยปลูกสร้างจิตสำนึก ใหป้ ระชาชนเกดิ ความรกั และหวงแหนป่า “นอกจากการสร้างสมดุลทางนิเวศ การสร้างอาชีพก็เป็นอีกเป้าหมายหนึ่งของศูนย์ ด้วย โดยทางศูนย์ได้ส่งเสริมให้มีการเพาะพันธ์ุ ปลาดุกใน พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยเชิญผเู้ ชีย่ วชาญจาก มหาวิทยาลัยทักษิณมาบรรยายให้ความรู้แก ่ เพอื่ ใหค้ วามรแู้ ละปลกู สรา้ งจติ สำนกึ ใหป้ ระชาชน ชาวบ้านและนำลูกปลามาให้ ขณะน้ีเพาะพันธ์ุ เหน็ ความสำคญั ของการอนรุ กั ษแ์ ละฟนื้ ฟปู า่ ตอ่ ไป ได้ ๓ รุ่นแล้ว “นอกจากการอนุรักษ์ป่าควบคู่ไปกับการ “ปลาดุกท่ีเลือกเพาะ ส่วนใหญ่เป็นปลาดุก พัฒนาอาชีพแล้ว ทางโครงการฯ ยังได้สร้าง ลำพัน ซ่ึงเป็นสายพันธุ์พิเศษ มีเฉพาะในบริเวณ ความชัดเจนระหว่างพ้ืนที่ป่าและพื้นที่ท่ี ป่าพรุเท่าน้ัน และมีราคาสูงกว่าปลาดุกท่ัวไป ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ จากเดิมที่เคยบุกรุก ราคากิโลกรัมละประมาณ ๒๐๐ บาท ส่วน เข้าไปหาของป่า ตัดไม้ ล่าสัตว์กันได้อย่าง ปลาดุกทั่วไปกิโลกรัมละประมาณ ๑๐๐ บาท ง่ายดาย ทางโครงการได้ขุดคลองรอบป่าพรุ หลังจากเพาะพันธุ์เสร็จ จึงแจกจ่ายให้ชาวบ้าน เพ่ือให้บุกรุกเข้าป่ายากขึ้น ซึ่งคลองนี้นอกจาก นำไปทดลองเพาะพนั ธต์ุ ่อ จะช่วยแบ่งแยกพ้ืนท่ีให้ชัดเจนแล้ว ยังเป็นคลอง “นอกจากน้ี ทางศนู ย์ยังได้ทำการเพาะพันธุ์ ส่งน้ำ นำน้ำเข้าสู่ป่าพรุในช่วงหน้าแล้ง ป้องกัน กล้าไม้ที่เคยมีในป่าพรุเดิม เพ่ือฟื้นฟูระบบนิเวศ ไฟป่าตามธรรมชาติ นอกจากน้ี ชาวบ้านยัง และความหลากหลายทางชีวภาพ เช่น ไม้ป่าพรุ สามารถใช้ประโยชน์จากคลองเป็นที่ขยายพันธ์ุ ไม้เปร้ียว ไม้แพร กระจูด ซึ่งไม่เพียงช่วยเพ่ิม สัตวน์ ำ้ ได้อกี ด้วย ปริมาณป่าไม้ แต่ยังช่วยเสริมรายได้ให้ชาวบ้าน “แม้การบริหารจัดการอนุรักษ์ทรัพยากร ทั้งทางตรงและทางอ้อมดว้ ย ธรรมชาติทั้งในพื้นที่ป่าต้นน้ำและในพื้นท ี่ “หลังจากเพาะพันธ์ุกล้าไม้เป็นตัวอย่างแล้ว ป่าพรุ จะมีผลกระทบต่อการทำมาหากิน ในทุกปๆี ชว่ งเทศกาลหรอื วันสำคญั เช่นวันที่ ๑๒ ของชาวบ้านอยู่บ้าง แต่ก็ได้รับความร่วมมือ สิงหาคม ก็ได้มีการรณรงค์จัดกิจกรรมปลูกต้นไม้ เปน็ อยา่ งดี เพราะพวกเขารวู้ า่ การรกั ษาปา่ นนั้ เมอื่ เรว็ ๆ นม้ี กี ารจดั นทิ รรศการนำ้ พระทยั หลง่ั รนิ สำคญั ตอ่ การรกั ษา “นำ้ ” ในพน้ื ทล่ี มุ่ นำ้ ปากพนงั ลุ่มน้ำปากพนังร่มเย็น ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ซง่ึ สำคญั ตอ่ การดำรงชวี ติ ของพวกเขาเพยี งใด” 75
บทเรียนจากความอดอยาก แร้นแคน้ มานานนบั สบิ ๆ ปี ทำใหช้ าวปากพนงั สว่ นใหญเ่ ริ่มท้อแท้และส้นิ หวงั หนำซ้ำ ยงั เตม็ ไปด้วยความขัดแยง้ จากการแยง่ ชงิ ทรพั ยากรนำ้ ท่ีมอี ย่างขาดแคลน กอ่ นทโ่ี ครงการพฒั นาจะเริม่ ตน้ ขน้ึ อยา่ งเปน็ รูปธรรม หลายๆ คนในพืน้ ที่ เรมิ่ คิดขายทด่ี ิน และออกจากพนื้ ทไ่ี ปทำมาหากินทอี่ น่ื เหมือนคนปากพนังรุ่นก่อนๆ แม้แตเ่ จา้ หน้าท่รี ัฐเองก็เร่มิ ท้อแท้ แตด่ ้วยความเชื่อมั่นและศรทั ธา ในพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั ทุกฝา่ ยจึงพร้อมใจกนั ยืนหยัด ต่อสู้ ร่วมพลิกฟ้นื ผนื ดนิ ท่ีเคยอดุ มสมบรู ณ์ ให้กลับมาเป็นแผน่ ดินทองทย่ี งิ่ อุดมสมบูรณ์ขึ้นอกี ครง้ั เมื่อเกิดแนวคันแบ่งเขตพ้ืนท่ีการใช้น้ำจืด สัตว์น้ำในพื้นที่ นอกจากน้ี ยังมุ่งเน้นเรื่อง และน้ำเค็มอย่างชัดเจนในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง การบำบัดน้ำเสียจากบ่อเลี้ยงกุ้ง โดยดำเนินการ ส่ิงหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือ การส่งผลกระทบต่อ ระบายน้ำจากบ่อเลี้ยงกุ้งมายังบ่อพักซ่ึงบำบัด การประกอบอาชีพของคนในพื้นที่ ซ่ึงจำเป็นต้อง โดยวิธีธรรมชาติ และดำเนินการตรวจวัด ปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับทรัพยากรน้ำท่ีมีอยู่ คุณภาพให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานท่ีไม่ก่อให้เกิด ซึ่งการกำหนดแนวคันแบ่งเขตการใช้ประโยชน์ ผลกระทบใดๆ ก่อนระบายออกสู่ชายฝั่งทะเล นำ้ สำหรับทำการเกษตรทแี่ ตกต่างกนั นน้ั กำหนด หรอื หมนุ เวียนไปใช้ในการเพาะเลีย้ งกุง้ ตอ่ ไป โดยราษฎรในพื้นท่ีเอง โดยผู้ท่ีมีพื้นท่ีอยู่ในเขต จากความร่วมมือร่วมใจของคนในพื้นท่ี การใช้น้ำประเภทใด ต้องปรับเปลี่ยนการ และการส่งเสริมสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ ประกอบอาชีพให้สอดคล้องกับการใช้น้ำ ท้ังกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวง ในพ้ืนท่ีนั้นๆ โดยเฉพาะอย่างย่ิงในพื้นท่ีเขต มหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวง น้ำจืด เน่ืองจากคนในพื้นท่ีบางส่วนได้เปลี่ยน ศึกษาธิการ ฯลฯ ที่ช่วยสนับสนุนทั้งด้านเงินทุน อาชีพมาเป็นการเลี้ยงกุ้งกุลาดำซ่ึงใช้น้ำเค็ม ดา้ นวชิ าการ ตลอดจนองคค์ วามรตู้ า่ งๆ เพอ่ื สง่ เสรมิ ตามสภาพน้ำธรรมชาติที่เปล่ียนแปลงไป การเกษตรอย่างรอบด้าน และพัฒนาอาชีพใหม่ เกษตรกรกลุ่มน้ีจึงได้รับผลกระทบอย่างหนัก ให้แก่เกษตรกรท่ีเลิกเล้ียงกุ้งในเขตน้ำจืด ต้องปรับเปลี่ยนอาชีพไปทำการเกษตรด้านอื่น อย่างต่อเนื่อง ทั้งการทำนา การปลูกปาล์ม ที่ใช้น้ำจืดแทน เช่น การทำนา การทำสวน การเล้ียงปลา และเลี้ยงกุ้งน้ำจืด ทำให้ การทำเกษตรผสมผสาน เลี้ยงปลา หรือ ชาวปากพนังสามารถประกอบอาชีพ มีรายได้ เปลย่ี นไปเลยี้ งกุ้งขาวนำ้ จืด ลดการเปน็ หนี้ และสามารถพ่ึงพาตนเองได ้ ส่วนในพื้นท่ีเขตน้ำเค็ม ได้มีการพัฒนา พวกเขาเหล่านี้ คือ ตัวแทนเกษตรกร การประมงท่ีเน้นการส่งเสริมระบบชลประทาน ที่มาร่วมบอกเล่าประสบการณ์ในการต่อสู้ น้ำเค็ม การฟ้ืนฟูทรัพยากรสัตว์น้ำ และแหล่งน้ำ ฟันฝ่า จนสามารถมีชีวิตความเป็นอยู่ท่ีดีข้ึน ตามธรรมชาติ ตลอดจนสนับสนุนให้เพาะเลี้ยง ได้ในทีส่ ดุ 76
เกษตรกรผูเ้ ลี้ยงกุ้งในพ้ืนท่ีเขตนำ้ เค็ม การเลยี้ งปลาในกระชังในแม่นำ้ ปากพนัง 77
นายไมตรี สกุณา เกษตรกรแนวผสมผสาน ตามหลกั เศรษฐกจิ พอเพียง ตำบลปากแพรก อำเภอปากพนงั จงั หวดั นครศรธี รรมราช จากความล้มเหลวในการทำนาก้งุ จนมหี นส้ี นิ ล้นพ้นตัว แต่ดว้ ยศรทั ธา และความเช่อื ม่ันในแนวทางท่ี พระบาทสมเด็จพระเจา้ อย่หู วั ได้พระราชทานไว ้ “ไมตรี” จึงตดั สนิ ใจเปล่ยี นอาชพี พลิกผืนนากุ้งท่เี ส่อื มโทรม มาเปน็ บอ่ เล้ียงปลาขนาด ๓ ไร่ พร้อมปลูกผักรอบบ่อ เปน็ รายได้เสริม ทง้ั ยงั ใช้ชวี ติ ดว้ ยความประหยดั อดออม ตามรอย “เศรษฐกจิ พอเพียง” จนมรี ายไดเ้ พิ่มมากข้ึน มีชีวิตความเปน็ อย่ดู ขี ้นึ สามารถชำระหน้ีสินได้ และมที ีด่ ิน เพมิ่ ขน้ึ จากเดมิ เปน็ ๑๐ กวา่ ไร ่ “ในช่วงที่การเลี้ยงกุ้งเฟื่องฟ ู ผมก็ได้หันมาเล้ียงกุ้งกุลาดำตาม กระแส เพราะได้ผลตอบแทนสูง แต่สุดท้ายก็ไปไม่ถึงฝัน ต้องประสบ ปัญหาโรคระบาดในกุ้งจนเป็นหนี้ ขาดทุนเป็นลา้ นๆ “เม่ือโครงการพัฒนาพื้นท่ีลุ่มน้ำ ปากพนังฯ เข้ามา พ้ืนท่ีหมู่ ๓ ตำบล ปากแพรกของผมอยู่ในเขตพ้ืนท่ีน้ำจืด ผมก็ดูแล้วว่าโครงการน้ีน่าจะพอ 78
