เทคโนโลยกี ารเพม่ิ ผลผลติ โดย รศ.ดร.อารยี วรัญูวัฒก ภาควิชาพืชไรนา คณะเกษตร มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร • ลกั ษณะทว่ั ไปของถว่ั ลสิ ง • ฤดปู ลกู • พันธุ • การเตรยี มดนิ • วิธีปลกู • การเตรยี มเมลด็ กอ นปลกู • การปฏบิ ตั ดิ แู ลหลงั ปลกู • ปยุ สําหรบั ถว่ั ลสิ ง • โรคแมลงศัตรูถั่วลิสง • การเกบ็ เกย่ี ว • การตาก • การกะเทาะ • การเก็บรักษา • การใชประโยชน
2 คํานํา เอกสารฉบับนี้ ผเู รียบเรียงตองการใหค วามรูทัว่ ๆ ไปเกี่ยวกับถั่วลิสง ถึงแมจะสอด แทรกวิชาการบาง เพอ่ื ใหผ อู า นไดป ระโยชน แตก พ็ ยายามใหง า ย ดังนั้นจึงถือวาเปน “เทคโนโลยใี นระดบั ปฏบิ ตั ิ” ซึ่งเกษตรกรสามารถนําไปใชได เนื้อหาสวนใหญจึงเปนกึ่ง วชิ าการและกึ่งปฏิบตั ิทเ่ี รียบเรยี งขน้ึ จากประสบการณข องผเู ขยี น สง่ิ ทอ่ี ยากเนน ในทน่ี อ้ี ยา งหนง่ึ คอื การนําถว่ั ลสิ งมาใชประโยชนในระดบั ไรนา จึง ใครข อเชญิ ชวนใหม กี ารบรโิ ภคถว่ั ลสิ งกนั อยา งกวา งขวาง เพอ่ื ใหส ภาวะการขาดแคลนสาร อาหารโปรตนี และพลงั งานในเดก็ ตามชนบทลดนอ ยลง ถา หากครอบครวั เกษตรกรจะไดน ํา ผลติ ผลบางสว นมาใชบรโิ ภคแทนท่ีจะปลูกเพอื่ การจําหนา ยเพยี งอยา งเดยี ว ผูเขยี นหวงั วา เอกสารฉบบั น้ี จะชว ยใหเ ทคโนโลยกี ารปลกู ถ่วั ลิสงของเกษตรกรไปสู จุดหมายสดุ ทา ยเดยี วกนั คอื ผลผลิตสูงและคุณภาพดี อารี วรัญูวัฒก
3 เทคโนโลยกี ารเพม่ิ ผลผลติ : ถั่วลิสง ถั่วลิสง ที่เรียกกันทั่วไปวา ถั่วดิน นบั วา เปน พชื ตระกลู ถว่ั ชนดิ เดยี วทม่ี กี ารนํามาใช บรโิ ภคแพรห ลายทส่ี ุดในประเทศ ซึ่งอาจจะอยใู นรูปใดรูปหนง่ึ แตท น่ี ยิ มกนั กวา งขวางทส่ี ดุ คอื ถว่ั ตม และถว่ั ทอด นอกจากนีถ้ ั่วลสิ งสามารถนําไปแปรรูปทําผลิตภณั ฑไดอกี มากมาย หลายชนดิ ดงั นน้ั ประมาณไดว า กวา รอ ยละ 90 ของผลผลติ จะถกู นํามาใชภ ายในประเทศ ถ่ัวลสิ งเปน แหลง สารอาหารโปรตนี อนั อดุ มสมบรู ณท ม่ี รี าคาถกู และยงั ใหส ารอาหาร ประเภทพลังงาน หรือไขมนั ท่ีมีคุณภาพดีกวา ไขมนั ทไ่ี ดจากสัตว ถา ทกุ ๆ ฝา ยทง้ั ภาครฐั บาลและเอกชนรว มกสั นับสนุนและสงเสรมิ ใหประชาชนบรโิ ภคถ่วั ลสิ งกันมากขน้ึ โดยเฉพาะ อยา งยงิ่ ชาวชนบท ทกุ ครอบครวั ในชนบททห่ี า งไกลกจ็ ะไดส ารอาหารประเภทโปรตนี และ ไขมนั ถา หากบรโิ ภคถ่วั ลิสงทม่ี คี ุณภาพดีอยูเปนประจํา “ดอกถว่ั ลสิ ง “ ฝก ถว่ั ลสิ ง ลกั ษณะทั่วไปของถั่วลิสง ถ่ัวลสิ งเปน พชื ลม ลกุ ขนาดเลก็ สูงประมาณ 40-50 เซนตเิ มตร อายตุ ง้ั แตป ลกู จนถึงเก็บเกี่ยวประมาณ 3-5 เดอื น ขน้ึ อยกู บั พนั ธแุ ละฤดปู ลกู ออกดอกเมอ่ื อายุ ประมาณ 30-40 วัน ดอกสเี หลอื งเกดิ ตามขอ เปนดอกสมบูรณเพศ คอื มีทง้ั เพศผแู ละ เพศเมยี อยใู นดอกเดยี วกนั เมื่อดอกบานก็จะเกิดการผสมพันธุในตัวเอง หลงั จากนน้ั รงั ไข จะยน่ื ยาวโผลอ อกมาเรยี กวา เข็ม ซึ่งจะงอลงดิน ปลายเขม็ เมอ่ื แทงลงดนิ แลว จะขยายตวั
4 กลายเปน ฝก ซึ่งปลายเข็มนี้ถาแทงลงไมถึงดิน ก็จะไมพัฒนาเปนฝก ภายในฝก จะมเี มลด็ สวนใหญม ปี ระมาณ 1-4 เมลด็ และมขี นาดเลก็ จนถงึ ใหญ เยอ่ื หมุ เมลด็ จะมสี แี ตกตา ง กนั ตามพนั ธุ ประเภทและพนั ธขุ องถว่ั ลสิ ง ทส่ี ําคัญ ๆ สามารถจะจําแนกประเภท ไดดังนี้ 1. ประเภทสแปนชี ถ่ัวลิสงประเภทนม้ี กั จะมใี บขนาดใหญ สเี ขยี วไมเ ขม นกั ออกดอกทกุ ขอ ในหนง่ึ ฝกมักมี 2 เมลด็ เมลด็ มขี นาดเลก็ ถงึ ปานกลาง ตัวอยางพันธทุ ีม่ ีปลูกในประเทศไทย คอื ไทนาน 9 2. ประเภทวาเลน็ เซีย ถั่วลิสงประเภทนี้มีลักษณะคลายกับประเภทแรก แตในฝกหนึง่ จะมี 3-4 เมลด็ เมลด็ มขี นาดเลก็ ถงึ ปานกลาง ตัวอยา งพนั ธทุ ป่ี ลกู ในประเทศไทย เชน ลําปาง ขอนแกน 60-2 และ พนั ธพุ นื้ เมอื งทม่ี เี มล็ดสแี ดงหรือสชี มพซู ดี มฝี กยาว พนั ธไุ ทนาน พนั ธุ สข.38 “พนั ธเุ กษตร 1
