ก า ร ป ลู ก ส ม โ อ เรียบเรียง: ทวีศักดิ์ ดว งทอง กองสง เสรมิ พชื สวน จดั ทํา : สนุ สิ า อธวิ งศธ นวฒั น กองเกษตรสมั พนั ธ ✽ คํานํา ✽ สภาพดนิ ฟา อากาศ ✽ การขยายพนั ธุ ✽ วธิ ตี อนกง่ิ ✽ การปฏบิ ตั บิ ํารงุ รกั ษากง่ิ ตอน ✽ การปลกู ✽ การปฏบิ ตั ดิ แู ลรกั ษา ✽ การกักนํ้าสม โอเพอ่ื ชว ยในการออกดอก ✽ การปอ งกนั น้ําเค็มและนํ้าเสยี ✽ ผลผลติ และการเกบ็ เกย่ี ว ✽ การปอ งกนั กําจดั ศตั รสู ม โอ ✽ ประโยชนข องสม โอ ✽ การแปรรปู สม โอ ✽ สม โอแกว สร่ี ส ✽ สม โอเชอ่ื ม
2 คาํ นํา สม โอเปน ไมผ ลเศรษฐกจิ อีกชนิดหนึ่งที่มีการปลูกกนั อยางแพรห ลาย เนอ่ื งจากมรี สชาตแิ ละเปน ที่นิยมบริโภคของคนทั่วไป นอกจากนี้ยังสงไปจาํ หนา ยยงั ตา งประเทศ สามารถนําเงนิ เขา ประเทศไดป ละหลายสบิ ลา นบาท จนทาํ ใหมีการขยายพื้นที่ปลูกสมโอมากขึ้นทุกป พ้นื ทปี่ ลูกสมโอเดมิ อยูใ นเขตจงั หวัดทางภาคตะวนั ตกเชน นนทบุรี นครปฐม เปนตน ปจจุบัน พ้ืนท่ีปลูกสมโอไดกระจายอยูในจังหวัดตางๆ ท่ัวประเทศโดยมีแหลงผลิตท่ีสาํ คัญไดแก นครปฐม สมทุ รสาคร ราชบุรี ชัยนาท พิจิตร ปราจนี บรุ ี นครนายก ตราด ชุมพร สงขลา เปน ตน เอกสารเผยแพร ฉบับนี้จะเปนประโยชยแกผูที่สนใจในการปลูกสมโอไดเปนอยางมาก พนั ธุ พันธุสมโอที่ปลูกอยูในประเทศไทยมีหลายพันธุ บางพนั ธกุ ม็ ลี กั ษณะใกลเ คยี งกนั แตป ลกู คนละ ทองที่ จึงเรียกชื่อแตกตางกันไปพันธุสมโอที่ปลูกเพื่อการคาแบงออกไดดังนี้ 1. พนั ธกุ ารคา หลกั ไดแก ขาวพวง ขาว ทองดี ขาวนาํ้ ผ้ึง เปน ตน 2. พันธุการคาเฉพาแหง ไดแก ขาวแปน ขาวหอม ขาวแตงกวา ทา ขอ ย ขาวใหญ หอมหาด ใหญ เจาเสวย กรุน ขาวแกว เปน ตน พันธขุ าวพวง ผลมีขนาดโตปานกลาง ทรงผลกลม ทรงสงู เลก็ นอ ย มีจุกสูง มีจีบที่จุก ดา นกน ผลเวา เลก็ นอ ย ผิวเรียบ มสี เี ขยี วอมเหลอื ง ตอ มนา้ํ มันที่ผิวเปลือกคอนขางใหญอยูหางกันพอสมควร เปลือกหนาปานกลาง ผลหนง่ึ มกี ลบี ผลประมาณ 12-14 กลบี แยกออกจากกนั ไดง าย กุง (เนื้อ) มสี ี ขาวอมเหลอื ง คอ นขา งแขง็ เบยี ดกนั อยอู ยา งหลวมๆ มนี า้ํ มากแตไมแฉะนาํ้ รสหวานอมเปรย้ี ว มเี มลด็ ไมมาก เปนพันธุที่นิยมใชในเทศกาลไหวพระจันทร เนอ่ื งจากมรี ปู ทรงผลสวย (ทรงผลมีสกุล) จึง สามารถสง ไปจาํ หนายตางประเทศในชวงเทศกาลไหวพระจันทรไดปละเปนจาํ นวนมาก พนั ธขุ าวทองดี หรอื ทองดี ผลมขี นาดโตปานกลางทรงผลกลมแปน ไมม จี กุ ตนขั้วผลมีสีเขียว เขม ตอ มนา้ํ มันละเอียดอยูชิดกัน เปลอื กคอ นขา งบางดา นในของเปลอื กมสี ชี มพเู รอ่ื ๆ ผลหนึ่งมีกลีบผล ประมาณ 14-16 กลบี ผนงั กลบี มสี ชี มพอู อ น กงุ มสี ชี มพเู บยี ดกนั แนน นม่ิ ฉ่าํ นาํ้ รสหวานอมเปรย้ี ว เมล็ดมีขนาดเล็กเปนพันธุที่นิยมบริโภคโดยทั่วไปและสงไปจาํ หนา ยยังตางประเทศ พนั ธขุ าวน้าํ ผ้ึง ผลมขี นาดคอ นขางใหญ ทรงผลกลมสูงแตไมมีจุกเดนชัดเหมือนพันธุขาวพวง ดา นกน ผลเรยี บตอ มน้ํามันที่ผิวเปลือกมีขนาดใหญอยูกันหางๆ ผิวเปลือกมีสีเขียวเขม เปลอื กมสี เี ขยี ว เขม เปลือกคอนขา งหนาผลหนึ่งมกี ลบี ผลประมาณ 11-12 กลบี แยกออกจากกนั งาย กงุ มสี ขี าวอม
3 เหลอื ง ขนาดกุงคอนขางใหญเบียดกันแนน มนี า้ํ มากแตไ มแ ฉะรสหวานอมเปรย้ี ว สามารถแกะเนอ้ื ออก มาไดง า ย เมลด็ มขี นาดใหญแ ตม เี มลด็ ไมม ากนกั เปนที่นิยมบริโภคโดยทั่วไป พันธุขาวพวง พนั ธขุ าวทองดี พนั ธขุ าวนา้ํ ผ้งึ สภาพดนิ ฟาอากาศ สมโอสามารถปลูกไดดีในดินเกือบทุกชนิดไมวาจะเปนดินเหนียว ดนิ ทราย ดนิ ปนทราย ที่ระบายนํา้ ไดด ี นา้ํ ไมทว มขังแฉะ แตค ณุ ภาพผลผลติ แตกตา งกนั ไป พื้นที่ปลูกที่ทาํ ใหส ม โอเจรญิ งอกงา มดีผลดก และมีคุณภาพดี ควรปลูกในพื้นที่ดินโปรง รวนซุย มี อนิ ทรยี วตั ถอุ ยมู าก ระบายนา้ํ ไดด ี ถา เปนดนิ เหนยี วตอ งยกรอง เพอ่ื ใหม กี ารระบายน้ําไดด ี ควรมรี ะดบั นา้ํ ไดด ี ถาเปนดินเหนียวตอ งยก รอ ง เพอ่ื ใหม กี ารระบายน้าํ ไดด ี ควรมรี ะดบั นา้ํ ใตดินเหนียวตองยกรอง เพอ่ื ใหม กี ารระบายน้ําไดด ี ควร มรี ะดบั นา้ํ ใตด นิ ไมน อ ยกวา 4 ฟุต นา้ํ ไมข งั แฉะ ดนิ มีความเปนกรด-ดา งประมาณ 5.5-6 นา้ํ ตอ งไดร บั สมา่ํ เสมอปรมิ าณนา้ํ ฝนเฉลี่ยปละ 1,500-2,000 มลิ ลเิ มตร และอุณหภูมิที่เหมาะสมเฉลี่ยประมาณ 25-30 องศาเซลเซยี ส การขยายพันธุ การขยายพันธุสมโอทาํ ไดหลายวิธีคือ 1. การเพาะเมลด็ 2. การตดิ ตา 3. การเสียบกิ่ง 4. การตอน แตท่ีชาวสวนนิยมทาํ อยูในปจจุบันคือการตอน ซึ่งเปนวิธีที่ชาวสวนสมโอมีความชํานาญมาก เนอ่ื งจากมขี อ ดหี ลายประการ เชนวิธีการทาํ งา ย อปุ กรณห าไดง า ย ราคาถกู ออกรากเรว็ ตน ทไ่ี ดไ ม กลายพนั ธุ ใหผ ลเร็ว ตนไมสูง ทรงตนเปนพุม สะดวกในการเขาไปดูแลรักษา แตกม็ ีขอ เสียคอื อายไุ ม ยืน และออ นแอตอ โรค อปุ กรณท ใ่ี ชใ นการตอนกง่ิ สม โอมดี งั น้ี