ช่วยผมได้ และก็คิดแล้วว่าการเลี้ยงกุ้งน่าจะ หน้ีสินท่ีเคยมี ก็สามารถปลดหนี้ไปได้เยอะ ไปไม่รอด ผมจึงหันมาประกอบอาชีพตามการ จนแทบไม่น่าเชื่อ ตอนน้ีมีคนมาศึกษาดูงานที่ แนะแนวของโครงการ โดยเลือกเลี้ยง “ปลานิล” สวนของผมเยอะมาก ท้งั นกั เรยี น นกั ศกึ ษา และ ซึ่งเป็นปลาท่ีพ่อหลวงทรงส่งเสริมให้เล้ียง กลุ่มยุวเกษตรกร ผมก็ให้คำแนะนำตามแนวทาง ช่วง ๔ - ๕ เดือนแรกที่เลี้ยงก็พอมีกำไรอยู่บ้าง ทไี่ ด้เรียนร้มู า ตกประมาณกโิ ลกรมั ละ ๒๘ บาท แม้จะไม่มาก “ผมได้นำแนวทางของพ่อหลวงมาสอนลูก เท่าไหร่ แต่ก็พออยู่ได้ ต่อมาผมได้ทดลอง ด้วย ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ จะพาลูกๆ ไปช่วย ปลูกผักรอบบ่อเล้ียงปลาด้วย เช่น พริก มะเขือ ทำสวน เก็บผัก โดยให้ค่าจ้างเก็บเป็นกิโลกรัม และมะนาว เพื่อเป็นรายได้เสริมอีกทาง และ เพ่ือใหพ้ วกเขาได้เรียนรทู้ ่ีจะทำงานไปพรอ้ มๆ กบั เลิกเลี้ยงกุ้งกุลาดำไปเลย แต่ยังเล้ียงกุ้งขาว เรียนรู้ที่จะออมเงิน เงินท่ีได้จากการทำงานของ อ ยู่ บ้ า ง จนในที่สุดก็เลิกเล้ียงกุ้งท้ังหมด พวกเขา จะทำใหพ้ วกเขารสู้ กึ ภมู ใิ จ ซง่ึ เงนิ สว่ นหนงึ่ แล้วหันมาเลี้ยงแค่ปลาและปลูกผักตามแนว ผมก็จะสอนใหพ้ วกเขาออมไวใ้ ชเ้ พอ่ื อนาคต เศรษฐกิจพอเพียง ซ่ึงผมเชื่อว่าจะช่วยให้ผม “อยากฝากถึงเยาวชน คนหนุ่มคนสาว สามารถอย่ไู ด้ ปลดหนสี้ ินได ้ ชาวปากพนังที่ช่วงหลังพากันมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง “ช่วงแรกที่ขาดทุนใหม่ๆ ก็คิดจะเปล่ียน บ้างก็ย้ายถิ่นฐานกันไปหมด อยากชักชวนให้ อาชีพ เปล่ียนท่ีทำมาหากิน คิดจะขายที่เหมือน พวกเขากลับมาอยู่บ้านของเรา เด๋ียวนี้เรามี คนอื่นเขาทำกัน เพื่อเอาเงนิ ไปปลดหน้ี แตพ่ อมา แนวทางที่ทำได้จริงและเห็นผลสำเร็จเป็น คิดอีกที ทดลองก่อนก็คงไม่เสียหาย โครงการ รูปธรรมแล้ว โครงการพัฒนาลุ่มน้ำปากพนังของ ของพ่อหลวงน่าจะเป็นความหวังและเป็น พ่อหลวง ช่วยให้เราสร้างหลักปักฐานได้ ยืนหยัด ทางออกให้ผมได้ ผมจึงตัดสินใจว่าจะลองเดิน ได้ด้วยลำแข้งของเราเอง ไม่ต้องไปลำบากเป็น ตามแนวทางของท่านสักพักหน่ึงก่อน แล้วค่อย ลูกจ้างในเมอื งหลวง รายได้เปน็ หมน่ื ๆ ก็ไม่พอใช ้ ตดั สนิ ใจอกี ทวี า่ จะทำอยา่ งไรตอ่ ไป พอทดลองแลว้ อยู่แบบน้ี ๗ - ๘ พันก็อยู่ได้ แถมมีเงินเหลือเก็บ ได้ผลดีก็เริ่มมีกำลังใจมากข้ึน ต้ังแต่นั้นมาผมก็ อีกด้วย ยึดวิธีของพ่อหลวงมาโดยตลอด ข้าวก็ปลูก “ถ้ามีโอกาส ผมอยากบอกพ่อหลวงว่า กินเอง ปลาก็ไม่ต้องซื้อ ช่วยลดค่าใช้จ่ายให้ผม ผมได้นำหลักเศรษฐกิจพอเพียงของท่าน ได้เยอะ ประหยัดต้นทุนไปได้มาก ปีเดียวก็เร่ิม มาใช้แล้วครับ และแนวทางของพระองค ์ เห็นผลชัดเจน ก็ช่วยให้ผมมีชีวิตท่ีดีขึ้นได้จริงๆ ถึงตอนน ้ี “การเล้ียงกุ้งสร้างภาระหน้ีสินให้ผมเยอะ ผมคิดว่าผมทำสำเร็จแล้วนะครับ อาจจะยัง พอหันมาเล้ียงปลาและปลูกผักก็มีรายได้วันละ ไม่ท้ังหมด แต่ก็มาเกินครึ่งแล้ว อีก ๒ ป ี พันกว่าบาท มีเงินออมเก็บไว้ให้ลูกเรียนหนังสือ ข้างหน้า ผมจะทำให้สำเร็จเต็มร้อย ต้อง ซ่ึงผมคิดว่าผมมาถูกทางแล้ว ผมเริ่มอยู่ได้แล้ว ขอบคุณเศรษฐกิจพอเพียงที่ช่วยให้ผม เรม่ิ มฐี านะดีขน้ึ ปี ๒๕๕๖ น้ี ผมมรี ายไดจ้ ากการ ได้ลืมตาอ้าปาก หน้ีสินก็ค่อยๆ หมดไป เล้ียงปลาเกือบ ๒๐๐,๐๐๐ บาท รายได้จากการ อนาคตก็มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ ผมสัญญาว่า ปลูกผัก ๖๐,๐๐๐ – ๗๐,๐๐๐ บาท ส่วนเรื่อง จะมงุ่ มนั่ ดำเนนิ ตามรอยเทา้ พอ่ สบื ตอ่ ไป” 79
นายมาโนช ดวงด ี ประธานกลมุ่ เล้ียงปลากะพงขาว บ้านท้องโกงกาง อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรธี รรมราช แม้ “มาโนช” จะเปน็ หนง่ึ ในเกษตรกรที่ไดร้ บั ผลกระทบโดยตรงจากการเปดิ - ปดิ ประตูระบายนำ้ อุทกวภิ าชประสิทธิ จนเกอื บทำใหป้ ระกอบอาชีพประมงตอ่ ไปไม่ได ้ แตด่ ว้ ยความช่วยเหลอื จากเจา้ หน้าที่ และใจนกั สู้ ท่ีไม่ยอ่ ทอ้ ของมาโนชเอง เหนืออืน่ ใด คือ พระกรณุ าธคิ ุณจากสมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ท่ไี ดพ้ ระราชทานความชว่ ยเหลือ ทำใหว้ กิ ฤตครั้งนนั้ กลับพลิกเป็นโอกาส และพลกิ ชีวิตมาโนชใหม่ ใหม้ ีรายได้ และอาชพี ที่มน่ั คงจวบจนปัจจบุ ัน ปลากะพงขาว “ช่วงแรกๆ ผมก็จับปลาตามธรรมชาต ิ “พอทางโครงการพฒั นาพน้ื ทล่ี มุ่ นำ้ ปากพนงั ฯ จน พ.ศ. ๒๕๑๘ ภาครัฐเข้ามาสร้างประตูก้ันน้ำ ทราบถึงความเดือดร้อนนี้จึงได้จัดทำโครงการ ในลำคลองสาขา ก้ันน้ำจืดกับน้ำเค็ม ทำให้น้ำ กระชงั ปลากะพงขาว เพอ่ื แกป้ ญั หาใหเ้ ราสามารถ ที่เคยไหลเช่ียว กลายเป็นน้ำน่ิง กุ้งปลา ทำประมงต่อไปได้ โดยไม่ต้องพ่ึงพาปลาใน ก็ไม่เข้าไปอาศัย ไม่เข้าไปวางไข่ เร่ิมมีปัญหามา ธรรมชาติ อาศยั แคน่ ำ้ จากประตรู ะบายนำ้ กท็ ำให้ ตั้งแต่ตอนนั้น ต่อมา พ.ศ. ๒๕๔๒ เม่ือมีการ เราสามารถเลย้ี งปลากะพงขาย สรา้ งรายไดอ้ ย่าง สร้างประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ ตอ่ เนื่องตลอดป ี ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ช่วงฤดูมรสุม “ช่วง ๗ ปีแรกท่ีเล้ียงก็ได้ผลดี เน่ืองจาก ลมตะวันออกเฉียงเหนือจะพัดพาตะกอนเข้ามา ตะกอนในแมน่ ำ้ ยงั มไี มม่ าก แตพ่ อมาถงึ ประมาณ พอน้ำในแม่น้ำปากพนังเป็นน้ำนิ่ง ก็ไม่สามารถ พ.ศ. ๒๕๔๘ - ๒๕๔๙ เร่ิมมีปัญหา เน่ืองจาก พัดพาตะกอนออกไปได้ ทำให้อ่าวปากพนัง ตะกอนดินบริเวณน้ันมากขึ้นๆ พอเปิดประตู ต้ืนเขิน กุ้งปลาไม่เข้า กลุ่มชาวประมงพื้นบ้าน ระบายน้ำย่ิงทำให้ดินคลุ้ง และเกิดเป็นแก๊ส อยา่ งเราจงึ ลำบากมาก ตอ้ งออกไปหาปลาไกลขน้ึ แอมโมเนียหรือแก๊สไข่เน่าพัดมาพร้อมกับน้ำ และยังตอ้ งไปแย่งพ้นื ท่ที ำกินของหมูบ่ ้านอนื่ ทำให้ปลาขาดออกซเิ จนตายไปเป็นจำนวนมาก 80
“ผมในฐานะประธานกลุ่มจึงแจ้งไปยัง ประมงอำเภอ ขอความช่วยเหลือให้เราสามารถ ทำประมงต่อไปได้ ซ่ึงทางภาครัฐก็ให้ความ ช่วยเหลือเป็นอย่างดีและได้รับพระกรุณาจาก สมเด็จพระเทพฯ ให้ทำโครงการกระชังปลา เคลื่อนที่ เพ่ือแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน โดยทาง โครงการได้สนับสนุนอุปกรณ์เป็นถุงกระชัง อาศัยแรงน้ำไหลในช่วงน้ำลงเป็นตัวช่วยลาก กระชังจากบริเวณชุมชนบ้านท้องโกงกางออกไป สู่ปากอ่าว ไปอยู่กลางอ่าวปากพนัง เป็น ระยะทางประมาณ ๘ กิโลเมตร และอาศัยช่วง นำ้ ขึน้ ในการลากกระชังกลับเขา้ มาในพ้ืนทชี่ ุมชน “ด้วยวิธีน้ี เพียงรอบเดียวก็เห็นถึงความ สำเรจ็ เราสามารถเลีย้ งปลากะพงได้ถงึ ๓ - ๔ รุ่น ตอ่ ปี ได้นำ้ หนักถงึ ประมาณตัวละ ๒ - ๓ กโิ ลกรมั โดยจะมีพ่อค้าแม่ค้าเข้ามารับซื้อถึงในชุมชน เลยทเี ดยี ว “แต่อย่างไรก็ตาม กลุ่มเกษตรกรของเรา “ ผ ล จ า ก ก า ร ศึ ก ษ า ห า ค ว า ม รู้ อ ย่ า ง ยังคงประสบปัญหาด้านราคาปลากะพงตกต่ำ ไม่หยุดนิ่ง ทำให้ตอนน้ีชีวิตความเป็นอยู่ของผม ไม่สามารถกำหนดราคาเองได้ ผมจึงรวบรวม และเพ่ือนเกษตรกรดีขึ้นมาก มีอาชีพที่ม่ันคง กลุ่มเพ่ือนเกษตรกรจัดตั้งเป็นกลุ่มเกษตรกร มรี ายไดป้ ระมาณ ๖๐๐,๐๐๐ บาทตอ่ ปี จากทเี่ คย ผู้เล้ียงสัตว์น้ำและแปรรูปอาหารทะเลตามแนว อยู่บ้านหลังคามุงจาก น้ำท่วมบ้างไม่ท่วมบ้าง พระราชดำริ เพ่ือหาทางลดรายจ่าย เพ่ิมรายได ้ ตอนน้ีกลายเป็นบ้านหลังคามุงกระเบื้องแข็งแรง ท่ีกำลังทำกันอยู่ในปัจจุบัน คือ การวิจัยเรื่อง นำ้ ทว่ มไมถ่ งึ สามารถสง่ เสยี ลกู ๆ ใหเ้ รยี นหนงั สอื อาหารปลาเพื่อลดต้นทุนการผลิต โดยใช้วัตถุดิบ ได้โดยไมล่ ำบาก จากพืช เช่น หญ้าเนเปียร์มาผสมกับเนื้อปลา “สิ่งท่ีผมและพวกชาวบ้านดีใจที่สุด คือ ซึ่งมาจากปลาตัวเล็กๆ ที่เหลือจากการขาย โครงการพระราชดำริ มองเห็นความสำคัญ หรือหัวปลาที่พ่อค้าแม่ค้าตัดท้ิง เราก็นำเศษๆ ของคนท้ายประตูอย่างพวกเรา พวกเราจึง เหล่าน้ีมาผสมแล้วอัดเป็นอาหารเม็ด ซึ่งจะช่วย พยายามให้ความร่วมมือกับหน่วยงานท่ี ลดรายจ่ายได้มากกว่าการให้อาหารเป็นปลาสด เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ เพื่อปรึกษาหารือและ เพียงอย่างเดียว ทั้งยังเป็นการลดขยะ และใช้ ร่วมกันแก้ไขปัญหาอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์ตามหลักเศรษฐกิจ โครงการเกิดประโยชน์สูงสุดต่อทุกฝ่ายสมดัง พอเพียงของในหลวง พระประสงค์” 81
นายธนพล นาพนงั เกษตรกรผู้ปลกู ข้าว บ้านเนนิ ธัมมัง ตำบลแมเ่ จ้าอยู่หัว อำเภอเชยี รใหญ่ จังหวดั นครศรธี รรมราช แมอ้ าชีพทำนา จะไมเ่ คยทำให้ “ธนพล” รำ่ รวยขึน้ มาได้ ดว้ ยปญั หาเรอื่ งน้ำทส่ี ะสมมาเน่นิ นาน จนเพ่อื นชาวนาหลายคนล้มเลิกเปล่ยี นอาชพี ไป แตเ่ มอ่ื โครงการพัฒนาพ้ืนที่ลุม่ นำ้ ปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริเกดิ ขึ้น ทำให้มนี ้ำจดื เพียงพอต่อการทำนา พร้อมกบั ความชว่ ยเหลือด้านความรแู้ ละเทคโนโลยีจากหนว่ ยงานต่างๆ ธนพลจึงตดั สินใจท่ีจะยนื หยัด ตอ่ สู้ เปน็ กระดกู สนั หลงั ของชาติต่อไปดว้ ยใจรกั พรอ้ มปรับเปลี่ยนรปู แบบการทำนาแบบเดิมๆ ทเ่ี คยทำ มาเปน็ การทำนาอนิ ทรีย์ 82
“ในพนื้ ทบ่ี า้ นเนนิ ธมั มงั น้ี สมยั กอ่ นทำนากนั “ช่วงแรกเราก็คิดกันว่าถา้ ทำแบบนจี้ ะทำให้ ไดป้ ลี ะครง้ั แตเ่ นอ่ื งจากประสบปญั หาเรอ่ื ง “นำ้ ” ไดผ้ ลผลติ สงู นา่ พอใจ เพราะเนน้ ธรรมชาตเิ ปน็ หลกั ชาวบ้านบางส่วนจึงท้อและเลิกไป เพราะมองว่า แต่พอทำจริงพบว่า ระบบนาอินทรีย์ให้ผลผลิต การทำนานั้นต้นทุนสูง แต่ผลผลิตต่ำ ซ้ำแรงงาน น้อยกว่า แต่กลับขายได้ราคาพอๆ กับข้าวจาก ก็ไม่ค่อยมี จนเม่ือพระราชินีท่านเสด็จฯ มาเย่ียม นาท่ีใช้สารเคมี เน่ืองจากยังไม่มีตลาดที่รองรับ ราษฎรทน่ี เ่ี มอื่ ปี ๒๕๓๖ และไดร้ บั สง่ั ใหห้ นว่ ยงาน ขา้ วอนิ ทรยี โ์ ดยเฉพาะ หลงั จากนน้ั เราจงึ ไดร้ ว่ มกนั ทเี่ กยี่ วขอ้ งเขา้ มาชว่ ยเหลอื ชาวบา้ นใหม้ อี าชพี เสรมิ คิดแก้ปัญหาว่าจะต้องเลือกข้าวพันธ์ุดีมาปลูก โดยยังทำนาเป็นอาชีพหลักได้ ผมและเพื่อน เพ่ือให้ได้ผลผลิตท่ีราคาดีขึ้น เช่น ข้าวหอมปทมุ เกษตรกรจึงเริ่มมองเห็นความหวังในการอยู่รอด ขา้ วหอมนลิ ขา้ วเลบ็ นก และขา้ วสงั ขห์ ยด เพราะถา้ อกี ครงั้ ยงั ปลกู ขา้ วแปง้ กนั อยู่ จะสตู้ น้ ทนุ การผลติ จากท่ีอืน่ “โดยเฉพาะเมื่อผนวกกับพระเมตตาของ ไม่ได้ การแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้เป็นผลดี ทำให้ได้ ในหลวงที่ให้ก่อสร้างประตูระบายน้ำปากพนัง ผลผลติ มาบรโิ ภคในครวั เรอื น ในชมุ ชน จนกระท่ัง ซึ่งทำให้เรามีน้ำจืดไว้ใช้สำหรับการเกษตร ชุมชนเรามีคลังข้าวของตนเอง แทนท่ีจะขายข้าว พ้ืนท่ีนากว่า ๓๐๐ ไร่ของพวกเราก็ได้รับการ ไปทัง้ หมด แลว้ ไปซื้อขา้ วเขามากิน ด้วยวิธีนีเ้ ราก็ ดูแล แก้ไข ปรบั สภาพ นอกจากนี้ ยงั ได้รบั ความ มีข้าวของเราเอง ปลูกเอง กินเอง การซื้อข้าวกิน ช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ ซ่ึงทราบปัญหา ก็ลดลง ค่าใช้จ่ายก็ลดลง ความสุขและความ ของเกษตรกรในพื้นท่ีว่าส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ พอเพยี งจึงเกิดข้ึน ความเข้าใจที่ถูกต้องในการทำนา จึงได้จัดให้ไป “ในอนาคตผมมองว่าการทำนาอินทรีย ์ ศกึ ษาดงู านเรอื่ งการทำนาอยา่ งถกู วธิ เี พอื่ ลดตน้ ทนุ ยังคงไปได้ดี เป้าหมายของเรา คือ อยากขยาย และเพมิ่ ผลผลติ ทำใหเ้ ราฟนื้ ฟกู ารปลกู ขา้ วขนึ้ มา พ้ืนที่นาจากเดิม ๓๐๐ กว่าไร่ โดยใช้พื้นที่ ใหม่ได้สำเร็จ จากนั้นเราก็ได้สร้างแปลงนาสาธิต ปลูกข้าวบ้านเนินธัมมังและที่นาร้างที่มีอยู่ ๖๐๐ สำหรับเป็นแหล่งเรียนรู้ในพ้ืนท่ี และคัดเลือก กว่าไร่ ให้เป็นท่ีนา สร้างแปลงสาธิต โดยจะนำ เกษตรกรที่ต้องการเรียนรู้วิธีทำนาอย่างถูกวิธีมา แปลงนามาทำเกษตรผสมผสานตามแนว ครั้งละ ๕ คน ในปีแรกเรียนรู้เรื่องการจัดการ เศรษฐกิจพอเพยี ง นาอินทรีย์ ซึ่งเป็นระบบการผลิตข้าวที่ไม่ใช ้ “ผมเชื่อว่าถ้ามีสมาชิกเกษตรกรท่ีทำนา สารเคมีทางการเกษตรทุกชนิด และผลิตแบบ เพียงแค่ ๑๐ กว่าราย ยืนหยัดทำนาอยู่ พ่ึงพาธรรมชาติ ซึ่งนอกจากจะทำให้ได้ข้าวท่ีมี เราก็น่าจะอยู่รอดได้ เพราะอย่างไรเสีย คุณภาพสูงและปลอดจากสารพิษแล้ว ยังช่วย เราก็ยังอยู่ในพื้นท่ีโครงการอันเน่ืองมาจาก อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและเป็นการพัฒนา พระราชดำริ ซึ่งมีหลายหน่วยงานที่พร้อมให้ การเกษตรแบบยงั่ ยนื อกี ดว้ ย ความชว่ ยเหลอื และไมท่ งิ้ เราแนน่ อน” 83
นายรวง เพ็งเพชร์ ประธานกล่มุ วิสาหกิจชุมชน ศูนย์สง่ เสริมและผลิตข้าว ตำบลหูล่อง อำเภอปากพนัง จงั หวดั นครศรีธรรมราช อดีตลูกหลานชาวนาปลูกข้าว ทมี่ ีปญั หาเรื่องน้ำเค็มรกุ เข้ามาในพ้ืนท่ี จนตอ้ งเปลีย่ นมาทำนากุง้ แต่โชคกย็ ังไม่เข้าขา้ ง เมือ่ ตอ้ งมาประสบปัญหาโรคระบาด จากการเล้ียงกุ้งอกี จนทำให้มีหนีส้ ินพอกพูน และเกือบจะตดั สนิ ใจละท้งิ อาชพี แต่ด้วยกระแสพระราชดำรสั ของในหลวงทท่ี รงอยากเห็นคนไทยปลกู ข้าว ทำให้ “รวง” เกิดแรงบนั ดาลใจ ฮดึ สู้ข้นึ อกี ครงั้ เพอ่ื หวังให้ทกุ คนไดก้ ินขา้ วทีม่ ีคุณภาพ และปลอดสารพษิ พรอ้ มยดึ หลกั เศรษฐกจิ พอเพยี งเปน็ เคร่อื งนำทาง “...ขา้ วตอ้ งปลกู เพราะอกี ๒๐ ปี “…อยา่ ลมื นะ คนไทยเราตอ้ งกนิ ขา้ ว ประชากรอาจจะ ๘๐ ลา้ นคน ขา้ วจะไมพ่ อ คนไทยเราขาดขา้ วไมไ่ ด้ เมอ่ื พวกเรากนิ ขา้ ว ถา้ ลดการปลกู ขา้ วไปเรอื่ ยๆ ขา้ วจะไมพ่ อ กอ็ ยา่ ลมื การทำนา ถงึ แมว้ า่ บางพน้ื ทเ่ี หมาะสำหรบั เราจะตอ้ งซอ้ื ขา้ วจากตา่ งประเทศ เรอ่ื งอะไร ปลกู อยา่ งอน่ื เชน่ ปลกู ยางพารา ราคายางกด็ ี ประชาชนคนไทยไมย่ อม คนไทยนตี้ อ้ งมขี า้ ว พวกเรากม็ รี ายไดด้ กี นั ขณะทำสวนยาง แมข้ า้ วทปี่ ลกู ในเมอื งไทยจะสขู้ า้ ว ตอนนเ้ี รากำลงั ปลกู ปาลม์ แตอ่ ยา่ ลมื วา่ ทป่ี ลกู ในตา่ งประเทศไมไ่ ด้ เรากต็ อ้ งปลกู ...” คนไทยตอ้ งกนิ ขา้ ว ถา้ พวกเราไมป่ ลกู ขา้ ว ไมท่ ำนา แลว้ ในอนาคต ถา้ คนไทยตอ้ งซอื้ ขา้ วกนิ จากตา่ งประเทศ เราจะอยอู่ ยา่ งไร” พระราชดำรสั ของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ ัว เมื่อครงั้ เสด็จพระราชดำเนนิ ไปทอดพระเนตร โครงการบา้ นโคกกแู ว อันเนือ่ งมาจากพระราชดำร ิ พระราชดำรัสของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อย่หู วั ตำบลพรอ่ น อำเภอตากใบ จงั หวดั นราธิวาส ท่ีรับส่งั ไวเ้ ปน็ ขอ้ คิดเตอื นใจใหแ้ กเ่ กษตรกรไทย วนั ที่ ๒๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๖ โดยเฉพาะเกษตรกรในภาคใต้ “บังเอิญ ผมได้รับทราบถึงพระราชดำรัส หาความรู้เพ่ิมเติม ก็เลยเกิดความคิดท่ีจะพลิก ของในหลวงท่ีพูดถึงข้าว ใจความว่า...คนไทย ผนื นารา้ งให้เป็นนาทีอ่ ดุ มสมบรู ณข์ ึ้นมาได้ ต้องปลูกข้าว ไม่เช่นนั้นข้าวจะไม่พอ แล้ว “ผมเลือกปลูกข้าวแบบเกษตรอินทรีย ์ คนไทยต้องซ้ือข้าวจากต่างประเทศ...ทำให้ผม ปลอดสารเคมี ซ่ึงต้องอาศัยเวลาและความ เกิดแรงบันดาลใจที่จะหันกลับมาทำนาข้าวต่อ อดทนมาก กว่าจะปรับปรุงดินให้ดีข้ึน เพราะ แม้ที่ผ่านมาจะทำนากุ้งมาตลอด แต่ก็ยังมี ก่อนหน้านี้ดินเป็นกรดจากการทำนากุ้งมา ภูมิปัญญาด้ังเดิมท่ีส่ังสมมาจากบรรพบุรุษ ยาวนาน ทำให้ได้ผลผลิตน้อย แต่ผมก็ค่อยๆ ท่ีเคยทำนาข้าวมาก่อน พร้อมกับหม่ันค้นคว้า ทำไปด้วยความเช่ือว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่นั้น 84
เปน็ สง่ิ ทดี่ ี อยา่ งนอ้ ยจะไดม้ ขี า้ วปลอดสารพษิ มาขายใหค้ นในทอ้ งถนิ่ ไดบ้ รโิ ภค คอ่ ยๆ ทดลอง และยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ทดลองทำนา แปลงละไร่ มี ๑๐ ไร่ ก็ปลูกข้าว ๑๐ แบบ เพื่อทดลองว่าพันธุ์ไหนดี ช่วงแรกเป็นการทำนา ท่ีไม่คุ้มเลย เพราะข้าวสุกไม่พร้อมกัน เรียกว่า อยูใ่ นชว่ งลองผิดลองถูก ล้มลุกคลุกคลาน “ชาวบ้านส่วนใหญ่ท่ีทราบข่าวก็ไม่มีใคร เชื่อว่าผมจะทำได้ แต่ผมเช่ือม่ันว่าคนเรา เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ เม่ือเราค่อยๆ ทำไปตามความพรอ้ ม กา้ วเดนิ อยา่ งรอบคอบ ฐานของเรากจ็ ะมน่ั คง หลกี เลยี่ งการพลาดพลงั้ จากการเร่งรบี เติบโตได้ “ต่อมาเม่ือโครงการพัฒนาพื้นท่ีลุ่มน้ำ ปากพนังฯ เข้ามาในพื้นที่ ความพร้อมต่างๆ เรมิ่ เขา้ มา เกษตรกรก็เริ่มเกิดกำลังใจ ราคาข้าว ประโยชน์ได้ท้ังหมด เช่น เม่ือแปรรูปข้าวสาร เร่ิมดีข้ึน และมีการส่งเสริมพันธุ์ข้าวท้องถ่ิน เกิดเป็นรำข้าว หรือผักตบชวาซ่ึงเป็นวัชพืช ใหเ้ ปน็ ทนี่ ิยมมากขึ้น ที่ขึ้นตามท้องร่อง ผมก็นำไปผ่านกรรมวิธ ี “ขณะนี้ ได้มีการรวมตัวกันเป็นกลุ่มทำนา ตากแห้ง บดละเอียดเพื่อทำเป็นอาหารสัตว์ ข้าวอินทรีย์ในตำบลหูล่อง ๑๖ คน เพ่ือช่วยกัน หรอื นำไปทำเชอื้ เพลิง ดแู ลเปน็ หเู ปน็ ตา ปอ้ งกนั ศตั รพู ชื และแลกเปลยี่ น “จากท่ีเคยมีคนมองว่าผมบ้า ตอนน้ีส่วน เรียนรู้วิธีการทำนา รวมถึงมีการต้ังโรงสีข้าว ราชการได้จัดพื้นท่ีของผมให้เป็นศูนย์บริการ เพื่อช่วยเหลือเพ่ือนสมาชิกในราคาย่อมเยา และถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบล และมีการบริหารจัดการท่ีเป็นธรรม เม่ือชาวบ้าน หูล่อง พร้อมพาคนมาศึกษาดูงานการทำนา ได้ข้าวพันธ์ุดีท่ีตัวเองปลูกมากับมือและสามารถ อินทรยี ์อยู่บ่อยๆ นำไปขายได้ราคา ก็ทำให้เกิดกำลังใจ เรียก “ผมคิดว่าส่ิงท่ีผมทำอยู่น้ัน คือ การทำ ความเชื่อม่ันกลับคืนมา พอกิจการดำเนินไปได้ ความดีถวายในหลวงอีกทางหนึ่ง โดยไม่ สักระยะก็ปรากฏว่าเร่ิมเป็นที่กล่าวถึง มีเพ่ือน จำเป็นต้องรอให้ถึงวันเฉลิมพระชนมพรรษา จากต่างตำบล เช่น ตำบลชะเมา มาใช้บริการ ความดที ว่ี า่ นี้ คอื การนอ้ มนำแนวพระราชดำริ โรงสีของเราด้วย ของพระองคม์ าปฏบิ ตั ิ ซงึ่ ทำไดท้ กุ วนั เรมิ่ ตน้ “ปัจจุบัน ผมยังทดลองวิธีการปลูกข้าว ที่ตัวเรา เมื่อได้ผลดีแล้วจึงค่อยถ่ายทอด ใหม่ๆ ที่เอื้อต่อการทำนาอินทรีย์ เช่น การทำ ขยายผลไปสู่ผู้อื่นต่อไป ผมเช่ือว่าน่ีคือ นาโยน นอกจากปลูกข้าวแล้ว ผมยังเล้ียงวัว ไก่ หนทางท่ีจะทำให้เรามีความสุขได้อย่าง หมู ปลูกปาล์ม ซึ่งทุกอย่างในพื้นท่ี ผมนำไปใช้ แท้จรงิ ” 85
นายพมิ ล คงจันทร์ เกษตรกรผู้เลีย้ งกงุ้ และประธานกลมุ่ เกษตรกรหน้าสะตนสามคั คี อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรธี รรมราช เกษตรกรผปู้ ระสบความสำเรจ็ จากการเล้ียงกงุ้ แตก่ ว่าจะมวี นั นี้ “พิมล” ได้ผา่ นบททดสอบทห่ี นกั หน่วง และไดเ้ รียนรู้ว่า การทำอะไรด้วยความโลภ เกนิ ตัว ขาดความพอประมาณนน้ั อาจได้ผลดแี คใ่ นช่วงตน้ แตส่ ง่ ผลรา้ ยในระยะยาว จากบทเรยี นในคร้ังนน้ั ทำให้พมิ ลตดั สนิ ใจปรบั เปลยี่ นวถิ กี ารประกอบอาชีพใหม่ หันมาใชห้ ลักความพอเพยี ง ซง่ึ ทำใหอ้ ยู่ดี กนิ ดี มีอาชีพ และรายไดท้ มี่ ัน่ คงมาจนถงึ วนั น้ี “ครอบครัวผมทำนาข้าวมาตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่า แต่เม่ือ พ.ศ. ๒๕๓๕ ได้หันมาเล้ียงกุ้งกุลาดำ ซ่ึงได้ราคาดีมาก ตกกิโลกรัมละ ๒๐๐ - ๔๐๐ บาท ปีหนึ่งขายได้ ๑๐ กว่าตัน บางปีขายได้ มากถึง ๕๐ - ๖๐ ตัน จนชาวบ้านหันมาเล้ียงกุ้ง กนั เปน็ ส่วนใหญ ่ “ปัญหาเร่ืองการใช้น้ำระหว่างนาข้าวกับ นากุ้งน้ัน เป็นข้อถกเถียงกันมานาน แต่เมื่อมี โครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดำริมาแบ่งเขต พ้ืนที่น้ำจืดกับน้ำเค็มอย่างชัดเจน ก็ไม่เกิดการ กระทบกระท่ังกันอีก เพราะเราได้มีการประชุม ปรึกษาหารือกัน ตกลงร่วมกันว่าจะเปิด - ปิด ประตูระบายน้ำอย่างไรให้เหมาะสมโดยไม่เกิด ความขัดแยง้ เพือ่ ใหไ้ ดป้ ระโยชนร์ ว่ มกันทุกฝา่ ย “ในส่วนของผู้ใช้น้ำเค็มอย่างผม เรียกว่า มีความสุขมาก เพราะมีระบบชลประทานน้ำเค็ม เข้าถึงพ้ืนที่นากุ้งต่างๆ โดยน้ำเค็มที่ส่งเข้ามานั้น มาจากน้ำทะเลที่ทางโครงการเดินท่อไปรับ ห่างจากชายฝ่ังทะเลไปประมาณ ๑,๒๐๐ เมตร แล้วไหลมาตามรางสูบน้ำ เข้าบ่อพักเพื่อ ปรับแต่งค่าความเค็มให้เหมาะสมกับการเลี้ยงกุ้ง ทำให้ผู้เล้ียงกุ้งไม่มีปัญหาเรื่องน้ำ ไม่ต้องรอ ให้น้ำเค็มเข้ามาจากแม่น้ำปากพนังกว่า ๔๐ กโิ ลเมตรเหมอื นในอดตี 86
“ขณะเดียวกัน ยังมีมาตรการดูแลรักษา ประยุกต์ใช้อย่างถูกต้อง จะไม่มีใครจน และ ส่ิงแวดล้อม โดยน้ำท่ีออกจากพื้นที่เลี้ยงกุ้ง สามารถดำรงชีวิตอย่ไู ด้อย่างสบายๆ ในโครงการพระราชดำริจะไหลไปสู่โรงบำบัด “ปจั จบุ นั เรามกี ารรวมกลมุ่ สหกรณผ์ เู้ ลย้ี งกงุ้ น้ำเสีย ผ่านกระบวนการบำบัด ให้น้ำท่ีได้ ลุ่มน้ำปากพนัง มีสมาชิกประมาณ ๓๐๐ - ๔๐๐ ใกล้เคียงกับคลองธรรมชาติเพ่ือไม่ให้น้ำท่ ี คน เพ่ือสร้างความเข้มแข็งให้กลุ่มผู้เล้ียงกุ้ง ปล่อยลงไปเปน็ พิษตอ่ สตั วน์ ำ้ บางครั้งต้องมีการเจรจาต่อรองกับหน่วยงาน “ปัจจุบันผมเลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไมตามที่ ราชการและผู้ส่งออก เพ่ือร่วมกันกำหนดราคากุ้ง กรมประมงส่งเสริม ส่งออกไปขายหลายประเทศ ให้เกษตรกรสามารถอยู่รอดและพึ่งพาตนเองได้ ประสบความสำเร็จมาก ต้องพูดตรงๆ ว่า ที่ผ่านมาก็ประสานตกลงกันด้วยดี มีการออก เม่ือก่อนผมเลี้ยงกุ้งกุลาดำด้วยความโลภ มาตรการประกันราคาเพ่ือแก้ปัญหาราคากุ้ง เหมือนจะรวยแต่กลับจน เพราะไม่รู้จักคำว่า ตกต่ำ และสร้างความเข้าใจกับเพื่อนสมาชิก “พอเพียง” บ่อเล้ียงกุ้ง ๑ ไร่ ควรปล่อยลูกกุ้ง เกี่ยวกับการรักษาคุณภาพมาตรฐานของผลผลิต ประมาณ ๖๐,๐๐๐ ตัว แต่ผมปล่อยคร้ังนึง ซึ่งปัจจุบันเราได้ให้ความร่วมมือกับกรมประมง ๑๕๐,๐๐๐ตัว เพราะต้องการผลผลิตมากๆ ในการตรวจวัดคุณภาพมาตรฐานการผลิตอย่าง จนเกิดปัญหากุ้งแออัด ล้นบ่อ สุขภาพไม่ด ี แข็งขัน เพราะเรารู้ว่าความไว้วางใจของตลาด เกิดโรคระบาด ผลผลิตหดหาย ไม่มีกุ้งส่ง กลาย เป็นส่ิงสำคัญ เมอ่ื ได้มาแล้วต้องรักษาไวใ้ ห้ด ี เป็นหนี้เป็นสิน อีกทั้งตลาดต่างประเทศก็เริ่ม “ต้องขอบคุณโครงการพัฒนาพ้ืนที่ลุ่มน้ำ ไม่เช่ือม่ันเร่ืองความปลอดภัย ซึ่งเป็นเร่ืองใหญ่ ปากพนังฯ ท่ีทำให้เราลืมตาอ้าปากได้อย่าง และใช้เวลานานกว่าจะสามารถฟ้ืนความ ทุกวันน้ี ถ้าไม่ใช่โครงการในพระราชดำริ ทางรัฐ ไว้วางใจกลับคนื มาได้ อาจไม่มาลงทุนทำ เพราะเป็นโครงการท่ีทำแล้ว “จนในที่สุดจึงหันมาเลี้ยงกุ้งตามแนว เหมือนจะขาดทุน ไม่คุ้มค่า ถ้ามองในแง่ เศรษฐกิจพอเพียง อาศัยหลักการขยายผลผลิต เศรษฐกิจ แต่ถ้ามองในแง่สังคม ถือว่าได้กำไร ด้วยความระมัดระวัง เล้ียงอย่างพอดีๆ ไม่ปล่อย เยอะมาก เพราะชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนดีขึ้น ให้แน่นจนเกินไป ไม่เน้นการเล้ียงเอาปริมาณ แค่คนบ้านเราไม่ไปเป็นโจรก็ดีมากเท่าไหร่แล้ว แต่เน้นการเลี้ยงให้ได้คุณภาพ ซึ่งจะทำให้ได้กุ้ง คุ้มเกินคุ้ม จะพัฒนาอะไรต่อไปก็ทำได้ทั้งน้ัน ตัวโตกว่าและได้ราคาดีกว่า และเราก็ยัง พระองค์ท่านทรงคิดแบบน้ี ตอนน้ีพวกไปเรียน สามารถประหยัดต้นทุน ไม่ต้องสิ้นเปลือง ปริญญาโทก็กลับมาอยู่บ้าน ถ้าไม่ได้พระบารมี พลังงานเพ่ือตีน้ำเพ่ิมออกซิเจนในบ่อมาก ของพระองค์ท่าน อาชีพท่ีเราทำอยู่คงพังกัน เหมือนเมอ่ื ก่อนดว้ ย ไปหมดแล้ว ฉะนั้นชาวลุ่มน้ำปากพนังทุกคน “หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของ ควรสำนึกในพระคุณ ถ้าเราไม่สำนึกก็เสียที ในหลวงเป็นทง้ั ยารักษาและเปน็ อาหารสมอง ทเี่ กดิ เปน็ คนทนี่ ่ี แต่ผมไม่เสยี ชาตเิ กิด” ไปด้วยในตัว ผมยืนยันได้ว่าผู้ท่ีรู้จักนำมา 87
นายวโิ รจน์ บญุ วงศ์ เกษตรกรผู้ประสบความสำเร็จในการปลกู มังคุดนอกฤดู ตำบลทา่ เสม็ด อำเภอชะอวด จงั หวัดนครศรีธรรมราช ก่อนทจ่ี ะทำสวนมงั คดุ อาชพี แรกเร่ิมของ “วโิ รจน”์ คือ ทำนา แต่เม่ือผลผลิตไม่เป็นใจ เพราะนำ้ จืดนอ้ ย ซ้ำนำ้ เค็มยังรุกล้ำเข้ามา จนแทบจะไม่มีน้ำจดื ใช้ พอถงึ หน้าฝน บางปีนำ้ กท็ ว่ มขงั ปัญหาเหลา่ น้ที ำใหเ้ กษตรกรหลายราย รวมทั้งวิโรจนเ์ กอื บถอดใจ... และแล้ว “นำ้ พระราชทาน” จากโครงการพัฒนาพน้ื ท่ีลมุ่ นำ้ ปากพนัง อันเน่ืองมาจากพระราชดำริ ซ่ึงเปรยี บประดจุ “น้ำทิพย์” ชโลมใจ กท็ ำใหว้ โิ รจน์พร้อมทจี่ ะลุกขึน้ สู้ ยนื หยัดยึดอาชีพเกษตรกรท่ตี นเองรัก และนำมาสคู่ วามสำเร็จท่หี อมหวาน “เพราะความลำบากยากจนจากการทำนา “ชวี ติ ของชาวลมุ่ นำ้ ปากพนงั เรม่ิ มคี วามหวงั ชาวบ้านจำนวนไม่น้อยจึงแก้ปัญหาด้วยการกหู้ นี้ เม่ือมีโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังฯ ยมื สนิ หรอื รอเงนิ ชว่ ยเหลอื จากรัฐบาล และนำเงิน เกิดขึ้น ปัญหาเรื่องน้ำใช้ของเกษตรกรก็บรรเทา ท่ีได้มาลงทุนทำนาต่อ ในขณะท่ีปัญหาเรื่องน้ำ เบาบางลงไปอย่างที่เรียกได้ว่าจากหน้ามือเป็น ก็ยังมีอยู่ ค่าใช้จ่ายจึงพอกพูนเพิ่มข้ึนจนแทบ หลังมือ มีน้ำจืดใช้เพาะปลูก มีประตูระบายน้ำ มองไมเ่ หน็ ทางปลดหน้ี กลายเป็นปัญหาลุกลาม ช่วยก้ันน้ำเค็ม ผมเลยมีทางเลือกที่หลากหลาย ไปถงึ ครอบครวั ชมุ ชน จนถงึ สงิ่ แวดลอ้ ม ชาวบา้ น ในการเพาะปลกู จึงมักจะสอนลูกให้เป็นนักเลง กินเหล้าเมายา “นอกจากน้ี หน่วยงานภาครัฐยังเข้ามา แล้วก็เกเร ค้าขายข้าวอย่างคดโกง เช่น ชั่งตวง ช่วยเหลือในด้านเทคโนโลยีและความรู้ต่างๆ ข้าวเหนียวข้าวเจ้าปะปนกัน กลายเป็นปัญหา ผมเองก็มีโอกาสไปศึกษาดูงานการทำสวนผลไม้ สังคม ความสัมพันธ์ในชุมชนก็ไม่เข้มแข็ง ตามจังหวัดต่างๆ ท่ีกรมส่งเสริมการเกษตรจัดให้ ต่างคนต่างอยู่ เกิดเป็นความขัดแย้งของคน ซึ่งองค์ความรู้เหล่านี้ช่วยให้ผมและเกษตรกร ในพ้ืนที่ พอนึกขึ้นมาทีไรก็ท้อแท้ หดหู่ คนอื่นๆ เริ่มเปลี่ยนความคิดในการทำสวนผลไม้ “ผมเองมีชีวิตวัยรุ่นอยู่ในช่วงเวลานั้น โดยเฉพาะการปลูกมังคุด ผมเคยถูกชาวบ้าน และก็ได้เรียนรู้ว่า ความเสื่อมท่ีเกิดข้ึนนั้น และคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ทักท้วงว่าอย่าปลูกเลย มันมาจากปัญหาความยากจน ผมจึงต้ังใจที่จะ มันไม่ได้ผลหรอก อย่าหวังว่าจะปลูกขาย แค่จะ ไมข่ อ้ งแวะกบั อบายมขุ เหลา่ นนั้ เลอื กทจี่ ะพยายาม ปลูกกินยังไม่น่ารอด แต่ทุกวันนี้ด้วยความร ู้ ทำการเกษตรต่อไป แม้ว่าจะได้ผลผลิตไม่คุ้มค่า และเทคโนโลยี บวกกบั ความพยายามท่ีจะศึกษา กับการลงทุน และพยายามสั่งสอนอบรมลูกๆ หาความรู้เพิ่มเติมซึ่งใช้เวลานานกว่าสิบปี ให้ต้ังใจเรียน ให้คบเพื่อนที่ดี ไม่ให้หลงผิด และที่สำคัญท่ีสุด คือ ความเข้าใจท่ีมีต่อปรัชญา ไปเปน็ นักเลง รวมทัง้ ใหช้ ว่ ยกนั ทำงาน เศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง โดยเฉพาะเรื่อง 88
เกษตรทฤษฎีใหม่ จึงทำให้ผมมีสวนผลไม ้ มาประยุกต์ใช้ต่อยอดในการทำสวนลองกอง เต็มรูปแบบบนพืน้ ทกี่ ว่า ๓๐ ไร่ รวมท้ังมีชอ่ื เสยี ง นอกฤดูด้วย ซ่ึงก็ให้ผลผลิตที่สร้างรายได้ และประสบความสำเร็จในการปลูกมังคุดนอกฤดู งดงามไม่ย่ิงหย่อนไปกว่ากัน รวมท้ังยังปลูก สง่ ไปจำหน่ายยงั ต่างประเทศ ยางพารา ทุเรียน ข้าวโพด มะนาว พริกไทย “ปกติมังคุดจะให้ผลผลิตเพียงปีละครั้ง พริกข้ีหนู มะกรูด คะนา้ ผกั กาด และแตงกวา เท่านั้น แต่ด้วยการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็น ร่วมด้วย ระบบจากโครงการพัฒนาพ้ืนที่ลุ่มน้ำปากพนัง “สวนของผมมพี ชื ผกั ปลกู หมนุ เวยี นหลายชนดิ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ทำให้ผมปลูกมังคุด สามารถเกบ็ เก่ียวผลผลิตไดเ้ ป็นรายวัน รายเดอื น นอกฤดูได้ เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ถึงปีละ ๒ ครั้ง และรายปี เป็นรายได้ท่ีต่อเนื่องไม่มีวันหยุด อีกท้ังผลผลิตที่ได้ก็เป่ียมคุณภาพ เพราะมีน้ำ สร้างรายได้กว่า ๕๐๐,๐๐๐ บาทต่อฤดูกาล ให้ใช้ได้ตลอดท้ังปี ไมม่ ีขาดแคลน “แม้จะไม่ถึงกับร่ำรวย แต่ผมก็อยู่ได้อย่าง “เมอื่ ผมทำสำเรจ็ กเ็ รมิ่ มเี กษตรกรหลายราย สขุ สบาย เพราะไมม่ หี นส้ี นิ ทงั้ ยงั เกบ็ เกยี่ วผลผลติ สนใจและหนั มาปลกู แบบผม เพราะไดร้ าคาดมี าก ไว้บริโภคเองภายในครอบครัว ลดภาระค่าใชจ้ ่าย ถงึ กโิ ลกรมั ละ ๑๒๐ บาท ผมจงึ ถา่ ยทอดองคค์ วามรู้ ในครวั เรือนได้อยา่ งดีด้วย ทม่ี ใี ห้แกช่ าวบ้าน “ด้วยผลจากโครงการในพระราชดำริ “ตั้งแต่ทำสวนมังคุดด้วยวิธีน้ี ผมยังไม่เคย และการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจ พบปัญหามังคุดล้นตลาดหรือราคาตกต่ำเลย พอเพียงมาใช้ ผมและชาวบ้านจึงยังสามารถ เพราะผลผลิตของผมจะออกมาทีหลังตลาด ยืนหยัดประกอบอาชีพเกษตรกรเพื่อเล้ียง ส่วนชาวบ้านก็มีผลผลิตออกมาไล่ๆ กันไป ตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน และสังคมต่อไปได้ มชี อ่ งทางจำหน่ายกนั ไดท้ กุ คน” มีชีวิตท่ีมั่นคง พออยู่ พอกิน มีความสุข จากความสำเร็จตรงนี้ ปัจจุบันวิโรจน ์ แบบพอเพียง และชุมชนของเราก็ฟื้นคืนสู่ ได้นำองค์ความรู้จากการทำสวนมังคุดน้ ี ความเข้มแขง็ อีกครงั้ ” 89
นางอัมพร สวสั ดส์ิ ขุ ประธานกลุม่ สม้ โอ OTOP ตำบลคลองน้อย ผนู้ ำองค์กรเครือข่ายพัฒนาชมุ ชนดีเด่น เจา้ ของไรส่ วัสดส์ิ ขุ ตำบลคลองนอ้ ย อำเภอปากพนัง จงั หวัดนครศรีธรรมราช กอ่ นหนา้ น้วี ิถชี ีวติ ของ “อัมพร” กไ็ มต่ ่างจากเพ่อื นพอ้ งเกษตรกรคนอื่นๆ ท่ีมฐี านะยากจนจากปญั หานำ้ ท่วมซ้ำซากในชว่ งฤดูมรสุม และบางปีนำ้ เค็มกท็ ะลักคันก้ันน้ำเขา้ มาทว่ มพืน้ ท่เี พาะปลูก จนพชื ผลไดร้ ับความเสยี หาย แตว่ ันน้อี มั พรสามารถพลกิ ผนื นารา้ งกวา่ ๔๐ ไร่ ให้กลายเป็นสวนส้มโอพนั ธด์ุ ี ทกี่ วาดรางวัลจากการประกวดแขง่ ขนั มามากมายนับไม่ถว้ น และช่วยพลิกชวี ิตท่ีเคยขม ใหก้ ลายเป็นหวาน ไม่ตา่ งจากรสชาตขิ องสม้ โอ “เม่ือก่อนน้ำท่วมบ่อย ปลูกอะไรก็ไม่รอด ช่ือพันธ์ุ “เขียวมรกต” เนื้อสีแดงสวย น่ากิน โดนน้ำท่วมตายหมด ตอนหลังเลยคิดหันมาปลูก ลูกเล็กกำลังดี เปลือกสีเขียวสดตามช่ือ แต่ขม ส้มโอ เพราะทนน้ำ ถา้ ท่วมไม่เกิน ๒๐ วัน ทนได้ เกษตรกรจากท่ีน่ีได้นำต้นพันธุ์พื้นเมืองจาก “สม้ โอทบั ทมิ สยามนนั้ เปน็ สม้ โอพนั ธด์ุ งั้ เดมิ ปัตตานีมาทดลองปลกู ของตำบลประจัน อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี ดว้ ยลกั ษณะเนอื้ สแี ดงสด จงึ เปน็ ทมี่ าของชอื่ พนั ธุ์ “ทบั ทมิ สยาม” 90
“พ่ีเอง ก็สนใจจึงได้ลองไปศึกษาเรียนรู้ วิธีปลูกส้มโอทับทิมสยามท่ีหมู่บ้านแสงวิมาน ซ่ึงอยู่ในตำบลเดียวกัน แล้วก็ทดลองนำมาปลูก ปรากฏวา่ รสขมของพันธ์ดุ ้งั เดมิ หายไป กลายเปน็ รสหวานแทน แต่สีเน้ือก็ยังเป็นสีแดงสดใสอยู่ เหมอื นเดมิ “ประกอบกับช่วงนั้นก็มีเจ้าหน้าท่ีจาก โครงการพัฒนาพ้ืนที่ลุ่มน้ำปากพนังฯ เข้ามา สำรวจพื้นท่ี มาช่วยเหลือ แก้ไขปัญหาน้ำเปร้ียว ดินเค็ม และนำพ้ืนที่แถวนี้เข้าร่วมโครงการด้วย จึงทำให้พ้ืนท่ีนี้สามารถปลูกพืชได้หลายชนิด โดยมีส้มโอพันธุ์ทับทิมสยามเป็นพืชหลักในการ เพาะปลูก “และเม่ือโครงการแล้วเสร็จ ยิ่งช่วยสร้าง หลักประกันให้เราไดว้ ่าจะมีนำ้ จืดพอใช้ และไม่มี ปัญหาน้ำทว่ มขงั นานๆ เหมือนเดมิ อกี ความเส่ียง อาหารด้านพืช ได้รับการคัดสรรให้เป็น ในการปลูกส้มโอก็หมดไป หน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง ผลิตภณั ฑ ์ OTOP ระดับ ๕ ดาว ของจังหวัด ก็ช่วยกันเข้ามาส่งเสริมให้ความรู้เพื่อพัฒนา นครศรีธรรมราช และสามารถจดลิขสิทธิ์ ผลผลติ ใหด้ แี ละมีคณุ ภาพ เป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical “ตอนน้ีส้มโอทับทิมสยาม ได้กลายเป็น Indication : GI) นาม “ส้มโอทับทิมสยาม ท่ีต้องการของตลาดท้ังในและต่างประเทศ อำเภอปากพนัง” ซึ่งพบได้เฉพาะท่ีอำเภอ เป็นสินค้าช้ันดีที่สร้างช่ือเสียงให้ปากพนังมาก ปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราชเพียง เพราะหากจะปลูกให้ได้รสชาติหวานอร่อย แหง่ เดียวเท่าน้นั แบบน้ี ต้องปลูกท่ีลุ่มน้ำปากพนังแห่งเดียว “ต้องบอกว่า ชีวิตดีขึ้นมาก ส้มโอทับทิม เท่าน้ัน ถ้าเอาไปปลูกท่ีอ่ืนก็จะเรียกว่าส้มโอ สยามช่วยสร้างรายได้อย่างงดงามให้กับพวกเรา ชาวปากพนังซึ่งเคยมีความเป็นอยู่ที่แร้นแค้น ทบั ทมิ สยามไมไ่ ด”้ ปัจจุบัน ส้มโอทับทิมสยาม ปลูกมากที่ และยากจนที่สุดแห่งหน่ึงของประเทศให้กลับมา ตำบลคลองน้อย อำเภอปากพนัง จังหวัด มีอาชพี ท่ีมนั่ คง เล้ยี งตนเองได้ นครศรีธรรมราช บนเนื้อท่ีกว่า ๔,๐๐๐ ไร ่ “และเพื่อให้ความรู้แพร่หลายไปยัง และเป็นความภาคภูมิใจของเกษตรกร เกษตรกรคนอ่ืนๆ สวนส้มโอของพี่จึงเปิดเป็น เ น่ื อ ง จ า ก ส า ม า ร ถ พั ฒ น า ผ ล ผ ลิ ต ใ ห้ มี ศู น ย์ ก า ร เ รี ย น รู้ ต า ม แ น ว พ ร ะ ร า ช ด ำ ริ เ อ ก ลั ก ษ ณ์ เ ฉ พ า ะ พ้ื น ที่ แ ล ะ มี คุ ณ ภ า พ ถ่ายทอดองค์ความรู้ในการทำไร่นาสวนผสม มาตรฐาน จนสามารถผ่านการรับรอง ให้ผู้ท่ีสนใจ ซึ่งสามารถเดินทางมาเยี่ยมชมได้ มาตรฐาน GAP ตามโครงการความปลอดภัย ตลอดท้งั ปีด้วย” 91
สมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ นี าถ พรอ้ มดว้ ยสมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าชฯ สยามมกฎุ ราชกมุ าร เสดจ็ พระราชดำเนนิ ไป ทรงเยย่ี มราษฎร พรอ้ มทอดพระเนตรความคบื หนา้ โครงการ ณ บา้ นเนนิ ธมั มงั ตำบลแมเ่ จา้ อยหู่ วั อำเภอเชยี รใหญ ่ จงั หวดั นครศรธี รรมราช เมอื่ วนั ท่ี ๗ กนั ยายน พ.ศ. ๒๕๔๕ ดว้ ยพระกรณุ า โอบเอ้ือ ศลิ ปะ และอาชพี ความทุกข์ยากเดือดร้อนของประชาชน น้ำจืดก็ยังขาดแคลน ราษฎรจึงเดือดร้อนอย่าง ในลุ่มน้ำปากพนัง ไม่เพียงอยู่ในสายพระเนตร สาหัส จนหลายๆ ครอบครัว ผู้ชายต้องออกไป พระกรรณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เร่ขายแรงงานต่างถ่ิน เหลือแต่เด็ก ผู้หญิง เท่านั้น หากแต่ยังอยู่ในความสนพระราชหฤทัย และคนชราเฝ้าหมู่บ้าน หนำซ้ำการสัญจรไปมา ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชนิ นี าถดว้ ย ก็ลำบาก ไม่มีถนนหนทาง ไม่มีไฟฟ้าใช้ จากการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยม ห่างไกลความเจริญ ราษฎรในพ้ืนท่บี ้านเนนิ ธมั มัง หมู่ ๕ ตำบลแม่เจา้ ด้วยพระราชปณิธานอันมุ่งม่ันท่ีจะช่วย อยู่หัว อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช คลายทุกข์ราษฎร สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรม ครั้งแรกเมื่อวันท่ี ๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๖ ราชินีนาถจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รับ ทำให้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ราษฎรท่ีสนใจเข้าเป็นสมาชิกศิลปาชีพ เพื่อให้มี ได้ทอดพระเนตรเหน็ ความทุกข์ยากเดือดร้อนของ รายได้เสริม และมีพระราชดำริให้จัดตั้งศูนย์ ราษฎรในพ้นื ทแ่ี ละหมู่บ้านใกล้เคียง ซึ่งส่วนใหญ่ ศิลปาชีพข้ึน พร้อมพระราชทานพระราชดำริด้าน เป็นชาวนาชาวไร่ มีฐานะยากจน เนื่องจากพ้ืนท่ี งานชลประทานให้แก่เจ้าหน้าท่ีกรมชลประทาน บา้ นเนนิ ธัมมังเปน็ ป่าพรุ ประสบปัญหาน้ำทว่ มขงั เร่งพิจารณาดำเนินการก่อสร้างระบบป้องกัน เป็นประจำทุกปี ดินก็เป็นดินเปรี้ยว น้ำก็มี ๓ รส น้ำเปร้ียวจากพรุเข้าพื้นท่ีทำกินของราษฎร ระบบ เพาะปลูกอะไรก็ลำบาก ผลผลิตไม่ดี อีกทั้ง ป้องกันน้ำเค็มบุกรุก และระบบส่งน้ำจืดเพ่ือ 92
ĐĖğăĐþĕâāüèĔ ĐĖğăĐĆĐŇ üāėýĜĈąŋ ĐĖğăĐ ğêĈĄė āĆēğâĘąĆøė ĐĖğăĐğëąĘ ĆĢĎîŇ (บน) โครงการจดั หานำ้ บา้ นเนนิ ธมั มงั หนงึ่ ในพระมหากรณุ าธคิ ณุ ĐĖğăĐéďě ĕăĆöŋ บา้ นเนนิ ธัมมงั ของสมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ นี าถ ศาลาศิลปาชีพ ĐĖğăĐĎĔĊģúĆ เพอ่ื ชว่ ยเหลอื ราษฎรในเรอื่ งการประกอบอาชพี บา้ นเนนิ ธมั มงั (ขวา) บา้ นเนนิ ธมั มงั ตง้ั อยทู่ ี่ ĐĖğăĐëēĐĊ÷ ตำบลแมเ่ จา้ อยหู่ วั อำเภอเชยี รใหญ่ ในอดตี เปน็ พนื้ ทที่ ่ี หา่ งไกลความเจรญิ ไมม่ ถี นนหนทาง และเดนิ ทางไปมาลำบากมาก ช่วยเหลือด้านการเพาะปลูกของราษฎร รวมทั้ง จากนั้นหน่วยงานที่เก่ียวข้องจึงได้ร่วมกัน ขยายผลการปลูกข้าวในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง สนองพระราชดำริโดยเข้าไปช่วยเหลือทั้งในด้าน ภายใต้โครงการจัดหาน้ำบ้านเนินธัมมัง การสนับสนุนงบประมาณและให้ความรู้เร่ืองการ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ พร้อมท้ังได้ ผลิตข้าว ทั้งการขยายผลผลติ การส่งเสรมิ การใช้ พระราชทานพระราชดำริให้หน่วยงานอ่ืนๆ ท่ี เมล็ดพันธุ์ดี การจัดอบรมศึกษาดูงาน ตลอดจน เก่ียวข้องร่วมกันช่วยเหลือราษฎรให้มีชีวิตความ การพัฒนากลุม่ วิสาหกจิ จัดตง้ั โรงสีขา้ วชมุ ชนข้นึ เป็นอยู่ที่ดีขึ้น ก่อเกิดเป็นโครงการเพ่ือยกระดับ รวมถึงการผลิตข้าวปลอดสารพิษ ทำให้ราษฎร คุณภาพชีวิตและพัฒนาอาชีพอีกหลายโครงการ ในพื้นท่ีบ้านเนินธัมมังและใกล้เคียง สามารถ เช่น โครงการจัดรูปที่ดินบ้านเนินธัมมังสำหรับ ทำการเกษตรและปลูกข้าวได้ผลผลิตด ี พัฒนาอาชีพการทำนา การให้คำแนะนำเรื่อง ในระหว่างที่โครงการต่างๆ กำลังดำเนิน การปลกู ขา้ ว การเลอื กพนั ธขุ์ า้ ว การจดั หาพนั ธพุ์ ชื อยู่น้ัน สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พันธ์ุสัตว์และพันธ์ุปลาที่เหมาะสม สำหรับ ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเย่ียมราษฎร และ การเพาะปลูกและเพาะเลี้ยง ทรงติดตามความคืบหน้าในการดำเนินงานต่างๆ ต่อมาในวันท่ี ๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๗ อีกหลายครั้ง ได้แก่ วันที่ ๒ ตุลาคม พ.ศ. สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถได้เสด็จ ๒๕๔๒ วันท่ี ๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๕ และ พระราชดำเนินมาที่บ้านเนินธัมมังอีกคร้ัง และได้ วันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๖ อันสะท้อน มีพระราชดำริเพิ่มเติมให้หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง ถึงความสนพระราชหฤทัยและความห่วงใยใน ร่วมกันพัฒนาและแก้ปัญหาดินเปรี้ยวจัดบริเวณ ทุกข์สุขของราษฎรอย่างแท้จริง ยังความปลื้มปตี ิ บ้านเนินธัมมัง เพื่อให้ราษฎรสามารถทำการ ยินดีมาสู่ชาวบ้านเนินธัมมังและพื้นที่ใกล้เคียง เกษตรได ้ อย่างหาท่ีสุดมิได้ 93
ศลิ ปาชพี บา้ นเนนิ ธมั มงั สสรบื ้าทงงอานดภสูมาิปนัญอาญชีพาทอ้ งถิ่น อนุรักษ์มรดกศลิ ป์แผน่ ดิน ค วบ คู่ ไ ป พร้ อ ม กั บ กา ร พร ะร าช ท าน ประสานงาน กำกับดูแล และติดตามผลการ พระราชดำริในการแก้ไขปัญหาด้านเกษตรกรรม ปฏิบัติงานของสมาชิก ซ่ึงดำเนินการควบคู่ไปกับ อันเป็นอาชีพหลักของราษฎรแล้ว ในการเสด็จ โครงการพัฒนาพ้ืนท่ีลุ่มน้ำปากพนัง อันเน่ือง พระราชดำเนินครั้งแรกเม่ือวันท่ี ๗ ตุลาคม มาจากพระราชดำริ พ.ศ. ๒๕๓๖ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรม จากจุดเร่ิมต้นท่ีมีสมาชิกเพียง ๑๑ คน ราชินีนาถยังมีพระราชดำริให้รับราษฎรท่ีต้องการ ปัจจุบัน ศูนย์ศิลปาชีพบ้านเนินธัมมัง มีสมาชิก มีอาชีพเสริมเพ่ือเพ่ิมรายได้เป็นสมาชิกศิลปาชีพ รวมทั้งส้ินถึง ๕๓๙ ราย เปิดดำเนินการสอน และได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ใน ๓ กลุ่มอาชีพ คือ กลุ่มทอผ้า กลุ่มแปรรูป ก่อสร้างศาลาศิลปาชีพขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานท่ี กระจดู และกลุม่ ปักผ้าดว้ ยมือ ฝึกสอนงานศิลปาชีพช่ัวคราว โดยมีผู้มีจิตศรัทธา นอกเหนือจากช่วยเหลือราษฎรให้มีฐานะ ร่วมน้อมเกล้าฯ ถวายท่ีดินสำหรับใช้ในการ ความเป็นอยู่ดีข้ึนแล้ว “ความพิเศษ” ของ ก่อสร้างด้วย เมื่อแรกต้ังมีสมาชิกเริ่มต้น ๑๑ คน ศูนย์ศิลปาชีพบ้านเนินธัมมังแห่งน้ีคือเป็นแหล่ง ต่อมาในวันท่ี ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๗ “ทอผ้ายกเมืองนครศรีธรรมราช” ซึ่งเป็น งานส่งเสริมศิลปาชีพแก่ราษฎรในพื้นท่ีและ ผ้าทอพื้นเมืองโบราณอันทรงคุณค่าในอดีต หมบู่ า้ นใกลเ้ คียงจงึ เร่ิมขน้ึ อย่างเป็นรูปธรรม ซง่ึ เปน็ มรดกตกทอดมาตงั้ แตส่ มยั นครศรธี รรมราช เมื่อสมาชิกเร่ิมมากข้ึน อาคารเดิมเริ่ม ยังเป็นส่วนหน่ึงของอาณาจักรตามพรลิงค ์ คบั แคบลง ใน พ.ศ. ๒๕๔๐ สมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ แต่ด้วยวิธีการทอที่ยุ่งยาก ต้องอาศัยความ พระบรมราชินีนาถ จึงมีพระราชดำริให้ก่อสร้าง ประณีต ละเอียดลออ และฝีมือช่างชั้นสูง อาคารศิลปาชีพหลังใหม่ขึ้น และเปิดทำการ อีกท้ังค่านิยมการแต่งกายสมัยใหม่เข้ามาแทน อ ย่ า ง เ ป็ น ท า ง ก า ร เ มื่ อ วั น ท่ี ๒ ตุ ล า ค ม ระยะหลังการทอผ้ายกเมืองนครศรีธรรมราช พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยไดร้ บั ความรว่ มมอื จากเจา้ หนา้ ที่ จึงค่อยๆ เลือนหายไป กองพันทหารช่างท่ี ๔๐๒ ทำหน้าที่อำนวยการ 94
ศาลาศิลปาชพี บา้ นเนินธัมมัง งานทอผา้ และถกั กระจดู อาชีพเสริมท่สี ร้างรายไดใ้ หเ้ หล่าสมาชิกศลิ ปาชีพไมน่ อ้ ย 95
ผ้ายก เมอื งนครศรธี รรมราช ผ้ายกเมืองนคร เป็นผ้าทอพ้ืนเมืองของ ส่วนการทอผ้ายกท่ีลวดลายสีสันวิจิตร จังหวัดนครศรีธรรมราชท่ีได้รับการยกย่องว่า งดงาม สันนิษฐานว่าน่าจะเริ่มทอในสมัย สวยงาม เป็นแบบอย่างของผ้าชั้นดี สันนิษฐาน กรุงศรีอยุธยาตอนปลาย หรือรัตนโกสินทร ์ ว่ามีการทอมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรตามพรลิงค์ ตอนต้น โดยได้แบบอย่างการทอผ้ามาจากแขก ซ่ึงเป็นอาณาจักรโบราณตั้งแต่สมัยก่อน เมืองไทรบุรี เม่ือคร้ังเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช พุทธศตวรรษท่ี ๗ มีศูนย์กลางอยู่ท่ีจังหวัด ยกกองทัพไปปราบกบฏใน พ.ศ. ๒๓๕๔ และได้ นครศรธี รรมราชในปัจจุบัน ก ว า ด ต้ อ น เ ช ล ย ซึ่ ง มี ช่ า ง ฝี มื อ ร ว ม ท้ั ง ช่ า ง ท อ ในยุคนั้น ตา มพรลิงค์ เป็นเมืองท่า ผ้ายกมาด้วย ด้วยเหตุนี้จึงเกิดการผสมผสาน ศูนย์กลางการซ้ือขาย แลกเปล่ียนสินค้าและ ทางวัฒนธรรมกับภูมิปัญญาดั้งเดิมจนกลายเป็น เผยแพร่ศิลปวัฒนธรรม จึงสันนิษฐานว่า วิธีการทอที่สลับซับซ้อน พิถีพิถัน และเม่ือ น่าจะมีการรับวัฒนธรรมการทอผ้ามาจากจีน ประกอบกับวัสดุที่นำมาทอมีมูลค่าสูง ผ้ายก อินเดีย และอาหรับด้วย ชาวพ้ืนเมืองจึงรู้จัก เมืองนครจึงข้ึนช่ือว่าเป็นงานประณีตศิลป ์ การทอผ้าทั้งผืนเรียบและผ้ายกดอกมาต้ังแต ่ ช้ันเย่ียมมาต้ังแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จ สมัยน้ัน พระพุทธเลิศหล้านภาลัย มีช่ือเสียงและ เอกลักษณ์ท่ีโดดเด่นในเวลาต่อมา 96
ผ้ายกเมืองนครมรี ูปแบบการทอทแ่ี ตกต่างกนั ๓ รูปแบบ แบบที่ ๑ กรวยเชิงซ้อนหลายช้ัน เปน็ ผ้า ด้วยไหม ทอด้วยฝ้าย หรือทอผสมฝ้ายแกมไหม สำหรบั เจ้าเมอื ง พระบรมวงศานวุ งศ์ และขุนนาง ที่พบจะเป็นผ้านุ่งสำหรับสตรี หรือใช้เป็นผ้านุ่ง ชั้นสูง นิยมทอผ้าด้วยเส้นทอง ลักษณะกรวยเชิง สำหรับนาคในพิธีอุปสมบท จะมีความละเอียดอ่อนช้อย มีลวดลายหลาย ลวดลายผ้ายกเมืองนครท่ีทอกันมาแต่ ลักษณะ ริมผ้าจะมีลายขอบผ้าเป็นแนวยาว โบราณนั้น มักเป็นลวดลายที่พบเห็นได้รอบๆ ตัว ตลอดท้ังผืน กรวยเชิงส่วนใหญ่มีต้ังแต่ ๒ ชั้น และจะถูกถ่ายทอดต่อๆ กันมาด้วยวิธีการจดจำ และ ๓ ช้ัน ลักษณะพิเศษของกรวยเชิงรูปแบบน้ี หรือทอลอกเลียนแบบไว้ นับเป็นภูมิปัญญา คอื พนื้ ผา้ จะมกี ารทอสลบั สดี ว้ ยเทคนคิ การมดั หมี่ และฝีมือของช่างทอผ้าอย่างแท้จริง ลวดลาย เป็นสีต่างๆ เช่น แดง น้ำเงิน ม่วง ส้ม น้ำตาล ผ้ายกเมืองนคร แบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ดังน้ ี ลายท้องผ้านิยมทอเป็นผ้าพ้ืนและยกดอก เช่น ๑) กลุ่มลายพันธ์ุไม้ เป็นลวดลายจาก ยกดอกลายเกลด็ พมิ เสน ลายดอกพิกุล เป็นตน้ ดอกไม้และต้นไม้ ได้แก่ ลายดอกพิกุล ลายดอก แบบที่ ๒ กรวยเชิงช้ันเดียว นิยมทอผ้า พิกุลแก้ว ลายดอกพิกุลเถื่อน ลายดอกพิกุล ดว้ ยเสน้ ทองหรอื เสน้ เงนิ จะพบในผา้ ยกเมอื งนคร ล้อม ลายดอกพิกุลก้านแย่ง ลายดอกพิกุล ซึ่งเป็นผ้าสำหรับเจ้านาย คหบดี และลูกหลาน สลับลายลูกแก้ว ลายดอกมะลิร่วง ลายดอก เจ้าเมือง ลักษณะกรวยเชิงจะส้ัน ทอค่ันด้วย มะลิตูมก้านแย่ง ลายดอกเขมร ลายดอกไม้ ลายประจำยามก้ามปู ลายประจำยามเกลียว ลายใบไม้ ลายตาย่านัด ลายหัวพลู ลายเม็ด ใบเทศ ไม่มีลายขอบ ในส่วนของลายท้องผ้า พริกไทย ลายเครอื เถา นิยมทอด้วยเส้นไหมเป็นลวดลายต่างๆ เช่น ๒) กลุ่มลายสัตว์ ได้แก่ ลายม้า ลายหาง ลายดอกพิกุล ลายก้านแย่ง ลายดอกเขมร กระรอก ลายห่ิงห้อยชมสวน ลายแมงมุม ลายลูกแก้วฝูง เป็นต้น กา้ นแยง่ แบบท่ี ๓ กรวยเชิงขนานกับริมผ้า ๓) กลุ่มลายเรขาคณิต ได้แก่ ลายเกล็ด ผ้ายกเมืองนครลักษณะน้ีเป็นผ้าสำหรับ พิมเสนทรงส่ีเหลี่ยม ลายเกล็ดพิมเสนรูปเพชร สามัญชนท่ัวไปใช้นุ่ง ลวดลายกรวยเชิง เจียระไน ลายก้านแย่ง ลายราชวัตร ลายเก้ากี่ ถูกดัดแปลงมาไว้ที่ริมผ้าด้านใดด้านหนึ่ง ลายดาสมุก ลายตาราง ลายลูกโซ่ ลายลูกแก้ว โดยผสมดัดแปลงนำลายอ่ืนมาเป็นลายกรวยเชิง ลายลูกแก้วฝูง เพ่ือให้สะดวกในการทอและการเก็บลาย ๔) กลุ่มลายเบ็ดเตล็ด ได้แก่ ลายไทย สามารถทอได้เร็วขึ้น ผ้าลักษณะน้ีมีทั้งทอ ประยุกต์ ลายไทยประยุกตผ์ สม ลายพมิ พท์ อง 97
ด้วยทรงตระหนักถึงคุณค่าของผ้าทอ โขน โบราณหายาก สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรม ราชินีนาถจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ฟื้นฟู เฉลมิ พระเกียรต ิ ขึ้ น ม า ใ ห ม่ โ ด ย ใ ห้ ผู้ เ ชี่ ย ว ช า ญ ไ ป แ ก ะ แ บ บ ลายผ้าเดิมท่ีอยู่ในพิพิธภัณฑ์ และนำไปฝึกสอน สมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ นี าถ แก่สมาชิกศูนย์ศิลปาชีพบ้านเนินธัมมัง และ ทรงตระหนักถึงคุณค่าของศิลปวัฒนธรรม บ้านตรอกแค เพ่ือให้ลูกหลานชาวนครศรี ประจำชาติ โดยเฉพาะการแสดงโขนซ่ึงเป็น ธรรมราชเป็นผู้สืบทอดมรดกอันทรงคุณค่าน ี้ นาฏศิลป์ช้ันสูงของไทยท่ีนับวันจะหาชมได้ ยากย่ิง และมีแต่จะเลือนหายไป เนื่องจาก แล้วเหล่าสมาชิกศิลปาชีพก็ไม่ทำให้ การจัดแสดงโขนน้ันมิใช่เร่ืองง่าย ต้องใช ้ ชาวนครผิดหวัง เมื่อผ้ายกนครศรีธรรมราช ผู้แสดงจำนวนมาก อีกท้ังเคร่ืองแต่งกาย ท่ีทอจากฝีมือชาวบ้านธรรมดาๆ มีโอกาส เวที ฉาก และอุปกรณ์ประกอบการแสดง ไ ด้ น ำ ไ ป จั ด แ ส ด ง ร่ ว ม กั บ ผ้ า ท อ โ บ ร า ณ ลว้ นตอ้ งจดั สรา้ งขน้ึ อยา่ งพถิ พี ถิ ัน ดว้ ยเหตนุ ี้ ลวดลายวิจิตรจากท่ัวภูมิภาคของประเทศ จึงมีพระราชดำริให้อนุรักษ์ศิลปะชั้นสูง ในพิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ิ แขนงน้ีไว้และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระบรมราชินีนาถอย่างสงา่ งาม สมภาคภมู ิ ให้ผู้เช่ียวชาญเกี่ยวกับโขน ร่วมกันศึกษา และเพื่อต่อลมหายใจให้ผ้ายกสามารถ ค้นคว้าข้อมูล หลักฐาน และเครื่องแต่งกาย นำมาใช้งานได้จริง สมเด็จพระนางเจ้าฯ โขน ละคร สมัยโบราณอย่างละเอียดเพ่ือ พ ร ะ บ ร ม ร า ชิ นี น า ถ จึ ง ท ร ง พ ร ะ ก รุ ณ า จัดสร้างเคร่ืองแตง่ กายโขน ละคร ขึ้นมาใหม่ โปรดเกล้าฯ ให้ทอผ้ายกแบบราชสำนักข้ึน เพ่ือนำมาใช้เป็นเครื่องแต่งกายในการแสดง โขนเฉลมิ พระเกียรตดิ ว้ ย 98
ความวจิ ติ รงดงามของผ้ายกเมอื งนครศรีธรรมราชทรี่ ังสรรค์ข้นึ ดว้ ยฝมี ือของชาวนาชาวไร่ธรรมดาๆ ซึ่งสมเดจ็ พระนางเจา้ ฯ พระบรมราชนิ ีนาถทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหน้ ำมาใช้เปน็ เคร่อื งแตง่ กายสำหรับตวั ละครเอกในการแสดงโขนเฉลิมพระเกยี รติด้วย สำหรับการแสดงพระราชทานและการแสดง ปฐมฤกษ์เม่ือ พ.ศ. ๒๕๕๒ ซ่ึงได้รับการตอบรับ ในโอกาสพิเศษต่างๆ ประกอบด้วย อาจารย ์ เป็นอย่างดี และมีผู้ชมเป็นจำนวนมากเรียกร้อง วีรธรรม ตระกูลเงินไทย ผู้ออกแบบควบคุม ให้จัดแสดงใหม่ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรม การสร้างพัสตราภรณ์ และถนิมพิมพาภรณ ์ ราชินีนาถทรงปลาบปลื้มพระราชหฤทัยอย่างย่ิง (เครื่องประดบั ) อาจารยส์ ุรตั น์ จงดา ควบคมุ การ ที่การแสดงโขนประสบความสำเร็จเกินความ จัดสร้างหัวโขน และศิราภรณ์ อาจารย์สุดสาคร คาดหมาย จึงมีพระราชดำริให้จัดแสดง “โขน ชายเสม ออกแบบและควบคุมการจัดสร้างฉาก เฉลมิ พระเกยี รต”ิ อย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกป ี และสิ่งของประกอบการแสดง ซึ่งการจัดสร้าง เพื่อสืบสานและอนุรักษ์ศิลปะการแสดงช้ันสูง เคร่ืองแต่งกายและส่ิงของประกอบทุกช้ิน ได้ยึด ของไทยให้คนรุ่นใหม่ได้ประจักษ์และตระหนัก ตามรูปแบบโบราณที่ผ่านการศึกษาค้นคว้ามา ในคุณค่า พร้อมร่วมชื่นชมและภาคภูมิใจ อย่างละเอยี ด โดยต่อมาได้คัดเลือกตอน “นางลอย” มาจัด เมื่อการจัดสร้างเคร่ืองแต่งกายโขน ละคร แสดงใน พ.ศ. ๒๕๕๓ ตอน “ศึกมัยราพณ์” อันประณีตบรรจงน้ีแล้วเสร็จ คณะกรรมการ ใน พ.ศ. ๒๕๕๔ ตอน “จองถนน” ใน พ.ศ. ๒๕๕๕ อำนวยการจัดสร้างเครื่องแต่งกายโขน ละคร ซ่ึงทุกคร้ังได้รับผลตอบรับดีเกินความคาดหมาย จึงเห็นสมควรจัดการแสดงถวายเป็นปฐมทัศน์ จนมีเสียงเรียกร้อง ใ ห้ เ พิ่ ม ร อ บ ก า ร แ ส ด ง เพ่ือเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคล ใน พ.ศ. ๒๕๕๖ น้ี มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเฉลิม จึงได้เลือกบทเร่ืองรามเกียรต์ิ ชุดศึกกุมภกรรณ พระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา และสมเด็จ ตอน “โมกขศักด์ิ” มาจัดแสดงระหว่างวันท ี่ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงเฉลิม ๒๔ พฤศจิกายน - ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ พระชนมพรรษา ๗๕ พรรษา โดยได้เลือก นับเป็นการจัดแสดงท่ียาวนานท่ีสุดเพ่ือให้มี รามเกียรต์ิ ตอน “พรหมาศ” เป็นการแสดง จำนวนรอบเพียงพอต่อความต้องการของผู้ชม 99
นายวีรธรรม ตระกูลเงินไทย ผู้เช่ียวชาญด้านการออกแบบลวดลายผ้า และผู้ควบคุมการสร้าง พัสตราภรณ์และถนมิ พมิ พาภรณ์ในการแสดงโขนเฉลิมพระเกียรติ “อาจารย์วีรธรรม” มารว่ มบอกเลา่ ประวตั คิ วามเปน็ มาของ ผา้ ยกเมอื งนครศรีธรรมราชกอ่ นที่จะได้รับเลอื กใหเ้ ปน็ เคร่อื งแต่งกาย ในการแสดงโขนเฉลมิ พระเกียรติ พร้อมความประทบั ใจที่ไดท้ ำงานสนองเบ้อื งพระยุคลบาท “ผ้ายกเป็นผ้าอีกชนิดหนึ่งที่ราชสำนัก และบ้านตรอกแค แรกๆ นำทีมโดยคุณปิยวรา สยามโบราณนำมาใช้สำหรับพระราชทาน ที ข ะ ร ะ หั ว ห น้ า โ ค ร ง ก า ร พิ พิ ธ ภั ณ ฑ์ ผ้ า ฯ ให้เหล่าพระบรมวงศานุวงศ์และขุนนางใช้ทรง ทีมเจ้าหน้าท่ีจากพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ พร้อมด้วย หรือน่งุ เพอ่ื แสดงลำดับชัน้ ยศในราชการ เจ้าหน้าท่ีจากกองศิลปาชีพสวนจิตรลดา และ “ราชสำนักส่ังทอผ้ายกมาจากหลายแหล่ง ผู้เฒ่าผู้แก่ที่เชี่ยวชาญการทอผ้ายกจากจังหวัด โดยช่างหลวงเขียนลายตามระเบียบแบบแผน สุรินทร์ รวมทั้งตัวผมเองซ่ึงได้เข้ามาช่วยในเร่ือง ของลายผ้าในราชสำนักแล้วสง่ ไปผลติ ยงั ท่ตี า่ ง ๆ การออกแบบลวดลาย กำกับเทคนิค สอนเรื่อง “แหล่งผลิตที่สำคัญในพระราชอาณาจักร การย้อม ระบบการทอ การตีเกลียว การเก็บ คือ หัวเมืองภาคใต้ตอนบน โดยเฉพาะเมือง ตะกอลาย มาชว่ ยกนั หลายๆ ฝ่าย “นครศรีธรรมราช” ท่ีรู้จักกันอย่างดีในนาม “เดิมท่ีน่ีก็มีการทอผ้ายกอยู่แล้ว แต่ทอด้วย “ผ้ายกเมืองนคร” ว่าเป็นผ้ายกท่ีมีคุณภาพดีท่ีสุด กี่กระตุกธรรมดา เป็นลายง่ายๆ แค่ ๔-๕ ตะกอ เท่าที่สามารถทำเองได้ในพระราชอาณาจักร แต่ตอนนี้ได้มีการฝึกหัดให้ทอผ้ายกช้ันสูง มีความประณีตงดงามทั้งสีและลาย ทำให้เป็น ท่ีมีความงดงามและมีช่ือเสียงในอดีต ซึ่ง ผา้ ยกทมี่ ีชอ่ื เสียงมาต้งั แตโ่ บราณ น ค ร ศ รี ธ ร ร ม ร า ช เ ค ย ท อ ส่ ง ใ ห้ ร า ช ส ำ นั ก ใ ช ้ “ ใ น ช่ ว ง รั ช ก า ล ที่ ๕ มี ก า ร ป รั บ ป รุ ง ในราชการ โดยนำกลับมาทำใหม่ ใช้ตะกอ เปล่ียนแปลงการแต่งกายในราชสำนักบางอย่าง นับเป็นพันๆ ไม้ มีลายพิเศษ ซับซ้อน ประณีต โดยเฉพาะการนุ่งผ้าที่เป็นเครื่องยศมาแต่เดิม งดงาม ได้ถูกยกเลิกมาใช้ผ้าม่วงแทน ทำให้มีการใช ้ “ต้องบอกว่า ชาวบ้านท่ีน่ีเก่งมาก ทำได้ด ี ผ้ายกน้อยลง และค่อยๆ สาบสูญไปในท่ีสุด ใช้เวลาสอนเพียง ๓ ปี ก็ทำได้งดงามเทียบเท่า โดยเฉพาะผ้ายกท่ีมีลวดลายพิเศษแบบ ของโบราณ ราชสำนักสยาม คงเหลือแต่ลวดลายเรียบๆ “คร้ังแรกท่ีทอเสร็จ ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ งา่ ยๆ ในปจั จุบัน ทขี ะระ ได้นำข้ึนทูลเกล้าฯ ถวาย... สมเดจ็ ฯ ทา่ น “เป็นที่ทราบกันดีว่า สมเด็จฯ ท่านม ี โปรดและให้นำไปตัดเป็นฉลองพระองค ์ พ ร ะ ร า ช ด ำ ริ ใ ห้ ส่ ง เ ส ริ ม ศิ ล ป า ชี พ ต่ า ง ๆ คร้ังท่ีสองโปรดเกล้าฯ ให้เก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ผ้า เป็นอาชีพเสริม โดยเฉพาะเร่ืองการทอผ้า ครั้งต่อๆ มาโปรดเกล้าฯ ให้นำไปไว้ที่มูลนิธิ ซึ่งพระองค์ท่านโปรดเป็นพิเศษ รวมท้ังผ้ายก ศิลปาชีพฯ ครั้นเมื่อมีพระราชดำริให้ฟื้นฟ ู เมืองนครศรีธรรมราช โดยโปรดเกล้าฯ ให้ส่ง การแสดงโขน จึงโปรดให้นำผ้ายกมาใช้ในการ ผู้เช่ียวชาญไปสอนท่ีศูนย์ศิลปาชีพบ้านเนินธัมมัง แสดงดว้ ย โดยเรมิ่ ต้ังแตต่ อนนางลอยเป็นตน้ มา 100
“จากการทไี่ ดพ้ ดู คยุ กบั สมาชกิ และชาวบา้ น พบว่า เขาพึงพอใจ และมีความสุข เพราะ น อ ก เ ห นื อ จ า ก มี ร า ย ไ ด้ แ ล ะ อ า ชี พ ท่ี ม่ั น ค ง จนชีวิตเปล่ียนไปในทางท่ีดีข้ึนทุกด้านแล้ว ส่ิงที่ตามมาท่ีสำคัญท่ีสุดคือเขาเกิดความรู้สึก ภาคภูมิใจในตัวเขาเองว่า เขาได้กลายเป็นคน มีความรู้ความสามารถ เป็นคนท่ีมีคุณค่า และมี ส่วนร่วมในการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นท่ีดีงาม และสูงส่งมาตั้งแต่อดีต ซึ่งจะทำให้เขาเกิดความ ภูมิใจในชุมชนท่ีเขาอยู่ รู้สึกรักและภาคภูมิใจ “จะเหน็ ไดว้ า่ สมเดจ็ ฯ ทา่ นมพี ระอจั ฉรยิ ภาพ ในบ้านเกดิ ของเขามากข้นึ และสายพระเนตรที่ยาวไกล ท่ีทรงฟื้นฟูและ “ผมเช่ือว่า ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้รับเกียรติให้ อนุรักษ์การแสดงโขนขึ้นนั้น ไม่เพียงเป็นการ มาทำงานถวายพระองค์ท่าน ก็จะมีความรู้สึกท่ี อนุรักษ์เฉพาะศิลปะการแสดง แท้จริงแล้ว คล้ายคลึงกัน มันอธิบายไม่ถูก... อย่างตัวผมเอง เป็นการอนุรักษ์และฟ้ืนฟูมรดกสำคัญของชาต ิ ได้ถวายงานมาต้ังแต่เรียนจบใหม่ๆ ผลงาน หลากหลายแขนงไปด้วยพร้อมกัน ทั้งงาน ชิ้นแรกคือช่วยอาจารย์สมิทธิ ศิริภัทร์ ออกแบบ ป ร ะ ติ ม า ก ร ร ม ง า น จิ ต ร ก ร ร ม แ ล ะ ง า น และจัดสร้างเคร่ืองแต่งกาย เครื่องประดับ สถาปัตยกรรมไทย นอกจากนี้ยังมีประณีตศิลป์ ในการแสดงละครต้อนรับสมเด็จพระราชินีนาถ แขนงต่างๆ ซ่ึงได้สูญหายไปมากแล้วก่อนหน้านี้ เ อ ลิ ซ า เ บ ธ ท่ี ๒ แ ห่ ง ส ห ร า ช อ า ณ า จั ก ร เช่น ช่างทำหัวโขน ช่างปัก ช่างทอง ช่างเงิน ท่ีวัดไชยวัฒนาราม และก็ได้ถวายงานรับใช้ ช่างเจียระไน ช่างฝัง ช่างลงยา ช่างแต่งหน้า เร่ือยมาจนถึงปัจจุบัน ก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดี รวมถึงการฟ้ืนฟูการทอผ้าชั้นสูงท้ังด้านรูปแบบ มโี อกาสดี และเปน็ มงคลแก่ชวี ิตมาก เทคนิค กระบวนการ และท่ีสำคัญที่สุดคือ “การทำงานท่ีไม่มีจุดมุ่งหมาย บางท ี เป็นการอนุรักษ์บุคลากรทางงานช่างท่ีสามารถ ทำๆ ไปก็เหมือนว่างเปล่า แต่ถ้าเรารู้ว่าเรา ผลติ ผลงานออกสู่สังคมไดต้ ลอดไป ทำเพ่ือใคร จุดหมายอยู่ที่ไหนนี่สำคัญมาก “อย่างที่เนินธัมมังน่ี สมาชิกรุ่นแรกๆ ก็มี เพราะจะทำใหเ้ รามงุ่ มน่ั ทมุ่ เท เชอ่ื วา่ ทกุ คนที่ ความรู้และฝีมือ จนสามารถไปเป็นอาจารย์สอน ไดม้ าทำงานตรงน้ี ลว้ นมสี มเดจ็ พระนางเจา้ ฯ ได้แล้ว ซ่ึงก็มีโครงการที่จะให้ไปสอนท่ีศูนย์ พระบรมราชินีนาถทรงเป็นแรงบันดาลใจ ศลิ ปาชพี บา้ นทา่ นหญงิ ทส่ี รุ าษฎร์ และทอี่ น่ื ๆ ดว้ ย “ในสายตาคนท่ัวๆ ไป อาจมองว่างาน การสอนคนนั้นไม่ใช่เราให้ความรู้เขาอย่างเดียว เหล่านี้มีต้นทุนสูง อย่างผ้ายกที่ใช้ในการแสดง แต่ส่ิงที่ได้สะท้อนกลับมาคือ เราได้เพ่ิมพูน โขน ผืนนงึ ตอ้ งลงทนุ มาก ลงทนุ แลว้ ไม่ค้มุ คา่ เงิน ความรู้และประสบการณ์ข้ึนมาจากลูกศิษย์ที่เรา แต่เราไม่ควรมองกำไรเป็นตัวเงินอย่างเดียว สอนด้วย เพราะเขาจะเจอปัญหาต่างๆ มากมาย ความรู้สึกภาคภูมิใจท่ีกลับมาสู่หัวใจของ ท่ีเราไม่เคยเจอ แล้วเขาก็จะถามเรา เราก็ต้อง คนไทยทั้งชาติ คือ กำไรท่ีมีคุณค่ายิ่ง ที่เงิน ช่วยเขาคิดค้น หาทางแก้ปัญหา ซึ่งเป็นโอกาสด ี ซอ้ื ไมไ่ ด้ เหมอื นดังทีส่ มเดจ็ ฯ ท่านมรี บั สั่งวา่ ที่ผ้สู อนจะได้ฝึกฝนและพฒั นาตัวเองดว้ ย “ขาดทุนของฉัน คอื กำไรของแผน่ ดิน” 101
บคุ คลต่อไปนี้ คือ เหลา่ สมาชกิ ศิลปาชีพ “ยคุ บกุ เบกิ ” ที่เป็นตวั แทนมาร่วมบอกเล่าความทรงจำและความประทับใจ ที่มตี ่อโครงการศิลปาชีพ วา่ ได้เขา้ มาชว่ ยยกระดบั คุณภาพชวี ติ และความเปน็ อยู่ของพวกเขาให้ดขี ้นึ ได้อยา่ งไร นางเกษร มาดพันธ ์ หัวหน้างานปกั ผ้า ศนู ย์ศลิ ปาชีพบา้ นเนินธัมมงั ตำบลแมเ่ จา้ อยู่หวั อำเภอเชยี รใหญ่ จงั หวัดนครศรีธรรมราช สำหรับ “เกษร” นักเรยี นปกั ผ้ารุ่นแรกของศนู ย์ศิลปาชีพ การปกั ผ้ามใิ ชแ่ ค่อาชพี ท่ีช่วยเสริม เพม่ิ รายได้ แต่ไดช้ ว่ ยสร้างชวี ิตใหมใ่ หเ้ กษรเปล่ยี นแปลงไปในทางที่ดีข้ึน จากคนใจรอ้ น กลายเป็นคนใจเยน็ ละเอยี ด รอบคอบ และฝกึ ความอดทน เนือ่ งจากต้องเดินเทา้ มาเรียนวันละเปน็ สบิ ๆ กโิ ลเมตร ดว้ ยความรักในอาชพี เกษรจงึ ต้งั ปณธิ านวา่ จะชว่ ยถ่ายทอดความรไู้ ปสลู่ ูกหลาน แ ละคน รุ่นหลงั เพ่ือรกั ษาอาชพี นี้ใหเ้ ป็นมรดกของทอ้ งถนิ่ และของชาติสบื ตอ่ ไป “เริ่มแรกสมาชิกงานปักผ้าของศูนย์ฯ บางภาพกว่าจะลงมือปักได้ ต้องอ่านภาพเป็น มีอยู่เพียง ๑๘ คน ปัจจุบันเพ่ิมข้ึนเป็นร้อย อาทิตย์ ต้องพิจารณาก่อนว่าต้องปักอะไรก่อน กว่าคน และมีการขยายกลุ่มไปในหลายๆ อะไรหลัง ชั้นท่ี ๑ เป็นอะไร ช้ันที่ ๒ เป็นอะไร หมู่บ้าน หลายๆ ตำบล และหลายๆ อำเภอของ เช่น ภาพนางในวรรณคดี เราต้องปักนางซึ่งเป็น นครศรีธรรมราช เช่น อำเภอเฉลิมพระเกียรติ ตัวเด่นให้เสร็จก่อน จากน้ันจึงปักฉากหลัง ซึ่งเรา อำเภอหัวไทร บางครั้งมีอาจารย์จากพระตำหนัก ต้องอาศัยจินตนาการประดิดประดอยให้สวยงาม ทักษิณราชนิเวศน์มาช่วยสอนและตรวจงานตาม เหมอื นภาพตน้ ฉบบั ทส่ี ำคญั คอื สี จะเพยี้ นไมไ่ ด้ หมู่บ้านกลุ่มย่อย ซ่ึงช่วยให้ชาวบ้านใช้เวลาว่าง เพราะจะทำให้ปักส่วนอื่นๆ ต่อไม่ได้ ต้องเลาะ ใหเ้ ปน็ ประโยชน์ และเสริมรายไดใ้ ห้แก่ครอบครวั ออกมาปักใหม่ หรือ ถ้าปักห่างเกินไป ปักแล้ว “ช่วงแรกเริ่มเรียนจากการลอกลายดอกบัว ขอบภาพโย้เย้ ก็ต้องปักใหม่เช่นกัน ถือเป็นการ ลงบนกระดาษ จนมาเริ่มปัก จากลายเล็กๆ เพิ่ม ฝกึ วนิ ยั ใหต้ วั เราดว้ ย เพราะถา้ เราปกั ไมด่ ี อาจารย์ ความชำนาญขนึ้ เรอ่ื ยๆ ปจั จบุ นั มกั ไดร้ บั มอบหมาย จะไมส่ ง่ ผลงานให้ ทเ่ี สยี เวลาทำมาตงั้ ๔ - ๕ เดอื น ให้ปักตัวนางในวรรณคดี ซ่ึงยากกว่าลายท่ัวไป ก็ใช้ไม่ได้ ฉะน้ันเราต้องตั้งใจทำให้ดีท่ีสุด 102
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116