5 3. ประเภทเวอรจิเนีย ถั่วลิสงประเภทนี้มีลักษณะแตกตางจากอีก 2 ประเภททก่ี ลา วแลว กลา วคอื ใบมีขนาดเลก็ สเี ขยี วเขม กวา 2 ประเภทแรก ดอกจะเกดิ ทกุ 2 ขอ สลับกับ 2 ขอ ท่ี แตกออกเปนกิ่ง ดงั นน้ั การเกดิ ฝก จะกระจายไมแ นน เหมอื น 2 ประเภทแรก ในหนึ่งฝกมัก มี 2 เมลด็ และเมลด็ มขี นาดคอ นขา งใหญบ างพนั ธมุ เี มลด็ ใหญก วา 2 ประเภทแรกถึง 3 เทา ในประเทศไทยพนั ธทุ ่เี ปน ประเภทเวอรจเิ นียยงั ไมปลูกแพรหลายนัก ขณะนี้ก็มีพันธุ “เกษตร 1” ของมหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตรเ ทา นน้ั ที่มีเกษตรกรบางทองที่ใชปลูกเพื่อ ปอนโรงงานแปรรูปถั่วลิสง นอกจากลักษณะภายนอกของถ่ัวลิสงแตละประเภทจะแตกตางแลวองคประกอบทาง เคมภี ายในเมลด็ กม็ คี วามแตกตา งกนั ดว ย ดงั นน้ั ถ่ัวลิสงแตละประเภทจงึ มคี วามเหมาะ สมในการนําไปใชประโยชนแตกตางกัน แตในประเทศไทยยงั ไมม ีพนั ธถุ ่วั ลสิ งที่มคี ณุ สมบตั ิ เหมาะสมเฉพาะอยาง ดังนั้นเกษตรกรจงึ เลือกใชพันธทุ ่ีปลูกเพอ่ื ใชประโยชนท ั้งบริโภคโดย ตรงและเพอ่ื นําไปสกัดนํ้ามนั ได โดยทั่วไปถั่วลิสงประเภทเวอรจิเนยี มปี ริมาณนํ้ามนั ต่ํา จงึ เหมาะสําหรบั ใชท ําผลติ ภณั ฑแ ปรรปู เพราะมีอายุการเก็บรักษานาน ไมเ หม็นหนื งาย เหมอื นกับพันธุที่มีนํ้ามนั มาก และรสชาตใิ นการบรโิ ภคกย็ งั แตกตา งกนั อกี ดว ย สวนพันธุที่ มนี า้ํ มนั มากจึงเหมาะสําหรบั สกดั น้ํามนั และใชก ากทเ่ี หลอื ในอตุ สาหกรรมผลติ อาหารสตั ว ฤดูปลูก ถว่ั ลสิ งสามารถปลกู ไดต ลอดปถ า พน้ื ทป่ี ลกู มนี ้ํา ดงั นน้ั เกษตรกรอาจจะปลูกถั่ว ลิสงไวบริโภคเองไดในลักษณะปลูกเปนพืชสวนครัวไวใกล ๆ บาน แตโ ดยทว่ั ๆ ไปถั่วลิสง สามารถปลูกไดชวงเวลาดังนี้ 1. ฤดูแลง สวนใหญจ ะปลกู กนั ในบรเิ วณทม่ี คี ลองสง น้ําไปถงึ และเปน ทน่ี า หลงั จากเกบ็ เกย่ี ว ขาวแลว ปลูกตั้งแตเดือน พฤศจกิ ายนจนถงึ มกราคม 2. ตนฤดูฝน มักจะปลกู กนั ในทไ่ี ร กอ นทจ่ี ะปลกู พชื หลกั อยา งอน่ื ในบางแหงสามารถปลูกได ประมาณเดอื นมนี าคมหรอื เมษายน การปลูกถั่วลิสงตนฤดูฝนนี้ เกษตรกรในแตละทอ งทจ่ี ะ
6 ตองพิจารณาถงึ ความเหมาะสมในทอ งทน่ี น้ั ๆ ตามลกั ษณะของสภาพดนิ ฟา อากาศ ซง่ึ อาจ จะปลูกไดผลดีหรือไมดี เนอ่ื งจากความแปรปรวนของฝนในแตล ะป 3. ปลายฤดูฝน เปนการปลูกในที่ไรเชนเดียวกัน แตอ าจจะปลกู ตามพชื หลกั ชนดิ อน่ื ทเ่ี กบ็ เกย่ี วแลว เชน ขา ว โพด เปน ตน การปลูกในฤดูนี้จะมีความเสย่ี งเชน เดยี วกับตน ฤดูฝน ถาปใดฝนตกลาออกไป ถ่ัวลสิ งกจ็ ะไดค วามชน้ื พอเพยี ง แตเ ปน การเสย่ี งเกนิ ไปสําหรบั ปลกู ถว่ั ลสิ งทม่ี อี ายยุ าว การจะปลูกถั่วลิสงใหไดผลดีนั้น จะตองพิจารณาถึงอายุของพันธุที่ใชเปนเกณฑ สิ่ง ทต่ี อ งคํานึงถึง คอื ถั่วลิสงจะตองไดรับนํ้าฝนพอเพียงในชวงเจริญเติบโตและไดรับใน ปรมิ าณทน่ี อ ยลงเมอ่ื จะเกบ็ เกย่ี ว เพราะเมื่อเก็บเกี่ยว ดนิ จะตอ งมคี วามชน้ื พอควร เพื่อ สะดวกในการถอนตน ถา ดนิ แหง เกนิ ไป จะทําใหก ารดงึ ถอนตน ลําบาก และขาดจากกนั ได ทาํ ใหส ญู เสยี ผลผลติ ไป ดงั นน้ั จากประสบการณของผูเขียนพบวา ชว งทเ่ี หมาะทส่ี ดุ ของ การปลูกถั่วลิสงในฤดูฝน คอื ประมาณตน ถงึ กลางเดอื นกรกฎาคม อยางไรก็ตาม เกษตรกรควรพิจารณาดสู ถิติการตกของฝนในแตล ะทองที่ประกอบดวย การปลกู และเกบ็ เกย่ี ว ถวั่ ลิสงที่เหมาะสมกับฤดูกาลจะไดผลิตผลที่ดี มีคุณภาพ พันธุ การเลอื กใชพ นั ธปุ ลกู ขน้ึ อยกู บั ความตอ งการของตลาดในแตล ะทอ งที่ พนั ธทุ น่ี ยิ ม ปลูกกันทั่วไป คอื ประเภทสแปนีช และ วาเล็นเซีย สวนประเภทเวอรจิเนีย* นบั วา เปน ชนดิ ใหม และมีปลูกในบางแหงสําหรบั การอตุ สาหกรรมแปรรปู ถ่ัวลิสงทงั้ 3 ประเภท มพี นั ธุที่แนะนําใหรจู ัก คอื 1. พนั ธุไทนาน 9 เปนพวกสแปนีช ขนาดฝก เลก็ มี 2 เมลด็ ตอ ฝก เมล็ดสีชมพูซีด อายเุ กบ็ เก่ียว เมื่อปลูกในฤดูฝนประมาณ 100 วัน 2. พนั ธุพื้นเมือง มีปลกู หลายพนั ธุ แตพ นั ธทุ ป่ี ลกู สําหรบั ขายฝก สดทําถั่วตม มีเมล็ดสีแดง ฝกมี 3- 4 เมล็ด ฝกคอนขา งตรง เมลด็ แนน อายเุ กบ็ เกย่ี วประมาณ 95 วนั 3. พนั ธุเกษตร 1 อายุประมาณ 120 วัน ขนาดฝก ใหญ มี 2 เมลด็ ตอ ฝก เมล็ดสีชมพูสด
7 ถาเกษตรกรปลกู ในฤดแู ลง ซึ่งมักมีอากาศเย็น การงอกและการเจริญเติบโตจะชากวาการ ปลกู ในฤดฝู น ดงั นน้ั อายุเก็บเกี่ยวของพันธุที่กลาวนี้จะลาชาออกไปอีกประมาณ 5-10 วัน การเตรียมดิน 1. ดินไร ไถเตรยี มดินเชน เดียวกบั การปลกู พืชไรท ัว่ ไป คอื ไถดะ แปร และไถพรวน ยอยดินใหเปนกอนเลก็ พอควร ดนิ ทม่ี เี นอ้ื เหนยี วมาก ไมเหมาะที่จะใชปลูกถั่วลิสง เพราะ การลงฝก และการเจรญิ เตบิ โตของฝก จะไมด ี และยงั ทําใหเก็บเกี่ยวลําบากอีกดวย 2. ดินนา ทําเชน เดยี วกบั การเตรยี มดนิ ไร แตใ นบางแหง อาจเตรยี มดนิ นาโดยใชแ รงสตั ว เพอื่ ยกรองสําหรบั ปลูกและสะดวกแกก ารใหน้ํา ดงั นน้ั ระยะหางระหวางสันรองอาจไม สามารถทําไดต ามระยะทต่ี อ งการ ในบางแหง ทเ่ี ปน นาลมุ ความชน้ื ในดนิ ดี และมนี ้ําใตด นิ อยตู น้ื การเตรยี มดนิ อาจทําเชน เดยี วกบั การเตรยี มดนิ ไร คอื ไมต อ งยกรอ ง เพื่อใหนํ้าแตป ลกู บนพน้ื ราบตาม ระยะทก่ี ําหนด กอนการพรวนดนิ ครง้ั สดุ ทา ย ถา ดนิ เปน กรดควรหวา นดว ยปนู ขาว ปริมาณที่ ใชข น้ึ อยกู บั ผลการตรวจวเิ คราะหด นิ นอกจากนี้ควรหวานปุยลงไปกอนพรวน ทั้งนี้เพื่อ เปน การคลกุ เคลา ปยุ ลงดนิ รากพชื จะมโี อกาสดดู ใชป ยุ ไดด ขี น้ึ วิธีปลูก การปลกู ใหย ดึ หลกั “ดินเลวปลูกถี่ดินดีปลูกหาง” คอื ถา ดนิ ดใี หป ลกู แถวหา งกวา ดนิ เลว การเลือกใชระยะระหวางแถวที่พอเหมาะจะทําใหไดผลผลติ สูงสุด และยังเปน การ ควบคุมวัชพืชไดดวย ถาปลูกแถวหางเกินไป เมอ่ื ตน ถว่ั เจรญิ เตบิ โตเตม็ ทแ่ี ลว พุมใบยัง คลมุ ไมช ดิ กนั นอกจากจะเปนการสูญเสียพื้นที่วางเปลาระหวางแถวแลว ยงั ทําใหว ชั พชื ขน้ึ มารบกวนไดด ว ย ระยะแถวที่เหมาะสําหรับพันธุถั่วลิสงที่ใชปลูก มดี งั น้ี 1. ถาปลกู ถว่ั ลสิ งในฤดแู ลง และดนิ ไมค อ ยอดุ มสมบรู ณ ควรใชระยะระหวางแถว ประมาณ 30 เซนตเิ มตร ระยะระหวางหลุม 20 เซนตเิ มตร ยกเวนเมื่อปลูกในนาซึ่ง
8 อาจจะยกรอ งใหแ คบ ตามทก่ี ําหนดไดย าก ระยะแถวอาจกวางกวานี้ เพื่อสะดวกแกการให นา้ํ ดวย 2. ถาปลกู ในฤดฝู นและดนิ คอ นขา งอดุ มสมบรู ณพ ชื จะเจรญิ ไดด ี ดงั นน้ั ควรใชร ะยะ ระหวางแถวกวางประมาณ 50 เซนตเิ มตร บนพน้ื ทด่ี อน หลงั จากพรวนดนิ ครง้ั สดุ ทา ยแลว ใหกะระยะแถวไวดวยหลักเล็ก ๆ แลวใชเ ชอื กขงึ ไปจนสดุ ขอบของแปลงอกี ดา นหนง่ึ จากนน้ั กห็ ยอดเมลด็ เปน หลมุ ๆ ตาม แนวเชอื กทข่ี งึ ใหระยะหางระหวางหลุมประมาณ 20 เซนตเิ มตร ขอแนะนําใหซ อ้ื เครอ่ื ง หยอดเมลด็ แบบใชม อื ถอื ลักษณะแบบเดยี วกับที่ใชหยอดขา วโพด แตค วรสง่ั ทําใหไ ดร ะยะ หางระหวางหลุม 20 เซนตเิ มตร การใชเ ครอ่ื งหยอดแบบนส้ี ามารถปลกู ไดเ รว็ และควร ลกึ สม่าํ เสมอดกี วา ใชว ธิ ขี ดุ หลมุ ปลกู ควรหยอดเมล็ดหลุมละไมเกิน 2 เมลด็ และควรเลอื กใชเ มลด็ พนั ธทุ ด่ี มี คี วามแขง็ แรง ถงึ จะไดต น ทส่ี มบรู ณแ ละเจรญิ เตบิ โตดี การหยอดมากกวา 2 เมลด็ ตอ หลมุ นอก จากไมชว ยเพ่ิมผลผลิตแลว ยงั ทําใหส น้ิ เปลอื งเมลด็ อกี ดว ย ถาปลกู บนรอ งกป็ ฏิบตั ิเชน เดียวกัน คอื หยอดเมลด็ ตามขา งสนั รอ งทง้ั 2 ขา ง วิธี นี้จะไดระยะระหวางแถวบนสันรองเดียวกันหางกันประมาณ 25-30 เซน็ ตเิ มตรเทา นน้ั แตร ะหวางสนั รอ งอาจหางกนั มากกวา 50 เซ็นติเมตรซึ่งใชเปนรองสําหรบั ใหน ้ํา การหยอดเมลด็ ตามระยะปลกู ทก่ี ําหนดดว ยอตั ราดงั กลา ว จะตอ งใชเ มลด็ พนั ธทุ ่ี กะเทาะเปลือกแลวประมาณ 15 ถึง 20 กโิ ลกรมั ตอ ไร ขน้ึ อยกู บั พนั ธทุ ใ่ี ชป ลกู ถาเปน พันธุพวกเมล็ดขนาดกลางอาจใชประมาณ 15 กโิ ลกรมั พนั ธุเมล็ดใหญใ ชประมาณ 20 กโิ ลกรัม หรอื เปน น้ําหนักทั้งเปลือกประมาณ 22 กโิ ลกรมั และ 30 กโิ ลกรมั ตาม ลาํ ดบั เครื่องหยอดเมล็ดแบบมอื ลักษณะการปลกู ถว่ั ลสิ งบนพน้ื ราบ
9 การเตรียมเมล็ดกอนปลูก เมลด็ พนั ธุท จี่ ะใชปลกู ควรเลอื กเมลด็ ทไ่ี ดม าจากตน ทม่ี ลี กั ษณะตรงตามพนั ธแุ ละ เปน เมลด็ ใหมท ม่ี อี ตั ราความงอกดี ดงั นน้ั เกษตรกรควรแนใ จวา เปน เมลด็ ทม่ี คี ณุ ภาพดี ทางทด่ี คี วรเกบ็ เมลด็ ไวท ําพันธุเอง เมล็ดทม่ี คี ณุ ภาพดคี อื เมลด็ ทก่ี ะเทาะดว ยมอื ถา กะเทาะดว ยเครอ่ื ง จะตอ งคดั เมลด็ แตกหรอื ผวิ ถลอกออก และจะตองรีบนําไปปลูกทันที การทิง้ เมลด็ ท่ีกะเทาะดวยเครื่องไว นาน จะเสื่อมความงอกเร็วกวาเมล็ดที่กะเทาะดวยมือ ถาเกษตรกรใชพันธุประเภทเวอรจิ เนีย เมล็ดจะมีระยะพักตัว เมล็ดใหมจะไมงอก ดงั นน้ั จะตอ งทง้ิ ไวใ นทท่ี ่เี หมาะสมนานกวา 2 เดอื นจงึ นําไปปลูก ถาเปนเมล็ดใหมที่เก็บมาจากไร หากจะนําไปปลูกตอ งทําลายระยะ พกั ตัวกอน คอื หลงั จากกะเทาะเมลด็ แลว ใหน ําไปอบดวยความรอน ใชอ ณุ หภมู ิ 50 องศา เซลเซยี ส เปน เวลานาน 72 ช่ัวโมง (ประมาณ 3 วัน ) ถึงแมจะไมสะดวกในทางปฏิบัติ สาํ หรับเกษตรกร แตก เ็ ปน วธิ เี ดยี วทไ่ี ดผ ลดใี นขณะน้ี การใชเ มลด็ ขนาดเลก็ หรอื ใหญใ หผ ลไมต า งกนั ขอเพยี งแตใ หเ ปน เมลด็ ทส่ี มบรู ณ คือไมเ หย่ี วยน หรอื มตี ําหนิ หรอื เปน เมลด็ ทม่ี กี ลน่ิ เหมน็ หนื ซึ่งแสดงวาเปนเมล็ดเกา และ ไมม คี วามแขง็ แรง ถงึ แมว า อาจงอกแตต น กลา จะเจรญิ เตบิ โตชา และออ นแอกวา เมอ่ื ปลกู ดว ยเมลด็ คณุ ภาพดี กอ นนาํ เมลด็ ไปปลกู ควรปฏิบัติตอเมล็ด ดังตอไปนี้ 1. คลุกสารเคมี ควรคลกุ เมลด็ ดว ยสารเคมกี อ นนําไปปลูก ทง้ั นเ้ี พอ่ื ปอ งกนั เชอ้ื ราเขา ทําลายตน กลาทง่ี อก สารเคมที ใ่ี ชค ลกุ เมลด็ เชน ไวตาแวกซ โดยใชส าร 2 กรัม (ประมาณครึ่ง ชอนชา) ตอ เมลด็ 1 กโิ ลกรมั ใชว ธิ คี ลกุ แหง คอื เขยา สารเคมกี บั เมลด็ ใหท ว่ั 2. คลุกเชื้อไรโซเบี้ยม ถา หากดนิ ไมด แี ละไมเ คยปลกู ถว่ั ลสิ งมากอ น ควรใชไ รโซเบย้ี มคลกุ เมลด็ กอ น ปลูก แตไ มค วรคลกุ สารเคมี ตอ งรบี ปลกู เมลด็ ทค่ี ลกุ ไรโซเบย้ี มทนั ที และระวงั อยา ให เมลด็ ตากแดดเพราะเชอ้ื จะตาย ควรอา นและปฏบิ ตั ติ ามขอ แนะนําการใชเชื้อไรโซเบี้ยมจาก ขา งถงุ อกี ครง้ั หนง่ึ
10 การปฏบิ ตั ดิ แู ลหลงั ปลกู หลงั จากหยอดเมลด็ เสรจ็ แลว ควรปฏบิ ัตดิ แู ลและบํารุงรักษาแปลงปลูก ดงั น้ี 1. ควรฉีดพนแปลงปลกู ดวยสารเคมเี พ่ือควบคุมวชั พืช การฉดี สารเคมปี ระเภท คมุ กําเนิด” วัชพืชน้ีมีขอดีคือ จะชว ยควบคมุ วชั พชื หลายชนดิ ไดน านประมาณ 1 เดอื น ซงึ่ จะชวยใหเกษตรกรไมตองเสียแรงงานกําจดั วชั พชื มาก โดยเฉพาะอยางย่งิ ถา ปลูกถ่ัวลิสง ในพ้ืนทข่ี นาดใหญ มกั จะดายหญา ไมท นั การมวี ชั พชื ขน้ึ แขง ขนั กบั ตน ถว่ั ในระยะแรก จะ ทาํ ใหผ ลผลติ ลดลงมาก หรอื อาจจะไมไดผ ลผลติ เลยถา ไมม ีการกําจัดวชั พืช การฉดี สารเคมตี อ งทําทนั ทหี ลงั ปลกู และดนิ ตอ งมคี วามชน้ื พอควร ถา หลงั จากฉดี แลว ไมม ฝี นตกเลยภายใน 7 วัน จะตอ งฉดี ใหม เพราะสารเคมีจะสูญสลายไมสามารถ ทําลายวชั พชื ทข่ี น้ึ ทหี ลงั ได สารเคมที ใ่ี ชไดผลดกี ับถ่ัวลสิ ง คอื พวกอะลาคลอร เชน แลสโซ หรอื จะใชดูอัลก็ได สารพวกนต้ี อ งฉดี กอ นพชื งอก โดยฉดี พน ใหท ว่ั ทง้ั แปลง ใชส ารเคมี อตั ราประมาณ 500 ซีซี (ครง่ึ ลติ ร) ผสมกับนํ้าฉดี ใหท ว่ั พน้ื ท่ี 1 ไร 2. ในพน้ื ทท่ี ใ่ี หน ้ําได ถา ดนิ ทเ่ี ตรยี มไวแ หง เกนิ ไป และเมอ่ื ฉดี สารเคมดี งั กลา วมา แลว ส่งิ ท่ตี อ งปฏบิ ัตหิ ลงั จากปลกู แลว คอื การใหน ้ําถั่วลิสงจะงอกภายใน 7 วนั หลงั ปลกู จะตอ งใหน ้ําครั้งที่สองและครั้งตอไปประมาณทุก 7-10 วัน ขน้ึ อยกู บั สภาพแวดลอ ม ถั่ว ลสิ งตอ งการน้ํามากในระยะออกดอกและมากทส่ี ดุ เมอ่ื อายปุ ระมาณ 2 เดอื น หลงั จากนน้ั กจ็ ะตองการนํ้านอ ยลง เกษตรกรตอ งหมน่ั สงั เกตดดู ว ย ถาถว่ั ลสิ งเหีย่ วเฉาเวลาเที่ยงวนั แสดงวา ขาดน้าํ ควรรบี ใหน ้ําทดแทน สาํ หรบั ในพน้ื ทท่ี อ่ี าศยั น้ําฝน การใหน ้ําอาจทําตามกําหนดไมไ ด เพราะตองพึ่งพา ธรรมชาตอิ ยา งเดยี วเทา นน้ั 3. เมื่อถั่วอายุประมาณ 28-30 วัน จะเรม่ิ ออกดอก แตป ระเภทเวอรจ เิ นยี จะออก ดอกเมื่ออายุประมาณ 35 วัน หากปลกู ฤดแู ลง ทม่ี อี ากาศเยน็ การออกดอกจะชาออกไป อีกประมาณ 5 วัน ในระยะนส้ี ิ่งทเ่ี กษตรกรจะตองปฏิบัตใิ นคราวเดยี วกันคอื 3.1 การดายหญา ถึงแมจะใชสารเคมีคุมกําเนดิ วชั พชื แตเมื่อถึงชวงนี้จะมีวัชพืช งอกมากขน้ึ เพราะยาปราบวชั พืชหมดฤทธคิ์ มุ จึงจําเปน ตอ งดายหญา ชว ยครง้ั แรก 3.2 เนอ่ื งจากไดใ สป ยุ ไปแลว เมอ่ื ตอนเตรยี มดนิ ดงั นน้ั หลงั จากดายหญา แลว ควรพรวนดนิ กลบโคน โดยเฉพาะอยา งยง่ิ การปลกู บนทร่ี าบ ตามทไ่ี รท ว่ั ๆ ไป การพรวน ดนิ กลบโคนจะชว ยทําใหผ ลผลติ เพม่ิ ขน้ึ ถาเกษตรกรเลือกปลูกถั่วพวกเวอรจิเนีย ซึ่งตองการธาตุแคลเซี่ยมมากกวาถั่วพวก สแปนชี จะตองหวานปุย เชน ผงยิบซมั่ บริเวณขางแถว อัตราไรละประมาณ 25 กโิ ลกรมั แลว จงึ พรวนดนิ กลบโคน
11 ในแปลงปลกู ถั่วลิสงแบบวธิ ียกรอง การพรวนดนิ กลบโคนอาจทําไดล ําบาก แตจ ํา เปน ตอ งดายหญา เพราะมกั มหี ญาขน้ึ มาก การใสปุยยิบซมั่ อาจทําไดโ ดยการหวา นบนสนั รอ ง แลว ปยุ จะละลายน้ําลงไปในดนิ เอง 3.3 หลงั จากนอ้ี าจจําเปน ตอ งฉดี สารเคมปี อ งกนั โรค โดยเฉพาะอยา งยง่ิ เมอ่ื ปลกู ถ่ัวลิสงในฤดฝู น โรคใบจุดมักจะเริ่มระบาด การฉดี สารเคมแี ตเ นน่ิ ๆ จะปองกันการระบาด ไดดีกวา การฉดี เยยี วยาแกไ ข สารเคมที ใ่ี ชไ ดผ ลดมี ชี อ่ื การคา วา ดาโคนลิ และ คารเบ็นดาซิม เปน ตน โดยใชส ารประมาณ 30 กรัม ผสมกับนํ้า 20 ลติ ร ฉดี พน ใหท ว่ั ใบ และฉดี หางกันทุก 10-15 วัน รวมฉดี ทง้ั หมด 4-5 ครง้ั 4. ถา พบวา มหี นอนทําลาย หรอื มีเพลยี้ จกั๊ จน่ั ระบาด อาจผสมสารเคมีกําจดั แมลง ฉีดพรอ มกับสารเคมีปองกันโรค แตถาแมลงยังไมรบกวนมาก กไ็ มต อ งใชส ารฆา แมลง 5. การปฏิบัติอื่นๆ ทกี่ ลา วมาแลวนัน้ เปนการปฏบิ ตั ติ ั้งแตปลกู ถั่วลสิ งจนถงึ เมอื่ ถัว่ อายุประมาณ 1 เดอื นเศษๆ หลงั จากนใ้ี หค อยดแู ลเรอ่ื งการใหน ้ําและการฉดี สารเคมปี อ งกนั แมลงตามความจําเปน ถงึ แมจ ะมแี มลงศตั รหู ลายชนดิ ทท่ี ําลายถว่ั ลสิ ง แตท ร่ี นุ แรงและมี ผลตอผลผลติ มเี พียง 2-3 ชนดิ เทา นน้ั ตอ งเลอื กใชส ารเคมใี หถ กู ชนดิ จงึ จะไดผ ล นอกจาก นเ้ี กษตรกรอาจพิจารณากําจดั วชั พชื อกี 1 ครง้ั ข้ึนอยูก ับวา มีวชั พชื มากนอยเพยี งใด ขอ ควรตระหนัก คอื การเขา ไปดายหญา เมอ่ื ถว่ั ลงฝก แลว อาจเปน ผลเสยี มากกวา ผลดี ดงั นน้ั การกําจดั วชั พชื ครง้ั แรกจงึ ตอ งทําใหด ถี า ถว่ั ขน้ึ คลมุ พน้ื ทด่ี แี ลว วชั พชื จะขน้ึ ไดน อ ย จะมี ก็เปน เพยี งหญา ตน เลก็ ๆ หรอื พชื ตน ใหญบ างอยา งทข่ี น้ึ ประปราย ซึ่งสามารถถอนทิ้งดวย มอื ไดส ะดวก เกษตรกรจงึ ตอ งหมน่ั ตรวจตราไรอ ยเู สมอ ไมควรปลอยทิ้งไวรอการเก็บเกี่ยว เทา นน้ั ปยุ สําหรับถั่วลิสง โดยทว่ั ไปดินทีป่ ลูกถั่วลสิ งมกั จะมธี าตุฟอสฟอรัสและไนโตรเจนตํ่า สว นธาตอุ าหาร หลักอื่น ๆ มักจะไมขาด แตจ ําเปนตองไดเพิ่มเติมลงไปในดินในรูปของปุย ธาตอุ าหารหลกั ท่ีจะตอ งใสใ นรปู ของปยุ วทิ ยาศาสตรเ สมอคอื ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโปแตสเซย่ี ม โดยเฉพาะอยา งยง่ิ ธาตไุ นโตรเจน ควรจะใสล งไปในดนิ พรอ มกับปลกู เพราะพืชตองการใช ในการเจรญิ เตบิ โตตง้ั แตเ ปน ตน กลา หลงั จากนน้ั พชื สามารถตรงึ ธาตไุ นโตรเจนไดเ องโดย เช้ือจุลนิ ทรยี ท อ่ี ยใู นปมราก ความตอ งการปุยของถ่ัวลิสง คลา ยกบั พชื ตระกลู ถว่ั ชนดิ อน่ื ๆ คือ ตอ งการธาตไุ นโตรเจน และโปแตสเซย่ี มคอ นขา งนอ ย แตต อ งการธาตฟุ อสฟอรสั ใน ปรมิ าณท่สี งู กวา ดงั นน้ั สตู รปยุ สําหรบั ถว่ั ลสิ งทท่ี างราชการแนะนําใหใชจึงมักจะเปนอัตรา
12 สวนของธาตอุ าหารทง้ั 3 ชนดิ (ไนโตรเจน : ฟอสฟอรัส : โปแตสเซย่ี ม ) ดงั นน้ั 1 : 3 : 2 หรอื 1 : 3 : 1 หรอื 1 : 2 : 1 เชน ปุย สตู ร 3-9-6 สาํ หรบั ดนิ ทค่ี อ นขา งอดุ มสมบรู ณ 6-18-6 สําหรบั ดนิ ทอ่ี ดุ มสมบรู ณป านกลาง 12-24-12 สําหรบั ดนิ ทอ่ี ดุ มสมบรู ณน อ ย อยางไรก็ตาม การจะไดป ยุ สตู รดงั กลา ว จะตองใชปยุ เด่ยี วมาผสมเองนอกจากสตู ร ท่ี 3 ซึ่งในบางทองที่มีปุยสําเร็จจําหนา ย หรอื จะใชส ตู รใกลเ คยี งกนั เชน 13-27-13 ก็ ได ตวั เลขสตู รปยุ ทแ่ี สดงหมายความวา ปยุ หนกั 100 กโิ ลกรมั จะมีธาตไุ นโตรเจน ฟอสฟอรัส และโปรแตสเซย่ี ม เปนจํานวนกโิ ลกรมั ตามตวั เลขทแ่ี สดงไวต ามลําดบั ฉะนน้ั ในทางปฏบิ ตั แิ ลว ถา เกษตรกรตอ งการจะใชป ยุ สตู ร 6-12-6 อาจจะซื้อปุยสําเรจ็ สตู ร 12-24-12 มาใช โดยใสเ พยี ง 50 กโิ ลกรมั ตอ ไร กจ็ ะไดป ยุ ตามทต่ี อ งการหรอื ใกล เคียง ถา ตอ งการใหไ ดส ตู ร 6-18-6 ก็สามารถเสริมดวยแมปุยที่ใหฟอสฟอรัสเขาไปอีก สําหรบั ธาตอุ าหารชนดิ อน่ื ๆ ดนิ สว นใหญม กั มีพอเพยี ง นอกจากดนิ บางชนดิ เชน ดินดําทม่ี สี ภาพเปน ดา ง ถว่ั ลสิ งจะแสดงอาการขาดธาตเุ หลก็ รนุ แรง จงึ ควรหลกี เลย่ี งการ ปลกู ในพน้ื ทด่ี งั กลา ว โรค และแมลงศัตรูถั่วลิสง โรคของถว่ั ลสิ ง โรคทร่ี ะบาดและทําความเสียหายอยางรุนแรงกับถั่วลิสงและมักพบเสมอ คอื 1. โรคใบจุด มี 2 ชนดิ ๆ แรกคอื ใบจดุ สนี ้ําตาล ซึ่งมักเกิดในระยะแรก และใบจดุ สดี ํา มัก จะระบาดในชว งหลงั ทง้ั 2 ชนดิ อาจเกดิ ดว ยกนั ซึ่งจะทําความเสยี หายจนไมไ ดผ ลผลติ เพราะวาลําตน จะเนา เปอ ยกอ นแก และใบรว งหลน จนหมด ในการปลูกถั่วลิสงมักจะพบโรค ใบจุดเสมอ จงึ ตองฉดี สารเคมีปองกนั ไวก อ นท่เี ชือ้ โรคจะปรากฏอาการใหเ หน็ ลักษณะอาการของโรคทง้ั 2 ชนดิ แตกตา งกนั คอื โรคใบจดุ สนี ้ําตาลจะมวี งรอบ รอยแผลสเี หลอื งสว นใบจดุ สดี ําจะมรี อยแผลสดี ํา การปองกันกําจดั จะตอ งใชส ารเคมเี ทา นน้ั
13 และตอ งทําเมอ่ื ถัว่ ลิสงเริ่มออกดอก หรอื อยา ใหช า กวา นน้ั มากนกั สารเคมที ใ่ี ชไ ดผ ลดี คอื ดาโคนลิ และคารเ บนดาซมิ โรคใบจดุ สดี ํา โรคใบจุดสีนํตา าล 2. โรคราสนมิ บางครง้ั อาจไมร ะบาดหรอื อาจพบระบาดพรอ มกบั โรคใบจดุ จงึ ทําความเสยี หายรนุ แรงได อาการของโรคคอื เปน จดุ เลก็ ๆ สีแดง บริเวณใตใบ ถา เปน รนุ แรงจะทําใหใบรวงและ ทาํ ใหผลผลิตลดลง ดังนั้น จําเปนตองใชส ารเคมผี สมฉดี รวมกับสารเคมที ่ใี ชฆา แมลง เชน เบ็นเลท หรอื ดาโคนีล ทใ่ี ชป อ งกนั โรคใบจดุ 3. โรคโคนเนาขาด เกิดจากเชอ้ื ราทม่ี อี ยใู นดนิ เขา ทําลาย เกิดไดกับถั่วทุกระยะ บรเิ วณโคนเนา มเี สน ใยสีดํา ทําใหต นถว่ั ตายเปน หยอ ม ๆ ปองกันไดโดยการใชสารเคมีคลุกเมล็ดกอนปลูกดังกลาว มาแลว 4. โรคโคนเนาขาว เกิดจากเชอ้ื ราในดนิ เชน เดยี วกนั แตโ คนตน บรเิ วณทเ่ี นา จะมเี สน ใยสขี าว และ มกั จะพบสว นขยายพนั ธขุ องเชอ้ื ราเปน เมด็ เลก็ ๆ สนี ้ําตาล การคลกุ เมลด็ ดว ยสารเคมกี อ น ปลกู จะชว ยปอ งกนั โรคนไ้ี ดด ี
14 แมลง แมลงทเ่ี ปน ศตั รถู ว่ั ลสิ งมหี ลายชนดิ แตท ส่ี ําคัญและมักจะพบระบาดทําความเสยี หาย แกถั่วลิสงเสมอ คอื โรคโคนเนา ขาว 1. หนอนชอนใบ ตวั เตม็ วยั เปน ผเี สอ้ื กลางคนื ซึ่งจะวางไขบนใบถั่วลิสงและจะฟกเปนตัวหนอน ภายใน 3-5 วัน ตวั หนอนมขี นาดเลก็ ยาวประมาณ 0.5 เซนตเิ มตร อาศยั อยใู นใบท่ี หนอนชักใยหอไว และแทะกินผิวใบถั่วลิสงอยูในนั้น ใบทหี่ อนีจ้ ะเปนใบเดยี่ ว ถาระบาด มากจะทําใหตนถั่วไมมีใบปรุงอาหาร ตน ถว่ั ลสิ งจะตายในทส่ี ดุ 2. หนอนมว นใบ ตัวเตม็ วยั เปน ผเี สอ้ื กลางคนื ซึ่งมีอยู 3 ชนดิ ทว่ี างไขบ นตน ถว่ั ไขจะฟกเปนตัว หนอนมีขนาดใหญก วา หนอนชอนใบ คือยาวประมาณ 2 เซนตเิ มตร หนอนจะมวนใบถั่ว หลาย ๆ ใบมาหอ หมุ ตวั แลว อาศยั กดั กนิ ใบในนน้ั ถาระบาดมากจะทําใหต น ถว่ั ตายไดเ ชน เดยี วกนั ท้ังหนอนชอนใบและหนอนมว นใบ มักจะระบาดในระยะที่ฝนทิ้งชวงเมื่อสังเกตเห็น ใบถั่วลิสงมวนหอ ถา คลด่ี เู หน็ วา มตี วั หนอนชนดิ ใดชนดิ หนง่ึ สามารถกําจดั ได ดว ยสาร เคมชี นดิ เดยี วกนั คอื โมโนโครโตฟอส ซง่ึ มชี อ่ื การคา หลายอยา งเชน อะโซดริน อะโกร ดนิ และคอมแบท โดยผสมสารเคมเี ขม ขน 0.05% ฉดี พน ใหท ว่ั ทง้ั แปลง 3. เพลี้ยจกั๊ จั่น ทง้ั ตวั ออ นและตวั เตม็ วยั จะดดู กนิ น้ําเลี้ยงบริเวณใตใบถั่ว มักระบาดในชวงฝนทิ้ง ชว งนานๆ ถาระบาดมากจะทําใหใ บแหง ตายได เมื่อเดินเขาไปในไรและพบวา มแี มลง
15 กระโดดออกมาจากตน ถว่ั ลสิ ง และพบวาปลายใบถั่วมีสีเหลือง ซึ่งเปนอาการที่แสดงใหรู วา มเี พลีย้ จกั๊ จั่นระบาดมากแลว จะตอ งฉดี สารเคมกี ําจัด โดยใชส ารพวกคารบ ารีล เชน เซฟวิน อตั ราความเขม ขน 0.2 % หรอื โมโนโครโตฟอสทใ่ี ชก บั หนอนชอนใบ หนอน มวนใบ ความเขม ขน 0.03% ฉดี พน ใหท ว่ั แมลงชนดิ นจ้ี ะระบาดรนุ แรงและพบบอ ยเมอ่ื ปลกู ถว่ั ลสิ งในหนา แลง การฉดี สารเคมปี อ งกนั กําจดั แมลงน้ี ยังเปน การควบคุมการระบาดของโรคถั่วลิสง บางชนดิ ทม่ี แี มลงพวกเพลย้ี ออ นเปน พาหะนําโรคไดด ว ย เชน โรคใบดา ง เปน ตน 4. เพลย้ี ออ น เปน แมลงทม่ี กี ารขยายพนั ธรุ วดเรว็ จะระบาดเมอ่ื อากาศแหง แลง เชน เดยี วกบั เพล้ยี จก๊ั จ่นั และเปนพาหะนําโรคใบดางถว่ั ลิสงไดด วย การใชส ารเคมเี ชน เดยี วกบั ทใ่ี ชก บั แมลงศตั รทู ง้ั 3 ชนดิ ทก่ี ลา วแลว สามารถปอ งกนั การระบาดของเพลย้ี ออ นและโรคใบดา ง ไดด ว ย 5. เสี้ยนดิน เปน มดชนดิ หนง่ึ ตวั สนี ้ําตาล อาศยั อยใู นดนิ ใกลป า จะระบาดเมื่อถั่วลิสงสรางฝก มดจะเจาะเขา ไปกินเมล็ดถั่วลิสงภายในหมด และมดี นิ มาแทนท่ี ถาพบวาบริเวณใดมีปญหา เร่ืองเสย้ี นดนิ เคยระบาด ควรใชส ารเคมเี ชน ฟรู าดาน หวานทั้งแปลงเมื่อถั่วลิสงเริ่มออก ดอก และหวา นครง้ั ทส่ี องหลงั จากคร้งั แรกประมาณ 1 เดอื น ไมควรใชส ารเคมที ม่ี กี ารสลายตวั ยาก เชน ดลี ดรนิ หรอื เอ็นดริน เพราะวาสาร เคมีเหลาน้ีจะเขา ไปปนเปอ นในเมลด็ ถั่วลิสง ซง่ึ มอี นั ตรายถงึ คนและยงั สะสมในดนิ นาน เปน การทําใหเ กดิ มลภาวะตอ สง่ิ แวดลอ มดว ย ศัตรูอื่นๆ ศตั รทู ส่ี ําคญั อกี ชนดิ หนง่ึ ของถว่ั ลสิ ง คอื หนู โดยเฉพาะอยางยิ่งจะมีระบาดมากถามี โรงงานหรือฟารมเลี้ยงสัตว เชน ไกแ ละหมอู ยใู กล ๆ พวกหนูจะมาขุดกินฝกถั่วลิสง ซึ่ง อาจทําใหผ ลผลติ ลดลงกวา 50 เปอรเซ็นต การปอ งกันกําจดั สามารถทําไดเ ชน หลกี เลย่ี งการปลกู ถว่ั ลสิ งใกล ๆ ฟารมเลี้ยงสัตว หรือควรถากถางบริเวณใกลกับฟารมเลี้ยงสัตวใหสะอาด ไมรกเปนปา ซง่ึ หนจู ะอาศยั เปน ท่ี หลบซอ นแลว ออกมาทําลายถว่ั ลสิ ง วธิ ใี ชก บั ดกั หนแู ละยาพษิ นน้ั ไดผ ลในระยะแรก ๆ แตถ า มีปริมาณหนูมากจะไดผลนอย
16 การเกบ็ เกย่ี ว อายุของถั่วลิสงเมื่อถึงเวลาเก็บเกี่ยวไดนั้น ขน้ึ อยกู บั พนั ธทุ ใ่ี ชป ลกู และฤดปู ลกู ดงั ไดก ลา วมาแลว ตอนตน อยา งไรกต็ าม แมวาเกษตรกรพอจะทราบอายุการเก็บเกี่ยวของถั่ว แตล ะพนั ธแุ ลว กต็ าม แตค วรจะตอ งตรวจดวู า ถว่ั ลสิ งแกไ ดท ห่ี รอื ยงั วิธีการงาย ๆ กค็ อื ออกไปสุมถอนตนถั่วลิสงจากแปลงมาประมาณ 4-5 ตน เมื่อถึงกําหนดตามอายขุ องพนั ธุ น้ัน เชน ถาปลูกพันธุไทนาน 9 ในฤดฝู น ซึ่งจะมีอายุการเก็บเกี่ยวประมาณ 100 วัน นับจากวนั ปลูกหรือวนั ทีไ่ ดร บั น้ํา กไ็ ปถอนตน แลว แกะฝก ทแ่ี กท ส่ี ดุ ของแตล ะตน ดู ประมาณ ตนละ 2-3 ฝก ถาพบวามีฝกแกจัด 1-2 ฝก โดยสงั เกตดวู า ภายในเปลอื กเปน สนี ้ําตาล หรอื ดาํ แสดงวา ฝก นน้ั แกจ ดั แลว จะตอ งทําการเก็บเกี่ยว เพราะวาเปนระยะที่เหมาะสมที่ สุดท่ีจะไดท ัง้ ผลผลิตสูงและคณุ ภาพเมลด็ ดีดว ย ถา หากทกุ ตน ทส่ี มุ ถอนมานน้ั ยงั ไมม ฝี ก ท่ี แกจ ดั เลย จะตองรอไปอีกประมาณ 5-7 วัน จงึ ออกไปถอนตน มาดใู หม อยา เก็บเก่ียว ถวั่ ทยี่ งั ไมถึงอายุเพราะจะไดผลผลิตตํ่า หรืออยา ปลอยถั่วทิ้งไวใ หแกเ กนิ ไป เพราะเมล็ดจะ มีคุณภาพไมดี และอาจจะงอกคาตน ถา ดนิ มคี วามชน้ื มาก ถา ดนิ มีความชื้นพอเพียง การถอนจะทําไดส ะดวก ไมค วรปลอ ยน้ําเขา ทว มแปลง เพอ่ื ใหด นิ ออ น เพราะจะทําใหฝกถั่วที่เก็บไดมีความชื้นสูงมากเกินไป ถา การตากแดดทําได ไมด จี ะมปี ญ หาเรอ่ื งเชอ้ื ราเขา ทําลาย แลว ทําใหเกิดสารพิษอะฟลาท็อกซิน หรือไมค วรให ถว่ั ลสิ งขาดน้ําจนเกินไปกอนเก็บเกี่ยวเพราะจะทําใหอ อ นแอ เช้อื ราทส่ี รา งสารพษิ ทีม่ ีอยจู ะ เขาทาํ ลายไดง า ย ถา การตากแดดไมแ หง ภายในเวลาสน้ั กจ็ ะเกดิ ปญ หาเชอ้ื ราทําลายรนุ แรงยง่ิ ขน้ึ การเก็บเกี่ยวโดยการขุดและปลิดฝกทันที การเก็บเกี่ยวโดยการถอนแลวผึ่งฝกกอนทําการปลิด
17 เมื่อเก็บเกี่ยวถั่วเสร็จแลว ควรวางฝกผึ่งแดดในแปลง ไมควรกองสุมกันและควรรีบ ปลดิ ฝก ทนั ทเี พอ่ื นําไปตากแดด ถากองถั่วสุมกันขณะที่ฝกมีความชื้นสูงจะทําใหเ กดิ เชอ้ื รา ขน้ึ ได และถา เปน เชอ้ื ราสเี ขยี วเขา ทําลายฝกจะมีปญหาเรื่องสารพิษอะฟลาท็อกซินซึ่งทําให ผลผลติ เสอ่ื มคณุ ภาพและยงั เปน อนั ตรายตอ ผบู รโิ ภค การตาก ควรตากถั่วลิสงที่ปลิดแลวบนพื้นที่สะอาด เชน บนเสื่อ สังกะสี หรอื พน้ื ซเี มนต เพราะจะทําใหฝ กแหง ไดเร็วขึน้ เกลี่ยฝกใหกระจายบาง ๆ และควรใชค ราดไมช ว ยพลกิ กลบั ถวั่ ที่ตากไวบอย ๆ จะทําใหแ หง เรว็ ขน้ึ และอยา งทว่ั ถงึ ถา แดดดถี ว่ั จะแหง ภายในเวลา 4-5 วัน ถา แดดไมด ตี อ งหาวธิ ที ําใหแ หง โดยเรว็ ทส่ี ดุ เพอ่ื หลกี เลย่ี งปญ หาเชอ้ื ราเขยี วเขา ทําลาย อยางนอยที่สุดการผึ่งและลมพัดผานสะดวกจะดีกวาการเก็บกองหรือบรรจุถุง เพราะถาถั่ว ยงั ไมแ หง จะเกดิ เชอ้ื ราขน้ึ ดงั กลา วมาแลว ตากถว่ั ขา งถนน ตากถวั่ บนลานตาก
18 การกะเทาะ เมอ่ื ถว่ั แหง ดแี ลว ใหน ํามากะเทาะเปลือก ซึ่งทําไดห ลายวธิ ี เชน กะเทาะดวยมือ กะเทาะดว ยเครอ่ื งมอื หมนุ ชนดิ ลอ ยาง หรอื ใชเ ครอ่ื งกะเทาะทใ่ี ชเ ครอ่ื งยนตห รอื ไฟฟา การ กะเทาะดว ยมอื เสยี เวลามาก แตไ ดเ มลด็ ถว่ั ทม่ี คี ณุ ภาพดี ไมแตกหักมาก และสามารถคดั เลอื กเมลด็ เสยี ทง้ิ ไปไดเ ลย โดยเฉพาะอยา งยง่ิ เมลด็ ทจ่ี ะนําไปปลูกควรกะเทาะดวยมือ การกะเทาะดว ยเครอ่ื งมอื หมนุ ชนดิ ลอ ยาง สามารถทําไดเ รว็ ขน้ึ แตอ าจมปี ญ หา เรอ่ื งเมลด็ แตกมาก และเมล็ดทไ่ี ดม ักจะมผี วิ ถลอกมาก ซง่ึ เปน สาเหตใุ หเ ชอ้ื ราเขา ทําลาย ไดงาย ถาหากจะใชปลูก ไมค วรทง้ิ เมลด็ ไวน านหลายวนั เพราะจะเสื่อมคุณภาพลงเรื่อย ๆ และควรคลกุ เมลด็ ทก่ี ะเทาะดว ยเครอ่ื งนด้ี ว ยสารเคมกี อ นปลกู เพอ่ื ปอ งกนั เชอ้ื ราในดนิ เขา ทาํ ลาย สารเคมที ใ่ี ชไ ดผ ลดี คอื ไวตาแวกซ ใชใ นอตั รา 3 กรัม คลกุ เมลด็ หนกั 1 กโิ ลกรมั เครอ่ื งกะเทาะขนาดใหญม รี าคาแพง แตสามารถกะเทาะไดเร็วกวาวิธีการอื่น ๆ เหมาะสาํ หรับการกะเทาะเพื่อจําหนายซ่ึงจะไมขอกลา วถึงในทีน่ ้ี เคร่ืองกะเทาะเปลอื กแบบมอื โยก
19 เคร่ืองมือปลดิ ฝก แบบใชเ ทา เหยยี บ เคร่ืองกะเทาะเปลอื กถว่ั ลสิ งแบบลอ ยางใชม อื หมนุ
20 การเกบ็ รกั ษา การเกบ็ เมล็ดสําหรบั ทําพันธุ ควรตากฝก ใหแ หง ดี แลวเก็บบรรจุถุงพลาสติกปด ปากถงุ ใหแ นน เพอ่ื ไมใหความชน้ื ขา งนอกเขา ไปได ซึ่งจะทําใหเสื่อมคุณภาพเร็ว และควร เก็บไวในบริเวณที่สะอาด และแหง ถาปฏิบัติตามนี้แลวจะสามารถเก็บถั่วไวไดนานถึง 8- 10 เดอื น เมื่อจะปลูกจึงนํามากะเทาะดว ยมือ สาํ หรับเมลด็ ถวั่ ลิสงท่ีกะเทาะแลว ถาจะใหคงคุณภาพดีจะตองเก็บรักษาไวในหอง เยน็ ประมาณ 10-15 องศาเซลเซยี สและความชน้ื ต่ํา ถาเก็บไวในสภาพปกติทั่วไป เชน เก็บไวในบานเรือน ถั่วลิสงที่กะเทาะเปลือกแลวจะเสื่อมความงอกเร็วภายในเวลา 2-3 เดอื นและเสย่ี งตอ การเขา ทําลายของเชอ้ื รา รูปแสดง ถ่ัวลิสงท่ีถกู เชอ้ื ราเขยี วเขา ทําลายเปรยี บเทยี บกบั สายพนั ธทุ ต่ี า นทาน ตอเช้ือราถว่ั ลสิ งทม่ี รี าเขยี วขน้ึ ไมค วรใชบ รโิ ภค เพราะมสี ารอะฟลาทอ กซนิ การใชป ระโยชน เนอ่ื งจากเมลด็ ถว่ั ลสิ งมคี ณุ คา ทางโภชนาการสงู มีโปรตีนประมาณ 25 เปอรเ ซ็นต และไขมันประมาณ 45-50 เปอรเซ็นต จึงเหมาะสําหรบั บรโิ ภค การบรโิ ภคน้ํามนั จาก พชื รา งกายจะไดรับมากกวานํ้ามันจากสัตว ดังนน้ั จงึ ขอแนะนําใหน ําถั่วลิสงมาใชบริโภค รา งกายจะไดร บั สารอาหารทม่ี ปี ระโยชนต อ การเจรญิ เตบิ โต เพราะการรับประทานถั่วลิสง
21 100 กรัมจะไดรับโปรตีน 25 กรัม แปง 20 กรัม พลังงาน 580 แคลอร่ี ไขมัน 50 กรัม ไวตามนิ อกี หลายชนดิ และแรธ าตตุ า ง ๆ เชน โปแตสเซย่ี ม ฟอฟอรัส แมกนเี ซย่ี ม แคลเซี่ยม โซเดยี มและเหลก็ เปน ตน ขอ ควรคํานึง คอื ถาจะนําถ่วั ลสิ งมาใชป ระโยชนจ ะตองใชถ วั่ ลิสงท่มี ีคุณภาพดี นน่ั คอื จะตอ งปฏบิ ตั ติ ามคําแนะนําใหถ กู ตอ ง โดยเฉพาะการปฏิบัติในระยะหลังเก็บเกี่ยว ซึ่งจะ ทาํ ใหไ ดถ ว่ั ทป่ี ราศจากสารพษิ และปลอดภยั ตอ การบรโิ ภค การนําถั่วลิสงไปใชประโยชนในแงอตุ สาหกรรมแปรรูปตาง ๆ เชน ทาํ น้ํามันปรุง อาหาร ทําเนยถว่ั ลสิ ง เนยเทยี ม ถว่ั ตม ถั่วทอด ถว่ั เคลอื บ ถั่วแผน นมถั่วลิสง แปง โปรตนี ถว่ั และอาหารคาวหวานอกี หลายชนดิ กากถั่วลิสงที่เหลือจากการบีบนํ้ามนั แลว ยงั สามารถนําไปใชใ นอตุ สาหกรรมทําอาหารสตั วไ ดอ กี ดว ย เปน ตน ตนสดท่ีเหลือจาการปลดิ ฝก นํามาใหส ตั วก นิ หรอื ตากแหง เกบ็ ไวเ ลย้ี งสตั ว ตน ถว่ั ลสิ งทเ่ี หลอื จากการปลดิ ฝก แลว เมอ่ื นําไปตากแดดกส็ ามารถเกบ็ ไวใชเลีย้ ง สตั วไ ดด วยเพราะมีโปรตีนประมาณ 10 เปอรเซ็นต หรอื นําไปทําปยุ หมักหรือไถกลบลง ในดิน กจ็ ะเปน ปยุ ไดอ ยา งดี เปลอื กถั่วลิสงท่เี หลือจากการกะเทาะสามารถนําไปใชค ลมุ ดนิ หรอื ผสมกับดินเพื่อทําใหด นิ รว นซยุ ขน้ึ จดั ทาํ เอกสารอิเล็กทรอนิกสโดย : สาํ นักสงเสริมและฝกอบรม มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร
Search
Read the Text Version
- 1 - 21
Pages: