Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ผู้เฒ่าเล่าไว้

Description: ผู้เฒ่าเล่าไว้

Search

Read the Text Version

50 ผ้เู ฒ่าเลา่ ไว้ ไมร่ ู้ ยงั เลอื กไมถ่ กู อยากเปน็ หลายอยา่ ง อยากเปน็ นกั คน้ ควา้ วจิ ยั ทางด้านโบราณคดี บางทีก็อยากเป็นนักเขียนการ์ตูนสร้างความสุขและ เสยี งหวั เราะใหแ้ กค่ นอา่ น บางทกี อ็ ยากเปน็ นกั สบื สาวเทๆ่ อนั หลงั นอ้ี าจ เปน็ เพราะอทิ ธิพลของนิยายแปลบางเรื่องท่ีเธออา่ นกระมัง แตไ่ มว่ า่ จะเป็นอะไร พ่อแมแ่ ละตายายยินดใี หเ้ ปน็ ทั้งนน้ั ทา่ นวา่ เป็นอะไรก็ได้ที่หนูมีความสุข ขออย่างเดียว ขอให้เป็นคนดี อย่าสร้าง ความทกุ ขห์ รอื ความเดือดรอ้ นใหใ้ คร เปน็ อะไรดีหนอ ไม่เป็นไร ยังคน้ หาตวั เองไม่เจอก็วางไว้ก่อน เด็กสาวนอนตะแคง เปิดกระดาษปึกนั้นอ่านเรื่องน้ำท่วมโลก ไม่ใช่...ตาว่าเป็นเรื่องน้ำล้าง โลก ไมใ่ ชแ่ คท่ ว่ มเฉยๆ แตช่ ะลา้ งโลกทง้ั โลกจนไมม่ อี ะไรเหลอื แมแ้ ตเ่ ศษ แต่ผงอะไรสกั นดิ กไ็ ม่มีเหลอื ละลายกลายเปน็ น้ำไปหมด น้ำนนั้ ชอื่ วา่ ขารุทกะ...ฝนนำ้ กรด [ยัสมิง ปนั นะ สมเยกัปโป อุทเกวินาสสติ] ... อันวา่ กปั วินาศมีในกาลอันใด อันวา่ มหาเมฆอนั ใหญ่เกิดมาก่อน จำเริญตกแต่แรกอาทิหัวทีประดุจดั่งเหมยทั้งหลายตกลงกลางคืนแห่ง ฤดหู นาวนน้ั แล จำเริญลำดับตราบตอ่ เทา่ เปน็ ถ่องแถวนำ้ ฝน ตกลงใหญ่ ประมาณแลโยชน์๒โยชน์ เป็นลำน้ำใหญ่พ่ำเพ็งเพื่อหื้อเต็มแสนโกฏิ จักรวาลทั้งมวล นำ้ ฝนอนั น้นั อนั จกั ห้ือโลกฉบิ หาย บ่เป็นดง่ั นำ้ ฝนอันเป็นปรกติ เปน็ นำ้ ฝนอันชือ่ วา่ ขารุทกะ เป็นนำ้ อันเคม็ อนั กล้ายงิ่ กว่านำ้ ฝนอนั เปน็ ปรกตินี้แล แม้นว่าแผ่นดินแลดอยทั้งหลาย มีต้นว่า เขาสิเนโรก็ดี นำ้ ขารุทกะนั้นหากถูกตอ้ งดงั น้นั ก็เชื่อมไปแล ลมอันมีกำลังกท็ รงน้ำนน้ั

ผเู้ ฒา่ เล่าไว้ 51 ไวท้ งั้ ภายลมุ่ ภายพา่ งรอดทกุ กล้ำ น้ำขารุทกะนั้นก็หากถือเอาแรกแต่ภายใต้พื้นแผ่นดินขึ้นไปตราบ ต่อเท่าถึงทุติยฌานภูมิ วัตถุทั้งมวลมีในละแวกทั้ง ๓ นั้น เป็นต้นว่า แผน่ ชน้ั ฟา้ ชน้ั พรหมทง้ั หลาย แตภ่ ายใตช้ น้ั พรหมชอ่ื วา่ สภุ กณิ หานน้ั นำ้ ขารุทกะอันเค็มกล้าเย็นนักนั้นหากถือเอาท่วมเอาก็ถึงอันเชื่อมไน่ไป ด้วยลำดบั นน้ั แล อาจารย์เจ้าทั้งหลาย ลางพ่องก็ยังกล่าวว่าน้ำขารุทกะกับทั้งน้ำ ปถวีสันทารุทกะคือน้ำอันทรงแผ่นดินทั้งมวลนั้นเนื่องเป็นอันเดียวกัน อยแู่ ลวา่ อ้ัน [อปเร]อาจารย์เจ้าทั้งหลายฝูงอื่น ลางพ่องก็กล่าวว่าขารุทกะน้ำ อันกระทำกัปวินาศมากระทำกำจัดยังปถวีสันทารุทกะ คือน้ำอันทรง แผน่ ดินทง้ั มวล แมน้ วา่ ลมทรงนำ้ ก็บห่ อ้ื เศษหลอได้ ส่วนฝนอันเป็นมหาเมฆอันใหญ่นักก็มากำจัดโลกทั้งมวลหื้อฉิบ หายฉันนน้ั ดาย [อปเร]อาจารย์เจ้าทั้งหลายฝูงอื่นกล่าวยังคำฉันนี้ก็ยังควรเชื่อ แลว่าอัน้ ดว้ ยแท้ น้ำขารุทกะนน้ั กำจดั พรหมโลกท้งั มวลเสีย ๘ ชัน้ พอจุ พื้นชั้นพรหมอันชื่อว่าสุภกิณหาก็จั้งอยู่แล อันว่าวัตถุทั้งหลายอันเป็น สังขารอันมีปัจจัยทั้งหลายหากตกแต่งแปลงนั้นทั้งมวล น้ำ ขารุทกะ หากมากำจัดหื้อไน่ไป หื้อเสี้ยงไปตราบเท่าอนุธุลีน้อยหนึ่งก็บ่หื้อ หลอสักอันแลน้ำขารุทกะอันนั้นหากเป็นปฏิปักษ์ เป็นข้าศึกแก่ สังขารธรรมทั้งมวล ครั้นว่ากำจัดสังขารธรรมทั้งมวลบ่หื้อเศษหลอ แล้วก็หื้ออันตรธานกลับหายไปด้วยตน ที่นั้นโลกทั้งมวลก็บ่หลอ สักอันแล แม้นว่าอากาศภายบนภายลุ่มก็ลวดลงรอดหากัน หา

52 ผเู้ ฒ่าเล่าไว้ สงั จักก้ังบังบไ่ ด้ เป็นอันมดื นกั แล2 สาวนอ้ ยหนา้ ใสอา้ ปากหาว งว่ งแลว้ งว่ งเต็มทีเ่ ลย ภาษาเก่าแก่ โบราณแสนยาก...แต่...ถงึ จะยากอยา่ งไร วนั หน่ึงเธอตอ้ งรูใ้ ห้ได้ เผื่อบางที เมอ่ื จบช้นั ม.หก เธอเองอาจเรียนตอ่ ทางดา้ นภาษา และวรรณกรรมพน้ื เมอื ง 2คำแปลขอ้ ความในเอกสารโบราณท่อนทย่ี กมาอา้ ง แปลรวมๆ ไดด้ งั นี้ เมอ่ื กปั วนิ าศหรอื ความพนิ าศสญู สน้ิ ไปแหง่ กปั หรอื ชว่ งเวลายาวนานมากทโ่ี ลกดำรง อยเู่ กดิ ขน้ึ เมอ่ื ไร จะเกดิ มหาเมฆขน้ึ กอ่ น มหาเมฆจะกลายเปน็ ฝน แรกๆ จะตกปรอยๆ เหมอื นหมอกในกลางคนื หนาวเย็นแห่งฤดูหนาว แล้วคอ่ ยโตขึ้นตามลำดบั เปน็ ถ่อง แถวตกลงมาจากฟ้าเม็ดละโยชน์สองโยชน์จนเตม็ ท้งั แสนโกฏิจักรวาล ฝนซงึ่ จะทำให้โลกพนิ าศไปน้ีไม่ใช่ฝนธรรมดา แตเ่ ปน็ นำ้ ฝนทเ่ี รียกช่ือวา่ ขารุทกะ เป็นนำ้ ท่ีเค็มยิง่ กว่าฝนปรกติท้ังหลาย แม้แต่แผน่ ดินและดงดอยทั้งหลาย เป็นต้นวา่ เขาพระสเุ มรกุ ด็ ี กจ็ ะถกู นำ้ ขารทุ กะเขา้ กดั ทำลาย จนละลายไปหมดสน้ิ แลว้ ลมอนั มกี ำลงั แรงกล้าก็จะพยงุ นำ้ น้นั ไวท้ ง้ั ขา้ งลา่ งและข้างบน นำ้ ขารทุ กะนน้ั จะทว่ มตง้ั แตใ่ ตพ้ น้ื แผน่ ดนิ ขน้ึ ไปจนถงึ พรหมโลกชน้ั ทตุ ฌิ านภมู ซิ ง่ึ ม ี ดว้ ยกนั สามชน้ั ชน้ั ฟา้ นบั ตง้ั แตช่ น้ั สภุ กณิ หาพรหมลงมานน้ั นำ้ ขารทุ กะอนั เคม็ คลา้ และ เยือกเย็นย่ิงนัก กจ็ ะถอื เอา ท่วมกลบลบมดิ จนทุกส่งิ ทกุ อยา่ งละลายไปหมด อาจารย์เจ้าทั้งหลาย บ้างก็กล่าวว่าน้ำขารุทกะกับน้ำปถวีสันทารุทกะซึ่งเป็นน้ำ พยงุ แผน่ ดนิ เปน็ อนั หนง่ึ อนั เดยี วกนั แตอ่ าจารยท์ า่ นอน่ื กม็ บี า้ งทก่ี ลา่ ววา่ นำ้ ขารทุ กะ ซง่ึ เป็นน้ำที่ทำให้กัปถึงกาลพินาศนั้น เข้ากลบกลืนทำลายน้ำปถวีสันทารุทกะนั้นเสีย แมแ้ ตล่ มทอ่ี มุ้ นำ้ ไวก้ ถ็ กู ทำลายลงไปดว้ ยเชน่ กนั ฝนหรอื มหาเมฆอนั ใหญน่ น้ั มากำจดั โลกทง้ั มวลให้ฉิบหายด้วยประการฉันน้นั อาจารยท์ า่ นอ่นื ทก่ี ลา่ วดังนี้นับวา่ ควรฟัง แทท้ จ่ี รงิ นำ้ ขารทุ กะกำจดั พรหมโลก ๘ ชน้ั พอปรม่ิ ๆ ชน้ั สภุ กณิ หาพรหมกห็ ยดุ อย่ตู รงนั้น บรรดาส่งิ ทมี่ รี ปู ร่างตวั ตนท้ังหลายทีเ่ รียกวา่ สงั ขารนน้ั ต่างถูกน้ำขารุทกะ กำจดั ไปจนสิน้ แม้ฝุ่นเผ้าผงธุลอี นั เล็กมากก็ไม่เหลือหลอ น้ำขารทุ กะเป็นศัตรขู องสิง่ ที่มีรปู ร่างตัวตนทุกชนิด เมื่อกำจัดสังขารทัง้ หลายจนหมดส้นิ แลว้ ก็อันตรธานหายไป โลกจงึ ไมเ่ หลอื อะไรเลย อากาศขา้ งลา่ งขา้ งบนจงึ ทะลถุ งึ กนั เพราะไมม่ อี ะไรกน้ั ไว้ มแี ต ่ ความมดื แผค่ ลุมไปทั่วจกั รวาล

ผเู้ ฒ่าเลา่ ไว้ 53 ส่ี นางในตำนาน

54 ผู้เฒา่ เล่าไว้

ผ้เู ฒ่าเล่าไว้ 55 นางในตำนาน สมยั ก่อน ดอยดงเชอื่ มแดนระหวา่ งเชยี งใหม่กับเชียงรายยังเป็น ป่าดิบดงทบึ ยงั ไม่มถี นนชั้นดี รถราวิ่งได้สะดวกอย่างเดย๋ี วน ้ี ดอยดงที่กั้นแดนระหว่างอำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ กับอำเภอเวยี งปา่ เป้า จงั หวัดเชยี งราย เรียกว่าดอยนางแกว้ ดงดอยไมไ่ ดม้ รี ปู รา่ งอยา่ งนางแกว้ ไมเ่ หมอื นดอยนางนอนทอ่ี ยทู่ าง อำเภอแมจ่ นั -แมส่ าย จงั หวดั เชยี งราย ดอยนางนอนเราเหน็ เปน็ รปู ผหู้ ญงิ นอนหงายชดั เจน มผี มเผา้ ยาวสยายไปทางบนหวั มหี นา้ ผาก มจี มกู ลำคอ ทรวงอก ลำตัว เลยลงไปถึงเท้า สามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากถนน พหลโยธิน ต้งั แต่ราวบ้านแม่คำ อำเภอแม่จนั ข้ึนไป แตห่ ากเข้าใกล้เขต อำเภอแม่สาย จะไม่เห็นเป็นรปู ผู้หญงิ นอนหงายแล้ว เพราะพอเขา้ ใกล ้ ดงดอยจะแยกจากกนั ไม่เหน็ เป็นเทอื กเดยี วกนั เหมอื นมองจากท่ไี กล มองใกล้กบั มองไกล ภาพที่เห็นแตกตา่ งกนั คนบางคนหากอยหู่ า่ งอาจดดู ี แตห่ ากอยชู่ ดิ อาจดนู า่ เกลยี ด ฉะนน้ั จงึ ไมค่ วรดว่ นตดั สนิ ใครวา่ ดหี รอื รา้ ย ควรดใู หแ้ น่ ดใู หน้ านกอ่ นตดั สนิ ใจ “แล้วดอยนางนอนมีตำนานไหมคะ คณุ ตา”

56 ผูเ้ ฒ่าเล่าไว้ “มเี หมอื นกนั แตไ่ มช่ ดั เจนิ ตาของมกุ รนิ ตอบเพอ่ื นของหลานสาว “สมยั ตาเปน็ เดก็ ตาอยทู่ เ่ี มอื งพาน อำเภอพาน จงั หวดั เชยี งรายนะ่ หลาน เรอ่ื งเลา่ ทางเมอื งพานเลา่ วา่ กอ่ นหนา้ นน้ั นานแลว้ จะลว่ งลำ้ เขา้ ไปในอดตี กาล นานเท่าไรไมร่ ู้ เขาเล่าว่านางนอนแต่เดมิ เป็นเจ้านางสบิ สองพนั นา” “สิบสองพันนาอยูไ่ หนคะ คุณตา” เพอื่ นอีกคนของมุกรนิ ถามขึน้ พวกเพือ่ นมาจากอกี โรงเรยี น เปน็ เพื่อนเก่าตั้งแต่เรียนชั้นประถมก็มี เป็นเพื่อนใหม่ซึ่งเพิ่งรู้จักกันวันนี้ก็ม ี เพอ่ื นเก่าของเธอโทร.มาหาแตส่ องสามวนั กอ่ นวา่ จะขอสมั ภาษณค์ ณุ ตา ของเธอไดห้ รอื ไม่ อาจารยว์ ชิ าภมู ปิ ญั ญาพน้ื บา้ นสง่ั ใหท้ ำรายงาน พวกเธอ เลอื กหวั ขอ้ นางในตำนาน อยากขอความร้จู ากคุณตา “สิบสองพนั นาอยูใ่ นมณฑลยนู นาน ประเทศจนี ” ตาตอบ “เป็นมณฑลที่อยู่ทางใต้ที่สุดของจีน มีชายแดนติดกับพม่าและ ลาว ขอบปลายทางใต้สุดของยนู นานก็คือสบิ สองพนั นา เปน็ ที่อยูข่ องช นเผา่ ไทยเรา เรยี กว่าไทยล้ือ” “ไทยลอื้ กบั ไทยเราเหมือนกนั ไหมคะ คุณตา” “เหมอื นบา้ ง แตกตา่ งกนั บา้ ง แตต่ า่ งเปน็ สายเลอื ดไทยอนั เดยี วกนั พูดจายังใชภ้ าษาไทยเหมือนกัน” “ถ้าเราไปคยุ กับเขา เขาจะฟงั ออกไหมคะ คณุ ตา” “ครง้ั หนง่ึ ตาเคยไปทศั นาจรสบิ สองพนั นากบั เพอ่ื นครดู ว้ ยกนั ตาไม่ ไดพ้ ดู ภาษาอน่ื นอกจากคำเมอื งคอื ภาษาไทยลา้ นนาบา้ นเราเขาเองกไ็ มไ่ ด ้ พดู ภาษาอ่ืน นอกจากคำลือ้ หรอื ภาษาไทยล้อื บา้ นเขา สือ่ สารกันรู้เร่ือง หมด แตเ่ พอ่ื นครหู ลายคนใชภ้ าษาไทยกรงุ เทพ พดู กบั เขาไมค่ อ่ ยรเู้ รอ่ื ง” “ทำไมคะ คุณตา” “คำลื้อใกล้เคียงกับคำเมืองมากกว่าคำไทยกลาง ข้อสำคัญคน

ผู้เฒ่าเล่าไว้ 57 ไทยกลางชอบพูดคำไทย ปนฝรั่ง อย่างคำว่าฟรี เบรก เคลียร์ โอเค เครคติ ...อะไรอยา่ งน.้ี ..คนลอ้ื เขาฟงั ไมร่ เู้ รอ่ื ง อยา่ งคำวา่ กนิ ขา้ ว คนเมอื ง กับคนล้ือพดู เหมอื นกันคือกินขา้ ว แต่ไทยกลางพูดวา่ ทานข้าว เขาจะงง เพราะทานของเขาไมไ่ ดแ้ ปลวา่ กนิ แตแ่ ปลวา่ ใหท้ านหรอื ทำบญุ ทำทาน” “คุณตาครับ” หนุ่มหนึ่งในกลุ่มเพื่อนของมุกรินพูดขึ้น “แล้ว คำว่าทานข้าวในภาษาไทยกลางมาจากไหนครับ ทำไมทานข้าวหรือ ทานอาหารของไทยกลางจึงกระโดดออกไปจากกลุ่มไทยๆ ด้วยกันเอง คุณตาอธิบายหน่อยได้ไหมครับ” “เปน็ คำถามทด่ี ”ิี ตาของเธอกลา่ วชม เลน่ เอาคนทถ่ี ามหนา้ บาน “คำว่าทานข้าวหรือทานอาหารมาจากคำว่ารับประทานข้าวหรือ รบั ประทานอาหาร คำเตม็ ๆ ของทานคอื รบั ประทาน แปลวา่ รบั เอามาจาก การใหข้ องผมู้ อี ำนาจ เพราะฉะนน้ั ความหมายลกึ ๆ ของคำวา่ ทานขา้ วหรอื ทานอาหาร จงึ หมายถงึ ขา้ วหรอื อาหารทไ่ี ดร้ บั มาจากการใหข้ องผมู้ อี ำนาจ ไมไ่ ดห้ มายถงึ การเอาขา้ วหรอื อาหารใสป่ ากแลว้ เคย้ี ว แลว้ กลนื ลงทอ้ งตรงๆ” “ผู้มอี ำนาจคอื ใครครบั คุณตา หมายถงึ พระเจ้าไดไ้ หม อยา่ งชาว ครสิ ต์เขาถอื ว่าอาหารทเี่ รากิน ได้มาจากพระเจ้าประทานให”้ “เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของไทยเราเป็นชาวพุทธ ความคิดที่ครอบงำ สังคมคือความคดิ แบบพุทธ ศาสนาพุทธไมม่ พี ระเจ้า เพราะฉะนน้ั ผมู้ ี อำนาจที่ประทานข้าวให้รับประทานจึงไม่น่าจะใช่พระเจ้าหรือพระผู้ เป็นเจ้า แต่น่าจะหมายถึงผู้มีอำนาจที่เป็นคนมากกว่า ได้แก่เจ้าฟ้า เจ้าแผน่ ดิน หรือเจ้าขุนมลู นายหรอื นายทาสิ “แลว้ ความคิดเกีย่ วกับพระเจา้ มีไหมครับ ในสังคมไทย” “ไมช่ ัดเจนนะ อาจจะมี มอี ยกู่ ่อนที่ความคดิ แบบพุทธจะครอบงำ สังคมไทย แต่เราคลำหาร่องรอยความคิดเกี่ยวกับพระเจ้าในสังคมไทย

58 ผเู้ ฒ่าเล่าไว้ ยากมาก ถ้าเปน็ ความคิดเร่อื งผีจะชดั เจนกว่า แต่ผีแบบไทยกับพระเจา้ แบบคริสต์ก็แตกต่างกัน เพราะพอเอ่ยคำว่าผี คนจะคิดไปในทางเลว แต่พอเอ่ยคำว่าพระเจ้า คนจะคิดไปในทางดี ที่จริงผีมีทั้งดีและเลว แตค่ นไทยท่ัวไปจะคดิ ถึงผแี ต่ในทางชั่วร้ายอย่างเดยี ว” “ไปไกลแล้วเธอ” เพ่ือนอีกคนติงขึ้น “กลับมาที่ดอยนางนอนกันเถอะ คุณตาคะ แล้วทำไมเจ้านาง จากสิบสองพันนาจึงมานอนหงายกลายเป็นดอยนางนอนอยู่ระหว่าง แมจ่ ันกับแม่สายล่ะคะ” ลมพดั เบาๆ ใบลำไยร่วงลงกรอบแกรบ ตงั่ กว้างใต้รม่ ลำไยปูสาด แหย่งหรือเสื่อที่สานจากต้นแหย่งไว้เต็มหน้าตั่ง นั่งได้เป็นสิบก็ไม่หัก หรอื ล้ม แต่สายวันน้ีมีคนนัง่ แค่หกเจด็ คนเท่าน้ันเอง ทีท่ างจึงเหลอื พอ ที่จะขยับแขนขาไดส้ บายๆ โดยไม่ต้องพะวงว่าจะไปกระทบคนอ่นื “เรอ่ื งมนั เปน็ มาอย่างน้ี...” ซอมพอนอ้ ยออกดอกสสี วย เปน็ สบี านเยน็ โดยรวมๆ แตห่ ากมอง อย่างแยกแยะ มองโดยละเอียด จะเห็นว่าซอมพอน้อยดอกเดียวมี

ผู้เฒ่าเล่าไว้ 59 หลายสี ทั้งสีบานเย็น สีแดงและสีเหลือง ซอมพอน้อยโยกยอดบาน สะพรึบสะพรั่งมาแต่ต้นฤดูฝน ตอนนี้ดอกดวงดกระดะเริ่มวายลงบ้าง อกี ไมน่ านฤดฝู นจะจากไป ฤดหู นาวจะมา พอถงึ หนา้ หนาว ซอมพอนอ้ ย จะหายหน้า แต่พอถึงฝนหน้า ก็จะกลับมาสร้างความรื่นรมย์ใจให้เรา ไดช้ น่ื ชมในความงามอีกครงั้ “เจา้ นางน้อยสิบสองพนั นาอยใู่ นหอคำเชียงรุ่ง...” ตาเริ่มตน้ ตาเล่าว่าเจา้ นางหรอื เจา้ หญิงแหง่ เมืองเชยี งรุ่ง แคว้น สบิ สองพนั นาคนนเ้ี ปน็ สาวสวย ออ้ นแอน้ บอบบาง เจา้ นางกบั มหาดเลก็ คนหนึ่งในหอคำของเจ้าพ่อแอบรักใคร่ชอบพอกัน โดยที่เจ้าพ่อกับ เจ้าแม่ไม่รู้ อยู่มาวันหนึ่ง ก็มีท้องตราจากเจ้าหอคำเมืองว้องให้ส่งตัว เจ้านางไปเป็นบาทบริจาริกา “เมืองว้องอยทู่ ีไ่ หนครับตา” “คำว่าเมืองว้อง ในสำนวนไทยลื้อ ไทยเขิน และไทยล้านนา ทว่ั ไปหมายถงึ ประเทศจนี แตค่ ำวา่ หอคำเมอื งวอ้ งในตำนานดอยนางนอน คงไมไ่ ดห้ มายถงึ ฮอ่ งเตแ้ หง่ ราชอาณาจกั รจนี ทเ่ี มอื งปกั กง่ิ แตค่ งหมายถงึ ขนุ นางผใู้ หญท่ จ่ี กั รพรรดสิ ง่ มาปกครองมณฑลยนู นาน คำวา่ หอคำโดยทว่ั ไป หมายถงึ ปราสาทหรือราชวงั แต่บางทีก็หมายถงึ ระบบการปกครอง เช่น หอคำอังวะ หมายถึงการปกครองของพม่าสมัยที่อังวะเป็นเมืองหลวง หอคำหงสาหมายถึงการปกครองของพม่าสมัยที่หงสาวดีเป็นเมืองหลวง หอคำเชยี งใหมห่ มายถงึ การปกครองทม่ี เี ชยี งใหมเ่ ปน็ ศนู ยก์ ลาง คำวา่ หอคำ เราตอ้ งดใู หด้ ี ว่าหมายถึงปราสาทราชวงั หรอื หมายถึงการปกครอง” “บาทบรจิ าริกาล่ะคะ ตาคะ” “แปลตามตัววา่ หญิงรบั ใช้ใกลช้ ดิ ผู้นัง่ อยู่แทบเท้า แปลรวมๆ ว่า นางบำเรอ”

60 ผู้เฒ่าเลา่ ไว้ “หมายความว่า ขุนนางจีนผู้ใหญ่ที่ปกครองมณฑลยูนนานสั่งให ้ สง่ ตวั เจา้ นางนอ้ ยไปเปน็ นางบำเรอง้ันหรอื คะ” “ใช่แลว้ ” “น่าสงสารเจ้านาง” “ในอดีต มีผู้หญิงหลายต่อหลายคนที่เกิดมาแล้วต้องแบกรับ หน้าที่หลายอย่าง ไม่ได้เกิดมาเพื่อจะกิน จะเล่น จะเที่ยวอย่างเดียว โดยเฉพาะเจา้ หญงิ เจา้ นางอนั เปน็ นางในตำนานท้งั หลาย อย่างเจา้ นาง ศรีอโนชาแห่งเชียงใหม่ ก็ต้องไปเป็นชายาของกรมพระราชวังบวรฯ สมัยต้นรัตนโกสินทร์ อย่างพระนางเจ้าวิสุทธิเทวีเมื่อปลายราชวงศ์ มังราย ก็ต้องยอมเป็นบาทบำเรอของบุเรงนองกษัตริย์พม่า เอาง่ายๆ ใกล้ตัวเราที่สุด พระราชชายาเธอ เจ้าดารารัศมีต้องถวายตัวต่อ กรงุ เทพฯแต่เม่ืออายไุ ดส้ ิบเอด็ ขวบ สรปุ แล้ว เจ้าหญิงเจา้ นางทั้งหลาย ไมไ่ ดเ้ กดิ มาอิสระ แตเ่ กดิ มาเพอ่ื ทำหน้าที่ิ “คือต้องไปเปน็ นางบำเรอผู้มอี ำนาจ” “กไ็ มถ่ งึ ขนาดนน้ั ทกุ คน บางคนกไ็ ดเ้ ปน็ เทวี มหาเทวี เทวคี อื ราชนิ ี ส่วนมหาเทวีคือพระมารดาของกษัตริย์ อย่างมหาเทวีแม่ของพญาแสน เมอื งมา กษตั รยิ ์ผู้สร้างองค์พระเจดียห์ ลวงกลางเมืองเชียงใหม่ นางกเ็ ปน็

ผู้เฒ่าเล่าไว้ 61 ธดิ าของเจา้ เมอื งเชยี งของ ถกู ถวายตวั มารบั ใชพ้ ญากอื นาแหง่ เมอื งเชยี งใหม ่ ในตำแหนง่ นางนง่ั แทน่ หรือนางนง่ั ชา้ ง หมายถึงเปน็ ราชินี นางจะรกั พญากอื นาหรอื ไม่ ไมใ่ ชป่ ระเดน็ แตเ่ มอ่ื เจา้ ชายแสนเมอื งมาไดค้ รองเมอื ง นางก็ถกู ยกขึ้นเปน็ มหาเทวี สรปุ แล้วก็คอื เจ้าหญงิ เจา้ นางแห่งแคว้นเล็ก แควน้ นอ้ ยทง้ั หลายต่างมีหน้าทที่ ีต่ อ้ งทำหน้าทส่ี ำคญั กวา่ ความรกั ” “เจ้านางน้อยสิบสองพันนาเลยต้องพลัดพรากจากคนรัก ไปเป็น หญิงบำเรอของเจ้าหอคำเมืองว้อง ใชไ่ หมคะตา” “ควรจะเป็นอย่างนั้น แต่บังเอิญว่าเจ้านางน้อยเห็นแก่ความรัก สว่ นตวั มากกวา่ หน้าท่ที ี่ จะตอ้ งทำตอ่ บา้ นเมือง เจา้ นางนอ้ ยแหง่ หอคำ เชียงร่งุ จึงหนีไปกบั มหาดเลก็ คนน้นั หนไี ปไหน หนลี งใต้ คือม่งุ ตรงมา ยงั เชยี งใหมเ่ มอื งเรา ครง้ั กระนน้ั นพบรุ ศี รนี ครพงิ คเ์ ชยี งใหมย่ งั เปน็ เมอื ง หลวงของอาณาจักรล้านนา ยังไม่ใช่จังหวัดหนึ่งในประเทศไทยเหมือน เดยี๋ วน้ี เป็นอาณาจักรอิสระ ไม่ได้อยใู่ ตอ้ ำนาจการปกครองของใคร” “หนรี อดไหมคะตา” “รอด แตไ่ มร่ อด” “หมายความวา่ ไงคะ” นกเขาขันคูจากทางท้ายสวน บ้านเราเป็นบ้านสวนแต่อยู่ติด ทุง่ นา ยามสายๆ ฟ้าแจ้งแดดแจ่ม นกเขาจะขับขานวา่ จู้ฮกุ กรู จู้ฮกุ กร.ู .. หรือบางตัวก็ขันว่า กุ๊กกู้กุ๊ก... หมู่บ้านสงบสงัดมาก ไม่ค่อยมีเสียง เพลงหนวกหู ไม่ค่อยมีใครเปิดทีวีเสียงดังลั่นบ้าน หากเป็นหน้าหนาว สายๆ ขนาดนบ้ี างทยี งั มหี มอกพราง หมอกพรา่ งๆ เปน็ เงาพรางๆ มอง อะไรไมค่ อ่ ยชัด ดมู เี สน่หใ์ นความไมค่ อ่ ยชัด

62 ผู้เฒ่าเล่าไว้ “เจ้านางน้อยกับหนุ่มน้อยหน้ามนดั้นด้นกันมาไกล หนีอำนาจ อาชญาของเจา้ พอ่ เจา้ พอ่ เองกใ็ ชว่ า่ จะใจจดื ใจดำไมร่ กั ลกู แตค่ วามจำเปน็ บีบบังคับ หากไม่ส่งตัวเจ้านางน้อยเอวอ่อนอ้อนแอ้นไปรับราชการ เป็นบาทบำเรอผู้มีอำนาจเหนือกว่าก็จะมีความผิด เจ้าหอคำเมืองว้อง อาจลงโทษ อาจกลั่นแกล้ง อาจรีดนาทาเร้นเอาภาษีหนักขึ้นกว่าเดิม ชาวบ้านชาวเมืองก็จะทุกข์ยากลำบากย่งิ กว่าเดิม เจ้าพ่อส่งคนติดตามค้นหา มหาดเล็กจึงพาเจ้านางดั้นด้นเข้าป่า เขา้ ดง... แรมรอนนอนหนาว เดอื นดาวตา่ งไต้ ถกึ เถอ่ื นแทนเรอื นผอ่ นพกั น้ำค้างน้ำเหมย แทนผ้าห่มรัด หนุนหมอนรากไม้ยามนอน...เจ้านาง ใจเด็ดนัก เจ้าหนมุ่ หน้ามนก็ยอดชายคนหน่งึ พาเจ้านางดนั้ ด้นเล็ดลอด จนรอด...คือรอดพ้นจากขอบเขตอำนาจของเจ้าพ่อแห่งหอคำสิบสอง พนั นามาได้ เจา้ พอ่ เองกแ็ อบสบายใจ ลกู หนพี น้ ดนิ แดนของพอ่ ไปตกอยู่ ในดินแดนผู้อื่น อย่างน้อยพ่อก็มีคำอธิบายต่อเจ้าหอคำเมืองว้อง

ผูเ้ ฒา่ เลา่ ไว้ 63 ว่าได้ติดตามสุดความสามารถแล้ว แต่ยังตามไม่ทัน วันเวลาข้างหน้า จะได้สง่ ท้องตราขอความรว่ มมอื จากเจา้ หอคำเชียงใหม่คน้ หาต่อไป” “แลว้ ท่วี ่าไม่รอด มันยังไงครบั คุณตา” “ที่ว่าไม่รอดก็คือทั้งคู่เป็นผัวเมียแก่กัน ซุกซ่อนอาศัยในป่าในดง วนั หนง่ึ เจา้ นางนอ้ ยลม้ ปว่ ย เจา้ หนมุ่ ออกไปเสาะหายา แตห่ ายไปนาน... นานมาก เจา้ นางนอนคอยผวั รัก สองวนั สามวันสีห่ ้าวนั ผา่ นไป ผวั รกั คงทนความทกุ ขย์ ากตรากตรำในปา่ ในดงไมไ่ หว คงหนกี ลบั ไปสบิ สองพนั นาเสียแล้ว เจ้านางก็เลยน้อยใจ ก็เลยตั้งใจว่าตราบใดผัวรักไม่กลับ คืนมา นางจะไม่ลุกอีกเลย...อันนี้ล่ะไม่รอด คือไม่สามารถกินดอง ครองรักจนแก่จนเฒ่า มีเวลาได้ชื่นชมสมรักนิดเดียว แต่พลัดพราก จากกันยาวนาน ทกุ ข์ทรมานยาวนานกระท่งั ทุกวนั น้ิี “เจ้าหนุ่มทรยศต่อรกั หนีกลบั สิบสองพนั นาหรือคะ คุณตา” “ไม่ใช่อย่างนั้น เจ้าหนุ่มเองก็สัตย์ซื่อถือมั่นในความรักไม่ได้หนี กลับ แต่ไปตกตาย...อันนีต้ ำนานเล่าวา่ เป็นเพราะคำสาปแชง่ ของผปี ู่ยา่ บรรพบรุ ษุ ทางฝา่ ยหอคำเชยี งรงุ่ เจา้ ปเู่ จา้ ทวดเจา้ เทยี ดทเ่ี ปน็ เจา้ ปกครอง สิบสองพันนา ได้สาปแช่งไว้ว่าลูกหลานคนใดทำให้บ้านเมืองเดือดร้อน จงฉบิ หาย เจา้ นางต้องคำสาปอนั นน้ั เจา้ หนุ่มกต็ ้องคำสาปอันเดียวกัน เจ้านางล้มปว่ ย เจา้ หนุ่มออกไปหายา แต่วา่ ไปถูกงกู ัดตาย ฝา่ ยเจา้ นาง ก็ตรอมใจตาย กลายเปน็ ดอยนางนอน รอผวั รกั กลบั มากระทง่ั วนั น้ี” “แล้วดอยนางแก้วละ่ ตา” มุกรินติงบ้าง เห็นเพื่อนๆ ซึมกันไปกับวาสนาและชะตาอัน อาภัพของเจ้านางน้อยสิบสอง พันนา ก็ไม่อยากให้เพื่อนๆ จมอยู่ใน อารมณ์หมน่ หมองนานนัก

64 ผ้เู ฒ่าเล่าไว้ ดอยนางแก้วเป็นชื่อเรียกในท้องถิ่น ศัพท์ทางวิชาภูมิศาสตร์ เรียกว่าสันเขาผีปันน้ำ เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำสองสาย สายหนึ่ง ชื่อว่าแม่ลาว ไหลไปทางอำเภอเวียงป่าเป้า อำเภอแม่สรวย อำเภอ แม่ลาวจังหวดั เชียงราย ไปรวมกบั แมก่ กหรือแม่นำ้ กก แลว้ จึงไปรวมกบั แม่ของหรือแม่น้ำโขง ไหลออกทะเลทางปลายประเทศเวียดนาม ส่วน แม่น้ำอีกสายชื่อว่าแม่กวง ไหลลงมาทางอำเภอดอยสะเก็ด อำเภอ สนั ทรายจงั หวดั เชยี งใหม่ ไปสบกบั แมน่ ำ้ ปงิ ในเขตจงั หวดั ลำพนู แมป่ งิ ไห

ผู้เฒา่ เล่าไว้ 65 ลลอ่ งไปแลว้ ไปรวมกบั แมน่ ำ้ วงั แมน่ ำ้ ยม แมน่ ำ้ นา่ นทจ่ี งั หวดั นครสวรรค์ กลายเปน็ แมน่ ำ้ เจ้าพระยา ออกทะเลทีอ่ า่ วไทย ดอยนางแก้วแต่ก่อนเป็นป่าดงกว้างใหญ่ มากมีด้วยตำนาน และเรื่องเล่าลี้ลับเกี่ยวกับผีสางและอำนาจที่คนทั่วไปอธิบายไม่ถูก ชาวบ้านในแวดวงขงแขวงของดอยนางแก้วเล่าถึงผีโพงดงหรือ ผีหัวไฟ ผีโพงดงแตกต่างจากผีสือผีโพงที่ชอบลงกินเขียดน้อยในยามหน้าฝน ผสี ือผโี พงมกั อยใู่ นหมบู่ า้ น ออกลา่ หากินกบเขียดและเสลดนำ้ ลาย และ

66 ผู้เฒ่าเลา่ ไว้ มูกเลือดของเสียจากร่างกายคน คนเฒ่าแต่ก่อนจึงมักสั่งสอนว่าอย่า ขากเสลด ถ่มน้ำลายหรือสั่งน้ำมูกเรี่ยรายเลอะเทอะ ผีสือผีโพงจะมา เกบ็ กิน แล้วเราจะเจ็บปว่ ย ผสี ือเป็นผเี พศหญิง ผโี พงเปน็ ผเี พศชาย ไม่ใช่ผที เี่ กิดจากคนตาย แต่เป็นผีที่สิงอยู่ในร่างของคนเป็นๆ ผู้แก่ผู้เฒ่าเล่าว่าผีสือผีโพงเป็นผ ี ที่อาภัพ อย่าไปยุ่มย่ามตอแยพวกเขา หากรู้หากเห็นว่าใครเป็นผีสือ ผีโพงก็ให้เฉยๆ อย่าแสดงตัวว่ารู้ อายุพวกเขาจะสั้น จะต้องตกตาย ก่อนวัยอันควร จะทิ้งให้ลูก ผัว หรือเมีย หรือผู้อยู่ข้างหลังทุกข์ยาก ลำบาก ปรกติผีสือผีโพงจะไม่ทำอะไรใคร แต่หากพวกเขาโกรธ เขาจะ อ้างสิทธิบางอย่าง หรือคุณสมบัติพิเศษบางอย่างของผีสือผีโพง เสก ก้านกล้วยหรือไม้คานมาพ่งุ ข้ามหลังคาบา้ นเรา แล้วพวกเราที่อยูใ่ นบา้ น หลังน้นั จะออดแอดป่วยไข้ แลว้ คอ่ ยทยอยลม้ ตายไป ผีสือผีโพงไม่ใช่ผัวเมียกัน ผีสืออาจมีผัวเป็นคนปรกติ ผีโพง ก็อาจมีเมียเป็นคนปรกติ แต่เมียผีโพงอาจไม่รู้ว่าผัวเป็นผี ส่วนผัวผีสือ ก็อาจไม่รู้ว่าเมียเป็นผี ยังอยู่ดีมีสุข กินดองครองร่วมกันด้วยดี แต่ว่า เวลาค่ำคืนดื่นดึกคนหลับคนนอนหมดแล้ว ผีสือผีโพงจะออกไปหากิน จะมีไฟลุกเรืองที่จมูก ผีสือจะมีไฟเขียว ผีโพงจะมีไฟแดงสังเกตได้ ง่าย ทๆี่ ผสี อื ผีโพงชอบไปหากนิ คอื ทล่ี ่มุ ช้นื แฉะ อยา่ งเชน่ ทุ่งนา ป่าชา้ หรอื ใต้ถุนชานเรอื น คนแต่กอ่ นอยเู่ รอื นไม้ใตถ้ ุนสูง ตรงชานจะมนี ้ำกนิ นำ้ ใช้ เวลาใช้น้ำ น้ำจะตกลงไปขังเป็นแอง่ อยู่ใตถ้ ุนชาน หากหมกั หมม มากๆ เข้าจะกลายเป็นน้ำเน่ามีหนอนน้ำครำ เป็นหนอนตัวอ้วนๆ มีหางยาวๆ ผีสือผีโพงชอบมาหากิน คนแต่ก่อนจึงสอนกันให้ดูแลเอา ใจใส่แอ่งน้ำขังใต้ถุนชาน ให้หมั่นเอาทรายมาถมหรือเอาขี้เถ้าโรย แต่พอเราถม พวกเป็ดไก่ก็ชอบมาคุ้ยเขี่ยทำให้เสียหาย แล้วจะกลาย

ผ้เู ฒ่าเลา่ ไว้ 67 เป็นแอง่ นำ้ เนา่ อกี วนั ดคี ืนดี ก็จะมดี วงไฟเขยี วๆ แดงๆ ลอยวบู วาบ อยใู่ ตถ้ นุ ทำให้เราไม่กล้าลงเรอื นไปปลดหนกั ปลดเบาในยามค่ำคนื อาหารที่พวกผีสือผีโพงชอบที่สุดคือกบเขียด มันไม่ได้กินทั้งตัว ไมไ่ ดจ้ บั เขยี ดยดั ใสป่ ากแลว้ เคย้ี วกรว้ มๆ แตม่ นั จะจบู กนิ เฉพาะเมอื กคาว ทห่ี วั กบเขยี ด พอหมดเมอื กคาว เจา้ พวกทช่ี อบรอ้ งอบ๊ ๆ หรอื รอ้ งแอบ๊ ๆ ก็จะตาย ตัวเหยียดยาวแบแต๋ในท่ายกมือยอมแพ้ พ่อแก่แม่เฒ่าจะ หา้ มเราวา่ อย่าเอากบตายเขียดตายมากนิ เพราะมนั เป็นซากผสี ือผโี พง ผีสือผีโพงหากบังเอิญไปพบคน มันจะอ้อนวอนร้องขอว่าอย่า บอกใครเด็ดขาด หากคนอื่นรู้ มันต้องตาย หากเรารับปาก มันจะให ้ ข้าวของที่เกิดจากอำนาจผีเป็นรางวัล แต่หากเราไม่รับปาก หรือรับ แล้วแต่ยังปากโป้ง มันจะเสกก้านกล้วยพุ่งข้ามหลังคาเรือนเรา อย่างทเ่ี ล่ามาแล้ว แล้วพวกเราก็จะทยอยตายไปทีละคน “แล้วผีโพงดงหรอื ผีหวั ไฟล่ะคะ คุณตา” เพ่ือนของมกุ รนิ คนหนึ่ง ถามแทรกขน้ึ “ทว่ี า่ มอี ยแู่ ถวดอยนางแกว้ รปู รา่ งหนา้ ตามนั เปน็ อยา่ งไร” “ตาไมแ่ น่ใจ ไมเ่ คยสอบถามสักทวี ่ารปู ร่างหน้าตามันเป็นอยา่ งไร รู้กันแต่ว่าผีโพงดงอยู่แถวดอยนางแก้ว เป็นผีป่า อยู่ในป่า ไม่ใช่ผีชั่ว ผีเลวอะไร เขาหากินซากเน่าของเหม็นไปตามประสาเขา ตัวไม่โตนัก ขนาดคนทั่วไป แต่จะดำทั้งเนื้อทั้งตัว เวลาไปไหน จะมีสะเก็ดไฟร่วง ออกจากหัว เรยี กว่าผีโพงดง หรอื ผีหวั ไฟ” “ดุไหมตา” “โดยทั่วไป ผีไม่อยากวอแวข้องแวะกับคนหรอก คนกลัวผ ี ผีก็กลวั คน ใครกลวั ผกี ็จำอันน้ีไวเ้ ถอะหลาน คนดีผีกลัว คนชั่วกลวั ผี ผีโพงดงไม่ใช่ผีดุร้ายอย่างผีกะ ผีพราย หนูอย่าเพิ่งถามเลยเรื่องผี จะ ทำรายงานเรือ่ งนางในตำนานไม่ใชห่ รือ หรือจะเปลีย่ นใจมาทำเรื่องผีิ

68 ผ้เู ฒ่าเล่าไว้ “เร่ืองผมี คี นทำแล้วคะ่ คุณตา” “นางแก้วก็เป็นนางในตำนานผู้หนึ่ง เป็นคนอาภัพรักเหมือนเจ้า นางน้อยที่กลายเป็นดอย นางนอน นางแก้วเองก็กลายเป็นดอย แต ่ เรียกชื่อว่าดอยนางแก้ว ขอโทษนะหลานๆ ไม่ใช่ตาหยาบคาย แต่คำ พื้นบ้านจริงๆ ไม่ได้เรียกนางแก้วเฉยๆ แต่เรียกว่านางแก้วห...หลวง แต่ก่อนแต่เดิมมา ผู้ชายคนใดหากมีความจำเป็นต้องผ่านดอยนางแก้ว ผู้ชายคนนั้นจะต้องสร้างลึงค์อันใหญ่สังเวยนางแก้วเสียก่อนถึงจะ ผ่านได้ ยงิ่ ใหญน่ างยิง่ ชอบ เพราะนางเปน็ นางแก้วห...หลวง แตห่ ากใคร ไมส่ รา้ ง หรอื ลบหลดู่ แู คลนนาง จะตอ้ งประสบเหตเุ ภทภยั นน่ั ๆ นๆ่ี อยเู่ สมอ เชน่ เจบ็ ปว่ ย เปน็ ไข้ สญู เสยี ขา้ วของเงินทอง หรอื กระทั่งเสยี ชวี ิต“ “เพราะอะไรคะ คุณตา” “เพราะนางแก้วเกลียดชังผู้ชาย ก่อนตายนางสาบานไว้ว่าจะกิน ผชู้ ายทกุ คนทีเ่ ขา้ มาใกล้นาง” “ทำไมนางแกว้ ถงึ เกลยี ดชังผูช้ าย” “หลานลองฟงั เอาเองดีกวา่ ตาจะเลา่ ใหฟ้ ัง” นานเนิ่นนาน นานมาก สมัยที่คนตัวโตสูงใหญ่กว่าปัจจุบันนี ้ มาก ยงั มีนางผหู้ นงึ่ เป็นใหญก่ ว่านางภูตนางพรายทง้ั หลาย ผสี างนางไม้ ใดๆ ตา่ งยอมยกใหน้ างเป็นใหญ่ ช่อื ว่านางแก้วห...หลวง นางปกครอง พ้นื ทบ่ี รเิ วณท่ีเปน็ ดอยนางแก้วในปจั จบุ นั น้ี นางแก้วเป็นสาว ฐานะอันสูงส่งของนางทำให้ไม่มีภูตชายคนใด กล้าคบหาเข้าใกล้ แม้นางจะมีบริวารมากมาย แต่บริวารที่เป็นผีสาง นางไม้ต่างล้วนแต่เป็นหญิงด้วยกันทั้งนั้น นางโดดเดี่ยวเดียวดาย นางวา้ เหว่ คนื เดอื นดบั เดอื นเพญ็ นางมกั ออกไปนง่ั ขบั นง่ั เออ้ื นบอกกลา่ ว

ผเู้ ฒ่าเล่าไว้ 69 ความในใจแกภ่ ตู ผเี ทวดาทง้ั หลาย กระทง่ั อยมู่ าคนื หนง่ึ เปน็ คนื เดอื นเพญ็ แสงจันทร์กระจ่าง นางออกไปนั่งเหนือชานผาแล้วขับเอื้อนเลื่อนลอย เสียงร้องของนางลอยลมไปไกล เสียงร้องของนางแม้ไพเราะแต่กลับ เยอื กเยน็ จับใจ เพราะไม่ใช่เสียงของคน แต่เป็นเสยี งของภูต “นางเป็นพวกภูตผีหรอื คะ คุณตา” “ตัวเรื่องจริงๆ ไม่ได้ระบุไว้ชัดเจน แต่ตาว่าน่าจะเป็นภูต หรือ เป็นพราย หรือเป็นมนุษย์ต้นกำเนิดที่รูปร่างใหญ่โตเอามากๆ อย่างปู่ สังกัสสา กับยา่ สงั กัสสีที่เป็นมนุษยช์ ายหญงิ คู่แรกของโลก” “คุณตาครับ” หนุ่มน้อยคนเดียวในกลุ่มแย้งขึ้น “มนุษย์คู่แรก ของโลกไมใ่ ชอ่ าดัมกับอีวาหรอื ครบั ” “นั่นมันตำนานทางศาสนาคริสต์ของฝรั่งเขา แต่ตำนานของหมู ่ เฮาคนเมอื ง มนุษยช์ ายหญิงคู่แรกคือปสู่ งกสั สา ย่าสงั กัสสี บางทกี เ็ รียก ว่าปู่ส่างสา ย่าส่างไส้ เรื่องนี้มีอยู่ในธรรมเทศนาเรื่องปฐมมูลมูลี หากเล่าแล้วมันจะยาว เอาทิ้งไว้ก่อน มาว่าถึงเรื่องนางแก้วกันก่อน ทตี่ าว่านางนา่ จะเปน็ ภตู ก็เพราะตัวนางโตมาก โตพอๆ กบั ปู่อา้ ยฟ้างม้ ท่เี ป็นคนรกั ของนาง” “ช่อื แปลกดีนะคะคุณตา ปูอ่ า้ ยฟ้าง้ม” “ชื่อว่าปู่อ้ายฟ้าง้มเพราะตัวสูงมาก สูงเทียมฟ้าเวลาเดินหัวจะ ทะลุฟ้า ต้องง้มหวั ลงมา จึงไดช้ ่อื ว่าปอู่ ้ายฟา้ งม้ ...” ...ดึกดื่นคืนนั้นเสียงเพลงของนางแก้วล่องลอยไปถึงปู่อ้ายฟ้าง้ม ปู่อ้ายก็ตามเสียงเพลงมาจนพบนาง นางเองแม้พอใจที่มีชายหนุ่มมา ชอบ แตน่ างเปน็ ถงึ หวั หนา้ หมภู่ ตู พรายทง้ั หลาย นางจงึ ประลองฤทธเ์ิ ดช กับปู่อ้ายฟ้าง้มจนฟ้าสนั่นดินสะเทือน หลานลองคิดถึงผู้ชายผู้หญิง ตัวโตสูงใหญ่ สูงเยี่ยมเทียมฟ้าสองคนประลองฤทธิ์กัน มันจะอึกทึก

70 ผู้เฒ่าเลา่ ไว้ ครึกโครมสกั แคไ่ หน กระท่ังนางพอใจ นางจงึ มอบใจมอบกายต่อป่อู า้ ย ฟ้าง้ม แต่ปู่อ้ายไม่ใช่คนโสด มีเมียอยู่แล้วแถวๆ ทิศใต้ทางลุ่มน้ำปิง ปู่อ้ายฟ้าง้มนี้บางถิ่นบางที่ก็เรียกปู่อ้ายท้ายลึก บางถิ่นบางที่ก็เรียกว่า ปูล่ ะหง่ึ อยมู่ าวนั หน่งึ ป่อู า้ ยฟา้ งม้ กจ็ ากนางไป นางเจบ็ ใจ แคน้ ใจมาก นางตรอมใจจนตาย ก่อนตายนางกล่าวคำอาฆาตไว้ว่าถ้าผู้ชายผ่านมา ใกล้มือ นางจะจบั กนิ ทกุ คน พอตายก็กลายเปน็ ดอยนางแกว้ อย่รู ะหวา่ ง ดอยสะเกด็ กบั เวยี งปา่ เปา้ อยา่ งทต่ี าเลา่ ไปแลว้ สมยั ทต่ี ายงั หนมุ่ ๆ อยู่ ยงั มี ศาลนางแกว้ อยเู่ ลย หนา้ ศาลจะมลี งึ คไ์ มใ้ หญๆ่ โตๆ เกลอ่ื นกลาดไปหมด ผชู้ ายทง้ั หลายเขาสรา้ งถวายนางแกว้ หากใครไมส่ รา้ งจะถกู นางแกว้ จบั กนิ ” “แลว้ ผชู้ ายทง้ั หลายเขารไู้ ดอ้ ยา่ งไรครบั คณุ ตา วา่ ถา้ สรา้ งลงึ คแ์ ลว้ นางแกว้ ไม่จับกิน” “เพราะปูอ่ า้ ยฟา้ งม้ มาบอก ปู่อ้ายกลัวว่าผูช้ ายจะฉิบหาย จึงมา ดลใจบอกคนผา่ นทางว่าให้สรา้ งลงึ ค์ถวาย แล้วจะปลอดภัย” “ทำไมป่อู า้ ยฟ้าง้มไมก่ ลบั มาหานางแกว้ ล่ะคุณตา” “ตวั เร่อื งไมไ่ ด้บอกไว้” “ยงั มีอีกไหมคะคุณตา เร่อื งนางในตำนาน” “มี เอาอีกสักคนพอได้ เป็นนางจริงๆ เป็นคน เหมือนจะมี ตัวตนอยู่จริงๆ ในประวตั ิศาสตร์เชียงใหม่ ช่อื ว่านางทา้ วเออื้ ยหอขวาง เปน็ นางอาภพั รกั อีกคน เอาไหม” “เอาคะ่ เอา คณุ ตาเล่าสิคะ เลา่ เลย” “เรื่องนี้มีอยู่ในตำนานพระแก้วขาวหรือพระเสตังคมณีที่วัด เชยี งมน่ั มกุ รินติ าหนั มาหาเธอ “ตาต้องไปหาท่านพระครูแล้ว ท่านนัดไว้แต่สิบโมง หนูไปหยิบ มาซิ ตาถอดออกจากตวั เมืองมาแล้ว อยู่บนโต๊ะทำงานของตา”

ผเู้ ฒ่าเล่าไว้ 71 ตาไมเ่ ลา่ จนจบหมดเชน่ เคย ตาจะเหลอื บางสว่ นใหค้ นฟงั ไปคน้ หา หรืออา่ นเอาเอง มุกรนิ เองอา่ นเกง่ อา่ นคล่อง ส่วนหน่งึ เพราะตากระตุ้น ด้วยการขยักบางสว่ นไวแ้ ล้วใหไ้ ปอา่ นเอาเอง ขบคดิ เอง ตคี วามเอง เรือ่ งของนางในตำนาน เรือ่ งของผหู้ ญงิ อาภัพรักทถ่ี กู บนั ทึกไว้ใน ตำนานพระแกว้ เจ้าเชยี งใหม่ ท่ีตาถอดออกมามเี น้อื ความตอนหนึ่งดงั น้ี ตง้ั แตน่ างจามเทวมี าถงึ พญายบี าได้ ๕ เชน่ ทา้ ว สบื ราชวงศามาแล ในกาลเมอ่ื พญามงั รายมาไดเ้ มอื งลำพนู กห็ อ้ื คนทง้ั หลายเผาเมอื งลำพนู ไหม้เสี้ยงแลว้ ยงั อยู่บ่ไหม้ ยงั หลอ่ พระพทุ ธรปู แกว้ คนทั้งหลายก็ข้นึ ผอ่ ดู ก็เทา่ หนั แตพ่ ระพุทธรูปองค์แก้วเจา้ องค์ ๑ สถติ ต้งั อยใู่ นหอปราสาทหนั้ เขาทง้ั หลายก็ไหวส้ าถวาย บอกหอ้ื เจ้าพญามงั รายไดร้ ชู้ ุประการหน้ั แล เมอ่ื นน้ั พญามงั รายจงึ เรยี กผเู้ ฒา่ ผแู้ กอ่ นั รรู้ ตี รคู้ ลองโบราณแตอ่ ดตี อนั ลว่ งแลว้ มาปรกึ ษาจาถอ้ งถามดู พญามงั รายกจ็ งึ ไดร้ วู้ า่ พระพทุ ธเจา้ แกว้ องคน์ ว้ี เิ ศษสกั สวาด(ศกั ดส์ิ ทิ ธ)์ิ มเี ตชะฤทธอี านภุ าวะมากนกั แทห้ นอ พญา มงั รายกน็ มิ นั ตนาพระแกว้ เจา้ มาไวป้ ฏบิ ตั คิ รุ อุ ปุ ฏั ฐากรกั ษาบชู าทกุ คำ่ เช้า บห่ อ้ื ขาดสายสกั วนั ตราบถงึ เมอ่ื มาสรา้ งเวยี งเชยี งใหม่ พญามงั รายทา่ นกบ็ ่ ละพรพทุ ธรปู เจา้ เอาไวอ้ ปุ ฏั ฐากในราชนเิ วศนต์ ามราชประเพณบี ห่ อ้ื ขาดแล ในกาลเมือ่ มาถึงทา้ วสามประญาฝัง่ แกนแมใ่ น กบ็ ล่ ะพระแก้วเจ้า กอ็ ปุ ฏั ฐากสบื ๆ ตามมาชตุ น กย็ อ่ มตง้ั ไวห้ อ้ื สถติ อยหู่ อพระนางหน้ั ถงึ เมอ่ื พญาตโิ ลกราชกนิ เมอื ง หมน่ื พรา้ โคตรกไ็ ปปองผอ่ ลกั จอ่ื จำเอาปางขบวน โลหปราสาท มาแปลงรา่ งหอพระแกว้ เจา้ หอ้ื เปน็ ทส่ี ถติ สำราญ บร่ ดี บม่ า้ ง ตราบเถิงกาลบัดน้ีแล ถัดนน้ั พญายอดเชียงรายมากนิ เมอื งแทนเล่าบส่ ู้เอาใจใสเ่ ท่าใดยงั มีราชบุตรชาวเมอื งโยธิยาผ้๑ู ช่ือว่าสรุ ิยวงั สะ บวชเปน็ พระปลอมข้นึ มาอ ย่วู ดั เวฬุวนั คือวัดกู่เตา้ อันมีทศิ กล้ำเหนอื คือหัวเวียงทน่ี ั่นแล

72 ผู้เฒา่ เล่าไว้ ลนู นน้ั มาบน่ านเทา่ ใด สรุ ยิ วงั สะลกู อโยธยิ ากเ็ ขา้ ไปปราศรยั กบั ดว้ ย นางท้าวเออื้ ยหอขวาง ผ้เู ปน็ ลูกท้าวติโลกราช สรุ ยิ วงั สะลูกพญาใตก้ ห็ อ้ื บรรณาการคอื ผกู มติ ร กห็ อ้ื แหวนธรรมรงคค์ ำแกน่ างทา้ วเออ้ื ยหอขวาง ผู้ อนั เปน็ ลกู ทา้ วตโิ ลกราช นางจกั หอ้ื อนั ใดแกส่ รุ ยิ วงั สะมนั กบ็ เ่ อา นางทา้ ว เอื้อยหอขวางวา่ เจา้ จกั มักประโยชน์เยื่องใดชา จกั ประสงค์สังชา ทน่ี ่ันสรุ ยิ วงั สะขานตอบวา่ เราหากใครไ่ ด้ยงั รัตนพุทธรปู พระแกว้ เจา้ สง่ิ เดียวแล เมอ่ื นน้ั นางทา้ วเออ้ื ยหอขวางเอาพระแกว้ ใสโ่ กศแกว้ แลว้ เจยี ดเสยี ห้อื ดี แลว้ ใส่ในถง ห้ือข้าชายผู้ ๑ ชอื่ อา้ ยกุนเอาไปสง่ หื้อสรุ ยิ วังสะในวดั เวฬวุ นั อารามคอื วดั กเู่ ตา้ นน้ั แล สรุ ยิ วงั สะคนั วา่ ไดพ้ ระแกว้ เจา้ กฟ็ นั เอาไมเ้ ดอ่ื ปลอ้ งมาทอ่ น ๑ แลว้ สลกั หอ้ื เปน็ พทุ ธรปู ขวกั ทอ้ งภายในหอ้ื กลวง เอาพระแกว้ ใสไ่ วย้ งั ในทอ้ งแลว้ เจยี ดทาแลว้ ดว้ ยรกั หางคำดงี ามแลว้ กเ็ อาเมอื สเู่ มอื ง อโยธยิ าอนั เปน็ เมอื งแหง่ ตน คนั วา่ ถงึ แลว้ กบ็ บ่ อกหอ้ื ไผรสู้ กั คนกเ็ อารตั น พทุ ธรปู แกว้ องคน์ น้ั ไปไวย้ งั วดั รตั นะพนู้ บน่ านเทา่ ใดสรุ ยิ วงั สะผนู้ น้ั กต็ ายไป ทน่ี น้ั นางทา้ วเออ้ื ยหอขวางรขู้ า่ ววา่ สรุ ยิ ะวงั สะผนู้ น้ั ตายไป นางทา้ ว เอ้ือยหอขวางกม็ ีบพุ สเิ นหาพยาธกิ ็เกิดมี ลวดจุติมรณาไปวนั นน้ั แล3 3 ขอ้ ความตอ่ ไปนย้ี ดื ยาว ไมอ่ าจเอาใสไ่ วใ้ นเรอ่ื งเพราะจะทำใหย้ ดื ยาดนา่ เบอ่ื แตจ่ ะตดั ท้ิงก็ไมไ่ ดเ้ พราะความสมบรู ณ์ของเน้ือเรอ่ื งจะขาดหายไป จงึ นำมาใสไ่ ว้ในเชิงอรรถ

ผเู้ ฒา่ เลา่ ไว้ 73 ตำนานพระแก้วขาวหรือตำนานพระเสตังคมณีซึ่งปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่วัด เชยี งมน่ั อำเภอเมอื ง จงั หวดั เชยี งใหมก่ ลา่ ววา่ เทวดาสรา้ งพระแกว้ ขาวไวท้ เ่ี มอื งละโว ้ ตอ่ มา เมอ่ื พระนางเจา้ จามเทวเี สดจ็ จากละโวม้ าครองเมอื งหรภิ ญุ ชยั กไ็ ดน้ ำพระแกว้ ขาว ติดตัวมาด้วย ต่อมาในสมัยพญายีบาครองเมืองลำพูน พญามังรายซึ่งเป็นกษัตริย ์ อีกแคว้นก็ตีลำพูนหรือหริภุญชัยแตก ทรงนำพระแก้วขาวติดตัวมา ต่อมาในสมัย พระเจ้าติโลกราชถูกอัญเชิญพระแก้วขาวไปประดิษฐานอยู่ที่เจดีย์หลวง ปัจจุบันคือ วัดเจดยี ์หลวง อำเภอเมอื ง จงั หวัดเชยี งใหม่ ตำนานเรอ่ื งนก้ี ลา่ ววา่ นางทา้ วเออ้ื ยหอขวางเปน็ ธดิ าองคห์ นง่ึ ของพระเจา้ ตโิ ลกราช คำว่านางทา้ วน่าสนใจ มีคำว่าทา้ วตอ่ จากนาง อาจเปน็ ตำแหน่ง หรอื เปน็ คำยกย่อง สตรีสูงศักดิ์ที่อยู่เป็นโสดจนเลยวัย เพราะอะไรนางจึงไม่มีคู่ครองในตำนานไม่ได ้ บอกไว้ นางคงเหงา คงว้าเหว่ อาจถงึ ขัน้ โดดเดย่ี วเดยี วดายด้วยซ้ำ กำเนดิ ของนางสงู สง่ เปน็ ถงึ ราชธดิ าแหง่ กษตั รยิ ผ์ ยู้ ง่ิ ใหญแ่ หง่ ราชอาณาจกั รลา้ นนา คือพระเจ้าติโลกราช ในสมยั ของพระองค์ พระเจา้ ติโลกราชแผ่พระเดชานุภาพเปน็ ท ี่ ครน่ั ครา้ มไปทว่ั ความยง่ิ ใหญข่ องพระองคไ์ มม่ กี ษตั รยิ แ์ วน่ แควน้ ใดทดั เทยี มได้ นอกจาก ราชอาณาจักรอยุธยา ชายหนุม่ ทค่ี ู่ควรกบั นางท้าวเออื้ ยมแี ตโ่ อรสของกษัตรยิ ์อยุธยา เท่านั้น แตท่ ้งั สองอาณาจักรดำรงสถานภาพเปน็ คปู่ รับกนั ไม่ไดเ้ ปน็ มิตรไมตรีต่อกัน นางท้าวเอ้อื ยจึงถูกทอดทง้ิ ให้คา้ งเติ่งจนกลายเป็นสาวทนึ ทกึ ในสมัยพญายอดเชียงรายครองอาณาจักรล้านนา นางท้าวเอื้อยหอขวางยังมี ชีวิตอยู่ นางเองเป็น ราชธิดาของพระเจ้าติโลกราช แตพ่ ญายอดเชียงรายเป็นหลาน ปู่ของพระเจ้าติโลกราช นางท้าวเอื้อยจะเป็นป้าหรือเป็นอาของพญายอดเชียงราย

74 ผู้เฒา่ เลา่ ไว้ ตำนานไม่ได้บอกไว้ แต่นางคงจะมีอายุมากแล้ว อาจราวสี่สิบปีขึ้นไป ในวัยอัน อับเฉา ในช่วงเวลาที่แต่ละวันมีหน้าตาคล้ายกันจนซ้ำซากอยู่อย่างนั้น มีพระหนุ่ม รปู หน่ึงมาตดิ พนั นาง แตพ่ ระหนุ่มไม่จรงิ ใจหวังปองในพระแก้วขาว แต่ไมใ่ ช่ตวั นาง นางเองอาจลุ่มหลงมัวเมา จนลืมหูลืมตาไม่ขึ้น จึงแอบเอาพระแก้วขาวมอบให้ชู้รัก ท่ีเปน็ พระหนมุ่ พระหน่มุ ได้ในสง่ิ ท่ปี องหวังก็หนลี งไปยงั ราชอาณาจกั รอยุธยา ตำนานเขียนไว้ว่าที่นั้นนางท้าวเอื้อยหอขวางรู้ข่าวว่าสุริยะวังสะผู้นั้นตายไป นางท้าวเอื้อยหอขวางก็มีบุพสิเนหาพยาธิก็เกิดมี ลวดจุติมรณาไปวันนั้นแล... แปลว่าเมื่อนางท้าวเอื้อยทราบข่าวว่าชู้หนุ่มสิ้นชีวิตไปแล้ว นางท้าวเอื้อยก็เกิด อาการบพุ สิเนหาพยาธิ คือปว่ ยไข้เนอื่ งจากความเสนห่ าอาลยั อาวรณ์ แลว้ กเ็ ลยเสยี ชวี ิตตามไปอีกคน นางผู้หนึ่ง สตรสี ูงศักดิ์ อยู่เลยวัยสาว จนถึงวยั ร่วงโรยอบั เฉา นางโดดเด่ียวหรอื ไม่ นางอาภพั หรอื ไม่ แทท้ ่ีจรงิ นางอาจจะไมต่ รอมใจจนสิน้ ชีพ อยา่ งในตำนานวา่ ไวก้ ไ็ ด้ นางอาจถกู สำเรจ็ โทษอยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ หรอื อาจบงั เกดิ ขตั ยิ มานะเยย่ี งนางในราชตระกลู ทง้ั หลาย อาจสำเรจ็ โทษตวั เอง แตก่ อ่ นทน่ี างจะจบชวี ติ ลง นางคงถูกเค่ียวกรำทั้งทางร่างกายและความรูส้ ึกขนาดหนกั นางเชน่ นโ้ี ชคดี หรอื อาภัพ

ผ้เู ฒ่าเลา่ ไว้ 75 หา้ ป่แู สะ ยา่ แสะ

76 ผู้เฒา่ เล่าไว้

ผู้เฒ่าเลา่ ไว้ 77 ป่แู สะ ย่าแสะ แมค้ ณุ ตาจะชอบเลา่ เรอ่ื ง แตม่ กั ไมช่ อบเลา่ อะไรจนหมด มกั จะไล ่ ใหห้ ลานสาวไปอา่ นเอาเองจากเรอ่ื งราวทต่ี าถอดจากอกั ษรโบราณลา้ นนา ทีเ่ รยี กวา่ ตัวเมืองมาเปน็ อักษรไทย แต่น่ันแหละ ขนาดอ่านทเี่ ปน็ อักษร ไทยแล้วก็ยังยาก ยากดว้ ยภาษาที่โบรำ่ โบราณ ไม่ใชภ่ าษาคำเมืองทั่วไป อย่างทีค่ นเมอื งใช้กนั อย่ใู นปัจจุบนั ไหนๆ ก็ไหนๆ แลว้ มุกรนิ ขอถอื โอกาสกลับไปท่ีสารพัดผอี ีกคร้ัง เพอ่ื อธบิ ายผบี างผี ตามทไ่ี ดซ้ กั ถามจากตา สารพดั ผที ต่ี าบอกวา่ ถอดออก มาจากปฐมมูลกัมมกั ฐานของครบู าขาวปที ี่มุกรินจดมาไดแ้ ก่ ผเี สอ้ื เมอื งตาเหลอื งเหมอื นหมากสา้ น ผเี สอ้ื บา้ นชา่ งทกั กนิ หมู อนั นท้ี อ่ นแรกคงไมต่ อ้ งอธบิ าย เพราะผเู้ ฒา่ เลา่ ไวแ้ ลว้ ผเู้ ฒา่ ของ มุกรินก็คือตา ส่วนผู้เฒ่าของตาก็เป็นพ่อแม่แม่เฒ่าเก่าแก่ที่เกิดก่อนตา ทตี่ าไปสืบไปจำเอาเร่อื งราวมาจากท่าน อย่างครบู าขาวปเี ปน็ ต้น ท่อนที่สองของข้อความน้ี ที่ว่าผเี สอ้ื บ้านช่างทกั กินหมู ผเู้ ฒ่าของ มุกรินเล่าไว้ว่า ในทัศนะของครูบาซึ่งเป็นนักบวชในพุทธศาสนา ท่าน ค่อนข้างต่อต้านพวกผีปีศาจต่างๆ ที่คนพื้นเมืองยังเคารพบูชากันอยู ่

78 ผู้เฒ่าเล่าไว้ ท่านจึงกล่าวว่าผีเสอื้ บ้านชอบทักกนิ หมู “อนั ทจ่ี รงิ ผเี สอ้ื บา้ นเปน็ ผที ด่ี ี ทำหนา้ ทป่ี กปกั รกั ษาคนทง้ั หมบู่ า้ น” ตาพดู “แต่ก็อาจจะมีบ้างที่มคี นเจ็บป่วยออดแอด กนิ ยาหมอก่ีหม้อต่อ กห่ี มอ้ กไ็ มห่ าย ญาตขิ องผปู้ ว่ ยคงไปดเู มอ่ื หนเู ขา้ ใจไหมลกู คำวา่ ดเู มอ่ื ” “ไปดูหมอใช่ไหมคะ ตา” “ใชแ่ ลว้ ลกู หมอดอู าจทำนายวา่ ถกู ผเี สอ้ื บา้ นกระทำ ใหแ้ กบ้ นเสยี ด้วยหมู อันน้แี หละคอื ความหมายของคำว่าชอบทักกินหม”ู “ผีปกกะโหลง้ โพงดง ผโี พงลงทา่ ผีฟา้ ผ่านอนสะแคง ละ่ ตา” “ผีปกกะโหล้งเป็นผีป่า ผมเผ้ายาวเฟื้อยคลุมลงถึงตาตุ่ม หนวด เครายาวระอก เป็นผีสกปรกและเดาใจยากมาก บางทีก็ดี บางทีก็ร้าย ยายของหนูเคยพูด สมัยก่อน เมื่อยายยังเป็นสาว ยังไม่รู้จักกับตา แถววัดพระพุทธบาทสี่รอย อำเภอแม่ริม เป็นป่าลึกศึกใหญ่ ลึกลับ ดำมืดจนผีปกกะโหล้งออกมาร้อง มันร้องว่าปก...ปกกะโหล้ง ร้องซ้ำๆ เสียงเยือกเสียงเย็น แต่ที่ตาได้ยินได้ฟังมาจากเมืองพานบ้านเกิดของ ตาเป็นอีกอย่าง ผีปกกะโหล้งจะอยู่ในป่า ป่าใหญ่เยือกเย็นฉ่ำชื้น ตลอดปี สมยั ตายังเดก็ เวลาจะเข้าปา่ พวกผใู้ หญ่จะกำชบั หนกั วา่ อยา่ ซกุ ซน อยา่ เตลดิ ไปไกลจนกไู่ มไ่ ด้ อาจไปพบผปี กกะโหลง้ หากอารมณไ์ มด่ ี มันจะเอาเราไปกิน แต่บังเอิญหากอารมณ์ดี ผีปกกะโหล้งจะทดสอบ ความกล้าหาญและความอดทนของเรา มันจะให้เราไซ้เห็บไซ้เหาบนหัว แต่บนหัวของมันไม่มีหรอกเห็บเหา แต่กลับมีแมงป่องแมงเวาและ ตะขาบพิษร้ายไต่คลานยั้วเยี้ย หากเราสติแตกวิ่งหนี ผีปกกะโหล้ง จะจับเราฉีกแข้งฉีกขา แต่หากเราข่มใจไว้ได้ ผีปกกะโหล้งจะถอนผม เส้นหนึง่ ใหเ้ รา ผมนัน้ จะเป็นผมทอง”

ผเู้ ฒา่ เลา่ ไว้ 79 “โพงดงละ่ ตา” “เปน็ ผชี นดิ หนง่ึ อยใู่ นปา่ บางทกี เ็ รยี กวา่ ผหี วั ไฟ เวลามนั เคลอ่ื นไหว จะมีสะเกด็ ไฟพรง่ั พรูจากหัวของมนั ิ “ผโี พงลงท่า ผีฟา้ ผา่ นอนสะแคง” “ผีโพงเป็นคู่กับผีสือ ชอบหากินเวลาดึกดื่นค่ำคืน ชอบไปตาม ทุ่งตามท่าที่แฉะที่ชื้น ผีฟ้าผ่านอนสะแคงไม่มีความหมายอะไรพิเศษ นอนสะแคงคำไทยว่าอะไร” “นอนตะแคง” “จะถามอะไรอีกไหม ตางว่ งแล้ว” “ผภี ม ผีพราย ผซี ะวายลอ่ งทา่ ผีฟ้าผ่าตกชอง คืออะไร” “ผีภมผีพรายเปน็ คำเรยี กติดกนั คำวา่ ภม ครูบาขาวปีท่านเขียน แยกตา่ งหากจากคำวา่ พรหมทห่ี มายถงึ พระพรหม ผภี มผพี รายเปน็ ผไี มด่ ี ชอบเบยี ดเบยี นทำรา้ ยคน หนูเคยไดย้ นิ เรอ่ื งพรายทับไหมลกู พราย คือผีช่วั ร้ายชนิดหน่ึง หากพูดเปน็ ภาษาทางการแพทย์กอ็ าจพดู ได้ว่าเป็ นอาการชนิดหนึ่งที่เกิดกับคนไทรอยด์เป็นพิษ เรื่องนี้ถ้าเล่าแล้วจะยาว หนจู ะฟังไหม” “ตางว่ งแลว้ หนูไม่อยากกวนตา” “ตดิ ลมเสยี แลว้ พรายทบั มักเกดิ กับผหู้ ญิงมากกวา่ ผู้ชาย หากใคร โดนพรายทับ จะผอมแห้งแรงน้อย กลางวันสายตาไม่สู้แสง จะต้อง หลบซ่อนอยู่แต่ในที่มืดสลัวอย่างในเรือนนอนเป็นต้น จะกินจุ กิน เหมอื นยดั โอง่ ยดั ไหผิดกบั คนปรกตทิ ว่ั ไปแตไ่ ม่ค่อยมบี ่ามีแรง อันนีเ้ ปน็ เพราะกระบวนการเผาผลาญในร่างกายทำงานเร็วผิดปรกติ แต่คนสมัย กอ่ นไมม่ คี วามรใู้ นเรอ่ื งน้ี จงึ คดิ วา่ เปน็ เพราะมพี รายเขา้ มาทบั หรอื เขา้ มา สิงในตัว ส่วนผีซะวายล่องท่าตายังไม่มีความรู้ ถามท่านพระครู

80 ผ้เู ฒ่าเลา่ ไว้ ท่านเองก็ไม่รู้เหมือนกัน คงเป็นผีอะไรสักอย่างที่ขึ้นๆ ล่องๆ ตาม ท่านำ้ ผีฟ้าผ่าตกชองกค็ อื ผที ีฟ่ ้าผ่าตกเตียง “ต่อไปตาจะอธิบายเลยดีกว่า ผีตายโหงตายห่า บ่มีค่ามีสิน มักทักกินชิ้นไก่ ผีตายโหงตายห่าถือว่าดุร้าย ตายโหง คือตายไม่ด ี ไม่ได้ตายเพราะป่วยไข้หรือหมดอายุ แต่ตายเพราะถูกคนอื่นฆ่าตาย เพราะประสบอุบัติเหตุ ตายเพราะฆ่าตัวเองตายเป็นต้น ผีตายห่า คือตายคราวละมากๆ ที่เรียกว่าห่าลง ผีเหล่านี้คนโบราณบ้านเรา ถือว่าเป็นผีไม่มีค่าอะไร ชอบไปทักคือกระทำให้คนอื่นป่วยไข้เพื่อ จะได้กนิ เคร่อื งเซ่นสงั เวยคอื เนอื้ ไก”่ “ผคี วายผชี า้ งผกี ระดา้ งเจนิ เขนิ อยบู่ เ่ มนิ กอ็ อกเปน็ ผเี ลก็ ผนี อ้ ย ไม่ค่อยมีความสำคัญอะไรนัก ผีศีลแปดศีลเก้า ผีปู่เฒ่าหลงทาง อันนี้ตาอธิบายไปแล้ว ผีมักกินมักทาน เถียงกันดังเต็มวัน อันนี้ ท่านครูบาขาวปีอยากแขวะพวกที่ชอบอ้างเรื่องศีลเรื่องทานแต่ ปฏบิ ตั ไิ มจ่ รงิ ผมี กั ทกั ผดิ คน คอื ผที ำรา้ ยคนผดิ ผปี ผู่ ยี า่ ผมี กั วา่ บา่ วสาว หมายถึงผีปู่ย่านั่นเอง ผีปู่ย่าเป็นผีที่ถูกสถาปนาขึ้นมาเพื่อควบคุม ความประพฤติของหนุ่มสาว ผีเสื้อวัดเสื้อบ้านคือผีรักษาวัดวาและ ผีที่รักษาหมู่บ้าน ผีขี้หย้าน คือผีขี้เกียจการงาน ผีขี้กลัวไม่กล้าแข็ง ผีพ่อผีแม่ คงไม่ต้องอธิบาย หมายถึงพ่อแม่เราที่ท่านล่วงลับไปแล้ว ผีบ่รู้แว่ทางเทียว คือผีร่อนเร่น่าเวทนา ต้องเดินทางแสวงหาที่จะแว่ จะแวะอยตู่ ลอด...” “ผีกะยักษ์ ผีมักลักเข้าคน คือผีกะที่ดุร้ายยิ่งกว่าผีกะทั่วไป ผีกะไม่ใช่ผีที่มากะมาเล็ง หรือผีของนักส่องกล้องวัดระดับทางนะลูก คำว่าผีกะมาจากคำว่า ผีตะกละ คนตะกละคำเมืองบ้านเราว่าคนขี้ กะผีกะชอบเข้าไปสิงคนอื่นแล้วกระทำย่ำยีข่มเหงภายใน ให้คนผู้นั้น

ผูเ้ ฒ่าเล่าไว้ 81 เจ็บปวด แล้วจะเรียกร้องกินไก่กินหมู กินจิ๊นลาบแกงอ่อม หากไม่ได ้ กินก็จะไม่ออกไปจากร่างนั้น จะบิดไส้ให้ทุกข์ทรมานปานจะขาดใจ พอญาตๆิ เขาทำตามความต้องการ มนั ก็ออกจากร่างไปผีทุ่งผีนา ผีป่ ู ทาขี้อู้ ผีหมา ผีแมว ผีม่านผีเงี้ยวพวกนไม่สลักสำคัญอะไร ขา้ มไปก็ได้ “ผอี คี่ ้อยตามอย ผดี งผดี อยแวดบอ้ ง ชา่ งลอ่ งคองขม่ี า้ อันน้ ี ท่านรวมเอาผีหลายๆ ชนิดมากล่าวพร้อมกัน ผีอี่ค้อยเป็นผีชนิดหนึ่ง อยู่ในป่า ผีตามอยขาว่ารูปร่างหน้าตามันงามนักงามทั้งผีหนุ่มผีสาว ตามันมอยๆ คือตาปรอยๆ ชวนหลง อันนี้โบราณท่านสร้างไว้เพื่อ ปรามหนุ่มสาวเวลาไปป่าแล้วไปประสบพบเห็นคนแปลกหน้าอย่าเพิ่ง ผลีผลามมีใจรักชอบ ผีดงผีดอยคือผีป่าทั่วไป แวดบ้องคือ ผีม้าบ้อง มนั ชอบขมี่ ้าไปตามตรอกซอกซอยต่างๆ เฮอ...” ตาถอนใจยาวๆ ตาคงเหนื่อย มกุ รินเองยังเหนื่อยจะแยเ่ ลย เร่ือง ผีเนย่ี ขอพกั ไวก้ ่อนนะ คราวนม้ี ุกรินจะเล่าแทรกเรอื่ งของตวั เองบ้าง ความจรงิ มกุ รนิ กเ็ ปน็ สาวสดใสสมวยั คนหนง่ึ ...วา่ เขา้ นน้ั ไมใ่ ชพ่ วก เรยี นเกง่ ตดิ ทอ็ ปเทน็ ของโรงเรยี น ไมเ่ คยไดส้ ท่ี กุ วชิ าสกั เทอม หลายๆ วชิ า ก็เป็นเรื่องสุดจะฝืน อย่างพวกงานช่างงานประดิษฐ์อะไรนี่ยอมรับเลย หลายๆ อย่างครูควรให้เกรดแก่แม่มากกว่า คิดว่าครูก็คงรู้แต่แกล้งไม่รู้ เพ่ือใหม้ นั พน้ ๆ ไปเสยี ขอ้ บกพรอ่ งอน่ื ๆ กม็ มี าก เชน่ กนิ ตรงไหนกท็ ง้ิ ไวต้ รงนน้ั อนั นแ้ี มบ่ น่ จนเลกิ บ่นไปเอง แต่มกุ รนิ ก็ยังพยายามอย่นู ะ หรอื อย่างความขีล้ ืม เชน่ ลืมเอาการบา้ นไปส่ง ต้องกระวกี ระวาดโทร.กลับ แลว้ กเ็ ปน็ ทกุ ขข์ องตา ทต่ี อ้ งเอาการบา้ นไปสง่ ใหม้ กุ รนิ ทโ่ี รงเรยี น ตาไมบ่ น่ อยา่ งแม่ แตต่ าโทษวา่ ถา้ ลมื อกี ต้องคดั ลอกขอ้ ความตัวเมอื งส่งตาสองหนา้ สามหนา้ ก็ว่ากนั ไป

82 ผ้เู ฒา่ เลา่ ไว้ ตกมาถงึ ตอนน้ี หลานสาวของตาเรียนตวั เมืองได้เยอะแลว้ อา่ น เอกสารโบราณไดพ้ อสมควร แต่หากเจออะไรท่ียากๆ ก็อยากเรอเอกิ้ ๆ แล้วทำตากลบั แกลง้ ว่าเป็นลม มเี ร่ืองหนึ่ง มกุ รนิ อยากใหเ้ พอื่ นๆ ไดร้ ู้ เก่ยี วขอ้ งกบั สารพัดผที ี่ ตาเลา่ ดว้ ย เร่ืองน้ันคือผปี ่แู สะย่าแสะ เพื่อนๆ รู้จักไหม เคยไปร่วมพิธีเลี้ยงดงหรือพิธีอัญเชิญผีปู่แสะ ย่าแสะลงทรงไหม เปน็ พธิ ีย่ิงใหญ่ ถอื วา่ เปน็ ประเพณปี ระจำปีของเมอื ง เชียงใหมด่ ว้ ยซำ้ ทำทกุ ปที ่ีดงพิธตี ำบลแมเ่ หียะ อำเภอเมอื ง เชยี งใหม่ ทวี กี เ็ คยถ่าย นักขา่ วก็เอาไปทำข่าว แตท่ ำบนพนื้ ฐานของความไมเ่ ขา้ ใจ ไม่รู้ทม่ี าที่ไป ไมร่ กู้ ลุม่ ก้อนความคิดท่ซี ่อนอยูห่ ลังพธิ ี เขาเลยรบี สรุป แล้วประณามว่าเป็นพิธีป่าเถื่อน ที่จริงมันไม่ใช่อย่างนั้นเลย ที่เขาว่า ปา่ เถอ่ื นกเ็ พราะในพธิ จี ะมกี ารอญั เชญิ ปแู่ สะยา่ แสะมาทรง ปแู่ สะยา่ แสะ แต่เดิมเป็นยักษ์ ธรรมดาของยักษ์ก็ต้องกินเนื้อดิบๆ เมื่อมีการ ทรงร่างทรงจึงต้องกนิ เน้ือดิบๆ นกั ข่าวไมเ่ ขา้ ใจตรงจดุ น้ี ปแู่ สะย่าแสะเปน็ ยักษ์ ต้องจำตรงนใ้ี ห้ข้นึ ใจ อาจารย์ท่านหนึ่งของมุกรินเคยเขียนถึงปู่แสะย่าแสะไว้ดังนี ้ เพื่อนลองอ่านดนู ะ

ผเู้ ฒ่าเลา่ ไว้ 83 หากเอ่ยคำว่ายักษ์ เชื่อว่าคนไทยทุกคนคงจะรู้จักดี พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานให้คำจำกัดความว่า ยักษ ์ เปน็ อมนษุ ย์จำพวกหนึง่ มรี ูปรา่ งใหญ่โตน่ากลัว มเี ขีย้ วงอก ใจดำ อำมหติ ชอบกินมนุษย์ คนแต่ก่อนกลัวยักษ์มาก ประมาณเกง้ กวางกลวั เสือกระมัง เพราะคนเป็นอาหารของยักษ์เหมือนเก้งกวางเป็นอาหารของเสือ ความกลัวยักษ์ ของคนไทยเห็นได้ชัดจากวรรณคดีแบบฉบับ เรื่องต่างๆ โดยมากยักษ์มักเป็นตัวละครฝ่ายร้าย แต่เวลารบกัน ยักษ์มักจะแพ้มนุษย์ทุกที พระเอกก็มักจะได้ลูกสาวยักษ์เป็น ภรรยา ลักษณะการสร้างเหตุการณ์ในวรรณกรรมอย่างนี้ สะท้อน ถึงความกลัว และความตอ้ งการจะเอาชนะสง่ิ ทีต่ วั เองกลัว

84 ผเู้ ฒ่าเลา่ ไว้ กลา่ วนำมายดื ยาวกเ็ พอ่ื จะชกั ชวนทา่ นผอู้ า่ นไปรจู้ กั กบั ยกั ษ ์ เชยี งใหม่ เปน็ ยักษเ์ ฒา่ สองผัวเมยี ดุรา้ ย กินคน ยังมีชวี ติ อยู่ใน จิตใจของคนบางส่วน แม้กระทั่งปัจจุบันนี้ ยักษ์เฒ่าผัวเมียคู่นี้ มีชอื่ ว่าปู่แสะยา่ แสะ ปู่แสะย่าแสะมีเรื่องราวพิลึกพิลั่นปรากฏอยู่ในตำนาน ลา้ นนาหลายเรอ่ื ง เชน่ ตำนานพน้ื เมอื งเชยี งใหม่ ตำนานเชยี งใหม่ ปางเดิม ตำนานสุวัณณะคำแดง ตำนานพระบาทดอนกลาง ตำนานวดั ดอยคำ เป็นต้น ตำนานเชียงใหม่ปางเดิม ระบุว่าปู่แสะกับย่าแสะเป็นหนึ่ง ในกลุ่มเชนเมือง(อารักษ์หรือวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่ปกปักรักษา เมอื ง) ในคำแชง่ สบถสาบาน ฉบบั วดั หวั ฝาย อำเภอปา่ แดด จงั หวดั เชียงราย เอ่ยว่าดอยเหนือดอยใต้เป็นเชนเมือง ดอยเหนือ หมายถงึ ดอยสเุ ทพ ดอยใตห้ มายถึงดอยคำ อีกความหมายหนึ่ง กค็ ือป่แู สะย่าแสะน่นั เอง คำแช่งสบถสาบาน เป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมในการ ตัดถ้อยสินความในสมัยโบราณ จะมีการสาปแช่งผู้ให้การเท็จ จะมีการสบถสาบาน โดยอ้างเอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ มาเป็น สักขีพยาน เนื้อความน่าสนใจ จะเอามาลงหมดก็จะยาวเกินไป ขอคัดบางสว่ นมาลงไวด้ ังน้ี

ผู้เฒ่าเลา่ ไว้ 85 เชนเมอื งเจา้ ทง้ั หลายชแู่ หง่ ชทู่ (่ี ทกุ ๆ ท)่ี หมายมเี จา้ คำแดง มงั ราย ศรสี องเมอื ง ดอยเหนือ ดอยใต้ ลุมขาว ชิงชะ ลงดำ ผีหอพับหอหาง พระกุม พระกัน แลเทพดาอันอยู่รักษากำแพง เวยี งทงั้ ๔ ดา้ นแลประตทู ัง้ ๕ ไป่ไว้ แลเทพดาอนั อย่รู ักษาวดั วา อารามแลพระมหาชนิ ธาตเุ จา้ ทน่ี เ้ี ปน็ เคา้ แลสรุ โิ ยเทครวั ยกั โข ยกั ขี จามเทวี อนันตยศ มหาอนนั ตยศ แลช้างผกู้ ่ำงาเขยี ว ๑๖ ตน อันอยู่เฝ้ารักษามหาชินธาตุเจ้าเมืองหริภุญชัยก็ดี ผู้ข้าขอราธนา เจ้าทั้งมวลชู่พระองค์ จุ่งจักลงมาเป็นทักขิณะ-สากสี (มาเป็น สักขีพยาน) ตั้งหน้าอยู่ถ้าดาฟัง ยังคำสัจจะสบถเยื่องนี้ แลมา เล็งต่อผ่อคอยดูยังผู้ซื่อแลผู้บ่ซื่อในอารามที่นี้ ในวันนี้ ในยามนี้ ดหี ลี บดั นเ้ี ปน็ คำกบั ดว้ ยกนั จงึ พากนั เขา้ ไปสกู่ วา้ น(ศาล) หอ้ื ขนุ พิจารณาว่าอั้น บัดนี้ขุนกว้านพิจารณา ตัดคำต่อ(คดี) นี้บ่ตก จึงจักพาเอาตัวเขามาตามเทียนส่องน้าพระเจ้าแก้วทั้งสาม (จุดเทียนต่อหน้าพระรัตนตรัย) มีวรองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นเค้าเป็นประธาน ขอหื้อเป็น สุคติคมณะ สภาวะบริบูรณ์ แกใ่ จเขาในวนั นี้ยามนี้ ดหี ลเี ทอะ ได้ชื่อว่าเป็นผู้บ่ซื่อ ในภาวชาตินี้ หื้อมันพลันวินาศ ฉิบหายตายวาย หื้อจิบ(พินาศ) เหมือนกอกล้วย หื้อม้วย เหมือนกอเลากอคา ไปทางน้ำหื้อเรือล่มแพจมตายเป็นอาหาร

86 ผเู้ ฒ่าเล่าไว้ แกจ่ ักเข้มงั กร เงือกงาปลาฝาท้งั หลาย ไปทางบกหือ้ ตายเสอื กนิ ชา้ งฆา่ หอ้ื ตายถกู อะมอ็ กสนี าด(ระเบดิ ปนื ) อยา่ คลาดอยา่ คลา แ มน้ อยกู่ ห็ อ้ื เปน็ พยาธนิ านาตา่ งๆ เปน็ ตน้ วา่ เจบ็ หวั ปวดทอ้ ง กว้ิ ไส้ ขี้รากสองคลอง(อหิวาตกโรค) ลงดำลงแดง ถูกตู้ลองของร้าย ท่านตาย พยาธิ ๙๖ จำพวกอย่าได้ขาดในสันดานตัวตนแห่ง มันสักวันสักยาม แม้นกระทำอันใดก็ดี ก็อย่าหื้อวุฒิสังสักอัน (อย่าให้เจริญในทุกประการ) หื้อหันเหตุแต่ปัจจุบันวันนี้วันพรูก (พรุ่งนี้) ไปไจ้ๆ ครั้นจุติตายก็หื้อเอาตัวตนไปปรากฏบังเกิดใน อบายภูมิท้งั ๔ มีอเวจนี รกเป็นเรือนตน้ คร้ันพน้ จากนรกแล้วก็ หื้อได้เกิดเป็นเปรตเฒ่าอยากอาหาร เป็นดั่งหลักตอค้างสงสาร เป็นดง่ั กอ้ นหินกอ้ นผาอันใหญ่น้นั ดหี ลี ดอยเหนือดอยใต้ในคำแช่งหมายถึงดอยสุเทพกับดอยคำ ดอยสเุ ทพเป็นท่ีอย่ขู องปู่แสะ ดอยคำเป็นทอี่ ยูข่ องย่าแสะ เรื่องราวเกี่ยวเกี่ยวกับปู่แสะย่าแสะสะท้อนถึงความคิด ความเห็น ความเชื่อ ความฉลาดหลักแหลมของคนโบราณ หลายประการ ลองฟังดู ข้อความตอนนี้เก็บมาจากตำนาน เชยี งใหมป่ างเดมิ

ผเู้ ฒ่าเล่าไว้ 87 ทนี จ้ี กั กลา่ วพน้ื ปแู่ สะยา่ แสะอนั อยดู่ อยเหนอื ดอยใตก้ อ่ นแล ปางเมื่อพระพุทธเจ้ายังทรมานและไป่เข้าสู่ปรินิพพานเทื่อวันนั้น พระพุทธเจ้าก็เคืองใจว่า กูตถาคตะก็จักไปโปรดปาณสัตว์(สัตว์ที่ มีปราณ) ทังหลายกอ่ นแลวา่ อ้นั เทวดาอินทาพรหมทังหลาย มี พระยาอนิ ทาธริ าชเปน็ ประธานกย็ นิ ดสี าธกุ ารมากนกั แลว้ กห็ อ้ื หา่ ฝนเงินห่าฝนคำตกลงมาเรี่ยรายผายปูชาพระพุทธเจ้ามากนัก วันนั้นแล ในเงินแลคำทังมวลก็ไหลเข้าไปในพื้นดอยม่อนนี้ นบั เส้ยี งแล ภควา อันว่าพระพทุ ธเจ้าก็กลา่ วเซ่ิงมหาอานนั ทะวา่

88 ผเู้ ฒา่ เล่าไว้ ดูราอานันทะ ภายหน้าดอยม่อนที่นี้จักได้ชื่อว่าดอยคำว่าอั้นแล ในกาลนั้น ภควา อันว่าพระพุทธเจ้าก็ลวดไปเมตตาใคร่แสร้ง ถามเซิงชาวทมิฬทังหลายว่า บ้านเมืองที่นี้เป็นอันห่างห้วน (เปลา่ รา้ ง) สญู หายเสยี หาคนบไ่ ดด้ ง่ั ฤๅชา ชาวเมอื งทมฬิ ทงั หลาย ไหว้สาพระพุทธเจา้ ว่า ยังมียักษ์สองตวั ผวั เมีย ปรากฏชอ่ื ว่าปแู่ สะ ย่าแสะอยู่ดอยเหนือดอยใต้ ก็มากำจัดคนทังหลายก็ลวดวินาศ ฉบิ หายตายไปเส้ยี ง ดัง่ อนั้ จงึ เป็นบ้านหา่ งไปเพื่ออั้นแล พระพทุ ธเจา้ ไดย้ นั ยงั คำชาวทมฬิ ทงั หลายแลว้ พระพทุ ธเจา้ ก็ลวดไปเมตตาห้ามยังยักษ์ทัง ๒ ตัวผัวเมียอันอยู่ดอยเหนือ ดอยใต้นั้นว่า ดูรายักษ์ ๒ ตัวผัวเมีย เช่นกูตถาคตะยังท้วงอยู ่ (ยังกระดุกกระดิก, ยังมีชีวิต) ท่านทังสองอย่าได้กินคนแถมซ้ำ เทอะ เหตุว่าศาสนากูพระตถาคตะจักมาตั้งอยู่ที่นี้เป็นอันมาก หลาย เพื่อโปรดยังปาณสัตว์ทังหลายดีหลีดาย ท่านยักษ์ทัง ๒ อยา่ ได้กินช้นิ คน(เน้ือคน) แถมซ้ำเทอะ ยักษ์ทัง ๒ ผัวเมียก็กล่าวว่า บ่หื้อเผือข้าทังสองกินคน จักหื้อผู้ข้ากินอันใดแลชา พระพุทธเจ้าห้ามสองทีสามที ยักษ์ สองตัวผัวเมียจิ่งกล่าวว่า คันอั้นผู้ข้าขอกินแลเดือนแลคนพระ พุทธเจ้าก็บ่หื้อกิน ขอกินปีแลคนก็บ่หื้อกิน คันอั้นเผือข้าทังสอง ผวั เมยี ขอกนิ ควายแลปไี หน ๒ ตวั เทอะ…(พระพทุ ธเจา้ กต็ อบวา่ ) คนั อั้นท่านยักษ์ทังสองผัวเมียยังจักรักษาฝูงคนแลศาสนากูตถาคตะ

ผเู้ ฒ่าเลา่ ไว้ 89 หื้อกุ้ม ๕๐๐๐ วัสสากา่ (หากเปน็ เชน่ น้ัน ท่านจะรักษาผูค้ นและ ศาสนาตราบกระทั่งห้าพันปีไหม) ยกั ษก์ ข็ านวา่ อามะ เออ๊ เผอื ขา้ ทงั ๒ กอ็ าจรกั ษายงั ฝงู คนแล ศาสนาแหง่ พระพุทธเจ้าหือ้ กมุ้ ๕๐๐๐ พระวสั สาได้เท่ียงแท้ดหี ลี รุ่งปีไหนเผือข้าขอพระพุทธเจ้าแลภิกขุสังฆะทังหลายมาเมตตา เผอื ขา้ ทงั หลายแดเ่ ทอะ พระพทุ ธเจา้ กป็ นั ศลี ๕ หอ้ื แกย่ กั ษท์ งั สอง

90 ผู้เฒ่าเล่าไว้ ผวั เมยี นน้ั แลว้ พระพทุ ธเจา้ กเ็ สดจ็ จากทน่ี น้ั ไปแลว้ คนั เถงิ ประเพณี เดือน ๙ ออกมาแล รงุ่ ปไี หนเขากเ็ อาควายดำทีย่ ังบตี หี ำเทอื่ แล บ่เสียลักขณะที่ใดไหนนั้น ไปเลี้ยงปู่แสะย่าแสะอยู่ดอยเหนือ ที่ตีนดอยอุจฉุปัพพตาคือดอยสุเทพหั้นตัวหนึ่ง ไปเลี้ยงย่าแสะ อยู่ดอยใต้ทีต่ นี ดอยคำรมิ นำ้ แมเ่ หยี ะ” เมื่อจักพลีกรรมปูชาแกมเลี้ยงปู่แสะย่าแสะดอยเหนือ ดอยใต้นั้น หื้อได้ไปนิมนต์สารูปพระเจ้ายืนองค์ ๑ สูงหื้อพอ ๙ ศอก อันท่านแต้มผ้า คือว่าพระบฏอันท่านบวชแล้วนั้น ไปเมตตาโปรดตามอัสสะเดิม หื้อเอากางห้อยต้นไม้ไว้ที่เราจัก พลีกรรมปูชาแกมเลี้ยงปู่แสะย่าแสะหั้น กับหื้อเขาได้ไปนิมนต์ เอาเจ้าภิกขุอันเป๊กใหม่(เพิ่งอุปสมบท) นั้นมาหื้อพอ ๘ ตน ไปสูตรอบรมพระบฏนน้ั เทอะ ต่อชิ้นควายอันซากผีนั้น คันคนแลตุ๊พระฉันแลกินบ่เสี้ยง นั้น หื้อได้เอาไปฝังเสียยังดิน อย่าได้เอามากินยังบ้านยังเรือน บ่ดีเนอ นกั วชิ าการทางดา้ นมนษุ ยศาสตรท์ ง้ั หลายเชอ่ื กนั วา่ ปแู่ สะ ย่าแสะเปน็ บรรพบุรุษของเผ่าลัวะหรอื ละวา้ ไม่ใชย่ กั ษเ์ ย็นเข็ญใจ อะไรทไ่ี หนหรอก ทย่ี กใหเ้ ปน็ ยกั ษอ์ าจเพราะดรุ า้ ยกนิ เนอ้ื ดบิ กระมงั ร่องรอยการกินเนื้อดิบๆ ยังหลงเหลืออยู่ในอาหารของชาวไทย

ผเู้ ฒ่าเลา่ ไว้ 91 ลา้ นนาทุกวันนี้ อาจสืบเนื่องมาจากอาหารลวั ะก็ได้ เชน่ ลาบ ส้า และหลู้ เปน็ ต้น ข้อความในตำนานท่กี ล่าวถึงพระพุทธเจ้าปราบ ยักษ์นั้นสะท้อนร่องรอยอารยธรรมชมพูทวีปเข้ากลบท่วม วัฒนธรรมท้องถน่ิ เขาวา่ กนั อย่างนนั้ ข้อความในตำนานอื่นๆ มีบ้างกล่าวโลดโผนออกไปว่า พระพุทธเจ้าเสด็จมาแถบถิ่นทุรกันดารแถวนี้ ยักษ์เฒ่าสองผัว เมียเห็นเป็นคนก็ไล่กิน เกิดการประลองฤทธิ์กัน คล้ายจะเป็น การประลองกำลังกันระหว่างอำนาจท้องถิ่นกับอำนาจภายนอกที่ เหนือกว่า อำนาจภายนอกคือพระพุทธศาสนา อำนาจท้องถิ่น คือความเชื่อดั้งเดิมเกี่ยวกับผีสาง แต่ในที่สุดพระพุทธองค์ ก็ทรงทรมานยักษ์เฒ่าสองผัวเมียให้ละมิจฉาทิฐิให้สมาทาน เอาศีลห้า แต่ทั้งสองไม่สามารถจะละศีลปาณาได้เพราะชาต ิ กำเนิดเป็นยักษ์ต้องกินเนื้อสัตว์ ทั้งสองต่อรองจนพระพุทธเจ้า ยอมให้ยักษ์กินควายน้อยเขาเพียงหูปีละตัว แล้วมอบภาระ หน้าที่ให้ปู่แสะย่าแสะรักษาผู้คนและพระพุทธศาสนาให้ครบ ห้าพนั พระวสั สา บางตำนานกก็ ลา่ วความเพม่ิ เติมอกี วา่ แมว้ า่ ป่แู สะยา่ แสะ จะละสันดานเดิมที่ต้องกินเนื้อไม่ได้ แต่ลูกชายของปู่แสะย่าแสะ ละได้ ลูกชายของทั้งสองชื่อสุเทวะ สุเทวะเลื่อมใสในพระพุทธ

92 ผู้เฒา่ เลา่ ไว้ ศาสนาจึงขอบวช พระพุทธเจ้าอนุญาตให้บวชได้ แต่ให้เป็น เพียงพระฤๅษีเท่านั้น เรียกขานกันต่อมาว่าสุเทวฤๅษีสุเทวฤๅษี มีหลายองค์ สืบลำดับกันมาหลายชั่วรุ่นคน ถึงรุ่นที่ ๑๘ เรียกเท่ๆ ว่าสุเทวฤๅษีที่ ๑๘ ท่านคือผู้สร้างเมืองหริภุญชัย แล้วใช้เทวดาให้ขี่กอไผ่ไปอัญเชิญนางจามเทวีจากเมืองละโว้ หรอื ลพบรุ มี าครองหริภุญชัย สุเทวฤๅษีทุกตนพำนักที่ดอยอ้อยช้าง ต่อมาเรียกว่า ดอยสุเทพตามชือ่ ฤๅษีสุเทวะ นน่ั เอง คนโบราณทา่ นฉลาดหลกั แหลมมาก ทา่ นเหน็ วา่ คนกลวั ยกั ษ์ ปู่แสะย่าแสะเป็นยักษ์ที่ชาวเชียงใหม่กลัวมาก ท่านจึงสถาปนา ยอยกให้ปู่แสะย่าแสะเป็นหนึ่งในกลุ่มเชนเมืองซึ่งมีหน้าที่พิทักษ์ รักษาผู้คน บ้านเมืองและพระวรพุทธศาสนาให้สถาพรรุ่งเรือง ตลอดไป ปัจจุบันการเลี้ยงหรือการบูชาปู่แสะย่าแสะไม่แยก ทำอย่างในตำนานแลว้ เอามาทำรวมทเ่ี ดียวคอื ทด่ี งปู่แสะย่าแสะ ทต่ี นี ดอยคำ ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมือง เชยี งใหม่ ส่วนสถานที่ สำหรับบูชาปู่แสะตามในตำนานบอกว่าจัดทำกันที่เชิงดอยสุเทพ นั้น เดี๋ยวนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของคณะวิศวกรรมศาสตร ์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ชาวบ้านจะเข้าไปจัดพิธีพลีกรรมตาม ความเชื่อก็คงลำบาก เพราะเป็นสถานที่ทางราชการไปเสียแล้ว

ผู้เฒ่าเล่าไว้ 93 กเ็ ลยเอามาจัดรวมกันทีเ่ ดยี วอยา่ งทวี่ ่ามาแล้ว ขึ้น ๑๔ ค่ำเดือน ๙ เหนือหรือเดือน ๗ ใต้ของ แต่ละปี จะมีพิธีเลี้ยงผีปู่แสะย่าแสะที่ดงแห่งนี้ ชาวบ้าน จะเรียกง่ายๆ ว่า เลี้ยงดง คนจะหลั่งไหลไปร่วมพิธีจน คลาคล่ำ จนเสียงจักจั่นเรไรถูกเสียงคนกลบหายไปสิ้น พิธีกรรมทั้งลี้ลับ ขลัง และน่าพรั่นพรึงสยดสยอง จะม ี การฆ่าควายดำขนาดเขาเพียงหูแล้วเอาเนื้อควายมาทำ ลาบ ส้า ทำอาหารดิบและอาหารสุกไว้เลี้ยงปู่แสะย่าแสะ จะมีการเอาภาพพระบฏมาแขวนกับกิ่งไม้หมายแทน เอาพระพุทธเจ้ามาทรมานหักล้างมิจฉาทิฐิของปู่แสะ ย่าแสะ จะมีพระบวชใหม่มาร่วมพิธีค่อนข้างมาก จะม ี การอัญเชิญวิญญาณปู่แสะย่าแสะ ลงประทับร่างทรง พอผีลง ร่างทรงจะกินเหล้าดุเดือดมาก กินเนื้อดิบๆ ลงจากหอไปนั่งคร่อมหนังควายที่เพิ่งฆ่าตายสดๆ ร้อนๆ ร่างทรงจะทำกิริยาอาการบางอย่างของยักษ์ที่ทั้งลี้ลับ ลึกลับและ น่ากลัว โดยรวมๆ แล้วแสดงออกถึงอำนาจ ความป่าเถอ่ื น ความเปน็ ผอู้ ยูเ่ หนือกวา่ เล่นกับเหยื่อจนเบื่อ ยักษ์จะไปฉกพวงเนื้อสดๆ ทหี่ อ้ ยแขวนก่ิงไม้มาเค้ียวกนิ งดู ๆ งาดๆ แลว้ จะไปสอดสอ่ ง ด้อมมองตามหออารักษ์หรือหอเชนเมืองอันเรียงรายอยู่ใน

94 ผู้เฒ่าเล่าไว้ บริเวณพิธี ฉวยฉกจกล้วงนัน่ ๆ นี่ๆ ออกมากิน แล้วจะไปห้อย โหนโจนทะยานเครือเขาเถาวัลย์พันห้อยย้อยไม้ บางปีจะ ขึ้นไปสูงมาก นอนทอดตัวกับเถาวัลย์ต่องแต่ง ทำท่าอิ่มเอม เอาไม้จิ้มฟัน อันเท่าขลุ่ยแยงตามซอกฟัน ครั้นเล่นห้อยโหน โตนไต่ไม้ใหญ่ไม้สูงจนเบื่อแล้ว ยักษ์จะเข้ามาไหว้พระบฏ ซึ่งบางปี กิริยาอาการบางอย่างคล้ายต่อต้านประลองฤทธิ์ คล้ายงัดข้อประลองกำลังกันระหว่างผีกับพุทธ แต่แล้วผีก็ยอม สยบตอ่ พทุ ธ พิธกี รรมน้จี ดั ขน้ึ ทุกปี มีแงม่ ุมนา่ รู้ น่าศึกษามาก ปแู่ สะ ย่าแสะเป็นยักษ์ เป็นสิ่งที่คนโบราณกลัว แต่ท่านก็มีวิธีจัดการ ความกลัวได้อย่างน่าทึ่ง ได้อย่างทรงพลัง ชนิดที่คนปัจจุบัน ก็ยงั จัดการได้ไม่ดเี ทา่ ทา่ น

ผเู้ ฒ่าเล่าไว้ 95 ทั้งหมดน้ีทอ่ี ยู่ในลอ้ มกรอบ เป็นบทความทอ่ี าจารยข์ องมกุ รนิ เขียนไว้ มุกรินขอเพิ่มเติมเรื่องเทพยดาอารักษ์หรือที่เรียกเป็นคำเมือง ของหมู่เฮาคนเมืองว่าเชนเมือง(ออกเสียงว่าเจนเมือง) ตรงนี้มุกริน ค้นคว้าเพิ่มเติมมาจากส่วนที่ผู้เฒ่าเล่าไว้ คือส่วนที่คุณตาของมุกริน ถอดออกมาจากตวั เมอื ง เชนเมืองของเชียงใหม่มดี งั นี้ เทพดาอารักษ์เชนเมืองเจ้าทั้งหลาย หมายมีเจ้าหลวงคำแดง เป็นเค้าเป็นใหญ่กว่าอารักษ์เจ้าทั้งหลายแล เจ้าหลวงเมืองแคนตน ๑ เจา้ หลวงมงั รายตน ๑ มงั ครามตน ๑ แสนพูตน ๑ คำฟตู น ๑ ผายตู น ๑ กิลนาตน ๑ แสนเมืองตน ๑ สามประญาฝง่ั แกนตน ๑ ท้าวลกตน ๑ ทา้ วยอดเชยี งรายตน ๑ ทา้ วอา้ ยตน ๑ ทา้ วชายตน ๑ แกว้ ตาหลวงตน ๑ พระแมก่ ตุ น ๑ พระเมอื งแกว้ ตน ๑ พระเมอื งเกลา้ ตน้ ๑ เจา้ พระยาตโิ ลก ราชตน ๑ ชุง่ ชะตน ๑ ร่มขาวตน ๑ ศรีสองเมอื งตน ๑ เวียงแก่นตน ๑ ผาบอ่ งตน ๑ โดง่ ดำตน ๑ โอง่ คำตน ๑ จกั รพานตน ๑ ขนุ หลวงวลิ งั คะตน ๑ ป่แู สะตน ๑ ยา่ แสะตน ๑ พระกมุ ตน ๑ พระกันตน ๑ พิสนตู น ๑ พระเจ้าตนพอ่ ตน ๑ พอ่ เจา้ ฟา้ หลวงชายแก้วตน ๑ พระเจา้ ชวี ิตกาวลิ ะ องคเ์ ฒา่ ตนปราบปถวลี า้ นนาไทยตน ๑ เจา้ ชา้ งเผอื กตน ๑ เจา้ มหาเสฏฐี ตน ๑ หอพับตน ๑ หอหางตน ๑ หอยาตน ๑ ปยู่ ่าตน ๑ เทวบุตรตน หลวงตน ๑ อารกั ษแ์ ม่พงิ ตน ๑ เชนเมอื งมเี ทา่ นแี้ ล

96 ผ้เู ฒ่าเลา่ ไว้ ในบรรดาเชนเมืองหรืออารักษ์ผู้ปกปักรักษาเมืองเชียงใหม่ของ เรานี้ มีหลายองค์ที่ตาเองก็งงๆ อยู่ ไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน เช่น เจ้าหลวงเมืองแคน ชุ่งชะ ร่มขาว ศรีสองเมือง เวียงแก่น ผาบ่อง โด่งคำ โอ่งคำ จักรพาน พระเจ้าตนพ่อเป็นต้น ท่านเหล่านี้น่าจะ เป็นอดีตเจ้าแผ่นดิน แต่ประวัติความเป็นมาลบเลือน ส่วนพระกุม พระกนั และพิสนเู ป็นชือ่ เทพเจา้ หอพบั หอหาง หอยา อารักษ์แม่พิง เปน็ ช่อื อารกั ษ์ผรู้ กั ษาสถานทส่ี ำคัญ ปู่ย่าก็คอื ผปี ่ยู า่ บรรพบุรษุ ท่ีเหลอื จากนั้นล้วนแต่เป็นอดีตกษัตริย์หรือผู้นำของพวกเราชาวล้านนาทั้งสิ้น ที่ไมใ่ ช่ชาวลา้ นนาได้แกข่ นุ หลวงวิลงั คะ ขนุ หลวงวลิ งั คะหรอื ขนุ หลวงวริ งั คะเปน็ ชาวลวั ะ เรอ่ื งราวของทา่ น น่าสนใจมาก เป็นเรื่องรักรันทดที่จบลงด้วยความตายของชายกล้าชาว ปา่ ดงผชู้ ่อื วิรงั คะ มุกรินคอ่ ยเล่าถึงทา่ นในคราวหน้ากแ็ ลว้ กนั นะ งว่ งแล้วละ่ จะไปนอนแล้ว

ผ้เู ฒ่าเลา่ ไว้ 97 หก กองไฟในคนื หนาว

98 ผู้เฒา่ เล่าไว้

ผ้เู ฒ่าเล่าไว้ 99 กองไฟในคนื หนาว ต้นปี ๒๕๔๘ อากาศเหน็บหนาวรุนแรง อาจหนาวที่สุดใน ชัว่ ชีวติ ของมกุ รนิ หนาวหนักหนา หนาวรุนแรงจนผิวแห้งแตก ต้องใช้โลชั่นหรือ นำ้ มนั บำรงุ ผวิ เขา้ ชว่ ย เสอ้ื กนั หนาว ชดุ กนั หนาว ถงุ เทา้ กนั หนาวแบบหนาๆ แทบไม่ไดถ้ อดตลอดวันตลอดคืน นำ้ ดื่มนำ้ ใชเ้ ยน็ เฉยี บ จะลา้ งหน้าหรอื ล้างมือแตล่ ะครัง้ กห็ นักใจ ดว้ ยวา่ น้ำกัดหน้ากดั มอื เหมอื นมปี ากแหลมๆ อยา่ งปากปลาเข็ม เพือ่ นๆ เคยเหน็ ไหม ปลาเข็มตวั เรยี วๆ เลก็ ๆ ชอบ วา่ ยกระดก๊ิ ๆ ขวางแรงนำ้ ปากมนั แหลมอยา่ งกบั เขม็ เยบ็ ผา้ เลยทเี ดยี ว “ยายไมห่ นาวบ้างหรือ” “หนาวเหมือนกันลูก” ยายหันมายิ้มให้เธอ “หนาวก็มาผิงไฟส ิ จะได้อุ่นขึน้ ” สาวน้อยส่ายหน้า เธอเองไม่คุ้นกับการผิงไฟ อีกอย่างก็เกรงว่า ควันไฟจะเข้าซุกในเรือนผม ทำให้ผมเหม็น หากเหม็นก็ต้องสระ...โหย แค่คิดถึงน้ำกข็ ยาด นีจ่ ะให้สระผมเหรอ ไมเ่ อาดีกว่า ตากับยายผิงไฟอยู่ด้วยกัน ด้วยเสื้อกันหนาวธรรมดา ไม่หนา