4 1. มดี 2. ขยุ มะพรา ว 3. ถงุ พลาสตกิ 4. เชือกฟาง มีด มีดที่ใชในการตอนกิ่งควรเปนมีดทค่ี มและสะอาดใชใ นการควนั่ กง่ิ หลงั จากใชแ ลว ควรลับและทาํ ความสะอาดอยูเสมอ เปนการปองกันเช้ือโรคที่อาจติดมาจากการควั่นก่ิงสมโอที่อาจเปนโรคท่จี ะแพร ไปยังตนอื่นๆ ตอ ไปได ขยุ มะพรา ว เปนเศษเหลือของโรงงานทําเสนใยมะพราวซึ่งไดทุบกาบมะพราวเพื่อนําเสนใยไปทําเบาะน่ัง เศษเหลือเหลานี้เปนผงๆ มคี ณุ สมบตั เิ บาอมุ นา้ํ ไดด ี และเกบ็ ความชน้ื ไวไ ดน าน จึงเหมาะที่จะนาํ มาใช หมุ รอยควนั่ เมอ่ื จะใชต อ งพรมนา้ํ ใหข ุยมะพราวมคี วามช้นื พอเหมาะ ไมแฉะและไมแหงเกินไป สงั เกตได โดยกาํ ขุยมะพราวและบีบจะมนี าํ้ ซมึ ออกมาเลก็ นอ ย ถาใหขุยมะพราวแฉะเกินไปจะทาํ ใหรอยที่ควั่นเนา ไดห รอื ถา แหง ไปเมอ่ื นําไปหุมรอบควั่นจะทาํ หใขหุยมะพราวแหงกอนที่รากจะงอก นาํ ขุยมะพราวที่พรม นา้ํ แลว บรรจลุ งในถงุ พลาสตกิ ขนาด 5X8 นว้ิ อันใหแนนพรอมกับมัดปากถุงใหแนนเตรียมไวในการ ตอนตอ ไป ถงุ พลาสตกิ ใหสําหรับบรรจุขยุ มะพรา ว ควรใชข นาด 5X8 นว้ิ ซึ่งใหญพอที่จะใสขุยมะพราวไดมากพอเพียง สําหรบั การงอกของรากสม โอ ถงุ พลาสตกิ ทใ่ี ชค วรเปน แบบใส เพราะเมอ่ื รากงอกออกมาแลว จะเหน็ ได ชัด เชอื กฟาง ใชสาํ หรบั มดั ปากถงุ พลาสตกิ หลงั จากบรรจขุ ยุ มะพรา วแลว กนั ไมใ หข ยุ มะพรา วรว งออกมาจาก ถงุ และกนั การระเหบของน้ําทใ่ี สใ นขยุ มะพรา วเมอ่ื นําไปหุมรอยควั่นอีกดวย ฤดทู ท่ี าํ การตอนกง่ิ สม โอ ตามปกตแิ ลว การตอนกิ่งไมทุกชนิดจะทาํ การตอนในฤดฝู น คอื ตง้ั แตเ ดอื นพฤษภาคมไปจนถงึ เดอื นสงิ หาคม เพราะในระยะน้ันตนไมก าํ ลังอยูในระยะที่กําลังเจริญเติบโต ฝนตกบอ ยไมต อ งเสยี เวลา ในการรดนา้ํ ใหกับกิ่งตอน การคดั เลอื กกง่ิ ตอน กอนที่จะทาํ การคดั เลือกกิ่งสมโอท่จี ะตอน ตองพจิ ารณาเลือกตน กอน เพราะถาตนแมพันธุที่ใช ตอนไมด แี ลว กิ่งตอนที่จะทําไปปลกู ตอ ไปกจ็ ะไมด ดี ว ย ซึ่งมีหลักในการพิจารณาหลายประการ เชน • เลือกตนแมพันธุที่ใหผลแลว ซึ่งทาํ ใหเราสามารถจะพิจารณาลักษณะที่ดีๆ ตามมาไดอ กี เปน ตน ทใ่ี หผ ลดก ใหผ ลสม่ําเสมอ เปน พนั ธดุ แี ละมรี สดี • เลือกจากตนที่มีความเจริญเติบโต แข็งแรง สังเกตจากมีการเจริญเตบิ โตดีกวาตน อน่ื ๆ • เลือกจากตนทป่ี ราศจากโรคและแมลงรบกวน
5 เมอ่ื เลอื กไดต น ทด่ี แี ลว จึงมาทาํ การคดั เลอื กกง่ิ ทจ่ี ะตอน ซ่งึ เปฯเรื่องที่สําคญั มาก แตส ว นมาก ชาวสวนมกั ไมค อ ยคาํ นึงถึงกันเห็นกิ่งใดพอที่จะตอนไดก็ตอนหมด ซง่ึ นบั วา ไมถ กู ตอ ง เพราะวา ตน ไมแ ต ละตนมีก่งิ ท่ีมีความเจรญิ เตบิ โตสมบรู ณไ มเ ทากัน บางกิ่งก็แข็งแรงดี บางกิ่งแคระแกนออนแอ บางกง่ิ ก็ แกเกินไปหรือออนเกินไปส่ิงเหลาน้ีจะทาํ หใไดกิ่งตอนทไ่ี มส มบรู ณแ ขง็ แรงทัง้ สิ้น ดังนั้นจึงควรเลือกกิ่ง ตอนดังนี้ 1. กิ่งที่จะใหตอนนั้น ตองเปนกิ่งเพสลาด คอื ไมแ ก ไมอ อ นเกนิ ไป มใี บยอดคลเ่ี ตม็ ท่ี และเจริญ เติบโตจนเปนใบแกแลว 2. ก่ิงท่ีจะตอนควรจะเปนก่ิงกระโดงตั้งตรง หรือเอียงเล็กนอยไมเปนก่ิงที่หอยเอายอดลงดิน เพราะจะทาํ หใรากทีง่ อกออกมางอเมอ่ื ตัดไปปลูกจะไดก ิ่งตอนทป่ี ลายรากช้ีฟา 3. เปน กง่ิ ทม่ี คี วามยาวประมาณ 50-70 เซนตเิ มตร มีกิ่งแขนงแยกออก 2-3 กิ่ง 4. เปนกิ่งที่เจริญเติบโตแข็งแรงปราศจากโรคและแมลง วธิ ตี อนกง่ิ 1. เม่ือเลือกไดกิ่งที่สมบูรณตามตองการแลวจึงทาํ การควั่นกิ่ง การ ควัน่ นั้นใหควัน่ ท่ีใตข อของกิง่ การควั่นนั้นใหควั่นที่ใตขอของกิ่ง เลก็ นอ ย เนอ่ื งจากบรเิ วณขอ ของรากเรว็ และไดรากจาํ นวนมาก รอยคว่ันดานลางหางจากรอยคว่ันบนเทากับความยาวของเสนวง ของกง่ิ 2. กรีดท่ีเปลือกระหวางรอยคว่ันทั้งสองลอกเปลือกตรงรอยควั่นออก สวนมากแลวก่ิงท่ีลอกเปลือกออกยาก ใชมีดขูดเย่ือเจริญซึ่งมี ลักษณะเปนเย่ือล่ืนๆ ออกใหหมดเพ่ือปองกันไมใหเยื่อเจริญมา ประสานกนั ตอ ไดอ กี ซึ่งจะทาํ ใหร ากไมง อก สงั เกตไดโ ดยใชม อื จบั ดู ถาหายลื่นแลวแสดงวาขูดเยื่อเจริญออกหมดแลว 3. นาํ ถุงขุยมะพราวที่เตรียมไวมาผาตรงกลาง จากดา นทม่ี เี ชอื กมดั จนถึงกนถุง 4. ใชมือแหวกขุยมะพราวใหแยกออกเปนรอง นาํ ไปหุมรอยควั่น 5. มัดดวยเชือกฟางใหแนนอยางใหถุงขุยมะพราวหมุนได
6 การปฏบิ ตั บิ ํารุงรักษากิ่งตอน หลังจากทาํ การตอนก่ิงเสร็จแลว ตอยคอยสังเกตตุมตอนมีมดหรือปลวกเขาไปทํารังอาศัยอยู หรอื ไม ถามีใหรีบทาํ การกําจดั โดยใชย าเคมฉี ีดพนทีตมุ ตอน หรอื ถา ตมุ ตอนมกี ารชาํ รดุ เนอ่ื งจากมสี ตั ว มาทําลาย ก็ใหทําการซอ มแซมใหม การตดั กง่ิ ตอน ในสภาพปกติแลว สมโอจะงอกรากหลังจากทําการตอนประมาณ 1 เดอื น สวนการตัดกิ่งนั้นจะ ตัดเม่ือไรใหสังเกตจากรากที่งอกอกมา โดยจะทาํ การตดั ไดเ มอ่ื รากทง่ี อกออกจากกง่ิ ตอนเปน สนี ้ําตาล และมรี ากสขี าวแตกออกมาอกี ทจี งึ จะตดั ได เพราะรากฝอยหรอื รากสขี าวนน้ั เปน รากดดู อาหาร ควรตดั กิ่งตอนในตอนเย็นเพราะเปนระยะที่ใบหยุดการคายนํ้า กิ่งจะไมเหี่ยวหรือเฉาไดงาย ควรตัดใบและกิ่งที่ มมี ากเกนิ ไปทง้ิ บา ง เพอ่ื ปอ งกนั การระเหยของน้ําแชกง่ิ ตอนในน้าํ ใหนา้ํ ทว มตมุ ตอน สัก 1-2 ชั่วโมง จึง ไปชาํ ตอไป ระยะปลกู เนื่องจากตนสมโอที่ใชปลูกกันสวนมากไดจากกิ่งตอน จงึ มที รงพมุ ไมก วา งมากนกั ดังนั้นถาปลูก ในสภาพที่ดินมีความอุดมสมบูรณดีก็อาจจะมีระยะระหวางตนและระหวางแถว ประมาณ 8X8 เมตร แต ถาปลูกในสภาพท่ีดินไมสูจะอุดมสมบูรณเทาไรนัก หรือท่ีท่ีมีระดันนาํ้ ใตดินสูงก็อาจจะปลูกใหมีระยะ ระหวา งตน และระหวา งแถวประมาณ 6X6 เมตร ดังนั้นในพื้นที่ 1 ไร จะสามารถปลกู สม โอไดป ระมาณ 25 – 40 ตน การปลูก ดงั ทก่ี ลา วมาแลว สม โอสามารถปลกู ไดใ นดนิ เกอื บทกุ ชนดิ เชน ดินเหนียว ดนิ ทราย ดนิ ปน ทราย การปลกู สม โอในดนิ แตละชนิดจงึ ตอ งมกี ารเตรยี มพนื้ ที่ไมเ หมือนกนั เพื่อเปนการปรับสภาพพื้นที่ ใหเ หมาะสมในการปลกู จงึ แยกการปลูกสม ออกได 2 วิธคี อื 1. การปลูกสมโอในดินเหนียวซึ่งมีนาํ้ ทว มถงึ เชน ในสภาพพื้นที่ของเขตอําเภอสามพราน อาํ เภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เปนตน สภาพทั่วไปจะเปนที่ราบลุมริมฝงแมนาํ้ ดินเหนียวจัด ระบายนา้ํ ยาก มรี ะดบั นา้ํ ใตด นิ สงู สว นมากจะดดั แปลงมาจากทอ งนา สวนผักและยกรองใหเปน แปลง ขน้ึ ใหระดับดินสูงกวาพื้นที่ราบทั่วไป เพ่ือรากสมโอกระจายไดลกึ กวา ปกติ ระหวางแปลงดินจะมีทางนาํ้ สามารถเกบ็ กกั น้าํ ไวใ ชใ นฤดแู ลง และชวยระบายนาํ้ ออกในฤดฝู น ขนาดของแปลงดนิ กวา งประมาณ 6 เมตร รอ งนา้ํ กวา งประมาณ 1.5 เมตร และทก่ี น รอ งน้ํากวาง ประมาณ 50-70 เซนตเิ มตร และลึก ประมาณ 1 เมตร สว นความยาวของแปลงดนิ ไมจ าํ กดั แลว แตค วามตอ งการของเจา ของสวน
7 หนว ย : เมตร สวนสมโอแบบยกรอง ลกั ษณะของการยกรอ งปลกู สม โอใน ภาคกลางทน่ี า้ํ ทา วถงึ 2. การปลกู สม โอในทด่ี อน ที่นาํ้ ทว มไมถ งึ การปลูกสมโอในพื้นที่แบบที่ไมตองยกรอง ควรปรับพื้น ใหเรียบทาํ ลายวัชพืชและไถกลบดินใหลึกสัก 2 ครง้ั ถา เปน ดนิ เกา ทไ่ี มส จู ะอดุ มสมบรู ณก ค็ วรหวา นพชื ตระ กูลถั่วลง แลวไถกลบเพื่อเปนการเพิ่มปุยสดใหกับดิน สวนสมโอแบบที่ดอน วธิ ปี ลกู ถาเปนการปลูกสมโอแบบยกรอง จะปลูกเปนแถวเดียวใชระยะปลูกระหวางตนประมาณ 6 เมตรโดยขุดหลุมปลูกกลางแปลงดินสวนการปลูกในพ้ืนท่ีโดยใหมีระยะระหวางตนและระหวางแถว ประมาณ 6X6 เมตร หลมุ ปลกู ควรมขี นาดความกวา งประมาณ 0.5 เมตร ขดุ หลมุ แยกดนิ บนและดนิ ลา ง กองทป่ี าก หลุม แลวตากดินทิ้งไว ประมาณ 1-2 เดอื น เพอ่ื ใหแ สงแดดฆา เชอ้ื ราตา งๆ ที่อาศัยอยูในดิน ผสมดิน ปนกบั ปยุ คอก ปุยหมัก เศษใบไม หญาแหง และบางสวนของดินชั้นลาง แลว กลบลงไปในหลมุ จนเตม็ ปากหลุม นาํ กง่ิ พนั ธสุ ม โอทเ่ี ตรยี มไวป ลกู ตรงกลางหลมุ โดยใหร ะดบั ของดนิ อยเู หนอื ตมุ กาบมะพรา วกง่ิ ตอนเลก็ นอ ย หรือถาเปนกิ่งตอนที่ชําแลว ใหร ะดบั ของดนิ พอดกี บั ระดบั ดนิ ทช่ี ํา แลวใชไมหลักปกใหถึง กนหลุมเพื่อกันลมโยก รดน้าํ ใหชุม หาวัสดุพรางแสดงแดด เชน ทางมะพราว หรือกิ่งไมที่มีใบใหญ พรางแสงแดดทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตก วิธีปลูกสมโอ
การปฏิบัติดูแลรักษา 1. การใหน า้ํ ในระยะที่ปลูกสมโอใหมๆตองหมั่นใหนํ้าสม่ําเสมอจนกวาจะต้ังตัวได เม่ือสมโอเจริญเติบโตดี แลว ใหน ําเปน ครง้ั คราวเมอ่ื จาํ เปน 2. การใสป ยุ สมโอควรใสทั้งปุยเคมีและปุยคอกควบคูกันไปในระยะที่สมโออายุ 1-3 ป หรือยังไมใหผล ใหใส ปุยคอกเกาผสมกับปุยเคมีสูตร 15-15-15 ปยุ เคมใี ชอ ตั รา 300-500 กรมั ตอ ตน ตอ ครง้ั โดยใส 3-4 ครง้ั ตอ ปเ มอ่ื สม โอใหผ ลแลว เมอ่ื อายุ 4 ปข น้ึ ไป การใสป ยุ จะแตกตา งกนั ไปตามชว งของการออกดอกตดิ ผล กลา วคอื หลังจากเก็บเกี่ยวผลแลวจะใหปุยสูตร 15-15-15 เพอ่ื ชว ยใหก ารเจรญิ เตบิ โตของผลดี ขน้ึ จนระทั่งผลมีอายุได 5-6 เดอื น ใหใสปุยสูตร 13-13-21 เพื่อชวยใหผลมีการพัฒนาดานคุณภาพ ของเนอ้ื ดขี น้ึ มคี วามหวานมากขน้ึ สว นอตั ราการใชค วรพวิ จารณาจากขนาดของทรงพมุ และจํานวนผลท่ี ตดิ ในแตล ะป โดยทั่วไปเมื่อตนสมโออายุได 6-7 ป ก็จะโตเต็มที่ การใสป ยุ อาจจะใสค รง้ั ละประมาณ 1 กิโลกรัม สําหรบั ตน สม โอทม่ี กี ารตดิ ผลมาก ควรใสปุยทางใบเสริม เพื่อชวยใหผลสมโอมีคุณภาพดี หรือตนสมโอที่ใสภาพโทรมมากๆ จากการทีม่ ีนํ้าทว มหรือนาํ้ เค็มควรใหปุยทางใบเสริมจะชวยใหการฟน ตวั ของตน สม โอเรว็ ขน้ึ วิธีการใสปุยโรยบนพื้นดินภายในบริเวณทรงพุม แตระวังอยาใสใหชิดกับโคนตน เพราะปุยจะทาํ ใหเปลือกรอบโคนตนสมโอเนาและอาจทาํ ใหส ม โอตายได 3. การตดั แตง กง่ิ ควรตัดแตงก่ิงท่ีข้ึนแขงกับลําตนใหหมด รวมทั้งกิ่งที่ไมไดระเบียบและกิ่งที่มีโรคแมลงทําลาย ออกทง้ิ การตัดแตงกิ่งควรทาํ ดวยความระมัดระวังอยาใหกิ่งฉีก หลังจากตัดแตงกิ่งควรใชยากันเชื้อรา หรือปูนกินหมากผสมนา้ํ ทาตรงรอยแผลท่ีตัดเพื่อกันแผลเนาเนื่องจากเชื้อราเศษก่ิงไมท่ีติดท้ิงควรรวม ไวเปนกอง แลวนาํ ไปเผาทําลายนอกสวน ประโยชนของการตัดแตง กิง่ 1. เพอ่ื ใหการออกดอกตดิ ผลดีขนึ้ เน่ืองจากใบไดร ับแสงแดดทวั่ ถึงกัน การปรงุ อาหารของใบมี ประสิทธิภาพมากขึ้น 2. ชว ยลดการระบาดของโรคและแมลงศตั รพู ชื เนื่องจากการตัดแตงกิ่งที่มีโรคแมลงทิ้งไป 3. ชวยใหกิ่งแยงอาหารลดนอยลง เพราะก่ิงน้ีชาวสวนตองตัดท้ิงจะเปนก่ิงท่ีคอยแยงอาหาร และไมค อ ยออกดอกตดิ ผล 4. ชวยทาํ ใหข นาดของผลสมา่ํ เสมอ ไดข นาดตามทต่ี ลาดตอ งการ
9 4. การกาํ จดั วชั พชื ในสวนสมโอทุกแหงมักจะมีปญหาจากวัชพืชที่ขึ้นรบกวน ถามีจาํ นวนมากก็จะกอใหเกิดผลเสียหายเพราะนอกจากจะแยงนํา้ และอาหารแลว ยงั เปน แหลง สะสมโรคแมลงอกี ดว ย จงึ ตอ งคอยควบ คุมอยาใหมวี ชั พชื มาก แตการกําจัดหญาหรือวัชพืชอื่นใหหมดไปเลย กไ็ มด ี ควรใหมีเหลืออยูบางชวยยึดดินไมใหหนาดินพังทลาย รวมทง้ั ชว ยปอ งกนั การระเหยของน้ําไดอ กี ดว ย สภาพของวัชพืชที่ขึ้นบน แปลงปลกู สม โอ การกักนํา้ สมโอเพื่อชวยในการออกดอก การกักนํ้าสมโอเปนการบังคับน้ําเพื่อใหสมโอออกดอกเร็วข้ึนและสมา่ํ เสมอกันโดยการกักน้ํา หรอื สบู นา้ํ ออกจากรองสวนใหแหง ทิ้งไวประมาณ 7-30 วัน ระหวา งน้ี สม โอจะเฉา ใบมีลกั ษณะหอ จึง ปลอ ยนา้ํ ใหเขา ไปใหม สม โอจะรบี ดดู นา้ํ เขา ไปอยา งรวดเรว็ หลงั จากนน้ั จะเรม่ิ แตกใบออ นพรอ มกบั มชี อ ดอกออกมาดว ย นบั จากใหน า้ํ จนถงึ ออกดอกใหเ วลาประมาณ 15-60 วัน วธิ นี ส้ี ามารถทาํ ใหส ม โอออก ดอกเร็วข้ึนตามตองการได แตจะเปนการทาํ หใตนสมโอโทรมเร็วกวาท่ีปลอยใหสมโอทยอยออกดอก ตามธรรมชาติ การปองกันนํ้าเคม็ และน้ําเสีย เนื่องจากสวนสมโอสวนมากที่อยูในภาคกลางมักจะทาํ สวนกันดวยการยกรอง เมื่อถงึ ฤดแู ลง มัก จะประสบปญหานา้ํ เค็มเออเขาทวมสวนอยูมาก สวนสมโอจึงมักจะไดรับความเสียหายจากนาํ้ เค็มเปน ประจาํ จึงควรทาํ การปอ งกนั นา้ํ เค็มและนาํ้ เสียไมใหเขาทาํ ลายสมโอดังนี้ 1. เมอ่ื เขา ฤดแู ลง ใหร บี กกั นา้ํ จืดไวแตเนิ่นๆ กอ นทน่ี า้ํ เคม็ หรือนาํ้ เสียจะเขาถึง แลว สรา งทํานบ คันดินรอบสวนเพ่ือกันน้ําเค็มเขา และหมั่นตรวจดินทํานบกั้นนา้ํ และประตูระบายนาํ้ (ลูกทอ) อยา ใหร ว่ั ซมึ ได 2. รดน้าํ ใหสมโออยางประหยัดเทาที่จําเปนเพื่อใหมีนํา้ จืดใหอยางพอเพียง ใหชวงที่นาํ้ เคม็ เขา ถึง
10 3. ขุดลอกทองรองหรือโกยเลนจากทองรองเพื่อนาํ มาคลุมผิวดินนอกรอง รวมทั้งหากาบ มะพรา ว ใบกลว ย ฟางขา ว เศษไม หญาแหง มาคลมุ บรเิ วณโคนตน เพอ่ื รกั ษาความชมุ ชน้ื ในดนิ เปน การลดปรมิ าณการใหน้ําลง 4. เก็บจอกแหน เศษใบไม ผลมะพราว ทร่ี ว งหลน อยใู นน้ําในทองรองสวนขึ้นไวบนอกรองให หมด เพอ่ื ปอ งกนั นา้ํ ในทอ งรอ งเนา เสยี 5. หมน่ั ตรวจนา้ํ ในคูคลองสงนาํ้ บอ ยๆ หากมนี า้ํ จดื เขา เปน ครง้ั คราว ใหรบี สบู หรอื ปลอยนํ้า เขา สวน เพอ่ื เกบ็ นา้ํ ไว 6. หมน่ั ตรวจดนู า้ํ จืดในบริเวณสวนที่เก็บกักไวเสมอ โดยการชิมดูวามีรสกรอยหรือเค็ม หรือมี สีรสผิดจากปกติที่เปนอยูหรือไม หาก มแี สดงวา คนั ดนิ กน้ั น้ําหรอื ประตรู ะบายนา้ํ รั่วซึม ให รีบทาํ การซอมแซมเสีย 7. หมน่ั ตรวจดอู าการของสม โอในสวนอยา งสมา่ํ เสมอ หากมีอาการผดิ ปกติ เชน ใบออ นเรม่ิ เหี่ยวเฉา ไหมเกรียม เปนอาการแรกเรม่ิ ของสมโอที่ถูกนํ้าเคม็ หรอื นา้ํ เสีย ใหรีบแกไขโดย หานาํ้ จดื มารดาใหช มุ โชกเพอ่ื ลดปรมิ าณความเคม็ หรอื น้ําเสียใหเจือจางลง ผลผลิตและการเก็บเกี่ยว สม โอจะเรม่ิ ใหผ ลเมอ่ื ประมาณ 4 ป ในฤดปู กตสิ ม โอทป่ี ลกู ในภาคกลางจะเรม่ิ ออกดอกระหวา ง เดือนพฤศจิกายน จนถงึ เดอื นมนี าคม โดยเฉพาะมากราคมถึงกุมภาพันธ จะออกดอกมากทส่ี ดุ เรียก วา สม ป สม ทวาย ดอกทอ่ี อกมานจ้ี ะทน และตดิ เปน ผลแกใ หเ วลาประมาณ 8 เดอื น ซึ่งจะเปนเดือน สิงหาคมและกันยายน จะเปนฤดูที่สมแกมากที่สุด แตสมโอพันธุขาวทองดีจะแกชากวาพันธุขาวพวงและ ขาวแปนเล็กนอยคือจะแกเก็บไดราวเดือนกันยายนถึงตุลาคมเปนสวนมาก ในดานความดกนั้นพันธุ ขาวพวงและขาวแปนจะดกมาก ตองทาํ การปลดิ ผลทง้ิ ใหเ หลอื อยพู อดกี บั ขนาดของตน สมโอที่ปลูกกันในจังหวัดภาคกลาง ผลผลติ จะเรม่ิ ลดลงเมอ่ื สม โออายปุ ระมาณ 10 ป ขน้ึ ไป เนอ่ื งจากระดบั นา้ํ ใตด นิ สงู รากสมถูกกาํ จัดพื้นที่ สว นสมโอที่ปลูกในจงั หวัดอนื่ ๆ ถามีการดูแลรักษาที่ดี สามารถใหผลผลิตไดสูงถึงอายุ 15-20 ป การเกบ็ เกย่ี ว ผลสมโอที่อยูที่อยูไมสงู มากนําควรใชก รรไกรตัดขวั้ ถาเปนผลที่อยูสูงควรใชที่เก็บเกี่ยวชนิดมีขอ ตดั ตอ ดา ม และมเี ชอื กกระตกุ พรอ มถงุ รองรบั จะชวยใหผลไมรวงหลนลงดิน วธิ กี ารเกบ็ เกย่ี ว โดยธรรมชาติสมโอจะเกิดผลเปนผลเดี่ยว เปนพวง 2 ผล หรือ 3 ผลเทา นน้ั แตอ ปุ สรรคในการ เกบ็ เกย่ี วคอื ขนาดน้ําหนักผล ในพื้นที่ลุม ตนอาจสูง 4-5 เมตร ซงึ่ พอจะดําเนนิ การเกบ็ เกย่ี วผลได แตตนท่ีปลูกในท่ีดอนยอมมีขนาดตนใหญ จะมีปญหาการเก็บเกี่ยวมากวิธีการเก็บเกี่ยวผลสมโอใน ปจจุบันทําไดห ลายแบบดงั น้ี
11 1.ใชมีดตัด ในกรณที ผ่ี ลสม โอ อยรู ะดบั ตา่ํ และมอื เออ้ื มถงึ บางครั้งก็จาํ เปนตองปนตนหรือใช บันไดชวยบาง หรอื ปน ตน ขน้ึ ไปตดั ผลทอ่ี ยใู นทรงพมุ ใกลล ําตน เสรจ็ แลว โยนลงมาใหค นขา งลา งรบั หรอื ใสภาชนะแลวหยอนลงมา ในกรณีที่ผลอยูที่ชายพุมสูงๆ จาํ เปนตองใหบนั ไดปน ชว ย การเกบ็ ดว ยวธิ ีน้ี สม โอจะมใี บและขว้ั ตดิ มาแลดสู วยงาม แตไมสะดวกในการโยกยายบันได 2.ใชจาํ ปาสอย จาํ ปาคอื ไมไ ผโ ปรง เสนผาศูนยกลาง 3 นว้ิ ยาว 3-4 เมตร ปลายขา งหนง่ึ ผา ออกเปนแฉกๆ แลวใชกะลามะพราวยัดลงไปในลาํ ไมไผตรงปลายดานท่ีผา เพื่อใหไมไผบานออก สามารถรองรับผลสมโอได การเก็บดวยวิธีนี้สามารถเก็บเกี่ยวผลสมโอที่ติดผลตามชายพุมสูงๆ ได สะดวก แตผ ลทไ่ี ดจ ะไมม ขี ว้ั ตดิ มาดว ย และอาจเสียหายเนื่องจากคมของผิวไมไผบาด ทาํ ใหผลเปนแผล และมกี ารรว งหลน บา ง 3. ใชกรรไกรแบบตัดหรือหนีบ (แบบอีเติ่ง) ตดั แลว มใี บและขว้ั ตดิ มาดว ย จะตดั ไดต ่ําหรอื สงู ขน้ึ กบั ความยาวของดา ม กรรไกรแบบน้จี ะตดั ขัว้ ผลและหนีบผลติดอยกู ับกรรไกร การใชกรรไกรแบบนี้ ตองปฏิบัติอยางนุมนวล ไมเชนน้ันแลวจะทาํ ใหสมโอหลุดออกจากปากหนีบแลวรวงสูพื้น ทาํ ใหเกิด ความเสียหาย การใชกรรไกรตดั ขั้วผล 4. ใชข อตดั แบบเชอื กกระตกุ ตอ ดา ม ใชเก็บเมื่อผลอยูในที่สูงๆ เปนแบบที่นิยมใชกันอยูใน ปจจุบัน วธิ กี ารนใ้ี ชค น 2 คน คนหนง่ึ ใชข อตดั ขว้ั ผลสม โอ อกี คนหนง่ึ คอยเอาสวงิ รองรบั การเก็บเกี่ยว แบบนี้จะไดผลสมโอที่มีใบและขั้วติดมาดวยทาํ หใแลดสุ วยงาม 5. ใชเ ครอ่ื งเกบ็ แบบ กวศ.1 เปน เครอ่ื งมอื ซง่ึ ประกอบ ดวยกรรไกรหรือมดี ตดั กิ่ง มถี งุ รองรบั ผลสม โอไดค รง้ั ละ 1 ผล หรือ 1 พะวง โดยที่มีขั้วและใบติดมากับผลดวย ทําใหไมรวงหลนบอบชํา้ หรอื มบี าดแผลใดๆ มนี า้ํ หนกั เบาสะดวกในการตดั ขว้ั คลอ งตวั ในการ ทาํ งาน สามารถตดั ผลตามซอกมมุ ตา งๆ ของตน สม โอไดด ใี ชผ ปู ฏบิ ตั ิ งานเพยี ง 1 คน การใชก รรไกรหรอื มดี ตดั กง่ิ ทม่ี ี ถุงรองรับ
12 การปองกันกาํ จัดศัตรูสมโอ สมโอเปนพืชทีมีโรคแมลงรบกวนมาก ชาวสวนจึงตองใหความสนใจในการปองกันกําจัดโรค แมลงใหดที ส่ี ุด แมลงศัตรูสมโอ 1. มวนเขยี ว ระบาดมากทส่ี ดุ ในตอนตน ฤดฝู น ทง้ั ตวั ออ นและตวั เตม็ วยั จะดดู กนิ นา้ํ เลย้ี งจาก ผลที่ยังออนอยู ทาํ ใหผลสมรวงหลนกอนกําหนด นอกจากน้ันยังเปนทางทาํ ใหเชื้อราและแบคทีเรีย ระบาดทว่ั ไปตามกง่ิ และกา นไดอ กี ตวั ออ นมวนเขยี ว มวนเขยี ว การปอ งกนั กําจดั 1. ใชสวิงจับตัวแกมาทาํ ลาย 2. ใชกาํ มะถัน 2 กระปอ ง ผสมขเ้ี ลอ่ื ยเฉลย่ี 3-4 ปป กองไวใ นสวนแลวจดุ ไฟเปา ใหมีควนั อยู เสมอ จะชวยปองกันและไลมวนเขียวได 3. ฉดี พน ดว ยสารเคมี เชน เมธามโิ ดฟอส หรือ คารบ ารบิ 2. หนอนชอนใบ หนอนผเี สอ้ื ชนดิ นจ้ี ะทาํ ลายเฉพาะใบออนทาํ ใหใ บงอกผดิ รปู เดมิ ใบที่ถูก ทําลายจากการเจาะจะมีรอยวกไปเวียนมาผิวใบจะเปนฝาขาวแหง และรวงหลน สวนใบแกจะไมถูก ทาํ ลายหนอนจะเลือกกินสวนผิวที่มีสีเขียวของใบออนทําใหใบหวิกงอ เปนฝาขาวแหง จะทาํ ใหการเจริญ เติบโตหยุดชงัก บางครง้ั จะเกาะกง่ิ ออ นของสม ดว ย นอกจากน้ียังเปนทางทําใหเชื้อราและแบคทีเรียเขา ทําลายไดอ กี เชน ชว ยเปน พาหนะในการะบาดของโรคขก้ี ลาก (โรคแคงเกอร) อกี ดว ย การปอ งกนั กําจดั 1. ใชมือจับหนอนทาํ ลายและตัดใบที่ถูกหนอนทีลายมาเผาไฟ ทง้ิ ในกรณที เ่ี ปน สวนสม ขนาดเลก็ 2. ฉดี พน ดว ยสารเคมี เชน อมิ ดิ าโคลปด หรือ ฟลูเฟนนอกซูรอน ฉีดพนในระยะที่สมแตกใบออนใหทั่วถึงตลอดทั้งลําตน จึงจะไดผล ใบสมโอที่ถูกหนอนชอนใบ เขา ทาํ ลาย
13 3. หนอนแกว สม เปน หนอนผเี สอ้ื กลางวนั ชนดิ หนง่ึ ซง่ึ วางไขไ วต ามใบออ นของสม หนอนจะ กดั กนิ ใบออ นจนถงึ แกน ทําใหใ บรว งโดยเฉพาะตน กลา จะไดร บั ความเสยี หายมาก นอกจากนห้ี นอนยงั ทําลายพวกกิ่งที่มีผลทาํ ใหผ ลรว งไดง า ย หนอนแกวสมในระยะตางๆ การปอ งกนั กําจดั 1. ใชมือจบั หนอนและดกั แดม าทาํ ลายในเมอ่ื ยงั ไมร ะบาดมากนกั 2. ฉดี พน ดว ยสารเคมี เชน เอนโดซลั แฟน หรือ เมทธามโิ ดฟอส หรือ อมิ ดิ าโคลปด 3. ในสภาพธรรมชาติมีแมลงวันกนขนเปนศัตรูธรรมชาติ ในระยะดักแดดังนั้นควรหลีกเลี่ยง การพน สารเคมเี มอ่ื ตน สม ไมม ยี อดออ นและเมอ่ื พบวา ดกั แดถ กู ศตั รธู รรมชาตเิ ขา ทาํ ลาย 4. ดว งงวงกดั กนิ ใบ ตัวเต็มวัยของแมลงชนิดนี้จะกัดกินใบทําใหใ บแหวง หรอื เปน รพู รนุ ถา มี มากจะกัดกินใบจนเหลือแตกิ่ง การปอ งกนั กําจดั 1. เขยากิ่งเพื่อใหดวงลวงลงมา แลวนาํ ไปทําลาย 2. ฉดี พน ดว ยสารเคมี เชน เมทธามโิ ดฟอส หรือ คารบ ารบี ฉีดพนในระยะที่สมโอแตกใบออน 5. ผีเสอื้ มวนหวาน เปนผีเสื้อกลางคืนที่ทําใหเกิดผลเสียหายแกชาวสวนสมโอเปนอยางมากใน ปห นง่ึ ๆ โดยการดดู กนิ น้ําหวานของผลสมโอที่เริ่มแกถึงแกจัด ผเี สอ้ื ชนดิ นจ้ี ะใชป ากแทงเขา ไปในผลสม โอทาํ ใหบริเวณที่แทงเนา ตอมาจะรวงหลนไปกอนกาํ หนดแก สมที่ไดรับความเสียหายจากผีเสื้อชนิดนี้ อาจสงั เกตไดจ ากนา้ํ ทไ่ี หลออกมาจากรขู องผล การปอ งกนั กําจดั 1. ใชกับดักไฟฟาที่มีกําลังแรงเทียนสูง ลอ ใหเ ขา มาเลน ไฟ 2. ใชสวิงจับผีเสื้อ 3. การรมควันหรือใชยาพวกไลแมลง
14 4. ใชพวกเหย่ือพิษท่ีบรรจุขวดหรือกระถางดินเผาแขวนไวท่ีตนผลไมกอนท่ีผลไมจะแก ประมาณ 1 เดอื น ตองคอยเปลี่ยนเหยื่อพิษทุกสัปดาห 5. ใชสารเคมีฉีดพนในระยะที่กาํ ลังเปนตัวหนอนอยูจะชวยลดความเสียหายลงไดบาง 6. ทาํ กรงดกั โดยใชผลไมสุกเปนเหยื่อลอใหผีเสื้อมวนหวานมาติดกรง 6. หนอนกนิ ลกู ในระยะทเ่ี ปน หนอน ในระยะที่เปนหนอน จะชอนไชเขา ไปในผลออ นทําให ผลเหย่ี วเนา และรว งหลน การปอ งกนั กําจดั 1. นาํ สมที่ถูกทาํ ลายไปฝง หรอื เผา 2. ฉดี พน ดว ยสารเคมี เชน คารบ ารลี ใหทั่วเพื่อกาํ จัดหนอนที่ฟกออกจากไขใหมๆ เมื่อหนอน เจาะเขาไปในผลสมแลวการกําจดั จะไมไ ดผ ลเลย 7. หนอนมวนใบสม หนอนผเี สอ้ื ชนดิ นจ้ี ะวางไข บนใบสม ตวั หนอนจะกัดกนิ ใบสม และมว นใบทาํ เปน รังอาศยั อยูซึ่งจะทาํ ใหส ม มผี ลผลติ ลดนอ ยลง หนอนมว นใบสม การปอ งกนั กําจดั 1. ใชม อื จบั หนอนและดกั แดอ าศยั อยใู นใบทม่ี ว นมาทําลาย 2. ฉดี พน ดว ยสารเคมี เชน เมทธามโิ ดฟอส 8. หนอนเจาะกง่ิ สม หนอนจะเจาะเขาไปอาศยั อยูต ามกิ่งและลาํ ตนที่ปากรูจะเห็นเปนขุยๆ บางครั้งจะทาํ ใหมียางไหลเยิ้มออกมากิ่งสมที่ถูกเจาะจะแหง ตนสมไมเจริญเติบโต การปอ งกนั กําจดั 1. ตรวจดตู ามกง่ิ และลําตนสม ถาพบตัวหนอนและตัวแกใหรีบทําลาย 2. ในกรณขี องกิง่ สมเลก็ ท่ีถกู ทาํ ลายใหต ดั เผาไฟ 3. ฉดี พน ดว ยสารเคมี เชน ไดคลอรวาส ฉดี เขาไปในรูท่ีหนอนเจาะแลวเอาดนิ เหนยี วอุดรูไว 9. เพลย้ี ออ นสเี ขยี ว เพลย้ี ออ นชนดิ นจ้ี ะดดู กนิ นา้ํ เลย้ี ง จากใบและยอดออน ซึ่งมีผลทาํ ใหใบนั้นหยิกและงอ ตนแคระแกรน การเจริญเติบโตหยุดชงัก เพลย้ี ออ นจะขบั สารออกมาจากรา งกาย เปน น้าํ หวานซง่ึ เปน อาหารทเ่ี หมาะในการเจรญิ เตบิ โตของราดํา ทก่ี ง่ิ และใบอกี ดว ย เพลย้ี ออ นสเี ขยี ว การปอ งกนั กําจดั 1. ฉดี พน ดว ยสารเคมี เชน อมิ ดิ าโคลปด หรือโฟซาโลน 2. ฉดี พน นา้ํ ใหทั่วทรงพุมในระยะที่มีการระบาด 10. ไรแดงสม ตวั ออ นและตวั เตม็ วยั ของไรแดงสม ชนดิ นจ้ี ะดดู กนิ นา้ํ เลย้ี งจากใบ ผลและกิ่ง ออนของตนสมซึ่งจะทาํ ใหบริเวณที่ถูกทาํ ลายนน้ั เห็นเปนจุดสีออนๆ ซง่ึ ตอมาจะคอ ยๆ ขยายตวั ออกไป ทั่วจนมีสีเทาหรือสีตะกั่ว ในกรณีที่พบระบาดมากๆก็จะทาํ ใหใ บและผลรว งหลน ได และอาจจะทาํ ใหผ ล ที่ถูกทาํ ลายมลี กั ษณะแคระแกรนและคุณภาพเสื่อมลง มกั ระบาดมากในฤดแู ลง
15 ไรแดงสม การปอ งกนั กําจดั เพลย้ี แปง สม 1. ฉีดพนดวยยาจาํ พวกไวทอ อย ผสมกบั มาลาไธออน 2. กําจัดมดซึ่งเปนพาหะของเพลี้ยแปง 12. เพลย้ี งไฟสม เพลี้ยไฟจะเจาะเขาไปในผิวใบและดูดกิน นา้ํ เลี้ยงของใบสม ผลที่ยังออนเพลี้ยไฟจะเจาะตรงสวนที่อยูใกลกับ กลีบดอกเมทื่อผลโตขึ้นก็จะเจาะบริเวณใกลเคียงกับขั้วทาํ ใหบริเวณที่ ถูกเจาะนั้นมีรอยเปนสะเก็ดสีเทา สวนใบที่ถูกทาํ ลายนน้ั กจ็ ะแคระ แกรนและหงิกงอ นอกจากใบและผลแลว เพลี้ยไฟยังทําลายกิ่งออน และดอกอกี ดว ย การปอ งกนั กําจดั 1. ฉดี พน นา้ํ ใหทั่วทรงพุมในระยะที่มีการระบาด 2. ฉดี พน ดว ยสารเคมี เชน ไดเมทโธเอท, คารบ ารลี หรือ คารโบซัลแฟน ในระยะที่ระบาด มากๆ ประมาณ 7-10 วัน ตอ ครง้ั โรคของสมโอ 1. โรคยางไหล โรคนเ้ี กดิ จากเชอ้ื รา อาการที่แสดงใหเห็นคือ มนี า้ํ เหลวสนี า้ํ ตาลไหลออกมา หรอื เกาะตดิ ตามกง่ิ และลาํ ตน มแี ผลเลก็ ๆอยตู รงสว นทย่ี างไหลออกมา หรอื เกาะตดิ ตามกง่ิ และลําตน มแี ผลเลก็ ๆอยตู รงสว นทย่ี างไหลออกมา เริ่มแรกจะเห็นเปนจุดวงสีนาํ้ ตาลไหลออกมามากมายหรอื รอบ กิ่ง หรือเกาะเหนียวอยูตามกิ่ง ลาํ ตน ถา ตนท่ีโตแลวเปน มากจะสงั เกตเหน็ วาใบเริม่ เหลืองเลก็ และหลดุ รว งไป ตนแสดงอาการทรุดโทรม ผลเลก็ ยอดแหง ในทส่ี ุดกจ็ ะตาย การปอ งกนั กําจดั 1. ถาพบอาการเปนแผลและยางไหลออกมาใหรีบเฉือนเปลือกไมสวนท่ีเปนแผลออกใหหมด ทาแผลรวมทง้ั รดดนิ บรเิ วณโดคนตน ดว ยสารเคมี เชน ฟอสเอทธีล อลี 2. อยา ใหน า้ํ ขังหรือทวมบริเวณตนสมโอเปนเวลานานๆ ควรทาํ การระบายนา้ํ อยาใหขังหรือชื้น แฉะ 3. สมที่ตายแลวหรือสวนของสมที่ตัดทิ้งนํามารวมกนั เผาทําลาย
16 2. โรคโคนเนา และรากเนา โรคนี้เกิดจากเชื้อราชนิดเดียวกันกับโรคยางไหล มักจะเกิด บริเวณโคนตนใกลผิวดิน เรม่ิ จากเปลอื กจะเปน จดุ ๆ แลว เปลย่ี นเปน สนี ้าํ ตาล และเนา เปลอื กออ นหลดุ ออกมาไดง า ย ถาอากาศชืน้ ทงิ้ ไว 1-2 วัน จะเหน็ เสน ใยของราฟขู าวขน้ึ มาอาการเนา จะลกุ ลามออกไป เปลอื กทเ่ี นา จะมยี างสนี า้ํ ตาลไหลออกมาเมอ่ื เนา รอบโคนตน สมจะตายอาการที่รากจะเปนเชนเดียวกับ ที่โคนตน ในระยะนใ้ี บจะเหลอื งซดี รว งหลน กิ่งเริ่มแหง และตายในที่สุด โรคโคนเนา การปอ งกนั กําจดั การปอ งกนั กาํ จัดใหปฏิบัติเชนเดียวกับโรคยางไหล 3. โรคใบแกว โรคนี้อาจจะเกิดจากการขาดธาตุอาหาร หรือเชื้อแบคทีเรียอยางใดอยางหนึ่ง จะพบมากหลังจากที่ตนสมโอใหผลไปแลว 2-3 ป สมใหผลดกมากเกินไป อาการที่พบบนใบจะทาํ ใหใบ เลก็ ลงใบมสี เี หลอื ง ใบชี้ ปลายใบคอนขางเรียวแหลม โดยเฉพาะใบแกจะแสดงอาการเหลืองเปนจาํ้ ๆ กอ นทส่ี ม จะปรากฎอาการของโรคใบรนุ แรงนน้ั สม จะอยใู นลกั ษณะงามเตม็ ทอ่ี อกดอกมาก ถา อาการ รนุ แรงผลจะรว งมากผดิ ปกติ อาการอกี ชนดิ หนง่ึ คอื สม โอใหผ ลผลติ สงู โดยตลอดตดิ ตอ กนั 2-3 ป หลัง จากนั้นจะคอยๆ เริ่มทรุดโทรมและแหงตามไปในที่สุด โรคใบแกว การปอ งกนั กําจดั 1. ฉดี พน สารเคมี เชน อมิ ดิ าโคลปด เพื่อปองกันแมลงพาหะฉีดเมื่อสมเริ่มแตกใบใหม 2. อยาปลอยใหตนติดผลมากจนเกินควร ถาออกผลมากควรปลิดทิ้งใหเหลือพอเหมาะกับ ขนาดของตน
17 3. หลังเก็บผลแลวควรตัดกิ่งและบาํ รงุ ดนิ ใหอ ยใู นสภาท่ีสมบูรณ โดยเฉพาะควรใชปุยอินทรีย ใหม าก เชน ปุยหมัก ปยุ คอกตามดว ยปยุ เคมี 4. การปลูกสมโอทดแทนหรือเริ่มทาํ สวนสมใหมๆ ควรแนใจวาใชตนพันธุที่ปราศจากโรค 5. เมอ่ื พบวา ตน ใดเปน โรคใบแกว ควรตดั ก่ิงทีเ่ ปน ทิง้ ถาเปนทั้งตนใหขุดไปเผาไฟทาํ ลาย 4. โรคแคงเกอร โรคนี้มักเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย มักเกดิ ในระยะทใ่ี บออ นและผลทย่ี งั ออ น แรกๆ จะเหน็ เปน จดุ ใสๆ ขนาดเล็กๆ เทากับหัวเข็มหมุด สขี าวหรอื เหลอื งออ น กระจายอยูทั่วไป ตอมาจะขยายโตขึ้น นนู ทง้ั ดา นบนและดา นลา งใบแผลจะกลายเปน สเี หลอื ง ภายในแผลมลี กั ษณะขรุขระ ถาเปนมากจะทาํ ใหใบรวง บางครง้ั อาจมยี างไหลออกมาดว ย อาการที่กิ่งจะเปนแผล ตกสะเก็ดท่ีเปลือก ถาเปนมากทําใหกิ่งตายได โรคแคงเกอร การปอ งกนั กําจดั 1. ฉดี พน ดว ยสารเคมี เชน คอปเปอรอ อกซค่ี ลอไรด 2. ตดั กง่ิ และใบทเ่ี ปน โรค เผาไฟทําลาย 6. โรคราสีชมพู เกดิ จากเชื้อราชนิดหน่งึ อาการเริม่ แรกจะปรากฎภายในเปลือกของกิ่งจะเปน จุดชํา้ เล็กๆ สีนา้ํ ตาล ตอมาแผลจะลุกลามถึงกันทาํ ใหก่ิงแหงตายจะเห็นสีชมพูของราตรงสวนท่ีแหง คลา ยกบั เอาปนู แดงไปปา ยไว กิ่งที่เปนโรคจะมีใบเหี่ยวและรวง การปอ งกนั กําจดั 1. ตัดแตงกิ่งทรงพุมใหโปรงเพื่อใหแสงแดดสองไดทั่วถึง 2. ถาเปนมากๆ ใหตัดกิ่งที่เปนโรคเผาไฟทําลาย 3. ฉดี พน ดว ยสารเคมี เชน คอปเปอรอ อกซค่ี ลอไรด 7. โรคจดุ สนมิ เกิดจากสาหรายชนิดหนึ่ง อาการจะพบตามกง่ิ ใบ และผล ระบาดมากในฤดฝู น จะเหน็ เปน จดุ กลมสเี ขยี วหรอื แดงคลา ยกาํ มะหยี่ขึ้นอยูบนใบ ขนาดไมแ นน อน ถาเกิดบนกิ่งจะทาํ ใหกิ่ง แตก ใบที่อยูบนกิ่งนั้นจะเขียวซีด กง่ิ แหงตาย บนผลจะทาํ ใหเ นอ้ื เยอ่ื นนู ผดิ ปกติ ผวิ เปลอื กแตกออกตรง สวนที่ถูกทาํ ลาย การปอ งกนั กําจดั 1. ฉดี พน ดว ยสารเคมี เชนเดียวกับโรคแสคป 2. ตัดกิ่งและใบที่เปนโรค เผาไฟทําลาย 8. โรคราดํา เกดิ จากเชอ้ื ราชนดิ หนง่ึ มักพบในสภาพที่มีหมอกลงจัด อากาศชน้ื จะมเี ชอ้ื ราขน้ึ ตามใบและผลเปน สดี าํ ถาเปนมากจะคลุมใบไมใหไดรับแสงแดด ตนสมจะไมงามเทาที่ควร ถา เปน ท่ี ผลจะทาํ ใหผลรว ง โดยเฉพาะผลออน
18 การปอ งกนั กําจดั 1. ฉดี พน นา้ํ ทใ่ี บและกง่ิ เพอ่ื ชะลา งเชอ้ื ราโดยตรง 2. ฉีดพน สารเคมปี อ งกนั เชอื้ ราเปนครัง้ คราว 3. ฉีดพนสารเคมีปองกันกําจัดแมลงปากดูดที่มาเกาะกินใบและถายมูลทิ้งไว ซึ่งเปนอาหาร ของเชอ้ื ราอยา งดี สารเคมีที่ใช เชน ไดเมทโธเอท ประโยชนข องสม โอ สม โอมีประโยชนต้ังแตเปลอื กใชเช่ือมเปน ขนมหวาน เชน จังหวัดเพชรบุรี ทําเปลอื กสม โอเชอ่ื ม จนเปนสินคาพื้นเมืองสงไปขายไกลๆ สวนเนื้อที่เปรี้ยวใชประกอบกับขาวยาํ ทางภาคใต เนอ้ื หวานอม เปรี้ยวใชทาํ สมโอลอยแกว สว นเนอ้ื หวานใชร บั ประทานเปน ผลไมส ด กองอาหาร กรมอนามยั ไดท ําการวเิ คราะหห าปรมิ าณธาตอุ าหารจากเนอ้ื สม โอ 100 กรมั มีดังนี้ ความชน้ื 81.0 กรัม ความรอ น 61.0 หนวย ไขมนั 0.2 กรัม คารโ บไฮเดรท 17.8 กรัม เยอ่ื ใย 0.6 กรัม โปรตนี 0.5 กรัม แคลเซี่ยม 12.0 มลิ ลกิ รมั ฟอสฟอรสั 18.0 มลิ ลกิ รมั เหล็ก 0.5 มลิ ลกิ รมั ไวตามนิ เอ 10 หนวย ไวตามนิ บี 1 0.02 มลิ ลกิ รมั ไวตามนิ บี 2 0.01 มิลลิกรัม ไวตามินซี 58.0 มลิ ลกิ รมั
19 การปอกเปลือกสมโอ การปอกเปลือกสมโอที่พบเห็นกันอยูโดยท่ัวไปมักจะใชมีดกรีดผลจากขว้ั ผลลงมา 5-6 รอย แลวจึงลอกเอาเปลือกออก โดยใชนิ้วมือสอดไประหวางเปลือกและกลีบผล วิธีนี้จะทาํ ใหต อมนํ้ามันที่ เปลอื กแตกเลอะมอื เมอ่ื ลอกเอาเนอ้ื ออก ลางสว นของเนอ้ื จะตดิ กบั นา้ํ มนั ของเปลอื กทต่ี ดิ มอื อยู ทาํ ใหมี กลิ่นเหม็นและเสียรสชาติไป จงึ ขอแนะนาํ วธิ กี ารปอกเปลอื กสมฮดใหไดเ นอ้ื ท่มี คี ุณภาพดี ดงั น้ี 1. ใชมีดปอกสวนของเปลือกที่เปนสีเขียวออกจนหมด 2. ลอกเปลอื กสขี าว ซึ่งจะทาํ ใหล อกออกไดง า ยและไมม กี ลน่ิ ของนา้ํ มนั ทผ่ี วิ เปลอื กตดิ ออกมา 3. เมอ่ื เหลอื แตเ ปลอื กหนุ กลบี จงึ ลอกเอาเปลอื กหุมออกทลี ะกลีบจะไดเน้ือท่เี ปน กลีบสวยงาม และมรี สชาตดิ ี การแปรรูปสมโอ รตั นะ สวามชี ยั , วีรวิทย วิทยารักษ นักวิชาการเกษตรศูนยวิจัยพืชสวนพิจิตร สมโอสามารถแปรรูปไดหลายอยางโดยเฉพาะสม โอพนั ธุท า ขอยซ่งึ เปน พันธุท องถนิ่ ท่ีปลูกในเขต บา นทา ขอ ย ตําบลเมืองเกา อาํ เภอเมือง จังหวัดพิจิตร มากกวา 100 ปม าแลว ขณะที่พื้นที่ปลูกไดขยาย เพม่ิ ขน้ึ เรอ่ื ยๆ ทั้งนี้เนื่องจากวาเปนพันธุที่สามารถปรับตัวเองเขากับสภาพแวดลอมตางๆ ไดด ี เนอ่ื งจาก สมโอพันธุทาขอยเปนพันธุที่ใหผลดก เพื่อใหไดผลสมโอที่มีคุณภาพจึงจาํ เปฯ ทจ่ี ะตอ งปลดิ สม ออ นหรอื สม ทม่ี ตี ําหนิทิ้ง นอกจากนีพ้ อ คายงั ทาํ การตดั ผลไมไ ดข นาดออกกอ นทจ่ี ะสง เขา สตู ลาด ผลสมโอที่ถูก คดั ออกเหลา นค้ี ณุ ภาพคอ นขา งต่ําและยังถูกทงิ้ ไปโดยเปลา ประโยชน เพื่อใหไดประโยชนจากสมโอที่ถูก คัดทิ้งเหลานี้ทางหนวยงานเคหะเกษตร สํานกั งานเกษตรอําเภอโพธิ์ประทับชาง และสมาชิกกลุมแม บา น จึงไดรวมคิดวิธีการที่จะใชประโยชนจากสมโอที่ถูกคัดทิ้งเหลานี้ จากากรระดมความคดิ รว มกนั จงึ ทาํ ใหไดสมโอแกวสี่รสขึ้นมา การผลติ สม โอแกว สร่ี สมขี น้ั ตอนในการผลติ ดงั จะไดก ลา วตอ ไปนอกจากน้ี ยังแปรรปู เปนสม โอเช่ือมไดดว ย
20 สมโอแกวสี่รส สวนผสม 1. เนอ้ื เยอ่ื สว นกลางของผลสม โอ (หรอื นวม) บด 5 ถวย 2. นา้ํ ตาลทรายขาว 3 ถวย 3. แบะแซ ½ ถวย 4. เกลอื 1 ชอ นโตะ 5. กรดซติ รกิ 1 ชอ นโตะ 6. พริกขี้หนูสด 3 ผล วธิ ที าํ 1. ปอกผิวสมโอใหหมด เหลอื แตเ นอ้ื เยอ้ื สว นกลางของสม โอ 2. หน่ั เนอ้ื เยอ่ื สว นกลางหรอื นวมเปน ชน้ิ เลก็ ๆ และนาํ ไปขยาํ กบั นา้ํ เปลา 2-3 ครง้ั 3. นาํ เนื้อเยื่อสวนกลางที่ขยาํ กบั นา้ํ แลว ไปตม ใหเ ดอื นแลว ตกั ใสน า้ํ เย็นทาํ สัก 2-3 ครง้ั จน หายขม แลวนาํ ไปบดใหล ะเอยี ด 4. นาํ เน้ือเยอ่ื สว นกลางหรือนวมท่ีบดละเอียด ผสมกบั นา้ํ ตาลทราย เกลอื และกรดซติ รกิ ตาม อัตรากาํ หนดลงกะทะทองเหลืองแลวกวนโดยบดใชความรอนปานกลาง กวนไปเร่ือยจน เหลอื ง 5. ใสแบะแซและพริกขี้หนูสดที่บดละเอียด ทดลองปน ดู ถาปนไดก็ยกลง 6. ปน เปน ลกู กลมเลก็ ๆ คลกุ ดว ยนา้ํ ตาลทรายปนเกลือ หอดวยกระดาษแกว (จากเอกสารโครงการแปรรปู เชงิ ธรุ กจิ ขนาดยอ ย ป 2537 ของกลมุ แมบ า นเกษตรสามคั คโี พธ์ิ ประทับชาง อาํ เภอโพธิ์ประทับชาง จังหวัดพิจิตร) สมโอเชื่อม สวนผสม 1 กโิ ลกรมั 1. เนอ้ื เยอ่ื สว นกลาง (Mesocarp) 1 กโิ ลกรมั 2. นา้ํ ตาลทราย 20 กรัม 3. เกลอื 5 ถวยตวง 4. นา้ํ สะอาด
21 5. นา้ํ ปนู ใส วธิ ที าํ 1. ปอกผวิ สม โอออกใหห มดเหลอื แตเ นอ้ื เยอ่ื สว นกลาง 2. หัน่ ออกเปน ชิ้นขนาดแลวแตความชอบ นาํ ไปขยาํ กบั เกลอื โดยใชอ ตั ราสว น 1 กิโลกรัมตอ เกลอื 20 กรัม 3. นาํ เนื้อเยื่อสวนกลางที่ขยาํ กบั เกลอื ลงไปตม ในนา้ํ เดอื ดนานประมาณ 2-3 นาที หลงั จาก น้ันตักออกมาแชในนา้ํ เย็นใหหายรอนทาํ การตักขึ้นมาบบี น้ําออกใหห มด และชมิ ดวู า หาย ขมหรอื ยงั ถาหายังไมหายขมก็นําไปตม ในนา้ํ รอ นอกี ครง้ั หนง่ึ 4. นาํ เอาเนอ้ื เยอ่ื สว นกลางทห่ี ายขมแลว มาแชในนํา้ ปูนใสนาน 5 นาที จากนั้นบีบนาํ้ ปูนใส ออกและลา งดว ยนา้ํ สะอาด 5. เคย่ี วนา้ํ ตาล โดยใชน้ําตาล 0.5 กโิ ลกรมั ตอ นา้ํ 5 ถวยตวง พอนา้ํ ตาลละลายดแี ลว เอาสว น เนื้อเย่ือสวนกลางของสมโอใสลงไปนานจนกวานาํ้ ตาลจะซึมเขาเนื้อเยื่อของสมโอจนหมด จากนั้นทาํ การโรยดว ยนา้ํ ตาลอีก 0.5 กิโลกรัม คอ ยๆ โรยนา้ํ ตาลจนหมดขน้ั ตอนนไ้ี ฟไม ควรจะแรงเพราะจะทําใหสมโอเชื่อมมีสีแดง หลังจากนี้ถาหากมีเครื่องอบควรจะอบสมโอ เชื่อมใหแหง เพอ่ื ปอ งกนั การละลายของน้ําตาลจากนั้นจึงบรรจุภาชนะเพื่อสงขายตอไป จดั ทาํ เอกสารอิเล็กทรอนิกสโดย : สาํ นกั สง เสรมิ และฝก อบรม มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร
Search
Read the Text Version
- 1 - 21
Pages: